ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 17
หลังจากรับเช็คค่าตัวถ่ายละครเสร็จ ไอวี่ก็เตรียมตัวกลับ บังเอิญเห็นระรินเดินมาไกลๆ กำลังจะออกจากกองถ่ายเหมือนกัน แต่จู่ๆก็หยุดเดินทำท่าเหมือนพะอืดพะอม พลางมองซ้ายขวาว่ามีคนแอบดูหรือไม่ ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป
“เป็นอะไรของเขา”
ไอวี่สงสัยเลยลอบตามระรินไป
ที่แท้ระรินก็รีบวิ่งหลบมาอาเจียนในห้องน้ำ ไอวี่แอบตามมาเห็น พลางมองระรินอย่างเคียดแค้น
“ทำมาสำออย อย่างนี้มันต้องตบซ้ำ”
ไอวี่กำลังจะเข้าไปตบระริน แต่บังเอิญมีเสียงดังแทรกขึ้นก่อน
“ระริน”
ไอวี่รีบหลบ พลางมองไปที่ห้องน้ำ ก็เห็นธันวาเดินมา
“ตามมาทำไม” ระรินหันไปตะคอกใส่
“เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
ระรินจะเดินหนี ธันวารีบรั้งไว้
“ทำไมป่วยขนาดนี้ไม่ไปหาหมอ”
“ไปมาแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรนี่”
“คุณอาเจียนขนาดนั้นถ้าไม่ป่วย ใครเห็นเข้าก็คิดว่าคุณแพ้ท้องแล้ว”
ระริน ยักไหล่ “ถ้าฉันท้องจริงๆ แล้วมาเดือดร้อนอะไรด้วย”
ธันวาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ไอวี่ ที่แอบอยู่ ก็พลอยตกใจไปด้วย
“นี่คุณท้องจริงๆเหรอ”
ระรินขยับตัว จะเดินออกไป ธันวารีบดึงแขนไว้ ระรินพยายามบิดออก
“อะไรอีก เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันซะที”
“ใครคือพ่อเด็ก”
ระรินมองธันวาเหยียดๆ
“คุณศึกรบ ผู้บริหารโรงแรมเลอวิมาน ทั้งหล่อทั้ง ทั้งรวยกว่าไอ้คนบางคน”
ธันวาหัวเราะ
“คุณคิดว่าเขาจะเชื่อเหรอว่าเด็กนี่เป็นลูกเขา เพราะไอ้บางคนที่คุณว่า มันก็เคยได้คุณมาแล้วเหมือนกันนั่นแหละ”
ระรินโกรธจนมือสั่น ในขณะที่ธันวาหัวเราะสะใจ
“เขาคงดีใจ ถ้ารู้ว่าแม่ของลูกเขา เคยนอนกับผู้ชายไปทั่ว รวมไปถึงไอ้ตัวประกอบกระจอกๆตรงนี้ด้วย หรือผมควรจะบอกเขาดีล่ะ”
“แก”
ระรินเงื้อมมือจะตบธันวา แต่ธันวาจับมือไว้ทัน
“ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือเลยเหรอ รุนแรงจริงๆเลยนะคุณเนี่ย”
“ แกจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่ได้นะ”
ธันวายิ้มอย่างเป็นต่อ
“อย่าตกใจสิ ผมไม่บอกหรอก แต่ผมจะบอกอะไรคุณไว้อย่าง ว่าผมมีนี่”
พูดพลางหยิบมือถือมาโชว์รูปที่เขาถ่ายกับระรินในคอนโดคืนนั้นให้ดู ระรินตกใจ จนหน้าซีด
“จะจับไฮโซทั้งทีถ้าไอ้รูปนี่มันหลุดไป คุณก็จะไม่ได้อะไรเลย จริงไหม”…
“แกต้องการอะไร” ระรินจ้อหน้าธันวาเขม็ง
“ถ้ามีอะไรตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ ผมอาจจะยอมปิดปากก็ได้ ว่าไง”
ธันวายื่นข้อเสนอ
“แกจะแบล็คเมล์ฉัน ไอ้ทุเรศ ไอ้เลว ไอ้”
ระรินพุ่งเข้าไปทั้งตบทั้งตีธันวาจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ในขณะที่แจ๊สเดินมาหาระริน ที่ห้องน้ำพอดี
“ริน ริน อยู่นี่รึเปล่าเธอ” ว้าย ตาย อะไรอีกเนี่ย หยุดนะ”
แจ๊สรีบพุ่งเข้าไปห้ามระรินกับธันวาทันที
“เกิดอะไรขึ้นอีกยะ แม่สาวมือตบ ตบทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เหนื่อยบ้างรึไง โอ๊ย เหนื่อย”
“ก็ดูไอ้”
ระรินอ้าแกจะด่าต่อ แต่ธันวารีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมแค่จะเข้ามาช่วยคุณรินครับ เห็นเธออาการไม่ค่อยดี แต่เธอไม่ยอมแล้วตีเอาๆ”
ระรินกำมือแน่น เจ็บใจ ในขณะที่ธันวาแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทำไมไปทำแบบนั้นฮะ เธอกำลัง”
ธันวาแกล้งไม่รู้เรื่อง ว่าแจ๊สหมายถึงอะไร “กำลังอะไรครับ”
“ช่างเถอะ กลับกันได้แล้วไป”
จากนั้นแจ๊ส ก็พาระรินเดินออกไป ไอวี่มองตาม พลางยิ้มสะใจ ที่ได้รู้ความลับของระริย
แจ๊สกับระรินกำลังจะเดินออกจากกองถ่ายละคร
“เมื่อกี้เธอคุยอะไรกับธันวา แล้วทำไมไปตีเขาแบบนั้น”
แจ๊สยังข้องใจไม่หาย
“ไปถามเด็กเจ๊เองสิว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็บอกให้เลิกยุ่งกับฉันซะที รำคาญ”
“ทำไมเขาจะต้องชอบยุ่งกับเธอด้วย”
“นี่ เจ๊ดูไม่ออกเหรอว่าไอ้นั่นมันชอบฉัน” ระรินตอบอย่างหงุดหงิด
“เจอกันไม่กี่ครั้งเนี่ยนะ”
“ใช่ ฉันไม่เล่นด้วย แต่ก็พยายามเข้ามายุ่งกับฉันอยู่ได้”
“แค่นี้แน่นะยะ” แจ็สถามย้ำ
“อื้อ แค่นี้สิ นี่เจ๊สงสัยอะไรนักเนี่ย”
ทนายประจักษ์เข้ามาหาศึกรบ ที่ออฟฟิศ พลางพูดเข้าประเด็นทันที
“เข้าเรื่องกันเลยนะครับจะได้ไม่เสียเวลา”
ศึกรบพยักหน้า “ครับ”
“ผมมาในฐานะตัวแทนคุณสู่ขวัญ เพื่อเจรจากับคุณเรื่องเธอต้องการขอจดทะเบียนหย่า”
“ผมคิดไว้แล้วละครับว่าเขาจะต้องมาแบบนี้”
ศึกรบวางหน้านิ่ง เหมือนเตรียมรับสถานการณ์พร้อมอยู่แล้ว
“ผมคุยกับคุณสู่ขวัญแล้ว คิดว่าเป็นการดีกว่าถ้าเราจะเจรจากันก่อน ผมเลยมาที่นี่ ถ้าคุณยินยอม เราจะได้ตกลงวันนัดจดทะเบียนหย่าและคุยเรื่องสินสมรสกันเลย”
“ผมบอกคุณประจักษ์ไว้เลย ว่าผมยังไม่พร้อมจะหย่า จะไม่มีการตกลงอะไรทั้งนั้น”
“ผมก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่าผมจะได้คำตอบแบบนี้จากคุณครับ”
ทนายประจักษ์ตอบยิ้มๆ
“งั้นก็ฝากคุณไปบอกขวัญด้วยว่าผมไม่หย่า เข้าใจตรงกันนะครับ”
“เข้าใจครับ”
“ดีครับ งั้นเชิญคุณกลับได้”
“แต่คุณขวัญบอกผมไว้อีกเรื่องว่า ถ้าการเจรจาไม่ได้ผล ให้ดำเนินการเรื่องฟ้องหย่าได้ทันที”
ทนายประจักษ์โยนระเบิดลูกใหญ่ แล้วรีบลุกขึ้น ศึกรบตกใจ
“ขวัญจะฟ้องผมเหรอ”
“ครับ เป็นตามที่ผมบอกทุกประการ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราคงเจอกันอีกทีศาลเลย ขอตัวครับ”
ทนายประจักษ์เดินจากห้องออกไป ศึกรบมงตาม หน้าเครียด
ชโยดมยืนทำใจอยู่หน้าร้านปองฤทัยครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไปข้างใน เห็นปองฤทัยยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์กาแฟ ก็รีบเดินเข้าไปหา แต่ก็ไม่กล้าทัก ปองฤทัยเงยหน้ามาเห็นพอดี ชโยดมตกใจ ปองฤทัยยิ้มให้
“รับอะไรดีคะ”
“คาปูชิโนเย็นแก้วนึงครับ”
ชโยดมตอบอย่างงงๆ
“เชิญนั่งก่อน รอสักครู่นะคะ”
ชโยดมแปลกใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะ มองปองฤทัยชงกาแฟไปเรื่อยๆ บรรยากาศเงียบงัน จนชโยดมเริ่มอึดอัด สักพักปองฤทัยก็ยกกาแฟมาให้
“คาปูชิโนค่ะ”
ปองฤทัยพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินไปเคาน์เตอร์ ชโยดมทนไม่ไหว
“ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอคุณปอง”
ปองฤทัยหันมา มองชโยดมด้วยสายตาเย็นชา
“คุณลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ”
“โธ่คุณปอง ขอร้องล่ะ เราพูดกันดีๆไม่ได้เหรอ” ชโยดมพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปให้
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวค่ะ”
ปองฤทัยพยายามไม่สบตาชโยดม
“ผมแค่เตือนคุณ เพราะผมหวังดีกับคุณ ผมไม่คิดว่าคุณจะโกรธ คุณคนนั้นเขาดีกับคุณ เขาอาจจะหวังอะไรบางอย่างก็ได้ ผมอยากให้คุณฟังคนอื่นบ้าง คนอื่นที่เขา…”
ปองฤทัย หันมาทางชโยดม “เขาอะไรคะ”
“เขาเป็นห่วงคุณ แบบ เอ่อ นายป้อม” ชโยดมไม่กล้าสารภาพความรู้สึก แต่กลับไพล่ไปพูดถึงป้อมแทน
“ถ้าเป็นป้อม ป้อมยังเด็ก เขายังไม่เข้าใจอะไรหรอกค่ะ”
“แต่ฟังไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ”
ปองฤทัย ถอนหายใจเบาๆ
“ปองฟัง แล้วปองก็โตพอจะตัดสินอะไรได้ด้วยตัวเองแล้วค่ะ มันก็เหมือนกันที่ปองดีกับคุณหมอ เพราะคุณหมอดีกับปอง กับคุณรบมันก็เหมือนกัน”
“โธ่ ปอง คุณไม่เข้าใจ” ชโยดมหน้าเครียด
“คุณหมอต่างหากที่ไม่เข้าใจ เวลาที่มีคนมาช่วยเราไว้ในเวลาที่เราเข้าตาจน ต่อให้คนอื่นว่าเขาชั่วเขาเลว คุณหมอจะทำใจเชื่อลงเหรอคะ”
“มันไม่เหมือนกัน คุณไม่รู้จักคำว่าทำดีหวังผลเหรอ”
“แล้วที่คุณหมอทำทุกวันนี้ ทำด้วยใจ หรือหวังผลล่ะคะ?”
ปองฤทัยย้อน ชโยดมถึงกับพูดไม่ออก แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะโต้แย้งอะไรกันต่อ ลูกค้าอีกกลุ่ม ก็เข้ามาในร้านพอดี
“ปองต้องไปดูลูกค้าก่อน ดื่มกาแฟให้อร่อยนะคะ”
ปองฤทัยเดินไปดูลูกค้าไม่สนใจชโยดมอีก ชโยดมมองอย่างอ่อนใจ
แจ๊สเดินเอาเช็คค่าตัวมายื่นให้ธันวา ธันวายกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณมากครับพี่แจ๊ส”
“ขยันๆแบบนี้ก็ดีแล้วนะธันวา พยายามเข้า งานจะได้เยอะ”
“แต่ผมก็ยังสู้เด็กในสังกัดเบอร์หนึ่งแบบคุณรินไม่ได้หรอกครับ”
ธันวาอดที่จะเหน็บไปถึงระรินไมได้
“เฮ้อ เหนื่อยจะพูด ขานั้นไม่รู้เยอะด้วยผลงานหรืออะไรกันแน่”
“มีก็ดีกว่าไม่มีนะครับ”
“จริงของเธอ เอ้อ ฉันว่าจะพูดเรื่องระรินกับเธอพอดี”
“เรื่องอะไรครับ” ธันวาถามอย่างสนใจ
“ยัยระรินเขาเป็นพวก เออ ไม่ค่อยรับแขก ฉันว่าเธออยู่ห่างๆไว้ดีกว่า ไปใกล้มากๆ ยัยนั่นขี้รำคาญจะตาย เดี๋ยวจะโดนวีนเหมือนวันนี้อีก”
“ผมว่าเขาเลือกแขกที่จะรับมากกว่า” ธันวาพูดพลางเบ้ปากนิดๆ “คนธรรมดามีแต่ตัวแบบผม เขาไม่สนหรอก เขาคงสนใจแต่ไฮโซกระเป๋าหนัก”
“แหม ธันวาก็ อย่าพูดอะไรน้อยใจแบบนั้นสิจ๊ะ”
“ผมไม่เป็นไรหรอกพี่แจ๊ส เพราะเดี๋ยวเขาก็รู้แล้วว่า ยังไงเขาก็หนีไอ้คนโลโซแบบผมไปไม่พ้นอยู่ดี”
แจ๊สฟังแล้วตะหงิดๆ ในใจ
“เธอพูดถึงอะไรเนี่ย?”
“ไม่มีอะไรครับ กลับดีๆนะครับพี่แจ๊ส ผมไปล่ะ”
แจ๊สมองตามหลังธันวาด้วยความสงสัย
ศึกรบนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา
“เชิญครับ”
แสงดาวเดินเข้ามาในห้อง ยิ้มแย้มอารมณ์ดี ถือแก้วน้ำอุ่นเข้ามาด้วย
“คุณรบคะ กลางวันนี้ทานอะไรดีคะ ดาวจะได้สั่งเข้ามาให้”
“ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลย”
“คุณรบเครียดเหรอคะ” แสงดาวมองศึกรบด้วยความเป็นห่วง
“นิดหน่อยครับ”
“คุณรบต้องพักผ่อนบ้างนะคะ ดาวเห็นคุณพูดว่าเหนื่อยหลายครั้งแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
แสงดาว ยิ้มรับ พลางนึกอะไรชึ้นมาได้
“เอางี้ไหมคะ เดี๋ยวดาวสั่งอาหารญี่ปุ่นที่คุณรบชอบมาให้ แล้วซื้อกาแฟอเมริกาโน่มาให้ด้วย ดาวจำได้ว่าคุณรบชอบอีกเหมือนกัน”
“คุณดาวจำได้หมดเลยเหรอเนี่ย”
“ได้สิคะ แล้วดาวก็จำได้ด้วยว่าคุณรบชอบน้ำอุ่น ไม่ชอบน้ำเย็น ดาวก็เลยเอามาให้”
ศึกรบมองแสงดาว แล้วยิ้มออกมา
“ขอบคุณครับ วันนี้ขอบคุณคุณดาวบ่อยเลย”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องของคุณรบ ดาวจำได้ทุกเรื่อง ดื่มน้ำให้สดชื่นก่อนนะคะ ส่วนเรื่องคุณขวัญ คุณต้องใจเย็นๆ ทุกครั้งมันก็ดีขึ้น ครั้งนี้เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ”
“ครับ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”
แสงดาวก้มหน้าเขินๆ แต่พยายามเก็บอาการ
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 17 (ต่อ)
ไอวี่กลับมาที่หอพัก พลางพุ่งเข้าไปหาเปรี้ยว แล้ว รีบเล่าอย่างตื่นเต้น
“เปรี้ยว ฉันไปรู้เรื่องอะไรบางอย่างมา ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย”
“เรื่องอะไรแก ข่าวดีมากเลยเหรอ”
ไอวี่ ยิ้มหน้าบาน
“ดีมาก เพราะว่ามันคือวิธีที่จะเขี่ยยัยระรินออกจากชีวิตคุณรบ”
“เฮ้ย จริงเหรอ เรื่องอะไร แกไปรู้มาจากไหน”
“ฉันแอบได้ยินมา ยัยระรินเคยมีอะไรกับธันวา ตัวประกอบในกองละคร แล้วดูเหมือนว่าลูกที่ยัยนั่นประกาศปาวๆ ว่าเป็นลูกคุณรบ จะเป็นลูกของนายธันวาคนนั้น”
เปรี้ยวอ้าปากค้าง
“บ้าแล้ว เรื่องใหญ่เลยนะ ข่าวออกไปถึงไหนแล้ว ถ้าเกิดสื่อรู้ขึ้นมา ยัยระรินหน้าแหกเละไม่มีชิ้นดีแน่”
“ใช่ แล้วเราก็จะทำแบบนั้นนั่นแหละ ทีนี้เบอร์หนึ่งของคุณรบก็จะเหลือฉันคนเดียว”
ไอวี่ยิ้มสะใจ เมื่อนึกถึงแผนที่จะกำจัดระริน
ศึกรบเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน พลางมองแขกที่เข้ามาหาในห้องอย่างแปลกใจ
“อะไรทำให้นายมาหาพี่ถึงที่ทำงานได้เนี่ย”
“ผมอยากเตือนพี่เรื่องคุณปอง”
ชโยดมเข้าเรื่องทันที
“อ๋อ คิดว่าเรื่องอะไร”
“ผมไม่รู้ว่าพี่หวังอะไรอยู่ แต่ขอร้องอย่ายุ่งกับคุณปองอีก”
“ฉันไม่ได้ไปหลอกอะไรเขา ทำไมจะต้องเลิกยุ่ง”
“ถึงพี่ไม่คิด มันก็ดูไม่ดีอยู่ดี” ชโยดมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันกับคุณปองเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ฉันแค่คุยกับเขาแล้วสบายใจ นอกนั้นก็ไปซื้อดอกไม้ให้ขวัญ ไปกินกาแฟ ไม่เห็นมีอะไรแปลก”
“แต่พี่ก็ไปบ่อยเกินจำเป็น พี่ไปช่วยเรื่องร้านเขาทั้งที่พี่ไม่ต้องทำก็ได้ พี่ต้องการอะไรพี่บอกผมมาเลยดีกว่า”
ชโยดมคาดคั้นถาม
“ถ้าฉันไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยเขา นายมีปัญญางั้นเหรอ ลำพังเงินเดือนหมอชนบทอย่างนายทำอะไรได้ ถ้าร้านเขาถูกขาย นายจะทำยังไง ปลอบใจ?”
ชโยดม กำมือแน่นด้วยความโกรธ
“ที่พี่พูดมันคือการดูถูกอาชีพผมนะครับ”
“ฉันเปล่าดูถูก แต่พูดตามความเป็นจริง ฉันถามว่าถ้าคุณปองต้องขายร้านจริงๆ นายจะทำยังไง”
“ผมมีวิธีของผม แล้วอย่าลืม พี่บอกว่าผมเป็นแค่หมอชนบท เงินเดือนไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ทรัพย์สินเงินทองที่พี่ใช้ร่วมกับพี่สาวผม รวมทั้งไอ้โรงแรมนี่มันเป็นของพ่อแม่ผมทั้งนั้น ถ้าพี่ไม่มี พี่จะกล้าพูดแบบนี้ไหมล่ะ”
ชโยดมย้อนเข้าให้ ทำเอาศึกรบถึงกับอึ้งไป แต่ก็ไม่ยอมแพ้
“นายมาพูดแบบนี้ต้องการอะไร ต้องการปกป้องคุณปองเพราะหวังดี หรือจะกันท่าแล้วเก็บไว้กินเองกันแน่”
ชโยดมโกรธมาก รีบพุ่งเข้าไปชกศึกรบเต็มแรง ศึกรบตั้งตัวได้จะชกกลับแต่ยั้งมือไว้ก่อน
“ฉันจะไม่ทำอะไรนาย เพราะนายเป็นน้องชายขวัญ เคยบอกว่าฉันทำอะไรไม่คิดถึงจิตใจพี่สาวนาย แต่กลับไปถามพี่นายเถอะ ว่าเคยคิดถึงจิตใจฉันบ้างไหม ฉันแค่ต้องการอยู่กับคนที่อยู่แล้วสบายใจก็แค่นั้น ขอให้เข้าใจด้วย”
พูดจบศึกรบก็เดินออกจากห้อง ปล่อยชโยดมไว้ตามลำพัง
แสงดาวกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะ พลางนึกอะไรได้บางอย่าง จึงรีบโทรหาสู่ขวัญ
“มีอะไรอีกคะคุณดาว”
แสงดาวมองโทรศัพท์แหยงๆ พลางพูดกลับไปด้วยเสียงเบาๆ กึ่งๆ จะเป็นกระซิบ
“เสียงเหวี่ยงเชียวนะ”
“ว่าไงคะ”
แสงดาวรีบทำเสียงเศร้าพูดตอบไป
“คุณขวัญ ยังไม่หายโกรธคุณรบเหรอคะ”
“ฉันว่าฉันพูดเรื่องนี้จนจะเบื่อตายอยู่แล้วนะ เจ้านายคุณฝากอะไรมาอีก?”
“เอ่อ ไม่มีค่ะ”
“ดีค่ะ ฉันจะได้วาง”
แสงดาว รีบร้องห้าม “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณขวัญ อย่าเพิ่งวาง”
“อะไรอีกคะ”
“คือดาวไม่อยากพูดเลย แต่ว่าดาวเห็น คุณรบพาผู้หญิงมานอนที่โรงแรมอีกแล้วค่ะ”
สู่ขวัญเงียบไป แสงดาวรู้ว่าได้ผล รีบพูดต่อ
“อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้นะคะ อาจจะเป็นลูกค้า หรืออะไรก็ได้ แต่คุณขวัญให้ดาวคอยรายงานดาวก็ต้องบอก ดาวรู้ว่าช่วงนี้คุณกับคุณรบมีปัญหา”
แสงดาวยังพูดไม่ทันจบประโยคดี สู่ขวัญก็ทนฟังไม่ได้ รีบตัดสายทิ้งไป แสงดาวยิ้มกริ่ม แอบสะใจ
ในขณะที่ศึกรบ ก็หลบมานั่งทำใจอยู่ในห้องทำงานสาธร
“พักนี้หน้าเครียดจังวะครับ คุณผู้บริหาร ศึกรบศึกรักรอบด้านก็งี้”
สาธร อดแซวเพื่อนไมได้
“ไอ้งานมันเครียดอยู่ปกติ แต่ไอ้เรื่องหลังเนี่ย ปวดหัวจะตายแล้ว”
“โดนน้องเมียต่อยปากทำไมปวดหัววะ”
“ไอ้ธร เดี๋ยวเถอะ”
“แหม ก็ล้อเล่น ไม่อยากให้เครียด”
ศึกรบเหม่อไปข้างนอก พลางพูดระบายกับสาธร
“ฉันจะทำไงดีวะ ฉันง้อเมียฉันทุกทางแล้ว เขาไม่ลงให้ แถมจะฟ้องหย่าอีก ทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย”
“ไอ้ฉันมันก็ไม่ถนัดเรื่องนี้ซะด้วย จนปัญญาจะตอบว่ะเพื่อน”
“แล้วฉันควรทำไงดี”
ศึกรบนั่งกุมขมับ สาธรนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เอางี้ดิ ลองหาจุดอ่อนคุณขวัญให้เจอ อะไรที่เขาจะใจอ่อนแน่ๆ ระหว่างนี้แกก็ยื้อไปก่อน ไอ้เรื่องฟ้องน่ะช่างมันไว้ไปว่ากันอีกที”
“อือ ไว้จะลองดูแล้วกัน”
เห็นศึกรบยังไม่หายเครียด สาธรก็ทำได้แค่ตบบ่า เป็นเชิงปลอบใจ
ระรินกลับมาถึงคอนโด พลางนึกถึงตอนที่คุยกับธันวา
“ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือเลยเหรอ รุนแรงจริงๆเลยนะคุณเนี่ย”
“แกจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่ได้นะ”
“อย่าตกใจสิ ผมไม่บอกหรอก แต่ผมจะบอกอะไรคุณไว้อย่าง ว่าผมมีนี่”
ธันวาชูรูปที่ตอนอยู่ที่คอนโดกับระรินให้ดู ระรินตกใจ
“จะจับไฮโซทั้งทีถ้าไอ้รูปนี่มันหลุดไป คุณก็จะไม่ได้อะไรเลย จริงไหม”
คิดมาถึงตรงนี้ ระรินก็หน้าเครียด
“ยังไงคุณรบก็ต้องรับเด็กในท้องฉัน ฉันจะยอมให้แกทำลายชีวิตฉันไม่ได้”
ระรินเดินไปที่กระจก พลางเปิดเสื้อ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปท้องตัวเอง
หลังจากวางวายจากแสงดาว สู่ขวัญก็แอบมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในร้าน
“พี่ขวัญ พี่ร้องไห้เหรอ”
สู่ขวัญหันไปเจอชโยดเดินเข้ามา ก็รีบโผเข้าไปกอด ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก
ชโยดมนั่งฟังสู่ชวัญระบายความในใจออกมา พลางส่ายหน้าอย่างขัดใจ
“ผมไม่เคยเห็นด้วยเลยตอนพี่ขวัญจะแต่งงาน ผมรู้ว่าเขาจะไม่หยุดที่พี่คนเดียว แต่ตอนนั้นผมยังอยู่เมืองนอก จะพูดอะไรก็อยู่ไกลเกินไป”
“ถึงโยกลับมาห้ามพี่ พี่ก็คงไม่ฟังหรอก ตอนนั้นพี่รักเขาจนหูหนวกตาบอดไปหมด”
“เขาแต่งงานกับพี่เพราะว่ารักจริงๆเหรอ พี่ขวัญ”
ชโยดมตัดสินใจถามตรงๆ
“พี่รู้ว่าเขาแต่งงานกับพี่เพราะเขาก็รักพี่ แต่ไม่นึกว่าเขาจะแจกจ่ายความรักของเขาให้ใครต่อใครไปทั่ว”
“ผมเข้าใจ”
“เขาจะยังรักพี่อยู่รึเปล่าพี่ไม่รู้ แต่ผู้หญิงเรานะโย ถ้าแต่งงานก็อยากเป็นที่หนึ่งคนเดียวของคนที่เรารักทั้งนั้น ใครจะทนได้ ถ้ารู้ว่าเขาไม่ได้มีเราแค่คนเดียว”
สู่ขวัญูพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
“ไม่เป็นไรนะพี่ขวัญ พี่ยังมีทางเลือกในชีวิตอีกมาก ผมเคารพการตัดสินใจของพี่เสมอ มีอะไรบอกผมได้ตลอดนะ”
“ขอบใจมากโย ขอบใจจริงๆ”
สู่ขวัญน้ำตาซึม ชโยดมจับมือนั่งเป็นเพื่อนสู่ขวัญเงียบๆ ปล่อยให้ร้องไห้จนพอใจ
ไอวี่มาตามหาศึกรบที่ออฟฟิศ เจอแสงดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“มาหาใครคะ”
ไอวี่ทำทีเป็นยิ้มหวานให้แสงดาว
“มาออฟฟิศใคร ก็มาหาคนนั้นแหละคุณเลขา”
“คุณรบไม่อยู่จ้ะ เชิญกลับไปได้เลย”
แต่ไอวี่ไม่ยอม
“ขอเข้าไปดูได้ไหมคะ พอดีไม่แน่ใจว่าคนแถวนี้จะไม่สะตอเบอแหล”
แสงดาวหน้าตึง แต่ก็ทำหน้าเชิด โต้ตอบไป
“คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ทำงานมานานน่ะจ้ะ ใครนิสัยเป็นยังไง ชอบแหลไหมก็รู้กันอยู่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กฝึกงานบางคน จะเป็นเหมือนกันรึเปล่า”
“ยังไงคะคุณเลขา”
แสงดาว มองไอวี่แบบเหยียดๆ
“เด็กสมัยนี้บางคนก็ใช้ไม่ได้ ชอบลักกิน ขโมยกิน ไม่ชอบเล่นตามกติกา สังคมมันแย่เพราะคนแบบนี้”
“คุณเลขาจะมาเหน็บให้ได้ประโยชน์อะไรมิทราบ ถ้าไม่อยากให้เข้าไป ก็บอกมาตรงๆ”
“พี่ก็เห็นคุณน้องพูดไม่ค่อยรู้เรื่องนี่จ๊ะ แล้วอีกอย่างใครพูดจาเหน็บแนมก่อนไม่ทราบ”
ไอวี่ เชิดหน้า ยิ้มๆ
“เมื่อไหร่คุณเลขาจะเข้าใจซะทีคะว่า คนเขาชอบอะไรที่สดๆ ใหม่ๆ พวกของตายเห็นทุกวัน ยากค่ะที่เขาจะแล”
แสงดาว ยิ้มเชิดหน้าตอบ
“แต่คุณน้องไม่เคยได้ยิน น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนเหรอ”
“ทำไมคะ”
“คนเราไม่ใช่พระอิฐพระปูน ทำดีใส่ทุกวัน มันก็ต้องมีรู้สึกดีอะไรกันบ้าง แล้วก็ดีแบบที่ไม่ต้องวิ่งไล่จับให้เหนื่อยด้วย พี่เห็นใครบางคนทำแล้วเหนื่อยแทนค่ะ”
แสงดาวหัวเราะใส่หน้า ไอวี่เจ็บใจ ที่เถียงสู้แสงดาวไม่ได้
จากนั้นไอวี่ ก็เดินพุ่งเข้าไปหาสาธรถึงในห้องทำงาน
“มาไงครับเนี่ยน้องไอวี่”
“คุณธรคะ คุณรบอยู่ไหน”
“โห มาเร็ว เคลมเร็ว เข้าประเด็นฉับไวสุดๆ”
สาธรพูดแซวขำๆ แต่ไอวี่ไม่ขำด้วย พลางถามซ้ำอย่างร้อนใจ
“ว่าไงคะ คุณรบอยู่ไหน”
“ถ้าบอกว่าไม่รู้นี่ จะโดนดีไหมครับ”
“ไม่ค่ะ แต่ไอวี่จะเซ็งมาก”
“งั้นคงต้องเซ็งละครับ ผมไม่รู้จริงๆ ถ้ามาเร็วกว่านี้คงเจอ แต่นี่มันออกไปแล้ว”
“คุณรบมาแล้วทำไมคุณธรไม่บอกวี่ละคะ”
“ผมไม่รู้ว่าน้องไอวี่จะมานี่ครับ”
ไอวี่ทำหน้าเซ็ง “ แล้วพอจะรู้ไหมคะว่าคุณรบชอบไปที่ไหน”
สาธรทำท่านึก
“ช่วงหลังไอ้รบมันชอบไปร้านกาแฟแถวโรงแรมนะครับ มีอยู่ร้านนึง”
“เป็นร้านยังไงคะ?”
“ร้านที่เจ้าของสวยๆแล้วก็ขายดอกไม้ด้วย เปิดร้านกาแฟด้วย ไอ้รบเคยซื้อมาฝาก ฝีมือใช้ได้เลยครับ”
“งั้นเหรอคะ วี่ไปละ ขอบคุณมากนะคะ”
พูดจบ ไอวี่ก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที สาธรมองตามงงๆ
“มาไวไปไวจริงๆ”
ปองฤทัยเห็นศึกรบเดินเข้ามาในร้าน ก็ยิ้มดีใจ
“คุณรบมาทานกาแฟเหรอคะ”
“ครับ ขอเหมือนเดิม แล้วก็คงไม่เป็นการรบกวนอะไรคุณปอง ใช่ไหม?”
ปองฤทัย ยิ้มหวาน “ไม่รบกวนเลยค่ะ ปองยินดีต้อนรับคุณเสมอ”
“ขอบคุณครับ คุณรู้ไหมว่าคุณทำให้ผมสบายใจทุกครั้งที่มาที่นี่”
ป้อมเห็นทั้งคู่คุยกัน ก็ชักไม่ค่อยพอใจ รีบพูดแทรกขึ้นมา
“เราก็ทำดีกับลูกค้าทุกคนเป็นปกติแหละครับ ไม่ได้คิดอะไรมาก”
“คนทำงานบริการ ยิ้มแย้มแจ่มใสไว้ก็ดีแล้วนี่นาป้อม จริงไหม”
“แต่มันน่ากลัวตรงที่ลูกค้าบางคนไม่ได้คิดว่าเราทำไปตามหน้าที่น่ะสิครับ”
ป้อมพูดเหน็บอ้อมๆ
“นายหมายถึงใคร?”
“ผมก็พูดลอยๆครับ ไม่ได้เจาะจง ยกเว้นว่าบางคนจะคิดว่านั่นเป็นตัวเอง ก็สุดจะห้าม”
ปองฤทัยแอบหยิกป้อมเบาๆ เป็นเชิงปราม
“ป้อม ทำไมพูดแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”
“ผมมันไม่ใช่คนน่ารัก เพราะผมคนตรงๆ คิดอะไรก็ทำแบบนั้น ไม่ใช่หน้าอย่าง หลังอีกอย่าง”
พูดพลางปรายตามองทางศึกรบ
“ป้อม หยุดนะ คุณรบเขาก็เหมือนเจ้าของร้าน เขาช่วยเรา ทำไมพูดอย่างนั้น”
“ถ้าช่วยแบบไม่หวังอะไรก็ดีครับ แต่กับบางคนคงไม่ใช่”
ศึกรบยืนเงียบ ไม่ตอบโต้ แต่ปองฤทัยรู้สึกไม่สบายใจ
“ คุณรบปองขอตัวสักครู่นะคะ ป้อม มานี่”
พูดพลางปองฤทัย ก็รีบลากป้อมเข้าไปหลังร้าน
“ป้อมทำไมกระแทกแดกดันเขาแบบนั้น น่าเกลียด”
“ผมทำอะไรก็น่าเกลียดหมดแหละ ใครจะดีเท่าคุณรบสุดแสนประเสริฐของพี่ล่ะ”
ป้อมพูดประชด
“คุณรบเขาไม่ใช่ของพี่ อย่าพูดแบบนี้”
“แต่ดูท่าเขาจะอยากให้พี่เป็นของเขานะ”
ปองฤทัยตกใจ “ป้อม”
“โอเคๆ ไม่พูดก็ได้”
“ที่ร้านเราอยู่ได้ตอนนี้เพราะเงินของเขานะ เขาก็เหมือนหุ้นส่วนเรา อย่าทำแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบ”
“ถ้ารู้ว่าเขาซื้อร้านแล้วพี่จะเป็นแบบนี้ ผมคงหาวิธีอื่นไปแล้วแหละ”
“แต่ตอนนี้มันเป็นแบบนี้ จะให้ทำยังไง” ปองฤทัยเสียงสั่น
“ไม่เห็นยาก พี่ก็ขายร้านแล้วเอาเงินคืนเขาไป แล้วเราก็ไปเปิดที่อื่น ร้านเล็กๆก็ได้นี่”
“พี่ ทำแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไม” ป้อมจ้องหน้าพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ
“พี่มีเหตุผลของพี่แล้วกัน”
“พี่กล้าบอกไหมละว่าไม่ใช่เพราะคุณรบ”
ปองฤทัยชะงักไป ไม่กล้าตอบป้อม พลางเลี่ยงไปเรื่องอื่น
“พี่จะไม่เสียเวลาเถียงกับป้อมเพราะเรื่องแค่นี้อีกแล้ว พี่ไปหน้าร้านก่อน ลูกค้ารอนานแล้ว”
ปองฤทัยเดินหนีออกไปหน้าร้าน ป้อมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 17 (ต่อ)
ไอวี่ตามศึกรบมาที่ร้านของปองฤทัย พลางมองเข้าไปในร้าน เห็นปองฤทัยชงกาแฟให้ศึกรบ แล้วนั่งคุยกันท่าทางมีความสุข
ไอวี่ทนไม่ได้รีบเข้าไปในร้านทันที
“พี่รบ”
ศึกรบหันไปเจอไอวี่ ก็ตกใจ
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“วี่มาได้แล้วกันค่ะ แต่ก็ไม่คิดว่ามาแล้วจะเจอยัยพวกชอบยุ่งกับของของชาวบ้าน”
“เธอหมายถึงใคร” ศึกรบย้อนถาม
“ก็ยัยนี่ไงคะ”
พูดพลางชี้มือไปที่ปองฤทัย ที่ยืนอึ้ง ตกใจที่จู่ๆไอวี่ก็มาหาเรื่อง
“ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ คุณรบเป็นแค่ลูกค้าของฉันเท่านั้น”
“แล้วไอ้ท่าทีคุยสนิทสนมนั่น เขาทำกับลูกค้ากันเหรอไง รู้ไว้ซะด้วยว่าเขาเป็นแฟนฉัน”
ศึกรบอ้าปากจะเถียง แต่ก็ยังช้ากว่าปองฤทัย
“เขาคบใครฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันก็ทำแบบนี้กับลูกค้าทุกคน ไม่เชื่อคุณรอดูก็ได้”
ไอวี่ เชิดหน้า“ไม่ใช่ก็ดี จำที่เธอพูดไว้แล้วกัน”
“ฉันจำได้แน่ค่ะ แล้วก็จะดีมากถ้าคุณไม่ทำเสียงดังรบกวนลูกค้าคนอื่น”
ไอวี่ จ้องหน้าปองฤทัย ด้วยสายตาชิงชัง “นี่เธอหาว่าฉันเสียงดังเหรอ”
“ถ้าจะตีความว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้ารู้ตัวแล้วช่วยออกไปจากร้านฉันด้วยจะขอบคุณมาก”
ศึกรบเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีเลยตัดสินใจลากไอวี่ออกไป
“มานี่เลย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ไอวี่ทำท่าฮึดฮัด แต่ก็ยอมออกไปโดยดี จังหวะนั้นป้อมออกมาจากหลังร้าน เห็นหลังไอวี่ไวๆ “ทำไมวี่มาอยู่ที่นี่?”
ศึกรบลากไอวี่ออกมาข้างนอก พลางมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไมไปว่าคุณปองเขาแบบนั้น”
“ทำไมจะว่าไม่ได้ ก็ดูยัยนั่นมันทำท่าหัวร่อต่อกระซิกกับพี่รบสิ”
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา”
ไอวี่ เบ้ปาก
“เพื่อนที่ไหนยิ้มให้หวานขนาดนั้นคะ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเพื่อน ใครคงคิดว่าเขาชอบพี่แน่ๆ วี่ก็เข้าใจผิดสิ”
“เรื่องนี้ฉันจะถือว่าเธอเข้าใจผิด แต่ฉันยังมีอีกเรื่อง”
ศึกรบพูดพลางจ้องหน้าไอวี่แบบเอาเรื่อง
“อะไรอีกล่ะคะ”
“เธอไปที่บ้านฉันทำไม”
ไอวี่ หน้าเสีย “คือ”
“แล้วทำไมเธอต้องไปหาขวัญ รู้ไหมว่าทำให้เรื่องมันยุ่งแค่ไหน เขากำลังจะคุยกับฉันดีๆแล้วแท้ๆ”
“วี่รู้ค่ะว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ที่วี่ทำไป เพราะหวังดีกับพี่รบนะคะ”
“ยังไง”
ไอวี่ แสร้งตีหน้าเศร้า
“วี่มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกพี่รบค่ะ วี่เลยยอมไปที่นั่น ถึงจะโดนทำร้ายมาก็ไม่เป็นไร”
ศึกรบตกใจเรื่องทำร้ายร่างกาย
“ขวัญทำอะไรเธอ”
ไอวี่เปิดแผลที่สู่ขวัญขว้างของใส่ให้ดู
“วี่จะไปพูดกับๆเขาดีๆให้เขาเข้าใจพี่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ฟังอะไร พอเขาโมโหเขาก็ขว้างของใส่วี่ จนเป็นแบบนี้น่ะค่ะ”
ศึกรบดูแผล ก็เริ่มใจอ่อน เห็นใจไอวี่
“ขอโทษแทนขวัญด้วย เขาเป็นคนโมโหร้ายเหมือนกัน เวลาโกรธเขาจะไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันเสียใจที่ทำให้เธอเจ็บตัว”
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยวี่ก็ได้เจอพี่รบที่นี่แล้ว”
“แล้วเธอมีเรื่องอะไรมาบอกฉัน?”
“เรื่องคุณระรินค่ะ”
ศึกรบจ้องหน้าไอวี่ อย่างแปลกใจ
“หมายความว่า เด็กในท้องอาจจะไม่ใช่ลูกของฉัน”
ศึกรบยิ้มออก ทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากของไอวี่
“ใช่ค่ะ ยัยระรินแอบอ้างเพื่อหวังจะจับพี่รบ จริงๆแล้วเขานอนกับผู้ชายตัวประกอบคนนั้นด้วย”
“เธอได้ยินมาอย่างนี้แน่เหรอ”
ไอวี่ พยักหน้า
“แน่ยิ่งกว่าแน่ค่ะ ฝ่ายผู้ชายมีหลักฐานตอนพากันขึ้นคอนโดด้วย น่าเสียดายที่เราไม่เห็นรูปนั้น”
“ใช่ เราไม่มีหลักฐาน จะไปกล่าวหาเขาตอนนี้คงไม่ได้ อีกอย่างอาจจะเป็นแค่คำขู่ก็ได้”
“ไม่ใช่การขู่แน่นอนค่ะ”
ไอวี่พูดอย่างมั่นใจ
“เธอรู้ได้ยังไง”
“ดูอาการระรินก็เดาออกแล้วล่ะค่ะ ถ้าคนมันไม่มีชนักปักหลังคงไม่อึ้งไปแบบนั้น”
ศึกรบทำท่าครุ่นคิด
“แล้วผู้ชายคนนั้นคือใคร เธอพอจะรู้รึเปล่าบอกฉันมา ฉันต้องการหลักฐานจากนายคนนั้น”
“รู้ค่ะ แต่วี่บอกพี่รบไม่ได้”
“ทำไม”
“บอกง่ายๆ วี่ก็หมดความหมายสิคะ พี่รบสนใจเรื่องคนอื่นมากกว่าวี่ซะอีก”
ศึกรบมองไอวี่ รู้สึกเห็นใจขึ้นมานิดๆ พลางหยิบกระเป๋า ควักเงินให้ไปก้อนหนึ่ง
“ฉันให้นี่แล้วกัน ถือเป็นค่าตอบแทน”
ไอวี่เห็นเงินก็ตาโต แต่ทำเป็นออดอ้อนศึกรบ
“พี่รบมองวี่เห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอคะ วี่อยากอยู่กับพี่มากกว่าอีก”
“ฉันมีเรื่องต้องจัดการ ตอนนี้ที่ฉันให้เธอได้ทันทีคือเงินเท่านั้น”
“งั้นแค่นี้ก็ได้ค่ะ”
ไอวี่แอบผิดหวัง แต่ก็รับเงินมาโดยดี
ป้อมตัดสินใจเดินออกมาคุยกับปองฤทัยอีกครั้ง
“พี่ปอง พี่เห็นไหมว่าเขามีคนอื่นอยู่อีก ไม่ใช่แค่ระริน”
ปองฤทัยหันมาทางป้อม
“ป้อม มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่พี่ออกรับแทนผู้ชายคนนั้นนั่นแหละ หึ เหมือนฉากในละครชมัด นางเอกพูดจาปกป้องพระเอกจากนางร้าย น่าดูที่สุด”
ปองฤทัยหน้าเศร้า
“พี่แค่อยากช่วยเขา พี่สงสารคุณรบ เขาไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้”
แต่ป้อมกลับคิดต่างไป
“บางทีเขาก็ควรเจอเรื่องแย่ๆบ้างนะ พี่ไม่ควรทำดีแบบนั้นกับเขา”
“จะว่าพี่ยังไงก็ช่าง พี่แค่ดีกับคนที่เขาดีกับพี่ พี่อยากมองแต่ด้านดีๆของเขามันผิดเหรอ”
“อย่างพี่ปองไม่เรียกมองด้านดี แต่เรียกหน้ามืดตามัว มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาไม่ดียังไง”
“แล้วเขาไม่ดียังไง พูดมาสิ”
“ผมพูดไปแล้วว่าเขามีคนอื่นไปทั่ว เขาไม่รักใครจริง พี่อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้เลย พี่อยากเป็นอย่างระริน อย่างไอวี่รึไง”
ปองฤทัยตกใจ
“ไอวี่? นี่ป้อมรู้จักผู้หญิงคนเมื่อกี้เหรอ”
“รู้สิ ก็เขาเป็น”
ป้อมชะงัก พูดต่อไม่ออก
“เป็นอะไร”
ป้อมอึกอัก
“เป็นเพื่อนของป้อม”
“แค่เพื่อนเหรอ” ปองฤทัยย้อนถาม
“ใช่ คนแบบนั้น ป้อมไม่มีทางคิดอะไรด้วยหรอก”
ป้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ปองฤทัยเดินเข้ามาใกล้ๆ น้องชาย
“ป้อมรู้จักเขานานรึยัง”
“ก็ตั้งแต่ปีหนึ่ง”
“เขาเป็นคนยังไง”
“ก็ ขยัน อดทน ทำเพื่อครอบครัว แต่ว่าเสียตรงที่เขาชอบหลงผิดไปกับพวกของฟุ้งเฟ้อ จนเอาตัวเองเข้าแลก แม้แต่เรื่อง”
“เรื่องคุณรบ”
ป้อมพยักหน้า
“แต่ถึงเขาจะไม่ดี ป้อมก็ไม่เลิกคบเขานี่ ใช่ไหม”
ป้อมอึ้ง “ก็ ก็ใช่”
“คนเราถ้าชอบใคร เราก็พร้อมจะมองข้ามความแย่ ความไม่ดีของเขาทั้งนั้น เหมือนที่ป้อมกำลังทำอยู่นั่นแหละ”
ป้อมอึ้งหนักกว่าเดิม
“พี่ก็เหมือนกัน”
ศึกรบกลับมาบ้าน เห็นสู่ขวัญที่นั่งอยู่เงียบๆ คนเดียว ก็รีบเดินเข้าไปหา
“ขวัญ สะดวกคุยกับผมรึเปล่า”
สู่ขวัญเงยหน้าขึ้นมองศึกรบ แววตาเย็นชา
“ขวัญว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนะ”
“แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ”
“ถ้าเรื่องหย่า ขวัญยืนยันคำเดิม นอกเหนือจากนั้นให้เป็นเรื่องในชั้นศาลแล้วกันค่ะ”
สู่ขวัญยืนยันเสียงแข็ง
“ไม่ใช่เรื่องนั้นเลยขวัญ”
“แล้วอะไรอีกล่ะคะ”
“ผม รู้มาว่าระรินอาจจะท้องกับคนอื่น ที่ไม่ใช่ผม”
สู่ขวัญแปลกใจ ในขณะที่ศึกรบลุ้น รอดูท่าที
“แล้วยังไงคะ”
ศึกรบรู้สึกผิดหวังที่สู่ขวัญเย็นชากว่าที่คิด
“คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”
“ขวัญเหนื่อย ขวัญทั้งร้องไห้ ทั้งเสียใจ จนขวัญชิน ชินจนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้วในโลก ถึงคุณมาพูดตอนนี้ว่าเขาไม่ใช่ลูกคุณ มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะค่ะ”
“ขวัญ ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองทุกวิถีทางแล้ว ทำไมคุณยังใจร้ายกับผมนัก”
“คุณก็ว่าแต่ขวัญใจร้าย แล้วคุณเคยคิดบ้างไหมว่าเวลาคุณมีคนอื่น เวลาคุณปล่อยคนของคุณมาราวีขวัญ ขวัญรู้สึกยังไง นั่นไม่ใจร้ายกว่าเหรอ”
ศึกรบอึ้ง พูดไม่ออก
“ถ้าคุณคิดได้ คุณก็จะได้คำตอบเองค่ะว่าทำไมขวัญถึงทำแบบนี้”
อ๊อฟเพื่อนของป้อมกำลังนั่งอ่านข่าวในมือถือ เห็นข่าวระรินท้อง มีรูปประกอบในอินสตาแกรมของระริน พร้อมข้อความว่า
‘ต้องการแค่ความรับผิดชอบ…จากคนที่เป็นลูกผู้ชาย แล้วก็กำลังจะเป็นพ่อคน’ ใต้รูปมีคนเข้าไปคอมเม้นต์มากมาย
“เป็นอะไรวะ ทำหน้าเซ็งโลก” ป้อมเข้ามาเห็น ก็อดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้
“เสียดายว่ะ”
“เรื่อง?”
“คนสวยๆ อย่างคุณระริน ถ้าวางตัวดีกว่านี้คงเลอค่าน่าค้นหา แต่ดั๊น เลือกจะเป็นเมียน้อยเขา ทีนี้เลยหาพ่อของลูกไม่ได้ กลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
“เมื่อก่อนกูเห็นมึงดูแต่บอล เดี๋ยวนี้ตามข่าวดาราแล้วเหรอวะ”
“กูก็ไม่ได้สนอะไรหรอก แต่ไอ้ข่าวเนี่ย คนแชร์ซะกลบไทม์ไลน์กูหมด บอลเบิล ลืมไปได้เลย”
“ก็จริงของมึง” ป้อมพยักหน้าเห็นด้วย
“เดี๋ยวนี้เรื่องอย่างนี้เยอะว่ะ ดาราคบไฮโซนู้น ดาราคบทายาทบริษัทนี้ ยิ่งฉาวยิ่งดัง สัมคมเป็นอะไรไปแล้ววะเนี่ย”
“กูว่า”
ป้อมกำลังจะพูดต่อแต่เห็นไอวี่เดินผ่านไป ก็มองตามจนเหลียวหลัง
“ไอ้อ๊อฟ เดี๋ยวกูมา มีธุระด่วน”
ป้อมลุกตามไอวี่ไป เล่นเอาอ๊อฟส่ายหน้าอย่างงงๆ
“ไอ้นี่ เจอหญิงแล้วทิ้งเพื่อน อะไรวะ”
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 17 (ต่อ)
ป้อมรีบวิ่งตามไปดักหน้าไอวี่
“ป้อม มายังไงเนี่ย ตามฉันมาเหรอ”
“ก็ ไม่เชิง”
ไอวี่ปรายตามองป้อม แล้วยิ้มขำๆ
“สภาพงี้ตามฉันมาแน่ๆ ต้องการอะไร”
“คิดว่าคนอื่นเขาคบเธอหวังผลประโยชน์ไปหมดเลยรึไง”
ไอวี่มองป้อมเหยียดๆ
“มันก็ไม่แน่”
“อย่าพูดเรื่องนี้เลย ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าจะถาม”
“อะไร”
“เธอ เห็นข่าวระรินในไอจีรึยัง”
“เห็นแล้ว จะทำไมล่ะ”
“เธอดูไว้นะ ว่าจุดจบของคนที่เป็นเมียน้อย มันก็เป็นแบบนี้ ออกมาเรียกร้องให้เขารับ แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ขี้ปากคนอื่น”
ป้อมพูดเตือนวี่อ้อมๆ
“นายมาพูดกับฉันแบบนี้ต้องการอะไร”
“อยากเห็นเธอเป็นแบบเขา อะไรที่เธอคิดจะทำ หยุดเถอะ ฉันขอ”
“นายเป็นใครถึงมาบอกไม่ให้ฉันทำนู่นนี่ แล้วอีกอย่าง อย่าดูถูกฉัน ฉันไม่ได้โง่เหมือนยัยนี่ที่เอาลูกใครก็ไม่รู้มาแอบอ้าง ฉันมีวิธีของฉัน”
ไอวี่พูดตอกหน้าอย่างไม่ยอมรับในความปรารถนาดีของป้อม
“วิธีของเธอมันจะทำลายคนอื่น ทำลายตัวเธอเองด้วยนะวี่”
ไอวี่ เชิดหน้า อย่างไม่แคร์
“ถ้ามันจะพัง ชีวิตฉันก็พังตั้งแต่เกิดในสลัม มีแม่ติดการพนันพ่อติดเหล้าโงหัวไม่ขึ้นแล้ว มันไม่มีอะไรแย่กว่านี้หรอก ฉันจะต้องถีบตัวเองไปอยู่ที่ที่ดีกว่านี้ให้ได้ และฉันไม่สนวิธี จำไว้”
ไอวี่เดินสะบัดตัวออกไป ป้อมมองตาม ทั้งเครียด ทั้งเป็นห่วง
ระรินอยู่ในกองถ่ายละคร กำลังนั่งดูรูปในอินสตาแกรม ด้วยสีหน้าพอใจ ครู่หนึ่งธันวา ก็เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ระรินเห็นตกใจ จะลุกหนี แต่ธันวาจับแขนไว้
“อย่าได้คิดหนี ไม่งั้นผมจะพูดเรื่องของเราให้คนอื่นรู้แน่ คุณรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นั่งลง”
ระรินจำใจยอมนั่งลง พลางถามธันวา ด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง
“มีเรื่องอะไรกับฉันอีกฮะ”
“ผมมาถามเรื่องรูปที่คุณลงในไอจี คุณทำไปเพื่ออะไร”
“เพื่อใคร เพื่ออะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายมิทราบ”
“เกี่ยวสิ คุณก็รู้ ว่าผมรู้ว่าไอ้เด็กในท้องคุณมันลูกใคร ถึงคุณไม่บอกผมก็พอเดาได้”
ระริน เบ้ป่าก แล้วมองธันวาแบบเย้ยๆ
“ก็เดามาสิ ฉลาดนักไม่ใช่เหรอ”
“คุณมันก็ทำปากเก่งไปงั้น คุณกล้าบอกไหมล่ะ ว่าที่ถ่ายรูปยอมเป็นข่าวครึกโครม เพราะกะจะบีบให้ไอ้เศรษฐีนั่นยอมรับคุณเป็นเมีย มันไม่มีทางเห็นใจคุณหรอก”
“ปากเสีย ปากไม่มีหูรูด ถ้าจะมาพูดแบบนี้ เชิญไสหัวไกลๆฉันเลยนะ”
“ถ้าคุณรู้ว่าผมมีหลักฐานอะไรอีก คุณจะไม่กล้าไล่ผมเด็ดขาด”
ธันวาพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ระรินหน้าเสีย
“อะไร”
ธันวายิ้มเจ้าเล่ห์ พลางควักโทรศัพท์มือถือที่มีรูปที่ตัวเองกับระรินบนเตียงออกมา ระรินรีบแย่งคว้ามือถือไปดู
“ แก”
“ว่าไง ยอมคุยกับผมดีๆรึยัง”
-ระรินหลบมาคุยกับธันวาในสวนสาธารณะใกล้ๆ กับกองถ่าย พลางถามเสียงเครียด
“แกอยากได้เท่าไหร่”
“แหม เข้าเรื่องเชียว เห็นผมหน้าเงินเหรอ”
“จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา อย่ามาแอ๊บเป็นคนดีหน่อยเลย”
ธันวาหัวเราะ
“คุณนี่มันรู้ใจผมดีนะ มิน่าผมถึงชอบคุณม้ากมาก”
“เข้าเรื่องซะทีได้ไหม ฉันรีบ”
“ก็ได้ๆ ผมขอส่วนแบ่งครึ่งนึงจากที่คุณจะได้ ว่าไงล่ะ”
ระรินตกใจ รีบพูดสวนขึ้นมาด้วยความโมโห
“โลภ มักมาก ไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ ยังจะขอตั้งครึ่ง ไม่มากไปหน่อยรึไง”
“พูดอะไรน่ะ ทำไมผมจะไม่ได้ทำ ไม่แน่นะ เด็กที่เป็นความหวังทั้งหมดของคุณ อาจจะเป็นลูกไอ้ตัวประกอบกระจอกอย่างผมก็ได้”
“ทุเรศ แกพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง”
“หรือคุณจะบอกล่ะ ว่าคืนนั้นเราไม่”
ธันวาพูดยังไม่จบ ระรินก็ฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หน้าของธันวาอย่างแรง ธันวาอึ้งไป ระรินเงื้อมือจะตบซ้ำ ธันวาคว้าตัวระรินมาจูบ
“แกไอ้คนเลว”
ระรินทุบตีธันวาไม่ยั้งมือ แต่พอธันวาฉวยจังหวะได้ก็จูบระรินซ้ำอีก ระรินได้โอกาส กระทืบเท้าใส่ธันวาแล้วผลักออกอย่างแรง พลางจะเข้าไปตบซ้ำบ้าง แต่ธันวาชิงพูดขึ้นก่อน
“ถ้าคุณตบผมอีกทีเดียว คราวนี้ไม่ใช่แค่จูบ แต่ไอ้รูปที่คุณดูเมื่อกี้ผมจะเอาไปแฉในอินเตอร์เน็ตให้หมด”
“แก แกไม่กล้าหรอก ถ้าแกทำแบบนั้น แกจะกล้าเดินไปไหนมาไหนได้ยังไง”
ธันวา ยักไหล่ แล้วมองระรินแบบยิ้มเยาะ
“ผมมันคนหน้าด้าน อย่างที่คุณว่า แล้วผมก็ไม่มีอะไรจะเสีย แต่คุณ ทั้งงาน ชื่อเสียง รวมถึงสมบัติจากไอ้เศรษฐีนั่น คุณจะไม่เหลืออะไรเลย อยากลองดูก็เชิญ”
ระรินได้ยินคำขู่ของธันวา ก็แทบกระอัก
อ๊อฟเห็นป้อมเดินกลับมานั่งทำหน้าซึม ก็ชักหงุดหงิด
“เบื่อว่ะครับ มีเพื่อนอยู่คน มันก็ชอบทำหน้าหงิก หงอย ซึม โดนยาเบื่อมารึไงวะ”
“เปล่า แต่มันแย่กว่ายาเบื่ออีก”
“โดนสาวเบื่ออะดิ โธ่ไอ้ป้อม ไอ้อ่อน”
ป้อม ทำหน้าเซ็งๆ
“เออ กูมันอ่อน พูดอะไรเขาก็ไม่ฟัง หวังดีแท้ๆ”
“เรื่องน้องไอวี่ พริตตี้กระเป๋าแบรนด์อีกอะดิ”
“เฮ้ย มึงอย่าพูดถึงวี่แบบนี้”
อ๊อฟ มองป้อมอย่างหมั่นไส้
“วะ ปกป้องขึ้นมาเชียว ทำยังกับเขาจะแลมึงงั้นแหละ”
“ไอ้เรื่องนั้นกูรู้ แต่กูไม่ได้เครียดแต่เรื่องวี่ กูเครียดเรื่องพี่กูด้วย”
“เรื่องอะไรอีกอะ”
“พี่กูเหมือนจะชอบคนมีเจ้าของแล้วว่ะ อีกฝ่ายเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น กูจะทำไงดีวะ”
อ๊อฟนั่งคิดซักพัก
“กูว่านะ เรื่องแบบนี้มีแต่ตัวพี่มึงเองที่จะดูแลตัวเองได้”
“ยังไงวะ” ป้อมชักงง
“ธรรมชาติเพศผู้อย่างเราๆ เนี่ย ถ้าผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วย เขาไม่มีใจ แป๊บเดียวก็เลิกยุ่งแล้ว แต่ถ้ารู้สึกว่าพอมีโอกาสละก็ให้ตายก็ไม่ถอยหรอก”
ป้อมตาโต “จริงเหรอวะ”
“เออ ยกเว้น พวกรักมากจนแทบคลั่ง แต่ไม่มีสตางค์เขาเลยไม่แล แบบมึงไง”
“ไอ้อ๊อฟ มึง”
ป้อมลุกขึ้นจะเตะ อ๊อฟรีบวิ่งหนี
มีนา ที่นั่งคุยกับสู่ขวัญอยู่ในร้าน เห็นมีลูกค้าเดินเข้ามา ก็รีบออกมาต้อนรับ
“ ต้องการผ้าแบบไหน เสื้อแบบไหนถามได้เลยนะคะ”
“แหม สวยทุกชุด เลือกไม่ถูกเลยนะคะเนี่ย”
ลูกค้าเลือกชุดไปสักพัก อีกคนหันไปเห็นสู่ขวัญอยู่ในร้าน เลยถามมีนา
“นั่นใช่คุณสู่ขวัญ ภรรยาคุณศึกรบที่กำลังเป็นข่าวทำดาราชื่อระรินท้องรึเปล่าคะ”
มีนากำลังจะตอบ แต่สู่ขวัญเดินเข้ามาตอบเอง
“ใช่ค่ะ ฉันเอง”
“ตัวจริงสวยกว่าในข่าวอีกนะคะเนี่ย”
“ขอบคุณค่ะ ถ้ามีปัญหาเรื่องสินค้าอยากถาม ถามฉันก็ได้นะคะ ยินดีตอบ”
“คุณขวัญเป็นเจ้าของร้านนี้เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ หุ้นกับเพื่อน คนนี้ไงคะ”
พลางผายมือไปทางมีนา มีนายิ้มให้ตามมารยาท
“ได้ข่าวมานานแล้วว่าร้านนี้ออกแบบเอง หาผ้าเอง เก่งจังเลยนะคะ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” สู่ขวัญถ่อมตัว
“แต่แหม น่าเสียดาย ทั้งเก่งทั้งสวย ทำไมสามีถึงมีคนอื่นได้น้อ”
สู่ขวัญหน้าตึงขึ้นมาทันที
“บ้า เธอพูดงั้นได้ไง ฉันว่ายัยดารานั่นต่างหากที่ใส่ร้ายสามีคุณขวัญ”
“ใส่ร้ายเหรอ แต่เอ่อ ขอโทษนะคะ สามีคุณก็ได้ยินกิตติศัพท์ว่าคาสโนว่าตัวพ่อเลยนี่นา”
มีนา เห็นท่าไม่ดี รีบพูดแทรกขึ้น
“เอ่อ ดูชุดกันต่อดีกว่านะคะ”
แต่ลูกค้าไม่สนใจ พูดสนุกปากต่อไป
“คุณขวัญทั้งสวย แสนดี เก่งขนาดนี้สามีจะมีกิ๊กลงได้ไง ไม่มีทางหรอกเนอะคุณขวัญ”
สู่ขวัญ อดทนต่อไปไม่ไหว
“ถ้าจะมาซื้อเสื้อผ้า ช่วยกรุณารีบซื้อแล้วออกไปจากร้านดิฉัน หรือถ้าตั้งใจจะมาเพื่อพูดอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้ ก็กรุณาช่วยออกไปจากร้านฉันเหมือนกันค่ะ ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
ลูกค้าขาเม้าท์ทั้งคู่ ถึงกับอึ้งไป มีนารีบห้าม
“ขวัญใจเย็น เขาเป็นลูกค้านะ”
“ลูกค้าแล้วไมาซื้อของก็ซื้อไปสิ จะมาพูดเรื่องที่ทำให้คนอื่นอรมณ์เสียทำไม ไม่รู้จักคำว่ามารยาท รึไง”
สู่ขวัญขยับปากจะด่าต่อ มีนารีบเชิญลูกค้าออกจากร้าน ก่อนที่อะไรจะแย่กว่านี้
ป้อมกลับมาที่ร้าน เห็นปองฤทัยนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์กาแฟ ทั้งคู่มองหน้ากัน แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา สุดท้ายปองฤทัย เป็นฝ่ายทนไม่ไหว ชิงถามป้อมก่อน
“กินอะไรมารึยัง”
“ยังเลย”
“พี่ทำกับข้าวไว้ หิวก็กินซะนะ”
“ขอบคุณครับ”
ป้อมทำท่าจะเดินไปหลังร้าน แต่แล้วก็ตัดสินใจหันกลับมาหาปองฤทัย
“พี่ปอง”
“หือ ว่าไง”
“ผมอยากให้พี่ดูแลตัวเองดีๆ”
“ทำไมจู่ๆมาพูดแบบนี้ล่ะ”
“ผมไม่อยากเห็นพี่เป็นเหมือนไอวี่ เหมือนกับระริน ผมอยากเจอพี่สาวที่ยิ้มแย้มมีความสุขคนเดิมนะพี่ปอง”
ป้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปองฤทัยพยายามก้มหน้า กลั้นน้ำตาไว้ แต่ก็กลั้นไม่ไหว
“อื้อ พี่จะพยายาม”
“ขอโทษด้วยที่พูดไม่ดี แต่ผมเป็นห่วงพี่จริงๆนะ”
ปองฤทัย พยักหน้า
“พี่รู้ พี่รู้ทุกอย่าง แต่พี่ตัดใจจากเขาไม่ได้ซะที พี่จะทำยังไงดี”
ปองฤทัยร้องไห้หนักขึ้น ป้อมมองพี่สาวอย่างเห็นใจ
ระรินนอนดูโทรทัศน์อยู่ที่คอนโด พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เจ๊มาเหรอ? มาทำไม”
ระรินเดินไปเปิดประตู เห็นศึกรบยืนอยู่ ดีใจมาก
“คุณรบ ในที่สุดคุณรบมาหาริน รินรอคุณอยุ่นะคะ”
ศึกรบรีบเข้ามาในห้อง แล้วปิดประตูทันที ระรินโผเข้าไปกอด แต่ศึกรบรีบแกะมือออก ระรินมองอย่างไม่เข้าใจ
“คุณรบ”.
“คุณลงไอจีไปแบบนั้นได้ยังไง”
“ถ้าคุณจะมาเพื่อว่ารินเรื่องนี้ล่ะก็ รินจะไม่คุยด้วย”
“ก็ลองดู เพราะถ้าผมรู้สึกว่าคุณยังคุยไม่รู้เรื่องอีก คงจะไม่มีการคุยรอบต่อไปแล้วเหมือนกัน”
ระรินอึ้ง แต่ก็ไม่ยอมหยุดเถียง
“ทำไมรินจะทำไม่ได้ ก็ในเมื่อคุณทำเหมือนจะไม่รับผิดชอบ รินก็ต้องทำแบบนี้แหละ”
“คุณรู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ไม่ว่ายังไงผมจะรอจนกว่าจะได้ตรวจดีเอ็นเอ”
“จะรอทำไมคะ อ๋อ ใช่สิ คุณกะจะไม่รับผิดชอบอยู่แล้วนี่ คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ระรินพูดตอกใส่หน้า
“ผมพยายามจะเป็นสุภาพบุรุษที่สุดแล้ว แต่ถ้าคุณเลือกจะไม่เล่นตามกติกา ผมก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีหลักฐาน ผมจะไม่ยอมเสียสู่ขวัญไปเด็ดขาด”
“คุณรักอะไรมันนักหนา ทำไมต้องแคร์มันขนาดนี้ด้วย”
“ขวัญเขามาอย่างถูกต้อง ผมก็รักเขา แล้วเขาก็รักผม ตอนนี้ผมก็ชักรู้สึกแล้วว่า ผมมันคือไอ้โง่ที่ไปหลงเชื่อคุณ อย่าทำตัวให้มันไร้ค่าไปกว่านี้เลยริน”
ระรินยืนตัวสั่นอย่างโกรธจัด พลางกรีดร้องลั่นห้อง ก่อนที่จะหยิบข้าวของขว้างปาใส่ศึกรบไม่ยั้ง
อ่านต่อตอนที่ 18