หางเครื่อง ตอนที่ 20 อวสาน
ในรถตู้ สายสมรนั่งพิงเบาะหลับตา เอามือกุมหัว ดมยาดม
“กินยาซะหน่อยนะคุณ” สายสมรลืมตาขึ้นมาเห็นทวีศักดิ์ ยื่นแก้วน้ำกับยาให้ก็ทำหน้าแปลกใจ
“อะไรของคุณ ไม่ไปดูแลแม่นักร้องของคุณล่ะ”
“เดือนน่ะ ผมต้องดูแลอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว” สายสมรหน้าเจื่อนลง “ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง” สายสมรหันมาจ้องหน้าทวีศักดิ์อย่างสงสัย “โอเค ผมอาจจะเผลอไผลไปบ้างผมยอมรับ แต่เดือนเค้าทำให้ผมคิดได้”
“คุณหมายความว่าไง”
“เดือนเค้ามีคนรักอยู่แล้ว แล้วเค้าก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจเลย”
“คุณก็เลยอกหักงั้นสิ”
สายสมรเบือนหน้าหนี
“ผิดหวังเล็กๆ มากกว่า แต่มันก็ช่วยดึงสติผมกลับมานะ ว่าจริงๆ แล้วผมก็มีคนที่ผมรักอยู่แล้ว” สายสมรหันกลับมาจ้องหน้าทวีศักดิ์ “เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะนะ ผมยังคิดไม่ออกเลย ถ้าไม่มีคุณผมจะอยู่ยังไง”
สายสมรน้ำตาคลอ
“คุณ”
“เอาน่า ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องผมกับเดือน เราจะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องที่ดีต่อกันเท่านั้นกินยาซะก่อนเถอะ”
สายสมรเอื้อมมือมารับยาไป สีหน้าอมยิ้มน้อยๆ
เดือนกับป้อมยืนมองอยู่ด้านนอก เดือนยิ้มอย่างพอใจ
“เชอะ หมั่นไส้ ทำสำออยอ้อนผัว” ป้อมต่อว่า
“แน้ พี่ป้อมไปว่าเค้า”
“ก็มันจริงนี่”
“ยังไงๆ เค้าก็คือคนที่รักกันนะจ๊ะ”
“รู้หรอกน่า แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้นี่”
เดือนกับป้อมมองไปที่ในรถอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาล พิมุกดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียง ร้องห่มร้องไห้ ที่แขนสองข้างด้วนไปมีผ้าพันแผลพันไว้
“โฮ แขนกู เอาแขนกูมา ไอ้หมอบ้า ทำไมไม่ต่อแขนให้กู”
เตี้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พากันร้องไห้กระซิกๆ
“หมอเค้าบอกว่าต่อไม่ได้จ้ะ แรงระเบิดมันฉีกเส้นประสาทไปหมดแล้ว”
“กูไม่สน กูจะเอาแขนกูคืนมา แขนกู”
บ่างเปิดประตูเดินถือกล่องกระดาษเข้ามา
“ไอ้บ่าง เอ็งหอบอะไรมาวะนั่น” เตี้ยหันไปถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน มีคนส่งมาให้พี่พิมุกอ่ะ”
พิมุกหันขวับมาจ้องบ่าง
“กูไม่อยากได้ กูไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น กูอยากได้แขนกู”
“โธ่พี่ แกะดูซะหน่อยเถอะนะ”
บ่างถือกล่องเดินเข้ามาที่เตียงพิมุก จัดแจงแกะกล่อง ส่วนพิมุกยังคร่ำครวญอยู่ เตี้ยกับบ่างช่วยกันแกะเสร็จ พากันชะโงกหน้าเข้ามาดู เห็นด้านในห่อกระดาษอยู่อีกชั้น มีกระดาษโน้ตวางอยู่
“มีจดหมายด้วย มาชั้นอ่านให้”
เตี้ยหยิบขึ้นมาจัดแจงเปิดอ่าน
“ของขวัญ ปอ ลอ ออ บอ อ๋อ ปลอบ...”
“ของขวัญปลอบใจ จากไหนล่ะเนี่ย”
“ศอ อิ ศิ รอ อิ ริ พอ รอ” พิมุกได้ยินเตี้ยอ่านค่อยหันกลับมาช้าๆ จ้องไปที่กล่องของขวัญ “ศิริพร ยัยงิ้วนั่นน่ะเหรอ ส่งอะไรมาน้า”
เตี้ยกับบ่างช่วยกันแกะห่อกระดาษออกแล้วหยิบขึ้นมา ของขวัญที่หยิบขึ้นมาคือ นวม! พิมุกหันมาจ้องนวมคู่ใหม่นั้น ก่อนจะตาโต ด้วยความโกรธ ตะเบ็งเสียงออกมาลั่นห้องแล้วดิ้นทุรนทุราย
“อีศิริพร”
เสียงตะโกนโหยหวนของพิมุกดังก้องออกมาข้างนอก
ขำร้องเพลงดังมาจากบนบ้าน ขำในชุดหล่อเดินลงมาจากบ้านหอบม้วนกระดาษม้วนใหญ่วิ่งลงมา เขาหยิบโปสเตอร์รูปเดือนขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“แหะๆ เดี๋ยวให้เดือนเซ็นให้ดีกว่า เสร็จแล้วเย็นนี้จะเอาไปขายหน้าเวทีซะเลย”
“จะเอาอะไรไปขายใครวะไอ้ขำ”
รวิเดินเข้ามา เสื้อผ้าหน้าตามอมแมม
“เฮ้ย มาไงของแกเนี่ย รวิ”
รวิเดินไปตักน้ำล้างหน้า ไม่พูดไม่จา เมื่อลูบหน้าเสร็จก็เดินมาที่ขำ
“นั่งรถมาบ้าง โบกเค้ามาบ้าง”
“สารร่างดูไม่จืดเลยไปทำอะไรมาบ้างเนี่ย”
“เรื่องมันยาวว่ะ” รวิถอนหายใจมองไปเรื่อยๆ สายตาไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่พื้น “เฮ้ยนั่นมันรอยอะไรวะ”
“รอยเลือดเพื่อนรักแกไง”
รวิหันมาจ้องหน้าขำ
“ไอ้พิมุก แล้วสรุปแล้วมันเป็นยังไงบ้างตอนนี้”
ขำถอนหายใจ มองหน้ารวิ
“ด้วนทั้งบนทั้งล่าง” รวิอึ้งไป พูดไม่ออก “ตายทั้งเป็นเลยนะนั่น เป็นนักมวยแต่แขนขาไม่มี เฮ้อ กรรมและกรรมจริงๆ”
รวิ รู้สึกหดหู่เลยเปลี่ยนเรื่องพูด
“แล้วนี่ตกลงจะไปไหน”
“อ๋อ ก็ที่ท้ายตลาดเค้ามีงานนิดหน่อยน่ะ ไปด้วยกันเลยดิ” รวิส่ายหน้ายิ้มเพลียๆ
“ไม่ไหวว่ะ อยากนอนพักมากกว่า”
“โธ่ น่าจะไปด้วยกัน แต่เออๆ งั้นก็พักผ่อนไปเหอะ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน ชั้นขอตัวไปทำมาหากินก่อน”
“หาเงินได้ทุกสถานการณ์จริงๆ นะแก”
“อย่างนี้ล่ะ คนมันมีหัวทางเทศกิจ”
“เศรษฐกิจ ไอ้บ้า เทศกิจเค้าจับแม่ค้าอยู่โน่น”
รวิหัวเราะ แล้วเดินขึ้นบ้านไป ท่าทางยังแย่ๆ อยู่
“โธ่เอ๊ยรวิ สารร่างดูไม่ได้เลย เฮ้อ”
ขำมองตามรวิ แล้วยักไหล่เดินออกจากบ้านไป
อีกด้านหนึ่งที่สถานที่จัดงานคอนเสิร์ต ทีมงานกำลังจัดตกแต่งเวทีคอนเสิร์ตอย่างสวยงาม ศิริพรยืนกอดอกมองอยู่ด้านล่างอย่างพอใจ
“สุดท้ายแล้ว ชั้นก็คือผู้ชนะ พวกโง่ๆ ก็สมควรต้องแพ้ไป” ศิริพรเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง เธอเดินสำรวจไปเรื่อย พอดีสายตามองออกไปด้านนอกเห็นชูเกียรติกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายท่าทางน่ากลัวสองคน ท่าทางชูเกียรติเหมือนกลัวๆ ยกมือไหว้ขอร้องอยู่ “พวกบ่อนมาทวงหนี้สินะ ดี จัดการไป จะได้ไม่มีตัวเกะกะ”
ศิริพรมองชูเกียรติอย่างเหยียดๆ
ส่วนที่ตลอดเดือนกับป้อมและทวีศักดิ์เดินแจกแฮนด์บิลหนังอยู่ บรรดาพวกพ่อค้าแม่ค้าต่างมามุงดูกันใหญ่
“จริงๆ คุณทวีศักดิ์กลับไปเฝ้าคุณสายสมรก็ได้นะคะ เธอยิ่งไม่สบายอยู่ ที่นี่เป็นบ้านเดือน ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเดือน สายสมรเค้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว แล้วนี่เค้าก็เป็นคนบอกให้ผมออกมาเองนะ”
เดือนยิ้มกว้าง
“ได้ยินอย่างนั้นเดือนก็ดีใจค่ะ”
เดือนพยักหน้ารับ แล้วหันไปแจกต่อ
“หนูเดือน สวยขึ้นเป็นกองจำแทบไม่ได้เลย” ชาวบ้านเข้ามาทัก
“จำป้าได้มั๊ย ป้าไงที่สนิทกับนัง เอ่อ แม่ช้อย แม่ของหนูไง”
เดือนยิ้มให้กับทุกคน พร้อมกับเดินไปเรื่อยจนมาถึงแผงของกิ เดือนยิ้มให้ แต่กิมเบือนหน้าหนี
“ป้ากิม แก้วเค้าติดต่อมาบ้างมั้ยจ๊ะ”
กิมหันกลับมาจ้องหน้าเดือน
“ทำไม แกจะมารอเยาะเย้ยมันหรือไง”
“เปล่านะจ๊ะ เดือนถามเพราะเป็นห่วง ยังไงก็เคยเป็นเพื่อนกัน”
“ไม่ต้องมาเสแสร้ง ไปเลยนะ แกไปให้พ้นเลยนะ”
กิมหยิบข้าวของขว้างปาออกมา ป้อมรีบเข้ามากัน
“นี่ หยุดเลยนะนังกิม ลูกแกทำกับพวกชั้นขนาดนี้ไม่ตบล้างน้ำให้ก็บุญแล้วนะ”
ขำเห็นคนมุงอะไรกันอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามา
“เดือน มีอะไรกัน”
“เดือน ถามป้ากิมเรื่องแก้วน่ะ” เดือนส่ายหน้า มองไปทางกิม
“ทำไม ป้ามีปัญหาอะไรอีกเหรอไง” ขำถาม
“พวกแกคิดจะรุมชั้นใช่มั้ย” ขำเดินเข้าไปจ้องหน้ากิม
“สิ่งที่นังแก้วทำกับทุกคนไว้ ไม่มีใครลืมหรอกนะ ถึงคราวที่ลูกป้าต้องชดใช้แล้ว ป้าอย่าคิดช่วยลูกในทางที่ผิดอีกเลย”
พูดจบขำก็หันหลังกลับพาทุกคนเดินออกไป กิมร้องไห้ สะอื้นออกมาเต็มที่
เดือน ป้อม ขำ ทวีศักดิ์พากันเดินมา ไม่พูดอะไร ขำมองคนโน้นคนนี้แล้วก็ตัดสินใจพูด
“จะเงียบกันอีกนานมั้ยเนี่ย”
“โทษทีจ้ะ คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“เออ ว่าแต่รวิมันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ”
“เมื่อเช้านี้เองเลยพี่ป้อม หมาดๆ”
สีหน้าเดือนดูกังวลขึ้นมา
“แล้วชั้นมาแบบนี้ พี่รวิเค้าก็คงหลบหน้าชั้นเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง รวิมันยังไม่รู้ว่าเดือนมา”
ป้อมถอนหายใจ แล้วเหล่มองไปทางทวีศักดิ์
“รู้ว่าเดือนมาน่ะ ยังไม่เท่าไหร่ แต่คนนี้สิ”
ป้อมจ้องไปทางทวีศักดิ์ ทุกคนหยุดเดิน มองมาที่ทวีศักดิ์
“โอเค ผมเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เอาอย่างนี้ละกัน เดี๋ยวผมจะคุยกับเค้าเอง”
“อยากโดนรวิมันจับโยนออกมาหรือไง”
“ผมจะอธิบายทุกๆ อย่างกับเค้าไง จะได้เข้าใจได้แล้ว”
ทุกคนเดินมาถึงหน้าบ้านรวิ แล้วหยุด
“ว้าย..นั่นคราบอะไรน่ะไอ้ขำ”
ป้อมมองไปที่พื้นที่มีรอยเลือดของพิมุกอยู่
“เรื่องมันยาวน่ะพี่ป้อม”
ทวีศักดิ์เดินนำขึ้นไปข้างหน้า สูดลมหายใจลึกๆ
“เค้าอยู่ข้างบนใช่มั้ย” ทุกคนพยักหน้ารับ ทวีศักดิ์เลยเดินก้าวขึ้นไป แต่อยู่ๆ ก็ชะงักหันกลับมาพูดอีก
“เอ่อ ถ้าอีก 15 นาที ผมยังไม่ลงมา ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ด้วยนะ”
ทุกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าเตรียมกดรอทันที ทวีศักดิ์มองท่าทีของทุกคนแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนจะเดินขึ้นบ้านรวิไป
ช่วงค่ำของวันนั้น ขำนั่งขายโปสเตอร์ลายเซ็นเดือนอยู่บริเวณงานสถานที่โปรโมทหนังของเดือน ป้อมเช็กเสื้อผ้า หน้า ผมให้เดือน แล้วก็ชูนิ้วโอเค
“เรียบร้อยเดือน เตรียมโชว์ได้ เอาให้มันส์เต็มที่เลยนะ”
เดือนยิ้ม มองเลยป้อมไป เห็นทวีศักดิ์นั่งหันข้างอยู่
“คุณทวีศักดิ์คะ เดือนจะออกไปร้องแล้วนะคะ”
ทวีศักดิ์ยิ้ม ชูสองนิ้วให้แต่ยังหันข้างอยู่ เดือนมองหน้ากันกับป้อม แล้วเดินไปหาทวีศักดิ์
“ไหวมั้ยคะเนี่ย”
ทวีศักดิ์หันมา เห็นเต็มๆ หน้า ตาอีกข้างเขียวปั้ด ที่มุมปากมีรอยถูกต่อยอยู่
“ผมไม่เป็นอะไร อูย” ทวีศักดิ์ยิ้มแหย สายสมรเดินถือถุงน้ำแข็งมาประคบให้ เหลือบมองมาทางเดือนแล้วยิ้มให้ “อย่างน้อยผมก็บอกเค้าไปแล้วว่าตอนนี้ผมบริสุทธิ์ใจ ผมกับเดือนไม่มีอะไรกันจริงๆ”
เดือนยิ้มแหย ยกมือไหว้ขอบคุณทวีศักดิ์
“ขอบคุณมากนะคะ งั้นเดือนขอตัวไปก่อน” เดือนเดินกลับมาสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินออกไป “สวัสดีค่า”
เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น ที่กลุ่มคนดู รวิแอบยืนมองเดือนอยู่ที่มุมมืดๆ เขายิ้มน้อยๆ ออกมาอย่างดีใจ
อีกด้านหนึ่ง โรจน์กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ เดินไปเปิดลิ้นชักค้นกระเป๋าของลิ้นจี่ หยิบเงินและของมีค่าเก็บใส่กระเป๋าไป
“นั่นแกจะทำอะไรน่ะ” ลิ้นจี่เดินเข้ามา ยืนมองอย่างสงสัย โรจน์สะดุ้งเฮือก ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะตอบอะไร
“ชั้นถามว่าแกทำอะไร จะเก็บของไปไหน”
“ชั้น ชั้นจะไปต่างจังหวัด สองสามวันน่ะ”
ลิ้นจี่มองอย่างแปลกใจ
“ไปต่างจังหวัด ไปกับใคร แล้วทำไมต้องเอาของไปเยอะแยะ”
โรจน์อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ถูก ลิ้นจี่มองไปที่เสื้อของโรจน์เห็นสร้อยทองของตัวเองโผล่ออกมา เธอจึงรีบเดินเข้าไปหา แล้วดึงสร้อยทองของตัวเองออกมา
“นี่ นี่มันทองของชั้นนี่ แกจะเอาไปทำอะไร หา ไอ้โรจน์ ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ แกจะเอาไปทำอะไร” โรจน์ดึงสร้อยกลับมาแล้วรีบเดินจะออกไป แต่ลิ้นจี่ดึงไว้ “แกจะไปไหน เอาของชั้นคืนมาก่อนนะ ไอ้โรจน์ ไอ้ผัวเวร”
โรจน์โมโหจัดผลักลิ้นจี่ลงไปกองกับพื้น
“โธ่เว้ย ไปให้พ้นเลยนะอีแก่ ใครจะอยู่รอเข้าคุกกับแก ตำรวจเค้าสืบจนรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว ขืนอยู่กับแกก็ซวย
ไปด้วยสิ”
โรจน์พูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไอ้โรจน์ แกจะเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้นะ ไอ้โรจน์ ไอ้เลว ไอ้ทุเรศ หน้าก็เน่า เป้าก็เล็ก แล้วยังจะชั่วอีก ..
ไอ้โรจน์ ฮือ”
ลิ้นจี่นั่งร้องไห้คร่ำครวญ ได้แต่มองตามโรจน์ไป
อ่านต่อหน้า 2
หางเครื่อง ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
“อย่าลืมไปดูนะคะ โปรแกรมหน้านี้ค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ”
เดือนเดินเข้ามาด้านหลัง ป้อม ขำ ช่วยกันนับเงินค่าขายของอยู่ ทวีศักดิ์ยืนหันหลังโทรศัพท์อยู่
“เดือน มาดูสิ ขายรูปเดือนนี่ได้มาตั้งหลายร้อยแน่ะ”
“อ๋อ ไอ้ที่เอาให้เซ็นเมื่อตอนเย็นเนี่ย ไหนบอกจะเอามาแจกไง”
ขำหัวเราะแหะๆ
“เอาน่า เดี๋ยวแบ่งให้”
“พี่ก็เตือนมันแล้วนะว่าอย่าๆ มันก็ไม่ฟังเลย”
ป้อมพูดไปมือก็หยิบเงินใส่กระเป๋าตัวเองไป
“เหรอ พี่ป้อม”
ทวีศักดิ์กดวางโทรศัพท์แล้วเดินกลับมาที่ทุกคน
“ที่ออฟฟิศโทรมา เค้าบอกว่ากระแสหนังเราดีมากนะ ยอดไลค์ในแฟนเพจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเวปต่างๆ ก็มีคนพูดถึงเต็มไปหมด” เดือนยิ้มอย่างดีใจ “แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ทางค่ายเพลงเก่าของเดือน เค้าส่งบัตรคอนเสิร์ตมาให้แน่ะ มีหลายใบเลย จะไปกันทุกคนก็ได้นะ”
“คอนเสิร์ต ของนังงิ้วผีนั่นน่ะเหรอ ใครจะไป”
ทุกคนพากันส่ายหน้า
“เดือนจะไปค่ะ”
ทุกคนหันมามองเดือนทันที
“เดือน เดือนพูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย”
“โธ่ถังกะละมังบุบ เดือนจะไปดูทำไมให้เป็นเสนียดตา”
เดือนมองหน้าทุกคน ถอนหายใจแล้วพูดออกมา
“ครั้งหนึ่งเดือนเคยเกือบได้ยืนบนเวทีนั้นแล้ว เดือนอยากไปอีกค่ะ อย่างน้อยในฐานะคนดูก็ยังดี”
ป้อมมองหน้าเดือนนิ่ง ครุ่นคิดแล้วพยักหน้ารับเข้าใจ
“ก็ได้ เอาสิ ไปดูด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ เราไปดูไปฟังเพลง ส่วนนักร้องก็ช่างหัวมัน เพลงพวกนั้นจริงๆ แล้วมันก็ควรจะเป็นของเดือนมาก่อน”
ขำลังเล หันไปมองหน้าคนอื่นๆ ว่าจะเอายังไงดี
“งั้นชั้นไปด้วยก็ได้ แต่ถ้าร้องห่วย ชั้นโห่ไล่เลยนะบอกไว้ก่อน”
“ดีครับ ถ้างั้นผมจะได้จัดการเรื่องบัตรให้ทุกคน..
พูดจบทวีศักดิ์ก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นทำท่าจะโทร
“คุณทวีศักดิ์คะ ของพี่รวิ”
“แน่นอน ต้องเผื่อไว้ให้เค้าด้วย”
เดือนยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนถอนหายใจเหม่อมอง ทอดสายตาออกไป
เวทีคอนเสิร์ตที่ดูอลังการ ทีมงาน ฝ่ายเครื่องเสียง เดินถือวิทยุสั่งงานกันให้วุ่น ที่ประตูทางเข้าเปิดออก คนดูทยอยเดินเข้ามาประจำที่ ทวีศักดิ์กับสายสมรเดินนำไปนั่ง เดือน ป้อม ขำ เดินเข้ามา เดือนมองไปที่เวทีด้วยสายตาละห้อย แล้วพากันเดินไปนั่งประจำที่
“อลังการจังเลยนะ เวที”
“อีกหน่อยเดือนต้องได้มีคอนเสิร์ตที่ใหญ่กว่านี้ อย่าคิดมากไปเลยนะ”
ขำสอดส่ายตามองไปรอบๆ
“เจ๋งแฮะ สาวๆ ตรึมเลย”
“มองแต่สาวนะไอ้ขำ ว่าแต่รวิเดี๋ยวตามมาจริงๆ เหรอ”
“อืม เห็นมันบอกย่างนั้นนะ ไอ้นี่ชอบทำเป็นพระเอก มาทีหลัง เชอะ”
ไฟที่คนดูค่อยๆ ดับมืดลง บนเวทีแสงสีพร้อมกับเสียงดนตรีที่เริ่มขึ้น นักร้องเริ่มทยอยออกมา ทุกคนหันไปมองบนเวทีอย่างสนใจ
ด้านหลังเวที ได้ยินเสียงนักร้องและเสียงดนตรีลอยเข้ามาเบาๆ จากด้านนอก ศิริพรนั่งอยู่หน้ากระจก มองตัวเองในกระจกแล้วเชิดหน้าขึ้น ยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่ง ทีมงานเดินจะเข้ามาหาศิริพร แต่ชูเกียรติกันไว้ เดินมาบอกเอง
“คิวต่อไปของเธอแล้วนะ แสตนด์บายด์ได้เลย” ศิริพรลุกขึ้นเชิดหน้า มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ปรายตามามองชูเกียรติหัวจรดเท้าก่อนจะเดินเชิดออกไป “ทำหยิ่งทำเชิดไปเหอะ ทีใครทีมันละกัน”
ชูเกียรติมองตามอย่างโกรธๆ ก่อนจะเดินตามออกไป ขณะนั้นมีสายตาของใครบางคนมองตามหลังคนทั้งคู่ออกไป
บนเวที นักร้องคนล่าสุดกำลังยืนโพสต์พร้อมกับร้องในท่อนจบพอดี ป้อมเอียงคอมากระซิบกับเดือน
“คิวยัยงิ้วผีแล้วสินะ”
เดือนพยักหน้ารับ สีหน้านิ่งๆ
ทีมงานยืนยกวอขึ้นคุยกันให้สัญญาณ
“โอเค ไฟลงตรงตำแหน่งที่บอกได้เลย ดนตรีคลอเบาๆ เลยครับ โอเค น้องพรไปได้เลยครับ”
ศิริพรเดินออกมาอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงดนตรีคลอเบาๆ ไฟส่องตามมาเรื่อยๆ จนมาหยุดกลางเวที ศิริพรหันมายิ้ม ตีสีหน้าเศร้าๆ เหงาๆ
“เพลงนี้ พรขอร้องแทนในส่วนของเพื่อนที่พรรักมากทั้ง 2 คน เดือนกับแก้ว พรอยากจะบอกเค้าว่า ไม่ว่าจะเป็นยังไง เค้าก็เป็นเพื่อนพรเสมอ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง
ขำ ป้อมพากันเบ้ปากส่ายหน้ากันเป็นแถว ป้อมขมุบขมิบปากพูดออกมา
“ตอแหล”
เดือนเบือนหน้าหนี ไม่อยากมอง
ศิริพรที่ยังคงแกล้งตีหน้าเศร้าอยู่ ยกไมค์ขึ้นเตรียมร้อง จังหวะที่ศิริพรกำลังอ้าปากจะร้อง ไฟบนเวทีดับพรึ่บลงทันที พร้อมกับเสียงดนตรีที่เงียบหาย ศิริพรยืนงงหันซ้ายหันขวาอยู่บนเวที เสียงคนฮือฮา จ๊อกแจ๊กกันขึ้นมาทันที
ทีมงานต่างตกใจเลิ่กลั่ก ชูเกียรติรีบเดินมาหาทีมงาน
“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ เดี๋ยวต้องไปดูที่แผงควบคุมก่อน”
“งั้นก็รีบเข้าสิ”
ทีมงานพยักหน้ารับก่อนจะรีบวิ่งไปทันที ชูเกียรติแอบยิ้มออกมา
“ดีเหมือนกัน นังนั่นจะได้ขายหน้าบนเวทีนี้ล่ะ”
ทีมงานอีกคนที่ยืนดูอยู่ที่แผงควบคุม จัดแจงตรวจดูแล้วลองเปิดใหม่อีกที
ศิริพรยืนเลิ่กลั่ก สีหน้ากังวลอยู่บนเวที ไฟสว่างพรึ่บขึ้นอีกครั้ง ศิริพรยิ้มออกมาทันที หันกลับมา ยกไมค์ขึ้นจะอ้าปากพูด จังหวะนั้นมีปืนกระบอกหนึ่งที่ยื่นออกมาจ่ออยู่หน้าเธอ เธอตาโต ตกใจ อ้าปากค้าง เสียงฮือฮาของคนดูดังไปทั่ว
“นังแก้ว”
ศิริพรเห็นแก้วถือปืนจ่ออยู่ก็ตกใจ พยายามถอยหนี
“จะทำอะไรของแกน่ะ”
แก้วแสยะยิ้มออกมา ตาจ้องศิริพรเขม็ง
“ทำไม กลัวเหรอ” แก้วถามเสียงดัง ศิริพรเลิ่กลั่ก มองเห็นว่าตัวเองถือไมค์อยู่เลยจะปิดเสียง “อย่าขยับทำอะไรทั้งสิ้นเลยนะ” ศิริพรสะดุ้งยังไม่ทันได้ปิดไมค์ แก้วเหลือบตาไปมองทีมงาน ที่แอบดูอยู่ข้างๆ ก่อนจะออกคำสั่ง “เปิดไมค์ให้เสียงดังที่สุด เร็วสิ”
ทีมงานเลิ่กลั่ก พยักหน้ารับ วิ่งไปทันที ศิริพรเริ่มหน้าซีดพยายามพูดดีๆ เพราะเสียงไมค์เริ่มดังขึ้น
“แก้วจ๊ะ ชั้นว่าแก้วใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะ ชั้นสัญญาชั้นจะช่วยแก้วเอง”
แก้วแค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่น
“ช่วยเหรอ” แก้วหันไปทางคนดู “ทุกคนได้ยินมั้ยคะ มันบอกว่ามันจะช่วยแก้ว นังผู้หญิงสารเลวที่เป็นคนวางแผนทุกอย่าง มันบอกว่าจะช่วยแก้ว”
คนดูพากันซุบซิบพูดคุยกัน เดือนมรสีหน้าตกใจ มองจ้องดูท่าทีของแก้วบนเวที
ศิริพรพยายามมองหาทางหนีทีไล่
“ใช่สิจ๊ะแก้ว ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่”
“ตายแล้วจริงด้วยสิ ชั้นเป็นเพื่อนเธอนี่ เพื่อนที่แกหลอกให้ร่วมมือกับแกสารพัด แล้วก็โดนแกเอาทุกอย่างไป เหลือแต่เรื่องชั่วๆ ให้ชั้นคนเดียวไง”
ศิริพรเหลือบตามองดูคนอื่นๆ แกล้งแอ๊บใสซื่อต่อ
“พูดอะไรอย่างนั้นแก้ว เธอเข้าใจผิดแล้วนะ คนที่แย่งของเธอน่ะ เดือนไม่ใช่เหรอ”
เสียงคนฮือฮา ซุบซิบนินทา เดือน มองไปที่ศิริพร สีหน้าโกรธจนไม่รู้จะทำยังไง
“อีงิ้วผี โกหกหน้าด้านๆ” ป้อมบอกอย่างโมโห
“มันน่าจะโดนเข้าจริงๆ เลย” ขำบอก
แก้วหัวเราะลั่น ถือปืนเดินเข้าไปใกล้ศิริพรที่พยายามถอยหนี
“ศิริพร ถึงตอนนี้เธอควรจะเลิกแอ๊บได้แล้วนะ ธาตุแท้ของเธอน่ะ มันปิดไม่อยู่แล้ว” ศิริพรมองแก้วด้วยสายตาโกรธจัด แต่ไม่กล้าทำอะไร แก้วหันไปทางคนดู “อยากรู้กันมั้ยคะ ว่าผู้หญิงคนนี้ทำชั่วอะไรไว้บ้าง”
แก้วปรายตามามองศิริพร แล้วเบ้ปากใส่ มือยังถือปืนจ่ออยู่
“เรื่องไหนก่อนดีล่ะ เรื่องชั่วๆ ของนังนี่มันเยอะไปหมด” แก้วมองลงมาเห็นเดือนมองอยู่กับคนอื่นๆ แก้วมองเดือนด้วยแววตาเศร้าๆ “เดือน ชั้นนี่แหล่ะที่ร่วมมือกับมันถ่ายคลิปเธอแล้วก็เอาไปปล่อย”
เดือนที่อยู่ด้านล่าง จ้องมา เม้มปากแน่น ป้อม ขำ คนอื่นๆ พากันมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แก้วยิ้มเศร้าๆ แล้วหันไปจ้องศิริพรต่อ
“แล้วก็นังศิริพรนี่แหล่ะ ที่เอาไปให้แม่เธอดูจนแม่เธอต้องตาย”
เสียงฮือฮาขึ้นทันที
เดือนลุกขึ้น เดินเข้ามาใกล้เวที จ้องมองขึ้นไปที่ศิริพร สีหน้าโกรธจัดน้ำตาคลอเบ้า
“เธอจริงๆ ด้วยสินะศิริพร”
ป้อม ขำวิ่งตามายืนข้างเดือน ชี้ด่าขึ้นไปบนเวที
“อีเลว อีชั่ว ชั้นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกจริงๆ”
“จิตใจแกทำด้วยอะไรเนี่ย”
ศิริพรที่อยู่บนเวที ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ไม่จริงนะเดือน ชั้นเปล่านะ”
ด้านนอก รวิเดินเข้ามาที่ทางเข้า ยืนถือบัตรคอนเสิร์ต ลังเลว่าจะเข้าไปดีมั้ย ขณะนั้นทีมงานที่อยู่ด้านนอกพากันมุงดูจอทีวีอยู่ บางคนก็ถือวอเดินพูด ท่าทางลุกลี้ลุกลน รวิมองอย่างสงสัย ตัดสินใจเดินเข้าไปแทรกดูที่จอด้วย
ภาพในจอทีวีที่ถ่ายถอดบรรยากาศด้านใน เห็นแก้วกำลังจ่อปืนไปที่ศิริพร เดือน ป้อม ขำ ยืนมองอยู่ด้านล่างเวที รวิตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในงานทันที
ชูเกียรติกับทีมงานออกมายืนชะเง้อมองอยู่ด้านข้าง
“เอาไงดีพี่”
“ก็โทรเรียกตำรวจสิวะ”
ทีมงานพยักหน้ารับ กำลังจะวิ่งไป แต่ชูเกียรติเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยว บอกกล้องให้ถ่ายทอดต่อไปเรื่อยๆ นะ ไม่ต้องหยุด”
“จะดีเหรอพี่”
“เออน่ะ ทำตามที่สั่งนี่ล่ะ ไป”
บนเวที แก้วจ้องมองเดือนที่อยู่ด้านล่าง
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะเดือน บ้านเธอก็ฝีมือมันนี่ล่ะที่เป็นคนเผา”
“อะไรนะ”
เดือนจะเดินปรี่เข้ามาที่หน้าเวที แต่ป้อมกับขำดึงไว้
“เดือนอย่า อันตราย”
“ไม่ใช่ ฝีมือของพี่พิมุกเหรอ”
แก้วมีสีหน้าโกรธจัดขึ้นมาทันที เดินตรงไปจิกหัวศิริพร เอาปืนขู่ไว้
“มันแกล้งเอาหลักฐานให้ร้ายพี่พิมุก” ศิริพรเอามือจับผมด้วยความเจ็บปวด “พูดไปสิ!พูดไป แกทำอะไรอีก”
“ชั้น ชั้นเปล่าทำอะไรนะ”
“จะพูดไม่พูด”
แก้วเอามือจิกหัวศิริพรแรงกว่าเดิม เอาปืนจ่อเข้าไปที่ขมับ ด้านล่าง รวิวิ่งเข้ามาหาเดือน ศิริพรเหลือบสายตามองลงไปเห็นรวิ ก็ร้องให้ช่วย
“รวิ ช่วยชั้นด้วย”
“ช่วยเหรอ ไอ้ที่แกแกล้งมารยาจนเค้าเข้าใจผิดกัน แกยังไม่พออีกเหรอหา”
ที่จอทีวีของแต่ละบ้าน ผู้คนต่างชี้ไม้ชี้มือให้ดูกันใหญ่ กิมเดินถือกระจาดกำลังจะกลับบ้าน สีหน้าเคร่งเครียด เหม่อลอยไปเรื่อยจนมาถึงร้านค้า
“แปะ เอาข้าวโลหนึ่ง แล้วไข่ไก่ 4 ฟอง”
กิมยืนเหม่อลอย มองโน่นมองนี่จนสายตามาสะดุดที่ทีวีที่คนกำลังยืนมองและวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ เธอทำหน้าแปลกใจ เดินไปมองทีวีใกล้ๆ
ภาพในจอทีวีเห็นแก้วกำลังจิกหัวศิริพรแล้วเอาปืนจ่ออยู่
“แก้ว” กิมตกใจ ทิ้งกระจาด วิ่งแทรกคนอื่นไปเกาะที่หน้าทีวี ร้องไห้ออกมา “โธ่ แก้ว แกทำอะไรของแกอีกเนี่ย”
บนเวที ศิริพรพยายามดิ้น
“ไม่จริงนะคะ ไม่จริงเลย แก้วพอเถอะ มอบตัวซะเถอะนะ”
“มอบตัวงั้นเหรอ ได้ แต่ต้องหลังจากฆ่าแกก่อน”
เดือนตะโกนขึ้นมาจากด้านล่าง
“แก้ว พอเถอะ ปล่อยเค้าไปเถอะ”
“อย่านะแก้ว โทษของเธอจะหนักขึ้นอีกนะ”
แก้วหน้าสลดลงน้ำตาเริ่มคลอ
“ทำไมล่ะ มันทำกับพวกเธอไว้ขนาดนี้ เธอยังจะห้ามชั้นอีกเหรอ”
“ไม่มีประโยชน์หรอกแก้ว ใครทำอะไรไว้ วันหนึ่งบาปกรรมก็จะตามคนคนนั้นเอง”
ศิริพรชำเลืองมองเห็นแก้วกำลังเผลอหันไปคุยกับเดือนก็เลยได้โอกาส ดึงมือแก้วออกแล้วผลักแก้วล้มลงไป แล้วหันหลังจะวิ่งหนี
“นังบ้า ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย” แก้วที่ล้มลงไป สะบัดหน้ากลับมาด้วยความโกรธมองไปที่ศิริพรที่กำลังจะวิ่งหนี “ช่วยด้วยค่ะ ช่วย...”
ปัง! ปืนของแก้วที่เล็งมาทางศิริพร ศิริพรหยุดชะงัก ยืนนิ่ง พื้นตรงที่ศิริพรยืนอยู่เห็นเลือดกำลังหยดลงที่พื้นศิริพรค่อยๆ หันกลับมา ที่ท้องเธอมีเลือดซึมออกมา
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มคนดูที่ลุกขึ้น พากันวิ่งกรูกันไปคนละทิศละทาง รวิรีบเอาตัวเข้ามาบังเดือนแล้วพากันถอยออกไป
เทพ ป้อม ขำ มองขึ้นไปบนเวทีอย่างตกใจ
“ถอยออกมากันก่อนเร็ว”
ทุกคนพากันถอยหลังออกมาแต่สายตายังพากันจับจ้องขึ้นไปบนเวที
แก้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนถือปืนตรงมาที่ศิริพรที่ยืนเลือดไหลอาบอยู่ พยายามถอยหนีไปจนชิดขอบเวที สีหน้าแววตาหวาดกลัว เดือนตะโกนขึ้นมาจากด้านล่าง
“แก้ว อย่า”
แก้วปรายตามามองเดือนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะหันไปจ้องศิริพรตาเขม็ง
“เจอกันในนรก ศิริพร”
ปืนของแก้วลั่นกระสุนออกมาอีก 3 นัด เสียงหวีดร้องของคนภายในห้องดังไปทั่ว ศิริพรตาเหลือกค้าง ก่อนจะค่อยๆ หงายหลังตกจากเวที จังหวะที่ตกลงมาศิริพรมองไปที่รวิที่ยืนกอดเดือนอยู่ ก่อนจะตกลงไปแน่นิ่งอยู่ที่พื้น แก้วมองตามศิริพรที่ถูกตัวเองยิงจนตกลงไป ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาอย่างสะใจ
เดือนตกใจจนหน้าซีด เดินช้าๆ ตรงมาที่ร่างของศิริพร ซึ่งเธอนอนตายตาค้าง เดือนเข่าอ่อนเป็นลมลงทันที รวิต้องประคองไว้ พร้อมกับเสียงโกลาหลภายในงาน
เดือนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพยังเบลอๆ อยู่ เห็นหน้าของทุกคนยืนอยู่ เดือนพยายามลุกขึ้น มองไปรอบๆ เห็น เจ้าหน้าที่หลายคนกำลังยืนสอบถามรวิกับชูเกียรติอยู่ ส่วนร่างของศิริพรถูกห่อด้วยผ้าขาวยกออกไป บนเวที แก้วถูกใส่กุญแจมือ มีตำรวจคุมขนาบข้างไป
“เดือน เป็นไงบ้าง” ป้อมถามอย่างเป็นห่วง
“นั่งพักก่อน ยังไม่ต้องรีบลุก” เทพบอก
หน้าเดือนยังซีดอยู่ สีหน้ายังแสดงถึงความตกใจ
“พี่ป้อม เดือน เดือนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้”
“ก็อย่างนี้ล่ะ คนชั่วมันได้รับกรรมของมันแล้ว”
“แต่เดือนไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ เดือนไม่ได้อยากให้มีใครเป็นอะไร”
ป้อมเข้าไปนั่งข้างๆ จับมือเดือน
“มันไม่ใช่ความผิดของเดือนนะ พวกมันทำกันเองแล้วก็รับกรรมกันเอง”
“ใจเย็นๆ เดือน อย่าพึ่งคิดมาก” เทพปลอบ
ทวีศักดิ์กับสายสมรเดินเข้ามาหาเดือน
“เป็นไงบ้างเดือน ผมลองคุยกับตำรวจดูแล้วนะ เดือนอาจจะต้องไปเป็นพยาน แต่ไม่ต้องห่วงไม่มีอะไร”
สายสมรเดินเข้ามามองเดือน สีหน้าดูอ่อนลง
“เธอไหวมั้ย ไปหาหมอดีกว่า เดี๋ยวชั้นให้คนขับไปส่ง”
ทุกคนหันมามองสายสมรอย่างงงๆ
“ไหวค่ะ เดือนไม่เป็นอะไรมากค่ะ”
สายสมรพยักหน้ารับ
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เดี๋ยวชั้นกับคุณทวีศักดิ์คงต้องไปคุยกับทางเสี่ยเค้าก่อน น่าสงสาร คอนเสิร์ตล่ม
แบบนี้คงเสียหายเยอะเลยทีเดียว”
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนยิ้มพยักหน้ารับ สายสมรพูดจบก็พากันเดินไปกับทวีศักดิ์
“ตะกี๊กระสุนมันเฉี่ยวมาโดนยัยป้านี่ด้วยหรือเปล่าเนี่ย” ป้อมถามขึ้นมา
“โธ่พี่ป้อม คุณสายสมรเค้าเข้าใจเดือนแล้วตะหาก”
“สาธุ ขอให้มันเป็นแบบนั้นละกัน”
รวิเดินกลับมาหาทุกคน
“เดี๋ยวเราคงต้องไปให้ปากคำที่โรงพักกันนะ”
เดือนพยักหน้ารับ เหลือบตาไปมองรวิ อ้าปากจะพูด แต่รวิรีบหลบสายตาแล้วมองไปทางอื่น เดือนหน้าสลดลง ทุกคนมองมาที่ทั้งคู่แล้วก็พากันส่ายหน้า
โรงพยาบาล ที่ห้องพิมุก ภาพในจอทีวีมีการรายงานข่าวเรื่องที่งานคอนเสิร์ต พิมุกนั่งอยู่บนเตียงสายตาจ้องมองมาที่ทีวี
เตี้ยกับบ่างนั่งอยู่ข้างๆ พิมุกค่อยๆ แสยะยิ้มออก ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
“ตาย มันตายแล้ว นังศิริพรมันตายแล้ว สะใจโว้ย”
พิมุกหัวเราะเสียงดัง สายตาจ้องมองทีวี ท่าทางเหมือนคุมสติไม่อยู่
“โธ่พี่ ไหนๆ คนมันก็ตายไปแล้ว อย่าไปซ้ำเติมมันเลย บาปปากเปล่าๆ”
“ใช่ๆ ถึงจะด่ามันไปใช่ว่าแขนขาพี่จะงอกกลับมาเมื่อไหร่ อุ๊ย”
บ่างลืมตัวรีบเอามือขึ้นมาปิดปาก เตี้ยส่งสายตาดุๆ มา ทำท่าไม่ให้พูด พิมุกได้ยินบ่างพูด จากที่หัวเราะอยู่ก็หยุดทันที ก้มลงมองดูแขนขาตัวเองที่มีผ้าพันไว้อยู่
“แขน ขา แขนกู ขากู แขนกูไปไหน ขากูไปไหน”
เตี้ยกับบ่างเริ่มเลิ่กลักลุกมา พยายามจะดันให้พิมุกนอนลง
“ชั้นว่าพี่นอนพักก่อนดีกว่านะจ๊ะ”
“นั่นสิ ไอ้ทีวงทีวีนี่อย่าไปดูมันเลย”
พิมุกพยายามดิ้น
“ไม่ พวกมึงเอาแขนกูไปไหน ขากูด้วย เอาคืนมา เอาคืนกูมา”
พิมุกตะโกนลั่นห้อง ดิ้นพล่านอยู่บนเตียง
“พี่ ใจเย็นก่อนนะพี่ พี่ ไอ้บ่างไปตามหมอมาเร็ว” บ่างพยักหน้าเลิกลั่ก วิ่งวนหาประตูไม่เจอ “เร็วสิวะ โอ๊ย”
พิมุกที่พยายามดิ้นใช้หัวโขกกับหัวของเตี้ย จนเตี้ยเซออกมา “ไม่ไหวแล้ว โอย”
เตี้ยกับบ่างพากันวิ่งออกนอกห้องไป พิมุกแหกปากตะโกนโวยวายลั่นห้องต่อไป
เช้าวันใหม่ที่บ้านเช่าของเดือน ขำนั่งเก็บของอยู่ที่โซฟา เก็บไปก็บ่นไป
“หายกันหมด ทิ้งไอ้ขำให้โดดเดี่ยวเกี๊ยวน้ำอยู่คนเดียว”
“บ่นอะไรของเอ็งไอ้ขำ แค่ออกไปซื้อของกันที่ตลาดแค่เนี้ย”
เดือนกับป้อมเปิดประตูเดินเข้ามา หิ้วของมาหลายถุง
“ก็ชั้นไม่อยากอยู่คนเดียวนี่ รวิกับคุณเทพก็ดันไปนอนวัดซะ แทนที่จะมาเฮฮาปาจิงโกะกัน”
“อารมณ์นี้ใครเค้าจะมาเฮฮาออกวะไอ้ขำ”
“ก็จริง แล้วไปเหมาอะไรกันมาเนี่ย”
“ก็พวกของกินนิดหน่อยน่ะขำ จะเอาไปเยี่ยมแก้ว”
“จ้า คุณแม่พระผู้ประเสริฐ นางเอกละครตัวจริง”
เดือนยิ้มไม่พูดอะไร เอาของวางที่โต๊ะแล้วเดินไปนั่ง
“นี่แกรู้มั้ยไอ้ขำ ตลาดเค้าลือกันให้แซ่ด”
“เรื่องอะไรอีกล่ะพี่ป้อม”
“อุวะ จะเรื่องอะไร ก็ต้องเรื่องเมื่อวานนี้ไง หนังสือพิมพ์ลงซะละเอียดยิบเลยรู้มั้ย เห็นว่านังแก้วมันแฉหมดเลย ตั้งแต่เรื่องที่แกล้งเดือน กระทั่งเรื่องที่อีงิ้วมันยอมเป็นเมียไอ้เสี่ยนั่น”
ขำหันมาทำท่าตื่นเต้น
“มีเด็ดกว่านั้นอีกนะพี่ป้อม”
ป้อมกับเดือนทำหน้าสงสัย
“อะไรวะเด็ดกว่า”
“ตำรวจเค้าโทรมาบอกลุงเทพว่านังลองกอง เอ๊ย นังลิ้นจี่มันสารภาพแล้วว่ายัยศิริพรเป็นคนจ้างให้สร้างเรื่องใส่ร้ายรวิ”
เดือนยิ้มกว้างออกมา
“งั้นก็หมายควายว่า”
ป้อมหันไปเอามือลูบไหล่เดือน
“ใจเย็นๆ ลูก ไม่มีใครแย่งพูด”
“แหะๆ ชั้นดีใจไปหน่อยน่ะพี่ป้อม”
“ใช่แล้ว ตอนนี้รวิกับชั้นไม่มีความผิดแล้ว รอเรื่องเรียบร้อยเมื่อไหร่ เราก็จะเปิดร้านได้อีกครั้ง”
เดือนกับป้อมหันไปจับมือกันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“แอร๊ยย กระเทยดีใจ จะได้เปิดร้านอีกแล้ว”
“งั้นเราก็กลับบ้านกันเลยเหอะพรุ่งนี้” ขำบอก เดือนทำหน้าครุ่นคิด
“นั่นสิ ชั้นจะได้กลับไปทำสิ่งที่สำคัญที่สุดด้วย”
ป้อมกับขำหันมามองกัน สงสัย เดือนมีสีหน้าจริงจัง
อีกด้านหนึ่งที่เรือนจำ กิมนั่งรออยู่ที่หน้าลูกกรง ผู้คุมพาแก้วเดินออกมา
“แก้ว แก้วลูกแม่”
แก้วเดินมาเกาะที่ลูกกรงน้ำตาไหลพราก
“แม่”
กิมร้องไห้
“โธ่ แก้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไม”
“ชั้นมันโง่เอง ที่เลือกทางผิด โทษใครไม่ได้หรอกแม่”
เดือน ป้อม ขำ เทพ รวิ เดินเข้ามา เดือนพยักหน้า ขอเข้าไปเอง ทุกคนมองอย่างเป็นห่วงแต่ก็เข้าใจ
เดือนเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้กิม
“แกจะมาทำไม นังเดือน เพราะแก แก้วมันถึงต้องเป็นแบบนี้”
กิมโวยวายใส่เดือน แต่แก้วรีบร้องห้ามไว้
“พอเถอะแม่ ชั้นบอกแล้วไง ไม่ใช่ความผิดของเดือน” แก้วหันไปจ้องหน้าเดือน ยังร้องไห้อยู่ “ชั้นเอง ความผิดชั้นเอง ถ้าชั้นไม่อิจฉาจนหน้ามืดไปร่วมมือกับคนชั่ว มันคงไม่เป็นแบบนี้”
“มันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะแก้ว ชั้นให้อภัยเธอนะ”
แก้วพยักหน้า เอามือปาดน้ำตา
“ขอบใจเธอมากเดือน แต่ถึงเธอจะให้อภัยชั้น ความรู้สึกผิดมันก็ยังติดตัวชั้นไปตลอด ชั้นมันเลว หาเรื่องให้ร้ายเธอมาตลอด แถมยัง...”
แก้วมองเลยไปที่พวกรวิยืนอยู่ เดือนมองตามไป แล้วพยักหน้าเรียกทุกคนเข้ามา ทุกคนเดินเข้ามาพอเห็นสภาพแก้วก็รู้สึกเวทนา
“พี่ป้อม ขำ ชั้นขอโทษนะที่เคยหาเรื่องพวกพี่”
ขำกับป้อมพยักหน้ารับ ไม่ว่าอะไร แก้วหันมาทางเทพ จ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพนมมือขึ้นแล้วคุกเข่าลง
“พี่เทพ ชั้นขอโทษที่ทำให้ผู้หญิงที่พี่รักที่สุดต้องตาย อโหสิให้ชั้นด้วยเถอะ ให้พี่นภาอโหสิให้ชั้นด้วย”
“ทำอะไรของเธอ แก้ว” แก้วสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมา เทพนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับแก้ว “ชั้นกับนภา อโหสิให้เธอ”
แก้วพยักหน้ารับสะอื้นออกมา ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปทางรวิ
“รวิ เธอกับเดือนน่ะเหมาะสมกันที่สุดแล้ว อย่าปล่อยให้ใครมาทำให้เธอต้องผิดใจกันอีกเลยนะ”
รวิพยักหน้ารับ แต่เมินไปทางอื่นไม่ยอมมองเดือน เดือนเห็นท่าทีของเขาแล้วก็หน้าสลดลง แก้วหันไปทางกิม พยายามยื่นมือมาจับมือกิม
“แม่ไม่ดีเอง แม่ไม่เคยสอนสิ่งดีๆ ให้แกเลย คอยแต่จะอิจฉากลัวใครจะได้ดีกว่าแก มันเป็นความผิดของแม่เอง”
“ไม่หรอกแม่ ไม่ใช่ความผิดแม่หรอก”
แก้วส่ายหน้า มองหน้ากิมด้วยสายตาเศร้าสร้อย แล้วหันไปบอกกับทุกๆ คน
“ชั้นขอทุกคนนะจ๊ะ อย่าโกรธอย่าเกลียดแม่เลย อะไรที่เราแม่ลูกเคยทำ ได้โปรดยกโทษให้เราด้วย”
“อย่าห่วงเลยแก้ว พวกเราทุกคนไม่โกรธเธอกับป้ากิมแล้ว”
เดือนบอก ทุกคนพยักหน้ารับ แก้วเลยยิ้มออกมาได้
“แม่ ไม่มีชั้นแล้วแม่ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ ชั้นขอโทษนะ ที่ไม่เคยดูแลแม่เลย”
แก้วกับกิมหัวพิงกันที่ลูกกรง ร้องไห้สะอึกสะอื้นท่ามกลางคนอื่นๆ ที่ยืนมองอย่างสลดใจ
ชูเกียรติเดินออกมาหน้าค่ายเพลง สีหน้าเซ็งๆ เขาเห็นนักข่าวสองสามคนยืนอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
“มากันอีกแล้ว น่ารำคาญจังโว้ย”
ชูเกียรติมองอย่างรำคาญ รีบหยิบแว่นดำขึ้นมาใส่ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
หางเครื่อง ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
ชูเกียรติเดินอาดๆ มาที่รถตัวเอง จัดแจงกดรีโมทแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่ง ทำหน้าเซ็งๆ
“งานพัง เงินก็ไม่ได้ เซ็งโว้ย”
ชูเกียรติเอื้อมมือจะไปดึงประตูรถมาปิด แต่มีอีกมือดึงประตูรถไว้ ชูเกียรติหันขวับไปมอง หน้าถอดสีทันที
เมื่อเห็นนักเลง 2 คนมายืน เกาะอยู่ที่ประตูรถ
“ไงครับ คุณชูเกียรติ ลงมาคุยกันหน่อยดีมั้ย”
ชูเกียรติหน้าเสีย ค่อยๆ เดินลงมาจากรถ
“เอ่อ ไง มากันอีกแล้วเหรอ” นักเลง 2 คน ตีสีหน้าเหี้ยมเกรียมใส่ “อยากเป็นดาราหรือนักร้องมั้ยล่ะ ชั้นจัดการให้ได้นะ”
“จัดการชีวิตตัวเองก่อนดีกว่า”
“ตกลงว่าไง ไอ้ที่ค้างไว้”
ชูเกียรติเลิ่กลั่ก ทำอะไรไม่ถูก
“พอดีช่วงนี้เด็กมันไม่ค่อยมีงานน่ะจ้ะ”
“สรุปก็คือไม่มีจ่าย”
ชูเกียรติพยักหน้ารับยิ้มแหยๆ
“จ้ะ ถ้าไงเดี๋ยวจะรีบหาไปคืนนะจ๊ะ” นักเลง 2 คนพยักหน้ายิ้มให้ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ชั้นขอตัวก่อนนะจ๊ะ”
นักเลง 2 คนหันไปพยักหน้ารู้กัน ชูเกียรติถอนหายใจอย่างโล่งอก หันหลังกลับกำลังจะขึ้นรถ นักเลงอีกคน ถือกระสอบวิ่งมาจัดแจงคลุมหัวชูเกียรติแล้วลากไป ชูเกียรติพยายามดิ้นรน ส่งเสียง แต่ก็ไม่สำเร็จโดนลากออกไป ทั้งที่ประตูรถของชูเกียรติยังถูกเปิดทิ้งไว้
รวิเดินทอดน่องคุยกับเทพมาตามทาง
“ตกลงแกจะเอายังไงกันแน่เรื่องเดือน”
“หมายถึงอะไรครับ”
“เอ๊า ก็ตกลงจะกลับไปคบกันเหมือนเดิมหรือจะยังไง” รวิถอนหายใจออกมา นิ่งคิด “เรื่องทุกอย่างมันก็จบลงแล้ว แล้วยังจะอะไรอีก”
“ผมไม่อยากให้ใครๆ เค้ามองว่าผมมาเกาะเดือน”
เทพหยุดเดินหันมาจ้องหน้ารวิ
“เฮ้ย คิดมากไปเปล่า ยังไม่มีใครพูดอย่างนั้นเลย”
“คุณเทพ ตอนนี้เดือนเค้ากำลังจะดังขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผมมันก็แค่ไอ้นักดนตรีกระจอกๆ แถมมีคดีโดนหาว่าเป็นพ่อเล้าอีก”
“ชั้นไม่เข้าใจ คบกันมาตั้งนานสองนาน อยู่ๆ จะมาคิดอะไรตอนนี้”
รวิถอนหายใจ สีหน้าเคร่งเครียด
“ก็ตั้งแต่เกิดเรื่อง มันทำให้ผมคิดอะไรได้หลายๆ อย่าง”
เทพจ้องหน้ารวิ สีหน้าจริงจัง
“ชั้นถามแกจริงๆ รวิ แกยังรักเดือนอยู่หรือเปล่า”
รวิทอดสายตาเหม่มองไปไกล
“ก็เพราะรักไง ถึงได้ตั้งใจไว้แล้ว ถ้าผมยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผมจะไม่กลับไปหาเดือนอีก”
“จะเอาอย่างนั้นเหรอ”
รวิหันกลับมามองหน้าเทพ สีหน้าจริงจัง
“ครับ เสร็จงานป้าช้อยแล้ว ผมจะไปเริ่มชีวิตใหม่ของผมเอง”
เดือนกลับมาจัดงานเผาศพช้อย เดือน รวิ เทพยืนแจกดอกไม้จันทน์ให้แขกที่ทยอยเดินไปหน้าเมรุ
ส่วนขำยืนแจกหนังสือที่ระลึกอยู่ ป้อมเดินถือโทรศัพท์เข้ามาส่งให้เดือน เดือนรับมาอย่างสงสัยแต่ก็รับสาย
“สวัสดีค่ะ อ๋อค่ะคุณทวีศักดิ์ ไม่เป็นไรค่ะ เดือนทราบค่ะว่างานยุ่ง ยังไงเดือนต้องขอบคุณคุณทวีศักดิ์อีกครั้งนะคะ เสร็จงานแล้วเดือนจะรีบกลับไปค่ะ”
เดือนกดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ป้อม รวิแอบมองมา พอเห็นว่าเดือนรู้ตัวก็แกล้งมองไปที่อื่น ป้อมกับเทพ เห็นท่าทีของรวิแล้วก็อ่อนใจ
กิมเดินเข้ามา เดือนยื่นดอกไม้จันทน์ให้ กิมดูท่าทีอ่อนลงหันไปพูดกับเดือน
“ชั้นมาขออโหสิกับช้อยมัน” เดือนยกมือไหว้ขอบคุณ น้ำตาคลอ “ช้อยมันโชคดีนะ ที่มีลูกอย่างเธอ”
พูดจบกิมก็เดินขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์เป็นคนสุดท้าย
“พวกเราก็ได้เวลาแล้วล่ะ”
เทพหันไปบอกกับทุกคน
ทุกคนหยิบดอกไม้จันทน์ขึ้นมา พากันถอนหายใจแล้วเดินขึ้นไปอยู่หน้าเมรุ ทุกคนทยอยวางดอกไม้จันทน์ จนเหลือเดือนเป็นคนสุดท้าย เดือนเดินหน้าเศร้า พยายามกลั้นสะอื้นเข้ามาวางดอกไม้
“แม่จ๋า เดือนกลับมาทำตามที่ตั้งใจไว้แล้วนะจ๊ะ แม่เห็นมั้ย มีคนมาร่วมงานของแม่เต็มไปหมดเลย” ป้อมกับขำยกมือปาดน้ำตาแล้วเข้ามาปลอบเดือน “ขอให้แม่ไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงอะไรนะจ๊ะ ลูกสาวแม่คนนี้จะเป็นนักร้องที่ดีเหมือนที่เคยบอกแม่ไว้จ้ะ”
เดือนน้ำตาไหลอาบแก้มแต่สีหน้ามุ่งมั่นและจริงจัง
กลุ่มควันลอยออกจากปล่องเมรุ เดือนเดินถือดอกไม้ตรงมาที่กำแพงวัด สายตาจับจ้องมองไปที่กำแพง สีหน้าดูเศร้าๆ ที่กำแพงวัดมีรูปศิริพรติดอยู่ เดือนถอนหายใจ เอาดอกไม้ไปวางตรงหน้ารูป แล้วมองอย่างปลงๆ
“ชั้นอโหสิให้เธอนะศิริพร ขอให้วิญญาณเธอไปสู่สุคติ” รวิถือดอกไม้เดินมาด้านหลัง พอเห็นเดือนก็ชะงัก เดือนกำลังจะหันหลังกลับ เลยเจอกับรวิ “พี่รวิ” รวิไม่พูดอะไร เดินเอาดอกไม้ไปวางหน้ารูปศิริพร แล้วจะเดินกลับ “เรื่องของเรามันจบลงแค่นี้ใช่มั้ย” รวิชะงักหยุดเดิน เดือนเดินมาจ้องหน้าเขา “พี่อยากให้มันเป็นแบบนี้ใช่มั้ย พี่กับชั้นเราไม่เหมือนเดิมกันแล้วใช่มั้ย”
รวิถอนหายใจ ตัดสินใจมองหน้าเดือน
“ใช่ ถ้าเป็นตอนนี้ เราไม่ควรกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
เดือนอึ้งไปพูดไม่ออก น้ำตาไหลอาบแก้ม รวิเดินจากเดือนที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง โดยไม่หันกลับไปมองอีก
เวลาผ่านไป เดือนในชุดทันสมัย เดินออกมาจากค่ายเพลง นักข่าวที่รออยู่ต่างกรูกันเข้ามา ยื่นไมค์แย่งกันสัมภาษณ์
“น้องเดือนคะน้องเดือน วันนี้มาที่ค่ายเพลงมีอะไรคะ”
“ก็มาคุยงานนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“งั้นที่วีเจคัมม่อน บอกในรายการก็เป็นเรื่องจริงสิคะ”
“วีเจคัมมอน เค้าบอกว่าไงคะ”
“ก็บอกว่าน้องเดือนรับที่จะมาขึ้นคอนเสิร์ต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคอนเสิร์ต อาถรรพ์เมื่อ 2 ปีก่อนไงล่ะคะ”
เดือนยิ้ม ตอบแบบเลี่ยงๆ
“เอาไว้รอดูกันอีกทีดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเดือนขอตัวก่อนนะคะ รถมาพอดี”
รถตู้คันหนึ่งขับมาจอด ประตูรถเปิดออก ป้อมในชุดเริ่ดและแรงเดินลงมารับเดือน นักข่าวหันมาเห็นก็กรูกันเข้าไป
“ครูป้อมคะ ได้ยินว่าครูป้อมเป็นคนออกแบบท่าเต้นให้กับน้องเดือน เพื่องานคอนเสิร์ตนี้โดยเฉพาะเลยเหรอคะ”
“โอ๊ยอย่าเพิ่งถามกันมากค่ะ ถึงเวลาก็รู้เอง”
“ธีมงานครั้งนี้ จะเหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนมั้ยคะ ครูป้อม”
“เอ๊ะ ก็บอกให้รอๆ เดี๋ยวเจ๊เหวี่ยงนะฮ๊า แน่ะๆ อย่าเบียดสิฮ๊า เดี๋ยวกระเป๋าแอร์เมสเจ๊เป็นรอย”
ป้อมรีบพาเดือนแหวกนักข่าวออกมา แล้วพาขึ้นรถไป เดือนหันมายกมือไหว้แล้วโบกมือให้กับนักข่าว ก่อนที่จะขึ้นรถ
ป้อมปิดประตูแล้วสั่งให้คนขับ ขับออกไป
ป้อมส่งแก้วน้ำให้เดือน แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาโบกพัดให้ตัวเอง
“ชิ วีเจคัมม่อน หนอย ไอ้ขำนะไอ้ขำ บอกว่าอย่าเพิ่งให้ข่าวหลุดออกไป ดันไปพูดในรายการซะนี่”
เดือนหัวเราะเบาๆ หันมาถามป้อม
“ขำพูดว่าไงบ้าง เดือนยังไม่ได้ดูเลยจ้ะพี่ป้อม”
ป้อมทำหน้าเหวี่ยงๆ หยิบไอแพดออกมาส่งให้เดือน เธอรับมา เลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อเปิดดู
ที่จอไอแพด ขำในมาดของวีเจ ยืนเมาท์มอยด้วยลีลาของตัวเอง
“ได้เวลาเข้าสู่ช่วงอัพเดตงานเพลงกับวีเจคัมม่อนแล้ว เริ่มกันด้วยข่าวน้องเดือน งามพร้อม สาวน้อยเจ้าของเพลง หางเครื่อง ที่ขึ้นอันดับทะลุชาร์ต จะยอมกลับมาเป็นเกสต์คนพิเศษในงานคอนเสิร์ตรวมศิลปินที่เคยได้ชื่อว่าเป็นคอนเสิร์ตอาถรรพ์กันมาแล้ว”
เดือนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่เคยจะเปลี่ยนเลยนะขำ”
“ปากเสียไม่เปลี่ยนน่ะสิ”
“เออ พี่ป้อม อย่าลืมส่งบัตรไปให้คุณเทพด้วยนะ”
“อีพี่เตี้ยนั่นจะมีเวลามาดูเหรอ ไหนจะโรงเรียนสอนดนตรี ไหนจะร้านที่ทำกับรวิอีก” เดือนได้ยินชื่อของรวิก็หน้าสลดลง “เค้าขอโทษ”
ป้อมทำหน้าเจื่อนๆ เดือนเลยแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่รวิเค้าเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ก็เห็นว่าดีขึ้นเรื่อยๆ นะ ปีหน้าคงขยายร้านอีก อ้อ เห็นมีแพลนว่าจะไปขอสาวอยู่ด้วยนี่ อุ๊ย”
ป้อมเอามือปิดปาก เพราะเผลอหลุดพูด เดือนหน้าจ๋อยลงทันที แกล้งพูดกลบเกลื่อน
“เหรอจ๊ะ ฝากยินดีด้วยละกัน”
เดือนมีสีหน้าเหงาๆ เศร้าๆ เหม่อมองออกไปนอกรถ เลยไม่ทันสังเกตว่าป้อมแอบมองและอมยิ้มอยู่
นักข่าวและคนดูเดินกันเข้ามาในงานคอนเสิร์ต พูดคุยกันจ้อกแจ้ก ทวีศักดิ์กับสายสมร จูงมือกันไปหาที่นั่ง ทักทายกับเทพที่นั่งอยู่ก่อน
ภายในห้องแต่งตัว เดือนยืนซ้อมท่ากับป้อมอยู่ ขำเดินโยก แอ็คอาร์ตเข้ามา ส่งสายตาให้สาวๆ ในห้อง
“ว่าไงจ๊ะ ดีเจคัมม่อน บุกมาถึงห้องแต่งตัวเลย” เดือนแกล้งแซวขำ
“ก็แบบว่า อยากจะมาให้กำลังใจกันถึงที่น่ะ เป็นนิสัยส่วนตัวของคัมม่อนอยู่แล้ว”
“โถ ไอ้ขำ นิสัยหื่นส่วนตัวของแกสิไม่ว่า” ป้อมต่อว่าเสียงดัง ขำสะดุ้งมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก
“โธ่ พี่ป้อม เบาๆ สิ แล้วบอกให้เรียกคัมม่อนๆ ไม่ใช่ขำ”
“ทำไม ข้าจะเรียกของข้าแบบนี้อ่ะ ไอ้ขำๆ”
เดือนนั่งหัวเราะป้อมกับขำ
“พอแล้วพี่ป้อม อย่าไปแกล้งวีเจเค้าเลย เดี๋ยวเค้าไม่ช่วยโปรโมทเพลงให้เราน้า” ขำยืดอกวางท่าทันที“ว่าแต่ข้างนอกเป็นไงบ้าง”
“เต็มทุกแถว”
ขำอ้าปากจะพูดต่อ ป้อมเดินมาง้างมือรอไว้
“ถ้าแกเล่นมุกเก้าอี้เต็ม แกโดนตบ”
“โธ่ พี่ป้อม รู้ทันอีก คนเต็มจริงๆ จ้า ลุงเทพกับเฮียทวี เค้าก็มาแล้ว นั่งเตี้ยอยู่แถวหน้าๆ โน่น”
“เหรอ แล้ว เอ่อ พี่รวิล่ะ”
“รวิเหรอ เห็นว่าจะไปหาสาวน่ะ อุ๊ย เผลออีกแล้ว”
ขำเอามือปิดปาก เหลือบมามองเดือน เธอหน้าเจื่อนลง แต่ก็แกล้งยิ้ม
“เหรอ เออ ชั้นว่าชั้นไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า ใกล้เวลาแล้ว”
เดือนลุกขึ้นเดินหนีไป ป้อมกับขำเอามือปิดปากหัวเราะกันคิกๆ ก่อนจะหันมาตีมือกัน
เดือนเดินหม่อลอย สีหน้าเศร้ามาตามทาง เสียงป้อมกับขำดังอยู่ในความคิดของเธอ
“เห็นมีแพลนว่าจะไปขอสาวอยู่ด้วยนี่”
“รวิเหรอ เห็นว่าจะไปหาสาวน่ะ”
มือของเดือนถือตุ๊กตาไม้ที่รวิเคยทำให้ เธอน้ำตาไหลออกมา
“น้องเดือนครับ แสตนด์บายครับ” ทีมงานบอก เดือนสะดุ้ง รีบเอามือปาดน้ำตา หันไปยิ้มกับทีมงาน
“ได้ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เดือนรีบเก็บตุ๊กตาไม้ก่อนจะเดินตามทีมงานไป
เสียงดนตรีเพลงสนุกสนานของนักร้องคนอื่นที่กำลังร้องอยู่บนเวที ด้านล่างเทพ ทวีศักดิ์และสายสมรนั่งดูติดๆ กัน
“เอ๊ะ เดือนเค้าร้องคิวไหนนะคุณเทพ” ทวีศักดิ์หันไปถามเทพ
“จะถึงแล้วล่ะครับ คงต่อจากนักร้องคนนี้”
“แหม น่าตื่นเต้นจังนะคุณ” ทวีศักดิ์หันไปบอกสายสมร
“เดี๋ยวมีอะไรให้ตื่นเต้นกว่านี้อีก”
ทวีศักดิ์กับสายสมรทำหน้างงหันมามองเทพ เทพได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
บนเวที แดนเซอร์ยืนโพสต์ท่ากันอยู่อย่างสวยงาม เสียงเดือนร้องเพลงหางเครื่องท่อนนำออกมา
“สิ่งที่ชั้นคิด สิ่งที่ชั้นฝัน สิ่งที่ชั้นเฝ้ารอ หรือสิ่งที่ชั้นพอใจ” เดือนเดินออกมาจากตรงกลาง ท่ามกลางแดนเซอร์ แสงสี ดรายไอซ์ ที่ถูกจัดออกมาอย่างลงตัว “จะต้องเป็นจริงได้ ชั้นต้องโด่งดังไกล”
เดือนเดินโดดเด่นออกมาอยู่ตรงกลางเวที จนทอดเสียงลงเพื่อรอท่อนเร็ว
“แต่ไฉน ใครๆ เห็นเป็นภาพลวงตา”
ไฟดับพรึ่บลงทันที เสียงฮือฮาดังขึ้น แดนเซอร์ และคนอื่นๆ ต่างพากันตกใจ
“ตายแล้วเธอ หรือจะเป็นแบบตอนนั้นอีก”
“จริงเหรอ อะไรกันเนี่ย”
เดือนยืนอึ้งอยู่กลางเวที ท่าทางตกใจเหมือนกัน
ทวีศักดิ์กับสายสมรมีสีหน้าตกใจ
“อะไรกันอีกเนี่ยคุณ เหมือนคราวโน้นเหรอ แจ้งตำรวจเลยดีกว่า”
ทวีศักดิ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออก เทพยื่นมือมาจับมือของทวีศักดิ์ไว้ หันมาส่ายหน้า และพยักพเยิดให้ดูบนเวทีต่อไป
บนเวทีมีเสียงแซ็กโซโฟนเป่าขึ้นอย่างไพเราะ เดือนหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียง ที่ดังเข้ามาใกล้ตัวเรื่อยๆ
เสียงแซ็กโซโฟนเงียบลง เดือนยืนตกใจอยู่ หันมาชนกับใครบางคน ไฟเปิดสว่างพรึ่บขึ้นทันที เดือนหยีตาลงเพราะแสงไฟ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“พี่รวิ” รวิยืนยิ้ม ถือแซ็กโซโฟนอยู่ “หมายความว่าไงเนี่ย”
รวิยิ้มให้ จับมือเดือนที่ถือไมค์ขึ้นมา
“พี่รักเดือนนะ”
เสียงคนดูคุยกันหลังจากได้ยินรวิพูด
“อะไรของพี่เนี่ย อยู่ๆ ก็มาพูดแบบนี้ ทีตอนนั้นพี่กลับไปจากชั้นซะเอง”
รวิมีสีหน้ารู้สึกผิด
“ตอนนั้นเราไม่เหมาะที่จะคบกันจริงๆ นี่ พี่ไม่มีอะไรเลย”
“แล้วไง”
“แต่ตอนนี้พี่พร้อมแล้ว พร้อมที่จะดูแลเดือนไปตลอดชีวิต แล้วเดือนล่ะ พร้อมมั้ยที่จะให้พี่ดูแล”
เสียงคนดูโห่ร้องแซวกันไปทั่ว เดือนอึ้งไป พูดไม่ออก สายตาเลยมองไปด้านข้างเวที เห็นป้อมกับขำยืนลุ้นกันอยู่ เธอรู้ได้ทันทีว่าทุกคนร่วมมือกัน เลยแกล้งหันกลับไปบอกรวิ
“ขอโทษนะพี่รวิ เดือนว่าเดือน”
รวิหน้าสลดลง พยายามจะอธิบาย
“เดือน แต่พี่รักเดือนจริงๆ นะ ที่พี่พยายามจนมาถึงวันนี้”
“พอแล้ว พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เสียงเชียร์เสียงโห่ เงียบลงทันที รวิหน้าเสีย มองเดือนที่เมินหน้าหนี เขาพูดไม่ออก เดินหันหลังกลับ คอตก
ป้อมกับขำที่ยืนลุ้นอยู่ หน้าเสียกันทันที รวิเดินคอตกกลับมา เดือนจึงพูดขึ้น
“พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เดือนพร้อมแล้ว” รวิชะงักหันกลับไปทันที เดือนยิ้มออกมา ก่อนจะพูดต่อ
“เดือนพร้อมแล้ว ที่จะให้พี่ดูแล เดือน เดือนก็รักพี่นะ”
รวิอึ้งไป ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมา”
เสียงปรบมือนำดังมาจากที่นั่งของเทพ ตามด้วยเสียงปรบมือและกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วงาน ป้อมกับขำดีใจกระโดดกันใหญ่ รวิเดินเข้ามาจับมือเดือน จ้องมองด้วยแววตาซึ้งๆ
“ถ้างั้นก็...”
รวิหันไปยกมือให้สัญญาณกับนักดนตรี นักดนตรีโซโล่เพลงหางเครื่องท่อนเร็วขึ้น เดือนจับไมค์ยกขึ้นมา ส่งยิ้มให้กลับรวิ ก่อนจะหันไปชูมือให้สัญญาณคนดู รวิจับแซ็กโซโฟนขึ้น ร่วมเล่นไปด้วยกัน
เดือนกับรวิร้องและเต้นกันอย่างสนุกสนาน คนดูทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นโยกย้ายกันอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์...