เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 12
นัครินทร์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเซ็งๆ
“ตายจริง!! ก็เลยต้องกลับมาซะงั้นเหรอจ๊ะลูก?” สาวิตรีว่า
“นั่นสิฮะ!! จะรีบกลับมาทำไมก็ไม่รู้ เรื่องของผัวเมียสองคนนั่นมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเราซะหน่อย” นัครินทร์บอก
“สงสารคุณตะวันเขานะครับแม่ เค้าไม่สบายใจ” อัครินทร์พูด
“ก็ไม่เห็นจะต้องไม่สบายใจ ก็ผู้ชายเค้าก็บอกอยู่ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณพยาบาล ผัวเมียเขาตีกันเอง... เฮ้อ! เห็นมะ... มีเมียมันก็เพลียอย่างนี้แหละ” นัครินทร์ว่า
“แหมะ!! เข้าทางเลยนะคะคุณนัค?” ใบตองบอก
“ว่าแต่หนูตะวันเถอะ เป็นไงมั่ง?” ทวยเทพถาม
“นารถให้พี่ตะวันไปพักค่ะ ท่าทางยังเครียด”
“โถ...น่าสงสาร แทนที่จะได้ไปเที่ยวสนุก กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้... เฮ้อ!!” สาวิตรีบอก
“นั่นสิฮะแม่!! ผมกำลังหนุกๆเลย” นัครินทร์บอก
สาวิตรีเซ็ง “แม่ไม่ได้หมายถึงแก”
ใบตองเสริม “คุณตะวันค่ะ คุณตะวัน”
นัครินทร์เหล่มอง “ขอบใจ!”
อัครินทร์นึกสงสารปานตะวัน
ปานตะวันนั่งหน้าเซียวๆ แพรวพรรณรายยื่นยาให้
“ปวดหัวก็กินยาแก้ปวดไว้ก่อนเถอะตะวัน”
“ไข้กลับขึ้นมาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อคืนก็เปียกซ่กทั้งคืน” ประกายเดือนบอก
“ขออยู่คนเดียวได้มั้ย...”
ทั้งสองคนมองปานตะวันอย่างงงๆ
“อยากนอนพัก เดี๋ยวก็หาย” ปานตะวันบอก
“แน่ใจ๊?” ประกายเดือนถาม
ปานตะวันพยักหน้า
“กินยาก่อน” แพรวพรรณรายบอก
ปานตะวันรับยามากินแล้วล้มตัวลงนอนทันที
“ให้เค้าอยู่เป็นเพื่อนนะตะวัน” ประกายเดือนพูด
“ไม่ต้องหรอก... พี่ไม่เป็นไรจริงๆ... ไปทำงานเถอะ จะได้ไม่ต้องลาหยุด... พิ้งค์ด้วย”
ปานตะวันพูดจบก็หันหลังให้แล้วหลับตาลง สองสาวมองหน้ากัน
ประกายเดือนก้มลงกระซิบ “มีอะไรโทรหาเค้านะ” ประกายเดือนจุ๊บแก้มพี่สาว
“โทรหาเพื่อนก็ได้นะ” แพรวพรรณรายขยี้ผมปานตะวันเบาๆ
สองสาวเดินออกไป ปานตะวันที่หลับตาอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพตอนที่อาร์ตบอก “ลูกไม่อยู่แล้ว” แวบกลับมา น้ำตาของปานตะวันหยดติ๋งๆ เธอรู้สึกเหมือนมีใครมายืนข้างเตียง ปานตะวันรีบปาดน้ำตา
“พี่อยู่คนเดียวได้”
ปานตะวันหันมาเพราะนึกว่าประกายเดือน แต่เธอก็ตกใจที่เห็นว่าเป็น “นาคินทร์”
ปานตะวันลุกพรวดขึ้นมานั่ง “เข้ามาทำไม?”
“ที่นี่บ้านผม” นาคินทร์ว่า
พูดจบนาคินทร์ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างปานตะวันหน้าตาเฉย
ปานตะวันกระเถิบหนี “นี่คุณจะทำอะไร?ออกไป”
นาคินทร์ยิ้ม “คุณนี่มันหน้าด้านอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเค้าว่าจริงๆนะ”
ปานตะวันอึ้ง “คุณนาคินทร์”
“คุณมีความสุขมากมั้ยที่ได้เห็นชีวิตคนอื่นเขาพัง?” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันได้แต่ร้องไห้แล้วก็ส่ายหน้ามึนๆ เพราะไม่อยากฟังแล้ว
นาคินทร์ลุกพรวดขึ้นมาจับไหล่ปานตะวันแน่น “มีความสุขมากนักใช่มั้ย ที่ได้พรากคนที่เค้ารักกันให้จากกัน?”
ปานตะวันทั้งเจ็บปวด ทั้งอ่อนเพลียและมึนจึงได้แต่สะอื้น
นาคินทร์ว่าต่อ “เนียน!! คุณนี่มันเนียนจริงๆ”
ปานตะวันตาพร่าไปหมดและใกล้วูบเต็มที
“แต่เสียใจด้วย... คุณอาจจะเล่นละครตบตาคนได้ทั้งโลก... ยกเว้นผมคนเดียว!!” นาคินทร์บอก
นาคินทร์ผลักปานตะวันล้มฟุบลงบนเตียงพอดีกับที่ปานตะวันหมดสติจึงนอนนิ่ง นาคินทร์เดินออกไปอย่างไม่แยแสทิ้งปานตะวันเอาไว้ตรงนั้น
ประกายเดือนเดินอย่างเร่งรีบอยู่ริมถนน นัครินทร์ที่ขับรถตามหลังมาชะงักมอง
“ขาวๆ? คุ้นๆ?”
ประกายเดือนทำของตก เธอก้มลงเก็บจนเกือบจะเห็นก้น
นัครินทร์ตบพวงมาลัย “โป๊ะเช๊ะ!! ใช่เลย!! จำได้แม่น!!คุณเลขาฯ ขาวนี้ ไซส์นี้ ชัวร์!”
นัครินทร์หักพวงมาลัยไปเบรคเอี๊ยดเทียบข้างก่อนจะบีบแตรสนั่น
ประกายเดือนสะดุ้งสุดตัว “ไอ้บ้า!!จะบีบหาบรรพบุรุษแกรึไง?” ประกายเดือนเห็นว่าเป็นนัครินทร์ “ว้าย!! ท่านรอง?”
นัครินทร์มอง
“แรงนะ ล่อถึงบรรพบุรุษเลยเรอะคุณ?”
“แฮ่!! ก็บีบแตรดังง่ะ?” ประกายเดือนแหยๆ
ประกายเดือนนั่งอยู่ในรถข้างๆ นัครินทร์แล้ว
ประกายเดือนระวังตัวเล็กๆ “จริงๆไม่ต้องก็ได้นะคะเดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
นัครินทร์ปากเร็ว “อ้าว! งั้นขึ้นมาทำไม? ทำไมไม่เดิน?”
ประกายเดือนเหวอ “โห..”
นัครินทร์รีบ “ล้อเล่นๆ” นัครินทร์ทำกรุ้มกริ่ม “ไปทะเลสนุกเนอะ..ยิ่งตอนเล่นวอลเล่ย์บอล..หืมม”
ประกายเดือนรีบเอากระเป๋าปิดขาอ่อนตัวเอง
“เว่อร์และ ปิดทำไม ใครเค้าอยากดู?” นัครินทร์พึมพำ “สู้พี่สาวก็ไม่ได้ เซียะกว่าตั้งเยอะ”
ประกายเดือนตาวาว “ว่าไงนะ?”
นัครินทร์สะดุ้ง “หา?..เปล่าๆ..คือจะถามว่า..พี่สาวคุณเป็นไง เห็นนายอัคว่าเพลียๆ”
“ค่ะ..ก็..นอนพัก คงจะดีขึ้น”
นัครินทร์พยักหน้าหงึกๆ แล้วขับรถต่อไปอย่างเก็กๆ ประกายเดือนมองแล้วก็นั่งเก็กบ้าง
“ชาติก่อนเป็นกิ่งก่าหรอถึงได้นั่งเชิดขนาดนั้น” นัครินทร์ว่า
ประกายเดือนหันขวับ “ตายละ..ตอนเด็กๆกินขยะแทนนมเหรอคะ ปากถึงได้เหม็น”
นัครินทร์ขำก๊ากเพราะรู้สึกสนุกดี “อ๋อ..หรือว่าตื่นเต้นได้นั่งรถไปทำงานพร้อมว่าที่พี่เขยฮะ น้องเดือน”
“นี่!! หยุดเรียกตัวเองอย่างนั้นเลยนะคะท่านรองฯไม่มีทางได้เป็นหรอกค่ะ”ว่าที่พี่เขย” เพราะตะวันเค้าเกลียดผู้ชายขี้หลี แล้วอีกอย่างหยุดเรียกฉันว่า”น้องเดือน” ด้วยค่ะฟังแล้วขนลุก” ประกายเดือนทำท่าสยองขวัญ
นัครินทร์เบรคเอี๊ยดหน้าบริษัท
มอลลี่กับลูกกอล์ฟกำลังเดินชิวกินอาหารจุ๊บจิ๊บอยู่หน้าบริษัทฯ ชะงักตามเสียงรถเบรคพอเห็นว่าเป็นนัครินทร์กับประกายเดือนก็กระโดดหลบเพื่อแอบดู
นัครินทร์มองด้วยสายตาเจ้าชู้ “อ่ะ!!ถ้าไม่อยากให้เป็น “ว่าที่พี่เขย”แล้วจะให้เป็นอะไรดีล่ะฮะ..ถึงจะถูกใจ”
ประกายเดือนขยับหนี “ก็..ก็..ไม่ต้องเป็นอะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ เป็น “ท่านรองฯ” อย่างเดียวอ่ะดีแล้ว”
นัครินทร์เขยิบเข้าไปใกล้ทันที “ดีแล้วจริงเหรอ? ไม่ดีมั้ง?” นัครินทร์โอบเอวประกายเดือนกระชากมาชิดตัวทันที
“ว้าย!!”
มอลลี่กับลูกกอล์ฟตาโตและอ้าปากค้าง
“หึงใช่มั๊ยล่า รู้น้า..ไม่อยากให้ผมเป็นว่าที่พี่เขยเพราะจริงๆแอบชอบผมใช่มั๊ยล่าาา ฮ่าๆๆ” นัครินทร์หัวเราะ
ประกายเดือนหมั่นไส้สุดขีด “หืมม์..ค่า..ชอบมากค่าา!! นี่แนะ!”
ประกายเดือนทุบเปรี๊ยงเข้าที่หว่างขานัครินทร์เต็มแรงจนนัครินทร์ร้องจ๊าก มอลลี่กับลูกกอล์ฟตะลึงอาการนัครินทร์ที่แหงนหน้าอ้าปากร้อง ประกายเดือนจะออกจากรถแต่ทำของตกพื้นจึงก้มลงหยิบ มอลลี่กับลูกกอล์ฟช็อคเพราะภาพที่เห็นจากด้านนอกเหมือนประกายเดือนกำลังก้มลงไปทำอะไรให้นัครินทร์ดูชวนหวาดเสียวยิ่งนัก
ประกายเดือนรีบลงจากรถปิดประตูปังแล้วก็วิ่งแจ้นเข้าบริษัททันที มอลลี่กับลูกกอล์ฟอ้าปากค้าง ขนมหล่นลงพื้น ทั้งสองมองภาพเด็ดตรงหน้าอย่างตะลึงพรึงเพริศแล้วรีบวิ่งเข้าตึกไปทันที
นัครินทร์หน้าเขียวหน้าเหลือง “อูย..ยัย..ยัยเลขา..ตัวแสบ!”
ใบตองเดินถือตะกร้าผ้าผ่าหน้าห้องปานตะวันไปแล้วก็นึกได้ ใบตองชะงักก่อนจะสเต็ปถอยหลังมามองซ้ายมองขวาแล้วเงี่ยหูฟังที่ประตู เธอทำหน้าแปลกใจว่าทำไมเงียบกริบ ใบตองเซ็งที่ไม่มีเรื่องแล้วจะเดินต่อทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเหมือนคนล้มดังโครม ใบตองตกใจจึงรีบวิ่งกลับมาเคาะประตู
“คุณตะวัน คุณตะวัน?? เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
ใบตองเห็นเงียบก็ขยับลูกบิดประตูแต่ประตูไม่ได้ล็อค ใบตองเปิดเข้าไปทันทีก็เห็นปานตะวันนอนกองอยู่กับพื้น
ใบตองเสียงดังลั่น “คุณตะวัน!”
อัครินทร์ตรวจปานตะวันเสร็จ ปานตะวันนอนซึมอยู่บนเตียงโดยมีสาวิตรี นารถนรินทร์ และใบตองรายล้อมอยู่
“แม่ผิดเองที่บอกให้หนูตะวันไปเที่ยวทั้งที่ยังไม่ค่อยหายดีพอไปเจอลมทะเลแทนที่จะหายเลยยิ่งไปกันใหญ่” สาวิตรีบอก
ปานตะวันพูดอย่างแผ่วเบา “ไม่ใช่หรอกค่ะคุณแม่”
“ตากแดดเยอะไปรึเปล่า..พี่อัค?” นารถนรินทร์ถาม
อัครินทร์มองหน้าปานตะวัน “ก็..น่าจะหลายๆสาเหตุ”
ปานตะวันมองอัครินทร์ว่าอย่าพูดเลย
“ได้ยากับวิตามินบำรุงแล้วเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นครับ” อัครินทร์บอก
“งั้นเราให้พี่ตะวันพักผ่อนดีกว่าค่ะ อย่ากวนพี่เค้าเลย”
“จริงด้วยไปๆๆ” สาวิตรีพูดกับปานตะวัน “นอนเยอะๆหายเร็วๆนะจ๊ะ”
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณค่ะ”
ทุกคนเดินออกไปจนเหลืออัครินทร์ที่มองปานตะวันอย่างเห็นใจ อัครินทร์แตะหลังมือปานตะวันเบาๆ
“ไม่ไหวก็บอกนะครับ”
ปานตะวันอึ้ง
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง แต่ถ้ามันหนักเกินไปก็พูดบ้าง ระบายบ้าง” อัครินทร์ยิ้มน้อยๆ “คุณก็รู้ดี แผลที่มีหนองเราก็ต้องกรีดเอาหนองออกซะก่อน เก็บไว้..มีแต่จะเน่า- - จริงมั้ยครับ?”
ปานตะวันน้ำตารื้นก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “ฉันไหว..ขอบคุณค่ะ”
อัครินทร์อึ้งในความเข้มแข็งของปานตะวันจนต้องยอม
“พักผ่อนนะครับ”
ปานตะวันฝืนยิ้มให้ อัครินทร์เดินออกไป ปานตะวันสะอื้นดังขึ้นแล้วก็ร้องไห้แบบระเบิดออกมา
นาคินทร์ที่อยู่ในชุดทำงานเดินเหมือนจะออกไปทำงาน อัครินทร์เดินมาเจอพอดี
“พี่คิน..จะไปไหนครับ?”
นาคินทร์มองหน้าอัครินทร์คล้ายต้องการพูดว่าถามทำไม?
“คุณตะวันไม่สบาย” อัครินทร์บอก
นาคินทร์เฉย “ฉันกำลังจะไปทำงาน แกเองก็ด้วยนะนายอัค ป่านนี้คนไข้ไม่รอแกกันแน่นไอซียูแล้วหรอ?”
“คุณตะวันก็ต้องการการรักษาด้วยเหมือนกัน”
“เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว!!ทั้งแกแล้วก็ไอ้นัคด้วย!!” นาคินทร์บอก
อัครินทร์มองแล้วพูดลองใจ “ทำไมล่ะครับ? ในเมื่อคุณตะวันเค้าก็ทั้งสวย น่ารัก นิสัยดี”
นาคินทร์อึ้ง
“ที่สำคัญทุกคนในบ้านก็รักคุณตะวันกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะคุณพ่อ คุณแม่ ยัยนารถหรือแม้แต่ใบตอง” อัครินทร์บอก
นาคินทร์เมินหน้า
“รวมทั้งผมแล้วก็พี่นัค” อัครินทร์บอก
นาคินทร์ปราม “นายอัค!”
“พี่คินล่ะครับ? รักคุณตะวันด้วยมั้ย”
นาคินทร์พูดเสียงดัง “ไอ้อัค!!!”
อัครินทร์ไม่หยุด เขายิ้มแล้วพูด “คงจะไม่ผิดนะครับถ้าวันนึง คุณตะวันจะกลายเป็น”สะใภ้บ้านไกรตระกูล”
นาคินทร์ชกเปรี้ยงจนอัครินทร์ลงไปกองทันที “หุบปากได้แล้วไอ้อัค” นาคินทร์จ้องหน้ากันอัครินทร์ที่ีมีเลือดซึมมุมปาก “ผิดสิ!! มันผิดอย่างไม่น่าให้อภัย!! ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับแก หรือว่าไอ้นัคทั้งนั้น”
อัครินทร์มองแบบไม่หวั่น “แล้วพี่คินล่ะ?”
นาคินทร์โมโหจึงปรี่ไปกระชากคอเสื้ออัครินทร์เข้ามาแน่นอีก อัครินทร์มองเฉยด้วยสายตาท้าทาย นาคินทร์ผลักอัครินทร์ออกแล้วชี้หน้า
“อยู่ให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงอย่างปานตะวันไม่สมควรจะได้ความรักจากใครใน “ไกรตระกูล”ทั้งนั้น” นาคินทร์ตะคอก “จำไว้!”
อัครรินทร์อึ้ง เขามองหน้านาคินทร์อย่างไม่เข้าใจ นาคินทร์จ้องหน้าอัครินทร์อย่างเอาจริง
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 12 (ต่อ)
ประตูห้องปานตะวันเปิดผัวะ นาคินทร์ปิดประตูดังปังจนปานตะวันสะดุ้งเฮือก นาคินทร์พุ่งปราดมาถึงเตียงด้วยความรวดเร็ว
“คิดจะทำอะไร? คิดจะทำลายครอบครัวผมให้พังอีกงั้นนเหรอ อย่าหวังเลย!!”
ปานตะวันพูดเสียงแผ่ว “หิวน้ำ”
ปานตะวันยื่นมือจะหยิบน้ำ นาคินทร์ปัดมือ
“อดอยากปากแห้งมากล่ะสิ!”
ปานตะวันค่อยๆ มองนาคินทร์ชัดๆ
“คุณ..”
“ใช่!! นึกว่าไอ้โง่อัค รึ ไอ้โง่นัคล่ะ?”
ปานตะวันกัดฟันพยายามจะลุกแต่ก็ลุกไม่ไหว
“เลิกสำออย เลิกเล่นละครได้แล้วผมไม่ได้โง่ให้คุณตบตาได้เหมือนไอ้ 2 คนนั่นหรอกนะ เมื่อวานเล่นเป็น ”ดาวยั่ว” ตกดึกกลายเป็น ”นางร้ายแย่งสามีชาวบ้าน” วันนี้คิดจะเป็น ”นางเอกผู้น่าสงสาร” นาคินทร์ส่ายหน้า “คุณนี่มัน..ผมไม่รู้จะเปรียบคุณกับอะไรดี”
“พล่ามจบรึยัง?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์ชะงัก “ว่าไงนะ?”
ปานตะวันพูดอย่างไม่กลัว “ฉันถามว่าพล่ามจบรึยัง?”
“นั่นไง?? คุณนี่มันร้ายจริงๆ!”
“พล่ามจบแล้วก็ออกไปซะที!!” ปานตะวันว่า
นาคินทร์จับสองมือของปานตะวันไว้แล้วจูบอย่างแรงด้วยแรงแค้น ปานตะวันพยายามจะบิดหน้าหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ นาคินทร์ล็อคตะวันไว้อย่างไม่อาจขัดขืน
จามจุรีตกใจจนทำซองผ้าป่าร่วงโพล๊ะ
“คุณพระช่วย!!”
คนจับกลุ่มเม้าท์กันอยู่ ลูกกอล์ฟก้มเก็บซองผ้าป่าคืนจามจุรี
“งานนี้คุณพระก็คงจะช่วยไม่ได้ล่ะค่าาา คุณเจเจ จริงมั้ยไอ้ลูกกอล์ฟ” มอลลี่ว่า
“จริง!!!” ลุกกอล์ฟตอบทันที
“นี่!! สมรศรีพูดจาโกหกส่อเสียดให้ร้ายผู้อื่นมันเป็นบาปนะยิ่งเม้าท์เจ้านายด้วยล่ะก้อ..” จามจุรีว่า
มอลลี่สวน “เรื่องจริ๊ง..ไม่ได้เม้าท์ เห็นเต็มๆ 2 ลูกกะตา รวมไอ้ลูกกอล์ฟด้วยเป็น 4 จริงมั้ยไอ้ลูกกอล์ฟ”
ลูกกอล์ฟตอบทันที “จริง!!!”
“ ไอ้เราก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าท่านรองฯน่ะ แซบขนาดไหน แต่ไม่นึกว่า” มอลลี่ทำท่าขนลุก “อึ๊ยย !! จะกลางวันแสกๆ..ในรถ..หน้าบริษัท!! อร๊ายย!” มอลลี่ทำท่าโอเว่อร์ “มอลลี่สะพรึงกลัวมาก
ปาริฉัตรอึ้ง
“สะพรึงอะไรเห็นจ้องตาไม่กระพริบ?” ลูกกอล์ฟว่า
“อีบ้า!! แกก็ด้วยแหละ” มอลลี่ด่า
จามจุรีทำท่าสะพรึง “ตายจริง..ท่านรองฯ โธ่เอ๊ย!! เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายิ่งวันยิ่งแรง”
มอลลี่สวนทันที “แต่ที่แรงกว่าต้องนี่เลยจ้า คุณเลขาฯ เดือน!”
ประกายเดือนหอบแฟ้มเข้ามาแล้วก็ชะงักแต่ยังไม่มีใครเห็น
“ยังไง?? ประกายเดือนยังไง?” จามจุรีถาม
“จะยังไงคะคุณเจเจ? ไอ้ของแบบเนี้ย ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ ถ้าท่ารองฯ เสนอแล้วคุณเลขาฯเธอไม่สนอง จะได้ร้องกันลั่นรถขนาดนั้นเหระคะ? จริงมั้ยไอ้ลูกกอล์ฟ” มอลลี่บอก
ลูกกอล์ฟเห็นประกายเดือนแล้ว เธอเริ่มพยายามส่งซิกแต่มอลลี่ยังเม้าท์เพลินอยู่
ประกายเดือนยืนฟัง “แล้วยังไงอีก?”
จามจุรีเห็นประกายเดือนก็ร้องแฮ่ๆ แต่มอลลี่ไม่รู้
มอลลี่พูดเสียงสูง “แล้วยังไงอี๊ก? ก็ต้องขอบอกว่านางแรงมว๊ากกกก สิคะคุณเจเจ วันนึงก็ท่านประธาน อีกวันก็ท่านรองฯ สรุปนางจะฟาดทั้งพี่ทั้งน้องงี้?? แล้วอีกหน่อยเราจะเรียกนางว่าไรดีล่ะคะ?? อีหนูท่านประธาน รึ อีหนูท่านรอง? รึ อีหนูทั้งพี่ทั้งน้อง?? กร๊ากๆๆๆ ฮามั้ยไอ้กอล์ฟ? ฮามั้ย? กร๊ากๆ”
ลูกกอล์ฟทำหน้าไม่ถูก จามจุรีเริ่มสวดมนต์
“ว่าแต่คุณน้องฉัตรเถอะ วันๆเอาแต่นั่งเชยเฉื่อยแฉะเฝ้าหน้าห้องอยู่อย่างนี้มากี่ปีแล้วคะ คุณเลขาเดือนนางมาแป๊บเดียวปาดหน้าเค้กไปกินซะ 2 เลย....ไหวมั้ยคะเนี้ย?? กร๊ากๆๆ ฮามั้ยไอ้กอล์ฟ? ฮาเนอะกร๊ากๆ” มอลลี่ว่า
ประกายเดือนโยนแฟ้มลงพื้นบริเวณกลางวงของมอลลี่โครมทำให้วงแตกทันที
มอลลี่ตกใจ “ว้าย!!”
“ฮาพอรึยัง?” ประกายเดือนถาม
มอลลี่อึ้ง “อีกอล์ฟ!! ทำไมไม่บอก?”
“ก็บอกแล้ว”
มอลลี่เสียงหวาน “ว่าไงจ๊ะน้องเดือน ไปเที่ยวทะเลมาหนุกมั้ยจ๊ะ?”
“ตกลงคิดออกรึยังว่าจะเรียกว่าอะไรดี?? อีหนูท่านประธาน? อีหนูท่านรองรึ คุณนายทั้งพี่ทั้งน้อง”
มอลลี่สะดุ้ง “แฮ่....” มอลลี่เฉไฉไปฉกซองผ้าป่าในมือจามจุรีมาก้มหน้าก้มตาดู “ไหนคะคุณเจเจ...ผ้าป่าวัดไหน?? ส้าธุๆๆไปค่ะ...ไป สนทนาธรรมทางนู้นกันดีกว่า”
มอลลี่กระชากจามจุรีออกไปเลย ลูกกอล์ฟวิ่งตามจนเหลือประกายเดือนกับปาริฉัตร ประกายเดือนก้มเก็บแฟ้มมายื่นให้ปาริฉัตร
ปาริฉัตรทำเฉย ไม่รับ และจ้องหน้า “แรด!”
ประกายเดือนโยนแฟ้มโครมลงบนโต๊ะตรงหน้าปาริฉัตรทันที “ว่าไงนะ?? พูดอีกทีซิ!”
ปาริฉัตรจ้องหน้าอย่างไม่สะท้านแล้วก็พูดชัดๆ “แรด เธอมันแรด!”
ประกายเดือนฉุนขาดแล้วปรี่จะเข้าไปเอาเรื่อง แต่นัครินทร์ส่งเสียงเข้ามาก่อน
“เอกสารได้รึยังคร้าบ...คุณเลขาฯ?”
ทั้งสองคนชะงัก นัครินทร์เดินมาถึงตัว
“เอาให้พี่คินเซ็นต์รึยัง?? ผมรีบ!!”
ประกายเดือนพูดเสียงเขียว “ยังค่ะ!!”
นัครินทร์มองปาริฉัตร “อ้าว?”
“คือ...ท่านประธานยังไม่เข้ามาเลยค่ะ”
“เฮ่ย!! ไงเนี่ย?? ป่านนี้แล้วยังไม่เข้ามาได้ไง?? เดี๋ยวนี่พี่คินชักจะเกเรใหญ่แล้ว” นัครินทร์โม้ “สู้ผมก็ไม่ได้” นัครินทร์เหล่เดือน “เออ...ว่าแต่นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่ามั้ยฮะ?? ผมหิวว”
ประกายเดือนเห็นปาริฉัตรมองแล้วยังมีกลุ่มของจามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟซุ่มดูตาหูผึ่งอยู่อีกมุมนึงก็จัดทันที
ประกายเดือนยั่ว “จัดให้เลยค่ะท่านรองขา เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันให้อิ่มเลย”
ปาริฉัตรอึ้ง
นัครินทร์งงว่าทำไมคราวนี้ง่ายจัง “จริงอ่ะ?”
“จริงสิคะ” ประกายเดือนเหล่กลุ่มสามคน “ก็เมื่อเช้ากินมาน้อย กินได้หน่อยเดียว...มันไม่อิ่ม!”
ทั้งสามคนฮือฮาพร้อมกับบอกว่าเห็นมั้ยๆๆ
นัครินทร์ทำซื่อ “ตายๆ เห็นตัวเล็กๆไม่ยักกะรู้ว่ากินจุได้เลยฮะ เดี๋ยวผมจัดให้แน่นๆเอาให้ อิ่มถึงพรุ่งนี้เลยดีมั้ย?”
ทั้งสามตาเหลือกเพราะคิดทะลึ่ง!!!
“ดีค่ะ!! ไปกินกันเลยค่ะ..ท่านรองฯ” ประกายเดือนบอก
ประกายเดือนควงนัครินทร์ที่ยังงงๆ แต่ก็ดีใจจึงเดินลิ่วออกไป ทั้งสามคนรีบวิ่งมาสมทบปาริฉัตรที่นั่งอ้าปากค้าง
“เห็นมั้ย? ชัดมั้ย? เชื่อรึยังว่ามอลลี่ไม่ได้เม้าท์ โหย...ไม่อายผีสางนางไม้ นี่อีกนิด นึงคงขึ้นมากินกันบนโต๊ะน้องฉัตรละมั๊งเนี่ย”
“ตายจริง...หนูเดือน...เห็นเรียบร้อยน่ารัก เฮ้อ!! ไม่น่าเชื่อเลย” จามจุรีบอก
ลูกกอล์ฟส่ายหน้า “สาวๆสมัยนี้นางแรงจริงๆเหอะ”
“คุณเจเจว่าไงคะ ถ้าไม่ปรามกันซะมั่ง มีหวังนางคงฟาดผู้ชายไปทั่วบริษัทฯ ไม่เว้นแม้ไอ้ลูกกอล์ฟยันลุงยามยิ้มแน่ๆ”
“คุณพระ!!” จามจุรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันจะปรามนางยังไงดีล่ะเนี่ย โอย...จะเป็นลม!”
ปาริฉัตรตาวาวและอมยิ้มเพราะคิดแผนออก
ปานตะวันโดนนาคินทร์โยนเสื้อผ้าใส่หน้าโครม
“ใส่ซะ!!” นาคินทร์บอก
นาคินทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะเดินออก
“ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์ชะงักแล้วหันกลับมามอง
“เกลียดฉัน แล้วมานอนกับฉันทำไม? เงินก็มีทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่น”
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ “ผมจะต้องไปโง่เปลืองเงินทำไมในเมื่อผมนอนกับคุณได้ฟรีๆไม่ต้องจ่ายตังค์”
ปานตะวันโกรธจนน้ำตาไหล “คุณ!” ปานตะวันสะอื้น “บอกฉันมาซักทีได้มั้ย? ฉันไปทำอะไรให้คุณ คุณถึงต้องทำร้ายฉันขนาดนี้”
“ผมบอกคุณแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
ปานตะวันปรี๊ดแตก “ทำไม?? จะให้ฉันรอไปถึงไหน บอกมาซะทีว่าฉันผิดอะไรฉันจะได้รู้ ฉันจะได้ชดใช้คุณให้มันหมดสิ้นหมดเวรหมดกรรมกันไปซะที”
นาคินทร์ส่ายหน้า “ไม่..ผมไม่ชอบแบบนั้น”
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความว่า ผมจะให้คุณชดใช้ให้ผมก่อน แล้วผมถึงจะบอกให้คุณรู้ว่า คุณทำผิดอะไรต่อผม” นาคินทร์ว่า
ปานตะวันอึ้งแล้วจ้องอย่างไม่อยากเชื่อ เธอส่ายหน้าช้าๆ “บ้า..คุณมันบ้าชัดๆ”
นาคินทร์พยักหน้าหงึกๆ “ก็อาจจะใช่..นับตั้งแต่คุณทำให้ผมเป็นบ้าแบบนี้”
ปานตะวันมองอย่างไม่เข้าใจ
"เอาเป็นว่า ต่อไปนี้เลิกถามผมซะทีนะว่าคุณทำผิดอะไร ก้มหน้าชดใช้กรรมไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะสะใจ จะหายแค้น” นาคินทร์ก้มหน้าเข้ามาใกล้ “รู้ไว้อย่างเดียวว่าผม..เป็น ‘เจ้ากรรม นายเวร’ ของคุณ..ก็พอ”
พูดจบนาคินทร์ก็เดินออกไปจากห้องโดยทิ้งให้ปานตะวันร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
อัครินทร์ร้องจ๊ากที่แพรวพรรณรายเอาน้ำแข็งมาประคบมุมปากให้อย่างแรง
“โอ้ย! พอแล้วๆ...ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง” อัครินทร์ว่า
แพรวพรรณรายสะบัด “เออ!! คนเค้าอุตส่าหวังดี เห็นว่าปกติก็หน้าแย่อยู่แล้วงั้นก็เชิญหน้าแย่หนักกว่าเก่าไปเหอะ”
“โห..เป็นชุดเลยแม่คุณ” อัครินทร์ว่า
“เอ้า!! งั้นก็รีบเล่ามาเร็วๆ ตกลงพี่ชายคุณกับเพื่อนฉันมันยังไง? เล่ามาให้หมดนะ” แพรวพรรณรายว่า
“นี่!! ผมผู้ชายนะ!! ไม่ได้ขี้เม้าท์เรื่องชาวบ้านอย่างพวกคุณนะ”
“พวกคุณนั่นแหละตัวดี!! พวกผู้ชายนี่แหละ ขี้เม้าทน่ากลัวที่สุด” แพรวพรรณรายตวาด “ว่ามา!”
อัครินทร์ถอนใจ “เฮ้อ! ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขั้น”
“เอ๊าา?!”
“รู้แต่ว่าเค้า 2 คน ต้องมีเรื่องกัน”
แพรวพรรณรายตาโต “มีเรื่อง เรื่องอะไร?”
อัครินทร์ส่ายหน้า “ไม่รู้..รู้แต่..ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยเห็นพี่คินเป็นแบบนี้”
แพรวพรรณรายมองอย่างงงๆ
อัครินทร์จ้องหน้าแพรวพรรณราย “ผมสงสารคุณตะวัน”
แพรวพรรณรายอึ้ง อัครินทร์สงสารปานตะวันจริงๆ
ปานตะวันสวมเสื้อเสร็จแล้วก็ค่อยๆทรุดลงนั่งหน้าโต๊ะกระจก เธอมองหน้าตาอันหมองเศร้าของตัวเองในกระจก ภาพนาคินทร์ตอนที่พูดว่า “ก้มหน้าชดใช้กรรมไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะสะใจ หายแค้น” แวบมาในหัว
ปานตะวันมองกระจกน้ำตาคลอ
ภาพตอนที่นาคินทร์ขืนใจปานตะวันแวบมา ปานตะวันเจ็บปวดสุดๆ
ภาพตอนที่นาคินทร์พูด “รู้ไว้อย่างเดียว..ผมเป็นเจ้านายเวรของคุณ!!” แวบเข้ามา
ปานตะวันน้ำตาหยดติ๋งๆ
ปานตะวันคิดหน้ามั่น “ทำไมฉันต้องยอมรับในสิ่งที่คุณคิด” ปานตะวันปาดน้ำตา “ชีวิตของฉันไม่ใช่ชีวิตทาสของใคร โดยเฉพาะคุณ..คุณนาคินทร์!”
ปานตะวันทำสายตาแน่วแน่ พร้อมสู้แบบหลังชนฝาแล้ว
นัครินทร์เดินลูบพุงมากับประกายเดือนด้วยอาการอิ่มมาก
“แซบจริงๆนะฮะ.. อิ่มถึงพรุ่งนี้แน่ๆ..ว่ามั๊ยฮะ?” นัครินทร์ถาม
เสียงเคที่ดังขึ้น “อิ่มมากมั้ย..นัคกี้”
นัครินทร์กับประกายเดือนอึ้ง ทั้งสองเห็นเคที่ ยืนตาขวางจังก้าอยู่ ทันใดนั้น วีวี่ก็โผล่มาอีกคน
นัครินทร์เสียงดังลั่น “เคที่?”
“โอ้ปป้า!” วีวี่ทำหน้าจะร้องไห้ “ไปกินอะไรมาคะ”
นัครินทร์เสียงดังลั่น “วีวี่ มาได้ไงเนี่ย?”
ประกายเดือนหันขวับไปที่ ‘ปาริฉัตร’ อย่างรู้เท่าทัน ปาริฉัตรทำหน้าตาเฉย ในขณะที่ มอลลี่กับลูกกอล์ฟ เกาะติดสถานการณ์แน่นอยู่ข้างโต๊ะปาริฉัตร
เคที่ปรี่มากระชากประกายเดือนทันที “คิดจะแย่งแฟนฉันเหรอ?”
วีวี่ปรี่มากระชากประกายเดือนด้วย “แฟนวีวี่ด้วย!”
“เฮ่ยๆๆ!!สต๊อปๆๆ!!ใจเย็นก่อน” นัครินทร์บอก
เคที่แว๊ด “ไม่เย็นแล้ว!!มิน่า..โทรมานัคก็ไม่รับถามนังนี่ก็บอกนัคกี้ไม่อยู่” เคที่พูดกับประกายเดือน “ที่แท้ก็แผนของแกนี่เอง..นังเลขาฯ”
เคที่ตบเปรี๊ยงจนประกายเดือนกระเด็น
นัครินทร์จะปรี่ไปประคองประกายเดือน “คุณเดือน!”
เคที่ตามมาจิกนัครินทร์ไว้
“ยูบ้าไปแล้วเคที่!! Stupid !” นัครินทร์ว่า
เคที่ตกใจ “นัคกี้ด่าเคที่!! นัคกี้ไม่เคยด่าเคที่!! เคที่ไม่ย้อมมม!”
เคที่เหวี่ยงนัครินทร์กระเด็นไปก่อนจะเข้ามาเงี้อมมือวีวี่ล็อคไว้แล้วกระโดดหนีบนัครินทร์ไว้แน่น
“ปล่อยๆๆ” นัครินทร์ดิ้น
วีวี่รัดแน่น “ไม่ปล่อยก่ะ!! วีวี่จะไม่ปล่อยโอ้ปป้าก่ะ!”
เคที่ชี้สั่ง “จับไว้นังกิมจิ!! จับนัคกี้ไว้!!”
วีวี่ตะโกนบอก “โอเค๊!! นังฝรั่ง” วีวี่สั่ง “ตบมันเลยก๊ะ..ตบมันเลย”
นัครินทร์ดิ้นแด่กๆ “อย่านะเคที่..อย่า”
เคที่ปรี่จะจิกประกายเดือนมาตบ ประกายเดือนพยายามสู้แต่เคที่ตัวใหญ่กว่าเยอะเลยได้เปรียบ ซักพักนัครินทร์ก็เหวี่ยงวีวี่กระเด็นไปล้มใส่มอลลี่กับลูกกอล์ฟล้มระเนระนาดแล้ววิ่งไปกระชากเคที่ก่อนจะผลักจนกระเด็นแล้วประคองกอดประกายเดือนไว้
จามจุรีวิ่งตาเหลือกเข้ามาพร้อมกับ รปภ. ยิ้ม และรปภ.อีกคนนึงเพื่อจะมาเคลียร์พื้นที่ ทุกคนเรียกลูกกอล์ฟมาช่วยกันล็อคเคที่กับวีวี่ไว้ได้สำเร็จ
นัครินทร์อาละวาด “ออกไป๊!!ถ้ายังมาก่อเรื่องที่นี่อีก ฉันจะเรียกตำรวจมาจับ!!”
ปาริฉัตรอึ้ง ทุกคนหัวหด
เคที่กับวีวี่โวยวาย “นัคกี้ !! โอ้ปป้าใจร้าย”
เคที่ชี้หน้า “เพราะแกคนเดียว!! อีนังเลขาฯ”
นัครินทร์แว๊ดลั่น “ลากตัวออกไป๊!!”
“คับพ้ม!!” รปภ.ยิ้มรับคำ
เคที่กับวีวี่ถูกลากตัวออกไปทั้งที่ยังโวยวาย
นัครินทร์ประคองประกายเดือน “เจ็บมากมั๊ยฮะ?”
ประกายเดือนเจ็บจริงๆ ปาริฉัตรเบะหน้าสมน้ำหน้า ประกายเดือนมองเห็นก็เล่นละครทันที
“โอ๊ย..เจ็บค่ะ เจ็บมาก”
ปาริฉัตรตาโตคิดในใจว่านังนี่
“ไหนครับ” นัครินทร์เป็นห่วงจริง “เจ็บตรงไหน?”
“เจ็บหมดค่ะ..ตรงนี้ๆๆ” ประกายเดือนบอก
นัครินทร์เงยหน้าขึ้นมองปาริฉัตร มอลลี่ ลูกกอล์ฟ จามจุรี “เอ๊า!! มัวแต่มายืนเซ่อกันอยู่ทำไมฮะ?? มาช่วยกันหายามาทำแผลสิฮะ”
ทุกคนอึ้งก่อนจะรีบวิ่งกระจัดกระจายไป
นัครินทร์เสียงดังลั่น “เดี๋ยว!!”
ทุกคนหยุดชะงักท่าไหนท่านั้น แล้วทุกคนก็หันมาฟัง
นัครินทร์พูด “ต่อไปนี้ ถ้าใครปล่อยให้ 2 คนนี้ขึ้นมาวุ่นวายบนนี้ได้อีกล่ะก็..ผมจะไล่ออกหมด!!!เข้าใจมั้ย”
ปาริฉัตรอึ้ง! ทุกคนตะลึง !
นัครินทร์เสียงดังลั่น “เข้าใจมั้ย?”
“เข้าใจค่ะ,ครับ”
แล้วทุกคนก็วิ่งต่อไปยกเว้นปาริฉัตรที่จ้องประกายเดือนอยู่ ประกายดือนหลิ่วตาให้ปาริฉัตรอย่างยั่วโมโหสุดๆ ก่อนจะโอดโอยใส่นัครินทร์ต่อไป ปาริฉัตรแค้นมาก
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 12 (ต่อ)
ยามค่ำ นารถนรินทร์ทำกายภาพในระดับที่คืบหน้าไปมากกว่าเดิมซึ่งนารถนรินทร์ทำได้ดีมาก สุดท้ายเธอก็โผเข้ากอดปานตะวันที่ดีใจมากเช่นกัน
“นารถทำได้แล้ว!! ทำได้จริงๆด้วยค่ะพี่ตะวัน”
ปานตะวันยิ้มให้
“ขอบคุณพี่ตะวันมากนะคะ ที่อดทนกับนารถมาตลอดถ้าไม่มีพี่ตะวัน ความฝันของนารถคงไม่มีทางเป็นจริงแน่ๆ อ้อ! ต้องขอบคุณพี่คินอีกคนสิที่พาพี่ตะวันมาหานารถ”
ปานตะวันยิ้มฝืดๆ เธอคิดในใจว่าเราต้องอดทนมากจริงๆ
“อ้อ! แต่นารถของร้อง..อย่าเพิ่งบอกกับใครว่านารถเก่งขึ้นมากแล้วนะคะ ไม่ว่าใครทั้งนั้น แม่แต่คุณพ่อคุณแม่ เพราะนารถอยากเซอร์ไพรส์ทุกคน อยากจะเดินให้ ทุกคน โดยเฉพาะพี่วิทย์ได้เห็นเป็นครั้งแรกในงานแต่งงานของเรา”
ปานตะวันมองอย่างซึ้งใจ
นารถนรินทร์นึกได้ “เออ จริงสิ!!นารถมีอะไรให้พี่ตะวันดูค่ะ”
“อะไรเหรอคะ?”
นารถนรินทร์เปิดคอมพิวเตอร์ดูเว็บฯ ชุดเจ้าสาว
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง “นารถอยากให้พี่ตะวันช่วยดูแบบชุดแต่งงานที่นารถเลือกไว้ค่ะ เลือกไว้เยอะเลยแต่ตัดสินใจไม่ถูก”
ปานตะวันมองนารถนรินทร์ด้วยความจริงใจ “พี่ดีใจกับน้องนารถจริงๆนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ อ้อ! ห้ามบอกทุกคนด้วยนะคะเรื่องชุดเนี่ย โดยเฉพาะพวกพี่นัคกับพี่อัค ปากตะละคน..น่ากลัวมาก”
ปานตะวันอมยิ้มน้อยๆ นารถนรินทร์เปิดดูรูปไปเรื่อยๆ แล้วก็พูด
“จะมีก็พี่คินนี่ล่ะ..น่ารักที่สุด”
ปานตะวันหุบยิ้มทันที
“ผู้ชายอะไรไม่รู้ ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก ใจดี” นารถนรินทร์แอบยิ้ม “นี่ถ้านารถไม่ใช่น้องสาวนะ ชาตินี้จะไม่ขอแต่งงานกับผู้ชายคนไหนเลยนอกจากพี่คินคนเดียว”
ปานตะวันหน้านิ่งเพราะไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว แต่นารถนรินทร์ยังคงแฮปปี้กับแบบชุดแต่งงานตรงหน้า ปานตะวันมองชุดแต่งงานแล้วก็สลด เธอคิดในใจว่าชาตินี้จะมีวันได้ใส่ชุดนั้นบ้างมั้ยนะ
ปานตะวันเพิ่งเสร็จงานจากห้องนารถนรินทร์เดินออกมาเจอกันกับอัครินทร์ที่เพิ่งกลับจากทำงาน
“คุณตะวัน!! ทำไมไม่นอนพักล่ะครับ ลุกขึ้นมาทำไม?” อัครินทร์ถาม
“ฉันแข็งแรงดีแล้วค่ะ” ปานตะวันบอก
“คุณน่ะเหรอครับแข็งแรง เมื่อเช้าร่างกายคุณยังอ่อนแอมากอยู่เลย”
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ “อ่อนแอ..แต่ก็ต้องรีบแข็งแรงให้เร็วค่ะ..จะได้ไม่เจ็บปวดไปยิ่งกว่านี้”
อัครินทร์อึ้งกับคำตอบของปานตะวัน
ปานตะวันเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นรอยช้ำที่มุมปากของอัครินทร์ “นั่นคุณไปโดนอะไรมาคะ”
อัครินทร์แตะมุมปากตัวเอง “เล็กน้อยครับ”
ปานตะวันมอง “มีเรื่องกับใครมาคะ?”
อัครินทร์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าช่างมันเถอะ
ปานตะวันอึ้ง “อย่าบอกนะคะว่า..คุณนาคินทร์”
“ดึกแล้ว..ไปนอนดีกว่านะครับ” อัครินทร์ยิ้มให้ “ฝันดีนะครับ”
อัครินทร์เดินออกไปทันที
ปานตะวันพึมพำ “ใจร้าย..คุณนี่มันใจร้ายเหลือเกิน..คุณนาคินทร์”
เช้าวันใหม่ นาคินทร์นั่งอยู่กับทวยเทพ สาวิตรีเอาอาหารเช้ามาเสริฟ์โดยเป็นไข่ดาว ขนมปังรูปยิ้ม เนย แยม กาแฟ ฯลฯ
“Breakfast ชุดสุดพิเศษจ๊ะพี่คิน” สาวิตรีบอก
นาคินทร์เห็นก็ยิ้มขำ “อะไรกันครับคุณแม่ยังกับของเด็กอนุบาล มีขนมปังยิ้มด้วย”
“เอ๊า!! บางทีคนเราก็ควรจะกลับไปเป็นเด็กบ้างไรบ้างสิจ๊ะ โลกมันจะได้สดใส ไม่ซีเรียส แม่เห็นหมู่นี้พี่คินเครี๊ยดเครียดไม่ค่อยจะมีรอยยิ้ม สงสัยจะทำงานหนักเกินไป แม่ก็เลยอยากให้พี่คินยิ้มบ้างไงจ๊ะ”
นาคินทร์หุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นปานตะวันเข็นนารถนรินทร์ออกมา
สาวิตรีพูดโดยยังไม่เห็นปานตะวัน “อ้าว!! ตะกี้ยิ้มหล่ออยู่ดีๆ หุบยิ้มซะแล้ว ทำไมล่ะพี่คิน?”
นาคินทร์จ้องหน้าปานตะวันที่เข้ามาที่โต๊ะ
นารถนรินทร์ตื่นเต้น “โห..อาหารเช้าพี่คินน่ารักอ่ะ”
ใบตองเสริ์ฟนารถนรินทร์ “ของคุณนารถก็มีค่าาา.. คุณตะวันด้วยนะคะ ยิ่งไม่ค่อยสบาย ยิ่งต้องโด๊ปให้หนักๆ”
ใบตองวางอาหารให้ปานตะวัน
“ไงลูก? ค่อยยังชั่วรึยังจ๊ะหนูตะวัน” สาวิตรีถาม
นาคินทร์มอง
“ตะวันแข็งแรงดีแล้วค่ะ”
“พี่ตะวันแข็งแรงมากจริงๆ นะคะคุณแม่ เมื่อคืนนี้ยังมาทำกายภาพให้นารถได้เลย”
“อย่างนั้นเลยเหรอลูก?” สาวิตรียิ้มภูมิใจ “เห็นตัวแค่นี้ไม่น่าเชื่อนะจ๊ะ”
“เค้าถึงบอกว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นไงครับ” นาคินทร์ว่า
ปานตะวันมอง นาคินทร์มองตอบ
นัครินทร์ส่งเสียงดังลั่นมา “ม้อนิ่งฮะ..ทุกคนฮะ...โห!! กำลังหิวเลย”
นัครินทร์คว้าจานของนารถนรินทร์ไปเอาใส่ปากเคี้ยวตุ้ย
นารถนรินทร์ตีเพียะ “พี่นัค!! ทุเรศที่สุดเลย”
สาวิตรีขำ “ใบตอง..ไปจัดให้คุณนารถใหม่ไป๊”
“ค่ะ” ใบตองรีบวิ่งออกไป
“ท่าทางวันนี้จะฝนตกหนัก ไอ้เจ้านัคตื่นแต่เช้า” ทวยเทพว่า
“ตื่นเพราะหิวสิฮะพ่อ เมื่อคืนกลับดึกไม่ได้กินอะไรด้วย” นัครินทร์บอก
ทวยเทพถาม “ไปไหนมาถึงกลับดึก?”
“อ่อ..” นัครินทร์มีพิรุธนิดหน่อย “ไปส่งคุณเลขาฯที่คอนโดฯฮะ”
ปานตะวันชะงักกึกด้วยความเป็นห่วงน้องสาวจึงถามเสียงแข็ง
“ทำไมต้องไปส่งคะ?!..เอ่อ..คือ..ฉันหมายความว่า..ยัยเดือนเป็นอะไรรึเปล่า คุณนัคถึงต้องไปส่งคะ?”
นาคินทร์มองปานตะวันที่เป็นห่วงน้อง
นัครินทร์พูดแบบมีพิรุธ “เปล่าฮะ คุณเลขาฯไม่ได้เป็นอะไรซักนิ้ดเลยฮะ คือ..เอ่อ..ก็พี่คินน่ะสิ..เกเรไม่เข้าบริษัทฯ พวกเราก็รอเคลียร์งานจนดึกก็ยังไม่ยอมมา ผมเห็นว่าดึกแล้วก็เลยอาสาไปส่งให้” นัครินทร์ทำกรุ้มกริ่ม “คุณตะวันจะได้สบายใจไม่เป็นห่วงน้องสาวไงฮะ”
“นั่นแหละ!! ไปกับพี่นัคนั่นแหละน่าเป็นห่วงที่สุด” นารถนรินทร์ว่า
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์มองปานตะวันแล้วก็คิดแผนได้
“อ้าวเฮ่ย!! พูดจางี้พี่เสียหายนะน้อง” นัครินทร์ว่า
“จริงสิ..นัค ลูกค้ารายใหญ่ของเราที่เมืองกาญจน์น่ะ นายได้ติดต่อพูดคุยกับเค้าบ้างรึเปล่า?” นาคินทร์ถาม
“จะคุยอะไรกันนักหนาฮะพี่คิน” นัครินทร์ว่า
“เฮ่ยๆๆ..ลูกค้ารายนี้เก่าแก่ตั้งแต่รุ่นพ่อ ต้องรักษาไว้ให้ดีนะ” ทวยเทพบอก
“นั่นสิ..ฉันว่าแกไปเยี่ยมเค้าซะหน่อยนะ”
“โอย..พี่คินไปเองสิฮะ”
นาคินทร์พูดด้วยน้ำเสียงมีนัยยะซ่อนเร้น “ไปค้างซักคืน 2 คืนพาคุณเดือนไปรู้จักกันไว้ด้วยก็ยิ่งดี”
ปานตะวันหันขวับมามองนาคินทร์
นัครินทร์ชะงักทันที “อ๊ะ? ไอเดียนี้ไม่เลวฮะ..น่าสนใจ”
“อย่าเลยนะคะคุณนัค” ปานตะวันบอก
นาคินทร์พูดทันที “ในฐานะประธานบริษัทฯ..นี่เป็นคำสั่ง!”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์หันไปมองปานตะวันแล้วยิ้มพิฆาต
ปานตะวันวิ่งมาทันนาคินทร์ที่กำลังเดินไปทำงาน
“คุณนาคินทร์”
นาคินทร์ชะงักแล้วหันมามอง
ปานตะวันเสียงแข็ง “จะแก้แค้นให้สะใจ จะให้ชดใช้เวรกรรมอะไรของคุณก็ขอให้เป็นฉัน คนเดียว ยัยเดือนไม่เกี่ยวอะไรด้วย” ปานตะวันเสียงสั่น “อย่ายุ่งกับประกายเดือน..ฉันขอร้อง”
“ถ้าอยากจะทำให้ใครเจ็บปวดที่สุดก็ต้องทำร้ายคนที่เค้ารักที่สุด”
ปานตะวันปรี้ด “เลว” ปานตะวันพุ่งเข้าทุบไม่ยั้ง “คุณมันเลวๆๆ”
นาคินทร์จับรวบมือไว้แล้วผลักลงไปกองกับพื้น
“ถ้าผมเลว!! คุณก็เลว”
ปานตะวันตวัดสายตามองอาฆาต
“เพราะสิ่งที่ผมกำลังทำกับคุณมันก็คือสิ่งที่คุณเคยทำกับผมเหมือนกัน”
พูดจบนาคินทร์ก็เดินออกไป
ปานตะวันร้องเรียก “คุณนาคินทร์!! ฉันขอร้อง!! คุณนาคินทร์”
ประกายเดือนชงกาแฟไป คุยโทรศัพท์ไป
“เว่อร์แล้วตะวัน!! แค่ไปเยี่ยมลูกค้าไม่ได้ถูกพาไปฆ่าซะหน่อย ทำไมต้องทำเสียงน่ากลัวซะขนาดนั้น”
ปานตะวันคุยโทรศัพท์ด้วยหน้าตาที่เป็นกังวลมาก
ปานตะวันดุ “เดือน!! พี่ไม่ได้พูดเล่น!! พี่เป็นห่วงเดือนมากนะ
“โห..ดุอีกแล้ว หมู่นี้เป็นไรอ่ะ..ดุจัง”
ปานตะวันเสียงอ่อนลง “เดือน..พี่อยากให้เดือนลาออก”
“บ้า!!! ลาออก??? นี่หายไม่สบายรึยังเนี่ย?? เพ้อรึเปล่า?”
“พี่พูดจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น”
“ตะวัน..เงินเดือนขนาดนี้ แถมอีตาท่านรองฯ ยังให้เปอร์เซ็นต์พิเศษเค้าด้วย เดือนละตั้งหลายตังค์ อย่างนี้เค้าจะไปหาที่ไหน”
“เปอร์เซ็นต์พิเศษ?? เปอร์เซ็นต์อะไร??” ปานตะวันถาม
“ก็ทุกงานที่เค้าช่วยปิดจ็อบเจราจาลูกค้าได้น่ะสิ..อีตาขี้หลีนั่นมันให้เค้าตลอดเลย” ประกายเดือนบอก
“ยิ่งไม่น่าไว้ใจแล้วเดือน นี่คิดจะเอาเงินฟาดหัวกันล่ะสิ พี่น้องเลวเหมือนกันไม่มีผิด”
ประกายเดือนงง “ตะวัน? ตะกี้ว่าไงนะ..พูดกะเค้ารึเปล่า?”
“เดือน!! พี่ขอสั่งให้เดือนลาออกเดี๋ยวนี้!!” ปานตะวันเสียงเข้ม
ปาริฉัตรโผล่เข้ามาพอดี สองสาวจ้องตากัน
“แค่นี้ก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน” ประกายเดือนจ้องปาริฉัตร “ตอนนี้ดูเหมือนจะมีคลื่นแทรก น่ารำคาญ” ประกายเดือนวางสายทันที
ปานตะวันตะโกน “เดือนๆๆ ฮาโหลๆ เดือน!!” ปานตะวันถอนใจด้วยความเป็นกังวล “เดือน..ทำไมถึงเป็นอย่างนี้!!”
ประกายเดือนกับปาริฉัตรยังจ้องหน้ากัน
“ใครคลื่นแทรก? ใครน่ารำคาญ?” ปาริฉัตรถาม
“ก็ใครล่ะที่เพิ่งโผล่มา” ประกายเดือนบอก
“ชักจะซ่าขึ้นทุกวันแล้วนะ ถือว่าเป็นอีหนูท่านรองฯ แล้วซ่าได้เหรอนังเดือน?”
“ก็เออสิ..นังฉัตร!!”
ปาริฉัตรคว้าแก้วน้ำแถวนั้นสาดใส่ประกายเดือนทันที
“เฮ้ย!!”
ปาริฉัตรหัวเราะชอบใจ ประกายเดือนเอาถ้วยกาแฟในมือสาดใส่ปาริฉัตรทันที
“กริ๊ดด” ปาริฉัตรดิ้นเร่าๆ ด้วยความร้อน
“แหม..เสียดาย ร้อนน้อยไปหน่อย ตะกี้มัวแต่คุยโทรศัพท์ไม่งั้นล่ะ” ประกายเดือนทำหน้าโหด “แกพองทั้งตัวแน่..นังฉัตร!!”
พูดจบประกายเดือนก็สะบัดตัวจะเดินออก ปาริฉัตรจิกหัวประกายเดือนจนหน้าหงาย
“จะไปไหน นังเดือน!”
ปาริฉัตรจิกหัวประกายเดือนโขกลงกับโต๊ะไม่ยั้งจนเธอมึนและลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
“รู้จักปาริฉัตรน้อยไปแล้วนะแก”
ปาริฉัตรกำลังจะตามไปขย้ำแต่มอลลี่กับลูกกอล์ฟเดินเข้ามาร้องกริ๊ดลั่นเสียก่อน
มอลลี่กับลูกกอล์ฟร้องลั่น “ว้าย!! เกิดอะไรขึ้น? ช่วยด้วยๆๆ”
ปาริฉัตรชะงักแล้วเปลี่ยนจากหมาบ้าเป็นแมวเหมียวทันที
“พี่มอลลี่ช่วยด้วยค่ะ อยู่ๆ คุณเดือนก็เป็นลมล้มวูบ” ปาริฉัตรตะโกนเนียน “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ทั้งสองคนช่วยประกายเดือน ปาริฉัตรแอบสะใจ
ปานตะวันร้อนใจ
“ช่วยยัยเดือนด้วยได้มั้ยคะ..คุณอัค..ฉันข้อร้อง”
“ผมไม่เข้าใจน่ะครับว่าทำไมคุณตะวันถึงอยากให้ผมบอกพี่นัคเลิกจ้างคุณเดือน”
“ก็..เอ่อ..คือ..” ปานตะวันพูดไม่ได้
“คุณตะวันครับ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะเล่าให้ผมฟังบ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉัน..” ปานตะวันมองหน้าอัครินทร์อย่างลำบากใจที่สุด “ฉัน..”
อัครินทร์มองอย่างรอฟัง
“ฉัน..” ปานตะวันตัดสินใจไม่พูด เธอเบือนหน้าหนี
ทันใดนั้นมือถืออัครินทร์ก็ดังขึ้น
“ไง..พี่นัค” อัครินทร์ฟัง “อะไรนะ?” อัครินทร์มองปานตะวัน “คุณเดือนทำไมนะ?”
ปานตะวันหันขวับ “เดือน! เดือนเป็นอะไร?? เกิดอะไรขึ้นกับเดือน?”
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่าสัญญาแค้น ตอนที่ 12 (ต่อ)
อัครินทร์กับปานตะวันวิ่งพรวดโดยมี รปภ. ยิ้มนำทางเข้ามา
“ทางนี้ครับผมทางนี้”
อัครินทร์กับปานตะวันวิ่งพรวดไปถึงห้องทำงานอัครินทร์แล้วเปิดประตูพรวด ปานตะวันถลาเข้าไป
หาประกายเดือนที่นอนอยู่บนโซฟาโดยมีจามจุรีจ่อยาดมที่จมูก มอลลี่กับลูกกอล์ฟยืนเป็นไทยมุง นัครินทร์
เดินไปเดินมาเป็นเสือติดจั่น
ปานตะวันเป็นห่วงมาก “เดือน!! เดือนเป็นอะไร” ปานตะวันตวัดสายตานางเสือไปทั่วจนทุกคนสะดุ้งโหยง “ใครทำอะไรเดือน?”
“เฮ่ย!! ผมป่าวนะฮะ!! คือ..คุณมอลลี่กะคุณลูกกอล์ฟ..”
มอลลี่กับลูกกอล์ฟร้อนตัวสะดุ้งเฮือก “เราไม่ได้ท๊ำา”
ปานตะวันตวาดแว๊ด “งั้นใครทำ?”
“ใจเย็นสิฮะ..ผมยังพูดไม่จบเลยฮะ คือคุณมอลลี่ กะคุณลูกกอล์ฟตะโกนร้องให้ช่วยลั่นเลย ผมกับคุณจามจุรีวิ่งไปดูก็เห้นคุณเลขาฯล้มกองอยู่กับพื้นในห้องกาแฟแล้ว ผมตกใจไม่รู้จะทำยังไงก็เลยรีบโทรหาไอ้อัคให้มาดูน่ะฮะ” นัครินทร์เล่า
ทันใดนั้นประกายเดือนก็รู้สึกตัว เธอยังทำท่าเจ็บหน้าผาก มึนๆหัว
“โอย..”
“เดือน!! เดือนเป็นไงบ้าง ?! ไม่เป็นไรแล้วนะ..พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะเดือน”
ปานตะวันโผไปกอดน้องสาวแล้วก็น้ำตาหยดด้วยความเป็นห่วงสุดๆ ทำเอาทุกคนอึ้ง
ประกายเดือนเสียงแผ่ว “ตะวัน..”
“ใคร ใครทำเดือน? บอกพี่มาเดี๋ยวนี้!!” ปานตะวันถาม
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น “ส่งเสียงดังอะไรกัน?”
ปานตะวันหันขวับเห็นเป็นนาคินทร์ยืนมองอยู่ ข้างๆเป็นปาริฉัตรที่ทำหน้าตาแอ๊บบริสุทธิ์ ปานตะวันตาวาวใส่นาคินทร์ นาคินทร์ทำหน้าตาเหมือนไม่ได้สนใจว่าใครจะเจ็บจะตาย
ปานตะวันพรวดเข้ามาด้วยหน้าตาเอาเรื่อง
“เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวฉัน?”
นาคินทร์หันเก้าอี้มาพูดชิวๆ “ก็ไปถามน้องสาวคุณ..เกี่ยวอะไรกับผม”
ปานตะวันสวนทันที “เกี่ยวแน่ๆ..ต้องเป็นคุณแน่ๆ”
นาคินทร์ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วมองด้วยสายตาดูถูก “ทำเลวไว้เยอะ ก็เลยคิดว่าคนอื่นจะต้องเลวเหมือนตัวเอง”
“ฉันไม่สนแล้วนะว่าคุณจะโกรธจะเกลียดจะแค้นฉันด้วยเหตุผลงี่เง่าบ้าบออะไร แต่รู้ไว้ด้วย..ฉันไม่ยอมให้คุณแตะต้องน้องสาวฉันอีกเป็นอันขาด” ปานตะวันจ้องหน้าแล้วพูดเน้น “นอกจากจะรอให้ฉันตายซะก่อน”
ทั้งสองจ้องตากัน
นาคินทร์ไม่กลัว เขาจ้องกลับ “นั่นล่ะ..ผมจะรอ!!”
ปานตะวันอึ้ง เธอทั้งตกใจ น้อยใจ และเสียใจแวบนึงก่อนจะฮึดขึ้นสู้
ปานตะวันจ้อง “แต่คนอย่างฉัน..ไม่ยอมตายง่ายๆ!!!”
นาคินทร์ทำหน้าชิงชัง เขาคิดในใจว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งสองจ้องหน้าแบบไม่ยอมกัน
ปาริฉัตรแอบฟังทุกอย่างอยู่ ปานตะวันเปิดประตูพรวดออกมาแล้วชะงักมองปาริฉัตร ปาริฉัตรทำลอยหน้าลอยตา
ปานตะวันจ้องหน้า “คุณคงเป็นเลขาฯท่านประธานสินะ”
ปาริฉัตรเชิดใส่
“นั่งเฝ้าท่านประธานของคุณให้ดี อย่าให้มายุ่งวุ่นวายกับประกายเดือนน้องสาวฉัน” ปานตะวันสั่ง
ปาริฉัตรตาโตแบบไม่อยากจะเชื่อ “..กล้าพูด?? หน้าด้านเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ปาริฉัตรเบะปาก “แกนั่นแหละ เอาโซ่มาล่ามน้องสาวแกไว้ให้ดี อย่าเที่ยววิ่งไปเลียขาท่านประธานที ท่านรองฯที..สำส่อน”
ปาริฉัตรยังพูดไม่จบ ปานตะวันก็ตะปบคอแล้วดันปาริฉัตรจนหลังชนประตู
“แกสิ..นังหมาหวงก้าง!! ไม่ได้กินแล้วยังจะเห่า” ปานตะวันบีบคอปาริฉัตรแน่น “แกก็อีกคนนะเลิกวุ่นวายกับน้องสาวฉันได้แล้ว .. ไม่งั้นฉันเอาตายทั้งนายทั้งบ่าว”
ปานตะวันผลักปาริฉัตรทิ้งแล้วเดินออกไปปล่อยให้ปาริฉัตรไอแค่กๆ เพราะขาดอากาศ
“แค่กๆ..แก..พวกแกมันบ้า..บ้าทั้งพี่ทั้งน้อง..บ้าทั้งบ้าน !! แค่กๆๆ”
ปานตะวันซ้อมชกเป้าที่แขนโค้ชเต็มแรงปักๆๆ ขณะที่ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายหมดแรงทรุดหงายผึ่งลงกับพื้น
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายโวย “โอย..ไม่ไหวแล้วฯลฯ เหนื่อยฯลฯ”
ปานตะวันชกไปพูดไป “ไมได้!!ลุกขึ้นมา!!!”
“นึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาเนี่ยตะวัน อยู่ๆ ก็ลากพวกเรามาต่อยมวย” ประกายเดือนว่า
ปานตะวันมอง “แล้วไง??..พูดหยั่งกะจะไปทำสงครามกับใครงั้นแหละ”
ปานตะวันชกหมัดสุดท้ายดังเปรี้ยง !!!
“เอ้า! พักแป๊บนึง” โค้ชบ่น “แหม..หมัดหนักชะมัด” โค้ชเดินออกไป
ปานตะวันหันมาตอบแพรวพรรณราย “ก็ไม่แน่” ปานตะวันพึมพำ “คนเราเมื่อมันหลังชนฝามันก็ต้องลุกขึ้นสู้”
แพรวพรรณรายมองอย่างสังเกตุ
ประกายเดือนถาม “วิญญาณจีจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ห๊า..ตะวัน พี่พิ้งค์จำได้มั๊ย?ที่โรงเรียนน่ะ ตะวันเคยโดนถีบ ไอ้จ๊อดที่มาแกล้งเดือนซะกระเด็นเลย”
แพรวพรรณรายนึกแล้วก็ขำกิ๊ก “เออ..จริงด้วย!! หัวหน้าห้องโดนถีบเพื่อนซะเอง โดนครูตีซะ!! ฮ่าๆ”
ปานตะวันพูดจริงจัง “ช่วยไม่ได้..” ปานตะวันตาวาวเมื่อนึกถึงนาคินทร์ “น้องสาวใครข้าใครอย่าแตะ”
“โห..นี่ใจคอจะหวงน้องสาวไปจนถึงเมื่อไหร่เนี่ย?” แพรวพรรณรายพูดกับประกายเดือน “สงสัยจะได้เกาะคานเป็นเพื่อนพี่สาวเธอแน่ๆ ละยัยเดือน”
“ไม่น่ะ!! ไม่เอานะตะวัน!! เกิดมาขาวสวยหมวยเอ็กซ์ซะขนาดนี้..ไม่มีวันซะล่ะ ยังไงก็ต้องได้หล่อเทพประมาณท่านประธาน ฟันธ๊ง!!”
ปานตะวันเสียงดังลั่น “เดือน!”
สองสาวสะดุ้งเฮือก
“เย้ย!!เรียกซะดัง!!ตกใจหมด!! หมู่นี้ตะวันเป็นอะไรอ่ะ ดุเอ๊าดุเอา?” ประกายเดือนว่า
“เอ่อ..ปะ..เปล่า..พี่ไม่อยากให้เดือนคิดแบบนั้น” ปานตะวันแก้ตัว
“แบบไหน?”
“ก็..ก็..จะต้องไปหวังได้แฟนหล่อ แฟนรวย..เหมือน..ท่านประธานนั่นน่ะ”
แพรวพรรณรายมองปานตะวัน
“ตะวันนี่เก๊าะ..เมื่อไหร่จะเลิกคิดอคติกับท่านประธานนะ”
“เค้าออกจะเพอร์เฟ็คท์ซะขนาดนั้น” ประกายเดือนแหย่ “ที่สำคัญ..ท่านประธานน่ะเค้า” ประกายเดือนทำตาปิ๊งๆ “ตัวเองน้า”
แพรวพรรณรายมองว่าปานตะวันจะตอบยังไง?
ปานตะวันรีบตัดบท “โค้ชมาแล้ว ลุกขึ้นมาซ้อมได้แล้ว!”
“โอย..เราไม่ไหวแล้วนะ.. ผิวช้ำเป็นจ้ำๆๆหมดแล้วเนี่ย” แพรวพรรณรายห่วงสวย “เป็นหมอผิวหนังแต่ตัวกระดำกระด่าง คนไข้ที่ไหนจะอยากมาหา?”
“แต่เดือนต้อง!!” ปานตะวันยืนกราน
“โห่..เค้าไม่ไหวแล้ว” ประกายเดือนบอก
“ไม่ได้!!! ซ้อมไว้!! อย่างน้อยก็เอาไว้ป้องกันตัวสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้”
“อ่ะๆๆ..ซ้อมก็ซ้อม”
ปานตะวันชกปั่กๆๆ ประกายเดือนก็ชกด้วย แพรวพรรณรายมองปานตะวันแล้วคิดในใจว่าหมู่นี้เพื่อนเปลี่ยนไป สักพักเธอก็เมินหน้ามองไปทางอื่นแล้วก็ชะงักที่เห็น ‘เล็ก’ ชายหนุ่มรูปหล่อน่ารักน่าเอ็นดูชกมวยอยู่อย่างหล่ออีกมุมนึง
แพรวพรรณรายตาโตแล้วก็เรียก “น้องเล็ก คุณน้องเล็กก!!”
เล็กหันมามอง แพรวพรรณรายโบกมือให้แล้วยิ้มแฉ่ง
เล็กหนีบน้ำ 4 ขวดมาวางลงตรงหน้าสาวๆ จนครบรวมทั้งตัวเอง
“เห็นมะ?? ป๋าม๊ะ?? ชื่อเล็กแต่ใจใหญ่มว๊ากๆ” แพรวพรรณราย
ทุกคนยิ้ม
เล็กเขิน “โห..พี่หมอ..ก็”
ประกายเดือนแซว “ใจใหญ่อย่างเดียวหรอคะ อย่างอื่นใหญ่ด้วยรึเปล่า”
“ว๊าววๆๆ!!” แพรวพรรณรายขำกร๊าก
ปานตะวันรีบตีแขนน้องเพียะ “เดือน!! พูดอะไรน่ะ?”
ประกายเดือนตาโต “พูดอะไร?? เค้าหมายถึงบ้านช่องใหญ่โตด้วยรึเปล่า รูปหล่อ พ่อรวยด้วยมั้ย เอ๊อ..ตะวันนี่..คิดลึก!!”
ปานตะวันอายมาก เล็กมองปานตะวันยิ้มๆ
“รวยสิจ๊ะ..ถามได้!! คุณน้องเล็กน่ะเค้าลูกเจ้าพ่อเขาใหญ่ รวยโครตๆ” แพรวพรรณรายบอก
เล็กถ่อมตน “ไม่ขนาดนั้นครับ..พี่หมอ”
“ไม่ต้องมาถล่มตัวเลย ชี้มาเลยดีกว่าจะเอาเขาลูกไหน ของพ่อน้องเล็กเกือบหมดแหละ”
“ว๊าวๆๆๆ”
“ว่าแต่หายไปเลยนะจ๊ะ ไม่เห็นไปรักษาสิวกับพี่มั่งเลย” แพรวพรรณรายจับหน้า “ไหนดูซิ..หืมม์!! เดี๋ยวนี้หน้าเนียนหล่อแล้วนี่ พี่หมอไม่มีความหมายแล้วสาวๆคงตรอมกันเกรียวล่ะเซ่?”
เล็กส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่มีหรอกครับ”
“ไม่มีว่างรึเปล่าคะน้อง?” ประกายเดือนถาม
เล็กเหลือบมองปานตะวัน
“ไม่มีครับ..ไม่มีจริงๆ” เล็กบอก
ปานตะวันมองเล็กพอดี สายตาทั้งสองปะทะกัน ปานตะวันรีบเฉมองไปทางอื่น การสบสายของทั้งคู่ไม่รอดสายตาของแพรวพรรรรายกับประกายเดือน สองสาวมองหน้าอ้าปากค้างแล้วทำตาโต ทั้งสองทำปากใส่กันไม่ออกเสียงว่า “ว้าวๆ!!!” แล้วหันไปมองเล็กกับปานตะวันใหม่ เล็กยังมองปานตะวันอยู่ในลักษณะแอบปิ๊ง ปานตะวันทำหน้าพูดไม่ออก บอกไม่ถูก
อ่านต่อตอนที่ 13