ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 20
ศึกรบนอนหลับไม่ได้สติอยู่ในห้องนอนของแสงดาว มือของแสงดาวค่อยๆยื่นมาลูบผมอย่างอ่อนโยน
พลางนอนเท้าแขนมองอย่างมีความสุข
“คุณรบรู้ไหมคะ ว่าดาวรอวันนี้มานานแค่ไหน”
พูดพลางใช้นิ้วเกลี่ยหน้าศึกรบอย่างหลงใหล
“ดาวไม่คิดเลยนะ ว่าจะมีวันที่ได้อยู่ใกล้คุณขนาดนี้ ดาวฝันมาตลอดเลย ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฝันของดาวเป็นจริง”
แสงดาวนอนลง กอดศึกรบ และซุกตัวเข้าไปใกล้ๆ
“ดาวเป็นของคุณแล้ว จะไม่มีใครแยกเราออกจากกันได้ทั้งนั้น”
ไอวี่นั่งหน้าเครียด พยายามหาที่อยู่ของแสงดาวจากในอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่เป็นผล
“มันน่าจะมีเว็บที่บอกทะเบียนราษฎร์อะไรบ้างสิ ถามใครก็ไม่รู้เรื่อง เสิร์ชในเน็ตก็ไม่เจอ แล้วจะไปหาจากไหนเนี่ย โอ๊ย”
ไอวี่เริ่มหงุดหงิด และรำคาญใจมากขึ้น
ศึกรบลืมตาตื่นขึ้นมา อย่างงัวเงีย พลางมองไปรอบๆ และก้มตูตัวเองแบบงงๆ
“ที่นี่ที่ไหน”
ศึกรบกุมขมับด้วยความปวดหัว จนเมื่อตั้งสติได้ ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง เห็นรูปแสงดาว และข้าวของของผู้หญิง
“แสงดาว” ศึกรบตกใจ
ในขณะที่แสงดาว กำลังทำอาหารเช้าในครัว เริ่มจากทอดเบคอนในกระทะ เสร็จก็เดินไปหั่นผักทำสลัด เอาไข่ไปลวก เมื่อเตรียมทั้งหมดเสร็จ จะเดินไปหยิบจานมาจัดจานอาหารให้ศึกรบ พลางเห็นแมลงสาบเข้ามาใกล้เท้า “อ๊าย”
แสงดาวตกใจ พลางกระทืบเท้าใส่แมลงสาบซ้ำๆ
“ตายๆๆ แกต้องตาย ตายซะไอ้แมลงสาบ”
ศึกรบ ได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งเข้ามาในครัว
“คุณดาว เป็นอะไรรึเปล่า”
แสงดาวตั้งสติได้ ก็หยุดเหยียบ แล้วแกล้งเปลี่ยนทีท่าเป็นอ่อนหวาน
“ดาว ไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นเหรอ ผมเห็นคุณ”
แสงดาว ยิ้มหวาน “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรด้วยค่ะ”
“ครับ”
แสงดาวรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเดินเข้าไปเกาะแขนศึกรบ พูดเสียงอ้อน
“หิวไหมคะ ดาวทำอาหารเช้าไว้”
“ทำให้ผมเหรอ”
แสงดาวยิ้มอายๆ
“ค่ะ ดาวทำให้คุณ ดาวอยากทำให้คุณทานมานานแล้ว ไปนั่งรอก่อนนะคะ”
ศึกรบงงๆ แต่ก็พยักหน้า
“โอเคครับ”
ศึกรบออกไปนั่งรอที่โต๊ะ แสงดาวยิ้มปลื้มมาก รีบไปจัดจาน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ระหว่างที่นั่งกินอาการเช้าด้วยกัน แสงดาวก็มองศึกรบยิ้มๆ ศึกรบเงยหน้าขึ้นมาถาม
“เมื่อคืน คุณดาวพาผมกลับมาเหรอ”
“ค่ะ ดาวไปรับคุณกลับมา”
“แต่ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้ผมอยู่กับ”
ศึกรบยังพูดไม่ทันจบ แสงดาวก็พูดสวนด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ “ไอวี่”
“ครับ แล้วผมมาที่นี่ได้ยังไง”
แสงดาววางช้อนเซ็งๆ
“ก็เมื่อวาน คุณไปกับเด็กไอวี่นั่น ดาวเป็นห่วงเลยแอบตามไป แรกๆ ดาวก็ว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่”
“แต่อะไร”
แสงดาวแกล้งทำเสียงเศร้า
“ยัยเด็กนั่นน่ะสิคะมีคุณอยู่แล้วยังไม่พอ ดาวเห็นเขาเดินไปคุยไปอ่อยกับผู้ชายคนอื่น คงกำลังหวังจะตะครุบเหยื่อรายใหม่”
“งั้นเหรอ” ศึกรบมองหน้าแสงดาวอย่างสงสัย
“ใช่ค่ะ ยัยไอวี่ปล่อยให้คุณนั่งอยู่คนเดียว คุณเมามากจนหลับไป ดาวไม่อยากทิ้งคุณไว้กับยัยเด็กที่หวังแต่เงิน แต่ไม่คิดจะดูดำดูดีคุณ ดาวเลยถือวิสาสะพาคุณกลับมา”
“แล้วเรื่องรถ ทำไมคุณมีกุญแจ?”
“ดาวยืมกุญแจสำรองมาจากพี่เส คนขับรถคุณไงคะ”
“อ่อ ครับ”
ศึกรบทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่แสงดาวพูด แสงดาวเลยพยายามทำเสียงให้น่าสงสาร
“ดาวอยากพาคุณไปส่งบ้าน แต่ดาวรู้ว่าคุณกลับไป คุณสู่ขวัญก็คงไล่มา ดาวไม่รู้จะไปไหน เลยต้องพาคุณมาที่นี่ ถ้าคุณไม่ชอบ ดาวจะพาคุณไปเช่าคอนโดที่อื่น”
“ช่างเถอะครับ แค่คุณไม่ปล่อยผมไว้ข้างทางก็พอแล้ว ทานต่อเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด คุณอุตส่าห์ตั้งใจทำ”ศึกรบก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า ไม่พูดอะไรอีก แสงดาวแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
ชโยดมเดินเข้าไปในร้านของปองฤทัย เห็นเจ้าของร้านกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้า ท่าทางเศร้าๆ ก็รีบเดินเข้าไปหา
“คุณปอง”
ปองฤทัยเงยหน้ามาหาชโยดม พยายามฝืนยิ้มให้
“คุณหมอ นั่งก่อนสิคะ”
ชโยดมนั่งลง พลางถามปองฤทัย ด้วยความเป็นห่วง
“คุณปองยังไม่สบายใจอยู่ใช่ไหม”
ปองฤทัย ยิ้มเศร้า
“ปองนี่เก็บอาการไม่อยู่เลยนะคะ”
“ผมรู้ว่าคุณเครียด ผมบอกแล้วว่าถ้ามีอะไรไม่สบายใจ คุณบอกผมได้”
ปองฤทัยวางแก้วกาแฟลง หันมาพูดกับชโยดมน้ำเสียงจริงจัง
“ปองอยากหาเงินมาคืนเขาค่ะ”
“คืนพี่รบ?”
“ค่ะ ปองคิดว่าการที่ปองใช้เงินของเขา มันเห็นแก่ตัวเกินไป แล้วปองก็ไม่อยากให้ภรรยาของเขาไม่สบายใจเกี่ยวกับปองอีก”
ชโยดมมองปองฤทัยด้วยความเห็นใจ
“คุณปองครับ เรื่องเงินผมเห็นด้วย แต่ผมว่าพี่ขวัญไม่ได้สนใจเรื่องเงิน มากเท่ากับเรื่องที่พี่รบไม่เคยรู้จักคำว่าพอ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ความต้องการเรื่องผู้หญิงของเขาไม่เคยสิ้นสุด เงินไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนสำหรับพี่ขวัญ แต่เรื่องผู้หญิง...เป็นเรื่องที่พี่สาวผมเสียใจ จนถึงขั้นแตกหักทุกวันนี้”
ปองฤทัยฟังแล้วยิ่งรู้สึกผิด
“ปองเข้าใจค่ะ”
“ถ้ามีอะไรอยากให้ผมช่วย คุณปองบอกผมได้เลยนะ ผมยินดี”
ปองฤทัยซึ้งใจในความหวังดีของชโยดม
“งั้นก็เริ่มที่ช่วยปองเปิดร้านก่อนเลยค่ะ”
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 20 (ต่อ)
ชโยดมหอบกองดอกไม้กองใหญ่จนมองไม่เห็นทาง ปองฤทัยเดินถือช่อดอกไม้มาอีกทาง ไม่ได้มองเลยชนกัน ชโยดมเข้าไปประคอง ปองฤทัยหัวเราะอายๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันจัดร้านจนเรียบร้อย
ชโยดมเก็บเสร็จหันไปมองทางปองฤทัย เห็นปองฤทัยยิ้มอยู่ ปองฤทัยรีบหลบตาเขินๆ ชโยดมเอง ก็เขินเหมือนกันเลยหันไปอีกทาง ปองฤทัยเดินหลบไปหลังร้าน ป้อมที่นั่งมองอยู่สักพักเดินเข้ามากระซิบชโยดม
“พี่หมอครับ”
“ว่าไงป้อม”
“โอกาสทำคะแนนมาแล้วนะครับ วันนี้คุณศึกรบนั่นไม่มา ทางสะดวกโล่งแบบนี้ อย่าพลาดนะครับ”
“หา? เฮ้ย ป้อม พี่ไม่ได้หวังคะแนนอะไรซักหน่อย”
ชโยดมปฎิเสธ แต่หน้ายิ้มๆ อย่างมีความสุข
“ไม่หวังก็ไม่เป็นไรครับ กึ่งยิงกึ่งผ่านกันไปก่อน ได้บ้างดีกว่าไม่ได้ ผมเชียร์เต็มที่”
“ พี่ทำดีกับพี่สาวเรา เพราะอยากทำ ไม่ได้หวังอะไร ถ้าพี่สาวเราเขาเห็น วันนึงเขาอาจจะอยากให้คะแนนพี่ พี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ”
ป้อมหัวเราะ
“เป็นผม ผมเทคะแนนให้พี่หมอหมดหน้าตักเลย”
“เสียดายจริงที่เป็นคะแนนของป้อม แต่ก็จะรับไว้นะ”
ป้อมแกล้งทำหน้าน้อยใจ
“โธ่ พี่หมอ ทำไมเสียดายซะงั้น”
“ไหนๆ เทคะแนนให้ขนาดนี้เอาเป็นว่า วันนี้หมอจะตรวจร่างกายให้คุณแม่เราด้วย ฟรีทุกรายการ ดีไหมป้อม”
“โห ดีที่สุดเลยครับ”
ชโยดมกับป้อมหัวเราะกันสนุกสนาน ปองฤทัยมองมาจากหลังร้าน แอบได้ยิน รู้สึกดีกับชโยดมมากขึ้น
ไอวี่มาที่โรงแรมเลอวิมานแต่เช้า พลางแอบมาที่โต๊ะของแสงดาว ทำท่าลับๆล่อๆ ก่อนที่จะย่องเข้าไปค้นโต๊ะทำงานแสงดาว เพื่อจะหาที่อยู่ พลันก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินมา ไอวี่รีบหลบเข้าใต้โต๊ะ เห็นแม่บ้านเดินมาทำความสะอาดแถวโต๊ะแสงดาว พอแม่บ้านจะเดินกลับ ไอวี่จะออกมา แต่แม่บ้านดันทำของหล่น ไอวี่เผลอกรี๊ดออกมา
“คุณ มาทำอะไรตรงนี้คะ”
แม่บ้านหันมาถามไอวี่ ที่ขดตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงานของแสงดาว
“อ๋อ เอ่อ”
“มาหาอะไรแถวโต๊ะคุณดาวคะ”
“ฉันทำปากกาหล่นแล้วมันกลิ้งมาแถวๆ นี้น่ะป้า”
แม่บ้านจ้องหน้า ไอวี่ทำยิ้มหวานใส่ แล้วหยิบปากกาให้ดู
“อ่อ ค่ะ ตามสบายนะคะ”
ศึกรบแต่งตัว เตรียมหิ้วกระเป๋าจะออกไปออฟฟิศ แสงดาวเดินเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง
“คุณรบจะไปไหนคะ?”
“ผมจะไปทำงานไงครับ คุณไม่ไปเหรอ?”
“คุณรบคะ คุณลืมไปแล้วเหรอคะ”
“ลืม?” ศึกรบทวนคำแบบงงๆ
“คุณสู่ขวัญไล่คุณออกแล้วไงคะ”
ศึกรบอึ้งไป ทั้งคู่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ศึกรบหน้าเศร้าลง หันไปหาแสงดาว
“จริงสิ ผมนี่มึนจริงๆ จะไปทำงานที่เขาไล่เราออกแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะคะ วันนี้ดาวลาป่วย ดาวจะอยู่กับคุณเอง”
ศึกรบยืนนิ่งให้แสงดาวกอด แต่ในใจก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ดี
ไอวี่เดินกลับออกมาจากโต๊ะทำงานของแสงดาวด้วยความหงุดหงิด
“บ้านอีป้านั่นจะอยู่ที่ไหนวะเนี่ย”
บ่นพลาง ก็ชะงักไป เมื่อเห็นอะไรป้ายฝ่ายบุคคล ไอวี่ยิ้มออกมา
“จริงสิ”
สู่ขวัญยังนอนซมเพราะพิษไข้ จนลุกไม่ขึ้น พรค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดใส่แก้วน้ำกับยา พลางเข้าไปหาสู่ขวัญ และสะกิดเรียกเบาๆ
“คุณขวัญขา”
สู่ขวัญรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ยังสลึมสลือ
“พี่พร”
“กินยาก่อนนะคะคุณขวัญ พรเอามาให้ กินซะหน่อยแล้วค่อยนอนต่อก็ได้”
“เอากลับไปเถอะค่ะ ขวัญกินไม่ลง”
สู่ขวัญพลิกตัวไปอีกทาง พรพยายามเรียก
“โธ่ ไม่กินยาจะหายป่วยเหรอคะ”
“ไม่หายก็ช่าง ขวัญเพลียมาก อยากนอนค่ะ”
สู่ขวัญเอาผ้าห่มมาคลุมโปง พรมองอย่างเหนื่อยใจ
ไอวี่ทำทีเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฝ่ายบุคคล รอจังหวะ พอเห็นพนักงานเดินออกมาจากห้อง ไอวี่ก็รีบเดินย่องเข้าไปทันที
ป้อมนั่งติวสอบอยู่กับอ๊อฟที่หน้าห้อง แต่ก็ไม่ค่อยมีสมาธิ พลางมองหาอะไรบางอย่าง จนอ๊อฟต้องร้องทัก
“เฮ้ย มึงครับ ติววิชาเหม่อศาสตร์รึไง ไอ้ป้อมที่มึงต้องสอบมันอยู่ในนี้”
ป้อมสะดุ้ง หันกลับมาทางอ๊อฟ
“เออ ว่าไง ถึงไหนแล้ว”
“ไม่ทราบว่ามึงมองหาอะไร บอกกูซิ”
ป้อมส่ายหน้า ปฏิเสธ
“เอ้ย ไม่มีอะไร กูแค่สงสัยว่าจะสอบแล้ว ทำไมป่านนี้ไอวี่ยังไม่มา”
อ๊อฟปิดหนังสือดังป้าบ มองหน้าป้อม แล้วยิ้มล้อๆ
“อ๋อ ที่แท้มองหาหัวใจที่หายไปของมึงนี่เอง ทำไม กลัวเขาจบไม่พร้อมมึง จนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยหรอวะ?”
“หัวใจหายบ้านมึงสิครับ กูก็ไม่ได้อะไรกับเขาขนาดนั้น”
“มองหาแทบทุกวินาทีหายใจเนี่ยนะ ไม่ได้อะไร มึงไปบอกเด็กอนุบาลมันยังไม่เชื่อเล้ย”
“เออน่า เรื่องของกูน่า”
ป้อมพูดแล้วก็มองหาอีก แต่ก็ไม่เห็นใคร จากนั้นจึงหยิบมือถือขึ้นมา อ๊อฟส่ายหัวขำๆ
ในขณะที่ไอวี่กำลังค้นเอกสารอยู่ในห้องของฝ่ายบุคคล จนเสียงคนเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไอวี่รีบหลบ
เจ้าหน้าที่เข้ามาในห้อง มองไปรอบๆ ได้ยินเหมือนเสียงคนอยู่ในห้อง ไอวี่ขดตัวหลบอยู่ แต่จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น
ไอวี่ตกใจ รีบคุ้ยหาโทรศัพท์รอบตัว เจ้าหน้าที่มองหาต้นเสียง พลางเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง ไอวี่หาโทรศัพท์เจอ ก็รีบกดสายทิ้ง เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาใกล้ตรงที่ไอวี่อยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ไอวี่หลับตาปี๋ เพราะคิดว่าโดนจับได้แน่ๆ บังเอิญ
เสียงโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ดังขึ้นเสียก่อน เจ้าหน้าที่รับสายแล้วเดินออกไปคุยข้างนอก
ไอวี่ถอนหายใจ โล่งอก ที่รอดมาได้
“ไม่รับว่ะ ทำไมเขาถึงไม่มาเนี่ย สอบสำคัญซะด้วย”
ป้อมหันไปบ่นกับอ๊อฟ เมื่อไอวี่ไม่ยอมรับสาย
“กูว่าถ้าเขาอยากมาป่านนี้เขามาแล้วว่ะ อย่าห่วงคนอื่นนักเลยมึง”
“แต่ถ้าเขาขาดสอบอีก นี่ติด FE ขึ้นมา คือไม่จบปีนี้เลยนะเว้ย”
“คือมึงน่ะ เอาตัวเองให้มันรอดเหอะ เดี๋ยวห่วงกันไปมา มึงนั่นแหละที่จะไม่จบด้วย ไปเว้ย ถ้าไม่ติว มึงสงบใจซะ แล้วเข้าไปสอบ โอเค้?”
ป้อมดูนาฬิกาในโทรศัพท์ พลางถอนหายใจ ก่อนที่จะโดนอ๊อฟลากไปหน้าห้องสอบ
ระรินใส่ชุดหลวมๆ สวมแว่นดำบิดบังใบหน้า ออกมากินข้าวที่ร้านไม่ไกลจากคอนโด ระหว่างรออาหาร คนเดินผ่านไปมา จำระรินได้เริ่มซุบซิบกัน
“เธอ นั่นใช่ระรินรึเปล่า”
“คุ้นๆ น่าจะใช่นะ”
ระรินได้ยิน แต่พยายามไม่สนใจ
“ถ้าใช่แสดงว่า เขาก็ท้องใช่มะ”
“ท้องสิเธอ ดูสิ ใส่ชุดคลุมขนาดนั้น ท้องคงเริ่มใหญ่แล้วอะ”
“ตายแล้ว แต่ยังหาพ่อไม่ได้เนี่ยนะ”
ลูกค้าคนนั้นเผลอพูดเสียงดัง หันไปมองระรินปิดปากแทบไม่ทัน ระรินลุกขึ้นมาจากโต๊ะ เดินมายิ้มเย็นให้ลูกค้าสองคนนั้น
“ถ้าปากว่างมากจนมีเวลามานินทาชาวบ้าน เชิญไปนั่งที่โต๊ะเงียบๆ แล้วหาอาหารหรืออะไรก็ได้ยัดใส่ปากทีนะคะ จะได้รู้จักสงบปากสงบคำกันบ้าง ฉันอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ ไม่อยากแว้ดใส่คนมันเสียสุขภาพจิต”
ลูกค้าสองคนนั้นอึ้งไป รีบเดินหลบออกจากร้านอายๆ ระรินเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ เอามือนวดขมับ ด้วยความกลัดกลุ้ม
แสงดาวนอนคลอเคลียกับศึกรบอยู่บนเตียง ศึกรบนอนนิ่งๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“คุณหิวหรือยังคะ”
ศึกรบมองนาฬิกา เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว
“นิดหน่อยครับ แป๊บเดียวจะเที่ยงอีกแล้วนะ”
“เวลาที่เรามีความสุขมันจะผ่านไปเร็วแบบนี้ล่ะค่ะ”
“ว่าไงนะครับ?”
แสงดาวรีบลุกขึ้นจัดผมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวดาวไปเตรียมข้าวกลางวันก่อนนะคะ”
“แต่คุณเพิ่งทำอาหารเช้าไปเองนี่? “
แสงดาวยิ้มรับ “ใช่ค่ะ”
“ออกไปซื้อสำเร็จมาก็ได้ครับ คุณทำไหวเหรอ”
“ดาวอยากให้คุณทานฝีมือดาว แค่ทำอาหารแค่นี้ดาวไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”
“คุณตื่นเช้ามาทำอาหารให้ผม แล้วนี่ก็จะทำอีก ไม่เหนื่อยเหรอ”
แสงดาว ส่งตาหวานให้ศึกรบ
“ต่อให้เหนื่อยกว่านี้ ถ้าเป็นคุณรบ ดาวทำให้คุณได้ทุกอย่าง”
แสงดาวเดินออกไป ศึกรบมองตาม อย่างไม่ค่อยไม่เข้าใจ
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 20 (ต่อ)
สู่ขวัญยังคงนอนซมอยู่ที่เตียง ชโยดมเข้ามาในห้อง พลางยืนมองพี่สาว แล้วก็ถอนหายใจ
“พี่ขวัญเป็นไงบ้างครับ”
สู่ขวัญหันมาทางชโยดม
“พี่พรตามโยมาล่ะสิ พี่ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
ชโยดมเดินเข้ามาที่เตียง
“ถ้าเป็นเด็กล่ะก็ผมจับฉีดยาไปแล้ว” พูดพลางใช้มืออังที่หน้าผากสู่ขวัญ “ เอ ไม่มีไข้แล้วนี่ แต่ทำไมหน้าพี่ยังดูซีดๆ อยู่เลย ผมว่าพี่ขวัญไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลให้ละเอียดอีกทีจะดีกว่านะ แต่ถ้าพี่นอนซมอยู่แบบนี้ ร่างกายมันจะไม่ฟื้นสักทีนะครับ”
“ไม่ฟื้นก็ไม่ต้องฟื้นเลย”
สู่ขวัญหันหลังให้ ชโยดมส่ายหัว
“ไม่ต้องประชดอะไรหรอก ไปโรงพยาบาลกับผมนะครับ”
สู่ขวัญส่ายหัว
“พี่ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น โยกลับไปเถอะ”
“ไม่ไปก็ไม่ไป พี่ขวัญนี่ดื้อเหมือนคุณพ่อไม่มีผิดเลย งั้นก็ทานยาตามที่ผมจัดให้แล้วกันนะ”
สู่ขวัญพยักหน้าเบาๆ ชโยดมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง
ชโยดมเดินลงมาจากห้องสู่ขวัญ พรก็รีบวิ่งเข้ามาถาม
“คุณขวัญเป็นไงบ้างคะ”
“ไม่มีไข้แล้ว แต่ยังดูไม่มีแรง ตัวก็ซีดๆ ผมอยากพาไปตรวจที่โรงพยาบาลจังเลยพี่พร”
“พาไปเดี๋ยวนี้เลยไหมคะคุณโย”
ชโยดม ส่ายหน้าเบาๆ “พี่ขวัญไม่ยอมไป”
“โธ่คุณขวัญนะคุณขวัญ บทจะดื้อก็ดื้อไม่ฟังใครเลย”
“นั่นสิครับ งั้นวันนี้ให้พี่ขวัญนอนพักให้เต็มที่อีกสักวัน พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ ต้องพาไปตรวจที่โรงพยาบาลให้ได้ ฝากด้วยนะครับพี่พร”
“ได้ค่ะคุณโย”
พรยิ้มรับคำ ในขณะที่ชโยดมทำหน้าสงสัยว่าทำไม่สู่ขวัญไม่ยอมไปตรวจ
แสงดาวกำลังทำกับข้าวอย่างอารมณ์ดี เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“ใครมานะ”
แสงดาวละมือจากที่ทำอยู่เดินออกไปดูที่หน้าประตู แต่ไม่เห็นใคร
“ไม่เห็นมีใครเลย แล้วใครมากดกริ่งล่ะ”
แสงดาวงงๆ เดินออกมานอกประตูบ้าน มองหาด้านข้างเห็นไม่มีใครจริงๆ จึงเดินกลับเข้าบ้านไป
ไอวี่ที่แอบอยู่ ก็โผล่ออกมา
“ฮึ อีนังเลขาจอมร่านเอาตัวคุณรบมากกไว้ที่นี่เอง”
ไอวี่ลองเปิดประตูเล็ก แต่เปิดไม่ออก ก่อนที่จะตัดสินใจปีนรั้วบ้านเข้าไป
ไอวี่มองรอบๆ ไม่เห็นแสงดาวอยู่ในห้องรับแขก ก็รีบย่องเข้าไปหาศึกรบ
"คุณรบคะ”
ศึกรบหันมาเห็นไอวี่ ก็ตกใจ
“ไอวี่ มาได้ไงเนี่ย”
ไอวี่รีบยกมือทำจุ๊ๆ บอกให้ศึกรบเบาๆ
“ไอวี่ตามหาตั้งนาน” พูดพลางเข้าไปดึงแขนศึกรบ “ออกไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ จะมาอยู่อุดอู้กับมันทำไมคะ”
“ผมอยู่ที่นี่ก็สบายดีไม่เห็นจะอุดอู้อะไรนี่ คุณจะให้ผมไปไหนเหรอ”
“ไปให้พ้นจากบ้านอีนังแม่มดนี่น่ะสิคะ ไปเถอะค่ะ”
ศึกรบ มองหน้าไอวี่งงๆ
“บ้านแม่มดอะไรกัน เพ้อไปกันใหญ่แล้ว”
“ออกไปเร็วๆ เถอะค่ะ”
“แกนั่นแหละ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
เสียงของแสงดาวแว้ดเข้ามา ไอวี่หันขวับไป ก็เห็นแสงดาวยืนจ้องตาเขม็งอยู่
“ฉันไปแน่ และก็จะพาคุณรบไปด้วย”
ไอวี่คล้องแขนรบไว้แน่น แสงดาวรีบปรี่เข้ามากระชากแขนไอวี่ออกจากศึกรบ แล้วเหวี่ยงไอวี่ จนเซถลาออกไปอีกมุม
“ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเลยนะนังไอวี่ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ ให้มาลากคอแกเข้าคุก”
ศึกรบมองดูทั้งคู่ด้วยความกลุ้มใจ ไอวี่ประคองตัวลุกขึ้นมา
“เออ ไปเรียกมาเลย ฉันไม่กลัวหรอกอีป้า อีบ้าผู้ชาย แกนี่มันคันคะเยอจริงๆ เลยเนอะ รู้ก็รู้ ว่าผู้ชายเขาไม่สนใจ ไม่เล่นด้วย ยังใจกล้าหน้าด้านไปลากผู้ชายมากกถึงบ้าน”
แสงดาวโกรธจนตัวสั่น
“อีไอวี่ แก”
“ทำไม จะทำไม มันแน่นจุกอกขึ้นเลยรึไง อีงูพิษ”
แสงดาวปราดเข้าไปตบหน้าไอวี่
“เป็นไงอีพริตตี้กระจอก”
ไอวี่ตบแสงดาวคืน แสงดาวร้องกรี๊ด
“แกกล้าตบฉันเหรออีเด็กบ้า”
“เออ แค่นี้มันยังน้อยไป อย่างแกมันต้องเจอชุดใหญ่”
ไอวี่ปราดเข้าไปจะซ้ำแสงดาว ศึกรบพยายามเข้ามาห้าม
“พอทีเถอะทั้งสองคน พอได้แล้ว”
ศึกรบจับคนนั้นที คนนี้ทีเพื่อให้หยุดตบตีแต่ก็ไม่เป็นผล จนศึกรบต้องเดินผละออกไปเอง ทั้งสองตบกันนัวเนีย จนได้ยินเสียงรถดัง ถึงได้หยุดชะงัก พลางหันไปมองเห็นรถศึกรบเคลื่อนตัวอกไป
แสงดาวกับไอวี่ รีบวิ่งตามออกไป
“คุณรบรอดาวด้วยค่ะ คุณรบ”
ไอวี่วิ่งตามมา กระชากแสงดาวไว้
“อย่างแกน่ะ นอนแห้งค้างปีอยู่นี่แหละ นังแสงดาว”
“อีไอวี่”
ไอวี่ผลักแสงดาวล้มลง แล้วรีบวิ่งออกไปนอกรั้ว แต่รถศึกรบไปแล้ว
“โอ๊ย เอาไงวะเนี่ย”
ไอวี่เห็นมอเตอร์ไซด์วินผ่านมา ก็รีบวิ่งไปขวาง
“พี่ตามรถคันนั้นไปเร็ว”
ไอวี่รีบซ้อนท้ายมอไซด์วินออกไป แสงดาวตามออกมามองตามอย่างเจ็บใจ
“อีไอวี่ อีบ้า กรี๊ด”
ป้อมเดินออกมาจากตัวอาคารเรียน พลางมองหาใครบางคน อ๊อฟรีบตะโกนเรียก
“ไอ้ป้อม ทางนี้เว้ย”
ป้อมเดินเข้าไปหา
“ออกจากห้องสอบคนสุดท้ายเลยรึไงวะ กูรอตั้งนาน กะทำคะแนนท็อปเลยอ่ะดิ”
ป้อมหันมาตอบเพื่อน
“แค่พอทำได้น่ะ”
“โห่ย ถ่อมตัวตลอด บอกว่าพอทำได้ทีไรก็เห็นท็อปทุกที”
ป้อมลงนั่ง พลางส่ายหน้า
“ครั้งนี้คงไม่หรอกว่ะ”
“ทำไมวะ”
“ไม่ค่อยมีสามาธิจะทำเท่าไหร่”
อ๊อฟมองป้อมอย่างหมั่นไส้
“ถ้าให้กูเดา ก็เพราะไอวี่ไม่มาสอบ”
ป้อมเงียบ ไม่ตอบคำถาม
“ถึงไม่ตอบกูก็รู้ มึงเป็นห่วงเขารึไง อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ ยัยไอวี่เนี่ยนอกจากสวยน่ารัก แล้วมีอะไรดีอีก มึงถึงคลั่งนักไอ้ป้อม”
ป้อมคิดตามที่อ๊อฟพูด ก่อนที่จะพูดลอยๆ
“ไอวี่มีดีที่ความมุ่งมั่น”
อ๊อฟมองด้วยความประหลาดใจ ป้อมพูดต่อ
“แต่เขามุ่งมั่นในทางที่ผิด เพราะชอบใช้ทางลัด”
พูดพลาง ป้อมก็มองเหม่อ คิดถึงไอวี่
ระรินพรางตัวด้วยผ้าคลุมบางๆ โพกหน้าใส่แว่นตาดำเดินตรงมาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับของโรงแรมเลอวิมาน
“คุณศึกรบอยู่ไหม”
พนักงานมองงงๆ ระรินรำคาญถอดแว่นออกแล้วย้ำกับพนักงานอีกที
“ฉันมาพบคุณศึกรบ”
“อ๋อ คุณระรินนั่นเอง คุณศึกรบไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะ”
“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ”
“ไม่ทราบค่ะ คือว่าคุณศึกรบลาออกจากโรงแรมนี้แล้วค่ะ”
ระรินตกใจ
“อะไรนะ ลาออกงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อหรอก นังเมีย เอ้อ ภรรยาเขาให้เธอบอกกับฉันแบบนี้ใช่ไหม”
“คุณศึกรบลาออกไปแล้วจริงๆ นะคะ”
“ฉันไม่เชื่อ ไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาเขาให้เจอเองคอยดูนะ”
ระรินชี้หน้าใส่พนักงาน แล้วเดินเชิดออกไป
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 20 (ต่อ)
ระรินสวมแว่นดำเดินออกจากตัวโรงแรม ตรงมาที่ลานจอดรถ พลางเดินมาตรงที่จอดรถของผู้บริหาร
“คอยดูนะ ถ้าฉันเจอรถคุณรบเมื่อไหร่ จะกลับไปตบให้หน้าชาเลย”
ระรินเดินหลบๆคนไปใกล้ที่จอดรถผู้บริหาร พลางไล่เช็คดูทะเบียนรถ
“ไม่มีรถคุณรบ หรือว่าเปลี่ยนรถแล้ว”
ระรินเจ็บใจ
“ถ้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนล่ะคุณรบ”
ศึกรบเดินเข้ามาในร้านของปองฤทัย เห็นเจ้าของร้านกำลังเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้า พลางเดินไปนั่งแอบมองจนปองฤทัยเสิร์ฟเสร็จ จะเดินกลับ จึงแกล้งสั่งกาแฟ
“ขออเมริกาโน่ร้อนแก้วนึงครับ”
“คุณรบ” พลางมองนาฬิกา “เอ ทำไมวันนี้คุณถึงมาในเวลางานได้ล่ะคะ”
“ก็ผมกลายเป็นคนไม่มีงานแล้วน่ะสิครับ จะมาหาคุณที่ร้านเวลาไหนก็ได้”
ปองฤทัยมองด้วยความสงสาร เพราะรู้ดีว่าศึกรบกำลังเคว้งคว้าง
“งั้นเดี๋ยวปองชงกาแฟให้นะคะ รอแป๊บค่ะ”
ศึกรบมองปองฤทัย ประทับใจในความสดใสของเธอ
ปองฤทัยยกกาแฟเสิร์ฟที่โต๊ะ
“มาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ วันนี้ลูกค้าน้อยเหรอครับ”
ปองฤทัยลงนั่งตรงข้ามศึกรบ
“ค่ะ คงเป็นเพราะปองปิดร้านมาหลายวันน่ะค่ะ ตั้งแต่มีเรื่องวันนั้น”
ศึกรบ หน้าสลด อย่างรู้สึกผิด
“ผมต้องขอโทษแทนขวัญด้วยจริงๆ ที่วันนั้นมาพังร้านคุณ”
“เป็นเพราะปองเองนั่นแหละค่ะ ที่ทำให้คุณสู่ขวัญเข้าใจผิด”
ศึกรบส่ายหน้า
“ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกครับ ขวัญเค้าเข้าใจผิดมานานแล้ว ใครก็ห้ามเขาไม่อยู่ คุณเลยพลอยมารับ
เคราะห์ไปด้วย ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ”
ปองฤทัยมองศึกรบด้วยความสงสาร พลางเอื้อมมือมากุมมือเพื่อให้กำลังใจ
ระรินขับรถผ่านหน้าร้านปองฤทัย เห็นรถของศึกรบจอดอยู่ที่หน้าร้าน ก็รีบจอดรถ และลงจากรถมาดู
“รถคุณรบจริงๆ ด้วย ฉันมันโชคดีจริงๆ”
ระรินรีบเดินเข้าไปในร้าน เห็นศึกรบจับมือปองฤทัยอยู่ ก็โมโห
“คุณรบ”
ศึกรบหันไปเห้นระรินก็ตกใจ “ระริน”
“ที่แท้ก็หนีมาหาอีนี่นี่เอง”
“พูดจาเหลวไหลไร้สาระ”
“สำหรับคุณมีอะไรไม่ไร้สาระมั่งล่ะ แกก็เหมือนกัน รู้ไว้ด้วย เขาไม่จริงจังกับแกหรอก อีหน้าด้าน”
ระรินปรี่เข้าไปกระชากปองฤทัยมาตบ ปองฤทัยปัดป้อง แล้วผลักรระรินกระเด็นไป ระรินตามไปกระชากจะตบซ้ำ ศึกรบเข้าไปดึงระรินเหวี่ยงไป ชนข้าวของล้มกระจาย
“ระรินคุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย”
“ฉันบ้าก็เพราะคุณนั่นแหละ ฉันตามหาคุณแทบพลิกแผ่นดิน แต่คุณกลับมาออดอ้อนอยู่กับอีแม่ค้ากาแฟกลางวันแสกๆ ไม่อายผีสางเทวดากันบ้างหรือไง”
ศึกรบดึงระรินให้ออกห่างปองฤทัย
“รินมีอะไรก็คุยกับผมนี่ คุณปองไม่เกี่ยว”
ระริน มองปองฤทัยเหยียดๆ
“เกี่ยวสิ ก็เพราะมันมาอ่อยคุณอยู่นี่ไงจะไม่เกี่ยวได้ยังไง หน้าด้านไร้ยางอาย หน้าตาก็ดีไม่มีปัญญาหาผัวหรือไง ถึงต้องมาเที่ยวแย่งผัวคนอื่นเขาน่ะ”
“ก่อนที่คุณจะด่าคนอื่น ดูตัวเองก่อนดีกว่าไหมคะ”
ปองฤทัยย้อนนิ่มๆ ระรินโกรธจนตัวสั่น
“แกด่าฉันเหรอ”
“ก็เท่าที่ฉันรู้ ภรรยาคุณศึกรบคือคุณสูขวัญ ไม่ใช่คุณ”
“แล้วนังสู่ขวัญมันรู้ไหมล่ะ ว่าแกกำลังจะแย่งผัวมันน่ะ”
“เรื่องนั้น ไม่เกี่ยวกับคุณ และที่สำคัญ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลวๆ อย่างที่คุณพูดด้วย”
“ตอแหล”
ระรินจะเข้าไปตบปองฤทัยอีก แค่ก็โดนศึกรบกระชากมือไว้ พลางตะคอกใส่
“ระริน เลิกระรานใครต่อใครได้แล้ว คุณทำลายครอบครัวผมจนย่อยยับหมดแล้ว ยังต้องการอะไรจากผมอีก”
ระรินจ้องหน้าศึกรบ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“รินต้องการความรับผิดชอบ ท้องมันโตขึ้นมาทุกวันแล้ว จะเอายังไง”
ปองฤทัยตกใจ ที่รู้ว่าระรินท้องกับศึกรบ
“ผมจะรับผิดชอบก็ต่อเมื่อมันเป็นสิ่งที่ผมทำจริงๆ เท่านั้น”
ระรินบีบน้ำตาเข้าสู้
“ใช่สิ คุณมีคนใหม่อีนี่แล้วนี่ คุณก็เลยจะเขี่ยรินทิ้ง ทั้งที่รินยังมีลูกของคุณอยู่ในท้องอีกทั้งคน คุณไม่เห็นใจรินบ้างเลยเหรอ”
ศึกรบเหลืออดกับการแสดงของระริน
“เลิกบีบน้ำตาได้แล้ว ผมไม่ใจอ่อนเชื่อคุณหรอก คนที่ต้องเป็นฝ่ายร้องไห้น่าจะเป็นผมมากกว่า”
ระรินอึ้งเมื่อเจอตอกกลับ พลางจ้องหน้าศึกรบด้วยความแค้น
“ข้าวต้มร้อนๆ ค่ะคุณขวัญ” พรจัดแจงยกไปวาง และเตรียมโต๊ะให้สู่ขวัญในห้องนอน
“ทานรองท้องสักหน่อยนะคะ จะได้ทานยาตามที่คุณโยสั่ง”
พรประคองสู่ขวัญ ที่ยังดูอิดโรยให้ลุกนั่ง สู่ขวัญพยายามฝืนตักข้าวต้มเข้าปาก แต่เพียงแค่สองคำ ก็อาเจียนออกมาอีก พรตกใจรีบหาถังขยะมารองให้
“เก็บไปเถอะพี่พร ขวัญทานไม่ลง ขวัญอยากนอน”
สู่ขวัญล้มตัวลงนอนช้าๆ พรมองอย่างเป็นห่วง
“พี่พรว่าคุณขวัญไปหาหมอตามที่คุณโยบอกจะดีกว่านะคะ พี่พรว่าอาการคุณขวัญหนักกว่าเดิมนะคะ ไปนะคะ”
สู่ขวัญนอนน้ำตาคลอ
“ตายไปซะอาจจะดีกว่า”
พรถอนใจ
“ตายเพราะคนอย่างคุณศึกรบ ไม่คุ้มกันหรอกค่ะคุณขวัญ”
-สู่ขวัญเมินไม่ฟังนอนนิ่ง น้ำตาคลอตา
มอเตอร์ไซค์ขับพาไอวี่ มาจนถึงร้านของปองฤทัย ไอวี่มองหารถศึกรบจนเห็นว่าจอดอยู่หน้าร้าน ก็รีบตะโกนบอก
“จอดๆ”
พลางรีบลงรถ พร้อมควักเงินให้มอไซด์ แล้วรีบเดินเข้าไปในร้าน
ปองฤทัยจะเดินเลี่ยงเพราะไม่อยากปะทะกับระรินอีก
“คุณปองไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ผมจะไปเอง คุณก็เหมือนกัน ไปได้แล้ว ไป”
ระรินโวยวายเสียงดัง
“อ๊าย คุณศึกรบคุณมันใจดำที่สุด”
ศึกรบจะเดินออกไป ระรินรีบเข้ามาดึงไว้
“คุณรบ คุณต้องคุยกับรินให้รู้เรื่องนะ คุณต้องรับผิดชอบลูกในท้องริน”
ปองฤทัยอึ้งๆ ในขณะที่ไอวี่เดินเข้ามาพอดี
“โอ๊ย แม่ดาราหญ่าย ไปท้องกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จู่ๆ จะมาให้คุณรบรับเป็นพ่อของลูก ไม่น้ำเน่าไปหน่อยเหรอคะคุ้ณ”
ระรินหันขวับเห็นไอวี่ยิ้มเยาะเข้ามา ศึกรบถอนหายใจ ปองฤทัยมองด้วยความสงสาร
“อีไอวี่”
“อุ๊ย ตอนนี้จำชื่อฉันได้แล้วเหรอคะ” ไอวี่ลอยหน้าลอยตา น่าหมั่นไส้
“นี่มันเรื่องของผัวเมียเขาจะตกลงกัน แกมาเสือกอะไร”
“เหรอ งั้นยิ่งเสือกใหญ่เลย เพราะฉันก็เป็นเมียคุณรบเหมือนกัน”
“อ๊าย”
ระรินร้องโวยวาย ก่อนที่จะปราดเข้าไปตบไอวี่ ไอวี่ตบกลับ ศึกรบกับปองฤทัยพยายามห้าม แต่ไม่มีใครยอมฟัง ป้อมกลับเข้ามาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ก็ตกใจ
“ไอวี่”
ปองฤทัยหันเห็นน้องชาย ก็รีบเรียก “ป้อมมาช่วยพี่หน่อยเร็ว”
ป้อมรีบมาช่วยดึไอวี่วี่ออก จนทั้งคุ่แยกจากกัน ศึกรบลากระรินออกไป
“คุณกลับไปได้แล้วระริน ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ กลับไปซะที”
ศึกรบลากระรินไปนอกร้านแล้วกลับเข้าไป ระรินมองอย่างแค้นใจ พลางเดินออกมาที่รถด้วยอารมณ์โกรธ แสงดาวแอบดูอยู่ รีบเดินเข้ามาหา
“ถูกเขาไล่ออกมาเหรอคะ”
ระรินมองแสงดาวตาขวาง
“มันเรื่องอะไรของแก”
แสงดาว ยิ้มเย้ยๆ
“แย่หน่อยนะคะ ช่วงนี้คุณรบเขาไม่ค่อยไว้ใจใคร เพราะเขากลัวจะโดนหลอกน่ะค่ะ”
“ฉันไม่ได้ถาม และก็ไม่อยากรู้เรื่องอะไรด้วย หลีกไป”
“ว้า เสียดายจังว่าจะบอกสักหน่อย ว่าทำไมคุณศึกรบถึงไม่ยอมรับผิดชอบเด็กในท้องคุณ แต่ก็นะ คุณไม่อยากรู้แล้วนี่”
พูดจบ แสงดาวก็ทำทีจะหันหลังกลับเดินออกไป ระรินรีบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
แสงดาวหยุดอยู่กับที่ พลางยิ้มร้ายอย่างเป็นต่อ
อ่านต่อตอนที่ 21