รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 20
โจขับรถมารับวนิษาหน้าโรงแรม ภาคย์เดินตามมาส่ง พลางส่งยิ้มให้ โจขับรถออกมา เห็นวนิษามองกลับไปมองภาคย์ จนกระทั่งลับตา
“เป็นไงครับ ร้านอาหารที่ผมแนะนำ อาหารใช้ได้มั้ยครับ”
วนิษาไม่ตอบ แต่เงียบไปครู่หนึ่ง
“เมื่อกี้ ในร้านอาหาร คุณภาคย์เขา”
“เขาทำอะไรคุณ”
โจเสียงแข็ง เพราะคิดว่าภาคย์ลวนลามวนิษา
“เขาขอฉันแต่งงาน”
จากนั้นทั้งคู่ก็ยืนคุยกันที่บริเวณริมน้ำ
“เขาขอคุณแต่งงาน?” โจทวนประโยค
“ใช่ นี่เป็นโอกาสที่ฉันอาจจะไม่ได้เจออีกเลยในชีวิตนี้”
“โอกาสอะไรครับ”
“โอกาสที่จะเจอผู้ชายที่มีดวงปรมะ ผู้ชายที่ฉันแต่งงานด้วยแล้วเขาจะไม่ตาย”
โจมองหน้าวนิษา “นี่ คุณจะแต่งงานด้วยเหตุผลแค่นี้เองอ่ะนะ”
“เขาบอกว่าเขารักฉัน”
“แล้วคุณรักเขาหรือเปล่า”
โจย้อนถาม แต่วนิษาไม่ตอบ
“แล้วคุณตอบเขาไปว่ายังไงครับ”
“ฉันขอเวลาคิดดูก่อน”
“ผมว่าปฏิเสธไปเลยดีกว่าครับ”
วนิษาส่ายหน้า“ไม่หรอก ฉันรู้ตัวว่าฉันแค่ยื้อเวลา สุดท้ายแล้วฉันต้องตอบตกลง”
“โดยที่คุณไม่ได้รักเขาเนี่ยนะ”
วนิษาหน้าเศร้า“ฉันอยากมีครอบครัว ฉันไม่อยากไปงานศพหลังงานแต่งงานอีก”
“คุณวนิคุณเชื่อผมสิ โลกนี้ไม่มีดวงกินผัว ไม่มีดวงปรมะ”
วนิษายิ้มเศร้าๆ “คุณเคยหลอกฉันได้ครั้งนึง แต่คงได้แค่ทีเดียว”
“ถ้าผมพิสูจน์ได้ล่ะว่ามันไม่มีจริง”
วนิษาถอนหายใจ
“คุณพยายามมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ คุณไม่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเลย ว่าสามีทั้งสามคนของฉันตายเพราะอะไร”
“ผมขอเวลา อีกหนึ่งเดือน”
“ฉันบอกภาคย์ว่าจะให้คำตอบเขาในสามวัน”
โจพยักหน้า “ตกลง สามวัน ผมจะพิสูจน์ให้คุณดูว่าไม่มีดวงกินผัว”
“ถ้าคุณทำได้ ฉันจะแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรัก”
“และเขาก็รักคุณ”
แล้วทั้งคู่ก็สบตากันนิ่งนาน
เมื่อแยกกับวนิษา โจก็กลับมาที่บ้าน พลางรื้อแฟ้มทุกแฟ้ม , ทุกข่าวที่ตัดเก็บ สีหน้าเคร่งเครียด
เอาจริงเอาจัง พลางกวาดสายตาสำรวจทุกข้อมูลอย่างถี่ถ้วน และตั้งใจ
ขณะที่วนิษานั่งอยู่คนเดียวในคอนโด มองออกไปบนฟ้า
“โจ ขอให้คุณทำให้สำเร็จนะ เพื่อเราสองคน”
ปลายฝนกับป๋อง มาเดินที่ห้างสรรพสินค้าด้วยกัน
“นี่เธอชวนฉันมาเดินห้าง นี่อยากจะซื้ออะไรเหรอ”
ปลายฝนแอบชำเลืองมองป๋อง “ก็พวกข้าวของที่ต้องใช้ตอนไปเที่ยวเสม็ดกับพี่เอ็มน่ะ”
ป๋องถึงกับสะอึกไป
“เอ่อ วันก่อนดูพยากรณ์อากาศ เขาบอกช่วงนั้นจะมีฝนนะ”
“แล้วไงเหรอ” ปลายฝนย้อนถาม
“ก็ไม่มีอะไร บอกเฉยๆ”
ปลายฝนเดินมาที่ราวชุดว่ายน้ำ
“นี่ ตัวนี้ดีมั้ย หรือตัวนี้ดี เอาตัวนี้ดีกว่าเนอะ”
ปลายฝนบิกินี่วาบหวามขึ้นมา ป๋องกำหมัดแน่น
“เอ่อ ผมว่าตัวนี้มัน”
“มันทำไมเหรอ”
ป๋องจะพูดอะไรซักอย่างแต่ไม่กล้า เลยเปลี่ยนคำพูด
“ก็น่ารักดี”
ปลายฝนแอบผิดหวัง
วนิษาเดินออกมาที่ด้านหน้าบ่อน เจอป๋องรออยู่
“ไงจ๊ะ ป๋อง มาหาโจเหรอ วันนี้โจไม่อยู่นะ เขาลางานสามวัน”
“เปล่าครับ ผมมาหาคุณวนิษาครับ”
“มีเรื่องอะไรเหรอ” วนิษาแปลกใจ
“คุณวนิษารู้เรื่องที่ปลายฝนเขาจะไปเที่ยวเกาะเสม็ดไหมครับ”
วนิษาพยักหน้า “รู้จ้ะ ปลายฝนเขาบอกฉันแล้ว”
“แล้วรู้ไหมครับว่าเขาจะไปค้างคืนด้วย”
“ฮื่อ เห็นว่าจะค้างสองหรือสามคืนนี่แหละ”
ป๋องเห็นวนิษายังเฉย ก็เริ่มหงุดหงิด
“แล้วรู้ไหมครับว่าเขาไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายสองต่อสอง”
“รู้ ชื่อเอ็ม ฉันก็รู้จักนะ น่ารักดี ทำไมเหรอ”
“แล้วคุณวนิษาไม่ว่าอะไรเหรอครับที่ปล่อยให้ปลายฝนไปเสม็ดกับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้ ไม่กลัวจะมีเรื่องไม่ดีเหรอครับ”
วนิษาส่ายหน้า “ไม่หรอก ฉันรู้จักเอ็ม ท่าทางเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนี่”
ป๋องอึ้งไป แต่ยังไม่ยอมแพ้
“แต่ถ้าพี่เอ็มเขา เอ่อ ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่านะครับ”
วนิษายิ้มให้ป๋อง
“เอ็มรู้จักฉัน เขารู้ดีว่าถ้าทำอะไรไม่ดีกับปลายฝนล่ะก็ เขาจะเจออะไรจากฉัน แต่ที่สำคัญที่สุด ฉันรู้จักปลายฝน ฉันรู้ว่าฉันไว้ใจเขาได้”
อ่านต่อหน้า 2
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 20 (ต่อ)
ทางด้านโจยังคงไล่ดูข้อมูลทั้งหมดด้วยความเคร่งเครียด ขณะที่ป๋องนั่งอยู่ข้างๆ เอาแต่ตีโพยตีพาย
“แม่เลี้ยงยังไงก็เป็นแค่แม่เลี้ยง ไม่มีวันรักปลายฝนเหมือนลูกสาวตัวเองหรอก พี่โจ พี่ช่วยผมหน่อยเถอะ ไปจัดการไอ้พี่เอ็มทีเถอะครับ”
โจตอบโดยไม่ได้ละสายตาจากข้อมูลที่ดูอยู่
“เขาไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”
“แล้วพี่โจจะปล่อยให้ปลายฝนเสียคนอย่างนั้นเหรอ เกิดเขาท้องขึ้นมาจะทำยังไง”
“เขาท้องแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน” โจย้อนถาม
“พี่ก็รู้ว่าผมชอบเขา ใจคอจะไม่ช่วยผมเลยเหรอ”
โจหมดความอดทน หันมาตวาดป๋อง
“จะกวนใจอะไรนักหนาวะ แหกตาดู กำลังยุ่งอยู่โว้ย ถ้าแกชอบเขา แกก็บอกเขาสิ ถ้าแกไม่อยากให้เขาไปเสม็ด แกก็บอกเขาสิ จะไปบอกวนิษาทำไม มาบอกฉันทำไม”
ป๋องหน้าเจื่อน
“ก็ถ้าเขายืนยันว่าจะไป มันเรื่องของเขา ผมก็เสียหมาสิพี่”
“ถ้ากลัวเสียหมาก็ตัดใจไปซะ อย่ามาทำพิรี้พิไรเห็นแล้วอยากเตะ จะเอาไง ตัดใจได้มั้ย”
“เอ่อ ไม่ได้หรอกครับ ผมชอบเขามาก”
โจหงุดหงิด พลางเดินมาจับคอเสื้อป๋องกระชาก ป๋องร้องลั่น มือเหนี่ยวไปโดนกระดาษข้อมูลแผ่นหนึ่งที่โจแปะไว้หลุดออกมาจากผนัง โจลากป๋องมาที่ประตู แล้วถีบป๋องกระเด็นออกไปนอกบ้าน ป๋องร้องลั่น
“พี่ทำอะไรอ่ะ”
“รำคาญเว้ย”
โจปิดประตูปัง ปล่อยให้ป๋องนั่งหมดอาลัยตายอยากที่พื้น
โจกลับเข้ามาในห้อง ท่าทางยังหัวเสียอยู่ พลางเห็นกระดาษที่ป๋องดึงหลุด ก็หยิบกระดาษมา จะแปะคืนที่เดิม แต่แล้วก็สะดุดตา เมื่อเห็นข้อมูลอะไรบางอย่าง
“เสี่ยเพ้ง”
ป๋องนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก หยิบมือถือจะกดโทร. แต่ไม่โทร. ทำอย่างนี้อยู่หลายที จนในที่สุดก็ทนตัวเองไม่ได้
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
ป๋องกดโทรออก ค่อยๆแนบหูฟังสัญญาณด้วยใจระทึก ขณะที่ปลายฝนอยู่ที่คอนโด หยิบมือถือมาดู เห็นชื่อป๋อง ก็อมยิ้ม แต่รีบปั้นหน้าเครียดแล้วรับสาย
“หวัดดี”
ป๋องกำลังจะกดวางพอดี ถึงกับสะดุ้งเฮือก
“แหะๆ หวัดดีจ้ะ”
“มีอะไร”
“ก็ ไม่มีอะไร” ป๋องพูดไม่ออก
“ไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ มีๆ เรื่องไปเที่ยวเกาะเสม็ดน่ะ คือ หน้าฝน พายุแรงนะ ไม่ไปดีกว่ามั้ย”
“แค่เกาะเสม็ด นั่งเรือแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว กลัวอะไร”
“แดดก็แรงนะ เดี๋ยวเป็นมะเร็งผิวหนังนะ” ป๋องพูดไปเรื่อย
“จะบ้าเหรอ เมื่อกี้บอกมีพายุฝน นายจะพูดอะไรกันแน่”
เห็นป๋องไม่พูดอะไร ปลายฝนก็วางสายด้วยความโมโห
วนิษานั่งเช็คเมล์อยู่แถวนั้น หันมามองปลายฝน
“เป็นอะไรเหรอ”
“เบื่อคนขี้ขลาดค่ะ เป็นผู้ชายซะเปล่า”
ปลายฝนเดินกลับเข้าห้อง วนิษามองตามไป พลางยิ้มเอ็นดู
โจเดินขึ้นมาดาดฟ้าของบ่อน เจอปฐมรออยู่
“มีเรื่องอะไรเหรอโจ นัดมาเจอกลางดึกแบบนี้”
โจยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งให้ปฐม “นี่คืออะไรครับ”
ปฐมรับรูปมาดู เห็นรูปเสี่ยสมชายในชุดเจ้าบ่าวแบบจีนถ่ายรูปคู่กับเสี่ยเพ้ง ที่มอบกล่องยาจีนให้ ทันทีที่ปฐมเห็นรูปนี้ ดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวด แต่ก็รีบทำหน้าตาย เก็บความรู้สึก
“เป็นของขวัญแต่งงานที่เสี่ยเพ้งเอามาให้ตั่วเฮีย”
“ของขวัญอะไรครับ”
ปฐมส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้”
“ดูเหมือนยาจีน ก่อนตาย ตั่วเฮียกินยาตัวนี้รึเปล่า”
“ผมไม่รู้ ตั่วเฮียเป็นคนมีบารมี เพื่อนฝูงเยอะแยะ ของขวัญแต่งงานได้มาเป็นโกดัง ทำไมคุณจะมาสนใจแต่กล่องนี้”
โจส่งรูปให้อีกใบ เป็นรูปตำรวจกำลังเข้ามาตรวจดูในห้องหอของเสี่ยสมชาย
“รูปนี้ถ่ายตอนตั่วเฮียตายแล้ว ตำรวจเข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณน่าจะเป็นคนถ่ายรูปนี้”
ปฐมพยักหน้า “ใช่ ผมถ่ายเก็บไว้เอง เวลาตำรวจมาทำอะไร เราต้องรอบคอบไว้ก่อน”
“เห็นกล่องนั้นไหมว่ามันถูกเปิดออก”
โจชี้ให้ดูชี้ที่มุมเล็กๆมุมหนึ่งของรูป เห็นกล่องที่ว่าฝาถูกเปิดออกอยู่ ปฐมเงียบไป โจดึงรูปกลับ พลาง เดินออกไป
“คุณจะไปไหน”
“ไปถามคนที่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่”
“ใคร เสี่ยเพ้งเหรอ” ปฐมย้อนถาม พลางเดินมาดักหน้าโจ “คุณไปไม่ได้ มันอันตรายเกินไป”
“ผมไม่สนหรอกครับเรื่องนั้น ผมต้องรีบเคลียร์คดีนี้ให้ได้ภายในสามวัน”
โจเดินออกไป ปฐมมองตาม พลางคิดอะไรบางอย่าง
โจเก็บกระเป๋าแพ็คของเตรียมตัวลุย พลางเห็นป๋องกำลังจัดกระเป๋าเช่นกัน
“ปลายฝน เขาจะไปเมื่อไหร่” โจเริ่มใจอ่อน
“ตีสี่ครับ”
“โอกาสสุดท้ายแล้วนะ แกไม่ต้องไปกับฉันก็ได้”
ป๋องอึ้งไป แล้วหันไปจัดของต่อ
“ผมขอโทษครับพี่ ผมจะไม่คิดฟุ้งซ่านแล้วครับ ผมจะไปกับพี่ครับ”
“แกไม่ต้องไป”
“ไม่ได้ครับ ผมจะปล่อยให้พี่ไปเสี่ยงคนเดียวได้ไง ผมจะไม่ฟุ้งซ่านอีกแล้วครับ ไม่ต้องห่วง”
โจเดินมาหาป๋อง
“เชื่อฉันเถอะ ถ้าแกไปกับฉัน แกอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
ป๋องถอนหายใจ “แต่ถ้าผมไม่ไปกับพี่ ผมอาจจะเสียพี่ไปตลอดชีวิตเหมือนกัน”
“ฉันไม่ไปเป็นไรหรอกน่า ไปทำสิ่งที่แกควรจะทำเถอะ”
“ผมบอกแล้วไง ผมจะไปกับพี่” ป๋องยืนยัน
“ถ้าแกเห็นฉันเป็นพี่ เชื่อฉัน”
โจตบบ่า ป๋องได้แต่มองหน้าโจ พูดอะไรไม่ออก
“คราวนี้ อย่าพลาดอีกล่ะ”
ปฐมอยู่คนเดียวในห้อง จุดธูปหนึ่งดอก แล้วเดินมาปักธูปที่กระถางหน้ารูปของเสี่ยสมชาย ก่อนที่จะ
รินน้ำชาสองจอก วางไว้หน้ารูปจอกหนึ่ง อีกจอกดื่มเอง
“ตั่วเฮีย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ ตั่วเฮียไม่ต้องห่วง ผมจะรักษาเกียรติยศของตั่วเฮียไว้ให้ได้ ด้วยชีวิตของผม แล้วเราอาจจะได้เจอกันเร็วขึ้น”
ขณะที่ป๋องขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าคอนโดวนิษา เห็นปลายฝนนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ แล้วก็ลังเลว่าจะทำยังไงต่อดี
อ่านต่อหน้า 3
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 20 (ต่อ)
ทางด้านโจ ก็เดินมาหน้าบ้าน แล้วโยนกระเป๋าเข้าไปในรถ พลางเหลือบเห็นปฐมเดินออกมาจากมุมมืด
“คุณปฐม คุณทำผมตกใจอีกแล้วนะ”
“ลูกน้องคุณล่ะ”
โจส่ายหน้า “ไม่ว่าง ผมไปคนเดียว”
“งั้นผมไปด้วย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการตายของตั่วเฮีย เกี่ยวข้องกับตั่วเจ๊ ผมจะไปช่วยคุณเอง”
“ยินดีครับ”
โจขึ้นรถ ปฐมเดินขึ้นมานั่งข้างโจ พลางแอบมองกรรไกรขาเดียวที่ซ่อนไว้ในมือ
ป๋องลงจากมอเตอร์ไซค์กำลังจะเดินไป ก็เห็นเอ็มขับรถมาจอดหน้าอาคาร ปลายฝนยืนรออยู่ พร้อมกระเป๋าเดินทาง
“รอนานไหมครับ”
“ไม่นานค่ะ เพิ่งลงมาเมื่อกี้”
ปลายฝนยืนรีๆรอๆ เหมือนกำลังรอใครอยู่
“ฝนนัดใครไว้รึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีค่ะ”
ปลายฝนก้มลงหยิบกระเป๋า เอ็มมาช่วยหยิบ ตั้งใจถือโอกาสจับมือปลายฝนด้วย
“พี่ถือให้นะครับ”
ปลายฝนปล่อยมือจากกระเป๋า เอ็มยกกระเป๋าไปไว้ในรถ แล้วมาเปิดประตูให้ ปลายฝนมองไปรอบๆอีกครั้ง แล้วเดินขึ้นรถ เอ็มปิดประตูให้ เดินไปที่นั่งคนขับ ขับออกไป
ห่างออกไป ป๋องแอบยืนดูอยู่
“ปลายฝน เธอจะไปกับไอ้พี่เอ็มจริงๆเหรอเนี่ย”
ลูกน้องของเสี่ยเพ้ง กำลังเดินถือปืนตรวจตรารอบๆ บ้าน ระหว่างนั้นปฐมเดินออกมาจากเงามืดอย่างเงียบกริบ ย่องเข้าด้านหลัง พลางยื่นมือมากดเส้นตรงบ่า จนมันอ่อนระทวย ปฐมประคองร่างวางลงกับพื้น โจตามออกมา มองปฐมทึ่งๆ
“ว่างๆสอนผมบ้างนะครับ”
ปฐมแค่ยิ้มไม่พูดอะไร จากนั้นทั้งคู่ก็เดินลัดเลาะมาที่ประตู โจหยิบชุดกุญแจผีออกมาไข ครู่เดียวก็เปิดได้ ปฐมอึ้งเล็กน้อย พลางยกนิ้วและยิ้มให้โจ
โจกับปฐมเดินเข้ามาถึงหน้าห้องนอน พลางกระซิบกระซาบปรึกษากัน
“นี่น่าจะเป็นห้องนอนเสี่ยเพ้ง ผมจะเข้าไปถามมัน แต่คนอย่างเสี่ยเพ้งคงไม่หมู ถ้ามีอะไรผิดพลาด
อาจถึงตาย คุณปฐมยังถอนตัวทันนะครับ”
“ถ้าผมกลัวผมก็คงไม่มา”
ปฐมพูดอย่างหนักแน่น โจจับมือกับปฐม ก่อนจะรีบหยิบชุดกุญแจผีออกมา
“ท่าทางอันนี้จะยากแฮะ”
โจพยายามเปิดล็อก ขณะที่ปฐมแอบหยิบกรรไกรขาเดียวออกมาจะแทงโจ
“เอ๊ะ”
ปฐมรีบซ่อนกรรไกรขาเดียว “อะไร”
โจเห็นเงาสะท้อนจากลูกบิด พลางรีบหันกลับมาฉายไฟไปอีกด้านของบ้าน เจอตู้โชว์ของมีค่า หนึ่งในนั้นมีกล่องแบบเดียวกับที่เสี่ยเพ้งให้เสี่ยสมชาย
“กล่องแบบเดียวกันเลย เราเอากล่องนั้นกลับไปก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงดีไหมครับ”
ปฐมพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน”
โจเดินไปที่ตู้ รีบหยิบกล่องเก็บใส่กระเป๋าเป้ ปฐมโล่งอก รีบเก็บกรรไกรขาเดียว ทั้งคู่กำลังจะออกจากบ้าน ทันใดนั้นประตูห้องห้องหนึ่งเปิดออก ตี๋อ้วนเดินออกมาท่าทางลับๆล่อๆ โจกับปฐมที่รีบหาที่หลบ ในมือตี๋อ้วนมีกล่องใส่แผ่นซีดีกล่องหนึ่ง พลางหยุดมองไปที่ห้องเสี่ยเพ้ง
ปฐมที่แอบอยู่ด้านหลัง ยื่นมือมาจะกดเส้นที่คอตี๋อ้วน แต่ตี๋อ้วนขยับตัวเดินไปที่คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่กลางบ้าน
โจกับปฐมถือโอกาสที่ตี๋อ้วนนั่งหันหลังให้ค่อยๆย่องออกไป ตี๋อ้วนกดสวิทช์เปิดคอมพิวเตอร์ เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นบ้าน ตี๋อ้วนตกใจ โจกับปฐมรีบคลานหาที่หลบแทบไม่ทัน ปฐมหยิบกรรไกรขาเดียวออกมา
เสี่ยเพ้งเปิดประตูพรวดออกมา หน้าตาถมึงทึง เสียงดังลั่น
“นี่กล้าลองดีกับอั๊วเหรอ”
โจกับปฐมนึกว่าเสี่ยเพ้งเห็นพวกเขาแล้ว ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน พร้อมลุย ปฐมกำลังจะออกไป แต่เสี่ยเพ้งตะโกนอีก
“อาตี๋ อั๊วพูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
โจรีบดึงปฐมกลับเข้ามาทัน แล้วค่อยๆยื่นหน้าออกไปแอบดู เห็นเสี่ยเพ้งกำลังดุลูก
“อั๊วอุตส่าห์เอาคอมพ์มาตั้งกลางบ้านจะได้ดูแลลื้อได้ ลื้ออยากเล่นเกมอะไรก็เล่นไป อั๊วขอแค่เล่นในเวลาที่กำหนด กลายเป็นว่าดึกๆดื่นๆลื้อไม่นอน แอบตื่นมาเล่นเกมอีกจนได้ นี่ดีนะที่อั๊วเฉลียวใจ ติดตั้งสัญญาณไว้ก่อน”
ตี๋อ้วนมองหน้าเสี่ยเพ้ง
“อะไรเนี่ย นี่ป๊าไม่ไว้ใจอั๊วใช่มั้ย ถึงขั้นมาติดสัญญาณเตือนภัยแบบนี้เนี่ย”
“อาตี๋เอ๊ย ลื้อไม่รู้หรือไง อดหลับอดนอนมันจะทำให้ลื้อตัวเตี้ยนะเว้ย”
“ก็อั๊วปราบบอสไม่ได้ซะที มันคาใจ ป๊าสอนอั๊วเองไม่ใช่เหรอ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ มันฆ่าเมียอั๊วแล้วยึดบ้านเมืองของอั๊วไปด้วย อั๊วจะปล่อยมันได้ไง”
เสี่ยเพ้งเริ่มอ่อนใจ “โอย เก๊กซิม นั่นมันในเกมไม่ใช่เหรอ”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
โจรีบสะกิดปฐมให้ค่อยๆคลานหนีออกไป ทันใดนั้นประตูหน้าบ้านก็เปิดผลัวะ ลูกน้องสองคนถือปืนวิ่งเข้ามา
“ไม่มีอะไร ลูกอั๊วแอบเล่นคอมพ์น่ะ”
“อ้อ แล้วสองคนนี้ล่ะครับ”
เสี่ยเพ้งงง ลูกน้องชี้มือมาที่โจกับปฐม ที่นั่งยิ้มๆอยู่ เสี่ยเพ้งเดินมาจะดู โจกับปฐมพุ่งออกมา เล่นงานลูกน้องเสี่ยเพ้งจนล้มคว่ำ
“ไอ้ปฐม”
เสี่ยเพ้งรีบวกกลับมาอุ้มตี๋อ้วนกลับเข้าห้อง พลางร้องโวยวายลั่น
“มีคนร้ายโว้ย มีคนร้าย”
โจกับปฐมรีบวิ่งจะออกไปนอกบ้าน เจอลูกน้องเสี่ยเพ้งวิ่งเข้ามาพอดี โจรีบดึงปฐมวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน แล้วปิดประตูล็อก
“เอาไงดี”
“ตามผมมา”
โจพาปฐมวิ่งเข้าไปในห้องนอนเสี่ยเพ้ง เสี่ยเพ้งอยู่ชั้นสองเห็นเข้าก็ร้องลั่น
“เฮ้ย ห้ามเข้าไปนะโว้ย”
โจกับปฐมเข้ามาปุ๊บ ก็ปิดประตูล็อกปั๊บ
“ออกทางหน้าต่างเถอะครับ”
โจกับปฐมเดินตรงไปที่หน้าต่างที่หัวเตียง แล้วย่ำขึ้นไปบนเตียง บังเอิญโจเดินไปชนกับเมียเสี่ยเพ้งที่นอนอยู่
“ไอ้เพ้ง ระวังหน่อยสิโว้ย อั๊วนอนอยู่นะ”
โจรีบดัดเสียง “เอ่อ อั๊วขอโทษ”
“ขอโทษเฉยๆไม่หาย ต้องหอมแก้มอั๊วด้วย”
โจกลั้นใจหอมแก้ม เมียเสี่ยเพ้งคว้าโจมาจูบแบบดุเดือด ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผลั๊วะออก เสี่ยเพ้งใช้กุญแจไขประตูเข้ามา พร้อมๆ กับเปิดไฟในห้อง เห็นเมียกำลังกอดจูบโจ โจเพิ่งเห็นหน้าเมียเสี่ยเพ้ง ที่เป็นอาซิ้มอ้วนๆมีโรลเต็มหัว อาซิ้มก็เพิ่งเห็นว่าไม่ใช่เสี่ยเพ้ง ทั้งเสี่ยเพ้ง โจ เมีย ตกใจร้องลั่นบ้านพร้อมกัน
ปฐมอาศัยจังหวะที่วุ่นวายกันเปิดกลอนหน้าต่าง
“โจ เร็ว”
ปฐมกระโดดลงไปก่อน โจกระโดดตาม เสี่ยเพ้งวิ่งมาที่หน้าต่างมองข้างล่าง เห็นโจและปฐมกำลังวิ่งหนี เสี่ยเพ้งรีบตะโกนสั่งลูกน้อง
“รีบตามมันไป”
โจกับปฐมวิ่งหน้าตั้งมาที่กำแพงทางหลังบ้าน พลางวิ่งขึ้นไปบนกองข้าวของไม่ใช้สุมๆกันอยู่ แล้วปีนขึ้นไปบนกำแพง ขณะที่มีลูกน้องสองคนก็วิ่งมาทัน โจหนีรอด จนปีนข้ามกำแพงไปได้ ในขณะที่ปฐมหล่นตุ้บลงไป
อ่านต่อหน้า 4
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 20 (ต่อ)
เอ็มขับรถไปตามเส้นทาง โดยมีปลายฝนนั่งข้างๆ
“ฝนเคยไปเที่ยวแบบนี้ไหมครับ”
“เที่ยวทะเลน่ะเหรอคะ”
เอ็มส่ายหน้า “เปล่าครับ พี่หมายถึงเที่ยวกับผู้ชายสองต่อสองน่ะครับ”
“ไม่เคยค่ะ”
“แล้วทำไมถึงไปเที่ยวกับพี่ล่ะครับ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ใช่สองต่อสองใช่ไหมล่ะ”
“หมายความว่าไงคะ” ปลายฝนย้อนถาม
“คิดว่าพอไปบอกป๋อง แล้วป๋องเขาจะไปด้วยใช่มั้ยครับ”
“คือที่ฝนไปชวนป๋องก็เห็นเขานิสัยดี ไปด้วยกันก็คงสนุก”
เอ็มมองหน้าปลายฝน
“ตอบไม่ตรงคำถามนี่ครับ ฝนคิดว่าป๋องเขาจะไปด้วยแน่ๆ ก็เลยชวนใช่ไหมครับ”
ปลายฝนเงียบไป
“พี่จะบอกให้ ผู้ชายน่ะถ้าชอบผู้หญิงคนไหนจริงๆ ล่ะก็ เขาจะปกป้องผู้หญิงคนนั้น ถ้าเงียบๆ เฉยๆแปลว่าไม่ได้ชอบจริงหรอก หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นพวกไอ้แหย ขี้ขลาดตาขาว ผู้ชายแบบนั้นอย่าไปสนใจน่ะดีแล้ว”
ปลายฝนเมินมองไปทางอื่น แล้วก็ร้องว้าย เมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเร่งเครื่องมาปาดหน้า
“เฮ้ย อะไรวะ”
เอ็มเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม แล้วรีบลงจากรถไปทันที
“มึงจะเอาไงวะ”
ป๋องลงจากมอเตอร์ไซค์ พลางถอดหมวกกันน็อคออก เอ็มหยุดมองป๋อง
“ป๋อง นายทำแบบนี้หมายความว่าไงวะ”
เอ็มถามป๋องอย่างจะเอาเรื่อง
“ขอโทษครับ แต่พี่ไม่เกี่ยวครับ”
ป๋องเดินมาหาปลายฝน ที่ลงมายืนอยู่ข้างๆ รถ มองป๋องอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน
“ปลายฝน ฉัน”
“นายทำอะไรเนี่ย รู้มั้ยมันอันตราย”
“ฉันไม่อยากให้เธอไป”
“ว่าไงนะ”
“ฉันไม่ให้เธอไป” ป๋องพูดเสียงแข็ง
“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันมีสิทธิ์อะไร รู้แค่ว่าถ้าฉันไม่ห้ามเธอ ฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
ปลายฝนมองหน้าป๋อง “หลีกไปป๋อง สายไปแล้ว”
“ฉันไม่หลีก”
เอ็มเดินมาหาป๋อง “ถ้าปลายฝนเชื่อนายก็แล้วไป ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ปลายฝนไม่สนใจนาย เขาจะไปกับฉัน เพราะฉะนั้น นายต่างหากที่ไม่เกี่ยว ถอยไป”
เอ็มผลักป๋องเซออกไป
“ขึ้นรถเถอะฝน”
ปลายฝนมองป๋อง แล้วเดินไปขึ้นรถกับเอ็ม ป๋องวิ่งมาขวางหน้ารถ
“ถ้าอยากไปก็ต้องขับชนฉัน”
เอ็มลงจากรถจะเล่นงานป๋อง ปลายฝนเข้ามาขวาง
“ขึ้นรถเถอะค่ะ ฝนขับเอง”
ปลายฝนขึ้นมานั่งที่คนขับ เอ็มมานั่งข้าง ขณะที่ป๋องมายืนขวางหน้ารถ ป๋องกับปลายฝนมองหน้ากัน ปลายฝนเร่งเครื่อง ป๋องยืนนิ่ง ไม่ขยับ
ปลายฝนเร่งเครื่อง แล้วเข้าเกียร์ถอยหลัง ก่อนจะกลับมาเข้าเกียร์เดินหน้า ขับรถแหกออกขวาวิ่งผ่านป๋องไป ป๋องยืนอึ้ง แล้วจู่ๆปลายฝนก็เบรคจอดรถข้างทาง
“มา พี่ขับให้เองดีกว่า”
ปลายฝนมองหน้าเอ็ม “ขอโทษนะคะพี่เอ็ม ฝนไม่อยากไปแล้วค่ะ”
เอ็มเงียบไปครู่หนึ่ง พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”
“ขอโทษจริงๆค่ะ”
เอ็มพยักหน้า “พี่เข้าใจ”
ป๋องนั่ง หมดอาลัยตายอยากอยู่ริมถนน จู่ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้น ป๋องเงยหน้า มองไปอีกฝั่งของถนน เห็นรถจอดอยู่ เอ็มอยู่ในตำแหน่งคนขับ ปลายฝนลงจากรถพร้อมกระเป๋า เอ็มตะโกนมา
“ป๋อง พาฝนไปส่งทีนะ”
เอ็มหันมายิ้มให้ ปลายฝนยิ้มตอบ พลางหันมาทางป๋อง ที่นั่งยิ้มแฉ่ง
ปฐมซัดกับพวกลูกน้องของเสี่ยเพ้งที่กรูเข้ามารุมอย่างดุเดือด เสี่ยเพ้งยืนดูอยู่ห่างๆ คอยผลักลูกน้องที่กระเด็นออกมา ให้เข้าไปสู้กับปฐมต่อ
“เฮ้ย ลุยเข้าไป ถ้าพวกลื้อเอามันไม่ลง อั๊วจะไล่ออกให้หมด มันมีคนเดียว ลุยเข้าไปสิวะ”
ตี๋อ้วนโผล่หน้ามาข้างๆเสี่ยเพ้ง
“แล้วทำไมป๊าไม่บุกเข้าไปด้วยล่ะ”
เสี่ยเพ้งสะดุ้ง ปฐมได้ยินก็หัวเราะ
“ไอ้เพ้ง ลูกลื้อเป็นลูกผู้ชายกว่าลื้ออีกว่ะ เก่งจริง เข้ามาเลยสิวะ”
เสี่ยเพ้ง หันมาบอกตี๋อ้วน
“อาตี๋ซี้ซั้วต่า ลื้อเป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามายุ่ง เฮ้ย แม่ไอ้ตี๋พาไอ้ตี๋ไปนอนเด๊ะ อย่าให้ออกมาอีกนะ”
ในที่สุดปฐมก็เสียที ลูกน้องเสี่ยเพ้งช่วยกันจับปฐมกดคุกเข่าตรงหน้า
“แกร่งมาก สมเป็นมือขวาของตั่วเฮีย ว่าแต่ว่า ลื้อเข้ามาทำอะไรในบ้านอั๊ววะ”
ปฐมไม่ตอบ ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาจิกหัวปฐมให้เงยหน้าขึ้นแล้วตบเต็มแรง
“ตอบมา”
ปฐมเงยหน้าขึ้น แต่ไม่ยอมตอบ ลูกน้องจะตบอีก เสี่ยเพ้งยกมือห้ามไว้
“ไม่ต้องเปลืองแรง ปฐม เราเป็นคนรุ่นเก่าเหมือนกัน ใช้วิธีเก่าๆแล้วกันนะ”
เสี่ยเพ้งหยิบกรรไกรขาเดียวของตัวเองออกมา
“ถ้าลื้อไม่ตอบ อั๊วจะตัดหู ตัดจมูกลื้อ แล้วตัดเส้นเอ็น แขน ขา ทีละข้าง แล้วก็ตอนลื้อซะ ปล่อยให้ลื้อตายช้าๆ แต่ถ้าลื้อยอมบอกเมื่อไหร่ อั๊วก็จะหยุด ยิ่งลื้อบอกเร็วเท่าไหร่ ลื้อก็จะรักษาอวัยวะในตัวได้มากเท่านั้น”
เสี่ยเพ้งควงกรรไกรข่มขวัญ ปฐมแค่นหัวเราะ ขณะที่โจปีนกำแพงกลับเข้ามา รีบตะโกนบอก
“เดี๋ยว”
เสี่ยเพ้งกับปฐมมองไป เห็นโจเดินตรงมา
“คุณกลับมาทำไม”
โจมองหน้าปฐม “ผมขอโทษ ผมหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวไม่ได้”
“ไอ้โง่ คุณกลับมาอย่างงี้ก็เท่ากับเราตายสองคนน่ะสิ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เราก็อาจจะรอดทั้งคู่ก็ได้”
เสี่ยเพ้ง พยักหน้า “ตกลง ถ้าลื้อบอกว่าลื้อเข้ามาทำไม อั๊วจะปล่อยให้รอดทั้งสองคน”
“อย่าไปฟังมัน”
ปฐมพูดจบ โจก็ตอบสวนมาทันที “ผมเข้ามาขโมยของ”
“ขโมยของ ขโมยอะไรวะ”
โจส่งรูปถ่ายให้ลูกน้องเอาไปให้เสี่ยเพ้งดู
“ของแบบเดียวกับที่คุณเคยให้ตั่วเฮียตอนแต่งงาน”
เสี่ยเพ้งเห็นรูปก็ยิ้มเยาะ “เพื่อไอ้นี่ พวกลื้อยอมเสี่ยงตายเลยเหรอ”
“ผมอยากรู้มันคืออะไร”
เสี่ยเพ้งมองหน้าโจงงๆ “ลื้อไม่รู้ ? ”
“ไม่ ผมมาขโมยไม่ใช่เพราะอยากได้ แต่เพราะอยากรู้ว่ามันคืออะไร”
เสี่ยเพ้งหันมามองปฐมแว่บหนึ่ง แล้วค่อยๆ หันมาตอบโจ
“มันคือยา”
“ยาอะไร” โจรีบถาม
“ลื้อไม่ต้องรู้ เอาเป็นว่าอั๊วได้คำตอบแล้วว่าพวกลื้อมาทำอะไร อั๊วสบายใจแล้ว ทีนี้พวกลื้อก็ตาย
ได้แล้ว”
“อ้าว เฮ้ย ไหนเมื่อกี้ลื้อบอกจะปล่อยเราไง”
เสี่ยเพ้งหัวเราะ “พวกลื้อกับอั๊วเป็นศัตรูกัน ปล่อยไปก็โง่สิวะ ฆ่ามัน”
เสี่ยเพ้งจะเดินกลับเข้าบ้าน พวกลูกน้องมองโจแล้วยิ้มเหี้ยม
“เดี๋ยว”
โจตะโกนเรียก เสี่ยเพ้งหันกลับมา
“อะไร”
“รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนขับรถของตั่วเจ๊ อยากรู้เรื่องของตั่วเจ๊ไหม”
เสี่ยเพ้งชะงัก มองโจครู่ใหญ่ แล้วยิ้มออกมา ขณะที่ปฐมดิ้นพล่าน มองโจด้วยสายตาโกรธแค้น
“น่าสนใจ ลื้อชื่ออะไร”
“ผมชื่อโจ”
เสี่ยเพ้ง ยิ้มมุมปาก “โจ ลื้อจะทรยศตั่วเจ๊เหรอ”
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ผมก็ตายใช่มั้ยล่ะ”
เสี่ยเพ้งหัวเราะลั่น
“ถูกต้อง อั๊วชอบคนแบบลื้อว่ะ ไอ้คนซื่อสัตย์แบบปฐมน่ะอั๊วเหม็นเบื่อ แล้วก็ขยะแขยงมากๆ ลื้อนี่ถูกใจอั๊วจริงๆ มาเป็นลูกน้องอั๊วมั้ย”
โจรีบคุกเข่าคำนับเสี่ยเพ้ง “เจ้านาย”
ปฐมมองโจด้วยสายตาอาฆาตสุดๆ เสี่ยเพ้งหยิบกระเป๋าออกมา หยิบเงินออกมาปึกหนึ่งโยนให้โจ
“เอ้า เงินรับขวัญโว้ย”
“ขอบคุณครับ”
โจรับเงินมา แล้วคารวะเสี่ยเพ้งอีก ทันใดนั้นก็มีลมพัดกรรโชก พร้อมกับเมฆฝนดำเข้าปกคลุมแสงอาทิตย์ ครู่หนึ่งหมู่เมฆก็เปิดเป็นช่องเล็กๆ แสงอาทิตย์ส่องลงมาโดนหน้าเสี่ยเพ้งที่เงยหน้ามองอยู่ เสี่ยเพ้งยกมือข้างที่ถือกรรไกรขึ้นบังแสง พลันฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาที่กรรไกรในมือ เสียงดังกึกก้อง ทุกคนในบริเวณนั้นล้มตึง เสี่ยเพ้งตัวดำ ควันลุก พลางถลึงตามองโจ
“อั๊วนึกออกแล้ว ลื้อ โจ โจตัวซวย”
เสี่ยเพ้งล้มตึง โจรีบลุกขึ้น แล้วเดินมาหาปฐม ขณะที่ลูกน้องคนอื่นๆ ยังช็อกอยู่ มองร่างเสี่ยเพ้งแบบไม่เชื่อสายตา โจรีบประคองปฐมออกมา พวกลูกน้องได้สติ หันมาจะอัดโจ
“รีบปั๊มหัวใจนายแกสิวะ เผื่อจะช่วยเขาทัน”
อ่านต่อตอนที่ 21