เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 13
บ่ายวันเดียวกันนั้น ธีภพทำทีเป็นเดินมาตรวจงานที่แผนกตัดผ้า แต่ใจจริงคือเป็นห่วงบิวตี้อยากรู้ว่ามาทำงานหรือเปล่า
เขายืนรีๆ รอๆ อยู่สักครู่ ก่อนตัดสินใจก้าวเข้าไป กวาดสายตามองหาบิวตี้ แต่ต้องผิดหวัง คนงานที่ทำงานกันอยู่ เห็นธีภพก็ละงานในมือหันมาไหว้ทักทาย
ธีภพเอ่ยถาม “คุณลัลน์...” แต่ยั้งปากไว้ “เอ่อ...ทำไมวันนี้คนดูน้อย ลาหลายคนเหรอ”
“สองคนครับป้าศรีนวลลาป่วย ส้มเช้ง เอ๊ย นวลจันทร์ ออกไปกับคุณหนูครับ”
ธีภพแปลกใจปนผิดหวัง “อ้าว ไปไหนกัน”
“ได้ยินว่าไปรับป้าศรีนวลออกจากโรงบาลครับ”
ธีภพแปลกใจมากขึ้น “คุณลัลน์ลลิต ไปด้วยเหรอ”
“ครับผม”
ธีภพหน้าม่อย ผิดหวังที่ไม่ได้เจอบิวตี้
เสียงโทรศัพท์เข้า ธีภพเดินออกมาจากห้องตัดผ้าเพื่อรับสาย ดูชื่อแล้วรับเสียงอ่อนโยน
“ครับน้องอร”
อรวิภาอยู่ที่ร้านดอกไม้และกาแฟ
“พี่ธีขา หม่ามี๊ให้โทร.เชิญพี่ธีไปดูละครด้วยกันที่รัชดาลัยคืนนี้ค่ะ พี่ธีว่างไหมคะ เพื่อนๆบอกว่าเรื่องนี้สนุกมาก”
“เย็นนี้หรือครับ” ธีภพเงียบไป พยายามหาข้อแก้ตัว
อรวิภาเสียงเศร้า หน้าเศร้า “ไม่ว่างอีกแล้วหรือคะ”
ธีภพนึกสงสาร “เปล่าครับ พี่กำลังเช็คนัดอยู่ ว่างครับ น้องอรจะให้ไปรับกี่โมง”
อรวิภาดีใจทันตา “เลิกงานแล้วมาเลยนะคะ จะได้มาทานข้าวกันก่อน”
ธีภพลังเลอีก ด้วยเป็นห่วงบิวตี้ “ตอนเลิกงาน พี่มีธุระสักชั่วโมงนึง เสร็จแล้วจะรีบไปรับนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ เย็นนี้เจอกันนะคะพี่ธี”
“ครับ” ชายหนุ่มวางสาย ถอนใจเฮือก ไม่กระตือรือร้นเรื่องนัด ใจกลับคิดถึงแต่เรื่องบิวตี้
ฝ่ายบิวตี้เข้ามาในรั้วบ้านศรีนวลแล้ว มองไปรอบๆ พบว่าทั้งเล็กคับแคบและเก่า แต่ดูสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ
ส้มเช้งประคองศรีนวลเข้ามานั่งในห้อง ฝรั่งอุ้มองุ่นมานอนที่เตียงพักขององุ่น ท่าทางองุ่นดูอ่อนเพลียไม่น้อย
ศรีนวลเชื้อชวนเป็นทางการ “เชิญค่ะคุณหนู บ้านคับแคบต้องขอโทษด้วยนะคะ”
ฝรั่งปากเสียตามประสา “ระวังกลิ่นคนจนติดคุณหนูหน่อยนะแม่”
ศรีนวลเอ็ด “หรั่ง อย่าลามปามคุณหนู ขอโทษ เดี๋ยวนี้”
ฝรั่งทำเฉยไม่ขอโทษ
“หรั่งเธอไม่ชอบฉัน เพราะฉันรวยอย่างงั้นเหรอ ช่วยไม่ได้ที่ฉันเกิดมามีเงิน แต่ฉันไม่เคยรังเกียจคนจน ฉันรังเกียจแต่คนโกง กับคนอตัญญู แม่ของหรั่งช่วยฉันมาตลอด ฉันถึงต้องมาดูแล เพราะฉันไม่เคยลืมบุญคุณ”
ฝรั่งอึกอักเจอคนจริง ยอมยกมือไหว้ขอโทษบิวตี้ “ผมขอโทษ ผมนึกว่าคุณทำแม่เจ็บ เลยต้องช่วยแบบไม่จริงใจ”
บิวตี้ย้ำ “ฉันเกลียดคนไม่จริงใจ เกลียดสุดๆ”
“ผมก็เหมือนกัน คุณหนูนี่ คอดใจเลย” ฝรั่งเริ่มสนิท ตีฝีปากศัพท์วัยรุ่นใส่
ส้มเช้งปราม “ทะลึ่งแล้วๆ”
ฝรั่งไหว้บิวตี้อีกท่าทีน่าขัน “โทดค้าบ”
ทุกคนหัวเราะกัน
ป้าเจ้าของบ้านเช่าแวะมาดู ท่าทางดูออกว่าเค็มจัด
“กลับมาแล้วเหรอแม่นวล รีบหายเร็วๆ นะเดี๋ยวไม่มีค่าเช่า”
ศรีนวลยิ้ม “จ้ะ ฉันเตรียมไว้แล้ว”
เจ้าของบ้านมองสำรวจบิวตี้แล้วผลุบหายไป
“ญาติป้าเหรอ” บิวตี้งง
“เจ้าของบ้านน่ะค่ะ ป้าขอแบ่งเช่าห้องเขา”
บิวตี้งงไม่รู้เรื่องแบบนี้ “หมายความว่าบ้านนี้ไม่ใช่ของป้าทั้งหมดเหรอ”
“ค่ะ ป้าไม่มีปัญญาเช่าทั้งหลังหรอกค่ะ” ศรีนวลถามอาการองุ่น “ท่าทางเพลียๆ เป็นไงลูก”
องุ่นไม่ตอบ หอบอย่างเหนื่อยล้า หลับตา ศรีนวลลูบหัว กอดองุ่นอย่างห่วงใย
บิวตี้สลดใจเรื่องบ้าน แต่มองความรักความห่วงใยของแม่ลูกอย่างเต็มตื้น
ส้มเช้งยกน้ำมา คุยกับศรีนวล “จะได้เวลาฟอกไตแล้วนี่แม่” แล้วหันมาทางบิวตี้ “น้ำค่ะ”
“ชงน้ำหวานให้น้องกินแก้เพลียหน่อย ชงเผื่อคุณบิวตี้ด้วย”
“ไม่ต้อง ฉันดื่มน้ำเปล่าได้” บิวตี้ยอมดื่มน้ำจากบ้านคนอื่นเป็นครั้งแรกในชีวิต
ส้มเช้งเข้าไปชงน้ำหวาน
บิวตี้มององุ่น แล้วมองศรีนวลอย่างห่วงใย “ป้ามือเจ็บอย่างนี้จะพาลูกไปโรงพยาบาลยังไง”
ศรีนวลถอนใจท่าทีกลัดกลุ้ม “คงต้องให้ส้มเช้งลางานค่ะ”
บิวตี้ฟังแล้วสะเทือนใจ “ทุกคนเดือดร้อนไปหมดเลยนะ”
“ป้าไม่ระวังตัวเอง มันเป็นคราวเคราะห์น่ะค่ะ”
บิวตี้นึกโกรธขึ้นมา “ไม่ใช่เคราะห์หรอก ยัยแพ็ตเป็นคนทำป้าเจ็บเขาต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นฉันจะไล่เขาออก”
ศรีนวลเตือนสติ “ขอร้องล่ะค่ะ อย่าให้ป้าเป็นต้นเหตุเลย คุณพักตร์พิมลเป็นพี่ของคุณไม่ใช่หรือคะ ถ้าคุณไล่เธอออก ทุกคนจะมองว่าคุณใจดำไล่ได้แม้แต่พี่ของตัวเอง”
บิวตี้หยุดคิดตามคำของศรีนวล
ฟากพักตร์พิมลดูป้ายชื่อใหม่ ที่กระตั้วทำมาให้เพื่อติดหน้าโต๊ะ ด้วยความสะใจ
เห็นชื่อในป้ายเปลี่ยนเป็นว่า พักตร์พิมล นันทิภาคย์
“ดี ต่อไปนี้จะได้เลิกพูดว่าฉันนามสกุลเดียวกับยัยบิวตี้เสียที” พักตร์พิมลนึกถึงพ่อแล้วเจ็บใจ “ไม่เห็นจะอยากเป็นพี่น้องกับคนอย่างนั้นเลย” พลางหันไปสั่งการ “ปีวรา เปลี่ยนนามสกุลของฉันในเอกสารทั้งหมดจากพรรษบวรพงศ์ เป็นนันทิภาคย์ เดี๋ยวนี้เลย”
“ค่ะ แล้วต้องทำเป็นจดหมายแจ้งทุกแผนกไหมคะ”
“ทำ บอกด้วยว่าเป็นนามสกุลเก่าของคุณแม่ฉัน” พักตร์พิมลบอก
“ได้ค่ะ”
กระตั้วกังวล “คุณแพ็ตขา คือตั้วฮ้วงห่วงอ่ะค่ะ ว่าเปลี่ยนนามสกุลแล้วไพออริตี้ สิทธิพิเศษ เอเวอรี่ธิง ที่คุณแพ็ตได้เคยรับ จะหายไปไหม อ่ะคะ”
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันทำประโยชน์ให้ธนบวรมากขนาดไหน นามสกุลไม่เกี่ยว”
“ตั้วได้ยินว่านางขาดงานไปตั้งหลายวัน เห็นว่าวันนี้รูดการ์ดเข้างานแล้วก็ออกไป ยังไม่กลับเลยค่ะ”
พักตร์พิมลดุ “แล้วทำไมเพิ่งบอก” หันไปสั่งปีวราอีก “ปีวรา ไปถามมาให้รู้เรื่องซิว่าเขาหายไปไหน”
ปีวราอึดอัดใจ “ปีกำลังทำจดหมายที่คุณแพ็ตสั่งค่ะ”
พักตร์พิมลตวาด “เอาไว้ก่อน บอกให้ไปถามเรื่องยัยบิวตี้ก็รีบไปสิ”
“ค่ะ” ปีวราจะออกไป
กระตั้วอาสาเอาใจพักตร์พิมล “ตั้วขอไปด้วยค่ะ เผื่อจะได้ช่วยปั่นไฟ ใส่กระแสให้แซบเว่อร์เลยค่ะ”
พักตร์พิมลพยักหน้า กระตั้วออกไปกับปีวรา
ตอนกลางวันเดียวกันนี้ อดิศักดิ์เชิญเจตน์ชาญมากินน้ำชาคุยเรื่องธุรกิจเป็นการส่วนตัวที่บ้าน ในฐานะคนคุ้นเคย
“คุณเตรียมการเรื่อง Thailand Fashion Week ไว้ยังไงบ้าง พอจะเปิดเผยได้ไหม”
“ด้วยความยินดีครับ ผมจะจัดแฟชั่นโชว์คอเล็กชั่นใหม่”
“เพื่อโปรโมทสินค้าหรือเปล่า”
“ไม่เชิงครับ ผมตั้งใจจะยกระดับขึ้นเป็น Asian Inspired Haute Couture”
อดิศักดิ์ยิ้มปลื้ม “ดี ผมอยากให้ทำแบบ High end เลย ขอบอกเป็นการส่วนตัวนะว่าผมจะเชิญ คุณ มิลเลอร์ บ.ก. แฟชั่นแห่ง DAZZ มางานนี้ด้วย”
เจตน์ชาญตื่นเต้น “เกรซ มิลเลอร์ จะมา หรือครับ”
“ใช่ ถ้าผลงานดีเข้าตาเขา งานของคุณจะได้ลงหนังสือ ดังไปทั่วโลก”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ ขอบพระคุณที่ท่านกรุณาบอกข่าว”
“ขอให้เก็บเป็นความลับด้วยนะ ผมจะบอกเฉพาะคนที่มีศักยภาพพอเท่านั้น ทาง DAZZ เขาบอกมาเลยว่าเกรซ ไม่ชอบเสียเวลากับงานที่ไม่เข้าขั้น”
“ครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
เครือวรรณ กับ อรวิภาเข้ามาสมทบ
อรวิภาชะงักเมื่อเห็นเจตน์ชาญ
“อ้าวคุณเจตน์ ไม่ทราบว่าคุณเจตน์อยู่ด้วย” เครือวรรณยิ้มทัก
“ป่าป๊าเชิญมาคุยธุระน่ะ คุยเสร็จพอดี หม่าม๊าน้องอรมากินน้ำชาด้วยกันเลย” อดิศักดิ์บอก
“น้องอรไปจัดให้ค่ะ” อรวิภาอึดอัดจะเลี่ยงไป
“ไม่ต้อง เขาเตรียมพร้อมหมดแล้ว นั่งคุยกันดีกว่า”
เจตน์ชาญรินน้ำชาให้เครือวรรณ แล้วเตรียมจะรินให้อร
“ไม่เป็นไรค่ะ อรรินเองได้” หญิงสาวดึงถ้วยหนี แต่รีบร้อนจนทำถ้วยล้มมีเสียง
เจตน์ชาญมองอร ยิ้มกวนๆ แล้ววางกาให้รินเอง
“วันนี้ไม่ไปที่ร้านหรือครับ”
อรวิภาทำเป็นไม่ได้ยินไม่ตอบ เครือวรรณตอบแทน
“ไปแล้วค่ะ น้องอรเขาต้องรีบกลับมาแต่งตัวจะไปดูละครกับคุณธีภพคืนนี้”
“น่าสนุกนะครับ ดูเรื่องอะไรครับ”
อรวิภาทำเป็นหันไปสั่งสาวใช้ ไม่ตอบ “ติ๋ม เอาครีมมาเพิ่มอีกซิ”
เจตน์ชาญเก้อ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อุ๊ย จริงสิ อรต้องเตรียมช่อดอกไม้ไปให้นักแสดงด้วย น้องอรไปจัดก่อนนะคะเดี๋ยวไม่ทัน”
สาวโลกสวยตัดบทแล้วรีบเดินออกไปเลย อดิศักดิ์ เครือวรรณ ห้ามไม่ทัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
กระตั้ว กับปีวราเดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าแผนกตัดผ้า ทำทีผลุบๆโผล่ๆ เพื่อหาทางจะเข้าไปสืบดูที่ด้านใน
“เดินไปเดินมาอย่างงี้จะรู้เรื่องเหรอคะ ทำไม่ไม่เข้าไปถามเลยล่ะ” ปีวราบอก
“ยัยปี เธอนี่เอ๋อเหรอมาก ไม่มีชั้นเชิงเลย อยากล้วงข่าวลึกๆ มันต้องค่อยๆ สืบเสาะเจาะไช หาข้อมูลให้รอบด้านสิจ๊ะ อุ๊ตะ แหล่งข่าวมาโน่นแล้วเห็นมะ”
กระตั้วเห็น เนย นี และติ๋ม เข็นรถขนผ้ามาส่งที่แผนกตัด ทุกคนแต่งหน้า ทำผม สวยงามสมกับที่บิวตี้เคยสอน
“แหมๆ แผนกสโตร์เดี๋ยวนี้หน้าเด้งทะลุถึงหน้าโรงงานเลยนะ จะไปไหนจ๊ะ” กระตั้วทักไม่วายประชด
เนยแดกหัวกลับ “ขนผ้ามาซะขนาดนี้ คงไปจ่ายตลาดมั้งคะ”
กระตั้วหมั่นไส้ “วุ้ย สำบัดสำนวนนะยะเดี๋ยวนี้ ถือว่ามีประธานร่วมหนุนหลังหรือไง”
นีไม่อยากมีเรื่อง “เนยมันชอบพูดเล่นน่ะค่ะ”
“จะเล่นให้ก็มันรู้มั่งว่าใครเป็นใคร คุณลัลน์ลลิตเขาไม่ใช่ว่าจะปลื้มอะไรพวกเธอนักหนา เขาฝึกงานเสร็จเมื่อไหร่ ระวังจะโดนเช็คบิลเรียงหัว ไม่รอดแน่” กะเทยก้ามปูขู่กลายๆ
เนย นี ติ๋ม มองหน้ากัน ชักหวั่นใจขึ้นมาอีกแล้ว ปีวราสะกิดกระตั้วให้เลิกพูด
บิวตี้กลับมาจากบ้านศรีนวลพอดี เดินผ่านมาจะเข้าแผนกตัด
กระตั้ว ปีวรา เนย นี ติ๋ม เห็นต่างพากันไหว้บิวตี้อย่างนอบน้อม
บิวตี้ยิ้มทักแค่สามสาว “เอาผ้ามาส่งเหรอ พวกเราที่สโตร์เป็นไงมั่ง”
“สบายดีค่ะ” ติ๋มประจบ “พวกเราคิดถึงท่านประธานทู้กคนเลยค่า”
กระตั้วแอบเบะปากใส่
“ขอตัวก่อนนะ ต้องรีบไปจัดการเรื่องป้าศรีนวล” พลางหันมาจ้องหน้ากระตั้วกับปีวราฝากคำไปถึงพักตร์พิมล “บอกบอสเธอด้วยนะว่าทำอะไรลงไป หัดรับผิดชอบบ้าง” แล้วเดินเชิดเข้าแผนกตัดโดยไม่สนรอฟัง
เนยระแวง “อุ่ย ท่านประธานจะจัดการอะไรป้านวล”
ปีวราหวั่นใจ “ท่านประธานโกรธป้านวลที่ทำให้บริษัทเสียชื่อหรือเปล่า”
ติ๋มท้วงงงๆ “ป้าแกทำบริษัทเสียชื่อตรงไหน”
ปีวราบอก “ก็เรื่องความปลอดภัยในการทำงานไง เห็นว่าบริษัทประกันจะไม่ยอมจ่ายนะ”
กระตั้วเสริมทันที “เออจริงด้วย มิน่าล่ะถึงมาเหวี่ยงใส่คุณแพ็ต มีเจ้านายขี้วีนขี้เหวี่ยงแบบนี้น่ากลัวว่ะ ไม่รู้จะปรี๊ดแตกไล่เราออกวันไหน”
“รีบไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวเธอออกมาเจอจะเดือดร้อนกันหมด” ปีวราสรุป
เนย นี และติ๋ม รีบเข็นเอาของไปส่งแผนกตัด ทิ้งให้กระตั้วยืนบ่นอยู่กับปีวรา
กระตั้วมองสำรวจปีวรา “ยัยปี เห็นติ๋มๆ แต่แอบแรว๊งนะจ๊ะเธอ”
ปีวรางวยงงสงสัย “แรง ตรงไหนเหรอ”
“หยั่มมาๆ (อย่ามาๆ) แหมป้านวลทำบริษัทเสียชื่อด้านความปลอดภัย เริด ประชุมเพลิงเป็นเหมือนกันนะยะ”
“เปล่านะ ปีพูดไปตามตรง ผิดด้วยเหรอ” ปีวราทำหน้าเด๋อ เหรอหราโดยไม่ได้ตั้งใจ
พักตร์พิมลโกรธจัดพอฟังคำที่บิวตี้ฝากมาจากปากกระตั้ว
“ยัยบิวตี้เนี่ยนะ กล้าว่าคนอื่นไม่รับผิดชอบ”
กระตั้วใส่ไฟต่อ “ว่าต่อหน้าคนงานเลยค่ะ”
พักตร์พิมลตาวาว คิดแค้น “จอมสร้างภาพ ยังกะตัวเองดีนักนี่”
ปีวราห่วงป้าศรีนวล “นั่นสิคะ ได้ยินว่าเธอจะจัดการกับป้าศรีนวลค่ะ”
“จัดการเรื่องอะไร” พักตร์พิมลงง
“คงจะไล่ออกตามนิสัยเดิมมั้งคะ” กระตั้วว่า
“ดี ให้มันไล่เลย จะได้รู้กันทั้งบริษัท ว่ามันเป็นคนยังไง”
พักตร์พิมลแค้นเคืองบิวตี้เป็นที่สุด
“เดี๋ยวกระตั้วกระพือให้เองค่ะ” กะเทยก้ามปูกดโทรศัพท์ส่งไลน์ กระจายข่าวอย่างเมามัน
พักตร์พิมลมองกระตั้ว ปล่อยให้ส่งไลน์ไป โดยไม่คิดจะห้าม
ตกตอนเย็น เสียงกริ่งหมดเวลาดังขึ้น คนงานกรูกันออกมา เนย นี และติ๋ม ออกมากับกลุ่มคนงาน
ติ๋มเปิดโทรศัพท์เช็คไลน์ แล้วตกใจ “ว้าย ตายแล้ว ประธานคนใหม่ไล่ป้าศรีนวลออก”
นีตกใจเช่นกัน “จริงเหรอ”
ติ๋มส่งไลน์ให้นีกับเนยอ่าน “นี่ไง”
เนยนึกได้ “ตอนไปส่งผ้า เขาก็บอกว่าจะจัดการป้านวลไง”
คนงานอีกหลายคนก็เช็คไลน์แล้วจับกลุ่มวิจารณ์กัน ทุกคนมีท่าทางโกรธ และไม่เห็นด้วย
บิวตี้เดินผ่านมาอย่างรีบร้อนจะกลับบ้านให้ทันแปลงร่าง เลยไม่สนใจดูใคร
ทุกคนหยุดพูด สะกิดกัน แอบมองบิวตี้
คนงานบางคนหวาดระแวง หลบๆ กลัวอำนาจ บางคนมองตามเคืองๆ
ธีภพจอดรถรอบิวตี้อยู่
บิวตี้รีบเดินผ่านมุ่งจะกลับบ้าน ไม่ทันเห็นธีภพ พอดีมีรถแท็กซี่เข้ามาส่งคน บิวตี้รีบขึ้น รถออกไปเลย
ธีภพทั้งหงุดหงิดและผิดหวังโดยไม่รู้สาเหตุ
พระอาทิตย์ล้าฟ้าไปแล้ว บิวตี้เริ่มกระสับกระส่ายด้วยความเจ็บปวด แต่ดูคุ้นชินมากขึ้น รอรับการเปลี่ยนร่างอย่างสงบ ร่างบิวตี้เปลี่ยนเป็นนกหงส์หยก ขยับไปกินอาหารนกที่เตรียมไว้
บิวตี้คนในคราบนก กินอาหารนกเลอะปาก ทอดถอนใจ “วันนี้ต้องบินไกลอีกแล้ว สู้สู้”
จังหวะนี้แสงสีทองปรากฏขึ้น
บิวตี้เคือง “มาทำไมอีกล่ะ”
แสงสีทองลอยวน แล้วหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง
“บอกว่าไม่ไปไง วันนี้ฉันจะไปที่อื่น ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย ฉันรู้นะว่าเธอไม่ใช่ปีศาจหิ่งห้อยหรอก เธอมัน ผีกระสือ ใช่มั้ยล่ะ”
แสงสีทองวูบหายไปเหมือนโกรธ
บิวตี้เยาะเย้ย “พอรู้ทัน รีบหายไปเลย เชอะ ฉันไม่กลัวพวกเธออีกแล้ว ยัยแม่มด ยัยหิ่งห้อย ยัยผีกระสือ ถอนคำสาปให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย”
บิวตี้ท้าทายแสงสีทองอย่างไม่เกรงกลัว
แสงสีทองวูบกลับมายังสรวงสวรรค์ กลายเป็นปรมะเทวีท่าทางขุ่นเคืองที่ถูกบิวตี้ว่า
“ผีกระสือ นางเรียกเราว่าผีกระสือ”
นางฟ้าลลิตาขำ ก้มหน้าซ่อนยิ้ม พลางอธิบาย “ลัลน์ลลิตเข้าใจผิดไปตามเรื่องเล่าขาน ว่ากระสือนั้นปรากฏกายในรูปของดวงไฟ”
ปรมะเทวีถอนใจ “เราเลยไม่อาจนำพานางไปประกอบกรรมดี”
“เทวีเมตตานัก แต่บัดนี้ลัลน์ลลิตสามารถเลือกทางที่ถูกได้ด้วยตนเองแล้วค่ะเทวี”
ปรมะเทวีฉงน “ท่านแน่ใจหรือ”
สองนางฟ้ามองจ้องจอภาพดูบิวตี้เรียลิตี้ต่อ เห็นนกบิวตี้บินปร๋อออกไปจากบ้าน
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 13 (ต่อ)
อรวิภาเดินเคียงธีภพอยู่หน้าโรงละครรัชดาลัย เหมือนจะประกาศตัวให้รู้ว่ากำลังคบหาใกล้ชิด เครือวรรณทิ้งระยะพอควร ทำเป็นหยุดทักทาย พูดคุยกับคนโน้นคนนี้ให้อรได้อยู่ตามลำพังกับธีภพ
อรวิภาชี้ชวนธีภพดูโน่นดูนี่ ถ่ายรูปทั้งเดี่ยวและคู่
ธีภพทำตามเพื่อเอาใจ ไม่ได้รู้สึกสนุก กับการถ่ายรูปหรือมาดูละครวันนี้
เจตน์ชาญปรากฏตัว เห็นอรวิภากระหนุงกระหนิงอยู่กับธีภพ ก็คลี่ยิ้ม นึกสนุกอยากเอาชนะ อยากแกล้งอรวิภา
เจตน์ชาญจงใจเข้าไปทัก “อ้าวคุณธีภพ ชอบดูละครเวทีเหมือนกันหรือครับ”
“ครับ ละครดีใครๆ ก็ชอบ”
เจตน์ชาญบอกให้รู้ “เมื่อตอนกลางวันผมไปบ้านคุณอร ได้ยินคุณอรบอกว่าจะมาดูสี่แผ่นดินฯ ก็เลยสนใจ”
อรวิภาโกรธหน้างอ ย้อนแย้งคอแข็ง “หม่ามี๊บอกค่ะ ไม่ใช่อร”
เจตน์ชาญ ยิ้มยิ่งสนุก จงใจยั่วต่อ “อ้อ ครับ แต่ยังไงก็ดีใจนะครับ ที่ได้เจอคุณอรมากับคุณธีภพดูละครให้สนุกนะครับ” พลางขยับจะไป
เครือวรรณรีบเข้ามาขัดจังหวะ “อ้าวคุณเจตน์ มาดูละครเหมือนกันหรือคะ”
“ครับ ได้ยินคุณเครือวรรณพูด ฟังดูน่าสนุก ก็เลยตามมาครับ”
“ดีค่ะ มากันเยอะๆอุดหนุนละครไทยนะคะ คุณเจตน์มีสูจิบัตรหรือยัง ไปค่ะไปซื้อสูจิบัตรกัน” เครือวรรณควงแขนเจตน์ชาญแยกไป
ธีภพมองตามเจตน์ชาญ สงสัยว่าทำไมยุ่งเกี่ยวกับทั้งบิวตี้และอรวิภา “นายเจตน์เขาไปที่บ้านอรบ่อยหรือครับ”
“ไม่บ่อยหรอกค่ะ เค้าไปพูดธุระกับป่าป๊า”
ธีภพมองตามเจตน์ชาญและเครือวรรณที่ดูสนิทสนมกัน
อรวิภาอ้อน “พี่ธีขาเราไปนั่งรอที่ร้านกาแฟตรงนั้นเถอะค่ะ น้องอรเมื่อยขาแล้ว”
“ครับ”
ธีภพกับอรวิภาเดินไปนั่งที่ร้านกาแฟของโรงละคร
เจตน์ชาญหันมามองตามธีภพและอรวิภา ประเมินว่าความสัมพันธ์ของสองคนว่าไปถึงขั้นไหน
แสงไฟภายในโรงละครสว่าง ก่อนเริ่มเปิดการแสดง
เครือวรรณ อรวิภา และ ธีภพเข้านั่งที่ แถวที่แพงที่สุดแล้ว อรวิภานั่งคั่นกลางระหว่างแม่และธีภพ
“น้องอรช่วยปิดเสียงโทรศัพท์ให้แม่ทีสิลูก แม่มองไม่เห็น” เครือวรรณส่งโทรศัพท์ให้
“พี่ธีขา ช่วยหน่อยค่ะ รุ่นของหม่าม้าน้องอรทำไม่เป็น” สาวโลกสวยส่งต่อให้ธีภพ
“ได้ครับ” ธีภพจัดการปิดเสียงโทรศัพท์ให้
เจตน์ชาญ เดินเข้ามาในแถวเดียวกันขอทางธีภพ “ขอโทษครับ”
ธีภพคุ้นหู เงยหน้าขึ้น สบตาเยาะๆ ของเจตน์ชาญเต็มๆ
“ขอทางหน่อยครับ”
ธีภพขยับ ลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดทาง เจตน์ชาญนั่งลงข้างเครือวรรณ
“อุ๊ยได้ที่นั่งติดกันเลย โชคดีจัง”
“ครับ ผมโชคดีจัง” เจตน์ชาญยิ้มเลยมาถึงอรวิภาอย่างจงใจ
อรวิภา ทั้งอึดอัดใจ ทั้งหงุดหงิด ธีภพนั่งนิ่ง ไม่มองไปทางเจตน์ชาญแม้แต่น้อย
ส้มเช้งตักแกงจืดร้อนๆ มาวางกลางวง มีกับข้าวทำเองอยู่ 2-3 อย่าง ทุกคนกินข้าวที่พื้นห้อง ใกล้องุ่นที่นอนอ่อนเพลียอยู่
“มาแล้วจ้า แกงจืดร้อนๆ”
นกบิวตี้บินมาเกาะดูที่หน้าต่าง แล้วหลบไปหลังที่กำบัง เป็นบิวตี้คนแอบโผล่หน้าออกมาดู
“ผัดผัก แล้วยังแกงจืดอีก ไม่จี๊ดใจเลย ฝีมืออ่ะมีมั้ย” ฝรั่งบ่น
“ไม่ต้องมาบ่น อยากจะกินจี๊ดกินแซบก็ไปทำเองไป๊”
ศรีนวลเอ็ด “อย่าทะเลาะกันน่า นานๆ ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน องุ่นกินแกงจืดนะลูก แม่ป้อนให้”
“แม่กินเถอะจ้ะ ส้มเช้งป้อนน้องเอง” ส้มเช้งป้อนข้าวองุ่น “เป็นไงฝีมือพี่”
“อร่อยจ้ะ แต่ยังสู้แม่ไม่ได้” องุ่นว่า
ศรีนวลติง “อย่าพูดอย่างงั้น เราต้องขอบคุณพี่เขาที่ช่วยทำแทนแม่ทุกอย่าง”
องุ่นไหว้ “ขอบคุณจ้ะพี่ส้มเช้ง”
บิวตี้ซึ้ง “ป้าศรีนวลสอนลูกดีจัง”
“พี่ส้มเช้งเพื่อนที่เจดกาเม้นท์ มันบอกว่าค่าโอที่นั่นดีนะ พี่ไม่ลองไปทำดูเหรอ” ฝรั่งว่า
ศรีนวลห้ามเลย “ไม่ได้นะ บริษัทนั้นเขาเป็นคู่แข่งกับเรา”
“ทำไมละแม่ เป็นคู่แข่งยิ่งดีเราจะได้โก่งค่าตัวแพงๆ” ฝรั่งบอก
“ไม่เอาหรอก ขืนย้ายไปหมด ทางนี้จะทำไง” ส้มเช้งแย้ง
“คิดถูกแล้วลูก บุญคุณ ต้องตอบแทน”
ฝรั่งปากเสียตามสไตล์ “แม่กับพี่ส้มเช้งก็ทำงานให้เขาแล้วไง”
ศรีนวลดุ “แกไม่เห็นเหรอว่าเจ้านายเขาดีกับเราแค่ไหน ดูซิคุณบิวตี้เป็นถึงประธานบริษัทยังมาส่งแม่ถึงบ้าน แกพูดจาไม่ดีใส่เขา เขายังสอนแกจนแม่ซึ้งเกือบร้องไห้ แบบนี้จะทรยศไปทำงานให้คนอื่นได้ยังไง”
ฝรั่งเซ็ง “คิดงี้เมื่อไหร่เราจะลืมตาอ้าปากได้ซะทีล่ะแม่”
“ถึงไม่รวยแต่ก็ไม่อับจน คนอกตัญญูไม่มีทางเจริญหรอก จำคำแม่ไว้”
บิวตี้คนซึ้งใจ จนน้ำคลอ “ขอบใจนะจ๊ะป้า”
ตอนเช้าธีภพมารับบิวตี้ไปทำงานด้วยกันตามเคย แต่สีหน้าเครียดขรึม บิวตี้เดินเข้ามาในชุดสาวโรงงาน
“คุณธี ฉันมีเรื่องจะปรึกษา”
ธีภพเงียบ ไม่สนใจ เดินนำออกไป
บิวตี้งง “นี่ ฟังฉันก่อนสิ คนพูดด้วยแล้วเดินหนีแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
“คนไปรอรับแล้วหนีกลับโดยไม่บอกกล่าว ก็ไม่ดีเหมือนกัน”
“ก็คนกำลังรีบ ช่างมันเถอะนะ นี่ช่วยคิดหน่อยสิ ว่าจะทำยังไง ให้ป้าศรีนวลกับครอบครัวยอมย้ายมาอยู่กับฉันที่บ้าน”
“ถามป้าเขาหรือยังว่าเขาอยากไปไหม”
“ยัง แต่เราจะปล่อยให้พนักงานดีๆ ต้องอยู่อย่างลำบากลำบนไม่ได้ ฉันจะจ้างป้ากับลูกๆ ของแกเอง”
“จะจ้างได้สักกี่เดือน กี่วัน คุณชอบไล่คนออกเป็นว่าเล่นไม่ใช่เหรอ”
บิวตี้โกรธ “ฉันไล่ออกเพราะคนพวกนั้นไม่จริงใจกับฉันต่างหาก แต่คราวนี้ฉันเชื่อว่าป้าศรีนวลกับลูกๆจริงใจกับฉัน และไม่โกหกด้วย”
ธีภพจ้องตา “แน่ใจนะ”
“คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอ” บิวตี้ชักโกรธ ลอยหน้าลอยตาประชด “ก็ได้ ฉันทำไปเพราะอยากสร้างภาพให้ตัวเองดูดี ที่จริงฉันแค่อยากมีคนรับใช้เยอะๆ แล้วที่ให้เข้ามาอยู่ในบ้านเพราะเขาจะได้สำนึกบุญคุณไม่กล้าลอบกัดฉัน ส่วนลูกคนเล็ก ก็แค่อยากจับมาแต่งตัวเล่นแทนตุ๊กตา เท่านั้นหละ พอใจหรือยัง”
ธีภพขำ แกล้งถอนใจระอา “ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่าไม่เชื่อที่คุณพูด”
บิวตี้อึ้ง “คุณเชื่อฉัน จริงอ่ะ”
ธีภพพยักหน้า “ผมเชื่อคุณ”
บิวตี้ไม่อยากเชื่อ “เป็นไปได้ยังไงเนี่ย ฉันเลวร้ายมากในสายตาคุณไม่ใช่เหรอ”
ธีภพจิตใจหวั่นไหว “เดี๋ยวนี้ ก็... ไม่เลวร้ายเท่าไหร่... แต่ก็...มีบ้าง... เป็นบางที”
“นี่ด่าหรือชมกันแน่ จะชมก็ชมดีๆสิ” บิวตี้จ้องหน้ารอคำชมจากธีภพ
ธีภพเผลอสบตากับบิวตี้ เคลิบเคลิ้มไปด้วยกันทั้งคู่
ธีภพระงับใจ “เอาเป็นว่า ผมจะช่วยพูดกับป้าศรีนวลให้ก็แล้วกัน”
บิวตี้ถอนใจ ผิดหวังอย่างประหลาดที่ธีภพไม่พูดอะไรซึ้งๆ
“ไปช่วยพูดตอนนี้เลย ไป”
บิวตี้ดึงแขนธีภพออกไป
ศรีนวลยังเข้าเฝือกอยู่ตกใจกับการชวนของบิวตี้
พูดจาตะกุกตะกัก “ปะ...ไปอยู่บ้านของคุณน่ะหรือคะ”
“ใช่ ป้าจะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่า ช่วงที่ป้ายังใช้มือไม่สะดวกจะมีคนดูแลทั้งป้าแล้วก็องุ่น ส้มเช้งกับฝรั่งจะได้ทำงานเต็มที่ไม่ต้องเป็นห่วง” บิวตี้อธิบาย
ธีภพมองบิวตี้อย่างทึ่ง แววตาอ่อนโยน เป็นกำลังใจ
ส้มเช้งปัด เกรงใจสุดๆ “อย่าเลยค่ะ ป้าเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ บ้านคุณบิวตี้มีห้องว่างเยอะแยะ”
ส้มเช้งทักท้วง “แต่ จะให้ไปอยู่เฉยๆ มันจะดีเหรอคะ”
“ไม่ได้อยู่เฉยๆ ส้มเช้งยังทำงานบริษัท เมื่อไหร่ที่ฉันได้เป็นประธาน ฉันจะเลื่อนให้เป็นตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน พอป้าหายดีแล้วฉันจะให้ป้าเป็นหัวหน้าแม่บ้าน ส่วนฝรั่งฉันจะส่งเสียให้เรียนไปด้วย ขับรถให้ฉันด้วย ดีมั้ย”
ฝรั่งชอบใจ “โห จริงอะ รถที่บ้านคุณหนู สงสัยจะมีแต่รถแรงๆ ขับมันเลยดิ”
ธีภพบอกกับบิวตี้ “แต่คงต้องให้ไปอบรมกับพนักงานขับที่บริษัทก่อน”
ศรีนวลเกรงใจ ยังดูลังเลอยู่มาก “มัน...รบกวนคุณมากเกินไป”
“ไม่มากหรอกจ้ะ ป้าหวังดี คอยเตือน คอยช่วยฉันอย่างจริงใจมาตลอดทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใคร ถ้าไม่มีป้าฉันคงฝึกงานไม่สำเร็จ”
ศรีนวลกังวลไม่คลาย “ป้ากลัวบริษัทต้องสิ้นเปลืองกับป้ามากไป”
“ไม่ใช่บริษัทหรอก ฉันจะดูแลป้าเอง ฉันเคยจ้างคนเป็นสิบๆ แค่นี้ป้าไม่ต้องห่วงหรอก”
โดนใจฝรั่งอีกแล้ว “โห สุดยอด ใจอีกแล้วครับพี่น้อง”
“แล้วแต่ป้าจะตัดสินใจนะครับ แต่ผมขอรับรองว่า จะช่วยดูแลเอง ถ้าไม่แน่ใจ งานที่ธนบวรจะเปิดรับป้าและครอบครัวตลอด”
บิวตี้หันมาทางองุ่นยิ้มบอก “องุ่น ไปอยู่ด้วยกันนะ บ้านฉันมีสวนดอกไม้ด้วย แล้วฉันจะสอนให้องุ่นทาเล็บสวยๆ ด้วยนะ ไปไหม”
องุ่นยิ้มอย่างตื่นเต้น “ไปค่ะ แม่จ๋า ไปอยู่บ้านคุณบิวตี้กันเถอะ”
ศรีนวลไหว้บิวตี้ และธีภพอย่างตื้นตัน “ขอบพระคุณค่ะ” ลูกๆ พากันไหว้ตาม
บิวตี้รับไหว้ ยิ้มอย่างอ่อนโยน หันมาสบสายตากับธีภพที่ยิ้มและมองมาอย่างอบอุ่น จนบิวตี้เขิน
“คุณช่วยจัดการเรื่องทางบริษัทให้ป้าด้วยนะคะ”
ธีภพยิ้มขำบิวตี้พูดเพราะ “ครับผม”
บิวตี้เขินอีก ทำเป็นมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาธีภพ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาหันกลับจากจอฉายภาพ ท่าทีรื่นเริงยินดี
“ลัลน์ลลิตเรียนรู้ที่จะเชื่อใจในความดีของผู้อื่นแล้วค่ะ”
“นางมีบุญที่ได้พบกับกัลยาณมิตร”
“แต่ทำไมมาตรวัดความสัมฤทธิ์ยังอยู่คงที่คะเทวี”
มาตรวัด มีแสงสีทอง อยู่ในระดับเดิมจากคราวที่แล้ว
ปรมะเทวีมองมาตรวัดอย่างครุ่นคิด “อาจจะเป็นเพราะลัลน์ลลิตยังมองข้ามความสำคัญของบางสิ่ง”
นางฟ้าลลิตาสลด “ลัลน์ลลิตมองเห็นแต่ตนเองมานาน” พลางพูดกับบิวตี้ทางจอภาพ “พยายามอีกนิดเถิด ความดีนั้นทำยากยิ่ง แต่อย่าท้อถอย เพียรทำดีให้มากขึ้นไปอีก”
“เรายังหนักใจ เรื่องเงื่อนไขของเวลา ลัลน์ลลิตมิได้มีเวลาสะสมบุญมากนัก”
นางฟ้าลลิตาเข้มแข็งเชื่อมั่นในลูก “แต่ลัลน์ลลิตต้องทำได้ค่ะ” พลางแตะบิวตี้ในจอ “ลูกต้องทำได้”
ส่วนปีวรา อ่านเอกสารด่วนมากจากเมลของบริษัท แล้วตกใจ
“คุณแพ็ตขา ฝ่ายเอช อาร์ แจ้งว่า ป้าศรีนวลลาออกแล้วนะคะ”
พักตร์พิมลแปลกใจ “ออกจริงเหรอ ลาออกหรือไล่ออก”
“ฝ่าย เอช อาร์บอกว่าลาออกนะคะ”
กระตั้วสะใจ “จะลาออกหรือไล่ออก ก็เข้าทางเราค่ะ”
ปีวรางง “ยังไง”
“ก็ตั้วกับ ปี ไปจุดกระแสว่าคุณบิวตี้จะจัดการกับป้านวลแล้วไงคะ ป่านนี้ข่าวลือ สะพัดไปทั่วโรงงานแล้วค่ะ”
พักตร์พิมลสะใจ “สนุกละ ประธานคนใหม่ที่คนงานไม่ยอมรับ”
“อาจจะมีการสไตร้ค์ เป็นครั้งแรกของธนบวรก็ได้นะคะ” กระตั้วว่า
พักตร์พิมลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่รู้สิ ฉันไม่เกี่ยวนะ”
กระตั้วยิ้มอย่างสะใจ ปีวราดูตื่นเต้นตกใจ
เนย นี ติ๋ม และคนงานที่อยู่ในช่วงพักกลางวันกำลังรุมดูโปสเตอร์ที่มีศรีนวล พร้อมข้อความ
“เจ็บเพราะทำงาน โดนแกล้งให้ออก มนุษยธรรมอยู่ที่ไหน?”
คนงานหน้าเครียด มีความวิตกและโกรธแค้น
“ใจทำด้วยอะไรเนี่ย” เนยด่า
นีฮึดฮัด “เกินไปแล้ว”
ติ๋มสรุป “ต้องประท้วง”
รถธีภพ แล่นมาถึงหน้าบริษัทธนบวรแล้ว ธีภพกับบิวตี้เพิ่งกลับจากบ้านศรีนวล มาทำงานที่บริษัท
ธีภพพยายามจะบอกข่าว “บิวตี้ คุณฝึกงานแผนกตัดมาพอสมควรแล้ว ผมคิดว่า...”
“เดี๋ยว ขอเสนอไอเดีย ก่อนจะลืม คือ มันมีเครื่องมือตัดแบบที่เซฟกว่านี้มั้ย ถึงจะตัดไม่ดีเท่าแบบเดิมแต่ความปลอดภัยของพนักงานน่าจะมาก่อนนะ”
“เป็นความคิดที่ดี เขียนลงในสมุดรายงานสิ ไม่ส่งมาหลายวันแล้ว”
“ก็...ก็ฉันไม่สบาย”
ธีภพยิ้มเยาะ “ไม่สบายแต่ให้คนมาพาหนีออกจากโรงพยาบาล เนี่ยนะ”
บิวตี้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง “นายพูดเรื่องอะไรของนาย ใครพาหนี”
“เรื่องส่วนตัวคุณ ผมไม่อยากยุ่งหรอก แต่อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณเป็นผู้บริหารของธนบวร”
บิวตี้โกรธจะเถียง เลขาโทร.เข้ามา
“ท่านประธานคะ”
ธีภพรับ “มีอะไร”
“คนงานประท้วงไม่ยอมเข้างานค่ะ”
บิวตี้ได้ยิน มองธีภพอย่างตกใจ
“ประท้วงเรื่องอะไร”
“เรื่อง ท่านประธานร่วมคนใหม่ ไล่ป้าศรีนวลออกค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปชี้แจงเอง”
ธีภพวางสาย บิวตี้ถามอย่างร้อนใจ “เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ”
“คนงานประท้วง เขาว่าประธานร่วมคนใหม่ ไล่ป้าศรีนวลออก”
บิวตี้โกรธจัด “ไม่จริง ฉันไม่ได้ไล่ออกซักหน่อย”
รถของธีภพแล่นเข้ามา เห็นคนงานถือป้ายประท้วงอยู่
เห็นป้ายประท้วงเขียนด้วยลายมือคนงานดูออกว่ารีบทำ เนื้อความส่วนใหญ่ล้วนต่อต้านบิวตี้ เช่น
“เจ็บเพราะทำงาน โดนแกล้งให้ออก มนุษยธรรมอยู่ที่ไหน?” / “ผู้บริหารใจดำ” / “สวยสังหาร” / “ธนบวรจะอยู่อย่างไรถ้าผู้บริหารไร้คุณธรรม” / “นายใจร้าย อยู่ไปก็ท้อแท้” / “เมตตาธรรมค้ำจุนธนบวร” /
“เราไม่เอาผู้บริหารใจร้าย”
พอรถจอด เลขาธีภพพุ่งเข้ามาเปิดประตูรถให้อย่างร้อนใจ
บิวตี้ไม่รอ เปิดประตูเองเตรียมพุ่ง ด้วยอารมณ์โกรธ เหมือนระเบิดจะลง ทั้งโกรธจัดและเสียใจ
“โกหก ใส่ร้ายกันชัดๆ แบบนี้เอาไว้ทำไม”
ธีภพรีบดึงมือบิวตี้ “เดี๋ยว อย่าใจร้อน”
“ไม่ร้อนได้ไง เกิดมาไม่เคยมีใครด่าฉันขนาดนี้เลย ต้องไล่ออกไปให้หมด”
“คนงานทุกคนมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว จะไล่เขาออกง่ายๆ ไม่ได้หรอก”
“แล้วไง ปล่อยให้ฉันโดนด่าฟรีเหรอ”
“เขาก็แค่พยายามจะช่วยป้าศรีนวลเพราะเข้าใจผิด เราไปอธิบายดีๆ เขาก็คงเข้าใจ ไม่ต้องใช้อารมณ์” ธีภพแตะบ่าบิวตี้ปลอบ “ใจเย็นๆ พี่พูดให้เอง”
บิวตี้หยุด ประทับใจกับคำแทนตัวว่า พี่ ของธีภพ อารมณ์เย็นลงอย่างรวดเร็ว
ธีภพเดินไปเผชิญหน้ากับคนงานที่กำลังโกรธอย่างใจเย็น ท่าทีองอาจ
“พวกเราเข้าใจผิดแล้วละ ป้าศรีนวลลาออกจากบริษัท ไม่ได้ถูกไล่ออก”
คนงานฮือฮาส่งเสียงเซ็งแซ่ “ไม่เชื่อ” / “ไหนหลักฐาน” / “แกล้งกันชัดๆ”
บิวตี้สวนออกมา “ก่อนจะว่าใครโกหก...”
ธีภพดึงมือบิวตี้บีบแน่นห้ามในที เป็นคนอธิบายต่อ “ที่ป้าศรีนวลลาออก เพราะคุณลัลน์ลลิตเห็นว่าป้าบาดเจ็บคงทำงานที่โรงงานไม่สะดวก เลยให้ไปช่วยงานที่บ้านของเธอ ถ้าไม่เชื่อจะส่งตัวแทนไปถามป้าก็ได้”
คนงานลังเล “อ้าว จริงเหรอ” / “แล้วใครบอกไล่ออกวะ”
ธีภพบอกต่อ “คุณลัลน์ลลิตรับอุปการะครอบครัวป้าศรีนวลทุกคน ตอนนี้ป้ากับลูกๆ ก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณลัลน์ลลิตเรียบร้อยแล้ว”
เนยตาเหลือก รีบทิ้งป้ายก่อนใคร “นั่นไง นึกแล้วเชียว ท่านประธานคนใหม่คือแม่พระของพวกเรา” พร้อมกับตบมือนำ
คนงานอื่นปรบมือตามเนย
“ทั้งสวย รวย เก่ง แล้วยังใจดี อีก” นีโยนป้ายทิ้ง
“ว้าย ใครเอาป้ายมาใส่มือฉันเนี่ย” ติ๋มทิ้งป้ายอย่างรังเกียจ
“พวกเราต้องขอโทษที่เข้าใจผิดท่านประธานค่ะ” เนยไหว้อย่างอ่อนน้อม
คนงานเข้ามาไหว้ขอโทษบิวตี้และธีภพ
“ทีหลังมีอะไรมาถามกันตรงๆ ดีกว่า แล้วนี่ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ” บิวตี้ถาม
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลัก ปฏิเสธ โทษกันไปมาให้วุ่น
“คือว่า มันลือต่อๆ กันมาน่ะค่ะ” ติ๋มบอก
นีว่า “แล้วก็มีบัตรสนเท่ห์ติดอยู่ตรงทางเดิน”
บิวตี้กัดฟันรู้ทันที “ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
ติ๋ม นี ไหว้ตัวงอ “อุ่ย ท่านประธานด่า ขอโทษ ค่า”
“ฉันไม่ได้ว่าเธอ”
ธีภพสรุป “เอาล่ะ ผมรู้ว่าที่ทำไปเพราะทุกคนเป็นห่วงป้าศรีนวล แต่ทีหลังก่อนจะทำอะไร ให้มีสติ หาข้อมูลให้รอบด้านก่อน ถ้าเข้าใจดีแล้ว ก็กลับไปทำงานต่อได้”
คนงานรีบเผ่นแยกย้ายกันไปทำงาน
กระตั้วกับปีวรารีบหลบเข้าที่มุมลับตา พร้อมกับมือถือที่ใช้ถ่ายคลิป
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 13 (ต่อ)
บิวตี้เดินเร็วรี่เป็นพายุบุแคม ใบหน้าสวยตึงเปรี๊ยะด้วยความโมโห จะไปเล่นงานพักตร์พิมล
ธีภพตามมาดึงมือรั้งไว้ “หยุดก่อน จะรีบไปไหน”
“ก็ไปจัดการกับคนที่ปล่อยข่าวลือ ใส่ร้ายป้ายสีฉันน่ะสิ”
ธีภพปลอบ “แต่เราไม่มีข้อพิสูจน์ อีกอย่างเรื่องมันจบลงด้วยดีแล้ว ผมเชื่อว่าตอนนี้คุณได้ใจคนงานไปเต็มๆ”
บิวตี้ยิ้มดีใจ “จริงเหรอ”
“จริงสิ ถ้าคุณไม่ไล่ใครออกโดยไม่มีเหตุผล ก็จะได้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอีกเรื่องนี้สำคัญมากนะในการบริหารคน”
บิวตี้นิ่งไป “แล้วจะปล่อยให้คนทรยศลอยนวลแบบเนี้ยเหรอ”
“คำว่าทรยศ มันแรงไปหรือเปล่า ผมว่า มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด”
“แล้วที่เขาแกล้งฉันล่ะ” บิวตี้ยังย้อนแย้ง
“มันจบไปแล้วไง ถ้าเขาทำจริง ป่านนี้คงกำลังเสียใจว่าไม่น่าทำลงไปเลย”
บิวตี้งอน “นายก็เข้าข้างยัยแพ็ตตลอด”
“ไม่ได้เข้าข้าง แต่ไม่อยากเห็นพี่น้องทะเลาะกัน”
บิวตี้มองมือธีที่ยังจับค้างอยู่ “ปล่อยมือซะทีสิ”
ธีภพพึ่งรู้ตัว รีบปล่อย “ถ้าไม่ยอมคุยกันดีๆ จะฝึกงานต่อได้ยังไง เพราะฝ่ายต่อไปแพ็ตเขาดูแลอยู่ด้วย”
“ฝ่ายอะไร ฉันไม่มีวันทำงานกับยัยแพ็ตได้หรอกนะ”
“แผนกดีไซน์”
บิวตี้ดีใจประเดี๋ยวประด๋าว แต่แล้วตัดใจ “เชอะ ฉันไม่จำเป็นต้องฝึกก็ได้ เพราะฉันเรียนออกแบบมาโดยตรง เคยชนะ Young Designer Awardมาแล้วด้วย”
“ออกแบบประกวด กับออกแบบเพื่อการค้ามันต่างกันมากนะ”
“ไม่ต้องบอกหรอก เรื่องออกแบบฉันรู้ดีกว่านายแน่”
“ก็ดี จะได้พิสูจน์ฝีมือกันไปเลย ว่าทำได้จริงหรือเก่งแต่พูด”
บิวตี้จ้องหน้าธีภพที่มองมาอย่างท้าทาย
ธีภพเรียกเลขามาสั่งการ
“แจ้งฝ่ายเอชอาร์ด้วยว่าผมจะย้ายคุณลัลน์ลลิตมาฝึกงานที่ฝ่ายดีไซน์”
“ค่ะ”
“แล้วให้เอชอาร์ บอกไปที่ฝ่ายดีไซน์ กับคุณพักตร์พิมลด้วย”
“ค่ะท่าน” เลขาออกไป
ธีภพ ดูท่าทางหนักใจ
ฝ่ายพักตร์พิมลโมโหหงุดหงิดใส่กระตั้วและปีวราที่แผนร้ายพลิกตลบอีกรอบ
“เธอแน่ใจนะว่าไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้”
“แน่ใจค่ะ ตั้วกันไว้หมดแล้ว ไม่มีทางสาวมาถึงเราได้”
พักตร์พิมลหันมากำชับปีวรา “ลบคลิปที่ถ่ายมันไว้ออกให้หมดเดี๋ยวนี้เลย”
“ค่ะๆ” ปีวราลนลานลบคลิปออก
ที่คอมพ์ มีเสียงสัญญาณบอกว่ามีอีเมลของบริษัทเข้า พักตร์พิมลเปิดดู อ่านอีเมลจากฝ่าย เอชอาร์ เรื่องให้บิวตี้มาฝึกงานที่แผนกดีไซน์
พักตร์พิมลตกใจ โมโห ฟาดโต๊ะปัง “ไม่นะ”
ปีวราสะดุ้ง
กระตั้วแหกลั่น “ว๊าย มะ ตก หก แตก คุณแพ็ตเป็นอะไร ใครทำคุณแพ็ตคะ”
“ยัยบิวตี้ จะมาฝึกงานที่แผนกดีไซน์”
“ว้าย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ฝันร้ายกลายเป็นจริง กระตั้วตายแน่ ทำไงดีคะคุณแพ็ต สงสัยเขาจะรู้ว่าเรา...”
“หยุดนะ หุบปากให้สนิท ห้ามพูดเรื่องนั้นเด็ดขาด”
“เราจะโดนไล่ออกไหมคะ” ปีวราทำเป็นกังวล
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรเราไม่ได้ ยัยบิวตี้มีคนไม่ชอบขี้หน้าเยอะแยะไป จะรู้ได้ไงว่าเป็นเราทำ”
“แต่ต่อไปนี้เขาจะต้องมาอยู่ที่แผนก ตั้วจะทำยังคะ ต้องเห็นตัวเป็นๆ กันทั้งวัน ตั้วทนไม่ได้”
“ฉันก็ไม่ยอมทำงานกับยัยนั่นเด็ดขาด” พักตร์พิมลครุ่นคิด หงุดหงิดสุดขีด “ทำไงดี”
ปีวราหวาดหวั่น แทบร้องไห้ “คำสั่งมาแบบนี้ แปลว่าคุณบิวตี้จะได้เข้าแผนกโดยไม่ต้องทดสอบ พวกเราต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ” ปีวราจงใจยุแยงไม่ให้พักตร์พิมลรู้สึกตัวอยากให้พี่น้องทะเลาะกัน
“เออนั่นสิ” พักตร์พิมลสบตากับตั้ว “กฎของแผนกดีไซน์ว่าไงนะ”
“ดีไซเนอร์ของธนบวร ทุกคน ต้องผ่านการทดสอบก่อนบรรจุเข้าทำงานค่ะ
พักตร์พิมลนึกแผนร้ายวิธีจัดการกับบิวตี้ได้ ตาวาวด้วยความสะใจ
ที่ห้องประชุมฝ่ายออกแบบ กระตั้ว กับทีมดีไซเนอร์ของธนบวรอันมี จ้า เก้ง ปอย ถูกเรียกตัวเข้ามาร่วมประชุม บิวตี้แต่งตัวจัดเต็มในมาดดีไซเนอร์
ธีภพเปิดประชุม เอ่ยกับทีมดีไซเนอร์ “ผมเชิญพวกคุณมาเพื่อจะแจ้งว่า คุณลัลน์ลลิตจะมาฝึกงานกับทีมออกแบบเสื้อผ้าสุภาพสตรี”
“พวกเราดีใจมากเลยค่ะ ได้ยินมาว่าคุณลัลน์ลลิต เอ่อ ท่านประธาน ออกแบบเก่งมาก” กระตั้วเปิดปาก แต่ฟังออกว่าประจบมากกว่าชมจากใจจริง
“ขอบใจนะ แต่ไม่จำเป็นต้องประจบหรอก ฉันชอบคนจริงใจมากกว่า” บิวตี้มองจ้อง
“ต่อไปนี้ให้ทุกคนถือว่า คุณลัลน์ลลิตเป็นพนักงานฝึกงานคนหนึ่ง อยากให้ทุกคนทำตัวตามสบาย ช่วยกันสอนหรือแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่” ธีภพว่า
“ฉันต้องการมาเรียนรู้ ไม่ได้มาจับผิดใคร” บิวตี้จ้องกระตั้วเขม็ง “เรื่องเก่าๆ ก็ให้มันจบไป แต่อย่าก่อเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก”
กระตั้วก้มหน้าหลบตา แต่แอบกดไลน์เรียกนายสาว
พักตร์พิมลผลักประตูเข้ามา ปีวราตามหลัง
พักตร์พิมลพูดกับธีไม่มองบิวตี้ “ขอโทษค่ะที่เข้าประชุมช้า เพิ่งรับบรีฟงานจากลูกค้าเสร็จ”
“ครับ เชิญนั่ง” ธีภพอธิบายอย่างใจเย็น “การออกแบบเพื่อจำหน่าย ต้องมีแบรนด์เมเนเจอร์คอยดูแลเรื่อง คอนเซ็ปต์ งบประมาณ และการตลาด”
“เอาคนเฉิ่มเบ๊อะ มาคุมการออกแบบ มิน่าล่ะแบรนด์ของเราถึงไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ลูกค้ามีแต่พวกลุงกับป้า” บิวตี้แขวะ
ดีไซเนอร์ทุกคนหลบสายตา สองสาวเปิดสงครามน้ำลายกันทันที
“แต่ยอดขายของเราสูงเป็นอันดับหนึ่ง” พักตร์พิมลโต้
“อีกไม่กี่ปี ก็คงต้องเอาไปเลหลังขายตามตลาดนัด”
“ถ้างั้น ท่านประธานก็ช่วยออกแบบมาให้ดูหน่อยสิคะ เผื่อเราจะได้ปรับปรุงตามที่ท่านต้องการ” พักตร์พิมลสั่งปีวรา “แจกบรีฟจากลูกค้าซิ”
ปีวราแจกเอกสารให้ทุกคน พักตร์พิมลอธิบาย
“ลูกค้าต้องการเครื่องแบบของพนักงานโรงแรมที่สมุย ให้ดูสะดวกกระฉับกระเฉง เรียบ หรู ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเป็น international ด้วย”
กระตั้วเสริม “หรูด้วย กลมกลืนธรรมชาติด้วย แถมยังให้เป็นอินเตอร์อีก โห ครอบจักวาล”
บิวตี้ยักไหล่ “ไม่เห็นยาก”
พักตร์พิมลบอกต่อ “งบประมาณชุดละไม่เกิน 3,000 บาท”
บิวตี้แย้ง “จะบ้าเหรอ มีเงื่อนไขโน่นนี่ แต่งบประมาณ 3,000 ไม่ต้องไปรับงานหรอก”
“แต่เรารับงานโรงแรมนี้มาตลอด ตั้งแต่เริ่มตั้งธนบวร” ธีภพว่า
บิวตี้โกรธ อึ้งไป “แกล้งกันชัดๆ”
พักตร์พิมลย้ำ “ลูกค้าสั่งมาอย่างนี้จริงๆ”
ธีภพอ่านในคำสั่ง พยักหน้ารับรู้ “เราเจอแบบนี้บ่อยๆ ดีไซเนอร์ต้องออกแบบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด”
พักตร์พิมลเยาะ “ดิฉันเชื่อว่าคุณลัลน์ลลิต ต้องตอบโจทย์ทุกอย่างได้อย่างเลิศ หรู มีระดับ ภายในงบประมาณแค่นี่ได้แน่ๆ พวกเราจะคอยดูฝีมือของท่านค่ะ”
บิวตี้มองหน้าพักตร์พิมลและทีมดีไซเนอร์ ทุกคนที่จ้องมองอย่างท้าทาย ขำๆ
บิวตี้เกิดทิฐิแรงกล้า “ได้ ฉันจะทำให้ดู”
พักตร์พิมลพูดจาอ่อนหวานประชด “แต่ต้องขอก่อนวันศุกร์นี้นะคะ ลูกค้าเร่งมานะคะ”
บิวตี้ตกใจ “อะไรนะ แค่สามวัน”
สามคนกลับจากประชุมมาที่ห้อง กระตั้วดีดดิ้น ปรบมือให้พักตร์พิมลอย่างสะใจ
“แซบมากค่ะคุณแพ็ตขา ตั้วเกือบเก็บอาการไม่อยู่ ต้องหยิกตัวเองจนขาเขียวเลยฮ่ะ”
“รีบไปสั่งให้ดีไซเนอร์ทั้งแผนกให้ระดมกันออกแบบตามโจทย์ แล้วทำแซมเปิ้ลออกมาให้ดีที่สุด อย่าให้แพ้มือใหม่ล่ะ ไม่งั้นพวกเธอโดนเขาข่มเละเทะแน่”
“รับรองค่ะ กระตั้วจะคุมไม่ให้พลาด”
“ดี จะได้รู้ว่ามืออาชีพจริงๆ เขาทำกันยังไง โธ่เอ๊ย กะอีแค่ชนะประกวดแค่ยังดีไซเนอร์ทำเป็นคุย ตั้งแต่จบมาไม่เห็นออกแบบอะไรซักอย่าง” พักตร์พิมลหยัน
“เรื่องประกวด ตั้วได้ถ้วยมาเยอะแยะค่ะ ไม่อยากจะคุย ทั้งงานดีไซน์ ทั้งเทพีโน่นนี่”
พักตร์พิมลดุ “เพ้อเจ้อ รีบไปจัดการที่ฉันสั่งเร็วๆ” เห็นปีวราเหม่อ เลยตวาด “ปีวรา”
ปีวรากำลังเครียดอะไรบางอย่าง สะดุ้งโหยง “อุ้ย คะ อะไรคะคุณแพ็ต”
“ทำหน้างอ ไม่พอใจอะไร”
กระตั้วประชดดักคอ “คิดจะเอาใจออกห่างใช่มั้ย”
“ปะ เปล่าค่ะ ปี... คิดเรื่องงาน”
“ทำเรื่องเชิญลูกค้าโรงแรมให้มาตัดสินว่าชอบแบบไหน ให้มันรู้กันไปเลยตั้งแต่งานแรกว่าไม่แน่จริงอย่าโม้”
พักตร์พิมลมีสีหน้าสะใจ คาดว่าบิวตี้ไม่มีทางทำสำเร็จ ขายหน้าแน่งานนี้
พระอาทิตย์ตกดินไป บิวตี้อยู่ที่บ้าน แปลงร่างแล้ว นั่งใช้ความคิดอย่างหนัก ทิ้งตัวลงนอนท่าทีกลัดกลุ้ม
“โอ้ยยย คิดไม่ออก ยัยเฉิ่มเบ๊อะมันจงใจแกล้งกันชัดๆ เฮ้อ...สามวัน ใครจะไปทำได้ เป็นคนยังลำบากเลย แล้วนี่ต้องเป็นนกอีก จะเอาเวลาที่ไหนไปทำ โฮ้ย นายธีนะนายธี เห็นๆ อยู่ว่าเราโดนแกล้ง ไม่ห้ามเลยซักคำ ลำเอียง สองมาตรฐาน” สุดท้ายลุกขึ้นนั่งอย่างโกรธๆ “นายคิดอะไร กันแน่ฮึ นายอ้วนแว่น”
บิวตี้หงุดหงิด คิดไม่ตก คับข้องใจ ตัดสินใจไปบ้านธีภพ เห็นนกบิวตี้บินออกนอกหน้าต่าง
ในขณะที่ ธีภพ ธนา และภาวินี กินผลไม้หลังอาหาร นกบิวตี้บินเข้ามา
“เจ้าตัวเล็ก หายไปซะหลายวัน ไปเที่ยวไหนมาจ๊ะ”
“วันก่อนตากฝนเลยไม่สบายใช่ไหม ชื่อบิวตี้เหมือนกันป่วยพร้อมกัน” ธีภพลูบตัวนก
บิวตี้คนนั่งให้ธีภพลูบตัวอย่างสบาย “ฉันไม่สบายเพราะนายนั่นแหละ”
“โบราณเขาก็ว่าอย่างงั้นนะลูก เปลี่ยนชื่อเถอะเดี๋ยวหนูบิวตี้มาได้ยินจะเคืองเอา”
ธนาแทรกสองแม่ลูก “แล้วหนูบิวตี้เป็นไงบ้าง เพิ่งหายป่วยไปทำงานแผนกตัดผ้ามันหนักไปหรือเปล่า”
“อ้อ เขาไปฝึกแผนกออกแบบแล้วครับ ลืมบอกพ่อไป”
“ค่อยยังชั่วหน่อย หนูบิวตี้คงฝึกงานแผนกนี้ได้สบาย”
“ไม่จริงค่ะคุณอา ยัยแพ็ตกับลูกชายคุณอาวางแผนแกล้งบิวตี้”
“ตัวเล็กร้องทำไม อยากกินผลไม้เหรอ” ภาวินีบิผลไม้ป้อนบิวตี้
“ฝึกงานแรกก็เจอโจทย์หินเลยครับ โรงแรมนารา ลากูนา”
ธนาคุ้นเคยดี หัวเราะ “รายละเอียดเยอะ บัดเจ็ทน้อยตามเคยใช่ไหม ที่นี่เขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรก”
ภาวินีแย้ง “อ้าว แล้วทำไมเอางานยากมาให้หนูบิวตี้ทำเป็นงานแรก เดี๋ยวท้อขึ้นมาจะว่ายังไง”
“แต่ผมว่าบิวตี้น่าจะชอบงานท้าทายแบบนี้นะ งานง่ายๆ ทำเสร็จก็งั้นๆ ไม่ภูมิใจ”
ธีภพเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างพ่อครับ”
บิวตี้คนในคราบนกดีใจ วิ่งรอบๆ ตัวธีภพ “เหรอ จริงเหรอ นายคิดว่าฉันเก่งพอจะทำได้ใช่มะ”
“ตัวเล็กเป็นอะไร ตื่นใหญ่ มานั่งนิ่งๆ กินผลไม้จ้ะ” ภาวินีป้อนผลไม้ให้กิน
“ห่วงอยู่อย่างเดียวครับ”
บิวตี้และภาวินีงง นกกะคนแย่งกันถาม “ห่วงอะไร” / “เรื่องอะไรจ๊ะ”
“บิวตี้ขี้เบื่อ ไม่อดทน สมาธิสั้น”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้สมาธิสั้น ซักหน่อย” บิวตี้โมโหกัดธีภพหมับ
“โอ๊ย” ธีภพจับนกบิวตี้ไว้ “เห็นไหมครับแม่ ผมพูดถึงบิวตี้ไม่ได้เลย”
“พ่อว่าหนูบิวตี้น่าจะเหมือนพ่อเขานะ บวรน่ะถ้ายิ่งยากยิ่งมีอุปสรรค ยิ่งชอบ” ธนาว่า
“ค่ะคุณอา บิวตี้จะพยายาม ให้เหมือนพ่อ”
บิวตี้ดูฮึกเหิม มีมานะโดยประหลาด
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 13 (ต่อ)
ยามเช้าวันต่อมา กระเป๋ากับสัมภาระไม่กี่ชิ้นของครอบครัวศรีนวลกองอยู่ที่พื้นห้องโถงกลางบ้านบิวตี้ ศรีนวล กับลูกๆจ้องมองบ้านบิวตี้ อ้าปากค้าง
สักครู่หนึ่ง บิวตี้ ป้าจัน และพร ออกมาต้อนรับ
ป้าจันหน้าเครียด ระแวงว่าครอบครัวศรีนวลจะหลอกลวงบิวตี้
“โห...บ้านคุณบิวตี้สวยเหมือนปราสาทเลย” องุ่นบอก ตื่นตาสุดๆ
“องุ่นวิ่งเล่นได้ตามสบายเลย ป้าจันช่วยพาทุกคนไปที่พักด้วยนะจ๊ะ”
“คุณหนูจะให้เปิดกี่ห้องคะ”
“กี่ห้องก็ได้ เรามีเหลือเฟือไม่ใช่เหรอ”
ป้าจันถามกลับเจือน้ำเสียงประชด “ค่ะ แต่ไม่ทราบจะอยู่กี่วัน”
“อยู่จนองุ่นโตเลยก็แล้วกัน”
ฝรั่ง องุ่น ตะโกนลั่น “สวดยวด” / “ไชโย”
ป้าจันสะดุ้ง “ว้าย จะเป็นลม จะมาเที่ยวตะโกนในบ้านนี้ไม่ได้นะ”
รถธีภพแล่นเข้ามาจอดหน้าตึก
บิวตี้บอก “ฉันไปทำงานก่อน ส้มเช้ง ไปด้วยกัน”
“ให้หรั่งขับไปส่งเลยไหมครับคุณหนู” ฝรั่งถาม
ป้าจันตกใจ “ว้าย ไม่ได้นะ”
“พรุ่งนี้ค่อยขับ ไปละ ฝากด้วยนะป้าจัน”
บิวตี้ขึ้นรถธีภพไปกับส้มเช้ง ธีภพโบกมือให้ศรีนวลและองุ่นที่สวัสดี แล้วขับออกไป
ศรีนวลบอกป้าจัน แนะนำตัวเป็นทางการ “ฉันกับลูกๆคงต้องรบกวน ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันชื่อศรีนวลค่ะ ลูกชายชื่อฝรั่ง คนเล็กชื่อองุ่น ที่ขึ้นรถไปกับคุณบิวตี้ชื้อส้มเช้ง”
พรเอ่ยขึ้น “อุ๊ย ครอบครัวผลไม้รวม”
“บอกลูกของเธอด้วยว่าที่บ้านนี้เขาไม่ส่งเสียงดังกัน ถึงคุณหนูจะอนุญาตแล้วก็อย่าเที่ยววิ่งเพ่นพ่าน ห้ามเข้าไปในตัวบ้านเด็ดขาด เข้าใจไหม” ป้าจันตัดไม้ข่มนาม
“ค่ะ ดิฉันจะคอยกำชับให้”
ศรีนวลกับลูกชักไม่สบายใจ เจอคนเคร่งครัดระเบียบจัดอย่างป้าจัน
เช้าอีกวันหนึ่ง ภายในห้องฝ่ายออกแบบ บิวตี้นั่งรวมกับพวกดีไซน์เนอร์คนอื่นๆ เพราะยังฝึกงานอยู่
แต่บิวตี้ไม่ใส่ชุดโรงงานแล้ว กำลังค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอย่างคร่ำเคร่ง มีสมุดสเก็ตช์ และอุปกรณ์ออกแบบเพียบพร้อม
กระตั้ว จ้า เก้ง ปอย ลอบมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ธีภพเข้ามา เดินตรงไปหาบิวตี้อย่างหงุดหงิดดุเบาๆ ได้ยินสองคน
“จะมาเองทำไมไม่บอก
บิวตี้ยกมือห้ามธีภพ กำลังติดพัน “เดี๋ยว”
“คุณทำผมเสียเวลา”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะให้ลูกชายป้าศรีนวลขับรถให้”
“โทรศัพท์มีทำไมไม่โทร.บอก”
“โทรศัพท์มี ทำไมไม่โทร.ถาม จบมั้ย ฉันจะทำงาน”
“แล้วเย็นนี้จะกลับไหม”
“ไม่กลับ ฉันจะไปข้างนอก ไปหาข้อมูล เอารถไปเอง พอใจหรือยัง”
“เชิญตามสบาย ให้งานเสร็จแล้วกัน อย่าลืมส่งบันทึกด้วย”
“โอ๊ย ยุ่งจะตาย ไม่มีเวลาเขียนหรอก แต่งานออกแบบเสร็จแน่ โอเคมั้ย”
“รักษาคำพูดด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ธีภพจ้องหน้า ประสานสายตากับบิวตี้ อยู่ครู่หนึ่งแล้วออกไป
กระตั้ว จ้า เก้ง ปอย อ้าปากค้าง มองตามธีภพ
กระตั้วรำพึงกับตัวเอง “แซบเว่อร์” หันไปถลึงตาใส่กับทีมดีไซเนอร์ “มองอะไรอยู่ ทำงานสิยะ นังเก้งกระซู่ กูปรี งานไม่มีส่งลูกค้า หายนะจะมาเยือน”
จ้า เก้ง ปอย ก้มหน้าก้มตาทำงาน กระตั้วหยิบโทรศัพท์มากดไลน์รายงานพักตร์พิมล
บิวตี้ออกมาเลือกผ้า เข้าไปในร้านหนึ่งมองหาผ้าที่จะเอามาใช้ทำงาน เลือกชิ้นแล้วชิ้นเล่า แต่ไม่มีชิ้นไหนตรงใจ
ต่อมาบิวตี้อยู่ในร้านผ้าไหมไทย เลือกแล้วเลือกอีก แต่ก็ยังไม่ถูกใจอยู่ดี
บิวตี้กลับมาบ้านอยู่ในห้องนอน นั่งสเก็ตช์งานออกแบบที่โต๊ะทำงาน แต่คิดไม่ออก หงุดหงิดมาก รอบตัวมีกระดาษขยำทิ้งเกลื่อน
ป้าจันเข้ามาอย่างเกรงใจ พรถือถาดอาหารตามมาด้วย
“คุณหนู จะทานข้าวข้างล่างหรือทานบนนี้ดีคะ”
บิวตี้บอก “วางไว้หน้ากระจกนั่นแหละ”
“จะห้าโมงแล้ว วันนี้คุณหนูจะให้จันขึ้นมาไหมคะ”
บิวตี้ตกใจ “เย็นแล้วเหรอ” วิ่งไปดูแสงที่หน้าต่าง “เอาข้าวลงไป แล้วไม่ต้องขึ้นมาอีก”
“แต่คุณหนูยังไม่ได้ทานเลยนะคะ”
“ไม่กิน บอกให้เอาไปก็เอาไปเถอะน่า ไปได้แล้ว ห้ามมายุ่งอีกนะ”
“ค่ะ ค่ะ ไปพร” ป้าจันลนลานออกไปกับพร
บิวตี้ทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยหน่าย “หมดไปวันนึงแล้ว ยังไม่ได้งานเลย โอ้ย จะบ้าตาย ขอเว้นไม่สาปฉันสักสามวันไม่ได้หรือไงแม่มด ได้ยินมั้ยแม่มดใจร้าย”
บิวตี้ดิ้นรน ร้องด้วยความเบื่อหน่าย และเจ็บที่กำลังจะต้องแปลงตัว
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตา กระวนกระวายด้วยความสงสารลูก
นางฟ้าลลิตาวิงวอนปรมะเทวี “เทวีโปรดเมตตาด้วยเถิด ลัลน์ลลิตมีเวลาน้อยกว่าปกติถึงครึ่งหนึ่ง หากทำไม่สำเร็จ ลูกคงหมดกำลังใจ”
“นางรู้เงื่อนไขนี้ตั้งแต่ต้น และนางก็ยอมรับ” ปรมะเทวีบอก
“นางรับไปเพราะทิฐิ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์เราเคยประกอบอาชีพนี้ จึงรู้ดีว่าเวลาที่เหลืออีกสองวันของคนอื่นแต่เป็นวันเดียวของลัลน์ลลิต มันทำให้เสร็จได้ยากยิ่ง”
“แม้แต่ท่าน ซึ่งเคยเป็นแม่ ก็ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวนางเลยหรือ”
“เราอยากเชื่อ แต่...มันยากยิ่ง” นางฟ้าลลิตาหน้าหมองลง
“ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามหรอก และถ้าทำสำเร็จ ลัลน์ลลิตจะเกิดพลังในด้านดีขึ้นอีกอย่างมหาศาล”
“เทวีพอจะช่วยลดหย่อนเวลาแปลงร่างเป็นนก ให้ลัลน์ลลิตได้บ้างหรือไม่คะ”
“ท่านห้ามพระอาทิตย์ไม่ให้ตก หยุดโลกไม่ให้หมุนได้หรือไม่”
“ไม่ได้ค่ะ”
“เช่นนั้น ทุกสิ่งก็ต้องดำเนินไป เราคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้”
นางฟ้าลลิตาก้มศีรษะน้อมรับ
ด้าน ศรีนวล ส้มเช้ง ฝรั่ง และองุ่น กินข้าวอยู่พร้อมหน้าที่หลังบ้าน ป้าจันเดินนำพรถือผ้าเตรียมซักผ่านมา
“พี่ กินข้าวด้วยกันสิจ๊ะ”
ป้าจันมีท่าทีหมางเมิน ไว้ตัว “ไม่ละ ฉันจะกินที่ห้อง”
“ป้า คุณบิวตี้อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนไหม” ส้มเช้งถาม
ป้าจันเสียงเขียว “ไม่ต้อง คุณหนูสั่งห้ามไม่ให้ใครขึ้นไปยุ่ง บอกแล้วไงว่าห้ามเข้าไปในบ้าน”
ส้มเช้งจ๋อย “จ้ะ ฉันก็แค่เป็นห่วง”
ป้าจันกับพรเดินผ่านไป หน้าตาเฉยเมยไม่เป็นมิตร
“ทำไมป้าเค้าดุจัง” องุ่นบ่น
“สงสัยกลัวพวกเราจะมาแย่งงานมั้ง ถ้าไม่ใช่หญิงชรา จะไฝว้ซะเลย” ฝรั่งเซ็ง
ศรีนวลดุ “พูดจาให้ระวังปาก แล้วก็อย่าว่าคนอื่นลับหลังแบบนั้น นิสัยไม่ดี”
“ย้ายบ้านวันแรกก็โดนด่าเลย เซ็งว่ะ” ฝรั่งลุกหนี “บ้านใหญ่ก็จริงแต่เซ็งเป็นบ้า”
ศรีนวลหนักใจ
เช้าแล้ว บิวตี้ในชุดคลุมนอน มีเสื้อเมื่อวานกองอยู่ คร่ำเคร่งคิดแบบแต่เช้า รอบกายระเกะระกะด้วยกระดาษร่าง เศษกระดาษ สี ผ้า ฯลฯ
ป้าจันเคาะประตูแล้วเข้ามา “วันนี้ คุณหนูไม่ไปทำงานหรือคะ”
“ไม่ไป ให้ส้มเช้งโทร.ไปบอกด้วยว่าฉันจะทำงานที่บ้าน”
“ได้ค่ะ คุณหนูจะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ”
บิวตี้หงุดหงิดเวลากระชั้นเข้ามา “ไม่กิน” หันไปวาดแบบต่อ ไม่ถูกใจ ฉีกทิ้งอย่างเจ้าอารมณ์ เงยหน้าขึ้น เห็นป้าจันยังยืนอยู่ เลยตวาด “ทำไมยังไม่ออกไปอีก”
“คุณหนูลองไปทำงานในสวนไหมคะ ป้าเคยเห็นคุณผู้หญิง เวลาคิดแบบไม่ออกเธอจะไปเดินเล่นในสวน เธอบอกว่าดูต้นไม้ดอกไม้สบายตาแล้วสมองโปร่งดี”
บิวตี้นิ่งรับฟัง
ส่วนที่ห้องทำงานฝ่ายขาย พักตร์พิมลกำลังมองแบบที่กระตั้วนำเสนออย่างถูกใจ อารมณ์ดี
“ฉันชอบแบบที่สอง ตอบโจทย์ทุกอย่างเป๊ะ เธอว่าไง”
“ตั้วชอบแบบแรกค่ะ มันโก้ดี แต่ถ้าตอบโจทย์ก็ต้องแบบที่สองค่ะ”
“งั้นให้ทำแซมเปิ้ลมาทั้งสองชุดเลย ยัยบิวตี้เขาทำไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“ยังไม่เห็นเลยค่ะ”
“วันนี้คุณลัลน์ลลิตโทร.มาว่าจะทำงานที่บ้านค่ะ”
“ทำที่บ้าน แล้วจะทันได้ยังไง”
“เธอคงมโนเอาเองมั้งคะว่าทำแซมเปิ้ลมันทำกันง่ายๆ แค่สองชุดที่เพิ่งออกแบบเสร็จเนี่ยก็ลุ้นจะแย่แล้ว”
พักตร์พิมลสะใจ “เหรอ ถ้างั้นก็สั่งทำแซมเปิ้ล ทั้งสามแบบเลย”
กระตั้วดีดดิ้น “อะจริงดิ คะ”
พักตร์พิมลทำไมรู้ไม่ชี้ “ลูกค้าจะได้มีตัวเลือกเยอะๆ ไง บางทีลูกค้าอาจจะชอบแบบที่สามก็ได้”
“จริงค่ะ”
“แล้วแบบของคุณบิวตี้จะทำแซมเปิ้ลทันหรือคะ” ปีวราถาม
“คนส่งแบบก่อน ก็มีสิทธิ์ก่อนสิยะห่วงมากเธอก็ไปตัดให้เขาสิยะ รำคาญ”
“ก็แค่ถาม กลัวจะมีปัญหา” ปีวราว่า
“เธอคิดราคานำเสนอไป ไม่ต้องมายุ่ง”
“ขอโทษค่ะ” ปีวราก้มหน้างุดไม่กล้าต่อปากต่อคำ
บิวตี้ทอดสายตามองต้นไม้ใบไม้ในสวนสวยของบ้าน รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น ลงมือสเก็ตช์ องุ่นกับศรีนวลที่ยังใส่เฝือกอยู่เดินเล่นชมสวน ไม่รู้ว่าบิวตี้นั่งทำงานอยู่
“ดอกไม้สวยๆทั้งนั้นเลยแม่จ๋าดูสิมีผีเสื้อด้วย” องุ่นวิ่งไล่ตามผีเสื้อหัวเราะอย่างร่าเริง
“อย่าวิ่งเร็วลูกเดี๋ยวจะหอบ”
บิวตี้ได้ยินเสียงองุ่น เงยหน้าขึ้นมอง เห็นองุ่นวิ่งเล่น หน้าตาแจ่มใส ร่าเริง
ภาพในสวนเดียวกัน เมื่อ 20 ปีก่อนผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิด เวลานั้นลลิตาออกแบบเสื้ออยู่ในสวน มีเด็กหญิงบิวตี้วิ่งเล่นอย่างร่าเริง ส่งดอกไม้ดอกเล็กๆ ให้แม่
“แม่ขา ดอกไม้ บิวตี้ให้แม่”
“ขอบใจมากจ้ะลูก น่ารักจังเลย หอมด้วย” ลลิตาดมดอกไม้ “ชื่นใจจัง”
บิวตี้ซุกกอด หอมแขนแม่ “แม่ตัวหอมเหมือนดอกไม้เลย”
“ปากหวานจังลูกคนนี้” ลลิตาหอมลูก “เอ้อ แม่นึกออกแล้ว แม่จะเอาดอกไม้ที่บิวตี้ให้ เขียนเป็นลายปักดีไหมจ๊ะ คอยดูนะ” ลลิตาเขียนรูปดอกไม้ลงไปในแบบ
บิวตี้จ้องมองตาไม่กระพริบ “สวยจัง”
ลลิตาจับคางลูก อย่างเอ็นดู “แม่นึกออกเพราะลูกนั่นแหละจ้ะ บิวตี้คนเก่งของแม่”
ลลิตากอดบิวตี้ แม่ลูกกอดกันอย่างอบอุ่น
บิวตี้ดึงตัวเองกลับมา เกิดแรงบันดาลใจ ได้ไอเดียคอนเซ็ปต์ ธรรมชาติ ความรัก และความอบอุ่น
บิวตี้ร่างแบบเสื้ออย่างรวดเร็ว ความคิดแล่นปราด
ฝ่ายธีภพ ต้องแปลกใจที่ไม่พบบิวตี้ในหเองทำงานแผนกออกแบบ
“คุณลัลน์ลลิตแจ้งหรือเปล่าว่าจะไม่มาทำงานวันนี้”
“แจ้งค่ะ บอกมาว่าจะออกแบบอยู่ที่บ้าน” กระตั้วบอก
ธีภพพยักหน้า นึกห่วง ถามแก้เก้อ “แล้วแบบของพวกคุณเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว ส่งทำแซมเปิ้ลแล้วค่ะ”
“ให้ผมดูก่อนนำเสนอด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
ธีภพพยักหน้า แล้วออกไป
ปอยเพ้อ “หล่อ ใจละลาย”
“พี่ตั้ว ประธาน1 เนี่ย เป็นแฟนกับประธาน 2 ใช่มั้ย” จ้าถาม
“ไม่ใช่ย่ะ บ้า”
“แต่มีอาการนะพี่ มาหากันตาล้อด” จ้าตั้งข้อสังเกต
กระตั้วขัดหู หมั่นไส้ “วุ้ย มาทะเลาะกันต่างหาก พวกเธอมีตาหามีแววไม่
“ทำไมล่ะ สมกันดีออก”
“นี่นังเก้ง แกอยู่เขตสัตว์ป่าสงวนเฉพาะเก้งกวางของแกไป ไม่ต้องยุ่งเรื่องของชะนี พอแล้ว หุบปากแล้วกลับไปทำงาน ไม่งั้นจะเสนอหักเงินเดือนทุกคน” กระตั้วพาล
ทุกคนทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำงาน กระตั้วรีบออกไปรายงานพักตร์พิมล
“ดีแต่ห้ามคนอื่น ทีตัวเองไปเม้าท์แตกห้องคุณแพ็ต” จ้าค้อนควัก
“ยัยกระตั้วสองหัว” เก้งด่าเบาๆ
ที่โต๊ะสนามในสวนสวยของบ้าน บิวตี้วางดินสอเขียนแบบลง ยิ้มอย่างพอใจ แบบที่บิวตี้ร่าง ดูทันสมัย ปราดเปรียว กระฉับกระเฉง มีความเป็นท้องถิ่นเจืออยู่ บิวตี้กินของว่างที่วางอยู่ ท่าทางหิว
ป้าจันรีบรินน้ำให้ “ออกแบบได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ทำไมป้ารู้ล่ะ”
“คุณผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ เวลาคิดไม่ออกจะไม่ยอมทานอะไรเลย”
บิวตี้ยิ้ม “จริงด้วย จำได้แล้ว”
องุ่น ช่วยพรยกถาดอาหารและแก้วน้ำมา ศรีนวลถืออะไรที่พอช่วยได้ตามมาด้วย
ป้าจันแอบค้อนเมื่อเห็นศรีนวล
“องุ่น กินขนม มั้ย” บิวตี้ส่งขนมให้ “อ่ะ คุณบิวตี้ให้”
ป้าจันเสียงเย็นถึงกระดูก “ป้าจัดไว้ให้แล้วค่ะ ที่หลังบ้าน”
บิวตี้ไม่ใส่ใจเอาความ สนใจเรื่องงาน “ป้าศรีนวลรู้ไหมว่าผ้าทอมือ สีธรรมชาติ เขาซื้อกันที่ไหน”
ศรีนวลนิ่งคิด “เอ ทางสโตร์ไม่เคยสั่งผ้าแบบนี้เลยค่ะ มันดูแลยากแล้วบางทีก็สีตก”
“ผ้าที่ย้อมจากธรรมชาติไม่ตกเลยก็มีนะคะ ป้าใช้มาหลายปีแล้ว” ป้าจันเอ่ยขึ้น
บิวตี้สนใจ “ไปซื้อมาเลย อยู่ที่ไหน”
“บ้านญาติป้าที่จังหวัดร้อยเอ็ดค่ะ”
บิวตี้สำลัก “เอางี้ ป้าบินไปเดี๋ยวเลย ฉันออกค่าเครื่องบินให้ แล้วกลับมาให้ทันพรุ่งนี้เช้าได้ไหม”
ป้าจันตกใจ “ป้า...แก่แล้ว คงไม่ไหวหรอกค่ะ”
ศรีนวลนึกออก “นึกได้แล้วค่ะ ที่ศูนย์ศิลปาชีพ มีแน่ค่ะ”
ป้าจันแอบค้อนศรีนวล หมั่นไส้ รู้ดีนัก
“บอกฝรั่งเอารถออกเดี๋ยวนี้เลย”
ขณะเดียวกัน ที่ฝ่ายออกแบบ กระตั้ว จ้า เก้ง และปอย รุมดู และวิจารณ์ชุดต้นแบบที่ช่างตัดมา ชุดต้นแบบสวมใส่โดยคนที่ไซส์มาตรฐาน
“ตัวเสื้อมันรัดเกิ๊น เอาออกอีกซักข้างละเซ็นต์ครึ่ง”
“หนูว่าพอดีแล้วนะพี่ หลวมกว่านี้เสียทรงหมด” จ้าย้อนแย้ง
“พนักงานนะจ๊ะ ไม่ใช่นางกระต่าย ใส่รัดแน่นอกแบบนี้ ซิลิโคนแตกกันพอดี” กระตั้วสวน
“เอาออกก็ได้ค่ะ” จ้าบอกกับช่าง “ข้างละเซ็นต์นะ”
“ค่ะ” ช่างจดรายละเอียด
“แก้ตะเข็บหลังด้วย รั้งยังกะหนังท้องคนเย็บ สาบานนะว่าใช้มือทำ” กระตั้วด่าจิก
ช่างรับหน้าหงิก “ค่า...”
บิวตี้เข้ามาพอดี โดยมีฝรั่งถือถุงหลายใบดูหนักเอาการตามมา บิวตี้หันไปถามกระตั้ว
“ฉันออกแบบเสร็จแล้ว จะทำแซมเปิ้ลยังไง”
“อุ๊ย คือ ตอนนี้ช่างแซมเปิ้ลงานล้นมืออยู่น่ะค่ะ”
บิวตี้หน้าตึง “หมายความว่ายังไง”
“คือเมื่อเช้ามีงานส่งทำแซมเปิ้ลสามชิ้นค่ะ ช่างเขาต้องทำตามออร์เดอร์ แล้วก็มีงานแก้อีกอะไรอีก”
“เธอกำลังจะบอกว่า ฉันเป็นประธานบริษัท แต่ไม่มีช่างทำงานให้ฉันได้อย่างงั้นเหรอ”
พักตร์พิมลเข้ามาช่วยกระตั้วทัน
“ถ้าท่านประธานจะทำ ช่างก็ต้องหยุดออเดอร์ทั้งหมด เพื่อมาทำให้ท่านประธาน จะเอาอย่างงั้นก็ได้นะคะ”
บิวตี้บอกเสียงเข้ม “ใช่ ฉันจะเอาอย่างงั้น”
อ่านต่อตอนที่ 14