xs
xsm
sm
md
lg

สาปสาง ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาปสาง ตอนที่ 21

กรณ์เปิดกล่องเก็บของใบหนึ่งที่มีกล่องแหวนและรูปถ่ายช่อเอื้อง เขาหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู

"คุณเป็นอย่างไรบ้างนะช่อ"
จู่ๆ รูปช่อเอื้องก็ปลิวหลุดจากมือกรณ์ไปตกที่พื้น กรณ์งงเล็กน้อยแล้วจะตามไปเก็บ ทันใดนั้นเขาก็เห็นรูปภาพช่อเอื้องปลิวจากพื้นขึ้นมาที่โต๊ะเหมือนเดิม
"เป็นไปได้ยังไง"
ช่อเอื้องเป็นคนหยิบรูปตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วเอามาวางที่โต๊ะตรงหน้ากรณ์
"คุณกรณ์ขา....”
กรณ์นั่งมองรูปอย่างงง
"ช่อเอื้อง !”
ช่อเอื้องปราดมาใกล้กรณ์จึงจะจับมือกรณ์แต่ไม่มีแรงพอ
"ทำไมช่อสัมผัสคุณไม่ได้ เราหมดบุญต่อกันแล้วจริงๆเหรอ คุณกรณ์ขา....อย่าทิ้งช่อไว้คนเดียว มีแต่คนทำร้ายช่อ พวกมันฆ่าช่อซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณกรณ์ช่วยช่อด้วย"
ช่อเอื้องร่ำร้องแต่กรณ์ไม่รับรู้อะไรเลย กรณ์มองรูปช่อเอื้องพยายามตัดใจ
"ทำไมนะช่อ...ยิ่งผมคิดถึงคุณเท่าไหร่ ผมก็รู้สึกว่าคุณห่างไกลออกไปแค่นั้น"
"ไม่นะคะคุณกรณ์ ไม่...อย่าทิ้งช่อ คุณกรณ์ช่วยช่อด้วย"
ช่อเอื้องร้องไห้ซบกรณ์แต่กรณ์ไม่รู้สึก

พริ้วนอนอยู่ที่โซฟายังหลับตาแต่ก็ไม่ได้สติดี พริ้วใช้มือเอื้อมออกไขว่คว้า
"เธอ ๆ เข้ามาสิ เธอ"
เฟยจับมือพริ้วบีบเบาๆให้รู้ตัว
"อาพริ้ว !”
พริ้วกะพริบตาแล้วลืมตาฟื้นขึ้นมาอย่างงงๆ
"ป๊า..." พริ้วมองรอบตัว "อ้าว ป๊า ทำไมป๊ากับฉันมาอยู่ที่บ้านได้ แล้ววิญญาณตนนั้นล่ะ"
พริ้วพูดรัวจนเฟยไม่ทันได้ตอบ พริ้วสังเกตว่าที่คอของเฟยมีรอยแดงก็โพล่งขึ้นอีก
"แล้วทำไมที่คอป๊ามีรอยแดงๆ ?”
"อั้ยหยา ! ลื้อบีบคออั๊วน่ะสิ"
พริ้วงง "ฉันบีบคอป๊า"
เฟยโบกมือบอกว่าไม่ใช่ "ที่จริงก็ไม่เชิง วิญญาณตนนั้นเข้าสิงลื้อ อีจะฆ่าอั๊วกับลื้อด้วย"
"อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะป๊า"
"มีคนส่งพลังมืดมาทำลายพิธีของอั๊ว วิญญาณตนนั้นเลยเข้าใจผิดคิดว่าเราจะฆ่าอี...อีเลยโกรธแค้นลื้อกับอั๊วมากๆ"
"ป๊า....ฉันทำให้ป๊าต้องเดือดร้อนเจ็บตัวหรือเปล่า"
"ไม่หรอกอาพริ้วเอ๊ย ในเมื่อเราไม่ได้คิดร้ายกับเขา สักวันเขาจะรู้ ตอนนี้เราก็ได้แค่ป้องกันตัวเองไม่ให้วิญญาณนั่นเข้าถึงตัวได้"
"แต่ฉันก็ถูกวิญญาณผู้หญิงคนนั้นสิงเข้าร่างนี่ป๊า ทำไมล่ะ ทำไมฉันถึงเชื่อมโยงกับวิญญาณตนนั้นได้"
"อั๊วก็ไม่แน่ใจ แต่คนกับผีจะสื่อถึงกันได้ก็อาจจะเป็นเพราะคนๆนั้นกับวิญญาณตนนั้นเกิดในชะตาราศีเดียวกัน"
"ป๊าจะบอกว่า ฉันกับวิญญาณผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีชะตาเดียวกัน"
"ใช่ ลื้อกับวิญญาณนั่น มีลัคนากุมเรือนเดียวกัน ดวงชะตาเป็นตัวตายตัวแทน"
พริ้วนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ เฟยลูบหัวลูกสาวเป็นเชิงปลอบโยนและให้กำลังใจ

วัดแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ พระกวาดลานวัด ส่วนเด็กวัดก็โปรยข้าวให้นกกิน ไทเดินเข้ามาในวัดพลางสูดอากาศและซึมซับความเงียบสงบเพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดในใจ

ไทเดินเข้ามาไหว้ปู่มั่นที่นั่งอยู่ในศาลากลางวัด

"ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะขอบวช"
"แน่ใจแล้วหรือพ่อหนุ่ม"
"แน่ใจครับ"
"เมื่อแน่ใจก็ดี ถือว่าเริ่มต้นด้วยความตั้งใจ แต่การจะบวชต้องสละอะไรหลายอย่าง ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับสภาวะของจิตและกายที่แตกต่างไปจากชีวิตที่เคยเป็น จะทำได้หรือ"
ปู่มั่นให้ข้อคิดยาวจนไทอึ้งไป
"เอ่อ...”
"เอาอย่างนี้ ทดลองถามใจตัวเองก่อน ลองนุ่งขาวห่มขาวสำรวจกายใจตัวเองสัก 3 วัน ดูสิว่าจะไหวไหม"
"ได้ครับ ยังไงผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะบวช ได้ทดลองดูก่อนก็ถือว่าเป็นการเตรียมตัวไปด้วย"
"นั่นแหละ ระหว่างนี้ก็ถือศีล 8 หมั่นสวดมนต์ เจริญสติ แผ่เมตตาทุกวัน ทำได้ไหม"
ไทพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นเพราะคิดจะชดใช้ให้ช่อเอื้อง
"ฉันจะชดใช้ให้เธอ ช่อเอื้อง" ไทคิดในใจ

แพรวนั่งลงตรงหน้าพ่อปู่
"เรียกฉันมา มีอะไร"
"อีเลือดชั่ว กำแหงนัก ! อย่างกูไม่ลดตัวไล่ตามหามึงหรอก มีแต่มึง เดือดร้อนก็ซมซานมาหากู"
"ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไร แค่ถาม"
แพรวไม่ได้เคารพเท่าใดนักแต่ก็ลดความแข็งของเสียงลงหน่อยนึง
พ่อปู่เสียงเบาลงเพราะจะโชว์ของ "กูมีอะไรจะให้มึงดู....อีผีนรกตนนั้น"
"ผีอีช่อ....ทำไมเหรอ"
พ่อปู่วนมือเหนืออ่างทองแดงที่มีน้ำ น้ำในอ่างพลุ่งพล่านและหมุนวน แพรวชะโงกหน้ามองที่น้ำในอ่างทองแดง เธอเห็นภาพในอดีตเป็นภาพร่างช่อเอื้องถูกหมอกดำพุ่งเข้าใส่หลายต่อหลายหน แพรวมีสีหน้าสะใจ
"ฮ่ะๆ ผีอีช่อโดนฤทธิ์หมอกดำของพ่อปู่จัดการซะหมอบ แต่อีช่อเข้าใจว่าเป็นฝีมือซินแสกับนังพะพริ้วลูกสาวมันเหรอ ฮ่าๆ....อีช่อ อีหน้าโง่ เจ็บตัวแล้วยังเสียรู้พ่อปู่"
"วิญญาณนังผีนรกนั่นจองเวรกับนังพะพริ้วแล้ว ทีนี้มันต้องคิดอาฆาตผู้คนไปทั่ว พลังของมันจะเสื่อมลงเพราะต้องคอยตามล้างตามเช็ดเจ้ากรรมนายเวรที่มันก่อเอง ฮ่าๆ"
"อีช่อก็เดี้ยงไปเรียบร้อย งั้นไอ้ไทล่ะพ่อปู่ ที่ไอ้ไทจะบวชแบ่งบุญให้ผีอีช่อล่ะ จะว่ายังไง"
"ไม่มีทาง ดวงเพื่อนมึงถึงฆาตแล้ว"
"ถึงฆาต ! ไอ้ไทต้องตายอย่างนั้นเหรอ"
"กูจะรั้งมันจากความตายก็ได้ แต่มึงต้องไปเอาตัวมันออกมาจากวัด แล้วพามาหากู ที่นี่"
พ่อปู่บอกเสียงเข้ม แพรวนิ่งฟัง

ไทในชุดนุ่งขาวห่มขาวยิ้มให้แพรวอย่างเป็นมิตร แพรวมองหมิ่นๆ เพราะไม่ชื่นชมยินดีด้วย
"ไม่ต้องยิ้มเย็นเป็นมิตรแบ่งบุญให้ฉันหรอกไอ้ไท ฉันต่างหากที่ต้องสงเคราะห์เมตตาแก"
"แกกำลังจะบอกอะไร เรื่องร้ายๆอีกแล้วสิ"
"ใช่ เรื่องร้าย...ถึงตายเลยด้วย"
"ทำไมหรือ เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นอะไร"
"แก....แกไง ไอ้ไท ดวงแกถึงฆาต แกกำลังจะตาย"
ไทที่สงบแต่แรกตกใจกับสิ่งที่แพรวพูด
"ฉันน่ะเหรอ ชะตาถึงฆาต"
"พ่อปู่นั่งทางใน เห็นว่าแกไม่รอดแน่ " แพรวบอก
"ฉันกำลังจะบวชให้ช่อนี่ไง ช่อต้องยกโทษให้เรา"
"ดวงมันถึงฆาต ให้ทำยังไงก็ถึงฆาต แต่มีทางเดียว คือให้พ่อปู่ช่วย ถ้าแกไม่อยากตายก็ออกจากวัดแล้วตามฉันมา"
แพรวลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป ไทนิ่งอึ้งแล้วก็คิดหนักแต่ไม่ตามไป
"เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันกำลังจะทำดี ฉันกำลังจะบวช"
"อีช่อมันไม่เลือกหรอกนะว่าจะนุ่งขาวห่มขาว หรือนุ่งผ้าสีอะไร ถ้ามันจะมาฆ่า แกก็ตาย มีพ่อปู่คนเดียวจะช่วยแกได้....แต่ถ้าแกไม่เชื่อก็ตามใจ ฉันไปก่อน มีเรื่องต้องทำ"

แพรวออกไป ไทคิดหนักแต่ไม่ตามได้แต่ยืนอึ้ง
 
อ่านต่อหน้า 2

สาปสาง ตอนที่ 21 (ต่อ)

กรณ์ยืนอยู่กลางที่ดิน เขาเหลียวมองไปรอบๆอย่างอาลัยด้วยความนึกถึงช่อเอื้อง
 
บริเวณโรงละคร กำลังมีคนงานก่อสร้างกำลังรื้อถอน ตกแต่ง ซ่อมแซม จัดการกับเศษซากโรงละคร
"เริ่มทำงานแล้วหรือครับช่าง" กรณ์ถาม
"ครับ ทำได้ 2-3 วัน ตามที่คุณกรณ์กับคุณณราสั่งนั่นแหละครับ อะไรเริ่มได้ก็เริ่มครับ"
"ดีครับ เคลียร์เศษซากที่ไม่ใช้ออกไปก่อน ส่วนจะปรับปรุง รื้อ หรือตกแต่งใหม่ ผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง"
ช่างไปทำงานต่อ กรณ์มองตามแล้วมองไปทางเวทีละคร
กรณ์มองไปบนเวทีแล้วก็เห็นภาพช่อเอื้องกำลังแสดงละครอยู่ด้วยสีหน้ามีความสุข กรณ์มีสติกลับมาแล้วก็มองไปเห็นแต่ความว่างเปล่า
"ไม่ว่านานแค่ไหน ผมก็นึกถึงคุณอยู่เสมอ ช่อเอื้อง"
ช่อเอื้องกอดอยู่ข้างหลังกรณ์ แต่กรณ์ไม่รู้สึก
"ช่ออยู่นี่ค่ะ คุณกรณ์"
"แพรวอยู่นี่ค่ะ คุณกรณ์"
ช่อเอื้องรู้ว่าแพรวเข้ามา ช่อเอื้องยังกอดกรณ์แต่หันหน้าไปมองด้วยตาวาวและอาฆาต
"อีทรยศ"
กรณ์หันไปมอง จังหวะเดียวกับแพรวก้าวเข้ามาในบริเวณที่ดิน แพรวโบกมือให้กรณ์อย่างสนิทสนม
"คุณกรณ์"
กรณ์ยิ้มรับอย่างมีมารยาท ช่อเอื้องเดินมาขวางหน้ากรณ์
"ขอบคุณที่มา"
แพรวเดินเข้ามาโดยเดินทะลุผ่านร่างช่อเอื้องแล้วไปยืนด้านหน้ากรณ์แทนที่ช่อเอื้อง
"ทำไมคุณกรณ์ถึงนัดให้แพรวมาที่นี่ล่ะคะ เราจะมารำลึกความหลังกันหรือเปล่า"
"อีสารเลว...มึงจะแทนที่กู"
"ใช่ครับ ผมนึกถึงความหลัง...ผมคิดถึงช่อ ผมเลยนัดคุณมาที่นี่"
แพรวรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่คิดอะไร เธอขยับตัวเล็กน้อย ช่อเอื้องเคลื่อนร่างไปเกาะกรณ์อีกฝั่งหนึ่ง
แพรวปั้นเรื่อง "ที่จริงวันนี้แพรวไม่อยากมาพบคุณเลย"
"อ้าว ทำไมล่ะครับ หรือที่ผมฝากให้คุณสืบข่าวเรื่องช่อเอื้องจะไม่ได้อะไร"
"ตรงกันข้ามสิคะ"
"อีสาระแน มึงปั้นเรื่องแสดงละคร เป็นมึงนั่นแหละที่กำจัดกู อีเพื่อนทรยศ" ช่อเอื้องว่า
ช่อเอื้องเริ่มโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอจะบีบหน้าแพรวแต่มือก็พุ่งผ่านตัวแพรวไป แพรวทำเป็นถอนหายใจเหมือนอัดอั้น แต่จำต้องพูด
"เกิดอะไรขึ้นกับช่อเอื้องหรือเปล่าครับ"
"แพรวว่าคุณกรณ์คงกังวลถึงช่อเอื้องเกินไป เลยเก็บไปฝัน ส่วนตัวช่อเอื้องเค้า...เค้า....”
"ช่อเอื้องเค้าทำไมครับ บอกผมมาเร็วๆเถิดคุณแพรว"
แพรวจับมือกรณ์เหมือนจะปลอบใจ แล้วก็แต่งเรื่องต่อ
"ช่อเอื้องเค้าสบายดี ดีมากๆซะด้วย เหมือนจะตั้งท้องลูกคนที่ 2 นะคะ"
"อีแพรว มึง ! คุณกรณ์ขา ไม่จริงนะคะ ช่อไม่เคยมีใคร ช่อรักคุณคนเดียว"
ช่อเอื้องมองหน้าแพรวแล้วก็จะตบหน้าแต่มือก็ผ่านร่างแพรวไป กรณ์เริ่มอึ้งที่ได้ข่าวช่อเอื้องมีความสุขกับชายอื่น
"มีลูกคนที่ 2....”
"ท่าทางช่อจะรักจะหลงแฟนคนนี้มาก พอแพรวบอกช่อว่าคุณกรณ์เป็นห่วง ถามถึง ช่อเค้ากลับไล่แพรวกลับมาอย่างกับหมูกับหมา เค้าตวาดใส่แพรว แถมยังบอกว่าเค้าตัดเป็นตัดตายกับคุณไปแล้ว ไม่อยากให้คุณไปรบกวน หรือยุ่งวุ่นวายกับเค้าอีก"
ช่อเอื้องปรี๊ด "อีเพื่อนสารเลว มึงโกหกๆ กูเกลียดมึง"
กรณ์ตกใจเรื่องช่อเอื้อง ช่อเอื้องกรี๊ดลั่นด้วยความโกรธและคับแค้น ความโกรธของช่อเอื้องแปรเป็นมวลพลังล่องหนขนาดใหญ่ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงเปรี้ยงๆๆ ปังๆๆ ซึ่งเป็นเสียงไม้กระทบอาคาร เสียงโครมครามของมวลลมปะทะหลังคาสังกะสี เสียงประตูเปิดปิดปึงปัง
ช่อเอื้องร้อง "กรี๊ดด....”
กรณ์และแพรวตกใจ คนงานก่อสร้างเริ่มแตกตื่น
"อีแพรว...อีโกหก มึงทำทุกอย่างเพื่อแย่งของรักไปจากกู กูจะฆ่ามึง"
ช่อเอื้องพุ่งเข้าใส่แพรว แต่ก็ทะลุแพรวออกไป แพรวไม่รู้สึกอะไร ทิศทางที่ช่อเอื้องพุ่งไปทำให้เกิดพลังที่มองไม่เห็นจนข้าวของในบริเวณโรงละครเก่าระเนระนาด โต๊ะเก้าอี้ล้มกระจาย กระจกหน้าต่างแตก
"คุณกรณ์คะ !”
แพรวลุกขึ้นมาใกล้กรณ์แทบจะเกาะ ช่อเอื้องรู้ว่าพุ่งไม่ได้จึงพยายามจะกระชากแขนแพรวออกจากกรณ์ แต่มือของช่อเอื้องก็ทะลุผ่านตัวแพรวและกรณ์
"เอามือสกปรกของมึงออกไปจากตัวคุณกรณ์....คุณกรณ์เป็นของกู กูไม่ให้มึงแย่งไปได้ อีเพื่อนหน้าด้าน"
ช่อเอื้องกรีดร้องจนพลังมองไม่เห็นกระแทกทุกอย่าง กระจกหน้าต่างแตกทีละบาน คนงานก่อสร้างเหวอ วิ่งหนี ทุกอย่างอลหม่านไปหมด
"คุณแพรวระวังนะครับ" กรณ์เตือน

"เกิดอะไรขึ้น" แพรวงง

พ่อปู่กำลังป้อนเนื้อสดโดยโยนให้อีกากินเป็นอาหาร เสียงกึกก้องกัมปนาทของอะไรบางอย่างดังสนั่น อีกาบินพึ่บพั่บไปมา พ่อปู่กวาดตามองฟ้าก็เห็นฟ้าคลุ้มคลั่ง แดงฉาน เมฆดำลอยต่ำ

"อีผีชั่ว ! มึงออกฤทธิ์อาละวาดแล้วรึ"
พ่อปู่เหวี่ยงเนื้อสดใส่ถาดอาหารอีกาแล้วเดินไปจ้องฟ้าแดงที่กำลังคำรามด้านนอก

พริ้วเข้ามาในห้องณราอย่างรีบร้อน เธอกระหืดกระหอบจนพูดไม่ทัน
"คุณ....คุณ....เกิด....เรื่อง....”
"เรื่องอะไร ไหนเล่ามาสิ"
พริ้วไปลากแขนณราให้ลุกจากเก้าอี้
"เล่าไม่ได้แล้ว เกิดเรื่องใหญ่มาก รีบไปที่โรงละครเก่าเถอะค่ะ"
ณราถูกพริ้วลากให้วิ่งตามออกไป

โรงละครเก่ากำลังอลหม่าน เก้าอี้ล้มแล้วตั้งเองได้ แก้วแตก ไฟติดๆดับๆ อุปกรณ์ก่อสร้างของช่าง เช่น กระป๋องสีปลิวหวือ นั่งร้านสั่นคนงานก่อสร้างวิ่งกันวุ่นวาย ณราและพริ้วมาถึงที่บริเวณโรงละครเก่า
"นี่มันอะไรกัน" ณรางง
"ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่" พริ้วบอก
"คุณพริ้ว ระวัง"
ณราดึงตัวพริ้วมาใกล้ พริ้วเข้ามาในอ้อมแขนของณราเพื่อหลบทันนั่งร้านที่สั่นกึกๆ แล้วถล่มลงมาได้หวุดหวิด พริ้วกับณราจ้องหน้ากัน
"ขะ...ขอบคุณค่ะ"
กรณ์ตกใจและพยายามหาทางหลบกับแพรว แพรวกำลังอึ้งเพราะคิดว่าเป็นฝีมือของช่อเอื้อง
"ต้องเป็นฤทธิ์ผีอีช่อแน่ๆ"
"คุณแพรวว่าอะไรนะครับ" กรณ์ถาม
"เอ้อ...คุณกรณ์ขา.. แพรวกลัวจังเลยค่ะ"
แพรวโผเข้าหากรณ์
"เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ"
ช่อเอื้องปรากฎกายอยู่กลางโรงละครโดยกำลังเหวี่ยงวีนด้วยสีหน้าขาวซีด ตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้น
"มึงอย่าหวังว่าจะหนีรอด"
ช่อเอื้องสะบัดผมสยายจนเกิดลมมหาศาลพัดใส่ทุกคน แพรวกระเด็นจากกรณ์ เสียงคนงานก่อสร้างร้องโวยวาย ณราตั้งสติแล้วรีบสั่งคนงาน
"ทุกคน รีบออกไปเร็ว....คุณกรณ์ โอเคไหมครับ รีบออกจากที่นี่เร็ว"
ณราประคองคนงานที่ล้มเจ็บแล้วพาไปส่งเพื่อนคนงานที่มาช่วยรับดูแลคนนั้นคนนี้ เขาเหลียวดูข้างตัวแต่ก็ไม่เจอพริ้ว
"คุณพริ้ว"
พริ้วช่วยคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ พอช่วยเสร็จพริ้วก็เจอลมปะทะจนแทบเซ ณรารีบวิ่งเข้าไปช่วยพริ้ว
"คุณพริ้ว ออกไปเร็ว"
ณราจูงมือพริ้วออกไป
แพรวจะไปหากรณ์แต่เจอลมปะทะทำให้ไปไม่ถึงกรณ์
"คุณกรณ์ขา.....”
"คุณแพรว"
ช่อเอื้องตาลุก แล้วหันขวับก่อนจะแว่บร่างมาขวางแต่กรณ์กับแพรวไม่เห็น
"มึงแย่งของรักกู อย่าอยู่เลย"
ช่อเอื้องเหลือกตามองขึ้นบน แชนเดอเลียของโรงละครเริ่มสั่นและแกว่งไปมา ผู้กำกับเปลี่ยนหน้างาน แพรวจะวิ่งหนีแต่โดนช่อเอื้องกวาดแขนส่งพลังให้เก้าอี้ล้ม แพรวโดนเก้าอี้ขวางจึงไปไม่ได้ แพรวเงยหน้ามองข้างบนหัวก็เห็นแชนเดอเลียสั่น
"คุณแพรว....หนีเร็ว"
"แพรวไปไม่ได้ คุณกรณ์ขา...ช่วยแพรวด้วย"
กรณ์เห็นแชนเดอเลียใกล้ตก ขั้วของมันหลุดจากฝ้า น็อตเริ่มหลุดทีละตัวๆ จนตัวสุดท้าย
"คุณแพรว"
กรณ์เข้ามาดึงมือแพรวออก ทันใดนั้นแชนเดอเลียก็หล่นลงแตกกระจายกับพื้น
แพรวร้อง "กรี๊ด !!”

กรณ์พาแพรววิ่งหนีไปทางหนึ่ง
 
อ่านต่อหน้า 3

สาปสาง ตอนที่ 21 (ต่อ)

กรณ์นำหน้าแพรวมาตามทางเดิน แพรวตามมาแล้วเรียกร้องความสนใจจากกรณ์โดยแกล้งเจ็บเท้าทำเป็นยืนพิงผนัง

"คุณกรณ์รีบหนีไปเถอะค่ะ แพรวขาเจ็บ ไปไม่ไหวแล้ว"
"มาครับคุณแพรว ผมช่วย....อดทนไว้นะครับ"
กรณ์โอบประคองแพรวแล้วจะพาเดินไป ไฟเพดานไล่ปิดตามหลัง พรึ่บๆๆ
"กรี๊ด แพรวกลัวจังเลยค่ะคุณกรณ์"
โคมไฟติดผนังแตกกระจาย เศษแก้วปลิวแต่ไม่โดนตัวกรณ์โดยเฉียดหลังมือแพรวที่ยกขึ้นป้องหน้าจนเลือดสาด
"โอ๊ยย !”
"คุณแพรว"
กรณ์ตกใจ
แพรวแอบตวัดตามองอากาศเพราะคิดว่าเป็นฝีมือช่อเอื้องแน่ๆ
"อีช่อ....กูจะทำให้มึงตายยิ่งกว่าตาย มึงจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิด"

กรณ์ประคองแพรวออกมาที่ลานจอดรถจอดรถด้านหลัง
"เราต้องรีบไปหาหมอ...คุณแพรวรอผมอยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะไปเอารถ.....ห๊า"
กรณ์มองมาที่ลานจอดรถแล้วก็ตกใจ กรณ์เห็นอีกาเกาะเต็มลานจอดรถ แพรวแอบจ้องอีกาแล้วพูดงึมงำ
"ช่วยกู"
อีกาบินพึ่บพร้อมกัน กรณ์แปลกใจแล้วหันมา แพรวรีบเก็บอาการแล้วสำออยต่อ
"คุณแพรวไหวไหมครับ"
"โอ๊ย...ไหวค่ะ"
กรณ์รีบไปที่รถ แพรวจ้องอีกาที่บินวนอยู่เหนือท้องฟ้าแล้วก็บินจากไป

พ่อปู่เงยหน้าขึ้นแล้วลืมตาเพราะเพิ่งออกจากนั่งทางในดูสถานการณ์ พ่อปู่สายตากราดเกรี้ยว เพราะโกรธช่อเอื้อง
"อีผีนรก ! มึงบังอาจทำร้ายทายาทมารดำของกู มึงต้องเจอดี"
พ่อปู่หยิบลูกแก้วสีดำมาร่ายมนต์ดำใส่ลูกแก้ว
"กาลีกินหัว ชั่วกินนรก คางคกสันดานยาง ความชั่วจงเข้าข้าง วิบัติหนทาง ร่างแหลกยับย้ายร้ายครองเรือน เฮย"
พ่อปู่โยนลูกแก้วสีดำใส่ลงในอ่างทองแดง เกิดควันพวยพุ่งขึ้นจากอ่างน้ำทองแดง

แพรวยืนอยู่คนเดียว สีหน้าเปลี่ยนจากที่ทำเป็นอ่อนแอกับกรณ์กลายเป็นโกรธจัด
"อีช่อ ! เป็นมึงใช่ไหม มึงจะทำอะไรกู"
ลมมหาศาลหมุนมา แพรวยกมือป้องกันหน้า เสียงกรีดร้องของช่อเอื้องดังหวีดหวิวพร้อมลม
"อีช่อ ! มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก"
เสียงช่อเอื้องดัง "เพื่อนทรยศ"
ลมพัดแรงจนใบไม้และท่อนไม้พุ่งเข้ามาทางแพรว แพรววิ่งหนี ทันใดนั้น หมอกดำก็ม้วนตัวพุ่งเข้ามาชนกับท่อนไม้จนแตกกระจายแต่ไม่โดนตัวแพรว แล้วลมก็หายไป
ช่อเอื้องโดนหมอกดำทะลุทะลวงร่าง แพรวมองแต่ไม่เห็นช่อเอื้องเห็นแต่หมอกดำที่พุ่งม้วนไปมาตรงหน้า
แพรวรู้ "ฮ่ะๆ สมน้ำหน้าอีช่อ มึงเจอหมอกมารดำพ่อปู่ กูขอให้มึงตายโหงเป็นครั้งที่สอง"
เสียงช่อเอื้องดัง "กรี๊ด....โอ๊ย"
ช่อเอื้องโดนหมอกดำเล่นงานจนร่างใกล้แตก ช่อเอื้องจ้องแพรวอย่างอาฆาตก่อนจะสลายร่างหนีไป
"กูต้องฆ่ามึงให้ได้ อีเพื่อนทรยศ"
กรณ์ขับรถเข้ามา หมอกดำพุ่งจางไป แพรวถอนหายใจตัวสั่นที่รอดตายจากมือช่อเอื้องหวุดหวิด

พ่อปู่หัวเราะสะใจขณะมองอ่างน้ำที่เดือดปุดๆ
"สมน้ำหน้าอีผีชั่ว ถ้ามึงยังกล้าอาละวาดอีก มึงจะโดนไม่ใช่น้อย ฮ่าๆ"
พ่อปู่หัวเราะเสียงดังกึกก้อง อีกาแผดร้องผสาน

กรณ์นั่งรออยู่ แพรวเดินออกมาโดยมีผ้าพันแผลที่มือ
"เจ็บจังเลยค่ะคุณกรณ์"
"แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้นะครับ"
"ขอบคุณคุณกรณ์นะคะที่ดูแลแพรวอย่างดี"
"ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง ผมเป็นคนนัดคุณมาที่นี่ ยังไงผมก็ต้องดูแลคุณ แต่เสียดาย...ผมยังไม่ได้ช่วยคนงานอื่นๆเท่าไหร่ ไม่น่าเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นเลย"
"คงเป็นอุบัติเหตุมั้งคะ น่ากลัวจัง"
"อุบัติเหตุเหรอ ? แต่ผมว่ามันแปลกๆ"
กรณ์แปลกใจ แพรวเครียดเพราะกลัวช่อเอื้องจะปรากฎตัวในเร็ววันนี้

ณรายืนอยู่กลางโรงละครท่ามกลางสิ่งของที่เละเทะ คนงานก่อสร้างเริ่มเก็บกวาดเศษซาก พริ้วมองณราด้วยความเห็นใจ
"คุณณรา"
พริ้วแตะตัวณราเบาๆ ณราหันมายิ้มขอบคุณแต่หน้ายังเครียด เขาพูดเสียงเครียด
"ผมโอเค....คุณโอเคนะคุณพริ้ว"
"ค่ะ"
"ไม่มีเวลางงแล้ว...เรียกวิศวกร หัวหน้าคนงาน หัวหน้าช่าง ด่วนที่สุด ใครเห็นเหตุการณ์ตามมาให้หมด ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"ค่ะ"
พริ้วรับคำแล้วเดินออกไปคุยกับคนงานหลายคน ณรายืนมองสภาพโรงละครแล้วเกาหัวด้วยความเครียด
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่"

กรณ์เดินเข้ามาในห้องโดยทั้งเหนื่อยและแปลกใจ ภาพเหตุการณ์ไฟดับ กระจกแตก เก้าอี้ล้ม ผุดแว่บในความคิดของกรณ์
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้"
ช่อเอื้องปรากฎร่างขึ้นมาสวมกอดกรณ์ไว้
"ช่อไม่ได้จะทำร้ายคุณนะคะคุณกรณ์ ช่อจะฆ่าอีเพื่อนทรยศ...มันฆ่าช่อ มันพรากคุณไปจากช่อ....ช่อยอมไม่ได้"
กรณ์ไม่รู้สึกว่ามีใครมากอดจึงเอนตัวลงนอนบนเตียง ช่อเอื้องผวาร่างตามลงไปซบ
"ช่อรักคุณค่ะ....แต่อีเพื่อนทรยศต้องไม่มีวันได้คุณไป"

รถแพรวแล่นเข้ามาจอดหน้าตำหนัก แพรวลงจากรถ
"โอ๊ย นี่ก็...ทำไมไม่ไปรุมจิกอีช่อให้ตายๆไปซะ ห๊า"

อีกาทั้งฝูงแตกฝูงฮือออกเป็นช่องทางให้แพรวเดินเข้าไปข้างในตำหนัก

แพรวหัวเสียแกมไม่พอใจ

"เรื่องวินาศเมื่อกี๊ ฝีมือผีอีช่อใช่ไหม"
"ฮ่าๆ หรือมึงมีศัตรูอื่นๆอีกล่ะ" พ่อปู่ถาม
"อย่าโยกโย้น่าพ่อปู่ ถ้าเป็นฝีมืออีช่อ พ่อปู่ก็ควรจะจัดการมันได้แล้ว"
"อีกำเริบ กูรู้ดี ! ผีอีช่อมันก็กำแหงแผลงฤทธิ์ได้เท่านั้น แต่มันทำอะไรมึงไม่ได้ เพราะเกราะจำบังมารของกูช่วยมึงอยู่ เพราะฉะนั้น มันจะหาหนทางอื่นเพื่อเข้าถึงตัวมึง"
"แล้วทีนี้จะทำยังไง เกิดมันมาแผลงฤทธิ์อีกล่ะ"
"ฮ่าๆ มันโดนฤทธิ์กูไปรอบนี้ คงไม่กล้ายุ่งกับมึงอีกนาน"
"แล้วเมื่อไหร่พ่อปู่จะฆ่ามันอีกรอบ"
"กูบอกแล้ว...คืนเดือนดับ กูจะกำจัดมันให้สิ้นซาก อีผีชั่ว"
พ่อปู่ตวาดโดยหมายมาดในใจ แพรวพยักหน้าอย่างพอใจที่จะได้กำจัดช่อเอื้องให้ตายไม่ผุดไม่เกิดเสียที

วันต่อมา ไทในชุดขาวห่มขาวกำลังนั่งสมาธิสงบใจต่อหน้าพระประธาน เสียงระฆังวัดดัง ไทลืมตา เพราะไม่สงบ เขาเงยหน้ามองพระประธานแล้วถอนหายใจที่คิดแต่เรื่องช่อเอื้อง
ภาพอดีตระหว่างไทกับช่อเอื้องแวบขึ้นมา
ช่อเอื้องตบหน้าไทดังฉาด ไทคาดไม่ถึง
ช่อเอื้องพูดดด้วยสีหน้าจริงจัง "อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ถ้าไม่อยากให้ฉันเกลียด"
ไทวิ่งตามไปที่ประตูลิฟท์ขณะที่กำลังปิดด้วยความอึดอัดและเสียใจ เขาโพล่งเสียงดังออกมา
"ชั้นรักเธอนะช่อ ชั้นรักเธอ"
ประตูลิฟท์เปิดออกเห็นช่อเอื้องยืนอยู่ ไทยิ้มรับที่เห็นช่อเอื้องเปิดประตูลิฟท์ออกมา
"ไท ชั้นไม่ได้อยากทำให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้นะ เลิกตามชั้น แล้วอย่าทำแบบนี้อีก ชั้นคิดกับเธอแค่เพื่อน ชั้นไม่ได้รักเธอ"
ช่อเอื้องพูดแล้วกดปิดประตูลิฟท์จากไป

ภาพเหตุการณ์ตอนที่ไทคุยกับช่อเอื้องที่บ้านพัก
ช่อเอื้องขอร้อง "ไท… ปล่อยเราไปเถอะ"
"เรารักช่อ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ใจเราไม่เคยหยุดรักช่อเลย" ไทบอก
"ไท เราเป็นเพื่อนกันนะ"
"แต่เราไม่อยากเป็นแค่เพื่อน"
"ไท คือเรา…"
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เรารู้ว่าใจช่อรักใคร ช่อไม่เคยมองเห็นความรักของเราเลย ใจช่อทั้งใจกลับไปยกให้มัน ทำไมล่ะช่อ เราไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงรักเราไม่ได้"
"ไท เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะ เรามีธุระ ต้องรีบไป"
"จะไปหามันใช่ไหม รักมันมากนักใช่ไหม"
ไทเข้ามาจับตัวช่อเอื้อง
"จะทำอะไรน่ะ"
"ทำให้ช่อเป็นของเรายังไงล่ะแล้วพรุ่งนี้เราสองคนจะไปอยู่ด้วยกันแต่งงานกัน"
ไทลงมือปลุกปล้ำช่อเอื้อง ช่อเอื้องพยายามต่อสู้ขัดขืน
"ไท อย่านะ อย่าทำกับเราแบบนี้ หยุดนะ"
ช่อเอื้องพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงไทไม่ได้
"ช่อต้องเป็นของเรา ของเราคนเดียว"
"หยุดนะไท ปล่อยเรานะ"
ไทไม่ฟังและพยายามปลุกปล้ำหนักมือขึ้น
"คุณกรณ์ คุณกรณ์ช่วยช่อด้วย"
เสียงร้องยิ่งทำให้ไทโมโหหนักเข้าไปอีก
"คุณกรณ์ ช่วยช่อด้วย"
"รักมันมากนักเหรอช่อ รักมันมากนักเหรอ"
ไทยังคงพยายามขืนใจช่อเอื้อง
"คุณกรณ์ช่วยช่อด้วย คุณกรณ์"
"เรียกหามันอยู่ได้ รักมันมากนักใช่ไหม!” ไทถาม
ด้วยความโกรธถึงสุดขีดทำให้ไทคว้าผ้าสไบที่คล้องคอช่อเอื้องอยู่รัดคอเธอ
"ทำไมไม่รักฉัน ทำไมถึงไม่รักฉัน!!”
ไทยิ่งรัดคอช่อแน่นขึ้นไปอีกด้วยความเจ็บใจ
"ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงรักไม่ได้ ฮะ ทำไม!”
ไทดึงผ้ารัดคอให้แน่นขึ้นด้วยความเจ็บใจ
"ทำไมไม่รักฉัน ทำไม!”
ช่อเอื้องหายใจไม่ออกแต่ก็พยายามดึงมือไทออกจากคอแต่ก็ไม่สำเร็จ
"ทำไม!!”
มือของช่อที่ป่ายไปมาตกลงกับพื้นแล้วก็หยุดดิ้น หยุดร้องรอให้ช่วย ไทชะงักเมื่อเห็นว่าช่อเอื้องตาค้างและหมดลมหายใจไปแล้ว
"ไม่ ไม่จริง ไม่จริง ช่อ ช่อฟื้นสิ ช่อ"
ไทเขย่าร่างช่อเอื้องแต่ช่อเอื้องก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
"ช่อ ช่อเราขอโทษ ช่อ" ไทร้องไห้โฮ

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ไทก็ถอนหายใจด้วยความเศร้ามาก
"เราขอโทษ เราขอโทษ"
ปู่มั่นเดินเข้ามาเห็น
"จิตที่ไม่นิ่ง มันจะวิ่งกลับไปกลับมา หมกมุ่นอยู่กับอดีตซึ่งเกิดขึ้นไปแล้ว ฟุ้งไปในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง"
ปู่มั่นพูดต่อ "อยู่กับปัจจุบันนะ ให้รู้ ให้เห็นความเป็นไปของจิต ถ้ายังไม่เห็น ไม่รู้ สมาธิไม่มา ปัญญาไม่เกิดหรอก"
"ผมไม่รู้จะทำยังไงครับปู่มั่น ผมพยายามนิ่งไม่คิดแล้ว แต่มันก็ยังคิด"
"จิตเราบังคับไม่ได้หรอก....เราต้องฝึกให้อยู่กับปัจจุบันบ่อยๆ จะดีขึ้น"
"แต่ใจผมมันพาลจะคิดถึงเรื่องเก่าๆอยู่เรื่อย"
"มีอะไรหนักหนาหรือเปล่า ถึงทำให้หมกมุ่น ตกเป็นตะกอนให้ใจหมองขนาดนี้"
"เอ่อ....”
ปู่มั่นมองนิ่งๆ ไทไม่กล้าเล่าจึงหลบตาลง
"เอาเถอะ พยายามต่อไปนะ เมื่อไหร่ที่พร้อม ใจนิ่ง กายนิ่ง เมื่อนั้นก็บวชได้"
"ผมอยากบวชเร็วๆ อีกสามวันได้ไหมครับ"
"อีกสามวัน....เป็นวันแรม 15 ค่ำ....ก็น่าจะได้"

ไทรับคำแล้วถอนหายใจ โดยพยายามจะมีสมาธิให้ได้มากที่สุด ปู่มั่นเดินออกไป
 
อ่านต่อหน้า 4

สาปสาง ตอนที่ 21 (ต่อ)

ปู่มั่นกวาดใบไม้อยู่หน้าโบสถ์ รถของแพรวแล่นเข้ามาจอดเฉียดปู่มั่นไปจนฝุ่นกระเจิง ปู่มั่นมองนิ่งๆ แพรวลงจากรถแล้วมองปู่มั่น

"รู้จักไทไหม" แพรวเอ่ยถาม
ปู่มั่นยังนิ่งเพราะไม่รู้ว่าแพรวพูดกับใคร แพรวลดแว่นตาดำแล้วพูดเสียงแข็ง
"เห็นไอ้ไทบ้างไหม ฉันเป็นเพื่อนมัน บอกมันว่าฉันมาหา"
"มิตรที่ดีควรจะยินดีในความสงบของมิตร" ปู่มั่นบอก
"ฉันไม่ได้มาให้ลุงสอนนะ ฉันถามว่าไอ้ไทอยู่ไหน"
"เพื่อนหนูจะบวช ให้เขาได้เตรียมตัวอย่างมีสมาธิเถิด อย่าเอาเรื่องร้อนใจไปให้เขาเลย"
"นี่ลุง ไม่ใช่เรื่องของลุงนะ แก่ก็อยู่ส่วนแก่" แพรวว่า
ปู่มั่นคร้านจะพูดจึงเหลียวไปทางศาลา แพรวสะบัดหน้าให้ก่อนจะก้าวฉับๆเข้าไปด้านใน

ไทหน้าเศร้าขณะฟังแพรวเล่า แพรวเดินไปเดินมาด้วยความร้อนรุ่มและโกรธแค้น
"เมื่อวานนี้ผีอีช่อมาอาละวาดมันเกือบจะฆ่าฉันแล้ว มันชั่วขนาดนี้ แกยังจะแบ่งบุญให้มันอีกเหรอ"
ไทมองแพรวแล้วส่ายหน้าที่แพรวได้แต่ต่อว่าช่อเอื้องว่าชั่วว่าเลวโดยไม่ดูตัวเอง
"ช่อเอื้องแค้นพวกเรา เพราะเราทำเขาก่อนนะ"
"ไอ้ไท ! หุบปาก ไม่ต้องมาเทศน์ฉัน สิ่งที่แกควรทำตอนนี้คือช่วยฉันหาทางกำจัดอีช่อ"
"พอเถอะแพรว เราทำกับช่อมามากแล้ว"
"แล้วที่มันทำกับฉันล่ะ ตายแล้วไม่อยู่ส่วนตาย ยังจะหวงคุณกรณ์ หึ ชาตินี้มันไม่ได้คุณกรณ์ มันก็เลยอิจฉาฉัน"
"แพรว...ยิ่งเธอคิดจะจับคุณกรณ์ให้ได้ ช่อเอื้องก็จะยิ่งแค้นเธอมากขึ้น ยิ่งจะทำให้ช่อตามทำร้ายเธอได้นะ"
"ฉันถึงจะฆ่ามันให้ตายตกนรกอีกรอบไงล่ะ"
"มันมีทางเดียวที่เราจะหลุดพ้นจากช่อเอื้อง คือบวชอุทิศส่วนบุญให้ช่อ ช่อจะได้ให้อภัยเรา....ทำบุญให้ช่อเถอะแพรว อย่าคิดแค้นอาฆาตเลย"
"อ๊าย ไอ้ไท นี่คงถึงเวลาตายของแกแล้วจริงๆ สมองเริ่มใช้การไม่ได้ คิดแต่อะไรโง่ๆ ฉันไม่น่าเสียเวลามาพูดกับแกเลย ถ้าคิดว่าหลบอยู่ในวัดจะคุ้มกะลาหัวแกให้รอดจากอีช่อ ก็เชิญ"
แพรวเดินกลับออกไป ไทมองตามด้วยความเศร้าใจ

ในห้องประชุม ณราที่นั่งหัวโต๊ะเครียด วิศวกร หัวหน้าช่าง และหัวหน้าคนงานต่างๆนั่งร่วมประชุมอยู่เต็มห้อง
"สรุปว่าทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ เห็นแต่ว่าไฟดับ กระจกแตก ข้าวของระเนระนาด แต่ไม่มีใครเห็นคนทำ"
"เช็คระบบไฟฟ้าก็ปกติครับ" วิศวกรบอก
"ไม่มีคนนอกแอบเข้ามาก่อความวุ่นวายแน่นอนครับ" หัวหน้าช่างพูด
"คนงานทุกคนก็ไม่มีพิรุธครับ ทุกคนไม่รู้ไม่เห็น"
ณราสงสัย "นี่มันอะไรกันเนี่ย"
"พวกเราหาสาเหตุไม่ได้จริงๆครับท่าน"
"เอาล่ะ ในเมื่อยังหาสาเหตุไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องดูแลคนงานให้ดีที่สุด ใครบาดเจ็บ เดือดร้อน ตามดูแลเขา ฝ่ายวิศวะเช็คระบบน้ำไฟตึกอีกที ฝ่ายซ่อมบำรุงจัดการซ่อมแซมให้เรียบร้อย แล้วผมก็ขอให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้ข่าวหรือเล่าให้ใครฟัง จนกว่าเราจะหาสาเหตุได้"
"แต่ที่แย่ที่สุดคือตอนนี้คนงานไม่ยอมมาทำงานกันแล้วค่ะ อ้างว่ากลัวผี"
ณราทวนคำ "ผี !”
ณราไม่เชื่อ แต่เมื่อมองหน้าวิศวกร หัวหน้าช่าง หัวหน้าคนงาน ทุกคนอึกอักเพราะเห็นพ้องไปทำนองเดียวกับพริ้ว
"เป็นไปได้ไหมคะ ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์"
"คุณพริ้ว !”
วิศวกร หัวหน้าช่าง หัวหน้าคนงานต่างเลิ่กลั่กตกใจ ณรารีบโบกมือให้ออกไป
"แยกย้ายไปทำงานได้แล้ว อ้อ แล้วผมก็ขอร้องให้พวกคุณช่วยกันรักษาชื่อเสียงของเราด้วย เพราะที่ตรงนั้นผมจะพัฒนาเป็นโรงแรม ถ้าข่าวรั่วออกไป อีกหน่อยอาจจะทำให้คนไม่มาพักโรงแรมใหม่ของเรา ทำได้ไหม"
ทุกคนรับคำ "ครับ"
คนอื่นๆ เดินออกไป พริ้วหันมาพูดกับณราอย่างจริงจัง
"คุณณรา...ฉันพูดจริงๆนะคะ ตั้งแต่ฉันได้เจอคุณ ตั้งแต่คุณตกลงใจจะสร้างโรงแรมใหม่บนที่ดินโรงละครนั่น ก็มีแต่เรื่องแปลกๆ หาสาเหตุไม่ได้เกิดขึ้นตลอด"
"พอเถอะครับคุณพริ้ว"
พริ้วยังไม่หยุด "ฉันว่าครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อไม่มีคนทำ มันก็ต้องเป็นพลังลึกลับบางอย่าง ฉันว่ามันก็ต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ"
"ไร้สาระน่าคุณพริ้ว ผมไม่เชื่อหรอก ยังไงผมก็จะสร้างโรงแรม นี่มันไม่เกี่ยวกัน มันอาจจะเป็นแผ่นดินไหว หรือคลื่นความร้อนประจุไฟฟ้าชนกันในอากาศ"
พริ้วเหลืออดเพราะอุตส่าห์อธิบายแต่ณราก็ไม่เชื่อ
พริ้วหลุดปาก "พูดนั่นก็ไม่เชื่อ พูดนี่ก็ไม่เชื่อ งั้นคุณก็ไม่ต้องเชื่อฉันเลย ฉันน่ะ เป็นห่วงคุณนะ ไม่รู้หรือไง"
"ผมไม่เชื่อ....หือ ! ว่าไงนะ"
พริ้วตาโตที่เผลอตัวหลุดปากจึงรีบเบือนหน้าหนี หลบสายตา เพราะแก้มของเธอเริ่มแดงเรื่อขึ้น
"คุณเป็นห่วงผมเหรอ" ณราถามย้ำ
พริ้วรีบปฏิเสธ "เปล่า"
"ก็เมื่อกี๊คุณพูดว่าคุณเป็นห่วงผม"
"ฉันไม่ได้พูด"
ณราลุกมาหาพริ้วแล้วจับตัวเธอก่อนจะสบตา
"แต่คุณพูด ผมได้ยิน"
"ทีอย่างนี้ล่ะได้ยิน ทีฉันเตือนว่าไม่ให้สร้างโรงแรมบนที่ดินนั้น คุณได้แต่ทำหูทวนลม"
"มันไม่เกี่ยวกันหรอกพริ้ว"
"เกิดเหตุขนาดนี้ คุณยังไม่เชื่อฉัน วันนี้ที่ไม่เป็นอะไร ถือว่ายังโชคดี แต่วันอื่นล่ะ ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นอีกล่ะ ฉันไม่อยากเสียใจ เข้าใจไหม"

พริ้วบิดตัวออกจากณราแล้วเดินออกไปอย่างงอนๆ ณรามองตามแล้วก็ครุ่นคิดก่อนจะอมยิ้มเพราะรู้ว่าพริ้วเป็นห่วง ณราเริ่มชัดเจนแล้วว่าพริ้วน่าจะมีใจให้เขา

เสียงช่อเอื้องร้องครางอย่างเจ็บปวดทรมานอยู่ในความมืด บริเวณแขน ขา และส่วนต่างๆ
 
ในร่างกายช่อเอื้องมีรูขนาดใหญ่ที่เกิดจากหมอกดำพุ่งทะลุร่าง มีเลือดสีดำไหลออกจากรูเหล่านั้น ควันโชยออกมาเหมือนเป็นแผลพุพองขนาดใหญ่ที่สยดสยอง
ที่แก้มของช่อเอื้องมีรู เลือดดำเหนียวข้น หยดออกมา มีควันออกจากรูที่แก้ม ช่อเอื้องน้ำตาไหลพรากพลางแค่นเสียงสาปแช่งตะกุกตะกัก แต่เต็มไปด้วยความแค้น
"หากกูไม่สมในรัก ด้วยเลือดทุกหยด!
ด้วยกายทั้งกาย! ด้วยใจทั้งใจ!
กูจะขอสาปขอแช่ง"
ควันพุ่งออกมากจากรูแผล เลือดสีดำข้นหยด เนื้อละลาย
"กูจะล้างแค้น....กูจะฆ่าพวกมึง"
เสียงที่อิ่มสุขและเปี่ยมรักของพริ้วดังขึ้น ช่อเอื้องได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมอง
"อุตส่าห์กลับไปที่ดินโรงละครเพื่อเอาของๆเราคืนมาให้"
"นังลูกสาวซินแส....มันอีกคน....มันก็หลอกกูไปฆ่า มันก็ชั่วเหมือนอีแพรว กูจะฆ่ามึง"
ช่อเอื้องตะกายตัว รวมกำลัง แล้วหายตัวไป

พริ้วถ่ายเอกสารไปยิ้มไป
พริ้วยืนเขินคนเดียว "คนบ้า"
ช่อเอื้องปรากฎร่างที่สะบักสะบอมด้านหลังพริ้ว
"มึงอีกคนที่หลอกกู มึงก็ชั่วร้ายไม่ต่างจากพวกมัน กูจะฆ่ามึง"
ช่อเอื้องยกมือขึ้นบีบคอพริ้ว แต่แล้วก็เจอแรงปะทะวาบ แสงเขียวเรืองเรื่อฉายเข้าหน้าช่อ
ช่อเอื้องร้องลั่น "อ๊าย"
ช่อเอื้องกระเด็นออกไปด้วยสภาพร่างที่จางมาก พริ้วตกใจมาก เธอกุมที่คอพอเลื่อนมือออกก็เผยให้เห็นว่าพริ้วห้อยหยกป้องกัน ซึ่งหยกได้เปลี่ยนสีไป
"หยกร้อนขึ้น"
พริ้วกวาดตามองแต่ไม่เห็นอะไรก็ยิ่งตกใจ
"หยกป้องกันกำลังเตือนภัยเรา" พริ้วสงสัยว่าอาจเป็นช่อเอื้อง "เธอ...ที่เป็นนางรำ ใช่เธอหรือเปล่า ฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอนะ ฉันหวังดี ฉันอยากช่วย"
ในความเลือนลาง ช่อเอื้องอ่อนแรงและทำร้ายพริ้วไม่ได้
"กูไม่เชื่อ.....”
ร่างช่อเอื้องสลายไป พริ้วมองไม่เห็นอะไรผิดปกติอีก หยกเขียวเข้มค่อยๆอ่อนลงเป็นสีเขียวเหมือนเดิม
"หยกป้องกัน ช่วยเราอีกแล้ว"
พริ้วยิ้มออกแล้วกุมหยก แล้วเธอก็นึกว่าได้หยกมาได้ยังไง

เหตุการณ์ในอดีต พริ้วเดินงอนออกมาจากห้องณรา เธอเดินมาที่มุมเลขาแล้วพึมพำกับตัวเอง
"อีตาเจ้านายบ้า คนอุตส่าห์เป็นห่วง ไม่เคยฟังกันมั่งเลย"
เสียงณราดังขึ้น "ผมดีใจที่เราก็รู้สึกอย่างเดียวกัน"
พริ้วนิ่งเขินแต่ไม่กล้าหันไป จู่ๆ สร้อยหยกป้องกันก็ห้อยลงมาข้างหน้าพริ้วซึ่งหยกป้องกันที่พริ้วเคยได้รับจากซินแส แล้วณราดึงออกตอนที่ไปที่ดินร้างแล้วเจอพลังลึกลับทำให้หยกร้อนจนณราต้องเหวี่ยงทิ้ง
"หยกป้องกัน ! คุณดึงออกจากคอฉันตอนที่เราเจอพลังลึกลับที่ที่ดินร้างนี่"
ณราเข้ามาจากทางด้านหลังแล้วสวมสร้อยหยกป้องกันให้พริ้ว
"หยกป้องกันมีความหมายกับคุณมาก เพราะเป็นสิ่งที่ป๊าคุณให้มา" ณราบอก
"ฉันนึกว่ามันหายไปแล้ว ดีใจจัง หยกกลับมาอยู่กับฉันแล้ว"
พริ้วกุมหยกอย่างปลาบปลื้ม ณราแกล้งงอน
"ผมอุตส่าห์ตากแดด ลุยหญ้า เข้าไปหาหยกให้คุณในที่ดินนั่น จะขอบคุณสักคำไม่มี"
"ขอบคุณค่ะ"
"ไม่ได้ยิน"
"ขอบ....คุณ....ค่ะ"
"ก็ยังไม่ได้ยิน...ต้องพูดตรงนี้ ข้างๆหูผมเนี่ย"
"บ้า...ไม่ได้ยินก็ช่างคุณ"
พริ้วเบี่ยงตัวหนีไปแต่แอบยิ้ม
"อุตส่าห์กลับไปที่ดินโรงละครเพื่อเอาของๆเราคืนมาให้"
พริ้วพึมพำอย่างมีความสุข

พริ้วเดินมาที่หน้าห้องณราแล้วอมยิ้ม เขิน พริ้วเปิดประตูเข้ามาในห้องณรา ณราเงยหน้าขึ้นมอง งงๆ พริ้วเดินมาใกล้แล้วกระซิบข้างหูณรา
"ขอบคุณนะคะ"
พริ้วยิ้มให้พลางเดินกุมหยก แล้วเดินออกไป ณรางงแต่ก็มีความสุข

เฟยฟังเรื่องราวจากพริ้วที่เล่าว่าเมื่อกลางวันเธอรู้สึกว่าหยกร้อน
"หยกร้อนขึ้น เป็นสัญญาณเตือนลื้อว่ามีอันตราย เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นวิญญาณผู้หญิงคนนั้น ที่เราเจอที่ดินโรงละครร้าง"
"แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำร้ายฉันนี่ป๊า"
"จำไม่ได้เหรอ คืนนั้น มีหมอกดำลึกลับทำร้ายวิญญาณผู้หญิงคนนั้น จนสะบักสะบอม แล้วอาจจะทำให้วิญญาณมีฤทธิ์น้อยลง"
"ที่สำคัญฉันยังหยกป้องกันช่วยคุ้มครองด้วย"
พริ้วอมยิ้มแล้วกุมหยก เฟยนึกชื่นชมณรา
"คุณณราก็บ้ามาก กล้าเข้าไปหาหยกในที่ดินนั่น ไม่กลัวเล้ย"
"วิญญาณผู้หญิงคนนั้นต้องมีความหลังอะไรสักอย่างที่ที่ดินผืนนั้น และคงอยากติดต่อกับชั้น"
"แต่ตอนนี้ผีนางรำคนนั้น เข้าใจว่าพวกเราจะทำร้าย อีอาจจะแก้แค้นลื้อกับอั๊วอีก....ไม่ได้ ปล่อยให้เข้าใจผิดแบบนี้ไม่ได้"
"แล้วจะทำยังไงล่ะป๊า"
"เราต้องกลับไปที่ที่ดินโรงละครอีกครั้ง"

พริ้วพยักหน้าอย่างมุ่งมั่นและไม่กลัว
 
อ่านต่อตอนที่ 22
กำลังโหลดความคิดเห็น