xs
xsm
sm
md
lg

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 17

จีรณะและโสภิต ถูกผลักถลาเข้ามากลางลานหน้ากระท่อมริมน้ำ สองคนล้มระเนระนาดไปคนละทาง

พีรพงษ์พยักหน้าให้สัญญาณสมุน ลูกน้อง 4 คน กระชากโสภิตกับจีรณะแยกไปคนละทาง จีรณะผวาตัวจะมาช่วยโสภิต แต่ถูกปืนมาจ่อหัวขู่ไว้ โสภิตถูกผลักไปล้มตรงหน้าพีรพงษ์
ลูกน้องตรงเข้ามามัดมือทั้งจีรณะและโสภิต โดยพีรพงษ์ค้นตัวโสภิตจนที่สุดได้มือถือออกมา เขากดไล่ดูเห็นภาพที่โสภิตแอบถ่ายก่อนหน้านี้
พีรพงษ์แกะซิมออกหักทิ้ง แล้วขว้างโทรศัพท์แตกกระจาย พลางช้อนคางโสภิตขึ้นมาประจันหน้า
“เก่งนักนะเรา หลอกฉันมาได้ตั้งหลายวัน แต่จะเก่งยังไง ก็ไม่เก่งไปกว่าฉันหรอก”
โสภิตทั้งโกรธทั้งแค้น “แกหลอกพวกเรา ให้ทำงานผิดกฎหมาย”
พีรพงษ์หัวเราะเยาะ “แล้วถ้าพวกแกไม่โลภ มันจะติดกับมั้ยเล่า ธุรกิจลงทุนน้อยๆ กำไรมหาศาลมันมีอยู่ในโลกด้วยหรือยอมรับมาเถอะ ว่าพวกแกรู้ แต่หลอกตัวเองมากกว่า ฮ่า ฮ่า”
โสภิตเถียงไม่ออก “แต่ความชั่วของแก มันกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว”
พีรพงษ์หัวเราะร่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าหมายถึงหลักฐานในมือไอ้ยศหละก็ หลักฐานพวกนั้นตามมันไปอยู่ในนรกแล้ว”
โสภิตแค้นสุดขีดถลาเข้าหาพีรพงษ์ “แก แกฆ่าพี่ยศ”
พีรพงษ์ตาวาวตบเปรี้ยงแล้วผลักโสภิตออกไป จีรณะถลาเข้าหาโสภิต
“อย่าแตะต้องเมียของฉัน”
พีรพงษ์ชะงัก ลูกน้องเข้ามาลากจีรณะออกไป พีรพงษ์มองจีรณะ เดินไปหา
“ยอมรับมาแล้วสินะว่าแกเป็นผัวเมียกัน เออ ฉันไม่เมตตาแกให้ตกตายไปทั้งคู่ เพื่อไปครองรักกันในนรกหรือสวรรคหรอก”
พีรพงษ์หันไปทางจีรณะ “แกไอ้จี ฉันยอมรับ ว่าไม่เคยเจอใครอย่างแก เสียดายแกมันเสือก ชอบขวางทางตีนชาวบ้านเค้าไปซะหมดคนดีๆอย่างแก มันควรอยู่บนสวรรค์”
พีรพงษ์เดินไปกระชากไหล่โสภิตขึ้นมา “ส่วนเธอ ใช้เรือนร่างแกสร้างสวรรค์ให้ฉันกับลูกน้องก่อนแล้วกัน แล้วค่อยตกนรกไปทีละน้อยๆ ฮ่า ฮ่า”
จีรณะแค้นรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี โถมใส่พีรพงษ์จนล้ม พวกลูกน้องช่วยกันเตะถีบจีรณะจนสะบักสะบอมตัวงอไปมา โสภิตถลาตัวลงปกป้องจีรณะ แต่ถูกตบกระเด็นไปด้วย
จีรณะพลิกตัวขึ้นบังโสภิต ลูกน้องรุมเตะจีรณะจนเขาแน่นิ่งไป

ที่ด้านนอกของกระท่อม ชีพถือปืนออกมายืนมองไปมาท่าทีระแวดระวัง สักครู่ต่อมาสมุน 1 ชื่อ นิกร วิ่งเลิกลั่กเข้ามามองหันกลับไปยิงปืนไกลๆ
นิกรตะโกนบอกชีพ เสียงดังลั่น “ตำรวจๆ พวกตำรวจกับป่าไม้แห่กันมาบานเลยพี่”
เหล่าสมุนที่อยู่ตามมุมโน้นมุมนี้โผล่กันออกมาตามต้นไม้ วิ่งหลบให้วุ่น
หมู่ทอง ป่าไม้พจน์ และกำลังตำรวจท้องที่ผสมกับกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โผล่ออกมากันตามชายป่า ดวลปืนกัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม่หยุดหย่อน
ชีพพุ่งเข้าหลบที่รถขนไม้ที่จอดอยู่ริมท่าน้ำไม่ไกลจากกระท่อมกับบรรดาลูกน้อง

พีรพงษ์แหวกข้างฝาดูเหตุการณ์ เห็นหมู่ทอง กับพจน์รุกคืบเข้ามา พีรพงษ์ยิงออกไป 2 นัด ตำรวจยิงสวนเข้ามา ลูกปืนทะลุข้างฝา 3-4 นัด เข้ามาโดน หม้อ จาน ชามแตกกระจาย
จังหวะนี้จีรณะโอบโสภิตเต็มอ้อมกอด พากันพุ่งออกหน้าต่างทะลุกระท่อมออกไป
พีรพงษ์ยิงไปพูดไป “พวกแก มาบังลูกปืนให้ชั้น อ้าว เฮ้ย”
จอมวายร้ายหันมาเห็นจีรณะกับโสภิต หลุดจากกระท่อมไปพอดี
พีรพงษ์คลานไปที่ประตูกระท่อม โผล่ออกไปยิงสู้ คืบคลานออกไป จนไปหลบที่รถบรรทุกไม้กับชีพและสมุนอีกจำนวน
พจน์กดปุ่มโทรโข่ง เสียงหวีดหวิว เหล่าเจ้าหน้าที่หยุดยิง พจน์ส่งโทรโข่งให้หมู่ทอง
“นายพงษ์ นายชีพกับพวก วางอาวุธ มอบตัวเดี๋ยวนี้”
พีรพงษ์ กับชีพ สบตากัน ชีพออกไอเดีย
“ไปที่ ท่าน้ำให้ได้ มีเรือเร็ว เอาไอ้จีกับอีภิตเป็นตัวประกันเรารอดแน่”
“พวกมันหนีไปแล้ว”
ชีพตกใจ เอาปืนเคาะหัวเซ็งสุดๆ เหลียวมองเหล่าสมุนแล้วตะโกนก้องอย่างบ้าดีเดือด
“สู้ตายโว้ย
เหล่าสมุนยิงใส่พวกเจ้าหน้าที่ หมู่ทอง พจน์ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยิงสวนเล็งเป้าอย่างบรรจง โดนเหล่าสมุนร่วงไปทีละคนสองคน ส่วน ตำรวจ ป่าไม้ โดนเฉี่ยวบ้าง ถากบ้าง

พบว่าสมุนพีรพงษ์ตาย 3 เจ็บอีก 2 ร้องโอดโอยไปมา ยกมือยอมมอบตัวอีก 2

เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเหล่าสมุนตามจุดต่างๆ ดูแลคนเจ็บฝ่ายตัวเองอีก 3-4 คน

หมู่ทอง พจน์ กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ระแวดระวังเล็งปืนที่รถขนไม้ ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
“เผ่นเร็วคุณพงษ์”
ชีพกับสมุน1 วิ่งไปที่ท่าน้ำ พร้อมยิงเบิกทางไปก่อน
พีรพงษ์เห็นปืนอาก้าพิงรถอยู่ รีบหยิบเพื่อเล็งใส่ หมู่ทอง กะ พจน์ ที่คืบคลานเข้ามา
ลูกปืนโดนพื้นกระจุย และพุ่งเข้าใส่พจน์ ที่หมอบหลบลูกปืนชีพอยู่
จีรณะโผล่พรวดออกมากู้สถานการณ์ พุ่งเข้ารวบตัวพีรพงษ์ ล้มลงกับพื้น ปล้ำกันไปมา
ชีพกับสมุน 1 วิ่งถึงท่าเรือ เตรียมแก้เชือกเรือเร็ว เสียงพจน์ดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้”
สมุน 1 หันมาเล็งปืน ถูกตชด. ยิง สมุน 1 ฟุบกับพื้นแน่นิ่ง พจน์เล็งปืนวิ่งเข้าหาชีพ
“คุกเข่ากับพื้น ยกมือขึ้น”
ชีพทำเป็นชูสองมือย่อเข่าลง แล้วฉวยจังหวะพุ่งกระโดดลงน้ำ ดังตูม ร่างของมันมุดจมน้ำหายไปต่อหน้า
พจน์สอดตามองหาอย่างระแวดระวัง เตะปืนจากมือสมุน 1 เห็นตายแน่ๆ หันไปเล็งปืนส่ายตาหาชีพในน้ำ แต่ไม่เจอ

ด้านจีรณะบีบคอพีรพงษ์ที่นอนอยู่กับพื้น วาบร้ายดิ้นตาเหลือก หมู่ทองเข้ามาเก็บปืนที่พีรพงษ์ใช้กราดยิง
หมู่ทองเข้ามาห้าม จีรณะลุก
“พอแล้วคุณจี เดี๋ยวมันตาย”
พีรพงษ์นอนกุมคอ ไอแคกๆ จีรณะตะโกนเรียก “คุณภิต คุณภิต”
โสภิตภิตโผล่ออกมาจากข้างกระท่อม สองคนโผเข้ากอดกันอย่างเต็มรัก

หมู่ทอง สับกุญแจมือใส่พีรพงษ์ดังแกร๊ก
พจน์ดูแลตำรวจกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่โดนลูกปืนเฉี่ยว
เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ช่วยกันหามศพมา 3 ศพ และคนเจ็บเป็นสมุนพีรพงษ์ที่ร้องโอดโอยมาอีก 2 คน เจ้าหน้าที่มูลนิธิพันแผลให้ บ้างโดนยิงที่ โคนขา ไหล่
มีนักข่าวสายอาชญากรรม ถ่ายเก็บภาพเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวทีวีรายงานชี้ พร้อมกับอธิบาย “ผลงานชิ้นโบว์แดงของเจ้าหน้าที่ต.ช.ด.กับป่าไม้วันนี้เราได้ไม้พะยูง นับร้อยท่อน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ได้ตัวผู้ต้องหาคนสำคัญ คือนายพีรพงษ์ ทายาทนักการเมืองคนดัง”
ตากล้องเดินไปถ่ายพีรพงษ์ ถูกพีรพงษ์โวยวาย ตากล้องเดินตามถ่ายที่พีรพงษ์อธิบาย
“เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวครับ ไม้พะยูงพวกนี้เป็นของแม่เลี้ยงอมรา” จอมวายร้ายชี้มือไปใส่ร้ายอัปสรโสภิต “นั่นครับอัปสรโสภิต ลูกสาวแม่เลี้ยง เป็นนางนกต่อใช้เสน่ห์หลอกล่อผมให้มาทำงานให้ เรื่องนี้ไม่ปกติแน่ๆครับ”
โสภิตโต้ลั่น “ไม่จริง คุณต่างหากที่หลอกพี่ชายชั้น แม่ชั้น”
จีรณะกอดโสภิตแนบอก เอาตัวเองบังกล้อง
พีรพงษ์พ่นต่อ ชี้ไปที่จีรณะ
“คนนั้นจีรณะลูกเขยแม่เลี้ยง เป็นผัวลูกสาวคนโต แต่มาเล่นชู้กับโสภิตน้องสาวเมีย ร่วมกันวางแผนขนไม้เถื่อนพวกนี้ครับ”
“ไอ้โกหก”
จีรณะกระโดดเข้าต่อยพีรพงษ์เปรี้ยง หมู่ทองดึงจีรณะเอาไว้ สภาพทุลักทุเล

เหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อคืน ปรากฏเป็นภาพข่าวในจอโทรทัศน์ในร้านหนานเทือง ในตอนเช้าวันนี้ บรรดาหมู่มวลนั่งดูข่าวกัน จบข่าวเป็นโฆษณา บุญมีโมโหพีรพงษ์ ฮึดฮัดเป็นการใหญ่
“ไอ้วอก ไอ้ขี้จุ๊ คนอย่างคุณจี ไม่มีทางทำเรื่องผิดกฎหมาย เสียดายตามไปไม่ถึงโกดัง ไม่งั้นจะอัดมันให้น่วม”
หนานเทืองสงสารจีรณะ “คุณจีนี่กรรมเก่าคงจะเยอะ ทำคุณบูชาโทษตลอดต้องถือศีลกินเจถึงจะดี”
บัวหอมเสริม “แล้วนี่เห็นกันชัดๆ ว่ารวบหัวรวบหางทั้งพี่ทั้งน้องมันไม่ถูกทำนองครองธรรรมนะหนานเทือง”
“แต่จีมันบอกชั้นว่า เมียมันคือคนน้อง คนพี่ไม่ใช่” บุญมีว่า
สายพิณแทรกขึ้น “อะไรก็ไม่เท่าที่จิตราน้องสาวคุณจีหนีงานแต่งไปอยู่กับนายยศหรอก แถมเรียกให้ผู้กองไปช่วยอีก เฮาละงง”
“แต่ตอนนี้ ชั้นสนใจเรื่องไม้พะยูงมากกว่า อยากรู้ ไอ้ที่เค้าว่า คุกมันมีเอาไว้ขังแต่คนจนมันจะจริงมั้ย” บุญมีบ่น
หมู่ทองเข้ามาทันได้ยินพอดี หมู่มวลตั้งใจฟัง
“ก็จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง คุณจี คุณภิต ยังอยู่โรงพัก นายพงษ์ได้ปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว นายยศอาการสาหัส ถูกอายัดตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ที่หลักฐานมัดตัวแน่ๆ คือแม่เลี้ยงอมรา ประธานบริษัทขายไม้เถื่อน”
บุญมีบอกอย่างสะใจนัก

“งานนี้ นังแม่มดอมราก็รอดยากน่ะซิ”

เวลาเดียวกันกาบขับรถเข้ามาจอดหน้าเรือนใหญ่ในคุ้ม เส่งรีบเปิดประตูให้แม่เลี้ยงลง กาบขนกระเป๋าหลังรถ แม่เลี้ยงอมราถือซองใส่เงินสด 5 ล้านบาท ที่ไปทวงมาจากลูกหนี้ กอดแนบอก เดินจะเข้าเรือน

พิมพร พวง และบ็อบบี้ ออกมารับหน้าเครียด บ็อบบี้ไหว้ยาย แม่เลี้ยงยิ้มแฉ่งเอาซองเงินตีหัวบ็อบบี้เบาๆ 2 ที
“เฮงๆ หลานยาย ในซองนี้มีเงินห้าล้านเป็นเงินสดๆ เห็นมั้ยต้องให้ชั้นลงมือทวงหนี้เองถึงจะได้ หมอดูบอกว่าดวงชั้นเหมือนดวงดาวที่ถูกเมฆหมอก บดบังมานานปี ที่นี้ละ ดวงจะเหมือนดาวฤกษ์ที่ส่งแสงวิบๆ เลย”
พิมพรขัดขึ้น “แม่ไม่ได้ดูข่าวบ้างเลยหรือคะ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างที่นี่”
แม่เลี้ยงไม่ใส่ใจ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ดูทำไมข่าว ชั้นไปเฝ้าลูกหนี้ ได้เงินก็ขึ้นรถกลับบ้าน มีอะไรไม่ทราบยะ”
พวงมองไปทางประตู ชี้หน้าตาตื่น “มาโน่นแล้วเจ้า แว้บๆ เข้ามาเลย”
แม่เลี้ยงหันหน้าไปดู มีรถสายตรวจเปิดไฟวิ่งเข้ามาจอดหน้าเรือน ตำรวจลงรถ พบว่าเป็นสารวัตรนำทีมเดินเข้ามาหา ก่อนจะทำวันทยาหัตถ์
“เชิญแม่เลี้ยงไปโรงพักครับ”
แม่เลี้ยงตกใจตาโต

ขณะเดียวกันที่โรงพักสภอ.ทุ่งทอง หมู่ทอง กะ ดาบม้วน นั่งมองจีรณะกับเกียรติก้อง เห็นจีรณะชะเง้อชะแง้ไปทางห้องสอบสวน ที่โสภิตให้ปากคำอยู่ในนั้น และเริ่มหงุดหงิด
“ทำไมนานขนาดนี้วะ ก็ภิตเค้าเป็นคนวางแผนให้จับกุมด้วยตัวเอง หรือว่าสารวัตรเค้าไม่เชื่อ”
จีรณะขยับจะลุก “ชั้นไปช่วยพูดดีกว่า”
ดาบม้วนจับแขนไว้ “ใจเย็นๆ ครับคุณจี ขั้นตอนการสอบสวนมันละเอียด”
แม่เลี้ยงอมราถูกคุมตัวเดินเข้ามาพร้อมกับร้อยเวร พอเห็นจีรณะ ก็แค้นเข้าไปผลักจีรณะกระเด็นไป พร้อมกับชี้หน้าด่า
“ไอ้จี เรื่องนี้ฝีมือแกใช่มั้ย แกสร้างเรื่อง สร้างหลักฐานใส่ร้ายชั้น ทำลายชั้น แกใช้ยัยภิตเป็นเครื่องมือไม่ใช่ลูกผู้ชาย แก...แก”
แม่เลี้ยงอาละวาด เข้าไปตบตีหยิกข่วน จีรณะยืนเฉย หมู่ทองทนไม่ไหวเข้าดึงแม่เลี้ยงออก
แต่แม่เลี้ยงไม่หยุด
หมู่ทองขึ้นเสียง “แม่เลี้ยงครับ สถานที่ราชการ ขอทีเถอะนะ”
แม่เลี้ยงสะบัดแขนจากจีรณะ แล้วศอกเข้าหน้าหมู่ทองกระเด็นไปแทน
โสภิตเข้ามาหน้าเครียด แม่เลี้ยงเข้าไปเกาะแขนลูกถามเร็วปรื๋อ
“ชี้แจงให้เค้าเข้าใจแล้วใช่มั้ยลูก ว่าเราไม่เกี่ยว ไอ้จีกับพวกมันสร้างหลักฐานเท็จ มันเข้าเป็นผัวกำมะลอของยัยพิม เพื่อทำลายพวกเรา”
โสภิตอธิบาย “แม่คะ นายพงษ์เป็นคนหลอกแม่ตั้งบริษัทขายไม้เถื่อน พี่ยศก็โดนด้วย แม่เป็นประธาน พี่ยศเป็นกรรมการผู้จัดการ ส่วนนายพงษ์ไม่มีชื่อเกี่ยวข้องอะไรเลย เค้ากันตัวเองไว้หมด”
แม่เลี้ยงไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เราขายไม้น็อกดาวธรรมดา”
ดาบม้วนเดินเข้ามาใกล้ “เงียบก่อนครับ กรุณาดูอะไรนี่”
ว่าพลางดาบม้วนเอารีโมทกดไปที่โทรทัศน์ข้างฝา ในจอกำลังออกอากาศ ทีวีท้องถิ่นเสนอข่าวด่วน เป็นภาพ
คุณวุฒิ และพีรพงษ์นั่งแถลงข่าวคู่กัน
“นายพงษ์ลูกผม เค้ารักคุณโสภิตลูกสาวแม่เลี้ยง แต่เค้าไม่รู้ว่าถูกหลอกให้เข้าไปพัวพันกับธุรกิจเถื่อน ส่งไม้พะยูงออกนอก” พีรพงษ์ทำหน้ากลั้นน้ำตา เสียใจ ท้อแท้กับชีวิตสุดประมาณ
คุณวุฒิหันมาทางลูกชายชั่วตอแหลต่อ
“ดูสิครับ ลูกชายผม เค้าเสียใจแค่ไหน ไม่น่าเชื่อว่าเราจะต้องมาเกี่ยวข้องกับอาชญากรอย่างแม่เลี้ยงอมรา ดีแล้วที่สอบตกเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้น วงการการเมืองบ้านเรา จะต้องสกปรกเพราะคนอย่างนี้”
คุณวุฒิลุกไปโอบกอดพีรพงษ์ โชว์ภาพพ่อลูกแสนดี ภาพข่าวตัดไปกลายเป็นโฆษณา
ความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่าตนถูกหลอก แม่เลี้ยงอมรากรี๊ด ขยับจะไป “อ๊าย ไอ้คุณวุฒิ ไอ้หน้าไหว้หลังหลอก มันกล้าใส่ร้ายชั้น ไปภิต ไปลุยกับมัน”
สารวัตรเดินเข้ามาหาหน้าเครียด “แม่เลี้ยงไปไหนไม่ได้ครับ”
แม่เลี้ยงหงุดกึก งง “ไปไหนไม่ได้ หมายความว่ายังไง”
“คดีนี้เป็นคดีใหญ่ มีผู้เสียชีวิต ท่านผู้การไม่อนุญาตให้ประกันตัว ผมเสียใจด้วยครับ” แม่เลี้ยงตกใจสุดขีด เริ่มวิตกจริต “แล้ว...แล้ว จะให้ชั้นนอนที่ไหน ไม่ให้ประกันตัว”
ดาบม้วนบอก “ห้องขังครับ”
สารวัตรเอ่ยขึ้นอีก “เชิญให้ปากคำที่ห้องผมก่อน เชิญครับ”
แม่เลี้ยงอมราเลิ่กลัก จะเป็นลมให้ได้ ดาบม้วนกับหมู่ทองเข้าประคองแขน พาเดินตามสารวัตรไป ขณะเดินไป แม่เลี้ยงเหลียวมามองโสภิตตาละห้อย
“ภิต ช่วยแม่ด้วย”

โสภิตไม่รู้จะทำไงเช่นกัน ได้แต่มองตามแม่อย่างเป็นห่วง


อ่านต่อหน้า 2

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 17 (ต่อ)

ไม่นานหลังจากนั้น สองคนกลับมาที่คุ้ม จีรณะจับข้อศอกประคองโสภิตเข้ามาในห้องโถง พิมพร และพวง ลุกพรึบ

“แม่เลี้ยงล่ะเจ้า ทำไมไม่ปิ๊กคุ้มมาพร้อมกับคุณภิต” พวงถามอย่างร้อนใจ
“แม่ถูกขังอยู่โรงพัก อีกสองวันภิตถึงจะขอยื่นประกันตอนขึ้นศาลอีกที” โสภิตบอก
พวงทรุดนั่ง รำพึงรำพัน “แม่เลี้ยงถูกขังติดตาราง พวงจะอยู่ได้ยังไง”
พิมพรบอกหน้าตาเฉย จงใจประชดโสภิต
“ป้าพวงจะเศร้าไปทำไม แม่ลูกคู่นี้ เค้าก็โฉดพอๆ กัน สมควรแล้ว ที่จะติดคุกติดตารางซะบ้างจะได้เข็ด ออกเงินกู้นอกระบบยังไม่พอ คิดจะขายไม้เถื่อนอีก”
โสภิตโกรธ “พี่พิมพูดถึงแม่อย่างนี้ได้ยังไง แม่ถูกนายพงษ์ใส่ร้ายหักหลัง ถึงได้เป็นอย่างนี้”
พิมพรเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณจีไปยุ่งอะไรกับเค้าได้ยังไงคะ รู้ๆ อยู่ว่ายัยภิตกับคุณพงษ์เค้าไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ขึ้นเตียงกันรึยังก็ไม่รู้”
จีรณะโกรธแทน “มันจะมากไปแล้วคุณพิม คุณเป็นอะไรของคุณ อยู่ดีๆ มาพูดถึงน้องสาวตัวเองแบบนี้”
พิมพรโต้ด้วยความหึงหวง “ก็ชั้นเป็นเมียคุณน่ะสิ ชั้นรู้มันจะให้แม่ติดคุกแทนมันแล้วก็ไปเสวยสุขกับคุณ”
“คุณนี่มันไม่มีเหตุผล คุณภิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับเรื่องนี้เพื่อหาหลักฐานฉีกหน้ากากไอ้พงษ์ ช่วยแม่เลี้ยงกับนายยศให้พ้นความผิด รู้เอาไว้ด้วย”
พิมพรทั้งโกรธทั้งง “แล้วนี่คุณออกหน้ามาเถียงแทนมันทำไม”
“เพราะผมรักคุณโสภิต” จีรณะบอกเสียงเข้ม
โสภิตปราม “คุณจี”
พิมพรไม่อาจยอมรับได้ “แต่ตอนนี้คุณเป็นสามีของพิม แม่จ้างคุณมาอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นคุณรักใครไม่ได้นอกจากชั้น”
จีรณะจ้องหน้าพิมพร โต้ไม่ไว้หน้า “ผมยังไม่เคยรับเงินจากแม่เลี้ยงเลยซักบาท คงจะเหมาว่าผมเป็นลูกจ้างแม่คุณไม่ได้”
โสภิตปราม ตัดบท “พอเถอะค่ะ คุณจี”
“ให้ผมพูดเถอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจผิดพลาดที่สุด ทำให้เกิดผลเลวร้ายตามมา ผมรู้แล้วว่า ถ้าอยากทำสิ่งที่ถูกแต่ผิดวิธีการ มันไม่เวิร์ค ต่อไปนี้ผมจะทำสิ่งที่ถูก ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและมีสติ ผมเชื่อว่าผลลัพธ์มันต้องเป็นบวกแน่นอน”
พิมพรเสียหน้า โกรธสุดขีด “งั้นคุณก็ออกไปจากบ้านชั้น ออกไป”
“ผมตั้งใจจะไปอยู่แล้ว...ส่วนทะเบียนสมรส ผมยินดีเซ็นหย่าให้ทันที คุณภิต เดี๋ยวผมขอไปเก็บของ แล้วเราไปเยี่ยมคุณยศด้วยกัน”
จีรณะเดินไปทางหลังบ้านเพื่อเก็บของทันที พิมพรกำมือแน่น พวงฟังสองคนถียงกันทำอะไรไม่ถูก
พิมพรหันมาจ้องโสภิตด้วยความแค้นใจก่อนจะสะบัดหน้าเดินปังๆ ออกไป
“โธ่ นี่คุ้มเราทำไมมีแต่เรื่องร้อนจะอี้ เออ จริงซิ แล้วคุณยศเป็นอะไรมากมั้ยคะ”
พวงครวญที่ทุกอย่างวุ่นวายเลวร้ายไปหมด
โสภิตได้แต่ถอนใจ

ยศนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้น ทั้งตัวมีสายออกซิเจน เลือด น้ำเกลือ ระโยงรยางค์ เพิ่งผ่าตัดเสร็จ
จิตรานั่งเฝ้าข้างเตียง กุมมือยศอีกข้างเอาไว้ มองยศอย่างสงสาร
มีสายตาคู่หนึ่งมองดูจากช่องประตู เป็นเกียรติก้องนั่นเองแอบมองเข้ามา สีหน้าเจ็บปวดใจเป็นที่สุด
จิตราเหลือบมองมาเห็น เกียรติก้องหลบวูบแล้วหนีไป

จิตราอึ้ง เอามือออกจากมือยศ เดินไปที่ประตู

พอจิตราเปิดประตูออกมาไม่พบเกียรติก้อง เจอจีรณะและโสภิต ที่เดินเข้ามาพร้อมกับพวง

“อาการพี่ยศเป็นยังไงบ้างคะ”
จิตราอ้ำอึ้ง “ยังไม่รู้หรอกค่ะ กระสุนปืนถากกระดูกสันหลัง แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ต้องเฝ้าดูอาการหลังจากฟื้นแล้วค่ะ”
“คุณยศ ทำไมเคราะห์ร้ายอย่างนี้” พวงครวญ สลดใจเหลือเกิน
โสภิตประคองพวงไปนั่ง
จิตราพูดเบาๆ กับจีรณะ “เมื่อกี้ จิตเห็นพี่ก้อง พี่ก้องคงจะโกรธจิตมาก”
“เป็นใครโดนแบบมัน เจ้าสาวหนีงานแต่ง ก็ต้องโกรธด้วยกันทุกคนนั่นแหละ พี่เองยังโกรธแทนมันเลย จิตน่าจะบอกพี่บอกมันเรื่องนายยศ ไม่ใช่แอบหนีไป ดีนะที่ปลอดภัยทั้งคู่”
“ตอนนั้น จิตคิดว่าถ้าบอกพี่จีคงไม่ช่วยเพราะพี่เกลียดพี่ยศ จิตผิดเอง”
“เอาเถอะ ไหนไหนมันก็เป็นไปแล้ว จิตก็รู้ก้องมันรักจิตมาก ตอนนี้อยู่ที่จิตคนเดียว ว่าจะเอายังไง” พูดถึงตอนนี้จีรณะบีบไหล่น้องสาวเป็นเชิงปลุกปลอบ “คิดดีๆ ก็แล้วกัน”
จิตราเครียดหนัก

สองหนุ่มนั่งจิบกาแฟตรงโต๊ะหน้าบ้าน ต่างคนต่างอ้ำอึ้งกันอยู่นาน จนจีรณะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“ขอโทษแทนน้องสาวชั้นด้วย”
“จิตเค้าไม่ได้ผิดอะไร ชั้นเองต่างหากที่เห็นแก่ตัว เข้าข้างตัวเอง ไปกดดันจิตเค้า” เกียรติก้องปลงตกแล้ว
“พูดอย่างกับว่าแกทำใจได้แล้ว”
“ไม่ใช่ทำใจ แต่จำใจมากกว่า อย่างน้อย ก็ได้รู้ซักทีว่าจิตเค้ารักใคร เจ็บมาก แต่ไม่แค้นเท่ากับวันนี้ ที่ไอ้พงษ์มันรอดเงื้อมือกฎหมายไปได้”
“โคตรพระเอกเลย ภารกิจสำคัญกว่าความรัก” จีรณะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย เลยแซวเพื่อเอา
“สนใจเรื่องของตัวเองดีกว่าคุณจีรณะ ปัญหาของแกกับคุณโสภิตจะแก้ไขยังไง ไหนจะเรื่องแม่ พี่น้องเค้าอีก”
เจอเพื่อนแซวจี้ใจเข้าจีรณะถึงกับอึ้ง

เช้าวันนี้ โสภิตเข้าห้องพี่ชายมา ชูกล่องพลาสติก 3-4 ชั้น ให้ยศที่นอนแบบอยู่บนเตียงดูก่อนจะวางที่โต๊ะ
“ตื่นแล้วก็ดี ป้าพวงทำอาหารของโปรดของพี่ทั้งนั้นเลยจะกินเลยมั้ย ภิตจะป้อนให้”
ยศนั่งนิ่ง โสภิตหันไปมอง ยศกลอกตาไปมา
“ภิต พี่ขยับขาไม่ได้ ภิตคุยกับหมอรึยัง เค้าว่าอาการพี่เป็นยังไงบ้าง”
โสภิตชะงัก ได้แต่ปลอบ
“ก็เพิ่งผ่าตัดมาเมื่อวาน อย่าไปเกร็ง ไปขยับอะไร เดี๋ยวกระทบกระเทือนแผลที่หลัง”
ยศคิดแล้วแค้น “ไอ้พงษ์ ไอ้สารเลว ไอ้ชีพด้วย หมามันยังรู้บุญคุณเจ้าของ ไอ้พงษ์มันหลอกแม่ มันหลอกพวกเรา โอ้ยๆ...”
ยศพูดมากแถมฮึดฮัด จนกระเทือนแผล
“ทำใจให้สงบพี่ยศ พี่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าใครหลอกใคร ใครดีใครชั่ว ใครทำให้พี่ต้องเป้นอย่างนี้ ใครทำให้แม่ต้องติดตารางอยู่โรงพัก”
ยศตกใจสุดขีด “เดี๋ยว อะไรนะ แม่ถูกจับหรือภิต”
“ใช่ ภิตกำลังหาทางช่วยแม่อยู่ แต่หลักฐานก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว คิดดูนะพี่ยศ ถ้าแม่ต้องติดคุกจริงๆ แม่จะทนได้ยังไง”
ยศซึมไปถนัดตา ละอายสุดขีด

ด้านพวงยืนหิ้วปิ่นโตอยู่หน้าห้องขัง มองแม่เลี้ยงอมราตาละห้อย อีกมือถือกระเป๋าแบบเข็นได้ใบเล็กๆ บรรจุเสื้อผ้าราวกับจะไปปิคนิก
“น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ลู่ แกงฮังเล แคบหมูไร้มัน ข้าวนึ่ง” พวงบอก
“นังพวง แกจะให้ชั้นมาเปิดร้านอาหารเหนือในนี้หรืออีบ้า แล้วนี่ยัยภิตมันไปไหน เรื่องประกันตัวชั้นว่ายังไง”
แม่เลี้ยงหันไปถาม ขณะดาบม้วนเดินเข้ามาไขกุญแจเปิดห้องขัง
“ชั้นได้ประกันตัวแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
ดาบม้วนไม่ตอบกวักมือเรียก “มาๆ พวกป๊อกเด้ง เชิญ”
ผู้ต้องหาหญิงเดินเรียงกันเข้ามา แม่เลี้ยงเลิ่กลั่ก ดาบม้วนปิดห้องแม่เลี้ยงโวยวายลั่นห้องขัง
“อะไรเนี่ย ไม่เอานะ ชั้นไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า เอาไปขังที่อื่น”
“แม่เลี้ยงคร๊าบ นี่ไม่ใช่โรงแรมให้เลือกเตียงเดี่ยว เตียงคู่นะครับ มีแต่ขังรวม เพราะผู้ต้องหาหญิงมีห้องเดียว”
แม่เลี้ยงบ่นบ้าจบด้วยขู่ตามประสา “จำเอาไว้เลย ชั้นออกไปได้เมื่อไหร่ อย่ามาขอลดดอกลดต้นก็แล้วกัน”
ผู้ต้องหาจับกลุ่มกันซุบซิบ พยักพเยิดมาทางแม่เลี้ยงอมรา ทำเอาแม่เลี้ยงมองหวาดระแวง

พวงสลดหดหู่มองเจ้านายด้วยแววตาสงสารจับใจ

ทางด้านโสภิตนั่งโปรยอาหารให้ปลาตรงท่าน้ำในวัด จีรณะอยู่ใกล้ๆ

“เป็นสัจธรรมจริงๆนะคะ การมีทรัพย์สินเงินทอง หากไม่รู้จักพอก็ไม่ก่อให้เกิดความสุขใดๆได้ นี่ถ้าแม่รู้จักพอ ไม่โลภ ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้
“แม่เลี้ยงคงจะได้บทเรียนก็คราวนี้แหละครับ คุณอย่าคิดอะไรมาก คุณทำดีที่สุดแล้วคุณภิต อีกไม่นาน เราคงจะได้หลักฐานช่วยแม่เลี้ยงได้”
โสภิตอดเหน็บไม่ได้ “ประหลาดคน คุณเกลียดแม่ชั้นจะตาย แทนที่จะสะใจในเคราะห์กรรมของแม่ คุณกลับมาเห็นใจ หาทางช่วยเหลือ”
“ผมแยกแยะได้ คดีนี้แม่เลี้ยงไม่รู้เรื่อง ถูกนายพงษ์หลอกใช้ ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ผมว่าตามข้อเท็จจริง” จีรณะบอกท่าทีจริงจัง
โสภิตซึ้ง “ยังไงก็ต้องขอบคุณที่ช่วย”
“ขอบคุณทำไม แม่เลี้ยงเป็นแม่ยายผม โดยนิตินัยก็คุณพิม โดยพฤตินัยก็คือคุณ”
โสภิตหมั่นไส้มองค้อนขวับ

แม่เลี้ยงอมรานั่งพิงข้างฝาผนังมองลอดลูกกรงออกไป พอหันหลับมาเจอผู้ต้องหาหญิงวัยกลางคน 5 คน รุมจ้อง แม่เลี้ยงหน้าเจื่อนไม่กล้าสบตา
ผู้ต้องหาสุมหัวนินทากันเบาๆ
ผู้ต้องหา 1 เปิดฉากนำร่อง “ไอ้ชีพเคยขู่ จะตัดหูเฮา ขาดส่งดอกแค่สองงวด”
ผู้ต้องหา 2 เม้าท์ต่อ “ไอ้กาบตบลูกชายเฮา เด็กแปดขวบเอง”
ผู้ต้องหา 3 “ไอ้เส่ง พังบ้านเฮา จะข่มขืนในไร่เก็กฮวย
ทั้งสามมองแม่เลี้ยงด้วยสายตาอาฆาตแค้นน่ากลัวสุดๆ

แม่เลี้ยงอมรากลอกตาฟังไปมา หน้าเครียดจัด ดาบม้วนเข้ามา ไขห้องขัง ตำรวจ1 หิ้วถุงข้าว 5 ห่อ กับถุงดำใบใหญ่ พร้อมปิ่นโต กระเป๋าแม่เลี้ยงตามหลัง กระติกน้ำขนาดกลาง มีแก้วกระดาษติดมาด้วย ม้วนยื่นทั้งหมดให้
“นักกีฬาป็อกเด้ง รับอาหารเที่ยงกับเสื้อผ้า”
ผู้ต้องหา 3 เข้ามารับเอาไป
ดาบม้วนเอากระเป๋า ปิ่นโตไปวางให้แม่เลี้ยง “นี่ของแม่เลี้ยง คนที่คุ้มเอามาส่ง”
แม่เลี้ยงถามอีก “น้ำล่ะ น้ำดื่ม”
ตำรวจหิ้วกระติกไปวางไว้มุมห้อง ดาบม้วนชี้ไปที่กระติก
“น้ำเย็นผสมยาอุทัยทิพย์ เย็นเจี๊ยบ อภินันทนาการจากโรงพัก”
แม่เลี้ยงทำปากแหวะไม่มีเสียง ดาบม้วน และตำรวจออกไป ปิดห้องขัง

แม่เลี้ยงอมรายิ้มกระหยิ่ม กลืนน้ำลาย จัดปิ่นโตออกมาวางเรียงตรงหน้า หยิบข้าวนึ่งมาปั้นจะจิ้มน้ำพริกอ่อง จู่ๆ

อ่านต่อหน้า 3

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 17 (ต่อ)

บรรดาหมู่มวลขาพนันป๊อกเด้ง ทั้ง 5 ถือวิสาสะเข้ามาตักของในปิ่นโตไปกินหน้าตาเฉย

“อะไร ทำอะไรกัน นี่มันของของชั้นนะ” แม่เลี้ยงอมราโวย
ผู้ต้องหา 1 ไม่สนทำไม่ได้ยิน แม่เลี้ยงยื่นมือมาดึงคืน
ผู้ต้องหา 2 มองตาขวาง แม่เลี้ยงขยาด
ผู้ต้องหา 3 พูดใส่หน้า “ที่นี่ไม่มีคนจนคนรวย ไม่มีลูกหนี้เจ้าหนี้ ทุกคนเท่ากันของทุกอย่างเป็นส่วนรวมโว้ย”
ว่าพลางผู้ต้องหาทั้ง 3 คน โกยอาหารในปิ่นโตที่เหลือ คลุกรวมกันเหมือนอาหารหมา คว่ำใส่พื้นตรงหน้าแม่เลี้ยง
ผู้ต้องหา 2 บอก “นั่นมันส่วนแบ่งของแก”
แม่เลี้ยงอึ้ง ไม่กล้าหือ กินไม่ลง ผู้ต้องหาคนอื่นมองเยาะๆ

เวลาผ่านไป จากค่ำ เป็นดึกดื่น มองผ่านลูกกรงห้องขัง ดวงจันทร์บนท้องฟ้า เคลื่อนตัวผ่านไป เสียงนกฮูกร้องดังแว่วมาไกลๆ
ในห้องขังตอนนี้ มีเสียงกรนค่อยเบา สลับกันเป็นระยะ ห่างออกไปโต๊ะสิบเวรว่างเปล่า ไม่มีตำรวจคุม
แม่เลี้ยงอมรานอนตะแคงชิดลูกกรง ลืมตาโพลง ผู้ต้องหา 5 คน ล้วนเป็นหญิงวัยกลางคน นอนกรนกันอยู่ ถ่างแข้งถ่างขาเรียงกันเต็มห้อง ขาคนข้างๆ ฝ่าเท้าดำปี๋ข้ามเอวแม่เลี้ยงมาก่ายกอด แม่เลี้ยงเอามือหยิบแบบรังเกียจเบาๆ
แต่แล้วเท้าของผู้ต้องหาอีกคนก็ตวัดมาพาดไหล่ เฉียดหน้า แม่เลี้ยงผลักไปเต็มแรง ลุกโวยวาย
“แกแกล้งชั้น อีพวกถ่อย ไร้การศึกษา”
เสียงกรนก็หยุดพร้อมกันไปชั่วขณะ ทั้งห้องเงียบกริบ จู่ๆ ทั้ง 5 คน ที่นอนอยู่ลุกพรึบขึ้นมาพร้อมกัน แล้วทั้ง 5 ก็เข้ามารุมทำร้ายแม่เลี้ยง ทั้งจิกผม ตบตีพัลวัน แม่เลี้ยงสู้สุดชีวิต สักครู่เสียงนกหวีดดังนำมา ตำรวจเวรวิ่งมาเปิดไฟ
“ทำอะไรกัน”
ตำรวจมองเห็นผู้ต้องหาทั้ง 5 กลับไปนอนระเกะระกะ กรน เสียงดัง
แม่เลี้ยงฟ้องลั่น “ช่วยชั้นด้วย พวกมันรุมชั้น”
ตำรวจตะโกนเสียงดัง “ตื่นๆๆ”
ผู้ต้องหา1 หัวโจก ทำเป็นงัวเงียถาม “อะไรเหรอ คนจะหลับจะนอน”
“ใครไปทำร้ายแม่เลี้ยง”
“ไหน ใครทำ ไม่มี้ บ่ฮู้บ่หัน เฮ้ยพวกเรา ใครไปทำอะไรแม่เลี้ยงวะ” ผู้ต้องหา 1 ว่า
ทุกคนงัวเงียมาบอกว่าไม่ได้ทำ แม่เลี้ยงโต้เสียงดัง “พวกแกโกหก”
ผู้ต้องหา 1 บอก “ฝันหรือเปล่า ผิดที่ก็เงี้ย”
ทุกคนเออออไปตามๆ กัน
“งั้นก็นอนๆ ได้แล้ว”
ตำรวจบอกแล้วปิดไฟ แม่เลี้ยงโวยวาย “เดี๋ยวซิ ย้ายห้องให้ชั้นก่อน ชั้นไม่นอนกับนังพวกนี้ ได้ยินมั้ย”
ตำรวจเวรไม่สนใจไยดี แม่เลี้ยงอมรามองผู้ต้องหา 1 ที่ยิ้มเหี้ยมให้ แล้วขยับไปซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง ร้องไห้ไม่มีเสียง

สุดท้ายได้แต่ปาดน้ำตา ขมขื่นในชะตากรรมตัวเอง

ที่จวนผู้ว่า เช้าวันใหม่ ผู้ว่านิยมกำลังเก็บหนังสือจากห้องทำงานลงกล่องอยู่ คุณนายนลินีเข้ามาอาละวาด ที่สามีผู้ตงฉินตัดสินใจลาออก

“ชั้นไม่ยอมให้คุณลาออก ชั้นจะไปดึงใบลาออกออกมา คุณไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นทำผิดอะไรซักนิด”
ผู้ว่าหยุดเก็บของ หันมาตอบเมียหน้านิ่งๆ
“ความรับผิดชอบไงคุณ ถ้าคุณสะกดคำนี้เป็นก็รีบเก็บของซะตั้งแต่ตอนนี้ คุณจะเหลือเวลาอีกแค่ 2 วัน เพราะเราจะหมดสิทธิ์อาศัยอยู่ในบ้านหลวงนี้อีกแล้ว”
คุณนายปล่อยโฮ เดินร้องไห้ออกไป ผู้ว่าถอนใจ นิตยาค่อยๆ เดินเข้ามา ไหว้ขอโทษพ่อด้วยความเสียใจ และละอายใจ
“นิตกราบขอโทษค่ะ คุณพ่อ เพราะนิตคุณพ่อถึงต้องออกจากราชการ นิตเป็นลูกอกตัญญูจริงๆ”
“พ่อไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง ถ้าครอบครัวตัวเองยังทำให้สงบสุขไม่ได้ พ่อก็ไม่สมควรจะไปปกครองคนอื่น...เมื่อลูกคิดได้ก็ดีแล้วต่อไปอย่าทำอีก”
“ค่ะพ่อ นิตจะไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่เสียใจอีกแล้ว”
พ่อลูกกอดกันกลม

ขณะเดียวกันในห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาล จิตราปรับสายน้ำเกลือ เห็นยศหน้าเครียดอยู่ ตั้งข้อสังเกต
“จิต เวลาจิตทำความสะอาดเช็ดตัวให้พี่ ขาสองข้างเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนเป็นเหน็บ ชาๆ”
จิตราอึกอักแวบหนึ่ง “อ๋อ เอ่อ แผลมันใกล้เส้นประสาท ที่กระดูกสันหลัง ใหม่ๆ ก็อาการอย่างนี้แหละค่ะ แล้วจะค่อยๆ รู้สึกเอง มันต้องใช้เวลา”
ยศถามเสียงละห้อย “จิตจะไม่ทิ้งพี่ใช่มั้ย”
จิตราอึ้งไปนิดหนึ่ง “ตอนนี้จิตก็อยู่กับพี่อยู่แล้ว”
“แล้วถ้าพี่ไม่ได้เจ็บป่วยมาอย่างนี้ล่ะ ป่านนี้จิตก็คงแต่งงานแต่งการกับผู้กองไปแล้ว ถ้าจิตจะไปจากพี่ พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก คนเลวๆอย่างพี่ ถึงจะรักษาหายจากโรงพยาบาล พี่ก็ต้องติดคุกอยู่ดี” ยศระบายอย่างอัดอั้น
จิตราปลอบ “อย่าคิดมากสิคะ หลักฐานที่คุณภิตรวบรวมหาอยู่ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของพี่ยศก็ได้ นอนพักซะนะคะ”
จิตราห่มผ้าให้ยศ ในใจหวนคิดถึงเกียรติก้อง

ยามเย็น เกียรติก้องนั่งซึม พิงกระสอบทรายในบังเกอร์ตชด. บนดอย จ่าตุ๋ยส่องกล้องทางไกลตรวจการณ์
เสียงโทรศัพท์ดัง เกียรติก้องก้มมองหน้าจอ แต่ไม่รับ
“ไม่รับละครับผู้กอง อาจจะเป็นคุณจิต”
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เอาไว้โทร.กลับที่หลัง”
“ไม่รับสายก็รู้หรือครับ ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ เป็นผมนะ พูดมัน...”
เกียรติก้องตัดบทเฉย “จ่าตุ๋ย เดี๋ยวออกเวรแล้วไปเที่ยวกัน ฉลองที่ได้กลับมาทำงานใหม่”

“เต็มที่เลยครับผู้กอง” จ่าตุ๋ยยิ้มให้

ที่สนุ้กเกอร์คลับของพีรพงษ์ คืนเดียวกัน

เสี่ยคนหนึ่งหน้าตาดูออกว่าหื่น นั่งดูเพื่อนเสี่ยเล่นสนุ้กอยู่ตรงโต๊ะ เห็นอาโปในคราบบริกรสาว ยกถาด เอาอาหารกับโซดา น้ำแข็งเข้ามาเสิร์ฟ เสี่ยมองด้วยสายตาโลมเลีย อาโปจะไป เสี่ยจับมืออาโปไว้
“อย่าเพิ่งไปซิหนู นั่งคุยกันก่อน”
อาโปบอกหน้าเฉย “หนูเสิร์ฟอย่างเดียว ไม่มีอะไรจะคุยกับลุงหรอก”
“จะเอามั้ยทิปน่ะ” เสี่ยควักเงิน
อาโปมองเงินตาโต ก่อนถาม “นั่งคุยอย่างเดียวเหรอ”
“น่า อย่าเรื่องมาก มานี่ๆ” เสี่ยกล่อม
อาโปถูกฉุดไปนั่ง ถูกเสี่ยโอบหลวมๆ อาโปฉุน
“เฮ่ย ออกไปห่างๆ ก็ได้”
เสี่ยไม่ฟังเสียงจะหอมแก้ม “ขอชื่นใจหน่อยน่า”
อาโปดิ้นสุดแรง เอาถาดในมือฟาดหัวเสี่ยจนหงายไป เสี่ยลุก เลือดออกหว่างคิ้วไหลซึมลงบนใบหน้า
เสี่ยยกมือลูบ เห็นเลือดก็แหกปากร้องลั่น อาโป ทุกคน ณ ที่นั้นตกใจ พีรพงษ์เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น”

อาโปนั่งบนเตียงในห้วงนวดโซนสปา พีรพงษ์เอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่มุมปากให้ อาโปปัดออก พีรพงษ์แอบมองสัดส่วนอาโปตาเป็นประกาย
“ขอลาออกก็แล้วกัน ไม่อยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าที่นี่เป็นของคุณ ไม่มาทำหรอก”
“ใจเย็นๆ ก่อน แล้วจะไปทำงานอะไร เห็นผู้จัดการบอกว่าเราอยากได้เงินไปเรียนหนังสือ ไปรักษาพ่อ” พีรพงษ์หว่านล้อม
“อาโปไม่ขายตัวก็แล้วกัน นายสอนเอาไว้” อาโปเสียงแข็ง
“นาย?” พีรพงษ์ฉงน แล้วนึกออก ใส่ร้ายจีรณะทันที “ไอ้จีรณะน่ะเหรอ มันแกล้งทำเป็นคนดี คนดีที่ไหนได้พี่สาวแล้วไปเล่นชู้กับน้องสาวเค้าอีก แถมยังชวนเค้าค้าไม้เถื่อนด้วย อาโปก็ดูข่าวใช่มั้ย”
อาโปลังเล ยังไม่เชื่อ “พวกคุณอาจจะใส่ร้ายนายก็ได้”
“อย่าแก้ตัวแทนมันเลย ถ้าไอ้จีมันห่วงเธอ ป่านนี้ก็ต้องตามหาเธอแล้ว ไม่ปล่อยให้มาทำงานที่นี่หรอก”
อาโปชักเคลิ้ม พีรพงษ์ดูออก กล่อมด้วยคำหวานทันที
“มาอยู่กับชั้นดีกว่า งานการไม่ต้องทำก็ได้ ชั้นจะเลี้ยงดูอาโปเอง ดูแลพ่ออาโป ส่งเสียเธอเรียนเอง”
สองคนสบตากัน พีรพงษ์เริ่มลูบแก้มมองตาอาโปอย่างลึกซึ้ง อาโปชักเคลิ้ม

บังเอิญเกียรติก้องก็มาเที่ยวในสนุ้กเกอร์คลับแห่งนี้ ผู้กองในชุดลำลองสวมเสื้อเชิร์ต ท่าทีกรึ่มๆ แล้ว จ่าตุ๋ยกินน้ำส้ม
เกียรติก้องแทงสนุ้กพลาด สะบัดหัวเซ้งๆ จ่าตุ๋ย และเด็กสาวประจำโต๊ะหัวเราะขำขัน
สาวเสิร์ฟยกแก้วมาเสิร์ฟเกียรติก้องบอกปฏิเสธ
“ไม่เอาแล้วจ้ะ”
สาวเสิร์ฟวางแก้ว เอาสองมือจับแก้มเกียรติก้อง “นวดดีกว่าค่ะ จะได้ผ่อนคลาย”
สาวเสิร์ฟโอบเอวเกียรติก้องพาออกไป จ่าตุ๋ย กะผู้กอง โบกมือตะเบ๊ะให้ รู้กัน

ทางด้านพีรพงษ์ยังอยู่ในห้องนวดวีไอพี กำลังจับไหล่อาโปรุกจูบแก้มเบาๆ ป้อนคำหวาน
“ชั้นจะไม่ทิ้งอาโป ชั้นสัญญา”
พีรพงษ์จูบไซร้ซอกคอ อาโปนิ่ง พีรพงษ์ลูบไล้ตามตัวควานหาซิป รูดลงมาได้ 1 คืบ อาโปออกอาการชะงัก พีรพงษ์ย่ามใจถอดเข็มขัดตัวเอง อาโปโพล่งขึ้น
“ไม่ได้ๆ ผิดผี ผีป่า ผีเขา ผีเจ้า ผีเรือน”
อาโปถลันไปประตู พีรพงษ์อารมณ์ค้างเติ่ง โมโห “อีเด็กเปรต”
พีรพงษ์ไปกระชากผม เหวี่ยงอาโปลงบนเตียง โถมตัวเข้าปลุกปล้ำอย่างหื่นโหย
อาโปสู้สุดฤทธิ์

“ปล่อยนะโว้ย”

อ่านต่อหน้า 4

พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 17 (ต่อ)

สาวนวดนางนี้ วัยน่าจะยังไม่พ้น 20 ปี อยู่ในชุดผ้าเช็ดตัวกระโจมอก ดันตัวเกียรติก้องไปติดข้างฝา เด็กแกะกระดุมก้องออก 3-4 เม็ด

เกียรติก้องมึน เห็นทุกอย่างเลบอๆ มองใบหน้าสาวนวดเป็นจิตรา ก้มลงซุกไซร้ จับหน้ามาจะจูบ พอกระพริบตาถี่ๆ และสะบัดหัว เห็นเป็นเด็กสาวดังเดิม เกียรติก้องผละออกรีบติดกระดุม
“ผมต้องไปแล้ว ขอโทษ”
ผู้กองหยิบเงินให้พันบาทค่าบริการ แล้วเปิดประตูออกไป

เกียรติก้องเดินเซนิดๆ จ้ำอ้าวรีบไปเสียงคุ้นหูของอาโป ดังมาจากห้องแถวนั้น
“ช่วยด้วยๆ”
อาโปเปิดประตูออกมาจากห้อง VIP แล้ว แต่ถูกดึงกลับเข้าไป
เกียรติก้องเห็นแวบๆ รำพึง “อาโป”
เสียงอาโปดังออกมาอีก
“ปล่อยอาโป ปล่อยๆๆๆ”

เกียรติก้องถีบประตูเข้ามาเต็มแรง ร่างเซไปล้มลง พีรพงษ์กำลังถลกกระโปรงอาโป ชะงัก
“อ้าว ผู้กอง”
พีรพงษ์ละตัวจากอาโป กระโดดเข้าเตะ กระทืบเกียรติก้องเต็มตีน ผู้กองได้แต่ปกป้องหน้าไว้ กลิ้งตัวหลบ พีรพงศ์คว้าขวดจะตีหัวเกียรติก้อง
อาโปอยู่บนเตียงจับข้อมือพีรพงษ์เอาไว้แน่น พยายามบิดขวดออก
เกียรติก้องลุกได้ ต่อยหมัดหนึ่ง หมัดสอง แล้วเตะอัด พีรพงษ์จะถลันเข้า ถูกถีบกระเด็นไปล้ม แล้วลุกพรวด
เกียรติก้องฉวยข้อมืออาโปวิ่งหนีออกไป ชนโครมกับผู้จัดการตรงหน้าประตู ผู้จัดการกระเด็นไป

จ่าตุ๋ยเล่นสนุ้กอยู่ที่โต๊ะ เกียรติก้องจูงอาโปวิ่งเข้ามา ตะโกนก้องอย่างรู้กัน
“เคลียร์ทาง”
จ่าตุ๋ยถือไม้คิว วิ่งนำไป ลูกค้า และเด็กเสิร์ฟแตกตื่น สมุนพีรพงษ์วิ่งตามมา
“จับมัน มันฉุดเด็กหนี”
โต๊ะสุดท้ายถือไม้คิว เลิกเล่น ปิดทางหนี เกียรติก้องกระโดดถีบเปิดทาง จ่าตุ๋ยควงไม้คิวแทนกระบี่กระบอง ตีกับพวกสมุนสนุกมือ เกียรติก้องเข้าช่วยเตะต่อยพัลวัน
จังหวะหนึ่งจ่าตุ๋ยเผลอ สมุนเงื้อไม้จะตีข้างหลัง อาโปคว้าลูกสนุ้กเขี้ยงเข้าหัวจังๆ สมุนร่วงไป
พีรพงษ์ถือปืนกร่างเข้ามาเล็งไปที่เกียรติก้อง
“เฮ้ยหยุด ไม่งั้นกูยิง”
ทุกคนชะงัก หยุดกึก เกียรติก้องเอาตัวบังอาโป ถดตัวถอยไปที่ประตูช้าๆ สมุนชักปืน ชักอาวุธออกมา เดินเข้ามาหาช้าๆ
จ่าตุ๋ยควัก FLASH BANG หรือ ระเบิดแสง ออกมาขู่ แถมถอดสลักโยนทิ้ง จุดประสงค์เพื่อหยุดการกระทำของฝ่ายตรงข้ามอย่างฉับพลัน
“ถ้ายิงก็ตายกันหมดนี่หละ วางปืนเดี๋ยวนี้”
ทุกคนหยุด วางปืน วางอาวุธ จ่าตุ๋ยบอก
“รีบไปผู้กอง”
เกียรติก้องคว้าแขนอาโปวิ่งออกประตูไป จ่าตุ๋ยหันมาหาพวกคนร้าย

“ใครตามมากูเขวี้ยง”

ผู้กองเกียรติก้องรถเข้ามาจอดพรืดรอ หน้าทางเข้า จ่าตุ๋ยโยน FLASH BANG แถวหน้าประตูด้านใน

“ตาย”
จ่าตุ๋ยวิ่งขึ้นรถอย่างว่องไว ผู้กองออกรถ เสียง FLASH BANG ระเบิดตูม

รถแล่นมาบนถนน อาโปหน้าสลด เศร้าสุดขีด
“จะมีคนตายมั้ยจ่าตุ๋ย”
“ไม่หรอก แค่เสียงมันดัง กับแสงเหมือนแฟลชถ่ายรูป”

ไม่นานต่อมาจีรณะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว นั่งขรึมอยู่ในโถงกลางบ้าน อาโปนั่งสะอื้นอยู่ข้างๆ จิตรา ส่วนจ่าตุ๋ย และเกียรติก้องนั่งอยู่อีกมุม ทาน้ำมันเหลืองให้กัน
“ทำอะไรไม่คิดถึงคนอื่น ประชดชั้นแล้วใครเดือดร้อนบ้างตัวเธอเองนั่นแหละเป็นคนแรก คิดถึงจิตใจพ่อบ้างหรือเปล่า ถ้ารู้ว่าลูกทำตัวเหลวแหลกอย่างงี้จะเสียใจแค่ไหน”
อาโปเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
จีรณะของขึ้น “พูดซิ เถียงซิ เก่งนักไม่ใช่เหรอ”
“พี่จี อาโปสำนึกแล้วละค่ะ อย่าดุแกอีกเลย”
“ไม่ดุไม่ได้หรอกจิต คิดดูถ้าไอ้ก้องช่วยไม่ทันวันนี้จะเป็นยังไง”
“อาโป ขอโทษทุกคนซะ แล้วก็สัญญากับพี่ว่าจะไม่ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อีก” จิตราบอก
อาโปพยักหน้า ไหว้เกียรติก้อง ไหว้จ่าตุ๋ย
“อาโปขอโทษๆ อาโปไม่ทำอีกแล้ว”
“เอาละๆ ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนอนพักผ่อนซะ” ผู้กองบอก
จิตรามองเกียรติก้อง แต่เขาเมินหน้าหนีไป จิตราพาอาโปออกไป
“แล้วแกไปโผล่ได้ยังไงวะ โอ้โห ปกติเหล้าก็ไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ผู้หญิงก็ไม่เที่ยว” จีรณะหันมาทางเพื่อนซี้
จ่าตุ๋ยป้องปากยื่นหน้าไปหาจีรณะทำเป็นกระซิบ แต่เสียงดัง
“ประชดชีวิตเหมือนอาโป”
อาโปเดินไปก่อน จิตรายังเดินไม่พ้น ได้ยินเข้า

เกียรติก้องออกมาจากห้องน้ำ น้ำพราวเต็มหน้า เจอกับจิตราที่เดินผ่านมาพอดี ผู้กองรีบเดินหนี
จิตราเดินไปดักหน้าไว้ “เดี๋ยวพี่ก้อง...ถ้าโกรธจิต จะว่าจะด่ายังไงก็ได้ แต่ขอร้องอย่าหนีหน้ากันอย่างนี้”
“พี่ไม่ได้โกรธจิต และก็ไม่คิดจะว่าจะด่าอะไรทั้งนั้น”
เกียรติก้องจะไป จิตราจับแขนเอาไว้
“จิตอยากอธิบายเรื่องนี้ จิตอยากให้พี่ก้องเข้าใจ...”
เกียรติก้องสวนออกมา “พี่เป็นใครก็ได้สำหรับจิต แต่จิตเป็นผู้หญิงที่พี่รักอย่าพูด อย่าอธิบายอะไรให้เราต้องเจ็บกันไปมากกว่านี้เลย
เกียรติก้องเดินดุ่มๆ ออกไปเลย จิตราอัดอั้น ละอายใจ

ห้องขังเช้า-วันใหม่โสภิต แม่เลี้ยง ม้วน ผู้ต้องหาป๊อกเด้ง
โสภิตถือปิ่นโตเข้ามาหน้าห้องขังแต่เช้า แม่เลี้ยงอมราอยู่ในชุดเก่า ตาเป็นหมีแพนด้า หน้ามีรอยช้ำบางๆ รอยข่วนที่คอ พอเห็นโสภิตตรงมาก็รีบเข้ามาเกาะลูกกรง เหล่าผู้ต้องหาทั้ง 5 นั่งชะเง้อชะแง้อยู่ข้างหลัง แต่ละคนต่างแต่งชุดของแม่เลี้ยงทุกคน
“ภิตต้องเอาแม่ออกจากห้องขังนี่ให้ได้นะลูก แม่ไม่ไหวแล้ว”
โสภิตมองหน้าแม่งงๆ “นี่หน้าแม่ไปโดนอะไรมาคะ”
แม่เลี้ยงกลัวโดนอัด เพราะพวกผู้ต้องหาจ้องอยู่ “แม่หกล้มน่ะลูก”
“แล้วเสื้อผ้าที่พี่พวงเอามาให้ทำไมไม่ไปเปลี่ยนชุดใหม่ละคะ” โสภิตสังเกตเห็นชุดแม่อยู่บนตัว 5 ขาพนัน “นั่นมันชุดของแม่ทั้งนั้นเลยนี่คะ”
ผู้ต้องหา 2 รีบบอก “แม่เลี้ยงบริจาคให้พวกเรา จริงมั้ยแม่เลี้ยง”
ผู้ต้องหาหัวเราะกัน แม่เลี้ยงแค้น แต่พูดไม่ออก
ดาบม้วนเข้ามาโสภิตหันไปถาม
“ดาบคะ ย้ายแม่ไปห้องอื่นได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้หรอกครับ ห้องขังหญิงเรามีห้องเดียว เอ้อ...หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับ”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ภิตต้องหาทางเอาตัวแม่ออกมาให้ได้”
ดาบม้วนรับปิ่นโต จากโสภิตแล้วเดินนำโสภิตออกไป
แม่เลี้ยงตะโกนบอกอีก “ประกันตัวแม่ให้ได้นะภิต อย่าทิ้งแม่นะภิต”
ผู้ต้อง 1 ตะโกนตามไป “ไม่ต้องห่วง แม่เลี้ยงอยู่ในนี้ไม่เหงาหรอก”
ผู้ต้องหาขาพนัน เฮฮากันเป็นที่ครึกครื้น แม่เลี้ยงหัวหดไปซุกตัวหลบ ไม่กล้าสบตา

ที่คุมอมรา บ็อบบี้นั่งวาดรูปอยู่ตรงโต๊ะสนาม มีพิมพรนั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้พับ พวงนั่งปอกผลไม้ใส่จาน
“คุณยายเป็นหัวหน้าแก๊ง ขายไม้เถื่อนจริงๆ เหรอครับ”
“จริงไม่จริง ไม่รู้แต่เราจะออกไปเที่ยวที่ไหนไม่ได้อีกแล้วอายชาวบ้านเค้า”
พวงแก้ให้ “คุณยายไม่ได้ทำหรอก โดนคนไม่ดีใส่ร้าย”
“โชคดีที่น้าภิตกับครูจีไม่โดนจับด้วย” บ็อบบี้ว่า
พิมพรนึกแล้วยิ่งโมโห “โชคร้ายต่างหาก...”

โสภิตถือปิ่นโตของเมื่อวานเข้ามาพอดี บ็อบบี้รีบกวักมือดีใจ
พวงเข้าไปรับปิ่นโต “น้าภิตๆ เป็นยังไงบ้างเมื่อไหร่คุณยายจะได้กลับบ้าน”
“น้าภิตพยายามอยู่จ้ะ อีกไม่นานหรอก”
“ป้าพวงบอกว่าคุณยายถูกใส่ร้าย”
“ใช่จ้ะ ก็เหมือนอยู่ที่โรงเรียนมีคนเกลียดบ็อบบี้ แล้วเอากล่องดินสอของเพื่อนแอบเอามาใส่กระเป๋าของบ็อบบี้ แล้วไปฟ้องคุณครูว่าบ็อบบี้ขโมยของเพื่อน”
“ถ้าอย่างนั้นบ็อบบี้ต้องพิสูจน์ให้ครูเห็นว่าบ็อบบี้ไม่ได้ทำ”
“ถูกต้อง น้าภิตก็กำลังพิสูจน์ความจริงให้คุณยายอยู่”
โสภิตหันมาทางพี่สาว “พี่พิมน่าจะไปเยี่ยมแม่กับพี่ยศบ้าง สภาพจิตใจกำลังแย่ด้วยกันทั้งคู่”
“แค่จะโผล่หน้าออกจากบ้านชั้นยังไม่กล้าเลย อายจะแย่ ถ้ารู้ว่ากลับบ้านแล้วจะเจอเรื่องอย่างนี้ ชั้นตากหน้าเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่อเมริกาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า”
บ็อบบี้บ่น “สงสารคุณยาย ไม่ค่อยสบายอยู่ น่าจะเอาบ็อบบี้ไปถูกขังแทนคุณยายได้ พอพิสูจน์ความจริงได้ค่อยให้มามี้ไปรับกลับบ้าน”
พวงตื้นตัน “โถ..ตัวแค่นี้รู้จักกตัญญูรู้คุณ”
พิมพรหมั่นไส้ลูกชาย “เอาตัวเองให้รอดก่อน อยู่ดีๆ อยากติดคุกติดตะราง พูดไม่รู้จักคิด”

บ็อบบี้มองสมุดเซ็งๆ

โสภิตนั่งดูเอกสารอยู่ในห้องทำงานที่ สำนักงานคุ้ม เปรียบเทียบกับข้อมูลในจอโน้ตบุค หน้าเครียด สะท้อนใจกับคำพูดหลานชาย

“บ็อบบี้สงสารคุณยาย ไม่ค่อยสบายอยู่ น่าจะเอาบ็อบบี้ไปถูกขังแทนคุณยายได้...”
โสภิตเก็บรวบรวมเอกสารบนโต๊ะ ใส่กระเป๋าเอกสาร สีหน้ามาดหมาย

เช้าวันต่อมา จีรณะพร้อมเกียรติก้องพาอาโปกลับบ้านที่บนดอย เล่าทุกเรื่องให้จะมูฟังแล้ว จะมูโกรธมาก
จะมูจับข้อมืออาโป เอาไม้เรียวตีก้น อาโปวิ่งวนหนีไปรอบๆ
“ดื้อนัก เกเรนัก นี่แน่ะ ๆ ๆ”
อาโปวิ่งแอบหลังก้องจีรณะ เกียรติก้องห้าม “พอแล้วครับ จะมูใจเย็นๆ”
“ผู้กองอย่าห้ามผม ที่ผ่านมาผมไม่ตีมัน มันถึงได้กล้าทำเรื่องเลวๆ” จะมูเหนื่อยหอบ ด้วยไม่สบายอยู่แล้ว
อาโปตกใจ “พ่อ”
“ใจเย็นๆจะมู นั่งพักก่อน”
อาโปประคองพ่ออาการอึ้งๆ “อาโปผิดไปแล้ว พ่ออย่าโมโหเลยนะ พ่อจะตีอาโปกี่ทีก็ได้ ตีให้ตายไปเลย”
จะมูเงื้อไม้ แต่ตีไม่ลง โยนไม้ทิ้ง
“เอ็งไม่ต้องขอโทษ พ่อ เอ็งกราบนี่”
จะมูตบๆ มือไปที่พื้นดิน “บรรพบุรุษของเรา ระเหเร่ร่อนมาอยู่แผ่นดินนี้ ปลูกฝิ่นทำไร่เลื่อนลอยไม่มีจุดหมาย หลวงท่านให้ความรู้ทำไร่ทำนาจนมีกินมีใช้ สิ่งที่เอ็งต้องทำคือตั้งใจเรียนหามาพัฒนาตอบแทนแผ่นดิน จำไว้”
จีรณะกับเกียรติก้องซึ้ง

เวลาเดียวกันที่สภอ.ทุ่งทอง ดาบม้วนไขประตูห้องขัง แม่เลี้ยงอมราชะเง้อมอง 5 ผู้ต้องหาเหลียวมาดู
ทนายถือถุงเสื้อผ้าเข้ามาให้ ดาบม้วนบอก “ดีใจด้วยครับแม่เลี้ยง เชิญครับเชิญ”
แม่เลี้ยงยืดอก หันไปมองพวกผู้ต้องหา “ขออย่าให้ญาติพี่น้องมาประกันตัวพวกแก”
5 ผู้ต้องหาลุกพรึบ แม่เลี้ยงรีบออกจากห้องขังอย่างว่องไว
“เก่งจริงออกมาซิ”
พวกผู้ต้องหาชี้หน้าคาดโทษ แม่เลี้ยงถอนใจโล่งอก แล้วนึกได้
“ยัยภิตล่ะ ไว้ใจได้จริงๆ ลูกสาวคนนี้”
“คุณภิตส่งผมมาประกันตัวแม่เลี้ยงครับ เธอติดธุระครับ” ทนายบอก
แม่เลี้ยงไม่ติดใจสงสัย “ไปๆ รีบไป เอาชุดมาเปลี่ยนซิ”
ทนายส่งถุงเสื้อผ้าให้แม่เลี้ยง ทั้งคู่เดินลับตัวไป

แม่เลี้ยงอมราเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว หน้าตาดูเครียดจัด ขณะเดินมาหน้าโรงพัก กาบ และเส่ง ยืนรออยู่ที่รถ รีบรับถุงเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง และปิ่นโตจากทนาย
ทนายไหว้ลาแม่เลี้ยง แล้วออกไป
“รีบพาชั้นไปโรงพยาบาลเร็ว ไอ้ชีพยิงลูกชั้นทำไมไม่มีใครบอก”
แม่เลี้ยง กาบ และเส่งรีบออกไป

ดาบม้วนเปิดประตูห้องขัง นายประกันขาพนันมายืนข้างๆ
“นักกีฬาป๊อกเด้ง ออกมากันได้แล้ว นายประกันมารับแล้วเจอกันใหม่เมื่อสายตรวจล้อมจับ”
5 ผู้ต้องหาลุกกันพรึบ เข้าแถวดันกันออกจากห้องขัง
ถัดมาไม่นานหมู่ทองพาโสภิตเข้ามา โสภิตเดินหน้านิ่งเดินเข้าไปนั่งตรงที่แม่เคยอยู่
“อยากได้อะไรก็บอกนะครับ คุณโสภิต”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาบม้วนกระซิบถามเอากับหมู่ทอง
“น่าสงสารนะ ยอมติดคุกแทนแม่ ยอดหญิงจริงๆ”
หมู่ทองกระซิบกลับ “นี่ถ้ายอดชายเรารู้ จะว่าไงเนี่ย”
ดาบม้วนงง “ใครวะ ยอดชาย

เวลานั้นที่ห้องเรียนชั่วคราวในบริเวณวัดบนดอย
บนกระดานดำเขียน วิชา ส.ป.ช. สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต จีรณะกอดอกยืนมอง อาโปสอนหนังสืออยู่กับเกียรติก้อง อาโปเอามือแตะๆ ยีๆ ผมเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนเป็นหุ่นสาธิตอยู่
“ผม เราต้องสระผมอย่างน้อยวันเว้นวัน หรือถ้าจำเป็นสกปรกหรือมีเหงื่อก็วันละครั้ง”
อาโปจับปากเด็กคนเดิมให้ยิงฟัน “ฟัน แปรงฟันอย่างน้อยเช้ากับก่อนนอน ถ้าสะดวกก็แปรงทุกครั้งหลังอาหาร”
จากนั้นอาโปจับปากเด็กปิด แล้วจับมือคว่ำลงทั้งสองข้าง
“เล็บ อย่าปล่อยให้ยาวสกปรกทั้งมือและเท้า เวลาที่ควรตัดคือหลังอาบน้ำ เล็บจะอ่อนนุ่มลง ตัดง่าย”
เกียรติก้องถามนักเรียน “เด็กๆเข้าใจมั้ยครับ”
เด็กๆ รับคำ “เข้าใจครับ” / “เข้าใจค่ะ”
จ่าตุ๋ยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาจีรณะ
“คุณจีครับ หมู่ทองโทร.มาบอกว่า...”
เกียรติก้องกับอาโปเหลียวมองตามไป เห็นจีรณะรีบร้อนวิ่งออกไปราวกับจะบิน โดยมีจ่าตุ๋ยตามติด
“นายรีบไปไหนน่ะ” อาโปถาม
เกียรติก้องส่ายหน้า

สองคนไม่รู้ว่าที่จีรณะแทบจะบินไปนั้น เพราะรู้ว่า อัปสรโสภิต มอบตัวรับผิดแทนแม่เลี้ยงอมรานั่นเอง

อ่านต่อตอนที่ 18 ตอนอวสาน
กำลังโหลดความคิดเห็น