เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 21
มิ้ลค์ที่สวมชุดดำกำลังเลือกแว่นกันแดดกรอบสีๆ ขึ้นมา
มิ้ลค์เลือกได้ก็ชูให้คนขาย "แบบนี้สีดำไม่มีเหรอ?”
"สีดำไม่ได้ทำค่ะ" คนขายบอก
"แล้วทำไมไม่รู้จักทำ..หึ้ย!!..จะใส่ไปงานศพซะหน่อย"
มิ้ลค์อารมณ์เสียแล้วก็ขว้างทิ้งก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ปาริฉัตรเดินมาเห็นไกลๆ ก็ชะงักกึก ตาโต
"พี่มิ้ลค์?" ปาริฉัตรตะโกนเรียก "พี่มิ้ลค์ๆๆๆ"
ปาริฉัตรวิ่งตามไป
มิ้ลค์เดินไปเดินมา ปาริฉัตรไล่ตามสักพักจนสุดท้ายก็ป๊ะกัน
ปาริฉัตรฉกข้อมือมิ้ลค์ไว้ด้วยความดีใจ "พี่มิ้ลค์!!”
มิ้ลค์หันขวับมาอย่างไม่พอใจ "อะไร? ใครอ่ะ?”
ปาริฉัตรยิ้มแฉ่ง "พี่มิ้ลค์คะ !!ฉัตรเองค่ะ!!ปาริฉัตรไงคะพี่"
มิ้ลค์จ้องแต่ยังไม่พูดดีด้วย "ปาริฉัตร?”
ขนมกับกาแฟแลดูน่าทานวางอยู่ตรงหน้าทั้งคู่
ปาริฉัตรยิ้มแฉ่ง "ฉัตรคิดถึงพี่มิ้ลค์สุดๆเลยค่ะ ไม่เจอกันตั้งหลายปีพี่มิ้ลค์จำได้ใช่มั้ยคะ ตอนเรียนมัธยม ฉัตรมีพี่มิ้ลค์เป็นไอดอลทุกเช้าตอนเข้าแถวต้องไปรอกรี๊ดพี่มิ้ลค์ตลอดเลย"
มิ้ลค์แช่มชื่น "จำได้สิจ๊ะ ทำไมจะจำไม่ได้"
ปาริฉัตรได้ทีก็เลียใหญ่ "ดีใจจังเลยค่ะพี่มิ้ลค์จำฉัตรได้ด้วย" ปาริฉัตรเริ่มเข้าเรื่อง "หูย..พี่มิ้ลค์ยิ่งวันยิ่งสวยนะคะ เห็นในรูปงานไฮโซงว่าสวยแล้วตัวจริงยิ่งสวยใหญ่"
มิ้ลค์ปลื้มมาก "อู๊ย…ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกมั๊ง"
"ขนาดนั้นค่ะ!!" ปาริฉัตรแย๊บ "สวยกว่ายัยเคทอะไรนั่นตั้งเยอะ"
มิ้ลค์ฟังไม่ทัน "ใครนะ?”
"ยัยเคท...กนก..อะไรน้า" ปาริฉัตรถาม
มิ้ลค์ตอบทันที "เคท กนกรัตน์"
"นั่นแหละค่ะ!!ฉัตรไม่เห็นชอบเลย สวยสู้พี่มิ้ลค์ก็ไมได้ แต่ทำไมใครๆชอบว่าเค้าสวย"
มิ้ลค์เริ่มของขึ้น "ชิ!!สวยด้วยแพทย์น่ะสิ!!ทุบหน้ามาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ"
ปาริฉัตรตาโตวาวก่อนจะล้วงต่อแล้วพูดเสียงดังลั่น "ทุบหน้า?? ไม่จริ้งง"
"จริง!!! ไม่เชื่อเดี๋ยวพาไปมั่งเอามั้ยล่ะ(มองหน้าจับจมูกฉัตร)จิ้มให้โด่งแป๊บเดียว" มิลค์จับหน้าปาริฉัตร "ร้อยไหมคงไม่ต้อง" ปาริฉัตรมองผิวแล้วก็ทำปากเบะๆ "แต่ต้องกลูต้าหนักหน่อย แต่ไม่เจ็บเลยนะ ไม่ต้องกลัว..หมอโก้นี่เก่งมาก"
ปาริฉัตรตาวาวก่อนจะพึมพำ "หมอโก้"
"แต่เดี๋ยว" มิลค์ตอแหล "ของพี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่สวยธรรมชาติ แค่ดัดฟัน"
ปาริฉัตรจ้องหน้ามิ้ลค์ แต่หูแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่มิ้ลค์พูดแล้ว ดวงตาปาริฉัตรวิบวับแล้วก็นึกในใจว่านังเคท!!เสร็จแน่
ปานตะวันนั่งถักถุงเท้าเล็กๆ ให้ลูกอย่างตั้งใจ แก้วนมอุ่นๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า ปานตะวันชะงักก็เงยขึ้นมอง
"บำรุงหน่อยครับ" อัครินทร์พูด
ปานตะวันเบ้หน้า "โหย..เพิ่งทานไปเองค่ะ"
"เพื่อหลานผม"
ปานตะวันส่ายหน้า "วันนี้ทานเป็นลิตรแล้ว" ปานตะวันนึก "ถ้าเปลี่ยนเป็นยำอะไรแซบๆ สิยังน่าสน"
อัครินทร์ตาโต "ยำแซบๆ?”
ปานตะวันอมยิ้มแล้วพยักหน้า
อัครินทร์ชูปลากระป๋อง "ปลาซาดีนมีประโยชน์ต่อสตรีมีครรภ์"
อัครินทร์เปิดปลากระป๋องแล้วเทใส่ชาม ปานตะวันยิ้มขำ
อัครินทร์หั่นพริก หั่นมะนาวดูคล่องแคล่ว ก่อนจะนำเครื่องปรุงลงคลุก บีบมะนาวดูน่ากิน ปานตะวันเปรี้ยวปาก อัครินทร์คลุกๆ แล้วเอาช้อนตักชิมเองก่อน
อัครินทร์บอก "หืมม์!! สุดยอด"
ปานตะวันขำๆ "แน่ใจ?”
"อ่ะ! ไม่เชื่อก็ชิม"
อัครินทร์เอาช้อนใหม่ตักยื่นให้เหมือนจะป้อน ปานตะวันชะงักแล้วก็รับมาชิมเอง
"อืมม์..ก็..”
อัครินทร์ลุ้น
"อร่อยนะคะ"
"ชัวร์สิครับ!! ถึงผมจะเป็นหมอแต่ก็พอจะได้วิชาเชฟมาจากคุณแม่อยู่บ้างนะครับ"
ปานตะวันยิ้ม "แต่คุณแม่รู้เข้าคงโกรธนะคะ ว่าลูกชายขี้ลืม สอบตก!”
อัครินทร์งง "สอบตกยังไงครับ?”
ปานตะวันไม่ตอบ แต่เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบหอมหัวใหญ่ออกมาชูขึ้น
"ยำอะไร ไม่ครบเครื่อง?”
อัครินทร์ Get "อ่อ.." อัครินทร์วางฟอร์ม "ไม่ได้ลื้มมม แต่เวลาหั่นหอมหัวใหญ่แล้วมันแสบตา ผมก็เลยตั้งใจจะไม่ใส่ ไม่ได้ลืม!!”
ปานตะวันยิ้มขำ "หรอ?”
อัครินทร์โกหกไม่เนียน ปานตะวันส่ายหน้าแล้วล้างหอมหัวใหญ่ก่อนจะลงมือหั่น อัครินทร์มองอย่างทึ่งๆ ก่อนจะลอบมองความสวยของปานตะวันจนเพลิน สักพักปานตะวันรู้สึกตัวก็มองหน้าอัครินทร์
อัครินทร์สะดุ้งโหยง "เอ่อ..ครับ..คือ..คุณตะวันเก่งจังครับ" อัครินทร์พูดแบบขำๆ บริสุทธิ์ใจ ใสๆ เล่าให้ฟังไม่ได้คิดอะไร "คุณแม่ผมบอกตลอดเลยว่าคนไหนหั่นหอมหัวใหญ่แล้วน้ำตาไหลพรากๆ อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด"
ปานตะวันอึ้ง!
ภาพเหตุการณ์ตอนที่นาคินทร์หั่นหอมหัวใหญ่ น้ำตาไหล เช็ดน้ำตาป้อยๆ ปานตะวันขำ ปานตะวันหั่นคล่องแคล่ว นาคินทร์บอก “คุณแม่ผมมักจะบอกอยู่เสมอว่า ถ้าจะหาสะใภ้เข้าบ้านต้องแอบดูเวลาที่เขาหั่นหัวหอมถ้าเกิดร้องไห้เวลาหั่นล่ะก้อห้ามแต่งเข้าบ้านเด็ดขาด เพราะผู้หญิงคนนั้นจะดูแลครอบครัวไม่ได้” สองคนจ้องตากัน
ปานตะวันสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงอัครินทร์เรียกดัง
"คุณตะวัน!!”
ปานตะวันสะดุ้งเฮือก "คะ?”
"เป็นอะไรรึเปล่า?”
"อ่อ..เปล่าๆ ค่ะ..ไม่เป็นไร" ปานตะวันเปลี่ยนเรื่อง "เสร็จแล้วค่ะ..ฉันคลุกให้เลยดีกว่านะคะ"
ปานตะวันคลุกเคล้าส่วนผสมลงไป อัครินทร์มองปานตะวันอย่างรู้ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
ปานตะวันล้มตัวลงนอนก่อนจะค่อยๆ สะอื้น
ภาพอดีตที่เต็มไปด้วยความสุขหวานชื่นที่ผ่านมากับนาคินทร์ย้อนกลับมา
ปานตะวันน้ำตาไหล แล้วสะอื้นเต็มที่อย่างอัดอั้นก่อนจะปาดน้ำตา
ปานตะวันพึมพำเหมือนบอกกับลูก "พ่อเค้าไม่ได้รักแม่..พ่อเค้าไม่ได้รักแม่"
กนกรัตน์เดินนำหน้าจูงมือนาคินทร์เข้ามาในห้องนั่งเล่น ทั้งคู่แต่งตัวเหมือนไปงานเลี้ยงหรูกันมา กนกรัตน์แต่งตัวเต็ม ทาปากสีแดงเข้มที่เคยซื้อไว้สีเหมือนกับปาริฉัตร พอถึงกลางห้องใกล้โซฟา กนกรัตน์ก็หันหน้ามาจ้องตานาคินทร์
"งานเลี้ยงคืนนี้สนุกจังเลยนะคะพี่คิน"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ ดูออกว่าไม่สนุก แต่ก็ไม่ขัดใจกนกรัตน์ "ครับ"
กนกรัตน์มองนาคินทร์อย่างหลงใหล "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความฝันของเคทจะกลายเป็นจริง"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ ด้วยความแปลกใจ "ความฝัน? ฝันอะไรเหรอครับ?”
กนกรัตน์รู้ตัวว่าหลุดก็รีบเนียน "ก็..ฝัน..ฝันที่จะได้พบใครซักคนที่แสนดีที่รักเคทมากๆ อย่างพี่คินไงคะ"
นาคินทร์ยิ้มๆ อย่างสุภาพ
กนกรัตน์ค่อยๆ ถามเพราะเริ่มรู้สึกกลัวจะสูญเสีย "พี่คินรักเคทจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”
นาคินทร์ยิ้มน้อยลงเล็กน้อย
กนกรัตน์รู้สึกไม่พอใจ "แปลว่าอะไรคะ? พี่คินไม่รักเคทหรอกเหรอคะ"
นาคินทร์ตอบไม่ถูกก็ได้แต่นิ่ง
กนกรัตน์จะโกรธแล้ว แต่ก็เปลี่ยนแผนดีกว่า เธอเริ่มน้ำตาเอ่อ "พี่คิน..”
นาคินทร์ใจแป้วเพราะแพ้น้ำตาผู้หญิง "กนก!! ไม่นะครับ อย่าร้องไห้ พี่คินขอโทษ"
กนกรัตน์กอดนาคินทร์ไว้แน่นทันที "พี่คินไม่รักเคท" กนกรัตน์สะอื้นๆ
นาคินทร์ได้แต่กอดกนกรัตน์ไว้แต่ก็ยังไม่อยากจะพูดจากใจว่า ‘รัก’ กนกรัตน์รออยู่นานก็ตัดสินใจผละออกมาจ้องหน้าด้วยสายตาออดอ้อน
"แค่เคทรักพี่คินมากนะคะ" กนกรัตน์เริ่มลูบไล้นาคินทร์ไปทั่ว "เคทรักพี่คินมาก..รักพี่คินคนเดียว" กนกรัตน์โน้มคอนาคินทร์เข้ามาใกล้ นาคินทร์เริ่มเคลิ้ม กนกรัตน์ลูบไล้ใช้สายตาราวสะกดจิต "เคทพี่คิน" กนกรัตน์โน้มคอมาใกล้แล้วจ้องตากัน "กนกรักพี่คินค่ะ"
นาคินทร์อึ้งค้างไปเมื่อได้ยินกนกรัตน์เรียกตัวเองว่า ‘กนก’
กนกรัตน์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะโน้มนาคินทร์เข้ามาใกล้สุดๆ
ทันใดนั้น นาคินทร์มองเห็นหน้ากนกรัตน์เป็น ‘กนกวลี’ ที่มีแววตาเศร้าๆ
นาคินทร์ตกใจแล้วก็ได้สติจึงผละออกจากกนกรัตน์ทันที "กนก!!”
กนกรัตน์พลอยตกใจไปด้วย "ทำไม? เป็นอะไรคะพี่คิน?”
นาคินทร์ยังตกใจอยู่ "กนก!!”
กนกรัตน์งง "ก็ ‘กนก’ น่ะสิคะ" กนกรัตน์ย้ำ "กนกค่ะ"
นาคินทร์สวนขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่ได้ตะคอกแล้วพูดเหมือนบอกตัวเอง "ไม่ใช่..ไม่เหมือนกนก"
กนกรัตน์ช็อคมากเหมือนคนมีชนักปักหลัง เธอถามเสียงหลง "อะ..อะไร.นะคะ? เมื่อกี้..พี่..พี่คินว่าอะไรนะคะ ใคร..ไม่เหมือน..ยังไงนะคะ?" กนกรัตน์ทำท่าจะร้องไห้เพราะเสียใจ
นาคินทร์ได้สติอีกที "เอ่อ..พี่คิน..พี่คินขอโทษนะครับ" นาคินทร์จับมือแบบเกรงใจ "ดึกมากแล้ว พี่คินขอตัวกลับก่อนนะครับ"
กนกรัตน์เสียใจ "พี่คิน?”
นาคินทร์จูบหน้าผากอย่างสุภาพ "กู้ดไนท์นะครับ แล้วพี่จะโทร.หา"
กนกรัตน์ได้แต่อึ้งๆ เธอปล่อยให้นาคินทร์เดินจากไป จากหน้าตาเศร้าเสียใจหน้ากนกรัตน์ค่อยๆ กลายเป็นโกรธ ความโมโหค่อยๆ ทวีขึ้นจนร้องกริ๊ดๆๆ แล้วเธอก็วิ่งไปส่องระจกก่อนจะตะปบหน้าตัวเองมือไม้สั่น แล้วตะคอกใส่กระจก
"ไม่เหมือน!! ไม่เหมือนตรงไหน?? ทำไมจะไม่ใช่?? ทำไมจะไม่ใช่กนก?? ฉันนี่ล่ะ กนก!! กนกๆๆ" กนกรัตน์แหกปากลั่นห้อง "ฉันนี่ล่ะ กนกวลี!!”
ปานตะวันหลับคุดคู้อยู่ท่าเดิม แล้วเธอก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาทันที ราวกับได้ยินเสียงของกนกรัตน์ ปานตะวันลุกขึ้นมานั่งงงๆ ที่จู่ๆ ก็สะดุ้งตื่น พอเห็นว่าไม่มีอะไรเธอก็ถอนหายใจแล้วก็ไม่อยากนอนต่อ ปานตะวันหยิบ ผ้าห่มบางๆ มาคลุมไหล่ แล้วก็ลุกไป
ปานตะวันถือแก้วนมอุ่นๆ ผ่านมาแล้วชะงัก รู้สึกเหมือนมีคนอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ก็ค่อยๆ เดินมาดู เห็นนาคินทร์กำลังฟุบลงกับเคาน์เตอร์พอดี ปานตะวันแอบดูอยู่อย่างนั้น นึกชั่งใจก่อนจะเดินกลับไม่ยุ่งดีกว่า แต่มือนาคินทร์ปัดแก้วเหล้าแตกดังเพล้ง ตะวันสะดุ้งรีบพรวดเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
ปานตะวันเรียกเบาๆ "คุณนาคินทร์" ปานตะวันเขย่าตัวนิดนึง "คุณ.." ปานตะวันจับตัวพยายามพลิกขึ้น " คุณนา..”
ทันใดนั้นนาคินทร์ก็โผเข้าไปกอดโดยเอาหน้าซบไหล่ปานตะวัน ปานตะวันนั่งตัวแข็ง
นาคินทร์หลับตาพึมพำเพราะเมาไม่รู้เรื่อง "อย่าทิ้งผม..อย่าทิ้งผมไป"
ปานตะวันอึ้ง
ปานตะวันที่คุกเข่าข้างๆ โซฟาเช็ดหน้าให้นาคินทร์อยู่ สักพักปานตะวันก็ชั่งใจก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนาคินทร์อย่างเบามือเพราะกลัวเขาตื่น พอปลดกระดุมเสื้อออกแล้วเธอก็เช็ดตามลำตัวให้เขาอย่างนิ่มนวล สายตาปานตะวันเหมือนภรรยาที่ห่วงใยและปรนนิบัติสามี
นาคินทร์พึมพำก่อนจะซบหน้ามาซุกไหล่ปานตะวัน
"อย่าทิ้งผมไป"
ปานตะวันมองแล้วก็ตกใจเพราะเธอเห็นนาคินทร์น้ำตาไหลทั้งๆ ที่หลับอยู่ "ผมรักคุณ"
ปานตะวันอึ้งก่อนจะสับสนว่านาคินทร์หมายถึงใคร? หมายถึงเราหรือใคร? นาคินทร์คุดคู้เหมือนหนาว ปานตะวันมองๆ มองหาผ้าห่ม ก่อนเอาผ้าที่คลุมไหล่ของตัวเองมาคลุมให้ ก่อนจะมองนาคินทร์ที่หลับสนิท
ปานตะวันมองเศร้าๆ "ใครคะ..คุณรักใครคะ..คุณนาคินทร์?”
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 21 (ต่อ)
เสียงมือถือดังขึ้น กนกรัตน์ที่หลับสลบไสลเพราะอาละวาดจนหมดแรงยังใส่ชุดเดิม หัวยุ่งเหยิง สะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบตะปบมือถือมารับสายทันที
กนกรัตน์พรวดพราดพูดออกมาทันที "พี่คิน!! ทำไมพี่คินโทร.มาช้าคะ?? ทำไมพี่คิน"
เสียงปาริฉัตรดังขึ้น "ฉันจะกระชากหน้ากากแก!!”
กนกรัตน์อึ้งแล้วรีบดูเบอร์หน้าจอพอเห็นเป็นเบอร์สาธารณะก็อึ้ง ก่อนจะถามเสียงเครียด "แกเป็นใคร?" กนกนรัตน์เดาสุ่ม "นังมิ้ลค์?”
ปาริฉัตรพูดจากปลายสาย
"นังจอมปลอม!!”
กนกรัตน์กรี๊ดลั่น "ฉันถามว่าแกเป็นใคร?”
ปาริฉัตรปากยิ้มเยาะและเหยียด "นังหน้าปลอม!!”
กนกรัตน์โกรธจนตัวสั่น "ถ้าฉันรู้ว่าแกเป็นใคร ฉันเอาแกตายแน่"
"แกสิตาย!!”
กนกรัตน์อึ้ง
ปาริฉัตรทำปากเยาะ "กว่าที่แกจะรู้ว่าฉันเป็นใคร" ปาริฉัตรยิ้ม "ตอนนั้นคนทั้งโลกคงรู้กันหมดแล้วว่า แกนั่นแหละ เป็นใคร?”
กนกรัตน์อึ้ง
ปาริฉัตรทำปากเหยียด "โดยเฉพาะคนแรกที่ต้องรู้...”
กนกรัตน์มองตาวาวอย่างลุ้นๆ
ปาริฉัตรพูดต่อ "คือ..คุณนาคินทร์!”
กนกรัตน์แทบช็อคจนถึงขั้นปรี๊ดแตก
"ม่าย!!! อีบ้า!! ฉันจะฆ่าแก!!! ฉันจะฆ่าแก!!" กนกรัตน์เอามือถือฟาดไม่ยั้ง "แกเป็นใคร!!! ฉันจะฆ่าแก"
กนกรัตน์เขวี้ยงโทรศัพท์กระเด็นไปไกลแล้วก็นั่งหอบก่อนจะคิดกลัว
กนกรัตน์สะอื้น "ไม่ได้..คุณนาคินทร์จะรู้ไม่ได้" กนกรัตน์สะอื้น "คุณนาคินทร์เป็นความฝันเดียวของฉัน" กนกรัตน์นึก
กนกรัตน์นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่เธอคุยกับแตงโม
“ฉันถามหน่อยเถอะที่แกบอกว่าจะเอา ‘หน้าเก่า’ ของฉันมาเตือนความจำให้น่ะ..หมายความว่ายังไง” แตงโมตอบ “..จะเอารูปเก่าตอน..ตอนเธอยังไม่..เอ่อ..ยังไม่ทำหน้ากับหมอโก้”
กนกรัตน์ถาม “แกมีรูปเหรอ?” แตงโม “ไม่ๆๆๆ ไม่มี..แต่หมอโก้น่าจะมี”
เมื่อนึกถึงคำพูดของแตงโม กนกรัตน์ก็เริ่มตาวาว
จากที่สะอื้นหน้าเศร้าหน้ากนกนรัตน์ก็กลายเป็นชั่วร้าย "ฉันไม่มีวันที่จะปล่อยให้ให้ใครมาทำลายความฝันของฉัน ความฝันเดียวของฉันมันจะพังไม่ได้!”
กนกรัตน์ที่สวมรองเท้าบู้ทดำขนาดและแบบของผู้ชายก้าวอย่างระแวงระวังที่หน้าห้องหมอโก้ กนกรัตน์เปิดประตูมองซ้าย มองขวาแล้วก็มองตรงไปที่โต๊ะ, แฟ้ม ฯลฯ กนกรัตน์สวมถุงมือรื้อค้นเอกสารสุดฤทธิ์ เวลาผ่านไป ทุกอย่างโดนโยนทิ้งอย่างอารมณ์เสีย สุดท้ายรูป Before ของกนกรัตน์ก็ร่วงหล่นลงที่พื้น เธอค่อยๆ หยิบขึ้นมามอง
โก้กับแพรวพรรณรายยืนท้าวเอวมองทุกอย่างที่รกเละเทะอยู่ในห้อง
"ตำรวจว่าไงมั่งล่ะ?” แพรวพรรณรายถาม
"ก็ยังไม่ว่าไง? บอกแต่ว่าคนร้ายไม่ธรรมดา เก็บกล้องวงจรปิดซะเรียบ หลักฐานนิ้วมือก็ไม่มี"
"นิ้วมือไม่มี? แล้วนิ้วเท้าล่ะ?”
โก้เกาหัวด้วยความรำคาญ "ก็ไม่มี้!!”
แพรวพรรณรายตกใจ "คนร้ายขาด้วนเหรอ? รึว่าผี? ผีลอยมา?”
โก้รำคาญหนัก "ไม่ใช่!! มีแต่รอยรองเท้า รองเท้าบูท น่าจะเป็นผู้ชาย มาคนเดียว"
แพรวพรรณรายคิด "จะมาทำไม? จะมาเอาอะไร?" แพรวพรรณรายมองโก้ "มีเกย์ที่ไหนแอบชอบแกป่าว..ไอ้โก้?”
"บ้า!!! ชอบแกสิ..ไอ้พิ้งค์"
แพรวพรรณรายมองสภาพห้องอีกที "รื้อแฟ้มซะกระจุย" แพรวพรรณรายฉุกคิด "แฟ้ม?? แฟ้มเอกสารพวกนั้นเอกสารอะไร?”
"ก็แฟ้มประวัติคนไข้"
แพรวพรรณรายทวน "แฟ้มประวัติคนไข้?" แพรวพรรณรายนึกแล้วก็พึมพำ "มันจะมาค้นแฟ้มประวัติคนไข้ไปทำอะไรของมัน?”
อาหารเช้าเช็ทน่ารักในมือสาวิตรีกำลังถูกนำมาวางลงตรงหน้าวิทย์ ทุกคนฮือฮา
“Breakfast สุดพิเศษสำหรับ ‘ลูกวิทย์’ คะ" สาวิตรีพูด
"โห..ทำไมคุณแม่ลำเอียง? ทำไมพี่วิทย์ได้พิเศษอยู่คนเดียวล่ะคะ" นารถนรินทร์ตัดพ้อ
"นั่นสิ..พ่อก็ไม่ได้" ทวยเทพว่า
"สาเหตุก็คือ..’รมณ์เสียค่ะ!!” สาวิตรีบอก
ทุกคนร้องอ้าวอย่างงงๆ
"อารมณ์เสียแต่เช้า เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวหมดหรอก" ทวยเทพบอก
สาวิตรีสะดุ้งแล้วก็จับหน้า "ว้าย!! พ่ออ่ะ!!”
ใบตองกระซิบ "เหี่ยวไม่เป็นไรค่ะ คลีนิคปากซอยร้อยไหม โบท๊อกซ์ได้เป๊ะเว่อร์"
"บ้า!! ใบตอง!! คลีนิคปากซอย?? สุ่มสี่สุ่มห้าเดี๋ยวได้หน้าเละเป็นโจ๊กสิ!! คนเราควรจะงามตามธรรมชาติ"
"ว่าแต่คุณแม่อารมณ์เสียเรื่องอะไรเหรอคะ?” นารถนรินทร์ถาม
"ก็ดูซิ!! บ้านนี้มีลูกชายตั้ง 3 คน แต่" สาวิตรีมองเก้าอี้ที่ว่างเปล่า "ไม่มีลูกชายมาทานข้าวเช้ากับแม่ซ้ากคน" สาวิตรีมองวิทย์ "มีแต่ลูกวิทย์คนเดียว" สาวิตรียิ้ม "ลูกวิทย์จึงสมควรได้รับ Breakfast สุดพิเศษเพียงคนเดียวเท่านั้น"
นาคินทร์เดินเข้ามา
"อ้าว..แล้วผมล่ะครับคุณแม่?” เสียงนาคินทร์ถามขึ้น
สาวิตรีตาโตด้วยความดีใจ "พี่คิน!!" สาวิตรีแว้ดใบตอง "ไหนว่าพี่คินไปทำงานแล้ว?”
ใบตองคอย่น "ก็นี่มันสายแล้ว นึกว่าไปแล้วอ่ะสิคะ"
วิทย์ทัก "สวัสดีครับพี่คิน"
"เป็นไงวิทย์?” นาคินทร์ทักกลับ
"จริงสิ..ทำไมวันนี้ไปทำงานสายล่ะนาคินทร์" ทวยเทพถาม
นาคินทร์ไม่อยากตอบว่า ‘เมา’ ปานตะวันลอบมองก็แอบเห็นผ้าห่มผืนบางๆ ในมือนาคินทร์
นารถนรินทร์เคืองทันที "ทำไมจะไม่สายล่ะคะ" นารถนรินทร์ค้อน "ไปงานไฮโซกับยัยค็อกแค๊กนั่นซะดึกละสิ"
สาวิตรีงงๆ "ใครเป็นอะไรไม่สบายค็อกแค๊กคะ?”
นาคินทร์ไม่ค่อยพอใจแต่ก็ไม่ได้ดุจริงจัง "นี่!! ยัยนารถ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าต้องให้เกียรติกนกเค้า"
"กนกที่ไหน ไม่ใช่พี่กนกซะหน่อย"
นาคินทร์อึ้งไปแล้วก็ถอนใจเพราะเขารู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ แต่เขาก็หลอกตัวเองมาตลอด นาคินทร์ไม่พูดอะไรต่อ เขานึกได้ก็ยื่นผ้าห่มในมือให้สาวิตรี
"เมื่อคืนนี้..ขอบคุณมากนะครับคุณแม่"
ปานตะวันพิรุธ
สาวิตรีงง "เมื่อคืน?" สาวิตรีมองผ้า "อะไรคะลูก?”
"ก็ผ้าห่มของคุณแม่ไงครับ เมื่อคืน..เอามาห่มให้ผมที่โซฟา"
สาวิตรีเสียงสูง "เปล๊าาา..ไม่ใช่แม่"
"อ้าว.." นาคินทร์ยื่นผ้าห่มให้นารถนรินทร์
นารถนรินทร์เหล่มอง "พี่คิน? นารถเนี่ยนะคะ..จะออกมาห่มผ้าให้พี่คินที่โซฟาดึกๆ ดื่นๆ?”
นาคินทร์งงๆ
ใบตองรีบบอก "ไม่ใช่ใบตองค่ะ ชัวร์ค่ะ เพราะใบตองใช้แต่ผ้านวม" ใบตองมองผ้าในมือนาคินทร์ "หวานๆ น่ารักๆ อย่างนี้" ใบตองส่ายหน้า "ไม่ใช่!!มันไม่ใช่!!”
นาคินทร์นิ่งไปเพราะเริ่มงงหนัก
ทุกคนมองหน้ากันแล้วหันไปมองปานตะวัน
ปานตะวันรีบลุก "ตะวันขอไปเตรียมชุดลงน้ำให้น้องนารถก่อนนะคะ" ปานตะวันรีบเดินออกไปทันที
ทุกคนมองหน้ากันเพราะคิดเหมือนกันว่าชัวร์ ก่อนจะหันไปมองนาคินทร์ นาคินทร์มองตามปานตะวันไปแล้วก็หันมาเจอสายตาของทุกคน เขารีบเฉไฉ
"ไม่รู้ของใคร" นาคินทร์วางไว้บนโต๊ะ "ผมฝากคืนเจ้าของด้วยก็แล้วกัน ไปทำงานก่อนนะครับ" นาคินทร์พูดกับวิทย์ "เจอกันวิทย์"
"ครับพี่คิน"
นาคินทร์เดินออกไป ทุกคนมองตามเป็นตาเดียว นารถนรินทร์กรี๊ดกร๊าดด้วยความดีใจ
"อึ๊ย!! ดีใจๆ"
วิทย์ขำๆ "ดีใจอะไรครับน้องนารถ"
"ก็ดีใจที่ลมเริ่มเปลี่ยนทิศ ท่าทางจะลมพัดหวนน่ะสิคะพี่วิทย์ เจ้าประคู้ณ..ขอให้ลมพัดหวนจริงๆ เถ๊อะ"
ใบตองเอียงหน้ามาแฉ "ท่าทางจะหวนจริงๆ ค่ะ..วันก่อนใบตองก็เห็น"
นารถนรินทร์กับสาวิตรีรีบถาม "เห็นอะไร?”
ใบตองทำท่าทางแบบมีเรื่องเด็ดจะเม้าท์ สามสาวรีบสุมหัวกัน ใบตองเริ่มเม้าท์ “วันนั้นที่เราใส่บาตรกันไงคะ คุณคินกะคุณตะวันใส่บาตรปุ๊ป โอ้โห..โป๊ะเช๊ะเลย” สาวๆฮือฮา “จริงอ่ะๆ"
สองหนุ่มส่ายหน้ายิ้มๆ ขณะที่ได้ยินเสียงแว่วใบตองพูดต่อว่า “จริงค่ะ ใบตองเห็นกะตา ฯลฯ”
ปานตะวันจัดเตรียมอุปกรณ์กายภาพอยู่ริมสระ นาคินทร์เดินออกมาจะไปทำงาน แล้วต่างคนก็ต่างชะงัก มองกัน นาคินทร์เป็นฝ่ายเมินก่อนแล้วก็เดินออกไป ปานตะวันแอบน้อยใจก่อนจะถอนหายใจเฮือก แล้วหันมาหยิบจับอุปกรณ์ต่อ ปานตะวันบังเอิญทำของหล่นพื้น เธอจะก้มหยิบแต่ก็มีคนหยิบก่อน หน้าของปานตะวันอยู่ใกล้กันคนๆ นั้น ซึ่งก็คือ ‘นาคินทร์’ ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยื่นให้ ปานตะวันมีแววตาที่แอบดีใจ
นาคินทร์พูด "ไม่ต้องดีใจไป ที่ช่วยเนี่ย จะได้หายกัน ผมไม่มีอะไรติดค้างคุณ มีแต่คุณที่ติดหนี้ผมและก็ต้องชดใช้"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์เดินหน้าเฉยๆ ออกไป ปล่อยให้ปานตะวันแทบทรุด
นัครินทร์เซ็นต์เอกสาร 1 แผ่นเสร็จแล้วก็หยุด เขาหันไปจ้องประกายเดือนที่ยืนอยู่ข้างๆ ประกายเดือนส่ายหน้าขำๆ ก่อนจะเปิดแฟ้มให้อีกหน้านึง นัครินทร์เซ็นต์เสร็จก็หันไปมองอีก
ประกายเดือนถาม "มือซ้ายด้วนตั้งแต่เมื่อไหร่"
"อ้าว..จะมีเมียไว้ทำไมล่ะฮะ? ผัวก็เปรียบเสมือนมือขวา เมียก็เปรียบเหมือนกับมือซ้าย เราผัวเมียต้องคู่กันไปจริงมั้ยฮะ?" ประกายเดือนทำท่า "ผัวเซ็นต์ เมียเปิด เมียเปิด ผัวเซ็นต์"
ประกายเดือนดุเสียงเบาๆ "นี่!! อย่าพูดดัง เดี๋ยวใครได้ยิน"
"โอ่ย..กลุ้มใจ!! มีเมียกะเค้าทั้งคนก็บอกใครไม่ได้ ถามจริง..ใจคอจะให้ปิดข่าวไปถึงเมื่อไหร่ฮะ? ความลับไม่มีในโลกนะฮะ"
"แล้วคุณกะฉันอยากหายไปจากโลกนี้มั้ยล่ะ?! ถ้าพี่สาวฉันรู้ล่ะก้อ ตายแน่!!”
"ผมไม่เชื่อ!! เราไมได้ทำอะไรผิด!! ผมจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายนะฮะ อุ๊ปส์!”
ประกายเดือนรีบปิดปากนัครินทร์ "บอกว่าอย่าเสียงดัง!!”
นัครินทร์พนยักหน้าหงึกๆ ประกายเดือนเอามือออก
"เอกสารหมดแล้ว"
นัครินทร์สบายใจจึงเอนตัวจะพักผ่อน
ประกายเดือนล็อคหัวนัครินทร์ไว้ "เดี๋ยว!! ท่านประธานเรียกพบ เดี๋ยวนี้!!”
นัครินทร์เซ็ง "ว้า! ไรวะ?”
นาคินทร์จับลูกเหล็กเงื้อไว้แล้วก็ชั่งใจ ในที่สุดเขาก็ปล่อยลงจนมันกระทบกันไปมา ทันใดนั้นนัครินทร์ก็เคาะประตูเป็นพิธีแล้วก็พรวดเข้ามาทันทีโดยยังมีอาการเย็นชาใส่กันอยู่ทั้งพี่ น้องในเรื่องที่นาคินทร์ไม่ยอมให้นัครินทร์แต่งงานกับประกายเดือน
นัครินทร์ถาม "มีไรฮะ?”
นาคินทร์พูดเสียงเรียบ "นั่งลง"
"ยืนก็ได้ฮะ คงไม่นาน?”
นาคินทร์มองอย่างไม่สนแล้วก็ยืน "แกยังโกรธฉันอยู่ เรื่องประกายเดือน"
นัครินทร์ทำเฉยๆ เหมือนไม่สน
นาคินทร์พูดต่อ "ฉันไม่ได้ห้ามให้แกยุ่งกับเค้า แกยุ่งกับเค้าได้ แต่ไม่มีวันที่จะมีงานแต่งงาน"
นัครินทร์มองพี่ชายแบบเย้ยๆ "เพราะอะไรฮะ?”
นาคินทร์มองสักพักแล้วพูด "ซักวันนึงแกจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้..นายนัค"
นัครินทร์มอง สักพักเขาก็พยักหน้า "ก็..แล้วแต่ฮะ หมดธุระแล้วใช่มั้ยฮะ"
นาคินทร์เซ็งๆ จึงไม่ตอบ
นัครินทร์เดินออกแล้วก็ชะงักหันมา "ผมก็หวังว่า..พี่คินจะเข้าใจผมบ้างเช่นกัน นะฮะ"
นาคินทร์มอง นัครินทร์ฉีกยิ้มให้แล้วก็หุบยิ้มก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้นาคินทร์มองตามด้วยความคิดในใจว่าไอ้นี่แปลกๆ"
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 21 (ต่อ)
มิ้ลค์หันขวับมาอย่างไม่พอใจ
"ฉันไม่เข้าใจ แกพูดอะไรของแกห๊านังเคท?? ฉันไปโทร.ขู่อะไรแก?? เมายารึป่ะเนี่ย?”
กนกรัตน์มีหน้าตาไม่สดใสเพราะว่าเครียดมาก เธอจ้องมิ้ลค์อย่างจับผิดก่อนจะถาม "แน่ใจเหรอ ว่าแกไม่ได้ขู่จะ..." กนกรัตน์ชะงักเพราะไม่อยากพูดเรื่องทุบหน้าของตัวเอง
มิ้ลค์รำคาญ "จะอาราย?! ฉันจะขู่อะไรแก?" มิลค์ขำ "นี่!! คนอย่างคุณมิ้ลค์อ่ะนะ ไม่มีคำว่าขู่ให้เสียเวลา" มิ้ลค์ทำหน้าร้าย "ถ้าจะเล่นน่ะ เล่นเลย!!”
กนกรัตน์มองอย่างชั่งใจแต่ก็ไม่เห็นพิรุธ "ให้มันจริงละกัน"
"ฉันมัน ‘จริง’ อยู่แล้ว" มิ้ลค์จิกกนกรัตน์เยาะๆ "ไม่ ‘ปลอม’ เหมือนใครบางคนหรอก" มิ้ลค์สวมแว่นดำก่อนจะยักไหล่แล้วเดินออกไป
กนกรัตน์โกรธ แล้วมองตามแต่ก็ด่าไม่ทัน
มิ้ลค์ชะงักก่อนจะหันมาถอดแว่นดำแล้วบอก "งานศพนังโมน่ะ คิดจะไปมั่งมั้ย? ใจคอไม่คิดจะไปเผา เพื่อนมั่งเลยรึไงห๊า?" มิ้ลค์ใส่แว่นดำแล้วเดินสะดิ้งจากไป
กนกรัตน์มองตามด้วยสายตาเหยียด
"จะไปทำไมให้เมื่อย"
กนกรัตน์เย้ยๆ ก่อนจะมีสายตาที่หนักใจอย่างเก่า
"ไม่ใช่นังมิ้ลค์ แล้วมันใคร?”
นาคินทร์เซ็นต์เอกสารเสร็จก็ปิดแฟ้ม
"ขอบคุณมากครับคุณฉัตร" นาคินทร์บอก
ปาริฉัตรยิ้มก่อนจะเอื้อมไปหยิบแฟ้มแบบตั้งใจก้มให้เข้าไปใกล้นาคินทร์ที่สุดประมาณว่าขอแค่สูดดมก็ชื่นใจแล้ว
นาคินทร์ไม่รู้ตัวอะไร จึงถามเป็นเป็นปกติ "เหนื่อยมั้ยครับ?”
ปาริฉัตรอึ้ง เธอถามราวกับหูฝาด "อะไรนะคะ? เอ่อ..ประทานโทษค่ะ เมื่อกี้ท่านประธานว่าอะไรนะคะ ฉัตรฟังไม่ถนัด"
นาคินทร์ยิ้มๆ "ช่วงนี้ผมมาทำงานสายบ่อย คุณเลยต้องอยู่ดึกไปด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับ"
ปาริฉัตรระทวยจนแทบละลาย "เอ่อ..มะ..ไม่ค่ะ..ฉัตร..ฉัตรยินดีค่ะ" ปาริฉัตรพูดจากใจ "ฉัตรยินดีทำทุกอย่างเพื่อท่านประธานค่ะ"
นาคินทร์ยิ้ม "ขอบคุณมากครับ ผมจะพยายามปรับปรุง"
ปาริฉัตรยิ้มขำและขวยเขิน
นาคินทร์พูดเหมือนพูดกับตัวเอง "ผมก็จะอยากจะให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยลงเอยให้เร็วที่สุด"
ปาริฉัตรอึ้งทันทีเพราะตีความว่านาคินทร์อยากแต่งงานกับกนกรัตน์ นาคินทร์มองเหม่อโดยไม่ได้สนใจปาริฉัตร ปาริฉัตรหวั่นใจ
ปาริฉัตรวางแฟ้มแล้วก็ทรุดนั่งด้วยหน้าตาประหวั่นพรั่นพรึง
เธอนึกถึงตอนที่คำพูดของนาคินทร์ “ผมก็อยากให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยลงเอยให้เร็วที่สุด”
ปาริฉัตรพึมพำ "ท่านประธานจะแต่งงานกับนังเคทนั่น?" ปาริฉัตรส่ายหน้า "ไม่..ไม่ค่ะท่านประธาน..ฉันไม่ยอม"
แพรวพรรณรายลากปานตะวันเข้ามาในห้างสรรพสินค้า ปานตะวันอิดออด
"ไหนๆ ก็โดดงานออกมาแล้ว ดูหนังกะเพื่อนซักเรื่องเลยเหอะ เรื่องนี้พระเอกหล่อโฮกก"
"เชิญโฮกไปคนเดียวเถอะ ฉันต้องรีบเอาของไปให้คุณนารถ" ปานตะวันบอก
อาร์ตเห็นเข้าก็ดีใจมากจึงรีบเดินเข้ามาหา
แพรวพรรณรายยื้อปานตะวันไว้ "จะรีบไปไหน? ก็มั่วว่ารถติดอะไรไปก็ได้"
"ไม่ได้"
ปานตะวันสะบัดตัวจนไปชนเข้ากับอาร์ตพอดีเป๊ะ ทำให้ปานตะวันอยู่ในอ้อมกอดของอาร์ต ทั้งสองอึ้งกันไป
มิ้ลค์เดินเชิ่ดๆ มาเห็นเข้าก็ถอดแว่นมอง แล้วก็ตาโตของขึ้นทันที
"พี่อาร์ต?” ปานตะวันตกใจ
อาร์ตดีใจ "ตะวัน"
"นังตะวัน!" มิ้ลค์วิ่งพุ่งเข้ามาจิกปานตะวัน "นังหน้าด้าน" ปานตะวันตบเปรี้ยง
อาร์ตร้องลั่น "อย่า!! มิ้ลค์!!”
อาร์ตเข้ามาขวาง แพรวพรรณรายกอดปานตะวันไว้
"ตะวัน!" แพรวพรรณรายพุ่งไปลุยกับมิ้ลค์ทันที "นังหมาบ้า!! กัดไม่เลือกอย่างเนี้ย ผู้ชายเค้าถึงขอหย่า"
"อร้าย!! มันเรื่องอะไรของแกห๊า?” มิ้ลค์เดือด
มิ้ลค์หันมาเล่นงานแพรวพรรณรายแทน ทั้งสองฟัดกันอยู่ อาร์ตรีบรวบตัวปานตะวันมาคุย
"ตะวัน..พี่ขอโทษ..ฟังก่อนนะ มิ้ลค์เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับพี่แล้ว เราหย่ากันแล้ว"
ปานตะวันไม่ไหวแล้ว "พอทีเถอะพี่อาร์ต เลิกยุ่งวุ่นวายกับตะวันซะที!”
ปานตะวันสะบัดตัวจะวิ่งหนี ทันใดนั้นเธอก็เหยียบถุงข้าวของที่ซื้อให้นารถนรินทร์จนลื่นล้มคว่ำหน้าลงเต็มๆ
อาร์ตตกใจ "ตะวัน!!”
แพรวพรรณรายที่กำลังยื้อกับมิ้ลค์หันขวับมาเห็นก็ร้องลั่น "ตะวัน!”
ปานตะวันล้มคว่ำอยู่โดยมีหน้าตาตกใจ
ปานตะวันถูกอัครินทร์จับให้เอนลงไปครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเตียง
อัครินทร์ถอนใจด้วยความเป็นห่วง "โชคดีที่สุดที่เด็กในท้องไม่เป็นอะไร ไม่งั้น" อัครินทร์พูดไม่ออก แล้วเขาก็หันไปพูด "ขอบคุณมากนะครับที่พาคุณตะวันไปหาผมที่รพ. ได้ทันเวลา"
แพรวพรรณรายยืนตัวแข็งเพราะช็อค เธอเอามือปิดปากแน่นแล้วก็สะอื้นอยู่ก่อนจะปล่อยโฮ แล้วพุ่งมาตบหน้าอัครินทร์ทันที
ปานตะวันตกใจ "พิ้งค์!!”
อัครินทร์งง "อะไรของคุณเนี้ย?”
แพรวพรรณรายร้องไห้แงๆ แล้วก็พูดไปด้วย "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย" แพรวพรรณรายมองหน้าปานตะวัน "ตะวัน!! ทำไมตะวันทำอย่างนี้?" แพรวพรรณรายหันไปชี้หน้าอัครินทร์ "ผู้ชายชั่วร้าย!" แพรวพรรรรายสะอื้น "ทำเป็นเรียบร้อยพ่อพระ ที่แท้ก็แอบกินเงียบๆ"
อัครินทร์ตกใจ "เดี๋ยว..”
แพรวพรรณรายชี้ปานตะวัน "ตะวัน!! เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมเราไม่เคยรู้" แพรวพรรณรายสะอื้น "ทำไมตะวันมีความลับกับเพื่อน เราไม่ใช่เพื่อนกันใช่มั้ย?”
"เดี๋ยว!! เดี่ยวก่อนสิพิ้งค์!! อย่าเสียงดัง!! ฟังก่อน!!” ปานตะวันบอก
"ไม่ฟัง!! มิน่าล่ะ!! สงสัยอยู่แล้วเชียว กินข้าวด้วยกันบีบมะนาวตั้งเยอะ แล้วยังจะมาหลอกเพื่อนอีกว่าอยากจะเปรี้ยวบ้างไรบ้าง ฮือๆ"
"คุณๆๆ..ฟังก่อน!!” อัครินทร์เบรค
แพรวพรรณรายแว้ด "ไม่ฟัง!! แก!! แกทำเพื่อนฉันท้อง แล้วทำไมแกไม่รับผิดชอบ?”
อัครินทร์เซ็ง "โอ่ย..คือ..”
ปานตะวันโพล่งออกมาทันที "ไม่ใช่คุณอัค!!”
แพรวพรรณรายชะงักกึก "อะไรนะ?”
ปานตะวันเมินหน้าหนี "ไม่ใช่คุณอัค!! คุณอัค ไม่ได้ทำฉันท้อง"
แพรวพรรณรายอึ้ง "คุณอัคไม่ได้ทำ?" แพรวพรรณรายเหวอ "ถ้างั้นใครทำล่ะ?”
อัครินทร์กุมขมับปานตะวันนิ่งและยังไม่ตอบ
นาคินทร์ที่เพิ่งจะกลับจากทำงานเดินปลดๆ กระดุมแขนเสื้อแล้วพับๆ ให้รีแล็กซ์ก่อนจะชะงักมองไปทางหน้าห้องนอนปานตะวัน แบบตัดใจ ไม่สนใจแล้วก็จะเดินต่อ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจหยุดมอง
แพรวพรรณรายทรุดฮวบด้วยหน้าตาช็อคเหวอมาก
"คุณนาคินทร์?”
ปานตะวันทำหน้าเศร้า อัครินทร์ถอนใจเฮือก
แพรวพรรณรายส่ายหน้าช้าๆ ตาจ้องปานตะวันส่วนปากก็พึมพำ "นึกแล้ว..เพื่อนนึกอยู่แล้วว่ามันต้องมีอะไร" แพรวพรรณรายของขึ้น "เพื่อนว่าแล้วว่าผู้ชายคนนั้นมันไม่ธรรมดา" แพรวพรรณรายลุกพรวดขึ้น "แล้วมันอยู่ไหน? มันรู้มั้ยว่ามันทำตะวันท้อง?”
นาคินทร์ที่กำลังเดินมาชะงัก เมื่อได้ยินเสียงแว่วๆ แต่จับใจความไม่ได้ เขาก็สงสัยแล้วเดินเข้ามาใกล้อีกนิด
แพรวพรรณรายแว้ดลั่น "เห็นมั้ย..เพื่อนเคยพูดไม่ผิด ผู้ชายบ้านนี้ไว้ใจไม่ได้ซักคน" แพรวพรรณรายหันไปชี้หน้าอัครินทร์ "คุณก็ด้วย ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้า ไปลากคอพี่ชายคุณมาเดี๋ยวนี้ ทำเพื่อนฉันท้อง แล้วไม่รับผิดชอบเหรอ"
อัครินทร์กระโดดตะปบปากแพรวพรรณรายอย่างรวดเร็ว "อย่าเสียงดัง!" อัครินทร์ดุ "จะดังไปไหน?”
ปานตะวันอ่อนใจ
นาคินทร์เดินมาถึงหน้าห้องปานตะวันพอดี เขาชั่งใจนิดนึงก่อนจะเอามือจับลูกบิดประตู พอดีกับเสียงมือถือของเขาดังขึ้น
นาคินทร์รับสาย "ครับ..ว่าไงครับกนก?" นาคินทร์ตกใจ "ใจเย็นๆ นะครับ พี่คินจะไปเดี่ยวนี้!”
นาคินทร์รีบพุ่งออกไปทันที
แพรวพรรณรายดิ้นจะให้อัครินทร์ปล่อย สุดท้ายเธอก็กัดมืออัครินทร์จนเขาร้องจ๊ากแล้วยอมปล่อย แพรวพรรณรายวิ่งไปหาปานตะวัน "ตะวัน!! อย่ายอมนะ!! เอาไง เอากัน!! เพื่อนสู้ตาย"
อัครินทร์ถาม "จะไปรบเหรอคุณ"
"เงียบไปเลย!!”
"พิ้งค์!! ขอบใจมากนะ แล้วก็ขอโทษที่เราปิดบังเรื่องนี้มาตลอด..มัน..เรารู้สึกแย่มากน่ะ" ปานตะวันน้ำตาเอ่อ "ถ้าวิญญาณพ่อแม่รู้..ถ้าเดือนรู้..ถ้าเพื่อนรู้.. ทุกคนคงผิดหวังในตัวเรามาก"
ทุกคนเงียบกริบกันไปทันที
"ไม่.." แพรวพรรณรายลูบไหล่ลูบหลัง "ไม่..เพื่อนเข้าใจ..ตะวันยังเป็นคนเก่งคนดีของเพื่อนเสมอ" แพรวพรรณรายนึกได้หันไปแว้ด "คนอื่นสิที่มันเลว มันแย่!!”
อัครินทร์ร้องเฮ้อ "ก็ดีเหมือนกันนะครับ ต่อไปนี้คุณตะวันจะได้มีใครอีกซักคนที่จะคุยปรับทุกข์ด้วยได้" อัครินทร์เหล่ "ว่าแต่จะทุกข์หนักขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้"
"ปากเหรอยะ?” แพรวพรรณรายว่า
อัครินทร์พยักเพยิดเหมือนจะบอกว่านั่นไง อีกแล้ว
"พิ้งค์..เราขอร้องนะ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด.โดยเฉพาะ..เดือน" ปานตะวันบอก
แพรวพรรณรายอึ้งนิ่งไปเพราะเป็นห่วง
"แต่ความลับมันไม่มีในโลกนะตะวัน ยิ่งเรื่องนี้" แพรวพรรณรายมองท้องปานตะวัน "ท้องก็ต้องโตขึ้นทุกวันๆ ใครเห็นใครก็ต้องรู้"
"รับปากเราสิ ได้มั้ย?” ปานตะวันย้ำ
แพรวพรรณรายอึ้งก่อนจะจำใจพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็นึกได้ "แล้วยังไงล่ะ..พ่อเด็กน่ะจะยังไง? จะไม่ให้เค้ารู้จะไม่ให้เค้ารับผิดชอบอะไรเลยรึไง?”
ปานตะวันนิ่งอึ้ง อัครินทร์หนักใจ ส่วนแพรวพรรณรายรอคำตอบ
กนกรัตน์พุ่งเข้าไปซบอกนาคินทร์แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
นาคินทร์ปลอบโดยลูบหลังแล้วพูด "ไม่เป็นไรนะครับ ใจเย็นๆ อย่าร้องไห้นะครับ"
กนกรัตน์สะอื้น "จะให้เคทใจเย็นได้ยังไงล่ะคะพี่คิน อยู่ๆ คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะบังคับให้เคทกลับอเมริกา เคทจะกลับไปยังไงในเมื่อหัวใจของเคทอยู่ที่นี่" กนกรัตน์สะอื้น
นาคินทร์อึ้งจ๋อยเมื่อนึกถึงการพลักพรากอีก
กนกรัตน์ลุ้นว่านาคินทร์จะว่ายังไง เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมพูดอะไรก็กดดันต่อ "พี่คินไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ? ทำไมไม่เหมือนเคทคะ? เคทจะอยู่ได้ยังไงใจเคทมันใจจะขาด..พี่คินรู้มั๊ยคะ?”
นาคินทร์สะดุ้ง เขานึกถึงตอนที่เขากอดศพกนกวลี
“กนก!! พี่จะอยู่ต่อไปยังไง? ใจพี่มันจะขาดรู้มั้ย?”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น นาคินทร์ก็จ๋อย เศร้า และกังวลขึ้นมาทันที
นาคินทร์พึมพำ “.กนก..”
กนกรัตน์เงยหน้ามองทั้งน้ำตาแล้วก็ทำสายตาเว้าวอน "อย่าปล่อยเคทไปอีกนะคะ ให้เคทได้อยู่กับพี่คินตลอดไปนะคะ"
ทั้งสองมองหน้ากัน กนกรัตน์โผเข้ากอดนาคินทร์แน่น นาคินทร์สับสน กนกรัตน์ลุ้น แต่ก็มีแววตามั่นใจว่าจะสำเร็จ
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 21 (ต่อ)
อัครินทร์กับแพรวพรรณรายเดินกันมาอย่างเงียบๆ ไม่คุยกัน แล้วจู่ๆ ทั้งสองก็หันมาจะคุยพร้อมกัน
"คุณ..”
"คุณ..”
ทั้งสองชะงักไป
แพรวพรรณรายถามเสียงเขียว "มีอะไร?”
"คุณก่อน"
แพรวพรรณรายถอนใจ "คุณต้องดูแลเพื่อนฉันดีๆ นะ"
"ผมก็ทำมาตลอดอยู่แล้ว"
แพรวพรรณรายอึ้ง เธอมองด้วยแววตาที่อ่อนลง
"คุณเหอะ..อย่าไปซ้ำเติมอะไรคุณตะวัน..เป็นเพื่อนกันต้องเข้าใจกัน"
แพรวพรรณรายแว้ด "ไม่ต้องมาสอน"
อัครินทร์คิดในใจว่าเบื่อโคตรๆ กับนังนี่
แพรวพรรณรายลอบๆ มองๆ ก่อนจะแย็บถาม "ถามจริงเหอะ..คุณโอเคจริงเหรอ?”
"อะไรอีกล่ะ?”
แพรวพรรณรายท้าวเอว "ก็แหม..คุณแอบชอบตะวันอยู่ไม่ใช่เหรอ? เจออย่างนี้เข้าไปอ่ะ..โอเคจริงรึเปล่า?”
อัครินทร์เจอหมัดตรงก็นิ่งไปก่อนจะบอก "แล้วจะให้ทำไง?" อัครินทร์ยิ้มน้อยๆ เจียมๆ แล้วก็มองหน้าแพรวพรรณราย แต่พูดเหมือนพูดกับตัวเอง "เคยมั้ย..บางทีเราก็ต้องพูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ ทั้งๆ ที่ยืนแทบไม่ไหว"
แพรวพรรณรายอึ้งเพราะไม่เคยเจอ part นี้ เธอพูดไม่ออกและใจอ่อนยวบทันที
"เอ่อ..”
แพรวพรรณรายมองหน้าอัครินทร์ อัครินทร์ยิ้มให้น้อยๆ เพราะไม่รู้จะพูดยังไงต่อ แพรวพรรณรายทำท่าเงอะๆ งะๆ
"ฉัน..กลับก่อนนะ"
อัครินทร์ยิ้มให้แทนคำตอบ
แพรวพรรณรายจะเดินออก เธอนึกได้แล้วก็หันมา "ดูแลตะวันด้วย"
อัครินทร์พยักหน้า
แพรวพรรณรายพยักหน้าหงึกๆ ให้แล้วจะเดินออก เธอนึกได้แล้วก็หันมา "เอ่อ..ฉัน..”
อัครินทร์รอฟัง
"ฉัน..ขอโทษนะ..ตะกี้..ที่ตบหน้าคุณ"
อัครินทร์กลอกตาแล้วเอาลิ้นดุนๆ แก้มข้างที่โดนตบ ก่อนจะเอามือจับ
"โอเคครับ..ฟันยังอยู่ครบ" อัครินทร์บอก
แพรวพรรณรายไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหนเลยก้มหน้าก่อนจะตัดสินใจพูด "นอกจากดูแลตะวันแล้ว..”
อัครินทร์รอฟัง
แพรวพรรณรายตัดสินใจพูดแบบเขินนิดๆ "ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ!!”
พูดจบแพรวพรรณรายก็วิ่งจู๊ดออกไปทันที อัครินทร์มองตามแล้วยิ้มน้อยๆ ส่ายหน้านิดๆ
นาคินทร์นั่งซึม เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
เขานึกถึงเหตุการณ์ที่กนกรัตน์กอดเขาแล้วผละออกมองด้วยแววตาเว้าวอน
"ทางเดียวที่จะทำให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดไปก็คือ..”
นาคินทร์รอฟัง
“..เราแต่งงานกันนะคะพี่คิน"
นาคินทร์นิ่งๆ มึนๆ
นาคินทร์พึมพำ "แต่งงาน..”
"ค่ะ..มันเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เราไม่ต้องพรากจากกัน คุณพ่อคุณแม่ของเคทคงจะเข้าใจและดีใจที่เคทพบคนที่จริงใจกับเคท"
นาคินทร์เริ่มอึ้ง
กนกรัตน์เริ่มรู้สึกว่ารุกเกินไป ก็เริ่มผ่อน "หรือถ้าพี่คินจะแค่..หมั้นกับเคทไว้ก่อน เคทก็อาจจะไปต่อรองกับคุณพ่อคุณแม่ของเคทได้ระดับนึง" กนกรัตน์ออดอ้อน "นะคะพี่คิน"
นาคินทร์นิ่งนึก “..พี่..”
กนกรัตน์รีบสวนด้วยเสียงน้อยใจ "ทำไมล่ะคะ? ทำไมพี่คินถึงดูอึกอัก พี่คินไม่รักเคทเหรอคะ?" กนกรัตน์เศร้า "หรือพี่คินมีคนอื่นที่รักมากกว่าเคท?”
นาคินทร์ชักไม่แน่ใจ
ทันใดนั้นนาคินทร์ก็สะดุ้งเพราะอัครินทร์มาตบไหล่
"หมู่นี้กลุ้มใจอะไรบ่อยๆ ครับพี่คิน" อัครินทร์ถาม
"กลุ้มอะไร? ฉันไม่ได้กลุ้ม"
อัครินทร์ยิ้ม "ถ้าไม่กลุ้ม พี่ไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอกครับ ตรงนี้น่ะ..มันมุมกลุ้มใจของพี่"
นาคินทร์เจอคนรู้จริงก็ไปไม่เป็น เขาได้แต่เฉไฉส่ายหน้าเบื่อๆ น้องชายแล้วก็เบือนหน้าหนี
อัครินทร์นั่งลงข้างๆ "คนเรานี่ก็ตลกดีพี่คินว่ามั้ย?”
นาคินทร์หันมามอง "ตกลงยังไง?”
อัครินทร์พูดโดยไม่มองหน้า "บางคนวิ่งไล่ตามแทบเพื่ออยากจะได้อยู่ใกล้กับคนที่ตัวเองแอบรัก" อัครินทร์มองหน้านาคินทร์ "แต่บางคน..รักกันแทบตาย แต่กลับพยายามจะวิ่งหนีออกไปให้ไกลกันซะงั้น?" อัครินทร์ยิ้มน้อยๆ
ทั้งสองมองหน้ากัน
นาคินทร์เบือนหน้าหนี "เพ้อ!! ไปให้เพื่อนหมอของแกตรวจสมองให้ซะบ้าง"
"เหรอครับ?" อัครินทร์ลุกขึ้นพูดจริงจัง "แต่พี่คินก็ควรจะตรวจหัวใจตัวเองให้ดีๆ ด้วยนะครับ"
อัครินทร์เดินออกไปทันที .
เช้าวันใหม่ สาวิตรีเสิร์ฟ Breakfast ชุดสุดพิเศษเป็นรูปหัวใจลงตรงหน้าทวยเทพ
"โอโห!! วันนี้พ่อโชคดีทีได้ Breakfast ชุดสุดพิเศษซะด้วย" ทวยเทพประหลาดใจ
"แน่นอนสิคะพ่อขา..ก็เพราะพ่อเป็นผู้ชายคนเดียวในโต๊ะนี่คะ"
วิทย์เดินเข้ามา
"อรุณสวัสดิ์ครับ" วิทย์ยกมือไหว้ทวยเทพ สาวิตรี โอบนารถนรินทร์เบาๆ
สาวิตรียกชุดสุดพิเศษจากทวยเทพมาวางให้วิทย์ทันที "โชคดีที่สุดเลย!”
"อ้าว..ไงเนี่ยแม่?” ทวยเทพงง
สาวิตรีพูดกับวิทย์ "มาทันเวลาพอดีเลย" สาวิตรีพูดกับทวยเทพ "พ่อจ๊ะ..เราต้องเสียสละให้ลูกเราก่อนนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณพ่อก่อนเถอะครับ" วิทย์บอก
"ไม่ได้จะไม่ได้..วันนี้ไม่มีลูกชายทานข้าวเช้ากับแม่อีกแล้ว ลูกวิทย์อุตส่าห์มา ลูกวิทย์สมควรจะได้สิจ๊ะ"
วิทย์มองไปเห็นนาคินทร์แล้วก็ยิ้ม "สงสัยผมก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ"
ทุกคนหันไปมองเห็นนาคินทร์ที่แต่งตัวจะไปทำงานเดินมา
สาวิตรีดีใจ "พี่คินน!! มาทานข้าวเช้ากับแม่"
นาคินทร์สวน "ขอโทษด้วยนะครับคุณแม่" นาคินทร์โอบแม่ "ผมต้องรีบไปทำงานครับ" นาคินทร์จุ๊บแม่แล้วทักทายทุกคน "ไปก่อนนะครับ" นาคินทร์ทักวิทย์นิดนึง "มาแต่เช้าเชียววิทย์"
"พอดีวันนี้จะมาเรียนปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เรื่องงานแต่งผมกับน้องนารถน่ะครับ" วิทย์บอก
นาคินทร์ชะงักจ๋อยไปนิดนึงกับคำว่างานแต่ง "อ่อ.." นาคินทร์นึกได้ก็มองไปทั่วโต๊ะเพราะอยากจะถามถึงปานตะวัน แต่ก็ยังวางฟอร์ม "แล้ววันนี้ไม่ต้องทำกายภาพเหรอยัยนารถ คนทำกายภาพให้เราเค้าหายไปไหนอีกล่ะ"
ทุกคนมองตากันอย่างรู้ทางนาคินทร์
นารถนรินทร์ตอบ "ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ แต่พี่อัคเค้าบอกว่าพี่ตะวันไม่ค่อยสบาย อยากให้นอนพักซักวันสองวัน"
นาคินทร์แอบเป็นห่วงก่อนจะฟอร์มอีก "เป็นอะไรนักหนา?? อย่างนี้เมื่อไหร่น้องสาวพี่จะเดินได้ซะที"
นาคินทร์ทำเป็นส่ายๆ หน้าเอือมๆ แล้วก็เดินออกไป ทุกคนมองตามนาคินทร์ก่อนจะหันมามองกันแล้วอมยิ้ม
นาคินทร์เดินพรวดๆ จะไปทำงานแล้วก็หยุดกึกหันไปมองอีกทาง
ปานตะวันค่อยๆ ลืมตาตื่นมาแบบมึนๆ ก่อนจะหันไปดูเวลาแล้วตกใจ
"แย่แล้ว!" ปานตะวันลุกพรวดขึ้นอย่างเร็วเลยชะงักแล้วก็รู้สึกมึน หน้ามืดจนจะร่วง ทันใดนั้นก็มีมือมาโอบไว้ทัน ปานตะวันมองอึ้งๆ “..คุณ!!”
นาคินทร์เป็นคนที่มาโอบไว้
นาคินทร์ที่ยังโอบอยู่ทำเป็นถามเสียงแข็ง "เป็นอะไร?”
"ปะ..เปล่าค่ะ" ปานตะวันทำท่าอยากจะผละออก
นาคินทร์กระชับแน่นกว่าเดิมทันที "จะปากแข็งไปถึงไหน ก็เห็นอยู่ว่าจะล้ม"
ปานตะวันตัวแข็ง "ฉันแค่มึนๆ"
นาคินทร์ยังเสียงแข็ง "เป็นอะไรมึน?”
ปานตะวันพยายามจะออกจากอ้อมกอดของเขา "ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ"
นาคินทร์มีสายตาแอบน้อยใจ เลยผลักออกเบาๆ เป็นการประชด "จะมาเล่นตัวอะไรตอนนี้?”
ปานตะวันค้อนขวับที่เขาปากเสีย นาคินทร์เหลือบไปเห็นยาที่หัวเตียงก็หยิบมาดู
"นี่ยาอะไรเยอะแยะ"
ปานตะวันตาโตก่อนจะรีบปรี่มาจะคว้ายาคืน "เอามาค่ะ"
นาคินทร์เอายาหลบข้างหลังบ้าง ยกขึ้นสูงบ้างเพื่อให้ปานตะวันไล่คว้าไม่สำเร็จ "ยาอะไร? ทำไมต้องกินยาเยอะแยะ? ไม่สบายเป็นอะไร?”
ปานตะวันอ้ำอึ้งเพราะมันเป็นวิตามินบำรุงคนท้อง
"ก็..ก็..แค่..วิตามิน"
"วิตามินอะไร?”
ปานตะวันแอบพาลด้วยความน้อยใจ "จะถามทำไม? จะอยากรู้ไปทำไม? สนใจด้วยเหรอว่าฉันจะเจ็บจะป่วยจะตาย?" ปานตะวันแอบน้ำตาเอ่อ
นาคินทร์อึ้งเมื่อเห็นน้ำตา
ปานตะวันฉกวิตามินกลับมาก่อนจะผลักอกนาคินทร์ "ไม่ต้องมาสนใจ!" ปานตะวันผลักอีก "ออกไป!!" ปานตะวันผลักอีก "ออกไป! ออกไปให้ไกลๆ"
นาคินทร์อึ้งก็แอบน้อยใจบ้างจน ‘ความโกรธแค้น’ เริ่มกลับมา
"ใครจะอยากอยู่ใกล้ผู้หญิงอย่างคุณ?”
ปานตะวันมองอึ้งๆ
"ไม่ได้สนใจ แต่ไม่อยากโดนลูกจ้างเจ้าเล่ห์อย่างคุณเอาเปรียบ อู้งาน เลิกสำออยแล้วรีบออกไปทำงานให้คุ้มค่าจ้างได้แล้ว"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปานตะวันทรุดจนแทบจะลมจับอีกครั้งที่คนอะไรใจดำและปากร้ายเหลือเกิน
ปาริฉัตรที่เพิ่งมาถึงหน้าห้องทำงานนาคินทร์เดินเร็วๆ มาที่โต๊ะทำงาน เธอรีบจัดเตรียมเอกสารแล้วจะยกไปแต่ก็ชะงักเปลี่ยนใจนั่งลง ตบแป้ง เติมปาก ส่องกระจก ก่อนจะยิ้มพูดกับกระจก
"ท่านประธานมาถึง จะได้ชื่นใจ"
ปาริฉัตรลุกขึ้นถือแฟ้มเดินเข้าห้องนาคินทร์
ปาริฉัตรวางแฟ้มอย่างบรรจงตั้งใจ เธอมองโต๊ะ เก้าอี้ด้วยความชื่นใจ โดยกำลังจะเอามือแตะเก้าอี้เหมือนแตะตัวนาคินทร์
เสียงกนกรัตน์ดังขึ้น "ทำอะไร?”
ปาริฉัตรสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันกลับมามองตาโต "คุณ!!”
กนกรัตน์นั่งไขว้ห้างเชิ่ดๆ อยู่อีกมุมนึง
ปาริฉัตรสั่นก่อนจะฮึด "คุณนั่นแหละ..เข้ามาทำอะไร? เข้ามาได้ยังไง?”
กนกรัตน์ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหาอย่างช้าๆ "ทำไมเคทจะเข้ามาไม่ได้?? ตึกนี้ทั้งตึก เคทจะเข้าไปซอกไหนมุมไหนก็ได้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นของคุณนาคินทร์ แฟนของเคท" กนกรัตน์พูดน้ำเสียงจิกๆ "เจ้านายของคุณ จริงมั้ยคะ?”
ปาริฉัตรเริ่มตาวาว ก่อนจะยิ้มแล้วหัวเราะขำ
กนกรัตน์งงจึงแว้ดออกมา "ขำอะไร?”
ปาริฉัตรยักไหล่ "เปล่าค่ะ..เก๊าะ..แค่..ขำหน้าคุณ"
กนกรัตน์อึ้ง "อะไรนะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”
ปาริฉัตรเลิกคิ้วตาแป๋ว "อุ่ย..ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะคะ? ก็แค่บอกว่า" ปาริฉัตรพูดใส่หน้า "ขำหน้าคุณ!!”
กนกรัตน์จ้องตาวาว "ทำไม?? มันน่าขำตรงไหน?”
ปาริฉัตรจ้องตาวาวเช่นกัน "อยากให้บอกจริงเหรอคะ..คุณกนกรัตน์?”
กนกรัตน์จ้องพร้อมคิดในใจว่านังนี่มีอะไรซะแล้ว
กนกรัตน์พุ่งเข้าใส่ "อย่าลีลา..”
นาคินทร์เปิดประตูเข้ามา กนกรัตน์ชะงักกึก
"พี่คินนน" กนกรัตน์แถไปหาทันที
นาคินทร์งงๆ "กนก? มีอะไรรึเปล่าครับ?? ทำไมมานี่แต่เช้า?”
ปาริฉัตรยิ้มคล้ายจะบอกว่านาคินทร์ยังติว่าไม่ควรมาเลยเห็นมั้ย
กนกรัตน์มองปาริฉัตรแบบจิกๆ แล้วหันไปยิ้มหวาน "ก็..คิดถึงพี่คินน่ะค่ะ อยากมาเซอร์ไพรส์"
นาคินทร์มองแบบงงๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไรแล้วหันไปมองปาริฉัตร "คุณฉัตร..มีเอกสารอะไรด่วนรึเปล่าครับวันนี้"
ปาริฉัตรยิ้ม "มีค่ะ..เอกสารจากฝ่ายกฏหมายของเราจะขออนุมัติท่านประธานให้ทำเรื่องฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์พวกที่ชอบ" ปาริฉัตรหันไปจิกกนกรัตน์ "ปลอมแปลงก็อปปี้สินค้าส่งออกของเราน่ะค่ะ"
กนกรัตน์อึ้ง ปาริฉัตรลอยหน้าลอยตายิ้มกับนาคินทร์
นาคินทร์พยักหน้าแล้วนั่งลง "ได้!! ผมขออ่านก่อนนะครับ"
"ค่ะ.." ปาริฉัตรพูดกับนาคินทร์แต่ปรายตามองกนกรัตน์ "พวกชอบก็อปปี้นี่มันแย่จริงๆ นะคะ"
กนกรัตน์อึ้ง
ปาริฉัตรเสียงหวาน "ฉัตรขอตัวก่อนนะคะท่านประธาน"
ปาริฉัตรเดินออกแต่ก็แวะจ้องตากนกรัตน์ทีนึงแล้วทำเป็นแอบขำก่อนจะเดินออกไป กนกรัตน์คิดในใจว่านังนี่วอนหาเรื่องซะแล้ว
ปาริฉัตรยืนส่องกระจก เธอหยิบลิปสติกแท่งที่กนกรัตน์เคยซื้อให้ออกมาเปิดฝาหมุนขึ้นมา
ปาริฉัตรนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่กนกรัตน์พูด “เคทรู้สึกถูกชะตากับคุณนะคะ รู้สึกเหมือนเรา2 คนมีอะไรคล้ายๆ กัน ชอบอะไรคล้ายๆ กัน ดูอย่างลิปสติกนี่สิคะ เรายังชอบสีเดียวกันเลย” กนกรัตน์จับลิปสติกใส่มือปาริฉัตร “เคทยินดีแบ่งให้ คุณค่ะ คุณปาริฉัตร”
ปาริฉัตรคิดแล้วก็พูด "เชอะ!! แกมันชอบคล้ายคนอื่นไปหมดแหละ ถ้าแกไม่ไปทุบหน้า" ปาริฉัตรยักไหล่ "รับรองว่าฉันสวยกว่าแกเยอะ" ปาริฉัตรมองลิปสติก "สีนี้..ฉันก็ต้องทาสวยกว่าแก"
พูดจบปาริฉัตรก็จะทาลิปสติกทันใดนั้นก็มีมือมาฉกหมับ ปาริฉัตรหัวขวับไปมองตาโต
"แก!!”
ประกายเดือนยืนทำหน้าทะเล้นอยู่
ปาริฉัตรตะปบจะเอาคืน "เอามา!! เอาคืนมา!!”
ประกายเดือนขำกลิ้งในขณะดูลิปสติก "หูว..แดงไปป่าว?? สีอะไรเนี่ย" ประกายเดือนพลิกดูด้านใต้ลิปสติกเห็นนัมเบอร์... "โห.." ประกายเดือนอ่านนัมเบอร์
ปาริฉัตรจะตะปบเอาคืนมาได้ เธอผลักประกายเดือนกระเด็น "ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ!! อย่านึกว่ามีท่าน รองฯ แบ็คแล้วจะซ่าได้ เจียมกะลาหัวไว้มั่ง ท่านรองฯ ใช้ผู้หญิงยังกะกระดาษเช็ดก้นเช็ดแล้วก็ทิ้งๆๆ"
"หรอ?" ประกายเดือนยื่นหน้า "ทิ้งลงปากเธอละป่าวล่ะ?" ประกายเดือนบีบจมูกตัวเอง "เหม็นเชียว!! ฮิๆๆ"
พูดจบประกายเดือนก็กระโดดเข้าห้องน้ำริมสุดแล้วล็อคประตูทันที
ปาริฉัตรเงื้อจะตบเก้อ "นังบ้า!! แกสิเหม็น!! เตรียมตกกระป๋องเป็นหมาหัวเน่าเหม็นหึ่งได้เลย"
ไม่มีเสียงตอบรับ ปาริฉัตรฉุนก่อนจะหันมาตั้งใจทาลิปสติกต่อจนปากแดง เธอยิ้มกับกระจกแล้วหันจะเดินออกแต่แล้วก็ชะงักเงิบเพราะหน้าแทบจะชนกับใครคนหนึ่ง
คนนั้นคือกนกรัตน์ที่พูดขึ้น "สวยดีนี่"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
กนกรัตน์พูดจริง "ถ้ายังอยากเก็บปากไว้ทาลิปสติกสีสวยๆ ก็ช่วยสงบปากสงบคำอย่ากำเริบกับฉันอีก"
ประกายเดือนจะออกจากห้องน้ำก็ชะงักฟังอยู่ในนั้น
ปาริฉัตรกลัวที่ไหน "คุณต่างหากที่ไม่ควรมากำเริบกับฉัน"
"แกว่าไรนะ?”
ปาริฉัตรมองปากกนกรัตน์ "ถึงแม้คุณจะเคยแบ่งลิปสติกสีเดียวกันให้ฉัน แต่ฉันไม่ยินดีแบ่งท่านประธานให้คุณเด็ดขาด"
กนกรัตน์อึ้ง ประกายเดือนแอบฟัง ปาริฉัตรยิ้มเยาะแล้วจะเดินออก กนกรัตน์จิกหัวไว้แล้วกระชากให้หันมา
ปาริฉัตรพูดทันที "ถ้าแกไม่ปล่อย ฉันจะกระชากหน้ากากแก!!”
กนกรัตน์อึ้ง
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนมา เป็นตอนที่กนกรัตน์ฟังโทรศัพท์ เสียงปาริฉัตรดังขึ้น “ฉันจะกระชากหน้ากากแก”
กนกรัตน์อึ้ง ปาริฉัตรจ้องตาอย่างเหนือกว่า กนกรัตน์ตัวชาแล้วก็คลายมือออกจากปาริฉัตร เธอยังมองปาริฉัตรอย่างอึ้งๆ ช็อคๆ อยู่ ปาริฉัตรเลิกคิ้วทำตาโตเย้ยๆ ก่อนจะเดินสะดิ้งออกไป
กนกรัตน์ยังมึนๆ "นังฉัตร?”
ประกายเดินยังแอบฟังอยู่ในห้องน้ำอย่างงงๆ
อ่านต่อตอนที่ 22