xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 24 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 24 อวสาน

ในขณะที่สู่ขวัญกำลังหยิบอาหารออกจากตะกร้า เพื่อเตรียมจัดให้ศึกรบ ชโยดมก็เปิดประตูเข้ามา

“พี่ขวัญ”
สู่ขวัญหันไปยิ้มให้น้องชาย “มาแต่เช้าเลยโย”
“ก็เป็นห่วงพี่”
“เรื่องอะไร”
“พี่ขวัญเห็นข่าวรึยัง”
“ข่าวอะไร” สู่ขวัญหน้าเครียด
“ระรินโดนจับ เพราะเป็นคนจ้างให้คนไปสาดน้ำกรดไอวี่”
“อะไรนะ”
“เขาโดนจับที่คลินิกทำแท้ง”
สู่ขวัญตะลึง “ทำแท้ง เขาท้องจริงๆ”
“ครับ”
“ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกรบ”
สู่ขวัญหน้าเศร้าลง ชโยดมกุมมือปลอบใจพี่สาว
“คงไม่ใช่ลูกพี่รบหรอกครับ น่าจะท้องกับคนอื่นมากกว่า พอรู้ว่าเรียกร้องอะไรไม่ได้ เลยจะเอาเด็กออก”
สู่ขวัญถอนใจ “น่าเศร้านะ ที่เขาต้องมีจุดจบแบบนี้”
“เวรกรรมมันมีจริงครับ ใครทำอะไรไว้ ซักวันก็จะได้รับผลจากสิ่งที่ตัวเองทำ”
“ตอนนี้พี่ก็คงกำลังรับกรรมอยู่เหมือนกัน”
“พี่ขวัญอย่าคิดมากเลยครับ ตอนนี้พี่รบก็ทุกข์ใจกับสภาพร่างกายตัวเองคนนึงแล้ว พี่ขวัญเข้มแข็ง ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นนะครับ”
สู่ขวัญยิ้ม เริ่มมีกำลังใจขึ้นบ้าง

ภาวดีร้องไห้โฮ พลางระบายความคับแค้นใจกับทรงยศ
“มันเวรกรรมอะไรของตารบเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ต้องมาพิการ เป็นเพราะสู่ขวัญคนเดียว”
“คุณจะโทษหนูขวัญคนเดียวก็ไม่ถูก เขาไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่ตั้งใจ?” ภาวดีปากสั่นระริก “ขับรถชนเนี่ยนะ เปลี่ยนใจหักหลบอะไรกัน ไม่ตายก็พูดได้นี่ แล้วมา
ทำเป็นเสียใจ ร้องห่มร้องไห้ จะได้อะไรขึ้นมา”
“ไอ้รบมันโชคร้ายเอง แล้วมันก็คงเป็นเวรกรรมอย่างที่คุณว่าจริงๆ นั่นแหละ ตารบเองทำกับเขาไว้เยอะ เป็นแค่นี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ”
“คุณจะแช่งลูกตัวเองทำไม นั่นลูกเรานะ ทำไมพูดเหมือนไม่เห็นใจกันบ้างเลย”
ทรงยศถอนหายใจ “ก็เพราะว่าเห็นใจ ก็เพราะว่าช่วยมาตลอด ถึงพูดได้เป็นแบบนี้”
“ฉันแค่อยากช่วยลูก ฉันทำอะไรผิด”
“คุณจำไม่ได้เหรอ ตั้งแต่เด็ก เวลาลูกทำอะไรผิด เราก็ไม่ว่า เราตามใจทุกอย่าง เราปกป้องลูกมาตลอด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียว แต่เราไม่รู้เลยว่า กำลังทำร้ายลูกทางอ้อม เราไม่เคยพูด ไม่เคยสอน ไม่เคยบอกว่าสิ่งที่ดีที่ถูกคืออะไร ตอนนี้จะมาเสียใจ เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
ภาวดีอึ้งไป พลางเบือนหน้าหลบหน้าไปอีกทาง

ไอวี่นั่งขดตัวอยู่บนเตียง มองชุดนักศึกษาที่เตรียมไว้ พลางครุ่นคิด ก่อนที่จะใช้มือจับแผลที่หน้าเศร้าๆ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไอวี่รีบลุกไปดู
“ป้อม”
ป้อมยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง “ ไปเรียนได้แล้วนะ”
ไอวี่ถอนใจเศร้าๆ ป้อมเตือนด้วยความเป็นห่วง
“วี่เปิดประตูไว้แบบนี้ไม่ดีนะ เกิดไม่ใช่ป้อมจะทำยังไง”
“ใครจะทำอะไรวี่ มีแต่คนกลัวมากกว่า”
“แล้วนี่มีใครมาเยี่ยมมั่ง”
ไอวี่ส่ายหน้า “ไม่มีใครมาหรอก ตั้งแต่เกิดเรื่อง วี่ก็ไม่ได้ติดต่อกับใคร”
“อาจจะมีคนเป็นห่วงวี่ก็ได้”
ไอวี่หน้าเศร้า “ใครกันล่ะ ไม่เห็นจะมี”
“ฉันไง”
ไอวี่แปลกใจ อยากยิ้มแต่ก็ฝืนไว้
“เว่อร์น่ะ”
ป้อมมองเข้าไปในห้อง เห็นชุดนักศึกษาแขวนอยู่ที่ตู้
“เตรียมชุดไว้แล้วไม่ใช่เหรอ รีบเปลี่ยน แล้วไปเรียนกัน”
“รีดไว้อย่างนั้นแหละ วี่ไม่ไปหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ไปก็มีแต่คนมอง บางคนก็ถามโน่นถามนี่ วี่อึดอัด อายด้วย”
“ช่างเขาเถอะน่า จะสอบปลายภาคแล้ว นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้ว สอบเสร็จเราก็จะเรียนจบแล้ว”
ไอวี่ส่ายหน้า “ไม่ไป คือไม่ไป จะจบหรือไม่จบมันก็เรื่องของวี่”
พูดพลางก็เดินกลับเข้าไป ป้อมมองตามอย่างเศร้าใจ

สู่ขวัญเตรียมป้อนข้าวให้ศึกรบ ที่เอาแต่นั่งนิ่งหมดอาลัยตายอยาก มองเหม่อไปทางอื่น
“กินหน่อยนะคะ จะได้กินยา”
แต่ศึกรบยังนั่งนิ่ง
“คุณต้องดูแลตัวเองบ้างนะคะรบ”
ศึกรบหันมามองสู่ขวัญอย่างตัดพ้อ
“ทำแบบนี้ต้องการอะไร”
“ขวัญไม่ได้ต้องการอะไร ขวัญแค่อยากดูแลคุณ อยากให้คุณหาย”
“ผมเคยดูแลคุณ ขอให้คุณให้อภัย แล้วคุณก็โกรธ จนคุณเกือบจะฆ่าผม จนผมต้องกลายเป็นคนขาพิการอยู่แบบนี้เนี่ยนะ”
สู่ขวัญอึ้ง น้ำตาคลอ พลางโผเข้าไปกอดศึกรบ
“ขวัญไม่ตั้งใจ ขวัญขอโทษที่ขวัญทำไปแบบนั้นเพราะขวัญขาดสติ ถ้าขวัญใจเย็น ไม่เชื่อคนง่าย ทุกอย่างก็จะไม่เป็นแบบนี้ ขวัญรักคุณมากนะคะ ขวัญทำร้ายคุณไม่ได้หรอก”
ศึกรบสะบัดตัวสู่ขวัญออก พลางตวาดใส่
“ไม่ต้องมาทำสมเพชผม ไม่ต้องทำอะไรที่แสดงว่าสงสารผม ไอ้กับข้าวบ้าๆ นี่ด้วย”
ศึกรบปัดจานข้าวทิ้ง สู่ขวัญน้ำตาไหลพราก
“ผมอยากอยู่คนเดียว ออกไป”

สู่ขวัญหันหลังเดินร้องไห้ออกจากห้อง ศึกรบนั่งซึม น้ำตาคลอเช่นกัน

ชโยดมมานั่งดื่มกาแฟ ที่ร้านของปองฤทัยตามปกติ

“พี่รบอาการไม่ดีเลย ไม่ยอมกินข้าว ยาก็ไม่แตะ หมอสั่ง ก็ยังดื้อ อยู่ไปวันๆ นั่งเหม่อ ไม่พูดไม่จา ไม่รู้คิดอะไรอยู่”
“คุณรบคงช็อกน่ะค่ะ ที่จู่ๆ ก็เดินไม่ได้”
ชโยดมพยักหน้า
“ครับ คนเคยใช้ร่างกายได้สมบูรณ์ แต่ต้องมาเปลี่ยนแปลงอะไรกะทันหันแบบนี้ คงทำใจลำบาก”
“กำลังใจจากคนรอบตัวคุณรบก็สำคัญนะคะ ถ้าคุณรบไม่รู้สึกโดดเดี่ยว อาจจะดีขึ้น”
“ทุกคนก็พยายามอยู่ครับ โดยเฉพาะพี่ขวัญ แต่พอพี่รบเจอหน้าพี่ขวัญ ก็ไล่ออกมาทุกที”
“แล้วคุณขวัญเป็นยังไงบ้างคะ” ปองฤทัยถามด้วยความเป็นห่วงสู่ขวัญ
“ก็ยิ่งเศร้า ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น”
ปองฤทัยพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ทางด้านสู่ขวัญ ก็กำลังปรึกษากับหมอ เกี่ยวกับเรื่องขอทำกิฟท์
“หมอคะ คุณรบเดินไม่ได้ แต่ยังมีโอกาสที่จะมีลูกได้ใช่ไหมคะ”
“เรื่องสภาพร่างกายไม่เป็นปัญหาครับ เราเลือกอสุจิที่แข็งแรง เพื่อการทำกิฟท์อยู่แล้ว แต่หมอต้องบอกก่อนนะครับ ว่าความเป็นได้ที่จะสำเร็จ มี 25-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
สู่ขวัญพยักหน้าเศร้าๆ “ค่ะ”
“แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายหญิงด้วยนะครับ”
“ยังไงคะ”
“ไข่ที่เราจะใช้ผสมกับตัวอ่อน ก่อนจะฝังกลับเข้าไปในมดลูกน่ะ เราต้องใช้ยาฉีดกระตุ้น เพื่อให้มีการผลิตไข่ออกมา นั่นก็หมายความว่า ร่างกายของคุณต้องสมบูรณ์ด้วย แต่ผลตรวจร่างกายคุณ..”
หมอเงียบไป จนสู่ขวัญชักใจไม่ดี
“ขวัญเป็นอะไรคะ”
“คุณเพิ่งประสบอุบัติเหตุมา ดูเหมือนว่า มดลูกของคุณจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง คุณคงจะมีลูกอีกไม่ได้น่ะครับ”
สู่ขวัญช็อก น้ำตาคลอ ความหวังที่จะมีลูกพังทลายลงต่อหน้าต่อหน้า

ภาวดีกับทรงยศเข้ามาในห้องพักของศึกรบ ผู้เป็นแม่เห็นลูกชายนั่งเหม่ออยู่ ก็รีบเข้าไปดู พลางลูบหัวด้วยความรัก ศึกรบหันมาทางภาวดีกับทรงยศ ไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งซึมๆ ภาวดีถึงกับน้ำตาตก
“ตารบ จะเดินไม่ได้อะไรก็ช่างมัน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะดูแลเราเอง”
“แกไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวหน้า พ่อจะส่งแกไปรักษาที่เยอรมัน หรืออเมริกา แกจะต้องกลับมาเดินได้อีกครั้ง”
“แม่สู่ขวัญต้องรับผิดชอบตารบ ยังไงก็ต้องรักษาให้หาย” ภาวดีพูดอย่างเจ็บใจ
“เข้มแข็งไว้นะ หมอก็บอกว่ายังมีโอกาสหาย ห้ามท้อเด็ดขาด”
จบประโยคทรงยศ สู่ขวัญก็เข้ามาในห้องพอดี แปลกใจที่เห็นทั้งคู่อยู่ในห้อง
“คุณพ่อคุณแม่”
ภาวดีเชิดหน้า แล้วหันไปอีกทาง
“วันหลัง ถ้าจะมา บอกขวัญก็ได้ค่ะ จะได้มาด้วยกัน”
“ขอบใจ แต่ไม่ต้องหรอก”
ภาวดีตอบเสียงสะบัดๆ จนสู่ขวัญทำตัวไม่ถูก ทรงยศรีบสะกิดภรรยา
“คุณเสียมารยาท ไม่อยากคุยกับเขา เราก็กลับ จะอยู่ทำไม”
“แต่เราเพิ่งมา”
“วันหลังก็มาได้ กลับเถอะน่า ไป” พลางหันไปทางสู่ขวัญ “เราสองคนกลับก่อนนะ ตามสบายเลยหนูขวัญ”
เมื่อทรงยศกับภาวดีออกไป ศึกรบก็มองเมินสู่ขวัญ แต่ฝ่ายถูกเมินพยายามใจเย็น พลางเอ่ยถามอย่างเอาใจ
“รบอยากได้อะไรบอกนะคะ ขวัญจะอยู่ตรงนี้”
สู่ขวัญนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงจนฟุบหลับไป ศึกรบหันมามอง เริ่มใจอ่อน

แสงดาวเดินเข้ามาในออฟฟิศ เจอสาธรเดินสวนมา ก็ตกใจ แต่พยายามทำเป็นนิ่งๆ
“จะไปไหนครับคุณดาว”
“ก็มาทำงานไงคุณสาธร ไม่เห็นเหรอ”
“ผมว่าคุณไปที่สถานีตำรวจดีกว่า”
“ตำรวจ” แสงดาวตกใจ “ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ”
“ที่คุณคอยยุแยง วางแผนให้คนในครอบครัวเขาต้องเข้าใจผิด จนไอ้รบเกือบตาย ยังว่าไม่ได้ ทำอะไร อีกเหรอ”
แสงดาวอึ้ง แต่แกล้งทำเป็นน่าสงสาร
“คุณสาธรเข้าใจผิดแล้ว ดาวไม่ได้ทำ อาจจะมีคนใส่ร้ายดาวก็ได้”
สาธรมองจ้องแสงดาว
“คนที่บอกว่าจะพิสูจน์ให้ดูว่าไอ้รับมันยังไม่เลิกยุ่งกับคุณปอง ชื่อว่า แสงดาว ไม่ผิดแน่ครับ”
“ไหนล่ะ หลักฐาน”
“คุณใช้เบอร์ส่วนตัวโทรหาคุณสู่ขวัญ ตำรวจเขามีทั้งบันทึกการโทร และพยานบุคคล”
แสงดาวกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ พลางโวยวายกลบเกลื่อน
“ไม่จริง แกมันบ้า แกใส่ร้ายฉัน”
สาธร ยิ้มอย่างใจเย็น
“คุณดาว ไปพบตำรวจก่อนที่เรื่องมันเลยเถิดไปกว่านี้นะ”
สาธรพยายามจะจับตัวไว้ แต่แสงดาวสะบัดหลุด พลางทุบตีสาธรไม่ยั้ง
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ปล่อย อ๊าย”
แสงดาวกรีดร้อง พลางผลักสาธรจนเซ แล้ววิ่งหนีไป

ชโยดมยังนั่งคุยกับปองฤทัยอยู่ที่ร้าน สักพักป้อมก็เปิดประตูเข้ามา
“อ้าวป้อม กลับมาพอดีเลย ช่วยอยู่เฝ้าร้านให้หน่อยสิ พี่กับหมอโยจะไปเยี่ยมคุณรบ”
ป้อมหันไปทางปองฤทัย พลางทำหน้าเศร้าๆ
“พี่ปอง”
“เป็นอะไรป้อม มีอะไรรึเปล่า”
“ผมไปหาไอวี่มา บอกให้เขากลับไปเรียน พูดยังไงเขาก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกแต่อายหน้าตาตัวเอง”
“ตอนนี้ไอวี่เขาคงเครียดมากจริงๆ” พลางหันไปพูดกับชโยดม “คุณหมอพอจะช่วยได้ไหมคะ”
ชโยดมนิ่วคิดชั่วครู่
“อืม ผมพอรู้จักหมอศัลยกรรมฝีมือดีๆ อยู่นะ ผมแนะนำให้ ป้อมลองพาไอวี่ไปคุยกับหมอดีไหม”
ป้อมยิ้ม เริ่มมีความหวังขึ้นมา “ดีครับ พี่หมอ”

“ลองปรึกษาหมอดู ว่าศัลยกรรมได้มากน้อยแค่ไหน”
 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)

ชโยดมกับปองฤทัยมาเยี่ยมศึกรบในห้อง ปองฤทัยวางดอกไม้ไว้ข้างเตียง ศึกรบเห็นดอกไม้จาก ปองฤทัยก็ยิ้มออก

“ปองเอาดอกไม้มาให้ ดูดอกไม้สวยๆ คุณรบเห็นจะได้สดชื่นนะคะ ถือว่าเป็นกำลังใจจากปองแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ ผมชอบมาก”
“ชอบจริงใช่ไหมคะ ไม่ได้ฝืนใจชมปองนะคะ”
“ไม่ได้ฝืนครับ คุณปองฝีมือดีอยู่แล้ว ผมรู้ดี”
ศึกรบดูสดชื่นขึ้น สู่ขวัญมองมาทางศึกรบกับปองฤทัย แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้

สู่ขวัญเดินมาส่งชโยดมกับปองฤทัยตรงหน้าลิฟท์ ชโยดมเห็นพี่สาวทำหน้าเศร้าตั้งแต่ในห้อง เลยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ขวัญ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ทำไม พี่ดูแย่มากเลยเหรอโย”
“ก็ดูเครียดๆ คิดอะไรอยู่ล่ะ”
สู่ขวัญมองไปทางปองฤทัย พลางชั่งใจชั่วครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา
“พี่ไปปรึกษาหมอเรื่องทำกิฟท์วันก่อน แต่หมอบอกว่าพี่จะมีลูกอีกไม่ได้แล้ว”
ชโยดมกับปองฤทัยตกใจ
“เป็นเพราะอุบัติเหตุเหรอคะคุณขวัญ”
สู่ขวัญหน้าเศร้า
“ค่ะ มดลูกของพี่ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม แต่มันยังมีทางอื่นอีกไหมโย พี่ยังมีโอกาสมีลูกได้อีกใช่ไหม มันยังไม่ใช่ทางสุดท้ายใช่ไหม”
“มันยังมีอีกวิธีนะพี่ขวัญ การอุ้มบุญไง”
สู่ขวัญตาโต “อุ้มบุญ”
“ครับ คือต้องให้คนอื่นท้องแทน แต่ไข่และน้ำเชื้อจะเป็นของพี่ขวัญกับพี่รบน่ะครับ”
สู่ขวัญมองหน้าปองฤทัยเป็นเชิงขอร้อง

“หมายความว่ายังไงคะคุณหมอ ที่คุณขวัญบอกว่า จะให้ปองเป็นคนท้องลูกของคุณขวัญกับคุณรบ
น่ะค่ะ”
ปองฤทัยถามขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากชโยดม
“พี่ขวัญก็คงรู้สึกผิดที่ทำให้พี่รบเป็นยังงี้ แล้วตัวเองก็ยังมีลูกไม่ได้อีกแล้ว”
“ปองก็เข้าใจค่ะคุณหมอ แต่ว่าเรื่องการอุ้มบุญนี่มัน” ปองฤทัยอึดอัด
“ผมเข้าใจ คุณปองอย่าถือสาพี่ขวัญเลยนะครับ ตอนนี้กำลังสับสน คงพูดไปอย่างนั้นเอง”
“แต่ถ้าคุณขวัญต้องการจริงๆ ปอง ปองคงทำไม่ได้หรอกค่ะคุณหมอ”
ปองฤทัยพูดจบก็เดินหนี ชโยดมถอนหายใจ คิดหนัก

แสงดาวนั่งอยู่คนในเดียวในห้องเงียบๆ พลางหยิบรูปสู่ขวัญขึ้นมามองด้วยความแค้น จากนั้นก็หยิบมีดขึ้นมา แล้วค่อยๆเอามีดกรีดรูป
“แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำกับฉันกับคุณรบ แกจะต้องได้รับกรรม แกจะไม่มีวันอยู่อย่างมีความสุข”
แสงดาวกระหน่ำแทงรูปสู่ขวัญจนขาดกระจุยไม่มีชิ้นดี ก่อนที่จะโปรยรูป แล้วหัวเราะคนเดียวอย่างสะใจ

สู่ขวัญขับรถมาจอดหน้าบ้าน ในขณะที่แสงดาวแอบซุ่มอยู่ในมุมหนึ่ง พลางมองสู่ขวัญอย่างมีแผน

ป้อมพาไอวี่มาปรึกษาหมอศัลยกรรม ที่โรงพยาบาล
“พื้นที่ที่เสียหายไม่มากนะครับ แต่ค่อนข้างรุนแรง แล้วกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล น้ำกรดก็ทำลายผิวหนังไปมากในบางจุด”
“ต้องทำยังไงคะ ถึงจะกลับมาเหมือนเดิม ไม่ต้องเหมือนเดิมก็ได้ ขอแค่ไม่มีแผลน่าเกลียดแบบนี้ก็พอ”
“คงต้องผ่าตัดอีกหลายครั้ง เพื่อแก้ไขผิวหนังส่วนที่เสียหายครับ”
“แล้วค่าใช้จ่าย” ป้อมอดเป็นห่วงไม่ได้
“ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงครับ น่าจะประมาณสามถึงสี่แสน”
ป้อมตาค้าง “มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“แต่หมอคิดว่า มันจะคุ้มค่านะ เพราะยังมีโอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์”
ป้อมกับไอวี่มองหน้ากัน ต่างคนต่างคิดหนัก

จากนั้นทั้งคู่ก็มานั่งปรับทุกข์กันที่ร้านดอกไม้ของปองฤทัย
“เงินตั้งเยอะ วี่จะไปหามาจากไหน ถ้าใบไม้มันใช้แทนเงินได้ก็ดีนะ วี่จะได้โกยใส่กระสอบไปจ่ายค่ารักษาหน้า”
ไอวี่ฝืนหัวเราะ แต่ในใจขมขื่น ป้อมมองอย่างเข้าใจ
“ถ้าใบไม้ใช้แทนเงินได้ ป้อมคงรวยมากเลยล่ะ”
“เฮ้อ เงินมันไม่ได้หามาง่ายๆ เลยนะป้อม แค่จะทำให้หน้าเหมือนเดิม วี่ก็ยังทำไม่ได้”
“วี่ก็ทำงานเก็บเงินไง”
ไอวี่หน้าสลด “หน้าแบบนี้เนี่ยนะ จะไปทำงานอะไรได้”
“ไม่ใช่งานพริตตี้สิ ไม่ต้องใช้หน้าตา แต่เป็นงานจริงๆ พอเรียนจบแล้ว เดี๋ยวก็หางานได้เองนะ”
“งานประจำ รอรับเงินเดือน เก็บเงินแทบตายยังไม่ได้ถึงแสนต่อปีเลย”
“ของแบบนี้ มันต้องอดทนนะ”
ไอวี่ถอนหายใจ “นานแค่ไหนล่ะ”
ป้อมจับมือไอวี่มากุมไว้
“วี่ ความอดทนมันไม่มีคำตอบหรอก ว่านานแค่ไหน แต่ต้องพยายาม ยิ่งพยายาม มันก็ยิ่งสำเร็จเร็ว ฉันจะช่วยเธอด้วย ดีไหม”
ป้อมยิ้มให้กำลังใจ ไอวี่ยิ้มตอบ
“ขอบคุณมากนะป้อม วี่จะลองพยายามดู”
ป้อมโอบไอวี่เข้ามากอดไว้ด้วยความรัก
“วี่จะขยัน จะเก็บเงินให้ตายไปเลย ซักวัน วี่จะรวย รวยด้วยตัวของวี่เอง”

ครู่หนึ่งปองฤทัย ก็เดินถือเค้กเข้ามาหา พลางให้ไอวี่
“ลองชิมเค้กมะพร้าวอ่อนหน่อยนะไอวี่ สูตรใหม่ของร้านเลยนะ ชิมแล้วบอกพี่หน่อย ว่าอร่อยไหม”
ไอวี่รับเค้กไปอย่างเกรงใจ แต่ไม่กล้ากิน
“ทำไมไม่กินล่ะ ไม่น่ากินเหรอ”
ไอวี่ก้มหน้า ไม่กล้าสู้ตาปองฤทัย “วี่รู้สึกผิดน่ะค่ะ วี่เคยว่าพี่ปองไว้ แต่พี่ปองก็ยังดีกับวี่”…
“ช่างมันเถอะ พี่ไม่ได้คิดอะไรหรอก”
ป้อมถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาได้ยินพอดี ก็รีบพูดเสริม
“คนนี้น่ะเขาแม่พระ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ปองไม่เป็นไร ปองให้อภัยได้ตลอดแหละ จริงไหมพี่ปอง”
ป้อมพูดล้อๆ จนปองฤทัยเขิน
“ป้อมล้อพี่เหรอ”
“ก็เรื่องจริงนี่”

ไอวี่เห็นพี่น้องหยอกล้อกัน ก็แอบขำ

“ไอวี่” ปองฤทัยเห็นไอวี่ปลีกตัวมานั่งซึม ก็เดินเข้ามาหา

“คะ”
“เห็นป้อมบอกว่า วี่อยากหางานทำ”
“ค่ะ แต่ว่า” พูดพลางใช้มิอจับหน้าที่เป็นแผลเป็น
“มาทำงานที่ร้านพี่ไหม ที่นี่มีแต่ป้อมคนเดียว พี่อยากมีคนช่วย”
ไอวี่มองหน้าปองฤทัย “ให้วี่มาทำงานที่นี่เหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ช่วยพี่นี่แหละ เงินมันอาจจะไม่มาก แต่คงพอช่วยเราได้บ้าง ช่วงที่เรายังเรียนไม่จบ”
ไอวี่มองปองฤทัยด้วยความซึ้งใจ
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไร แล้วก็ถ้ารู้สึกว่าโดดเดี่ยว ไม่มีใคร พี่กับป้อมยินดีอยู่เป็นที่ปรึกษาให้วี่นะ วี่ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกรู้ไหม”
ไอวี่น้ำตาคลอ ป้อมที่เดินเข้ามาเห็น ก็แอบยิ้ม

สู่ขวัญลงจากรถ คนขับรถเอารถเข็นลงจากกระโปรงหลัง แล้วช่วยพยุงศึกรบออกมานั่งรถเข็น ภาวดีรีบวิ่งออกมาจากในบ้าน เข้าไปหาลูกชาย
“กลับมาแล้วเหรอตารบ” พลางหันไปทำตาขวางใส่สู่ขวัญ “ใครใจร้ายกับเรา ก็ไม่ต้องไปอยู่กับเขา ไปอยู่บ้านแม่ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะดูแลเราเอง”
ทรงยศหันมาทำหน้าดุใส่ภรรยา
“คุณ พูดแบบนี้ได้ไงแล้วหนูขวัญ”
สู่ขวัญรีบพูดแทรกขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่อย่าลำบากเลยค่ะ ขวัญจะรับผิดชอบทุกอย่าง ขวัญจะดูแลรบเอง”
“ฉันจะไว้ใจได้ยังไง นี่ไม่ใช่ว่าวางแผนอะไรไว้อีกนะ”
“ขวัญอยากดูแลรบจริงๆ นะคะ”
ภาวดีเบ้หน้า
“สายไปแล้ว จะมาทำดีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ เธอทำลายอนาคตลูกฉัน เธอทำลายทุกอย่าง สู่ขวัญ เธอมันแย่ที่สุด”
“คุณ ใจเย็น มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน” ทรงยศพยายามปราม
“ไม่คงไม่คุยอะไรทั้งนั้น เอาตารบไปอยู่เรือนเล็กกับเรา”
ภาวดีจะเข้าไปเข็นรถศึกรบ สู่ขวัญปราดเข้ามาขวาง พลางคุกเข่าลง แล้วยกมือไหว้แม่สามี
“ขวัญขอล่ะค่ะคุณแม่ ให้ขวัญได้ชดเชยสิ่งที่ขวัญเคยทำไม่ดีกับรบนะคะ ขวัญยอมทุกอย่าง ขวัญรักรบ ขอให้ขวัญได้อยู่กับรบก็พอนะคะ”
ภาวดีถึงกับอึ้ง แต่ยังทำใจแข็ง
“โอ๊ย ไม่ต้องมาพร่ำเพ้อ ฉันไม่สงสารเธอหรอก ถอยไป”
“หยุดเถอะครับคุณแม่”
ภาวดีหันไปเห็นศึกรบร้องไห้อยู่ก็อึ้ง
“ตารบ”
สู่ขวัญหันไปทางศึกรบ
“ที่ผ่านมาผมก็ทำผิดไว้มาก ผมเป็นแบบนี้ขวัญยังไม่ทิ้งผม ยังคอยดูแลผม ผมไม่อยากทำให้ขวัญเสียใจอีกแล้ว”
สู่ขวัญร้องไห้โฮ พลางเข้าไปกอดสามี ศึกรบกอดตอบ ภาวดีกับทรงยศ ยืนนิ่งมองทั้งคู่

ภาวดีนั่งบ่นกับทรงยศอย่างแปลกใจ
“แปลก แปลกมากๆ”
“ทำไมอีกล่ะคุณ แปลกอะไร”
“ทำไมตารบหายโกรธแม่สู่ขวัญง่ายนัก เขาทำลูกเราเจ็บหนักมากนะ ไม่เข้าใจเลย”
“ไม่เห็นยาก เขาก็ผัวเมียกันอยู่แล้ว”
ภาวดี หน้าตึง
“ทีตารบง้อจะเป็นจะตาย ไม่ยอมคืนดี อาละวาดจนเรื่องราวบานปลายเป็นแบบนี้”
“มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้อะไรๆ มันก็ผ่านไปแล้ว ทุกคนก็ได้รับผลจากกระทำของตัวเองกันหมด รวมทั้งลูกเราด้วย”
“แต่” ภาวดีพูดไม่ออก
“ไม่มีอะไรดีเท่าให้อภัยกันแล้วล่ะคุณ ไอ้รบมันก็ทำร้ายจิตใจเขาไว้มาก ที่เขายังยอมอยู่ข้างๆ คอยดูแล ก็เพราะเขารักลูกเรา เราเองแก่ๆ กันแล้ว เราก็น่าจะปล่อยวางได้ซะทีนะคุณ”
ภาวดีถอนหายใจเฮือก ทรงยศมองภรรยาอย่างปลงๆ

สู่ขวัญเข็นศึกรบเข้ามาในบ้าน พลางยืนมองสามีอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงไปกอด
“รบ รบไม่โกรธขวัญแล้วใช่ไหมคะ”
สู่ขวัญร้องไห้ด้วยความดีใจ ศึกรบกอดตอบภรรยาด้วยความรัก
“ผมไม่เคยโกรธคุณเลยขวัญ ผมเองก็ทำผิดไว้มาก ที่ผมไล่คุณ เพราะผมไม่อยากให้คุณมาคอยดูแลคนพิการอย่างผม”
“ขวัญเป็นคนผิด ขวัญใจร้อน ไม่เคยฟังคุณ ขวัญทำให้คุณเป็นแบบนี้ ขวัญจะชดใช้ให้คุณทุกอย่าง”
“คุณไม่ต้องชดใช้หรอก เราต่างก็สูญเสียด้วยกันทั้งนั้น แค่ผมเห็นสิ่งที่คุณทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมก็รู้แล้วว่าผมทำผิดขนาดไหน ผมกล้าทำร้ายคนที่ดีกับผมขนาดนี้ได้ยังไง”
สู่ขวัญมองหน้าสามีด้วยความซึ้งใจ “ขวัญรักคุณค่ะ”
“ผมก็รักคุณขวัญ คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก”
“เราจะเริ่มต้นใหม่นะคะ เราจะมีลูกด้วยกันอีกนะคะรบ”

ศึกรบพยักหน้า พลางโอบกอดกันและกันแน่นเข้า
 
อ่านต่อหน้า 3

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)

แสงดาวเข้ามาที่โต๊ะทำงาน เห็นพนักงานคนอื่นนั่งอยู่

“คุณแสงดาว”
“แกมาทำอะไรที่โต๊ะทำงานฉัน ออกไป”
“แต่ว่า”
“ฉันบอกให้ออกไป ไม่ได้ยินรึไง”
พูดพลางก็ปราดเข้าไปบีบคอพนักงาน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
พนักงานดิ้นรน จนสะบัดหลุด แล้วรีบวิ่งหนีไป แสงดาวเข้ามานั่ง ลูบโต๊ะ พลางมองไปที่ห้องทำงาน
ศึกรบแบบเพ้อๆ
“เมื่อไหร่คุณรบจะมาวันนี้จะรับกาแฟรึเปล่าไม่ได้แล้ว เดี๋ยวคุณรบมา ต้องรีบชงกาแฟ กาแฟ”
แสงดาวลุกจะไปชงให้ศึกรบ สาธรเดินแกมวิ่งเข้ามาพอดี
“แสงดาว”
แสงดาวตกใจ มองหน้าสาธรเลิ่กลั่ก
“อย่าเข้ามานะ”
“นี่คุณเป็นอะไรไป คุณไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว คุณกลับไปเถอะนะ ไม่งั้นผมจะเรียก รปภ.”
“แกจะให้มันมาทำไม ที่นี่มันที่ของฉัน ที่ของฉันคนเดียว แกอย่ามายุ่ง ออกไป”
แสงดาวโวยวายอย่างขาดสติ พลางคว้ากรรไกรมาจากโต๊ะทำงาน ชูขึ้นมา
“คุณมันบ้าไปแล้วแสงดาว”
“ฉันไม่ได้บ้า แกนั่นแหละ ที่นี่ มันเป็นของฉันมาตลอด ของฉันกับคุณรบ จะไม่มีใครมาแยกเราออกจากกันได้ทั้งนั้น”
พนักงานพา รปภ. เข้ามา
“อย่าเข้ามานะ ออกไป อ๊าย”
แสงดาวกรีดร้องลั่นก่อนจะวิ่งออกไป สาธรได้แต่มองด้วยความสมเพชเวทนา

“โย พี่มีเรื่องอยากขอร้องโย พี่รู้โยเป็นคนเดียวที่ทำได้”
สู่ขวัญพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็ เรื่องที่พี่เคยขอร้องคุณปอง”
“เรื่องอุ้มบุญ?”
สู่ขวัญพยักหน้า“ใช่ โยช่วยพูดกับคุณปองให้พี่หน่อยนะ”
“แต่ว่า”
“พี่ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ถ้าคุณปองไม่ช่วย พี่ก็นึกถึงใครไม่ออกแล้ว”
ชโยดมมองพี่สาวย่างลำบากใจ
“ผมก็อยากช่วย แต่เรื่องนี้มันฝืนใจกันไม่ได้หรอกครับ ทั้งร่างกายและจิตใจ คุณปองต้องพร้อมด้วย พี่ขวัญหาคนอื่นดีกว่าครับ”
สู่ขวัญหน้าเศร้า ก่อนที่จะตัดสินใจคุกเข่า พลางยกมือไหว้น้องชาย
“พี่ไม่ไว้ใจคนอื่น คุณปองเป็นคนดี พี่อยากให้เขาดูแลลูกของพี่ตลอดเก้าเดือน พี่ขอร้องนะโย พีไม่รู้จะทำยังไงแล้ว โยช่วยพี่เถอะนะ จะให้พี่ทำอะไรก็ได้”
ชโยดมตกใจ พลางรีบดึงตัวพี่สาวให้ลุกขึ้น
“อย่าทำแบบนี้พี่ขวัญ”
“พี่คิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ นะโย เห็นใจพี่เถอะ”
ชโยดมนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า “ไว้ผมจะลองดูครับ”

จากนั้นชโยดมก็มาหาปองฤทับที่ร้านดอกไม้ พลางนั่งจ้องหน้าจนปองฤทัยสงสัย
“คุณหมอมองปองหลายทีแล้วนะคะ มีอะไรจะพูดกับปองรึเปล่า”
ชโยดมถอนหายใจ “ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคุณปองเลย”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่พี่ขวัญเคยขอร้องคุณปอง”
ปองฤทัยพูดไม่ออก
“ผมรู้ว่าคุณปองลำบากใจ แต่ถ้าผมจะขอให้คุณช่วยเรื่องอุ้มบุญให้พี่ขวัญ”
ปองฤทัยลุกขึ้น “คุณหมอ”
“ผมสงสารพี่ขวัญ แล้วคุณก็เป็นคนเดียวที่พี่ขวัญไว้ใจ อยากให้ช่วย ไม่ว่าจะต้องทำยังไง เสียเงินเท่าไหร่ ทางครอบครัวผมก็ไม่มีปัญหา ขอแค่คุณ”
“คุณหมอเห็นปองเป็นอะไรคะ”
ชโยดมหน้าเศร้า“คุณปอง ผม”
“ปองก็สงสารคุณขวัญ แต่ปองทำไม่ได้หรอกค่ะ ปองไม่มั่นใจว่าจะดูแลลูกของพี่สาวคุณหมอได้ ปองไม่สนใจเรื่องเงินหรืออะไรทั้งนั้น แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะขอร้อง แล้วทำให้กันได้ง่ายๆ นะคะคุณหมอ”
ชโยดมถอนใจ “ผมรู้คุณปอง ถ้าคุณไม่อยากทำ ผมกับพี่ขวัญก็ไม่อยากบังคับใจคุณ”
“แล้วคุณขวัญมีเหตุผลอะไร ที่จะต้องเป็นปองเท่านั้นคะ”
“คุณเป็นคนดี คอยดูแลคนอื่นตลอดเวลา พี่ขวัญเชื่อใจ ว่าคุณจะดูแลลูกเขาได้”
“แล้วคุณหมอละคะ” ปองฤทัยย้อนถาม
“ผมน่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“ผมก็อยากให้เด็กเกิดมาจากคนดีๆ อย่างคุณ”
ปองฤทัยเริ่มคิดหนัก

ปองฤทัยนั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรอยู่ ไม่ยอมแตะต้องอาหารตรงหน้า จนประนอมทัก
“ปอง คิดอะไรอยู่เหรอลูก”
ปองฤทัยถอนหายใจ “เรื่องคุณสู่ขวัญค่ะแม่”
“เขามาทำอะไรลูกอีกรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ เขาไม่ทำอะไร แต่เขามีเรื่องขอร้องปอง”
ประนอมมองหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วง “เรื่องใหญ่เหรอลูก ถึงคิดมาก”
“คิดมากสิคะแม่ คุณขวัญเขาอยากให้ปองเป็นแม่อุ้มบุญลูกของเขากับคุณรบ”
ประนอมตกใจ “ว่าไงนะลูก จริงเหรอ”
“จริงค่ะ”
“เรื่องใหญ่นะพี่ปอง” ป้อมที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยออกความเห็น
“ถึงลำบากใจอยู่นี่ไง”
ประนอมนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะบอกกับสู่ขวัญ
“แต่แม่ว่า ปองจะช่วยเขาก็ได้นะ เขาเองก็เคยช่วยครอบครัวเราไว้ ทั้งเรื่องแม่ ทั้งร้าน นี่อาจจะเป็นโอกาสดีที่จะตอบแทนเขา”
“แม่คิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“แต่ท้องลูกใครก็ไม่รู้ตั้งเก้าเดือนนะแม่” ป้อมไม่เห็นด้วย
“เขาไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ แต่เขาคือผู้มีพระคุณนะ” ประนอมพูดพลางหันมาทางปองฤทัย “ปอง คิดซะว่าเป็นการทำบุญช่วยคนก็ได้ลูก เด็กคนที่จะอาศัยท้องเรามาเกิด อาจจะช่วยนำสิ่งดีๆ เข้ามาให้เขา แล้วก็ให้เราด้วยนะ”

ปองฤทัยได้ฟังแล้วก็เริ่มคิดหนัก

สู่ขวัญเข้ามาหาปองฤทัยที่ร้าน ด้วยสีหน้าดีใจ

“คุณปอง”
ปองฤทัยยิ้ม สู่ขวัญปราดเข้าไปจับมือ
“ขวัญขอบคุณมากเลยนะคะ ที่คุณยอมช่วยขวัญ”
“ปองคิดว่าควรจะช่วยคุณกับคุณรบ เพราะว่าคุณรบก็เคยช่วยปองกับแม่ไว้”
สู่ขวัญน้ำตาซึม “ขวัญดีใจ จนทำอะไรไม่ถูกแล้วนะคะ”
ไอวี่ออกมาจากหลังร้านพอดี สู่ขวัญมองอย่างแปลกใจ
“พี่ปองคะ แก้วล้างเสร็จแล้ว” พลางปรายตาเห็นสู่ขวัญ “คุณขวัญ”
“ปองให้ไอวี่มาช่วยงานที่ร้านค่ะ ไอวี่ต้องเก็บเงินเพื่อผ่าตัดรักษาหน้า ตอนนี้ก็ยังไม่มีงานทำ ทำแบบนี้คงพอช่วยเก็บเงินได้”
สู่ขวัญมองอย่างเห็นใจ ไอวี่รีบหลบหน้า
“ไอวี่”
“ถ้าคุณจะสมน้ำหน้า ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เชิญเลยค่ะ”
“หันมาคุยกันก่อน ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”
ไอวี่หันไปมองหน้าสู่ขวัญ
“ดีขึ้นเยอะแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ มันก็แค่แผลเป็น” ไอวี่พูดประชดตัวเอง
“ตอนนี้เรียนถึงไหนแล้ว จะจบรึยัง”
“เทอมสุดท้ายแล้วค่ะ ถ้าผ่านก็จบ”
“กลับไปเรียนให้จบนะ จะได้มีเวลามาผ่าตัดรักษา”
“ฉันก็จะขยันทำงานเก็บเงินไว้ผ่าตัด”
“ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เอง”
สู่ขวัญพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนไอวี่ถึงกับอึ้ง
“อะไรนะคะ”
“ฉันจะออกค่าผ่าตัดหน้าให้ แต่ฉันขออย่างเดียว เธอต้องเรียนให้จบ พอทำได้ไหม”
ไอวี่ดีใจมาก เอามือปิดปาก เหมือนจะร้องไห้
“ค่ะ จริงนะคะ”
สู่ขวัญ ยิ้มจริงใจ “จ้ะ”
“คุณขวัญ ไอวี่ขอโทษนะคะ ที่เคยพูดไม่ดีกับคุณ ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”
ไอวี่ร้องไห้ สู่ขวัญยกมือลูบหลังปลอบใจ

สู่ขวัญ ศึกรบ ชโยดม และปองฤทัย นั่งรออยู่ที่ห้องตรวจแผนกสูตินารีเวช
“ลูกเป็นเหมือนความหวังของผม คุณเป็นคนช่วยเราให้ความฝันเป็นจริง คุณปองเป็นคนดีจริงๆ”
ศึกรบมองปองฤทัยด้วยแววตาอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณรบเองก็เคยช่วยปองไว้”
“ขอบใจนายด้วยนะโย ที่ยอมให้คุณปองช่วยพี่กับพี่ขวัญ”
“ไม่เป็นไรครับพี่รบ คุณปองเป็นคนจิตใจดี ถึงผมไม่พูด คุณปองก็ยอมช่วยอยู่แล้วครับ”
ปองฤทัยยิ้มให้ศึกรบกับสู่ขวัญ ชโยดมจับมือปองฤทัยไว้ ในขณะที่สู่ขวัญบีบมือศึกรบแน่น อย่างมีความหวัง

ปองฤทัยมองขีดในชุดตรวจครรภ์ ที่ขึ้นมาสองขีดด้วยความดีใจ พลางรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาชโยดม
“คุณปองโทรมาแต่เช้าเลย”
“คุณหมอคะ ปองมีเรื่องจะบอก” ปองฤทัยตื่นเต้น
“ว่าไงครับ”
“ปองท้องแล้วค่ะ ลูกของคุณขวัญกับคุณรบ”
ชโยดมทั้งตกใจทั้งดีใจ และตื่นเต้นระคนกัน
“ จริงเหรอครับ ผมจะรีบบอกพี่ขวัญกับพี่รบนะ”
“ค่ะ” ปองฤทัยยิ้มมีความสุข

สู่ขวัญเข็นรถเข็นศึกรบออกมาในสวน พลางพูดคุยกันอย่างมีความสุข
“อีกหน่อยพอคุณปองคลอดลูกแล้ว บ้านเราคงมีสีสันขึ้นเยอะเลยนะคะ”
“ผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ”
แววตาศึกรบเรื่อเรืองด้วยความหวัง
ในขณะที่นอกบ้าน แสงดาวในสภาพเริ่มเหมือนคนบ้า แอบมาซุ่มดูอีกครั้ง พลางมองทั้งคู่ตาขวาง
“พิการจนเดินไม่ได้ขนาดนี้แล้ว แกก็ยังไม่ปล่อยคุณรบอีกนะนังสู่ขวัญ แกจะเป็นมารหัวใจ ขัดขวางความสุขของฉันไปถึงไหน”
แสงดาวทุบกำแพงรั้ว แล้วตีอกชกหัวตัวเอง ด้วยความแค้น พลางมองเหม่อไปข้างในบ้าน ยิ่งเห็นทั้งตู่ยิ้มและหัวเราะให้กัน ก็ยิ่งแค้น
“ทำไมต้องเป็นมันที่มีความสุข ทำไมไม่ใช่ฉัน ฮือๆ ทำไม ทำไมคุณรบ ดาวรักคุณ คุณจะเป็นของใคร ไม่ได้ นอกจากดาวคนเดียว”

สู่ขวัญเข็นรถเข็นพาศึกรบมาที่โรงพยาบาล พร้อมกับปองฤทัย ที่มาตรวจครรภ์ ที่เริ่มโตขึ้นจนเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ปองจะดูแลเขาให้ดีเหมือนกับลูกของปองเอง”
“ผมรู้ว่าคุณปองจะดูแลเขาอย่างดี ขวัญเลือกคนไม่ผิดหรอก”
แสงดาวแอบตามมา มองทั้งสามคน ด้วยความเจ็บใจ
“ให้อีเจ้าของร้านดอกไม้ท้องแทนงั้นเหรอ ฉลาดนักนะนังสู่ขวัญ”

ไอวี่นั่งดูทีวีอยู่ในห้อง พลันก็มีเสียงเคาะประตู ไอวี่เดินไปดูผ่านช่องตาแมว เห็นป้อมมารออยู่ ก็รีบเปิดประตู
“ป้อม มาก็น่าจะโทรมาบอกก่อน”
“พอดีอยากรีบมาบอกน่ะ ป้อมไปดูคะแนนสอบที่มอมาแล้ว”
ไอวี่หน้าเศร้า “ไม่อยากฟังเลย ต้องไม่ดีแน่”
“ไม่อยากก็ต้องฟังไอวี่ ฉันรู้ว่าเธอพยายามแล้วนะ”
“มันก็ยังแย่ใช่ไหม”
ป้อมพยักหน้า “ใช่ ต้องซ่อม 2 ตัว”
“เฮ้อ คนแบบฉันทำไม่ได้หรอก ฉันไม่มีทางเรียนจบปีนี้แน่”
ไอวี่หน้าจ๋อย ป้อมแอบขำ
“ซะเมื่อไหร่ ผ่านหรอก ผ่านแล้วนะ นี่ไง ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย ดีใจไหม”
ป้อมเปิดรูปคะแนนที่ถ่ายใส่โทรศัพท์ ไอวี่รับไปดู แล้วก็ยิ้มดีใจ
“ป้อมหลอกวี่เหรอ ใจหายหมด”
“ก็อยากให้ลุ้นนี่ เก่งมาก เห็นไหม ถ้าตั้งใจก็ทำได้ เอเชียวนะ ไม่ใช่เล่นๆ”
“วี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ได้เลยขอบคุณนะ ถ้าไม่มีป้อม วี่คงทำไม่ได้ ขอบคุณมาก”

ป้อมยิ้มเขินๆ ไอวี่กอดป้อมแน่น
 
อ่านต่อหน้า 4

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)

จากนั้นป้อมก็พาหาไอวี่มาหาหมอศัลยกรรมที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

“ตอนนี้แผลไม่มีอาการติดเชื้อหรืออักเสบอะไรนะครับ สภาพร่างกายก็พร้อมคิดว่าน่าจะนัดวันผ่าตัดกันได้เลย”
ไอวี่หันไปยิ้มกับป้อม มีความหวังอีกครั้ง

ปองฤทัยที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอด นั่งจัดของอยู่ที่หลังให้เคาน์เตอร์ พลางรู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ข้างหลัง ปองฤทัยหันไป ก็ตกใจ
“คุณดาว”
แสงดาวยิ้มเย็นๆ พลางเดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่เจอกันนาน ท้องโย้เลยนะแก”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“ท้องใหญ่ขนาดนี้คงใกล้คลอดแล้วล่ะสิ จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายน้า”
ปองฤทัยมองแสงดาวอย่างระแวดระวัง “อย่านะคะคุณดาว”
“เด็ก เป็นลูกของแกกับใคร”
แสงดาวตะคอกถาม พลางกระชากแขนปองฤทัยเข้ามาใกล้ตัว
“คุณจะทำอะไรฉัน”
“ฉันถามว่า เด็กในท้องแกมันเป็นลูกของใคร”
ปองฤทัยหน้าซีด “ฉันบอก ฉันบอกไม่ได้”
“ทำไมเรื่องแค่นี้ ทำไมแกจะบอกไม่ได้ กลัวฉันรู้ แล้วจะทำอะไรเหรอ”
“คุณดาว อย่าทำอะไรปองนะคะ”
แสงดาวจ้องหน้าปองฤทัยอย่างเกลียดชัง
“อีปอง แกมันชอบสาระแนจริงๆ แกคิดจะแย่งคุณรบไปจากฉันให้ได้ใช่ไหม”
“ปองเปล่านะ”
“ตอแหล ฉันรู้นะ ว่านี่เป็นลูกของคุณรบกับนังสู่ขวัญ”
แสงดาวพูดพลางเหวี่ยงปองฤทัยกระเด็นไป ปองฤทัยพยายามหนี แต่แสงดาวตามมากระชากไว้
ปองฤทัยพยายามต่อสู้แต่สู่ไม่ค่อยจะได้ สุดท้ายถูกแสงดาวบีบคอแน่น
จังหวะเดียวกับที่ประนอมออกมาจากหลังร้าน เห็นแสงดาวบีบคอปองฤทัย ก็ตกใจ
“ปอง”
“แม่ ช่วยปองด้วย”
ประนอมเข้ามาดึงแสงดาวออกไป ปองฤทัยหลุดจากแสงดาว ก็รีบวิ่งหนีออกไป แสงดาวโมโห ผลักประนอมล้ม
“อีแก่นี่ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง อยากตายอีกคนรึไง”
แสงดาวจะเข้าไปหาปองฤทัยอีก ประนอมดึงขาแสงดาวไว้
“อย่าทำอะไรลูกฉัน”
“โอ๊ย อีแก่”.
แสงดาวถีบประนอมกระเด็นไป ปองฤทัยเห็นแม่ล้มวิ่งกลับไปช่วย
“ปอง หนีไป หนีไปลูก”
ประนอมเริ่มมีอาการหอบ ปองฤทัยลังเล แสงดาวหยิบกรรไกรตัดดอกไม้มายืนขวางทางออกไว้
ปองฤทัย วิ่งกลับเข้าบ้านไป แสงดาวรีบวิ่งตาม

ปองฤทัยวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน พยายามจะปิดประตูล็อก แสงดาววิ่งตามมาทัน ดึงประตูไว้ ปองฤทัยยื้อจนหมดแรง ตัดสินใจปล่อย แล้ววิ่งหนีขึ้นห้อง พยายามระวังเด็กในท้อง แสงดาวผลักประตูเข้ามาอย่างแรง พลางมองหาปองฤทัย ด้วยสายตาอาฆาต
“อีปอง แกคิดว่าจะหนีรอดงั้นเหรอ”
ปองฤทัยวิ่งหนีเข้าห้องไป พยายามจะล็อก แต่มือสั่นจนทำอะไรไม่ถูก แสงดาวตามมาจนถึงหน้าห้อง ทั้งดึงทั้งทุบประตูอย่างเกรี้ยวกราด
“นังปอง ฤทธิ์เยอะนักนะ”
ปองฤทัยพยายามเอื้อมมือไปล็อกประตู แต่ก็ไม่มีแรง แสงดาวได้จังหวะผลักประตูเข้าไป ปองฤทัยคลานหนีไปที่เตียง แสงดาวเข้าไปจิกหัว ปองฤทัยพยายามสู้ยื้อไว้ แต่ยื้อได้ไม่นานก็เริ่มเจ็บท้องหมดแรงก่อน
แสงดาวยิ้มสะใจ จิกหัวปองฤทัยขึ้นมา
“นังโง่ แกสู้ฉันไม่ได้หรอก”
แสงดาวดึงตัวปองฤทัยขึ้นมา แล้วตบหน้าเต็มแรง จนปองฤทัยกระเด็นไปกระแทกเตียง

ประนอมที่ยังหอบอยู่พยายามฝืนตัวเองลุกขึ้น พอดีกับที่ชโยดมเดินเข้ามา
“คุณหมอ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ชโยดมได้ยินเสียงประนอมก็ตกใจ
“คุณน้า เกิดอะไรขึ้น ?”
“มีคนจะฆ่ายัยปอง มันบุกมาที่บ้านเรา ข้างบนค่ะ ข้างบน”

ชโยดมรีบวิ่งขึ้นบ้านไปทันที

แสงดาวลากปองฤทัยมาที่ระเบียงบ้าน บีบคอปองฤทัยไว้

“แกจะต้องตาย ตายไปกับความหวังของสองคนนั้น พวกแกจะไม่มีวันมีความสุข ไม่มีวัน”
“คุณแสงดาว อย่าทำแบบนี้เลย ถึงฉันตาย คนอื่นก็ท้องแทนฉันได้อยู่ดี”
ปองฤทัยพยายามกล่อม
“ไม่จริง ฉันรู้ว่าเขาให้อยากให้เด็กเกิดมาจากแก”
“ฉันแค่อยากช่วยเขา ฉันไม่มีผลอะไรกับเขาเลย คุณฆ่าฉัน เขาก็ยังอยู่ด้วยกันได้ มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“มี” แสงดาวตะคอก “พอเด็กนี่เกิดมา นังสู่ขวํญมันก็จะมีความสุข แล้วไอ้ที่ฉันทำมาทั้งหมด ก็ไม่มี
ความหมาย ฉันจะปล่อยแกไว้ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ฉันรักคุณรบ คุณรบต้องเป็นของฉันคนเดียว ไม่ใช่แก ไม่ใช่นังสู่ขวัญ”
แสงดาวพึมพำกับตัวเองเหมือนคนบ้า ปองฤทัยฉวยจังหวะนั้นผลักแสงดาวออกไป จะวิ่งหนี
“จะหนีเหรอ มานี่”
แสงดาววิ่งไปดึงปองฤทัยกลับมา ชโยดมวิ่งขึ้นมาข้างบนพอดี ปองฤทัยรีบตะโกนให้ช่วย
“คุณหมอ ช่วยด้วย”
แสงดาวได้ยินก็ยิ่งฉุดกระชากลากถูปองฤทัยไปที่ระเบียงจะผลักลงไปให้ได้ ชโยดมรีบพุ่งเข้ามาจับตัวไว้ แสงดาวทั้งดิ้นทั้งกรีดร้องไม่ยอม
“คุณปอง หนีไป”
ปองฤทัยจะวิ่งไปหลบไปในห้อง แสงดาวยิ่งอาละวาดคว้ามือไปดึงปองฤทัยไว้ ชโยดมพยายามดึงจนผลักปองฤทัยเข้าไปข้างในได้ แสงดาวจะตามไปดึงอีก แต่กลับสะดุดหงายหลัง
ชโยดมมองร่างของแสงดาวร่วงลงไปจากระเบียงกระแทกพื้นอย่างแรงจนเสียชีวิต ปองฤทัยตกใจ
“คุณหมอ”
ชโยดมหันไปทางปองฤทัย ที่ยืนหน้าซีดอยู่
“ปวดท้อง ช่วยด้วย”
ชโยดมมองที่พื้นเห็นเลือดไหลออกมา ก็ตกใจ
“คุณปอง”
ชโยดมรีบเข้าไปช่วยอุ้มปองฤทัยพาไปส่งโรงพยาบาลทันที

ชโยดม สู่ขวัญ และศึกรบมารอหน้าห้องคลอดด้วยความกระวนกระวาย
“รบ คุณปองกับลูกเรา”
“ไม่เป็นไรขวัญ พวกเขาจะไม่เป็นอะไร”
สู่ขวัญกลัวจนมือสั่นไปหมด ศึกรบจับมือให้กำลังใจภรรยา ครู่ใหญ่ๆ หมอก็ออกมา พร้อมกับเข็นเตียงของปองฤทัยออกมาด้วย
“ลูกของคุณแข็งแรงดีนะครับ เป็นเด็กผู้ชาย แข็งแรงมาก”
พยาบาลอุ้มเด็กออกมาส่งให้ สู่ขวัญรับเด็กมาอุ้ม น้ำตาไหลพราก
“ลูกของเราค่ะรบ”
สู่ขวัญส่งลูกชายให้ ศึกรบอุ้มลูก พลางยิ้มมีความสุข สู่ขวัญกอดศึกรบกับลูก ชโยดมมองไปที่ปองฤทัยที่สลบอยู่ ทั้งโล่งใจทั้งมีความสุข

ศึกรบกับสู่ขวัญกลับมาบ้าน สู่ขวัญอุ้มเด็กไว้ มองหน้าศึกรบอย่างมีความสุข พลางยื่นลูกให้อุ้ม แล้วนั่งลงคุยกับสามี
“เด็กคนนี้เขาเกิดมาจากคนที่ดี เกิดมาในวันที่เรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป เราจะต้องเลี้ยงเขาให้ดีนะคะ”
“ใช่ เราจะเลี้ยงเขาให้เป็นคนดี รักแม่ รักครอบครัว เขาจะไม่เป็นเหมือนผม เขาจะเป็นคนที่ดีกว่า ผมสัญญา”
สู่ขวัญกอดศึกรบแน่นอย่างมีความสุข

ป้อมพาไอวี่มาหาหมออีกครั้ง เพื่อเปิดผ้าพันแผลหลังจากผ่าตัดมาหลายครั้ง
“ป้อม มันจะโอเคใช่ไหม” ไอวี่ยังกังวล
“มันจะดี เชื่อฉันสิ คุณหมอมาแล้ว”
หมอเดินยิ้มเข้ามาหาทั้งคู่
“มาดูผลงานกันหน่อยนะวันนี้ การผ่าตัดครั้งล่าสุดได้ผลดีเลย คิดว่าน่าจะกลับมาเกือบสมบูรณ์แล้วนะครับ”
ไอวี่พยักหน้า หมอค่อยๆ ดึงผ้าพันแผลออก ป้อมมองลุ้น พยาบาลยื่นกระจกให้ ไอวี่หลับตา แล้วค่อยๆลืมตา เห็นหน้าตัวเองกลับมาเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง
ไอวี่จับหน้าตัวเองด้วยความดีใจ พลางหันไปหาป้อม
“ป้อม ไม่มีแผลน่าเกลียดแล้ว”
“ใช่ สวยเหมือนเดิมเลย”
“หมอดีขนาดนี้ จะไม่ชมว่าสวยกว่าเดิมหน่อยเหรอ”
“โห ก็ได้ สวยกว่าเดิมอีก”
ไอวี่แกล้งมองค้อน “จริงใจหน่อย”
ไอวี่ดีใจ พลางลุกขึ้นแล้วเข้าไปกอดป้อม ป้อมกอดไอวี่ตอบด้วยความดีใจ

ปองฤทัยกลับจากโรงพยาบาลพร้อมกับป้อมและไอวี่ แต่พอจะเปิดประตู ปรากฏว่าร้านไม่ได้ล็อก
ปองฤทัยแปลกใจ
“ไม่ได้ล็อกเหรอ”
ป้อมยักไหล่ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ปองฤทัยเปิดประตูเข้าไป เห็นทั้งร้านเต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่างๆ ประดับประดาอยู่เต็มไปหมด
“ดอกไม้พวกนี้ ป้อม แอบสั่งมาขายเหรอ ทำไมไม่บอกพี่”
ป้อมแกล้งตีหน้ามึน “เฮ้ย ผมไม่รู้เรื่อง ผมก็อยู่กับพี่ปองตลอดนะ จะไปสั่งตอนไหน”
“แล้วใครเป็นคนสั่ง”
“วี่ก็เปล่านะคะ”
ป้อมมองไปที่ดอกไม้ “ผมว่าพี่ปองดูดอกไม่พวกนี้ดีๆดีกว่านะ อย่าเพิ่งโวยวาย”
“ดูอะไร”
ป้อมชี้ไปทางหนึ่ง ปองฤทัยหันไปดู เห็นดอกไม้จัดไว้เป็นตัวหนังสือ
“แต่งงานกับผมนะครับคุณปอง”
“นี่มัน”
“ดอกไม้ของผมเองครับ”
ปองฤทัยหันไปเห็นชโยดมมายืนอยู่ข้างหลัง ป้อมกับไอวี่รีบหลบฉาก
“ผมแอบให้เขามาจัดก่อนคุณกลับมา ไม่รู้ถูกใจรึเปล่า”
ปองฤทัยอึ้ง จนพูดไม่ออก
“จะไม่พูดอะไรกับผมบ้างเลยเหรอ ผมเขินแล้วนะเนี่ย”
“ปอง พูดไม่ออกเลยค่ะ คือ”
“งั้นไม่พูดมาก เข้าเรื่องเลยดีกว่า”
ชโยดมยิ้ม พลางหยิบกล่องแหวนออกมา
“จริงๆผมเขียนสคริปท์ไว้ยาวมากนะ พยายามจะทำเหมือนพระเอกละคร แต่ผมกลัวจะพูดไม่ออก ไหนๆ ผมจะขอเจ้าของร้านดอกไม้แต่งงาน ก็เลยขอด้วยดอกไม้พวกนี้แทน แต่ไม่รู้เขาชอบรึเปล่า”
ชโยดมเอาแต่จ้องหน้า จนปองฤทัยเขิน
“คุณหมอ”
“เอาเป็นว่า”
ชโยดมคุกเข่าลง
“ผมไม่รู้ว่าคุณปองชอบดอกไม้ของผมไหม แต่ผมรักคุณมาก อยากอยู่กับผู้หญิงที่ดีแบบคุณไปทั้งชีวิต แต่งงานกันนะ”
ปองฤทัยทำอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้า
“ค่ะ”
ชโยดมยิ้ม พลางลุกขึ้นสวมแหวน แล้วคว้าตัวปองฤทัยมากอดอย่างมีความสุข 
 
ป้อมกับไอวี่มองตากันอย่างมีความสุข
 
จบบริบูรณ์...
กำลังโหลดความคิดเห็น