ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 18
หลังจากที่ศึกรบกลับไปแล้ว ระรินก็ออกมาจากห้องนอนแล้วมานั่งที่โซฟา สีหน้าเครียดเคร่ง จากนั้นก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์อัพรูป ที่แอบถ่ายศึกรบจากทางด้านหลัง พร้อมข้อความ “ผู้ชายคนนั้น อยากรู้เหมือนกันว่ายังมีความรับผิดชอบเหลืออีกไหม”
ระรินมองหน้าจอยิ้มสะใจ
“อยากทำแบบนี้ก็เอาสิ จะได้เห็นดีกัน คุณบังคับให้รินต้องทำแบบนี้เองนะ คุณศึกรบ”
มีนาเลื่อนอ่านคอมเม้นต์ในไอจีระริน พลางเจ็บใจแทนสู่ขวัญ
“ขวัญ นังดาวยั่วนั่นมันกัดไม่ยอมปล่อยจริงๆ แกดูสิ คือยังไงจะต้องได้คุณรบเป็นสามีให้ได้ว่างั้น”
สู่ขวัญคว้าโทรศัพท์ของมีนาไปดู ด้วยสีหน้าเฉยเมย
“แล้วยังไง”
มีนามองทีท่าของสู่ขวัญอย่างแปลกใจ “ขวัญ จู่ๆ แกก็ตายด้าน พูดอะไรไม่รู้สึกรู้สาขึ้นมางั้นเหรอไง”
“ฉันเหนื่อยแล้ว”
“ไม่ได้ แกจะเหนื่อยไม่ได้นะ แกจะมาทนขมขื่นให้ยัยนั่นเล่นงานฝ่ายเดียวไม่ได้ แกต้องตอบโต้”
“ถ้าฉันทำเหมือนเขา ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากเขา”
“ไม่ได้บอกให้แกลดตัวไปทำแบบนั้น แต่แกต้องตอบโต้อย่างผู้ดี”
มีนาพูดอย่างเจ็บแค้นแทนเพื่อน
“ผู้ดีเขาทำยังไงล่ะ?”
มีนานิ่งคิดแผนสักพัก
“ก็ในเมื่อเล่นกันในโซเชียลแบบนี้ เราก็ใช่สื่อเดียวกันนี่แหละ โต้ไปเลย ว่ามีดาราหน้าด้านแย่งผัวชาวบ้าน”
“พอเถอะมีนา” สู่ขวัญถอนหายใจแบบเหนื่อยหน่าย
“แกนี่ใช้ไม่ได้เลยขวัญ แต่เอางี้ไหม ถ้าแกไม่อยากทำ ฉันจัดการให้เอง”
สู่ขวัญมองมีนาอย่างแปลกใจ
ไอวี่อยู่ในห้องพัก ในชุดเซ็กซี่ กำลังใช้มือถือถ่ายรูปตัวเองในท่าต่างๆ ที่ดูแบ๊วและเซ็กซี่ไปด้วย จากนั้นก็เลือกรูปที่เซ็กซี่ที่สุด สำหรับอัพลงไอจี
“เอารูปนี้แหละลงไอจี”
ครู่เดียวก็กดเข้าไปเช็คเร็ตติ้ง แล้วก็ตาลุกวาว
“อ๊าย แค่นาทีเดียวกดไลค์เกือบร้อยแล้ว”
ไอวี่หัวเราะร่วน ด้วยความภูมิใจ
ศึกรบกลับมาที่ออฟฟิศ ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด พลางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ครู่เดียวเสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้น ก่อนที่แสงดาวจะเปิดประตูเข้ามา
“ขออนุญาตนะคะคุณรบ”
“อ้อ เชิญเลยครับ”
แสงดาวเอาอาหารเข้ามาวางให้ศึกรบ
“ผมไม่ได้สั่งนี่”
“ดาวสั่งเองล่ะค่ะ” แสงดาวยิ้มหวาน
“เหรอครับ?”
“ดาวเห็นคุณกลับมาเหนื่อยๆ น่าจะหิวก็เลยสั่งไว้ให้”
“ผมนึกว่าคุณดาวกลับไปแล้วซะอีก”
แสงดาวยิ้มเขินๆ “ดาวกลับไม่ได้หรอกค่ะ ในเมื่อคุณรบยังไม่กลับ ดาวก็อยากอยู่ดูแลคุณรบให้ถึงที่สุดเหมือนกัน คุณรบน่ะเป็นยิ่งกว่าเจ้านายของดาวอีกนะคะ”
ศึกรบมองอาหาร แล้วก็มองหน้าแสงดาว ด้วยความซึ้งใจ
“ขอบคุณมากครับ เวลาที่ผมไม่เหลือใคร มีแต่คุณดาวที่ไม่เคยทิ้งผมเลย”
แสงดาวได้ยิน ก็ยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจ
ไอวี่กำลังแปรงฟัน พลางเปิดวิทยุฟังรายการข่าวไปด้วย ได้ยิน เสียงของพิธีกรกำลังเล่าข่าวอย่างออกรส
“เดือดอีกแล้วจ้า เรื่องรักร้อนของดาราสาวระรินเนี่ย จะยังไม่จบง่ายๆ แน่นอน”
ไอวี่ชะงัก รีบเปิดเสียงวิทยุดังขึ้น
“เพราะว่าตอนนี้ ไฮโซสาว ส. มีการโพสท์สเตตัส โต้กลับทันที กล่าวถึงสาวปริศนา มีข้อความประมาณว่า “คนหน้าด้านยังไงก็หน้าด้าน ผัวชาวบ้านอยากได้ไม่เลือกวิธี” ก็ถือว่าแรงส์! ทีเดียวนะคะ จริงๆ เจ้าตัวไม่ได้ระบุชื่อ แต่จากการปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วเนี่ย ก็พบว่าสามีของไฮโซ ส.มีข่าวอยู่กับดาราสาวระริน ที่โพสต์เรียกร้องขอความรับผิดชอบจากฝ่ายชายผ่านทางอินสตาแกรม แถมมีรูปฝ่ายชายด้วยค่ะ รูปพรรณสันฐานฝ่ายชายช่างละม้าย
คล้ายกับสามีไฮโซสาวมากๆ”
ไอวี่บ้วนปากเสร็จ ก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเช็คข่าวทันที
ไอวี่ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่ที่ห้องโถงของโรงแรมเลอวิมาน พลางชะเง้อรอศึกรบไปด้วย เมื่อเห็นศึกรบเข้ามา ไอวี่รีบวิ่งไปดักทันที
“คุณรบคะ รอเดี๋ยวก่อน”
ศึกรบมองซ้ายขวาเห็นไม่มีคนมอง เลยหันมาถามไอวี่
“ว่าไง”
“เอ่อ วี่เห็นข่าวน่ะค่ะ”
“ข่าวอะไร” ศึกรบงง เพราะยังไม่เห็นข่าว
“เรื่องไอจีคุณระริน”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมไม่อยากพูดถึงอีกแล้ว ช่างมันเถอะ”
ศึกรบจะเดินหนี ไอวี่รีบตามไปจับแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคะ วี่แค่มาดักรอเพราะเป็นห่วงนะคะ”
ศึกรบถอนหายใจ “ขอบใจที่เป็นห่วง”
“ระรินนี่ไม่ยอมแพ้เลยนะคะ วี่ว่าเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบแล้วล่ะค่ะ แต่เขาต้องการทำลายชื่อเสียงคุณให้ย่อยยับมากกว่า ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ”
“ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
ไอวี่อึกอัก “แล้วภรรยาคุณว่ายังไงคะ”
“ขวัญเขาไม่สนใจแล้วล่ะ ว่ารินเขาจะท้องกับผมหรือใคร แต่เขาโกรธที่ไปพาระรินเข้ามาในชีวิตของเราตั้งแต่แรก ถ้าไม่มีระรินอะไรๆมันคง”…
ศึกรบหยุดพูด แล้วทำหน้าเครียด ไอวี่ได้ทีพูดจาออดอ้อน
“ไม่เป็นไรหรอกนะคะ ถึงคุณขวัญเขาจะคิดมากเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นวี่ วี่ไม่แคร์ค่ะ วี่อยากช่วยคุณนะคะ”
“แต่จะดีมาก ถ้าจะช่วยปล่อยคุณรบไปทำงานตามหน้าที่ก่อนนะคะ”
ไอวี่หันไปเจอแสงดาวมายืนยิ้มอยู่
“คุณเลขา?”
“เกรงว่าจะคุยกันนานไปแล้ว คุณรบมีประชุมเช้านี้นะคะ ต้องขอตัวคุณรบก่อน ไม่ว่ากันนะคะ”
ศึกรบดูนาฬิกา
“จริงสิ ต้องไปแล้ว รีบเถอะคุณดาว เดี๋ยวประชุมเลท”
ศึกรบรีบเดินไปห้องทำงาน แสงดาวหันมาปรายตาเยาะเย้ย ไอวี่มองอย่างเจ็บใจ
สู่ขวัญนั่งดูออเดอร์ลูกค้าอยู่ที่ร้าน ในขณะที่มีนายืนให้คำแนะนำสินค้าในร้านให้ลูกค้า ที่ยืนฟังมีนาไปแต่สายตาแอบมองสู่ขวัญ พลางแอบซุบซิบกันเบาๆ
“ก็สวยดีนี่ ไม่น่าเลยเนอะ”
“นั่นสิ”
สู่ขวัญเริ่มอึดอัดเลยหันไปจิกตาใส่ลูกค้า มีนาเห็นท่าไม่ดีพยายามชวนลูกค้าคุย
“ล็อตนี้เพิ่งมาใหม่เลยนะคะ มีแบบแซ่บๆ ทั้งนั้น ลองเลือกดูก่อนนะคะ”
ลูกค้ากลุ่มนั้นหันไปสนใจมีนา แต่พอลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาก็มองสู่ขวัญแล้วยิ้มแปลก
“คนนี้แหละเธอ”
“เนี่ยเหรอ อุ๊ยก็สวยนี่”
“ก็ใช่น่ะสิ”
สู่ขวัญหมดความอดทน
“นี่คุณ ที่นี่เป็นร้านขายเสื้อผ้า ถ้าไม่อยากซื้อก็..”
ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี มีนาก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“อุ๊ย ขอโทษด้วยนะคะ พอดีเพื่อนฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อย่าสนใจเลยค่ะ ดูสินค้าดีกว่าเนาะ เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ”
ลูกค้าหันไปยิ้มเยาะๆ ใส่มีนา
“ไม่ดีกว่าค่ะ เจ้าของร้านอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่อยากซื้อเหมือนกัน”
“นั่นสิ ต้องแยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวนะคะ”
สู่ขวัญลุกขึ้น พลางจะไปเอาเรื่องลูกค้า มีนารีบกันไว้
“เฮ้ย ขวัญ อย่า”
“ไปเธอ”
ลูกค้ารีบชวนกันออกจากร้านไป สู่ขวัญมองตามหงุดหงิด แต่มีนาโล่งใจที่รอดไปได้
ลูกค้ากลุ่มแรก เห็นท่าทางของสู่ขวัญ ก็เริ่มซุบซิบกันต่อ
“ฉันว่าแล้วแก”
“ว่าอะไร?”
“ว่าทำไมผัวมีเมียน้อย ก็ทำท่าเชิดๆ เริ่ดๆ หน้าหงิกหน้างอ เหวี่ยงวีนขนาดนี้ ผัวถึงเบื่อ”
“เฮ้อ แต่ก็มั่นไงยะ ไม่งั้นจะกล้าไปโพสท์เฟสบุ๊คด่ายัยระรินว่ามาแย่งผัวเหรอ”
“ใช่ ฉันว่าฉันรู้ละ”
2 คนยืนซุบซิบกัน โดยไม่ทันเห็นสู่ขวัญ ที่กำลังเดินตรงเข้ามา
“แหงล่ะ ก็เป็นซะแบบนี้ สมควรแล้วที่ผัวจะนอกใจ”
“ถือตัวว่าไฮโซ หยิ่งไม่เข้าท่า ใครจะทนไหว”
“ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนสิคะ”
เสียงสู่ชวัญแว้ดขึ้นมา ลูกค้าสองคนหันไปเห็นก็ตกใจ
“เข้ามาแล้วไม่ซื้อไม่ว่า แต่มาหาเรื่องเม้าท์ชาวบ้าน มาทางไหน กลับไปทางนั้นเลย ไป”
“ถือดีเข้าไปเถอะ ผัวจะมีเมียใหม่แล้วยังไม่เข็ด”
“ออกไป”
สู่ขวัญทำท่าจะเข้าไปกระชากออกจากร้าน มีนารีบมากั้น ลูกค้าตกใจรีบวิ่งหนีออกจากร้าน
เมื่ออยู่กันตามลำพัง 2 คน มีนาก็เดินเข้ามาถาม ด้วยเป็นห่วงสู่ขวัญ
“แกโอเคนะขวัญ”
“ไม่โอเค”
มีนาหน้าแหย เพราะเป็นคนโพสข้อความเอง
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่น่าไปโพสเลย”
“แกเห็นแล้วใช่ไหม ยิ่งลงยิ่งฉาวไม่เลิก ใครจะทนได้”
“แกใจเย็นก่อนนะขวัญ”
“เป็นแกใจเย็นไหวไหมล่ะ ข่าวออกทุกวัน คนมันก็นินทาฉัน แกก็เห็น”
“มันก็แค่ช่วงนี้ แกอย่าไปใส่ใจสิ ยิ่งแกหงุดหงิดก็เท่ากับว่าไปตามเกมยัยระรินมันนะ แกต้องทำให้ยัยนั่นเห็นว่าแกไม่สะทกสะท้าน นะขวัญนะ”
สู่ขวัญนั่งเงียบ สีหน้าเคร่งเครียด มีนาลูบหลังสู่ขวัญเป็นเชิงปลอบใจ
ไอวี่วิ่งเข้ามาเปิดล็อกเกอร์ หยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนอย่างรีบร้อน แต่ก็พลาดทำเสื้อผ้าและข้าวของหล่นเกลื่อนพื้น
“โธ่เว้ย ยิ่งรีบยิ่งช้า”
เพื่อนพนักงานเดินเข้ามา เห็นไอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงหน้าล็อกเกอร์เลยก็แปลกใจ
“อ้าว ไอวี่จะรีบไปไหน มีนัดกับหนุ่มเหรอ”
ไอวี่ตอบไปพลางเก็บเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วยอย่างรวดเร็ว
“แน่นอนจ้ะ มีหนุ่มหล่อรวยรออยู่”
แสงดาวนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ พลางเหลือบไปเห็นไอวี่มาด้อมๆ มองๆ แถวหน้าห้องศึกรบ ก็ทำหน้าเซ็ง รีบวางมือจากงานแล้วลุกเดินไปหา
“ตอนนี้เวลาทำงานนะคะน้อง ถ้าว่างไม่มีงานจะทำ ก็อย่ามาเดินให้รกหูรกตาคนอื่น”
ไอวี่ เชิดใส่ทันที
“โอ๊ะ ขอโทษนะคะคุณเลขา พอดีว่าวี่เลิกงานแล้วก็เลยมาได้ ทำงานหนักแบบนี้คงเหนื่อยแย่เลยนะคะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่ ฉันทนได้”
ไอวี่ปรายตายิ้มเยาะ
“ความอดทนสูง น่าชื่นชม แต่แหม ทำงานทุ่มให้เขาขนาดนี้ เขาก็ไม่เห็นจะรู้สึก หรือแม้แต่จะชายตามอง น่าเห็นใจ๊ น่าเห็นใจ “
“จะยังไงก็เรื่องของฉัน เพราะตอนนี้เขาที่เธอว่าน่ะ ก็ไว้ใจฉันที่สุด”
ไอวี่หัวเราะใส่หน้า
“จริงเหรอคะ มั่นใจจริงนะ”
“เธอหมายความว่ายังไง หรือว่า”
“วี่ก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะ ว่าคุณรบเขามีคนที่ไว้ใจอีก นอกจากคุณเลขา แต่มันมีจริงๆ นะ คนที่สำคัญ คนที่คุณรบเขาไว้ใจมากกว่า”
แสงดาวยิ้มเยาะ เพราะนึกว่าไอวี่หมายถึงตัวเอง
“ถ้าหมายถึงแกละก็ เลิกฝันไปได้เลย”
“จริงๆ วี่ก็อยากให้เป็นวี่หรอกนะคะ แต่พอดีว่า มันเป็นคนอื่นน่ะสิ”
ไอวี่จงใจพูดกระตุ้มต่อมอยากรู้แสงดาวอย่างจัง
“ใคร? แกหมายถึงใคร”
“จะบอกดีไหมน้า”
“อย่ามาอ้อมค้อม”
ไอวี่ไม่ตอบ แต่เดินหัวเราะคิกคัก แสงดาวร้อนใจ ด้วยความอยากรู้
“ฉันถามว่าใคร”
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 18 (ต่อ)
ปองฤทัยนั่งจัดดอกไม้อยู่ในร้าน ป้อมกำลังเช็ดโต๊ะตรงร้านกาแฟ พลางยืนคิดเหมือนกำลังตัดสินใจ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เดินไปพูดกับพี่สาว
“พี่ปอง”
“หืม อะไรป้อม”
“พี่ปองเห็นรูปในไอจีระรินแล้วใช่ไหม”
“รูปไหน” ปองฤทัยยังงงๆ
“โธ่ ก็ที่ออกข่าววันนี้ไง”
“เห็นแล้ว”
“ผู้ชายคนนั้น มันคุณศึกรบแน่ๆ”
ปองฤทัยทำเป็นไม่สนใจ
“ป้อมไม่เชื่อหรอกนะว่าพี่ปองจำเขาไม่ได้”
“แต่เราก็ไม่เห็นหน้าเขานี่”
ป้อมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ทำไมพี่ดื้อแบบนี้เนี่ย คุณศึกรบต้องเป็นพ่อเด็กในท้องระรินแน่ๆ ทำไมเขาไม่มีความรับผิดชอบ ทำผู้หญิงท้องแล้วก็ไม่รับ พี่เห็นไหม”
ปองฤทัยขัดใจ พยายามปกป้องศึกรบเต็มที่
“เห็นแค่ด้านหลัง ป้อมจะไปมั่นใจอะไร แล้วอีกอย่างถึงจะเป็นคุณรบ เขาก็อาจจะถูกหลอก ดาราชื่อ ระริน พี่ว่าเขาก็ไม่ใช่คนดีหรอก”
“แล้วพี่ปองรู้จักระรินรึไง ถึงว่าเขาไม่ดี”
ปองฤทัย ถอนหายใจ
“ป้อม พี่จะทำงานแล้ว เหนื่อยจะพูด”
“ตามใจ แต่ผมบอกไว้เลย เรื่องแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง จะเป็นพ่อเด็กรึเปล่าไม่รู้ แต่คงคบกันจริงๆ น่ะแหละ ระรินเขาถึงกล้ามาพูด”
ป้อมกลับไปเช็ดโต๊ะเก็บของที่ร้านกาแฟต่อ ปองฤทัยแอบกลุ้มใจ
ศึกรบเดินออกจากห้องประชุม แสงดาวรีบเดินเข้ามาหา
“เลิกงานแล้วคุณรบพักผ่อนให้เต็มที่นะคะ เดี๋ยวดาวจะได้สั่งอาหารขึ้นไปให้ที่ห้องเอง”
“ไม่ต้องหรอก ผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”
“แล้วจะกลับเข้ามาอีกไหมคะ”
“ไปแถวนี้เอง อยากหาที่สงบๆ สบายๆ พักสมองหน่อย”
แสงดาว พยักหน้ารับคำ“อ๋อค่ะ”
ศึกรบเดินเลี่ยงไปที่ลิฟต์ แสงดาวมองตามด้วยความสงสัย
ศึกรบเดินมาที่ร้านของปองฤทัย แล้วก็เปิดประตูเข้าไป ไม่ทันสังเกตเห็นแสงดาว ที่แอบตามมาเงียบๆ
“มาร้านดอกไม้ทำไม หรือว่าจะซื้อดอกไม้ไปง้อคุณขวัญ?”
ปองฤทัยเห็นศึกรบเดินเข้ามา ก็ลุกมาต้อนรับอย่างเต็มที่เหมือนทุกครั้ง .ในขณะที่ป้อมจับตามองอยู่เงียบๆ
“เหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
ศึกรบยิ้ม “เหมือนเดิมครับ”
“งั้นรอสักครู่นะคะ” พลางหันไปทางน้องชาย “ป้อม ชง”
ป้อมไม่สนใจ เดินหนีเข้าหลังร้าน ปองฤทัยหน้าเสียนิดหน่อย แต่หันไปยิ้มให้ศึกรบเหมือนเดิม
“เดี๋ยวกาแฟคุณ ปองจัดการให้เอง”
“ครับ”
ปองฤทัยเดินไปชงกาแฟ ศึกรบเดินตามไปชวนคุยอารมณ์ดี
“วันนี้มีบุญนะครับ นักจัดดอกไม้งานชุก ปลีกตัวมาชงกาแฟให้เองเลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
แสงดาวยืนแอบมองอยู่นอกร้าน เห็นทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิงก็เริ่มหงุดหงิด
“คนที่นังพริตตี้มันบอก หมายถึงคือนังเจ้าของร้านนี่เอง”
จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“แกจะอยู่เป็นก้างได้อีกไม่นานหรอก คอยดู”
แสงดาวถ่ายรูปปองฤทัยไว้ จังหวะเดียวกับที่รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าร้าน แสงดาวหันไปดู แล้วก็ตกใจ เมื่อเห็นชโยดมเดินลงมาจากรถ แสงดาวรีบหลบ ก่อนที่ชโยดมจะทันเห็น
“น้องชายคุณขวัญนี่ ทำไมมาที่นี่”
ชโยดมเข้ามาในร้าน ปองฤทัยจำใจต้องไปต้อนรับ
“คุณปองครับ”
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”
“ผมขอคาปูชิโนนะครับ เหมือนเดิม”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
ชโยดมเดินเข้าไปทักศึกรบ
“สวัสดีครับพี่รบ เจอกันที่นี่อีกแล้ว”
ปองฤทัยปรายตามองทั้งคู่ เริ่มใจคอไม่ดี
“ก็อย่างที่เห็น นายล่ะ มาดื่มกาแฟเหมือนกันเหรอ นั่งด้วยกันสิ”
“ไม่เป็นไร ผมชอบนั่งตรงโน้นมากกว่า อยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว”
ชโยดมแยกไปนั่งอีกโต๊ะ ปองฤทัยแอบโล่งใจ ครู่เดียวก็ยกกาแฟมาเสิร์ฟแล้วจะกลับไปที่เคาน์เตอร์ ชโยดมเรียกไว้
“เอ้อ คุณปองครับ”
“คะ”
“ผมอยากสั่งเค้กหน่อยนะครับ”
“เดี๋ยวปองเอาเมนูเค้กมาให้เลือกค่ะ”
ปองฤทัยจะเดินกลับไปอีก ศึกรบจะเรียกปองฤทัย ชโยดมเห็นเลยรีบพูดแทรกขึ้นมา
“ผมเดินไปดูเองดีกว่า คุณปองช่วยแนะนำผมหน่อยนะครับ”
ปองฤทัยอึกอัก แต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะมาในฐานะลูกค้า
“ได้ค่ะ”
ชโยดมเดินตามปองฤทัยไป พลางแอบหันมาปรายตายิ้มเยาะ ศึกรบขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เลยทำนิ่งไม่สนใจ
“ตกลงผมเอาทีรามิซึชิ้นนึงครับ”
“ได้ค่ะ จานหมดพอดี รอสักครู่นะคะ”
ปองฤทัยเดินเข้าไปหลังร้าน
สู่ขวัญเห็นแสงดาวโทรมา ก็กดรับสายอย่างเซ็งๆ
“คุณดาว มีอะไร”
“คุณขวัญคะ ดาวร้อนใจมากๆ ค่ะ ต้องบอกคุณขวัญ”
“เรื่องคุณศึกรบใช่ไหม?” สู่ขวัญถอนหายใจย่างเบื่อหน่าย
“ดาวรู้ค่ะ ว่าคุณขวัญไม่อยากฟัง แต่ดาวอยากให้คุณขวัญรู้เรื่องนี้ ฟังดาวอีกสักครั้งเถอะนะคะ คือนอกจากระริน กับไอวี่ เด็กพริตตี้นั่น คุณรบยังแอบซ่อนเจ้าของร้านดอกไม้แถวบริษัทไว้อีกคนน่ะค่ะ”
สู่ขวัญตอบเสียงเหนื่อยอ่อน “ค่ะ”
“คุณขวัญ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ”
“เขาจะมีใครอีกกี่สิบคน ฉันก็ไม่สนใจแล้วล่ะค่ะ”
แสงดาวฮึดฮัดย่างขัดใจ ที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน
“แต่คราวนี้มันใกล้ตัวมากเลยนะคะ คุณขวัญอย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ ดาวมีหลักฐาน เดี๋ยวดาวจะส่งรูปเจ้าของร้านคนนั้นให้คุณขวัญดูนะคะ”
แสงดาววางสาย รีบกดส่งรูปให้สู่ขวัญ ในขณะที่ไอวี่แอบดูอยู่อีกมุมหนึ่ง พลางยิ้มกระหยิ่ม
“เข้าแผน”
ป้อมล้างแก้วเสร็จกำลังจะเอาไปคว่ำ ปองฤทัยเดินเข้ามาสีหน้าลำบากใจ
“ป้อม ออกไปช่วยพี่หน่อยสิ”
“ก็มีลูกค้าแค่คนเดียว”
“ตอนนี้มีสองคน แต่พี่ต้อนรับไม่ไหว”
“นอกจากคุณรบของพี่ แล้วใครอีก?”
“หยุดประชดได้แล้ว เขาไม่ใช่ของพี่ ส่วนลูกค้าอีกคน ก็คุณหมอชโยดม”
ป้อม ถอนหายใจ “เฮ้อ วีไอพีทั้งคู่”
หลังจากวางโทรศัพท์จากแสงดาว ครู่เดียวเสียงเตือนไลน์ก็ดังขึ้น สู่ขวัญทำเหมือนไม่อยากดู แต่ก็ทนไม่ไหว หยิบขึ้นมาดู เห็นรูปปองฤทัยกำลังคุยกับศึกรบสนุกสนาน สู่ขวัญกำโทรศัพท์แน่น มีนาเห็นสู่ขวัญแปลกๆเลยเดินเข้ามาหา
“ขวัญเป็นอะไรแก”
“คุณรบเขายังมีผู้หญิงอีกคน เป็นเจ้าของร้านดอกไม้”
“อะไรนะ” มีนาตกใจ “มีนังดาราระริน นังเด็กที่โรงแรม แล้วนี่เจ้าของร้านดดอกไม้อีก”
สู่ขวัญยื่นโทรศัพท์ให้ดูรูปที่แสงดาวส่งมา
“เฮ้อ เมื่อไหร่คุณรบเขาถึงจะหยุดซะทีนะ”
“ฉันจะไปดูให้เห็นกับตา”
สู่ขวัญลุกขึ้นเดินพรวดๆออกไปหน้าร้าน มีนารีบตะโกนตาม
“เดี๋ยวก่อนขวัญ ฉันไปด้วย”
“พี่ปอง คุณหมอน่ะ เขาก็คนดี แต่อีกคน”
ป้อมมองหน้าพี่สาวด้วยความเป็นห่วง
“อีกคนทำไม”
“ก็ถ้าเป็นป้อม ป้อมจะไม่โง่ไปยุ่งด้วยหรอก”
“พี่แค่มาขอให้ป้อมไปช่วยดีๆ ทำไมป้อมต้องทั้งว่าทั้งประชดพี่ด้วย ไม่เข้าใจเลย”
ป้อม ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“ก็ไม่ได้อยากว่าหรอก แต่พี่ปองจะไม่ลำบากใจแบบนี้เลย ถ้าพี่เลือกทำดีถูกคน ผมเห็นนะว่าพี่สองมาตรฐาน คุณรบอย่าง คุณหมออย่าง”
“ป้อมรู้ได้ยังไง”
“ก็มันออกนอกหน้าขนาดนั้น ใครก็ดูออก”
“หยุด หยุดทั้งคู่นั่นแหละ”
ปองฤทัยกับป้อมหยุดเถียงกัน ประนอมเดินเข้ามา
“โตๆ กันแล้วนะ ทำไมยังเถียงกันเป็นเด็กๆ” พลางหันไปทางปองฤทัย “ปองเราเป็นพี่ต้อง
ใจเย็นอะไรไม่ดีก็สอนน้อง ไม่ใช่ขึ้นเสียง”
ปองฤทัยหน้าเจื่อนไป
“ส่วนเรา ป้อม พูดจาไม่ดีกับพี่เขาแบบนี้ไม่ได้ ต้องให้เกียรติพี่เขาบ้าง ขอโทษพี่เขาซะ แล้วออกไปช่วยต้อนรับลูกค้า”
“แต่แม่”
ป้อมขยับปากจะเถียง
“จะใครก็ลูกค้าทั้งนั้น อย่าเสียนิสัย”
“ครับ”
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 18 (ต่อ)
“ผมไม่คิดว่าจะเจอพี่ที่นี่อีก” ชโยดมหันมาทักศึกรบ
“ที่นี่เป็นร้านกาแฟ ถึงฉันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับที่นี่ ฉันก็มีสิทธิ์มาอย่างถูกต้องในฐานะลูกค้าไม่ใช่เหรอ”
ชโยดม แอบยิ้มเหยียดๆ ที่มุมปาก
“ถ้าพี่คิดแค่ว่ามาในฐานะลูกค้าได้คงดีน่ะสิ”
“นายพูดเหมือนฉันไม่บริสุทธิ์ใจอย่างนั้นแหละ”
“กล้าปฏิเสธรึเปล่าล่ะครับว่ามาที่นี่แค่ในฐานะลูกค้า ไม่ได้คิดอะไร กับใคร”
ชโยดมกับศึกรบมองหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร
“แล้วนายล่ะ กล้าปฏิเสธรึเปล่าว่าที่คอยแวะเวียนมาทุกวันนี้ ไม่ได้จะมาเพื่อกันท่าใคร”
ชโยดมเริ่มโกรธ
“ผมจะมาเพราะอะไรมันก็ไม่ผิด เพราะผมมาอย่างบริสุทธิ์ใจ คนมีเมียแล้วอย่างพี่นั่นแหละ ที่ควรจะรู้ตัวแล้วก็เลิกยุ่งกับคุณปองเขาซะที”
“นายก็ควรจะเลิกมองโลกในแง่ร้ายเหมือนกัน ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขา”
“คนไม่รู้จักพอแบบพี่ไม่มีทางคิดกับใครอย่างบริสุทธิ์ใจได้หรอก”
“ถ้านายไม่คิดจะเชื่อตั้งแต่แรกก็ไม่ควรมากล่าวหาใคร เพราะฉันแก้ตัวไป ยังไงนายก็ไม่ฟังอยู่ดี”
“พี่นั่นแหละที่ไม่เคยฟัง” ชโยดมย้อน
“หยุดเถอะค่ะทั้งสองคน”
ศึกรบกับชโยดมหันไปทางปองฤทัยที่ออกมาจากหลังร้าน
“อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ”
ชโยดมเหลือมองศึกรบแบบดูแคลน
“คุณชโยดม คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“คุณปอง”
“ปองไม่อยากให้ใครมามีปัญหากันเพราะปองค่ะ”
“ผมก็ไม่ได้อยากมีปัญหา แต่คนบางคน เขาไม่คิดแบบนั้น”
“ฉันว่าคุณปองเขาคงมองออก ว่าใครเป็นยังไง คนที่ดี เขาควรจะทำตัวแบบไหน พวกที่เอาแต่ประชดกับทำท่าหมาหวงก้าง แต่ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นยังไง”
ชโยดม จ้องหน้าศึกรบ
“แล้วพวกที่มีของดีอยู่ในมือ แต่ไม่รู้จักพอน่ะเป็นยังไง คุณปองก็น่าจะดูออกเหมือนกัน คนพวกนี้ คุณควรจะหลีกให้ไกลที่สุด”
ปองฤทัยกลุ้มใจจนทนไม่ไหว
“หยุดเถอะค่ะปองขอร้อง”
“ผมหยุดก็ได้ครับ ไม่อยากต่อปากต่อคำกับพวกมองโลกในแง่ร้าย”
ชโยดม ปรายตามองศึกรบแบบเหยียดๆ
“หึ .ก็ยังดีกว่าพวกมองผู้หญิงเป็นของเล่น”
ศึกรบกับชโยดมทำท่าจะปราดเข้าหากัน ปองฤทัยรีบเข้าไปแทรกกลาง
“หยุด ปองบอกให้หยุดไงคะ ฟังปองบ้างได้ไหม”
แล้วปองฤทัยร้องไห้ออกมา ก่อนที่จะวิ่งออกมาที่หลังร้าน พลางเช็ดน้ำตา ป้อมกับประนอมมองอย่างเห็นใจ ศึกรบตามมาปลอบ
“คุณปอง”
ปองฤทัยพยายามกลั้นน้ำตา
“ปองไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณรบ”
“พวกผมหยุดแล้วครับ คุณปองอย่าร้องไห้เลย”
“ปองเป็นต้นเหตุ ทำให้คุณชโยดมเข้าใจคุณรบผิด”
“ช่างมันเถอะ ผมต่างหากที่ทำให้คุณไม่สบายใจ อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ”
จบประโยคของศึกรบ ป้อมก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ครับ แล้วจะอยู่ที่นี่ต่อทำไมล่ะ”
พลางปรายมองศึกรบอย่างไม่พอใจ ปองฤทัยหันไปดุน้องชาย
“ป้อม”
แต่ป้อมหยุดไม่อยู่แล้ว
“ก็ในเมื่อคุณรบรู้แล้วว่าการมาที่นี่มีแต่เรื่องวุ่นวาย ก็ช่วยออกไปจากร้านเถอะครับ ผมขอล่ะ”
“ทำไมพูดแบบนี้ป้อม”.
“คุณปองก็เลิกปกป้องเขาซะทีเถอะ”
ชโยดมที่เดินเข้ามาสมทบ ก็เริ่มทนไม่ไหว
“คุณรบเขามาปลอบใจปอง ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“คุณปอง ทำไมผมพูดเท่าไหร่คุณก็ไม่เชื่อผม ผมรู้จักพี่เขยผมดี เขาเป็นยังไง”
ประนอม ที่ยืนฟีงเงียบๆ อยู่นาน พูดขึ้นบ้าง
“ตอนนี้ทุกคนช่วยใจเย็นๆ กันก่อนได้ไหม ถ้าเอาแต่เถียงกันเมื่อไหร่เรื่องจะจบล่ะ”
“แต่แม่คะ”
“ผมไปเองครับ”
ทุกคนหันไปมองที่ศึกรบ
“ผมรู้แล้ว ว่าการที่ผมอยู่ที่นี่จะสร้างปัญหาให้ทุกคน เพราะฉะนั้นผมจะไปเอง ทุกคนอย่าลำบากใจเลยนะครับ ผมขอตัว”
ศึกรบเดินหลีกทุกคนออกไป ปองฤทัยมองตามรู้สึกผิด ชโยดมเจ็บใจที่เห็นปองฤทัยเป็นห่วงศึกรบ
ศึกรบเดินออกมาจากร้าน ปองฤทัยวิ่งตามมาเรียกไว้
“คุณรบคะ”
ศึกรบหันกลับไป ปองฤทัยเดินเข้ามาใกล้
“ปอง ปองขอโทษนะคะ แต่”
ศึกรบใช้หลังมือเช็ดน้ำตาปองฤทัย พลางพูดปลอบใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ขอบคุณที่เชื่อผม”
ปองฤทัยยิ้ม แต่แล้วเสียงสู่ขวัญก็ดังขึ้น
“รบ”
ศึกรบตกใจ หันไปเห็นสู่ขวัญยืนทำหน้าตึงอยู่
“ขวัญ มาได้ยังไง”
“ก็มาทันตอนคุณอี๋อ๋อนังหน้าด้านนี่อยู่ไงล่ะ” พลางปรายตาไปทางปองฤทัย “คิดว่าจะหลบๆ ซ่อนๆ กันไปได้ตลอดรึไง”
มีนารีบเดินเข้ามาช่วยเพื่อน
“เธอมันหน้าด้านที่สุด พวกลักกินขโมยกิน นี่คิดว่าขวัญเขาโง่มากรึไง ถึงแอบซุ่มอยู่ได้ นี่กล้าโผล่หัวออกมาซะทีนะ ยังงี้มันสมควรโดน เอาเลยขวัญจัดการมันเลย แค่ด่าน่ะ มันยังน้อยไป ทำมาตีน่าซื่อร้องไห้น่าสงสาร เจ้ามารยาที่สุด”
ศึกรบพยายามห้าม
“เดี๋ยวก่อนขวัญ คุณกำลังเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดอะไร ก็เห็นอยู่ว่ากำลังออดอ้อนกัน คุณมันทุเรศ แย่ซะยิ่งกว่าแย่”
ศึกรบจะลากสู่ขวัญออกไป
“ขวัญ ไปคุยกันที่อื่นเถอะ”
สู่ขวัญหันมาตะคอกกลับ
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
สู่ขวัญสะบัดตัวออก พลางตบศึกรบจนหน้าหัน แล้วจะถลาไปหาปองฤทัย ศึกรบพยายามดึงไว้ แต่ก็โดนสู่ขวัญผลักจนเซไป แล้วไประชากปองฤทัยมาตบ ปองฤทัยเอามือขึ้นมากัน แต่จู่ๆ ชโยดมก็พุ่งมาขวางไว้ พลางรีบกันเอาปองฤทัยออกมา สู่ขวัญกับมีนาตกใจที่เห็นชโยดม
“พอแล้วพี่ขวัญ”
“โย”
“น้องโย ทำไมมาอยู่ที่นี่”
“พี่ขวัญ อยากตบก็ตบเลยครับ ตบผมนี่แหละ”
สู่ขวัญ จ้องหน้าน้องชายอย่างแปลกใจ
“ทำไมโยต้องปกป้องมัน”
“มันแย่งคุณรบไปจากพี่สาวโยนะ”
“ผมไม่รู้ว่าใครแย่งใคร หรือใครเป็นของใคร แต่คุณปอง เขาเป็นผู้หญิงที่ผมรัก”
สู่ขวัญกับมีนายืนอึ้ง แต่ศึกรบอึ้งกว่า
“พี่ขวัญหยุดเถอะนะครับ ถ้าคุณปองจะต้องโดนทำร้าย เพราะถูกผู้ชายคนนี้หลอกล่ะก็ ผมจะไม่ยอมเหมือนกัน”
สู่ขวัญมองชโยดมกับปองฤทัยด้วยความสับสน พลางหันหลังเดินหนีไป มีนารีบวิ่งตามไปทันที
มีนาเดินตามสู่ขวัญมาที่รถ สู่ขวัญรู้สึกเพลียๆ จนเซไปเกาะรถ แล้วก้มลงอาเจียน ศึกรบตามออกมาเห็นเข้าพอดี
“ขวัญ แกเป็นอะไรรึเปล่า”
“วันนี้มันหลายเรื่อง รีบไปเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนขวัญ” ศึกรบรีบปราดเข้ามาดักหน้าสู่ขวัญ
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“ขวัญ”
“มีนา พาฉันกลับที” พลางหันมาจ้องหน้าสามี “ไม่ต้องตามฉันมา”
สู่ขวัญให้มีนาพยุงไปที่รถ โดยไม่สนใจศึกรบ
แสงดาวแอบอยู่หน้าร้าน เจ็บใจที่ชโยดมมาช่วยปองฤทัยไว้ได้
“ดวงดีนักนะ”
ไอวี่เดินเข้ามาทำหน้ายิ้มเยาะ
“เจ็บใจเหรอคุณเลขา ที่กำจัดคู่แข่งไม่ได้น่ะ”
“แก”
“แหม ลืมชื่อกันเลย แกๆ ไอวี่เองค่ะ จำไอวี่ไม่ได้เหรอคะ สงสัยจะอัลไซเมอร์ เพราะลุ้นหนักไปหน่อย”
“นั่นมันเรื่องของฉัน แล้วแกตามมาแขวะฉัน แกต้องการอะไร”
ไอวี่ หัวเราะใส่หน้า
“บอกตรงๆ เลย วี่ก็ตามมาเยาะเย้ยอะค่ะ”
“นังไอวี่”
“เสียใจด้วยนะคะ สงสัยว่าคุณเจ้าของร้านดอกไม้ เขาคงเป็นคนดีมีบุญเนอะ เลยมีแต่คนมาปกป้อง คุณเลขาเลยทำอะไรเขาไม่ได้”
ไอวี่หัวเราะเยอะเย้ย แสงดาวเจ็บใจ
“ฉันทนมานานแล้วนะ วันนี้แกต้องเจอดีบ้าง นังเด็กเมื่อวานซืน”
แสงดาวพุ่งเข้าไปตบไอวี่ ไอวี่ตบกลับ แล้วกระชากผมแสงดาว แสงดาวผลักไอวี่ล้ม แล้วขึ้นคร่อมตบ แต่ก็โดนถีบออกมาเต็มแรง ก่อนที่ไอวี่จะวิ่งหนีไป
“แก อีไอวี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ"
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 18 (ต่อ)
ปองฤทัยนั่งร้องไห้ ยังตกใจกับเรื่องที่เกิด ชโยดมเอาน้ำมาให้ พลางลูบหลังปองปลอบใจ
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับคุณปอง พวกเขาไปแล้ว”
ปองฤทัยพยักหน้า แต่ยังร้องไห้อยู่ ป้อมกับประนอมเดินเข้ามา
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่ช่วยพี่ปองไว้”
ชโยดมยิ้มรับ
“ไม่เป็นไร คุณปองไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็ต้องช่วยจริงไหม”
“ถ้าไม่ได้คุณหมอยัยปองต้องแย่แน่ ขอบคุณจริงๆนะคะ”
ประนอมหันมาพูดกับชโยดมด้วยความซาบซึ้งใจ
ชโยดมยืนเหม่อมองออกไปนอกร้าน ปองฤทัยเดินเข้ามาหา
“คุณหมอ”.
ชโยดมหันกลับมา พลางถามด้วยความห่วงใย
“คุณปองเจ็บมากไหม”
“ตกใจมากกว่าค่ะ”
ชโยดมหน้าเศร้า
“ผมต้องขอโทษแทนพี่ขวัญด้วย”
“คุณขวัญเข้าใจผิด”
ชโยดม สบตาปองฤทัย “เหมือนกับที่ผมเข้าใจผิด?”
ปองฤทัยไม่ตอบ ชโยดมถอนใจ
“คุณหมอ ปองขอบคุณมากนะคะ ที่ปกป้องปอง”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
“แต่ถ้าไม่ได้คุณหมอไม่ทำแบบนั้น ปองนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นยังไง”
“ผมทำในสิ่งที่ต้องทำ แล้วก็พูดในสิ่งที่ตรงกับใจตัวเอง”
ชโยดมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปองฤทัยแกล้งหันมองไปทางอื่น
“ผมหวังว่าคุณปองคงจะเข้าใจ”
“ปองเข้าใจทุกอย่างค่ะ คุณหมอ”
ปองฤทัยยิ้มเศร้าๆ ชโยดมมองปองฤทัยหวังว่าความสัมพันธ์ที่ดีจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ไอวี่กลับมาถึงห้องด้วยสภาพสะบักสะบอม หน้าตาเยินไปหมด พลางรีบหายาแก้ฟกช้ำมาทา แต่เห็นหน้าตัวเองแล้วรับไม่ได้
“อีป้าแสงดาว แกจะต้องเป็นดาวดับ ฉันไม่ยอมแพ้แกง่ายๆแน่”
เข้าวันรุ่งขึ้น ศึกรบเข้าออฟฟิศมาทำงานตามปกติ แสงดาวรีบเดินเข้าไปเอาใจทันที
“ให้ดาวเตรียมกาแฟเลยนะคะคุณรบ”
“ครับ” พลางสังเกตเห็นหน้าแสงดาวที่มีรอยฟกช้ำ “หน้าคุณดาวโดนอะไรมาครับ”
“อ๋อ ดาวหกล้มในห้องน้ำน่ะค่ะ”
“ระวังหน่อยนะครับ”
แสงดาว ยิ้มอย่างดีใจ “ขอบคุณที่คุณรบเป็นห่วงค่ะ เอ่อ…คุณทนายประจักษ์มาขอพบค่ะ รออยู่สักพักแล้ว”
ศึกรบขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ทนายประจักษ์ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามศึกรบ เริ่มเข้าเรื่องทันที
“ผมได้รับคำสั่งจากคุณสู่ขวัญให้มาเจรจากับคุณครับ”
“ผมพอจะทราบครับ”
“คราวนี้ผมไม่ได้มาเรื่องการฟ้องหย่า เพราะเรากำลังจะดำเนินการอยู่แล้ว แต่มาเพราะอีกเรื่อง”
ศึกรบ เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“เรื่องอะไรครับ”
“คุณสู่ขวัญต้องการให้คุณขนของออกจากเรือนใหญ่ให้หมดครับ”
“ขวัญให้ผมออกจากบ้าน ทำไมถึงใจร้ายกับผมนัก”
ศึกรบโวยวายเสียงดัง
“นอกจากนี้ยังขอร้องให้คุณเลิกพักที่เลอวิมาน และออกจากการเป็นคณะผู้บริหารโรงแรมด้วยครับ”
“นี่ขวัญบ้าไปแล้วเหรอ ผมจะออกจากที่นี่ได้ยังไง ผมยังมีงานต้องทำ ทำไมขวัญเอาอารมณ์ตัวเองมาเป็นใหญ่แบบนี้”
ทนายประจักษ์พูดอย่างใจเย็น
“ถึงต้องมีการเจรจาก่อนไงครับ เพราะถ้าคุณไม่ยินยอม ด้วยความที่คุณขวัญเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ คุณขวัญสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีกับคุณได้ทันที”
“นี่ขวัญเขาจะใช้อำนาจทำกับผมแบบนี้งั้นเหรอ”
ทนายประจักษ์ยื่นซองเอกสารบางอย่างให้ศึกรบ
“และนี่เป็นคำสั่งจากคุณสู่ขวัญให้ปลดคุณจากการเป็นกรรมการบริหารโรงแรม แต่ยังไม่มีการเซ็นรับรอง ผมร่างไว้ ถ้าเกิดคุณไม่ทำตาม ก็จะมีการดำเนินการตามเอกสารทันที อย่าให้เราต้องใช้ไม้แข็งเลยนะครับ”
ศึกรบอึ้ง จนพูดไม่ออก
“ส่วนพ่อแม่ของคุณ คุณสู่ขวัญยินยอมที่ให้พักอาศัยอยู่ได้ จนกว่าคุณจะมีที่อยู่ใหม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลง คุณศึกรบจะว่ายังไงครับ”
ศึกรบหยิบเอกสารมาดู พลางทำหน้าเครียด
ไอวี่พาใบหน้าที่ฟกช้ำเข้ามาที่มหาวิทยาลัย มีคนมองตามกันเป็นแถว ป้อมเห็น ก็รีบเข้าไปทักด้วยความเป็นห่วง
“วี่”
ไอวี่ ทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ยอมหยุดคุยด้วย
“ว่า?”
“วี่เป็นอะไรรึเปล่า เอ่อ ที่หน้าน่ะ”
ไอวี่ทำหน้าเชิด ไม่รู้สึกรู้สา
“ไปแสดงละครเป็นตัวประกอบมาแล้วผิดคิวตอนถ่ายนิดหน่อยนะ”
ป้อมตกใจ
“โห ผิดคิวขนาดนี้นี่ไม่ได้นะ ทำไมเขาไม่ดูแลเลย เราเป็นตัวประกอบเราก็ต้องทำงานเหมือนกัน ไปหาหมอหรือยัง”
“ช่างมันเถอะ เราบอกเขาเองว่าไม่เป็นไร”
“งั้นเหรอ วันหลังวี่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ”
“อือๆ จะระวังแล้วกัน ว่าแต่”
ไอวี่มองป้อม นึกอะไรได้บางอย่าง
“อะไรเหรอ?”
“พี่สาวนายน่ะ”
“พี่เรา ทำไม?”
“กับคุณศึกรบเป็นยังไงบ้าง?”
ป้อมกลืนน้ำลาย ไม่อยากตอบ
“เขาก็ เป็นแค่ลูกค้า”
“แค่นั้น?” ไอวี่ย้อนถ่าม เหมือนไม่เชื่อคำพูดของป้อม
“ใช่”
“แต่ก็ดูสนิทกันนะ ดูแลดียิ่งกว่าลูกค้าทั่วไปซะอีก”
“เขาเป็นลูกค้าประจำ แล้วอีกอย่าง พี่ปองมีแฟนอยู่แล้วด้วย”
ไอวี่ มองหน้าป้อมอย่างแปลกใจ “จริงเหรอ?”
“จริงสิ พี่เราไม่กล้ายุ่งหรอก เมียเขาก็กิตติศัพท์เลื่องลือว่าร้ายอย่าบอกใคร”
“ก็จริง มือหนักชะมัด”
“ยังไงนะวี่”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” วี่รีบปฎิเสธยิ้มๆ
“วี่เองก็ระวังตัวนะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้นอีก เราไม่อยากให้วี่เจ็บตัวเจ็บใจเหมือนหลายๆ คน”
“ก็ได้ๆ จะระวังแล้วกัน”
ไอวี่รับปากส่งๆ แต่ป้อมเป็นห่วงจริงๆ
อ๊อฟตามหาป้อมอยู่ เห็นป้อมเดินหน้าเครียดอยู่ ก็รีบปรี่เข้าไปหา
“เฮ้ย เพื่อนยาก ไปไหนมาวะ กำลังหาตัวอยู่เลย มาดักรอน้องไอวี่พริตตี้เกิร์ลเหรอ”
“เปล่าเว้ย”
“แหนะ หลบตา มิพิรุธว่ะ”
“บอกว่าเปล่าไง ไอ้นี่”
“เอาน่า ทำเป็นเครียด กูแค่จะมาชวนมึงไปติวหนังสือ ไปป่ะ มีแก๊งสาวๆมาช่วยติวให้ด้วยนะเว้ย”
ป้อม ส่ายหน้า
“กูไม่ว่างว่ะ มึงไปเหอะ ต้องไปช่วยพี่ที่ร้าน”
“ขยันจังวะ แหม”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ช่วงนี้กูต้องคอยดูที่ร้าน กูไม่อยากให้มีเรื่องอีก”
“เรื่องอะไรวะ?” อ๊อฟสงสัย
“ไม่มีอะไร แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แต่กูแค่เป็นห่วงพี่กู วันนี้มึงตามสบายเลย โอเค?”
“เอ้อๆ โอเค”
“กูหิวแล้วว่ะ กินข้าวเหอะ ป่ะ”
ป้อมลากอ๊อฟไปโรงอาหาร อ๊อฟยังงงๆอยู่ แต่ก็ไม่ถามต่อ
มีนาเห็นศึกรบเดินเข้ามาที่ร้าน ก็ตกใจ
“ขวัญอยู่ไหม”
“อยู่ข้างในค่ะ”
ศึกรบ รีบเดินไปหาสู่ขวัญ ด้านใน
“ขวัญ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
สู่ขวัญหันมา ทำหน้าเย็นชาใส่
“ขวัญว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยแล้วนะ ขวัญบอกผ่านคุณทนายไปหมดแล้ว”
“ทำไมขวัญ คิดอะไรถึงใช้แต่อารมณ์แบบนี้ ทำไมขวัญไม่ฟังผมเลย ขวัญไม่นึกถึงผมเลยสักนิดเดียว”
สู่ขวัญ เชิดหน้า แล้วตอบกลับไปแบบนิ่งๆ
“หมดเวลาที่จะต้องฟังแล้วล่ะค่ะ ขวัญยื่นข้อเสนอให้คุณไปแล้ว ถ้าไม่ต้องการก็ตามใจ ขวัญจะจัดการแบบของขวัญเอง เชิญคุณกลับไปได้”
ศึกรบจะจับมือสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญสะบัดออกแล้วตบเข้าที่หน้าศึกรบเต็มแรง
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน แล้วก็ออกไปจากร้านฉันซะที ฉันไม่ฟังอะไรคุณทั้งนั้น เชิญ”
ศึกรบจนปัญญา หันหลังจะเดินกลับ สู่ขวัญยืนมองศึกรบ แต่จู่ๆก็เวียนหัวเหมือนจะเป็นลม ก่อนที่จะทรุดลงไป
“ขวัญ”
มีนาพุ่งเข้ามาดูสู่ขวัญ ศึกรบจะเข้ามาช่วย แต่สู่ขวัญโบกมือไล่ มีนาหันไปบอกศึกรบ
“คุณรบกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันดูขวัญให้เอง ขอร้องล่ะ นะคะ”
ศึกรบพยักหน้า ยอมกลับไป แต่ก็อดหันกลับมามองด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
ป้อมกับอ๊อฟมากินข้าวที่โรงอาหาร อ๊อฟพูดล้อๆ ขึ้นมา
“วันนี้กูเห็นนะ ไปดักรอไอวี่มาอีกแล้วนะมึง รักต้องทุ่มจริงๆ”
“อะไรมึง ไปเห็นตอนไหน”
“เอ๊า ยัยไอวี่มันก็เข้าม. มาทางเดิม มึงก็ไปดักเขาที่เดิมทุกวันๆ หมามันยังดูออกเลย”
“มึงก็เลยดูออกว่างั้น” ป้อมย้อนขำๆ
“ก็ใช่แต่ กูไม่ใช่หมา ไอ้นี่”
ป้อมหัวเราะ
“ถ้ามึงตั้งใจเรียนได้เท่าแอบสังเกตกูนะ กูว่ามึงนอนรอเกียรตินิยมได้แล้วว่ะ”
“แต่พอดีว่ากูเป็นคนแบบนี้ซะก่อนไงครับ ว่าแต่มึงเถอะ ทำตัวเป็นไอ้พวกมดแดงแฝงพวงมะม่วง เป็นไง มีความหวังจะได้ลิ้มรสมั่งรึยังวะ”
“สำบัดสำนวนนะครับเพื่อน ได้ชงได้ชิมอะไร พูดบ้าๆ”
อ๊อฟ ทำหนน้าทะเล้น
“อย่ามาเถียง ว่ามึงไม่แอบหวังอะไรเลยนะ กูไม่เชื่อครับ”
“กูหวังแล้วยังไงวะ ตอนนี้กูก็ได้แค่เป็นห่วงเขา เขาน่ะน่าสงสารออก ต้องปากกัดตีนถีบ ทำงานหาเงิน ไอวี่อาจจะดูเป็นคนปากร้ายนะ”
ไม่ไกลจากตรงนั้นไอวี่เดินถือจานข้าวมา ได้ยินชื่อตัวเองเลยแอบหยุดฟัง ป้อมพูดต่อ
“แต่กูเชื่อว่าลึกๆ เขาเป็นคนดี กตัญญูกับพ่อแม่ คนเราถ้ามันเลือกได้ ไม่มีใครอยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินหรอก ถึงมันจะเป็นวิธีที่ไม่ดีก็เหอะ ไอวี่ก็เหมือนกัน”
ไอวี่แอบยิ้ม เริ่มรู้สึกดีกับป้อมขึ้นมาบ้าง
ศึกรบกลับมาเก็บของ ที่โรงแรม ในขณะที่อารมณ์ยังกรุ่นๆ ไอวี่แอบเปิดประตูเข้ามาเห็นศึกรบง่วนเก็บของอยู่ ก็ถามขึ้น
“วี่มารบกวนรึเปล่าคะ”
ศึกรบหันไปเห็นไอวี่ พยายามใจเย็นลงแล้วหันไปถาม
“มีอะไร”
“วี่มีเรื่องต้องบอกพี่รบค่ะ”
“สำคัญรึเปล่า ตอนนี้ผมยุ่งอยู่”
ศึกรบหันกลับไปเก็บของ ไอวี่โพล่งออกไป
“คุณแสงดาวเป็นคนบอกคุณขวัญเรื่องคุณปองฤทัยค่ะ”
ศึกรบชะงัก หันกลับมาทางไอวี่
“ว่าไงนะ ใครเป็นคนบอก”
“คุณแสงดาว เลขาพี่รบเองไงคะ เธอนั่นแหละที่คอยรายงานคุณขวัญทุกเรื่อง เรื่องคุณปองเจ้าของร้านดอกไม้ก็ด้วย”
“เธอรู้ได้ยังไง”
ไอวี่กดโทรศัพท์ พลางเปิดคลิป แล้วยื่นให้ศึกรบ
“วี่เห็นเขามาทำท่าลับๆ ล่อๆ แถวร้านดอกไม้ ก็เลยตามไป แล้วบังเอิญถ่ายคลิปตอนที่เขากำลังถ่ายรูปพี่รบส่งไปให้คุณขวัญได้ค่ะ”
ศึกรบมองคลิปวิดีโอในมือ เห็นแสงดาวทำจริงๆ ก็จ็บใจ
“แสงดาว”
ไอวี่แอบยิ้มพอใจ ที่ศึกรบโกรธ
อ่านต่อตอนที่ 19