อย่าลืมฉัน ตอนที่ 17
เกนหลงสะดุ้งตื่นขึ้นมา พลางมองไปรอบๆ ห้องอย่างงงๆ
“มานอนตรงนี้ได้ยังไง?”
เกนหลงมองซ้ายมองขวา หันไปเห็นหน้าตัวเองในกระจก พลางจับหน้าตัวเองที่สะอาด หมดจด
ปราศจากเครื่องสำอาง มองไปที่โต๊ะหัวเตียงเห็นอุปกรณ์ล้างหน้าที่ถือค้างไว้เมื่อคืน ข้างๆขวดมีกระดาษโน้ตลายมือ
เอื้อวางอยู่ เกนหลงหยิบมาอ่าน
“พี่อยู่ที่สวนหน้าโรงแรม อาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะนะครับ พี่ให้ทางโรงแรมจัดดอกไม้มาให้ เผื่อจะทำ
ให้สดชื่นขึ้น เอื้อ”
เกนหลงหันไปเห็นอาหารเช้าของโรงแรมวางไว้อย่างสวยงาม ก่อนที่จะเดินลงจากเตียงไปที่โต๊ะอาหาร
พลางหยิบดอกไม้ช่องามขึ้นมาดู กลิ่นสดชื่นของดอกไม้ทำให้เกนหลงยิ้มออกมานิดๆที่มุมปาก รู้สึกดีขึ้นมาจริงๆ
เกนหลงเริ่มรู้สึกซึ้งใจกับความใส่ใจของเอื้อเพิ่มมากขึ้น พอคิดถึงเอื้อ ก็คิดถึงสุริยง แล้วก็พาลเศร้า
“พี่เอื้อน่ารักขนาดนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมคุณสุถึงทำแบบนี้กับพี่เอื้อได้”
เกนหลงคิดถึงสุริยงด้วยความไม่เข้าใจ และขัดเคืองใจอยู่ในที
ในขณะที่เอื้อ ที่นั่งอยู่ที่สวนสวยมุมหนึ่งของโรงแรม พยายามต่อโทรศัพท์หาสุริยง แต่ก็ไม่สามารถ
ติดต่อได้เช่นเคย เอื้อกดวาง แล้วก็กดโทรไปที่บ้านสุริยง อาทิตย์เป็นผู้รับสาย
“สวัสดีครับ อ้อ คุณเอื้อ สวัสดีครับ นายไก่ นายไข่ เพิ่งจะออกไปตลาดกับคุณยายเมื่อกี๊นี้เองครับ
กลับมาแล้วจะให้โทรกลับมั้ยครับ?”
เอื้อรีบบอก
“ไม่เป็นไรครับ คือผมจะโทรมาถามข่าวคราวของหนูเล็กน่ะครับ พอดีผมติดต่อมือถือหนูเล็กไม่ได้
เลยครับ ก็เลยเป็นห่วง”
“อ๋อ หนูเล็กโทร.มาบอกว่า โทรศัพท์มือถือหายครับ จะติดต่อไม่ได้”
เอื้อรีบถาม
“มือถือหาย แล้วหนูเล็กโทรมาบอกเมื่อไหร่? เขาบอกหรือเปล่าว่าโทร.จากที่ไหนครับ?”
“วันแรกก็โทร.มาจากที่โรงแรมครับ รู้สึกจะเป็นโรงแรมที่ซูริค” อาทิตย์ตอบตามความจริง
“แล้ววันนี้ได้โทรมาหรือยังครับ?”
อาทิตย์คิดๆ แล้วก็ตอบ
“ยังเลยครับ ยังไม่ได้ข่าวเลย อ้อ แต่เมื่อคืนนี้มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามือถือ แต่อารับไม่ทัน เป็นเบอร์
จากต่างประเทศ ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นหนูเล็ก” พลางหันไปหยิบโทรศัพท์มาดู
เอื้อตาโต รีบถามทันที
“คุณอายังเก็บเบอร์ไว้หรือเปล่าครับ?”
“เก็บไว้ครับ”
เอื้อยิ้มดีใจ
“คุณอาบอกเบอร์มาให้ผมหน่อยนะครับ ครับ ขอบคุณมากครับ”
เอื้อรีบวางสายไป ดูเบอร์โทรศัพท์ในกระดาษอย่างมีความหวัง แล้วก็รีบกดโทรออกทันที สักครู่ก็มี
เสียงทางปลายสายตอบกลับมา
“ สวัสดีครับ ติสลิส สกีรีสอร์ท มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
เอื้อชะงักนิดๆ
“ติสลิส? ติสลิสที่แองเกิลเบิร์กใช่มั้ยครับ?”
เอื้อถามกลับด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าสุริยงจะอยู่ต่างเมือง
เขมชาติยืนคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งด้วยความหวาดระแวงเล็กๆ คุยไป มองซ้ายมองขวาไปด้วย
“คุณสมคิด มีอะไรคืบหน้าหรือเปล่า?”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง สมคิดนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน
“ไม่มีเลยครับ วันนี้คุณเกนเงียบหายไปเลย ไม่โทรตามตารางงานของคุณสุเหมือนเมื่อวาน ไม่รู้ว่าเป็น
ยังไงบ้าง มื่อวานตอนที่คุณเกนโทรมาน้ำเสียงร้อนใจมากๆ”
เขมชาติสีหน้าหนักใจ เข้าใจ แต่ต้องใจแข็ง
“ผมรู้ แต่อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ตอนนั้นคุณเกนก็จะเลิกร้อนใจไปเอง”
สมคิดพูดตรงๆ
“คุณเขม ผมพูดตรงๆเลยนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เหมือนกำลังช่วยผู้ร้ายทำผิด”
เขมชาติสวนกลับมาทันที
“ผมไม่ใช่ผู้ร้าย”
สมคิดชะงัก เขมชาติรีบปกป้องตัวเอง
“และผมไม่ได้กำลังทำผิด สิ่งที่ผมทำมันคือความถูกต้อง พูดไปคุณสมคิดก็ไม่เข้าใจ เรื่องนี้มัน
ซับซ้อนกว่าที่คนอื่นเห็น”
เขมชาติหลุดพูดความรู้สึกออกมา เพราะในใจตอนนี้ก็พลุ่งพล่านไม่น้อย ดีชั่วตีกันอยู่ในตัว สมคิดฟัง
และเตือนสติอย่างนุ่มนวล
“คุณเขมก็ระวัง อย่าให้มันซับซ้อนจนคุณเองหาทางออกไม่เจอก็แล้วกัน”
เขมชาติสะอึก สุริยงเดินมาทาวงด้านหลัง มองซ้ายมองขวากำลังหาอยู่เ ขมชาติปรายตาไปเห็น รีบ
ตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าฝากข้อความบอกผมได้เลย”
“ได้ครับ”
สมคิดวางสายไป แล้วก็ถอนใจเบาๆ “เฮ่อ”
ในขณะที่เขมชาติวางสาย แล้วคิด แววตามีลังเลนิดๆ จากคำเตือนของสมคิด
ธรรมชาติยามนี้ช่างสวยงามหลือเกิน สุริยงยืนมองอย่างสุขใจ และเมื่อสายลมเย็นพัดมาเบาๆ
สุริยงรีบหยิบผ้าพันคอที่เอื้อให้ มาคลุมไหล่ไว้ แล้วก็ยืนชมวิวด้วยความสบายใจ เขมชาติยืนมองด้วยแววตาอ่อน
ลง แต่แล้วด้านมืดก็ผุดขึ้นมา เมื่อฉุกคิดถึงภาพตอนที่สุริยงเย่อหยิ่งใส่ ทำเหมือนไม่ใยดี และย้อนกลับไปตอนโดนบอก
เลิก
แววตาของเขมชาติแข็งขึ้น และบอกกับตัวเองเบาๆ
“ถอยกลับไม่ได้ ต้องไปให้ถึงเท่านั้น”
เขมชาติหลับตาลงหนึ่งอึดใจ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร เพื่อดำเนินไปตามแผน
“วดี”
สุริยงหันมาเห็นเขมชาติก็ยิ้มให้ และเดินเข้าไปหา สุริยงยืนยิ้มด้วยจริงใจ ไม่รู้เลยว่ากำลังอยู่ในเกมที่
แสนโหดร้ายของคนที่เธอไว้ใจ
อีกด้านหนึ่งเอื้อกับเกนหลงยืนอยู่ด้านหน้าทางขึ้นติสลิส เกนหลงหน้าเครียดพร้อมพุ่งชนทุกขณะ เอื้อ
หันมามอง
“เกนอยากรออยู่ข้างล่างหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เกนอยากเห็นกับตา ว่าสองคนนั้นเขามาที่นี่ทำไม? ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในแพลนงาน ออกนอก
เส้นทางมาขนาดนี้ คงต้องเป็นโปรแกรมพิเศษมากๆ”
เอื้อรีบปลอบใจ
“ใจเย็นๆ พี่ยังไม่ได้บอกสักคำว่าหนูเล็กจะอยู่กับเขมชาติที่นี่ พี่บอกแค่ว่าหนูเล็กโทรจากที่นี่กลับ
ประเทศไทย บางทีหนูเล็กอาจจะมาคนเดียวก็ได้ อย่าลืมสิ เรายังไม่มีหลักฐานว่าเขมชาติมาที่นี่ เรารู้แค่ว่าเขายกเลิก
นัดที่อิตาลี่แค่นั้นเอง เขาอาจจะไปที่อื่นก็ได้”
“พี่เอื้อไม่ต้องพยายามแก้ตัวให้สองคนนั้นหรอกค่ะ เกนพยายามคิดทุกอย่างแล้ว พี่เอื้อก็รู้ว่าเกนเป็น
คนมองโลกในแง่ดีมากขนาดไหน ดีจนบางครั้ง กลายเป็นคนโง่ โดยไม่รู้ตัว”
เกนหลงอารมณ์ขึ้นจนเก็บไม่อยู่
“พอกันที เกนจะไม่สร้างโลกสวยหลอกตัวเองอีกต่อไปเลย ถ้าความจริงมัน เลว ร้ายก็ต้องไปเจอ จะ
ได้จบๆกันไป”
พูดจบเกนหลงก็รีบพุ่งไปที่ทางขึ้นด้วยความอารมณ์ที่กรุ่นได้ที่ เอื้อมองตามด้วยความหวั่นใจ แล้วก็รีบ
เดินตามไปทันที
ในขณะที่เขมชาติกับสุริยงนั่งอยู่ที่มุมระเบียงของร้านอาหารริมทะเลสาป โดยไม่ได้รู้เลยว่าอะไร
กำลังจะเกิดขึ้น
สุริยงวางผ้าพันคอที่เอื้อทำให้ไว้ที่เก้าอี้ข้างกระเป๋า เขมชาตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มองหน้าสุริยงแล้วก็ยิ้ม
อย่างมีความสุข
“ไม่อยากลงไปจากที่นี่เลย อยากติดอยู่บนนี้ตลอดไป”
สุริยง มองหน้า แล้วตอบแบบกวนๆ “อยู่ไปคนเดียวนะคะ”
เขมชาติหัวเราะ
“นี่แหละ เสน่ห์อีกอย่างของคุณ ที่ผู้หญิงคนอื่นไม่มี”
สุริยงทำหน้างงๆ เขมชาติรีบเฉลย
“คุณไม่ยอมผม ที่ไม่เห็นด้วย คุณก็จะแย้งขึ้นมา ทำให้ผมเห็นมุมมองที่ต่างไป มีคุณอยู่ข้างๆ ทำให้ผม
มองสิ่งต่างๆได้ลึกขึ้น”
เขมชาติจงใจปั้นคำเยินยอด้วยถ้อยคำที่ฉลาด ไม่เจาะจงจนดูไม่จริงใจ และใช้ความจริงสร้างความ
ประทับใจ สุริยงฟังแล้วรู้สึกดี
“ เสียดาย วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่คุณจะอยู่ข้างๆผม”
เขมชาติเสียงเศร้าขึ้นมาทันทีสุริยงสะอึก ลึกๆ แล้วแอบใจหายเหมือนกัน แต่พยายามไม่แสดงความ
เศร้าออกมา
“ไม่มีฉัน คุณก็มีคุณเกน เธอทำได้ดีกว่าฉันแน่ค่ะ”
“ผมรู้ คุณเกนเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่เธอก็แทนที่คุณไม่ได้ ไม่ได้จริง ๆ”
เขมชาติพูดด้วยความจริงใจ เพราะลึกๆ แล้ว ก็รู้สึกเช่นนี้จริงๆ สุริยงมองหน้าเขมชาติสัมผัสได้ถึง
ความจริงนั้น จนต้องเบี่ยงสายตาหนี ไม่อยากจะรู้สึก แต่ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้
ในขณะเดียวกันเกนหลงกับเอื้อ ก็กำลังขึ้นกระเช้ากำลังมุ่งขึ้นไปบนยอดเขา และทันทีที่กระเช้าเข้ามา
เทียบท่า เกนหลงรีบลง ใจเต้นระทึก
สุริยงดูนาฬิกาแล้วตัดบท
“ฉันว่าเรารีบลงไปเถอะค่ะ ใกล้เวลาที่ฉันนัดให้รถมารับแล้ว เดี๋ยวจะไปไม่ทันนัดลูกค้า”
พูดพลางขยับลุกขึ้น เขมชาติจับแขนไว้
“วดี”
สุริยงหันมา เขมชาติพูดต่อ
“ก่อนไป ผมขอร้องอะไรอย่างนึงได้มั้ย”
“อะไรคะ?”
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเราสองคน ผมขอให้วันนี้มีแต่คุณกับผมแค่สองคน ไม่พูดถึงคนอื่น ได้หรือ
เปล่า?”
สุริยงครุ่นคิด เขมชาติรอคำตอบ
ในขณะที่ทางด้านหลัง เอื้อกับเกนหลงเดินเข้ามาในร้านอาหาร พลางมองไปรอบๆ เกนหลงยืน
กวาดสายตาอยู่ในร้าน เอื้อเดินแยกออกไปอีกมุม
เขมชาติรอคำตอบ แล้วสุริยงก็พยักหน้า
“ค่ะ”
เขมชาติยิ้มกว้าง “ผมก็จะไม่พูดถึงคนอื่นเหมือนกัน”
เกนหลงหันมามองอีกทาง บังเอิญมีแก๊งสกี ดินมาเป็นกลุ่มบังเขมชาติกับสุริยง พอดี เกนหลงมอง
ผ่านไป แล้วก็หันหลังกลับมาอีกรอบ แก๊งสกีผ่านไปแล้ว เกนหลงชะงัก เอะใจหันมาอีกที
เขมชาติกับสุริยงก็หายไปแล้ว
เขมชาติพาสุริยงเดินออกมาจากร้าน ตรงไปที่ทางขึ้นกระเช้า ตรงด้านที่เอื้อยืนอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ กำลัง
เอาป้ายพื้นเปียกมากั้นไว้
“พื้นตรงนี้ลื่นนะครับ เชิญเดินอ้อมไปทางโน้นครับ”
สุริยงกับเขมชาติพยักหน้ารับรู้ และเดินไปอีกทาง สุริยงก้าวพลาดจะลื่น เขมชาติดึงแขนไว้
“ระวัง”
เอื้อชะงักกึก “คนไทย” พลางรีบหันหาต้นเสียง แต่แถวนั้นมีแต่ฝรั่ง
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 17 (ต่อ)
เขมชาติกับสุริยงเดินลงบันไดมาด้านล่าง ในขณะที่เอื้อยืนอยู่ข้างบน และกำลังจะเดินผ่านบริเวณที่
พื้นลื่นมาด้านที่เขมชาติอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้
“เข้ามาไม่ได้ครับ อันตราย เดินเข้าไปด้านใน แล้วออกทางประตูโน้นครับ”
เอื้อพยักหน้ารับ แล้วรีบวิ่งเข้าร้านไป เพื่อจะออกอีกทาง ไปตามเสียง ครั้นเอื้อเดินเข้าด้านใน สุริยงกับ
เขมชาติ ก็เดินออกมา และเดินตรงไปที่ทางลงกระเช้า ทันทีที่สุริยงกับเขมชาติเดินเข้ากระเช้า เกนหลงก็เดินออกมา
จากอีกประตู พลางมองซ้ายมองขวา ในใจร้อนรุ่ม
เอื้อเดินพรวดออกมาบริเวณที่เขมชาติกับสุริยงนั่งอยู่ตอนแรก พลางกำลังจะเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน
แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อหันไปที่โต๊ะที่สุริยงนั่ง และห็นผ้าพันคอที่เอื้อทำให้วางอยู่ที่เก้าอี้
เอื้อเดินไปหยิบแววตาแอบเศร้า เกนหลงเดินมาสมทบ เห็นผ้าพันคอในมือ
“นี่มันผ้าพันคอที่พี่เอื้อทำให้คุณสุนี่คะ”
เอื้อพยักหน้า แทนคำตอบ เกนหลงแววตาแข็งขึ้น มองไปข้างหน้า แล้วรีบสรุป
“แสดงว่าคุณสุอยู่บนนี้จริงๆ ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
เกนหลงมองไปรอบๆ แล้วก็พุ่งไปที่ริมทะเลส่าป
เอื้อมองผ้าพันคออีกครั้ง ลึกๆแอบเจ็บที่ถูกลืม ก่อนจะเก็บผ้าใส่กระเป๋าและเดินตามเกนหลงไป
เกนหลงวิ่งเข้ามามองไปรอบๆ ทะเลสาปด้วยใจร้อนรุ่ม พลางมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ กำลังจะหัน
หลังจะวิ่งไปอีกทาง ทันใดนั้นเสียงเอื้อก็ดังขึ้น
“เกน”
เกนหลงหันไป เห็นเอื้อเดินจูงจักรยานมาสองคัน ท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยง
เอื้อกับเกนหลงขี่จักรยานไปตามมุมต่างๆของทะเลสาบด้วยความร้อนใจ เกนหลงปั่นอย่างสุดกำลัง
ด้วยอารมณ์ ที่ตึงเครียด เอื้อปั่นตามและคอยมองดูด้วยความเป็นห่วง
ในขณะที่เขมชาติกับสุริยงเดินออกมาอย่างสบายใจ พลางพากันเดินไปที่รถลึมูซีนที่จอดรออยู่ และ
ขึ้นรถออกจากติสลิสไป
เกนหลงปั่นอย่างไม่คิดชีวิต จนเหนื่อยหอบ พลางจอดคิด เอื้อขี่ตามมาจอดเทียบ เกนหลงหันมาบอก
เอื้อ
“เกนจะขึ้นไปดูบนลานสกีข้างบน เกนเคยมาเล่นสกีที่นี่สองสามครั้ง บางทีสองคนนั้นอาจจะอยู่
ข้างบนก็ได้”
เกนหลงพูดจบก็ปั่นไปต่อ เอื้อมองตามเกนหลงแล้วก็ทั้งสงสาร ทั้งเป็นห่วง จากนั้นก็ขี่จักรยานตาม
เกนหลงไป
ที่หน้าโรงแรมหรูของเมืองลูเซิร์น เขมชาติและ สุริยงเดินเคียงกันมาในชุดทำงานเท่ๆ ทั้งคู่ดูเหมาะสม
กันมาก สุริยงรีบรายงานอย่างคล่องแคล่ว
“คุณสมภพรออยู่ที่ล็อบบี้ กับมิสเตอร์คริสเตียนซีอีโอของโรงแรม ฉันเตรียมลายผ้า ราคาและแบบ
แปลนทั้งหมดไว้แล้ว”
เขมชาติพยักหน้ารับทราบ และเอามือแตะที่กระเป๋าเสื้อสูทเหมือนหาอะไรบางอย่าง.สุริยรีบส่งปากกา
ให้อย่างรู้ใจ
“นี่ค่ะ เมื่อกี๊คุณลืมไว้บนโต๊ะ”
เขมชาติหันมายิ้มประทับใจ “รู้ใจผมจริงๆ”
สุริยงยิ้มรับ ก่อนที่จะเดินเคียงกันเข้าไปในล็อบบี้ เห็นสมภพนั่งอยู่กับลูกค้าต่างชาติ
สมภพ ยิ้มทักทาย “คุณเขมชาติทางนี้ครับ”
เขมชาติเดินเข้าไปจับมือทักทาย สมภพแนะนำกับเจ้านายและนั่งคุยงานที่โต๊ะ สุริยงนั่งข้างๆมอง
เขมชาติด้วยความชื่นชม
เกนหลงอยู่ในชุดสกีพร้อมพุ่งตัวออกไปทันที โดยมีเอื้อยืนส่ง
“พี่จะไปเดินดูทางด้านโน้น แล้วจะกลับมารอตรงนี้ เกนก็ไม่ต้องรีบนะ”
เอื้อพูดยังไม่ทันจบ เกนหลงก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เอื้อรีบพูด “ใจเย็นๆ”
แต่เกนหลงพุ่งตัวออกไปแล้ว เอื้อมองตาม แล้วก็ถอนหายใจ
เกนหลงเล่นสกีอย่างเร็ว ไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนเล่นอยู่ เพื่อตามหาเขมชาติและสุริยง แต่ก็ไม่เจอ ยิ่ง
ไม่เจอยิ่งใจร้อน ยิ่งพุ่งไปอย่างเร็ว
ในขณะที่เขมชาติกับสุริยงเดินดูห้องต่างๆของโรงแรม สุริยงเดินจดตาม ในบางจังหวะที่อยู่ในห้องกัน
สองคน เขมชาติให้สุริยงช่วยจัดตลับเมตรในที่แคบๆ ทำให้ต้องยืนชิดเบียดกัน เหมือนไม่ตั้งใจ แต่จริงๆ แล้วเขมชาติ
ตั้งใจ
อีกด้านหนึ่ง เอื้อก็เดินตามหาอีกมุมหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยหิมะ ในขณะที่เกนหลงแล่นสกีมาอย่างเร็ว จน
เสียหลัก ล้มลงอย่างแรง เอื้อหันมาเห็นพอดี
“เกน”
เอื้อประคองเกนหลงนั่งลง พลางช่วยเกนหลงถอดอุปกรณ์ เกนหลงกระชากของตัวเองออกอย่างแรง
ดึงๆ ด้วยความหงุดหงิด
“พี่บอกแล้วไงให้ใจเย็นๆ”
เกนหลงหันมาเหวี่ยง
“เกนพยายามแล้วนะคะ พยายามจะใจเย็น พยายามหาเหตุผลมาหลอกตัวเอง แต่มันปิดความรู้สึกที่
แท้จริงไม่ได้”
“พี่ไม่ได้จะให้เราหลอกตัวเอง” เอื้อรีบออกตัว
“แล้วจะให้เกนทำยังไงคะ ในเมื่อในใจเกนมันเย็นไม่ลงแล้ว เกนไม่ใช่พี่เอื้อนะคะ จะได้ไม่รู้สึกอะไร รู้
ทั้งรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักกำลังอยู่กับผู้ชายอื่น แต่ก็ยังไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรเลย เกนทำไม่ได้”
เกนหลงระเบิดอารมณ์อย่างลืมตัว
“โอเค งั้นพี่ไม่ห้ามแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ เอาให้มันเต็มที่ไปเลย”
พูดจบ เอื้อก็ยักไหล่ ไม่สน เกนหลงเห็นเอื้อดุกลับ เลยชะงัก ได้คิด
“เกน ขอโทษค่ะ เกนขอโทษ”
พูดจบ เกนหลงก็ทิ้งตัวนั่งพิงหมดสภาพ หน้าตาเหนื่อยอ่อน เอื้อหันมามอง ด้วยความสงสาร พลาง
เดินมานั่งลงข้างๆ
เกนหลงเริ่มพูดความรู้สึกของตัวเองอย่างหมดเปลือก
“เกนดูเป็นคนไร้สติมากเลยใช่มั้ยพี่เอื้อ นี่เกนกำลังเป็นบ้าอยู่ใช่มั้ยคะ?”
เอื้อไม่รู้จะตอบยังไง เกนหลงพูดต่อ
“เกนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ เป็นบ้าวิ่งตามหาผู้ชายไม่หยุดไม่หย่อน บินข้ามน้ำ
ข้ามทะเล ตะกายขึ้นมาถึงบนนี้ แล้วยังวิ่งพล่านเหมือนคนไม่มีความคิด”
เกนหลงเริ่มน้ำตาปริ่มๆ
“เมื่อก่อนเกนไม่เข้าใจเวลาผู้หญิงที่เป็นแบบนี้แต่ตอนนี้เกนเข้าใจแล้ว”
“เรื่องบางเรื่อง มันต้องเจอเอง มันถึงจะรู้”
เอื้อพูดอย่างเข้าใจโลกมากกว่า
“แล้วทำไมต้องเป็นเกนที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไม เกนทำผิดอะไร? ทำไมเกนต้องเป็นฝ่ายมาวิ่ง
ไล่ตาม เป็นฝ่ายที่ต้องมานั่งเสียใจอยู่ตรงนี้ ทำไม”
เกนหลงระเบิดอารมณ์ พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างวุดกลั้น เอื้อเห็นสงสารจับใจ พลางค่อยๆดึง
ตัวเกนหลงมากอดไว้ เป็นความรู้สึกทั้งหนาว ทั้งเวิ้งว้าง และสวยงาม
สุริยงนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมทะเลสาปที่เมืองลูเซิร์น กำลังเตรียมเอกสารสำหรับประชุมต่อไป
สุริยงนั่งอยู่เกือบจะกลางเก้าอี้มีพื้นที่ว่างอยู่ซ้ายขวา ด้านซ้ายแคบกว่าด้านขวา ทันใดนั้นเขมชาติก็มา
นั่งแทรกลงด้านที่แคบมากระแซะๆ อ้อนๆ เอาหัวมาพิงไหล่สุริยง
“เหนื่อยจัง”
สุริยงปรายๆตาหันมา แล้วหันไหล่หนี เขมชาติแกล้งทำเป็นล้มตัวลงไปนอนหนุนตักสุริยง
“สบายจัง”
สุริยงดันตัวเขมชาติให้ลุกขึ้น
“นี่ ลุกเลย มานอนตรงนี้ได้ยังไง น่าเกลียด ลุกเลย ลุก “
เขมชาติแกล้งวทำเป็นตัวหนัก“ลุกไม่ขึ้น”
สุริยงลุกขึ้นยืนเลย
“งั้นฉันลุกเอง”
ศีรษะของเขมชาติตกจากตักโขกที่พนักเก้าอี้อย่างแรง
“โอ้ย”
สุริยงตกใจ
“ขอโทษ เป็นยังไงบ้าง”
เขมชาติจับศีรษะตัวเอง “เจ็บตรงนี้”
“เจ็บตรงไหน?”
สุริยงขยับเข้ามาดูที่หัวในระยะประชิดมาก เขมชาติ มองสุริยง แล้วก็ยิ้ม
“ไม่เจ็บแล้ว แค่เห็นคุณเป็นห่วงก็หายแล้ว”
สุริยงเหลือบมองหน้า เห็นเขมชาติทำหน้าทะเล้น มือที่จับศีรษะอยู่ ก็เลยผลักออกไปอย่างแรง
“โกหกอีกแล้วนะ”
เขมชาติก็หัวเราะร่วน
“โห รุนแรงจริงๆ ผมไม่ได้โกหก ผมพูดจริงๆ”
พลางดึงให้สุริยงมานั่งข้างๆ
“คุณอาจจะไม่รู้ว่ามันมีค่าแค่ไหน ที่ได้รู้ว่าคุณยังแคร์ผมผมดีใจจริงๆนะ”
สุริยงมองแล้วก็เขินๆ ยิ้มรับนิดๆ แล้วก็เผลอยอมรับ
“รู้ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องทำตัวให้เป็นห่วง”
เขมชาติได้ที รีบสวนกลับ “ยอมรับแล้วเหรอว่าคุณเป็นห่วงผม”
เขมชาติยิ้มดีใจ สุริยงรีบหลบตา หันไปคว้าเอกสาร และเฉไฉเข้าเรื่องงานแก้เก้อ
“ใกล้จะถึงเวลาประชุมกับลูกค้าคนสุดท้ายแล้ว รีบไปเถอะ เดี๋ยวสาย”
สุริยงคว้ากระเป๋าเอกสารแล้วก็รีบเดินนำไป เขมชาติมองตามยิ้มกริ่ม ด้วยความสาแก่ใจ
เกนหลงยืนอยู่ที่ประตูเข้าออกของติสลิส อารมณ์เริ่มสงบลงแล้ว หลังจากได้ปลดปล่อยออกมาอย่าง
เต็มที่ เอื้อเดินมาส่งน้ำให้
“เสียน้ำตาไปเยอะ เติมสักหน่อย”
เกนหลง ยิ้มรับ “ขอบคุณค่ะ”
เกนหลงกำลังจะดื่มน้ำพลันเสียงโทรศัพท์มือถือดัง เกนหลงรีบควานหา เมื่อเห็นเบอร์ ปรากฎที่หน้าจอ
ก็ร้องอย่างตื่นเต้น
“คุณวิบูลย์”
วิบูลย์อยู่ที่โต๊ะทำงานของสุริยง รีบบอกกับเกนหลง
“คุณเกน ผมหาตารางงานของคุณสุเจอแล้วนะครับ”
เกนหลงตาโตวาวด้วยความดีใจ
“จริงเหรอคะ? คุณวิบูลย์ช่วยส่งเมลล์มาให้เกนด่วนเลยนะคะ”
วิบูลย์คุยไป กดส่งเมลล์ไปด้วย
“ได้เลยครับ ในตารางงานจะมีรายละเอียดของทริปทั้งหมด”
ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง สมคิดเดินมา ได้ยินพอดี
วิบูลย์พูดต่อ “จะมีทั้งรายละเอียดลูกค้าที่คุณสุจะไปพบ แล้วก็โรงแรมที่คุณสุพักด้วยครับ”
สมคิด ชะงักกึก “เฮ้ย” แต่ไม่ทันการ
“ผมส่งเมลล์ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ”
สมคิด โผล่ออกมา ร้องเสียงหลง “คุณวิบูลย์”
วิบูลย์หันมา หน้างงมาก
เกนหลงรีบบอกด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวเกนจะรีบเช็คเดี๋ยวนี้เลย สวัสดีค่ะ”
เกนหลงรีบวางสาย แล้วไปเข้าไปในเมลล์ พลางรีบหันมาบอกเอื้อ
“เกนได้ตารางงานของคุณสุแล้วค่ะ บ่ายนี้คุณสุมีนัดกับลูกค้าที่ลูเซิร์น”
เอื้อขมวดคิ้ว “ลูเซิร์น อยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
เกนหลงหันขวับมาทางเอื้อ แววตาเริ่มมีความหวัง
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 17 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่ง วิบูลย์หันมาถามสมคิดหน้าซื่อ
“อ้าว ทำไมผมถึงส่งตารางงานให้คุณเกนไม่ได้หล่ะครับ?”
“ก็ ก็” สมคิดอึกอัก “ เออ ช่างมันเถอะ ส่งแล้วก็ส่ง ทีหลังถ้าคุณเกนจะให้ทำอะไรอีก ช่วยปรึกษา
ผมก่อน เพื่อความปลอดภัย”
สมคิดพูดจบก็รีบเดินออกไปด้วยความร้อนใจ วิบูลย์มองตามงงๆ
“ทำผิดอะไรเนี่ย”
และเมื่อเดินพ้นมาในระยะปลอดภัย สมคิด ก็รีบกดโทรหาเขมชาติทันที
“คุณเกนกำลังมาลูเซิร์น?”
เขมชาติระล่ำระลักถาม ทันทีที่ได้ฟังสมคิดรายงาน
“ครับ วิบูลย์ส่งตารางงานของคุณสุให้คุณเกน แล้วในนั้นก็มีชื่อโรงแรมที่พักของคืนนี้ด้วย ผมคิดว่า
ทันทีที่คุณเกนได้แพลนคงรีบตามไปที่ลูเซิร์น ผมก็ไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่ คุณเขมก็ ดูแลตัวเองนะครับ”
เขมชาติพยักหน้ารับรู้
“ครับๆ ขอบคุณมาก”
เขมชาติวางสายไป พลางคิดหนัก เอาไงดี?
และเมื่อหันไปทางสุริยงที่ยังคุยกับลูกค้าอยู่ในห้องประชุม เขมชาติก็เริ่มคิดแผน
สุริยงถามด้วยความแปลกใจ
“มีลูกค้าใหม่ติดต่อมาเหรอคะ?”
“ครับ เพิ่งจะติดต่อมาเมื่อกี๊นี้เอง เขาอยากให้เราเข้าไปดูโรงแรมวันนี้เลย”
“วันนี้? แล้วโรงแรมอยู่ที่ไหนคะ?”
“อยู่วิซเนา เราต้องขึ้นเรือไป ท่าเรืออยู่ทางโน้น ผมว่าเรารีบไปกันเลยดีกว่า ไปถึงก่อนเวลานัดจะได้
มีเวลาเตรียมตัว”
สุริยงรับคำ“โอเคค่ะ”
เขมชาติดูรีบร้อนแล้วก็รีบพาสุริยงไปเลย พลางมองซ้ายมองขวาไปด้วยความระมัดระวัง
อีกมุมหนึ่งของเมืองลูเซิร์น เกนหลงกับเอื้อกำลังลงจากรถ เกนหลงมองไปรอบๆ เอื้อกำลังกโทรศัพท์
หาพิกัดของโรงแรม
ในขณะที่เขมชาติกับสุริยงเดินมาที่ท่าเรือ แม้จะอยู่ค่อนข้างไกลจากเกนหลง แต่ก็อยู่ในพิกัด
เดียวกัน
เกนหลงยังมองไปรอบๆ แล้วก็สะดุดกึกเข้ากับเขมชาติที่เดินอยู่ในดงนักท่องเที่ยวชาวจีน เกนหลงอึ้ง
พยายามมองเพ่งเหมือนโดนสะกด ในขณะที่เอื้อกำลังกดดูแผนที่ แล้วก็พูดขึ้น
เอื้อตายังมองจอ ในขณะที่พูดกับเกนหลง “โรงแรมที่หนูเล็กประชุม อยู่ทางด้านโน้น”
ทันใดนั้นเกนหลงก็เดินพุ่งตามเขมชาติไปทันที เอื้อเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เกน เกน จะไปไหน?”
เกนหลงไม่ตอบแต่เดินพุ่งไปเลย เอื้อรีบเก็บโทรศัพท์และเดินตามไปทันที
เขมชาติรีบเดินมุ่งไปขึ้นเรือ โดยมีสุริยงเดินตาม แต่โดนคนเบียด เขมชาติหันมาแล้วคว้ามือสุริยงมา
จับแล้วจูงเดินแทรกคนไป ในจังหวะนั้นสุริยงกระชับมือเขมชาติด้วยความไว้วางใจ และเดินตามไปแต่โดยดี
เกนหลงมองตามหลังเขมชาติที่เลี้ยวไปที่ เกนหลงรีบเดินตามไป ใจเต้นระทึก เอื้อรีบเดินประกบ
“เกน เกิดอะไรขึ้น?”
เกนหลงไม่ตอบ ใจจดจ่ออยู่กับชายที่หน้าเหมือนเขมชาติ
เขมชาติจูงมือสุริยงมาถึงที่ทางขึ้นเรือ แล้วก็ชะงักกึกเพราะมีคนตัดหน้า พลันก็มีคนมาจับไหล่
เขมชาติหันไป เป็นเจ้าหน้าที่บอกว่า
“ขอดูตั๋วด้วยครับ”
เขมชาติยิ้มนึกได้ แล้วก็ส่งตั๋วให้ เจ้าหน้าที่เช็คตั๋วแล้วเขมชาติกับสุริยงก็เดินขึ้นเรือไป เขมชาติ มอง
ย้อนกลับมาที่ฝั่งโล่งอกนิดๆ
ในขณะที่เกนหลงเดินมาถึงผู้ชายที่เป็นเป้าหมาย และยื่นมือไปจับที่ไหล่ทันที
“เขม”
หากคนที่หันหน้ากลับมา กลับกลายเป็นหนุ่มตี๋ชาวจีน ที่มองหน้าเกนหลงอย่างงงๆ
“ขอโทษค่ะ”
เกนหลงหน้าเสีย เอื้อตบไหล่ปลอบใจ
“ดูจากเวลา หนูเล็กอาจจะยังประชุมอยู่กับลูกค้าคนสุดท้าย ถ้าเรารีบไปตอนนี้อาจจะทัน”
เกนหลงพยักหน้ารับรู้ เอื้อหยิบโทรศัพท์มาดูอีกทีแล้วก็เดินนำไป เกนหลงยังยืนอยู่หันไปมองเรือที่
กำลังออกจากท่าไปด้วยความคาใจ
สุริยงมองวิวด้วยความสบายใจ ลมพัดแรง จนรู้สึกเริ่มหนาว เขมชาติเห็นสุริยงนั่งกอดอก ก็เลยถอด
เสื้อสูทมาคลุมให้
“ขอบคุณค่ะ”
เขมชาติยิ้มรับแล้วก็คิดอะไรบางอย่างออก
“เดี๋ยวผมมา”
เขมชาติลุกไป สุริยงมองตาม ด้วยความแปลกใจ
ชั่วครู่เขมชาติเดินมาพร้อมกับแก้วกาแฟมะนาวฝาน สุริยงยิ้มรับด้วยความถูกใจ
“อยู่ที่บริษัทคุณต้องทำหน้าที่ชงกาแฟให้ผม ตอนนี้นอกเวลางาน แล้วก็นอกสถานที่ ผมอยากทำให้
คุณบ้าง”
“ถ้าชงไม่ถูกใจ ฉันไล่ออกได้หรือเปล่า” สุริยงแกล้งแหย่
“ลองดื่มดูก่อน แล้วค่อยคิด”
สุริยงยกกาแฟขึ้นดื่ม เขมชาติลุ้น
“รสชาติใช้ได้ อร่อยมาก”
เขมชาติ ยิ้มกว้าง “เยส”
เขมชาติเอาแก้วกาแฟของตัวเองมาชน แล้วทั้งสองคนก็นั่งดื่มกาแฟอยู่บนเรือ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่
แสนสวยงาม
เกนหลง กับเอื้อ ยืนคุยกับพนักงานที่ประชุมกับสุริยงในโรงแรมสุดท้าย
“คุณสุริยงออกไปสักพักแล้วครับ”
“โอเค ขอบคุณมากครับ”
เกนหลงถามสวนขึ้น “คุณสุริยงมาประชุมคนเดียว หรือว่ามีคนอื่นมาด้วยคะ?”
“คุณสุริยงมากับคุณเขมชาติครับ”
เมื่อสิ่งที่คิดไว้เป็นจริง เกนหลงถึงกับสะอึก จุกจนพูดไม่ออก เอื้อมองหน้าด้วยความเห็นใจ แล้วรีบ
ตัดบท
“ขอบคุณมากครับ”
พนักงานยิ้มรับแล้วก็เดินแยกไป เอื้อหันมาทางเกนหลง
“นี่ไงคะ หลักฐานที่พี่เอื้อต้องการ สองคนนั้นเขามาด้วยกันจริงๆ เขมโกหกเกนเพื่อจะได้มากับคุณสุ
สองต่อสอง เกนไม่ได้คิดไปเอง แต่มันเป็นความจริง เหลือแค่อย่างเดียว ขอให้เห็นกับตา ทุกอย่างจะได้จบ”
เกนหลงพูดด้วยความเสียใจ อารมณ์ตอนนี้ของเกนหลงได้เปลี่ยนจากความร้อนรนใจ เป็นความ
ผิดหวังอย่างรุนแรง อารมณ์ของเกนหลงนิ่ง แต่นิ่งอย่างน่ากลัว เอื้อมองด้วยความเห็นใจ
เกนหลงคิดแล้วก็นึกได้ แล้วก็เดินพรวดไปเลย เอื้อรีบเรียกไว้
“เกนจะไปไหน?”
เกนหลงเดินไปพูดไป
“ในเอกสารที่คุณวิบูลย์ให้มา มีชื่อโรงแรมที่คุณสุพักคืนนี้ เกนจะไปหาสองคนนั้นที่โรงแรม”
สุริยงเดินออกมาที่ระเบียงของโรงแรมปาร์ค มองดูวิวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประทับใจ เขมชาติเดิน
เข้ามา เห็นสุริยงยืนมองวิวด้วยความตื่นตะลึงก็ยิ้มพอใจ
“ชอบที่นี่มั้ย?”
“ชอบมากค่ะ สวยมากๆ เลย”
“ถ้าชอบ คืนนี้เราพักที่นี่นะ” พลางชูกุญแจขึ้น “ผมจองห้องพิเศษไว้ให้คุณ”
สุริยงยิ้มอย่างรู้ทัน “สรุปว่าไม่มีลูกค้า”
“ไม่มีครับ มีแค่คุณกับผม”
“แล้วทำไมไม่บอกตรงๆ” สุริยงย้อนถาม
“อ้าว บอกตรงๆ ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ ก็วันนี้เป็นวันสุดท้าย คืนสุดท้ายของเรา ผมอยากทำทุกอย่างให้
พิเศษที่สุด เพื่อคุณ ผมต้องรอนานมากกว่าจะถึงวันนี้ วันที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง”
เขมชาติส่งสายตาออดอ้อนสุดๆ สุริยงยิ่งมองยิ่งใจละลาย
“ขอให้ผมได้ทำเพื่อคุณเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะจากกัน และอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลย ตลอดชีวิต”
เขมชาติมองหน้าออดอ้อน สุริยงคิด ทว่าในใจอ่อนยวบไปแล้ว
เกนหลงถามพนักงานโรงแรมด้วยความแปลกใจ
“คุณสุริยงยกเลิกห้องพักคืนนี้?”
“ครับ เพิ่งจะโทรมายกเลิกเมื่อไม่นานนี้เองครับ”
เกนหลงอึ้ง เอื้อต้องรีบตัดบท
“ขอบคุณครับ” เอื้อหันหลังเดินออกมา “หนูเล็กไม่ได้พักที่นี่ แล้วไปพักที่ไหน?”
เกนหลงคิดแล้วก็พูดขึ้น
“มีอีกที่ที่เกนข้องใจ” เอื้อหันมารอฟัง เกนหลงพูดต่อ “ที่ท่าเรือเมื่อเช้า ตอนที่เห็นคนหน้าเหมือน
เขม เกนข้องใจจริงๆนะคะ เกนว่ามันเหมือนมาก”
“โอเค ไหนๆเราก็ไม่มีอะไรทำกันอยู่แล้ว ก็ลองไปดู ถ้าไม่เจอก็ถือซะว่านั่งเรือเล่น”
เอื้อพูดยิ้มๆ อบอุ่น ดูเป็นพี่ชาย ที่ใจดีและเข้าใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เกนหลงหันมาเห็นรอยยิ้มของเอื้อ
แล้วก็ซึ้งใจ
“เป็นโชคดีของเกนจริงๆ ที่มีพี่เอื้อมาด้วย พี่เอื้อดีกับเกนจริงๆ”
เอื้อจับหัวเกนหลงโยกขำๆ
“นี่ ไม่ใช่เวลาจะมาซึ้ง ไปได้แล้วเด็กขี้แง”
เกนหลงยิ้มได้อีกครั้ง เอื้อเดินนำไปที่ท่าเรือ เกนหลงยิ้มแล้งวรีบเดินตามหลังไป ในใจของเกนหลงยามนี้ เริ่มมีสติขึ้น เหมือนคนที่ใกล้จะถอดใจแล้ว
เอื้อกับเกนหลงนั่งอยู่เรือล่องลูเซิร์น เกนหลงนั่งขรึมๆ อย่างวคนพยายามทำใจไปตลอดทาง เอื้อเฝ้า
มองเป็นระยะๆ ด้วยความเป็นห่วง
สุริยงเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก พลางมองรอบๆห้องด้วยความพอใจ พนักงานที่เดินตามหลังเข้ามา
พูดอย่างนอบน้อม
“คุณเขมชาติของเวลาสำหรับสปาไว้ให้คุณผู้หญิงนะคะ ถ้าพร้อมแล้ว ดิฉันจะพาไปเองค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” สุริยงยิ้มรับ และหันกลับมามองห้องอีกครั้ง
เกนหลงกับเอื้อลงจากเรือที่ท่าแรก เกนหลงหันมาถามเอื้อ
“ไปทางไหนดี?”
เอื้อหันไปเห็นร้านรถเช่าจอดรออยู่ พลางรีบเดินเข้าไปหา เกนหลงหันมามองงงๆ
“พี่เอื้อจะไปไหน?”
“พี่รู้ว่าในเวกกิสเดินทางลำบากถ้าไม่มีรถ พี่เลยให้เลขาติดต่อบริษัทเช่ารถไว้ให้ อยู่ทางโน้น”
เอื้อเดินนำไป เกนหลงมองตามด้วยความทึ่ง
จากนั้นเอื้อก็ขับรถออกตัวไปอย่างเร็ว โดยมีเกนหลงนั่งข้างๆ ทั้งคู่พยายามช่วยกันมองหาเป้าหมาย
การตามหาเริ่มต้นขึ้นแล้ว
รถเอื้อแล่นผ่านหน้าโรงแรมปาร์ค แล้วก็ถอยกลับมา เกนหลงมองเข้าไปด้วยความสนใจ เอื้อหันมา
ถาม
“อยากเข้าไปหาจริงๆเหรอ?”
“ค่ะ เกนเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง ถ้าเกนเป็นเขม เกนจะพักที่นี่ คืนนี้ค่ะ”
เกนหลงคาดเดาอย่างมั่นใจ
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 17 (ต่อ)
ในขณะที่สุริยงขึ้นจากน้ำในห้องสปา หยิบผ้ามาคลุม เตรียมขึ้นไปที่ห้องพัก พนักงานรีบเดินมาต้อนรับ
“คุณเขมชาติให้เรียนว่า หลังจากแต่งตัวแล้ว เชิญคุณผู้หญิงไปรับประทานอาหารค่ำที่ริมน้ำ ดิฉันจะ
พากลับไปที่ห้องก่อนนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
สุริยงรับคำ พลางเดินตามพนักงานไป
เขมชาติมองโต๊ะดินเน่อร์หรูริมแม่น้ำด้วยความพอใจ มีพนักงานสามสี่คนยังช่วยกันจัดส่วนที่เหลือ
ในขณะเดียวกัน ที่หน้าโรงแรม เกนหลงและเอื้อ ก็กำลังเดินเข้ามา เอื้อให้เกนหลงจัดการถามที่หน้า
เคาน์เตอร์ ตัวเองเดินเข้ามาสำรวจด้านใน
“ไม่ทราบว่าที่นี่มีลูกค้าที่ชื่อ เขมชาติ มาพักหรือเปล่าคะ? ดิฉันเป็นเพื่อนเขาน่ะค่ะ”
พนักงานทวนชื่อ “เขมชาติ”
เอื้อเดินมาสำรวจในมุมที่ไม่ห่างกัน เอื้อปรายตาไปเห็นสุริยงที่เดินตามพนักงานมา พลางรีบหัน
กลับไปดู แต่ช้ากว่าสุริยงเดินเลี้ยวเข้าไปหลังประตู เอื้อกำลังจะเดินตามไป แต่พนักงานมาห้าม
“ขอโทษนะครับ พื้นที่บริเวณนี้ สำหรับลูกค้าเท่านั้นครับ”
เอื้อพยักหน้ารับทราบ
“ขอโทษครับ”
เอื้อเดินออกมา ทั้งเที่ยังค้างคาใจอยู่
ที่หน้าเคาน์เตอร์ พนักงานคีย์ชื่อเขมชาติแล้วขึ้นว่า “ลูกค้าพิเศษ เก็บข้อมูลเป็นความลับ พนักงานรีบ
เงยหน้ามาบอก
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่มีเหรอคะ?” เกนหลงทวนประโยคอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เอื้อเดินออกมาที่ริมระเบียง ในจังหวะที่เขมกำลังจัดสถานที่ เอื้อกำลังจะหันมาทางเขมชาติ แต่พอดี
เขมชาติทำของตก และก้มลงเก็บ เอื้อจึงไม่เห็นเขมชาติ
ในจังหวะนั้นเอง เกนหลงก็เดินมาเรียก
“พี่เอื้อคะ”
เขมชาติชะงัก เอ๊ะ? เหมือนเสียงเกนหลง
เกนหลงเดินมาหาเอื้อ
“ไม่มีชื่อเขมชาติค่ะ”
เกนหลงพูดเศร้าๆ เหนื่อยๆ แล้วก็เดินกลับออกไป เอื้อเดินตามกลับไป
เขมชาติเงยหน้าขึ้น ไม่เห็นใคร
“คงจะหูฝาด”
เขมชาติส่ายหน้า แล้วก็หันมาจัดโต๊ะต่อ
เอื้อกับเกนหลงพากันเดินมาหยุดที่มุมสวยมุมหนึ่งของสวนสาธารณะริมน้ำ
“นี่เราก็วนจนทั่วทั้งเวกกิส วิซเนาแล้ว ไม่เห็นวี่แวว เราอยากจะไปไหนต่อ?”
“เกนอยากไปหาที่นั่ง”
เอื้อเลิกคิ้ว “หือ”
“เกนวิ่งตามหาเขมมาพอแล้ว ขอหาที่นั่งพัก พักใจ พักร่างกาย พักจากเรื่องที่มันร้อนรุ่มอยู่ในใจตอนนี้
เกนปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เกนเบียดเบียนตัวเองมามากเกินไปแล้วค่ะ”
เกนหลงพูดแล้วก็เหมือนจะร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลย้อนกลับไปข้างใน เอื้อมองเกนหลงแล้วก็พยักหน้า
รับ ชื่นชมที่เห็นเกนหลงมีสติขึ้น
“ดี พี่เห็นด้วย งั้นเอาอย่างนี้ ถ้าอยากพัก พี่มีที่นึง เหมาะกับการพักผ่อนมาก”
เกนหลงถามด้วยสายตา “ที่ไหน?”
เอื้อยิ้มนิดๆ “ไม่บอก”
ที่ระเบียงริมน้ำโรงแรมปาร์คถูกจัดเป็นโต๊ะดินเนอร์เก๋ เขมชาติคุมการตกแต่งด้วยตัวเอง ในขณะที่
สุริยงที่เดินออกมาจากโรงแรมเปลี่ยนจากชุดทำงาน เป็นชุดลำลองสวยสง่า มาหยุดที่สวน แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่เห็น
“สวยจัง”
“ผมจัดให้คุณเป็นพิเศษ”
สุริยงยิ้มอย่างมีความสุข “ถูกใจมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
“นี่แค่เริ่มต้น ยังมีอะไรพิเศษๆ มากกว่านี้อีก” พลางขยับเก้าอี้ให้สุริยงนั่ง “เชิญครับ”
จากนั้นเขมชาติก็นั่งลงข้างๆ สุริยง ก่อนที่จะหันไปให้สัญญาณพนักงานให้เดินเข้ามาเริ่มเสิร์ฟ
เครื่องดื่ม สุริยงนั่งมองวิว มองบรรยากาศอย่างมีความสุข เขมชาติส่งแก้วให้ สุริยงรับมา
“สำหรับคืนสุดท้ายของเราสองคน”
สุริยงใจหายวาบนิดๆ แล้วก็ยิ้มรับ แล้วก็ยกแก้วขึ้นชนกับเขมชาติ
อีกด้านหนึ่ง เกนหลงกับเอื้อ กำลังนั่งชนแก้วกันอยู่ที่ผับเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ ชนเสร็จเกนหลงยกดื่มพรวดๆ
เอื้อตกใจ “ใจเย็นๆ เบาๆ”
เกนหลงดื่มที่เดียวหมดแก้วแล้ววาง เอื้อรีบเตือนสติ
“เคยมีคนบอกหรือเปล่า ดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่างจะเมาเร็ว”
“ใครบอกท้องว่างคะ ตอนนี้ความเครียดเต็มกระเพาะเลย” เกนหลงตอบกลับแบบกวนๆ
เอื้อยิ้มขำ
“แหม ยิงมุก ตลกได้แล้วนี่ แสดงว่าเกนหลงภาคปกติเริ่มจะกลับเข้าร่าง”
เกนหลงหัวเราะ
“ที่ผ่านมาสามวัน เป็นเกนหลงภาคพิสดารใช่มั้ยคะ”
เอื้อหัวเราะตามไม่ตอบ เกนหลงนิ่งคิด แล้วก็ตัดสินใจถามตรงๆ
“ถ้าพี่เอื้อเห็นคุณสุอยู่กับเขมจริงๆ ความรู้สึกที่พี่เอื้อมีกับคุณสุจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า?”
เอื้อที่กำลังจะยกแก้วขชึ้นดื่ม ถึงกับชะงัก พลางนิ่งคิด ก่อนที่จะพูดยิ้มๆ
“แล้วเราหล่ะ?”
“พี่เอื้อตอบก่อนสิ อย่าขี้โกง”
“รู้ทันอีกแหละ มันก็ต้องดูบริบทรอบข้าง แค่เห็นเขาอยู่ด้วยกัน มันยังบอกอะไรไม่ได้ พี่ก็เลยไม่รู้ว่า
มันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วพี่ควรจะรู้สึกยังไงต่อ”
“โห ตอบเหมือนให้สัมภาษณ์นักข่าวเลยนะคะ ไม่ฟันธง คนฟังไม่สะใจเลย พี่เอื้อคุมโทน ไม่ใจเลย”
เกนหลงเริ่มกึ่มๆ
เอื้อขำ พลางย้อนถาม “แล้วเราหล่ะ? จะรู้สึกยังไง ฟันธงได้หรือเปล่า?”
“ได้ค่ะ ถ้าเกนเห็นเขาอยู่ด้วยกัน หลักฐานคาตา เกนบอกได้เลยว่า “จบ” ปรัชญาในการใช้ชีวิตของ
เกนคือ มันต้อง “เจอ” มันต้อง “เจ็บ” แล้วมันก็ต้อง “จบ” แยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง ทุกข์ได้ แต่ไม่นาน”
เอื้อฟังแล้วก็มองเกนหลงด้วยความชื่นชม
“พี่รู้แล้วทำไมเกนถึงเป็นคนที่มีความสุข นี่ขนาดเมื่อกลางวันยังนั่งร้องไห้อยู่เลย ตอนเย็นกลับมา
เกือบจะเป็นปกติแล้ว”
“ชมใช่มั้ยคะ? หรือแอบด่าว่าอารมณ์แปรปรวน”
เอื้อหัวเราะ “ชม ดีแล้วที่เป็นคนแบบนี้ ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขไปด้วย”
เกนหลงยิ้มรับ เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วก็พาลคิดถึงเขมชาติ
“ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขไปด้วย เกนอยากรู้เหมือนกันนะคะ ตลอดเวลาที่เขมอยู่กับเกน เขาจะรู้สึก
แบบนี้หรือเปล่า”
เกนหลงเปรยด้วยความสงสัยจริงๆ ไม่ได้วี่แววความเศร้าเจือปน เอื้อมองแล้วก็สงสัยไปด้วย “นั่นสิ”
เขมชาติกับสุริยงนั่งอยู่ในมุมดินเน่อร์ ที่จัดแต่งไว้อย่างสวยงาม เขมชาติยิ้มอย่างมีความสุข
“ผมมีความสุขมาก อยากจะโดนคุณตบสักที จะได้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป”
สุริยง หัวเราะ พลางทำท่าจะลุก
“ก็ได้นะ เดี๋ยวจัดให้”
เขมชาติรีบห้าม
“ไม่เป็นไร ผมลองหยิกตัวเองแล้ว มันก็เจ็บๆอยู่”
จากนั้นเขมชาติก็ยื่นกระดาษสีหวาน เป็นเมนูพิเศษ เขียนด้วยลายมือเก๋ๆ มีภาพดอกไม้วาดประกอบ
“นี่ครับรายการอาหารของเรา ผมสั่งให้ทางโรงแรมจัดให้พิเศษ ทุกเมนูผมเป็นคนคิดเอง เลือกจากสิ่งที่
คุณชอบ และความหมายของมัน คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ”
สุริยงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจแล้วก็รับมาอ่าน
“ซุปอัลมอนด์กุ้ง?เนี่ยนะ?”
เขมชาติรีบอธิบาย
“ในคัมภรีย์ไบเบิ้ลจะมีการใช้สัญลักษณ์แทนสิ่งต่างๆ และ “ต้นอัลมอนด์” ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ
“คำสัญญา” ผมสัญญาว่า จะเก็บเรื่องราวระหว่างเราเป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป”
น้ำเสียงของเขมชาติจริงใจ สุริยงคลายปมระหว่างคิ้ว เริ่มเข้าใจ พลางมองหน้าเขมชาติและเห็นถึง
ความรู้สึกนั้นในแววตาและคำพูด ความรู้สึกเหมือนมีก้อนอารมณ์บางอย่างมาจุกอยู่ที่หน้าอก จากนั้นก็เบนสายตาก้ม
ลงอ่านเมนูต่อไปด้วยความอยากรู้
“ธอนเลส โรส สลัด (Thornless Rose Salad)?”
“สลัดกุหลาบไร้หนาม”
สุริยงเงยหน้ามาฟังอย่างสนใจ
“เป็นน้ำสลัดพิเศษมีส่วนผสมของน้ำกุหลาบคั้นสด ความหมายของ กุหลาบไร้หนาม คือ รักแรกพบ
Love at first sight เหมือนความรักของเราที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมเจอคุณ”
สุริยงจุกวาบขึ้นมาในใจ ความทรงจำเริ่มหวนกลับมาในสมองเป็นชุดๆ หญิงสาวเริ่มน้ำตาซึม แล้วก็
ก้มหน้าอ่านเมนูต่อไป
“โคลฟ เทล (Clove Tale)?”
“ตำนานกานพลู จริงๆ ต้องเรียกว่า “อบนานกานพลู” เป็นหมูสันนอกอบกับกานพลูและเครื่องเทศ
อื่นๆอีกเกือบสิบอย่าง อบนานจนเนื้อนุ่ม กานพลูเป็นพืชพื้นเมืองของอินโดนีเซีย มีความหมายแฝงคือความรักอัน
เป็นนิรันดร์”
สุริยงค่อยๆหุบยิ้ม และตั้งใจฟัง ด้วยความตื้นตันในความละเอียดอ่อนของเขมชาติ
“และสุดท้าย เมนูของหวาน เป็นขนมเค้กที่ตกแต่งเป็นรูปดอก “แอสเตอร์” (Aster) หมายถึง ผมจะ
คิดถึงคุณ”
พูดถึงตรงนี้ดวงตาของเขมชาติก็เริ่มแดง
“ถึงเราจะไม่ได้เจอกันอีก แต่คุณจะยังคงอยู่ในใจผมเสมอ”
ส่วนสุริยงนั้น ถึงกับน้ำตาคลอ
“และทั้งหมดที่ผมพูดมา คือ สิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ”
สุริยงสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ความจริงใจ ที่เขมชาติทำให้เธอ
และในเสี้ยววินาทีนั้น เธอตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปหาเขมชาติ พลางกอดเขาไว้ด้วยความรู้สึกที่ดี
เป็นอ้อมกอดแห่งมิตรภาพที่สวยงาม
“ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ”
เขมชาติรับกอดนั้นและกอดตอบด้วยความรู้สึกดีๆเช่นกัน
ณ ตอนนี้กำแพงแห่งทิฐิของสุริยงได้ถูกพังทะลายไปจนหมดสิ้น
จบตอนที่ 17