เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 17
พนักงานซักรีดสะดุ้ง ยกผ้าปูที่นอนขึ้นดู มีแสงสว่างวาบที่กองผ้า ก่อนจะเห็นนกหงส์หยก ซุกอยู่ที่กองผ้า
“นกมาอยู่นี่ได้ไง เกือบโยนเข้าเครื่องแล้วไหมล่ะ”
นกบิวตี้ บินไปจากกองผ้า
นกบิวตี้บินผ่านไป เห็นธีภพนั่งคุยกับอรวิภาท่าทางกระหนุงกระหนิงอยู่มุมหนึ่ง จึงบินลงเกาะที่พุ่มไม้ใกล้ๆ
“ถือโอกาสกระหนุงกระหนิงกันใหญ่เลยนะ” บิวตี้คนในคราบนกหาข้อแก้ตัวแอบฟัง “นินทาฉันอยู่แน่ๆเลย” พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้
“น้องอรดีใจจังเลยค่ะพี่ธี ที่อ๊านตี้เกรซยอมให้ธนบวรส่งแบบ”
“พี่ยังหนักใจอยู่เลยครับที่คนออกแบบ ต้องเป็นบิวตี้คนเดียว”
บิวตี้หมั่นไส้ “ทำไมยะ ไม่เชื่อใจฉันหรือไง”
“ทำไมล่ะคะ พี่บิวตี้เก่งออก”
“บิวตี้ เก่งครับ” ธีภพถอนใจ
บิวตี้คนเชิดหน้า “ในที่สุดนายก็ต้องยอมรับ”
“แต่เขาเป็นคน เอาแน่ไม่ได้ ชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อย”
บิวตี้คนโมโห “ฉันไม่ได้ก่อเรื่อง เรื่องมันเกิดเอง”
“ถ้าไม่ได้น้องอรช่วย ป่านนี้คุณเกรซคงยังไม่หายโกรธ ขอบคุณน้องอรมากนะครับ”
“น้องอรไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะ ถ้าพี่ธีไม่หาหลักฐานมาอ๊านตี้เกรซคงไม่ยอมรับฟังหรอกค่ะ แต่ท่าทางพี่บิวตี้ยังโกรธอยู่นะคะ”
บิวตี้ฮึดฮัด “ฉันไม่ได้โกรธซักหน่อย ไม่ต้องมาเสี้ยมหรอกยัยแอ๊บแบ๊ว”
“บิวตี้ไม่มีสิทธิ์โกรธหรอกครับ เขาควรจะได้บทเรียนบ้าง ต่อไปเวลาโกรธใครจะได้ยั้งคิด”
บิวตี้คนโกรธ วิ่งไปทุบหลังธีภพ “ฉันไม่ต้องการบทเรียนอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องมานินทาฉันให้แฟนฟัง”
ที่สองคนเห็นคือนกหงส์หยกจิกตีหลังธีภพอยู่
ธีภพหันไปดู “บิวตี้ มาถึงนี่ได้ยังไง” พลางจับนกบิวตี้มาลูบตัวอย่างอ่อนโยน
อรวิภาสงสัย “ใช่นก บิวตี้ ตัวนั้นหรือคะ เอ๊ะ ทำไมบินมาถูก”
“เจ้านี่เขาฉลาดมากครับ คงรู้ทิศทางเหมือนนกพิราบ บินมาตั้งไกลเก่งจัง” เอาน้ำในแก้วป้อนนก “เหนื่อยไหม”
นกบิวตี้บ่น “ตบหัวแล้วไม่ต้องมาลูบหลัง ฮึ”
ธีภพหัวเราะ “มีงอนด้วย ทำท่าเหมือนบิวตี้ไม่มีผิด น้องอรดูสิ ท่าทางเชิดๆ แบบนี้ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ พี่ถึงตั้งชื่อตามเขาไงครับ”
อรวิภาดูกิริยาธีภพ ที่หยอกล้อ เอาอกเอาใจนกบิวตี้ คลางแคลงใจเหมือนดูธีภพเอาใจบิวตี้คน
“พี่บิวตี้รู้ไหมคะว่าพี่ธีตั้งชื่อนกตามชื่อพี่บิวตี้”
ธีภพขำๆ “ไม่รู้หรอกครับ ถ้ารู้คงด่าเปิง”
อรวิภาดูซึมไปถนัดตา
ธีภพไม่รู้ตัว “น้องอร เป็นอะไรไปครับ”
“น้องอรกลัวมันจิกเหมือนคราวก่อนนั้นน่ะค่ะ”
ธีภพยังคงหยอกล้อเล่นกับนกบิวตี้ต่อไป ขณะที่อรวิภารู้สึกน้อยใจนักว่าธีภพมีแต่บิวตี้ตลอดเวลา
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตามองลุ้นความรักของบิวตี้ผ่านจอฉายภาพ
“ลัลน์ลลิตยังดูไม่ออกอีกหรือว่าธีภพมีแต่ความหวังดี”
“นางดูใครไม่ออกหรอก เพราะแม้ใจของตัวเอง นางก็ยังสับสน” องค์เทวีกล่าว
“เราคิดว่านางรู้ใจของตนเองแล้วนะคะเทวี เพียงแต่นางผ่านเรื่องร้ายมามากจนไม่กล้ายอมรับ เพราะกลัวความผิดหวัง”
“หากไม่กล้าที่จะรัก ก็อย่าหวังว่าจะได้ความรักตอบแทน”
“ทำอย่างไรจึงจะช่วยให้ลัลน์ลลิตรับรู้สิ่งที่เทวีกล่าวได้”
“ไม่ต้องช่วยหรอก หากนางมีความรักที่จริงแท้ นางย่อมเข้าใจ และไม่หวังด้วยซ้ำว่าจะได้ความรักตอบแทนหรือไม่”
“น้อมรับความเห็นของเทวี”
เครือวรรณสะกิดอดิศักดิ์ให้ดูอรวิภาที่นั่งซึม ท่าทางกลัดกลุ้ม ครุ่นคิดหนัก
“เป็นอะไรล่ะลูก เห็นซึมอยู่นานแล้ว”
“คุณธีภพเขาทำอะไรให้น้องอรไม่สบายใจคะ บอกป่าป๊าหม่ามี้ ซิลูก”
“พี่ธีเขาไม่ได้ทำอะไรให้น้องอรไม่สบายใจหรอกค่ะ แต่เขา...ไม่รู้สิคะ”
“ถ้าน้องอรไม่รู้ แล้วป่าป๊าจะรู้มั้ยเนี่ย” อดิศักดิ์ฮึดฮัด
“ใจเย็นๆ สิคะป่าป๊า น้องอร เล่าให้หม่ามี้ฟังสิคะว่าคุยอะไรกับคุณธีบ้าง หม่ามี้เห็นนะ คุยกระหนุงกระหนิงน่ารักดีออก”
“เราคุยกันค่ะหม่ามี้ แต่เรื่องที่คุยมีแต่พี่บิวตี้อย่างงั้นพี่บิวตี้อย่างงี้ ขนาดนกพี่ธียังตั้งชื่อบิวตี้เลยค่ะ”
อดิศักดิ์สบตากับเครือวรรณงงๆ “มันยังไงกัน”
“เค้าพูดถึงบ่อย เพราะคุณบิวตี้เพิ่งมีเรื่องกับอ๊านตี้เกรซมั้งจ๊ะลูกจ๋า”
“หรือไม่ น้องอรก็คงไม่น่าสนใจเหมือนพี่บิวตี้” สาวโลกสวยน้อยใจ จะร้องไห้
“ป่าป๊าว่า น้องอรอย่าเพิ่งไปปักใจกับนายธีภพนักเลย ตอนนี้เจดการ์เม้นท์กำลังมาแรง ถ้าแซงธนบวรได้ ป๊าว่าน่าสนใจกว่าเยอะ”
“นั่นสิ คุณเจตน์ชาญเป็นเจ้าของคนเดียว ไม่ต้องมีประธานร่วมเหมือนธนบวรบริษัทใหญ่กว่าก็จริงแต่แบ่งไปแบ่งมาเหลือน้อยกว่ากันเยอะ” เครือวรรณเชียร์ใหญ่
“แต่น้องอรไม่ได้ชอบคุณเจตน์ชาญ คุณเจตน์เขาก็ไม่ได้ชอบน้องอร”
“ไม่จริง ไม่มีใครไม่ชอบน้องอรหรอกจ้ะ”
“คุณเจตน์ก็ชอบพี่บิวตี้ค่ะ ใครๆ ก็ชอบพี่บิวตี้ ทำไมคะ ต้องนิสัยไม่ดีเหรอคะถึงจะมีคนชอบ” อรวิภาอัดอั้นจนร้องไห้
เครือวรรณกอดปลอบ “ไม่เอา อย่าพูดอย่างงั้นสิจ๊ะลูก จำไว้นะความสวยไม่คงที่แต่ความดีสิคงทน แต่น้องอรทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งดี ใครไม่รักก็แย่แล้ว”
ฟากธีภพเข้ามาในบ้าน พร้อมกับบิวตี้นก
เจ้าเสือเข้ามาเคล้าเคลียที่เท้าธีภพ “นายค๊าบคิดถึงจังเลย รักนะจุ๊บจุ๊บ มีอะไรมาฝากเสือหรือเปล่า”
นกบิวตี้แหวใส่ “โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็เห็นแก่กิน” พลางบินมาเกาะที่โต๊ะ
เสือทัก “อ้าวที่รัก กำลังหิวพอดีเลย มาให้พี่งาบซะดีๆ อย่าต้องใช้กำลัง”
บิวตี้คนอยู่บนโต๊ะด่า “แมวตะกละ ลามก”
ธีภพเห็นนกบิวตี้ส่งเสียงจิ๊กๆ และเจ้าเสือทำท่าจะกระโจนใส่ก็ห้ามทัพ “ไม่เอา อย่าทะเลาะกัน เสือไปคอยข้างนอกก่อน”
เสืองอน บ่นงึม “ฮึ ไปก็ได้ เอะอะไล่ เอะอะไล่ อย่างงี้ทุกที เห็นนกดีกว่าแมว”
บิวตี้คนบอก “ไม่จริง เค้าไม่เคยเห็นฉันดีหรอก มีแต่ว่าๆๆ”
“เป็นอะไรบิวตี้ บ่นอะไร” ธีภพเห็นเป็นแค่นกร้องจิ๊กๆ ลูบหัวบิวตี้คน
ธีภพอุ้มนกบิวตี้ พาไปนั่งที่โซฟา ป้อนข้าวให้นกทีละคำ ถอนใจแล้วบ่นกับนก
“เงียบแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้ายัยบิวตี้รู้จักเงียบฟังอย่างงี้บ้างก็ดีสิ”
บิวตี้คนเถียงทั้งอาหารนกเต็มปาก “ของเต็มปากจะให้พูดได้ยังไง”
“เถียงแทนอีกแล้ว นี่แกต้องเป็นนกของบิวตี้แน่ๆ วันหลังฉันจะดูว่าแกอยู่กับเขาหรือเปล่า”
“ยิ่งกว่าอยู่อีก ฉันนี่แหละบิวตี้ ดูให้ดีสิ ฉัน คือ บิวตี้” บิวตี้เน้นคำ
“แกก็เหมือนบิวตี้นั่นแหละ ชอบทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
บิวตี้คนโดนใจจังๆ ซึ้ง “นาย ห่วงฉันเหรอ”
“เดี๋ยวหายไปเดี๋ยวโผล่มา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
บิวตี้คนฉุน “นายว่าฉันบ้าเหรอ”
ธีภพถอนใจ “แบบนี้ต่อไปจะดูแลบริษัทได้ยังไง”
“อย่าคิดไปไกลขนาดนั้นเลย” บิวตี้คนคิดแล้วเศร้า “แค่เดือนหน้าฉันจะยังเป็นคนอยู่หรือเปล่ายังไม่รู้เลย ฉันเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวแต่ฉันยังไม่รู้จะแก้คำสาปยังไงเลย”
ธีภพดูนกใกล้ๆ “อ้าว น้ำตาไหลอีกแล้ว เสียใจอะไร” ธีภพกอด ลูบปลอบขวัญ “ไม่เอา อย่าร้องนะ โอ๋ โอ๋” พร้อมกับโน้มหน้าลงจูบหัวนก
บิวตี้คนเคลิ้มโดนธีภพจูบหัว นึกถึงคำสาปข้อ 3 แล้วตาเบิกโพลง “เอ๋ ถ้าฉันได้จุ๊บจากนายตอนเป็นนกฉันจะพ้นคำสาปไหมนะ”
บิวตี้กำลังจะจูบธีภพ
เสียงปรมะเทวีดังก้องในหัว “ไม่นับ ต้องได้จุมพิตจากชายที่รักยิ่งกว่าชีวิตในร่างมนุษย์เท่านั้น จึงจะล้างคำสาปได้”
บิวตี้เซ็ง “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า ขี้โกงชัดๆ อนุโลมหน่อยไม่ได้เหรอ แล้วตอนเป็นมนุษย์จะได้จูบจากนายได้ยังไงล่ะ นายไม่ได้รักฉันเลย นายรักแต่บิวตี้นก”
“โวยวายอะไรห๊ะบิวตี้” ธีภพจับบิวตี้แนบอก “นิ่งซะนะ นิ่งซะ”
บิวตี้มองหน้าธีภพ
“จูบในร่างนกไม่นับเหรอ ฉันไม่เชื่อ อย่างน้อยก็ขอให้ได้ลองก่อน”
บิวตี้ยื่นจงอยปากไปจูบธีภพ
“บิวตี้ ทำอะไรน่ะ นี่จูบฉันเหรอ รักฉันล่ะซิ”
ธีภพขำ จูบนกบิวตี้ตอบ บิวตี้ตกใจตาเบิกโพลง มองสภาพตัวเองลุ้นๆ
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจริงๆ ด้วย จูบในร่างนกไม่มีผลอะไรเลย” บิวตี้จะร้องไห้
“อยู่นี่นะ ฉันไปอาบน้ำก่อน”
นางฟ้าลลิตา และปรมะเทวี มองอยู่บนสวรรค์ เห็นบิวตี้ร้องไห้อยู่ ก็นึกสงสาร
“เหตุใดจึงไม่นับการจุมพิตขณะที่นางเป็นนกล่ะคะเทวี”
“ท่านคิดว่าคำสาปนี้จุดประสงค์ก็เพื่ออะไร”
“เพื่อให้ลัลน์ลลิตมีความรักบริสุทธิ์มอบให้ผู้อื่น ยิ่งกว่ารักตนเอง”
“ถูกแล้ว รักผู้อื่นจนกระทั้งความรักนั้นเป็นที่จับใจ จนได้ความรักตอบแทนย่อมหมายถึงคนรักคน มิใช่คนรักสัตว์”
นางฟ้าลลิตาเก็ต “อุ่ย เข้าใจแล้วค่ะเทวี”
ตืนนั้นบิวตี้คน นอนจ้องมองธีภพ ที่นอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ
“ไขมันนายหายไปไหนหมดนะนายอ้วน อ้วนแว่น ...อ้วนแว่น”
“เป็นไรบิวตี้ ร้องทำไม ดึกแล้ว นอนซะ” ธีภพวางหนังสือ ถอดแว่น กอดบิวตี้ แล้วปิดไฟ
บิวตี้คนนอนหันหลังให้ธีภพ รู้สึกอบอุ่น “สำหรับฉัน นายคือคนที่ใช่ แต่สำหรับนายล่ะ” แล้วพลิกตัวกลับมาพิจารณาหน้าธีภพชัดๆ เห็นธีภพหลับตา ดูอ่อนโยนบริสุทธิ์
“ฉันคงไม่ใช่คนที่นายฝันถึงหรอก ฝันของนาย คงมีแต่น้องอรแอ๊บแบ๊ว” บิวตี้ทอดถอนใจพลิกตัวหันหลังให้ธีภพอีก “นายคงไม่มีวันชอบฉันได้ ภายในเดือนนึง ต่อให้ยาวไปอีกเป็นปี ก็คงไม่มีหวัง”
บิวตี้ถอนใจเศร้าๆ น้ำตาค่อยๆ รินไหล
ธีภพกอดบิวตี้ไว้แนบอก
พระอาทิตย์ส่องแสงแรกของวันขึ้นสู่ท้องฟ้า
บิวตี้คืนร่าง นอนหลับอยู่ดูอ่อนเพลีย เสียงนาฬิกาปลุกติ๊กแรกดัง บิวตี้สะดุ้งตื่น ใจหายวาบ
“ว้าย ตายแล้ว” บิวตี้รีบอุดปากตัวเอง
นาฬิกาปลุกยังดังไม่หยุด ธีภพงัวเงีย เอื้อมมือมาทางบิวตี้จะควานหานาฬิกา บิวตี้รีบส่งให้
ธีภพพึมพำ “ขอสองนาที” กดนาฬิกาปลุกแล้วพลิกตัวไปนอนต่อ
บิวตี้คว้าหนังสือพิมพ์ คลี่ออก ปิดลำตัวแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ นาฬิกาปลุกดังขึ้นอีก
ธีภพควานหา กดปิดอีก ทำหน้าสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วเมื่อกี๊ยังไง เหมือนมีคนส่งให้
ธีภพสะบัดหน้า ไล่ความง่วง แล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ
ธีภพเข้าห้องน้ำมา ถอดเสื้อหยิบผ้าขนหนูพันช่วงล่างเตรียมอาบน้ำ โดยไม่รู้ว่าบิวตี้เป็นคนส่งผ้าให้ ธีภพเริ่มแปรงฟัน บิวตี้แอบอยู่หาทางเอาเสื้อธีภพมาใส่ แล้วย่องออกจากห้องน้ำ
ธีภพรู้สึกว่ามีคนอยู่ในห้อง หันมาเห็นหลังบิวตี้ไวๆ ธีภพรีบวิ่งตามออกไป บิวตี้รีบวิ่งหนีออกไปทางระเบียง
ธีภพตามออกมาไม่เห็นอะไร หมุนตัวกลับไปบิวตี้รีบกระโดดลงระเบียง ธีภพได้ยินเสียงหันกลับมา เห็นหลังบิวตี้ไวๆ ธีภพวิ่งเข้าไป บิวตี้โดดลงไปชั้น 1
เจ้าเสือเดินมาดู บิวตี้บอกเสือให้เงียบๆ ธีภพชะโงกออกมาดู เห็นแต่เจ้าเสือ จึงเดินกลับเข้าไป
บิวตี้หายใจไม่ทั่วท้อง
“โอ๊ย เกือบไปแล้ว ทำไมถึงตื่นสายได้นะเรา”
เสือมองตามบิวตี้งงๆ
“ร้ายนักนะนายเรา แอบเอาผู้หญิงมาซ่อนไว้ในห้อง”
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 17 (ต่อ)
พักตร์พิมลเข้ามาในห้องฝ่ายขาย เจอปีวรานั่งทำงานอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะของตัวเองก็ดุเอา
“ทำอะไรน่ะ”
ปีวราไม่ตกใจสักนิด หันไปไหว้ทักท่าทีปกติ “เตรียมใบส่งของค่ะ กับใบรับของค่ะ ใช้คอมพ์ของปีเครื่องเดียว กลัวไม่ทัน”
กระตั้วกระหืดกระหอบเข้ามา “ฮู้ย คุณแพ็ตขา ตั้ววิ่งตามตั้งแต่ที่จอดรถ”
“มาตามฉันทำไม ฉันก็แค่ลูกจ้าง ไปคอยวิ่งตามท่านประธานหญิงดีกว่ามั้ง” พักตร์พิมลเหน็บ
“โอ้วโน้ ยูอาร์มายบอส ฟอร์เอเว่อร์ เรื่องเกรซ มิลเล่อร์ ไปถึงไหนแล้วคะบอส ตกลงเรายังมีความหวังไหมคะ”
“คุณธีภพโทรมาบอกฉันว่าเราได้พิชงานแข่งกับเจดการ์เม้นท์” พักตร์พิมลว่า
“อ๊าย เทพธิดาแห่งแฟชั่นหายโกรธเราแล้ว ความหวังยังมี โอ้พระเจ้า”
พักตร์พิมลบอกต่อ “แต่…”
กระตั้วดีดดิ้น “ว้าย มีแต่ด้วย แต่อะไรคะ”
“คนออกแบบต้องเป็นยัยบิวตี้ตัวป่วนเท่านั้น และต้องเสนอแบบร่าง 10 ชุด ภายในสามวัน”
“คุณพระช่วย อิมพอสซิเบิ้ล”
ปีวราเผลอปากพูด อย่างเห็นใจ “แกล้งกันหรือเปล่าคะเนี่ย”
พักตร์พิมลสะใจมาก “แน่นอน ก็นางไปทำซะขนาดนั้นเขาคงไม่หายโกรธง่ายๆ หรอก”
กระตั้วเซ็ง “ฝันสลาย เซ็งเป็ด”
“งานนี้ฉันเอาเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดแน่ หลับหูหลับตาตั้งคนแบบนั้นเป็นประธานได้ยังไง”
สีหน้าพักตร์พิมลมีแต่ความชิงชัง
ฝ่ายป้าจันและศรีนวลกระวนกระวายใจรอบิวตี้อยู่ในบ้าน คอยชะเง้อชะแง้ไปทางประตู
“คุณหนูยังไม่ลงมาอีก วันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรือส้มเช้ง”
“ส้มเช้งก็ไม่รู้ค่ะ คุณหนูไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น”
“ส้มเช้งไม่น่าทิ้งคุณบิวตี้ตอนกำลังมีปัญหา” ศรีนวลตำหนิ
ส้มเช้งโอด “คุณบิวตี้ไล่ส้มเช้งกลับเองนะแม่”
บิวตี้เดินเข้ามาในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงบ็อกเซอร์ของธีภพ ใส่รองเท้าสลิปเปอร์ของธีภพอีกด้วย
ทุกคนตะลึงอ้าปากค้าง บิวตี้บอกเนือยๆ “พร เอาเงินไปจ่ายค่าแท็กซี่หน่อย”
พรตะลึง ยังจับประตูท่าเดิม สะดุ้ง “ค่ะ ค่ะ คุณหนู” แล้วรีบออกไป
ป้าจันทักสีหน้าแปลกใจ “คุณหนู แต่งตัวตัวอย่างนั้นขึ้นรถแท็กซี่มาหรือคะ”
“มันเป็นเทรนด์ใหม่นะป้า เดี๋ยวนี้ใครๆก็ใส่แบบนี้ทั้งนั้น” บิวตี้นึกสนุกเดินยั่วป้าจันเล่นขำๆ “ลองดูไหมส้มเช้ง”
ส้มเช้งขำ “เอ่อ...ส้มเช้งคงใส่ไม่สวยเหมือนคุณบิวตี้”
ศรีนวลเป็นห่วง “แต่นั่งแท็กซี่มาแบบนี้ มันอันตรายนะคะคุณ”
“วันนี้ฉันจะทำงานที่บ้านนะ ตั้งโต๊ะที่สวนเลย”
ส้มเช้งรับ “ค่ะ”
บิวตี้ขึ้นข้างบนไป ทุกคนกระตือรือร้นเตรียมงานให้บิวตี้
ที่เจดการ์เม้นท์ตอนสาย เจตน์ชาญอยู่ในห้องทำงาน มองดูแบบที่จะส่งเกรซ มีแบบสเก็ทช์ให้เลือกมากมายเป็นตั้งๆ
“หลากหลายดีนะ”
“ร้อยกว่าแบบครับ ดีไซเนอร์ของเราระดมสมองกันอย่างเต็มที่ เห็นคุณมินตราเล่าว่ามาค้างคืนกันในออฟฟิศเลย” รอนว่า
มินตราเสริม “ทุกคนใส่ไอเดียกันเต็มที่ค่ะ มั่นใจว่าเราจะต้องได้ขึ้นปกแดซแน่ๆ”
“ดูแลให้ทุกคนเบิกโอทีตามสิทธิ์ได้เต็มที่เลยนะ แล้วก็เอาแบบนี่ไปตัดสินกันก่อน เลือกมายี่สิบแบบสุดท้ายให้ผมดู”
“ได้ค่ะท่าน”
มินตรากับรอนช่วยกันยกแบบร่างมากมายนั้นออกไป
เจตน์ชาญยิ้มอย่างภูมิใจ และมั่นใจว่าตัวเองต้องชนะ
ป้าจันเข้ามาหาบิวตี้ ที่นั่งทำงานอยู่พร้อมกับกล่องน่ารักแต่ดูเก่าพอควรแล้ว
“คุณหนูคะ ป้าจันไปหามาเป็นกำลังใจให้คุณหนูค่ะ”
“อะไรป้า”
ป้าจันเปิดกล่องให้ดูชุดเด็กทารก แลดูงดงามอ่อนหวาน มีลายปักด้วยมือ “ชุดของคุณหนูที่คุณแม่ออกแบบตัด แล้วก็ปักเองค่ะ”
บิวตี้ฟังแล้วปลื้มจนน้ำตาแทบไหล คลี่ออกดู “สวยจังเลย” พร้อมกับจับอย่างทะนุถนอม
“ที่พิเศษคือสวยทั้งข้างนอกและข้างใน ดูสิคะ ตะเข็บซ่อนมิดชิดไม่มีเส้นด้ายออกมาเกี่ยวคุณหนูได้เลยแม้แต่เส้นเดียว คุณแม่ออกแบบด้วยความรักคุณหนูจริงๆ ค่ะ”
คำพูดนั้นกระทบใจบิวตี้จังๆ “ออกแบบด้วยความรัก” บิวตี้ครุ่นคิด
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาแย้มยิ้มอย่างสุขใจเมื่อเห็นเสื้อที่เคยออกแบบและตัดเย็บให้ลูก
“สุขใจอะไรหรือนางฟ้าลลิตา”
“นึกภาพลูกน้อยใส่ชุดนั้นแล้วงาม น่ารักเหมือนนางฟ้าน้อยๆ ค่ะ”
“อย่ามัวโหยหาภาพในอดีตอยู่เลย อยู่กับปัจจุบันเถิด หากลัลน์ลลิตทำไม่สำเร็จนางคงจะมีแต่ความทุกข์ตลอดเวลาที่เหลืออยู่”
นางฟ้าลลิตาตัดสินใจขอร้องอีก “ให้เราได้ช่วยเหลือนางบ้างเถิดนะคะเทวี
“ท่านช่วยแล้ว”
“อย่างไรคะ”
องค์เทวีอธิบาย “ในฐานะมารดาท่านได้มอบสติปัญญา รสนิยมและความสามารถให้แก่นางไปแล้ว ต่อไปก็อยู่ที่ลัลน์ลลิตว่านางจะเลือกหยิบมาใช้ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่”
นางฟ้าลลิตาลุ้น “ขอมอบพร ให้ลัลน์ลลิตมีกำลังกายกำลังใจสร้างผลงานให้สำเร็จด้วยเถิด”
บิวตี้เหม่อมองชุดที่แม่ออกแบบ ใช้มือลูบคลำ และกอดไว้เหมือนเวลาที่แม่กอดตัวเองตอนเด็กๆ
“แม่ขา อวยพรให้บิวตี้ด้วยนะคะ คราวนี้อาจเป็นการออกแบบครั้งสุดท้ายของบิวตี้แล้วก็ได้ พ่อขา พ่อช่วยธนบวรด้วยนะคะ ขอให้เราได้งาน อย่าต้องเสียชื่อเพราะบิวตี้นะคะ”
บิวตี้หอมชุดเล็กๆ นั้น เหมือนจะให้กลิ่นและสัมผัสซึมซับเข้าไปอยู่ในใจ บิวตี้ฮึดสู้ กำลังใจเต็มเปี่ยม เริ่มลากเส้น ลงสมุดสเก็ทช์ อย่างรวดเร็ว หัวคิดแล่นปราดๆ พอติดขัดก็หยิบเสื้อเด็ก พลิกดูตะเข็บ
ดูรายละเอียดต่างๆ แล้วแก้แบบเขียนใหม่อย่างรวดเร็ว
พรเข้ามาอย่างเกรงใจ “คุณหนูคะ คุณธีภพมาค่ะ”
บิวตี้ชะงักนิกๆ ไม่เงยหน้า “บอกเขาว่าฉันกำลังทำงาน ห้ามรบกวน”
เสียงธีภพดังขึ้น “ผมเอาอาหารสุขภาพมาให้”
บิวตี้เงยหน้ามอง สีหน้าตกใจ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนและเมื่อเช้า “คุณ...”
“แค่อยากให้กำลังใจ แต่ถ้ารบกวนก็ขอโทษด้วย” ธีภพนึกน้อยใจ
บิวตี้อึกอัก ด้วยประหม่า “เปล่าเลย ไม่ได้รบกวน คือ...ฉันกำลังสมองแล่นน่ะ กำลังมีสมาธิ ก็เลย...ตกใจ”
ธีภพยิ้มโปรยยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ช่างเถอะ ผมชินแล้ว กินอาหารซะนะ ของโปรดคุณ ผักเพื่อสุขภาพ ซื้อมาจากร้านโปรดของคุณ อย่าเครียดไม่ยอมกินอะไร เดี๋ยวจะเป็นลมอีก”
“จะดูแบบที่ร่างไว้ไหม”
“ไม่เป็นไร ผมไม่อยากขัดจินตนาการของคุณ รอเสร็จแล้วค่อยดูก็ได้”
“แน่ใจเหรอ”
“แน่ใจสิ ผมรู้ว่าถ้าคุณตั้งใจจริง คุณต้องทำได้ แล้วก็ทำได้ดีด้วย”
บิวตี้ยิ้มสบตากับธีภพแล้วเกิดกำลังใจโดยประหลาด แถมใจเต้นโครมครามเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดเข้าหากัน
บิวตี้ออกอาการเขิน จะเลี่ยงไป “เดี่ยวฉันไปเอาจานมาใส่นะ”
บิวตี้เดินไปแล้วเกิดสะดุดขาเก้าอี้ เซล้ม ธีภพประคองบิวตี้ไว้
บิวตี้เคลิ้มไหว จ้องหน้าสบตาธีภพซึ้งๆ นิ่งนาน บิวตี้ได้สติ ถอยห่างออกมา
“ผมขอโทษนะ ที่เข้าใจคุณผิดเรื่องเกรซ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ก็บอกแล้ว วันหลังก็หัดเชื่อกันบ้าง แต่ไม่เป็นไรหรอก นายก็หาคลิปมาพิสูจน์ความจริงให้ฉันแล้วนิ ถือว่าเจ๊ากัน”
“ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อธนบวร”
“ฉันก็รักธนบวร เหมือนกับที่นายรักนั่นแหละ” บิวตี้ถดตัวถอยห่าง หลบตา “ไปได้แล้ว ฉันจะรีบทำงานให้เสร็จ”
“จะให้ช่วยอะไรก็บอกนะ เย็นนี้ผมจะมาดูอีกที”
“ไม่ต้องมา ฉันทำงานถึงห้าโมงตามเวลา ออฟฟิศเท่านั้น”
“ยังจะติดเที่ยวอีก แล้วจะทำเสร็จเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันจะทำให้ดู”
ธีภพส่ายหน้า เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
บิวตี้ทำเป็นโมโห “กวนใจจริงๆเลย ทำงานต่อดีกว่า” หล่อนถอนใจแล้วนั่งลงทำงานต่อ
ด้านอรวิภาจัดดอกไม้อยู่ในร้านท่าทางเซ็งๆ เจตน์ชาญเข้ามา ถือกระเช้าและซองใส่แบบในมือ
“เชิญ...” แต่พออรวิภาเห็นเป็นเจตน์ชาญ ก็เบือนหน้าหนีหันสั่งลูกน้อง “จัดต่อให้ที ฉันเวียนหัว” แล้วชิ่งหนีไปด้านหลังร้านทันที
เจตน์ชาญยิ้มขำกับท่าทีสาวโลกสวย แล้วหันไปไหว้เครือวรรณ “ผมเอาของเล็กๆ น้อยๆ มาขอบคุณ คุณเครือวรรณกับคุณอรครับ”
“อุ๊ย ขอบคุณเรื่องอะไรคะ” เครือวรรณทำเป็นไม่รู้
“เรื่องที่ทำให้ผมมีโอกาสได้เสนองานกับคุณเกรซไงครับ”
“เราไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ เกรซเค้าเห็นความสามารถของคุณเจตน์เอง”
“ผมก็รู้ดีครับ ว่าถ้าหากคุณเครือวรรณกับคุณอรคัดค้านแม้แต่นิดเดียว ผมคงไม่ได้เข้าใกล้คุณเกรซด้วยซ้ำ”
“โถ ใครจะไปทำอย่างงั้นกับคุณเจตน์ได้คะ น้องอรจ๋า มารับของฝากจากคุณเจตน์หน่อยลูก”
“น้องอรไม่ได้ทำอะไรนี่คะ ป่าป๊าเป็นคนจัดการต่างหาก”
เครือวรรณจ้องตาอรวิภาดุๆ แต่ทำทีหัวเราะ “น้องอรเขาเป็นคนซื่อ กลัวคุณเจตน์จะเกรงใจน่ะค่ะ”
“ครับ ผมเข้าใจดี” เจตน์ชาญพูดยิ้มในสีหน้า “คุณอรคงเชียร์ทางธนบวรมากกว่า”
อรวิภาสบตากับเจตน์ชาญจังๆ แทนคำตอบว่าใช่
“อู้ย ไม่หรอกค่ะ เราเป็นกลาง ใครได้รับเลือกเราก็ดีใจกับคนนั้น” เครือวรรณรีบแก้
เจตน์ชาญยิ้มเยาะใส่อรวิภา “ผมดีใจครับที่คุณเครือวรรณให้เกียรติ ยินดีกับบริษัทผม” ชายหนุ่มดูนาฬิกา “จะเที่ยงแล้ว ให้ผมพาไปชิมร้านอร่อยๆ อีกสักร้านได้ไหมครับ”
“ไปสิคะ ยังติดใจฝีมือการเลือกร้านของคุณเจตน์ไม่หายเลย”
อรวิภาออกตัวทันที “หม่ามี้ไปกับคุณเจตน์นะคะ น้องอรไม่หิว”
“ไม่หิวหรือครับ เมื่อกี๊ยังบ่นเวียนหัวอยู่เลย รักษาสุขภาพหน่อยนะครับ” เจตน์ชาญยั่วเย้า
“ไปจ้ะลูก” เครือวรรณดึงมืออรวิภา สีหน้าเชิงบังคับ “ไปเป็นเพื่อนหม่ามี้”
อรวิภาจำใจต้องออกไปกับแม่ หน้างอง้ำ
เจน์ชาญยิ้มอย่างสะใจ นึกสนุกกับการเอาชนะคุณหนูอรวิภาผู้แสนดี
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 17 (ต่อ)
ขณะเดียวกัน บิวตี้คิดแบบอยู่ในสวนสวย ลงมือเขียนสเก็ทช์แบบเสื้อ บางแบบที่ยังไม่ลงตัวก็ฉีกขยำทิ้ง ประสาคนใจร้อนวู่วาม บิวตี้ถอนใจยาวละตาจากกระดาษ ทอดสายตามองต้นไม้ใบหญ้า แล้วลงมือร่างแบบใหม่อย่างคร่ำเคร่งจริงจัง ป้าจันกับศรีนวล ยกอาหารมาให้
“คุณหนูขา พักกินข้าวสักหน่อยนะคะ”
“วางไว้ก่อนป้า ยังไม่อยากกิน”
“เดี๋ยวไม่สบายอีกนะคะ”
“กำลังคิดงานอยู่ อย่าเพิ่งขัดจังหวะสิ”
ศรีนวลบอก “ท่านประธานธีภพโทร.มาสั่งว่าให้คุณบิวตี้กินตรงเวลา”
บิวตี้ทำเป็นโมโหแต่แอบดีใจ “ยุ่งจริง เขาคิดว่าเป็นเจ้าชีวิตฉันหรือไง ฮึ” พลางขีดเส้นแรงๆลงที่กระดาษ
ป้าจันและศรีนวลมองหน้ากัน ตกใจกลัวบิวตี้วีน
“ท่านประธานคงเป็นห่วง” ศรีนวลว่า
“เขาก็แค่กลัวว่าฉันจะทำงานไม่เสร็จเท่านั้นแหละ น่ารำคาญ” บิวตี้สะบัดน้ำเสียง “จัดมาสิ”
ป้าจัน ศรีนวลรับพร้อมๆ กัน “อ้อ ค่ะ ค่ะ” สองคนจัดวางอาหารที่ธีภพเอามาให้อย่างเร็ว
บิวตี้ตักกิน ออกตัวอย่างไว้เชิง “ไม่ได้เชื่อฟังนายคนนั้นหรอกนะ แค่กินๆ ให้มันหมดเรื่องไป จะได้ทำงานต่อ”
“ค่า...” ป้าจันแอบยิ้มกับศรีนวลอย่างรู้ทัน
ช่วงเมนูของหวานตอนท้ายของมื้อกลางวัน อรวิภาหยุดกินไปแล้ว นั่งทำหน้าเฉยชา เจตน์ชาญแอบมองแล้วยิ้มขำ เครือวรรณกินของหวานคำท้ายๆ อย่างเป็นปลื้มเอร็ดแอร่ม
“อร่อยทุกอย่าง สมกับที่คุณเจตน์พามาเลยค่ะ”
“ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
“ไม่เอานะ ห้ามแอบไปจ่ายเด็ดขาด มื้อนี้หม่ามี้เลี้ยงเอง”
“ไม่ได้ครับ ต้องขอให้ผมเลี้ยงขอบคุณ อีกสักครั้ง”
“แหม อุตส่าห์พามาแล้วยังต้องเลี้ยงอีก”
“ยินดีอย่างยิ่งครับ” เจตน์ชาญลุกเดินไปจัดการจ่ายเงิน
เครือวรรณหันมาดุอรวิภา “นี่ ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย ป่าป๊าหม่ามี้สอนไว้ว่ายังไง เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด จำไว้”
“แต่คุณเจตน์ไม่ได้จริงใจกับน้องอรนี่คะ เขาคบกับพี่บิวตี้ แล้วยังมายุ่งกับเราเพราะเขาต้องการผลประโยชน์เท่านั้นเอง”
“ดีแล้วที่หัดดูคนออก แต่ทุกคนก็ต้องการผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นคุณเจตน์ คุณธี หรือแม้แต่เราเอง”
“แต่น้องอรชอบพี่ธี...”
เครือวรรณส่ายหน้า เข้มงวดกับลูกสาว “อย่าเลือกคนด้วยอารมณ์ ต้องเลือกด้วยสมอง ถ้าน้องอร
เลือกเองไม่ได้ ป่าป๊า หม่ามี้จะเลือกให้เอง” พร้อมกับกระซิบบอก “คุณเจตน์มาแล้ว อย่าร้องไห้นะ ถ้าร้อง หม่ามี้บอกให้ป่าป๊าจัดการ เลิกคบกับคุณธี”
อรวิภานิ่ง ไม่กล้าพูดต่อกลั้นน้ำตา
เจตน์ชาญเดินยิ้มกลับมา
เวลาเคลื่อนคล้อย บิวตี้ทำงานแข่งกับเวลา อย่างเมามัน เหมือนมีไฟลุกโพลงอยู่ในตัว
บิวตี้ดูท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ใกล้ตก “พระอาทิตย์จะตกแล้ว เวลาของฉันเหลือน้อยลงไปอีกวัน แสงสุดท้ายใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว” จู่ๆ บิวตี้เกิดแรงบันดาลใจ ปิ๊งขึ้นมา “แสงแห่งชีวิต”
บิวตี้เกิดแรงบันดาลใจ กระหน่ำผลงานชิ้นสุดท้ายแข่งกับแสงตะวันที่จะมาพรากความเป็นมนุษย์ไปจากตัวเธอ แบบเสร็จบิวตี้ถึงกับหอบด้วยความเหนื่อยทั้งกายและใจที่ทุ่มเทลงไป
บิวตี้มองผลงาน อย่างภาคภูมิใจ “สวยอ่ะ เราทำได้แล้ว ทั้งคอลเล็กชั่น เสร็จภายในวันเดียว ไม่ใช่สิ ครึ่งวันเอง อัจฉริยะชัดๆ เยส เยส เยส” บิวตี้เต้นท่าเชียร์ลีดเดอร์ หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปด้วยความดีใจ แล้วส่งไลน์ทันที
ธีภพกำลังเซ็นเอกสาร สัญญาณไลน์ดังขึ้น ธีภพเปิดดู เห็นรูปบิวตี้ selfie กับปึกแบบร่าง โดยยังไม่เห็นรายละเอียด
มีข้อความเขียนส่งมาด้วยว่า “แค่ครึ่งวัน ออกแบบเสร็จทั้ง collection เจ๋งปะ”
ธีภพเผลอยิ้มเอ็นดู ส่ายหน้าระอา “หลงตัวเองจริงๆ” เขากดโทรศัพท์หาบิวตี้
สายว่างแต่ไม่มีคนรับสาย
ธีภพดูนาฬิกา ท่าทางหงุดหงิด “ตกเย็นจะไม่แตะอะไรเลยเหรอ”
เห็นข้อความไลน์ของธีภพเขียนว่า “ไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็น พรุ่งนี้ 9.00 น.”
ธีภพส่งข้อความ แล้วนึกถึงบิวตี้ขึ้นมาอีก
“ไม่เป็นไร ผมไม่อยากขัดจินตนาการของคุณ รอเสร็จแล้วค่อยดูก็ได้”
“แน่ใจเหรอ”
“แน่ใจสิ ผมรู้ว่าถ้าคุณตั้งใจจริง คุณต้องทำได้ แล้วก็ทำได้ดีด้วย”
บิวตี้ยิ้มสบตากับธีภพเกิดกำลังใจ ใจเต้นโครมครามเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดเข้าหากัน
ธีภพลูบหน้าเหมือนจะลบภาพบิวตี้ออกไป ดูนาฬิกา คว้ากระเป๋าออกจากห้องทำงาน พระอาทิตย์ตกดิน บิวตี้หยุดเต้นกะทันหัน เริ่มปวดตัว เดินเข้าบ้านไป
ส้มเช้งมาดูเพราะเห็นมืดแล้ว “คุณบิวตี้จะให้...”
บิวตี้สั่งอย่างรวดเร็ว “เก็บของให้ด้วย”
“ค่ะ”
บิวตี้รีบวิ่งเข้าบ้านไป ส้มเช้งรีบเก็บของตามคำสั่ง
เย็นใกล้ค่ำ ส้มเช้งถือแบบที่บิวตี้ร่างไว้ เข้ามา ส้มเช้งจะวางแบบบนโต๊ะห้องรับแขก
“แบบมันเป็นความลับนี่นา”
ส้มเช้งตัดสินใจเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อเก็บแบบให้บิวตี้
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาตกใจที่ส้มเช้งจะขึ้นไปที่ห้องบิวตี้
“อย่านะ อย่าขึ้นไป” นางฟ้าลลิตาจะใช้นิ้วให้ส้มเช้งหยุด
ปรมะเทวีห้าม “ไม่ได้นะนางฟ้า ท่านจะไปละเมิดชะตาชีวิตของผู้อื่นมิได้”
“แต่ความลับของลัลน์ลลิต จะถูกเปิดเผย”
“หากจะต้องเป็นเช่นนั้นท่านก็ห้ามไม่ได้”
นางฟ้าลลิตาผิดหวัง ลุ้นระทึก “เช่นนั้นก็ ขออย่าให้เจอเลย ขออย่าให้เจอเลย”
ส้มเช้งเคาะประตูห้องบิวตี้เบาๆ แล้วเปิดเข้าไป แลเห็นแสงสว่างวาบขึ้น ส้มเช้งผงะถอยหลัง รีบปิดประตู ตาเบิกโพลงหน้าซีดเผือด เข่าอ่อน ตกใจสุดขีดกับความลับที่เห็นจนเป็นลมล้มลงที่หน้าห้อง แบบในมือหล่นกระจาย
ภายในห้อง บิวตี้ไม่รู้ตัวว่าส้มเช้งเห็นตอนแปลงร่าง นกบิวตี้โผบินออกจากห้องไปทางหน้าต่างตามปกติ
ณ สรวงสวรรค์ สองนางฟ้า ตามติดดูชีวิตบิวตี้ผ่านจอฉายภาพด้วยความกังวลใจ โดยเฉพาะนางฟ้าลลิตา
“ลัลน์ลลิตไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนรู้ความลับแล้ว”
“สิ่งนี้อยู่นอกเหนือจากที่เราคาดคิด”
“มันจะทำให้โชคชะตาของนางพลิกผันไปไหมคะ”
“คงจะเป็นเช่นนั้น”
“ชะตาของลัลน์ลลิตจะดีขึ้น หรือเลวลงคะเทวี”
“ข้อนั้น ต้องขึ้นอยู่กับมนุษย์ผู้นั้น” องค์เทวีชี้ไปที่ส้มเช้ง “ว่านางมีความกตัญญู รู้คุณท่าน และกตเวทิตา ตอบแทนคุณท่าน มากเพียงใด”
นางฟ้าลลิตาเฝ้ามองดูส้มเช้งที่เป็นลมอยู่หน้าห้องบิวตี้อย่างกังวลใจ
ค่ำคืนนั้น เครือวรรณบีบนวดไหล่ให้สามี ขณะที่อดิศักดิ์อบรมอรวิภา
“หม่ามี้พูดถูกแล้ว นาทีนี้ทุกคน นึกถึงผลประโยชน์กันทั้งนั้น เจตน์ชาญรอโอกาส ทั้งทางธนบวรและทางเรา ทำไมป่าป๊าจะดูไม่ออก”
“แล้วทำไมป่าป๊าจะให้น้องอรคบกับคนโลเลอย่างคุณเจตน์ล่ะคะ” อรวิภาย้อนแย้ง
“แล้วธีภพเค้าดีกว่าคุณเจตน์ตรงไหน บอกปะป๊าซิ น้องอรเล่าให้ป่าป๊าหม่ามี้ฟังเองไม่ใช่เหรอว่าเขาห่วงยัยบิวตี้ขนาดไหน เขาเคยห่วงลูกแบบห่วงยัยบิวตี้ไหม”
ถูกพูดแทงใจดำอรวิภาถึงกับสะอื้น “แต่น้องอรชอบพี่ธี ไม่ได้ชอบคุณเจตน์”
“อย่าร้องไห้ได้ไหม” อดิศักดิ์ดุ
อรวิภากระเง้ากระงอด “ป่าป๊าก็อย่าบังคับน้องอรสิคะ”
อดิศักดิ์ยื่นเงื่อนไข “ก็ได้ งั้นป่าป๊าจะถามธีภพตรงๆ เลยว่าเขาจะเอายังไงแน่”
เครือวรรณเห็นงามด้วย “ดีค่ะ ถามเลย พูดมาเลยว่าจะเลือกใคร มันเสียเวลา แล้วก็เสียโอกาสของลูก”
“ป๊าตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ป๊าจะเชิญเขามาพบ ให้ฟันธงไปเลยว่าจะเลือกใคร”
“แล้วถ้าพี่ธีปฏิเสธล่ะคะ” อรวิภาอดประหวั่นไม่ได้
“ก็จบกัน ธุรกิจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกับเรา รวมทั้งงานของเกรซด้วย ป่าป๊าไม่ยอมให้เขาปฏิเสธลูกง่ายๆ หรอก”
สาวโลกสวยตัดพ้อ “ป่าป๊าใจร้าย อย่าทำอย่างงั้นกับพี่ธีเลยค่ะ”
“น้องอรอยู่เฉยๆ เถอะจ้ะ ปล่อยให้ป่าป๊าจัดการให้เอง” เครือวรรณกอดอดิศักดิ์
อรวิภาสองจิตสองใจ ไม่อยากให้พ่อบังคับธีภพ แต่ก็อยากให้ธีภพตัดใจจากบิวตี้มาหาเธออย่างเด็ดขาดเสียที
นกบิวตี้บินมาที่บ้านธีภพ ขณะที่ธีภพกับเจ้าเสือ กำลังดูกีฬาทางทีวี ไม่หันมามองบิวตี้
บิวตี้คนรออยู่สักพัก “ดูแต่ทีวีอยู่นั่นแหละ สนใจกันบ้างสิ”
นกบิวตี้ จิกปุ่มปิดที่รีโมตทีวี
ธีภพแปลกใจทีวีปิด “อ้าว เอ๊ะ” หันมามองรีโมต เห็นนกบิวตี้ “อ้าวบิวตี้”
เสือหง่าวใส่ “อ้าวที่เลิฟ แอบย่องมาหา คิดถึงพี่มากใช่ม้า มามะขอหอมที”
“ไปไกลๆ เลยเจ้าแมวหื่น”
“เสือ อย่าแกล้งบิวตี้น่า” ธีภพเอาบิวตี้มาวางบนอกกันแมวตะปบ
“อยู่ตรงนั้นคิดว่าจะพ้นหรือจ๊ะ ดาร์ลิ้ง แค่กระโจนทีเดียว ดาร์ลิ้งก็ตกเป็นของเสือแล้ว”
บิวตี้คนทำหน้าล้อ “แกกระโจนไม่ไหวหรอกไอ้แมวอ้วน”
“ถึงอ้วนก็ยวนใจนะจ๊ะ ไม่ลองไม่รู้ ไม่ได้โม้”
ธีภพกดรีโมตเปิดดูกีฬา
บิวตี้คนฉุน “นี่ ฉันอุตส่าห์บินมาหานะ นายไม่ดูแลฉันเลย ถ้าแมวอ้วนมันตะปบฉันจะว่ายังไง”
นกบิวตี้จิกรีโมต ปิดอีก
ธีภพแปลกใจ “เฮ้ ปิดเป็นด้วยเหรอ” แล้วลองกดเปิด
แต่นกบิวตี้จิกรีโมตปิดอีก
“นี่แกไปออกโชว์ได้เลยนะบิวตี้” ธีภพจ้องมองบิวตี้ “ชื่อบิวตี้ นี่เก่งทั้งคนทั้งนกเลยนะ”
บิวตี้คนยิ้มร่า “เย้ นายชมฉัน เป็นครั้งแรกเลยนะที่นายชมฉันว่าเก่ง ดีใจจัง ขอบคุณนะ” พลางจุ๊บแก้มธีภพโดยใช้จะงอย
“จุ๊บฉันอีกแล้ว น่ารักจังแกนี่” ธีภพหัวเราะ จุ๊บแก้มบิวตี้คน
เจ้าเสือหึง “หยามกันเกินไปแล้ว นี่มันเด็กผมนะนาย นอนกอดไม่พอ หอมกันอีก รู้ไหมว่าเสือเจ็บแค่ไหน”
“เสือ ไปหง่าวข้างนอกไป หนวกหู” ธีภพดันเสือไปนอกห้อง
เจ้าเสือดื้อ ขืนตัวไม่ออกง่ายๆ “ไม่ เสือไม่ไป เสือจะจุ๊บบิวตี้มั่ง ดาร์ลิ้งขอจุ๊บทีสิจ๊ะ นะนะนะ”
ขณะที่นกบิวตี้บินกลับเข้ามาทางหน้าต่างห้องบิวตี้ตอนเช้ามืด ไม่รู้ว่าส้มเช้งแอบซุ่มดูอยู่ ตรงมุมที่เห็นนกบินเข้าหน้าต่างห้องชัดเจน
ส้มเช้งมั่นใจมากขึ้นกับเรื่องประหลาดเมื่อคืนนี้ เสียงสั่น สะอื้นไห้ สงสารบิวตี้ “คุณบิวตี้”
ศรีนวลเดินมาข้างหลัง “ส้มเช้ง ออกมาทำอะไรมืดๆ น่ะ”
ส้มเช้งตกใจปากคอสั่น “เปล่า... ฉัน....ฉันอยากใส่บาตรจ้ะแม่”
“เอาสิ ดีเหมือนกัน ไปหุงข้าวรอไว้ เดี๋ยวแม่ช่วยทำกับข้าว” ศรีนวลมองส้มเช้งอย่างสงสัย “เป็นอะไร ทำไมตัวสั่นๆ” พลางจับตัวลูกสาว
“ป..ป่าว จ้ะ”
“ตัวร้อนนี่ เมื่อคืนก็เป็นลม ไปนอนก่อนเถอะลูก อ้าวร้องไห้ทำไม”
ส้มเช้งส่ายหน้า ซบหน้ากับบ่าแม่ร้องไห้ด้วยความกลุ้มและหนักใจ
“มีเรื่องอะไรบอกแม่ซิ”
“แม่ ส้มเช้งเห็นคุณบิวตี้...”ส้มเช้งออกอาการหวาดหวั่นขณะบอก “กลายเป็นนก”
ศรีนวลไม่เชื่อ “ส้มเช้ง แกเป็นลมหัวกระแทกหรือเปล่า”
“เปล่าจ้ะ ฉันเห็นจริงๆ สาบานต่อหน้าพระ”
“หยุด ไม่ต้องสาบาน ฟังแม่นะ ไม่ว่าจะเห็นจริงหรือไม่จริง แกต้องปิดปากให้สนิท นอกจากแม่แล้ว ห้ามพูดเรื่องนี้กับใครอีกเป็นอันขาด เข้าใจไหม”
“เข้าใจจ้ะ”
“ไม่ว่าคุณบิวตี้จะเป็นอะไร เรามีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณของเธอเท่านั้น” แม้นจะไม่เชื่อนัก แต่ศรีนวลกำชับลูกสาวเสียงเข้ม
“จ้ะแม่” ส้มเช้งรับคำแม่หน้าเศร้า สงสารคุณหนูบิวตี้ยิ่งนัก
อ่านต่อหน้า 4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 17 (ต่อ)
ตอนสาย บิวตี้เข้าธนบวร แถลงต่อหน้า ธีภพ พักตร์พิมล ปีวรา กระตั้ว และดีไซเนอร์ทุกคนที่ห้องประชุมแผนกออกแบบ ส้มเช้งกอดแบบไว้แน่น ไม่กล้าสบตาบิวตี้
“ถึงฉันจะถูกบังคับให้ออกแบบคอเล็กชั่นนี้คนเดียว แต่ฉันก็คิดเสมอว่า ฉันทำในนามของ ดีไซเนอร์ของธนบวรทุกคน เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นว่าควรจะต้องแก้ไขตรงไหนก็ช่วยบอกกันด้วย ถ้าเหตุผลฟังขึ้นฉันก็ยินดีจะรับฟัง” บิวตี้พยักหน้าให้ส้มเช้ง
แต่ส้มเช้งไม่ได้มอง จนถูกบิวตี้สะกิด ส้มเช้งลนลานเอาแบบออกวางเรียง คว่ำไว้
“ขอย้ำอีกครั้งว่าแบบร่างนี้ถือเป็นลิขสิทธิ์ทางปัญญาของบริษัท ถือเป็นความลับอย่างยิ่ง ห้ามลอกเลียนหรือทำตาม หรือนำไปเผยแพร่เป็นอันขาด” ธีภพบอก
ทีมดีไซเนอร์รับพร้อมเพรียง “ครับ” / “ค่ะ”
ส้มเช้งกับบิวตี้ ช่วยกันเปิดแบบขึ้น ดีไซเนอร์ทุกคน มีสีหน้าปลื้ม แม้แต่พักตร์พิมลก็อดทึ่งไม่ได้ ดีไซเนอร์ทุกคนปรบมือด้วยความชื่นชอบ
จ้าชื่นชม “สวยจังเลยค่ะ”
เก้งเป็นปลื้ม “มันกลมกลืน กำลังดี เหมาะไปหมด”
ปอยบอกว่า “พูดไม่ออกเลยค่ะ”
กระตั้วอดไม่ได้ “น้ำตาจะไหล ถ้าเกรซ มิลเล่อร์ ไม่ชอบก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วค่ะ”
พักตร์พิมลหมั่นไส้ จ้องกระตั้วเขม็ง พูดเกินไปแล้ว
กระตั้วรู้ตัวรีบหุบปาก หลบตาวูบ
บิวตี้ถาม “มีอะไรจะให้แก้ไหม”
ทีมดีไซเนอร์ประสานพลัง “ไม่มีเลยครับ” / “เพอร์เฟ็คค่ะ”
พักตร์พิมลพูดเรียบๆ ไม่ให้รู้ว่าประชด “ถ้างั้น จะขอเลื่อนนัดเกรซ มิลเลอร์ เป็นเย็นนี้เลยดีไหมคะ เขาจะได้รู้ว่าท่านประธานลัลน์ลลิตมีศักยภาพมากขนาดไหน” พร้อมกับจ้องบิวตี้อย่างท้าทาย
บิวตี้จ้องกลับอย่างถือดี “ดีเหมือนกัน แต่ต้องเสร็จก่อนห้าโมงเย็นนะ เพราะฉันมีนัดสำคัญรออยู่”
ส้มเช้งเก็บงาน มือสั่นเมื่อบิวตี้พูดเรื่องตอนเย็น
บิวตี้เข้ามาในห้องประจำตำแหน่ง ที่ยังโล่งๆเพราะไม่มีเวลาตกแต่ง ส้มเช้ง ถือซองแบบมาส่ง
“เอาไว้ตรงไหนดีคะ”
“ใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะก็ได้”
ส้มเช้งใส่ซองไปในลิ้นชักโต๊ะ ใส่กุญแจแล้วส่งให้บิวตี้ บิวตี้มองรอบๆห้องอย่างรำคาญตา
“เสร็จงานนี้ฉันคงต้องแต่งห้องใหม่ซะที ใครจะไปทนอยู่ห้องเชยๆ แบบนี้ได้” แล้วนึกขึ้นได้ว่าอาจอยู่ไม่นานต้องเป็นนกตลอดกาล ถอนใจหน้าเศร้า “แต่ช่างเถอะ ฉันอาจจะอยู่อีกไม่นานก็ได้”
ส้มเช้งไม่รู้ที่ไปที่มาเรื่องบิวตี้เป็นนกหงส์หยกแต่ก็นึกหวั่นใจ “คุณบิวตี้จะ เอ่อ...จะไปไหนคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน”
ส้มเช้งตัดสินใจพูดบอกว่าตนรู้คำลับเรื่องนก “คุณบิวตี้คะ คือ ส้มเช้ง...”
แต่มีเสียงเคาะประตูขัดจังหวะ ก่อนธีภพจะเดินยิ้มเข้ามา
“นัดเกรซได้แล้วนะครับ ตอนบ่ายสอง”
“ก็ดี จะได้จบๆไป”
“ตอนนี้ว่างอยู่ ไปกินข้าว ฉลองกันหน่อยมั้ย คุณจะได้คลายเครียดด้วย”
“อย่าเลย ขี้เกียจไป ส้มเช้งไปกินข้าวก่อนเถอะ แล้วมาเจอกันห้องนี้บ่ายโมงนะ”
ส้มเช้งรับปาก “ค่ะ”
“ไม่ไปจริงๆ เหรอ ร้านอาหารสุขภาพอีกก็ได้” ธีภพเซ้าซี้
“ไม่เอาอ่ะ ไม่หิว เออ จริงสิ คุณยังติดค้างฉันอยู่อีกครึ่งวันนี่นา จำได้ป่ะ”
ธีภพนึกได้ว่าหลังจากนวดสปาคู่รักฮันนีมูน บิวตี้บอกเขาว่ายังติดค้างการทำโทษอยู่อีกครึ่งวัน
“จำได้ คุณจะทำอะไร ไม่เอานะ ผมไม่ไปสปาแล้ว”
“แล้วจะทำอะไรล่ะ งั้น ลองพาฉันไปในที่ที่ฉันไม่เคยไป แล้วก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยทำซิ”
ธีภพทวนคำ “ไม่เคยไป ไม่เคยทำ”
บิวตี้เยาะ “อย่าคิดให้เหนื่อยเลย ฉันล้อเล่นน่ะ ฉันไปมาทั่วโลก ทำทุกอย่างจนเบื่อแล้ว ฉันไม่ไปไหนดีกว่า”
“อย่าเพิ่งมั่นใจสิ เดี๋ยวจะพาไปที่ที่คุณไม่เคยไป ใกล้ๆนี่เอง”
“ที่ไหนหรอ”
ไม่นานต่อมา ธีภพพาบิวตี้เดินมาตามที่ที่ดินว่างเปล่าข้างธนบวร มีต้นไม้สองสามต้น บิวตี้เดินฝ่าแดดมาที่ร่มไม้บ่นบ้าดังลั่น
“อะไรกันเนี่ย จะพาฉันมาฆ่าหมกป่าหรือไง”
ธีหัวเราะขำ “อ้าว ก็นี่ไง คุณเคยมามั้ย”
“ไม่เคยแล้วก็ไม่คิดจะมาด้วย”
“แล้วเคยเดินตากแดดมากลางทุ่งแบบนี้มั้ย”
บิวตี้ฉุน “ไม่เคย นี่ ฉันไม่ขำนะ ถ้าเกิดผิวฉันเสียขึ้นมา นายต้องรับผิดชอบ”
“ก็ได้ แต่ช่วยมองไปตรงนั้นก่อนได้ไหม” ธีภพชี้ไปเบื้องหน้าไกลๆ
บิวตี้มองตาม “ไหน”
“นั่นไง เห็น อาณาจักรใหม่ของธนบวรไหม อีกหน่อยเราจะขยายโรงงาน ไปถึงตรงนั้นด้วยกัน คุณกับผมช่วยกัน ในฐานะประธานบริษัทไง”
บิวตี้สะท้อนในอกมองหน้าธีภพกลั้นน้ำตา “ฉันก็อยากจะช่วยหรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ ถึงวันนั้นหรือเปล่า”
“ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะ ชีวิตเราเพิ่งเริ่มต้น”
“ชีวิตมันไม่แน่นอนหรอก อีกไม่นาน ฉันอาจจะต้องจากไป”
ธีภพอึ้งแปร่งหูพิกลกับคำพูดบิวตี้ “ไปไหน”
บิวตี้พูดตลก “ไป...เป็นนก มั้ง” แล้วฝืนยิ้มทั้งน้ำตา
ธีภพถอนใจโล่งอก “ไร้สาระ พูดซะตกใจ” พอมองจ้องตาบิวตี้ กลับเห็นน้ำตาเอ่อล้อน “บิวตี้ร้องไห้ทำไม”
“เปล่า แดดมันแยงตา” ทว่ายิ่งกลั้นแต่บิวตี้กลับยิ่งร้อง
“อ้าว ยิ่งร้องใหญ่เลย” ธีภพยิ้มๆ “จำตอนเด็กๆได้ไหม เวลาบิวตี้ร้องไห้ พี่ทำยังไง”
บิวตี้ส่ายหน้า พูดไม่ออก
“ทำอย่างงี้ไง” ชายหนุ่มดึงแก้มหญิงสาวสั่นไปสั่นมาเบาๆ “คนสวยต้องไม่ร้องไห้ คนสวยต้องไม่ร้องไห้”
ภาพอดีตตอนยังเป็นเด็กผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิดบิวตี้ ธีภพดึงแก้มบิวตี้ พร้อมกับพูดปลอบ “คนสวยต้องไม่ร้องไห้”
บิวตี้ตื้นตัน ผวากอดธีภพ “พี่ธี” จากนั้นก็ปล่อยโฮร้องไห้สะอึกสะอื้น
ธีภพกอดตอบ ลูบหลังปลอบ “ชูว์ ไม่ร้อง บิวตี้ เป็นอะไร”
“พี่ธี...” บิวตี้เงยหน้า สบตากับธีภพซึ้งๆ
ฝ่ายปรมะเทวี กับนางฟ้าลลิตาจ้องจอภาพอยู่บนสวรรค์ ลุ้นสุดตัว เผลอเผยอปากและทำหน้าเคลิ้มไปด้วย
องค์เทวีรู้ตัว สะบัดหน้า “หรือว่า คำสาปจะสิ้นสุดลงวันนี้”
นางฟ้าลลิตาตื่นเต้น “จริงหรือคะเทวี”
“ก็ไม่รู้สิ”
บริเวณที่ดินว่างเปล่าข้างธนบวร บิวตี้ยังยืนอยู่ตรงนั้น ความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด
“ถ้าฉันได้จูบจากนาย ฉันจะพ้นคำสาป นายจะจูบฉันได้ไหมนายธี ทำไมนะ ทำไมฉันถึงไม่กล้าจูบนายก่อน”
บิวตี้ผละตัวออกมา ว้าวุ่นสับสนอยู่ภายในใจ
“จูบของนายก็ต้องมาจากความรักของนายด้วยสิ แต่นายไม่ได้รักฉัน นายรักคนอื่น ทำยังไงดี ฉันไม่อยากกลายเป็นนกไปตลอดชีวิต แต่ฉันก็ไม่กล้าจูบนายก่อน”
ธีภพพลิกบิวตี้กลับมา เห็นน้ำตาหล่อนยังคงนองใบหน้าสวย จึงกอดปลอบขวัญไว้อีกครั้ง
“เป็นอะไร มีอะไรในใจ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม บิวตี้มีพี่นะ บิวตี้ไม่ได้อยู่คนเดียว”
ธีภพถอดสูทคลุมกันแดดให้บิวตี้
“คนสวยไม่ร้องไห้ ไป แดดแรง เดี๋ยวไม่สบาย เรากลับกันเถอะ”
ธีภพเช็ดน้ำตาให้บิวตี้ แล้วเดินจูงมือกันกลับเข้าธนบวร
ณ แดนสรวง สองนางฟ้าต่างพากันทอดถอนใจด้วยความเสียดาย
“ถูกต้องแล้วล่ะ รักแท้ย่อมไม่ฉวยโอกาส” องค์เทวีกล่าว
“รักแท้ ย่อมเห็นแก่ความสุขของคนที่รัก มากกว่าความสุขของตน” นางฟ้าลลิตาว่า
“เราต้องอนุโมทนา ที่ลัลน์ลลิตมีรักแท้มอบให้แก่ธีภพ”
“แต่เรากลับไม่อาจช่วยให้เขาลงเอยกันได้”
สองนางฟ้าถอนใจอีกครั้ง สงสารบิวตี้พร้อมๆ กัน
บิวตี้เดินฉับๆ กลับมาที่ห้องทำงานเหมือนว่าจะสลัดทุกความรู้สึกนั้นไว้เบื้องหลัง ธีภพตามมา
“บิวตี้ ขอคุยหน่อยได้ไหม”
“อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ฉันอยากซ้อมพรีเซ้นต์น่ะ ฉันขออยู่คนเดียวเตรียมงานหน่อยได้ไหม”
“โอเค” ธีภพออกไป
บิวตี้ไขกุญแจจะเปิดลิ้นชัก แปลกใจที่ลิ้นชักไม่ได้ล็อค แล้วต้องตกใจ เมื่อดึงลิ้นชักออก พบว่าในลิ้นชักว่างเปล่า บิวตี้ตกใจ ดึงลิ้นชักทั้งหมดออกดูแต่ไม่มีแบบสักชั้น หล่อนร้องโวยวายเสียงดังลั่น
“แบบหายไปไหน ใครเอาแบบของฉันไป
อ่านต่อตอนที่ 18