ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 21
ศึกรบเดินย้อนกลับเข้ามาในร้าน ไอวี่วิ่งเข้าไปเกาะแขนไว้ ป้อมกับปองฤทัยยืนมองห่างๆ
“คุณรบคะ ไหนๆ คุณรบก็ไล่ยัยระรินนั่นไปแล้ว คุณรบก็เลิกยุ่งกับนังเลขาแสงดาวนั่นเถอะนะ มันเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้ามารยา เชื่อไม่ได้ ถ้าคุณรบยุ่งกับมัน ชีวิตจะยิ่งแย่นะคะ”
ศึกรบเหลือบมองไปทางปองฤทัยกับป้อม แล้วหันมาตะคอกใส่ไอวี่
“จะพูดทำไม ไม่อายคนอื่นเขาเหรอ”
“จะอายอะไรละคะ วี่พูดอะไรผิดตรงไหน หรือคุณรบจะปฏิเสธว่าไม่ได้มีอะไรกับนังเลขาแสงดาวเหรอ”
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว”
ศึกรบหัวเสียหนัก
“แค่เธอมาที่นี่มันก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่งั้นอะไรๆ มันคงไม่แย่แบบนี้ ถอยไป ฉันจะกลับแล้ว”
ศึกรบหงุดหงิด แล้วรีบเดินเลี่ยงไอวี่ออกไปนอกร้านทันที
ศึกรบเดินหนีออกมาหน้าร้านขึ้นรถขับออกไป ไอวี่จะตามศึกรบไป แต่ป้อมก็ตามมาดึงไว้
“ไอวี่ เดี๋ยวก่อน”
ไอวี่หันไปเหวี่ยงใส่ป้อมที่มาขัดขวางตัวเอง
“ปล่อยฉันนะป้อม บอกให้ปล่อย”
“วี่นั่นแหละ ปล่อยคุณศึกรบไป ไม่เห็นเหรอว่าเขากำลังเขี่ยวี่ทิ้ง”
ไอวี่ พยายามสะบัดออก แต่ป้อมก็ไม่ปล่อย
“นายดูถูกฉัน เขาไม่ได้จะเขี่ยฉันทิ้ง”
ป้อมจ้องหน้าไอวี่
“ตาสว่างซะที คนดีๆ มีตั้งเยอะแยะ ทำไมวี่ไม่เคยมอง มัวแต่ไปแย่งคนที่เขาไม่เคยรักวี่ด้วยซ้ำ เขามีแต่เงินให้ วี่ก็ทำได้ทุกอย่างงั้นเหรอ”
“นายไม่เคยจน นายไม่เคยลำบาก นายไม่รู้หรอกว่ามันทรมานยังไงบ้าง”
“ป้อมก็ไม่เคยรวยเหมือนกัน” ป้อมย้อน น้ำเสียงจริงจัง “ที่มีทุกอย่างตอนนี้เพราะแม่ป้อม พี่ป้อม ทุกคนทำงาน ทุกคนพยายามเก็บเงินเพื่อให้ครอบครัวสบาย พวกเราไม่เคยหวังทางลัด แล้ววี่ล่ะ”
“ฉันทำไม”
“วี่หวังแต่จะสบาย ไอวี่ คนเราจะมีชีวิตที่ดีได้มันต้องรู้จักอดทน ตอนนี้วี่ควรเรียนให้จบ แล้วก็ใช้ความรู้ทำมาหากินอย่างถูกต้องนะ”
ไอวี่แค่นหัวเราะ
“นี่คิดว่าเล่นตลกอยู่หรือไง เงินเดือนแค่ปริญญาตรี เก็บกี่ชาติถึงจะรวย”
“อ้อ ขยันทำงานเก็บเงินมันลำบาก สู้เกาะผู้ชายไม่ได้ใช่ไหม”
ป้อมพูดตอกใส่หน้า
“ใช่ เขาทั้งหล่อทั้งรวย ฉันอยากได้อะไรก็ได้ ไม่ต้องทำงานงกๆ ให้มันเหนื่อย ฉันอยากสบาย ฉันผิดเหรอ”
“ทั้งผิดทั้งพลาดเลยล่ะ เพราะคนอย่างคุณศึกรบ เขาก็เกาะผู้หญิงกินเหมือนกัน ที่เขามีเงินมาแจกจ่ายให้วี่ได้ เพราะเขาได้มาจากเมียเขา”
ไอวี่ เบ้ปาก
“เมียเขาโง่เอง ช่วยไม่ได้”
“ตอนนี้เมียเขากำลังจะฟ้องหย่า เขาจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าเขาไม่มีเงิน วี่ยังจะคบเขาอยู่ไหมล่ะ”
“แต่ตอนนี้เขารวยกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอมา สมบัติเก่าพ่อแม่เขาก็มีนี่”
“วี่จะเลือกคนที่เงินอย่างเดียวงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แค่นั้น เขามีทุกอย่างที่เป็นสเป็กฉัน ทุกอย่าง”
ป้อมหมดแรงจะยื้อ พลางปล่อยมือไอวี่ ไอวี่รีบวิ่งตามศึกรบไป ป้อมมองตาม ด้วยความเสียใจ
แสงดาวพาระรินมาคุยในที่ลับตาคน ระรินหงุดหงิดใจ พูดเร่งให้แสงดาวบอก
“จะพาฉันเดินอีกนานไหม ฉันเหนื่อยแล้วนะ”
“แหม รอหน่อยสิคะ คุณไม่เห็นเหรอว่าคนเยอะไปหมด มีแค่ที่นี่แหละ ที่คุยกันได้”
“งั้นก็รีบพูดมา ฉันไม่อยากเสียเวลา”
“ก็ได้ คุณรู้จักเด็กชื่อไอวี่แล้วใช่ไหม”
ระริน ยิ้มเหยียดๆ
“ไอวี่ อ๋อ นังเด็กพริตตี้จากสลัมนั่นน่ะเหรอ ทำไม?”
แสงดาวค่อยๆ เดินเข้าไปหาระริน พลางเอียงหน้าไปกระซิบ
“ฉันจะบอกคุณให้ ที่ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดน่ะเพราะไอวี่นี่แหละ ที่มันแส่เอาเรื่องคุณท้องกับคนอื่นไปบอกคุณรบน่ะสิ”
ระรินตกใจ
“ว่ายังไงนะ”
“คนที่มันทลายวิมานอันสวยหรูของคุณคือนังไอวี่”
“มันโกหก”
แสงดาวหัวเราะ
“จะโกหกหรือเรื่องจริง ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ก็พูดกันไปเรื่อย ฉันรู้แต่ว่ามันเป็นคนบอกคุณรบ ว่าคุณท้องกับเป็นดาราหรืออะไรเนี่ย”
แสงดาวพูดไปมั่วๆ แต่บังเอิญไปจี้ปมของระรินอย่างจัง
“ไม่จริง ฉันท้องกับคุณรบ นังไอวี่มันไม่รู้อะไร”
“แหม วงการบันเทิงของคุณน่ะ มันเหมือนจะกว้างขวางนะ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็แค่ในวงแคบๆ นังไอวี่มันก็อยู่ในวงการ เรื่องเสียๆ หายๆ แบบนี้ คุณคิดว่ามันจะไม่หลุดรอดมาถึงหูมันมั่งเหรอ”
ระรินถึงกับอึ้ง แสงดาวรีบพูดต่อ
“นังเด็กสลัมนั่น อยากจับคุณรบจนตัวสั่น มันคงเกลียดคุณเข้าไส้”
ระริน ทำสีหน้าดูถูก
“มันต่ำกว่าขี้ฝุ่นบนส้นตีนฉัน มันไม่มีค่าอะไรหรอก”
“คนเรา ชอบของแบบเดียวกัน แต่มันมีแค่ชิ้นเดียวในโลก มันก็ต้องเขี่ยใครทิ้งให้พ้นทาง เพื่อจะได้เป็นเจ้าของ จริงไหมคะ”
“ยัยนั่นเลยเอาเรื่องนี้มาเล่นงานฉันงั้นเหรอ”
“คุณน่าจะรู้ เวลาเราอยากได้อะไรมากๆ เราไม่สนวิธีหรอกค่ะ”
ระรินโกรธจนตัวสั่น กัดฟันกรอด
“นังไอวี่ ฉันจะเหยียบแกให้จมน้ำครำบ้านแกเลยคอยดู”
แสงดาวแอบยิ้มที่ระรินคล้อยตาม
ป้อมเดินซึมกลับเข้ามาในร้าน ปองฤทัยเดินเข้าไปหา พลางจับไหล่น้องชายเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะป้อม”
ป้อมพยักหน้าเศร้าๆ ปองฤทัยพยายามปลอบน้อง
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะเศร้าเพราะคนที่เขาไม่เคยมองเราเลยนะป้อม ตัดใจเถอะนะ ลืมไอวี่ซะ”
ป้อมมองหน้าปองฤทัยสีหน้าเจ็บปวด
“ตัดใจมันทำได้แต่พูดเท่านั้นแหละพี่ปอง พี่น่าจะรู้ว่าพยายามลืม มันยากกว่าพยายามจำร้อยเท่า”
“แต่ก็ยังดีกว่าเศร้าอยู่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วพี่เคยเลิกเศร้าเพราะลืมคุณรบไม่ได้รึเปล่าล่ะ”
ปองฤทัยสะอึกที่โดนย้อนเข้าให้
“มันไม่เหมือนกัน พี่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วที่พี่ดีกับเขา เพราะพี่สงสาร”
“ผมก็สงสารไอวี่”
“โธ่ป้อม ไอวี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ป้อมควรจะมาเสียเวลาด้วยเลยนะ”
ป้อม จ้องหน้าพี่สาวนิ่ง
“คุณศึกรบก็ไม่ใช่ผู้ชายที่พี่ปองควรจะเสียใจเพราะเขา พี่ปองเข้าใจผมรึยัง เรามันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก”
ภาวดีชะเง้อมองไปทางเรือนใหญ่ พลางคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็หันมาคุยกับทรงยศ ที่นั่งเล่น ไอแพดอยู่ข้างๆ
“นี่คุณ”
“หืม ว่าไงคุณ”
ภาวดีถอนหายใจ
“นี่มันปาเข้าไปกี่วันแล้วก็ไม่รู้ ลูกสะใภ้ฉันยังนอนป่วยลุกไม่ขึ้น งานการก็ไม่เห็นไปทำ เขาเป็นอะไรของเขา”
“จะไปรู้เรอะ อยากรู้ก็ไปถามน้องชายเขาสิ นายชโยดมเขาเป็นหมอนี่”
ภาวดีจิกตาใส่สามี “กวนประสาท”
“อ้าว ผมตอบผิดตรงไหน”
“คือที่ฉันเกริ่นมาเนี่ย จะให้ช่วยคิดว่าจะทำยังไงดี”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ”
ภาวดีชักโมโห หันมาแว้ดใส่สามี
“นี่จะต้องให้บอกทุกเรื่องเลยใช่ไหม คือฉันจะชวนคุณไปเยี่ยมสู่ขวัญ เข้าใจรึยัง”
“ก็บอกแต่แรก จะได้เข้าใจ อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้”
ภาวดี ลดเสียงเป็นกระซิบ
“นี่มันเป็นเวลาที่เราต้องทำคะแนนคืนแล้ว เราจะอยู่เฉยไม่ได้นะ”
“แล้วจะนั่งรออะไรอยู่ล่ะ ก็ลุกสิคุณ”
ทรงยศลุกพรวดขึ้นเดินนำออกไปจากบ้าน ภาวดีรีบตามไป
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 21 (ต่อ)
ในขณะที่สู่ขวัญนอนอยู่ในห้อง พลางละเมอถึงศึกรบ
“รบ อย่าไป รบ”
ภาวดีกับทรงยศเปิดประตูเข้ามา ได้ยินพอดี ภาวดีรีบเข้าไปเขย่าตัวลูกสะใภ้
“หนูขวัญ หนูขวัญ”
สู่ขวัญได้สติ เหงื่อแตกพลั่ก
“เป็นอะไรรึเปล่า เมื่อกี้หนูนอนละเมอนะ”
“ละเมอ เหรอคะ”
“ใช่ เมื่อกี้พ่อกับแม่เข้ามา ได้ยินพูดชื่อตารบ”
สู่ขวัญ ส่ายหน้า
“ไม่จริง ขวัญจะละเมอถึงเขาทำไม”
ภาวดีได้จังหวะเลยลองเลียบๆเคียงๆพูด
“หรือว่าที่หนูป่วยอยู่แบบนี้เพราะตรอมใจเรื่องตารบ”
สู่ขวัญเงียบไป ภาวดีได้ทีรีบพูดเข้าประเด็น
“หนูคิดถึงตารบใช่ไหม อยากให้ตารบกลับมาดูแลใช่ไหม”
สู่ขวัญพลิกตัวไปอีกทาง
“ไม่ค่ะ ขวัญไม่เคยคิดอย่างนั้น”
“แต่เมื่อกี้เราทั้งคู่ได้ยินหนูละเมอถึงตารบจริงๆ นะ”
“ขวัญคงเพลียมากน่ะค่ะ อยากนอน อย่าพูดถึงเขาอีกเลยนะคะ ขวัญขอร้อง”
สู่ขวัญเงียบ ไม่ยอมคุยต่อ ภาวดีนิ่ง แล้วก็คิดอะไรได้บางอย่าง
ศึกรบกลับมาที่บ้านแสงดาว จัดการเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่กระเป๋า แสงดาวกลับมาพอดี ก็รีบรียกหา
“คุณรบคะ ดาวกลับมา คุณจะทำอะไรคะ”
แสงดาวเห็นศึกรบกำลังเก็บของ ก็ตกใจ
“คุณดาว”
“ทำไมต้องเก็บเสื้อผ้าด้วย คุณจะไปจากที่นี่เหรอคะ”
ศึกรบพยักหน้า
“ใช่ ผมอาจจะไปเช่าห้องอยู่สักพัก แล้วก็หางานทำไปด้วย ที่ผ่านมา ผมขอบคุณมากนะคุณดาวที่คอยช่วย แต่ผมคงรบกวนคุณมากกว่านี้ไม่ได้”
ศึกรบก้มเก็บของต่อ แสงดาวทนไม่ได้ รีบเข้าไปกอด
“คุณรบไปไม่ได้นะคะ คุณจะไปเช่าห้องได้ยังไง เงินก็ไม่มี งานก็ไม่มี ดาวทนไม่ได้หรอกค่ะที่จะเห็นคุณอยู่ลำบากแบบนั้น”
“แค่ลำบากนิดหน่อยคงไม่ตาย ปล่อยผมเถอะ”
ศึกรบแกะมือแสงดาวออก แสงดาวไม่ออกเข้าไปกอดศึกรบอีก พลางทำเสียงน่าสงสาร
“ทำไมคะ อยู่กับดาวคุณไม่สบายใจงั้นเหรอ อยู่กับดาวคุณอึดอัดอะไร ถ้าดาวทำอะไรไม่ถูกใจ คุณบอกดาวก็ได้ ดาวจะปรับปรุงตัว”
“ไม่หรอก คุณดีกับผมมาก แต่มันไม่ดีที่ผมจะเอาแต่พึ่งคุณอยู่แบบนี้”
“ดาวไม่เดือดร้อนนี่คะ ดาวดูแลคุณได้ ขอแค่คุณอยู่กับดาวก็พอ”
ศึกรบ มองแสงดาวอย่างลำบากใจ แสงดาวกอดแน่นศึกรบไม่ยอมปล่อย จนเขาเริ่มจะใจอ่อน
ธันวา มายืนรอระรินอยู่ที่หน้าคอนโด เห็นระรินในชุดปิดหน้าตาสวมแว่นดำเดินเข้ามา ก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น
“คุณริน”
ระรินเดินเข้าไปตบหน้าเต็มแรง
“เป็นบ้าอะไรอีก ทำไมอยู่ๆ มาตบผม”
“ตบให้กับความปากพล่อยของแกไง ฉันบอกว่าจะให้ส่วนแบ่งแก แต่แกเที่ยวประกาศไปทั่วใช่ไหม ว่าแกคือพ่อเด็ก ไอ้ธันวา แกอย่าหวังเลยว่าจะได้อะไรจากฉัน สักบาทเดียว แกก็จะไม่ได้”
“คุณพูดอะไรผมไม่รู้เรื่อง” ธันวาทำหน้างง
“อย่ามาทำมึน ถ้าแกไม่บอก แล้วคุณศึกรบจะรู้ได้ยังไง เขาหาว่าฉันไม่ได้ท้องกับเขา”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมไม่เคยปูดเรื่องนี้ออกไป สักนิดก็ไม่เคย”
“ไม่รู้ล่ะ จะใครบอกก็ช่าง ตอนนี้คุณศึกรบเขาไม่ยอมรับลูกฉัน ไอ้ที่ตกลงกันไว้ ก็คงได้กันหรอก หึ”
“เขารู้งั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง”
ระรินเชิดไปอีกทางไม่อยากตอบ
ศึกรบหลับอยู่ในบ้านแสงดาว พลันก็สะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
“ครับแม่”
“ตารบ รีบกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ แกมีโอกาสแล้วรู้ไหม”
ภาวดีพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงสดชื่น
“โอกาสอะไรครับ”
“ตอนนี้เมียแกป่วยมาก แกควรกลับมาดูแลเขา แล้ววันนี้แม่บังเอิญได้ยินเขาละเมอถึงแกด้วย”
“ขวัญน่ะเหรอ เป็นไปได้ยังไง” ศึกรบแปลกงใจ
“แกจะปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้นะ เมียแกยังรักแกอยู่ รีบกลับมาทำคะแนนก่อน”
ศึกรบเริ่มฉุกคิด
เมื่อฟังระรินเล่าเรื่องไอวี่ให้ฟัง ธันวาก็ถึงกับตกใจ
“ไม่จริง ไอวี่ ตัวประกอบคนที่เจอในกองถ่ายวันนั้นน่ะเหรอ”
“ใช่ มันเป็นคนไปบอกคุณรบ นังไอวี่มันเกลียดฉัน เพราะมันอยากได้คุณศึกรบใจจะขาด มันทำได้หมดนั่นแหละ”
“ผมก็แค่คุยกับคุณวันนั้น แค่ครั้งเดียว ผมไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น หรือว่ามันจะมาได้ยินเรื่องที่เราคุยกัน”
ระริน หน้าเครียด
“ฉันไม่รู้”
“แต่ไม่เห็นมีข่าว พวกนักข่าวคงยังไม่รู้ มีแต่ตัวประกอบนั่นแค่คนเดียว”
“แต่ตอนนี้นังเลขาคุณรบก็รู้แล้ว อีกหน่อยทุกคนก็รู้กันหมด วันหลังจะทำอะไรต้องระวังให้มาก ถ้าไม่อยากให้แผนมันล่มไม่มีชิ้นดีแบบนี้ เข้าใจไหม”
ธันวาหน้าเหลือสองนิ้ว
“ผมขอโทษ ผมไม่อยากให้อะไรมันพังแบบนี้เลย ผมรักคุณนะริน คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้เป็นการแก้ตัว”
ระรินช้อนตามองธันวา พลางเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วกอดคอ พร้อมพูดเสียงหวาน
“อะไรก็ได้งั้นเหรอ”
“ทุกอย่าง ขอแต่คุณบอก”
ระรินยิ้มหวาน
“นายนี่ดีกับฉันจริงๆ เลย”
“ผมจริงใจกับคุณนะริน”
“ฉันรู้ ตอนนี้เรื่องก็แดงขึ้นมาแล้ว จะไปไล่จับเขาอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ แถมคนไม่รู้จักพอ ไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น ปล่อยให้นังพวกโง่ๆ แย่งกันไปน่ะดีแล้ว”
“แล้วคุณจะให้ผมทำอะไร”
ระริน จิกตาด้วยความแค้น
“นังไอวี่ เพราะมันคนเดียวที่ทำลายทุกอย่างในชีวิตฉัน นายว่าฉันควรจะทำยังไงกับมันดี”
ระรินมองธันวา พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
ศึกรบค่อยๆเปิดประตูเข้ามาในห้อง ในขณะที่สู่ขวัญนอนอยู่ พอหันไปเห็นศึกรบ คิดว่าตัวเองฝันไป
“รบ คุณกลับมาหาขวัญแล้วเหรอคะ”
ศึกรบเดินเข้าไปใกล้ๆ
“กลับมาแล้วขวัญ ผมกลับมาแล้ว”
“ขวัญฝันเห็นคุณทุกวัน”
“นี่ไม่ใช่ความฝันหรอก”
ศึกรบนั่งลง พลางจับมือภรรยาไว้แน่น สู่ขวัญรู้สึกแปลกๆ
“รบ”
สู่ขวัญสะดุ้งลุกขึ้น เห็นศึกรบมาจับมือตัวเอง รีบสะบัดออก
“ขวัญ เป็นอะไร” ศึกรบมองท่าทีของภรรยาอย่างงงๆ
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”
“ผมได้ข่าวว่าคุณไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยม”
“ฉันไม่ได้อยากให้คุณมาเยี่ยม ออกไปได้แล้ว”
“แต่ว่าเมื่อกี้คุณยัง”
“ออกไป ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ ไม่ได้ยินหรือไง”
สู่ขวัญเอาหมอนเอาของในห้องขว้างปา ศึกรบหลบวูบ แล้วรีบเดินออกจากห้องไป สู่ขวัญพิงตัวกับเตียง อย่างหมดแรง
ภาวดีกับทรงยศ พยายามช่วยกันพูด ปลอบใจศึกรบ
“ไม่ต้องเครียดนะตารบ ไม่รู้จะไปไหนก็อยู่บ้านพ่อแม่ไปก่อน” พลางหันไปทางสามี “จริงไหมคุณ”
“จริง อยู่ที่นี่ไปก่อนนะแหละ ตอนนี้เมียแกนอนซมขนาดนั้น คงไม่มีแรงมาไล่”
ศึกรบ ถอนหายใจ
“ไม่มีแรงอะไรล่ะครับ ก็เมื่อกี้เขาเพิ่งไล่ผมมา”
“แหม ก็ทำได้แค่นั้นแหละ”
“เดี๋ยวพ่อกับแม่ช่วยกันพูดตะล่อมเมียแกให้ เขาต้องใจอ่อนสักวัน เชื่อพ่อกับแม่น่า”
ทรงยศตบบ่าลูกชาย แต่ศึกรบก็ยังไม่หายกลุ้ม
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 21 (ต่อ)
ระหว่างที่ไอวี่กำลังนั่งอ่านบทรอเข้าฉาก ธันวาเดินผ่านมา ก็แกล้งเข้ามาทัก
“หวัดดีครับ”
ไอวี่มองหน้าธันวา แบบไม่คุ้น
“หวัดดี นาย”
“ผมชื่อธันวา เป็นนักแสดง เอ้อ ก็ตัวประกอบไม่กี่ฉากหรอก เหมือนคุณนั่นแหละ”
ไอวี่หน้าเบ้นิดหน่อยที่ถูกเรียกว่าตัวประกอบ
“ตัวประกอบแล้วไง”
“เปล่านะครับ ผมก็แค่อยากทักทายเพราะว่าคุ้นๆ หน้าคุณ เหมือนเคยเจอตามกองถ่าย”
“ฉันก็คุ้นเหมือนกัน ชื่อธันวาเหรอ”
ธันวา แกล้งยิ้มหวานให้
“ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก เดี๋ยวคงได้ร่วมงานกัน”
“ก็พอได้ยินชื่อนายมาบ้างนะ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ดังเรื่องฝีมือ ดังแต่เรื่องอย่างว่า”
ธันวาหน้าตึง แต่พยายามทำเป็นไม่คิดอะไร
“ข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือครับ คุณไม่เคยคุยกับผมจริงๆ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าใครนิสัยเป็นยังไง”
“ก็ไม่ใช่เรื่องของฉันที่ต้องมาพยายามรับรู้นี่ นายจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันจะเข้าฉากแล้ว”
ไอวี่ลุกหนี ธันวามองตามอย่างหมั่นไส้
“ไม่ดังยังจะทำหยิ่ง เดี๋ยวจะรู้สึก”
ปองฤทัยมองไปนอกร้านเหมือนรอใครบางคน ป้อมที่เดินมาเช็ดโต๊ะอยู่ เหลือบมาเห็น เลยเข้ามาทัก
“พี่ปอง มองหาใคร”
“ถ้าพี่บอกป้อมอย่าว่าพี่นะ”
“ให้เดานะ คุณศึกรบ”
ปองฤทัยรีบเถียง
“พี่แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมเขาไม่มา พี่ไม่ได้อะไรกับเขาหรอก”
“พี่ปองเป็นห่วงเขาก็พูดมาเถอะ จะปฏิเสธไปทำไม”
ปองฤทัยถอนหายใจ “เขาหายไป ก็เลยเป็นห่วงน่ะ”
“เห็นไหม เดาผิดที่ไหน”
ปองฤทัยทำตาดุใส่ “ป้อม”
“โธ่ พี่ปองจะไปห่วงเขาทำไม เวลาเขามาทีไรมีแต่เรื่องผู้หญิง มาอาละวาดกับพี่ตั้งกี่ครั้งแล้ว เลิกห่วงเขาได้แล้ว ห่วงตัวเองดีกว่า”
พูดจบป้อม ก็ก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะต่อ ปองฤทัยชะเง้อมองไปที่หน้าร้านอย่างกลัดกลุ้ม
ชโยดมมาเยี่ยมสู่ขวัญในห้องนอน เห็นพี่สาวยังนอนซมอยู่ พลางเอามือแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบา
“พี่ขวัญ วันนี้ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วนะ”
“ไม่ ไม่เอา ไม่ไป”
“แต่นี่มันหลายวันแล้วนะ”
สู่ขวัญ ส่ายหน้าเบาๆ เหมือนคนไม่มีแรง สีหน้าอิดโรย
“พี่ไม่อยากตรวจ ถ้าจะตายก็ปล่อยพี่เถอะโย”
ชโยดมมองสู่ขวัญอย่างขัดใจ ก่อนที่จะตัดสินใจจะอุ้มพี่สาวขึ้นมา สู่ขวัญโวยวาย
“โยทำอะไร ปล่อยพี่”
“ก็พี่ไม่ไป ผมจะพาพี่ไปเอง”
ชโยดมพยายามดึงตัวสู่ขวัญจะพาออกไปข้างนอก สู่ขวัญดิ้นๆ ไม่ยอม
ชโยดมกึ่งดึงกึ่งประคองสู่ขวัญออกมาข้างนอกห้อง ศึกรบเดินเข้ามาเห็น ก็เข้าไปถาม
“จะพาขวัญไปไหน”
“พี่ขวัญไม่สบาย ผมจะพาไปโรงพยาบาล”
“ปล่อยขวัญ เดี๋ยวฉันพาขวัญไปหาหมอเอง”
ชโยดมชะงัก ศึกรบยืนขวางไว้
“พี่ขวัญไล่พี่ออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ พี่จะมาทำอะไรที่นี่อีก”
“พี่ยังไม่ได้หย่าจากขวัญ พี่ยังมีสิทธิ์ในฐานะสามีของขวัญ แล้วพี่ก็มีสิทธิ์ที่จะห่วงภรรยาของพี่ไม่ใช่เหรอ”
ศึกรบกับชโยดมจ้องหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร
ไอวี่มาที่บ้านแสงดาว พลางกดกริ่งรัวอย่างร้อนใจ แสงดาวเดินออกมาดู เห็นไอวี่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่หน้าบ้าน ก็ตะคอกใส่
“แกมาทำอะไร”
“อีเลขา แกบอกฉันมาว่าเอาคุณรบไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“คุณรบไม่อยู่ จะเฝ้าทั้งคืนก็ไม่มีประโยชน์ ออกไปจากหน้าบ้านฉันเลย ไป”
ไอวี่ ถลึงตาใส่แสงดาว
“ไม่ต้องมาไล่ อย่ามาทำเนียน คนอย่างแกมันตอแหล”
“ฉันไม่อยากเสียเวลามาคุยกับอีบ้าไร้สติอย่างแกหรอก”
“ใครกันแน่ที่บ้า” ไอวี่ย้อน “แกต่างหาก ถ้าไม่บอกฉันว่าเอาคุณรบไปไว้ที่ไหน ฉันจะแจ้ง
ตำรวจ”
แสงดาวรำราญ เดินเข้าไปในบ้าน ไอวี่ตะโกนด่าไล่หลัง
“หนีเหรอ คิดว่าหลบอยู่ในบ้านแล้วฉันจะไปรึไง”
ไอวี่แกล้งกดกริ่งรัวๆ แสงดาวกลับออกมาพร้อมถังน้ำ
“ไม่ไปใช่ไหม ได้”
พูดพลางสาดน้ำไล่ ไอวี่ร้องกรี๊ดกร๊าด เนื้อตัวเปียกปอนไปหมด
“ถ้าไม่ไป แกจะไม่โดนแค่นี้แน่”
แสงดาวกลับเข้าไปในบ้านไม่สนใจไอวี่ ไอวี่โมโห
“แล้วจะได้เห็นดีกัน อีเลขาบ้าผู้ชาย”
“คนอย่างพี่น่ะเหรอ เป็นห่วงพี่ขวัญ ผมว่าที่พี่ห่วงคือสมบัติมากกว่ามั้ง”
ชโยดมหัวเราะใส่หน้าศึกรบ
“นายกำลังใส่ความฉันอยู่นะ เมื่อไหร่จะเลิกมองฉันในแง่ร้ายซะที”
“ผมไม่มีวันมองพี่ดีขึ้นมาได้หรอก ในเมื่อผมก็เห็นอยู่ว่าอะไรเป็นยังไง เรื่องผู้หญิงตั้งกี่คนต่อกี่คนที่พี่ไปยุ่งด้วย มันมีแง่ดีตรงไหนกัน”
“แต่ที่ฉันมาคราวนี้เพราะขวัญจริงๆ ฉันเป็นห่วงเขา”
ชโยดม ยิ้มเหยียดๆ
“จะมาห่วง มาหวังดีตอนนี้มันไม่ช้าไปเหรอครับ”
“มันไม่มีอะไรช้าทั้งนั้น ฉันต้องการแค่โอกาส”
“โอกาสมันเป็นของคนที่สมควรได้ คนไม่รู้จักพอแบบพี่ ยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยน เดี๋ยวพี่ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ผมทนเห็นพี่สาวผมทุกข์แบบนี้ไม่ได้แล้ว”
ศึกรบ ถอนหายใจ
“ทำไมนายเป็นคนพูดไม่รู้จักฟังแบบนี้นะ ร่ำเรียนมาตั้งสูง แต่ไม่เคยฟังใคร นี่น่ะเหรอคุณหมอที่ทั้งเก่งทั้งดี มันก็แค่ไอ้เด็กไม่รู้จักโต ใจร้อน อีโก้สูงเท่านั้นแหละ”
“พี่กำลังดูถูกผม ถ้าพี่พูดมากกว่านี้”
-ชโยดมปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อศึกรบ สู่ขวัญเห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนห้าม
“พอได้แล้ว จะเถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมา”
สู่ขวัญพูดจบก็มึนศีรษะ จนเหมือนจะเป็นลม ชโยดมรีบไปประคองไว้
“พี่ขวัญ ไปพักก่อนนะพี่ขวัญ อย่าอยู่แถวนี้เลย”
พูดพลางปรายตาเหลือบมองศึกรบ ก่อนจะพาสู่ขวัญออกไป ทิ้งศึกรบมองตามเศร้าๆ
ไอวี่กดกริ่งรัวอีก แสงดาวออกมา พูดอย่างรำคาญ
“อีหน้าด้าน โดนสาดน้ำยังไม่พอใช่ไหม”
“เออ คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมโดนคนแบบแกไล่ง่ายๆ งั้นเหรอ แกทำกับฉันไว้แค่ไหน แกก็ต้องโดนยิ่งกว่าที่ฉันเจอ นี่แน่ะ”
ไอวี่ปาก้อนหินใส่ไม่ยั้ง แสงดาวหลบไป ก็ร้องกรี๊ดไป ไอวี่เห็นแสงดาวสู้ไม่ได้ หัวเราะสะใจ
“รู้ไว้ด้วยนะนังเลขา เวลาหมามันจนตรอกสู้ไม่ได้น่ะ มันเป็นยังงี้โว้ย คนอย่างแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก อีบ้า จำไว้”
แสงดาวหันไปหาของจะปาเอาคืนบ้าง ไอวี่ชิงวิ่งหนีไปก่อน
“อีพริตตี้สลัม จะไปไหน คอยดูนะ ฉันจะแจ้งตำรวจ แกจะต้องไปนอนในคุก อีเด็กเวร”
ชโยดมพาสู่ขวัญกลับเข้ามาพักในห้องนอน จัดการปฐมพยาบาล จนสู่ขวัญได้สติ แต่ยังมึนๆ ศีรษะอยู่ มองไปเห็นชโยดมจัดการหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าอุปกรณ์แพทย์
“ทำอะไรน่ะโย”
“เดี๋ยวผมขอเจาะเลือดพี่ขวัญหน่อยนะ”
สู่ขวัญมองน้องชายอย่างสงสัย “ทำไมต้องเจาะด้วย”
“ผมว่าที่พี่ขวัญเป็นไม่น่าเป็นอาการป่วยธรรมดา เดี๋ยวผมเอาเลือดไปตรวจ จะได้รู้ว่าเป็นอะไรแน่”
“แต่ว่า” สู่ขวัญอิดออด
“อย่าดื้อเลยนะครับ ถ้าพี่เป็นอะไรร้ายแรงจะได้รักษาทัน อย่าห้ามผมเลย”
สู่ขวัญยอมให้ชโยดมเจาะเลือด ในใจแอบกังวล
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 21 (ต่อ)
ศึกรบยืนรออยู่หน้าห้อง ด้วยความเป็นห่วงสู่ขวัญ พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น ศึกรบหยิบมือถือมาดู พอเห็นว่าใครโทร. เข้ามา ก็ทำหน้ารำคาญ แต่ก็รับสาย
“ว่าไงครับดาว”
“คุณรบขา คุณอยู่ไหน” น้ำเสียงของแสงดาวร้อนรน “ยัยเด็กไอวี่มาอาละวาดที่บ้านฉัน มันจะทำร้ายดาว”
“เขายังอยู่รึเปล่า”
“ไปแล้วค่ะ แต่ดาวกลัวมาก คุณรีบกลับมาได้ไหม”
“งั้นก็ดีแล้ว ตอนนี้ผมยุ่งมาก ถ้ายังไงคุณแจ้งตำรวจก็ได้ เดี๋ยวผมกลับไป แล้วคุยกัน แค่นี้นะ”
ศึกรบตัดสายทิ้ง ไม่สนใจแสงดาว เพราะใจจดจ่อเป็นห่วงสู่วัญมากกว่า
ชโยดมมาคุยกับศึกรบที่บ้านภาวดีกับทรงยศ ทั้งคู่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ
“ผมว่าคุณอย่ามาที่นี่อีกเลยจะดีกว่า”
“ทำไมจะมาไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ฉันกับขวัญยังเป็นสามีภรรยากันอยู่”
“สถานภาพบนใบทะเบียนมันไม่ได้บอกนี่ ว่าคุณได้ทำหน้าที่สามีอย่างดีที่สุด แล้วดูสิ่งที่คุณทำตอนนี้สิ พี่สาวผม คนรอบตัวผมทุกคนทุกข์ใจเพราะคุณ”
“แต่ฉันเป็นห่วงขวัญ แล้วฉันแค่อยากได้โอกาสแก้ตัวบ้าง”
ชโยดม ส่ายหน้า
“มันไม่มีโอกาสแล้วล่ะ อย่ามารบกวนพี่ผมอีกเลย ผมขอร้องล่ะ”
ทรงยศ ยืนฟังอยู่ ก็พยายามเข้าไปไกล่เกลี่ย
“อย่าเถียงกันเลยน่า คุยกันตอนนี้ก็เอาแต่อารมณ์มาคุยกัน มันจะรู้เรื่องได้ยังไง”
ภาวดี รีบเสริม
“นั่นสิ คุยกันดีๆก็ได้ เราก็เคยอยู่ด้วยกันมา จะมาไล่กันแบบนี้ก็ใจร้ายไปหน่อยรึเปล่า”
ชโยดมหันไปทางภาวดีกับทรงยศ พลางยกมือไหว้ทั้งคู่
“ผมขอล่ะครับ คุณลุงคุณป้าเข้าใจผมด้วย พี่สาวผมเจ็บปวดมามากแล้ว ถ้าคนที่เรารักเจอแบบนี้บ้าง คุณลุงคุณป้าจะทำยังไงครับ”
ภาวดีกับทรงยศ เถียงไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่ง ศึกรบนิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้นมา
“ผมเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน ที่มันเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากโทษใคร” พลางหันมาทางชโยดม
“พี่รู้ว่าทำผิดมามาก แต่พี่รู้แล้วว่าควรจะอยู่กับใคร พี่จะเลิกยุ่งกับทุกคนเพื่อขวัญ ขอแค่โอกาสอีกครั้งเท่านั้น”
“ต่อให้พี่จะขอผมอีกร้อยครั้ง ผมก็ยืนยันคำตอบเดิม พี่เรียกความเชื่อใจคืนมาไม่ได้อีกแล้ว”
ชโยดมเดินออกไป ศึกรบหน้าเครียด ภาวดีกับทรงยศพยายามปลอบใจ
ไอวี่ยืนรอมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่หน้าบ้านแสงดาวอย่างหงุดหงิด ครู่เดียวก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับผ่านมาจอดข้างหน้า ไอวี่รีบเดินเข้าไป เห็นคนขี่สวมชุดดำปิดหน้าปิดตา
“ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์รับจ้างนี่ แล้วจะจอดทำไม ไป๊”
คนขี่มอเตอร์ไซค์ควักขวดน้ำกรดออกมาแล้วสาดเข้าไปที่หน้าไอวี่ แล้วรีบบึ่งรถหนีไป ไอวี่กรีดร้องลั่น ก่อนที่จะทรุดลงกับพื้น
ระรินนัดเจอกับธันวา ที่คอนโด เมื่อหันไปมองรอบๆ เห็นว่าไม่มีใคร ก็เข้าเรื่องทันที
“เป็นยังไงบ้าง”
“ผมจัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
ระริน ตาวาว
“จริงเหรอ ขอบใจมากๆ ขอบใจมากจริงๆ นะธันวา”
ระรินจับมือธันวายิ้มดีใจ แต่จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นกลุ้มใจ จนธันวาสงสัย
“เป็นอะไร คุณไม่ดีใจเหรอ”
“ดีใจสิ แต่ว่าฉันว่าช่วงนี้เราอยู่ห่างๆ กันไปก่อนดีกว่านะ”
“ทำไมล่ะ ผมทำดีให้คุณไม่พองั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น นายทำดีมาก แต่ช่วงนี้คนสังเกตฉันเยอะ ถ้านายมาเจอฉันบ่อยๆ เดี๋ยวคนจะสงสัย เอาอย่างนี้”
พูดพลางระรินหยิบซองเงินขึ้นมายื่นให้ธันวา
“เอานี่ไป แทนคำขอบคุณแล้วกัน”
ธันวารับซองเงินจากระรินมาเปิดดู แล้วก็ตาโต
“ขอบคุณมากครับคุณริน”
“ตอนนี้นายกลับไปได้แล้วล่ะ ขอบคุณอีกรอบนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากจริงๆ ผมต้องไปทำงานแล้ว วันไหนถ้าผมดังขึ้นมา ผมจะไม่ลืมคุณเลย ผมสัญญา”
ธันวารีบเดินออกไป ระรินมองตาม พลางทำท่าขยะแขยงธันวา
ไอวี่ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งหน้า พลางพยายามคลำหาโทรศัพท์ แล้วกดโทร.หาเปรี้ยว แต่ไม่มีใครรับสาย
“รับสายสิเปรี้ยว โอ๊ย แสบ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย คุณรบ คุณรบ”
ไอวี่กดไปหาศึกรบ แต่ก็ไม่รับสายอีก
“คุณรบช่วยวี่ด้วย ฮือ”
ไอวี่ทรุดลงกับพื้น กลัวไปหมด แต่จู่ๆก็นึกได้
“ป้อม ป้อม ช่วยฉันด้วย”
ไอวี่รีบกดโทรศัพท์โทรหาป้อมทันที
ป้อมรับสาย ด้วยความตกใจ
“ไอวี่ อยู่ที่ไหน บอกมา เดี๋ยวฉันไป แต่ถ้าหารถไปโรงพยาบาลได้ เธอรีบไปก่อนเลยนะ”
ป้อมวางสาย ปองฤทัยเห็นเดินเข้ามาถาม
“เกิดอะไรขึ้นป้อม”
“ไอวี่ ไอวี่ถูกทำร้ายครับ ผมจะไปช่วยเขา”
ปองฤทัย ยกมือทาบอก
“ตายแล้ว จริงเหรอ”
ป้อมรีบวิ่งออกไปหน้าร้านทันที ปองฤทัยยืนอึ้ง
ป้อมออกไปหน้าร้าน เจอชโยดมลงจากรถมาพอดี
“คุณหมอ”
“ป้อม จะรีบไปไหน”
“ผมจะไปช่วยไอวี่เพื่อนผมครับ เขาโดนทำร้าย”
ชโยดมตกใจ¬ “เขาอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปด้วย ไปรถพี่นี่แหละ”
“จริงเหรอครับ”
“ขึ้นรถเลย รีบไปเร็ว”
ชโยดมกับป้อมรีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที แสบไปหมดเลย”
ไอวี่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด .ในขณะที่ชโยดมขับรถพาป้อมมาเจอ ป้อมรีบบอกให้ชโยดมจอดแล้วลงมาหาไอวี่
“ไอวี่”
ไอวี่ได้ยินเสียงป้อม ก็ยิ้มดีใจ
“ป้อม ช่วยด้วย ฮือ มันเอาอะไรสาดหน้าฉันไม่รู้”
“เหมือนจะโดนน้ำกรดนะครับ”
ชโยดมที่เดินตามมาดู วิเคราะห์ ก่อนที่จะรีบเอาน้ำขวดจากในรถลงมา
“ล้างหน้าก่อน เดี๋ยวรีบไปโรงพยาบาลกัน”
ปองฤทัยเห็นศึกรบเดินเข้ามาในร้าย ก็ยิ้มดีใจ
“คุณรบ”
ศึกรบยิ้มให้ปองก่อนจะพูด
“ผมมาสั่งดอกไม้ ช่วยจัดให้ผมสวยๆ สักช่อนะครับ”
“จะให้เขียนการ์ดไหมคะว่าให้ใคร”
“ให้สู่ขวัญภรรยาผม”
ปองฤทัยยิ้มอย่างยินดี “ได้ค่ะ ปองจะจัดให้สุดฝีมือเลย”
“ไม่ได้นะ”
ศึกรบกับปองฤทัย หันกลับไปมองที่หน้าร้าน ก็เห็นแสงดาวมายืนอยู่ หน้าตาเคร่งเครียด
“คุณไม่ได้จะไปง้อเมียคุณจริงๆ ใช่ไหม เขาไล่คุณขนาดนั้น คุณยังจะง้อเขาอีกงั้นเหรอ”
แสงดาวปราดข้ามาถามศึกรบแบบเอาเรื่อง
“ดาว คุณมาได้ยังไง”
“คุณไม่กลับไปที่บ้านดาว ดาวก็ต้องมาตามคุณ คิดแล้วว่าคุณต้องมาที่นี่”
“อย่าทำแบบนี้เลยคุณดาว ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไปขอคืนดีกับขวัญ เรื่องระหว่างเรา ผมไม่ตั้งใจ ผมขอโทษ”
แสงดาวตัวสั่น แล้วก็เริ่มร้องไห้ พลางตะโกนใส่ศึกรบ
“คุณรบ คุณมันพูดง่าย ดาวทำให้คุณทุกอย่าง แต่คุณก็จะทิ้งดาว”…
ศึกรบ หน้าเสีย
“ผมรู้ว่ามันแย่ที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ขวัญเขาไม่เคยทำอะไรผิดเลย มีแต่ผมที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น”
แสงดาว แว้ดสวนขึ้นมาทันที
“คุณมันแย่มาก แย่ที่สุด”…
“ผมคงไม่กลับไปอยู่กับคุณอีกแล้ว ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมานะคุณดาว”
แสงดาวปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ปองฤทัยยืนมอง พลอยเศร้าใจตามไปด้วย
แสงดาวจ้องหน้าศึกรบ สีหน้าเคียดแค้นมาก
อ่านต่อตอนที่ 22