xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 14

ภายในห้องทำงานของธีภพเวลานี้ บิวตี้กับพักตร์พิมลทุ่มเถียงกันอย่างหนัก โดยมีธีภพคอยรับฟัง และตัดสินเป็นระยะ

“ช่างต้องทำงานตามคิว ในเมื่อส่งแบบช้าก็ต้องทำทีหลัง” ธีภพบอก
“แต่ตอนบรีฟงาน ไม่ได้กำหนดเวลาส่งนี่” บิวตี้ย้อนแย้ง
“แต่ถ้ามีสามัญสำนึก ก็ต้องเผื่อเวลาทำชุดนำเสนอด้วย ไม่ใช่อยู่ๆ ก็มาแซงคิวคนอื่น”
“ก็เธอส่งตั้งสามแบบ จงใจแกล้งกันชัดๆ”
“เรามีตัวเลือกให้ลูกค้าหลากหลายอย่างนี้ทุกครั้ง ถ้ากลัวไม่ทัน ทำไมไม่ส่งงานให้มันเร็วๆ”
“ฉันดีไซน์อย่างประณีต ไม่ใช่สุกเอาเผากิน”
“ดีไซเนอร์ที่นี่ไม่มีใครทำงานสุกเอาเผากิน ทุกคนเป็นมืออาชีพ ออกแบบทั้งเก่ง และเร็ว ไม่ใช่มือสมัครเล่น ชุดเดียวคิดอยู่สองวัน”
“ใครบอกสองวัน ฉันมีเวลาแค่ตอนกลางวัน...” บิวตี้รู้ตัว ชะงักไม่พูดต่อ
“เรื่องส่วนตัวของเธอ เอามาอ้างไม่ได้หรอก”
“ถ้าอยากให้เสร็จเร็ว ก็ลองจ้างช่างทำโอทีเป็นพิเศษให้ หลังเลิกงาน” ธีภพว่า
“หลังเลิกงาน กลางคืน ฉันอยู่ไม่ได้”
“ขนาดทำงานไม่ทัน ยังจะห่วงเที่ยว ไม่ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว” พักตร์พิมลเย้ยหยัน
“เรื่องของฉัน คนอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก”
ธีภพมองบิวตี้อย่างตำหนิ บิวตี้อึดอัดใจจะแก้ตัวก็ไม่รู้จะให้เหตุผลอะไร
“ถ้าอยู่คุมงานไม่ได้ ก็ต้องรอพรุ่งนี้” ธีภพบอก
“แต่ฉันต้องการให้ทำวันนี้ เดี๋ยวนี้ด้วย” บิวตี้ยื่นคำขาด
“ถ้าไม่ทำตามระเบียบ เราจะไม่พิจารณาแบบของคุณ” ธีภพเสียงแข็ง
บิวตี้จ้องหน้าธีภพอย่างโมโห พักตร์พิมลยิ้มเยาะอยู่หลังธีภพ
เสียงเคาะประตู ก่อนจะเห็นปีวราเข้ามาอย่างร้อนใจ บอกในอาการประหม่า
“ช่างทำแซมเปิ้ลมีปัญหาใหญ่แล้วค่ะ”
“ทำไมเหรอ”
“ช่างไม่ทราบเป็นอะไรค่ะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการหนักทุกคนเลยค่ะ”
สามคนตกใจ

บิวตี้ ธีภพ พักตร์พิมล และ ปีวรา เข้ามาห้องแผนกตัดเย็บชุดตัวอย่าง ด้วยอาการร้อนใจ เห็นช่างทำแซมเปิ้ลนอนระเกะระกะ บางคนวิงเวียน บางคนอาเจียน
กระตั้ว กับจ้ากำลังตกใจ พยายามช่วยช่าง นวดมือ นวดขา เอายาดมให้ดม
“ท่านประธานช่วยด้วยค่ะ ช่างเป็นอะไรไม่รู้ เหมือนมีองค์ลงหมู่ค่ะ” กระตั้วรายงาน
“โทร.เรียกรถพยาบาลเร็ว” ธีภพบอก
“เรียกแล้วค่ะกำลังมา นิมนต์พระมาด้วยดีไหมคะ” กระตั้วล้น
ช่างบางคนร้องโอดโอยด้วยความปวดท้อง
“เรียกตำรวจมาดีกว่า คิดจะแกล้งคนอื่นถึงขนาดทำร้ายพนักงานแบบนี้มันเกินไปแล้ว” บิวตี้หันมาจ้องพักตร์พิมล
พักตร์พิมลโกรธเพราะไม่รู้เรื่องจริงๆ “เธอว่าใคร”
“ก็ว่าคนที่แกล้งฉันมาตลอด เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นประธานไง ขอบอกเลยนะว่าเรื่องแค่นี้หยุดฉันไม่ได้หรอก และเธอต้องรับผิดชอบด้วย”
“อย่ามาใส่ร้ายนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”
“อย่ามาแก้ตัว เห็นๆ อยู่”
พักตร์พิมลบันดาลโทสะจะโผนเข้าใส่บิวตี้
ธีภพเสียงดังดุ “หยุดเลยนะ ทั้งสองคน มีอะไรไปพูดกันที่ห้อง”
“แต่แพ็ตขอยืนยันว่าแพ็ตไม่ได้ทำ”
“เอาหลักฐานมายืนยันกันเลย ดีกว่าพูดแต่ปาก”
ธีภพสั่งบิวตี้ “คุณไปรอที่ห้องผม เดี๋ยวดูแลคนป่วยทางนี้สร็จแล้วจะตามไป”
บิวตี้กับพักตร์พิมลจ้องหน้ากันอย่างท้าทาย ธีภพส่ายหัวหนักใจ

ไม่มีใครคาดคิดว่า เป็นผลงานของปีวรา ที่แอบเอาสารเคมีฉีดเข้าไปในแกลลอนน้ำดื่มของแผนก ทั้งนี้เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างบิวตี้กับพักตร์พิมลให้เดินทางไปสู่ขั้นแตกหัก

เหตุการณ์ทั้งหมดปรากฏในจอฉายภาพ ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาร้อนใจ อยากช่วยบิวตี้
ทั้งสองรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของปีวรา หากใครไม่รู้จะเข้าใจว่า สองนางฟ้ากำลังพูดถึง บิวตี้กับพักตร์พิมล
“เรื่องลุกลามไปใหญ่ ถึงขั้นนำชีวิตของผู้อื่นมาเป็นเครื่องมือ เทวีโปรดช่วยหยุดยั้งด้วยเถิด”
“ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามกรรม”
“แต่มันจะเป็นกรรมหนักต่อไปไม่สิ้นสุดนะคะเทวี เราพอจะทำสิ่งใดเพื่อช่วยให้นางได้หยุดยั้ง ก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้”
ปรมะเทวีเสียใจ “จิตของผู้ที่ตกอยู่ในวังวนของความเคียดแค้นชิงชัง ย่อมมืดบอด ไม่เปิดรับความดีงาม เราทำอะไรไม่ได้หรอก”
“แล้วเราจะปล่อยไปจนกว่าจะถึงจุดจบอันแสนเศร้า เช่นนั้นหรือคะ”
“ทุกสิ่งยุติได้ด้วยธรรม เงื่อนไขอยู่ที่ต้นเหตุคือลัลน์ลลิต หากต้นเหตุยังไม่เลิกจุดประกายไฟ เพลิงแค้นย่อมไม่สงบลงได้”
“จิตของลัลน์ลลิตจะต้องสงบ ทุกสิ่งจึงจะจบลงได้ด้วยสันติใช่ไหมคะเทวี”
“ถูกต้องแล้ว แต่ลัลน์ลลิตจะสงบได้อย่างไร เมื่อผู้พิทักษ์อย่างท่านยังร้อนรนอยู่เช่นนี้”
นางฟ้าลลิตาเข้าใจ รู้สึกผิด ค้อมคำนับ “ขอน้อมรับคำตักเตือนของเทวี”

บิวตี้ ธีภพ เช็คภาพจากกล้องวงจรปิด ต่อหน้าพักตร์พิมล แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ
พักตร์พิมลเยาะ “ไหนล่ะ หลักฐานที่เธอว่า”
“เธอเคยได้รับบทเรียนแล้วนี่ ถ้าขืนปล่อยให้กล้องถ่ายไว้ได้อีกก็โง่เต็มทนแล้ว” บิวตี้ไม่เชื่อ
พักตร์พิมลขึ้นเสียง “ฉันไม่ได้ทำ ตอนเกิดเรื่องฉันก็อยู่ในห้องนี้” บอกกับธีภพ “พี่ธี แพ็ตไม่ได้ทำนะคะ”
“เรื่องนั้นก็ต้องหาข้อพิสูจน์กันต่อไป แต่แทนที่จะมัวเถียงกันอยู่ มาหาทางทำงานนำเสนอลูกค้าให้เสร็จทันพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ย” ธีภพตัดรำคาญ
“บริษัทใหญ่โตทำไมมีช่างทำแซมเปิ้ลแค่ไม่กี่คน เกิดปัญหาขึ้นมาก็วุ่นไปหมด แบบนี้จะไปพิทช์งานแข่งกับคนอื่นได้ยังไง แย่มาก”
ธีไม่พอใจ “ที่มีน้อยเพราะช่างฝีมือของเราถูกบริษัทคู่แข่งดึงตัวไปหลายคน”
พักตร์พิมลหยัน “ก็เจดการ์เม้นท์ที่ข่าวซุบซิบว่าเธอกำลังคั่วอยู่นั่นแหละ หัดเลือกซะบ้างนะ”
บิวตี้โกรธ “แน่ใจหรือว่าเป็นบริษัทอื่น อาจจะมีคนในนี่คอยทรยศหักหลังอยู่ก็ได้” ตอนท้ายตวัดตาใส่พักตร์พิมลอย่างแรง
พักตร์พิมลปรี๊ด “หมิ่นกันเกินไปแล้วนะ”
“หยุดหาเรื่องทะเลาะกันเสียที” ธีภพบอกกับบิวตี้ “บิวตี้ คุณเรียนมา คงทำแซมเปิ้ลได้ใช่ไหม”
“ได้อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน บริษัทต้องหาทางแก้ไขให้ได้”
พักตร์พิมลพูดลอยๆ ยั่วโมโห “แสดงว่าที่ได้รางวัลมา คงไม่ได้ทำเอง”
บิวตี้โกรธ “ฉันทำเอง ทุกขั้นตอน”
พักตร์พิมลเยาะ “อ๋อเหรอ งั้นก็ทำมาให้ดูสิ”
บิวตี้ดูนาฬิกา หวั่นใจ “เวลาแค่นี้ใครจะไปทำทัน”
“ว่าแล้ว” พักตร์ยิ้มเยาะกวนโทสะ
บิวตี้เกิดทิฐิแรงกล้า “ฉันจะทำให้ดู”
สองสาวประสานตากันอย่างท้าทาย

พักตร์พิมลเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างฉุนเฉียว โกรธแค้นบิวตี้สุดจะทน กระตั้ววิ่งไปรับด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็นไงบ้างคะคุณแพ็ต มีคิวบู๊หรือเปล่าคะ”
พักตร์พิมลโกรธไม่หาย “ปีวรา ล็อคประตู เอาม่านลงด้วย”
“ค่ะๆ” ปีวราลนลานทำตามคำสั่ง
พักตร์พิมลตวาดกระตั้ว “จะทำอะไร ทำไมไม่ปรึกษาฉัน”
กระตั้วตกใจลนลาน “กระตั้วเปล่านะคะ”
พักตร์พิมลไม่เชื่อ “ทำโง่ๆ โจ่งแจ้งแบบนี้ ทุกคนก็มาโทษว่าฉันเป็นคนทำ”
กระตั้วยืนกราน “กระตั้วไม่ได้ทำจริงๆ ค่ะ”
พักตร์พิมลไม่เชื่ออยู่ดี “ไม่ต้องมาแก้ตัว แผนอุบาทว์ๆ แบบนี้ต้องเป็นเธอแน่ๆ”
“ถึงกระตั้วจะไม่อยากให้คุณบิวตี้เป็นประธาน แต่กระตั้วจะทำให้ตัวเองลำบากทำไมคะ ต้องทำแซมเปิ้ลเองมันสนุกตรงไหน” กะเทยก้ามปูจะร้องไห้ “นัดกับแฟนไว้ก็ต้องยกเลิก”
พักตร์พิมลชักลังเล “ไม่ใช่เธอแล้วใคร เธอใช้ให้ลูกน้องทำหรือเปล่า”
“เปล่าค่า นังพวกนั้นมันแทบจะลมใส่ตอนรู้ว่าช่างป่วย” กระตั้วหันมาทางปีวรา “ยัยปี เธอหรือเปล่า”
ปีวราตกใจปากคอสั่น เสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ “เปล่านะ ฉันไม่รู้เรื่อง”
“หรือว่าช่างบังเอิญท้องเสียเอง” พักตร์พิมลเหยียดยิ้ม เยาะ “ทำกับคนอื่นไว้มากกรรมเลยตาม
สนอง”
“คิดดูอีกที...เขาอาจจะทำเองก็ได้ค่ะ เพื่อโยนความผิดให้คุณแพ็ต ถ้าทำไมทันก็จะได้อ้างว่าเพราะโดนแกล้ง”
พักตร์พิมลคล้อยตาม นึกโกรธ “แสบนักนะ อย่าคิดว่าจะเอาชนะฉันได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้คนแบบนี้ลอยนวลไปได้ง่ายๆ หรอก คอยดู”

เย็นนั้นห้องหนึ่งในบ้านบิวตี้ ถูกทำเป็นห้องทำงานเพื่อเย็บชุดตัวอย่าง
พร กับ ป้าจัน เปิดผ้าคลุมจักรเย็บผ้าที่เคยเป็นของลลิตาออก ศรีนวล คอยรับคำสั่งจากบิวตี้
“จักรหลังนี้ ไม่ได้ใช้ตั้งแต่คุณผู้หญิงจากไป แต่ป้าให้ช่างมาคอยซ่อมทุกปีค่ะ” ป้าจันบอก
บิวตี้ลูบจักรเย็บผ้า ด้วยความรัก “ฉันจำภาพคุณแม่ที่กำลังเย็บเสื้อให้ฉันได้ดี”
เสียงนาฬิกาตี ห้าครั้ง บิวตี้ดูนาฬิกาแล้วตกใจ
“ตายจริง ห้าโมงแล้ว ทำไมเวลามันผ่านไป เร็วนักนะ” รีบสั่งงาน “ป้าศรีนวลช่วยฉันหน่อย”
ศรีนวลฉงน “คุณจะให้ป้าทำอะไรคะ”
“คืนนี้ฉันจะไม่อยู่ ป้าฟังรายละเอียดของแบบ แล้วบอกให้ส้มเช้งทำแพ็ตเทิร์นตามที่ฉันสั่งให้ที”
ศรีนวลอึกอัก “คือ ป้าเป็นแต่ตัด ทำแพ็ตเทิร์นไม่เป็นหรอกค่ะ”
บิวตี้เครียดเรื่องจะแปลงร่างอยู่ เลยพาลหงุดหงิดผิดหวัง “โอ๊ย แย่จัง แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้”
ศรีนวลเสียใจ “ป้าต้องขอโทษด้วยค่ะ”
บิวตี้เห็นศรีนวลเสียใจ ก็เย็นลง “ช่างเถอะ ฉันไม่ได้โกรธหรอก แค่กลัวงานไม่เสร็จ เท่านั้นเอง จะค่ำแล้วด้วย” บิวตี้กางกระดาษแพ็ตเทิร์นออกดู ร้อนใจจะลงมือทำเอง
“งั้นป้าจะโทร.ไปบอกให้ส้มเช้งมันขอกลับเดี๋ยวนี้เลย”
บิวตี้ถอนใจ เสียงเศร้า “ช่างเถอะ ไม่ทันแล้ว...ถึงยังไงก็ต้องรอจนกว่าจะเช้า”
ป้าจันเอ่ยขึ้น “คุณหนู ให้ป้าช่วยเถอะค่ะ”
บิวตี้แปลกใจ “ป้าทำเป็นเหรอ”
“คุณหนูลืมแล้วหรือคะว่าป้าช่วยคุณผู้หญิงตัดชุดให้คุณหนูมาตลอด”
“จริงด้วยสิ” บิวตี้ยิ้มออก
“พรก็ทำเป็นค่ะ ป้าส่งไปเรียนตัดเสื้อได้ประกาศนียบัตรมาเรียบร้อ”
บิวตี้มองพรอย่างไม่แน่ใจ “ทำได้แน่นะ”
พรประหม่า “พรจะพยายามทำสุดฝีมือค่ะ”
บิวตี้รู้สึกละอายใจที่ไม่เคยสนใจคนในบ้าน “ฉันมีคนเก่งอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เคยรู้เลย”
พรยิ้มกว้าง ภูมิใจ บิวตี้เพิ่งเคยเอ่ยชมเป็นครั้งแรก
“งั้นให้พรกับป้าจันทำแพ็ตเทิร์น แล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะมาดูอีกที ป้านวลช่วยบอกส้มเช้งว่า พรุ่งนี้ให้ลางานอยู่ช่วยฉันด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
บิวตี้เอาแบบให้ป้าจันกับพรดู “แบบมันเป็น...” บิวตี้บรรยายคอนเซ็ปท์ชุดคร่าวๆ ตามแบบที่สเก็ตช์ออกมาจริง

เย็นแล้ว รถธีภพแล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถร้านอาหาร ที่บรรยากาศโดยรอบแวดล้อมด้วยสวนสวยงามร่มรื่น ธีภพเปิดประตูให้อรวิภาอย่างสุภาพ
อรมองสวนอย่างชื่นชอบ “สวนสวยจังเลยค่ะ น้องอรอยากเดินเล่นก่อนได้ไหมคะ”
“ไปสิครับ”
อรวิภาเดินเล่น แวะเวียนชมต้นไม้ดอกไม้ ร่าเริงราวกับผีเสื้อน้อยๆ ธีภพครุ่นคิด เป็นห่วงบิวตี้ว่าจะทำงานเสร็จทันเวลาหรือไม่
อรวิภาชี้ชมดอกไม้ “พี่ธีช่วยถ่ายรูปน้องอรกับดอกไม้ตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ”
ธีภพเหม่อไม่ทันฟังมัวแต่คิด
“พี่ธี คิดอะไรอยู่หรือคะ” อรวิภาโบกมือตรงหน้า “พี่ธีขา”
ธีภพรู้สึกตัว “ครับ”
“สงสัยพี่ธีคงเป็นห่วงงานแน่เลย ใช่มั้ยคะ”
“ครับ คือ พรุ่งนี้ต้องเสนอแบบเสื้อให้ลูกค้า แต่งานยังไม่ค่อยเรียบร้อย
“พี่ธีซีเรียสจังเลยค่ะ ให้น้องอรช่วยอะไรได้ไหมคะ”
ธีภพฝืนยิ้มให้ “ไม่เป็นไรครับ พี่กังวลไปเอง บิวตี้เขาคงทำเสร็จทัน”
อรวิภาได้ยินชื่อบิวตี้จี๊ดขึ้นมาแว้บหนึ่ง แต่ฝืนทำร่าเริง สนใจ “พี่บิวตี้ทำอะไรคะ”
“ออกแบบ แล้วก็ตัดเย็บ เองครับ”
“โอ้โห พี่บิวตี้สุดยอดเลยค่ะ ทั้งสวย ทั้งเก่ง น่าอิจฉาจัง”
“น้องอรก็ฝีมือจัดดอกไม้ ทำอาหารยอดเยี่ยมอยู่แล้วนี่ครับ”
อรวิภายิ้มปลื้มปนเขิน “พี่ธีชมซะน้องอรเขินเลยค่ะ”
“เราเข้าไปในร้านดีไหมครับ เริ่มค่ำแล้ว เดี๋ยวยุงกัดน้องอร”
“ดีค่ะ” อรวิภาเดินมาหาธีภพ ทว่าพื้นเป็นหินขรุขระทำให้เดินไม่ค่อยสะดวก

ธีภพประคองอรวิภาอย่างสุภาพบุรุษ สาวโลกสวย เอียงอายใจสั่นหวั่นไหว

อ่านต่อหน้า 2

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 14 (ต่อ)

บิวตี้กลายเป็นนกแล้ว มาคอยหลบแอบดูทุกคน ศรีนวล ป้าจัน พร และส้มเช้งที่รุมช่วยกันดูแบบ เพื่อทำแพ็ตเทิร์นชุดตัวอย่างอยู่

“ตรงด้านหลังนี่ยังไงนะป้า คุณบิวตี้จะให้จีบทบหรือทวิต”
“เออ ไม่ได้จดไว้ด้วยสิ” ป้าจันบอก
ส้มเช้งท้วง “ฉันว่าจีบทบนะป้า”
ศรีนวลบอก “ลองขึ้นไปถามดีไหม จะได้ไม่ผิด”
“ไม่ได้ คุณหนูห้ามรบกวนเด็ดขาด ไปยุ่งไม่ได้เลยนะ”
ส้มเช้งคิดออก “เอางี้ เราทำไปทั้งสองแบบเลย ฉันช่วยเอง ดีไหมพร”
พรยิ้ม “ขอบใจมากจ้ะพี่”
ส้มเช้งเอากระดาษมาช่วยทำแพ็ตเทิร์น
บิวตี้ซึ้งใจ “ถ้าไม่มีพวกเธองานฉันไม่เสร็จแน่ ขอบใจมากนะ ทุกคน”
“เร่งมือเข้า เดี๋ยวป้าทำข้าวต้มมาเลี้ยง” ป้าจันว่า
ศรีนวลถาม “กินกาแฟแก้ง่วงไหม แม่ชงให้”
“ไม่เป็นไร เธอมือเจ็บ ฉันทำเอง”
“มือขวาเจ็บก็ยังเหลือมือซ้ายนี่นา ให้ฉันช่วยเถอะ” ศรีนวลบอกอย่างมาดหมาย
บิวตี้ตื้นตัน มองบริวารในบ้านอย่างซาบซึ้ง ทุกคนดูสามัคคีกลมเกลียวกันช่วยงานหล่อนกันจันแข็ง
“ฝากด้วยนะ ฉันไปหาหลักฐานเล่นงานคนบางคนก่อน เดี๋ยวมา”
นกบิวตี้บินออกจากบ้านไป เป้าหมายคือบ้านกรเทพ

พักตร์พิมลนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว นกบิวตี้บินมาที่หน้าต่าง กลายเป็นบิวตี้คนยืนแอบดูอยู่
“แกล้งคนอื่นแล้วมานั่งดูทีวีสบายใจ ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือไง”
กรเทพเข้าบ้านมาจะเดินผ่าน แต่พักตร์พิมลไม่สนใจทักทาย
“ได้ข่าวว่าที่ฝ่ายแซมเปิ้ลมีเรื่องยุ่งๆ”
พักตร์พิมลตอบด้วยน้ำเสียงหมางเมิน “ก็ยุ่งทุกวันแหละค่ะ”
กรเทพจ้องพักตร์พิมลดุๆ “แพ็ตมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องคนงานป่วยหรือเปล่า”
“ถ้าแพ็ตบอกว่าแพ็ตไม่ได้ทำ พ่อจะเชื่อไหมล่ะคะ”
นกบิวตี้ในคราบคนโกรธ “โกหก”
เสียงนกร้องดังขึ้น พักตร์พิมลกับกรเทพหันไปมอง บิวตี้คนรีบหลบ
พักตร์พิมลมองหา “เสียงนกที่ไหน”
“ช่างเถอะ บอกพ่อมาซิว่าใครเป็นคนทำ”
“แพ็ตไม่ทราบค่ะ พ่อไม่คิดบ้างหรือคะว่าหลานสาวที่แสนดีของพ่อนั่นแหละที่เป็นคนสร้างเรื่องมา”
บิวตี้โมโห “ฉันจะทำอย่างงั้นทำไม” กรเทพแก้ให้ “บิวตี้จะทำอย่างงั้นทำไม”
“เพราะเขาทำไม่เป็นไงคะ คนอย่างยัยบิวตี้ดีแต่ใช้เงิน ที่เรียนจบก็เพราะซื้อประกาศนียบัตร ที่โม้ว่าได้รางวัลก็คงซื้อมาเหมือนกัน”
บิวตี้คนปราดออกมาโกรธจัด “ไม่จริง ฉันทำเป็น ฉันจะทำให้ดู ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
“อุ๊ย นกหลุดออกมาจากกรง” พักตร์พิมลพยายามจับคิดว่าเป็นนกในบ้าน
“หลีกไป พ่อเอง” กรเทพเดินไปเอาสวิงมาจะตะครุบ
“ไม่มีทางจับฉันได้หรอกพวกทรยศ”
นกบิวตี้บินหนีออกจากบ้านไป

ฟาก ธนา และภาวินี ดูทีวี อ่านหนังสือรอธีภพที่ไปทานข้าวกับอรวิภาอยู่ในห้องรับแขก นกบิวตี้บินเข้ามา
ภาวินีทัก “เจ้าตัวเล็กวันนี้มาดึกเชียว หิวมาละสิเนี่ย” สอดตามองหาที่ใส่อาหารนก “เอ๊ะ ธีเขาเอาที่ใส่อาหารนกไว้ไหนนะ”
“บนห้องนอนมั้ง” ธนาบอก
“ธีเนี่ย บอกว่าอย่าเอานกไว้ในห้องนอนก็ไม่ฟัง”
“เจ้าตัวเล็กท่าทางแข็งแรง คงไม่เป็นไรหรอก”
เสียงรถธีภพแล่นเข้ามาในบ้าน
ภาวินีมองไปทางประตู “ธีมาแล้ว อายุยืนจริง พูดถึงก็มาเลย”
ธีภพเข้ามา ไหว้พ่อแม่ “พ่อกับแม่ยังไม่นอนหรือครับ”
ธนาบอก “มีเรื่องอยากคุยกับลูกหน่อย”
“อ้าว บิวตี้ กินอะไรเต็มปากเลย เดี๋ยวก็อ้วนหรอก” ธีภพลูบหัวบิวตี้
“ธี หนูบิวตี้ฝึกงานออกแบบเป็นสุดท้ายแล้วใช่ไหม”
“ครับ ถ้างานเสนอลูกค้าผ่าน ก็น่าจะเรียกประชุมบอร์ดผู้บริหารได้แล้ว”
“ทีแรกนึกว่าจะทนได้ไม่เกินสามวัน เก่งเกินคาด” ธนาพูดปลื้มๆ
บิวตี้คนยิ้มดีใจ “ขอบคุณมากค่ะคุณอา”
“หมดธุระเรื่องหนูบิวตี้ ธีคงพอจะมีเวลาว่าง...ธีน่าจะหาเวลาไปเจอกับหนูอรให้บ่อยขึ้นนะ”
“ขนาดนี้ยังไม่บ่อยพออีกหรือครับ”
“เป็นแฟนกันมันต้องเช้าถึงเย็นถึง เหมือนตอนพ่อจีบแม่เขาไง ใช่ไหมแม่” ธนายิ้ม
“วันไหนไม่เจอก็คิดถึงกัน ลูกไม่เป็นเหรอธี ลูกคิดยังไงกับหนูอรกันแน่จ๊ะ”
“น้องอร เธอก็น่ารักดีครับ เรียบร้อย เป็นกุลสตรี”
บิวตี้คน “แหวะ” ใส่
ธีภพเลี่ยง ทำเป็นตกใจ จับตัวนกดู “บิวตี้ อะไรติดคอ”
“อย่านอกเรื่องสิจ๊ะ ถามทีไรธีก็เลี่ยงไปเลี่ยงมา แม่อยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ของธี”
“ก็ ยังไม่มีอะไรนี่ครับ”
ธนาจ้องลูกชายถามตรงๆ “หรือว่าธีมีคนอื่นอยู่แล้ว”
“ไม่มีครับ” ธีภพหัวเราะกลบ “ถ้ามีพ่อคงรู้หมดแล้วล่ะครับ”
ภาวินีถาม “แล้ว...หนูบิวตี้ล่ะจ๊ะ”
บิวตี้คน หยุดกินตั้งใจฟัง ใจเต้นตึกตัก จ้องธีภพตาไม่กระพริบ
ธีภพนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วฝืนหัวเราะ “แม่ถามถึงเขาทำไมครับ”
“ก็เห็นบางที ลูกก็ดู...เป็นห่วง...มาก เป็นพิเศษ”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ผมทำเพื่อบริษัท ผู้หญิงประหลาดแบบนั้น ผมไม่ยุ่งด้วยดีกว่า แค่เรื่องงานก็จะแย่แล้วครับ”
บิวตี้คนเจ็บปวดจนน้ำตาคลอ “ว่าฉันประหลาดเหรอ นี่แน่ะ” พร้อมกับกัดมือธีภพ
“โอ๊ย บิวตี้ เอาอีกแล้วนะ ไปจิกหมาบ้า เลยติดเชื้อมาหรือไง”
“นายนั่นแหละบ้า ฉันเกลียดนาย”
นกบิวตี้บินห่างออกจากธีภพ
“ถ้าธีไม่มีใคร พ่อคิดว่าธีน่าจะจริงจังกับหนูอรมากกว่านี้”
“จริงจัง ยังไงครับ”
“ระดับนายห้างอดิศักดิ์คงต้องมีหลักประกัน ว่าเราไม่ได้คบลูกสาวเขาแบบผิวเผิน ถ้าลูกตกลงพ่อจะไปขอหมั้นให้”
บิวตี้คนตกใจ “หมั้นเลยเหรอ”
ธีภพอึดอัด “เรื่องนี้ ผมขอจัดการเองดีกว่าครับพ่อ”
ธนาโอบบ่าลูกชาย “รีบเดินหน้าเลย ก่อนจะมีมือดี ไม่ใช่สิ มือร้าย มาแย่งไป”
“ใจเย็นครับ ขอเวลาผมอีกหน่อย”
ภาวินีมาโอบธีภพ “เย็นไม่ไหวแล้วจ้ะ แม่อยากอุ้มหลานเต็มทีแล้ว”
บิวตี้คนโมโห “ลูกแหง่ พ่อแม่ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองเลย”
นกบิวตี้บินออกจากบ้านธีภพไป ด้วยความโมโห
“บิวตี้ จะไปไหน” ธีภพมองตามอย่างห่วงใย

นกบิวตี้บินกลับเข้ามาในห้องนอนที่บ้านด้วยความโมโห เปลี่ยนร่างเป็นบิวตี้คน ล้มตัวลงนอนแผ่ หงุดหงิด
“เกลียดที่สุดเลย ผู้ชายอ่อนแอ ไม่เป็นตัวของตัวเอง เชอะ ก็เหมาะแล้วล่ะกับยัยแอ๊บแบ๊ว” บิวตี้หมั่นไส้ทำเสียงเลียนแบบอรวิภา “น้องอรจะจัดดอกไม้ ทำขนมให้พี่ธีอ้วนเป็นอึ่งอ่างเลยนะค้า”
บิวตี้นิ่งไปชั่วขณะ ตกใจความคิดของตัวเองจนต้องผุดลุกขึ้นนั่ง
พึมพำกับตัวเอง “ทำไมต้องสนใจด้วย ไม่เกี่ยวกับฉันซักหน่อย ชิส์ จะเป็นอะไรก็ช่าง” ปิดท้ายด้วยการยักไหล่ ไม่แคร์
เสียงโทรศัพท์บิวตี้ดัง บิวตี้คนมองโทรศัพท์ เห็นชื่อ Fatty และรูปธีภพ
บิวตี้คนกระวนกระวายอยากรับ “จะโทรมาทำไมตอนนี้นะ โอ๊ย รับไม่ได้” บิวตี้ตวาดที่โทรศัพท์ดังไม่หยุด “บอกว่ารับไม่ได้”
บิวตี้คนพยายามใช้มือรับ แต่มือก็แบนๆเหมือนปีก รับไม่ได้
โทรศัพท์หลุดมือซึ่งคือปีก กลิ้งไปที่พื้น เสียงเงียบหายไป
“ก็บอกแล้วไงว่าตอนกลางคืนไม่รับโทรศัพท์ จะโทร.มาทำไมของเค้า”
บิวตี้คนเดินไปเดินมา กระวนกระวายอยากไปหาธีภพ
“ไม่นะ ไม่ไป พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า” บิวตี้สะกดจิตตัวเอง “ฉันต้องทำให้สำเร็จ ต้องชนะ ต้องทำให้ยัยเฉิ่มเบ๊ะหงายเงิบ ไม่คิดเรื่องอื่น ไม่คิด ไม่คิด ไม่คิด”

ส่วนธีภพ กดโทรศัพท์ปิดอย่างหงุดหงิด บ่นกับตัวเอง “ทำอะไรอยู่ถึงไม่รับโทรศัพท์”
ธีภพวางโทรศัพท์อย่างหัวเสีย ว้าวุ่นจนเกิดมโนภาพคิดไปเองว่า ตอนนี้บิวตี้คุยเคล้าคลออยู่กับเจตน์ชาญ ในห้องมืดๆ ใต้แสงเทียน
ธีภพสะบัดหน้าหนีภาพในความคิด ดุตัวเอง “เหลวไหล”
ธีภพทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหงุดหงิด แล้วออกกำลัง Sit up เพื่อไล่ภาพของบิวตี้ออกจากหัว

รุ่งเช้า ป้าจัน พร เพิ่งเข้าบ้านมาเพื่อเตรียมจัดโต๊ะอาหารเช้า สองป้าหลานต้องแปลกใจ ที่เห็นบิวตี้อยู่ในชุดอยู่กับบ้านพร้อมลุยงาน นั่งแก้ไขตรวจดูแพ็ตเทิร์น อย่างขะมักเขม้น
“คุณหนู ตื่นเช้าจังเลยค่ะ คุณหนูจะรับประทานอะไรดีคะ”
“กาแฟกับขนมปังปิ้งก็พอ” บิวตี้หันมาถามพร “ส้มเช้งตื่นหรือยัง”
“เห็นใส่บาตรอยู่กับป้าศรีนวลค่ะ”
“ไปบอกเขาว่าฉันรออยู่นะ”
“ค่ะ” พรรีบออกไป ป้าจันตรงไปทางครัว
บิวตี้แก้ไขแพ็ตเทิร์นอย่างตั้งใจมาดคล่องแคล่ว ดูนาฬิกาแล้วเร่งมือทำแข่งกับเวลา

ส่วนที่ห้องแผนกตัดชุดตัวอย่างเช้านั้น กระตั้ว จ้า เก้ง ปอย พากันนอนหลับระเนระนาดด้วยความเพลียอยู่ในห้องนั้น พักตร์พิมลเข้ามาตรวจ กับปีวรา เห็นทุกคนหลับสนิท
พักตร์พิมลโกรธ “ตื่น ตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้นะทุกคน” เดินไปเขย่าเรียก “กระตั้ว”
กระตั้วเผลอละเมอพึมพำ “ชะนีอย่ายุ่งได้มะ”
“ว้าย” ปีวราตกใจ รีบสะกิดกระตั้วอย่างแรง “กระตั้ว”
พักตร์พิมลแหวใส่ดังลั่น “นี่ฉัน บอสของเธอนะยะ เดี๋ยวเถอะ”
กระตั้วรู้ตัว “อ๊าย อกอีแป้นแตก”
“บ่ายนี้ต้องส่งงานแล้ว มัวแต่นอนกันอยู่ได้ งานถึงไหนแล้ว”
กระตั้วลนลาน “จะเสร็จแล้วค่ะ จะเสร็จแล้วค่ะ” หันไปเขย่าตัวจ้า เก้ง ปอย “ตื่นสิยะนังพวกขี้เซา บริษัทจ้างพวกหล่อนมาทำงานนะยะ ไม่ใช่มานอน”
จ้า เก้ง ปอย ลุกขึ้นท่าทีงัวเงีย
“ไปเอางานมาดูซิ ถ้าไม่เสร็จพวกเธอโดนแน่”
จ้า เก้ง ปอย ลุกไปยกหุ่นที่ใส่ชุดอยู่ออกมา
“เหลือแค่สอยกับเก็บรายละเอียดนิดหน่อยเองค่า รับรองทันแน่” กระตั้วบอก
“ก็รีบทำให้เสร็จสิ แล้วจะได้ซ้อมพรีเซนต์ หนึ่งในสามชุดนี้ต้องได้งานนะ ไม่งั้นอย่าหวังโบนัส” ข่าเสร็จก็เดินออกไป ปีวราตาม
กระตั้วรอให้พักตร์พิมลออกไปพ้นห้องแล้ว ออกปากประชด “เจ้าค่ะทูนหัวของบ่าว” แล้วจึงหันมาจิกลูกน้อง “ได้ยินแล้วใช่ไหม พวกนางทาสในเรือนเบี้ย ทำงานสิยะ เดี๋ยวแม่โบยด้วยแส้”
จ้า เก้ง ปอย ลุกไปทำงานต่อ อย่างเบื่อๆ

บิวตี้กับชาวคณะก็เร่งงานแข่งกับเวลา ทั้งห้องเต็มไปด้วยเศษผ้า และกระดาษทำแบบ มีชุดยังไม่เสร็จอยู่บนตัวหุ่นลองเสื้อ
บิวตี้เย็บผ้าจักรของลลิตา ส้มเช้งเย็บอีกจักรหนึ่ง ดูขันแข็ง เร่งรีบแข่งกับเวลา
ป้าจัน กับพร สอยบางชิ้นผ้าด้วยมือ
ศรีนวลเข้ามา บอกอย่างเกรงใจ “คุณบิวตี้คะ ท่านประธานมาขอพบค่ะ”
บิวตี้เย็บผ้าต่อไม่หยุด “บอกว่าฉันไม่ว่าง กำลังรีบ”
ธีภพเดินตามศรีนวลเข้ามา “ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ เหลืออีกไม่ถึงสามชั่วโมงแล้วนะ”
“ก็กำลังเร่งมืออยู่นี่ไงไม่เห็นเหรอ”
“ถ้าทำตั้งแต่เมื่อคืน ป่านนี้ก็น่าจะเสร็จแล้ว”
บิวตี้หงุดหงิด “นี่คุณ ถ้าจะมาหาเรื่องว่าฉันแค่นี้ ก็กลับไปซะ อย่ามารบกวน ถ้าฉันทำไม่ทันจะถือเป็นความผิดของคุณ”
“ไปก็ได้ แต่คุณทำ Presentation หรือยัง”
บิวตี้เงยหน้ามองธีภพงงๆ “Presentation อะไร”
“ก็ที่จะต้องใช้ประกอบการนำเสนอลูกค้าไงครับ ถ้าคุณปรึกษาคนอื่นบ้างก็น่าจะรู้ เมื่อคืนผมพยายามโทรบอก คุณก็ไม่รับสาย”
“แล้วมาบอกเอาตอนนี้เนี่ยนะ ใครจะไปทำทัน” บิวตี้ละงานกุมหัวกลุ้มหนัก “แค่นี้ก็จะแย่แล้ว”
“ผมจะให้เป็นตัวอย่าง ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ มีข้อมูลอะไรก็เอามา”
“จริงเหรอ ป้าจัน ช่วยเย็บต่อแป๊บนึงจ้ะ” บิวตี้ยิ้มแป้นวิ่งปร๋อไปหยิบแบบและตัวอย่างผ้า
“ผมไปรอข้างล่างก็แล้วกัน” ธีภพเดินออกไป
ป้าจันกับศรีนวลหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มๆ ดูอาการของธีภพกับบิวตี้ออกด้วยสายตาของผู้ใหญ่

ฟากอรวิภาจัดดอกไม้อยู่ในร้าน เครือวรรณเช็คดูตารางนัด
“เพื่อนน้องอรแต่งงานวันไหนนะคะลูก”
“วันเสาร์ค่ะหม่ามี้”
“ตกลง น้องอรจะไปงานกับใครเอ่ย”
อรวิภาเขิน “น้องอรยังไม่ได้ถามพี่เขาเลยค่ะว่าว่างหรือเปล่า”
“ถามเลยสิคะลูกขา ถ้าเขาไม่ว่างก็บอกเลยว่าเราจะไปกับคนอื่น” เครือวรรณหมายถึงเจตน์ชาญ
อรวิภางอน “หม่ามี๊ใจร้าย”
อดิศักดิ์เดินเข้ามพร้อมกับเจตน์ชาญ
“แม่ลูกคุยอะไรกันอยู่”
“หม่ามี้ล้อลูกเล่นน่ะค่ะ” เครือวรรณหันไปทักเจตน์ชาญ “คุณเจตน์มาประชุมหรือคะ”
“ผมเอาแบบร่างมาให้ท่านเจ้าสัวพิจารณาน่ะครับ”
เครือวรรณออกอาการดีใจ “ส่งแบบร่าง แสดงว่าคุณเจตน์ได้ทำแฟชั่นโชว์ในงานสินะคะ ดีใจด้วยค่ะ”
อรวิภาตกใจ “เอ๊ะ ทุกปีบริษัทพี่ธีทำไม่ใช่หรือคะ”
อดิศักดิ์อ้างว่า “ปีนี้งานใหญ่ ทำบริษัทเดียวไม่ไหวหรอก อย่าเพิ่งพูดไป มันยังเป็นความลับ”
อรวิภาข้องใจ ดูพ่อเชียร์เจตน์ชาญจัง
“ผมขอถือโอกาสเชิญคุณอร ให้เกียรติเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ของบริษัทผม ได้ไหมครับ” เจตน์ชาญถาม
“อย่าดีกว่าค่ะ” อรวิภาปฏิเสธทันที
อดิศักดิ์แก้ให้ “น้องอรเขายังเข็ด ตอนที่เดินกับลูกสาวคุณบวร”
“แต่คราวนี้เดินคนเดียวไม่มีปัญหาหรอกค่ะลูกขา น้องอรต้องตอบแทนคุณเจตน์ ที่ช่วยสอนกอล์ฟให้ลูกไงคะ”
“แต่อร ไม่อยากเดินนี่คะ”
เจตน์ชาญทำเป็นเศร้า “น่าเสียดาย เพราะคอนเซ็ปต์ของคอลเล็คชั่นเหมาะกับคุณอรที่สุด”
“คอนเซ็ปท์ว่าอะไรหรือคะ” เครือวรรณสนใจ
“Thai Angel นางฟ้าไทยครับ”
เจตน์ชาญมองอรวิภาตาหวานฉ่ำ อรวิภาหน้าแดง ไม่ยอมสบตา
“อุ๊ย น่าเอ็นดู ฟังแล้วเห็นภาพน้องอรเดินชุดฟินาเลเลยค่ะ”
“เอางี้ เมื่อไหร่คุณเจตน์ทำแบบเรียบร้อย ก็มาคุยกับน้องอรอีกทีก็แล้วกัน”
“ได้ครับผม”

เจตน์ชาญมองอรวิภายิ้มนิดๆ

อ่านต่อหน้า 3

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 14 (ต่อ)

ภายในห้องแสดงแบบเสื้อตัวอย่าง มีรันเวย์ยกพื้นเตี้ยๆ สั้นๆ เตรียมโชว์พรีเซ้นต์แบบให้ตัวแทนจากโรงแรมดู ธีภพกับพักตร์พิมลยืนดูความเรียบร้อยของการเตรียมงาน ทีม กระตั้ว ปีวรา จ้า เก้ง ปอย เตรียมอุปกรณ์ มี นางแบบ 1 คน ที่จะพรีเซ้นต์ชุดโชว์ เติมหน้า เซ็ตผมอยู่

กระตั้วบรีฟงานนัดหมายคิวไปด้วย
“ทุกชุดจะเริ่มด้วยพรีเซ็นเทชั่นก่อนนะ พรีเซ้นต์ เดินชุด1 พรีเซ้นต์ เปลี่ยนชุดเป็นชุด 2 สลับกันแบบนี้ไปจนจบชุด 4 โอเคมั้ย”
นางแบบรับ “ค่ะ”
พักตร์พิมลแย้ง “แต่เสื้อชุดที่ 4 ยังไม่มาเลย จะเอายังไงคะ” พลางดูนาฬิกา “ได้เวลาแล้วด้วย”
“พี่ตามเอง” ธีภพหยิบโทรศัพท์มากด ฟังเสียงเรียกให้รอสาย แล้วถอนใจ “ไม่รับสาย”
พักตร์พิมลยักไหล่ “ทำไม่เสร็จแน่ๆ ไม่เป็นไรค่ะ แพ็ตเตรียมไว้สามชุดแล้ว”
เลขาเข้ามารายงาน “ลูกค้ามาแล้วค่ะ”
ทุกคนรู้งาน กุลีกุจอแยกย้ายกันไปประจำหน้าที่ ธีภพกดโทรศัพท์หาบิวตี้อีกครั้ง แล้วถอนใจ กดวางสายเมื่อเห็นลูกค้าเข้ามาแล้ว ธีภพไหว้ทัก สีหน้าเป็นกังวลมองเลยไปด้านนอกลุ้นบิวตี้
พักตร์พิมลยิ้มเยาะอย่างสะใจ ลุกขึ้นไหว้ต้อนรับลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว
“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งตรงกลางเลยค่ะ จะได้เห็นชัดๆ”
“วันนี้มีกี่แบบให้เลือกคะ” ลูกค้าถาม
พักตร์พิมลสบตาธีภพแวบหนึ่ง ธีภพถอนใจเหมือนจะหมดหวังกับบิวตี้
“ขออุบไว้ก่อนดีกว่า จะได้เซอร์ไพร้ส์ไงคะ”
พักตร์พิมลทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
บิวตี้ ป้าจัน พร ส้มเช้ง สอยชุด เก็บรายละเอียดกันมือเป็นระวิง ทุกคนมือไม้สั่น กังวลกลัวไม่ทัน
ศรีนวลคอยส่งกรรไกร ส่งด้ายให้ทุกคน เสียงโทรศัพท์ดังตลอดเวลา
“โอ๊ยยย รู้แล้วๆ กำลังเร่งอยู่ ป้านวลช่วยรับให้ทีบอกว่ากำลังจะออกไปแล้ว”
“ค่ะ ค่ะ” ศรีนวลรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล คุณบิวตี้” แล้วเงียบฟัง สีหน้าตกใจ “ค่ะ ค่ะ จะบอกให้ค่ะ” หันมาทางบิวตี้ “คุณบิวตี้ขา ลูกค้ามาแล้วค่ะ”
“ตายแล้ว ทำไงดี”
“ส้มเช้งนั่งสอยไปในรถก็ได้ค่ะ”
“พรด้วยค่ะ”
“งั้นไปเร็ว” บิวตี้ลุกขึ้น เก็บชุดโดยเร็ว จะออกไป
“เดี๋ยวค่ะคุณหนูขา คือ...”
“อะไรป้า เร็วๆ ฉันรีบ”
“คุณหนูไม่เปลี่ยนชุดหรือคะ”
บิวตี้ลังเล ตัดสินใจ “ไม่ทันแล้ว ช่างเถอะ” แล้วรีบออกไป
ส้มเช้งกับพรเก็บของวิ่งตามไปติดๆ
“แปลกจัง” ป้าจันเอ่ยขึ้น
ศรีนวล)งน “อะไรหรือป้า”
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่คุณหนูไม่สนใจเรื่องแต่งตัว ขนาดลืมไปเลยแบบนี้”
“คุณบิวตี้เธอเป็นคนทำอะไรทำจริงนะ”
“แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่เอาเลย สาธุขอให้ไปทันทีเทิ้ด เธอจะได้มีกำลังใจทำต่อไป”
ทั้งป้าจันและศรีนวล กังวลห่วงบิวตี้

รถออกมาไม่เท่าไหร่ก็ติดแหงกอยู่บนถนน ส้มเช้งกับพร ก้มหน้าก้มตาสอยชุด บิวตี้ ร้อนใจนั่งไม่ติดสั่งฝรั่ง
“แทรกไปเลยฝรั่ง ฉันจ่ายค่าปรับเอง”
“ไม่ได้ครับคุณบิวตี้ ข้างหน้าเต็มหมดแล้ว”
“งั้นเอาชุดมา ฉันจะไปมอเตอร์ไซค์”
“แต่สอยยังไม่เสร็จนะคะ เหลืออีกนิดนึง” ส้มเช้งบอก
“ช่างเถอะ ฉันแก้ปัญหาเอง” บิวตี้คว้าชุดออกไปจากรถ
ทุกคนเห็นบิวตี้วิ่งไปที่วินมอเตอร์ไซค์ หอบชุดพะรุงพะรังขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป

อีกฟาก กระตั้ว นำเสนอชุดที่ 3 ใกล้จะจบแล้ว ลูกค้าสนใจฟังดี ธีภพมองไปทางประตู ลุ้นให้บิวตี้มา พักตร์พิมลแอบมองอย่างขุ่นใจ ว่าจะห่วงอะไรนักหนา
“ทั้งผ้าและแบบของชุดที่สามนี้ แสดงให้เห็นถึงความโก้หรู แต่ก็ได้บวกความเป็นธรรมชาติ ความเป็นไทยได้อย่างกลมกลืนและลงตัว”
เสียงเพลงขึ้น นางแบบออกมา เดินบนรันเวย์
ลูกค้าท่าทางพอใจ พยักหน้าน้อยๆ พร้อมกับเขียนติชม ลงในกระดาษ
ธีภพดูนาฬิกา มองประตู แล้วถอนใจ นางแบบเดินกลับเข้าไปด้านหลัง ลูกค้าปรบมืออย่างพอใจ
เวทีว่าง ทุกคนมองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูก
ลูกค้า 2 ถาม “ชุดสุดท้ายแล้วใช่ไหมครับ”
พักตร์พิมลจงใจรอให้ธีภพเป็นคนพูด
“ครับ สุดท้ายแล้ว”
ลูกค้า 1ยิ้มบอก “ดีค่ะ แค่นี้ก็ตัดสินใจลำบาก จะแย่แล้ว”
บิวตี้ พรวดพราดเข้ามาพร้อมชุด “เดี๋ยวค่ะ”
ทุกคนหันมามองบิวตี้อย่างสงสัย สภาพบิวตี้ดูมอมแมมเพราะเพิ่งลงจากมอเตอร์ไซค์ ใส่ชุดอยู่กับบ้าน หัวยุ่งฟู บิวตี้เชิดหน้าเรียกความมั่นใจ
“ดิฉัน ลัลน์ลลิต พรรษบวรพงศ์”
ลูกค้า 1 เพิ่งจำได้ แปลกใจนิดๆ “อ๋อ คุณลัลน์ลลิต แฟชั่นดีว่า”
“ค่ะ แต่วันนี้ดิฉันมาในฐานะดีไซเนอร์ที่จะทำให้พนักงานของคุณ คล่องแคล่วสวยหรู ดูดี มีหัวใจรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดิฉันมีบางอย่างที่จะเซอร์ไพร้ส์ทุกคนค่ะ เริ่มจากผู้พรีเซ้นต์งานของดิฉันเลยนะคะ เชิญท่านประธาน ธีภพค่ะ ท่านจะเป็นผู้พรีเซ้นต์ด้วยตัวเองค่ะ”
ทุกคนอ้าปากค้างรวมทั้งธีภพ ที่จ้องหน้าบิวตี้ เขม็ง บิวตี้ใช้สายตาสั่งให้ธีภพทำ
ธีภพจำใจตกกระไดพลอยโจน “ครับ” ชายหนุ่มกระแอม คิดคำพูด “ความพิเศษของชุดนี้ เริ่มตั้งแต่ความพิถีพิถันในการเลือกผ้าทอมือจากเส้นใยธรรมชาติ”
ภาพจากพาวเวอร์พ้อยท์ฉายขึ้นจอ เป็นผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ บิวตี้รีบเลี่ยงไปด้านหลัง

บิวตี้หอบเสื้อวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน ส่งชุดให้จ้า สั่ง “เปลี่ยนชุดเร็ว”
จ้า เก้ง ปอย ช่วยกันเปลี่ยนชุดให้นางแบบ
“อุ๊ย ตรงชายนี่มันลุ่ย เย็บไม่เสร็จหรือคะ”
เห็นชายกระโปรงไม่เรียบร้อย
“มีเข็มกลัดไหม” บิวตี้ถาม
“ไม่มีเลยค่ะ” เก้งบอก
“กาวล่ะ” ทุกคนส่ายหน้า
“สก็อตเทปก็ได้” ทุกคนส่ายหน้าสิ้นหวัง
บิวตี้เหลือบเห็นเทปพันสายไฟ รีบไปดึงมาแปะ ร้องสั่ง “ช่วยกันเร็ว”
จ้า เก้ง ปอย ช่วยรวบรวมเทปพันสายไฟมาติดตามมีตามเกิด
“สแตนด์บาย เร็วเข้า” กระตั้วบอก
บิวตี้สั่งนางแบบ “ไม่ต้องกังวลนะเดินให้มั่นใจ”
นางแบบไม่มั่นใจนัก “แล้วถ้ามันหลุดกลางรันเวย์ล่ะพี่”
“ก็เดินไปอย่าให้ผิดสังเกต”
นางแบบไม่สบายใจเอาเลย “หนูกลัวหน้าแตกอ่ะพี่”
บิวตี้ถอนใจกลัดกลุ้ม กระตั้วแอบยิ้มเยาะ

เพลงดังอยู่นานพอควร รันเวย์ยังว่างเปล่า ทุกคนมองหน้ากันอย่างอึดอัดใจ พักตร์พิมลส่งสัญญาณถามกระตั้วที่แอบโผล่หน้าดูว่าเกิดอะไรขึ้น
กระตั้วอึกอักกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พักตร์พิมลส่ายหน้ากับธีภพอย่างเอือมระอาบิวตี้
พักตร์พิมลบอกกับลูกค้า “คงมีอะไรขัดข้อง เดี๋ยวไปดูให้นะคะ”
พักตร์พิมลลุกขึ้น ยังไม่ทันก้าวเดิน บิวตี้เดินมาตามรันเวย์ เป็นนางแบบเองอย่างมั่นใจ
ลูกค้า 1ปรบมืออย่างชื่นชอบ “โอ้โห คุณลัลน์ลลิตลงทุนเดินแบบเองเลย”
ธีภพเผลอปรบมือ และมองตามบิวตี้อย่างชื่นชมวิธีการแก้ปัญหา พักตร์พิมลเห็นอาการของธีภพ ก็ไม่พอใจ

บิวตี้เดินมาจนสุดรันเวย์ ขากลับ ชายกระโปรงเริ่มลุ่ยลง กระตั้วส่งสัญญาณชี้ที่ชายกระโปรง บิวตี้เดินเร็วทำชายกระโปรงฉวัดเฉวียน โชว์ความคล่องแคล่ว ดึงดูดสายตาคนดูไปที่อื่น
บิวตี้เดินไปสุดทางเดิน หันมาโพสท่าอย่างงดงาม แล้วเดินกลับเข้าไป ทุกคนปรบมือให้
ลูกค้า 2 บอก “สุดยอดครับ สมกับเป็นดีว่าจริงๆ”
พักตร์พิมลหน้างอ ไม่พอใจ

บิวตี้รอฟังผลการเลือกจากลูกค้าอยู่ในห้องด้านหลังเวที ทุกคนแอบลุ้นแบบของตัวเองเงียบๆ บิวตี้ยังใส่ชุดที่ออกแบบเอง ค่อยๆ แกะเทปออกจากชุด เสียเซ้ลฟ์ หมดความมั่นใจ
“ลูกค้าคงจะไม่เลือกแบบของฉันหรอก เทปอิรุงตุงนังขนาดนี้”
“อาจจะไม่สังเกตก็ได้ค่ะ เห็นทุกคนมองคุณตาค้าง” เก้งว่า
“งั้นก็ไม่ดีกับเสื้อฉันน่ะสิ ฉันต้องทำให้เสื้อผ้าดูดี ไม่ใช่ตัวเอง”
“แต่ชุดของคุณเก๋ดีนะคะ หนูยังชอบเลย” จ้าบอก
“ขอบใจนะ” บิวตี้มองชุดสามชุดที่แขวนอยู่ “ฉันก็ชอบดีไซน์ของพวกเธอเหมือนกัน”
“แต่ของคุณมันดู ล้ำ เป็นตัวของตัวเอง กล้าดีค่ะ” ปอยว่า
บิวตี้ยิ้ม ได้ความมั่นใจกลับมา “แน่นอนอยู่แล้ว นี่ถ้าเสร็จสมบูรณ์มันจะเริดกว่านี้อีก”
กระตั้วเข้ามา “ลูกค้าตัดสินใจได้แล้ว เชิญดีไซเนอร์ที่รันเวย์ค่ะ”
บิวตี้ลุกขึ้น จะออกไปทั้งที่ยังใส่ชุดริมรุ่ยๆ
“เปลี่ยนชุดก่อนดีไหมคะ ถ้าลูกค้าเลือกแบบของคุณอาจจะเปลี่ยนใจได้” กระตั้วปากดี
“ช่างเถอะ เราต้องซื้อสัตย์ต่อลูกค้าไม่ใช่เหรอ ถ้าแบบของฉันไม่ได้รับเลือกก็แสดงว่าฉันยังฝึกไม่พอ ต้องฝึกต่ออีกเท่านั้นเอง จริงไหม”
“จริงค่ะ” จ้า เก้ง ปอย ประสานเสียง ยิ้มให้บิวตี้อย่างเป็นมิตรและยอมรับ

ลูกค้า 1 มองบิวตี้ และ ทีมดีไซเนอร์ทีละคน ลูกค้า 2 กระซิบแอบชี้ให้ลูกค้า 1 ดูชายกระโปรงลุ่ยๆของบิวตี้
ลูกค้า 1บอกธีภพ “เราขอเวลาทบทวนอีกแป๊บนึงนะคะ” พลางแยกไปหารือกันเงียบๆไกลออกไปหน่อย ทุกคนอึดอัดกระวนกระวาย ธีภพมองบิวตี้อย่างเห็นใจ
พักตร์พิมลมองบิวตี้อย่างตำหนิ บิวตี้สู้สายตาพักตร์พิมลไม่ยอมแพ้ ลูกค้ากลับมานั่งที่
พักตร์พิมลเอ่ยถาม “ตัดสินใจได้หรือยังคะ”
ลูกค้า 1 บอก “ค่ะ เราคิดว่า แบบที่ 4 มีความโดดเด่นและสามารถตอบโจทย์ของเราได้”
บิวตี้ดีใจ ลิงโลดสุดขีด “เย้ เยส เยส”
ทีมดีไซเนอร์ จ้า เก้ง ปอย เข้ามารุมล้อมแสดงความยินดี ธีภพอมยิ้มมองบิวตี้อย่างชื่นชม บิวตี้หันมาชูไม้ชูมือให้ธีภพ
พักตร์พิมลเผลอทักท้วงด้วยความโกรธ “แต่มันยังไม่เสร็จนะคะ”
ลูกค้า 2เสริม “เราดูจากแนวคิดครับ แบบที่ 4 มีความสดของไอเดีย”
ลูกค้า 1บอกอีก “มีความจริงใจที่จะเสนอความคิด และตั้งใจทำงาน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค อันนี้โดนใจมากค่ะ เพราะตรงกับวิสัยทัศน์ของบริษัทเราพอดี”
“ยินดีที่จะได้ทำงานร่วมกันนะครับ คุณลัลน์ลลิต” ลูกค้า2 ยื่นมือให้จับ
บิวตี้จับมือกับลูกค้า ยิ้มอย่างสดชื่น มั่นใจในตัวเอง

พักตร์พิมลโกรธจัด แต่ต้องข่มต่อหน้าลูกค้า

อ่านต่อหน้า 4

เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 14 (ต่อ)

บิวตี้หอบของพะรุงพะรังมาตามทางเดินจะกลับบ้าน ของบางชิ้นหล่น บิวตี้ก้มลงเก็บ พอหันมา ปะทะเข้ากับธีภพที่กำลังเดินมาหา ทุกสิ่งเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่

“ผมจะมาแสดงความยินดี แล้วก็ขอบคุณที่ทำให้บริษัทได้งานนี้”
“ได้อยู่แล้วละ สบายมาก อ้อขอบคุณนะคะที่ช่วยพรีเซ้นต์ให้อาจจะได้คะแนนตรงนี้ช่วยด้วยก็ได้”
“จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้อง ฉันเอารถที่บ้านมา คุณไปเที่ยวกับคุณน้องอรของคุณเถอะ”
“ตอบดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องไปพูดถึงคนอื่นเลย”
“เรื่องจริงนี่ ฉันทำงานผ่านต่อไปนี้ก็ไม่ต้องฝึกงานแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับฉันหรอก” บิวตี้เดินหนีท่าทีงอนๆ
“เดี๋ยว บิวตี้”
บิวตี้หันมา “อะไรอีกล่ะ”
“พรุ่งนี้มีประชุมกรรมบริหาร คุณเข้าประชุมด้วยนะ แต่งตัวให้สมกับตำแหน่งประธานบริษัทด้วย”
บิวตี้หันมาสีหน้าเฉยเมย “ประชุมกี่โมงคะ”
“คุณจะได้เป็นประธานอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ดีใจเลยเหรอ”
“จะดีใจทำไมคะ ฉันรู้สึกว่ามันช้าไปด้วยซ้ำ น่าจะประกาศตั้งนานแล้ว”
“หลงตัวเองไปหรือเปล่าจริงๆ ผมอยากให้ฝึกต่ออีกซักเดือนนึงด้วยซ้ำ งานวันนี้ยังไม่ได้มาตรฐานเลยนะ ที่ได้เพราะโชคช่วยเท่านั้นแหละ”
“ไม่เชื่อ ฉันรู้ความสามารถของตัวเองดี ฉันทำได้และจะทำให้ธนบวรเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาล”
เชิดใส่ธีภพ แล้วเดินออกไป ธีภพส่ายหน้า ทั้งระอาใจทั้งขำ

คืนนั้นพักตร์พิมลนั่งกินข้าวคนเดียว ท่าทางหงุดหงิด พาล กินไม่ลง กรเทพเข้ามาเห็นจึงแวะมาทัก
“เห็นว่าวันนี้พรีเซ้นต์แบบเสื้อกันสนุกมาก ลูกค้าชมทางพ่อด้วย”
พักตร์พิมลหงุดหงิด “สนุกตรงไหนคะ ยัยบิวตี้เกือบทำขายหน้าทั้งบริษัท มีอย่างที่ไหนเอาชุดที่ยังไม่เสร็จมาพรีเซ้นต์”
“แต่ลูกค้าก็เลือกงานของบิวตี้ไม่ใช่เหรอ”
พักตร์พิมลขึ้นเสียง “เลือกเพราะเห็นเขาเป็นนางแบบคนดังต่างหากล่ะคะ แถมพี่ธียังช่วยพรีเซ้นต์งานให้มันอีก ไม่ยุติธรรมเลย”
“แต่มันก็ช่วยให้เราทำงานสะดวกขึ้นนะ”
“แล้วลูกน้องของแพ็ตที่เขาไม่ดัง ไม่มีพ่อรวย ไม่มีคนช่วยละคะ เขาออกแบบดีกว่า แต่ไม่ได้รับเลือก ดันไปเลือกชุดบ้าๆ บอๆ ที่ตัดไม่เสร็จด้วยซ้ำ”
“แพ็ตรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดจาดูหมิ่นลูกค้า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
พักตร์พิมลพาล “แพ็ตจะพูดนี่มันบ้านของแม่แพ็ต แพ็ตมีสิทธิ ถ้าพ่อเข้าข้างมันก็ไปอยู่กับมันสิคะ”
“นี่เราจะพูดกับพ่อดีๆ เกินสามคำบ้างได้ไหม” กรเทพเหนื่อยใจ
“แล้วพ่อจะว่าแพ็ตดีกว่ายัยบิวตี้บ้างได้ไหมล่ะคะ”
พักตร์พิมลเดินหุนหันออกจากในบ้านไปด้วยความโกรธ

พักตร์พิมลเดินโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงมายังบริเวณกรงนกในบ้าน
“เธอขึ้นมาได้เพราะเป็นลูกเจ้าของบริษัท เท่านั้นแหละ ซักวันฉันจะแฉให้ทุกคนเห็นว่าเธอมันก็แค่คนนิสัยเสีย หลงตัวเอง ไม่มีความรับผิดชอบ ใจดำอำมหิต”
พลางพักตร์พิมลหยิบไม้มาฟาดระบายอารมณ์ ไม้กระเด็นไปโดนกรงนกโดยไม่ตั้งใจ นกร้องเซ็งแซ่
พักตร์พิมลเดินไปเกาะกรงนก มองนกเหมือนเกิดความคิดอะไรบางอย่าง
“เธอมันคนสติไม่ดี ไม่ควรจะได้เป็นผู้บริหารบริษัทอะไรทั้งนั้น”
พักตร์พิมลจ้องมองไปที่นกด้วยสายตาแลดูน่ากลัว ฝูงนกแตกตื่นบินไปบินมา

เช้าแล้ว บิวตี้ นั่งเอนหลับตาอย่างแสนสุข ที่หน้าพอกครีม หมักผมห่อไว้ด้วยผ้าคลุมผม ช่างเล็บกำลังทำเล็บให้
บิวตี้พูดเสียงเคลิ้มๆ “อืมม ตั้งแต่ฝึกงานไม่เคยมีเวลาได้ดูแลตัวเองเต็มคอร์สอย่างนี้เลย” ผ่อนลมหายใจอย่างเป็นสุข “ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาเป็นคุณหนูบิวตี้คนเดิมเสียที”
พรท่าทีเกรงใจ มือถือแคตตาล็อกชุดมาถาม “คุณหนูจะเลือกชุดเลยไหมคะ”
บิวตี้ปรี๊ด “นี่ ฉันกำลังหลับตาอยู่ไม่เห็นเหรอ สมองน่ะหัดเอาไว้คิดบ้างว่าควรจะเข้ามาเวลาที่ฉันพักผ่อนไหม”
พรเสียงสั่นคล้ายจะร้องไห้ “ขอโทษค่ะ”
บิวตี้หงุดหงิด “ไปร้องไห้ที่อื่น วันนี้วันมงคล ไม่อยากเห็น” ด่าทั้งที่ยังหลับตา
ทุกคนนิ่งไปไม่กระดุกกระดิกกระดิกตัว บิวตี้หลับตาอยู่
ศรีนวลมายืนข้างเก้าอี้ พูดเสียงเย็นเฉียบสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าเป็นตัวของตัวเองแล้วกับมาเป็นลัลน์ลลิตตัวร้ายอย่างแต่ก่อน ที่ฝึกมาทั้งหมดก็สูญเปล่า”
บิวตี้จะลืมตาขึ้นมอง แต่ตาหนักอึ้ง ปากก็แทบยกไม่ขึ้น “ใครอะ คราย”
ภาพจากสายตาที่หนักอึ้งของบิวตี้ เห็นเป็นปรมะเทวียืนอยู่แทนที่จะเป็นศรีนวล บิวตี้ดิ้นพล่านพยายามจะลุกขึ้น
“มาตรวัดความดีใกล้จะเต็มอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาพร่องลงอีกเพราะไม่รู้จักรักษาความดี เช่นนั้นก็เตรียมตัวรับกรรมอันหนักหนาสาหัสเถิด” ปรมะเทวีบอก
บิวตี้พูดอู้อี้ “แกจะทำอะไรฉัน นังแม่มด ไม่นะ”
ร่างปรมะเทวีส่องประกายเจิดจ้า จนบิวตี้ต้องเอามือป้องหน้า แสงขององค์เทวีหายวูบไปพร้อมกับร่าง บิวตี้ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง ตาเบิกโพลง อย่างคนตื่นจากฝันร้าย
“ไม่นะ”
ป้าจันกำลังวางของว่าง สะดุ้งตกใจ “ว้าย ตาเถร คุณหนูเป็นอะไรคะ”
“หยิบกล่องที่โต๊ะนั่นให้หน่อย” บิวตี้ชี้
ป้าจันหยิบมาส่งให้ บิวตี้เปิดดู มาตรวัดความดี มีสีดำเกิดขึ้น แต่ยังไม่มากนัก
บิวตี้พึมพำกับตัวเองอย่างหวาดหวั่นในใจ “รับกรรมอันหนักหนาสาหัส”

ธีภพ พักตร์พิมล กรเทพ ธนา ชูชาติ และกรรมการบริหารธนบวร 3 คน พร้อมอยู่ในห้องประชุมแล้ว เลขาธีภพแจกเอกสารให้ทุกคนแล้วออกไป ธีภพมองหาบิวตี้อย่างกังวลใจ
สักครู่บิวตี้เดินเข้ามา บุคลิกดูสง่า งดงาม หมดจด ประณีตตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกคนแม้จะรู้จักบิวตี้ดีก็ยังอดตะลึงมองไม่ได้ ธีภพเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนนั่งหัวโต๊ะ แล้วจึงลงนั่งเคียงข้างบิวตี้
“ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วนะครับว่า บริษัทธนบวรของเรามีประธานร่วมกันสองคน คนหนึ่งคือผม ส่วนอีกคนหนึ่ง ทุกท่านคงรู้จักกันดีแล้ว คุณลัลน์ลลิต พรรษบวรพงศ์”
ทุกคนปรบมือ บิวตี้ไหว้ทุกคนยกเว้นพักตร์พิมล
“ผมขอแจ้งอย่างเป็นทางการว่า คุณลัลน์ลลิตได้จบหลักสูตรอบรมผู้บริหารของบริษัท ด้วยการฝึกงานในแผนกต่างๆ ต่อไปนี้เธอจะฝึกงานในสำนักงานใหญ่ในฐานะผู้บริหาร ผมขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญคุณธนา โปรดต้อนรับเธออย่างเป็นทางการครับ”
เลขาเอาช่อดอกไม้เข้ามา
ธนารับมามอบช่อดอกไม้ให้ บิวตี้ “ยินดีต้อนรับนะหลาน วันนี้อาดีใจมาก คุณพ่อคุณแม่ของหลานก็คงภูมิใจมากเช่นกัน”
บิวตี้ไหว้ขอบคุณ น้ำตาคลอ “ขอบพระคุณค่ะ”
พักตร์พิมลเอ่ยขึ้น “ไหนๆ คุณลัลน์ลลิตก็เข้ามารับตำแหน่งประธานท่านที่ 2 อย่างเต็มตัวแล้วไม่ทราบว่าท่านประธานท่านใหม่ มีนโยบายอะไรจะแถลงให้ที่ประชุมทราบไหมคะ”
“วันนี้ยังไม่อยู่ในวาระการประชุม เอาไว้ครั้งต่อไปก็ได้นะครับ” กรเทพออกตัวแทน
“ขอบคุณคุณพักตร์พิมล ที่กรุณาเปิดโอกาสให้ดิฉันพูด ความจริงดิฉันยังใหม่ต่องานมาก ถึงจะได้ฝึกงานในโรงงานมาแต่ก็ยอมรับว่ายังขาดประสบการณ์ คงต้องขอฝากตัวเป็นศิษย์ รับการแนะนำจากทุกท่าน” บิวตี้ไหว้ทุกคนท่าทีอ่อนน้อม
ทุกคนรับไหว้ชื่นมื่น
มีนกบินผ่านโต๊ะประชุมไป
“ว้าย นก เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”
นกอีกสองสามตัวบินเข้ามา ส่งเสียงร้องลั่น แถมกระพือปีกใส่
พักตร์พิมลผวา ด้วยความกลัว ชี้นกวุ่นวาย “อุ๊ยนก ว้ายนก”

บิวตี้นั่งตัวแข็ง ท่าทางโกรธจัดเหมือนจะระเบิดออกมา ไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่ง

อ่านต่อตอนที่ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น