เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 23
จามจุรีแจกพระใส่มือมอลลี่กับลูกกอล์ฟ
“กันไว้ดีกว่าแก้ เรื่องพรรค์นี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” จามจุรีบอก
ทั้งสองรับมาแล้วรีบยกมือไหว้บูชาท่วมหัวแล้วก็สวมคอทันที
“อูย..เชื่อสิคะทำไมจะไม่เชื่อ เรื่องผีๆ นี่มันเข้าใครออกใครที่ไหน” มอลลี่หันไปถาม “จริงมั้ยไอ้ลูกกอล์ฟ”
มอลลี่หันไปป๊ะลูกกอล์ฟที่ทำหน้าเหี่ยว ลิ้นห้อยดูน่ากลัว
“อร๊าย!! ไอ้บ้า” มอลลี่ตีเพียะๆ “นี่แกจะบ้าเรอะ อยู่ดีๆ มาทำหน้าย่นยังกะตกตึกลงมากับยัยเลขาฉัตรงั้นแหละ”
ลูกกอล์ฟโวยทันที “เจ๊มอล!! ทำไมพูดงั้นล่ะ!! คนยิ่งกลัวๆ อยู่”
“กลัวก็กลัวเฉยๆ สิวะ ทำไมต้องทำหน้าย่นเป็นผีลิ้นห้อยขนาดนั้นด้วย”
“ก็..ไม่รู้อ่ะ..ชิงหลอกไว้ก่อน..เผื่อผีเลขาฉัตรจะกลัว”
มอลลี่คิดในใจว่ากูล่ะเบื่อ “ใครสั่งใครสอนแกมาวะ..ไอ้ลูกกอล์ฟ?”
ลูกกอล์ฟส่ายหน้า “คิดเอง”
“ว่าแล้ว!!”
จามจุรีตัดบท “เอาล่ะๆๆ..แหม..พวกเธอนี่จะขี้กลัวเว่อร์เกินไปแล้ว กลับขึ้นไปทำงานเถอะ”
“แหมๆๆ..ขี้กลัวเว่อร์? แล้วใครกันคร้าบ ที่ชวนพวกเราลงมากินกาแฟที่นี่” ลูกกอล์ฟ
“จริงด้วย” มอลลี่เลียนเสียงจามจุรี “ชั้นว่า บรรยากาศมันวังเวง พวกเราลงไปกินกาแฟข้างล่างกันดีกว่า”
ลูกกอล์ฟเลียนเสียงจามจุรี “เผื่อเม้าท์ไปเม้าท์มา เลขาฉัตรโผล่มาเม้าท์ด้วยล่ะแย่เลย”
มอลลี่กับลูกกอล์ฟพูดพร้อมกัน “ใครน้อ?!”
จามจุรีตีหัวเพียะๆ ทั้งคู่ “นี่แน่ะๆ!! ฉันก็แค่หวังดีย่ะ” จามจุรีทำหน้าตาจริงจัง “เด็กๆ อย่างพวกเธอคงไม่เคยได้ยินหรอกที่โบราณท่านว่าผีตายโหงน่ะ 3 วันแรกจะเฮี้ยนมาก” จามจุรีทำจมูกฟุดฟิด “เฮ่ย..ได้กลิ่นอะไรมั้ย?”
ทั้งสองคนเริ่มสยอง
มอลลี่กับลูกกอล์ฟอุดจมูก “เออ..เหม็นอะไรอ่ะ ยังกะอะไรเน่า?”
จามจุรีตาโตก่อนจะกลืนน้ำลายเอื้อกแล้วเล่าต่อ “วิญญาณมักจะมาวนเวียนอยู่กับที่ๆ เค้าคุ้นเคยหรือไม่ก็มาหาคนที่เค้ารัก”
ทั้งสองพูดพร้อมกันเสียงดังลั่น “ไม่นะ!! เราไม่เคยรักเลขาฉัตรเลยนะ”
ทันใดนั้น พุ่มไม้ด้านหลังก็สั่นขึ้นมาอย่างแรงทันที ทั้งสามร้องลั่นแล้วกระโดดกอดกันแน่น ก่อนจะพนมมือไหว้มือไม้สั่น ทั้งสามหลับหู หลับตาพูดกับพุ่มไม้
“ไม่นะ!! หนูฉัตร!! ฉันไม่เคยเกลียดหนูเลยนะ ฉันไม่ได้พูดนะ!! ไอ้ 2 คนนี้มันพูด!”
“เย้ย!! ปะปะเปล่านะจ๊ะ” ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“พี่เคยแบ่งน้ำเต้าหู้ให้น้องฉัตรนะคะ” มอลลี่บอก
“ไม่จริง!! ถุงนั้นพี่เป็นคนจ่ายตังค์นะน้องฉัตร” ลูกกอล์ฟว่า
พุ่มไม้สั่นแรงขึ้น
“ไม่ไหวละเว้ย!! เฮี้ยนจริงๆ เว้ย”
“แล้วจะอยู่ทำไมล่ะเว้ย วิ่ง!” มอลลี่ตะโกน
ทั้งสองวิ่งตูดชี้ออกไป ทิ้งให้จามจุรียืนพนมพระไหว้ในมือหลับหูหลับตาสวดมนต์พร่ำพูดปากคอสั่น
“ไปสู่ที่ชอบๆ เถอะนะจ๊ะหนูฉัตรจ๋า อย่าห่วง อย่าคิดถึง อย่ามา แล้วฉันจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้”
ทันใดนั้น รปภ. ยิ้มก็แหวกพุ่มไม้แล้วเอาแต่หน้าโผล่มาทันที “เจอแล้ว!!”
จามจุรีตกใจสุดขีด “กริ๊ด ผีหลอก!”
จามจุรีวิ่งหนีไป ยิ้มงงๆ ก่อนจะแหวกพุ่มไม้ออกมาพร้อมถุงดำในมือแล้วมองตามไป
“อะไรวะ? ผีที่ไหน จะบอกว่า หนูตายตัวเบ่อเร่อ” ยิ้มชูถุงขึ้น “หาเจอแล้ว”
ยิ้มงงๆ
กนกรัตน์มองซ้ายมองขวาก่อนจะค่อยๆ ก้าวไปที่โต๊ะทำงานของปาริฉัตรที่บรรยากาศวังเวง เธอกวาดตาดูข้าวของบนโต๊ะที่จัดวางอยู่เป็นระเบียบเหมือนเดิม ก่อนจะมองที่เครื่องพริ้นท์รูป แล้วรีบพุ่งไปค้นหาเอกสารแถวนั้น สุดท้ายกนกรัตน์ก็มองไปที่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน ก่อนจะพุ่งมาเพื่อจะเปิดลิ้นชักแต่ก็ล็อค กนกรัตน์เซ็งและโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจ
กนกรัตน์พึมพำ “มันยังจะมีซ่อนไว้ที่ไหนอีกนะ?!”
เสียงประกายเดือนดังขึ้น “หาอะไรอยู่เหรอคะคุณ?!”
กนกรัตน์สะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันขวับมาเห็นว่าเป็นประกายเดือนก็รีบเนียน “เอ่อ..ก็..อยากได้กระดาษเปล่าซักแผ่นนึงน่ะค่ะ”
ประกายเดือนที่กอดแฟ้มเอกสารอยู่มองๆ แล้วเดินไปหยิบตรงเครื่องพริ้นต์มาส่งให้
“นี่ค่ะ”
กนกรัตน์ยิ้มหวาน “ขอบคุณมากนะคะ”
พูดจบกนกรัตน์ก็รีบเดินออกไป ประกายเดือนมองตามด้วยสายตาสังเกตก่อนจะตวัดสายตาไปที่ลิ้นชักโต๊ะของปาริฉัตรที่ล็อคอยู่
ประกายเดือนวางแฟ้มลงตรงหน้านัครินทร์ นัครินทร์ช้อนสายตามองประกายเดือนที่ยังยืนคิดอะไรอยู่ นัครินทร์สะกิดแต่ประกายเดือนยังเฉย สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นรวบตัวแล้วจุ๊บทันที
“อร้าย!! จะบ้าเหรอคุณ?”
“คุณแหละ!! สะกิดตั้งนานก็ไม่หัน คิดอะไรอยู่ฮะ?” นัครินทร์เหล่ “มีกิ๊กป่ะเนี่ย?”
ประกายเดือนผลักนัครินทร์หน้าหงาย “บ้า!! ฉันไม่ใช่คุณนี่นะจะได้มีกิ๊ก”
“กุ๊กกิ๊กอะไร? ไม่มีแล้ว..ผมเลิกหมดแล้ว..มีเมียคนเดียว”
“นี่!! เดี่ยวใครได้ยิน” ประกายเดือนว่า
“ดี!! ได้ยินก็ดี!! ให้รู้ๆ กันซะที อะไรกัน? คนจะมีเมียทั้งที จดทะเบียนแล้วยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่เข้าใจ ไม่Get!”
ประกายเดือนไม่พูดอะไร เธอได้แต่ถอนหายใจเฮือก
“แหม..สามีพูดแค่นี้ทำถอนใจเฮือก”
ประกายเดือนพูดเสียงเหนื่อยๆ “เปล่า..ไม่เกี่ยว”
“อ้าว” นัครินทร์มองห่วงๆ “งั้นเป็นไรฮะเมียจ๋า”
ประกายเดือนคิดนิดนึง “สงสารคุณฉัตร”
นัครินทร์เข้าใจแต่ก็พูด “เอาน่ะ” นัครินทร์ตบหลังเบาๆ เพื่อปลอบใจ “เครียดไปก็เท่านั้น”
ประกายเดือนหน้ามุ่ย “ไม่เท่านั้นน่ะสิ..เป็นห่วงตะวันด้วย”
นัครินทร์งง “เป็นห่วงคุณพยาบาล? เกี่ยวไรกันฮะ?”
ประกายเดือนคิดแล้วก็ทำท่าจะบอก
แล้วประกายเดือนเปิดแฟ้ม “อ่ะ..รีบๆ เซ็นต์เหอะ..ท่านประธานรออยู่”
นัครินทร์ค้อน “รับทราบฮะเมียจ๋า” นัครินทร์ก้มหน้าก้มตาเซ็นต์ลายเซ็นต์
ประกายเดือนยังคิดห่วงปานตะวันและคลางแคลงใจกนกรัตน์
นาคินทร์ปิดแฟ้มหลังเซ็นต์เอกสารเสร็จ เขาเงยมองประกายเดือนที่ยืนอยู่อย่างเกรงใจ
“ช่วงนี้คุณเดือนเลยต้องหนักหน่อย งานนายนัคก็มากอยู่แล้ว ยังต้องมาช่วยทางผมอีก”
ประกายเดือนยิ้ม “ยินดีค่ะ ไหวค่ะ ท่านประธาน”
กนกรัตน์นั่งอ่านนิตยสารไฮโซอยู่ก็จิกตามองอย่างไม่พอใจ
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ “พี่สาวคุณน่ะใจดำจังนี่ถ้ายอมมาช่วยเป็นเลขาฯให้ผมอย่างที่ยัยนารถเสนอ น้องสาวก็คงไม่ต้องเหนื่อยอย่างนี้”
กนกรัตน์ตาโตแล้วลุกพึ่บทันที
กนกรัตน์พูดเสียงหวาน ก่อนจะโอบนาคินทร์แสดงความเป็นเจ้าของ “พี่คินน่ะ..จะต้องไปรบกวนคนอื่นเค้าทำไมล่ะค่ะ? เคทอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
ประกายเดือนเบะปาก “เดือนขอตัวนะคะท่านประธาน”
“ครับ” นาคินทร์นึกได้ “จริงสิคุณเดือน เอกสารที่ผมเคยส่งให้นายนัคเซ็นต์ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ยังไม่ได้ส่งกลับมานะครับ”
“อ๋อ..ค่ะ!!” ประกายเดือนทำหน้าจ๋อย “เดือนส่งกลับไปไว้ที่คุณฉัตรแล้ว กำลังตามอยู่ค่ะว่าไปอยู่ที่ไหน ยังไงจะรีบตามให้พบแล้วนำมาส่งโดยเร็วค่ะ”
“ขอบคุณครับ ลูกค้าถามมาน่ะครับ ยังไงเร่งให้ด้วยนะครับ”
“ค่ะ ท่านประธาน” ประกายเดือนเดินออก
กนกรัตน์พูดเลย “เห็นมั้ยคะ? นี่ถ้าพี่คินให้เคทช่วยทุกอย่างก็จะรวดเร็วกว่านี้”
ประกายเดือนชะงักแต่ก็ไม่หันมา
นาคินทร์เปลี่ยนเรื่องแล้วมองชุดสีสันของกนกรัตน์ “กนกจะไม่ไปงานศพคุณฉัตรกับพี่เหรอครับ?”
กนกรัตน์อึกอักนิดนึง “เอ่อ..”
ประกายเดือนรอฟัง
กนกรัตน์เสียงหวาน “เอาจริงๆ นะคะ..ปีนี้เคท ‘ชง’ น่ะค่ะ.. เค้าห้ามไปงานศพน่ะค่ะ จะไม่ดี” กนกรัตน์อ้อน “พี่คินอย่าว่าเคทนะคะ”
นาคินทร์ที่เหวอๆ อยู่ แต่ก็พูด “ไม่เป็นไรครับ..แล้วแต่กนก”
กนกรัตน์ยิ้มแฉ่ง ประกายเดือนสงสัยว่าอะไรเนี่ย
ปานตะวันวางถ้วยข้าวต้มหมูแล้วนั่งลง
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ เป็นเชิงปลอบใจ “จะมาห่วงอะไรพี่? ห่วงตัวเองเถอะ ดูสิ..พี่ว่าหมู่นี้เดือนผอมไปนะ” ปานตะวันลูบผมน้องสาว “งานหนักมากเหรอ?”
ประกายเดือนถอนใจโดยยังไม่กินข้าวต้ม “พอดีช่วงนี้ต้องทำแทนคุณปาริฉัตรด้วยน่ะ ท่านประธานยังหาเลขาฯ ใหม่ไม่ได้”
ปานตะวันอึ้งไป
ปานตะวันจับมือน้องสาว “เดือน..พี่ขอโทษนะที่ไม่ยอมช่วยงานเดือน” ปานตะวันหลบตาแล้วแอบโกหก “แต่ใกล้งานแต่งคุณนารถแล้ว พี่จะต้องดูแลคุณนารถ”
ประกายเดือนสวน “ตะวัน..เค้าไม่ได้ว่าอะไรตะวันซักหน่อย ไม่ช่วยก็ไม่ช่วยสิไม่ช่วยน่ะดีแล้ว เค้าก็ไม่อยากให้ตะวันต้องไปเจอยัยหมาบ้านั่งเฝ้าท่านประธานท้างวันหรอก..ทุเรศน่ารำคาญ”
ปานตะวันแอบใจวูบแล้วก็อ้อมแอ้มถาม “คุณเคทเค้าไปหาคุณนาคินทร์ตลอดเลยเหรอเดือน”
ประกายเดือนพูดทันที “ทุกวัน!! ขยันเฝ้าเจ้านายยิ่งกว่ายามยิ้มอีก”
ปานตะวันแอบจ๋อยแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง “นี่ต้องไปงานศพคุณปาริฉัตรทุกคืนเลยเหรอ? เหนื่อยแย่?”
“สวดแค่ 3 วัน พรุ่งนี้เผาแล้ว ท่านประธานฯ เป็นเจ้าภาพให้ทุกคืน เค้าก็ต้องไปช่วย” ประกายเดือนว่า
ปานตะวันแอบอึ้ง “คุณนาคินทร์เนี่ยนะ?”
ประกายเดือนพยักหน้ายืนยัน “อื่อ!! ท่านประธานฯ บอกสงสาร ก็น่าสงสารจริงอ่ะ..เป็นลูกกำพร้า ตัวคนเดียว ไม่มีใคร”
ปานตะวันอึ้งไป ประกายเดือนจับมือพี่สาว
“เรา 2 คน ยังโชคดีนะตะวัน..เรายังมีกันและกัน”
ปานตะวันมองน้องแล้วโผเข้าไปกอดน้อง ทั้งสองกอดกันแน่นอย่างซาบซึ้ง
“เดือน..อดทนอีกนิดเดียวนะ” ปานตะวันลูบผมน้องสาว “อีกไม่นาน พี่จะเป็นอิสระแล้ว พี่จะไปคอยดูแลเดือน พี่จะกลับไปอยู่กับน้องสาวของพี่ เรา 2 คนจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม”
ประกายเดือนสะดุ้งวาบ “เฮ้ย!!” ประกายเดือนเด้งออกทันที “ไม่ต้องก็ได้”
ปานตะวันงง “เป็นอะไรอ่ะเดือน”
ประกายเดือนอึกอัก “เอ่อ..ปะ..ปะ..เปล่า..คือ” ประกายเดือนนึกได้ “คือนึกได้ว่ายังมีงานค้างต้องทำอ่ะ” ประกายเดือนลุกทันที “งั้นเค้ากลับบ้านเลยนะตะวัน บ๊ายบาย” ประกายเดือนหอมแก้มพี่สาว “จุ๊บๆ”
ประกายเดือนวิ่งจู๊ดไปทันที
ปานตะวันงงจึงตะโกนตาม “อ้าว! ไหนบอกหิว อยากทานข้าวต้มไง? ยังไม่ได้ทานเลย?” ปานตะวันส่ายหัว “ยัยนี่..อะไรของเค้า ไฮเปอร์จริงๆ”
ปานตะวันยิ้มๆ ก่อนจะนึกสงสารน้องจึงถอนหายใจเฮือก
ประกายเดือนเดินจ้ำอ้าว กอดกระเป๋าแน่น พร้อมกับบ่นอุบมาตามทาง
“ซวยแล้ววว..จะทำไงดีเนี่ยเรา”
นัครินทร์ที่ซุ่มอยู่ข้างทางโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋ ประกายเดือนร้องลั่นเพราะตกใจจึงเอากระเป๋าตีหัวนัครินทร์รัวๆ
“ว้าย!! ผีหลอกๆๆ” ประกายเดือนตีไม่ยั้ง
นัครินทร์รีบจับมือเธอไว้ “สามีไม่ใช่ผี! แล้วนี่ตีหัวสามีทำไมฮะเมียจ๋า? สามีเจ็บนะ”
ประกายเดือนรีบฉกนัครินทร์เข้าไปหลบหลังพุ่มไม้ก่อนจะแว๊ดใส่ “แล้วมายืนตรงนี้ทำไม? บอกให้รอในรถไงล่ะ!”
“เฮ้ย!! นี่มันบ้านผมนะฮะ ทำไมผมจะมายืนตรงนี้ไม่ได้”
“โธ่เอ๊ย!! ก็เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า โดยเฉพาะตะวัน อยากเจอตะวันเดือดรึไง?” ประกายเดือนถาม
“โอย..เดือนเดือดคนเดียวก็จะไม่ไหวแล้ว”
ประกายเดือนทำเสียงกังวล “คุณณ”
“อัลไลล?!” นัครินทร์ทำเสียงล้อๆ
“นี่!! ซีเรียสนะ”
“อ่ะ!” นัครินทร์ทำท่าเคร่งเครียด “ว่ามาฮะเมียจ๋า” นัครินทร์ยิ้ม
“ตะวันเพิ่งบอกว่า อีกไม่นาน..จะกลับไปอยู่กับฉันอ่ะ”
นัครินทร์หุบยิ้มทันที “หาาา?” นัครินทร์เสียงดังลั่น “ไม่นะ!!”
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 23 (ต่อ)
ปานตะวันเดินมาตามทางภายใต้บรรยากาศวังเวง ทันใดนั้นเธอก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นแว่วมาเบาๆ
ปานตะวันมอง “ใครน่ะ?” ปานตะวันเดินหา “ใครคะ?!” ปานตะวันมองไปมองมา “พี่ใบตอง? พี่ใบตองรึเปล่า?”
ปานตะวันเดินหาสักพักก็เห็นผู้หญิงนั่งหันหลังอยู่ในมุมมืด
ปานตะวันมอง “นั่นใครคะ?!”
ปานตะวันค่อยๆ เดินเข้าไปหา ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็หันขวับมาทำให้เห็นว่าเป็น ‘ผีปาริฉัตร’ ที่กำลังร้องไห้ฮือๆ แล้วทำมือไขว่คว้าน่าเวทนา
ปานตะวันร้องลั่น “กรี๊ดด!!”
ปานตะวันตกใจตื่นจึงลุกขึ้นมานั่งพรวดแล้วร้องลั่น พอได้สติเธอก็หันมองรอบๆ ห้อง อย่างเหนื่อยหอบ แล้วสุดท้ายก็รู้ว่าฝันไป
พระอาทิตย์ยามเช้าสดใส ปานตะวันใส่อาหารกับดอกไม้ลงในบาตรพระ
“ลูกขออุทิศบุญกุศลครั้งนี้ให้แก่ผู้ล่วงลับชื่อ นางสาว ปาริฉัตร ค่ะ”
พระสวดให้เสร็จแล้วบอก
“กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วยนะโยม”
“ค่ะ” ปานตะวันรับคำ
พระเดินออกไป
ใบตองทำหน้าสยอง “ท่าจะเฮี้ยนนะคะ อย่างว่าแหละ..ผีตายโหงก็งี้แหละ”
“นี่!! แม่ใบตอง!! ผีเผออะไรกันเพ้อเจ้อจริง” สาวิตรีพูดกับปานตะวัน “แต่ตะวันได้ทำบุญแล้วคงสบายใจขึ้นนะจ๊ะ?”
“ค่ะ..ขอบพระคุณคุณแม่มากนะคะ อุตส่าห์ช่วยตะวันทำกับข้าวใส่บาตร” ปานตะวันบอก
“ขอบคุณอะไรกัน แม่ชอบจ้ะ โบราณว่าคนทำกับข้าวใส่บาตรเนี่ยได้บุญเยอะเชียว เออ..ว่าแต่หนูเถอะ ช่วงนี้เครียดหรือเหนื่อยเกินไปรึเปล่าถึงได้ฝันเป็นตุเป็นตะ”
“นั่นสิคะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นารถไม่เห็นพี่ตะวันเคยฝันอะไรน่ากลัวแบบนี้เลย” นารถนรินทร์ว่า
ปานตะวันอึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มๆ “จริงด้วยค่ะ”
“ยัยนารถกดดันพี่ตะวันเค้ารึเปล่า? อีกไม่กี่วันจะถึงงานแต่งงานแล้ว” สาวิตรีพูดกับปานตะวัน “ถึงแม้ยัยนารถจะยังลุกขึ้นเดินไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อย่าซีเรียส” กับนารถนรินทร์ “เชื่อแม่นะ เก๋ดีออกค่ะลูก สบายด้วย เจ้าสาวนั่งตลอดงาน ไม่เมื่อย ตอนคุณแม่แต่งงานกับคุณพ่อนะ โอโห! เมื่อยขาแทบหลุด”
นารถนรินทร์กับปานตะวันแอบเหลือบมองกันแบบมีเลศนัยก่อนจะขำกันกิ๊กๆ
“เอ้า! อย่ามาขำ แม่พูดจริง”
นารถนรินทร์พูดกับปานตะวันแล้วแอบมองกันอีกทีพร้อมทั้งยิ้มให้กัน ปานตะวันยิ้มๆ แต่อยู่ๆ ก็แอบจ๋อย เมื่อคิดถึงวันที่จะต้องจากนาคินทร์
นาคินทร์เดินขยับเน็คไทเหมือนกลับจากงานเผาศพปาริฉัตรก่อนจะเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งพักที่โซฟาแถวๆ นั้น
จามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟที่อยู่ในชุดดำเดินเม้าท์กันเข้ามาโดยไม่เห็นเจ้านาย
“ร๊อนร้อนอ่ะ..เสร็จงานเผาศพเลขาฉัตรแล้ว เราน่าจะกลับไปอาบน้ำที่บ้านกันเลยนะคะไม่น่าจะต้องกลับเข้ามาทำงาน จริงมั๊ยไอ้ลูกกอล์ฟ” มอลลี่บ่น
มอลลี่ทิ้งตัวลงนั่งโซฟาใกล้ๆ นาคินทร์ โดยไม่เห็นนาคินทร์
“จริง!! ร้อนด้วย สกปรกด้วยอ่ะ เชื้อโรคทั้งนั้น” ลูกกอล์ฟบอก
“อยากอาบก็เข้าไปขออนุมัติท่านประธานฯ กันเองสิยะ ในห้องนู้นน่ะ” จามจุรีทำหน้าบุ้ยใบ้ไปทางห้องนาคินทร์
“โอ่ย! ไม่เอาหรอก” มอลลี่บอก “ใครจะกล้า? จริงมั้ยลูกกอล์ฟ?”
“จริง!! เจ๊มอลน่ะเค้ากล้าคิด แต่ไม่กล้าทำอยู่แล้ว” ลูกกอล์ฟบอก
“อีนี่!!” มอลลี่ตีหัวดังเพียะ
“โอ๊ย!!”
“แหม..ท่านประธานใจดีจะตาย ไม่เห็นจะต้องกลัวขนาดนั้น”
“รู้!! ไอ้เรื่องใจดีนี่รู้!! หนูไม่เคยกลัวค่ะ พูดเลย” มอลลี่ทำเสียงแอบเม้าท์ “แต่ไอ้ที่หนูกลัวน่ะ” มอลลี่ทำเป็นมองซ้ายมองขวา
นาคินทร์ฟัง
จามจุรีเร่ง “กลัวอะไร?”
“ก็กลัวตายน่ะซิคะ!” มอลลี่บอก
จามจุรีกับลูกกอล์ฟเสียงดังลั่น “กลัวตาย?”
นาคินทร์อึ้ง
มอลลี่รีบตะปบปากทันที “เบ๊า!!! เดี๋ยวท่านประธานได้ยิ้นนนน คืองี้..ไม่สังเกตุกันเลยเหรอว่าท่านประธานเนี่ย..ดวงกินผู้หญิง!”
จามจุรีกับลูกกอล์ฟเสียงดังลั่น “ดวงกินผู้หญิง!”
นาคินทร์อึ้ง
มอลลี่รีบตะปบปาก “บอกให้เบ๊า!!! เดี๋ยวได้โดนไล่ออกกันหมดเนี่ย”
จามจุรีขึ้นเลย “ฉันสิจะไล่เธอออกก่อนเลยแม่สมรศรี กล้าดียังไงมากล่าวหาท่านประธานของฉันดวงกินผู้หญิง ฉันเห็นของฉัน ฉันรักของฉันมาตั้งแต่ท่านประธานเป็นเด็กวิ่งเล่นอยู่แถวนี้” จามจุรีชี้หน้า “เธอนั่นแหละ..ยัยผีปอบชอบกินผู้ชาย”
“ว๊าย! แรว้ง” ลูกกอล์ฟว่า
“นี่ไง!! ฟังยังไม่จบ!! ฟังให้จบก่อนสิคะคุณเจเจ มอลลี่ไม่ได้กล่าวหานะคะ มอลลี่ว่าตามสถิติและการวิเคราะห์”
“ยังไง?” ลูกกอล์ฤถาม
“เอ่า!! ฟัง!! ก็ไม่สังเกตุกันมั่งเหรอคะว่าผู้หญิงคนไหนที่ใกล้ชิดท่านประธานต้องมีอันเป็นไป!!” มอลลี่บอก
จามจุรีกับลูกกอล์ฟอึ้ง นาคินทร์ก็อึ้ง
“คนแรก..ก็คุณกนกวลีเมียท่านประธาน แต่งงานกันยังไม่ทันข้ามคืนก็รถคว่ำตายโหง!”
จามจุรีกับลูกกอล์ฟอึ้ง นาคินทร์ก็อึ้ง
“คนที่สอง..สดๆ เลย ก็เลขาฯ ฉัตร..คนนี้อยากเป็นเมียท่านประธาน อุตส่าห์ทำงานสู้ตายถวายชีวิต สุดท้ายก็โดดตึกตาย ตายโหงไปอีกคน”
จามจุรีตบอก “คุณพระช่วย!!” ลูกกอล์ฟก็ตกใจ “จริงว่ะ”
“เห็นมั้ยคะ มอลลี่ไม่ได้พูดชุ่ยๆ ไม่ได้กล่าวหา ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มอลลี่รู้แต่ว่า แม้ท่านประธานจะทั้งหล่อทั้งรวยขนาดไหน แต่มอลลี่ก็ขออยู่ห่างๆ ไว้ก่อน คือ..ไม่อยากตายโหงตั้งแต่อายุน้อยๆ แล้วก็ยังสวยๆ อยู่น่ะค่ะ”
จามจุรีมองหน้ากับลูกกอล์ฟแล้วก็กลืนน้ำลายเอื้อก นาคินทร์อึ้ง
มอลลี่มองไปที่โต๊ะปาริฉัตรและประตูห้องทำงานของนาคินทร์ “มอลลี่ว่าตอนนี้เรารีบไปให้ห่างๆ จากรัศมีสะพรึงแถวๆ นี้ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะว่าน่าสะพรึงมากกกกทั้งจากผีและคน”
ทุกคนเอออวยลุกขึ้นเดินออกแล้วก็เบรคเอี้ยดเพราะเพิ่งเห็นว่านาคินทร์ก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
มอลลี่ จามจุรี และลูกกอล์ฟก็ช็อค “ท่านประธ้าน!”
ทั้งสามทรุดฮวบลงกับพื้นพนมมือไหว้แต้เพราะกลัวชะตาขาด
นาคินทร์ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อนแล้วก็นั่งนึก เสียงมอลลี่พูดประกอบภาพเต้นรำงานแต่งกนกวลี อุบัติเหตุของกนกวลี และร่างที่ลอยละลิ่วลงมาที่พื้นของปาริฉัตร “ผู้หญิงคนไหนที่ใกล้ชิดกับท่านประธานต้องมีอันเป็นไป คุณกนกวลีเมียท่านประธานก็รถคว่ำตายโหง เลขาฉัตรก็โดดตึกตายโหงไปอีกคน”
นาคินทร์แอบรู้สึกเศร้าใจว่าหรือมันจะจริงอย่างที่มอลลี่พูด
ประตูร้านเปิดผัวะ กนกรัตน์ก้าวเข้ามาอย่างไฮโซ โจอี้หันขวับมามอง
โจอี้ตกใจโอเว่อร์ “คุณเคท? คุณเคท กนกรัตน์ ไฮโซสาวชื่อดังให้เกียรติมาถึงร้านพี่โจอี้” โจอี้ปรี่มาอย่างสตอเบอรี่สุดๆ “สวัสดีค่า..ถือเป็นเกียรติสูงสุดของร้านพี่โจอี้เลยค่าาคุณเคทขา มีอะไรให้ พี่โจอี้รับใช้ค่ะ”
กนกรัตน์พึงพอใจ แต่ก็เชิดมากจึงพูดเสียงเฉียบ “เคทอยากได้ชุดไปงานแต่งงาน”
“จัดให้เลยค่ะ” โจอี้ว่า
“จัดให้เฉยๆ ไม่ได้ค่ะ” กนกรัตน์บอก
โจอี้ชะงัก
กนกรัตน์เสียงเข้ม “ต้องจัดให้สวยกว่าเจ้าสาว”
โจอี้อึ้ง “คะ?”
กนกรัตน์เชิด “และที่สำคัญ ต้องจัดให้สวยกว่าเพื่อนเจ้าสาวที่ชื่อ ปานตะวันด้วย”
โจอี้เหวอ
กนกรัตน์หันมาจิกยิ้ม “ยินดีจะรับใช้มั๊ยคะ..พี่โจอี้?”
โจอี้ยังอึ้งอยู่ กนกรัตน์จิกตาใส่
ซุปร้อนๆ วางลงตรงหน้ากนกรัตน์ที่ยิ้มแจ่มใส แต่เอะใจมองนาคินทร์ที่นั่งเหม่อ
กนกรัตน์ถอนใจ “เฮ้อ! หมู่นี้พี่คินเป็นอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่ค่อยอยากมาทานข้าวกับเคทเลย”
นาคินทร์ฝืนยิ้ม “ขอโทษนะครับ เพิ่งผ่านงานศพของคุณฉัตรไป ก็เลยยุ่งๆ หน่อย”
กนกรัตน์แอบชะงักนิดนึงเรื่องปาริฉัตรก่อนจะเนียน “โถ..งั้น พี่คินก็ต้องรีแล็กซ์นะคะ ทานอาหารอร่อยๆ ไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง” กนกรัตน์นึกได้ “เราไปทะเลกันมั๊ยคะ? มัลดีฟส์ โบราโบราแซงค์โทเปร ก็ได้ ฮื้มม์..น่าสนุกจังเลย”
นาคินทร์ส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ “คงยังไปไหนไม่ได้ล่ะครับ เดี๋ยวก็ถึงงานแต่งยัยนารถแล้ว”
กนกรัตน์แอบเคืองก่อนจะรีบพูดหวาน “จริงด้วยสิคะ!” กนกรัตน์ทำเป็นแหย่ “งานแต่งน้องนารถแล้ว” กนกรัตน์ยิ้มหวาน “ต่อด้วยงานแต่งพี่คินอีกใช่มั้ยคะ?”
กนกรัตน์จ้องนาคินทร์ตาแป๋วรอคำตอบ??
นาคินทร์ชะงักทันทีแล้วรีบเฉไฉอย่างเนียนๆ “ซุปเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวไม่อร่อยนะครับ” นาคินทร์ก้มหน้าทานซุป
กนกรัตน์กร่อยตั้งแต่ยังไม่กินซุปจึงแอบค้อนขวับ นาคินทร์ยังเหม่อ
ปานตะวันอาเจียนอยู่ อัครินทร์รีบเข้ามาช่วยลูบหลังโดยถือถังขยะให้
“ใจเย็นครับใจเย็น”
ปานตะวันค่อยยังชั่ว “ขอบคุณมากค่ะคุณอัค”
“ยังไงครับเนี่ย? ไม่แพ้มาตั้งนาน อยู่ๆ ทำไมแพ้ขึ้นมาได้”
“อืม..2-3วันมานี่ ตะวันอาจจะนอนน้อยน่ะค่ะ นอนไม่ค่อยหลับ” ปานตะวันบอก
“นั่นไง!! หลานผมเลยเล่นงานคุณแม่ซะเลย” อัครินทร์พูดกับท้องของปานตะวัน “ดีมากลูก ถ้าแม่เค้าดื้อ ไม่ยอมนอน ก็อาละวาดแม่เค้าเลยนะลูก”
ปานตะวันยิ้มขำ “คุณอัค...”
“ว่าแต่..ทำไมนอนไม่หลับครับ? พี่คินรึเปล่า?”
นาคินทร์เดินผ่านมาแล้วก็ชะงักฟัง
“เปล่าหรอกค่ะ ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอจะทำให้ฉันเสียเวลาหรอกค่ะ”
นาคินทร์อึ้ง
อัครินทร์ถอนใจ “อดทนอีกนิดนะครับ”
“แน่นอนค่ะ..ฉันอดทนมาได้ตั้งนาน ทำไมฉันจะอดทนอีกไม่ได้ อีกไม่นาน..ฉันก็จะได้หลุดพ้นจากสัญญาแค้นบ้าๆ ของเค้าแล้ว คุณอัคไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
อัครินทร์เห็นใจ นาคินทร์ทั้งน้อยใจ ทั้งโกรธ
ปานตะวันเดินเข้าห้องมาเปิดประตู นาคินทร์คว้าตัวไว้แล้วถามหน้าใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน
“แน่ใจเหรอว่าจะหลุดพ้นไปจากผมได้?”
ปานตะวันรู้ว่าเขาแอบได้ยิน “แน่!!” ปานตะวันสะบัด “ปล่อย!”
นาคินทร์กอดแน่น “ผู้ชายคนนี้ไม่มีค่าพอให้คุณเสียเวลางั้นเหรอ” นาคินทร์ยิ้มเยาะ “ได้จากผมไป เยอะแล้ว ก็พูดได้สิ”
ปานตะวันอารมณ์ขึ้น “ฉันก็เสียให้คุณไปเยอะพอกันล่ะคุณนาคินทร์”
นาคินทร์ส่ายหน้า “ไม่พอหรอก ที่คุณเสียให้ผม ผมว่ามันเทียบกันไม่ได้เลยกับที่ผมจ่ายให้คุณไป”
ปานตะวันโกรธ “คุณนาคินทร์!! ปล่อยฉัน!! ออกไป เดี๋ยวนี้!!! ฉันเกลียด...”
นาคินทร์จูบปากตะวันหมับโดยปานตะวันยังไม่ทันได้พูดจบ นาคินทร์จูบจริงจัง เนิ่นนาน แล้วนาคินทร์ก็ค่อยๆ ผละออกมองหน้าปานตะวัน
นาคินทร์มองปานตะวันด้วยสายตาที่ปานตะวันก็ยากที่จะเข้าใจ เขาพูดเสียงเรียบๆ “ผมก็ไม่อยากให้คุณ รักผมหรอก..ปานตะวัน”
ปานตะวันมองอย่างอึ้งๆ งงๆ นาคินทร์มองปานตะวันแล้วค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ปานตะวันมองตามอย่างงงๆ
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 23 (ต่อ)
นาคินทร์เดินช้าๆ มาตามทางที่มีแสงงดงามสาดส่อง
เสียงมอลลี่ดังขึ้นในหัวของเขา “ผู้หญิงคนไหนที่ใกล้ชิดกับท่านประธานต้องมีอันเป็นไป / คุณกนกวลีเมียท่านประธานก็รถคว่ำตายโหง / เลขาฯฉัตรก็โดดตึกตายโหงไปอีกคน”
เสียงนาคินทร์ดังในหัวตัวเอง “ผมก็ไม่อยากให้คุณรักผมหรอก..ปานตะวัน”
‘โอ๋’ ที่พันผ้าก๊อซไว้เต็มหน้าค่อยๆ ถูกเอาผ้าก๊อซออกจนเห็นว่า ‘โอ๋’ กลับมาสวยได้ 80% จากเดิม ทุกคนลุ้นจนแทบจะลืมหายใจ เธอกรี๊ดกร๊าดกอดแม่ยกใหญ่
แม่ดีใจจนน้ำตาไหล “ลูกโอ๋..ลูกโอ๋ของแม่สวยมากเลยลูก”
โอ๋แตะหน้า “จริงเหรอคะแม่? จริงเหรอคะหมอ?”
“จริงสิครับ?” โก้ยื่นกระจกให้ “ไม่เชื่อก็ดูสิครับ”
โอ๋ค่อยๆ หยิบกระจกมาในสภาพมือสั่นอย่างหวาดๆ แต่สุดท้ายเธอก็ได้เห็นตัวเองในกระจกเต็มๆ ดีใจที่สุดในโลกจนปล่อยโฮกอดกันแน่นกับแม่ ร้องไห้โฮกันยกใหญ่
“แม่! โฮๆ”
โอ๋หันมากอดโก้
“คุณหมอโก้! โฮๆ”
สุดท้ายโอ๋ก็กอดแพรวพรรณราย
“คุณหมอพิ้งค์! โฮๆ”
ทุกคนแฮปปี้
“หมอคิดว่านี่ยังไม่เต็ม 100% นะครับ น่าจะซัก 80% ส่วนอีก 20% คงต้องอาศัยเวลาใจเย็นหน่อยนะครับ”
“แค่นี้โอ๋ก็ดีใจมากแล้วล่ะค่ะหมอ ที่ผ่านมาชีวิตของโอ๋มันเหมือนตกนรกทั้งเป็น” โอ๋สะอื้น “ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ คุณหมอ” โอ๋มองแพรวพรรณราย “คุณหมอพิ้งค์ด้วยนะคะ โอ๋จะไม่ลืมพระคุณเลยที่ให้ชีวิตใหม่แก่โอ๋”
แพรวพรรณรายซึ้งจึงเช็ดน้ำตาป้อยๆ “คนที่โอ๋ต้องขอบคุณมากที่สุดก็คือคุณแม่นะคะ คุณแม่ของโอ๋อดทน เสียสละ ทำทุกอย่างเพื่อโอ๋จริงๆ”
“ค่ะ” โอ๋มองแม่แล้วกราบ “ขอบคุณค่ะแม่”
สองแม่ลูกกอดกัน แพรวพรรณรายเช็ดน้ำตาโผกอดโก้แล้วสะอื้นฮั่กๆ โก้ยิ้มขำเพราะเบื่อนังนี่
แพรวพรรณรายนั่งลง แล้วสั่งน้ำมูกปี๊ดเสียงดังลั่น โก้ทำหน้าเบ้แล้วดึงทิชชู่ส่งให้อีก
“อ่ะ!! จะร้องอะไรนักหนา”
“เอ๊า! ไอ้นี่!! ก็คนมันซึ้งง่ะ แกไม่ได้ยินเหรอโก้ เราให้ชีวิตใหม่น้องโอ๋เค้าเลยทีเดียวนะ”
“อืมม์” โก้พยักหน้า “ทุกคนก็อยากสวยอยากหล่ออยากดูดีกันทั้งนั้น ยิ่งน้องโอ๋เนี่ยเค้าเคยสวยแล้วกลับต้องมาเจอรถคว่ำทำให้เสียโฉมเค้าก็ต้องรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นอย่างที่เค้าว่า”
“แกนี่ก็ได้บุญจริงๆ นะโก้” แพรวพรรณรายบอก
“แกด้วยแหละพิ้งค์..พาเค้ามาหาฉัน แต่จะว่าไป ฉันก็ผ่าตัดแก้ไขได้แต่หน้าตานะ เอาจริงๆ อยากจะให้มีผ่าตัดแก้ไขนิสัยได้ด้วย เพราะสมัยนี้บางคนก็สวยก็หล่อ แต่นิสัย” โก้ส่ายหน้า
แพรวพรรณรายชะงักทันที “อ่าว..ไอ้หมอโก้!! นี่แกด่าฉันเหรอ”
โก้เลิกคิ้ว “ด่าแก? แกสวยตรงไหนวะพิ้งค์”
แพรวพรรณรายโวยก่อนจะเอากล่องทิชชูตีหัวโก้รัวๆ “ไอ้เพื่อนบ้าๆๆ”
โก้ร้องลั่นแล้วขำ ทันใดนั้นเสียงอินเตอร์คอมฯ ก็ดังขึ้น
“คุณหมอคะ..คนไข้ที่นัดไว้รอพบแล้วค่ะ”
โก้พูดกับแพรวพรรณราย “จะไปไหนก็ไปได้แล้ว”
แพรวพรรณรายคว้ากระเป๋า “เออ..ไม่ต้องไล่” แพรวพรรณรายยิ้ม “ไว้กินข้าวกันนะโก้”
ทั้งสองกอดกัน แพรวพรรณรายบ๊ายบายแล้วเดินออก
กนกรัตน์ใส่แว่นดำอำพราง ใส่หมวกแก๊ปปิดหน้ารออยู่ แพรวพรรณรายเดินมา กนกรัตน์หันเป็นเห็นก็อึ้ง แพรวพรรณรายเดินตรงมา กนกรัตน์รีบคว้านิตยสารดารามาทำเป็นอ่านบังหน้าไว้ แพรวพรรณรายเดินมาแล้วหยุดกึกตรงหน้ากนกรัตน์พอดี
แพรวพรรณรายร้องลั่น “ว้าย!!”
กนกรัตน์แทบช็อค แพรวพรรณรายก้มลงมาจ่อตรงหน้ากนกรัตน์เลย กนกรัตน์แทบจะลืมหายใจ ทั้งสองหน้าใกล้จนแทบจะชนกันแต่มีหนังสือดาราคั่น
แพรวพรรณรายจ้อง “เจมส์ จิ!!! น่ารักที่สุดอ่ะ” แพรวพรรณรายเอานิ้วแตะๆ ให้หนังสือลดลงแล้วคุยกับกนกรัตน์ “ขอยืมแป๊บได้มั๊ยคะ? แป๊บเดียว”
กนกรัตน์อยากจะบ้าตาย เธอรีบก้มหน้าก้มตาแล้วยื่นหนังสือให้
“ขอบคุณมากเลยค่ะ” แพรวพรรณรายคว้ามือถือมาถ่ายรูปหน้าปกเจมส์จิไว้ ส่วนปากก็ว่า “อย่าว่ากันเลยนะคะ รักมากที่สุดอ่ะคนนี้ เห็นรูปที่ไหนต้องเก็บ รูปนี้ยังไม่มีซะด้วย” แพรวพรรณรายกดอีกแชะแล้วส่งคืน “ขอบคุณนะคะ”
แพรวพรรณรายชะงักกึกเพราะกนกรัตน์ไมได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
แพรวพรรณรายงง “อ้าว..” แพรวพรรณรายหันมองซ้ายมองขวา “ไปไหนซะแล้วล่ะ” แพรวพรรณรายมองหาไปรอบๆ ก่อนจะยักไหล่ “แค่นี้ชีก็โกรธ?”
แพรวพรรณรายเอามือถือขึ้นมากดดูรูปเจมส์ จิ โดยแอบเห็น ‘กนกรัตน์’ ติดมาเล็กน้อย
“ว้า!! ชีตามมาหลอน?” แพรวพรรณรายว่า
แพรวพรรณราย Crops เฉพาะรูปเจมส์จิโดยตัดกนกรัตน์ทิ้งไป
แพรวพรรณรายปลื้ม “รักอ่ะ!!”
แพรวพรรณรายเดินไปอย่างลั้นล้า
โก้หมุนเก้าอี้มาพร้อมพูดทักทาย
“สวัสดีครับ”
กนกรัตน์นั่ลงตรงหน้าหมอโก้
“สวัสดีค่ะ..คุณหมอ”
โก้มองกนกรัตน์อย่างงงๆ อึ้งๆ กนกรัตน์ค่อยๆ ถอดหมวก ถอดแว่น
กนกรัตน์มองตาโก้เป๋ง “จำกันได้มั้ยคะ?”
โก้มองอย่างงงๆ แล้วทำสายตาเหมือนจำได้ กนกรัตน์มองจิกแล้วยิ้มมุมปาก
แพรวพรรณรายเทยำมะม่วงใส่จานส่วนปากก็ว่าไป
“จริงอย่างหมอโก้มันพูดนะ สมัยนี้ผู้หญิงบางคนหน้าตาดี๊ดีแต่นิสัยยังกะปิศาจ”
“หืมม์..เพื่อนเธอนี่ก็ปากจัดพอกะเธอเลยนะพิ้งค์” ปานตะวันบอก
“ไอ้ประโยคหลังนี่เพื่อนเม้าท์เองจ้ะ” แพรวพรรณรายค้อนขวับ “แหม.. เพื่อนอุตส่าห์ซื้อยำมะม่วงมาให้กินแก้อ้วก เดี๋ยวเททิ้งซะเลย” แพรวพรรณรายหยิบจาน
ปานตะวันรีบคว้าจาน “อย่าๆๆ..พูดเล่น แหม..อารมณ์เหวี่ยงยิ่งกว่าคนท้องอีกนะ” ปานตะวันกลืนน้ำลายเอื้อก “หืมม์..น้ำลายจะหยดเลย ขอกินนะ ไม่ไหวแล้ว” ปานตะวันจกกินแล้วทำหน้าเปรี้ยวสุดขีดแต่สะใจ “อื้อ..แซบสุดๆ เลยอ่ะ”
แพรวพรรณรายกลืนน้ำลายเอื้อก “หืมม์..จริงเหรอ?”
ปานตะวันทำหน้าสะใจ “แซบจริงๆ ไม่เชื่อลองดูสิ”
ปานตะวันป้อนให้ แพรวพรรณรายกินแล้วทำหน้าเหยเก
“แหวะ..เปรี้ยวปรี้ดส์เลย ไม่ไหวๆ” แพรวพรรณรายกินน้ำล้างปาก
ปานตะวันจกอย่างเพลิดเพลิน “ว่าแต่รู้ได้ไงว่าเราอาเจียน?”
“จะมีใครล่ะ อีตาหมออัคปากจัดนั่นคนเดียวแหละ”
อัครินทร์โผล่มาทันที
“ถึงจะปากจัด แต่ก็ไม่กัดคนอื่นลับหลังนะครับ” อัครินทร์บอก
“คุณอัค?” ปานตะวันตกใจ
แพรวพรรณรายขึ้นทันที “อ่าว..ว่าฉันเป็นหมาเหรอคะ”
อัครินทร์ขำ “ตอนไหน? ตรงไหน? คุณตะวันได้ยินรึเปล่าครับ? ช่วยเป็นพยานให้หน่อย”
“อ่ะ..พอๆๆ เลยค่ะคู่นี้ เจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องกัดกัน”
ทั้งสองหันมองปานตะวันพร้อมกัน “เฮ่ย!!”
“อุ่ย!! ขอโทษค่ะ....เจอกันเป็นต้องทะเลาะกันทุกทีเลย” ปานตะวันว่า
“แหวะ!! ใครอยากทะเลาะด้วย” แพรวพรรณรายบอก
“แหวะ!! ใครอยากล่ะ” อัครินทร์ว่า
ทั้งสองฟึดฟัดกันไปมา ปานตะวันมองทั้งสองคน แล้วอมยิ้มแบบสองคนนี้มันน่าจะได้กันนะ
กนกรัตน์ลุกขึ้นด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันก็หวังว่า” กนกรัตน์ก้มลงหน้าใกล้โก้โดยมองตาจิก “คุณหมอคงจะรักษาคำพูด”
โก้มองตอบ “คนเป็นหมอ ต้องมีจรรยาบรรณครับ”
“ดี!!” กนกรัตน์คว้าแว่นมาใส่ แล้วใส่หมวก “งั้นฉันก็สบายใจได้ว่า คุณหมอจะรักษาความลับของฉันไว้ให้เป็นความลับตลอดไป” กนกรัตน์ยิ้มมุมปาก “ลาก่อนนะคะ”
กนกรัตน์เดินออก
โก้เรียกไว้ “เดี๋ยวครับ..”
กนกรัตน์หันมามองโก้
“ผมอยากจะบอกแค่ว่า ความลับ..ไม่มีในโลกนะครับ”
กนกรัตน์ทำหน้าไม่สนใจจะใส่แว่น
“อีกอย่าง..” โก้พูด
กนกรัตน์ชะงักฟัง
“ถึงแม้คนเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาไปเป็นคนละคนได้ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับจิตใจข้างในของเรานะครับ” โก้บอก
โก้พูดต่อ “เราควรจะเปลี่ยนมันให้สวยเหมือนรูปร่างหน้าตาด้วย ไม่อย่างนั้น..มันก็จะไม่มีความหมายและเหนือสิ่งอื่นใด..เราก็จะไม่มีวันพบกับความสุขที่แท้จริง”
กนกรัตน์ไม่พอใจก่อนจะจิกยิ้ม
“จบแล้วใช่มั้ยคะ?”
กนกรัตน์สวมแว่นแล้วเดินออกไป โก้เซ็ง
ปานตะวัน อัครินทร์ แพรวพรรณรายเดินคุยกันมา
“พอแล้วส่งแค่นี้แหละ เดินเยอะเดินแยะ เดี๋ยวหกล้มเป็นอะไรไปแย่เลย” แพรวพรรณรายบอก
“แหม..เราไม่ใช่คนป่วยนะพิ้งค์ เดินแบบนี้สิจะได้แข็งแรง” ปานตะวันว่า
“ไม่รู้นิ..ไม่เคยท้อง” แพรวพรรณรายบอก
“อยากมั้ยล่ะ” ปานตะวันเหล่ไปทางอัครินทร์ที่เดินตามมา
“บร้าา” แพรวพรรณรายบอก
ปานตะวันขำ “เอ่อ..คุณอัคคะ”
“ตะวัน!!”
“ครับ?”
แพรวพรรณรายเสียงดังขึ้น “ตะวั๊น!”
ปานตะวันอึกอัก “คือ…”
แพรวพรรณรายหยิก ปานตะวันร้องโอ้ย
“โอ้ย!!คือ..คุณอัคช่วยเดินไปส่งยัยพิ้งค์ที่รถหน่อยได้มั้ยคะ? คือ..ตะวันต้องไปทำกายภาพให้คุณนารถแล้ว”
“แหม..รถก็จอดใกล้แค่นี้” อัครินทร์บอก
แพรวพรรณรายสวนทันทีเพราะกลัวเสียหน้า “ไม่ต้องเลยย่ะ!! โตแล้วฉันเดินไปเองได้”
“นั่นไง!!ดุขนาดนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วล่ะครับคุณตะวัน”
“อ้าย!” แพรวพรรณรายชี้หน้าอัครินทร์ “ปาก..ปาก..จำไว้!!”
แพรวพรรณรายสะบัดหน้าเดินออกไปทันที
“คุณอัคอ่ะ..ไปส่งให้หน่อยก็ไม่ได้” ปานตะวันว่า
“ไม่ได้หรอกครับ” อัครินทร์พูดเพลิน “เป็นห่วงคุณตะวันมากกว่า”
ปานตะวันชะงัก อัครินทร์รู้ตัว
“คนท้องคนไส้ เดี๋ยวหกล้มอะไรไปอย่างคุณหมอพิ้งค์ว่า..หลานผมทั้งคนนะครับ?”
ปานตะวันยิ้ม อัครินทร์มองปานตะวันอย่างเป็นห่วงจริงๆ ทันใดนั้นใบตองก็วิ่งหอบแฮ่กๆ เข้ามา
“คุณอัค!!คุณอัคคะ!!แฮ่กๆ”
“มีอะไร ใครเป็นอะไรรึเปล่าใบตอง?” อัครินทร์ถาม
ใบตองหอบแฮ่กๆ “คุณ..แฮ่กๆ”
ปานตะวันตกใจ “คุณอะไร? ใครเป็นอะไรพี่ใบตอง”
“เหนื่อยค่ะ..เดี๋ยว..แฮ่กๆ..คุณ..คุณผู้หญิงค่ะ”
ปานตะวันกับอัครินทร์ตกใจมาก “คุณแม่!!”
อัครินทร์เสียงดังลั่น “คุณแม่ เป็นอะไร...ใบตอง”
“แฮ่กๆ..คุณผู้หญิงเรียกค่ะ”
ปานตะวันกับอัครินทร์คิดในใจว่ากูจะบ้า ใบตองยิ้มแหยๆ
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 23 (ต่อ)
สาวิตรีพูด
“คือที่แม่เรียกลูกๆ มาเนี่ยก็เพราะว่าแม่มีเรื่องสำคัญ”
นัครินทร์หน้าเบ้ “สำคัญอะไรฮะ?! อย่าบอกนะฮะว่าจะเรียกมาชิมขนมเค้กสูตรใหม่”
สาวิตรีค้อน “ไม่ใช่!!แต่มันเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้น”
ทุกคนตั้งใจฟัง
“คือแม่คิดว่า..ในเมื่อยัยนารถมีพี่ชายถึง 3 คนแล้วทำไมงานแต่งของยัยนารถ ถึงมีเพื่อเจ้าบ่าวเพียงคนเดียวคือพี่คิน” สาวิตรีว่า
“คุณแม่หมายความว่า..” อัครินทร์ถาม
“ถูก! พี่นัค กับ พี่อัคต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้พี่วิทย์เค้าด้วย” สาวิตรีบอก
นัครินทร์โวยทันที “โอย..ไม่ตลกด้วยหรอกฮะ ผมไม่เอาฮะ”
“ผมก็..ขอดีกว่านะครับแม่..ผมไม่ถนัด”
“ไม่ได้!! อันนี้แม่ก็ขอ ห้ามขัดคำสั่งของแม่” สาวิตรีบอก
สองหนุ่มจ๋อย
“อ้าว..อย่างนี้ใครจะเป็นเพื่อนเจ้าสาว คู่กับคุณนัค แล้วก็คุณอัคล่ะคะคุณผู้หญิง” ใบตองว่า
“เออ..นั่นน่ะสิ” สาวิตรีถามปานตะวัน “ตะวันมีไอเดียยังไงมั้ยค่ะลูก”
ปานตะวันมองอัครินทร์แล้วอมยิ้ม “สำหรับคุณอัค..ตะวันก็พอจะมีอยู่นะคะ”
อัครินทร์ตกใจ “เฮ้ย?”
“อ้าว..งั้นพี่นัคล่ะคะ? ท่าทางจะมีเยอะ เลือกไม่ถูก แต่ไม่เอานะน้องขอคนเดียว อย่ามาเป็นฝูง” นารถนรินทร์บอก
นัครินทร์เขกหัวน้องสาว “นี่แน่ะ!!ไม่มีแล้วน้องเอ๋ยยย..ฝูงนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ณ.ปัจจุบัน ณ.วันนี้ ณ.จุดนี้ พี่มีแค่คนเดียว”
ทุกคนเหวอคิดในใจว่าใครอ่ะ นัครินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม
ประกายเดือนตกใจ
“ว่าไงนะ...จะให้ฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว?” ประกายเดือนบอก
นัครินทร์ตอบ “ถูก!!”
“คู่กับเพื่อนเจ้าบ่าว คือคุณ?” ประกายเดือนถาม
นัครินทร์ตอบ “ถูก!!”
“ไม่เอาด้วยล่ะ”
“เอ๊า!! ทำไมอ่ะเมียจ๋า”
“ก็เดี๋ยวมีพิรุธ โดยเฉพาะคุณน่ะ..รุ่มร่าม เดี๋ยวก็ทำความลับแตก”
“แตกก็ดี..จะได้แต่งรวมกับยัยนารถไปซะเลย”
“ไม่น่ะ!!”
“ทำไมจะไม่ล่ะ? นี่คุณ..ผมไม่ไหวแล้วนะ อะไรกัน..จดทะเบียนกันมาตั้งนานดั๊นได้แต่นอนมองตากันทุกคืน คนนะฮะ ไม่ใช่ปลากัด เอาแต่จ้องๆๆ กัน ท้องยังเนี่ย”
ประกายเดือนตีปากทันที “ปาก!”
นัครินทร์กระโดดกอดเลย “ก็จริงอ่ะ..ผมอดทนถึงขนาดนี้แล้วยังพิสูจน์ไม่พออีกเหรอฮะ ว่าผมรักคุณจริงแค่ไหน” นัครินทร์อ้อน “เมื่อไหร่คุณจะให้ผมแสดงความจริงจากใจโดยวิธีอื่นมั่ง นอกจากนอนจ้องตา”
ประกายเดือนมองแล้วก็หมือนจะใจอ่อน นัครินทร์เริ่มเอาหน้ามาใกล้เหมือนจะจูบ ทันใดนั้นประกายเดือนก็สะดุ้งแล้วผลักนัครินทร์หงายเงิบตกเตียงทันที “ว้าย!!”
“เฮ่ยยย!!อีกแล้ว!!ตกเตียงอีกแล้ว” นัครินทร์เซ็ง
ประกายเดือนจ๋อย “ขอโทษ…ฉันแค่..แค่กลัวตะวันจะผิดหวังในตัวฉัน”
“ผิดหวัง? ภูมิใจล่ะไม่ว่า!!พี่สาวคุณต้องภูมิใจมากๆเลยฮะ ที่น้องสาวได้ผู้ชายที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย นิสัยดี มีฐานะเพียบพร้อมอย่างผม...นัครินทร์ ไกรตระกูล เป็นสามี”
ประกายเดือนส่ายหน้าแหยๆ “ตะวันต้องเอาฉันตายแน่!”
นัครินทร์เอาจริง “ให้ผมไปคุยกับเจ๊”
“เจ๊?”
“ก็พี่สาวคุณน่ะ!!ให้ผมไปเคลียร์เอง ผมลูกผู้ชายฮะ กล้าทำ กล้ารับ กล้าเคลียร์” นัครินทร์ตบอกตัวเอง “แมนๆ”
“อย่าเพิ่งเลยนะ” ประกายเดือนเปลี่ยนเรื่อง “อ่ะๆๆ เอาเรื่องนี้ก่อน เรื่องเพื่อนเจ้าสาว งั้นฉันลองไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้คุณนารถก่อนละกัน..นะ..แค่นี้ก่อนนะ”
นัครินทร์ทำงอน เขาล้มตัวลงนอนหันหลังให้ประกายเดือน ประกายเดือนมองนัครินทร์อย่างรักแต่ก็ไม่กล้า
นัครินทร์ฟึดฟัดเพราะงอน
เช้าวันต่อมา กนกรัตน์ที่คุยกับนาคินทร์ในห้องทำงานไม่พอใจ
“นี่มันอะไรกันคะพี่คิน?? พี่คิน, คุณนัค, คุณอัค นอกจากจะไปร่วมงานน้องนารถในฐานะพี่ชายเจ้าสาวแล้ว ยังต้องไปในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวอีกด้วย”
นาคินทร์เลิกคิ้วมอง “ครับ?”
“แล้วทุกคนก็มีเพื่อนเจ้าสาว คือ..มีกันเป็นคู่ๆ?”
นาคินทร์เข้าใจว่ากนกรัตน์โกรธเรื่องอะไร
“โดยเฉพาะพี่คิน พี่คินคู่กับ...ปานตะวัน!!”
นาคินทร์จะปลอบใจ “กนก..”
กนกรัตน์แสดงความน้อยใจ “ทำไมต้องเป็นปานตะวันคะ? ทำไมถึงไม่เป็นเคท”
“มันเป็นไอเดียของคุณแม่ มันก็แค่เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว”
กนกรัตน์รีบอ้อนทันที “แต่ถ้า “เจ้าสาวของพี่คิน” กนกรัตน์ทำตาปรอยใส่ “ต้องเป็น “กนกรัตน์” คนนี้เท่านั้นนะคะ”
นาคินทร์นิ่งไป ทันใดนั้นประกายเดือนก็เคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้ามาทันทีพร้อมกับโทรศัพท์
“อ่อ..คุณเดือน”
“น่าจะรอให้ ท่านประธานอนุญาตให้เข้ามาก่อนนะคะ คุณเลขาฯ เดือน?” กนกรัตน์ว่า
ประกายเดือนแกล้งซื่อจึงชูโทรศัพท์ขึ้น “ถ้างั้นให้มิสเตอร์โหย่ว ลูกค้ารายใหญ่จากเซี่ยงไฮ้ของเรารอสายไปก่อนดีมั้ยคะ ท่านประธาน”
นาคินทร์ลุกพรวดแล้วทำมือให้ส่งโทรศัพท์มาเลย ประกายเดือนรีบส่งโทรศัพท์ให้ก่อนจะหันไปลอบยักคิ้วให้กนกรัตน์ กนกรัตน์ตาโตเพราะเคืองประกายเดือน
“ฮัลโหล..สวัสดีครับ..มิสเตอร์โหย่ว” นาคินทร์ฟัง “ครับๆ..ต้องขอโทษในความล่าช้า ทางเราจะรีบส่งเอกสารกลับไปเร็วที่สุดครับ” นาคินทร์ฟัง “ขอบคุณที่เข้าใจและหวังว่าเราจะทำธุรกิจร่วมกันอย่างดีตลอดไปนะครับ..ขอบคุณครับ..สวัสดีครับ” นาคินทร์กดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์ให้ประกายเดือน
ประกายเดือนยิ้ม
“ขอบคุณมากนะคุณเดือน มาเตอร์โหย่วบอกว่าคุณแจ้งเค้าแล้วเรื่องเอกสารสัญญาที่ล่าช้าเป็นเพราะคุณปาริฉัตร...เสียชีวิต”
กนกรัตน์แอบสะดุ้ง
“ต้องขอโทษนะคะที่ถือวิสาสะแจ้งโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เดือนเห็นว่ามันเป็นเหตุผลที่แท้จริง และลูกค้าน่าจะเข้าใจ” ประกายเดือนบอก
นาคินทร์ยิ้ม “ขอบคุณมาก แต่มิสเตอร์โหย่ว บอกว่าทางเค้าจะยุ่งยากมากถ้าต้องทำสัญญาฉบับใหม่เค้าอยากให้ทางเราพยายามหาเอกสารเรื่องสัญญาให้เจอ แล้วรีบส่งกลับเค้าให้เร็วที่สุด”
ประกายเดือนถอนหายใจเฮือก “เดือนก็พยายามเต็มที่แล้วจริงๆค่ะ แต่หายังไงก็หาไม่เจอไม่ทราบ คุณปาริฉัตรเอาไปเก็บไว้ที่ไหน”
กนกรัตน์แอบอึดอัดที่ได้ยินชื่อปาริฉัตร
พนักงาน 2-3 คนเดินอ้อมมาอย่างหวาดๆ ผ่านโต๊ะทำงานปาริฉัตรรวมทั้งจามจุรี มอลลี่ ลูกกอล์ฟที่กอดกันกลมตอนเดินผ่าน มอลลี่กับลูกกอล์ฟรีบวิ่งจู๊ด ไปหาประกายเดือนโดยทิ้งจามจุรีให้วิ่งตาม
“รอฉันด้วยสิ..ไอ้พวกนี้”
“อ้าว!!ไหนคุยว่ามีของดี ผีไม่กล้าหลอกไงคะ คุณเจเจ” มอลลี่ว่า
ลูกกอล์ฟกระโดดเหยง “เจ๊มอล!!พูดจาน่าสะพรึงมาก”
“ยังไม่มืด กล้าพูดเว๊ย” มอลลี่บอก
ลูกกอล์ฟถามทันที “ถ้ามืดล่ะ...”
“ตัวใครตัวมันสิไอ้ลูกกอล์ฟ”
“เลิกงานแล้ว ยังไม่กลับบ้านอีกหรอคะ คุณเลขา ฯเดือน” จามจุรีถาม
“ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลยค่ะ” ประกายเดือนตอบ
“แหม..ท่านรองฯ นี่ใจร้าย หนีไปงานเลี้ยงซะงั้น ปล่อยให้คุณนายท่านรองทำงานหนักเยี่ยงทาสเป็นมอลลี่ๆ ไม่ยอมจริงๆนะคะ..คุณนาย”
“เลิกเรียกฉันแบบนี้เถอะค่ะ ใครได้ยิน เข้าจะไม่ดี”
“แหมๆๆ..คุณนายท่านรองฯ นี่น่ารักอ่ะ ถ่อมตัวไม่เหมือน” มอลลี่ทำหน้าย่นแล้วก็บุ้ยใบ้ไปทางห้องนาคินทร์ “คุณนายห้องนู้น อู่ย..อย่าให้เม้าท์”
“นิดส์นุงส์น่า” ลูกกอล์ฟบอก
มอลลี่พูดทันที “เชิด เริ่ด คอแข็ง ชูคอยังกะกิ้งก่า ไม่รู้ว่าเมื่อยมั่งรึเปล่า เจอหน้าพวกเราไม่เคยทักซักกะคำ”
นาคินทร์เดินออกมาพร้อมกนกรัตน์ที่เกาะแขนแจแต่หน้าเชิดแบบที่มอลลี่ว่าจริงๆ ลูกกอล์ฟรีบสะกิดมอลลี่
มอลลี่ม้วนตัว “กลับแล้วหรอคะท่านประธานฯ” มอลลี่ยิ้มกับกนกรัตน์ “ว้าย!!วันนี้สวยสง่ามากเลยค่าคุณกนกรัตน์” มอลลี่สวัสดีอย่างอ่อนช้อย “สวัสดีนะค้า”
กนกรัตน์ทำหน้าเฉยมาก
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับทุกคนพอดีมีงานเลี้ยงครับ” นาคินทร์พูดกับประกายเดือน “ยังไงอย่าลืมเรื่องเอกสารนะครับ ขอบคุณมากครับ”
นาคินทร์เดินออกมากับกนกรัตน์ ทุกคนแสดงความเคารพ
มอลลี่พูดทันที “จะเชิดไปไหน?? แหม้.. มัยน่ายุให้ผีเลขาฯฉัตร จับหักขอซะเลยนี่..คอแข็งนัก”
จามจุรีกับลูกกอล์ฟกระโดดกอดกันกลม “บ้า!”
“เธอจะบ้าหรอแม่สมรศรี โพล้เพล้ๆแล้วมาพูดจาแบบนี้” จามจุรีว่า
“สะพรึงมากก” ลูกกอล์ฟบอก
“เออจริง..งั้นจะอยู่ทำไม?? รีบกลับกันดีกว่า โชคดีผีไม่หลอกนะคะคุณนายท่านรองฯ” มอลลี่พูดอีก
จามจุรีกับลูกกอล์ฟกอดกันกลม “แน้”
“พูดเองก็กลัวเองว่ะ”
พูดจบมอลลี่ก็กระโดดกอดด้วย แล้วก็พากันออกไปทั้งกลุ่ม ประกายเดือนมองตามขำๆ แล้วส่ายหน้าก่อนจะเหลือบมองไปทางโต๊ะของปาริฉัตรเพราะแอบกลัวอยู่เหมือนกัน แล้วเธอก็ฝืนใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ปานตะวันกำลังลุ้นให้นารถนรินทร์เดินมาหา ในที่สุดนารถนรินทร์ก็เดินมากอดปานตะวันได้สำเร็จ สองสาวกอดกันแน่น
“เก่งจังเลยค่ะ น้องนารถเก่งที่สุด” ปานตะวันชม
“นารถทำได้จริงๆด้วย นารถทำได้จริงๆใช่มั้ยคะพี่ตะวัน?”
“ใช่สิคะ น้องนารถทำได้ดีมากเลย เหลืออีกนิดเดียวคือความมั่นใจนะคะไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น กระดูกเชื่อมติด 100% แล้ว ก้าวเดินให้เต็มเท้า ต้องมั่นใจนะคะ น้องนารถของพี่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวย สง่างาม ที่สำคัญ คุณวิทย์จะต้องเซอร์ไพร์สสุดๆเลย”
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง “นารถรักพี่ตะวันที่สุด” นารถนรินทร์กอดปานตะวัน “ถ้าไม่มีพี่ตะวัน นารถคงไม่มีวันนี้” นารถนรินทร์มองหน้า “สัญญานะคะ สัญญาว่าพี่ตะวันจะอยู่เคียงข้างนารถ จะไม่ทิ้งนารถไปไหนเด็ดขาด”
ปานตะวันอึ้ง
“อ้าว..เงียบไป ไม่รับปากแบบนี้หมายความว่าไงคะเนี่ย?” นารถนรินทร์ถาม
ปานตะวันฝืนยิ้ม “มาค่ะ.. ต้องเดินต่ออีกซักรอบ คราวนี้ต้องลงน้ำหนักให้เต็มเท้า มั่นใจนะคะ?”
นารถรินทร์ยิ้มแฉ่ง “สู้ตายค่ะ”
สองสาวยิ้มแฉ่งกัน ปานตะวันแอบเศร้าอยู่ลึกๆ
ตกดึก ประกายเดือนยังรื้อหาเอกสารตามตู้ ชั้น ฯลฯ บริเวณที่ทำงานของปาริฉัตร ท่ามกลางบรรยากาศที่วังเวงมากๆ
ประกายเดือนบ่นไปรื้อไป “อยู่ไหนน้าาา...เอกสารสัญญา โอยๆๆ หาไม่เจอล่ะตายแน่!!คุณฉัตรนะ คุณฉัตร...ตอนนั้นทำไมไม่รีบส่งคืนให้เราซะก่อนนะเฮ้อ”
ทันใดไฟทั้งฟลอร์ก็ดับพรึ่บ
ประกายเดือนสะดุ้งเฮือก “เฮ่ย!” ประกายเดือนเหลียวซ้ายแลขวา “อะไรเนี่ย ? จะมาไฟดับอะไรตอนนี้ ?”
ประกายเดือนก้มๆเงยๆ พอหาไฟฉายได้ก็เอามาส่องค้นโน่นค้นนี่ต่อ ประกายเดือนเล็งไฟฉายไปที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานของปาริฉัตร ประกายเดือนตัดสินใจจะดึง แต่ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออกเพราะลิ้นชักล็อค
ประกายเดือนเซ็ง “เฮ้อ!จะล็อคทำไม๊?! กุญแจอยู่ไหนล่ะคุณฉัตร”
ทันใดนั้นประตูห้องทำงานนาคินทร์ที่เปิดอยู่ก็ปิดปังทันที
ประกายเดือนสะดุ้งสุดตัวเพราะชักจะหนาว “เฮ่ย!” ประกายเดือนกลอกตาไปรอบๆ “มะ..มะ ไม่ได้ว่าอะไรนะ..แค่ถามๆดูไม่ต้องตอบก็ได้” ประกายเดือนรีบคว้ากระเป๋ามาสะพายแล้วพูดกับอากาศ “ไม่เป็นไร..หาไม่เจอก็หาไม่เจอ..เดี๋ยวจะขอให้ท่านประธาน ฯ เซ็นใหม่นะๆๆ”
ประกายเดือนรีบวิ่งจู๊ดไปปิดประตูห้องทำงานนาคินทร์ให้เรียบร้อยแล้วเตรียมเผ่น แต่เธอก็ต้องชะงักกึก เมื่อจู่ๆ ไฟสว่างพรึ่บขึ้นทั่วฟลอร์ ประกายเดือนสะดุ้งเฮือกแล้วทรุดลงนั่งพับอยู่ตรงประตูห้องนาคินทร์ ก่อนจะพนมมือไหว้แต้ หลับตา ปากคอสั่น
“โอย !! กลัวแล้วกลัวแล้ว ไปสู่ที่ชอบๆ เถอะคุณฉัตร ต่อไปนี้ ฉันจะไม่พูดถึงคุณแล้ว จะไม่กวนใจ” ประกายเดือนชะงักกึก
ประกายเดือนเห็นลิ้นชักโต๊ะทำงานปาริฉัตรที่เคยล็อคแง้มเปิดออก ประกายเดือนถึงกับอึ้ง เธอตัดสินใจค่อยๆ ลุกขึ้นทั้งๆ ที่ยังกลัวอยู่ ประกายเดือนมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดๆ พอไปถึงก็ค่อยๆดึงลิ้นชัก แล้วเธอก็ตาโตเมื่อเห็นแฟ้มเอกสารเสนอเซ็นที่กำลังหาอยู่ ประกายเดือนรีบคว้าขึ้นมาเปิดดูอย่างลืมตัวเพราะดีใจ
“เจอแล้วๆ!! ใช่จริงๆด้วย” ประกายเดือนกอดแฟ้ม “ดีใจ) วู้ๆๆ รอดแล้วเรา หึ้ย!!ดีใจจังเลย” ประกายเดือนชะงัก พอนึกขึ้นได้ก็มองลิ้นชัก “แต่ทำไม..จู่ๆเปิดได้อ่ะ” ประกายเดือนทำหน้าแหย
แล้วประกายเดือนก็ชะงักกึกเมื่อสายตาไปปะทะกับแฟ้มประวัติคนไข้ที่ปาริฉัตรแอบขโมยมาจากคลินิคหมอโก้ ประกายเดือนมองอย่างสงสัยก่อนจะเหลียวซ้ายและขวา แล้วตัดสินใจหยิบขึ้นมามอง เธอตัดสินใจเปิดดูทีละหน้าๆๆ แล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอึ้ง ตกใจ อย่างไม่คาดคิด
ประกายเดือนช็อค “คุณเคท?”
อ่านต่อตอนที่ 24