ตัวหนังสือสีแดง หน้า 1 และ 2 คือบทโทรทัศน์ที่แก้ไขใหม่
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 19
เวลานั้นพักตร์พิมลทำงานง่วนอยู่กับปีวรา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกา
“ป่านนี้คงพรีเซ้นต์เสร็จแล้ว ไม่เห็นมีใครโทร.มาบอกผลเลย”
“คงจะนึกว่าเราไม่สนใจมั้งคะ” ปีวราว่า
“บ้า ไม่สนใจได้ยังไง นี่เป็นเรื่องใหญ่ของบริษัทเลยนะ ฉันว่าเกรซเขาคงไม่เลือกแบบของยัยบิวตี้มากกว่า”
“เขาเลือกงานของฉันย่ะ ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
“ที่ไม่โทร.มา อาจจะเป็นเพราะคุณบิวตี้ยังเคืองที่เราเอาแบบไปก็ได้นะคะ”
บิวตี้ได้ยินคำพูดปีวรา
“เป็นเธอจริงๆ ด้วย”
พักตร์พิมลโกรธ “นี่ อย่าพูดแบบนั้นเป็นอันขาดนะ หุบปากไปเลย”
“ใครก็ได้มาเปิดประตูให้ฉันที ฉันต้องเข้าไปให้ได้ เธอเอางานฉันไปไว้ไหน”
พักตร์พิมลบอกปีวรา “ดูซิว่ายังอยู่มั้ย เดี๋ยวหล่นลงมาจะยุ่ง”
นกบิวตี้หูผึ่ง “หล่น”
ปีวราเดินไปที่ตู้เอกสาร ล้วงมือไปด้านหลัง ลึกๆ “เอื้อมไม่ถึงค่ะ”
“เอื้อมไม่ถึง คงต้องอยู่ที่สูงและลึก”
พักตร์พิมลล้วงลึกเข้าไปด้านหลัง “ดึงตู้ออกมาก่อนสิ แบบนั้นจะไปเอื้อมถึงได้ยังไง” แล้วพยายามล้วงเข้าไปดู
นกบิวตี้คิดตาม “อยู่หลังตู้เหรอ”
กระตั้ววิ่งหน้าตื่นมาตามทาง “คุณแพ็ตขา” กระตั้วเปิดประตู บิวตี้บินตามเข้าไป
“คุณเกรซเลือกแบบของธนบวรมั้ยคะ” กะเทยก้ามปูตกใจเมื่อเห็นว่าพักตร์พิมลพยายามล้วงไปหลังตู้ “คุณแพ็ตทำอะไรฮะ”
“ไม่ต้องถามมาก ช่วยดึงซองที่ติดเทปไว้กับหลังตู้ให้หน่อย”
กระตั้วตกใจ “คุณแพ็ตเอาแบบของคุณบิวตี้มาจริงๆ หรือคะเนี่ย”
“รู้แล้วก็เงียบไปเลยนะ ถ้าปากโป้งเมื่อไหร่ฉันเอาเธอตายแน่”
“เลว ขโมยแบบฉันยังไม่พอ ยังเอาไปให้เจดการ์เม้นท์อีก” บิวตี้โกรธสุดขีด
“ตั้วไม่พูดหรอกค่ะ แต่รู้สึกซอรี่เสียดายที่งานดีๆ แบบนี้ต้องสูญเปล่า”
พักตร์พิมลโมโห “เธออยากจะเป็นนกสองหัวไปอยู่กับยัยบิวตี้ก็เชิญเลยนะ เสียแรงที่ฉันพาเธอมาสมัครที่ธนบวร ถ้าไม่เห็นหัวกันก็เชิญเลย”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะกระตั้วซื่อสัตย์กับคุณแพ็ตคนเดียว โอนลี่ยูค่ะ” กระตั้วพยายามดึงซองออกมา ไม่ไหว “โอย ไม่ถึงค่ะ”
“ดึงตู้ออกมาอีกไหมคะ” ปีวราบอก
“ไม่ต้องก็ได้ ทิ้งมันไว้แบบนั้นแหละ ดึงเข้าดึงออกเดี๋ยวเป็นรอย มีคนสังเกตเห็นละแย่เลย”
“งั้นเรากลับกันเถอะค่ะ ตั้วเห็นร้านกิ๊บเก๋เปิดใหม่ตรงหัวมุม เราไป ชิลล์เอ้าท์กันหน่อยไหมคะ”
“โอเคเลย” พักตร์พิมลตีมือกับกระตั้ว แล้วออกไปพร้อมกัน ปีวรา ปิดไฟแล้วรีบตามไป
บิวตี้คนลงมายืนเท้าสะเอว “ฉันไม่ปล่อยพวกเธอลอยนวลแน่”
นกบิวตี้บินลงไป พยายามเปิดไฟ แล้วบินไปเกาะที่หลังตู้
เลขาเกรซติดต่อธีภพได้
“ติดต่อคุณธีภพได้แล้วค่ะ” แล้วส่งโทรศัพท์ในถาดที่มีผ้ารองสะอาดเรียบร้อยให้
เกรซพูดสายเน้นคำ “คุณธีภพ ฟังให้ดีนะ ฉันจะพูดครั้งเดียว ฉันรับพิจารณางานของบริษัทคุณ เพราะฉัน ไม่ชอบการเอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งกับงานอาชีพ”
ธีภพหนักใจ “ครับ ผมเข้าใจ”
“แต่บอกตามตรงว่า เจดการ์เม้นท์ไม่มีจุดบอดแบบคุณ เพราะฉะนั้นไปจัดการให้งานของคุณยิ่งกว่าเพอร์เฟ็คท์ให้ได้ ไม่งั้น ทั้งคุณและบริษัทของคุณ จบแน่” เกรซกดวางสายเหมือนหงุดหงิด ไม่อยากพูดด้วย
ธีภพ เครียดหนัก ห่วงงานของธนบวรเป็นอย่างยิ่ง
บิวตี้คนนั่งแอบอยู่ในซอกหลังตู้ พยายามดึงเทปที่ติดซองไว้กับหลังตู้อย่างแน่นหนา
“ดึงยากจัง เทปก็เหนียว ที่ก็แคบ”
ขณะที่นกบิวตี้พยายามจิกเทปออกอยู่นั้น พักตร์พิมล กระตั้ว ปีวรา ดันกลับมาพอดี
“ปี เมื่อกี้เธอออกคนสุดท้าย เธอไม่ได้ปิดไฟเหรอ” พักตร์พิมลถามอย่างแปลกใจ
“ปีปิดแล้วค่ะ ปีจำได้”
พักตร์พิมลเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ลืมไว้บนโต๊ะ “อยู่นี่ไง” แล้วชะงัก “เอ๊ะ เสียงอะไร” หล่อนจุ๊ปากให้กระตั้วกับปีวราเงียบ ทั้งหมดฟัง
ปีวราเอาหูแนบกับตู้ “ดังมาจากหลังตู้ค่ะ”
พักตร์พิมลตกใจ “ดึงออกมาซิ”
“อาจจะเป็นตุ๊กแก หรือหนูก็ได้นะคะ” กระตั้วว่า
สองสาวทำหน้าสยอง “อี๋”
“ลองทุบไล่ก่อน เพื่อความปลอดภัย” กระตั้วทุบตู้ดังโครมคราม
นกบิวตี้บินผวาขึ้นมาด้วยความตกใจ
กระตั้วตาเหลือก “ว้ายย นกผี”
พักตร์พิมลจ้องมองนก “นกตัวนั้นนี่ แกอีกแล้วเรอะ ไอ้นกบ้า” เอาแฟ้มไล่ฟาดด้วยความโมโห
บิวตี้คนถูกแฟ้มฟาดที่หัวเข้าอย่างจัง “โอ๊ย” มีเลือดไหลซึมออกมา “หัวแตกเลย”
“ว้าย โดนเข้าแล้วค่ะคุณแพ็ต”
“จับมันไว้” พักตร์พิมลเงื้อแฟ้มสูงสุดแขน ฟาดลงมาเต็มแรง
นกบิวตี้จิกนิ้วกระตั้วจนกระตั้วปล่อยมือ บินหลบทันก่อนที่แฟ้มจะฟาดลงมา เลยเป็นว่าพักตร์พิมลกับปีวรา ฟาดแฟ้มลงมาพร้อมกันโดนหัวกระตั้วเต็มๆ กระตั้วลงไปชักแหงกๆ
นกบิวตี้สบโอกาสรีบบินออกประตูที่ไม่ได้ปิดหนีไป
นกบิวตี้บินหนีตายออกมาด้านนอกทั้งที่หัวยังมีเลือดไหล เห็นกรเทพโทรศัพท์อยู่แถวนั้น บิวตี้ข่มความเจ็บบินโฉบลงมาเกาะใกล้ๆ แอบฟัง
กรเทพพูดโทรศัพท์กับใครคนหนึ่ง “ไม่ต้องห่วง โรงงานใหม่ของเรากำลังไปได้สวย” ฟัง แล้วหัวเราะ “เรื่องแบบเสื้อมันจะไปยากอะไร ผมก็จะเอาแบบที่บิวตี้ดีไซน์นั่นแหละ มาปรับนิดๆ หน่อยๆ อีกหน่อยต้องตีตลาดวัยรุ่นได้แน่ๆ”
“ขี้โกงทั้งพ่อทั้งลูก อากับแพ็ตร่วมมือกันขโมยแบบของบิวตี้ อาหักหลังบิวตี้อย่างเลือดเย็น บิวตี้ไม่รักไม่นับถืออาอีกแล้ว”
บิวตี้ร้องไห้โฮ แต่คนอื่นได้ยินเป็นเสียงนกร้องดังลั่น
กรเทพได้ยินเสียงนั้น “เดี๋ยวนะ ไม่รู้เสียงอะไร วางหูก่อนนะ”
กรเทพวางสายเดินมองหาเสียงว่ามาจากไหน นกบิวตี้เบียดตัวหลบจากสายตากรเทพ ทำให้กรเทพหาไม่เจอ เดินออกไป
“อาพูดกับใคร คงไม่ใช่ยัยแพ็ตหรอก เจตน์ชาญเหรอ...หรือมีใครอีกฉันจะทะลายให้หมดแก๊งเลย คอยดู”
บิวตี้ฮึดฮัดท่าทางโกรธเกรี้ยว
ธีภพเพิ่งกลับเข้าบ้านมา skype คุยกับพ่อแม่ที่อยู่เมืองนอก เจ้าเสือเคล้าเคลียอยู่ข้างๆ
“มีอะไรหรือจ๊ะธี พรุ่งนี้ก็จะได้เจอกันอยู่แล้วนี่นา”
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากบอกว่าคิดถึงแม่กับพ่อ พรุ่งนี้เจอกันครับ”
ภาวินีหันไปทางธนา “คุณมาคุยกับลูกหน่อยสิคะ”
“ไง เจ้าเสือ มีของกลับไปฝากด้วยนะ” ธนาทักเสือโคร่ง
“ขอบคุณครับนายพ่อ เสือร้องไห้คิดถึงของฝาก เอ๊ย คิดถึงนายพ่อนายแม่ทุกวันเลยค้าบ”
ภาวินีหมั่นไส้ “บอกให้คุยกับลูก พ่อไปคุยกับเจ้าเสือซะนี่”
“บริษัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่าธี”
ธีภพฝืนยิ้ม “ไม่มีครับ” แล้วทำเป็นหันไปมองทางหนึ่ง “เสียงเหมือนบิวตี้มา ผมรีบไปดูนะครับ
เดี๋ยวโดนเสือรังแก”
“จ้า บ้ายบายนะลูก ฝากคิดถึงเจ้าตัวเล็กด้วยนะ” ภาวินีตัดสายไป
“ไชโย นายพ่อ นายแม่จะกลับแล้ว เสือคิดถึ้ง คิดถึง กินข้าวไม่ลง ผอมเลย ดูสิ” พลางเจ้าเสือเดินโชว์หุ่นอ้วนๆ
ธีภพวางโทรศัพท์ ลูบหัวเสือโคร่ง “รอให้พ่อแม่กลับมาแล้วค่อยบอกดีกว่า พูดไปตอนนี้ พ่อแม่จะไม่สบายใจเปล่าๆ”
“ก็ไม่รู้สินะ บอกเรื่องไรเสือมะเห็นรู้เรื่องเลย” เสือร้องเหมียวๆ หง่าวๆ
“ความรักมันฝืนใจกันไม่ได้นะ ในเมื่อฉันรักคนนึง ฉันคงไปหลอกอีกคนไม่ได้ ฉันคงใช้ความรักเพื่อผลประโยชน์ไม่ได้ ฉันทำถูกแล้วใช่ไหมไอ้เสือ”
“นายรักใครหรอ” เสือโคร่งอยากรู้
“บิวตี้ยัยตัวแสบ เฮ้อ”
ขาดคำ นกบิวตี้บินปร๋อเข้ามาหา
ธีภพดีใจ “บิวตี้ มานี่มะ” พลางลูบตัว จะจูบหัว แต่แล้วเห็นเลือด และรอยแผล ก็ตกใจ “บิวตี้ ไป
โดนอะไรมา ใครตีบิวตี้”
“ใครทำที่รัก บอกเสือมาเลย เสือจะไปลุยให้เละ”
“ก็ยัยแพ็ตน่ะสิ” บิวตี้อ้อน “อู้ยเจ็บอะ”
“เดี๋ยวทำแผลให้นะ คนดี” ธีภพบอกเสียงนุ่ม
เสือโคร่งแค้น “ยัยแพ็ต อย่ามาแถวนี้นะ เจอเมื่อไหร่จะกัดให้จมเขี้ยว”
ธีภพทำแผลให้บิวตี้อย่างเบามือ
บิวตี้อ้อนใหญ่ “เจ็บจัง”
“โอ๋ หายนะ เพี้ยง”
ธีภพเป่าแผลที่หัว จูบอย่างอ่อนโยน บิวตี้คนหลับตาพร้อมรับจูบที่ธีภพมอบให้ด้วยความเอ็นดู รู้สึกอบอุ่น ดื่มด่ำอย่างบอกไม่ถูก
บิวตี้มีพลาสเตอร์ปิดรอยแตกที่หัว เข้ามานั่งรอในห้องทำงานธีภพแต่เช้า ธีภพเปิดประตูเข้ามา ไม่มองบิวตี้ แล้วพลันหางตาก็ไปเห็นรอยหัวแตก
“คุณไปโดนอะไรมา” ธีภพลืมตัว แตะแผลของบิวตี้อย่างห่วงใย
บิวตี้เห็นแววตาห่วงใยของธีภพ รีบผละออก “โดนคนบ้าตบ”
ธีภพทวนคำงงๆ “คนบ้าตบ”
บิวตี้ฝืนหัวเราะ “ล้อเล่นน่ะ แค่หัวกระแทกนิดหน่อย ไม่ต้องทำหน้าเครียดอย่างงั้นหรอก เดี๋ยวตีนกาขึ้นนะ อย่าเสียเวลาเลย ตามฉันมา”
บิวตี้ดึงแขนธีภพออกไป
“ไปไหน ผมต้องรีบเซ็นเอกสารก่อน”
“เอกสารรอได้ มาเร็วๆ เถอะน่า” บิวตี้ดึงมือธีภพไป
ธีภพมองมือบิวตี้ที่เกาะมือเขาอยู่ ความอบอุ่นอ่อนหวานเหมือนแล่นผ่านมือสู่หัวใจ
“ตามมาก่อนหลักฐานจะโดนทำลาย”
บิวตี้เดินนำธีภพอย่างร้อนใจ
ในห้องทำงานธีภพ พักตร์พิมลหน้าเครียด โกรธแค้น ไม่ยอมพูดอะไร
“พี่รอฟังคำอธิบายอยู่นะแพ็ต” พักตร์พิมลยังคงนิ่ง “ตกลงแพ็ตจะไม่พูดอะไรใช่ไหม”
บิวตี้เยาะหยัน “โดนจับได้เลยพูดไม่ออกใช่มั้ย”
“บิวตี้ ไม่เอาน่ะ” ธีภพปราม
“ฉันควรจะพูดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะยัยแพ็ตไม่ได้แค่แกล้งฉัน แต่ยัยนี่ทรยศเอาแบบไปขายให้เจดการ์เม้นท์”
พักตร์พิมลตวาดสวน “ไม่จริง”
“ไม่จริงได้ไง ฉันเห็นกับตา”
“ฉันเอาแบบของเธอไปด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่ฉันไม่เลวขนาดจะไปขายให้คู่แข่งหรอกนะ”
ธีภพอึ้ง “ที่แพ็ตบอกว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว มันคืออะไร”
“แพ็ตเกลียดมัน” พักตร์พิมลมองจ้องบิวตี้อย่างอาฆาตแค้น
“แพ็ตปล่อยให้ความเกลียดมีอำนาจเหนือความรับผิดชอบต่อบริษัทงั้นหรือ ทำไมแพ็ตถึงคิดตื้นๆแบบนี้ บิวตี้เป็นน้องของแพ็ตนะไม่ใช่คนอื่น”
พักตร์พิมลแหวใส่ “แล้วมันเคยคิดว่าแพ็ตเป็นพี่ของมันบ้างมั้ยล่ะ”
จากนั้นพักตร์พิมลร้องไห้ด้วยความเจ็บแค้น บิวตี้ยังโมโหพักตร์พิมลที่ขโมยแล้วยังไม่ยอมรับ
“ใช่สิ แพ็ตมันเลว ไม่มีอะไรดี เทียบกับบิวตี้ไม่ได้สักอย่าง พี่ธีก็หลงรักมันอีกคนใช่ไหมล่ะ ถึงได้เข้าข้างมันนัก สะใจละสิบิวตี้ เธอแย่งคนที่ฉันรักไปอีกจนได้”
บิวตี้รู้สึกผิด และเสียใจมาก “แพ็ต ฉัน...”
“เลิกพูดจาเป็นเด็กได้แล้วแพ็ต เรื่องปมในอดีตพี่เข้าใจ แต่นี่มันเรื่องงานของบริษัท ทำไมแพ็ตไม่รู้จักแยกแยะ แพ็ตทำผิดซ้ำๆ ทำให้บริษัทเสียหายหลายครั้งหลายหน แล้วยังไม่มีท่าทีจะสำนึก ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ให้พักงานไปเลย ถ้ายังไม่รู้สึกตัวว่าทำผิดก็ไม่ต้องกลับมาอีก”
พักตร์พิมลทั้งตกใจ และเสียใจ “พี่ธี” ปล่อยโฮออกมา
อ่านต่อหน้า 2
ตัวหนังสือสีแดง หน้า 1 และ 2 คือบทโทรทัศน์ที่แก้ไขใหม่
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 19 (ต่อ)
ในห้องทำงานธีภพ พักตร์พิมลหน้าเครียดเคร่ง ท่าทีโกรธแค้นสุดขีด ไม่ยอมพูดอะไร
“พี่รอฟังคำอธิบายอยู่นะแพ็ต” พักตร์พิมลยังคงนิ่ง “ตกลงแพ็ตจะไม่พูดอะไรใช่ไหม”
บิวตี้เยาะหยัน “โดนจับได้เลยพูดไม่ออกใช่มั้ย”
“บิวตี้ ไม่เอาน่ะ” ธีภพปราม
“ฉันควรจะพูดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะยัยแพ็ตไม่ได้แค่แกล้งฉัน แต่ยัยนี่ทรยศเอาแบบไปขายให้เจดการ์เม้นท์”
พักตร์พิมลตวาดสวน “ไม่จริง”
“ไม่จริงได้ไง ฉันเห็นกับตา”
“ฉันเอาแบบของเธอไปด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่ฉันไม่เลวขนาดจะไปขายให้คู่แข่งหรอกนะ”
ธีภพอึ้ง “ที่แพ็ตบอกว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว มันคืออะไร”
“แพ็ตเกลียดมัน” พักตร์พิมลมองจ้องบิวตี้อย่างอาฆาตแค้น
“แพ็ตปล่อยให้ความเกลียดมีอำนาจเหนือความรับผิดชอบต่อบริษัทงั้นหรือ ทำไมแพ็ตถึงคิดตื้นๆแบบนี้ บิวตี้เป็นน้องของแพ็ตนะไม่ใช่คนอื่น”
พักตร์พิมลแหวใส่ “แล้วมันเคยคิดว่าแพ็ตเป็นพี่ของมันบ้างมั้ยล่ะ”
จากนั้นพักตร์พิมลร้องไห้ด้วยความเจ็บแค้น บิวตี้ยังโมโหพักตร์พิมลที่ขโมยแล้วยังไม่ยอมรับ
“ใช่สิ แพ็ตมันเลว ไม่มีอะไรดี เทียบกับบิวตี้ไม่ได้สักอย่าง พี่ธีก็หลงรักมันอีกคนใช่ไหมล่ะ ถึงได้เข้าข้างมันนัก สะใจละสิบิวตี้ เธอแย่งคนที่ฉันรักไปอีกจนได้”
บิวตี้รู้สึกผิด และเสียใจมาก “แพ็ต ฉัน...”
“เลิกพูดจาเป็นเด็กได้แล้วแพ็ต เรื่องปมในอดีตพี่เข้าใจ แต่นี่มันเรื่องงานของบริษัท ทำไมแพ็ตไม่รู้จักแยกแยะ แพ็ตทำผิดซ้ำๆ ทำให้บริษัทเสียหายหลายครั้งหลายหน แล้วยังไม่มีท่าทีจะสำนึก ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ให้พักงานไปเลย ถ้ายังไม่รู้สึกตัวว่าทำผิดก็ไม่ต้องกลับมาอีก”
พักตร์พิมลทั้งตกใจ และเสียใจ “พี่ธี” ปล่อยโฮออกมา
กระตั้ว นั่งซึมกะทืออยู่ข้างปีวราที่สีหน้ากลัดกลุ้ม
“ฉันจะส่งใบลาออกละนะแก”
“อย่าเพิ่งสิ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน เดี๋ยวคุณแพ็ตกลับมาไม่เจอตั้วจะยิ่งเสียใจนะ”
“ไม่ไหวแล้วละแก อยู่ไปบอสเขาก็ระแวงพวกเรา ไม่รู้จะไล่ออกวันไหน”
“แต่ฉันต้องเลี้ยงแม่เลี้ยงน้อง” ปีวราพูดโกหก “ถ้าออกไปแล้วเกิดไม่ได้งาน หรือได้เงินเดือนน้อยลง จะทำยังไง”
“ฉันเห็นใจแกว่ะ คนดีอย่างแก เจ้านายเขาคงเมตตา แต่ปากหมาอย่างฉันคงต้องไปก่อนจะโดนถีบหัวส่ง”
“อย่างน้อยก็อยู่ถึงสิ้นเดือนก่อนได้ไหม เราอยู่เงียบๆ ไม่ยุ่งกับใคร อยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าคุณแพ็ตจะกลับมานะ อีก 15 วันเอง”
“ก็ได้ ฉันอยู่เพราะสงสารแกหรอกนะ”
ตรงที่ดินว่างเปล่าข้างออฟฟิศ บิวตี้ ครุ่นคิดถึงเรื่องพักตร์พิมลยืนกรานว่าไม่ได้เอาแบบส่งให้เจดการ์เม้นท์ ถ้าอย่างงั้นจะเป็นใคร?
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอ หรือ อากร หรือใครก็ตาม ที่เอาแบบฉันส่งไปให้เจดการ์เม้นท์ฉันจะทลายแก๊งที่คอยหักหลังธนบวรให้หมด” บิวตี้บอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น
เสียงพักตร์พิมลดังก้องในหู “ใช่สิ แพ็ตมันเลว ไม่มีอะไรดี เทียบกับบิวตี้ไม่ได้สักอย่าง พี่ธีก็หลงรักมันอีกคนใช่ไหมล่ะ ถึงได้เข้าข้างมันนัก สะใจละสิบิวตี้ เธอแย่งคนที่ฉันรักไปอีกจนได้”
บิวตี้ดึงตัวเองออกมา ถอนใจ ส่ายหน้า “พี่ธีหลงรักฉันเหรอ เข้าใจผิดแล้วเขาไม่เคยชอบฉันเลยซักนิด เขาไม่เคยฟังฉันอธิบายอะไรเลย”
ธีภพเดินมาหา “คิดอะไรอยู่”
“ตามมาถูกได้ยังไง”
“เห็นไม่อยู่ในบริษัท ก็เลยลองมาดู”
ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในความเงียบ ธีภพเอ่ยขึ้น
“คุณจะบอกผมได้รึยัง”
“เรื่องที่ฉันคิดอะไรอยู่ หรือเรื่องที่ฉันเข้าไปโป๊ในห้องนายเจตน์ชาญ”
“เรื่องหลัง”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันพูดไม่ได้ ต่อให้ฉันพูดไปคุณก็ไม่เข้าใจฉันอยู่ดี”
“ทำไม ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดและอธิบายไม่ได้ ในเมื่อคุณบอกว่าคุณไม่มีอะไรกับนายนั่น คุณก็แค่อธิบายมาว่าคุณไปอยู่ในสภาพนั้นได้ยังไงหรือมันทำอะไรคุณ”
“ไม่มีใครทำอะไรใครทั้งนั้น สักวัน คุณจะรู้เองโดยที่ฉันไม่ต้องพูดอะไรเลย แต่ตอนนี้อย่าเข้าใจฉันผิดแบบนั้นอีก เชื่อใจฉันสักครั้งได้ไหม”
“คุณรู้ไหมว่าผมห่วงคุณขนาดไหน ผมทนไม่ได้ที่ผมเห็นคุณอยู่กับชายอื่นในสภาพแบบนั้น”
“นายจะมาห่วงอะไรฉันล่ะ ไปห่วงแฟนนายไป”
“ผมเลิกกับอรแล้ว”
บิวตี้ตกใจมาก
“ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว...ที่แพ็ตพูดเมื่อกี้นี้ แพ็ตพูดถูกนะ”
บิวตี้หวนคิดถึงประโยคที่พักตร์พิมลพูดใส่หน้าธีภพว่า “พี่ธีก็หลงรักมันอีกคน” แล้วอึ้งไป
“นาย”
ธีภพมองบิวตี้ด้วยความรัก หอมหน้าผากอย่างละมุนละไม
“นายหายโกรธฉันแล้วใช่ไหม เชื่อฉันนะว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับนายเจตน์ แล้วสักวันนายจะเข้าใจฉัน”
บิวตี้จับมือธีภพไว้ ธีภพกอบกุมมือเช็ดน้ำตาให้ บิวตี้โผเข้าไปกอดธีภพอย่างซาบซึ้งใจ ธีภพกอดตอบ และกำลังจะเคลื่อนจูบ
2 นางฟ้าบนสวรรค์ลุ้นสุดตัว โดยเฉพาะนางฟ้าลลิตา
“จูบเลย จูบเลย ลูกจะได้พ้นคำสาปแล้ว”
ปรมะเทวียิ้มลุ้นไปด้วย
จู่ๆ ส้มเช้งถือเอกสารเดินปรี่เข้ามาร้องเรียกหาบิวตี้
“คุณบิวตี้คะคุณบิวตี้”
“ส้มเช้ง” บิวตี้ กะ ธีภพชะงัก
“ขอโทษค่ะ ที่มาขัดจังหวะ ส้มเช้งเตรียมแบบที่จะไปคุยกับเจต์การ์เม้นท์แล้วนะคะ รถก็พร้อมแล้วค่ะ แล้วก็ได้เวลาแล้วด้วยค่ะ”
ธีภพหน้าบึ้งตึง “คุณไม่จำเป็นต้องไปที่เจดการ์เม้นท์อีกแล้ว”
“ฉันยังจัดการเรื่องแบบที่ถูกขโมยไปไม่สำเร็จ”
“ไม่ต้องแล้ว เรื่องนั้นผมจะส่งทนายไปจัดการตามกฎหมาย”
“ทำแบบนั้นคงไม่มีทางหาต้นตอที่บริษัทเราได้”
“ต่อไปนี้ คุณไม่ต้องสู้และทำอะไรคนเดียว คุณจะมีผมอยู่ด้วยเสมอนะ”
ณ แดนสรวง ปรมะเทวีกับนางฟ้าลลิตา เฝ้ามองบิวตี้อย่างหนักใจ
“ทั้งลัลน์ลลิตและ ธีภพต่างมีความรักให้กันและกันแล้ว ทำอย่างไรลัลน์ลลิตจึงจะพ้นคำสาปโดยเร็วคะเทวี”
“ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเร่งรัด”
“แต่นางมีเวลาเหลืออีกเพียงยี่สิบวันเท่านั้น”
“จะยี่สิบวัน หรือสองวัน สองนาที ถ้ายังไม่ถึงวาระ ก็จะไปฝืนไม่ได้ ท่านยังไม่ได้รับบทเรียนหรอกหรือว่า หากฝืนโชคชะตาจะเกิดผลเสียเช่นไรตามมา”
“เราได้รับบทเรียน และจะไม่พยายามฝืนโชคชะตาของลัลน์ลลิต” นางฟ้าลลิตาพูดเบาๆ “หาก
ไม่จำเป็น ...ค่ะเทวี”
ฝ่ายอรวิภานั่งเหม่อลอยเหงาหงอยอยู่ในร้านดอกไม้ เครือวรรณปลุกปลอบใจ
“ตั้งใจทำงานหน่อยสิจ๊ะลูกจ๋า ทำเพลินๆ เดี๋ยวก็ลืม”
อรวิภาขยับอีกนิดเดียว เจตน์ชาญเดินมาหาในจังหวะนี้ เครือวรรณจ๊ะจ๋า
“สั่งดอกไม้หรือคะคุณเจตน์ชาญ”
“ครับ สั่งดอกไม้ด้วยแล้วก็มาเชิญคุณอรด้วยครับ
“ถ้างั้นคุณเจตน์ช่วยอยู่เป็นเพื่อนน้องอรแป๊บนึงนะคะ คุยกับคุณเจตน์ไปนะลูก จะได้หายซึมเศร้า” พลางหันไปสั่งพนักงาน “เธอไปช่วยฉัน”
เครือวรรณกับพนักงานออกไป อรวิภามีท่าทีอึดอัดเห็นได้ชัด
เจตน์ชาญขอร้องอรวิภา “คุณอรครับ ช่วยเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ให้เจดการ์เม้นท์หน่อยได้ไหม
ครับ”
“อย่าเลย เดี๋ยวจะต้องลำบากทำรันเวย์พิเศษไม่ให้ฉันหกล้มไปใส่คนอื่น”
เจตน์ชาญหัวเราะ “ยังอุตส่าห์จำได้อีกเหรอ”
“ฉันจำได้ดี คุณพูดจาไม่สุภาพกับฉันทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ”
“ก็เห็นคุณกำลังจะร้องไห้ ก็เลยแกล้งแหย่ให้โกรธผมแทนไง ได้ผลใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ ได้ผล ฉันไม่ชอบคุณตั้งแต่นั้น แล้วก็ไม่คิดจะเดินแบบให้คุณด้วย”
“ทำไมล่ะ กลัวคุณธีภพหึงเหรอ ไม่หรอกน่าจะหมั้นหมายกันอยู่แล้วเรื่องแค่นี้ไม่ไว้ใจกันก็แย่แล้ว”
อรวิภาปล่อยโฮทันที สะเทือนใจถึงขีดสุดที่ได้ยินชื่อธีภพกับการหมั้นหมาย
“ฉันไม่ได้จะหมั้นกับพี่ธี แล้วก็ไม่มีวันได้หมั้นด้วย” สาวโลกสวยร้องไห้โฮ
เจตน์ชาญตกใจ “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เขาดึงอรวิภาเข้ามากอดปลอบ “อย่าร้องเลยนะ”
อรวิภาสะอื้นไห้ซบหน้ากับอกเจตน์ชาญด้วยจิตใจที่อ่อนแอ ต้องการคนปลอบประโลมใจ
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 19 (ต่อ)
ฟากบิวตี้ถูกธีภพดึงมือ พามาคุยต่อในห้องทำงาน
“ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
“สัญญาก่อน คุณจะไม่ไปหานายเจตน์ตามลำพังคนเดียว”
บิวตี้รับปาก “ได้ๆ สัญญา”
“ไหนเล่าให้ผมฟังสิว่าได้ข้อมูลอะไรที่ผมยังไม่รู้อีก” ธีภพจับบ่าบิวตี้จ้องตาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ “ผมจำเป็นต้องรู้ จะได้ช่วยคุณได้”
บิวตี้ตัดสินใจพูด “ฉันคิดว่าเจตน์ชาญร่วมมือกับอากรและแพ็ต อากรมีแผนจะทำลายธนบวรและแพ็ตอาจจะช่วยพ่อเขาอยู่”
ธีภพอึ้ง นิ่งงันไปชั่วขณะ ด้วยเขารู้ดีว่าไม่จริง แต่ยังพูดอะไรไม่ได้ “คุณเข้าใจผิดหรือเปล่าแพ็ตอาจจะทำไปเพราะความรู้สึกส่วนตัว แต่อากรไม่มีทางเลยที่จะทำอย่างนั้นกับธนบวรได้”
“ช็อกใช่มั้ย” บิวตี้จับมือธีภพปลอบใจ “ฉันเองก็เคยรู้สึกเหมือนคุณ ตอนที่รู้ว่าที่ผ่านมาอากรหลอกลวงฉันมาตลอด” บิวตี้เสียใจจนเสียงสั่นน้ำตาคลอ
“ไม่จริงหรอก อากรเป็นอาแท้ๆ ของคุณ ท่านจะทำแบบนั้นทำไม และที่สำคัญอากรรักบิวตี้มากนะ” ธีภพใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาให้บิวตี้อย่างอ่อนโยน
บิวตี้ไม่ฟังด้วยปักใจเชื่อไปแล้ว “ไม่ อากรไม่รักบิวตี้ อาต้องการยึดธนบวรไปจากฉันและจากคุณด้วย ฉันได้ยินอากรพูดถึงฉันว่าฉันไม่มีความรู้ ไม่มีทางบริหารบริษัทได้แล้วก็ได้ยินว่าอาแอบไปตั้งบริษัทใหม่ของตัวเองแถวถนนบางนาตราด ฉันไปเห็นมากับตาแล้ว แล้วอายังจะขโมยแบบของฉันไปก็อปปี้ขายถูกๆ”
ธีภพตกใจ “คุณเห็นและได้ยิน?”
“ใช่ ฉันได้ยินอากรคุยโทรศัพท์กับใครบางคน แล้วก็พูดสิ่งเหล่านี้ ฉันมั่นใจว่าคนปลายสายต้องเป็นนายเจตน์ชาญแน่ๆ ฉันเห็นเขาทั้งสองคนสนิทกันมาก”
“เพราะอย่างงี้ใช่ไหมคุณถึงไม่ชอบอากร แล้วก็มาให้ผมสอนงานคุณ พี่ว่า ตอนนี้บิวตี้อย่าเพิ่งปักใจเชื่อดีกว่า ทำใจให้สบาย คิดแต่เรื่องงานที่จะต้องพรีเซ้นต์คุณเกรซไปอย่างเดียว เรื่องอื่นพี่จะจัดการให้เอง” ธีภพพบาบามโน้มน้าว
“นายต้องช่วยฉันสู้กับอากรและคุณเจตน์นะ บริษัทนี้พ่อของเราสองคนสร้างมากับมือ อย่ายอมให้ใครมาทำลายนะ”
“ไม่ต้องกังวลเราจะดูแลธนบวรด้วยกัน ไม่ให้ใครมาทำลาย” ธีภพจับมือแล้วดึงบิวตี้เข้ามากอด
จากการกอดอย่างพี่น้อง ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกเป็นไหวหวั่น ขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินทุกที
บิวตี้สะดุ้ง ปวดตัวอย่างรุนแรง “โอ๊ย...” รีบดันตัวออกจากอ้อมแขน “ฉันขอตัวก่อนนะ” บิวตี้ลนลานออกไปหลุดปาก “บ๊ายบาย คืนนี้เจอกันนะ ไม่ใช่สิ พรุ่งนี้เจอกัน”
“บิวตี้” ธีภพพยายามจะตามแต่บิวตี้วิ่งหนีไปแล้ว งุนงงกับคำว่า...คืนนี้?
บิวตี้วิ่งลงมา หาที่แปลงกาย วิ่งเข้าห้องน้ำไป ธีภพยืนขำอยู่ชั้น2 บิวตี้ แปลงร่างเป็นนกในห้องน้ำธนบวรนั่นเอง
“ต้องหาหลักฐานเพิ่ม ห้องอากร”
นกบิวตี้บินมาหน้าห้องทำงานกรเทพซึ่งอยู่ติดกับห้องธีภพนั่นเอง ปรากฏว่าห้องปิดประตู ส่วนห้องข้างๆ ธีภพกำลังเก็บข้าวของ เดินออกจากห้องไป
นกบิวตี้เซ็ง “ประตูปิด จะเข้ายังไงล่ะทีนี้ เฮ้อ...นาย อย่าเพิ่งกลับสิ มาเปิดประตูห้องอากรให้ฉันก่อน ไปดูห้องแพ็ตอีกทีละกัน เผื่อจะมีหลักฐานเพิ่มเติม”
นกบิวตี้บินไปห้องพักตร์พิมล
นกบิวตี้บินมาตามทาง เห็นประตูห้องทำงานพักตร์พิมลเปิดอยู่
“เปิดประตูไว้ทำไม แปลก”
นกบิวตี้บินวนเวียน อยู่ก่อนจะไปสะดุดตาคอมพ์บนโต๊ะทำงานของพักตร์พิมล
“คอมพ์ ...ไม่น่าเปิดยากนะ” นกบิวตี้พยายามจิกที่ปุ่มเปิด
จู่ๆ ประตูก็ปิดดังปัง! บิวตี้คนในคราบนกตกใจหันไปดู เห็นพักตร์พิมล ใส่หมวก สวมเสื้อผ้ากันฝน กันขี้นก ปิดประตูมองมาที่นกอย่างโหดเหี้ยม
“ยัยแพ็ต”
พักตร์พิมลตะโกนสั่ง “จัดการเลย”
กระตั้วกับปีวรา โผล่พรวดออกมาจากที่ซ่อน สองคนใส่หมวกกันขี้นก มือถือสวิง เดินต้อนนกเข้ามาอย่างช้าๆ น่าหวาดกลัว
บิวตี้คนตกใจถอยหนี “อย่านะ”
“จับมันให้ได้” พักตร์พิมลสั่งอีก
กระตั้วกับปีวราใช้สวิงไล่ต้อน พักตร์พิมลเอาแฟ้มไล่ตี นกบิวตี้บินหนี พร้อมกับขี้ใส่
“ขี้ให้ตูดแตกก็ไม่กลัวเว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” กระตั้วหัวเราะเยาะ
บิวตี้บินหลบหลีกพร้อมกรีดร้อง กระตั้ววิ่งชนกับพักตร์พิมลโครม
“ระวังหน่อยสิ วิ่งดูตาม้าตาเรือบ้าง”
“ตาม้าตาเรือไม่ดูหรอกค่ะ ตั้วดูแต่ตาหนุ่ม”
ปีวราร้องขึ้นอย่างดีใจ “จับได้แล้วค่ะ”
แพ็ตกับกระตั้วหันไปมอง ปีวราเอาสวิงครอบบิวตี้คนไว้ได้
“ปล่อยฉันนะ ไอ้พวกทรยศ บอกให้ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
นางฟ้าลลิตามองเหตุการณ์อยู่บนแดนสรวง ตกใจสุดขีดที่เห็นบิวตี้ถูกจับ
“แย่แล้วค่ะเทวี นกลัลน์ลลิตถูกจับตัวได้”
ปรมะเทวีจ้องมองจอภาพ ท่าทีสงบนิ่ง “มันเป็นไปตามลิขิต”
“ไม่มีทางช่วยเลยหรือคะ”
“เมื่อจะต้องเป็นก็ต้องเป็น ฝืนไม่ได้”
“ขอลูกแคล้วคลาดจากสิ่งเลวร้ายด้วยเถิด ลูกรักของแม่”
นางฟ้าลลิตาแตะภาพนกบิวตี้ในจอภาพอย่างห่วงใย
ฝ่ายกระตั้วเข้ามาช่วยจับตัวนกบิวตี้ไว้แน่น
บิวตี้ร้องลั่น “ปล่อยฉันนะปล่อยฉัน”
“ต้องเป็นไอ้นกบ้านี่แหละที่คอยส่งข่าวให้ยัยบิวตี้ ดูให้ทั่วซิ มีกล้องติดตัวมันอยู่หรือเปล่า”
กระตั้วพลิกดูทั่วๆ ตัวนก แม้แต่บั้นท้าย
“ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต เลว เลวทุกคนถ้าฉันออกไปได้ฉันจะไล่ทุกคนออก คอยดู”
นกบิวตี้พยายามจิกกระตั้ว
“ไม่มีนะคะ โอ้ย” กระตั้วแหกปากลั่นโดนนกจิก “... แหก ... แหก มือตั้วแหกหมดแล้วค่า”
“เอามันใส่กรงนี่” พักตร์พิมลส่งกรงให้กระตั้ว “ถึงจะไม่รู้ว่ามันส่งข่าวยังไง แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้มันมาบินเกะกะอยู่แถวนี้อีกแล้ว”
ปีวราท้วง “คุณแพ็ตจะฆ่ามันหรือคะ น่าสงสาร”
บิวตี้ตาเหลือก “ฆ่าฉัน พวกแกฆ่าฉันไม่ได้นะ ฉันบิวตี้นะ ฉันไม่ใช่นก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“คุณแพ็ตอย่าฆ่าสัตว์เลยนะคะ ฆ่าสัตว์มัน extremely บาป นะคะ เอาไปปล่อยเถอะค่ะ” กระตั้วบอก
“ฉันไม่ใจร้ายขนาดจะฆ่ามันหรอก แต่ฉันก็ไม่โง่เอาแกไปปล่อยแล้วให้แกบินกลับมาทำร้ายฉันอีกหรอก”
“แล้วคุณแพ็ตจะทำยังไงกับมันอ่ะคะ”
พักตร์พิมลยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ฉันจะเอาไปเลี้ยงที่บ้าน ถ้าเป็นตัวเมียจะได้เป็นแม่พันธุ์ซะเลย เพราะที่บ้านฉันมีแต่ตัวผู้”
บิวตี้โวยลั่น “เฮ้ย ไม่นะ ม่าย...ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย...”
กรงนกขนาดใหญ่ ข้างตัวบ้าน พักตร์พิมลปล่อยนกบิวตี้ลงไปในกรงนั้น ข้างในมีนกตัวผู้หนุ่มๆ 5-6 ตัว
“เชิญอยู่ในนี้ให้สบายนะ ไม่ต้องออกมายุ่งกับฉันอีก! ฉันไม่ฆ่าแกให้เสียมือหรอก ได้เยาะเย้ยแกแบบนี้ทุกวันสะใจกว่าเยอะ”
พักตร์พิมลปิดกรงทันที
“อี๋ สกปรก ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะยัยแพ็ต ปล่อยฉัน”
พักตร์พิมลกำลังจะเดินเข้าบ้าน เจอกรเทพที่เพิ่งกลับเข้ามาพอดี
“พ่อได้ยินว่าวันนี้เราไปทำเรื่องไว้กับบิวตี้ แล้วก็โดนพักงานอีก”
“ใช่ค่ะ ก็ถูกต้องตามที่พ่อได้ยิน”
“แกโกรธเกลียดอะไรบิวตี้นักหนา ถึงได้คอยแต่หาเรื่องเค้าซ้ำแล้วซ้ำอีก”
“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับสิ่งที่บิวตี้ทำกับแพ็ต”
“แกมันเหมือนเด็กไม่ยอมโต เจ้าคิดเจ้าแค้นแต่เรื่องเก่าๆ อยู่ได้ ตอนนี้พ่อไม่เห็นว่าบิวตี้จะทำอะไรแกเลยสักนิด มีแต่แกที่ไปแกล้งเขาอยู่ได้ เมื่อไหร่จะโตนะ ดูบิวตี้เป็นตัวเอย่างสิ เขาปรับปรุงตัวเอง ทำงานเก่งจนใครๆก็พากันชม แกทำงานมานานยังสร้างผลงานไม่ได้สักครึ่งของบิวตี้เลยมั้ง”
“ใช่ แพ็ตมันไม่ได้เรื่อง ไม่เคยทำอะไรดีสักอย่างในสายตาพ่อ สู้บิวตี้หลานรักของพ่อไม่ได้สักอย่าง ถ้าพ่อรักมันนัก ทำไมพ่อไม่รับมันเป็นลูกซะเลยล่ะ แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับลูกเลวๆอย่างแพ็ตอีก”
“พ่อไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนใจแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้น เสียแรงที่อุตส่าห์เลี้ยงแกมาจนโต” กรเทพโมโห
“พ่อไม่ได้เลี้ยงแพ็ต พ่อมัวแต่เลี้ยงยัยบิวตี้ แพ็ตโตของแพ็ตมาด้วยตัวเอง พ่อไม่เคยมองแพ็ต เพราะตาของพ่อมองแต่ยัยบิวตี้คนเดียว”
กรเทพเจ็บช้ำที่ลูกเข้าใจตนเองไปแบบนั้น
“แต่ไม่เป็นไรหรอก แพ็ตเองก็ไม่แคร์อยู่แล้ว ในเมื่อพ่อไม่รักแพ็ต แพ็ตจะรักพ่อไปทำไม”
พักตร์พิมลสะบัดหน้าพรืด เดินเข้าบ้านไปทันทีที่พูดจบ กรเทพเสียใจกับคำพูดที่ลูกสาวคนเดียวพูดใส่ตัวเอง
บิวตี้ได้ฟังก็ให้ฉงน “ทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้นล่ะแพ็ต แล้วทำไมอากรถึงพูดเหมือนรักเรามากมายขนาดนี้ แล้วสิ่งที่เราเห็นและได้ยินอาพูดกับเจตน์ชาญล่ะ อะไรคือความจริงกันแน่”
บิวตี้คนนั่งเครียดและกลัดกลุ้มอยู่ในกรงนก เสียงนกหนุ่มๆ ดังขึ้นขรม
เสียงนกหนุ่ม 1 เปิดก่อน “สวัสดีจ้าน้องสาว ท่าทางเครียดเชียว เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าจ๊ะ”
ตามด้วยเสียงนกหนุ่ม 2 “สวย ซะด้วย อะจึ๋ย อะจึ๋ย”
เสียงนกหนุ่ม 3 ตามติด “มีแฟนหรือยังจ๊ะคนสวย”
บิวตี้คนมองสูงขึ้นไป เห็นนกตัวผู้เกาะคอนอยู่ จ้องมาที่บิวตี้ตาเป็นมัน
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ไอ้พวก...นกธรรมดา”
ฝ่ายธีภพกลับบ้านมา ก็โดนพ่อต่อว่าเรื่องบอกเลิกกับอรวิภา ภาวินีฟังอยู่ด้วย เจ้าเสือโคร่งหมอบอยู่ข้างๆ ภาวินี
“ธีทำอะไรไม่ปรึกษาพ่อเลยนะ ธีคิดบ้างไหมว่าบริษัทเราจะเสียหายสักแค่ไหนถ้าฟอลคอนถอนสินค้า”
“คิดครับ ผมคิดมาตลอด”
“แล้วทำไมยังบอกเลิกกับหนูอร”
“ผมเห็นว่าถ้าเอาบริษัทมาผูกไว้กับเรื่องส่วนตัวแบบนี้มันจะยิ่งมีปัญหานะครับ”
ภาวินีดักคอลูกชาย “หรือว่าธีไม่ได้รักน้องอร”
เจ้าเสือแหลมขึ้นหง่าวๆ “นั่นสินาย น้องอรแก แบ๊วๆ มุ้งมิ้ง เอ๊าะแอ๊ะ น่าร้อกอ่ะ”
“ผมผิดเองที่ผมไปคบกับน้อง เพราะผมคิดว่าเราน่าจะไปด้วยกันได้ แต่ผมรักน้องอรเหมือนน้องสาวครับ และผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับน้องที่ผมจะคบกับน้องต่อไป ความรักกับผลประโยชน์ทางธุรกิจมันคนละเรื่องกันนะครับพ่อ”
ธนามองหน้าลูก รู้ใจประสาผู้ชายด้วยกัน “พูดแบบนี้ แสดงว่ารักคนอื่นอยู่ใช่ไหม”
ธีภพนิ่งไปชั่วขณะแล้วตัดสินใจตอบ “ครับ
ธนารุก “ใคร”
“ผมรัก บิวตี้ครับ” นัยน์ตาธีภพแพรวพราวเมื่อเอ่ยชื่อ
ภาวินีไม่แปลกใจนัก “นั่นไง นึกแล้วเชียว”
ธนาจ้องหน้าธีภพ ถามจริงจัง “แน่ใจนะ”
“แน่ใจครับ”
เจ้าเสือโวย ร้องหง่าวๆ “ไม่นะ ม่าย...บิวตี้แฟนโผม นายแย่งแฟนผม เจ็บปวด”
บิวตี้ถูกขังอยู่ในกรงนกขนาดใหญ่ บ้านกรเทพ นกหนุ่ม 5-6 ตัว ประสานเสียงดังขรม
“พี่เหงามานานแล้ว” / “น้องสาว บินขึ้นมาบนนี้สิจ๊ะ จะได้ขึ้นสวรรค์ด้วยกันทั้งฝูง” / “ขาวฟ้า ตรงสเป็ค เลยนะน้อง”
บิวตี้คนเริ่มหวาดหวั่น “ไม่นะ ไอ้นก ลา มก อย่าเข้ามานะ ฉันเป็นคน ไม่ใช่นกอย่างพวก
แก ได้ยินไหม ฉัน..เป็น...มนุษย์”
“ฉันเป็นมนุษย์ อย่าเข้ามานะ ฉันไม่ใช่นกแบบพวกแก” บิวตี้ด่า
นกหนุ่ม 1 ขำกลิ้ง “เฮ้ย พวกเราสาวสวยเขาว่า เขาเป็นมนุษย์ว่ะ”
นกหนุ่มทุกตัวหัวเราะเฮฮา “ฮ่าๆๆ”
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ตัวไหนมาแหยม พรุ่งนี้เช้าฉันแปลงร่างกลับเป็นคน จะหักคอทอดกินให้หมดเลยคอยดูสิ”
นกหนุ่มทุกตัวขำก๊ากก “ฮ่าๆๆ” / “ไม่เชื่อ” / “ไม่กลัว”
นกหนุ่ม 1 จะโผเข้าหา “มาให้พี่จุ๊บที มาม๊ะ มา”
นกบิวตี้ผวา เผชิญหน้านกหนุ่มจอมหื่น อย่างหวั่นเกรง
บิวตี้พยายามแทรกตัวหนีออกไป พยายามใช้ปากเปิดที่ล็อกของลูกกรง แต่ก็ทำไม่ได้
“เจ็บปากไปหมดแล้วอ่ะ เปิดไม่ได้อ่ะ ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าเลยเหรอ”
ฟากธีภพรอบิวตี้ ร้องเรียกหาเอาอาหารล่อ เรียก “บิวตี้ มากินข้าว มา” พลางผิวปากเรียก
ทว่าทุกอย่างเงียบ ธีภพมองไปทั่วแต่ไม่เจอ ก็นึกห่วง “ไม่มาอีกแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า”
ธีภพกลับเข้ามาในห้อง เห็นเสือโคร่งนอนซึมอยู่ ลูบตัวถาม “เสือ ทำไมซึมเชียว ไม่สบายรึเปล่า”
เจ้าเสืองอน “ไม่ต้องมายุ่ง ชิ”
“บิวตี้ไม่มา งอนเลยเหรอ”
เสือหงุดหงิด “ยังจะมาเยาะเย้ยอีกเดี๋ยวต่อยฟว่ำ นายก็นายเหอะ”
ธีภพลูบตัวเสืออย่างอ่อนโยน “ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน” ชายหนุ่มถอนใจ “ไม่น่าตั้งชื่อบิวตี้เลยแปลกทั้งคนแปลกทั้งนก”
“แต่นายก็ชอบของแปลกใช่มั้ยล่ะ” เจ้าเสือว่า
ธีภพอมยิ้มมีแววตากรุ้มกริ่มเมื่อนึกถึงบิวตี้ “แต่แปลกยังไง ก็...น่ารักดีนะ”
“เยอะนะเนี่ยนาย รู้ตัวป่าว อาการสาหัสนะเนี่ย” เสือโคร่งถอนใจ “สงสัยเสือต้องตัดใจ หาแฟนใหม่ซะแล้ว”
เช้ามืด พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้ว นกบิวตี้ซุกตัวอยู่ตรงซอกกรง ปากเยินมีแผล ปีกมีแผล นกตัวผู้จอมหื่นเกาะใกล้ๆ ในท่าทีคุกคาม บิวตี้ไล่ตะเพิด
“ไปนะ ไปให้พ้น โดนจิกเลือดสาดไม่เข็ดหรือไง”
แต่ไม่เป็นผล นกหนุ่ม 1 ว่า “ไม่เข็ด จนกว่าจะพิชิตศึกสาวสวยได้” พลางผิวปากเรียกพวก “มาเลยพวกเรา”
นกหนุ่ม 2 บอก “นอนเต็มอิ่ม ฟิตเปรี๊ยะ พร้อมลุย”
นกหนุ่ม 3 เย้ย “ไหนล่ะ จะแปลงร่างเป็นคน ไม่เห็นเป็นเลย”
นกหนุ่ม 1 เยาะ “หลอกกันนี่น้องสาว”
นกหนุ่ม 2 บอก “อย่างงี้ต้องทำโทษ”
นกหนุ่ม 3 ว่า “ใครดีใครได้เว้ย”
นกหนุ่มบินเข้ามาใกล้นกบิวตี้พุ่งตัวเข้าใส่ ใช้ปีกโอบร่างน้อยไว้
“อย่านะ อย่าเข้ามานะ ออกไปไอ้นกบ้าแอร๊ยยย”
นกบิวตี้ขัดขืนใช้ปากจิกกัดนกอีกตัวเต็มแรง นกหนุ่มโกรธจัด ยื่นจะงอยปากแหลมๆ เข้ามาหมายจะจุ๊บ นกบิวตี้หวิดเพลี่ยงพล้ำ
พระอาทิตย์ขึ้นที่ปลายฟ้า บิวตี้คืนร่างเป็นคนในกรงนั้นเอง ใบหน้ามีร่องรอยการต่อสู้ ปากบวม เปลือยร่างอยู่ซอกกรง นกทุกตัวบินไปกระจุกรวมกันอีกฟาก และต่างตกใจร้องเซ็งแซ่
“เฮ้ย อะไรกัน” / “คน นี่หว่า” / “บ้าไปแล้ว” / “โห เสียดายว้อย”
บิวตี้กระโจนไปเปิดประตูกรง รีบย่องออกไปด้วยความระวัง บิวตี้พาร่างเปลือยเปล่าไรอ้อาภรณ์วิ่งวนหาทาง หันซ้าย มองขวา คว้าเสื้อผ้าที่ตากทิ้งไว้บนราวมาใส่แล้วรีบออกไป โดยไม่รู้ว่ามีกล้องวงจรปิดที่มุมบ้านของพักตร์พิมล ซึ่งติดตั้งในจุดที่บันทึกเหตุการณ์บริเวณกรงนกได้ทั้งหมด
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาหวั่นใจ ร้อนใจไปหมด เมื่อเห็นว่าความลับของบิวตี้กำลังจะถูกเปิดเผย
“ความลับของคำสาปกำลังจะถูกเปิดเผยต่อพักตร์พิมล จะแก้ไขอย่างไรดีคะเทวี”
“ไม่ต้องแก้ไข ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีของมัน” องค์เทวีบอก
“แต่พักตร์พิมล ประสงค์ร้ายกับลัลน์ลลิตมาโดยตลอด นางคงหาทางกลั่นแกล้งลัลน์ลลิต ขออนุญาตให้เราไปเตือนนางสักนิดได้ไหมคะเทวี”
“ท่านยังคิดจะปกป้องลูกอยู่อีกหรือ ลัลน์ลลิตเคยทำร้ายจิตใจพักตร์พิมลอยู่ไม่ใช่น้อย เคยกระทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้น เป็นธรรมดา”
นางฟ้าลลิตานิ่งงันยอมรับ แต่อดห่วงไม่ได้
บิวตี้เดินเข้าบ้านมา ใส่ชุดที่คว้าจากราวตากผ้าบ้านพักตร์พิมล สภาพยับเยิน หัวยุ่ง หน้าโทรม ปากเจ่อ หน้าเป็นรอยจากการสู้ป้องกันตัวกับนกตัวผู้จอมหื่น
พรเห็นก่อนใคร “คุณหนู”
ทุกคนเข้าไปหาบิวตี้
ป้าจันตกใจในสภาพบิวตี้ “คุณหนู ไปทำอะไรมาคะ ทำไมถึงเป็นแผลทั้งตัวแบบนี้”
บิวตี้ไม่ตอบ “ป้าจันเอาอาหารเช้าขึ้นไปให้ที่ห้องด้วย ขอพักแป๊บนึง ส้มเช้งโทร.ไปบอกที่ออฟฟิศว่าฉันไม่สบายขอเข้าสายหน่อย”
“ได้ค่ะ”
บิวตี้ขึ้นห้องไป
ป้าจันยังตกใจในสภาพที่เห็น “ตายแล้ว ทำไมคุณหนูถึงกลับมาในสภาพแบบนี้”
ส้มเช้งสงสารจับใจ “ส้มเช้งคิดว่าคุณบิวตี้อาจจะมีความจำเป็นบางอย่างที่บอกเราไม่ได้ก็ได้ค่ะ”
ศรีนวลลากส้มเช้งออกไป แล้วกระซิบดุ “อย่าเผลอพูดเรื่องคุณบิวตี้เป็นอันขาด”
ส้มเช้งกังวลมาก “กับป้าจันก็ไม่ได้เหรอจ๊ะ”
ศรีนวลดุ “กับใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
พักตร์พิมลตื่นเช้า อารมณ์ดีเป็นพิเศษเดินจิบกาแฟออกมาบริเวณกรงนก หมายจะมาดูนกบิวตี้ ปรากฏว่านกในกรงหายไปเกลี้ยงทั้งกรง ประตูกรงเปิดอ้าไว้
“ฝน” พักตร์พิมลร้องเรียกคนใช้
“คะคุณแพ็ต”
“นกในกรงหายไปไหนหมด”
“หนูไม่ทราบค่ะ ตื่นมาเมื่อเช้าก็เป็นแบบนี้แล้วค่ะ สงสัยจะมีคนมาแอบเปิดกรง มันเลยบินออกไปหมด”
“เป็นไปได้ยังไง ใครจะมาเปิดกรง”
พักตร์พิมลคาใจมาก เหลียวมองไปทางกล้องวงจรปิดเขม็ง
พักตร์พิมลดูคลิปจากกล้องวงจรปิดในโน๊ตบุ้ค พบความจริงว่านกหงส์หยกตัวนั้น คือ บิวตี้ นั่นเอง
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเห็นนกบิวตี้ผุดซ้อนขึ้นในความคิดเป็นระลอก ตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นนกไล่จิกที่ห้องรปภ. / เห็นนกที่บ้านบิวตี้ตอนอยู่หัวหิน / เห็นนกที่ห้องเก็บของที่ชั้น3 / เห็นนกบิวตี้ที่บ้านธีภพ และสุดท้ายนกจับได้ว่าพักตร์พิมลแอบซ่อนแบบที่โขมยมาไว้หลังตู้
พักตร์พิมลอึ้ง ตะลึงงัน ช็อกสุดขีด
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 19 (ต่อ)
ทางด้านบิวตี้ยังนั่งอยู่หน้ากระจกในชุดคลุมนอน กำลังดูแผลตัวเองที่ช้ำบวมตามปาก ตามแขนอยู่ พรเคาะประตูแล้วเข้ามา
“คุณบิวตี้คะ คุณแพ็ตมาขอพบค่ะ”
พักตร์พิมลนั่งรออย่างอารมณ์ดีในห้องโฮมเธียเตอร์ สักครู่หนึ่ง บิวตี้ในสภาพใบหน้าโทรม แม้กลบรอยช้ำแล้ว แต่ไม่ได้ทำผมและทำสวย ดูออกว่าเปลี่ยนชุดลวกๆ เพื่อลงมาพบ
พักตร์พิมลทำท่ารังเกียจและกลัว “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าเข้ามา”
“นี่มันบ้านฉัน ฉันจะเดินไปตรงไหนก็ได้”
พักตร์พิมลเดินหนีไปยืนอยู่ไกลๆ ด้วยความขยะแขยงและหวาดกลัว
“มีธุระอะไรก็รีบพูดมา”
ลึกๆ ในใจบิวตี้ก็หวาดหวั่น กลัวว่าจะเป็นเรื่องเมื่อเช้าที่ตนคืนร่างในกรงนกบ้านพักตร์พิมล
“หน้าตาเธอโทรมมากเลยนะ นี่น่ะเหรอ บิวตี้ผู้งามเลิศในปฐพี” พักตร์พิมลเยาะเย้ยถากถางสุดๆ
บิวตี้หันหน้าไปดูกระจก โกรธ “ถึงฉันจะโทรมยังไง ก็สวยกว่าเธออยู่ดี”
“ฉันไม่แคร์เรื่องความสวยอย่างเธอหรอก แต่จะบอกให้นะว่าอย่างเธอไม่ใช่แค่โทรมธรรมดา แถวบ้านฉันเรียกเยินสุดๆ เลยละ คิดว่าเมคอัพมันจะปิดได้มิดเหรอ กล้าไปลบเมคอัพออกไหมล่ะจะได้เห็นว่า ปากเธอเจ่อเหมือนไปจิกกัดอะไรมาทั้งคืน”
พักตร์พิมลจงใจเอามือมาโดนปาก บิวตี้เจ็บแปลบ ปัดออกอย่างแรง
“ฉันไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอหรอกนะแพ็ต ฉันต้องรีบไปทำงาน”
พักตร์พิมลย้อน “ไปทำงาน? เธอไม่มีสิทธิ์ทำงานที่ธนบวรอีกต่อไป ในฐานะที่ฉันเป็นผู้บริหารคนนึงของธนบวร อะไรก็ตามที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของพนักงานและบริษัท ฉันต้องกำจัดมันออกไป”
“คนที่ทำแต่เรื่องให้บริษัทเสียหายมาตลอด ก็เห็นจะมีแต่เธอคนเดียวนั่นแหละ ไม่งั้นคุณธีจะสั่งพักงานเธอทำไม”
“ก็เพราะพี่ธีไม่รู้น่ะสิว่าอะไรคือสิ่งที่อันตรายต่อทุกคนจริงๆ”
บิวตี้สะดุดหู ชักระแวงมากขึ้น “เธอพูดเรื่องอะไร”
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย”
พักตร์พิมลเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดออกทีวีให้บิวตี้เห็น
บิวตี้อึ้งไปกับภาพในจอ มันเป็นภาพที่เธอแปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์แล้ววิ่งหาทางออกจากกรงนก
“เธอยังจะเถียงอีกมั้ยว่าเธอไม่ได้เป็นอันตรายสำหรับทุกคน ในเมื่อเธอเป็นครึ่งคนคนสัตว์ สัตว์ประหลาดน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง” พักตร์พิมลเย้ยหยันอย่างสะใจ
“ไม่จริง” บิวตี้ปิดทีวี “ฉันเป็นคน...เป็นมนุษย์เหมือนกับเธอนั่นแหละ”
“แล้วเธอจะอธิบายภาพนี้ว่ายังไง ตัดต่องั้นเหรอ เธอก็รู้นิว่าความจริงคืออะไร คนปกติที่ไหนจะแปลงร่างเป็นนกได้ นอกจากจะเป็นสัตว์ประหลาดเท่านั้น”
พักตร์พิมลพูดใส่หน้าบิวตี้อย่างรังเกียจเดียดฉันท์
บิวตี้นิ่งไป ด้วยความตื่นตระหนก
“ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด”
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าพี่ธีเห็น เขาจะยังหลงรักเธออยู่อีกมั้ย คนในบริษัทก็เหมือนกัน พวกเขาจะไว้ใจประธานคนใหม่ที่เป็นสัตว์ประหลาดอย่างนั้นเหรอ”
บิวตี้หวาดหวั่น กลัวว่าธีภพจะรังเกียจเธอเมื่อรู้ความจริง
“เธอ ออกจากธนบวรไปซะ ไปบอกพี่ธีว่าเธอจะเลิกยุ่งกับธนบวรและเลิกยุ่งกับพี่ธีอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ฉันจะเอาคลิปนี้ให้พี่ธีดูว่าผู้หญิงที่เขาหลงรักนักหนา เป็นแค่สัตว์ประหลาดตัวนึง”
บิวตี้อึ้ง หวาดหวั่น และเสียใจที่พักตร์พิมลจะทำแบบนั้น
“อ้อ ไม่ใช่แค่พี่ธีนะ ฉันจะส่งคลิปนี้ให้ผู้บริหารในบริษัทและนักข่าวทีวีทุกช่องด้วย ไฮโซสาวสวยที่ทุกคนชื่นชมเป็นสัตว์ประหลาด ถ้าลงยูทูปคนคงกดไลค์เป็นล้านๆ ดังระดับโลกเชียวนะ”
พักตร์พิมลเดินเชิดออกไป บิวตี้ตามออกมา ร้อนใจสุดขีด
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะแพ็ต เธอจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ทีตอนเด็กฉันเคยขอร้องไม่ให้เธอแกล้งฉัน ไม่เห็นเธอจะฟังสักนิดนี่ ถ้าเธอวางมือจากธนบวร ทุกอย่างก็จบ”
“ธนบวรเป็นของพ่อฉัน และตอนนี้มันก็เป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอมาใช้วิธีสกปรกแบบนี้บีบฉันออกแล้วก็ร่วมมือกับพ่อเธอทำลายธนบวรหรอก”
“เธอหมายความว่ายังไง ฉันกับพ่อรักธนบวรยิ่งกว่าอะไรดี เราจะทำลายมันไปทำไม”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เธอ พ่อเธอ ขายความลับของธนบวรให้เจตน์ชาญ และยังแอบตั้งโรงงานลับๆ อีก พ่อเธอคุยโทรศัพท์วางแผนทำลายธนบวรอยู่ใต้จมูกฉันมาหลายครั้งแล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่าร่วมมือกันทำลายธนบวรแล้วจะเรียกว่าอะไร”
“อย่ามาพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ ฉันเกิดและโตมากับธนบวร อิฐ หิน ตึก และทุกอย่างในธนบวรคือเพื่อนเล่นฉัน ฉันสนิทกับมันมากกว่าพ่อด้วยซ้ำ ฉันไม่มีวันทำลายมันเด็ดขาดพ่อก็เหมือนกัน พ่อรักธนบวรยิ่งกว่าฉันซะอีก แต่ก็ยังน้อยกว่าที่พ่อรักหลานสาวสุดที่รักอย่างเธอ”
“ไม่จริง ถ้าอากรรักฉัน อาต้องไม่หักหลังฉันและต้องไม่ทำลายธนบวร”
พักตร์พิมลพรั่งพรูความอัดอั้น พูดทั้งน้ำตา “จะไม่จริงได้ยังไง พ่อรักเธอมาก และยิ่งพ่อรักเธอมากเท่าไหร่ ฉันก็เกลียดเธอมากเท่านั้น เธอไม่เคยรู้เลยใช่ไหมว่าพ่อไม่เคยใส่ใจฉันเลย พ่อรักแต่เธอ ไม่ว่าเธออยากได้อะไรพ่อก็ต้องรีบหาไปประเคนเธอก่อน พ่อคงลืมไปแล้วว่ามีฉันอยู่ตรงนี้อีกคน ตอนฉันเป็นไข้พ่อก็ไม่ได้กลับมาดูแลฉัน เพราะพ่อกำลังดูแลเธออยู่ คนที่คอยหายาให้ฉันก็คือตัวฉันเอง ตัวฉันเองคนเดียวพ่อไม่เคยรักฉัน พ่อไม่เคยเชื่อฉัน ไม่ว่าฉันทำอะไรก็แย่ไปหมดในสายตาพ่อ อะไรๆเธอก็ถูกไปหมด ทำไมต้องเป็นฉันที่ผิดอยู่คนเดียว”
บิวตี้อึ้งไปกับความรู้สึกในใจของแพ็ต
“ฉันรู้ว่าตอนเด็กๆฉันทำตัวไม่ดีกับเธอ ฉันนิสัยแย่มาก ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ทำร้ายเธอแบบนั้น ฉันขอโทษจริงๆ”
“เธอจะมาไม้ไหนอีกล่ะ”
“ไม่มีไม้ไหนอะไรทั้งนั้นแหละ คำขอโทษคงไม่ทำให้เธอหายโกรธ แต่ฉันก็อยากจะขอโทษ เพราะฉันเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ”
“เธออยากให้ฉันใจอ่อนยอมทำลายคลิปนั้นใช่มั้ย ไม่สำเร็จหรอก ฉันยังยืนยันคำเดิม วางมือจากธนบวรซะ ไม่งั้นคลิปนี้กระจายแน่”
พักตร์พิมลเดินเชิดออกไป บิวตี้เรียกไว้ก็ไม่หัน
“เดี๋ยวสิแพ็ต”
ทางด้านธีภพเข่าธนบวรแต่เช้า ตรงมาหาบิวตี้ที่ห้องทำงาน แปลกใจที่ไม่เจอ รวมทั้งส้มเช้ง
ธีภพโทร.หา มีสัญญาณ แต่บิวตี้ไม่รับสาย
ธีภพพิมพ์ไลน์ว่า “มีธุระด่วน” คอยดูมือถืออย่างร้อนใจ แต่บิวตี้ไม่ตอบ
ธีภพโทร.หาบิวตี้อีก คราวนี้มีเสียงสัญญาณปิดเครื่องไปแล้ว
ไม่นานต่อมา ป้าจันกำลังรายงานธีภพ ท่าทีเกรงใจ ส้มเช้งทำเป็นป้วนเปี้ยนทำงานอยู่แถวนั้น คอยเงี่ยหูฟังด้วยความเป็นห่วงบิวตี้
“คุณหนูไม่สบายค่ะ บอกว่าไม่สะดวกจะพบใครตอนนี้”
ธีภพยิ่งห่วง “ไม่สบาย เป็นอะไรครับ หาหมอหรือยัง”
“คุณหนูคงจะเพลียน่ะค่ะ”
ธีภพชักเคือง “เมื่อคืนคงกลับดึกสินะครับ”
ป้าจันไม่กล้าพูดว่ากลับเช้า “...เอ่อ ... ค่ะ”
ธีภพหงุดหงิด นึกว่าบิวตี้เหลวไหล “ถ้างั้นเขาหายเพลียเมื่อไหร่ป้าช่วยบอกด้วยว่าผมมีเรื่องด่วน ให้โทร.หาผมด้วย”
“ค่ะ” ป้าจันหยิบจดหมายลาออกให้ “เอ่อ คุณหนูฝากจดหมายให้คุณธีค่ะ”
ธีภพเปิดอ่าน ตกใจเมื่อพบว่าเป็นใบลาออก บอกกับป้าจัน “ป้า ผมต้องพบบิวตี้เดี๋ยวนี้”
“แต่คุณหนู...ห้าม”
ทว่าไม่ทันแล้ว ธีภพก้าวพรวดขึ้นบันไดไปชั้นบน
ธีภพเคาะประตูห้องบิวตี้อย่างร้อนใจ “บิวตี้ ขอคุยด้วยหน่อย”
ในห้องเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
“บิวตี้ ผมจะไปรอข้างล่างนะ ถ้าไม่ลงมาผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
บิวตี้ตะโกนออกมา “ไปให้พ้น ฉันไม่อยากพบใครทั้งนั้น”
“เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมต้องลาออกด้วย” ธีภพตะโกนถาม สองคนตอบโต้กันโดยมีประตูกั้น
“ฉันเบื่อ ไม่อยากลำบาก ไม่อยากปวดหัวกับงานอีกแล้ว”
“แล้วที่บอกว่าจะดูแลธนบวรด้วยกันล่ะ”
“ฉันพูดไปอย่างงั้นแหละ” บิวตี้น้ำตาคลอเต็มตา แกล้งปั้นเสียงเย้ยหยันแบบบิวตี้เริด เชิด หยิ่งคนเดิม “ฉันมาคิดดูแล้วว่าคนสวยเริดเชิดอย่างฉันไม่เหมาะจะทำงานหรอก อยู่เฉยๆ กินเงินปันผลสบายกว่ากันตั้งเยอะ นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อน”
“บิวตี้ ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องเมื่อวานคุณยังสู้อยู่เลย แล้วการเป็นประธานบริษัทมันก็สำคัญกับคุณมากไม่ใช่เหรอ คุณอยากเป็นประธานบริษัทให้ได้เหมือนลุงบวรไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ ฉันไม่อยากเป็นอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณด้วยไปให้พ้น”
“บิวตี้ นี่ไม่ใช่ตัวคุณ คุณไม่ใช่คนแบบนี้ เรายังไม่รู้เลยว่าใครโกงบริษัท”
“ฉันเล่าทุกอย่างให้คุณฟังหมดแล้ว คุณเป็นประธานคุณก็ไปจัดการสิ”
“แต่คุณเป็นประธานร่วมของผม”
“มันก็แค่ตำแหน่งลอยๆ ไม่ได้สำคัญอะไรสักนิด”
“ไม่จริง ผมรู้ว่ามันสำคัญกับคุณมาก คุณมีปัญหาอะไรคุณบอกผมสิ ผมบอกแล้วว่าผมจะไม่ยอมให้คุณสู้อยู่คนเดียวอีกแล้วไง คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ คุณมีผม”
บิวตี้ยืนร้องไห้อยู่หลังประตู
“ธนบวรไม่ใช่ที่ของฉัน ฉันต้องอยู่ในงานไฮโซหรูหราเท่านั้น”
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทำไมผู้หญิงแข็งแกร่งอย่างคุณถึงเปลี่ยนไปได้ชั่วข้ามคืน ผมบอกแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ”
ธีภพเดินออกไป
ในห้องบิวตี้น้ำตาไหลพราก เดินมาแนบหน้ากับประตูฟังเสียงธีภพเดินจากไป รำพึงรำพันอย่างเศร้าสร้อย
“ฉันเป็นแค่ครึ่งคนครึ่งสัตว์ และอีกไม่นานฉันก็จะกลายเป็นนกตลอดไป ให้ความทรงจำของนายมีบิวตี้คนที่งดงามและมีบิวตี้นกที่น่ารักตลอดไปเถอะนะ ได้โปรดอย่ามารับรู้ความจริงนี้เลย ฉันคงทนไม่ได้ที่จะเห็นนายเกลียดฉัน”
ธีภพเดินหน้าเครียดออกมา ตรงไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ฝรั่งดักรอพบธีภพอยู่
“ท่านประธานครับ ผมมีเรื่องเกี่ยวกับคุณบิวตี้จะบอกท่านครับ”
“เรื่องอะไร”
“เมื่อเช้าตอนคุณบิวตี้กลับมา...”
ธีภพฟังแล้วเครียด “กลับเช้าเลยหรือ”
“ครับ พอกลับมาถึง คุณบิวตี้เรียกผมไปจ่ายค่าแท็กซี่ ผมเห็นหน้าคุณบิวตี้เป็นรอย บวมๆ แดงๆไม่รู้ไปโดนอะไรมา”
ธีภพฟังแล้วรู้สึกโกรธ ภาพที่เคยบิวตี้มีรอยช้ำตอนอยู่ที่หัวหินผุดขึ้นมาในห้วงคิด
ฝรั่งเล่าต่อ “พอคุณบิวตี้มาถึงไม่นาน คุณแพ็ตก็ตามมาหาเรื่อง”
ธีภพคิดปะติดปะต่อเรื่อง “มีเรื่องอะไรกันอีก”
“ไม่รู้ครับ แต่ท่าทางคุณแพ็ตเอาเรื่องมาก พี่ส้มเช้งบอกว่าตั้งแต่คุณแพ็ตกลับไปคุณบิวตี้ก็ไม่ยอมออกจากห้องเลยครับ ผมสงสัยว่าที่หน้าคุณบิวตี้ช้ำน่ะฝีมือคุณแพ็ตหรือเปล่านายใครใครก็รักนะครับ”
ธีภพสงสัย คาใจทั้งบิวตี้และพักตร์พิมล
ฟากอรวิภาอยู่ในร้านดอกไม้ จ่อมจมอยู่กับความทุกข์เศร้าของคนหัวใจสลาย แต่พยายามอดกลั้น แสร้งทำร่าเริงจัดดอกไม้ไปฮัมเพลงไป
เครือวรรณสงสารลูกจับใจ สุดทน ตบโต๊ะปัง “พอเถอะน้องอร ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา อย่าทำ
แบบนี้แม่ไม่สบายใจ”
“ไม่ค่ะ อรจะไม่ร้องอีกแล้ว” อรวิภากลั้นไม่อยู่ กอดแม่ร้องไห้
“ไม่ต้องไปกลั้นไว้ร้องเสียให้พอ แล้วตัดใจซะ โลกนี้ไม่ได้มีแค่นายธีภพคนเดียว”
อรวิภาร้องไห้ในอ้อมอกแม่
เจตน์ชาญเข้ามา เห็นอรวิภาร้องไห้ จึงหันตัวจะออกไป
เครือวรรณเห็นก่อน “อ้าว คุณเจตน์ เข้ามาก่อนสิคะ”
เจตน์ชาญมองอรวิภา “ไว้วันหลังก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องอรเขาเสียใจเรื่อง...เพื่อน นิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้านี่คงช่วยได้” เจตน์ชาญส่งตุ๊กตาขนฟูให้อรวิภา
“อุ๊ย น่ารักจัง คุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวหม่ามี๊มา” เครือวรรณออกไปเลย
คล้อยหลังผู้เป็นมารดา อรวิภาโยนตุ๊กตาคืนให้เจตน์ชาญอย่างไม่ไยดี
“เอาของคุณคืนไป ฉันไม่ใช่เด็กๆ”
“ไม่ใช่เหรอ เมื่อกี๊เห็นยังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เลย”
“ไปให้พ้น แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เจตน์ชาญทำเป็นเศร้า “คุณต้องการอย่างงั้นจริงๆ เหรอ”
“จริง ฉันเบื่อหน้าคุณเต็มทีแล้ว”
น้ำเสียงเจตน์ฟังดูเจ็บปวดใจ “ถ้าคุณอรต้องการอย่างนั้นผมก็จะไป แล้วไม่มาอีก” แล้วออก
จากร้านไป
อรวิภาใจหาย “เดี๋ยว ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เจตน์ชาญกลับมากวนอย่างเก่า “อ๋อ ที่จริงอยากให้อยู่ต่อใช่ไหม”
“ไม่ใช่ คุณไปได้แล้ว จะไปไหนก็ไปเลย”
“เดี๋ยวให้อยู่ เดี๋ยวไล่ จะเอายังไงแน่ ไหนบอกว่าไม่ใช่เด็กๆ ไง ผู้ใหญ่เขาต้องพูดคำไหนเป็นคำนั้น”
“ฉันยืนยัน ให้คุณ ไป ให้ พ้น”
“พูดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่มีเครดิต ผมไม่เชื่อคุณแล้ว” ประธานเจดการ์เม้นท์นั่งลงสบายใจเฉิบ
“อีตาบ้า”
“อย่าโกรธน่า ผมก็แค่แกล้งให้คุณโมโหจนลืมร้องไห้ แค่นั้นเอง”
อรวิภาเพิ่งรู้ตัวว่าหยุดร้องไห้แล้ว แต่ทำงอนเชิดใส่เจตน์ชาญ
ทางด้านบิวตี้หมกตัวอยู่ในห้อง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าเศร้าหมอง นึกถึงเรื่องราวที่ทะเลาะกับพักตร์พิมล
“ฉันอยากจะรู้ว่าถ้าพี่ธีเห็นว่าเธอเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์แบบนี้ เขายังจะหลงเธออยู่ไหม”
“เธอจะแบล็กเมลฉันเหรอ”
“ฉันก็แค่ทนไม่ได้ ที่จะให้สัตว์ประหลาดอย่างเธอเชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคม เธอต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่ใช่เที่ยวไปหลอกหลอนคนอื่น โดยเฉพาะพี่ธี”
บิวตี้ดึงความคิดตัวเองกลับมา ถอนใจเศร้า
ป้าจันเคาะประตูแล้วเข้ามา “คุณธีกลับไปแล้วค่ะ เธอสั่งว่ามีเรื่องสำคัญถ้าคุณหนูหายเพลียแล้วให้ช่วยโทรหา ด่วนด้วยค่ะ”
บิวตี้นั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน
“ไม่โทรหน่อยหรือคะคุณหนู”
บิวตี้ส่ายหน้าเศร้า “ไม่ ไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น”
ป้าจันมองจานอาหารที่ไม่มีร่องรอยแตะสักน้อย “ข้าวปลาก็ไม่ทาน เดี๋ยวป้าไปจัดของว่างให้
คุณหนูต้องทานหน่อยนะคะเดี๋ยวไม่สบาย ป้าเป็นห่วงค่ะ” ป้าจันถือจานออกไป
เสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนศรีนวลกับ ส้มเช้ง ถือเสื้อที่ยังตัดไม่เสร็จเข้ามา ตามดีไซน์ที่ขายงานเกรซไป
“คุณบิวตี้คะป้าเย็บตัวในเสร็จแล้ว จะให้ทำยังไงต่อคะ”
บิวตี้ท้อแท้ “ปล่อยไว้อย่างงั้นแหละ ฉันไม่ทำต่อแล้ว”
ศรีนวลกะส้มเช้งแปลกใจ “อ้าว ทำไมล่ะคะ”
บิวตี้สะท้อนใจเบือนหน้าหนี “ทุกอย่างมันพังหมดแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะได้อยู่ดูงานของตัวเองหรือเปล่า”
ศรีนวลปลอบ “คุณหนู อย่าพูดเป็นลางอย่างงั้นสิคะ”
“ชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้ ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งมีปัญหา ฉันเหนื่อยเต็มทีแล้ว”
ศรีนวลบอกเสียงนุ่มนวล “มีอะไรที่ป้าทำให้คุณหนูได้ไหมคะ ป้าก็ยินดีทำทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตป้าก็ให้ได้”
บิวตี้ตื้นตันจนน้ำตาคลอ จับมือศรีนวลมากุม “อย่าเลย ถ้าป้ารู้อาจจะไม่อยากอยู่กับฉันเลยก็ได้”
ส้มเช้งแทรกขึ้น “ไม่จริงค่ะ แม่กับส้มเช้งยังรักและนับถือคุณบิวตี้ เรารู้แล้วค่ะ ว่าคุณหนูเป็นนก”
บิวตี้ตกใจ คาดไม่ถึง “รู้เหรอ”
“ค่ะ ส้มเช้งบังเอิญเข้ามาเห็นตอนคุณแปลงร่าง แต่ส้มเช้งไม่บอกใครนะคะนอกจากแม่คนเดียว”
บิวตี้อึกอัก “แล้ว...ป้ากับส้มเช้ง ไม่รังเกียจฉันเหรอ”
“ไม่เคยคิดเลยค่ะ มีแต่ความรักความเห็นใจ มีทางไหนจะช่วยคุณหนูได้ไหมคะ”
บิวตี้ส่ายหน้าเศร้า “คนที่จะช่วยได้ เขาอาจจะไม่คิดอย่างป้าเขาอาจจะรังเกียจฉันที่ฉันเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์”
บิวตี้น้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ เมื่อนึกไปว่า ธีภพต้องรังเกียจหล่อนเป็นแน่
อ่านต่อตอนที่ 20 อวสาน