ดงดอกงิ้ว ตอน 22
แสงดาว เดินร้องไห้ออกมานอกร้าน พลางมองกลับเข้าไป เห็นศึกรบกุลีกุจอช่วยปองฤทัยจัดดอกไม้แถมยังคุยกันกระหนุงกระหนิง
“หวังจะเคลมยัยเจ้าของร้านนี่เอง ถึงได้ไล่ฉันอย่างกับอะไร คอยดูเถอะ คุณจะไม่มีวันอยู่กับนังนี่อย่าง
เป็นสุขแน่คุณรบ”
แสงดาวรำพึงกับตัวเอง พลางมองในร้านอย่างแค้นใจ
ป้อมเข็นรถเข็นของไอวี่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน โดยมีชโยดมตามออกมาติดๆ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หน้าฉัน วี่จะเสียโฉมไหมป้อม”
ไอวี่โวยวายเสียงดัง ใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าก๊อซ เหลือไว้แต่ตา คอบางส่วนก็ถูกปิด
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย” ป้อมพยายามปลอบใจ
“มันจะหายได้ยังไง ดูสภาพวี่สิ ดู”
ไอวี่ทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ชโยดมช่วยปลอบ
“ถ้าดูแลรักษาตัวเองดีๆ ก็จะหายได้ไวครับ ถึงแม้อาจจะไม่เหมือนเดิม แต่โชคดีที่ตาไม่บอดนะครับ”
“วี่อยากจะหายเหมือนเดิม ไม่ให้มีแผลเป็นเลยค่ะหมอ วี่ต้องใช้หน้าตาทำงาน”
ไอวี่คร่ำครวญ
“ผมว่าหมอเจ้าของไข้ดูแลอย่างดี ไม่น่ามีปัญหา”
“แล้วถ้ามีคนตามมาจะทำร้ายวี่อีกล่ะคะ”
ชโยดม ยิ้มให้ไอวี่ “ทำใจให้สบาย คืนนี้พักให้สบาย ไม่มีใครทำร้ายคุณที่นี่หรอก”
ป้อมหันมาบอกกับไอวี่ “เดี๋ยวป้อมอยู่เฝ้าเธอเอง ไม่เป็นไหรหรอกนะวี่”
ไอวี่พยักหน้า ชโยดมแอบยิ้มที่เห็นปองเป็นห่วงไอวี่
“วี่พอจะจำหน้าคนร้ายได้ไหม”
“วี่เห็นไม่ชัด มันใส่หมวกกันน็อก แต่รู้ว่าเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชาย?” ป้อมแปลกใจ
“อาจจะเป็นนังแสงดาวเลขาคุณรบจ้างมาก็ได้ ก่อนหน้านั้น วี่ทะเลาะกับเขา”
ชโยดมนิ่งคิดสักพัก ก่อนที่จะเสนอความเห็น
“ตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้ งั้นเราก็แจ้งความไว้ก่อนดีไหม”
“ดีเหมือนกันครับ เอ้อ ให้ป้อมบอกที่บ้านไหม ว่าวี่อยู่ที่นี่?”
ไอวี่ ส่ายหน้า “ไม่”
ป้อมถึงกับตกใจ “ทำไมล่ะ”
“เขาไม่เห็นใจวี่หรอก มาก็มีแต่จะด่าซ้ำ พาวี่กลับห้องเถอะ วี่อยากพักแล้ว”
ป้อมพยักหน้า ก่อนที่จะค่อยๆเข็นไอวี่ เพื่อกลับห้องพัก
ปองฤทัยยื่นช่อดอกไม้ที่จัดเสร็จแล้วให้ ศึกรบมองช่อดอกไม้ยิ้มๆ
“สวยมากครับ ฝีมือคุณนี่ไม่ตกเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะที่ชม คุณรบจะเอาไปง้อภรรยาทั้งที ต้องสุดฝีมือหน่อยล่ะ”
ศึกรบ มองปองฤทัยอย่างเกรงใจ
“ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้ร้านคุณวุ่นวาย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อะไรผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะค่ะ”
“ขอบคุณนะคุณปอง”
ศึกรบยื่นมือมารับช่อดอกไม้ พร้อมจับมือปองฤทัย ชโยดมที่กลับมา มองเห็นก็ไม่พอใจ ก่อนที่จะเดิน
เข้ามากระชากคอเสื้อศึกรบแล้วชกเต็มแรง จนเซไปอีกทาง ชโยดมจะตามไปซ้ำ ปองฤทัยตกใจ รีบเข้าไปห้าม
“คุณหมอคะ หยุดเถอะ”
ศึกรบหันมาจ้องหน้าชโยดม “ไอ้หมอ แกนี่มันบ้าขึ้นทุกวันแล้วนะ”
“แล้วพี่ทำอะไรคุณปองอยู่ล่ะ”
“คุณรบไม่ได้ทำอะไรปองนะคะคุณหมอ”
ชโยดม หันขวับมาทางปองฤทัยทันที
“ก็ผมเห็นกำลังจับมือคุณ คนแบบนี้โดนแค่หมัดมันยังน้อยไป ผมบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าทำแบบนี้อีก
พี่สาวผมกำลังป่วย ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“แกนี่มันพาลหาเรื่องฉันไปเรื่อยเลยนะหมอโย”
ชโยดมไม่ฟังจะชกเข้าอีกที ปองฤทัยดึงแขนไว้
“คุณหมอฟังปองก่อน คุณรบเขามาสั่งดอกไม้ให้พี่สาวคุณนะคะ”
ชโยดมเงื้อหมัดค้างไว้ พลางหันไปมองปองฤทัย
“ให้พี่ขวัญ?”
ปองฤทัย พยักหน้า “ใช่ค่ะ คุณรบจะเอาไปขอโทษคุณสู่ขวัญ”
“ก็เลยถือโอกาสจับมือขอบคุณ”
“คุณหมอ” ปองฤทัยเริ่มเสียงแข็ง
ชโยดมลดมือลง แต่แววตายังไม่ไว้ใจ ศึกรบเช็ดเลือดที่มุมปาก ในขณะที่ปองฤทัยโล่งใจ
แสงดาวกลับมาที่บ้าน ก็เข้าครัวทำกับข้าว เอามีดปังตอสับเขียงไปนึกถึงสู่ขวัญกับศึกรบไป
“คุณรบ คุณคิดว่าฉันมาทีหลัง แล้วฉันจะยอมง่ายๆงั้นเหรอ เห็นฉันเป็นตัวอะไร ฉันไม่เหมือน
นางบำเรอคนอื่นๆ ของคุณหรอกนะ”
แสงดาวกัดฟันกรอด พลางสับมีดแรงขึ้น เมื่อนึกถึงตอนศึกรบกับปองฤทัยคุยกันที่ร้านดอกไม้
“นังปองฤทัยก็อีกคน ทำมาแอ๊บเรียบร้อย นึกว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าที่แท้แกก็แรดเงียบ หวังจะจับคุณศึกรบ
อีกคน”
แสงดาวสับมีดลงไปเต็มแรง เงยขึ้นมาตาลุกวาว สีหน้าโกรธแค้นน่ากลัว
“ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะไม่เสียคุณให้ใคร ไม่มีวัน”
ใบหน้าแสงดาวยามนี้บูดเบี้ยวประหนึ่งคนโรคจิต
ปองฤทัยหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากหลังร้านให้ชโยดมทำแผลให้ศึกรบ
“ผมขอโทษนะพี่รบ เรื่องเมื่อกี้ ผมเข้าใจผิด”
ศึกรบยิ้ม “วันหลังนายควรจะถามก่อน ว่าอะไรเป็นอะไร เป็นหมอยังไงใจร้อนยังงี้”
“ผมใจร้อนไป เพราะเป็นเรื่องของพี่ขวัญพี่สาวผม”
“แล้วก็คุณปองฤทัยด้วย”
ชโยดมอึ้งที่ศึกรบรู้ทัน พยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องพี่ขวัญ ผมว่า พี่อย่าพยายามอีกเลยดีกว่า แค่ดอกไม้ช่อเดียว มันทดแทนความเจ็บปวดของใคร
ไม่ได้หรอก”
ศึกรบหน้าสลด ปองฤทัยที่นั่งอยู่ข้างๆ ชโยดมพยายามช่วยพูด
“แต่คราวนี้คุณรบคงอยากคืนดีกับพี่สาวคุณจริงๆ นะคะ”
“ทุกครั้งพี่รบก็พูดแบบนี้ล่ะครับ”
“คนเรามันผิดพลาดกันได้ทุกคน ขนาดเมื่อกี้คุณหมอยังพลาด แล้วคนอื่นละคะ”
ศึกรบถอนหายใจ แววตาเศร้า “ช่างเถอะครับคุณปอง อย่าพูดเลย”
“แต่คนทำผิดที่อยากแก้ไข เราน่าจะให้โอกาสกลับตัวนะคะคุณหมอ”
ชโยดมมองหน้าปองฤทัย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่บางโอกาสก็ควรให้กับคนที่สมควรได้เท่านั้นครับ แต่คนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกล่ะครับ”
ปองฤทัยได้ฟัง ก็นิ่งไป ศึกรบจ้องหน้าชโยดมอย่างหงุดหงิด
“ผมว่า พี่น่าจะรู้แล้วนะครับ ว่ามันไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวอีกแล้ว ความอดทนของทุกคนมันมีขีดจำกัด
พี่สาวผมก็เหมือนกัน”
ชโยดมนั่งทำแผลต่อไปเงียบๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
ไอวี่พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง เจ็บแผล จนนอนไม่หลับ พลางหันไปเรียกป้อม
“ป้อม ป้อม”
ป้อมรีบลุกไปดู พลางถามเสียงเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลเหรอ”
“เจ็บ เจ็บมาก”
“หมอสั่งยาแก้ปวดไว้ให้ เดี๋ยวป้อมเอาให้กินนะ”
ป้อมไปจัดการเทน้ำใส่แก้ว หยิบยามาให้ พลางพยุงไอวี่ลุกขึ้น ให้กินยา
“ทำไมวี่ต้องมาทรมานอย่างนี้ด้วยป้อม”
ไอวี่เสียงเศร้า
“มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากเจ็บอยากป่วยหรอก แต่ตอนนี้ มันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้
นะวี่”
“จะให้วี่ทนได้ยังไง วี่ใช้รูปร่างหน้าตาทำงานหาเงินมาทั้งชีวิต ถ้าไม่มีมัน แล้ววี่จะทำยังไง”
“มีงานอื่นสุจริตเยอะแยะที่เราทำได้นะ”
“ไอ้งานแบบนั้นทำทั้งชาติก็ไม่รวย”
ป้อม มองหน้าไอวี่ แล้วพยายามพูดเตือนสติ
“ไม่รวย แต่ก็ไม่เดือดร้อนใคร แถมไม่ต้องมีปัญหากับใคร ไม่มีคนคิดทำร้ายด้วยนะ”
ไอวี่ไม่สนใจ พลางนั่งเหม่อออกไปข้างนอก แล้วพูดพึมพำเบาๆ
“ป้อม วี่อยากเจอคุณรบ อยากให้เขามาเยี่ยมบ้างถ้าเขารู้ว่าวี่เป็นแบบนี้ เขาจะยังรักวี่อยู่ไหม”
ป้อมได้ยิน ก็หน้าเศร้า แต่พยายามฝืนยิ้ม
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอน 22 (ต่อ)
ชโยดมทำแผลให้ศึกรบเสร็จ ก็หันไปทางปองฤทัย
“คุณปองครับ”
“คะ?”
“วันนี้ป้อมจะอยู่เฝ้าไอวี่ที่โรงพยาบาลนะครับ คุณปองไม่ต้องห่วง”
“ป้อมโทรมาแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่บอก”
ศึกรบได้ยิน ก็หันมาถามด้วยความแปลกใจ
“ไอวี่เป็นอะไร”
“ทำไมครับ? เป็นห่วงขึ้นมาเหรอ” ชโยดมย้อนถาม
“ใช่สิ ยังไงเขาก็เคยเป็นลูกน้องพี่ เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“เขาโดนคนร้ายสาดน้ำกรด แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ จริงๆ คงไม่เกิดเรื่องกับไอวี่หรอกครับ ถ้าเขา
ไม่ยุ่งกับผู้ชายที่ไม่รู้จักพออย่างพี่”
ศึกรบถอนหายใจ “เมื่อไหร่นายจะเลิกมองฉันในแง่ร้ายซะทีวะหมอ”
“ผมว่าพี่ก็น่าจะไปเยี่ยมเขาซะหน่อย ไปดูว่าสิ่งที่พี่ทำลงไป มันส่งผลยังไงกับคนอื่นบ้าง”
ศึกรบเริ่มคิดหนัก เพราะรู้สึกเป็นห่วงไอวี่
ไอวี่นอนพักอยู่บนเตียง โดยมีป้อมนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ พลันเสียงเปิดประตูดังขึ้น ไอวี่หันไปมอง แล้วก็ยิ้ม
ดีใจ ป้อมสงสัยเลยหันตาม เห็นศึกรบเปิดประตูเข้ามาพร้อมของเยี่ยม
“คุณรบ”
ศึกรบวางของเยี่ยมไว้ข้างเตียง เข้าไปถามอาการไอวี่
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม”
ไอวี่ ดีใจที่ศึกรบมาเยี่ยม เข้าไปกอดศึกรบอย่างลืมเจ็บ น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน
“วี่ดีใจ วี่นึกว่าคุณรบจะไม่รู้ซะแล้ว คุณรบอยู่เฝ้าวี่นะคะ วี่อยากอยู่กับคุณ”
ป้อมยืนมองไอวี่กอดศึกรบ ด้วยความเสียใจ พลางค่อยๆหลบฉากเดินออกไปจากห้อง
ศึกรบค่อยๆ แกะมือไอวี่ออก
“ฉันอยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว”
“ทำไมคะ จะไปไหน อยู่ที่นี่ก็ได้ วี่ไม่อยากอยู่คนเดียว วี่กลัว ถ้าคนร้ายมันตามมาจะฆ่าวี่ วี่จะทำ
ยังไง”
“ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย มีแต่คนจะดูแลเธอนะ นายป้อมไง พี่เชื่อว่าต่อให้คนจะทำร้ายเธอ เขาจะ
ปกป้องเธอก่อนใคร”
ไอวี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “แต่วี่อยากอยู่กับคุณรบ”
“ฉันไม่ใช่คนดีนักหรอก ตอนนี้ปกป้องตัวเองก็ยังทำไม่ได้ เชื่อฉันเถอะ ว่าคนที่ดูแลวี่ได้ดีกว่าฉัน คือ
ป้อม คนที่เขายอมเฝ้าเธอทั้งวันทั้งคืน”
“วี่ไม่ได้รักเขา วี่รักคุณ”
“อย่ามารักฉันเลยวี่ ยังไงฉันก็รักขวัญมากที่สุด ฉันจะหาทางคืนดีกับเขาให้ได้”
ไอวี่ น้ำตาคลอ“เขาไม่สนใจไยดีคุณ แล้วจะไปง้อเขาอีกทำไม แต่สำหรับวี่ ถึงคุณรบจะเป็นยังไง วี่ก็
รับได้ ขอแค่คุณรบรักวี่ก็พอ วี่จะดูแลเอาใจคุณรบให้มากกว่าเมียคุณล้านเท่า”
ศึกรบ ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีประโยชน์หรอกวี่ อย่ามาจมปลักกับฉันเลย วี่ลองเปิดใจให้ป้อมเถอะ เขาดีกับวี่มากที่สุดแล้ว”
ศึกรบดูนาฬิกา ก่อนจะพูดกับไอวี่
“ฉันต้องไปแล้ว ไว้มีโอกาสจะมาเยี่ยมใหม่นะ”
ศึกรบเดินออกไปจากห้อง ไอวี่มองตาม แต่ไม่มีเสียง ไม่มีแรงแรงจะเรียก น้ำตาค่อยๆไหล ก่อนที่จะ
ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
ศึกรบเดินตามมาเจอป้อมนั่งหน้าเศร้าอยู่หน้าห้อง
“ทำไมมานั่งนี่ล่ะป้อม”
ป้อมเงยหน้าขึ้นมา พลางพูดเสียงเศร้า
“เขาไม่อยากให้ผมอยู่ในนั้นหรอกครับ”
“เขาอยากหรือเปล่าไม่สำคัญ สำคัญคือนายอยากดูแลเขารึเปล่า”
ศึกรบยิ้มให้ป้อม
“ถ้าอยากแล้วผมจะทำอะไรได้”
“ก็แค่ดูแลเขาให้ดี นายทำได้ และทำได้ดีด้วย เรื่องค่ารักษาไม่ต้องห่วง ฉันจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด”
“ไม่จำเป็น” ป้อมพูดเสียงดังเกือบจะเป็นตะคอก
“ทำไม”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ แล้วก็ไม่เหมือนเรื่องค่ารักษาแม่ผมด้วย คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้าแสงดาวทำร้ายไอวี่ แสงดาวเป็นคนของฉัน ฉันก็ต้องรับผิดชอบ ที่ทุกคนต้องมา
เจอเรื่องแบบนี้ก็เพราะฉัน ให้ฉันทำอะไรบ้างเถอะนะ”
ป้อมเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของศึกรบ ก็พูดไม่ออก
ป้อมกลับเข้ามาในห้อง เห็นไอวี่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ก็รีบเข้าไปปลอบ พลางจับมือไอวี่ไว้
“วี่ อย่าร้องไห้เลยนะ”
“คุณรบไม่รักไม่สนใจวี่แล้ว เพราะหน้าวี่มันเป็นแบบนี้ไปแล้วไง ฮือ”
ไอวี่โวยวายลั่น พลางพยายามจะดึงผ้าก๊อซออก ป้อมรีบห้ามไว้
“ไอวี่ หยุด อย่าทำแบบนี้”
“ไม่ ปล่อย”
ไอวี่ดิ้นไม่เลิก ป้อมผละออกมา พลางพูดเสียงดัง
“ได้ ชีวิตของวี่ อยากจะทำอะไรก็เรื่องของวี่ ไม่อยากหายไม่อยากดีขึ้น เพราะคนคนเดียวก็ตามใจ”
ไอวี่ เลิกโวยวาย แต่ร้องสะอื้นอยู่ ป้อมพูดต่อ
“เขาไม่ใช่ของวี่มาตั้งแต่แรก อย่าเสียใจเพราะผู้ชายคนนั้นอีกเลยนะ ฉันขอร้อง”
ไอวี่เบือนหน้าหนีป้อม แต่ยังร้องไห้ไม่หยุด ป้อมมองอย่างเศร้าๆ น้ำตาค่อยๆ ไหล
สู่ขวัญนอนหลับอยู่ในห้องนอน ศึกรบถือช่อดอกไม้เข้ามา ก่อนที่จะค่อยๆวางดอกไม้ไว้ใกล้ๆ พลางพูด
เสียงเบาๆ
“ผมอยากให้คุณตอนตื่นนะ แต่ไม่เป็นไร”
ศึกรบลูบผมสู่ขวัญ พลางมองภรรยาอย่างเศร้าๆ
“ผมรู้ว่าเจ้าช่อนี้ชดเชยสิ่งที่ผมทำกับคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะไม่ยอมปล่อยมันไป
อีก ผมจะเป็นคนใหม่ที่ดีกว่านี้ เพื่อคุณ ผมขอโทษ”
ศึกรบก้มลงไปจูบหน้าผากสู่ขวัญ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป สู่ขวัญลืมตาขึ้น มองไปช่อดอกไม้ของ
แล้วแอบยิ้ม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเฉยเมยเหมือนเดิม
“เรากำลังจะหย่ากับเขา เราต้องไม่ใจอ่อน อย่าให้อภัยเขาเด็ดขาด”
สู่ขวัญพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกสับสน
เช้าวันต่อมา ศึกรบถือถาดอาหารเช้าเดินเข้ามาในห้องนอนเงียบๆ สู่ขวัญตื่นแล้ว รู้ว่าศึกรบเข้ามา แต่
ทำไม่สนใจ
“ขวัญ ตื่นหรือยัง”
สู่ขวัญไม่ตอบ ศึกรบพูดต่อ
“ผมวางอาหารเช้าไว้นะ ตื่นมากินซะหน่อย แล้วก็กินยาจะได้หาย”
“เดี๋ยวฉันกินเอง คุณออกไปได้แล้ว”
สู่ขวัญพูดโดยไม่ยอมหันมามองหน้า ศึกรบหน้าเศร้า ทำท่าจะเดินออกจากห้อง จู่ๆสู่ขวัญก็ลุกพรวดขึ้น
ทำท่าพะอืดพะอม ศึกรบตกใจรีบหันกลับไปดู สู่ขวัญลุกจากที่นอนวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ ศึกรบรีบตามเข้าไปดู พลางช่วยลูบหลังให้
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป ไป”
“คุณไม่สบายยังจะมาทำเก่งอีก ทำไมคุณถึงดื้อนักนะขวัญ”
ศึกรบทำเสียงดุ สู่ขวัญนั่งลงอย่างหมดแรง ศึกรบมองสักพัก ตัดสินใจช้อนตัวภรรยาขึ้นมาอุ้ม สู่ขวัญ
ตกใจจะโวยวาย แต่ก็ไม่มีแรง
ศึกรบอุ้มสู่ขวัญไปนอนบนเตียง ก่อนที่จะจัดการเทน้ำให้ดื่ม และห่มผ้าให้อย่างดี สู่ขวัญมองการ
กระทำของศึกรบ ด้วยความสับสน
ในขณะที่ไอวี่ ก็นอนกระสับกระส่ายไปมา พลางพึมพำไม่เป็นภาษา
“อย่า อย่าเข้ามา”
ไอวี่ลืมตาขึ้น มองไปปลายเตียง เห็นแสงดาวยืนอยู่ จ้องมองด้วยแววตาโกรธแค้น
“นังไอวี่ แกจะแย่งคุณรบไปจากฉันงั้นเหรอ”
ไอวี่มองอย่างตกตะลึง กลัวจนตัวสั่นไปหมด
“แกจะทำอะไรฉัน”
“ตาย คนอย่างแกมันต้องตาย”
ไอวี่ กลัวจนลนลาน “อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน”
แสงดาวควักมีดขึ้นมา พุ่งเข้ามาจะแทงไอวี่
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ไอวี่ตกใจตะเกียกตะกายหนีลงจากเตียง ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปตามทางเดินโรงพยาบาลอย่าง
ยากลำบากเพราะเรี่ยวแรงไม่ค่อยมี แสงดาววิ่งไล่ตามมาเรื่อยๆ จนจะตามไอวี่ทัน ไอวี่พยายามวิ่งหนี แต่ก็สะดุดล้มลงกับพื้น
ไอวี่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แสงดาวตามมาทัน จิกหัวไอวี่ขึ้นมาจะเอามีดแทง ไอวี่ฮึดสู้จับมือ
แสงดาวไว้ เกิดการยื้อกันขึ้น ในที่สุดไอวี่ก็เหวี่ยงมือแสงดาว จนมีดกระเด็น พลางพยายามคลานหนี แสงดาวเดินไปหยิบมีดได้ เดินเข้ามาสีหน้าเคียดแค้น
“คนอย่างแกมันโง่ไม่เคยเปลี่ยน คิดเหรอว่าจะสู้ฉันได้”
ไอวี่พยายามหนีอีก แต่ก็ไปไม่ไหวแล้ว แสงดาวคว้าตัวไอวี่ได้
“ตาย”
แสงดาวเอามีดแทงไอวี่ ไอวี่กรีดร้องลั่น แสงดาวกระหน่ำแทงซ้ำ พลางหัวเราะสะใจไปด้วย
ไอวี่กรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมา ป้อมตกใจตื่นตามไปด้วย
“เป็นอะไรวี่”
ป้อมเดินเข้าไปดู ไอวี่ร้องไห้ ด้วยความตกใจกลัว
“มันจะฆ่าวี่ มันจะฆ่าวี่ ฮือ”
“ใครจะฆ่าเธอ”
“นังแสงดาว มันเอามีดไล่แทงวี่”
ป้อมมองด้วยความสงสาร ตัดสินใจคว้าตัวไอวี่เข้าไปกอด
“แค่ความฝันนะวี่ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ไม่เป็นไร”
ไอวี่ร้องไห้ โผเข้ากอดป้อมแน่นเหมือนคนต้องการหาที่พึ่ง
“อย่าไปไหนนะป้อม”
“ไม่ไปหรอก ฉันจะอยู่ที่นี่ ฉันจะดูแลวี่เอง”
ไอวี่กอดป้อมทั้งน้ำตา เริ่มรู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอน 22 (ต่อ)
ศึกรบเช็ดหน้าเช็ดแขนให้สู่ขวัญ สู่ขวัญจับสังเกตอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา
“ขอบคุณ”
ศึกรบชะงัก “คุณว่าไงนะ”
“ขอบคุณที่ช่วย”
สู่ขวัญตอบ พลางมองไปทางอื่น ศึกรบแอบยิ้ม
“คุณดูไม่ดีขึ้นเลยขวัญ ไปหาหมอเถอะนะ เดี๋ยวผมพาไป”
“ฉันไม่ไป”
ศึกรบถอนหายใจ “หรือว่าคุณไม่อยากไปกับผม? ให้ผมตามน้องชายคุณมารับก็ได้”
“ไม่ต้อง”
“โธ่ ขวัญ” ศึกรบเริ่มอ่อนใจ
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันอยากพัก”
“แล้วอาหาร”
“ฉันกินไม่ลง”
สู่ขวัญพูดพร้อมกับแกล้งหลับตาลง ศึกรบถอนหายใจ
ชโยดมนั่งทำงานอยู่ในห้อง ครู่หนึ่งพยาบาล ก็เข้ามายื่นซองเอกสารให้
“ผลตรวจเลือดของคุณสู่ขวัญค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ชโยดมเปิดออกดู
“พี่ขวัญ”
ชโยดมยิ้ม ดีใจ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาสู่ขวัญ
“พี่ขวัญ ทำไมไม่รับสายนะ”
ชโยดมถือสายรออยู่ครู่หนึ่ง พยาบาลอีกคน ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง ท่าทางร้อนรน
“คุณหมอคะ มีคนไข้หอบกำเริบค่ะ อยู่ห้องฉุกเฉิน”
ชโยดมรีบตัดสายทิ้ง แล้วลุกขึ้นทันที
“งั้นรีบไปกันเถอะ”
แสงดาวเดินมาแอบดูที่ข้างรั้ว พลางมองเข้าไปในบ้านของศึกรบ เห็นศึกรบพาสู่ขวัญออกมานั่งเล่น
หน้าบ้าน สู่ขวัญถึงจะไม่แสดงอาการอะไร แต่ก็ไม่ขัดขืนหรือโวยวายเหมือนก่อน
“มีความสุขกันนักนะ”
แสงดาวกัดฟันกรอก มือกำแน่น ด้วยความแค้น
สู่ขวัญนอนพักอยู่ในห้อง ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น สู่ขวัญควานหา ก่อนที่จะกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“คุณขวัญเหรอคะ ดาวรบกวนคุยสักครู่ได้ไหมคะ”
แสงดาวแกล้งทำเสียงแบบเจียมเนื้อเจียมตัว
“แสงดาว? มีอะไรอีก ฉันไม่ค่อยสบาย”
“ดาวอยากนัดเจอคุณค่ะ พอจะสะดวกไหมคะ”
“ฉันไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน” สู่ขวัญรีบปฏิเสธ
“แต่นี่เรื่องสำคัญจริงๆนะคะ”
“อะไร”
“ดาวรู้มาว่าคุณรบยังแอบเจอกับปองฤทัย เจ้าของร้านดอกไม้นั่นอยู่ค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นคนรักของน้องชายฉัน”
แสงดาวเบ้ปาก “แล้วผู้หญิงเขารักน้องชายคุณรึเปล่าละคะ คุณขวัญแยกกันอยู่กับคุณรบ นี่ก็ไม่สบาย
อีก จะรู้อะไรละคะ ว่าลับหลังน่ะ เขาสองคนไปทำอะไรกัน”
“เธอมีหลักฐานงั้นเหรอ”
แสงดาว แอบยิ้มที่เห็นสู่ขวัญเริ่มมีทีท่าสนใจ
“ถ้าคุณอยากรู้ ไปที่ร้านดอกไม้นั่นเย็นนี้ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง”
แสงดาวตัดสายไป สู่ขวัญเริ่มกังวลใจ
ปองฤทัยกำลังจัดดอกไม้ให้ลูกค้าอยู่ เสียงโทรศัพท์ในร้าน ก็ดังขึ้น ปองฤทัยรีบวิ่งไปรับ
“สวัสดีค่ะ”
“ใช่ร้านดอกไม้รึเปล่าคะ”
แสงดาวที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้านของศึกรบ ดัดเสียงพูดไปตามสาย
“ใช่ค่ะ สนใจสั่งดอกไม้หรือคะ”
“ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านบ้านคุณศึกรบ”
ปองฤทัยแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินชื่อศึกรบ
“วันนี้คุณรบไม่ว่างเหรอคะ เห็นปกติจะมาสั่งด้วยตัวเอง”
“คุณรบต้องดูแลคุณขวัญ เลยให้ฉันโทรมาแทนค่ะ”
“อ๋อ ค่ะ” ปองฤทัยพาซื่อ “เอาแบบไหนดีคะ”
“ขอดอกลิลลี่กับกุหลาบนะคะ ตอนเย็นจะไปรับค่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเตรียมไว้ให้ ขอบคุณมากนะคะ”
แสงดาววางสาย พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
ป้อมกำลังนั่งป้อนข้าวให้ไอวี่ แต่จู่ๆไอวี่ก็นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“อิ่มแล้วเหรอ กินไปไม่เท่าไหร่เองนะ”
ไอวี่ ส่ายหน้า “เปล่า แค่กำลังคิดอะไรอยู่”
“บอกป้อมได้ไหม”
“เรื่องที่วี่โดนสาดน้ำกรดจนมีสภาพแบบนี้ อย่าไปบอกใครได้ไหมป้อม”
ไอวี่พูดเสียงเศร้า
“แม้แต่พ่อกับแม่เธอเหรอ”
“ใช่ จะพ่อแม่ หรือเปรี้ยวหรือใคร ก็อย่าบอก”
“ทำไมล่ะ” ป้อมแปลกใจ
“ดูสภาพวี่สิ เป็นแบบนี้ไปไหนใครเขาก็รังเกียจ วี่ทนไม่ได้หรอก”
ป้อมมองไอวี่ ด้วยความสงสารจับใจ
“ไม่เห็นยาก ใครรังเกียจไม่อยากคบเรา เราก็ไม่ต้องคบ ดีซะอีก จะได้รู้ว่าใครที่ไม่จริงใจ แล้วใคร ที่รัก
เราจริงๆ”
“รู้แล้วจะได้อะไร” ไอวี่หน้าเศร้า “ขนาดวี่โดนแบบนี้ ยังไม่มีคนใกล้ตัวคิดจะตามหาด้วยซ้ำ ไม่ต้องรู้ก็ดี
แล้ว”
“พ่อแม่วี่ อาจจะเป็นห่วงก็ได้นะ เขาควรจะเห็นใจวี่มากกว่า”
“ป้อมไม่รู้จักพวกเขาดีเท่าฉัน ขอร้องล่ะ อย่าบอกใคร วี่ไม่อยากตอบคำถามอะไรทั้งนั้น”
“แล้วงานวี่ล่ะ”
“หน้าแบบนี้ จะไปทำงานพริตตี้คงไม่ได้แล้ว ส่วนงานที่โรงแรมเลอวิมาน วี่คงต้องออก คุณรบก็ไม่ได้ทำ
ที่นั่นแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ ไอวี่ก็ยิ่งเศร้าลงไปอีก
ศึกรบเตรียมอาหารกำลังจะเอาขึ้นไปให้สู่ขวัญ พลันเสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น ศึกรบกดรับสาย
“ครับ”
แสงดาวแอบยิ้ม พลางพยายามดัดเสียง แล้วพูดเสียงเบาๆ
“คุณรบเหรอคะ”
“ครับ ว่าแต่ใครครับผมได้ยินไม่ชัดเลย”
“ปองเองค่ะ”
ศึกรบแปลกใจ “คุณปอง? คุณอยู่ไหนครับเนี่ย เสียงแปลกๆ เบอร์ก็แปลกๆด้วย”
“ปองอยู่หน้าร้านค่ะ นี่เบอร์สำรองของที่ร้าน แต่สัญญาณไม่ค่อยดี ปองไม่ค่อยสบายด้วย เสียงเลยอู้อี้”
“งั้นเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม”
แสงดาวยิ้ม ที่เห็นศึกรบติดกับ
“นิดหน่อยค่ะ ว่าจะไปหาหมอ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย แม่กับน้องออกไปข้างนอกกันหมด ไม่รู้เมื่อไหร่
กลับ”
“ผมพาคุณไปได้นะ”
“จริงเหรอคะ”
“แต่ตอนนี้คงไม่ได้นะครับ”
แสงดาว จิกตาร้าย แอบสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“ตอนเย็นๆ ก็ได้ค่ะ ไว้ร้านปิดแล้วไปตามคลินิกนอกเวลาก็ได้”
“โอเคครับ ไว้เจอกัน”
ศึกรบเอาถาดอาหารกลางวันขึ้นมาให้ สู่ขวัญมองด้วยสายตาเย็นชา
“กินข้าวกันนะขวัญ”
“ฉันไม่หิว”
ศึกรบ มองหน้าสู่ขวัญแบบงงๆ “เป็นอะไรอีกล่ะ ลุกไหวไหม ไม่ไหวผมป้อนก็ได้”
สู่ขวัญถามศึกรบนิ่งๆ
“เย็นนี้คุณจะไปไหนรึเปล่า”
“ผมมีธุระต้องไปทำตอนเย็น คุณมีอะไรเหรอ”
สู่ขวัญไม่ตอบ แต่ผลักจานข้าวทิ้งอย่างโมโห แล้วก็หันไปนอนไม่สนศึกรบอีก
“เอาไปเก็บ ขวัญไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว”
ศึกรบงงๆ พลางรีบเก็บจานข้าวออกไปจากห้อง สู่ขวัญแอบมองตามโกรธๆ
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอน 22 (ต่อ)
ศึกรบเดินลงบันไดมาจากชั้นบน สู่ขวัญแอบเปิดประตูห้องดู เห็นศึกรบลงไปแล้ว เลยรีบตามไปดู
ศึกรบเดินออกจากบ้านไปที่รถ สู่ขวัญแอบมองด้วยความแค้นใจ
“คนโกหก”
รถศึกรบค่อยๆขับออกจากบ้านไป สู่ขวัญรีบกลับเข้าไปในบ้าน
ชโยดม เพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน แล้วก็นึกขึ้นได้ จึงรีบโทรหาพี่สาว ในขณะที่สู่ขวัญกำลังจะออกไป
ร้านดอกไม้
“ฮัลโหล”
“พี่ขวัญ โยเอง” ชโยดมพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“มีอะไรโย ทำเสียงเหมือนมีอะไรน่าตื่นเต้นนะ”
“ตื่นเต้นสิ แล้วก็ข่าวดีมากๆ ด้วย ต้องบอกพี่ขวัญเดี๋ยวนี้”
“ไว้ค่อยคุยกันได้ไหมโย” สู่ขวัญไม่ตื่นเต้นด้วย
“แป๊บเดียวก็ไม่ได้เลยเหรอ”
“พี่ต้องไปจัดการเรื่องสำคัญบางอย่าง”
“เรื่องอะไร?”
“ศึกรบ คนทรยศ เขาโกหก เขายังคบเจ้าของร้านดอกไม้นั่น”
ชโยดมตกใจที่ได้ยินชื่อปองฤทัย
“พี่ขวัญเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“ที่ไหนก็ช่าง โยก็ควรจะเลิกหน้ามืดตามัวได้แล้ว เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ซะที”
“พี่ขวัญ ใจเย็นก่อนดีกว่านะ ฟังผมก่อน”
สู่ขวัญ หน้าตึง
“ไม่ ถ้าอยากรู้ว่าอะไรเป็นยังไง ไปเจอกันที่ร้านดอกไม้ จะได้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย”
สู่ขวัญตัดสาย แล้วรีบขับรถไปที่ร้านปองฤทัย
ชโยดมใจคอไม่ดี รีบถอดชุดกราวน์ออก แล้ววิ่งไปที่ลานจอดรถทันที
ศึกรบขับรถมาถึงร้านของปองฤทัย ก็รีบลงมาจากรถ ปองฤทัยมองมาจากข้างในร้าน หยิบช่อดอกไม้
แล้วรีบเอาออกไปให้ข้างนอก
“ดอกไม้ของคุณ ได้แล้วค่ะ”
ศึกรบ มองปองฤทัยงงๆ
“ของผมเหรอ แล้วไหนว่าคุณไม่สบาย คุณก็ดูแข็งแรงนี่”
“ปองสบายดีนี่คะ ปองบอกเหรอคะว่าไม่สบาย”
“ใช่ คุณบอก แล้วผมก็ไม่ได้สั่งดอกไม้ด้วย”
ศึกรบกับปองฤทัย ทองหน้ากันงงๆ จังหวะนั้นสู่ขวัญก็ขับรถมาถึงพอดี เห็นทั้งคู่ยืนคุยกันก็โมโหจน
ขาดสติ
“คนทรยศ คนโกหก อย่าอยู่เลย”
สู่ขวัญเหยียบคันเร่งจะขับพุ่งเข้าไปจะชน ศึกรบหันไปมองเห็นรถพุ่งเข้ามา ปองฤทัยกรี๊ดลั่น ศึกรบรีบ
เอาตัวบังปองฤทัยไว้
สู่ขวัญเห็นศึกรบปกป้องปองฤทัย ก็ยิ่งเสียใจ จนเสียจังหวะ จะเบรกแต่ก็ไม่ทันแล้ว ตัดสินใจหักหลบ
รถเฉี่ยวศึกรบไปชนต้นไม้ ต้นไม้ค่อยๆล้มลงมา ศึกรบผลักปองออกไป ต้นไม้ใหญ่ล้มลงมาทับศึกรบจนหมดสติไป
ปองฤทัย ตกใจ “คุณรบ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ชโยดมขับรถมาถึงพอดี เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบวิ่งเข้ามาหาปองฤทัย
“คุณหมอ ช่วยคุณรบด้วย ช่วยด้วย”
“ไปเรียกรถพยาบาล” ชโยดมรีบหันไปบอกปองฤทัย
“ค่ะ”
และเมื่อชโยดมหันไปมองรถอีกคันก็ตกใจ
“รถพี่ขวัญ”
ชโยดมรีบเข้าไปดู เห็นสู่ขวัญหมดสติอยู่ในรถ เลือดไหลอาบหน้าผาก
พยาบาลช่วยกันเข็นเตียงของศึกรบกับสู่ขวัญไปที่ห้องฉุกเฉิน ชโยดมกับปองฤทัย รีบวิ่งตามมาดู
อาการ ด้วยความร้อนใจ
“ถ้าคุณรบไม่มาหาปอง คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้”
“อย่าโทษตัวเองคุณปอง อะไรจะเกิดก็เกิด เราห้ามไม่ให้เขามาไม่ได้”
“ทั้งคู่จะเป็นอะไรมากไหมคะ”
“ถึงมือหมอแล้ว ยังไงทุกคนต้องพยายามอย่างเต็มที่ครับ”
ชโยดมเองก็กังวลใจไม่แพ้กัน แต่พยายามไม่คิดมาก ปองฤทัยสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น
ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง แสงดาวแอบมองด้วยความเป็นห่วง และเสียใจ
“คุณรบคะ ดาวไม่ตั้งใจ ดาวขอโทษ”
สู่ขวัญนอนหลับอยู่ในห้องผู้ป่วย มีผ้าพันแผลพันรอบตัว พยาบาลเข้ามาในห้องจะวัดความดัน แต่สังเกตเห็นบางอย่าง สู่ขวัญค่อยๆขยับตัว พยาบาลรีบเข้าไปดู
“คุณคะ คุณคะ”
สู่ขวัญลืมตาขึ้นมา แต่ยังเบลอๆอยู่
“ฟื้นแล้วเหรอคะ เดี๋ยวฉันเรียกคุณหมอให้นะ”
สู่ขวัญพยายามจับแขนพยาบาลไว้
“คุณ”
“คะ?”
“เกิดอะไรขึ้น”
“คุณเกิดอุบัติเหตุค่ะ แต่ว่าปลอดภัยแล้ว มีกระดูกหักบ้าง เดี๋ยวคงดีขึ้น แต่ว่า”
พยาบาลอึกอัก จนสู่ขวัญเริ่มสงสัย
“อะไร”
“เด็ก เสียใจด้วยค่ะ ที่เราช่วยเขาไว้ไม่ได้”
“เด็ก?”
“ค่ะ ลูกของคุณ”
“ลูก ฉันท้องเหรอ ไม่ เป็นไปไม่ได้”
สู่ขวัญร้องไห้โฮ พยาบาลรีบปลอบ
“คุณคะ ทำใจดีๆ ไว้ค่ะ”
ชโยดมกับปองฤทัยเดินมาที่หน้าห้องผู้ป่วยอาการโคม่า พลางมองผ่านห้องกระจกเข้าไป
“หลายวันแล้ว คุณรบยังไม่ดีขึ้นเลย”
ปองฤทัย หน้าเศร้า
“ปองไม่คิดว่าเขาจะต้องมาเจ็บหนักขนาดนี้”
“อาการภายนอกอาจจะดูไม่เป็นไรนะครับ แต่หัวกระแทกแล้วก็อวัยวะภายในบอบช้ำ ก็อาจจะทำให้ยัง
ไม่ฟื้นขึ้นมาทันที”
“คุณรบจะหายเป็นปกติไหมคะ”
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับกำลังใจของเขาแล้วล่ะครับ”
ปองฤทัยน้ำตาคลอ
“ปองไม่เคยอยากเห็นใครต้องมาเจ็บตัวแทนปองแบบนี้เลย จริงๆ คนที่ควรไปนอนอยู่ตรงนั้น ควรจะ
เป็นปอง”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ในเมื่อเราโชคดีไม่เป็นอะไร เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
“แล้วคุณสู่ขวัญล่ะคะ คุณจะทำยังไงต่อ จะบอกเธอหรือเปล่า”
ชโยดม ส่ายหน้าช้าๆ
“พี่ขวัญยังไม่ควรรู้เรื่องนี้ ตอนนี้เจ้าตัวคงช็อกมากอยู่แล้วที่ต้องเสียลูกไป”
“ลูก เธอท้องเหรอคะ”
อ่านต่อตอนที่ 23