เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน
พอพักตร์พิมลเปิดประตูห้องรับแขกเข้ามา เห็นธีภพยืนหน้าเครียดรออยู่ เลยประชด
“ท่านประธาน มาสมน้ำหน้าคนโดนพักงานหรือคะเชิญค่ะ”
พักตร์พิมลเดินนำธีภพไปนั่ง ที่ชุดรับแขก
ธีภพถามท่าทีขรึมๆ “แพ็ตกับบิวตี้มีเรื่องอะไรกัน”
พักตร์พิมลเยาะ “ยัยบิวตี้ฟ้องพี่ธีหรือคะ”
“เปล่า บิวตี้ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ไม่ยอมให้พี่พบด้วยซ้ำ บิวตี้บอกแค่ว่าจะไม่ทำงานที่บริษัทอีก แต่ไม่บอกเหตุผลว่าทำไม คนที่บ้านบอกว่าแพ็ตไปหาบิวตี้ที่บ้าน”
“แล้วไงคะ” พักตร์พิมลประชด “เป็นพี่ น้อง กัน ไปหากันไม่ได้เหรอ”
“ถ้ายังคิดว่าเป็นพี่น้อง ก็ไม่ควรถึงกับลงไม้ลงมือ”
“ใครลงไม้ลงมือ แพ็ตเนี่ยเหรอคะ” พักตร์พิมลหัวเราะเยาะ “แพ็ตไม่โง่ทำหรอกค่ะ”
ธีภพจ้องหน้า “แล้วทำไมบิวตี้ถึงมีรอยบาดเจ็บแถมอยู่ดีๆก็ลาออกจากบริษัท”
พักตร์พิมลหัวเราะใหญ่ “เรื่องเจ็บก็คงจะไปสวิงกิ้งที่ไหนมามั้งคะ แต่เรื่องลาออกจากบริษัทไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลยค่ะ คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างยัยบิวตี้ ทนทำงานได้แค่นี้คงฝืนใจเต็มทีแล้ว”
“ไม่จริง บิวตี้ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ” ธีภพฉุน
“แต่เขาก็ยอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ธีภพพูดจริงจัง “แพ็ต เกิดอะไรขึ้น แพ็ตไปพูดอะไรกับบิวตี้ อย่าให้พี่รู้นะว่าแพตทำอะไรบิวตี้ ไม่งั้นพี่ไม่แค่ให้พักงานเท่านั้นนะ ถึงเป็นลูกอากรพี่ก็ไม่เว้น”
“พี่ธีก็ไปถามสุดที่รักของพี่ธีเองสิคะ จะได้รู้ว่าเขาซ่อนความลับอะไรไว้”
ธีภพฉงน “ความลับอะไร”
“แพ็ตไม่บอกหรอกค่ะ พี่ธีไปถามเจ้าตัวเขาเองดีกว่า บอกได้แค่ว่าถ้าพี่ธีรู้ว่าคุณลัลน์ลลิตคนสวย จริงๆ แล้วคืออะไร คงจะรักไม่ลงแน่”
ธีภพทั้งสงสัย ระแวง และอารมณ์ขุ่นมัว
บิวตี้เข้ามาในห้องทำงาน มองเสื้อที่ทำค้างไว้ สีหน้าหมองเศร้า พูดระบายกับรูปแม่
“บิวตี้อยากทำงานที่แม่รักให้สำเร็จ แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว” บิวตี้มองจี้วัดความดีและปฏิทินที่เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน “แล้วเรื่องจะกลับเป็นคน ก็คงหมดหวังแล้วหล่ะ”
บิวตี้ ลงนั่งที่โต๊ะทำงาน หยิบกระดาษมาเขียนชี้แจงทุกอย่างทิ้งไว้ให้ธีภพ เขียนไปอ่านทวนไป
“พี่ธี เมื่อพี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ บิวตี้คงเปลี่ยนร่างไปเป็นนกอย่างถาวรแล้ว ที่บิวตี้ไม่ได้บอกพี่ก่อนหน้านี้เพราะรู้ดีกว่า ถ้าพี่ธีรู้คงรับไม่ได้ที่จะรักกับสัตว์ประหลาด บิวตี้ทนไม่ได้ที่จะเห็นพี่ธีชิงชังรังเกียจ”
บิวตี้ไม่ถูกใจข้อความที่เขียน ฉีกกระดาษทิ้ง เริ่มเขียนใหม่
“เรียน คุณธีภพ ที่นับถือ เมื่อคุณได้อ่านจะหมายฉบับนี้ ดิฉัน...”
แต่บิวตี้ไม่ถูกใจอีก ขยำทิ้ง ฉีกๆๆ ด้วยความคับข้องใจ กลัดกลุ้ม สุดท้ายซบหน้าลงกับโต๊ะ กอดรูปแม่แล้วร้องไห้คร่ำครวญ “แม่ขา บิวตี้จะทำยังไงดี”
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาพลอยเศร้า อยากกอดปลอบลูกไว้กับอก
“แม่อยากกอดลูกอยากให้กำลังใจลูกเหลือเกิน”
“ท่านควรระงับอารมณ์ไว้บ้าง อย่าให้ซัดส่ายเกินไปนัก”
“แต่ลัลน์ลลิตหมดสิ้นกำลังใจ จิตนางสูญเสียพลังไปเกือบหมดสิ้น”
เห็นมาตรวัดความดี สีทองเกือบเต็ม แต่หม่นหมองไม่มีประกาย
ปรมะเทวีเห็นมาตรวัดแล้วสลดใจ “ทำไมจึงทอดอาลัยเช่นนี้ พลังใจที่จะต่อสู้เพื่อให้พ้นคำสาปหายไปสิ้น ราวกับนางยอมรับการเป็นนกตลอดไป”
“ทำอย่างไรจึงจะทำให้นางเกิดกำลังใจขึ้นมาได้บ้างคะเทวี”
“ลัลน์ลลิต ไม่ได้กลัวการเป็นนกอีกแล้ว สิ่งที่นางกลัวคือการถูกชิงชังรังเกียจและคิดว่าทุกคนจะรู้สึกเช่นนั้น อืมม...จะทำอย่างไรดี”
ปรมะเทวีคิดหาทางช่วย
เย็นนั้นป้าจันเรียกประชุมคนในบ้านเพื่อช่วยงานบิวตี้
“ฉันห่วงงานของคุณหนู กลัวจะเสร็จไม่ทัน”
“คุณบิวตี้บอกไม่ทำแล้วนี่คะป้า” ส้มเช้งว่า
“คุณหนูอารมณ์เปลี่ยนไว ตอนนี้เธอคงมีปัญหาอะไรบางอย่าง สักพักคงจะหายเราควรจะช่วยทำไปพลางๆ ก่อน”
“จริงค่ะพี่ ฉันเห็นด้วย” ศรีนวลบอก
“งั้นไปยกจักรเย็บผ้าของคุณหนูลงมาทำข้างล่างนี่ดีไหม”
ศรีนวลสั่งลูก “ฝรั่งไปยกลงมาสิ”
ป้าจันนึกได้ “รีบไปยกลงมานะ เย็นแล้ว คุณหนูห้ามกวนตอนเย็น”
“คร้าบโผม”
ฝรั่งขึ้นบ้านไปกับส้มเช้งและพรตามไปด้วย พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินทุกทีๆ
ขณะที่บิวตี้พยายามเขียนจดหมายถึงธีภพต่อ กำลังไหลลื่น
“โอ้ย จะหกโมงแล้วเหรอ อย่าเพิ่งนะ ยังเขียนไม่เสร็จ...”
บิวตี้เจ็บปวดตัว ฝรั่ง เปิดประตูเข้ามายกจักรเย็บผ้า เจอบิวตี้แปลงร่างเป็นนกต่อหน้า
ฝรั่งแหกปากร้องลั่น “เฮ้ยยย ผีหลอกกกก”
พรตามหลังฝรั่งมาเห็นด้วยจะๆ คาตา “ฉ..ฉัน เห็นคุณหนู” พรชี้นกมือไม้สั่น
“ไม่ใช่ผีหรอก” ส้มเช้งเดินไปจับนกหงส์หยกขึ้นมาอย่างทะนุถนอม และเทิดทูน “นี่คุณบิวตี้”
ป้าจัน และ ศรีนวล ตามมา มองอย่างตกใจ
“ตะโกนอะไรกัน”
ฝรั่งปากสั่นเสียงสั่น “ป้า คุณบิวตี้กลายเป็นนกผมเห็นกะตา นั่นไงเสื้อผ้ายังอยู่เลย”
ป้าจันโกรธ ดุ “มาว่าคุณหนูของฉันแบบนั้นได้ยังไง แม่ศรีนวลเตือนลูกด้วยนะ”
“พรก็เห็นจ้ะป้า คุณหนู” พรสะอื้นไห้ “คือนกตัวนี้”
“โกหก แกก็พลอยเป็นไปด้วยหรือ” ป้าจันตีแขนพร “อย่าพูดถึงคุณหนูแบบนี้นะ”
ส้มเช้งถามนก “คุณบิวตี้ขา ส้มเช้งขออนุญาตบอกความจริงนะคะ”
นกบิวตี้ผงกหัวหงึกๆ “ไหนๆ ก็เห็นกันหมดแล้วเอาเลย ใครจะคิดยังไงก็ช่างเป็นไงก็เป็นกัน”
ส้มเช้งบอกกับทุกคน “นกตัวนี้คือคุณบิวตี้จริงๆ ค่ะป้า ส้มเช้งก็เคยเห็นเธอแปลงร่างกะตา”
ศรีนวลเสริม “จริงค่ะพี่จัน คุณหนูเป็นนกตอนกลางคืน พอเช้าก็กลับเป็นคน”
ป้าจันคิดทบทวน ร้องไห้ออกมา “โถ คุณหนู ทูนหัวของป้าจัน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ จันจะทำยังไง จะช่วยคุณหนูได้ยังไง”
“มีคนเล่นของทำคุณไสยใส่คุณบิวตี้แน่ๆ ต้องรีบพาไปรดน้ำมนต์” ฝรั่งว่า
ป้าจันยกมือไหว้ “ใครที่ทำอย่างนี้กับคุณหนูได้ลงคอ ขอร้องล่ะ มาทำกับฉันแทนเถอะ อย่าทำกับคุณหนูเลยขอร้อง” หญิงชราร้องไห้จนเป็นลมพับไป
ศรีนวล พร ส้มเช้งประคองป้าจัน
นกบิวตี้บินมาหาป้าจัน “ป้าจ๋าอย่าร้องไห้ เป็นนกก็ไม่แย่นักหรอก อย่างน้อยก็ได้เห็นว่ายังมีคนรัก และหวังดีกับฉันอย่างจริงใจ ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไงก็ไม่เคยทอดทิ้งฉันเลย”
บิวตี้คนกอดซบอกป้าจันเหมือนเป็นแม่
มาตรวัดความดีของบิวตี้บนแดนสรวงมีแสงสว่างสดใสขึ้น นางฟ้าลลิตาดีใจมาก
“พลังใจเริ่มกลับมาแล้ว”
ปรมะเทวีพยักหน้า “ลัลน์ลลิตรับรู้แล้วว่า คนที่ถูกนางมองข้ามเสมอ กลับเป็นคนที่รักและหวังดีอย่างจริงใจ ทำให้นางเข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง”
ในจอฉายภาพเห็นนกบิวตี้บินออกจากบ้าน
“เอ๊ะ นั่น นกน้อยจะบินไปไหน”
“นางคงอยากพิสูจน์ความจริงใจ ของใครอีกคน”
นางฟ้าทั้งสองจับตามองบิวตี้นกที่กำลังโผบินไปในความมืดยามค่ำคืน
ธีภพเดินไปมา ครุ่นคิดเรื่องของบิวตี้
เสือโคร่งกลอกตามองตามธีภพ “เสือรู้ว่านายกลุ้ม แต่อย่าเดินวนไปวนมาได้มั้ยอ่ะ เสือเวียนหัว”
ธีภพหยิบโทรศัพท์มาจะกด คิดได้ว่าไม่มีประโยชน์ หงุดหงิดโยนโทรศัพท์ทิ้ง ธีภพตัดสินใจ หยิบกุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ จะออกไปข้างนอก
“นาย จะไปไหนอะ ค่ำแล้ว มานอนเกาพุงเสือดีกว่า”
ธีภพกำลังจะออกจากห้อง นกบิวตี้บินปร๋อมาเกาะ ธีภพดีใจมาก “บิวตี้”
เสือร้องหง่าว “บิวตี้”
“เสืออย่ารังแกบิวตี้นะ ออกไปข้างนอกก่อนไป” ธีภพอุ้มเสือออกไป
เสือบ่นบ้า “เอะอะไล่ เอะอะไล่ เสือก็มีหัวใจนะคร้าบ”
“ฉันมาลา” บิวตี้คนบอกหน้าเศร้า “เราคงมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกไม่นาน แพ็ตต้องเปิดเผยความลับ
ของฉันแน่” ว่าพลางซบหัวกับบ่าของธีภพ
ธีภพลูบนกบิวตี้นกอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรบิวตี้ ร้องไห้ทำไม ขี้แยจริงๆ เลย ไปโดนใครแกล้งมาอีกล่ะ ฮึ”
“ถ้านายรู้ความจริง คงจะรังเกียจฉันทั้งที่เป็นคนและเป็นนกจนไม่อยากเห็นหน้าอีก”
ธีภพหันหน้ามาจับบิวตี้มาจ้องจนชิด “รู้ไหม ฉันตั้งชื่อแกว่าบิวตี้ไม่ใช่แค่เพราะแกเชิดเก่งและขี้โมโหเหมือนบิวตี้ของฉันหรอกนะ แต่เพราะแกเข้มแข็งและสู้ไม่ถอยเหมือนบิวตี้ด้วยเข้มแข็งเหมือนที่เคยเป็นสิ อย่าขี้แย”
บิวตี้แปลกใจ “นายคิดว่าฉันเข้มแข็งเหรอ”
“ฉันอยากให้เธอรู้นะว่าปัญหาของเธอก็เป็นปัญหาของฉันด้วย ฉันอยากให้เธอกลับมาเข้มแข็งเหมือนเก่า ความเข้มแข็งของเธอเป็นเหตุผลที่ฉันรักเธอ รู้ไหม”
“ถ้านายรู้ว่าฉันเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์นายจะยังรักฉันอยู่ไหม นายจะยังรักนกบิวตี้อยู่ไหม”
“ตอนนี้ไม่รู้เขาโกรธเรื่องอะไร นกฉลาดๆ อย่างแกช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหม ว่าฉันเป็นห่วงเขามาก”
บิวตี้ชึ้งใจ “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉัน”
“บอกเขาด้วยนะว่า มีอะไรมาคุยกัน อย่าหลบหน้ากันแบบนี้”
“ได้ ฉันจะคุยกับนาย ฉันจะบอกความจริงทุกอย่างกับนายด้วยตัวเอง”
ธีภพมองนกบิวตี้ “งงล่ะสิ ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปบอกเขาเองก็ได้ แล้วจะบอกเขาด้วย ว่า...”
บิวตี้ตั้งใจรอฟัง “ว่า อะไรพูดสิ”
ธีภพยิ้มหวาน “ฉันบอกแกไม่ได้หรอก ฉันต้องบอกกับเขาด้วยตัวเอง”
“ได้ ฉันจะคอยฟัง” บิวตี้ถอนใจ “ถ้าถึงวันที่นายรู้ความจริง” พลางจ้องธีภพอย่างวิงวอน “ฉันขอร้องนายอย่าเกลียดฉันได้ไหม”
“มองอะไรหรือตัวเล็ก” ธีภพจูบหน้าผากบิวตี้อย่างอ่อนโยน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะจำความรู้สึกดีๆ นี้ไว้ตลอดไป” บิวตี้จูบแก้มธีภพแล้วซบหน้ากับอกเขา
เช้าวันต่อมา ป้าจัน ศรีนวล พร กับส้มเช้งพาบิวตี้ลงมาใส่บาตรที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง และไม่รังเกียจฉัน”
“ใครจะรังเกียจคุณหนูได้คะ ป้ามีแต่ความรักอยากให้คุณหนูหายเร็วๆ” ป้าจันบอก
ส้มเช้งว่า “ฝรั่งไปส่งองุ่นที่โรงเรียนค่ะ แต่มันฝากน้ำมนต์กับสายสิญจน์ไว้ให้คุณหนูป้องกันตัวค่ะ”
ศรีนวลเสริม “วันนี้เราไปทำบุญใหญ่ที่วัดให้พระท่านรดน้ำมนต์ดีไหมคะ”
“ขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม วันนี้ฉันเข้าบริษัท”
ส้มเช้งดีใจ “คุณหนูจะไปทำงานหรือคะ”
“ใช่ ยังมีปัญหาต้องจัดการแทนคุณพ่อ อีกหลายอย่าง ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ”
ทุกคนประสานเสียง “ได้เลยค่ะ” / “แน่นอนค่ะ” / “ค่ะคุณหนู”
ธีภพเข้าธนบวร เซ็นงานอยู่ ด้วยสีหน้า เครียด ขรึม ยังห่วงเรื่องบิวตี้อยู่
บิวตี้เดินเข้ามา ท่าทีหวั่นไหวไม่แน่ใจ สายตาประสานกับธีภพที่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างดีใจ
“บิวตี้” ธีภพอดไม่ไหว เข้าไปกอดแน่น “ทำไมไม่ให้ผมเจอ ทำไม่ต้องหลบหน้า”
“อยากทำงานให้เสร็จเร็วๆ น่ะ”
“ไม่จริง คุณมีปัญหาอะไร บอกมาคุณมีเรื่องอะไรกับแพ็ต แพ็ตทำอะไรคุณ”
บิวตี้ถอนใจ “มีบางอย่างที่ฉันยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้ ฉันขอโทษจริงๆ อย่าโกรธฉันเลยนะถ้าคุณได้รับรู้วันไหน คุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงยังบอกคุณไม่ได้บางทีคุณอาจจะเกลียดฉันไปเลยก็ได้”
“คุณก็บอกผมสิ ว่ามันคืออะไร ให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่คิดเองเออเองแบบนี้”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เรามาแก้ปัญหาที่ค้างคาก่อนดีกว่า เรื่องแพ็ตกับอากร ถ้าปัญหาคลี่คลายเมื่อไหร่ ฉันจะเล่าให้คุณฟังเอง”
“ผมเองก็มีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกคุณเหมือนกัน”
“เรื่องอะไร”
“ยังบอกตอนนี้ไม่ได้”
“งั้นก็หายกัน”
“พอจัดการเรื่องปัญหาของบริษัทเสร็จ ผมจะบอกทุกอย่างกับคุณ” ธีภพมีท่าทีจริงจัง “สัญญาได้ไหมบิวตี้ ว่าต่อไปนี้ถึงคุณจะโกรธผมแค่ไหน คุณจะยอมฟังเหตุผลของผมเสียก่อน”
“สัญญา” บิวตี้ยื่นนิ้วก้อยให้
“สัญญาแค่นี้ไม่พอหรอก” ธีภพสวมกอดบิวตี้ ทำท่าจะจูบ
เสียงเคาะประตูขัดจังหวะ บิวตี้และธีภพถอยห่างจากกันอย่างเสียดาย
เลขาเข้ามา “เอกสารจากอีเมลของคุณแพ็ตทั้งหมดที่ท่านให้ปริ้นท์ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ไม่นานต่อมา ธีภพ และ บิวตี้ มาสอบสวนแพ็ตเรื่องเมลพร้อมเอกสารอีเมลที่ปริ้นท์ออกมา
“แพ็ตไม่เคยขายความลับของบริษัทให้ใคร อีเมลนี่แพ็ตก็เลิกใช้มาตั้งนานแล้วด้วย”
“อย่ามาเถียง ในเมื่อมีประวัติให้เห็นทนโท่ว่าแพ็ตใช้งานมันมาตลอด” ธีภพไม่เชื่อ
“แพ็ตเลิกใช้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เพราะขี้เกียจเช็คหลายเมล ตอนนี้แพ็ตมีอีเมลเดียวของบริษัทเท่านั้น”
“แล้วหลักฐานการติดต่อที่เห็นในนี้ล่ะ แพ็ตจะแก้ตัวยังไง หา” ธีภพฟาดเอกสารใส่หน้า โกรธถึงขีดสุด
“แพ็ตไม่รู้จริงๆ ค่ะพี่ธี เธอใส่ร้ายฉันใช่ไหมบิวตี้ เธอแกล้งทำหลักฐานพวกนี้หลอกพี่ธี เธอจ้องจะหาทางแก้แค้นฉันอยู่แล้วนี่”
“เลิกโทษคนอื่นได้แล้ว พี่เป็นคนสั่งให้ดึงข้อมูลออกจากอีเมลของแพ็ตเอง”
“ฉันไม่ใช่คนเจ้าแผนการแบบเธอนะแพ็ต ถ้าฉันจะทำอะไรใคร ฉันจะทำซึ่งๆหน้า ไม่ลอบกัด แล้วฉันก็ไม่เคยสร้างหลักฐานใส่ร้ายใครด้วย”
“เธอแกล้งฉันเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เธอคงไม่อยากให้พี่ธีรู้สิว่าความจริงแล้วเธอเป็นตัวอะไรกันแน่”
ธีภพสงสัย “หมายความว่าอะไร”
บิวตี้บอกกับธีภพ “ขอพูดกับแพ็ตตามลำพังได้ไหม”
ธีภพมองแพ็ตกับบิวตี้อย่างประเมินแล้วออกจากห้องไป
บิวตี้หันมาทางพักตร์พิมล “บอกความจริงมาดีกว่าว่าเธอทำจริงหรือเปล่า”
“พี่ธีกับเธอก็เชื่อไปแล้วนี่ว่าฉันทำ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก อยากรู้แค่ว่าพี่ธีจะว่าไงเวลาเห็นคลิปสัตว์ประหลาด”
“อยากทำอะไรก็เชิญเถอะ แต่ขอให้ฉันหาคนร้ายตัวจริงให้เจอก่อนได้มั้ย ส่วนเรื่องที่เธอบอกว่าเธอไม่ได้ส่งเมลให้คุณเจตน์ ฉันเชื่อเธอนะ เธอรักธนบวรมาก คงไม่มีทางที่เธอจะทำร้ายมันแน่”
“เธอจะมาหลอกอะไรฉันอีกล่ะ”
“ไม่ได้หลอก ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ขายความลับของบริษัทแน่ แต่ในเมื่อข้อมูลถูกส่งออกไปจากอีเมลเธอ คนอื่นอาจจะคิดว่าเธอเป็นคนทำก็ได้ ถ้ากรรมการบริหารรู้คงเป็นเรื่องใหญ่ เธอเกลียดฉันมากจนไม่รักตัวเอง ไม่คิดแม้แต่จะล้างมลทินให้ตัวเองเลยเหรอแพ็ต”
พักตร์พิมลลังเล “เธอจะให้ฉันทำยังไง”
“บอกความจริงว่าเธอรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง การปิดบังจะยิ่งส่งผลร้ายต่อบริษัท เธออยากทำลายธนบวรที่เธอรักงั้นเหรอ”
“ฉันไม่มีอะไรจะปิดบัง แต่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันไม่เคยส่งอีเมลอะไรนี่ทั้งนั้น ฉันเกลียดเธอจะตาย ฉันไม่อยากเห็นเสื้อเธอออกสู่ท้องตลาดด้วยซ้ำ แล้วฉันจะส่งแบบเสื้อเธอไปให้คนอื่นก็อปทำไม แบบนี้ก็เท่ากับยอมรับในฝีมือเธอน่ะสิ”
“แต่เธอเป็นลูกอากร เธอน่าจะรู้สิว่าพ่อเธอกำลังทำอะไร”
“พ่อกับฉันสนิทกันตายล่ะ วันนั้นตอนเธออยู่ในกรงไม่ได้ยินที่เราทะเลาะกันรึไง นี่ถ้าพ่อรู้ว่าหลานรักเป็นสัตว์ประหลาด พ่อจะทำหน้ายังไงนะ ถามจริงๆเหอะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอถูกนกจิกเลยกลายเป็นนกแบบสไปเดอร์แมนถูกแมงมุมกัดอย่างนั้นเหรอ”
“ฉันคงทำกรรมอะไรมามั้ง หรือไม่ก็แกล้งเธอมากไปตอนเด็กๆ เลยต้องมาชดใช้”
“ที่จริงมันก็เหมาะกับเธอดีนะ มิน่า ถึงชอบส่องกระจก”
“ฉันไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ฉันเป็นหรอกนะ” บิวตี้เปลี่ยนเรื่อง “อากรรู้พาสเวิร์ดกับอีเมล ของเธอมั้ย”
“อีเมลน่ะรู้ แต่พาสเวิร์ดเนี่ยไม่แน่ คอมพ์ฉันอยู่บนโต๊ะ พาสเวิร์ดก็เซฟไว้ ใครจะมาแอบดูก็ได้ แต่ฉันไม่คิดว่าพ่อจะเป็นคนทำ ถ้าพ่อจะใส่ร้ายฉัน พ่อก็คงเป็นพ่อที่แย่กว่าที่ฉันคิดซะอีก”
“ถ้าอย่างนั้น จะมีใครที่ใช้คอมพ์เธอได้ และรู้อีเมลกับพาสเวิร์ดของเธออีก”
“ก็มีกระตั้ว กับ ปีวรา เท่านั้น”
“ฉันจะลองสืบจากสามคนนี้ดู ถ้าเธอพูดจริง ฉันจะล้างมลทินให้เธอเอง”
“ถามจริงเหอะเธอมาช่วยฉันเนี่ย ต้องการจะกอบกู้บริษัทจริงๆ หรือต้องการให้ฉันใจอ่อนเลิกแบล็กเมลเธอกันแน่”
“สองเรื่องนั้นก็ด้วย แต่ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก ความจริงฉันแค่เพิ่งนึกได้ว่า มีพี่สาวอีกคนที่ฉันไม่เคยสนใจเขาเท่าไหร่เอาแต่แกล้งเขาจนร้องไห้ขี้มูกโป่ง” ภาพในอดีตตอนที่บิวตี้แกล้งพักตร์พิมลจนร้องไห้ผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิด “ฉันเลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำอะไรเป็นการไถ่โทษบ้าง ก็เท่านั้นแหละ”
“เธอคิดว่าฉันจะยอมยกโทษให้เธอเหรอ”
“ไม่คิดหรอก เพราะสิ่งที่ฉันทำมันร้ายกาจเกินกว่าเธอจะยกโทษให้ได้ ฉันแค่อยากทำเพื่อความสบายใจของตัวเอง ไม่งั้นฉันคงติดค้างเธอตลอดไป” บิวตี้หน้าเศร้า
“ฉันก็เบื่อทะเลาะกับเธอเหมือนกัน กำลังคิดว่าจะเผาไอ้คลิปวิดีโอนั่นทิ้งให้หมด ขี้เกียจมาใช้กรรมชาติหน้า”
แววตาทั้งสองสาวประสานกันเป็นมิตรมากขึ้น
“มองอะไร รีบไปหาคนที่ใส่ร้ายฉันสิ ฉันจะได้ไปเผาไอ้คลิปบ้าๆ นั่นเหมือนกัน”
บิวตี้เดินออกไปแล้วหยุดหันมาบอก “ขอบใจนะ”
บิวตี้ และ ธีภพ อยู่ที่เจดการ์เม้นท์ เอาแบบของบิวตี้ที่โดนก็อปปี้ให้เจตน์ชาญดู เจตน์ชาญพิจารณาแบบ
“แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่างานนี้เป็นงานต้นแบบ เพราะดีไซเนอร์ของผม ก็มีหลักฐานการคิดแล้วพัฒนางาน เป็นขั้นตอนเหมือนกัน” เขาส่งแบบร่างของมินตราให้บิวตี้ดู
บิวตี้ แบ่งให้ธีภพ ดูการพัฒนาแบบของมินตราแล้วอึ้งไป
“พยายามดีนี่ แต่มันไม่ยากเลยนะที่จะขโมยไอเดียของคนอื่นไปแล้วสเก็ทช์ย้อนหลัง ทำเหมือนตัวเองเป็นคนคิด”
“เอาแบบคุณมาสักแบบสิแล้วฉันจะทำให้ดู”
“ผมเชื่อว่าทำได้ พอๆ กับเชื่อว่าคุณเองก็อาจจะไปเขียนมาใหม่ได้เหมือนกัน”
บิวตี้โกรธ “แต่ฉันไม่ได้ทำ แบบนี้มันเป็นของฉัน ดูนี่ ฉันเน้นให้เย็บตะเข็บริมแบบพิเศษที่เป็นไอเดียของแม่ฉัน ซึ่งฉันได้ยื่นเรื่องจดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว คนที่ไม่ได้ออกแบบเอง จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
“ผมว่า เรียกดีไซเนอร์ของคุณมาถามเดี๋ยวนี้เลย” ธีภพบอก
“ไม่ต้องหรอก ผมถามเพื่อยืนยันความถูกต้องเท่านั้นเอง”
“แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไง”
“อย่างแรกคือผมต้องขอโทษคุณบิวตี้กับทุกคนที่ธนบวร” เจตน์ชาญมองธีภพ “เพื่อยืนยันว่าผมไม่เคยสนับสนุนการลอกเลียนแบบ” ประธานเจดการ์เม้นท์ตัดสินใจเด็ดขาด “ผมจะถอนตัวจากงานของคุณเกรซ”
บิวตี้แปลกใจ ปนทึ่ง “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แค่อย่าใช้ชุดของฉันก็พอ”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องรับผิดชอบ เจดการ์เม้นท์ต้องเติบโตด้วยคุณภาพไม่ใช่ด้วยการทุจริต นี่ครับ” เจตน์ชาญจะกดเสียงที่บันทึกให้ฟัง
“คืออะไร” ธีภพงง
“ผมสืบจนรู้ว่า รอน ผู้ช่วยของผมกับมินตราหัวหน้าแผนกออกแบบร่วมมือกัน”
เจตน์ชาญเปิดเสียงที่บันทึกให้สองคนฟัง โดยเขาคาดคั้น จนรอนกับมินตราสารภาพ
“เราไม่เคยเจอคนที่ส่งแบบมาให้ครับ เรารับแบบจากเมลแล้วก็โอนเงินค่าตอบแทนไปให้”
“เจ้าของบัญชีเป็นใคร”
“จำได้ว่าชื่อปีวรา ค่ะ”
พอฟังจบสองคนแปลกใจ อุทานอย่างคาดไม่ถึง “ปีวรา”
ฝ่ายกระตั้ว มาพบปีวรา ท่าทางหงอยเหงา
“ปี ได้ยินข่าวลือ เรื่องเจดการ์เม้นท์ไล่หัวหน้าแผนกแผนงาน กับหัวหน้าแผนกดีไซน์ออกไหม”
ปีวราเหมือนตกใจนิดๆ แต่แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจ “เหรอ ไล่ออกเรื่องอะไร”
“จะรู้มั้ยอะ ไม่ใช่เห็บหมัดเรือดไรใต้พรมเจดการ์เม้นท์นี่ยะ”
พักตร์พิมลเข้ามาในห้อง สีหน้าเครียด เปิดประตูทิ้งไว้ให้บิวตี้กับธีภพได้ยิน
“ว้าย คุณแพ็ต ทูนหัวของบ่าว มาได้ไงคะ” กระตั้วเปิดฉากสอพลอ
พักตร์พิมลถามเสียงเหี้ยม “ใครเอาแบบไปขายเจดการ์เม้นท์สารภาพมา”
“ว้ายคุณแพ็ต พูดเรื่องอะไรคะ ตั้วอาจจะขี้เม้าท์ ขี้เกียจและขี้หลีผู้ชาย แต่ตั้วไม่เคยขโมยนะคะ”
“ปีไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
บิวตี้กับธีภพ มาพร้อมกับพักตร์พิมลแต่ยืนฟังคำตอบอยู่ “เข้ามา”
“แต่เรารู้เรื่องหมดแล้ว คุณ ปีวรา” ธีภพมองจ้อง
กระตั้วตกใจ “ยัยปี เธอเองเหรอเนี่ย”
ปีวราปฏิเสธเสียงแข็ง “ปีไม่รู้เรื่องนะคะ คุณแพ็ตเป็นคนสั่งให้ปีกับกระตั้วช่วยกันขโมยแบบแล้วทำไมมาโยนความผิดให้ปีอย่างงี้ละคะ”
“ฉันเอาแบบมาซ่อนไว้เฉยๆ แต่เธอส่งไปขายให้เจตน์ชาญ”
ปีวราย้อน “ทำไมไม่คิดว่าเป็นกระตั้วล่ะคะ”
กระตั้วปรี๊ด “เอ้า นังนี้มาโบ้ยกันดื้อๆ ดีไซเนอร์อย่างฉันไม่สนับสนุนเรื่องการก็อปงานย่ะ”
บิวตี้ยื่นใบโอนเงินที่ถ่ายเอกสาร ตรงหน้าปีวรา “ลูกค้าของเธอที่เจดการ์เม้นท์ มีหลักฐานชัดเจน ว่าโอนเงินให้เธอ ปีวรา”
ธีภพเปิดคลิปเสียงที่ได้จากเจตน์ชาญให้ปีวราฟัง
“คุณมีอะไรจะอธิบายเรื่องนี้มั้ยคุณปีวรา”
ปีวราไม่สะทกสะท้านสักนิด “จะให้อธิบายอะไรอีกล่ะ หรือต้องให้แปลไทยเป็นไทย เหมือนอธิบายให้เด็กอนุบาลฟัง”
“ถ้าอย่างงั้นก็แปลว่าคุณยอมรับ” บิวตี้จ้องตา
พักตร์พิมลแค้นจัด “นี่ฉันเลี้ยงงูพิษไว้ข้างตัวตลอดเวลาเลยหรือ”
บิวตี้ยื่นเอกสารที่ปริ้นท์จากอีเมลพักตร์พิมลให้ปีวราดู “คุณใช้อีเมลของแพ็ตส่งข้อมูลลับให้นายรอนกับคุณมินตรา แพ็ตดีกับคุณจะตาย ทำไมถึงต้องใส่ร้ายเธอ”
ปีวราเยาะหยัน “อ้าว ดีกันแล้วเหรอคะ แต่ก่อนเห็นเกลียดกันนักหนา คิดว่าจะเกิดศึกสายเลือดขึ้นมาซะแล้ว แค่ยุนิดๆ หน่อยๆ ก็โกรธกันจะเป็นจะตาย”
สองสาวนึกถึงเหตุการณ์ที่ทะเลาะกัน โดยมีปีวราอยู่ในทุกเหตุการณ์ แต่แกล้งทำตัวเรียบๆ เงียบๆ ติ๋มๆ กลมกลืน แต่แอบร้าย
“ก็แค่พี่น้องทะเลาะกันเท่านั้นแหละ คุณไม่มีพี่น้อง คุณคงไม่เข้าใจ”
บิวตี้พูดพลางเอาแฟ้มประวัติพนักงาน วางลงตรงหน้าปีวรา
ปีวราเยาะ “อ๋อ ตรวจประวัติฉันหมดแล้วสินะ มันไม่ได้มีประวัติทั้งหมดของฉันหรอกเรื่องบางเรื่องฉันก็ไม่ได้ใส่ลงไป เพราะไม่อยากให้พวกคุณรู้ว่าความจริงฉันเป็นลูกใคร ฉันขายข้อมูลของพวกคุณมานาน นานกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก พวกคุณมันโง่กว่าที่ฉันคิดไว้ โดยเฉพาะเธอ แพ็ต”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ” ธีภพงง
“บริษัทห่วยๆ ของพวกแกทำอะไรกับครอบครัวฉันบ้างรู้ไหม สิบห้าปีก่อน พนักงานคนนึงถูกไล่ออก ถูกฟ้องร้องว่าขายข้อมูลให้บริษัทอื่น ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ โดนคนด่าว่าไอ้ขี้โกง เพื่อนฝูงหายหน้า เงินเก็บร่อยหรอ สุดท้ายเขาก็เลยยิงตัวตาย ทิ้งเมี่ยกับลูกเอาไว้เผชิญปัญหาตามลำพัง
ภาพในความคิดของปีวราผุดซ้อนขึ้นมา ดูหลอนๆ แบบคนสติจะหลุด
ในอดีต พ่อปีวราขยำซองขาว ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปีวราในวัยเด็กเปิดประตูเข้ามา เห็นพ่อยิงตัวตายล้มลงจมกองเลือดต่อหน้า วิ่งเข้าไปกอดพ่อไว้
เด็กหญิงปีวรานั่งร้องไห้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในห้องมืดๆ
ปีวรายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธแค้น อาการใกล้คลั่ง “ถ้าพ่อฉันไม่โดนบริษัทสารเลวของพวกแกไล่ออก เราคงได้อยู่เป็นครอบครัวที่ปกติสุข ชีวิตฉันพังเพราะพวกแก ธนบวร” ปีวราชี้หน้าบิวตี้ ธีภพพักตร์พิมล อย่างอาฆาต “พ่อพวกแกฆ่าพ่อฉัน ทำลายครอบครัวฉัน ทำให้แม่ฉันต้องเป็นผู้หญิงขายตัว สิ่งที่ฉันทำกับพวกแกมันสมควรแล้ว”
“คุณเป็นลูกของเลขาพ่อผมที่เคยขายข้อมูลให้บริษัทอื่นน่ะเหรอ”
“พ่อฉันไม่ได้ขาย พ่อฉันเป็นคนดี พ่อแกกับอาแกต่างหากที่ใส่ร้ายพ่อฉัน ธนบวรเลวทุกคน”
“คุณยังเข้าใจผิดอยู่หลายเรื่องนะปีวราผมจะให้ฝ่ายบุคคลเอาหลักฐานย้อนหลังให้คุณดู” ธีภพว่า
ปีวราคลั่ง “ไม่ ฉันไม่ต้องการดูอะไรทั้งนั้น ฉันอยากให้ธนบวรฆ่ากันเองด้วยซ้ำ จะบอกอะไรให้นะ ถึงฉันจะทำลายธนบวรไม่ได้ แต่ฉันก็สะใจที่เห็นพี่น้องแตกคอกัน มันสนุกกว่าละครน้ำเน่าในทีวีซะอีก” ปีวราหัวเราะร่า “ธนบวรจะต้องชดใช้ให้ครอบครัวของฉันอย่างสาสม ชีวิต ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
ทุกคนตะลึงมองปีวราอย่างสลดหดหู่ใจ
“คุณพ้นสภาพการเป็นพนักงานของธนบวรแล้ว ไว้เจอกันในศาล”
รปภ. คุมตัวปีวราออกไป
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
บิวตี้เดินมากับธีภพ ทีท่าของสองคนยังสลดและสะเทือนใจกับเรื่องปีวราไม่หาย
“เราน่าจะส่งปีวราไปปรึกษาจิตแพทย์นะคะ”
“ถ้าเขาไม่ยอมรับการรักษาเราก็คงบังคับเขาไม่ได้”
“เขาอุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล มาสมัครงานเพื่อทำลายบริษัทเราน่าเสียดายที่เขาไม่พยายามหาความจริงว่าพ่อเขาทำอะไร ทำไมถึงยอมทำลายอนาคตตัวเองด้วยเรื่องในอดีตนะ”
“เราไม่มีวันล่วงรู้ความลับในใจมนุษย์ได้หรอก เธออาจไม่รู้เรื่องที่พ่อตัวเองทำก็ได้ ถึงโทษว่าเป็นเพราะบริษัท หรืออาจจะรู้ แต่ไม่ยอมรับความจริง คนที่น่าจะเสียความรู้สึกที่สุดน่าจะเป็นแพ็ต ผมดีใจนะที่คุณกับแพ็ตดีกันแล้ว”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าแต่ก่อนฉันใจร้ายกับแพ็ตมาก ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
“น่ารักจริงๆ บิวตี้ของผม”
ธีภพยิ้มกริ่มดึงบิวตี้เข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่
“นี่นาย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“หอมผมคืนมั่งสิ”
บิวตี้ตีธีภพ
“เรายังคุยเรื่องงานไม่จบเลยนะ เรื่องอากรกับใครอีกคนในสายโทรศัพท์ที่ต้องการจะแย่งบริษัทไป”
ธีภพเอามือคลายโบว์ที่หัวคิ้วให้บิวตี้
“ขมวดคิ้วทั้งวันแบบนี้หน้าย่นแก่เร็วไม่รู้ด้วยนะ”
“ฉันกำลังซีเรียสอยู่นะฉันจะไปถามอากรตรงๆ ดีมั้ย”
“เอาสิ ถ้าจะไปถาม เราไปถามด้วยกัน”
“ไป” บิวตี้นึกได้ ดูนาฬิกา “อุ้ย ห้าโมงกว่าแล้ว วันนี้คงยังไม่ได้”
ธีภพยังจับมือบิวตี้ไม่ยอมปล่อย “ทำไมล่ะ อากรอยู่ที่ห้องแค่นี้เอง”
“ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าละกัน”
“ทำไมล่ะทำไมไม่พูดให้เข้าใจกันไปเลย รอถึงพรุ่งนี้มันอาจจะสายเกินไป”
“พรุ่งนี้เช้าละกัน พรุ่งนี้พอคุยกับอากรแล้ว ฉันจะเล่าความจริงให้นายฟัง ทุกเรื่อง”
“ถ้าอย่างงั้น เรื่องที่พี่ตั้งใจจะบอกบิวตี้ ก็ต้องรอไปพรุ่งนี้เหมือนกัน”
“ค่ะ พรุ่งนี้เราจะคุยกัน พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
ธีภพยังจับมือบิวตี้ไว้อย่างอาวรณ์ บิวตี้ยิ้มเศร้า จำใจต้องไปแปลงร่าง ค่อยๆ ถอยห่าง มือหลุดออกจากกัน
ต่างคนต่างไปทำภารกิจลับของตัวเอง
จอฉายภาพบนแดนสรวงสั่นสะเทือน มาตรวัดความดี สั่นเหมือนจะตกลงมา
“เกิดอะไรขึ้นคะเทวี” นางฟ้าลลิตาตกใจ
ปรมะเทวีพิจารณาอย่างรอบคอบ “ถึงเวลาที่ความจริงจะต้องปรากฏแล้ว”
นางฟ้าลลิตาฉงน “ด้วยวิธีใดคะเทวี”
“ชะตากำหนดมาแล้วว่าเป็นหน้าที่ของเราเอง”
ร่างปรมะทวีเรืองแสงเป็นสีทองลอยวูบไป
ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำชั้นล่างธนบวร ตอนเย็นราวห้าโมง บิวตี้เดินมาเตรียมหาที่แปลงร่าง แสงสีทองมาขวางหน้า
“มาอีกแล้วนะ มาทำไมฉันยังไม่ได้แปลงกายเลย”
บิวตี้จะเดินต่อ ถูกแสงขวางหน้าไว้ บิวตี้ฝ่าไปไม่ได้
“อะไรเนี่ย ยุ่งจังเลย”
บิวตี้จำใจต้องหันกลับเพราะฝ่าไปไม่ได้ แสงทองนำไปทางขึ้นดาดฟ้า
ที่มุมลับตาคนบนดาดฟ้า เย็นราวห้าโมง บิวตี้ยังไม่แปลงร่าง ถูกแสงสีทองนำทางมา เห็นธีภพ พูดกับกรเทพอยู่เสียงดังมาถึงจุดที่บิวตี้อยู่
“ดีแล้วล่ะที่เรากำจัดปีวราไปได้ จะได้จบไปเรื่องนึง แต่บิวตี้เขายังไม่รู้ใช่ไหมว่าคนที่จะแย่งบริษัทของเขาไป จริงๆ แล้วเป็นใครกันแน่”
“ยังครับ เขาดูสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ยังเดามาถึงผมไม่ได้”
บิวตี้ช็อก แค้นและผิดหวังน้ำตาหยดริน
กรเทพหัวเราะชอบใจ พูดกระเซ้า “คุณน่าลองจะไปเป็นดารานะ แสดงได้เนียนจริงๆ”
บิวตี้ออกจากที่ซ่อน พร้อมๆ กับแสงสีทองที่พรางอยู่สลายไป
ภาพตอนเห็นและได้ยินกรเทพคุยโทรศัพท์กับใครบางคน 2 ครั้ง ผุดขึ้นมา
“นายธี อากร”
สองคนหันมาเห็น ต่างก็ตกใจ “บิวตี้”
บิวตี้แค้นใจ เจ็บปวด น้ำตาเอ่อท้น คิดว่าสองคนร่วมมือกัน “คนหลอกลวง ทรยศ”
บิวตี้หันกลับแล้ววิ่งหนี เริ่มปวดตัว วิ่งไปปวดตัวไป
ธีภพวิ่งตามบิวตี้มาถึงหน้าห้องทำงานของเขาเอง
“บิวตี้ ฟังผมก่อน มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
บิวตี้ปวดตัวยกมือขึ้นปาดน้ำตา ตัวที่ปวดร้าวแต่หัวใจตอนนี้กลับแหลกสลายยิ่งกว่า ธีภพวิ่งมาล็อกตัวไว้
“ฟังผมก่อน ให้ผมได้อธิบายก่อน”
“ไม่” บิวตี้สะบัดมือเต็มแรง หนีเข้าไปในห้องธีภพ พยายามปิดประตูล็อก แต่ธีภพผลักตามเข้ามา
บิวตี้ร้อง ปวดตัวมากขึ้น เสียงเริ่มเป็นเสียงนก “ปล่อย โอ๊ย... ฉันไม่ฟัง ฉันเห็นและได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว ที่แท้คุณก็หลอกฉันมาตลอด คุณกับอากรร่วมมือกันหลอกฉัน จะแย่งบริษัทของพ่อฉันไป ทำไมเหรอเป็นประธานร่วมมันน้อยไปใช่ไหมสู้เป็นประธานใหญ่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคุณต้องการบริษัทก็แย่งกันซึ่งๆหน้าสิ ทำไมต้องหลอกให้ฉันรักคุณด้วย ทำไมคุณต้องหลอกฉัน”
“ผมไม่ได้ต้องการบริษัท ไม่ได้ต้องการตำแหน่งประธาน”
“งั้นคุณก็บอกมาสิว่าต้องการอะไรกันแน่”
บิวตี้ปวดตัวเป็นริ้วๆ ปาดน้ำตา
“ผมต้องการ...”
“โอ๊ยย” บิวตี้กอดตัวเองไว้แน่น ธีภพตกใจเข้ามากอดบิวตี้แน่น
“บิวตี้เป็นอะไร”
บิวตี้สะบัดตัวหนี “อย่ามายุ่งกับฉัน”
“อย่าสิบิวตี้ บอกผมว่าคุณเป็นอะไร”
“ออกไปนะ ฉันเกลียดคุณ”
“แต่ผมรักคุณนะบิวตี้ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับคุณ จะไม่มีวันที่ผมจะปล่อยคุณ”
บิวตี้น้ำตาไหลพราก “งั้นฉันไปเอง”
บิวตี้ยื้อต่อไปไม่ไหว พระอาทิตย์ลับฟ้าพอดี เกิดแสงสว่างวาบ บิวตี้แปลงร่างเป็นนกในอ้อมกอดของธีภพนั่นเอง
ธีภพตะลึงงัน มองนกบิวตี้ตรงหน้า ตาเบิกกว้าง “บิวตี้”
กรเทพตามเข้ามา เห็นธีภพออกอาการคล้ายช็อกสุดขีด มีนกหงส์หยกและเสื้อผ้าบิวตี้กองอยู่ที่พื้น ก็ยิ่งงุนงงสงสัย
“บิวตี้ล่ะ”
ธีภพไม่ตอบ นกบิวตี้บินออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้ธีภพมองตามไปอย่างไม่เชื่อสายตา และกรเทพซึ่งไม่รู้และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
บิวตี้หนีมาตามทางเดินหน้าห้อง น้ำตาไหลริน
นกบิวตี้บินหนีออกจากห้องทำงานธีภพไปแล้ว กรเทพมองไปทั่วห้องไม่เจอบิวตี้ก็แปลกใจมาก
“บิวตี้หายไปไหนครับ แล้วชุดบิวตี้ทำไมมาตกอยู่ที่นี่”
ธีภพตัดสินใจปิดบังให้บิวตี้ ตอบเนือยๆ “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
กรเทพมองไปยังหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ก่อนจะมองหาไปทั่วห้อง ธีภพยังคงช็อกไม่หาย ยืนเป็นหินอยู่ที่เดิม
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาร้อนใจเหลือเกิน ที่เห็นสถานการณ์ของบิวตี้ยิ่งแย่ลง ปรมะเทวีปรากฏกายขึ้นในจังหวะนี้
“มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ เหตุใดทุกอย่างจึงบิดผันไปหมด”
“ยังสรุปเช่นนั้นไม่ได้หรอก เรื่องทั้งหมดยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ขอให้อดทนเฝ้าดูด้วยใจสงบเถิด”
นางฟ้าลลิตา พยายามสงบใจตามที่องค์เทวีบอก แต่เหมือนจะไม่ได้ผล
ธีภพเข้าบ้านมาด้วยความงุนงงสับสนเรื่องของบิวตี้ ธนาถามอย่างร้อนใจโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าลูกชาย
“ชูชาติรายงานมาว่าธีไล่ผู้ช่วยของแพ็ตออก มีปัญหาอะไรล่ะ”
“เขาเอาดีไซน์ของบิวตี้ไปขายให้เจดการ์เม้นท์ครับ แต่เรื่องใหญ่กว่านั้นคือ เขาเป็นลูกของคุณวรงค์ ผู้ช่วยเก่าของพ่อ”
ภาวินีตกใจ “ตายจริง วรงค์ที่โดนไล่ออกเรื่องทุจริตแล้วฆ่าตัวตายใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับ ปีวราเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วแฝงตัวเข้ามาคอยหาทางแก้แค้นแทนพ่อ”
ธนาส่ายหน้า อย่างเศร้าใจ “วรงค์เล่นการพนันจนมีหนี้สิน เลยแก้ปัญหาผิดๆ ด้วยการยักยอกเงินบริษัท พ่อจำเป็นต้องให้ออก”
ภาวินีหันมาถามสามี “ทำไมลูกเขาถึงโกรธนักล่ะคะ พ่อไม่ได้แจ้งความด้วยซ้ำไป ตอนงานศพเราก็ยังช่วยเหลือเขา แม่จำได้”
ธนาเล่าให้ฟัง “เมียของวรงค์มาเรียกร้องให้เราช่วยเหลืออีกหลายครั้ง แต่พ่อไม่อยากจะให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นว่าทำความผิดแล้วยังได้รับการช่วยเหลือ เลยปฏิเสธไป” พูดแล้วก็ถอนใจ “เขาคงโกรธตรงนี้แหละ”
ภาวินีพลอยเศร้าไปด้วย “น่าสงสารลูกเขา คงจะโดนเป่าหูมาผิดๆ เวรกรรมจริงๆ”
ธีภพว้าวุ่นกลุ้มเรื่องบิวตี้เต็มที “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ภาวินีแปลกใจท่าทีลูกชาย “อ้าว ไม่กินข้าวก่อนหรือลูก”
“ไม่ครับ” ธีภพเดินออกไปเลย
ธนากับภาวินีมองหน้ากัน รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ภาวินีกุมมือธนาอย่างปลอบโยน
“เราไปสวดมนต์กันเถอะค่ะ”
ธีภพ มองหานกบิวตี้แต่ไม่เจอ สุดท้ายนั่งซึมคิดห่วงใยถึงบิวตี้
เจ้าเสือโคร่งบ่นบ้าของมัน “นาย รอบิวตี้เหรอ บิวตี้หายไปไหน ทำไมไม่มา”
ภาพเหตุการณ์ความผูกพันระหว่างเขากับบิวตี้ผุดขึ้นมาในห้วงคิดของธีภพเป็นระลอก ตั้งแต่สมัยวัย ธีภพกับบิวตี้เติบโตมาด้วยกัน
ธีภพเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับบิวตี้ ตอนอยู่ที่สปาคู่ฮันนีมูน สองคนควงคู่กันเดินเข้างานเลี้ยงต้อนรับเกรซ จนมาถึงเหตุการณ์ที่ท้องนา บิวตี้กลายร่างเป็นนกหงส์หยกไปต่อหน้าต่อตา
ยิ่งคิด ธีภพยิ่งฉงนฉงายหนัก รำพึงรำพันออกมา “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ บิวตี้ นี่คือความลับที่เธอปิดบังฉันใช่ไหม”
ธีภพนึกถึงตอนที่ตั้งชื่อให้นกว่าบิวตี้ เพราะมีท่าทางและนิสัยเหมือนบิวตี้ / นกบิวตี้โกรธเวลาเขาพูดถึงบิวตี้คน / นกบิวตี้สืบเรื่องที่โดนกลั่นแกล้งในโรงงาน
อีกหลายเหตุการณ์ แสดงความใกล้ชิดอ่อนหวานที่ธีภพและนกบิวตี้มีต่อกันผุดซ้อนขึ้นมาอีก
ทั้งตอน นกบิวตี้ซุกซบอกนอนด้วยกันทุกคืน / นกบิวตี้ ใกล้ชิดจนเห็นเรือนร่างเขาทุกสัดส่วน / นกบิวตี้น่ารักจนเขาอดจุ๊บไม่ได้ ธีหอมหน้าผากแก้มนก และ สุดท้ายนกหอมแก้มธีภพตอบ
ธีภพลูบหัวเสือโคร่ง “ฉันเคยว่าที่เธอหายไปตอนกลางคืน ที่แท้ เธออยู่กับฉันตลอดเวลานี่เอง”
เหตุการณ์ตอนก่อนที่บิวตี้จะเป็นลมเข้าโรงพยาบาลผุดขึ้นมาอีก
“ฉันอยู่กับคนที่ไว้ใจได้ยิ่งกว่าตัวนายซะอีก” และที่งานเลี้ยงต้อนรับเกรซ ตอนที่ธีภพพูดถึงนกบิวตี้ว่าสวย จนบิวตี้คนเขินหน้าแดง
“นกตัวนั้นคือบิวตี้ ฉันน่าจะรู้” ธีภพรำพึง
“น่านไง เสือนึกแล้วเชียว เฮ้อ มนุษย์นี่ รู้อะไรช๊าช้าแล้วยังคิดว่าตัวเองฉลาดอีก” เจ้าเสืออวดเก่ง
คืนนั้น นกบิวตี้จับเจ่าอยู่ในห้องที่บ้านแล้ว เอาแต่เศร้าซึม เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นกบิวตี้ในคราบบิวตี้คนน้ำตาไหล รำลึกถึงความอ่อนหวานที่ธีภพปฏิบัติต่อตัวเองตอนเป็นนกหงส์หยก
ในตอนที่ธีภพลูบตัวอย่างอ่อนโยน / ตอนบิวตี้หลบฝนอยู่ในซอกตึกเนื้อตัวหนาวสั่น ธีภพมาช่วยไว้ กอดอย่างอบอุ่น / ธีภพนอนกกกอดบิวตี้คนจนหลับไปด้วยกันทั้งคืน / ธีภพจูบหัวนกบิวตี้อย่างอ่อนหวาน สุดท้ายเป็นตอนถูกธีภพจูบ และนกบิวตี้ตอบ
คิดแล้วบิวตี้สะอื้นไห้ อย่างอาลัยอาวรณ์ “มันจะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว เขาคงรังเกียจที่เห็นฉันเป็นสัตว์ประหลาด”
บิวตี้ เช็ดน้ำตาแรงๆ
“ช่างประไร จะคิดยังไงกับฉันก็ช่าง ฉันไม่แคร์หรอก นายมันก็แค่คนโกหกหลอกลวง คนทรยศ” บิวตี้กลับร้องไห้ออกมาอีก “ฉันจะไม่เชื่อนายอีกแล้ว ฉันเกลียดนายเกลียด...ที่สุดในโลก”
ฝ่ายธีภพเองก็นอนไม่หลับ กำลังยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงมองออกไปไกล นึกสงสารบิวตี้จับหัวใจ
“เป็นนก คงลำบากมากสินะ”
ธีภพนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในวันที่บิวตี้กลับไม่ทันตอนเช้าแอบอยู่ในห้อง ธีภพรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ในห้องแล้วหลบลงระเบียง
เขามักเห็นบิวตี้มีท่าทางเจ็บปวดตอนเย็น แล้ววันที่กลับจากหัวหิน ก็หายตัวไปที่ส้วม ของปั๊มน้ำมัน เหลือไว้เพียงชุด / บิวตี้กระวนกระวายทุกยามเย็น ธีภพเอาแต่ดุและพูดประชด ว่าอยากเจอเจตน์ชาญ / บิวตี้มีรอยฟกช้ำตามแก้มตามตัว ธีภพบอกให้เลิกกับคนที่ทำร้ายซะ / บิวตี้เกือบเปลือยอยู่กับเจตน์ชาญ ถูกธีภพ ดุด่าว่าให้อย่างรุนแรง / บิวตี้ขอให้ธีภพ เชื่อ ย้ำว่าสักวันจะบอกความจริงแล้วธีภพจะเข้าใจ
ในที่สุดธีภพตัดสินใจเด็ดขาด บอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น
“ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ผมก็รักคุณอยู่ดี
ฟากอรวิภาในใจหมองเศร้า หงอยเหงา แต่ทำเป็นดูทีวีอยู่กับพ่อแม่ตามปกติ มีเสียงโทรศัพท์ดัง อรวิภาเห็นชื่อเจตน์ชาญโทร.เข้า เดินเลี่ยงมารับโทรศัพท์ เสียงห้วน
“โทรมาทำไม มีธุระอะไร”
“เปล่า แค่อยากรู้ว่าเลิกร้องไห้หรือยัง” เจตน์ชาญโทร.มาจากที่แห่งหนึ่ง
อรวิภาโวยวาย “นี่คุณ เลิกยุ่งกับฉันเสียทีได้ไหม แล้วก็ไม่ต้องโทร.มาอีก”
“ใจร้าย เวลาคุณเสียใจผมอุตส่าห์คุยเป็นเพื่อน ตอนนี้ผมเสียใจบ้างคุณกลับไม่ยอมฟัง”
“เสียใจเรื่องอะไร”
“ที่บริษัทมีปัญหา ผมต้องถอนตัวไม่ส่งงานคุณเกรซ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ผมไปเล่าให้คุณฟังพรุ่งนี้ได้ไหม ผมไม่รู้จะปรึกษาใคร”
“ไม่... ฉันไม่ว่าง”
เจตน์ชาญเสียงเศร้า “ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะไม่รบกวนอีก” เขาถอนใจยาว “ขอโทษที่ทำให้คุณรำคาญ คุณคงเบื่อหน้าผมเต็มทีแล้ว ลาก่อนครับ”
อรวิภาตกใจ “เดี๋ยว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น”
เจตน์ชาญเสียงใสทันควัน “งั้นก็หมายความว่าคุณว่างใช่ไหมครับ”
“แต่ฉันคุยกับคุณได้แป๊บเดียวตอน 11 โมงนะ”
“โอเคครับ พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะครับ”
อรวิภาปิดโทรศัพท์กลับมานั่งกับพ่อแม่
“คุณเจตน์โทรมาหรือจ๊ะ”
“ค่ะ ป่าป๊าขาคุณเจตน์เขาต้องถอนตัวไม่ส่งงานอ๊านตี้เกรซแล้วนะคะ”
อดิศักดิ์พยักหน้า “อ๋อ เขาบอกมาแล้วจ้ะ”
อรวิภาฉุน “อ๊า ไหนบอกว่ากลุ้มใจ ไม่รู้จะปรึกษาใคร”
เครือวรรณหัวเราะ “คุณเจตน์นี่น่ารักนะ เอาใจใส่คอยแหย่ คอยปลอบน้องอรตลอด”
“ป่าป๊าว่าเขาเหมาะกับลูกที่สุดแล้วตอนนี้”
“ป่าป๊าหม่ามี๊ขา น้องอรยังไม่อยากรีบตัดสินใจค่ะ ขอดูไปเรื่อยๆก่อน คราวนี้น้องอรขอเป็นคนเลือกเองได้ไหมคะ”
อดิศักดิ์ เครือวรรณ แอบมองหน้ากันยิ้มๆ
เช้านี้บิวตี้หน้าเศร้าหมอง ตาบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก กลับจากใส่บาตรเข้ามากับป้าจัน ศรีนวล
บิวตี้ชะงักเห็นธีภพ ที่สภาพเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน มายืนรออยู่
“ขอคุยด้วยหน่อย ได้ไหม”
คนอื่นสะกิดกันรีบหลบไป บิวตี้จะเดินหนีเข้าบ้าน
ธีภพคว้ามือบิวตี้ไว้ “เราต้องคุยกันให้เข้าใจ”
บิวตี้พยายามสะบัด “ปล่อย ไม่งั้นฉันจะกัดหัวให้หลุดกระเด็นเลย คุณก็รู้นี่ว่าฉันเป็นสัตว์ประหลาด ไม่กลัวหรือไง”
“จะกลัวไปทำไม ในเมื่อคุณคือบิวตี้ของผม”
บิวตี้อึ้ง เผลอสบตากับเขา ธีภพดึงบิวตี้เข้ามากอด
บิวตี้ผลักออก “ฉันไม่ใช่บิวตี้ของคุณ ฉันเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งสัตว์คุณก็รู้นี่”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร คุณก็เป็นผู้หญิงที่ผมรักอยู่ดี”
“จะหลอกอะไรฉันอีกล่ะ ฉันไม่เชื่อคุณอีกต่อไปแล้ว” บิวตี้น้ำตาคลอ “คุณแค่หลอกให้ฉันรักให้ฉันหลงคุณ คุณจะได้เอาบริษัทของพ่อไป”
“ผมยอมรับว่าผมหลอกคุณเรื่องบริษัท แต่ผมไม่เคยหลอกว่ารักคุณนะบิวตี้ ผมรักคุณจริงๆ เรื่องระหว่างเราเป็นความจริง ไม่ใช่การหลอกลวง”
“ฉันไม่เชื่อ คุณร่วมมือกับอากรจะฮุบบริษัท ฉันเกลียดคุณ เกลียด เกลียดที่สุด” บิวตี้ถอนสะอื้น
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด อากรกับผมไม่ได้วางแผนจะแย่งบริษัทจากคุณ แต่เราวางแผนให้คุณยอมมาฝึกงาน แล้วรับตำแหน่งประธานบริษัทต่างหาก”
“ไม่จริง ฉันได้ยินอากรกับคุณพูดว่า คนที่จะแย่งบริษัทของฉันไปคือคุณ”
“คุณตีความผิดแล้ว ทีแรกอากรขอร้องให้คุณมาทำงานยังไงคุณก็ไม่ยอม อากรกับผมเลยคิดกันว่าถ้าเราหลอกว่ามีคนจะแย่งบริษัทของพ่อคุณ บางทีคุณอาจจะกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง”
บิวตี้นึกทบทวนหวนย้อน ถึงตอนที่ปฏิเสธกรเทพจะไม่ยอมฝึกงาน จนมาถึงตอนนกบิวตี้ได้ยินกรเทพพูดโทรศัพท์กับใครบางคน แล้วทำให้เข้าใจว่ากรเทพทรยศ
“แต่อยู่ๆ คุณก็มาขอให้ผมฝึกงานให้”
“เพราะฉันได้ยินอากรพูดโทรศัพท์กับคนที่ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณน่ะสิ”
“เพราะอย่างนั้น เราเลยไม่ได้ทำตามแผน ผมสอนงานคุณโดยมีอากรเป็นแบ็คอัพอยู่ข้างหลัง”
“แล้วเรื่องอากรกับเจตน์ชาญล่ะ อย่ามาโกหกว่าวางแผนหลอกฉันข้ามบริษัทนะ ฉันไม่เชื่อหรอก”
“สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้า ขอให้ธนบวร กับเจดการ์เม้นท์ ทดลองทำโครงการ collaborate ร่วมมือกัน แต่ผมไม่ค่อยอยากคุยกับนายเจตน์ ก็เลยให้อากรประสานงานไปคนเดียว”
“แล้วทำไมเวลาฉันปรึกษาคุณ คุณถึงไม่ชี้แจงว่าอากรไม่ได้ทำ”
“คุณก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าอากรกับเจตน์ชาญ ร่วมมือกันฮุบบริษัท ผมก็เลยปล่อยให้คุณเชื่ออย่างงั้น ถือเป็นการฝึกงานขั้นสุดท้าย ว่าคุณจะจัดการแก้ไขยังไงถ้าเจอปัญหานี้”
บิวตี้แค้น “สนุกมากใช่มั้ย”
“ไม่สนุกเลย ผมรู้ว่าคุณจะต้องโกรธมากถึงได้ชวนให้คุณไปคุยกับอากรตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็เกิดเรื่องก่อน”
“เกิดเรื่องก็ดีแล้ว ทุกอย่างมันจะได้จบกันไปเสียที ต่อไปนี้คุณ กับฉัน ไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีก”
ธีภพเสียใจ “นี่คุณไม่เชื่อที่ผมพูดเลยหรือ”
“ฉันไม่ไว้ใจใครอีกต่อไปแล้ว และจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกอีกเป็นครั้งที่สอง กลับไปซะ”
บิวตี้สะบัดตัวเดินเข้าบ้านไป ธีภพผิดหวังมาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
ณ แดนสรวง สองนางฟ้าดูบิวตี้กับธีภพในจอภาพ
นางฟ้าลลิตาสบตากับปรมะเทวีอย่างสิ้นหวัง “นางคงลืมเรื่องแก้คำสาปไปเสียแล้ว”
“นางกลัวการหลอกลวง ไม่จริงใจ จนหวาดระแวงไม่กล้าเชื่อใจใคร”
“หากก้าวข้ามตรงนี้ไม่ได้ นางคงต้องเป็นนกตลอดไป”
“เช่นนี้เองที่ว่าทิฐิมานะคือความล่มสลายของชีวิต”
นางฟ้าลลิตาท้อแท้ไม่รู้จะช่วยบิวตี้อย่างไร
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
ที่ห้องทำงานบ้านบิวตี้ในเวลานี้ บิวตี้นั่งหน้าเครียด ตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ มีป้าจัน ศรีนวล พร ช่วย ส้มเช้งออกไปข้างนอก
ป้าจันเห็นบิวตี้เครียดเลยเอ่ยขึ้น “คุณหนูไปพักผ่อนเถอะค่ะ ทางนี้พวกเราทำกันไปพลางๆ ได้”
“ไม่เป็นไร ฉันเหลวไหลมามากแล้ว ต้องฝากผลงานนี้ไว้ให้บริษัทของคุณพ่อให้ได้”
ส้มเช้งเข้ามา ตรงไปหาบิวตี้
“คุณบิวตี้ขามีคนอยากช่วยงานค่ะเขาฝีมือดี แต่ไม่กล้าเข้ามากลัวคุณบิวตี้โกรธ”
“ฉันไม่มีเวลาโกรธใครทั้งนั้น อยากจะทำก็เข้ามา” บิวตี้ก้มหน้าก้มตาทำงาน
คนที่ตามเข้ามาคือกระตั้ว ที่ดูประหม่า หวั่นใจกลัวโดนด่า
กระตั้วนั่งพับเพียบ ไหว้ “คุณบิวตี้ขา กระตั้วไม่รู้ ไม่เห็น กับยายปีวราเลยนะคะกระตั้ว ขอโทษค่ะ” เกย์ล่ำก้ามปูทำท่าจะกราบ
บิวตี้ตกใจรีบดึงกระตั้วขึ้น “ไม่ต้อง ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำ”
กระตั้วซึ้ง ร้องไห้ออกมา “คุณบิวตี้เชื่อกระตั้ว ทั้งๆ ที่กระตั้วเคยแกล้งคุณบิวตี้ สารพัด”
“ช่างเถอะ ฉันรู้ว่าเธอทำเพราะแพ็ตสั่ง แต่เธอไม่ได้ทรยศบริษัท ก็พอแล้ว”
“คุณบิวตี้ทั้งสวยและแสนดี ไม่เห็นร้ายเหมือนที่ใครๆ เขาเม้าท์กันเลยค่ะ”
บิวตี้หมั่นไส้ “พอแล้ว ไม่ต้องประจบฉันหรอก จะมาช่วยก็ลงมือเลยดีกว่า”
“ได้เลยค่ะ” กระตั้วหันมาทางป้าจัน “คุณป้าขากระตั้วสอยให้ค่ะ รับรองฝีเข็มเนียนเรียบเนี้ยบกริ๊บ”
“ขอบใจนะจ๊ะพ่อคุณ”
กระตั้วกรี๊ด “ว้าย เรียกแม่คุณเถอะค่า”
กลายเป็นกระตั้วมาช่วยสร้างรอยยิ้มให้ทุกคน การทำงานดูกระตือรือร้นขึ้น
ฝรั่งหยุดอยู่ที่ประตู “คุณบิวตี้ครับ คุณกรเทพมาขอพบครับ”
บิวตี้หยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อกรเทพ ตัดสินใจว่าควรจะพบหรือไม่
กรเทพนั่งรอบิวตี้อยู่ในห้องรับแขก อย่างกังวลใจ
บิวตี้เข้ามา ไหว้ทักท่าทีหมางเมิน “อามีธุระอะไรหรือคะ”
“ธีเล่าให้อาฟังหมดแล้ว อาเสียใจที่ทำให้บิวตี้รู้สึกเหมือนถูกหลอก”
“บิวตี้เชื่อตามที่เห็นและได้ยินค่ะ”
“อายืนยันว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอากับธีภพต้องการแย่งสิ่งที่พี่บวรยกให้หนู เราแค่ต้องการสอนให้หนูเป็นประธานบริษัทที่แกร่งพอจะทำให้ธนบวรก้าวหน้าต่อไป อาขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริง” กรเทพวางเอกสารลงตรงหน้าบิวตี้ “นี่เป็นเอกสารการจดทะเบียนบริษัทใหม่”
“บริษัทใหม่ของอาหรือคะ”
“ไม่ใช่ของอา บริษัทที่ถนนบางนาตราด มันเป็นชื่อของบิวตี้” พลางส่งเอกสารให้ดู
บิวตี้แปลกใจ สงสัย “แล้วทำไมต้องปิดเป็นความลับด้วยคะ ทำไมอาไม่บอกบิวตี้”
“เพราะตอนนั้นธนบวรกำลังมีปัญหา งานของบิวตี้ไม่ใช่ชิ้นแรกที่ถูกขโมย เราเสียลูกค้ากับพื้นที่การตลาดไปมาก ธีกับอาเลยต้องสร้างบริษัทใหม่เพื่อช่วยแย่งพื้นที่การตลาด ที่ต้องปกปิดเพราะไม่อยากให้คู่แข่งรู้ว่าเป็นของธนบวร ไม่อย่างงั้น มันจะมารุมโจมตีบริษัทใหม่ก่อนที่เราจะตั้งตัวติด ขนาดไม่รู้ยังมี
ปัญหาโดนแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน”
“แล้วที่อาบอกว่าจะเอาแบบเสื้อของบิวตี้ไปก๊อปปี้ล่ะคะ”
“นี่บิวตี้แอบฟังอาคุยโทรศัพท์เหรอ”
“เปล่าค่ะ บิวตี้บังเอิญได้ยิน”
“แบรนด์ใหม่ของโรงงานบิวตี้ ชื่อลัลลาลิต้า เราจะเอาแบบของดีไซเนอร์ธนบวรอย่างของบิวตี้มาปรับ แล้วใช้วัสดุถูกลง สำหรับวัยรุ่นหรือคนเริ่มทำงาน”
บิวตี้อึ้ง เสียใจ รู้สึกผิด “นี่แสดงว่า บิวตี้เข้าใจอากรผิดทั้งหมด บิวตี้ขอโทษค่ะ” บิวตี้ก้มลงกราบที่เข่าของกรเทพ สะอื้นไห้
กรเทพลูบผมบิวตี้ท่าทีอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก นี่แสดงว่าบิวตี้รักธนบวรมาก อาดีใจนะที่การเข้าใจผิดทำให้หนูเข้ามาฝึกงาน แล้วทำได้ดีเสียด้วย เก่งมาก”
“อาไม่โกรธบิวตี้หรือคะ บิวตี้ทำเลวกับอาทั้งๆ ที่อาดีกับบิวตี้”
“ไม่โกรธหรอก บิวตี้นั่นแหละหายโกรธอากับธีหรือยัง”
“บิวตี้ไม่โกรธอาหรอกค่ะ ถ้าจะโกรธก็โกรธนายธีมากกว่า บิวตี้ไม่อยากเห็นหน้านายธีอีก”
“ธีภพเขาหวังดีกับหนูและบริษัทของเรานะ ถ้าจะโทษ ก็โทษอาเถอะ เพราะมันเป็นความคิดของอาเอง”
“คุณอาอย่าแก้ตัวแทนนายธีเลยค่ะ”
“อาไม่ได้แก้ตัวให้ธี ทั้งหมดเป็นไอเดียของอา” กรเทพเล่าเรื่องที่เขาวางแผน โดยบอกธีภพไปว่าให้ทำตามแผนสองเลย “แผนสองคือสร้างเรื่องให้หนูเข้าใจว่าจะมีคนแย่งบริษัทไปจากหนู อาจะให้ธีเล่นบทคนโกงส่วนอาจะสอนให้หนูสู้กับเขาเอง แต่แล้วเมื่อหนูสงสัยอา อาก็เลยเล่นบทคนโกงแทนนายธี”
“คุณอาบอกบิวตี้ดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องสร้างแผนอะไรขนาดนี้เลย”
“ก็อาบอกแล้วบิวตี้เคยฟังมั้ยล่ะ...บิวตี้ ชีวิตคนเรามันสั้นนิดเดียวนะ ดูแม่ของแพ็ตสิ ได้เห็นหน้าลูกไม่กี่นาทีก็จากกันแล้ว อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดครั้งเดียว มาทำลายความสุขของหนูไปตลอดชีวิตเลยนะ ให้อภัยธีภพเถอะแล้วใช้ชีวิตร่วมกับคนที่หนูรักให้คุ้มค่าที่สุด จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเหมือนกับอา”
“ค่ะอา บิวตี้จะลองคุยกับนายธี แต่อาก็ต้องคุยกับแพ็ตด้วยนะคะ แพ็ตเขาชอบคิดว่าอารักบิวตี้มากกว่ารักเขา”
“แพ็ตชอบคิดเอาเอง เขาไม่เคยฟังอาหรอก”
“ชีวิตคนเรามันสั้นนิดเดียว ไม่ใช่หรือคะอา” บิวตี้ยิ้มให้กำลังใจ
กรเทพถอนใจ พยักหน้ารับ “ก็ได้ อาจะลองพยายามคุยกับแพ็ตดู”
ฝ่ายเจตน์ชาญนั่งมองอรวิภาฉีดเติมน้ำให้ดอกไม้
“นี่คุณ งานการเยอะแยะ ทำไมไม่ไปทำ”
“ขาดผมไปคน พนักงานของผมเขาก็ทำงานกันไปได้ แต่คุณขาดผมไปคงลำบาก”
“นี่ มันจะมากไปแล้วนะ”
“ผมพูดจริง ถ้าผมไม่มาคอยแหย่ ป่านนี้ร้องไห้น้ำตาท่วมร้านไปแล้ว”
“คนบ้า ปากไม่ดี” อรวิภาฉุนปนหมั่นไส้ สาดน้ำในมือใส่เขา เจตน์ชาญหน้าเปียก เสื้อเปียก
“อุ๊ย ฉันไม่ได้ตั้งใจ” อรวิภารีบหยิบกระดาษ เช็ดหน้า เช็ดเสื้อให้เจตน์ “ขอโทษนะ”
เจตน์ชาญปล่อยให้อรวิภาเช็ดหน้าให้ “สบายใจหรือยัง”
“คุณไม่น่ายั่วฉันเลย ฉันไม่เคยทำกับใครแบบนี้เลยนะ”
“นับว่าเป็นเกียรติอย่ายิ่ง ไงครับ ได้ปลดปล่อยความโกรธออกมาบ้าง รู้สึกดีไหม”
“สะใจมากเลยล่ะ” อรวิภาหัวเราะ
เจตน์ชาญมองจ้องเอาๆ “เวลาคุณหัวเราะ น่ารักมากเลยนะ”
“เดี๋ยวสาดอีกซะเลย” อรวิภาหัวเราะ
เจตน์ชาญจ้องมองอรวิภาตาหวานฉ่ำ
เย็นนั้นพักตร์พิมลนั่งอ่านข้อความจากไอแพ็ด กรเทพ ถือรูปแม่แพ็ต มานั่งข้างๆ
“แพ็ตรู้ไหม ว่าพ่อกลัวอะไรที่สุดในชีวิต”
พักตร์พิมลแปลกใจนิดๆ มองพ่ออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ทราบสิคะ กลัวบิวตี้ไม่รักมั้ง”
“บิวตี้เป็นแค่หลาน ถึงจะรักมากแค่ไหนก็คงไม่เท่ารักลูก”
พักตร์พิมลเงียบไป มองหน้าพ่อ ทำเฉยเมย “เหรอคะ ไม่เห็นเคยรู้เลย”
“สิ่งที่พ่อกลัวมากที่สุดคือกลัวคนที่พ่อรักจะจากไป เหมือนที่พ่อเคยสูญเสียแม่ของลูก”
พักตร์พิมลอึ้งไป “พ่อรักแม่มากใช่ไหมคะ”
“ยิ่งกว่าชีวิตของพ่อ พ่อถึงเสียใจที่ช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลย”
“พ่อโกรธแพ็ตใช่ไหมคะ ที่แพ็ตทำให้แม่ตาย”
“เปล่าเลย มันไม่ใช่ความผิดของแพ็ต แม่มีอาการหัวใจวายเฉียบพลันแบบที่ไม่มีที่ไม่มีใครคาดคิด”
“ถ้ามันไม่ใช่ความผิดของแพ็ต แล้วทำไม พ่อถึงไม่อยากเห็นหน้าแพ็ตคะ”
กรเทพตกใจ “ใครบอกแพ็ต”
“พี่เลี้ยง เขาบอกทุกครั้งที่แพ็ตดื้อว่าไม่มีใครรักแพ็ตแม้แต่พ่อก็ไม่อยากเห็นหน้า” พักตร์พิมลปล่อยโฮ
“ไม่จริง” กรเทพกอดพักตร์พิมล “พ่อรักแพ็ตที่สุด แต่แพ็ตเหมือนแม่มาก มากจนพ่อกลัวว่าจะเสียแพ็ตไปอีกคน พ่อทนไม่ได้”
พ่อลูกกอดกันร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่เปิดใจให้กัน
ธีภพเฝ้าคอยการมาของนกบิวตี้ ผิดหวังท้อแท้ เจ้าเสือเดินมานอนใกล้ๆ เหมือนจะปลอบใจ
“เฮ้อ เสือคิดถึงบิวตี้จัง นายก็คิดถึงเหมือนกันใช่ม้า”
“แกรู้มั้ย บิวตี้เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากเห็นหน้าฉันอีกแล้ว”
ธีภพถอนใจ มองหานกบิวตี้ ส่วนที่หลังพุ่มไม้ นกบิวตี้ซ่อนตัวอยู่ แอบมองธีภพ น้ำตานองหน้า
สองนางฟ้ามองดูบิวตี้จากแดนสรวง
“เหลือเวลาอีกเพียง 3 วัน หากนางยังไม่ได้รับจุมพิตจากชายที่นางรักยิ่งกว่าชีวิต นางจะต้องกลายเป็นนกตลอดไป” ปรเทวีกล่าว
“เราจะทำยังไงให้นางหายโกรธธีภพคะ ถ้านางยังไม่ละทิฐิ นางจะแก้ไขคำสาปข้อสุดท้ายนี้ได้อย่างไร”
ปรมะเทวียืนสงบนิ่งไม่ตอบคำถามของนางฟ้าลลิตา
ตอนเช้าขณะบิวตี้กลับจากทำบุญ ใส่บาตร
ป้าจันเอาที่กรวดน้ำมาให้ “คุณหนู กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ให้พ่อแม่ด้วยนะคะ”
“จ้ะป้า”
“คุณบิวตี้ ช่วยกรวดให้คนในบริษัทที่เคยมีเวรมีกรรมต่อกันด้วยนะคะ” ศรีนวลแนะ
“จริงด้วยสิ ต้องขออโหสิคนที่ฉันเคยไล่ออกทุกคนด้วย แต่ไม่รู้จะจำได้หมดหรือเปล่า ฉันนี่แย่จริงๆ นะ”
ศรีนวลยิ้มชื่น “แค่คุณรู้สึกเสียใจ ก็เป็นบุญแล้วค่ะ”
บิวตี้กรวดน้ำ พอกรวดน้ำเสร็จ บิวตี้หยิบจี้วัดความดีขึ้นมาดู
“พ่อจ๋าแม่จ๋า อีก 2 วัน บิวตี้จะกลายเป็นนกไปตลอดชีวิตแล้ว บิวตี้กลัว”
พักตร์พิมลมาหา ท่าทางสงบเย็นขึ้นผิดตา
“บิวตี้ ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
พักตร์พิมลนั่งที่เก้าอี้หน้าบิวตี้ “ได้ข่าวว่าโกรธพ่อกับพี่ธีเหรอ”
“ฉันเข้าใจว่าอากรทำไปเพราะตั้งใจดี แต่นายธี ..เขาจงใจหลอกลวงฉัน”
“เชื่อไหมว่าฉันเพิ่งรู้เรื่องโรงงานใหม่ ทีหลังเธออีก ฉันสมควรโกรธกว่าเธอไหม”
“เธอยังไม่คืนดีกับอากรอีกเหรอ”
“ดีกันแล้ว พ่อเปิดใจพูดทุกอย่าง ทำให้ฉันเข้าใจว่าพ่อรักฉัน เสียดายเวลาที่เอาแต่โกรธพ่อมาตลอด” พักตร์พิมลกลั้นน้ำตา “น่าจะคุยกันมาตั้งนานแล้ว ขอบใจมากนะบิวตี้ ที่บอกให้พ่อมาพูดกับฉัน”
พักตร์พิมลจับมือบิวตี้ ล้วกอดกันเงอะๆ งะๆ ต่างคนต่างไม่เคยชินในเบื้องแรก แล้วสุดท้ายกลายเป็นความอบอุ่นตามมา
“พี่ ขอโทษที่พาล เอาความโกรธมาลงกับบิวตี้”
“บิวตี้ต่างหาก ต้องขอโทษที่ทำไม่ดีกับพี่แพ็ต”
ทั้งสองคนกอดกันแน่น ต่างคนต่างน้ำตาไหล
พักตร์พิมลคลายอ้อมกอด “พี่ลบคลิปทิ้งหมดแล้วนะ สัญญาว่าจะไม่บอกใครด้วย” แล้วเช็ดน้ำตา “บิวตี้ไปคุยกับพี่ธีซะนะ”
“ไม่มีอะไรต้องคุยอีกแล้ว เรื่องบิวตี้เป็นสัตว์ประหลาดเขาก็รู้แล้วด้วย”
“หา บิวตี้บอกเขาเหรอ”
“เปล่า เขาเห็นเอง”
“แล้วเขาว่าไงอ่ะ”
“เขาบอกว่าเป็นอะไรก็ไม่สำคัญ เขายัง...รู้สึกเหมือนเดิม แต่ก็คงหลอกตามเคยน่ะแหละ”
“บ้า เขาพูดถึงขนาดนั้นแล้วยังจะดื้ออีก ทิฐิน่ะ แบกไว้ทำไมมันหนักออกจะตาย ปลดมันออกไปซะแล้วจะเบาสบายเหมือนพี่ ดูตัวเองบ้างรึเปล่าว่าแค่โกรธกันไม่กี่วัน โทรมลงขนาดไหน”
“หา โทรมเหรอ” บิวตี้รีบหยิบกระจกมาส่องดู
พักตร์พิมลหัวเราะขัน “พี่ธีก็พอกันหน้าซีด ตาลอยเหมือนปลานึ่งเลย พี่โทร.เรียกพี่ธีมาหานะ” พลางทำท่าจะกดโทร.
“อย่าเพิ่ง ไม่รู้ว่าคุยแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าเสียใจเดี๋ยวทำงานไม่เสร็จ ขอคุยหลังส่งงานเกรซนะ อีกวันเดียวเอง”
“ก็ได้ รออีกวันเดียวคงไม่เป็นไร มีงานอะไรให้พี่ช่วยบ้างล่ะ”
บิวตี้ยิ้มสดใส “ดีเลย พี่แพ็ตช่วยดูให้หน่อยว่ายังต้องแก้อะไรอีกบ้าง”
สองสาวเดินเข้าบ้านด้วยกัน บิวตี้โอบกอดพักตร์พิมลเดินคลอเคลียแบบน้องสาวขี้ประจบ
ทุกคนเร่งงานกันแทบไม่ได้พัก ดูสามัคคีกลมเกลียว บิวตี้เงยหน้ามองอย่างชื่นใจที่ทุกคนร่วมมือช่วยกันอย่างขันแข็ง แม้แต่องุ่นก็ช่วยหยิบของ
แลเห็นชุดที่เสร็จแล้วอยู่บนหุ่น พักตร์พิมลกับบิวตี้ยืนดูชุดแล้ววิจารณ์กัน พักตร์พิมลมีข้อแนะนำที่น่าสนใจ ชุดที่เสร็จถูกจัดเก็บไว้ที่ราวอย่างระมัดระวัง ราวจะเต็มอยู่แล้ว
เวลาผ่านไป ชุดสุดท้ายขึ้นแขวนบนราว ทุกคนดีใจ กอดกันอย่างร่าเริงยินดี บรรยากาศชื่นมื่น
จังหวะนี้ บิวตี้แปลงร่างเป็นนกหงส์หยกต่อหน้าทุกๆ คน
ส่วนธีภพอยู่ที่บ้าน มองหาบิวตี้อย่างเหงาหงอย นกบิวตี้แอบมองธีภพอยู่ บอกกับตัวเอง
“พรุ่งนี้ หลังส่งงานเกรซ เราจะคุยกันนะ ฉันจะให้อภัยนายแล้วก็บอกรักนาย ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นนกตลอดไป”
งานแฟชั่นโชว์ถูกจัดขึ้นตอนบ่ายวันนี้ ในโรงแรมหรู ทุกคนทยอยมาให้เกียรติ เกรซ และบิวตี้ที่ทำเพื่อธนบวร ป้าจัน ป้าศรีนวล ส้มเช้ง พร ฝรั่ง องุ่น มาด้วย หมู่มวลตื่นเต้นกันมากๆ ไม่เคยออกงานหรู
ป้าจันเกรงใจ “คุณหนูขา พวกเรารออยู่ข้างนอกก็ได้นะคะ”
“ไม่ได้จ้ะ งานนี้เป็นฝีมือของทุกคน ต้องเข้าไปด้วยกันสิจ๊ะ”
พักตร์พิมลโอบบ่าบิวตี้ “รู้ตัวไหมว่าบิวตี้เปลี่ยนไปมากนะ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นหัวใครเลย”
“เพราะทุกคนช่วยกันสอนบิวตี้ไง” บิวตี้ยิ้มให้พักตร์พิมล กระตั้วและคนในบ้านทุกคน
มองไกลออกไปสายตาของบิวตี้ประสานกับสายตาของธีภพที่มองมา ธีภพเดินมาหาบิวตี้
“ผมมั่นใจว่าทุกคนจะต้องประทับใจงานของคุณ”
“ขอตั้งใจกับงานก่อนนะคะ เสร็จงานแล้วค่อยคุยกันนะ”
ธีภพถอนใจ เศร้า “ครับ”
พักตร์พิมลเย้า “หายงอนกันได้แล้วคู่เนี้ย”
จังหวะนี้มีสายตาใครบางคนแอบมองอยู่
เกรซ มาถึง มีเลขาเกรซตามมาด้วย ทุกคนต้อนรับอย่างให้เกียรติ
เกรซบอกกับบิวตี้ “หวังว่าสิ่งที่จะได้ดู คงไม่ทำให้ฉันเสียเวลาบินกลับไปกลับมานะ”
“งานครั้งนี้ใส่จิตวิญญาณของธนบวรทุกส่วนลงไป” บิวตี้ผายมือไปทางคนช่วยงานทุกคน “จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ค่ะ”
เกรซยิ้มเยาะ “ถึงเจดการ์เม้นท์จะขอถอนตัว แต่ไม่ใช่ฉันจะเลือกคุณเพราะไม่มีคู่แข่ง หรือเลือกเพราะ” พลางปรายตามองทุกคน “สงสารหรอกนะ”
ทุกคนอึ้ง ฉุนเกรซ
“เริ่มงานได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลา” เกรซเดินไปนั่ง
ธนา ภาวินี รีบเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
ภาวินีบอกกับบิวตี้ “ขอโทษนะลูกรถติดมาก”
ธนากับภาวินีลงนั่ง ทักทายเกรซ ปีวราแอบมองอยู่
ไฟในฮอลล์ดับลง ไฟฟอลโลว์เดินแบบสว่าง นางแบบคนแรกเดินออกมา เกรซและทุกคนปรบมือ
นางแบบคนแรกเดินเข้าไป คนที่สองเดินออกมา แต่คนที่สองคือปีวรา ในชุดที่ไม่ใช่ชุดเดินแบบ
ธีภพ บิวตี้ พักตร์พิมล และ กระตั้ว ทุกคนตกใจ ร้องอุทาน
“ปีวรา”
เกรซตกใจ “เกิดอะไรขึ้น”
ปีวราเดินพุ่งมาหาธนา เมื่อใกล้ถึงธนา จึงเอามือล้วงปืนออกมา มุ่งปลายกระบอกไปทางธนา ล็อกตัวธนาไว้
“ไอ้ฆาตกร” ปีวราจ่อปืนใส่ธนา
บิวตี้ พักตร์พิมล และกระตั้วร้องลั่น “ปีวรา อย่า”
“ปี ใจเย็นๆ นะ อย่าทำอะไรรุนแรงเลย” พักตร์พิมลโน้มน้าว
เกรซตกใจ “นี่มันอะไรกัน”
“หุบปาก” ปีวราบอกกับเกรซ “เชิญเป็นพยาน พิธีส่งวิญญาณฆาตกรที่ฆ่าพ่อฉันไปลงนรก”
“เรื่องที่พ่อคุณตาย ไม่เกี่ยวกับพ่อผมนะ คุณเข้าใจผิดนะปีวรา” ธีภพบอก
“ตอนนั้นฉันต้องทำตามกฎ พ่อเธอทำผิด ก็ต้องให้ออก” ธนาว่า
“หุบปากนะไอ้แก่ พ่อฉันเป็นคนดี พวกแกใส่ร้ายพ่อฉัน”
“หนู ค่อยๆ พูดกันก็ได้” กรเทพปลอบ
ธีภพพยายามพูดให้ปีวราใจเย็น “ปีวรา คุณจะฆ่าคนให้ติดคุกติดตะรางไปทำไมกัน ไม่เห็นจะคุ้มเลยสักนิด”
ธีภพขยับเข้าใกล้ปีวรา หมายจะเอาปืนออกจากมือ
“คุ้มสิ คุ้มจะตาย ในเมื่อพวกแกทำลายชีวิตฉัน ทำให้ฉันต้องฝันร้ายมาตั้งแต่เด็ก แล้วตอนนี้พวกแกก็จะฟ้องร้องฉันให้หมดอนาคต ฉันก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่”
“อย่าถึงขนาดต้องฆ่ากันเลย วางปืนก่อนเถอะ” ธีภพจะเข้าไป
ปีวราตวาด “อย่าเข้ามานะ ฉันต้องการชีวิตของคนที่ทำให้พ่อฉันตาย ฉันต้องการเห็นธนบวรพินาศ” ปีวราจ้องธีภพยิ้มเยาะ “ฉันเห็นพ่อฉันตายยังไง” แล้วหันมาทางธนา “แกก็จะได้เห็นคนแกรักตายไปต่อหน้า อย่างที่ฉันเคยเห็น”
ปีวราตวัดปืนไปทางธีภพ เหนี่ยวไก ปืนลั่นเปรี้ยง บิวตี้เอาตัวเข้าขวางธีภพ คนทั้งงานกรีดร้อง
บิวตี้ทรุดลงในอ้อมกอดของธีภพ กรเทพเข้าไปชาร์จปืนไว้ ผลักปีวราล้ม
ฝรั่ง กับกระตั้วช่วยจับปีวรา ล็อกไว้ได้ รปภ.2 คน มาลากปีวราออกไป ปีวราหัวเราะสะใจบ้าคลั่ง ภาวินี ธนา ป้าจัน พร แพ็ต ศรีนวล ส้มเช้ง มาประคองบิวตี้ที่โดนยิงไว้
ธีภพกอดบิวตี้แน่น “บิวตี้ บิวตี้ ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที”
“แพ็ตเองค่ะ”
ทุกคนวุ่นวายปั่นป่วนกันไปหมด
“พี่ธี ปลอดภัยใช่ไหม” บิวตี้รวบรวมแรงถาม
“พี่ไม่เป็นไร บิวตี้ทำแบบนี้ทำไม ถ้าบิวตี้เป็นอะไรไปพี่จะอยู่ได้ยังไง”
“บิวตี้รักพี่ธียิ่งกว่าชีวิต จริงๆ ด้วย” บิวตี้ยิ้มให้ธีภพแล้วสลบไป
ธีภพกอดบิวตี้แน่น ตกใจแทบสิ้นสติ “บิวตี้ บิวตี้”
บิวตี้สลบแน่นิ่งไป
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตากรีดร้องร่ำไห้ รันทดในโชคชะตาของบิวตี้
“ลูกรักของแม่ แม่ช่วยลูกไม่ได้ แม่ช่วยลูกไม่ได้”
ปรมะเทวีโอบกอด ปลอบใจ “สงบใจเถิดท่าน การคร่ำครวญขาดสติ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เราทำเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่อาจฝืนชะตาที่ลิขิตไว้” ส่วนเทวีเองก็ร้องไห้เช่นกัน “อีกไม่ช้าคงจะได้พบลัลน์ลลิต ที่นี่”
นางฟ้าลลิตาร่ำไห้ ปรมะเทวีก็น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกผูกพัน เสียใจที่ไม่อาจช่วยบิวตี้ได้
อดิศักดิ์กลับจากทำงาน แปลกใจเห็นอรวิภาอยู่บ้าน
“อ้าว อร ไม่ไปกับอ๊านตี้เกรซเหรอ”
“ไม่ค่ะ น้องอรยังไม่อยากเผชิญหน้ากับ...ใครๆ”
อดิศักดิ์สงสาร “ยังตัดใจจากนายธีไม่ได้อีกเหรอ”
“แหม มันก็ต้องใช้เวลาหน่อยสิคะคุณ” เครือวรรณบอก
“อรยังไม่อยากวุ่วายใจค่ะ ขออยู่ห่างๆก่อนดีกว่า”
“ดีแล้วลูก” โทรศัพท์จากเกรซเข้ามา อดิศักดิ์รับสาย
“เฮลโล เลดี้...” เจ้าสัวฟัง ท่าทีตกใจ “ว่าไงนะ ที่ไหน เป็นอะไรมากหรือเปล่าโอเคๆ คุณปลอดภัยนะ เดี๋ยวผมจะไปหา”
เครือวรรณตกใจ “ใครเป็นอะไรคะป่าป๊า”
“บิวตี้ถูกยิง ในงานแฟชั่นโชว์ของเกรซ”
“ว้าย ตายแล้ว”
“พี่บิวตี้เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
อดิศักดิ์เสียงเครียด “เห็นว่าสาหัส”
“ว้าย สงสารพี่บิวตี้จังเลยค่ะ ป่าป๊าขา น้องอรขอไปเยี่ยมพี่บิวตี้นะ”
อดิศักดิ์กับเครือวรรณมองหน้าหารือกัน โทรศัพท์จากเจตน์ชาญเข้ามือถืออรวิภาพอดี
“คุณรู้เรื่องคุณบิวตี้หรือยัง เดี๋ยวผมไปรับนะ”
“เดี๋ยวคุณเจตน์จะมารับอรค่ะ ให้อรไปเถอะนะคะ ไม่รู้ว่าพี่บิวตี้เจ็บหนักแค่ไหน อรอยากไปเยี่ยม”
“ก็แล้วแต่ ลูกโตแล้ว ตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน” เจ้าสัวว่า
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
รถเข็นผู้ป่วยเข็นร่างบิวตี้ที่โดนยิงเข้ามาตามทางเดินในโรงพยาบาล ทุกคนตามมาเป็นขบวน
เวลาผ่านไปสักระยะ ทุกคนอออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย ธีภพนั่งนิ่ง ช็อก ภาวินีกุมมือลูกชาย ธนาแตะบ่าธีภพอย่างปลอบใจ พักตร์พิมลกอดแขนกรเทพ ห่วงและสงสารบิวตี้อย่างบอกไม่ถูก
ป้าๆ และคนในบ้านสะอื้น
“อย่าร้องค่ะคุณป้าขา โบราณเขาว่าจะเป็นลางนะคะ” กระตั้วบอก
คนในบ้านเช็ดน้ำตา กลั้นสะอื้น กลัวเป็นลาง
เวลาผ่านไปอีก จากบ่ายโมง เป็นสี่โมงเย็น ทุกคนนั่งรอเหมือนเดิม หมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัด
“หลานผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“การผ่าตัดเรียบร้อยดี คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่คนไข้เสียเลือดมาก ต้องให้เลือดและรอดูอาการอีกระยะนึง”
กรเทพและธีภพบอก “ขอบคุณมากครับ”
ทุกคนโล่งอกที่บิวตี้ปลอดภัย
กระตั้วบอกกับป้าๆ “ได้ยินไหมป้า คุณบิวตี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ฮึบซะ ฮึบ ฮึบ ไม่ร้องน้า”
ภายในห้องพักฟื้น บิวตี้นอนให้เลือดและให้น้ำเกลือบนเตียง ทุกคนรุมล้อมรอบเตียง
ป้าจันใจจะขาด “โธ่คุณหนูของป้า”
องุ่นถามส้มเช็งซื่อ “พี่ส้มเช้ง คุณบิวตี้เหมือนเจ้าหญิงนิทราเลย เราน่าจะไปหาเจ้าชายมาจูบ คุณบิวตี้จะได้ฟื้น”
ธีภพได้ยิน
พักตร์พิมลมีสีหน้าตกใจ เรียกธีภพ “พี่ธีคะ ขอพูดด้วยหน่อย” แล้วดึงธีภพไปห่างจากกลุ่ม
ธีภพตามออกมา “อะไรเหรอแพ็ต”
“ตอนกลางคืนบิวตี้ต้องกลายเป็นนก”
“แพ็ตรู้”
พักตร์พิมลร้อนใจ “ค่ะ ถ้าบิวตี้เป็นนกตัวเล็กๆ จะทนแผลถูกยิงได้เหรอ”
ธีภพตกใจแทบหัวใจหยุดเต้น เมื่อนึกประเด็นนี้ได้
พักตร์พิมลหันมาทางทุกคน “เราไปรอข้างนอกเถอะค่ะ ให้บิวตี้ได้นอนพัก”
ทุกคนทยอยออกไป เหลือเพียงธีภพกับบิวตี้
ฝ่ายอรวิภาเดินมากับเจตน์ชาญ มีดอกไม้และของเยี่ยมด้วย อรวิภาหยุดมองสำรวจตัวเองในกระจก
“นี่ตกลงจะมาเยี่ยมคุณบิวตี้หรือคุณธีภพกันแน่”
“ฉันแค่สำรวจความเรียบร้อย ทำไมต้องจับผิดกันด้วย”
“ถ้าจะเยี่ยมคุณบิวตี้ก็ไม่เห็นต้องห่วงสวยนี่”
อรวิภาโกรธ งอน “ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“รู้งี้ไม่ไปรับดีกว่า” เจตน์ชาญแกล้งแหย่
“ถึงคุณไม่ไปรับฉันก็จะมาเอง” อรวิภาสะบัดหน้าหนี
เจตน์ชาญ แอบยิ้มขำ
ด้านธีภพจับมือบิวตี้ จูบมือด้วยความสะเทือนใจ
“บิวตี้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ไม่รู้หรือไงว่าถ้าบิวตี้เป็นอะไรไปให้พี่ตายเสียดีกว่า” ธีภพน้ำตาไหล กอดซบบิวตี้ด้วยความรักท่วมท้านล้นใจ
พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกที พวกที่อยู่หน้าห้อง ต่างร้อนใจ
พักตร์พิมลดูนาฬิกาจิตใจร้อนรุ่ม “จะหกโมง พระอาทิตย์จะตกแล้ว”
ฝรั่งกระซิบกับศรีนวล “แม่ จะค่ำแล้ว เกิดคุณบิวตี้แปลงร่างตอนนี้จะเป็นไง”
“จริงด้วยสิ” ศรีนวลตกใจผุดลุกขึ้น ลนลาน “ทำยังไงดี จะค่ำแล้ว”
ป้าจันเองก็นึกออก “จริงด้วยสิ โธ่คุณหนู คุณหนูขา”
พักตร์พิมล ส้มเช้ง พร พลอยร้องไห้ด้วยความตกใจ
กระตั้วงงเป็นกะเทยตาแตก “ร้องไห้ทำไม”
ภาวินีตกใจ “อะไรกัน ร้องทำไม”
กรเทพดุเสียงเขียว “หยุด ไม่ต้องร้อง บิวตี้ไม่ได้เป็นอะไร ร้องทำไม”
ป้าจัน ศรีนวล คนในบ้าน อธิบายไม่ได้ ร้องไห้อย่างเดียว
อรวิภากับเจตน์ชาญ เดินเข้ามา ตกใจที่เห็นทุกคนพากันร้องไห้
รีบวิ่งมาหาธนา และ ภาวินี สีหน้าตกใจพลอยจะร้องไห้ไปกะเขาด้วย
“คุณลุงคุณป้า พี่บิวตี้ หรือว่าพี่บิวตี้” สุดท้ายอรวิภาร้องไห้ออกมา
“เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างที่คิด เขาร้องไห้ตกใจอะไรกันไม่รู้” ธนาว่า
อรวิภาโล่งอก “โอย น้องอรตกใจหมดเลยค่ะ” สาวโลกสวยมองหา “แล้วพี่ธีล่ะคะ”
เจตน์ชาญมองอรวิภาอย่างขุ่นใจ ดูออกว่าหึง
ภาวินีถาม “อยู่ในห้องกับบิวตี้จ้ะ”
ส่วนด้านในห้อง ธีภพมองพระอาทิตย์คล้อยต่ำอย่างร้อนใจ “พระอาทิตย์จะตกแล้ว บิวตี้ต้องไม่เป็นอะไรนะ”
พระอาทิตย์ลดเหลือลำแสงสุดท้ายแล้ว ร่างบิวตี้ที่นอนอยู่มีอาการสะดุ้ง แบบเจ็บปวดก่อนแปลงร่าง
“ไม่นะ บิวตี้ อย่าทิ้งพี่ไป พี่รักบิวตี้” ธีภพพูดที่หู “บิวตี้ได้ยินไหม พี่รักบิวตี้”
ธีภพจูบบิวตี้ด้วยความรักและห่วงหาอาวรณ์อย่างสุดหัวใจ
แสงสว่างวาบรอบตัวบิวตี้เหมือนจะแปลงร่าง แสงนั้นสว่างวาบออกมานอกห้อง
ส้มเช้งนึกได้ “คุณหนูจะแปลงร่าง”
ทุกคนที่รู้เรื่องบิวตี้แปลงร่าง มองหน้ากัน และลุ้นอยู่
“งั้นอรขอเยี่ยมพี่บิวตี้หน่อยนะคะ”
อรวิภาเดินไปที่ห้องบิวตี้ มีเจตน์ชาญตามไปด้วย
พักตร์พิมลเช็ดน้ำตา เงยหน้าเห็นอรวิภาเดินไปเปิดประตู “อ๊าย ไม่ได้นะ”
พร้อมกันนั้นพักตร์พิมลรีบวิ่งมาห้าม ไม่ทันแล้ว อรวิภาเปิดประตู เห็นธีภพกำลังจูบบิวตี้ ท่ามกลางแสงสว่างวาบทั่วทั้งห้อง
อรวิภาตกใจทั้งแสง ตกใจทั้งจูบ แสงสว่างแพรวพราว เจิดจ้ากว่าปกติ พักตร์พิมลและคนในบ้านตามมา กลั้นหายใจรอดูผลของการแปลงร่าง
ท้องฟ้ามืดสนิท แสงค่อยๆ จางหายไป พบว่าร่างของบิวตี้ยังนอนอย่างสงบอยู่บนเตียง ธีภพค่อยๆ คลายจูบ รู้สึกได้ว่า บิวตี้ยังอยู่ ไม่ใช่นก
บิวตี้เริ่มรู้สึกตัว “นาย”
“บิวตี้ บิวตี้ยังอยู่กับพี่ บิวตี้ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” ธีภพกอดบิวตี้แน่น “บิวตี้ไม่เป็นนกหงหยกแล้ว”
ธีภพจูบบิวตี้อีกครั้ง และกอดบิวตี้แน่น บิวตี้ร้องไห้
“ฉันไม่ต้องเป็นนกหงหยกแล้วเหรอ”
ทุกคนที่รู้เรื่องแปลงร่างต่างยินดี หัวเราะทั้งน้ำตา
คนที่ไม่รู้เรื่อง เห็นรอยยินดีจางๆ ในท่าทีงงๆ ตามมาดูว่ามันอะไรกัน
ธนางงหันมาทางภาวินี “คนบ้านนั้นชักจะแปลกเหมือนบิวตี้ขึ้นทุกวัน”
“เขารักของเขาน่ะค่ะ ดูลูกของเราสิ”
ธีภพจับมือบิวตี้ คลอเคลีย รักบิวตี้ไม่ปิดบัง
เจตน์ชาญกับอรวิภารู้สึกเป็นส่วนเกิน เดินออกไปกันสองคนเงียบๆ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาดีใจ ร่าเริงสุดขีด
“ลูกพ้นคำสาปแล้ว ลูกของแม่ทำได้ในที่สุด”
ปรมะเทวีมองดูมาตรวัดความสัมฤทธิ์ที่เปล่งประกาย เป็นสีทองทั้งแท่ง
“ลัลน์ลลิตรอดจากวาระสุดท้ายอันน่าเวทนามาได้ด้วยกรรมดี ขออนุโมทนาในกุศลของนาง”
“หากไม่ได้บทเรียนที่เทวีมอบให้ วาระสุดท้ายของลัลน์ลลิตคงมีแต่ความเศร้าสลด”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจิตของเราคงหม่นหมอง แม้จะสอนให้ท่านตั้งอยู่ในความสงบ แต่หลายครั้งที่จิตของเราเองกลับหวั่นไหว เมื่อเห็นทุกสิ่งไม่เป็นไปดังตั้งใจ”
“เทวีหวั่นไหวด้วยหรือคะ”
“หวั่นสิ เราเกรงเสมอว่าสิ่งที่เรากระทำไป แทนที่จะช่วยนาง กลับจะยิ่งซ้ำเติมให้กรรมร้ายรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แต่ในที่สุด กรรมดีของนางก็นำพาทุกสิ่งให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” องค์เทวีสารภาพ
“ขอคารวะท่านด้วยจิตกตัญญู อย่างสูงสุด”
สองคนอยู่ด้วยกันตรง มุมเงียบๆ อรวิภานั่งซึม ยังเจ็บปวดกับภาพที่เห็นคาตาตอนธีภพจูบบิวตี้ ด้วยความรักหมดหัวใจ
อรวิภาพเผลอสะอื้น เจตน์ชาญส่งผ้าเช็ดหน้าให้ “ไหวมั้ย”
อรวิภาเช็ดน้ำตา พยักหน้า “ไหว อรรู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ธีไม่ใช่คนคนนั้นสำหรับอร”
“ทำไมล่ะ”
“คนรักกัน เวลาอยู่ด้วยกันก็ต้องมีความสุข แต่เวลาอรอยู่ใกล้พี่ธี มันมีแต่ความกลุ้ม กลัวพี่ธีไม่ชอบ กลัวอรไม่ดีพอ ไม่รู้จะทำตัวยังไง แล้วเวลาคุณเจตน์อยู่กับพี่บิวตี้ล่ะ”
“ผมแทบจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ ไม่เหมือนอยู่กับคุณ”
“อยู่กับฉันมันเป็นยังไง”
“สนุก ขำ เป็นตัวของตัวเอง” เจตน์ชาญมองหน้าอรวิภาท่าทีอ่อนโยน “มีความสุข”
อรวิภานิ่ง เขินขึ้นมาดื้อๆ ตีแขนเจตน์ชาญเผียะ “บ้า อย่ามาล้อฉันนะ”
“ไม่ได้ล้อ” เจตน์ชาญจับมืออรวิภาจ้องตาซึ้งๆ “เป็นแฟนกันนะ”
อรวิภาประสานสายตากับเจตน์ชาญท่าทีเขินๆ
สองสัปดาห์ต่อมา ที่หลังโรงงานธนบวร ตอนกลางวัน บิวตี้นั่งเก้าอี้อยู่อย่างสบายอารมณ์ มองธีภพแต่งตัวชุดหนุ่มโรงงาน ขนของส่งต่อคนงาน
“เร่งมือหน่อยสินายธี เดี๋ยวก็ขนไม่ทันหรอก ใกล้เที่ยงแล้วนะเร็ว ให้มันแข็งแรงหน่อย ระวังแตกด้วยล่ะ เครื่องประดับในกล่องนี่ฉันสั่งมาจากฝรั่งเศสเลยนะ”
ธีภพลื่นล้ม ของที่ขนอยู่หลุดจากมือ
บิวตี้หัวเราะ โห่ฮา เย้ย “แย่จัง คนงานฝึกหัด ไม่ได้เรื่องเลย”
ธีภพโมโห “นี่ อย่าให้มันมากไปนะบิวตี้”
“มากไปตรงไหน กฎข้อที่สามของการเป็นประธานบริษัท คุณต้องทำได้ทุกอย่างเหมือนอย่างที่พนักงานของคุณทำ... ทำต่อ เร็วๆ”
ธีภพกัดฟันไปทำงานต่อ เดินมาใกล้ ดึงมือบิวตี้ “มานี่เลย มาช่วยกัน”
“ไม่นะ มันไม่อยู่ในข้อสัญญา ไหนว่าจะไถ่โทษไง เคยทำกับฉันยังไง ก็ต้องให้ฉันทำกลับคืนบ้าง ไม่งั้นไม่หายโกรธ”
ธีภพดึงบิวตี้เข้ามากอด
“นี่นาย ปล่อยฉันนะ คนงานอยู่เยอะแยะ อายบ้างสิ”
มีคนงานทำงานอยู่รอบๆ
ธีภพขโมยหอมไปหนึ่งฟอด “คุณใช้งานผมหนักก็ต้องมีรางวัลบ้างสิ”
“ทีตอนฉันเป็นสาวโรงงานไม่เห็นนายจะให้รางวัลฉันเลย”
“ใครบอกไม่ให้ ให้เยอะด้วย”
“อย่ามาโม้ ไม่เห็นมีสักอย่าง”
“ผมอุตส่าห์ให้คุณนอนซุกอกผมทุกคืน แบบนั้นยังไม่เรียกว่ารางวัลอีกเหรอ บางวันยังมีโบนัสดูผมแก้ผ้าโชว์ซิกแพคอีก เอ..หรือให้ดูมากกว่านั้นนะ”
ภาพตอนที่บิวตี้เห็นธีภพผ้าขนหนูหล่นกองพื้นผุดขึ้นมา บิวตี้ทุบอกธีภพด้วยความเขินอาย
“เจ้านกบิวตี้มองผมตาแป๋วทุกทีที่เดินออกจากห้องน้ำ”
“พอแล้ว”
“ตอนนี้ผมคิดถึงเจ้านกบิวตี้มากเลยอ่ะ นอนคนเดียวไม่หลับเลยสักคืน คุณก็ด้วยใช่ม๊า คุณต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผมเคยตัวกับการมีคุณนอนซบอกด้วยนะ”
“ทะลึ่ง ไม่คุยด้วยแล้ว” บิวตี้เขิน เดินออกไป
“จะไปไหน ไม่อยู่คุมเดี๋ยวอู้งานนะ” ธีภพยิ้มขำ มองตามตาฉ่ำ
ภาวินีเสิร์ฟของว่างให้ธนา พลางลงนั่งคุยกัน “วันนี้คุยกับคุณอดิศักดิ์ได้ผลไงคะ”
“เรียบร้อยดี เขาเลิกโกรธแล้ว เห็นแฮปปี้กับว่าที่ลูกเขยดีนี่”
“คุณเจตน์ชาญใช่ไหมคะ ก็เหมาะกันดีนะ”
“ว่าแต่คนของเราเถอะ เขาคุยกับคุณบ้างไหมว่าจะเอายังไงต่อ
“ธีมากระซิบว่าจะมีข่าวดีหลังจากไปหัวหินนะคะ”
“ใกล้จะได้อุ้มหลานแล้วสินะ”
“สะใภ้ใหญ่คงต้องรอก่อน แต่สะใภ้เล็ก ไม่ต้องรอเลย” ภาวินีปรายตาไปที่เสือโคร่ง
สองคนเห็นเจ้าเสือโคร่งเคล้าเคลียแฟนสาว
ธนาหัวเราะ “โฮ่ รายนี้เขารักติดจรวด”
“ในที่สุดเสือโคร่งเจอเนื้อคู่แล้วคร้าบ สวยใช่มั้ยล่า ฮิ้ว ฮิ้ว”
เจ้าเสือโคร่งว่าพร้อมกับขยับเข้าใกล้แฟนเหมียว มีรูปหัวใจล้อมตัว สองเหมียวอินเลิฟฝุดๆ
“ทูนหัวของเสือ จุ๊บจุ๊บ”
ทางด้านบิวตี้ และธีภพไปอยู่ที่ใต้ต้นไม้ซ่อนสมบัติ ในบ้านพักที่หัวหิน
“ต้นไม้ที่ซ่อนสมบัติของเรานี่เอง”
“นายจำได้เหรอ”
“ได้สิ เราเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
สองคนนึกทวนหวนย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน เวลานั้นเด็กชายธีภพวางของขวัญลงในกล่องคุกกี้
เด็กหญิงบิวตี้แอบถือของขวัญไว้ข้างหลัง วาง ของขวัญลงเช่นกัน
“อันนี้ของพี่ธี”
“ให้พี่ด้วยเหรอ”
“ให้สิ ถ้าของบิวตี้เพิ่มขึ้น พี่ธีจะได้เหมือนกันไง”
ธีภพจะปิดฝากล่อง บิวตี้บอก
“ไม่เอา ขี้เกียจ”
“เขียนเหอะน่า สั้นๆก็ได้ อะ นี่การ์ดกะดินสอ” บิวตี้ส่งการ์ดกับดินสอให้
ธีภพรับไปเขียน แล้วใส่ซอง สอดไว้ที่ริบบิ้นผูกกล่อง
“พี่ธีเขียนว่าอะไร”
“ไม่บอก ตอนเปิดดูค่อยอ่าน”
“ก็ได้ งั้นสัญญานะว่าเราจะมาเปิดกล่องนี้พร้อมๆ กัน ห้ามใครเปิดก่อนด้วย”
บิวตี้เกี่ยวก้อยสัญญากับธีภพ
สองคนดึงตัวเองกลับมาในปัจจุบัน ธีภพกับบิวตี้เปิดกล่องพร้อมกัน
“ตื่นเต้นจังเลย นายเขียนในการ์ดว่าอะไรอ่ะ”
บิวตี้เปิดการ์ด เป็นลายมือธีภพตอนเด็ก ในการ์ดเขียนว่า “รักบิวตี้”
“นี่นาย แอบชอบฉันตั้งแต่เด็กแล้วหรอ”
“อืมม” ธีภพบอกพยางพยักหน้า
“แล้วทำไมตอนโตถึงเกลียดฉันอ่ะ”
“ไม่ได้เกลียด แต่บิวตี้นิสัยไม่ดี ก็เลยเลิกชอบ”
“แล้วตอนนี้อ่ะ”
“ตอนนี้นิสัยดีแล้ว ก็เลยรัก รักมากด้วย”
บิวตี้กับธีภพเปิดของขวัญ
ของบิวตี้เป็นตุ๊กตาหมูขาวตัวอ้วน มีสีเขียนเป็นแว่นตา ที่อกเขียนว่าอ้วนแว่น
ธีภพแกล้งทำหน้าดุ อ่านด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “อ้วนแว่น”
บิวตี้หัวเราะ สีหน้าเจื่อนๆ “ฮี่ อ้วนแว่น อ้วนแว่น”
“ไม่อ้วนแล้ว”
“อ้วนแว่น อ้วนแว่น”
ธีภพจะจูบ “ไม่หยุดเรียกจะจูบนะ”
“อ้วนแว่น อ้วนแว่น”
ธีภพสำเร็จโทษด้วยการจูบ พลางบอกเสียงขรึม “เปิดของขวัญพี่สิ”
บิวตี้เปิดดู พบว่าเป็นแหวนพลาสติก ที่มาจากตู้กด
หล่อนหัวเราะ “อุ๊ย น่ารักจัง” พร้อมกับจะสวมใส่นิ้ว
ธีภพดึงแหวนมา ดุ “อย่าเพิ่งใส่” วินาทีนั้นธีภพคุกเข่าลงขอแต่งงานด้วยแหวนเพชรหรูวงจริงที่เตรียมมา “บิวตี้ เป็นเจ้าสาวของพี่ธีนะครับ”
บิวตี้มองธีภพอย่างซาบซึ้ง น้ำตาไหลพราก
“บิวตี้มีกฎสองข้อ ข้อ1. นายต้องรักฉันให้มากๆ รักฉันที่สุด รักฉันคนเดียว รักไปตลอดชีวิตด้วย ห้ามเปลี่ยนใจ”
“ข้อนี้ไม่ยากเลย ผมรักคุณมากที่สุดคนเดียวอยู่แล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนใจไปตลอดชีวิต”
ธีภพขโมยจุ๊บหนึ่งที
“ข้อ2. ห้ามโกหกหลอกลวงฉันอีกเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งสิ้น”
“แน่นอนครับ นับจากนี้จะไม่มีวันโกหกหลอกลวงกันอีกแล้ว”
“ถ้าคุณโกหกฉันอีกแม้แต่ครั้งเดียว เราเลิกกัน”
“ไม่มีวันนั้นแน่ ผมสัญญา”
บิวตี้จูบธีภพ “ถ้างั้น ฉันก็จะแต่งกับคุณ”
ทั้งคู่จูบกันอย่างดื่มด่ำ
หลังแต่งงานบิวตี้ มุ่งมั่นทำงานกับธีภพ จนธนบวรติบโต พร้อมกันนี้ ยังสร้างชื่อ แบรนด์ LALLALITA ตลอดระยะเวลา 3 ปีต่อมา
ทั้งจัดงานแฟชั่นโชว์เปิดตัวคอลเล็กชั่น โดยทุกชุดบิวตี้ดีไซน์ และลงมือตัดเย็บชุดที่เดินแฟชั่น ด้วยตัวเองทั้งสิ้น
แบรนด์ LALLALITA ทุกคอลเล็คชั่น กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึง จากผู้คนในทุกถิ่นที่ ชื่อเสียงบิวตี้โด่งดัง ถูกยกให้เป็น แฟชั่นนิสต้า และ ไอคอน ของแฟชั่นไทย
นิตยสารแฟชั่นไฮโซ และธุรกิจ ลงภาพปกบิวตี้ ทุกปกโปรยคำอย่างชื่นชม
“Designer of the Year”
“ความภาคภูมิใจของธนบวร ลัลน์ลลิต ภีรโยธิน”
“ลัลน์ลลิต ภีรโยธิน กับแบรนด์ ลัลลาลิต้า”
และบิวตี้กลายเป็นดีไซเนอร์ไทย ที่ได้ถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสาร Dazz คู่ เกรซ มิลเล่อร์ มีคำโปรยปกเด่นหรา น่ายินดีว่า “Exotic Thailand”
ยามเย็น พระอาทิตย์จวนจะตกดิน ธีภพอุ้มลูกชาย บิวตี้ยืนเคียง สามคนยืนอยู่หน้าธนบวร บิวตี้บอกลูกชาย
“เดี๋ยวแม่จะพาเข้าไปในอาณาจักรของคุณตา คุณปู่ นะคะ”
บิวตี้ ธีภพ และ ลูกกำลังจะเข้าบริษัท
นกหงส์หยกบินมาเกาะบิวตี้ บิวตี้จับนกมาดูใกล้ๆ “เอ๊ เจ้าตัวเล็ก ถูกสาปมาหรือเปล่าเนี่ย งั้นขอให้ทำความดี ทำเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น แล้วก็ได้รับจุมพิตจากชายที่เจ้ารักยิ่งกว่าชีวิต เร็วๆ นะจ๊ะ”
บิวตี้จูบหัวนกแล้วปล่อยให้บินไป มองตามจนลับตา
ธีภพและบิวตี้ยิ้มให้กัน
ภาพความผูกพันของธีภพกับบิวตี้ตั้งแต่เด็กจนโต ผุดซ้อนขึ้นมา ถึงปัจจุบัน เวลานี้บิวตี้กับธีภพจุ๊บแก้มลูกชาย
มีแสงสีทองวาบขึ้นเหมือนนางฟ้ามาทักทาย
ณ แดนสสรวงนางฟ้าลลิตาและ ปรมะเทวี เยื้อนยิ้ม มองดูครอบครัวของบิวตี้อย่างชื่นใจ
“ลัลน์ลลิต คงไม่อาจประสบความสำเร็จทั้งด้านครอบครัวและการงานเช่นนี้ได้ หากเทวีไม่เมตตามอบบทเรียนให้”
“เรามิได้ทำสิ่งใด นอกจากกระตุ้นความดีงามในจิตใจของนางให้ปรากฏ เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความงดงามนี้อยู่ แต่อาจถูกซ่อนไว้ใต้กำแพงที่แต่ละคนสร้างมาปิดล้อมตนเอง ด้วยเหตุใดใดก็ตาม”
“เทวีกล่าวถูกแล้ว เราไม่อาจตัดสินผู้ใดเพียงภาพลักษณ์ภายนอกได้จริงๆ ค่ะ”
“ขอให้อำนาจแห่งความดีที่มีอยู่ในใจของทุกคน จงเบ่งบานงดงามไม่รู้โรยราด้วยเถิด”
นางฟ้าทั้งสองสีหน้าเปี่ยมบุญ ทำมือเหมือนประสาทพรให้ แสงสีทองและกลีบดอกไม้โปรยปรายจากมือของสองนาง เป็นคำว่า...
“จบบริบูรณ์”
จบบริบูรณ์
ขออภัยในความไม่ต่อเนื่อง โปรดติดตาม "อนิลทิตา" เร็วๆ นี้