*ตัวหนังสือสีแดง หน้า 3 และ 4 คือบทโทรทัศน์ที่แก้ไขใหม่
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 18
ทุกคนช่วยกันหาแบบดีไซน์ของบิวตี้จ้าละหวั่น ธีภพ กับส้มเช้ง ค้นหาทุกซอกทุกมุมในห้องทำงานโล่งๆ ของบิวตี้อย่างละเอียด
บิวตี้โมโห ไม่ยอมหา บอกอย่างมั่นใจ “อย่ามัวเสียเวลาหาอยู่เลย ไม่ได้อยู่ในห้องนี้หรอก”
ธีภพยังหาอยู่พลางหันไปถามส้มเช้ง “แน่ใจนะว่าไม่ได้ย้ายไปเก็บที่อื่น”
ส้มเช้งลนลานมาก “แน่ใจค่ะ ส้มเช้งไม่แตะต้องของของคุณบิวตี้โดยไม่รับอนุญาตหรอกค่ะ พอเอาแบบใส่ลิ้นชักล็อกเสร็จก็ส่งกุญแจให้คุณบิวตี้ทันทีค่ะ”
บิวตี้นึกตาม “จริง นี่ไง กุญแจ” พร้อมกับชูกุญแจให้ดู “แสดงว่าต้องมีคนจงใจขโมยไปแน่”
“คุณคิดว่าเป็นใคร”
“จะมีใครอีกล่ะ” บิวตี้ตาลุกวาว โกรธแค้นถึงขีดสุด มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือพักตร์พิมลแน่
ฟากพักตร์พิมลนั่งทำงานอยู่ ดูมีงานติดพันเยอะ ปีวราก้มหน้าก้มตาทำงานงุดๆ ไม่มองหน้าใคร กระตั้ว กลับมาจากกินข้าว ถืออาหารตามสั่งกลับมาให้พักตร์พิมลด้วย
“มาแล้วค้า...ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ อาหร่อยเริด สองถุง โอ๊ยเดินฝ่ายูวีเอ ยูวีบี รังสี แกรมม่า แกรมป๊า จนหน้าเบิร์นหมดแล้วค่ะ”
พักตร์พิมลหมั่นไส้ “ฉันฝากซื้อนิดเดียว บ่นอยู่นั่นแหละ ปีเอาไปจัดการ ของเธอด้วยถุงนึง”
ปีวราสะดุ้งดูลนลานมาก “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” พลางจะลุกขึ้นเอาก๋วยเตี๋ยว
ประตูห้องพักตร์พิมลถูกบิวตี้ผลักเข้ามาอย่างแรง
กระตั้วตกใจร้อง “ว้าย”
บิวตี้ปราดเข้ามาด้วยความโมโห บอกเสียงขุ่น “เอาแบบของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”
พักตร์พิมลทำเป็นงง แล้วกวนกลับ “แบบอะไร ไม่รู้เรื่อง”
ธีภพตามมาถึง สีหน้าเครียด “แบบที่จะเสนอบ่ายนี้หายไปจากโต๊ะของบิวตี้”
กระตั้วตกใจ “บรรลัยแล้ว ว้ายขอโทษค่ะ ตั้ว ตกกะใจ”
พักตร์พิมลย้อน “แล้วไง แบบหาย มาโวยวายใส่ฉันทำไม หาว่าฉันเอาไปเหรอ”
“ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร เธอต้องการจะดิสเครดิตให้ฉันส่งงานไม่ทันใช่ไหมมุกกลั่นแกล้งสตึๆ แบบนี้มีแต่เธอคนเดียวที่คิดได้”
พักตร์พิมลโกรธมาก “มากไปล้วนะบิวตี้ มากล่าวหาฉันพล่อยๆโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ได้ไง”
“หลักฐานเหรอ ได้สิ” บิวตี้หันไปสั่ง “ส้มเช้ง ค้นเลย”
พักตร์พิมลลุกมาขวาง “อย่านะ เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับห้องทำงานของฉัน” พร้อมกับหันไปฟ้องธีภพ “พี่ธีคะบิวตี้หาเรื่องแพ็ตนะคะ”
“ถ้าแพ็ตมั่นใจว่าไม่ได้ทำ ก็ควรจะให้ค้น” ธีภพบอกหน้าเครียด
พักตร์พิมลเสียใจ “พี่ธีไม่เชื่อแพ็ตหรือคะ”
ธีภพหนักใจ สีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่จำเป็นต้องทำเพื่อให้แพ็ตได้พิสูจน์ตัวเอง”
พักตร์พิมลบอกกับบิวตี้ “ก็ได้ เชิญตามสบาย แต่ถ้าไม่เจอฉันจะเอาเรื่องเข้าบอร์ดบริษัทว่าเธอ
กลั่นแกล้งฉัน”
บิวตี้จ้องหน้ารับคำท้า “แต่ถ้าเจอฉันก็จะเอาเรื่องเธอเหมือนกัน”
บิวตี้กับพักตร์พิมลหน้าท้าทายกันชนิดเอาเป็นเอาตาย
ฟากอดิศักดิ์เตรียมจะไปงานพระราชทานเพลิง หลังกลับมาเปลี่ยนชุดดำเสร็จแล้ว และกำลังจะออกจากบ้านไปกับเครือวรรณ
“น้องอรโทร.บอกธีภพหรือยังว่าพ่อจะคุยด้วย”
อรวิภาท่าทีไม่สบายใจ “โทร.แล้วค่ะ แต่พี่ธีขอเลื่อนบอกว่าตอนนี้ที่บริษัท กำลังมีปัญหาต้องรีบแก้ไข ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ค่ะ”
เครือวรรณหน่ายๆ “อีกละ ธุระมาก่อน ตลอด”
“เลื่อนไปแค่วันเดียวคงไม่เป็นไหร่หรอกนะคะ ป่าป๊า หม่าม้า”
อดิศักดิ์ยื่นคำขาด “ถ้าพรุ่งนี้ไม่มาอีก คราวนี้จบกันเลยนะ ป่าป๊าว่ามันชักจะมากไปแล้ว”
“นั่นสิ จะได้รู้เสียบ้างว่าลูกของเราไม่ใช่ลูกไก่ในในกำมือ อุ๊ยพูดแล้วเคือง ไปกันเถอะค่ะป๊า”
อดิศักดิ์กับเครือวรรณออกไป ทิ้งให้อรวิภากระวนกระวายใจอยู่ลำพัง
อรวิภากดโทรศัพท์แล้วรอสาย เสียงธีภพตอบรับอัตโนมัติว่า “ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประชุมโปรดฝากข้อความไว้หลังได้ยินสัญญาณ”
อรวิภากดปิดแล้วโทร.ใหม่ กลายเป็น missed call หลายๆ สิบครั้ง ด้วยความร้อนใจ
ทางด้านพักตร์พิมลนั่งจิบกาแฟทำไม่รู้ไม่ชี้ ธีภพดู บิวตี้สั่งการให้ส้มเช้งและฝรั่งค้นหาจนทั่ว
ส้มเช้งบอกหลังจากเปิดหาแฟ้มสุดท้าย “ไม่มีเลยค่ะคุณบิวตี้”
ฝรั่งบอกอีกคน “ในตู้ก็ไม่มีครับหาทั่วแล้ว”
พักตร์พิมลแสยะยิ้มอย่างสะใจ “ประชุมบอร์ดครั้งต่อไปฉันจัดการเธอแน่ ท่านประธาน”
บิวตี้สั่ง “ส้มเช้ง ฝรั่ง ออกไปก่อน”
สองพี่น้องออกไป
“จะขอโทษฉันเหรอ ไม่ได้นะเธอต้องจัดพิธีขอโทษต่อหน้าทุกคน เหมือนที่เธอเคยให้ฉันทำ”
“แต่ฉันยกเลิกแล้ว อย่ามั่ว คราวนี้ถึงจะยังหาหลักฐานไม่เจอ” บิวตี้ชี้หน้าคาดโทษ “แต่ฉันก็เชื่อว่าเธอต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง”
พักตร์พิมลลุกขึ้นประจันหน้าด้วยความโกรธ “ไหนหลักฐาน เอามาดูซิ”
บิวตี้ลอยหน้ายั่ว “หลักฐาน คือเธอมีนิสัยชอบขโมยของฉันมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะสิ”
พักตร์พิมลแหวใส่ “ไม่จริง ฉันขโมยอะไรของเธอ”
บิวตี้จำได้แม่นยำ “ตุ๊กตาหมีสีขาว ดอกไม้สีชมพู กระเป๋าคิตตี้ บาร์บี้พริ๊นเซส บาร์บี้ไอซ์สเก็ต เธอมันขี้ขโมย”
พักตร์พิมลโกรธจัด เสียงดัง ใกล้สติแตก “ไม่จริง ของพวกนั้นมันเป็นของฉันต่างหาก พ่อฉันเป็นคนซื้อมันก็ต้องเป็นของฉัน เธอต่างหากที่ขโมยทุกอย่างของฉันไป” พักตร์พิมลหมายรวมถึงปมในใจที่บิวตี้ขโมยความรักจากพ่อไปด้วย
บิวตี้ไม่เข้าใจ “ฉันไม่เคยขโมยของเธอ เธอต่างหากที่ขโมยของฉัน”
ธีภพขวางลำ พูดตัดบทอย่างเป็นกลาง “เอาล่ะๆ เลิกทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ได้แล้ว”
“พี่ธีทำไมต้องเข้าข้างยัยบิวตี้ด้วย” พักตร์พิมลพาล
“ไม่ได้เข้าข้าง แต่แพ็ตเองก็มีทัณฑ์บนติดตัวอยู่”
พักตร์พิมลโกรธ “แล้วทำไมพี่ธีไม่คิดว่า เขาเอาไปเองเพื่อโยนความผิดให้แพ็ตบ้างละคะ”
“บิวตี้อยู่กับพี่ตลอด” ธีภพบอก
พักตร์พิมลเจ็บใจที่รู้ “งั้นก็อาจจะเป็นเขาหรือคนของเขา ที่ขโมยไปขายให้คู่แข่งของเราก็ได้” พักตร์พิมลสะบัดเสียงประชดบิวตี้ “นายเจตน์ชาญเขาสนิทแนบแน่นกับเธอไม่ใช่เหรอ”
“ทำผิดแล้วยังจะโทษคนอื่นอีก ฉันจะพิสูจน์ให้เธอดูว่ามันไม่จริงเลยสักนิด”
บิวตี้ฮึดฮัดออกไปจากห้อง
“บิวตี้จะไปไหน” ธีภพตามออกไป
พักตร์พิมลมองตามธีภพโกรธจัด “พี่ธี เข้าข้างมันตลอดเลยนะ”
ธีภพตามมาทันดึงข้อมือบิวตี้ไว้ “ถามว่าจะไปไหน”
“เจดการ์เม้นท์”
“จะไปทำไม วุ่นวายเปล่าๆ”
“ไม่ได้ยินที่ยัยแพ็ตว่าฉันกับคนของฉันเหรอ ฉันต้องพิสูจน์ให้มันรู้กันไปเลยว่างานของฉันหายไปไหน มีคนเอาไปขายให้คู่แข่งจริงหรือเปล่า”
“เจดการ์เม้นท์คงไม่ยอมให้คุณได้พิสูจน์ง่ายๆ อย่างที่คิดหรอก”
บิวตี้เชิดหน้า “ฉันมีวิธีของฉัน”
“ก็ได้ งั้นผมจะไปด้วย”
“ถ้าคุณไป เขาคงสั่งคุมเข้มตั้งแต่หน้าบริษัท ไม่มีทางได้รู้อะไรเลย”
ธีภพดุ ดึงมือไว้แรงๆ “ไปไม่ได้”
บิวตี้สะบัดมือเต็มแรง “อย่ายุ่งกับฉันได้ไหม”
“ไม่ได้ ถ้าพ่อหรืออากร รู้ว่าผมปล่อยคุณไปจะว่าไง”
“อากรไม่ห่วงฉันหรอก”
ธีภพบอก “แต่ผมห่วง”
บิวตี้ฟังแล้วซึ้ง แต่ต้องตัดใจ “คุณเจตน์เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก”
“นั่นแหละตัวดี”
“คุณธี แรงบันดาลใจของฉันในการออกแบบครั้งนี้คือความรักของแม่ ฉันไม่ยอมให้ใครมาขโมยไปง่ายๆหรอกอย่างน้อยก็ต้องไปดูให้เห็นกะตา”
ท่าทีบิวตี้ตลอดจนสีหน้าเด็ดเดี่ยวจนธีภพต้องพยักหน้ารับ เข้าใจแต่ก็ห่วงและหวง บิวตี้เดินไปแล้วหยุดหันกลับมา
“อย่าลืมเลื่อนนัดเกรซเป็นพรุ่งนี้ ฉันต้องตามงานของฉันกลับมาให้ได้”
บิวตี้ทำตัวเป็นนางเอกซีรีย์เกาหลี “สู้สู้”
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาเชียร์ลุ้นบิวตี้อยู่เช่นกัน
“สู้ สู้”
ปรมะเทวีปราม “นางฟ้า”
“ก็ ลูกจะไปตามหาแบบที่ได้แรงบันดาลจากแม่ แม่ก็เลยเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะเทวี”
“ภพภูมิของการเป็นแม่ลูกมันจบไปแล้ว”
“แต่ความผูกพันยังคงอยู่นี่คะเทวี เราก็พยายามจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว ขนาดลัลน์ลลิตไปผิดทาง เรายังไม่พยายามขัดขวาง”
“ถูกแล้วที่ท่านไม่ขัดขวาง แต่ที่ว่าไปผิดทางเราไม่แน่ใจ”
นางฟ้าลลิตาฉงน “ทำไมล่ะคะเทวี ก็ในเมื่อ แบบนั้นอยู่ที่...”
ปรมะเทวียกมือห้าม “ไม่มีการกระทำใดสูญเปล่า ทุกสิ่งย่อมส่งผลต่ออีกสิ่ง เรามีหน้าที่เพียงติดตามดู”
นางฟ้าลลิตาไม่วายเสริม “และช่วยบ้าง หากจำเป็น”
“ท่านยังไม่ตระหนักอีกหรือว่า ทุกครั้งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว จะมีผลที่ไม่คาดคิดตามมาเสมอ”
นางฟ้าลลิตาเห็นจริงตามนั้น “เราจะพยายามหักห้ามใจค่ะเทวี”
เจตน์ชาญออกมาต้อนรับบิวตี้ที่เคาน์เตอร์รีเซ็ปชั่น ด้วยสีหน้าแปลกประหลาดใจ
“คุณบิวตี้ นึกไม่ถึงเลยครับว่าคุณจะให้เกียรติมาหาถึงบริษัทวันนี้”
บิวตี้ยิ้มหวาน พูดเย้าหยอก “นี่คือการต่อว่า ที่ไม่บอกล่วงหน้าใช่ไหมคะ”
“เปล่าเลยครับ ผมดีใจแล้วก็เต็มใจต้อนรับคุณเสมอ”
“เอาจริงๆนะคะ คือฉันดีไซน์เสร็จแล้ว ไม่มีอะไรทำเลยอยากศึกษางานจากบริษัทคุณบ้าง เผื่อจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากของธนบวร”
“ผมชอบความคิดแบบนี้จังเลยครับ แลกเปลี่ยนความรู้กันดีกว่าจะเป็นคู่แข่งอย่างเดียว คุณบิวตี้อยากดูงานของแผนกไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากดูแผนกดีไซน์เพราะฉันทำงานแผนกนี้ แต่ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะแอบดูงานที่ยังไม่พรีเซ้นต์หรอกนะคะ” บิวตี้ประชดอยู่ในที “ฉันไม่ชอบขโมยของใคร”
“ผมก็มั่นใจว่าคุณบิวตี้ไม่ทำอย่างงั้น เรามาสู้กันแฟร์ๆ เป็นพันธมิตรดีกว่าเป็นศัตรู จริงไหมครับ”
บิวตี้สบตาเจตน์ชาญตรงๆ หาความผิดปกติ “จริงค่ะ”
ฟากส้มเช้งถือกรงนกท่วมหัว อธิษฐาน ศรีนวลก็นั่งไหว้อธิษฐานอยู่ข้างๆ ป้าจันกับพร ถือขนมมาให้ หยุดมองอย่างแปลกใจ
“ทำอะไรน่ะ แม่นวล ส้มเช้ง”
“ทำบุญปล่อยนกจ้ะ” ส้มเช้งบอก
“ตายแล้ว ทำไมมาปล่อยในบ้านล่ะ คุณหนูกลัวนกไม่รู้หรือไง”
“ถ้าปล่อยตรงที่ขายเดี๋ยวมันก็กลับมาให้เขาจับอีก เดี๋ยวนี้คุณหนูไม่กลัวนกแล้วล่ะป้า” ส้มเช้งว่า
“ใช่จ้ะ พรเคยเห็นนกหงส์หยก บินแวบไปแวบมา สงสัยคุณหนูจะเลี้ยงไว้” พรพูดพาซื่อ
ส้มเช้งก้มหน้า หลบตา ไม่พูดอะไร ศรีนวลจ้องปรามส้มเช้งไม่ให้เผลอพูดหรือแสดงอะไรออกไป
“แล้วนี่คุณหนูไปไหน ทำไมเธอถึงกลับก่อน” ป้าจันถาม
“คุณหนูไปตามหาแบบที่ถูกขโมยค่ะ เธอไม่ยอมให้ส้มเช้งไปด้วย”
ป้าจันงง “แบบของใครถูกขโมย”
“ของคุณหนูที่เพิ่งทำเสร็จนั่นแหละค่ะ”
ป้าจันตกใจ “ตายแล้ว คุณหนู ทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้”
ศรีนวลบอก “ฉันถึงชวนลูกทำบุญ ช่วยคุณหนูไงคะ”
ป้าจันเป็นกังวล “พวกเราไปวัด ถวายสังฆทานช่วยคุณหนูกันเถอะ” แล้วกุลีกุจอออกไป
“ไปค่ะป้า” พรตามไป
ศรีนวลอธิษฐานต่อ “ขอให้คุณหนูพ้นทุกข์พ้นเคราะห์โดยเร็วเถิด เจ้าประคู้ณ”
เห็นนกถูกปล่อยบินออกจากกรงไป
เจตน์ชาญพาบิวตี้ดูแผนกดีไซน์ของเจดการ์เม้นท์ เป็นห้องเรียบ โล่ง กว้างขวาง ธรรมดา มีดีไซน์เนอร์อยู่ในห้องเพียง 2 คน
“วันนี้จบโปรเจ็คท์ ดีไซเนอร์เลยไปพักผ่อนหาแรงบันดาลใจกัน ผมค่อนข้างให้อิสระกับคนทำงานสร้างสรรค์”
บิวตี้มองไปรอบๆ หาช่องทางจับผิด “ดีค่ะ มิน่าละ แบบของเจด ถึงดูสบายๆ ทันสมัย ฉันชอบนะคะ เคยซื้อไปตั้งหลายชุด”
เจตน์ชาญยิ้มล้อ “แต่ไม่เห็นเคยใส่”
“ก็ ...มันคงจะดูแปลกๆ ที่ผู้บริหารธนบวร จะใส่ชุดของเจอการ์เม้นท์”
“ไม่เห็นแปลกเลย ผมยังเคยใส่เสื้อของธนบวร”
บิวตี้กวาดตาดู ชวนคุยไปเรื่อยๆ “พอออกแบบเสร็จใครเป็นคน approove คะ”
“หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ชื่อคุณมินตรา” เจตน์ชาญหันไปถามดีไซเนอร์ “คุณมินตราไปไหน”
ดีไซเนอร์ 1 หน้างงๆ “เห็นบอกว่าจะไปเตรียมพรีเซ้นต์ฮ่ะ”
“อ๋อ งั้นคงอยู่ที่ห้องผม คุณบิวตี้อยากซักถามอะไรไหมครับ”
“ก็ดีค่ะ”
“งั้นเชิญ” เจตน์ชาญแตะศอกบิวตี้อย่างสุภาพ ผายมือไปทางประตู
บิวตี้มองปราด กวาดตามองอีกครั้ง แต่ไม่เห็นอะไร
ทางฝ่ายธีภพเดินไปมาอยู่ในห้อง หงุดหงิดปนเป็นห่วงบิวตี้ หยิบโทรศัพท์กดหาบิวตี้ เป็นเสียงรอสายให้ฝากข้อความ
“ไม่น่ายอมให้ไปเลย”
ธีภพหงุดหงิดเอามากๆ
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 18 (ต่อ)
*ตัวหนังสือสีแดง หน้า 3 และ 4 คือบทโทรทัศน์ที่แก้ไขใหม่
มินตรากำลังจัดแบบเสก็ทช์ที่เลือกไว้ ติดบนบอร์ดภายในห้องทำงานเจตน์ชาญ เตรียมให้เจตน์ชาญอนุมัติ แต่ยังจัดไม่เสร็จ เจตน์ชาญ เข้ามพอดี
“กำลังจัดแบบที่เลือกแล้วค่ะ” มินตราเห็นบิวตี้ รีบพลิกบอร์ดไปอีกด้านทันที
แต่ช้าไปแล้ว ด้วยบิวตี้มองปราดด้วยสายตาอันเฉียบคมเรื่องการออกแบบ เห็นชุดที่ตัวเองดีไซน์เป็นชุดสุดท้าย มองฉงนว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เจตน์ชาญรีบบอกเพื่อให้มินตรารู้เพราะเป็นความลับ “คุณมินตรา นี่คุณลัลน์ลลิตประธานบริษัท ธนบวร”
มินตราทักด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สวัสดีค่ะ”
เจตน์ชาญแนะนำมินตรากับบิวตี้ “คุณมินตราเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบครับ”
บิวตี้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น “คุณมินตราจบทางด้านดีไซน์มาหรือเปล่าคะ” พลางขยับเดินไปใกล้
มินตราหันบอร์ดหนีบิวตี้ “ใช่ค่ะ”
“ถ้างั้นคุณคงเข้าใจความรู้สึกของคนโดนละเมิดลิขสิทธิ์ดีสินะ”
มินตราไม่แน่ใจว่าบิวตี้เห็นแบบหรือเปล่า “ค่ะ เข้าใจค่ะ”
“คุณมีวิธีจัดการอย่างไรกับพวกนั้นคะ” บิวตี้เดินอ้อมไปจะดูให้ได้
มินตราหันหนีไปอีกด้าน “เรามีทีมงานด้านกฎหมายดูแลอยู่ค่ะ”
“คุณมินตราช่วยเอาแบบทั้งหมดใส่แฟ้มให้ผมด้วย ผมจะเอาไปดูที่คอนโดแล้วพรุ่งนี้ 9 โมง เราค่อยมาประชุมกันอีกที”
“ได้ค่ะ” มินตรารีบดึงแบบออกจากบอร์ดใส่แฟ้ม กลัวบิวตี้เห็น
บิวตี้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง มองไปรอบๆ คุยไปเรื่อยๆ “ห้องทำงานคุณเจตน์สวยดีนะคะ”
“ดีใจที่คุณชอบ ฝีมือการออกแบบของทีมงานคุณมินตรานี่แหละครับ”
บิวตี้ฟังไม่ออกว่าชมหรือประชด “เก่งจังนะ ทำได้ตั้งหลายอย่างแน่ะ”
มินตราส่งแฟ้มให้เจตน์ “เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“คุณบิวตี้มีอะไรจะถามคุณมิตราอีกไหมครับ”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“งั้นดิฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ” มินตราโล่งใจ รีบออกไป
บิวตี้มองแฟ้มแล้วตัดสินใจหาวิธี “หิวจัง มัวแต่ตื่นเต้นจะมาเจดการ์เม้นท์ลืมกินข้าวเลย”
“งั้นเราไป เลี้ยงฉลองที่คุณบิวตี้มาเยี่ยมบริษัทกันนะครับ”
“ให้ฉันเลี้ยงขอบคุณ นึกออกแล้ว ให้ฉันทำอาหารเลี้ยงคุณดีกว่า”
“คุณบิวตี้ทำอาหารเป็นด้วยหรือครับ”
“เป็นสิเก่งด้วย ว้า...แต่บ้านฉันอยู่ไกล กว่าจะไปถึงกว่าจะทำเสร็จหิวแย่”
เจตน์ชาญตกหลุมพรางด้วยความเต็มใจ “งั้นไปคอนโดผมไหมครับ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
“ดีเลยค่ะ” มุ่งมั่นจะเอาแบบคืนมาให้ได้ ไม่สนใจอื่นใด
ธีภพว้าวุ่นสับสน ไม่มีสมาธิกับงาน หยิบโทรศัพท์มากดหาบิวตี้อีก เจอเสียงรอสายให้ฝากข้อความตามเคยยิ่งหงุดหงิดทำงานต่อไม่ได้ หยิบกระเป๋า แฟ้ม จะไปทำต่อที่บ้าน พักตร์พิมลโผล่เข้ามา
“พี่ธียังคิดว่าแพ็ตเอาแบบของยัยบิวตี้ไปอยู่หรือเปล่าคะ”
“แล้วแพ็ตเอาไปหรือเปล่าล่ะ”
“แพ็ตเปล่านะคะ แบบเห่ยๆ แบบนั้นถึงยังไงเกรซเขาก็ไม่ชอบอยู่แล้วแพ็ตจะเสี่ยงเอาไปให้โดนสงสัยทำไม”
“แต่พี่คิดว่าแบบของบิวตี้สวยมาก แพ็ตเป็นโปรเจ็คแมนเนเจอร์มาตั้งหลายครั้งแล้ว แพ็ตดูไม่ออกเลยเหรอ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ ไหนๆ ก็หายไปแล้ว แต่แพ็ตมั่นใจว่ายัยบิวตี้ต้องเอาไปเอง โดยร่วมมือกับเจดการ์เม้นท์” พักตร์พิมลหาทางป้ายสีไม่เลิกรา
“ร่วมมือยังไง”
“เขายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไงคะ หนึ่งคือทำให้แพ็ตเสียหาย สองคือเป็นข้ออ้างจะไม่ส่งงาน เพื่อให้เจดการ์เม้นท์ได้งานไป”
“ที่แพ็ตเพิ่งมาพูดกับพี่ตอนนี้ เพราะมัวแต่หาข้อแก้ตัวอยู่ใช่ไหม แต่มันเป็นข้อแก้ตัวที่เหลวไหลมาก”
พักตร์พิมลโกรธ “ไม่เหลวไหลนะคะ เจดการ์เม้นท์ตามจีบยัยบิวตี้อยู่ใครๆ ก็รู้ ถ้าเกิดทางโน้นเขายุให้แยกบริษัท แล้วไปรวมตัวกับเขาล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้ บิวตี้รักธนบวรมาก”
“ฮึ ยัยบิวตี้ไม่เคยรักอะไรเท่ากับรักตัวเองหรอกค่ะ ทางโน้นเขาคงจะเสนอผลประโยชน์มหาศาล ถึงได้หาเรื่องวิ่งแจ้นไปหานายเจตน์ถึงบริษัท”
ธีภพสุดทนไหว “หยุดใส่ร้ายน้องเสียทีเถอะแพ็ต”
“ไม่ได้ใส่ร้าย แพ็ตพูดความจริง เรื่องแบบนี้ผู้ชายอย่างพี่ธีตามมารยาของยัยบิวตี้ไม่ทันหรอก แต่แพ็ตเป็นผู้หญิงด้วยกัน แพ็ตดูออก”
ธีภพคร้านจะเถียง เสียงอ่อนลง “พี่ว่าแพ็ตกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า หาเวลาเงียบๆ ลองคิดทบทวนดู ผิดถูกยังไงแพ็ตก็รู้อยู่แก่ใจ” เขาเลี่ยงออกไป
พักตร์พิมลมองตามธีภพที่ออกไป คับแค้นจนน้ำตาคลอ “มันแย่งฉันไปทุกอย่าง แม้แต่พี่ธี”
สองคนอยู่ที่คอนโดแล้ว บิวตี้ทำเป็นวางของ จัดโน่นจัดนี่ไว้เตรียมทำอาหาร คอยเหลือบตาดูนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะได้เวลาแปลงร่างเสียที
“ต้มพาสต้าก่อนไหมครับ ผมช่วย”
“ไม่ต้องค่ะ คุณเจตน์ไปนั่งคอยเฉยๆ”
“แต่ผมอยากช่วย”
“ไม่ค่ะ บิวตี้หวงสูตร เคล็ดลับประจำตระกูล”
“งั้นก็...เชิญตามสบายเลยนะครับ” เจตน์ชาญเดินไปนั่งที่โซฟา เปิดแฟ้มที่มินตราจัดให้ดูแบบ
เสื้อไป
บิวตี้ชะเง้อมอง เห็นเจตน์ชาญดูแบบเสื้อแต่ไม่เห็นรายละเอียด “โอ๊ย แย่แล้ว ลืมออริกาโน่ แถวนี้มีซุปเปอร์มาร์เก็ตไหมคะ คุณเจตน์”
“ไม่ต้องใส่ก็ได้นะครับ ยังไงก็อร่อยอยู่แล้ว”
“ไม่ได้ค่ะ มันจะเสียรสทันที คุณเจตน์ช่วยไปซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณเจตน์ บิวตี้ไปซื้อเองก็ได้ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ” บิวตี้ทำท่าจะออกไป
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเอง ออริกาโน่ แล้วเอาอะไรอีกไหมครับ”
“อย่างเดียวก็พอ อ้อ ถ้ามีเบย์ลีฟช่วยเอามาด้วยก็ได้ค่ะ”
“เบย์ลีฟ ครับ รอแป๊บนึงนะครับ” เจตน์ชาญลุกเดินออกไป โดยถือแฟ้มไปด้วย
บิวตี้เซ็ง หงุดหงิดที่เจตน์ชาญระวังตัวแจ ขนาดเอาแฟ้มไปด้วย “ทำไมต้องเอาไปด้วยนะบ้าจัง”
บิวตี้หันไปดูเวลาใกล้ค่ำลงทุกที
ฟากธีภพกระสับกระส่ายเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง พยายามจะโทรศัพท์ถึงบิวตี้แต่ติดต่อไม่ได้
เจ้าเสือกลอกตามองไปมา ทำเสียงพระเอกหนังไทย “ให้ตายสิ นายจะเดินมาทำไมเนี่ย เสือจะเวียนหัวจะอ้วกอยู่แล้ว”
“ทำไมชอบทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย”
เจ้าเสือยังทำเสียงพระเอกอยู่ “ฮ้า นายห่วงเสือหรือนี่ โอ้ว เสือซึ้งจริงๆ เลย”
ธีภพทิ้งตัวลงนั่งข้างเสือ ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม “โทร.ไปก็ไม่รับ อะไรของเค้า” พลางโยนโทรศัพท์
ไปข้างๆ อย่างอารมณ์เสีย
เสือพูดเสียงปกติ “โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ห่วงหญิง เซ็งจุงเบย”
โทรศัพท์ดัง ธีภพรีบคว้า พอเห็นเป็นอรวิภา ก็มีสีหน้าแสดงความผิดหวังออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ครับน้องอร”
อรวิภากลั้นความตื่นเต้น และเครียด “พี่ธีขา พรุ่งนี้ป่าป๊าเชิญพบที่บ้านตอนสิบโมง ป่าป๊าบอกว่าเรื่องสำคัญค่ะ”
“เรื่องอะไรหรือครับ”
อรวิภาจะร้องไห้ ฝืนกลั้นไว้ กลัวสิ่งที่จะเกิดพรุ่งนี้ อดิศักดิ์อาจจะให้เลิกคบกับพี่ธีภพ “น้องอรไม่ทราบค่ะ พี่ธีมาได้ไหมคะ”
ธีภพรู้ได้ว่าอรวิภากำลังเครียด และเหมือนจะร้องไห้ “ได้ครับ พรุ่งนี้สิบโมง น้องอรเป็นอะไรหรือ
เปล่าครับ”
อรวิภาใกล้จะร้องไห้เต็มที “ไม่เป็นไรค่ะ เท่านั้นนะคะ” แล้วรีบวางสายไป
ธีภพมองโทรศัพท์อย่างงวยงงสงสัย ถอนใจเหนื่อยหน่ายออกมา “อะไรอีกล่ะเนี่ย”
ธีภพดึงเจ้าเสือเข้ามากอด “เฮ้อ...ฉันชักอยากเป็นแมวอย่างแกบ้างแล้วล่ะ”
“ขอร้องอย่าได้คิด ถ้านายเป็นแมวแล้วจะเสียใจ ว่าหล่อไม่ได้ครึ่งของเสือจริงนะ ไม่ได้โม้”
อรวิภาวางสายจากธีภพแล้วสะอื้นออกมา เห็นเครือวรรณยืนประกบอยู่ใกล้ๆ
เครือวรรณออกจะรำคาญ “น้องอรร้องไห้ทำไม”
“ถ้าเกิดพี่ธีติดธุระ ป่าป๊ากับหม่ามี๊จะให้อรเลิกคบกับพี่ธีจริงๆ หรือคะ”
“ก็สมควรไหมล่ะ กี่ครั้งแล้วที่เขานัดแล้วไม่มา”
“แต่พี่ธีติดธุระสำคัญนี่คะ”
“ธุระสำคัญยังไง ถ้าเป็นเรื่องของน้องอรเขาต้องมาให้ได้”
อรวิภาเครีดๆ อยู่ร้องไห้โฮออกมา “ทำไมป่าป๊า หม่ามี๊ต้องบังคับน้องอรด้วยคะ”
เครือวรรณสงสารกอดปลอบ “ไม่ได้บังคับ ป๊ากับมี๊รักน้องอร อยากเห็นน้องอรมีความสุขกับผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับลูก”
ส่วนบิวตี้เตรียมการพร้อมรับการแปลงร่าง หล่อนนุ่งผ้าเช็ดตัว เอาของทุกอย่างซ่อนไว้ใต้เตียงเจตน์ชาญในมุมที่ลับตาที่สุด บิวตี้จะปิดโทรศัพท์เห็นมิสคอลจากธีภพ เพียบ
“นายธี จะโทร.มาทำไมนะ” บิวตี้ลังเลจะโทร.กลับดีไหม แต่เริ่มปวดตัว จึงตัดใจปิดเครื่องเอาซ่อนกับกองเสื้อผ้า
บิวตี้ปวดตัวมากขึ้น รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ขณะที่เจตน์ชาญเดินมาตามทางเดิน เห็นแสงวาบมาจากห้องน้ำ
เจตน์ชาญเปิดประตูเข้ามาถือแฟ้มมาด้วย เดินผ่านห้องน้ำ นกบิวตี้มองตาม ก่อนจะบินออกมาจากห้องน้ำ บินไปแอบในมุมลับตา
“ได้มาแล้วครับ ขอโทษที่ช้าหน่อย” เจตน์ชาญแปลกใจที่ไม่เห็นบิวตี้ เดินหาร้องเรียก “คุณบิวตี้ครับ” เขาเดินมาหยุดเรียกหน้าห้องน้ำที่ประตูแง้มอยู่นิดๆ “คุณบิวตี้”
เจตน์ชาญเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู ออกมาทำหน้างงๆ
“หรือไปซื้อของ” ลองกดโทร.หา สัญญาณบอกว่าเครื่องปิด เจตน์ชาญสงสัย เดินไปดูอาหารที่ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย
“หรือว่าโกรธ ที่มาช้า”
บิวตี้คนแอบซ่อนอยู่ “สงสัยก็ออกไปตามสิ จะมัวบ่นอยู่ทำไม เฮ้อ…”
เจตน์ชาญรีรอ จะออกไปก็กังวล เลยตัดสินใจทำอาหารรอ เผื่อบิวตี้กลับมา
“โอ๊ย ทำไมไม่ออกไปล่ะ นึกว่าฉันจะกลับมาหรือไง เฮ้อ เสียเวลา”
บิวตี้คนนั่งรอให้เจตน์ชาญออกไปจากห้อง
ปรมะเทวีอยู่ในสรวงสวรรค์ ดูบิวตี้ในจอฉายภาพอย่างอ่อนใจ
“นางคงคาดว่าเจตน์ชาญจะออกไปตาม จะได้มีเวลาหาเอกสาร”
“แต่เจตน์ชาญคงห่วง กลัวลัลน์ลลิตกลับมาแล้วไม่เจอกัน”
“การไปแปลงร่างในที่แบบนี้ มีแต่ความยุ่งยาก นางไม่ควรริอ่านทำเลย” องค์เทวีตำหนิ
“แต่เพื่อเอกสาร นางไม่มีทางเลือกนะคะเทวี”
“ข้าวของมีอยู่มากมาย ถึงจะซ่อนอย่างไร เขาก็ต้องเจอ แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร”
“เราจะช่วย...”
“ไม่ ไม่ เราช่วยนางมาพอแล้ว อย่าลืมนึกถึงผลร้ายที่ตามมาสิ”
นางฟ้าลลิตาจ๋อย “ค่ะเทวี” หันไปลุ้นบิวตี้ในจอภาพต่อ
เจตน์ชาญทำอาหารเสร็จ จัดโต๊ะไว้รอสองที่ เจตน์ชาญจิบน้ำองุ่นรอไป ดูแบบในแฟ้มไป
บิวตี้คนซ่อนอยู่ บ่นบ้าเซ็งๆ “บิวตี้เขาไม่กลับมาแล้ว รีบๆกินข้าว รีบๆนอน เร็วๆ ซี้ เฮ้อ”
คืนนั้น กระตั้ว ปีวรา มาอยู่เป็นกำลังใจให้พักตร์พิมล กลัวว่าอยู่คนเดียวจะคิดมาก
พักตร์พิมลดูนาฬิกา “ดึกแล้ว พวกเธอกลับไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้แล้ว”
“รอคุณกรกลับก่อนก็ได้ค่ะ กระตั้วเป็นห่วง กลัวคุณแพ็ตอยู่คนเดียวจะคิดสั้น เอ๊ย คิดมาก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันชินซะแล้ว ยัยบิวตี้มันหาเรื่องฉันมาตลอด เชื่อไหมวันนี้เขาด่าว่าฉันมีนิสัยขี้ขโมยมาตั้งแต่เด็ก”
ปีวราเอาใจ “ไม่จริงค่ะ ปีทำงานกับคุณแพ็ตมา รู้เลยว่าคุณแพ็ตไม่มีทางเป็นไปได้”
“ของที่เขาหาว่าฉันขโมย มันเป็นของที่พ่อฉันซื้อ เด็กก็ต้องคิดว่าเป็นของตัวสิใช่ไหม”
“ใช่เลยค่ะ แล้วทำไมคุณกรถึงซื้อให้คุณบิวตี้ล่ะคะ”
“พ่อเขาสงสารหลานรัก ไม่มีแม่ ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ไม่เห็นสงสารฉันบ้างเลย”
กรเทพเดินเข้ามาเงียบๆ
“คุยอะไรกันเหรอ”
“ว้ายตาเถร เอ๊ย คุณกร ราตรีสวัสดิ์ค่า” กระตั้วตกใจรีบไหว้ลาอย่างอ่อนช้อย “กลับกันเถอะปี”พลางถลึงตาให้ปีวรารีบกลับ
ปีวราไหว้ลากรเทพและพักตร์พิมล “ปีกลับก่อนนะคะ”
“ขอบใจนะทั้งสองคนที่มาอยู่เป็นเพื่อน” พักตร์พิมลเดินไปส่งที่ประตู
กรเทพรอคุย พักตร์พิมลกลับเข้ามารีบเลี่ยงขึ้นบันไดไป
กรเทพพูดเสียงดุ “เดี๋ยว ลงมาคุยกันก่อนซิ”
“แพ็ตง่วงแล้วค่ะ”
“วันนี้มีเรื่องอะไรที่บริษัท”
“พ่อคงรู้หมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องถามแพ็ตหรอกค่ะ”
“แพ็ตเอาแบบไปหรือเปล่า”
“หลานพ่อเขาบอกว่าแพ็ตเอาไป พ่อก็เชื่อตามนั้นเถอะค่ะ” พักตร์พิมลสะบัดหน้าพรืดขึ้นบันไดไป
“เดี๋ยวก่อน แพ็ต มาคุยกันให้รู้เรื่อง...แพ็ต”
พักตร์พิมลรั้น ไม่เชื่อฟังกรเทพแม้แต่น้อย
กรเทพอ่อนใจ พูดกับรูปแม่แพ็ต “ผมควรจะทำอย่างไรกับเขาดี ถ้าคุณยังอยู่ ลูกคงไม่เป็นแบบนี้”
เจตน์ชาญอยู่ในคอนโด ตรวจดูแบบเสื้อ แบบสุดท้าย แล้วโทร.หาบิวตี้อีกครั้ง แต่บิวตี้ปิดเครื่อง
“เฮ้อ...จะกลับก็น่าจะบอกกันสักคำ ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ”
นกบิวตี้คอยให้เจตน์ชาญหลับนานแล้ว จนอ่อนเพลีย
บิวตี้คนพยายามสะกดจิต “จงง่วง จงง่วง จงง่วง ไปนอนซะ”
เจตน์ชาญ หาว ลุกขึ้น ไปนอน
“ได้ผลจริงๆแฮะ” บิวตี้คนสะกดจิตต่อ “จงหลับ ๆๆ”
เจตน์ชาญหลับตาลง
นกบิวตี้บินไปดูใกล้ๆ กลายเป็นบิวตี้คนจ้องหน้าเจตน์ชาญ “หลับแล้ว” พร้อมกับทอดถอนใจ “กว่าจะนอนได้ เที่ยงคืนเข้าไปแล้วไม่เป็นเด็กอนามัยเหมือนธีภพเลย เฮ้ย จะไปคิดถึงตาอ้วนแว่นทำไมนะ ไม่
เอาละ ทำงานดีกว่า”
นกบิวตี้บินมาที่โต๊ะทำงาน พยายามเอาจะงอยปากเปิดแฟ้ม เอาเท้าเกี่ยวบ้าง เอาปากจิก บิวตี้คน พยายามทำเหมือนนก ในที่สุดแฟ้มก็เปิดออก นกบิวตี้จิกกระดาษเลื่อนดูไปทีละแผ่น บิวตี้คนทำเหมือนนก
ณ แดนสรวง มาตรวัดความสัมฤทธิ์มีสีทองขึ้น
นางฟ้าลลิตาแปลกใจ “ลัลน์ลลิต ได้คะแนนเพิ่ม ด้วยเหตุใดคะเทวี”
“ความเพียรไงล่ะ ความเพียรที่จะพิสูจน์ความถูกต้อง”
“ระยะนี้ลัลน์ลลิตได้คะแนนง่ายขึ้นกว่าตอนเริ่มต้นมาก”
“เพราะนางคิดถึงตนเองน้อยลงไง เมื่อการกระทำความดีอยู่บนพื้นฐานของความไม่เห็นแก่ตัว ความดีนั้นจะยิ่งพอกพูนขึ้น”
“แม้ต่อไปลัลน์ลลิตอาจจะไม่สามารถถอนคำสาปได้ เราก็ยังภาคภูมิใจที่มีโอกาสได้สอนให้นางทำความดี บำเพ็ญประโยชน์ และละวางตัวตนได้ บ้างไม่มากก็น้อย”
นกบิวตี้ดึงกระดาษเกลื่อน มาจนถึงแบบของตัวเอง เห็นแบบชัดเจน แต่ไม่มีโลโก้ของธนบวรอยู่ แสดงว่ามีการลบออก
“นี่ไงเจอแล้ว ขโมยกันชัดๆ หน็อยแน่ มีการเอาโลโก้ออกก่อนด้วยยัยแพ็ตนะยัยแพ็ต ทำแบบนี้ทรยศกับบริษัท ฉันเอาเธอไว้ไม่ได้แล้ว”
ธีภพนอนไม่หลับ เป็นห่วงบิวตี้ กดโทร.หา แต่บิวตี้ปิดเครื่อง เสือเดินเมียงมองตรงระเบียง หานกบิวตี้
“ดาร์ลิ้ง ที่รัก คนสวย ยู้ฮู หายหัวไปไหนเนี่ย ทำไมไม่มา มีแฟนใหม่แล้วเหรอ หรือว่า...ไม่นะ... บิวตี้ เธอต้องไม่เป็นไรนะ เศร้าอ่ะ น้ำตาลูกผู้ชายเอ๊ยน้ำตาแมวตัวผู้ จิไหล บิวตี้จ๋า” เจ้าเสือร้องหง่าวๆ
ธีภพเปิดประตูระเบียงออกมาพาลพาโล “ร้องทำไมเสือ หนวกหู”
“นายไม่มีความโรแมนติกเลย เสือร้องไห้คิดถึงบิวตี้ใจจะขาดอยู่แล้ว บิวตี้จ๋า”
“มานี่มะ อย่าร้อง” ธีภพอุ้มเสือเข้าไปนอนด้วย
บิวตี้คนจามฮัดเช้ย “ต้องมีใครพูดถึงฉันแน่เลย” เหลือบดูนาฬิกา พบว่าเป็นเวลาประมาณตี 2 “กลับดีกว่า ไม่ได้นอนเดี๋ยคิดแบบไม่ออก”
นกบิวตี้บินขึ้นจะหาทางออก แต่ประตู หน้าต่างปิดหมด จึงบินวนหาทางออก
“ปิดหมดแบบนี้จะออกยังไงเนี่ย”
บิวตี้คนพยายามดันประตู ดันหน้าต่าง บินหาช่องเล็กช่องน้อยไปทั่ว
“ไม่มีทางออกเลย ทำไงดี ทำไงดี แย่แล้วๆ”
เช้าตรู่ ศรีนวลกับส้มเช้งทำอาหารใส่บาตร ส้มเช้งมีสีหน้าวิตก ครุ่นคิดหนัก
“แม่ คุณบิวตี้ไม่กลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อวานบ่าย”
“ขึ้นไปดูหรือยัง”
“ยังจ้ะ”
“ป่านนี้อาจจะมาแล้วก็ได้ ไปดูซิ ถ้าตื่นแล้วก็ลองชวนมาใส่บาตร”
“คุณบิวตี้จะยอมเหรอแม่ ไม่เคยเห็นแกตื่นมาใส่บาตรสักที”
“ไม่ใส่ก็ชวนทำบุญอย่างอื่น ชวนคุณหนูทำบุญเยอะๆ”
“จ้ะแม่ ฉันจะพยายามชวนคุณหนูทำบุญเยอะๆ เลย”
บิวตี้ในชุดนก ซ่อนตัวหลับอยู่หลังม่าน พระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างของบิวตี้มีแสงวาบขึ้น กลายร่างเป็นมนุษย์นอนเปลือยกาย
บิวตี้สะดุ้งตื่น “อุ๊ย” พอก้มมองตัวเองเห็นว่าโป๊ “ว้าย” ดึงผ้าแถวนั้นมาปิดตัวพัลวัน
บิวตี้วิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องน้ำ ได้ผ้าเช็ดตัวมานุ่งปิดร่าง นาฬิกาปลุกดัง เจตน์ชาญตื่น
บิวตี้รีบหลบหลังม่าน เจตน์ชาญเดินเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน บิวตี้พุ่งไปที่ใต้เตียงจะหยิบชุด เจตน์ชาญออกมาหยิบของ บิวตี้พุ่งกลับไปหลังม่านอีก คว้าโทรศัพท์มาได้อย่างเดียว กดโทร.ออกรอจังหวะจะพูด
ฝ่ายศรีนวล ส้มเช้ง ฝรั่ง เดินถืออุปกรณ์หลังใส่บาตรเข้าบ้าน
ป้าจัน อนุโมทนาบุญนะแม่นวล พรุ่งนี้ฉันใส่ด้วยดีกว่า
ศรีนวล ดีค่ะ ทำกันเยอะๆ ช่วยกันแผ่ส่วนกุศล
พรนำธีภพเข้ามา
“ป้าจัน บิวตี้อยู่ข้างบนหรือเปล่า”
ป้าจันหันไปทางหลาน “พร เมื่อเช้าขึ้นไปดูว่าไง”
พรหน้าซีด “คุณหนู เอ่อ คุณหนู ไม่ได้อยู่ที่ห้องค่ะ”
ธีภพตกใจ “ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“พร ขึ้นไปดูให้แน่ใจอีกทีซิ”
โทรศัพท์ส้มเช้งดังพอดี ส้มเช้งเห็นชื่อ ตกใจ “คุณบิวตี้”
ทุกคนหันไปมองส้มเช้ง
“คุณบิวตี้ โทร.มาจากไป”
บิวตี้ที่คอนโดเจตน์ชาญ
บิวตี้ (หลบ /พูดเสียงค่อย) ส้มเช้ง ให้ฝรั่งมารับฉันหน่อย
ส้มเช้ง คุณอยู่ที่ไหนคะ
บิวตี้ ลินน์เทาเวอร์คอนโด สุขุมวิท33 ชั้น 20 เอาเสื้อคลุมมาด้วย แล้วอย่าบอกใคร
“ค่ะ ค่ะ”
“บิวตี้อยู่ที่ไหน” ธีภพถามทันที
“คุณบิวตี้สั่งไม่ให้บอกค่ะ”
ธีภพเสียงเขียว “นี่เป็นเรื่องสำคัญ คุณบิวตี้อาจมีอันตราย ผมต้องรีบไปช่วย”
ส้มเช้งลังเล
ป้าจันพยักหน้า “บอกคุณธีเถอะ”
ศรีนวลพยักหน้าให้ส้มเช้ง
เจตน์ชาญทานอาหารเช้าอยู่ บิวตี้แอบดูท่าทีกระสับกระส่าย ทานเสร็จเจตน์ชาญเข้าห้องน้ำ
บิวตี้โทร.เร่ง “ส้มเช้ง ฝรั่งออกมาหรือยัง อยู่ไหนแล้ว”
เสียงส้มเช้งดังลอดออกมา “ออกไปได้สักพักแล้วค่ะ คงใกล้ถึงแล้ว”
ธีภพเดินหน้าเครียดเข้าคอนโดเจตน์ชาญ เดินตรงเข้าลิฟท์ ยืนหน้าเคร่งมองตัวเลขในลิฟท์
ฝ่ายเจตน์ชาญยังอยู่ในห้องน้ำ บิวตี้รีบหนีออกมาจากห้อง ตรงไปที่ประตู แต่ดังชนของตกเพล้ง บิวตี้ตกใจ รีบกลับไปซ่อน
เจตน์ชาญออกมาจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำ ประหลาดใจที่ของตก เดินไปสำรวจดูประตูพบว่าก็ยังล็อกอยู่แต่ไม่รู้ว่าเผลอลืมล็อก
ลิฟต์ที่ธีภพโดยสารมาจอดบนชั้นห้องพักเจตน์ชาญ ธีภพก้าวออกจากลิฟท์ เดินมาตามทางเดิน
เจตน์ชาญ เปิดประตูดูหน้าห้องก็ไม่มีใคร เจตน์ชาญระแวง เหมือนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่หน้าต่าง หันกลับมา เห็นที่ม่านหน้าต่างมีการขยับตัว เจตน์ชาญเดินมากระชากม่านหน้าต่างออก
บิวตี้สะดุ้งสุดตัว “อย่า” พร้อมกับตั้งท่าจะวิ่งหนี
เจตน์ชาญตะลึง แปลกใจมาก ดึงบิวตี้ไว้ไม่ให้หนี “คุณบิวตี้ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” สองคนล้มลง
ขณะเดียวกันธีภพมาถึงหน้าห้อง มองประตูห้องที่เจตน์ชาญเผลอเปิดทิ้งไว้ตอนหันไปเห็นม่านขยับ
ธีภพตะลึงกับภาพเต็มตาตรงหน้า ที่เห็นบิวตี้นุ่งผ้าขนหนู และเจตน์ชาญก็นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเช่นกัน สองคนล้มทับกันอยู่!!
อ่านต่อหน้า 3
*ตัวหนังสือสีแดง หน้า 3 และ 4 คือบทโทรทัศน์ที่แก้ไขใหม่
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 18 (ต่อ)
บิวตี้ยันตัวขึ้นลุกออกจากอ้อมกอดของเจตน์ชาญ เดินหนีมาทางประตู แล้วต้องเผชิญหน้ากับธีภพที่ยืนอยู่ตะลึงอยู่ตรงประตูนั้น สองคนสบตาสายตากันอย่างแรง สีหน้าแววตาของธีภพดูเย็นชาเห็นได้ชัด
บิวตี้ตกใจสุดขีด “คุณธี”
ธีภพไม่พูดอะไร วางเสื้อคลุมของบิวตี้ที่ถือมาด้วยไว้ข้างประตู หันหลังเดินกลับไป
“เดี๋ยวก่อน” บิวตี้จะตามธีภพไป
เจตน์ชาญดึงแขนบิวตี้ไว้ ยังงวยงงสงสัยไม่หาย “นี่มันอะไรกันครับคุณบิวตี้ คุณมาอยู่ในห้องผม” เขากวาดตามองสภาพบิวตี้ที่อยู่สภาพล่อแหลม “แบบนี้... ได้ยังไง”
บิวตี้ตัดบท “ไว้ค่อยอธิบายทีหลังค่ะ” หล่อนคว้าเสื้อคลุมที่ธีภพวางไว้ให้ วิ่งไปใส่เสื้อคลุมไป
เจตน์ชาญงุนงงสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บิวตี้วิ่งตามธีภพมาอย่างกระวนกระวายใจ
“นายธี ฟังฉันก่อน มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็นนะ นายกำลังเข้าใจฉันผิด”
บิวตี้คว้าแขน แต่ถูกธีภพจับสะบัดออก ธีภพไม่ฟังเดินเข้าลิฟท์ไปลิฟท์หน้าตึงเปรี๊ยะ
เจตน์ชาญสวมเสื้อคลุมตามออกมา
“คุณอธิบายให้ผมฟังได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนคุณหายไป แล้วมาอยู่ในห้องผมได้ยังไงแล้วทำไมคุณถึง ...” เจตน์ชาญจะหลุดปากคำว่าไม่ใส่เสื้อแต่ยั้งไว้
บิวตี้เดินหุนหันกลับเข้ามาในห้อง หยิบเสื้อผ้าข้าวของที่ซ่อนไว้ “คุณไม่ต้องมาทำเป็นสงสัยอะไรทั้งนั้น คุณกับคนในบริษัทของคุณขโมยงานออกแบบของฉัน”
“คุณบิวตี้เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ ผมไม่เคยขโมยงานของใคร และยิ่งเป็นของคุณผมจะไม่มีวันทำเด็ดขาด”
“แต่แบบชุดนี่” บิวตี้เดินไปหยิบแบบเสื้อ “มันเป็นแบบที่ฉันออกแบบเองกับมือ อินสไปเรชั่นมาจากความรักของแม่ฉัน ฉันจำรายละเอียดทุกอันที่ฉันออกแบบเองได้ คุณวาดทับลายเส้นฉัน เอาโลโก้ธนบวรออกแล้วก็ใส่โลโก้ของคุณเข้าไปแทน ขโมยกันหน้าด้านๆ”
เมื่อมองลายเส้นชัดๆ จะเห็นว่ามุมหนึ่งของแบบเสื้อ มีภาพร่างตะเข็บแบบเก็บปลายไม่ให้ด้ายรุ่ยซึ่งเป็นวิธีที่ลลิตาทำเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครเข้าใจ นอกจากบิวตี้และป้าจัน แต่หากดูเผินๆ รูปตะเข็บนั้นดูคล้ายกับการอธิบายวิธีจับจีบธรรมดา
บิวตี้ยังไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ เพราะมุ่งแต่เรื่องลอกเลียน กะเอาไว้ยืนยันกันว่าใครเป็นเจ้าของแบบกันแน่
เจตน์ชาญโดนกล่าวหา ชักฉุน “คุณกำลังกล่าวหาเจดการ์เม้นต์นะครับ คุณมีหลักฐานอะไรหรือเปล่า”
“หลักฐานก็อยู่ตำตานี่ไง แบบทั้งหมดของฉัน ถูกขโมยไปเมื่อบ่ายวานนี้ แล้วก็มาโผล่ที่คุณ”
เจตน์ชาญมองบิวตี้อย่างเห็นใจ “ผมอยากจะเชื่อคุณนะ แต่การที่ดีไซน์คล้ายกัน ก็ไม่ได้แปลว่าดีไซน์นี้จะเป็นของคุณ”
“ไม่ได้คล้าย แต่มันเป็นของฉัน” บิวตี้ยืนกราน
“เจดการ์เม้นท์ไม่เคยขโมยดีไซน์ใคร คนอย่างผมไม่มีวันทำอะไรแบบนั้น” เจตน์ชาญบอกจริงจัง
“ก็ได้ ถ้าคุณไม่ละอายที่จะเอาแบบของฉันไปใช้ก็เชิญเลย แต่ฉันคงจะคบกับคุณไม่ได้อีกต่อไป”
บิวตี้โยนแบบทิ้งไว้ ใส่เสื้อชุดเก่า แล้วเอาข้าวของตัวเองที่ซ่อนไว้ออกไปด้วย
เจตน์ชาญตกใจดึงมือบิวตี้ไว้ “ให้ผมไปส่งดีกว่า”
บิวตี้สะบัดมือเต็มแรง “อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันนึกว่าคุณจะเป็นคนดีกว่านี้เสียอีก”
เจตน์ชาญมองตามอย่างงุนงง สงสัย
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาผิดหวังที่เห็นความสัมพันธ์ของบิวตี้กับธีภพ และเจตน์ชาญ สลายลงต่อหน้า
“โธ่ ลัลน์ลลิตต้องผิดหวังในตัวเพื่อนมนุษย์ ครั้งแล้วครั้งเล่า”
ปรมะเทวีบอกว่า “ถือเป็นบทเรียนนางควรจะเรียนรู้เสียทีว่า อย่าคาดหวังในตัวผู้อื่น หากมีหวัง ก็ต้องมีผิดหวังเป็นธรรมดา”
“แต่ลัลน์ลลิตไม่ได้กระทำเรื่องน่าอับอาย อย่างที่ธีภพคิดนะคะ”
“มนุษย์ตัดสินจากสิ่งที่ตาเห็นเป็นอันดับแรก ภาพที่ธีภพเห็นมันสื่อให้เชื่อว่าเกิดเรื่องไม่งาม เขาก็ย่อมเชื่อตามเช่นนั้น”
“ธีภพ กับลัลน์ลลิตก็กำลังจะเข้าใจกันอยู่ทีเดียว น่าเสียดาย” นางฟ้าลลิตาเศร้า
“เนื้อคู่แล้ว ย่อมไม่แคล้วกัน แต่หากไม่ใช่ก็ต้องมีอันพลัดพรากจากกันไปจนได้”
“หมายความว่า ลัลน์ลลิต กับ ธีภพ ไม่ใช่เนื้อคู่กันหรือคะเทวี”
“เราไม่อาจบอกได้”
“เช่นนั้น ความรักจะพัฒนาไปจนถึงขั้นมอบจุมพิตได้หรือคะเทวี”
“ตราบใดที่ยังไม่เปิดใจและเชื่อใจกัน ตราบนั้นความรักก็คงไม่งอกงาม”
“โถ น่าสงสารเหลือเกิน ลัลน์ลลิตอุตส่าห์ทำเพื่อสืบหาความจริง แต่นางกลับถูกเข้าใจผิดเสียเอง”
นางฟ้าลลิตาสงสารบิวตี้จับใจ
ธีภพหลบมานั่งสงบใจในสวนสาธารณะ เขาพยายามนิ่งคิด แต่ใจกลับทุรนทุราย นึกถึงภาพของบิวตี้กับเจตน์ชาญ
ขณะเดียวกันบิวตี้อยู่ในแท๊กซี่ โทร.หาธีภพตลอดเวลา แต่ธีภพปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมรับสาย บิวตี้โทร.เข้ามาอีกหลายครั้ง แต่ธีภพตัดสายหมด
ธีภพว้าวุ่นครุ่นคิดเรื่องความสัมพันธ์บิวตี้กับเจตน์ชาญ ตั้งแต่ที่หัวหิน ตอนเขาพบว่าบิวตี้เนื้อตัวฟกช้ำ เห็นบิวตี้ไปกับเจตน์ชาญ และเตือนให้บิวตี้เลิกคบกับเจตน์ชาญ
หลังกลับจากหัวหิน บิวตี้ก็มีท่าทีกระสับกระส่ายบอกมีนัดกับเจตน์ชาญ
กระมั่งวันงานเลี้ยงต้อนรับเกรซ มิลเล่อร์ ที่โรงแรมฟอลคอนล่ม เจตน์ชาญคอยช่วยประคับประคองบิวตี้
ธีภพฉุกคิดว่าที่ผ่านมาบิวตี้หายไปทุกค่ำคืน จนเขามาเห็นเต็มตาว่าบิวตี้นุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเจตน์ชาญ ที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเช่นกัน
ธีภพดึงตัวเองกลับมา ตัดใจ ไม่อยากคิดอีกต่อไป
“พอกันที ถ้าเลือกนายนั่น ก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เป็นอรวิภาโทร.เข้ามา
“ครับน้องอร”
“พี่ธีอย่าลืมนัดกับป่าป๊าน้องอร 10 โมงนะคะ”
“ครับ ไม่ลืมครับ”
“โอเคค่ะพี่ธี บ๊ายบายค่ะ”
พอธีภพวางสาย สายบิวตี้ก็โทร.เข้ามาพอดี แต่ธีภพกดตัดสาย
บิวตี้เที่ยวถามหาธีภพทั้งที่ออฟฟิศธนบวรในชุดเมื่อวาน แต่เลขาบอกว่าธีภพยังไม่เข้า ต่อมาบิวตี้บุกมาถามหาธีภพถึงที่บ้านในชุดเมื่อวาน แต่คนใช้บอกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว
ทางด้านเจตน์ชาญเรียกมินตรามาสอบสวน มินตราถือกระเป๋าถือเข้ามาด้วย
“คุณมินตรา แบบนี่ใครเป็นคนดีไซน์”
มินตราบอกหน้าตาซื่อ “มิน ดีไซน์เองค่ะ ท่านประธานมีคอมเม้นต์หรือคะ”
“เปล่า ผมถูกกล่าวหาว่าขโมยงานของเขามา”
มินตราทำเป็นโกรธ “ไม่จริงค่ะ มินดีไซน์เองกับมือ ท่านประธานดูนี่สิคะ” เปิดกระเป๋าหยิบ
สมุดร่างแบบพกติดตัวให้ดู “มินแก้แล้วแก้อีกอยู่ตั้งหลายครั้ง”
มินตราส่งแบบร่างให้ดู เห็นเป็น ร่าง 1 แล้วแก้เป็น 2 ร่าง 3 มีการแก้ไข ขีดฆ่า เหมือนมาจากความคิดของมินตราจริงๆ
“คนกล่าวหาเขามีหลักฐานยืนยันอะไรบ้างคะ ถ้ามีก็เอามายันกันเลยดีกว่า” มินตราสำทับ
“ผมยังไม่เห็นหลักฐาน”
“มากล่าวหากันลอยๆแบบนี้ เป็นการทำลายชื่อเสียงกัน มินไม่ยอมนะคะ” มินตราทำท่าจะร้องไห้
“เอาล่ะ ผมเชิญคุณมาเพื่อรับฟังทั้งสองฝ่าย เมื่อคุณมีหลักฐานยืนยันแบบนี้ ผมขอเก็บไว้ยืนยันได้ไหมว่าเราคิดแบบเองมาตั้งแต่ต้น”
“ได้เลยค่ะ” มินตราส่งสมุดให้เจตน์ชาญ “ใจจริงอยากให้ท่านประธานฟ้องคนพูดเลยด้วยซ้ำค่ะ”
เจตน์ชาญรับมา นึกสงสัยว่าใครโกหกกันแน่ แต่ชักเอนเอียงเมื่อเห็นหลักฐานของมินตราหนักแน่นกว่า
บิวตี้กลับเข้าบ้าน เดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน นั่งไม่ติด ยังเพียรโทร.หาธีภพอยู่ตลอดเวลา
ภาพแววตาตัดพ้อของธีภพที่มองมา ตอนพบบิวตี้อยู่ในชุดล่อแหลมที่คอนโดของเจตน์ชาญผุดขึ้นมาในห้วงคิด
ภาพความใกล้ชิดระหว่างบิวตี้กับธีภพ ตรงที่ว่างข้างโรงงานผุดซ้อนตามมา
บิวตี้เผลอขยำกระดาษในมือ จนรู้ตัวก็สะดุ้ง รีบเรียกสติบอกกับตัวเอง
“ช่างเถอะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์”
ส้มเช้งเข้ามาในห้อง
“ขออนุญาตค่ะคุณบิวตี้ วันนี้มีนัดกับคุณเกรซบ่ายสามนะคะ”
บิวตี้ลงนั่งออกแบบใหม่ขณะส้มเช้งออกไป
บิวตี้พยายามรวบรวมสมาธิ แต่ยากเย็นแสนเข็ญ ขีดกระดาษแรงๆ ฉีกกระดาษขยำทิ้งเป็นว่าเล่น
“ทำงาน ทำงาน เดี๋ยวไม่เสร็จ”
ทางด้านธีภพเผชิญหน้ากับอดิศักดิ์และเครือวรรณ เพื่อเคลียร์ข้อข้องใจเรื่องความสัมพันธ์กับอรวิภา
“คุณคงรู้นะตอนนี้เป็นเวลาทำงานของผม แต่ผมก็สละได้เพื่อลูก”
“สำหรับท่านเจ้าสัว น้องอรสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเสมอค่ะ” เครือวรรณพูดเป็นนัย
ธีภพมีท่าทีอึดอัดใจ “ผมทราบครับ”
“การคบหากับลูกอรไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะผมจะต้องคัดเลือกแล้วว่าสามารถดูแลลูกอรได้ดีเหมือนผม หรือดีกว่าผม”
“ครับ”
“บอกตามตรงเลยนะคะคุณธีภพ ท่านเจ้าสัวกับอา รู้สึกว่าคุณไม่ได้ทุ่มเทให้กับน้องอรมากพอ คุณผิดนัดกับน้องอรตั้งหลายครั้ง น้องอรเสียใจมากรู้ไหมคะ”
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ”
เวลาเดียวกันอรวิภาอยู่ในห้องนอน เดินไปมา ท่าทีกระสับกระส่ายคอยฟังข่าวอย่างร้อนใจ อยากรู้ว่าพ่อแม่พูดอะไรกับธีภพ
อดิศักดิ์เครียด “ลูกผมจริงใจกับคุณ ผมเองก็เห็นแก่คุณธนา และคุณภาวินี แต่ผมดูแล้วไม่มั่นใจเลยว่าคุณจะเอายังไงกับลูกผมกันแน่”
“เรายอมให้คุณคบกับน้องอร ทั้งๆ ที่มีคนที่เต็มใจเสียสละทุกอย่างเพื่อน้องอร รออยู่เยอะแยะไปหมด แต่คุณทำให้น้องอรต้องร้องไห้หลายครั้งหลายหนจนเราทนไม่ได้แล้ว”
ธีภพรู้สึกผิด “ผมเสียใจครับ”
“คุณดูนี่” อดิศักดิ์ดันหนังสือพิมพ์หน้าข่าวสังคม ไปที่ด้านหน้าของธีภพ
เห็นรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ นิตยสารในงานเปิดตัวเกรซ ธีภพยืนใกล้ชิดกับอรวิภา มีข้อความกำกับว่า “กิ่งทองใบหยกคู่ใหม่ใกล้แจกการ์ดเต็มที”
“ข่าวใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามันกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ ลูกผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“น้องอรคงรับไม่ไหวแน่” เครือวรรณทำท่าจะร้องไห้
ธีภพตัดสินใจพูดตรงๆ “ถ้าคุณอากับท่านเจ้าสัวต้องการ ผมจะจัดแถลงข่าวเองครับว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริง”
เครือวรรณตกใจ ไม่เชื่อหู “ว่าไงนะ”
“ผมต้องกราบขอโทษท่าน ที่ตลอดมาผมมีงานล้นมือจนไม่มีเวลาให้น้องอรอย่างที่ถูกตำหนิจริงๆครับ ผมเกรงว่าถ้าผมไม่สามารถทำอย่างที่ท่านต้องการได้ มันจะเป็นการตัดโอกาสของน้อง ไม่ให้ได้พบกับคนที่ดีและพร้อมกว่าผม”
อดิศักดิ์อึ้ง ผิดคาด “นี่คุณกำลังบอกเลิกกับลูกสาวคนเดียวของผมเหรอ”
“ผมต้องกราบขอโทษที่ต้องพูดตามตรงครับว่า ผมไม่ได้รักน้องอรอย่างคนรัก ผมเห็นน้องอรเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ผมไม่อยากหลอกลวงความรักของเธอและไม่อยากหลอกหัวใจของตัวเอง ในอนาคตถ้าเราต้องแต่งงานกันก็คงจะไม่มีความสุขไปได้”
“ถ้าอย่างงั้นก็ยุติให้หมด รวมทั้งความสัมพันธ์ ระหว่างธนบวรกับฟอลคอนด้วย”
“อย่าให้เรื่องของผม กระเทือนถึงความสัมพันธ์ของบริษัทเลยครับ”
อดิศักดิ์ไล่ “เชิญกลับไปได้แล้ว เรื่องสินค้าผมจะให้ทนายเป็นคนจัดการ”
ธีภพถอนใจยาว ยกมือไหว้อดิศักดิ์ กับเครือวรรณแล้วออกไป
เครือวรรณชักเสียดาย “ที่จริงคุณธีเขาไม่ได้ดูถูกเรานะคะป่าป๊า”
อดิศักดิ์ดุเสียงเข้ม “คุณไปปลอบลูก แล้วอย่าเอ่ยชื่อธีภพหรือธนบวรให้ผมได้ยินอีก”
เครือวรรณตกใจที่โดนเจ้าสัวดุ “ค่ะ ค่ะ” รีบลนลานออกไป
อ่านต่อหน้า 3
*ตัวหนังสือสีแดง หน้า 3 และ 4 คือบทโทรทัศน์ที่แก้ไขใหม่
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 18 (ต่อ)
ธีภพออกมาจากห้องที่คุยกับอดิศักดิ์ เจออรวิภาที่มาดักรอเจอ ถามด้วยท่าทีหวาดหวั่น
“พี่ธีป่าป๊าว่ายังไงบ้างคะ”
“น้องอรครับ พี่ต้องขอโทษ ที่ไม่มีเวลาให้น้องอรมากพอ”
อรวิภาเกาะแขนธีภพแจ “ไม่เป็นไรค่ะ น้องอรเข้าใจ”
“ที่ผ่านมาน้องอรเป็นคนดี เป็นกุลสตรี เพียบพร้อมทุกอย่าง พี่โชคดีมากที่มีได้รู้จักกับน้องสาวที่น่ารักอย่างน้องอร” พลางจับหัวอรวิภาอย่างเอ็นดู
อรวิภาสะบัดตัวถอยออก น้ำตาเอ่อ “น้องสาวหรือคะที่ผ่านมาพี่ธีฝืนใจมากเลยใช่ไหมคะ พี่ธีไม่เคยอยากคบกับน้องอรด้วยซ้ำ”
ธีภพพูดเสียงอ่อนโยน “ไม่จริงครับ พี่ไม่เคยฝืนใจพี่รักน้องอรเหมือนน้องแท้ๆ ของพี่”
อรวิภาน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บใจ “แล้วพี่บิวตี้ล่ะคะ พี่ธีรักพี่บิวตี้แบบไหน”
“เราอย่าไปพูดถึงเขาเลยครับ”
อรวิภาฝืนยิ้มเยาะ “แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่ธีรักพี่บิวตี้จริงๆทำไมเหรอคะ พี่บิวตี้ดีกว่าน้องอรตรงไหน”
“บิวตี้ไม่ได้ดีกว่าน้องอรหรอกครับ แต่ความรักมันไม่มีเหตุผล ไม่มีกฎเกณฑ์ที่เราจะไปกำหนดได้พี่ไม่อยากให้น้องอรเสียใจที่ต้องบอกตามตรง แต่มันไม่ยุติธรรมที่จะเหนี่ยวรั้งน้องอรไว้”
อรวิภาสะอื้นไห้
ธีภพเสียใจ “พี่ขอโทษ”
อรวิภาเช็ดน้ำตาแรงๆ รวบรวมความเข้มแข็ง ฝืนยิ้ม “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ พี่ธีทำถูกแล้ว ขอบคุณนะคะ ที่บอกน้องอรตามตรง”
“งั้นพี่ ลาก่อนนะครับ ขอให้น้องอรมีความสุข ได้เจอคนที่ใช่เร็วๆ พี่ชายคนนี้จะคอยฟังข่าวดี”
“พี่ธี” อรวิภาโผกอดธีภพอย่างเด็กๆ ร้องไห้ซบอกเขา
อดิศักดิ์ได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว รีบออกมาก่อนที่เรื่องจะเกินเลย
“พอแล้วน้องอร ปล่อยเขาไป”
เครือวรรณดูอยู่อีกทาง ออกมาสมทบด้วยความโกรธ “ทำอะไรน่ะปล่อยลูกฉันเดียวนี้นะ”
อรวิภารีบผละจากธีภพ “อรกอดลาพี่ธีเองค่ะ” สาวโลกสวยเช็ดน้ำตา ทำเป็นเข้มแข็ง “ขอบคุณนะคะที่พี่ธีให้เกียรติอรอย่างผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่ทำกับอรเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ที่ไม่รู้จักโตเสียที”
เครือวรรณดุ “ยัยอร”
“ลาก่อนค่ะพี่ธี” อรวิภาฝืนยิ้มให้
ธีภพยิ้มบางๆ ตอบ หันไหว้ลาอดิศักดิ์เครือวรรณแล้วเดินจากไป
อรวิภามองตามธีภพจนลับตา ร้องไห้ซบอกแม่ด้วยความอาลัย
ฝ่ายเจตน์ชาญไม่สบายใจถือช่อดอกไม้เข้ามาที่บ้านบิวตี้ บอกกับส้มเช้ง
“ช่วยเรียนคุณบิวตี้ด้วยครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย เรื่องสำคัญ”
บิวตี้ก้มหน้าก้มตาออกแบบ อย่างรวดเร็วด้วยความอัดอั้น และเวลาอันบีบคั้น ส้มเช้งเข้ามา แอบมองบิวตี้ อย่างไม่สบายใจ ภาพบิวตี้กลายเป็นนกยังติดตา
บิวตี้รู้สึกได้ว่ามีคนมายืนรีรออยู่
“อะไรอีกส้มเช้ง”
“เอ่อ...คุณเจตน์ชาญขอพบค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญ”
บิวตี้นิ่งคิด แล้วตัดสินใจปราดเดียว “บอกให้เขากลับไป ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอีกแล้ว” พูดแล้วนึกถึงธีภพ “ถ้ามีคนมาอีกก็ก็ไม่ต้องให้เข้ามา ฉันไม่พบใครทั้งนั้น”
“ค่ะๆ” ส้มเช้งลนลานออกไป
เจตน์ชาญยืนรอบิวตี้อยู่ตรงหน้าบ้านด้วยความร้อนใจ
“คุณบิวตี้เธอติดงานอยู่ค่ะ ไม่รับแขกค่ะ” สมเช้งบอก
“ฝากดอกไม้นี้ให้เธอด้วย ฝากบอกเธอว่า ผมมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
เจตน์ชาญเดินออกไป
นาฬิกาบอกเวลาใกล้บ่ายสามโมงแล้ว พักตร์พิมลดูนาฬิกาด้วยความกังวลและหวั่นกลัวว่าบิวตี้จะออกแบบเสร็จทัน
กระตั้วผลักประตูเข้ามาอย่างเร่งร้อน “ตายแล้ว ตายแล้ว คุณบิวตี้ยังไม่มาเลยค่ะ แบบนี้จะส่งแบบทันหรือคะ”
“ก็ไม่รู้สินะ”
“ความฝันที่จะได้ก้าวไปสู่ระดับ อินเตอร์เนชันแนลดับวูบ ดิเอ็นออฟเดอะเวิลด์”
ปีวราตามเข้ามา
“คุณแพ็ตคะ ท่านประธานธีภพมาแล้วค่ะ”
“กระตั้วดีไซเนอร์ออกแบบ 10 ชุดเสร็จหรือยัง”
“ยังหรอกค่ะ คุณแพ็ตมาบอกกระชั้นเกินไป”
“กระชั้นตรงไหน แค่คนละสองแบบ ยัยบิวตี้ทำคนเดียวสิบแบบยังได้เลย”
“ก็คุณบิวตี้เธอเป็นอัจฉริยะนี่คะ พวกเราไม่ใช่” กระตั้วหลุดปาก
พักตร์พิมลโกรธ “แบบนี้เลี้ยงไว้ก็เสียข้าวสุกเปล่าๆ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ลาออกไปเลย” จากนั้นก็ลุกออกไปเลย
กระตั้วตะลึงกับคำพูดรุนแรงของพักตร์พิมล “โหย แรงอะ”
“รีบไปเร่งให้เสร็จเถอะกระตั้ว เดี๋ยวจะยิ่งไม่ทันไปกันใหญ่”
กระตั้วค้อนตาคว่ำ พาล “รู้น่า ไม่ต้องมาบอกหรอก ชิส์” แล้วเดินเชิดออกไป
ปีวราทำหน้าเหวอ บ่นกับตัวเอง “ทำไมทุกคนต้องมาลงกับฉันด้วย”
ธีภพเซ็นเอกสาร สีหน้าเครียดขรึม พักตร์พิมลโผล่เข้ามา
“ขออนุญาตค่ะ”
ธีบอกด้วยท่าทีเฉยชา “มีธุระอะไร นั่งก่อนสิ” แล้วก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อ
“พี่ธีคะ ป่านนี้ยัยบิวตี้ยังไม่เอางานมาส่ง จะทันหรือคะ”
ธีภพถอนใจเฮือกใหญ่ “ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“พี่ธีจะเอาอนาคตของธนบวร ไปฝากไว้กับคนอย่างยัยบิวตี้แบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“เมื่อคุณเกรซเขาเข้าใจแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุ มันก็ไม่ถึงกับกระเทือนอนาคตของธนบวรหรอกนะ เรื่องการออกแบบ คุณเกรซเขากำหนดมาอย่างนั้นเองจะให้ทำยังไง” ธีภพบอก
“แพ็ตเตรียมให้ดีไซเนอร์ออกแบบสำรองไว้แล้ว พี่ธีเอาไปใช้เถอะค่ะดีกว่าไม่มีส่ง น่าขายหน้า”
เสียงบิวตี้ดังแทรกเข้ามา “ขโมยแบบของคนอื่นน่าขายหน้ากว่า”
ธีภพกับแพ็ตหันไปมอง บิวตี้เดินถือแบบที่ออกแบบใหม่เข้ามา
“เธอว่าใคร”
บิวตี้ไม่สนใจพักตร์พิมล ส่งแบบให้ธีภพ “แบบใหม่เสร็จแล้ว”
ธีภพรับมาอย่างเย็นชา และไม่เปิดดูด้วยซ้ำ “ไปรอที่โรงแรมคุณเกรซเลย ผมทำงานตรง
นี้เสร็จแล้วจะตามไป” จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานโดยไม่สนใจ
บิวตี้จ้องมองธีภพอย่างน้อยใจ “นายธี เราต้องคุยกันนะ”
ธีภพเงียบ ไม่มองหน้าพักตร์พิมลมองประเมินทีท่าของทั้งคู่
“เธอช่วยออกไปก่อนได้ไหมแพ็ต”
พักตร์พิมลมองบิวตี้ที มองธีภพที อย่างสงสัยในความมึนตึงเมินหมางของทั้งสองคน ก่อนจะออกไป
“นาย นายฟังฉันก่อนได้ไหม”
ธีภพลุกเดินออกไป บิวตี้เรียกไว้
“นายธี!”
บน สรวงสวรรค์ นางฟ้าลลิตามองบิวตี้อย่างเศร้าใจ หันไปปรึกษาปรมะเทวี ที่มองจอภาพอยู่ด้วยความเศร้าเช่นกัน
“ธีภพรับปากจะหมั้นหมายกับหญิงอื่นแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะได้เข้าใจว่าลัลน์ลลิตไม่ได้ทำเรื่องเสียหายอย่างที่เขาคิดนะคะเทวี”
“ให้เราทบทวนกฎดูก่อน ว่าพอจะทำสิ่งใดได้บ้าง”
ปรมะเทวี เปิดดูกฎสวรรค์ เพื่อศึกษาหาทางช่วย
บิวตี้พาตัวเองมานั่งรอเวลาจะเข้าพบเกรซอยู่ในล็อบบี้ ท่าทางกระวนกระวาย กลัดกลุ้มเรื่องที่ธีภพเข้าใจผิด ธีภพเดินเข้ามา สีหน้าเฉยชาปั้นปึ่ง ถามขึ้นอย่างเย็นชา
“เลขาออกมาเรียกหรือยัง
“ยัง”
ธีภพเดินไปนั่ง ห่างออกไป หยิบโทรศัพท์มากดดูโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่มองหน้าบิวตี้สักนิด บิวตี้เอาโทรศัพท์มากดดูบ้าง ไม่พูดจากัน
จังหวะนี้ปรมะเทวีในชุดแม่บ้าน กำลังทำความสะอาดเช็ดถูกอยู่รอบๆ
ปรมะเทวีบอกธีภพ “ขอทำความสะอาดบริเวณนี้หน่อยค่ะ ช่วยกรุณาย้ายไปทางโน้นก่อนได้
ไหมคะ”
“ครับ” ธีภพลุกย้ายไปนั่งใกล้บิวตี้ขึ้น
องค์เทวีในคราบแม่บ้านทำความสะอาด เลื่อนใกล้ธีภพเข้ามาอีก
“ช่วยไปรวมกันที่โต๊ะนั้นได้ไหมคะ ขอพื้นที่หน่อยค่ะ”
ธีภพย้ายไปนั่งกับบิวตี้ แต่ต่างคนต่างทำเป็นสนใจโทรศัพท์ ไม่มองกัน
ปรมะเทวีทำงานไปพูดไปลอยๆ “สื่อสารกับคนอยู่ไกลแสนไกลได้ แต่คนอยู่ใกล้กลับไม่ใส่ใจจะพูดจากัน”
ธีภพกับบิวตี้เงยหน้าจากโทรศัพท์มองไปที่แม่บ้าน
ปรมะเทวีก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดเหมือนว่าไม่เคยพูดอะไรออกไป องค์เทวีก้มลงเช็ดโต๊ะใกล้ๆ บิวตี้กับธีภพ มือปัดไปโดนแก้วรองเทียนประดับบนโต๊ะตกแตก แล้วพูดกับแก้ว
“โธ่ ไม่มีอะไรยั่งยืนเลย เมื่อกี๊ยังอยู่ดีๆแท้ๆ เผลอนิดเดียว แตกเสียแล้ว” องค์เทวีหันไปพูดกับบิวตี้และธีภพ “แก้วแตกไม่มีทางประสานได้ แต่เรื่องราวที่เข้าใจผิด คุยกันนิดเดียวก็ประสานได้อย่างเดิมแล้ว ทำไมไม่คุยกันละคะ คุยสิ”
ปรมะเทวีโปรยสะเก็ดนางฟ้าให้คนทั้งคู่ บิวตี้กับธีภพมองหน้ากันงงๆ เหมือนโดนสะกด องค์เทวีเดินออกไป
“นี่นาย...”
“ทำไมต้องไปที่คอนโดของเจตน์ชาญ” ธีภพถามขึ้น
“ฉันเห็นแบบของฉันที่เจดการ์เม้นท์ คุณเจตน์เอาแบบของฉันไปที่คอนโด ฉันเลยต้องตามไปดูให้แน่ใจ คนที่ขโมยไปต้องขายให้เจดการ์เม้นท์แน่ๆ”
ปรมะเทวีเยื้อนยิ้มอย่างพอใจที่ทั้งสองเริ่มพูดกัน ลุกเดินไปทางอื่นไกลออกไปแล้วหายวับไป
ธีภพถามอย่างเจ็บปวด “แล้วคุณต้องทุ่มตัวขนาดนั้นด้วยเหรอ”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะ”
“แล้วความจริงมันคืออะไร บอกผมซิทำไมคุณต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นด้วย”
บิวตี้จะอธิบาย แต่นึกหาเหตุผลที่จะทำให้ธีภพเชื่อไม่ได้ “ฉันพูดไปนายก็ไม่มีวันเข้าใจ”
“คุณก็พูดมาก่อนสิ ทำไม”
“เอาเป็นว่า ฉันสาบานว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับนายเจตน์อย่างที่นายกำลังเข้าใจ”
“แล้วสิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไร แล้วยังมีที่ผมไม่เห็นอีก จะให้ผมเข้าใจยังไง”
“สักวันคุณจะรู้และเข้าใจฉันเอง แต่ตอนนี้ เชื่อฉันเถอะนะ ได้โปรด”
“พูด” ธีภพคาดคั้นเสียงแข็ง
“ฉันพูดไม่ได้”
“พูด”
“นายธี ฉันพูดไม่ได้จริงๆ ฉันบอกแล้วไงว่าต่อให้ฉันพูด นายก็ไม่มีวันเข้าใจ”
ธีภพคาดคั้นอีก “พูด”
“ฉัน...” บิวตี้อัดอั้นจนร้องไห้ พูดไม่ได้ว่าตัวเองถูกสาป เมื่อรุ่งเช้าตัวเองจะคืนร่างในสภาพโป๊
เลขาเกรซเดินเข้ามาขัดจังหวะก่อน “คุณเกรซให้พบได้แล้วค่ะ”
บิวตี้กับธีภพยุติการสนทนา ธีภพถือแบบ เดินนำไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว บิวตี้มองตาม เสียใจที่ธีภพเข้าใจตนผิดและไม่สามารถอธิบายทำให้เขาเข้าใจตนได้
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาลุ้นเอาใจช่วยบิวตี้ จนตัวโก่ง
“โธ่ เสียดายจริง”
ปรมะเทวีวาบเป็นลำแสงกลับมา “เป็นอย่างไร ลัลน์ลลิตกับธีภพปรับความเข้าใจกันได้หรือยัง”
“ยังค่ะเทวี พอดีถูกเรียกตัวให้ไปทำงานค่ะ”
“เราทำเท่าที่สวรรค์อนุญาตไปแล้ว ต่อจากนั้นก็แล้วแต่กรรมของแต่ละคน”
“ลัลน์ลลิตเคยกระทำกับผู้อื่นไว้มาก นี่คงจะเป็นวิบากกรรมของนาง”
“ท่านเข้าใจเช่นนั้นก็ดีแล้ว”
นางฟ้าลลิตามีสีหน้าสลดด้วยความสงสารบิวตี้
บิวตี้ และ ธีภพ อยู่ในห้องพักกับเกรซแล้ว เกรซเริ่มดูแบบของบิวตี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองบิวตี้ ดูเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์
“มีคอมเม้นต์อะไรไหมคะ”
เกรซบอกอย่างเย็นชา “รอให้พร้อมกันก่อน ฉันไม่ชอบพูดหลายหน”
เลขาเดินนำเจตน์ชาญเข้ามา ธีภพทำหน้าเฉยเหมือนเจตน์ชาญเป็นอากาศธาตุ บิวตี้มองเมินไปทางอื่น ยังเคืองเจตน์ชาญ
เกรซยิ้มแย้มทัก “เชิญค่ะคุณเจตน์ชาญ ฉันอยากเห็นแบบของคุณแล้วค่ะ”
“ยินดีครับ” เจตน์ชาญส่งแฟ้มแบบเสื้อให้เกรซ
เกรซดูไปชมไปอย่างออกนอกหน้า “โอ้ว interesting…นี่ก็สวย...อือฮึ...ฉันชอบชุดนี้มากนะ...” จนถึงชุดสุดท้ายที่ได้มาจากบิวตี้ “โอ้ ชุดนี้ วาว ฉันรู้สึกได้ถึงพลังของความรักเลย ชอบมาก ชอบจริงๆ”
บิวตี้เห็นถนัดตาว่าเจตน์ชาญเอาแบบของตนมาเป็นแบบของตัวเอง บิวตี้จ้องหน้าเจตน์ชาญ ตาวาวด้วยความโกรธ เจตน์ชาญไม่หลบสายตา มั่นใจว่าตนไม่ได้ขโมยบิวตี้มา
เกรซปิดแฟ้มแบบของเจตน์ชาญ “โอเค ฉันตัดสินใจได้แล้ว งานที่ฉันเลือกคือ...”
ทุกคนนิ่งฟัง ลุ้น เจตน์ชาญยิ้มอย่างมั่นใจ
เกรซบอกต่อ “งานของคุณเจตน์ชาญ”
เจตน์ชาญยิ้มอย่างดีใจ
บิวตี้ขัดขึ้น “เดี๋ยวค่ะ”
เกรซตวาด “หยุด ฉันยังพูดไม่จบ อย่าพูดแทรก”
ธีภพปลอบบิวตี้ “ใจเย็นๆ”
บิวตี้ดีใจที่ธีภพเป็นกำลังใจ เลยสงบลง
“ฉันจะบอกว่า ฉันเลือกงานของคุณด้วย” เกรซว่า
บิวตี้เบิกตาโตด้วยความดีใจ “จริงหรือคะ” สบตากับธีภพอย่างดีใจ
“งานของธนบวรมีพลัง มีความเป็นตัวของตัวเอง ส่วนงานของเจด มีความสง่างาม ตอบโจทย์ได้ตรง ฉันอยากเห็นแบบของทั้งสองฝ่ายตัดออกมาเป็นชุด แล้วถึงจะ ตัดสินใจได้เป็นครั้งสุดท้าย”
“คุณเกรซต้องการให้เราจัดแฟชั่นโชว์ด้วยไหมครับ”
“ค่ะ” เกรซบอกกับบิวตี้และเจตน์ชาญ “อีกสามสัปดาห์ฉันจะกลับมาดูผลงานของพวกคุณ”
อดิศักดิ์ อรวิภา เครือวรรณเข้ามาในจังหวะนี้ ธีภพทำหน้าเฉยๆ
“พี่ธี” อรวิภาจะร้องไห้ เครือวรรณกระตุกไม่ให้ร้อง
เจตน์ชาญแอบดูอาการของอรวิภา
อดิศักดิ์ถามเกรซ “ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมครับ”
เกรซยิ้มๆ “ตอนนี้ขอเวลาสำหรับแฟมิลี่ก่อน”
เจตน์ชาญไหว้ลาเกรซ “อีกสามวีคพบกันครับ” แล้วออกไป
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” บิวตี้ออกไป
“สวัสดีครับ” ธีภพไหว้ทุกคน
เกรซเรียกไว้ “อยู่ก่อนสิคะ เรากำลังจะเป็นแฟมิลี่เดียวกันอยู่แล้วนี่”
บิวตี้ชะงักนิดๆ ได้ยินประโยคนี้เต็มหู ก่อนจะตัดใจออกไป อดิศักดิ์ เครือวรรณ อรวิภา มองหน้ากัน
ส่วนธีภพอึดอัดใจเหลือเกิน
บิวตี้กับเจตน์ชาญลงมาจากห้องเกรซพร้อมกัน ตอนนี้สองคนอยู่ตรงล็อบบี้ชั้นล่าง บิวตี้มองไปทางอื่นไม่มองหน้าเจตน์ชาญเลย
“คุณบิวตี้ ผมยังยืนยันว่าเจดการ์เม้นท์ไม่ได้ขโมยแบบของธนบวร คุณคงเข้าใจอะไรผิด”
“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณขโมยแบบของฉัน เจดการ์เม้นท์ขโมยแบบของธนบวร”
“คุณพิสูจน์ได้ไหมล่ะครับ”
“ถ้าฉันทำได้คุณจะทำยังไง”
“ถ้าพิสูจน์ได้ ผมก็พร้อมจะขอโทษ และรับผิดชอบทุกอย่าง ถึงอย่างไรผมก็ยังยืนยันว่าเราเป็นแค่คู่แข่งทางธุรกิจ แต่เราไม่ใช่ศัตรูกันนะครับ”
“คุณพูดแล้วนะ ช่วยทำตามคำพูดด้วย” บิวตี้เดินก้าวฉับๆ หนีไป
เกรซสังสรรค์กับอดิศักดิ์และครอบครัว อดิศักดิ์จ้องอรวิภา ไม่ให้เข้าใกล้ธีภพ
“เกรซ ผมมีเรื่องจะบอก” อดิศักดิ์หันไปบอกธีภพ “คุณออกไปได้แล้ว”
เกรซฉงน “อ้าว ทำไม” แต่พอเดาได้ “หรือว่า...” เกรซชี้ไปตรงที่ธีภพเคยยืนคู่กับอรวิภา
อดิศักดิ์บอก “ใช่ เขาเลิกคบกันแล้วคุณไม่ใช่แฟมิลี่ของผม เชิญ”
ธีภพไหว้ลาทุกคน และก้มศีรษะให้อรวิภา
“ได้ยังไง หลานอรเป็น ไนซ์แอนด์สวีทเลดี้จะตาย”
“อ๊านตี้เกรซ” อรวิภากอดเกรซร้องไห้
“นายธีเขาบอกว่าเขาไม่ได้รักน้องอรอย่างคนรัก ไม่อยากหลอกน้องอรแล้วก็ไม่อยากหลอกตัวเอง ก็เลยขอหลีกทาง”
“ก็ แฟร้งค์ๆ ตรงไปตรงมาดีนี่ ในเมื่อเขาไม่ได้รักก็ถอยไป let him go หาคนที่ใช่ของเราดีกว่า อย่าไปแคร์” เกรซบอก
อดิศักดิ์ไม่ยอม “แต่ผมบอยคอตสินค้าธนบวรไปแล้ว จะได้รู้เสียบ้างว่าลูกเรามีค่าขนาดไหน คุณ
จะช่วยกันแบน เพื่อสั่งสอนมันบ้างไหมล่ะ”
“ฉันรักแฟมิลี่ของคุณนะ แต่เคสนี้ฉันว่าเราควรจะแยกเรื่องงานออกจากอารมณ์ ฉันต้องการงานที่ดีที่สุด แม้ว่ามันจะมาจากคนที่ฉันเกลียดก็ตาม” เกรซว่า
“แต่ผมยอมไม่ได้ มันทำลูกผมเจ็บแค่ไหน มันต้องเจ็บกว่าหลายเท่า” อดิศักดิ์ตาวาวดุด้วยความแค้น
อรวิภามาคุกเข่ากอดขาพ่อ “ป่าป๊าขาอย่าโกรธพี่ธีเลยนะคะ ถ้าพี่ธีไม่พูดความจริง แล้วแกล้งคบกับน้องอรไปเรื่อยๆ เพื่อธุรกิจ น้องอรจะยิ่งเสียใจว่านี้อีก”
เครือวรรณสงสารจับจิต เดินมากอดลูก “โถ ลูกหม่ามี๊”
“ฉันว่าแทนที่จะช่วย คุณกลับทำให้อรเจ็บยิ่งกว่าที่ธีภพทำอีกนะ” เกรซปราม
อดิศักดิ์อึ้ง มองอรวิภานิ่งคิด
แสงสุดท้ายของวันนี้กำลังจะหมดลง พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกขณะ บิวตี้มาถึงบ้านรีบเร่งขึ้นห้องนอน เพื่อเตรียมตัวแปลงกาย พอเข้าห้องมาก็จัดการล็อกประตู เดินไปเปิดหน้าต่าง ลงนั่งที่เก้าอี้ ดูนาฬิการอเวลา สักครู่หนึ่งก็เริ่มปวดตัว แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ทันใจหล่อนเอาเลย
“แปลงเร็วๆ สิ ฉันจะจับคนทรยศที่ขโมยดีไซน์ฉันไปให้เจดการ์เม้นท์ให้ได้วันนี้ละ”
พระอาทิตย์ตกดิน พร้อมๆ กับที่บิวตี้แปลงร่างเป็นนกหงส์หยก บินออกนอกหน้าต่างไป
ความมืดโรยตัวเข้าครอบคลุมทั่วธนบวร ขณะที่นกบิวตี้บินมาที่ห้องฝ่ายขายห้องทำงานพักตร์พิมล หาทางเข้าแต่ประตูปิด จึงต้องคอยเอาหูแนบฟัง
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็น ต้องเป็นเธอแน่ๆ ที่เอางานฉันไปให้เจดการ์เม้นท์”
บิวตี้คนในคราบนกหงส์หยก มุ่งมั่นมาดหมายเป็นที่สุด
อ่านต่อตอนที่ 19