นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 17
จอยประคองฤทธิ์เดินมาด้วยกัน ท่าทางฤทธิ์เหมือนจะหมดแรงเพราะพิษไวรัสกำเริบ เซลส์ไวรัสกระจายตัว และเกาะกินเซลส์กลายพันธุ์ของฤทธิ์
“คุณโทมัส นี่คุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ทำไมจู่ๆคุณถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
“อย่าเพิ่งถามเลย ผมว่าเราหาที่ซ่อนกันก่อนเถอะ ผมไปต่อไม่ไหว”
จอยรีบมองหาที่ซ่อนแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งยืนจ้องเธออยู่
“ธิชา”
ฤทธิ์มองตาม
“อะไรนะ”
จอยค่อยๆปล่อยให้ฤทธิ์ทรงตัวเอง ก่อนจะเดินไปหาธิชา
“ธิชา นี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอหายไปไหนมา”
ธิชาไม่ยอมตอบ เธอหันหลังวิ่งหนีไป
“ธิชา” จอยบอกกับฤทธิ์ “คุณรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”
จอยรีบวิ่งตามธิชาไปทันที ฤทธิ์ขยับจะตาม แต่แล้วก็เกิดอาการหนักขึ้นเซลส์ไวรัสกระจายตัว และเกาะกินเซลส์กลายพันธุ์ของเขา ฤทธิ์ทรุดเข่าไปอย่างอ่อนล้า เขาพยายามประคองตัวเองไม่ให้หมดสติไป เขามองไปอย่างเป็นห่วง
ธิชาวิ่งหนีจอยมาที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เธอหยุดมองไปข้างหลัง พอเห็นจอยวิ่งตามมาก็รีบหนีเข้าบ้านไปทันที ขณะที่จอยชะลอฝีเท้าเพื่อมองดูบ้านหลังนั้น ด้วยความแปลกใจ หน้าบ้านเลี้ยงไก่เอาไว้เดินเพ่นพ่าน มีแปลงปลูกผักปลูกพืช
“ธิชา”
ไม่มีเสียงตอบ จอยตัดสินใจย่องไปที่ประตูแล้วลองแง้มดู
จอยเข้ามาในบ้าน และเห็นธิชายืนจ้องอยู่ที่บันได
“นี่เธอมาหลบอยู่ที่นี่เองเหรอธิชา เธออยู่กับใคร”
ธิชาเดินหนีขึ้นไปข้างบนช้าๆ จอยเดินมาชะเง้อดูนิดหนึ่งแล้วตามขึ้นไป...ธิชารีบหนีเข้าไปในห้องนอน จอยรีบผลุนผลันตามเข้ามา
“ธิชา ฟังฉันก่อนนะ…นี่เธอจำฉันไม่ได้เหรอ ฉันจอยไง”
จอยชะงักเมื่อเห็นธิชายืนเก้ๆกังๆ อยู่ที่เตียงซึ่งมีคนนอนอยู่ แต่ธิชาบังไว้จนมองเห็นไม่ถนัด
ทันใดนั้นเองจอยก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาด้านหลัง เมื่อเธอหันไปก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังยืนอยู่สีหน้าเย็นชา จอยนึกหวั่น แต่ไม่ทันได้เตรียมตัว ฤดีก็ยกมือตะปบคอเธออย่างรวดเร็ว
ฤทธิ์ซมซานมาหาที่พักใต้ต้นไม้เซลส์ไวรัสกระจายตัว และเกาะกินเซลส์กลายพันธุ์ของเขา ฤทธิ์เริ่มรู้สึกอ่อนแรงมากขึ้น นึกถึงก่อนที่เขาจะออกจากบริษัท ลิซ่าให้ยาต้านไวรัสแก่เขา
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมลืมฉีดยา หรือฉีดไม่ครบตามกำหนด”
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคุณโทมัส ในเมื่อเราพัฒนาตัวยามาสู้กับไวรัสได้ ไวรัสก็พัฒนาตัวเองเพื่อสู้กับยาได้เช่นกัน มันจะเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าทุกๆ สิบนาที แล้วหลังจากนั้นมันก็จะเกาะกินเซลส์ต่างๆในร่างกายคุณ รวมทั้งระบบประสาท คุณอาจเป็นอัมพาต ตาบอดหรือแม้แต่สูญเสียความทรงจำ”
ฤทธิ์ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีคนเดินมายืนใกล้ๆ เมื่อมองไปจึงเห็นว่าเป็นดอนและสมุนทั้งสอง
“สงสัยเอ็งจะดวงกุดแล้วว่ะเพื่อน”
ดอนยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดชกใส่จนเขาฟุบไปกองกับพื้น สมุนของดอนรีบเข้าไปพยุงฤทธิ์ขึ้นอย่างรู้งาน ดอนมองอย่างสงสัย
“เป็นอะไรของมันวะ ทำไมจู่ๆถึงได้อ่อนปวกเปียกแบบนี้”
ฤทธิ์อ่อนล้า
“ฉันกำลังป่วย ฉันขยับตัวไม่ได้”
“ป่วย...ฮ่าๆ เอ็งนึกว่าข้าเป็นเด็กอมมือหรือไงวะ ข้ารู้หรอกน่าว่าเอ็งน่ะเป็นอะไร” ดอนหยิบกล่องใส่ยาต้านไวรัสออกมา “เอ็งต้องการไอ้นี่ใช่มั้ยล่ะ”
ฤทธิ์ตาวาวเมื่อเห็นทางรอดอยู่ตรงหน้า
“ว่าแต่ไอ้นี่มันยาเสพติดประเภทไหนวะ ถึงได้ใส่หลอดพร้อมฉีดแบบนี้ของแพงซะด้วย”
ฤทธิ์นิ่งเงียบ รู้ดีว่ายิ่งพูดมากก็ยิ่งเสียเปรียบ ดอนเห็นฤทธิ์มองกล่องใส่ยาไม่วางตาก็ยิ่งกล้าต่อรอง
“เอาล่ะ ข้าว่าเรามายื่นหมูยื่นแมวกันดีกว่า เอ็งบอกข้ามาว่านังจอยอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะไว้ชีวิตเอ็ง”
“ฉันไม่รู้”
ดอนยิ้มกวนๆอย่างไม่แปลกใจที่ฤทธิ์ตอบแบบนั้น มันบุ้ยหน้าให้สมุน 2 ลงมือซ้อมฤทธิ์เป็นการใหญ่
“ตกลงมันไม่ใช่ตำรวจเหรอพี่”
“ตำรวจที่ไหนจะติดยาจนหมดสภาพแบบนี้ ช่างเหอะ...ไว้เจอนังจอยเมื่อไหร่ ค่อยเก็บมันพร้อมกัน”
สมุนคนหนึ่งเหวี่ยงกำปั้นอัดฤทธิ์จนล้มไป
ณัฐชาขับรถเข้ามาในเมืองบ้านเกิดของชาญ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะเป็นห่วงฤทธิ์ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“ผู้กอง ฉันส่งพิกัดระบุตำแหน่งของคุณโทมัสเข้าไปในมือถือคุณพร้อมแผนที่ ขอให้โชคดีนะ”
“ขอบใจมากลิซ่า ถ้าเจอตัวเขาเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อไป”
รถณัฐชาแล่นจากไป
ลุงแสงใช้เถาว์วัลย์เป็นตัวช่วยในการไต่ลงมาที่ก้นเหว ก่อนจะเดินวนเวียนมองไปรอบๆแถวนั้นเพื่อแกะรอยไปต่อ สักครู่ก็เหลือบเห็นกิ่งไม้หักที่พวกดอนเพิ่งใช้สังเกตไปก่อนหน้า ลุงแสงเดินไปดูและเห็นรอยเท้า
“รอยยังใหม่อยู่เลยนี่หว่า”
ลุงแสงชักปืนออกมาเตรียมพร้อมและเดินตามรอยเท้า
จอยรู้สึกตัวขึนมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเธอกำลังถูกมัดมือมัดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา ลักษณะการมัดนั้นล่ามขึงมือกับเท้าไว้ด้วยกันจนทำให้เธอยืนเดินไม่ได้ ธิชากำลังยืนมองเธออยู่อย่างเฉยชา จอยทำได้แต่ส่งเสียงครางในคอ และมองธิชาด้วยสายตาวิงวอน
ดอนเดินนำพวกสมุนที่กำลังหิ้วปีกฤทธิ์ตามมา
“เดินหามาตั้งนาน ทำไมไม่เห็นวี่แววนังจอยสักที”
“นั่นสิพี่ หรือมันจะหนีไปเจอถนนใหญ่แล้ว”
“จะไปรู้ได้ยังไงวะ ก็เดินมาด้วยกันนี่หว่า”
“พี่...แล้วนั่นบ้านใคร”
ฤทธิ์เงยหน้ามองไปที่บ้านฤดี
ฤดีกำลังนั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้รับแขก เธอหยิบหลอดน้ำตาสวรรค์ที่พกไว้ออกมาก่อนจะฉีดใส่ข้อมือตัวเองและหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แต่ขณะที่กำลังไกวตัวไปมาอยู่นั้นเธอก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ดอนเดินนำสมุนและฤทธิ์เข้ามา มันยกปืนเล็งใส่หน้าฤดี
“อย่าเอะอะ ถ้าไม่อยากตาย”
ฤดีนิ่งอึ้ง สมุนของดอนหิ้วฤทธิ์มาวางที่เก้าอี้ ฤทธิ์นั่งเพลียอย่างหมดสภาพ ดอนสั่งสมุน
“ไปหาอะไรมาดื่มหน่อยไป”
สมุนของดอนเข้ามาในครัวของฤดี แต่แล้วพอเห็นตู้เย็นก็ต้องอึ้งไปเพราะฝาตู้เปิดแง้มอยู่ มันเสียนานแล้วในตู้มีแต่ของกินเน่าๆ กับเสียงแมลงวันบินหึ่งๆ สมุนอีกคนหันไปเปิดก๊อกน้ำเห็นน้ำไหลออกมาสีเหมือนน้ำโคลน
“อยู่เข้าไปได้ยังไงวะ”
“มันต้องมีอะไรกินบ้างสิ”
สมุนอีกคนหันไปเปิดตู้เก็บของและเจอน้ำตาสวรรค์หลายหลอดถูกเก็บในกล่อง
“น้ำตาสวรรค์ มันเลิกทำขายไปตั้งนานแล้วนี่หว่า”
สมุนคิดหวั่นๆ
“หรือว่านังนี่จะเป็นพรายพิฆาต”
ฤดีหันมามองฤทธิ์อย่างสนใจ ฤทธิ์อยู่ในสภาพอ่อนล้าแต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในตัวของฤดี ตรงข้ามกับดอนที่นั่งถือปืนอยู่ มันมองฤดีอย่างแทะโลมถึงฤดีจะไม่สวยสะพรั่ง แต่ทรวดทรงองค์เอวก็ดูเตะตาไม่น้อย
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“ฉันเป็นหม้าย ลูกสาวชั้นเพิ่งเสียไปเมื่อสามปีก่อน”
ตอนนั้นเองที่ฤทธิ์เหลือบไปเห็นหลอดบรรจุน้ำตาสวรรค์ที่ใช้แล้วหล่นอยู่ที่พื้น ยังมีหยดน้ำตาสวรรค์คาอยู่ที่ปลายเข็ม ฤทธิ์มองหน้าดอน
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะรีบไปจากที่นี่”
ดอนหันมามองหน้าฤทธิ์ ก่อนจะกระชากคอเขาเหวี่ยงจนล้มไปกับพื้น
“หุบปาก แล้วอยู่เฉยๆ”
ดอนว่าก่อนจะเดินไปฉุดแขนฤดีให้ยืนขึ้น
“ส่วนเธอ ถ้าอยากได้เงินใช้ ก็มากับฉัน”
ดอนว่าแล้วลากตัวฤดีขึ้นบันไดบ้านไปทันที ฤทธิ์พยายามลุกขึ้นห้ามแต่ก็ไม่สามารถทำได้...ธิชาได้ยินเสียงคนเดินมาเธอก็ค่อยถอยๆไปเบียดตัวกับมุมห้องด้วยความหวาดกลัว เหมือนรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ธิชาพยายามกระเถิบตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เธอมองไปบนเตียงอย่างสงสัยเพราะไม่เห็นคนบนเตียงเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย...ดอนผลักประตูห้องเข้ามาในห้อง ฤดีทำท่าจะหันหลังเดินหนีแต่ก็ถูกดอนกระชากตัวเอาไว้
“อย่าเล่นตัวน่าคนสวย ไม่อยากได้เงินใช้หรือไง”
ฤดีดื้อเงียบ เธอพยายามสะบัดมือออกจากดอน จนดอนรำคาญเลยเหวี่ยงหลังมือตบหน้าฤดีเข้าทีหนึ่งจนเลือดออก
“อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากตาย”
ดอนว่าแล้วเหวี่ยงฤดีไปบนเตียงนอน ก่อนที่ตัวมันจะเริ่มปลดเข็มขัดออก
สมุนสองคนกลับออกมาจากในครัว เห็นฤทธิ์นอนหมดสภาพอยู่กับพื้น
“พี่ดอนไปไหนวะ”
“นังนั่นก็หายไปด้วย เอ็งไม่ต้องสงสัยแล้วว่ะ”
สมุนส่ายหน้าด้วยความเอือมลูกพี่
ฤดีนอนนิ่ง ขณะที่ดอนกำลังกอดจูบซุกไซร้เธออย่างเมามัน
“ที่ฉันยอมทุกอย่าง ก็เพราะท่านผู้วิเศษสัญญาไว้”
ดอนชะงัก...
“ท่านจะคืนชีวิตให้ลูกสาวของฉัน”
“นี่เธอพูดอะไรของเธอ สติยังดีอยู่รึเปล่า” ดอนงง
จอยสามารถชันกายให้นั่งได้สำเร็จ และสิ่งแรกที่เธอเห็นตรงหน้าก็ศพของเด็กสาวคนหนึ่งที่แห้งจนตายซากอยู่บนเตียงจอยกรี๊ดลั่นด้วยความสยดสยอง...ดอนหันขวับไปตามต้นเสียง
“นั่นเสียงนังจอยนี่ มันซ่อนอยู่ห้องไหน”
ฤดีเหลือบมองหน้าดอน ก่อนจะแสยะเขี้ยวคำรามแล้วกระชากคอดอนเข้ามากัดจนเลือดพุ่ง ดอนแหกปากร้องด้วยความตื่นกลัว...ฤทธิ์กำลังมองไปยังชั้นบนด้วยความหวาดวิตก เช่นเดียวกับสมุนของดอน
“เสียงพี่ดอนนี่หว่า”
“รีบไปดูเร็ว”
สมุนทั้งสองกำลังจะขึ้นบันได แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
ดอนกระหน่ำยิงใส่ฤดีจนถอยไปชิดผนัง ฤดียังไม่ตายแต่ยังแสยะเขี้ยวใส่เขา
“ผีดิบ...แกเป็นผีดิบ”
ดอนกุมแผลที่คอและรีบเผ่นหนีไปจากห้อง โดยท่อนล่างมีแค่กางเกงชั้นในแบบบ๊อกเซอร์เพียงแค่ตัวเดียว...ดอนซึ่งบาดเจ็บอยู่เสียหลักชนประตูจนเปิดอ้าก่อนที่ร่างมันจะล้มเข้ามาในห้องและเห็นจอยที่ถูกมัดอยู่ ขณะที่ธิชากำลังยืนอยู่ที่มุมห้อง
“นังจอย อะไรกันวะเนี่ย...ธิชา ที่แท้ก็มาหลบอยู่นี่เอง บอกมาทั้งหมดเป็นแผนของเธอใช่มั้ย”
ธิชายังคงนิ่งเฉย ขณะที่ดอนเหลือบเห็นศพตายซากของลูกสาวฤดีก็ยิ่งงุนงง
“นี่ใคร ฉันถามว่าศพใคร”
ธิชาไม่ตอบ ดอนรีบโผไปดึงผ้าปิดปากของฤดีออก
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น”
จอยเหลือบเห็นข้างหลังดอน
“ระวัง”
ดอนหันไปและเห็นฤดียังไม่ตาย แต่บัดนี้ใบหน้ากลายเป็นผีดิบแวมไพร์เต็มขั้น เธอกางกรงเล็บยาวเฟื้ยทิ่มเข้าท้องของดอนจนทะลุ ธิชายังนิ่งเฉยขณะที่จอยรีบถดตัวหนีอย่างหวาดผวา...สมุนสองคนกำลังจะยืนตะลึงอยู่ตีนบันได
“เสียงปืนเงียบไปแล้ว ขึ้นไปดูสิวะ”
“ทำไมต้องเป็นข้าด้วยวะ เอ็งก็ขึ้นก่อนสิ”
ขณะนั้นเองก็มีเสียงคนเดินมา ดอนเดินตาลอย เลือดท่วมคอท่วมท้องลงบันไดมาอย่างหมดเรี่ยวแรง
“พี่ดอน”
ดอนเลือดทะลักปาก
“มันเป็นผีดิบ ผีดิบ”
ดอนเดินเบียดผ่านพวกสมุนไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงขาดใจตรงหน้าฤทธิ์พอดี กล่องใส่วัคซีนต้านไวรัสร่วงออกมาจากกระเป๋าแจ็คเก็ต สมุนงงๆ
“ผีดิบอะไรวะ กลางวันแสกๆ”
เพื่อนจะหันมาตอบแต่แล้วร่างของสมุนคนนั้นก็โดนฤดีกระโดดรวบไปกัดคอดูดเลือดแล้วคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ฤทธิ์ได้แต่ตกตะลึงเมื่อเห็นสมุนคนนั้นแผดร้องโหยหวนด้วยความความกลัวและความเจ็บปวด ก่อนที่ฤดีจะทิ่มกรงเล็บเข้าที่หัวใจของมัน
“กูไม่อยู่แล้วโว้ย”
สมุนรีบวิ่งหนีออกจากบ้าน โดยไม่ลืมคว้าปืนของดอนติดมือไปด้วย ฤดีมองตามมันก่อนจะกระโจนตามออกไปจากบ้าน โดยไม่ได้สนใจฤทธิ์ที่นอนเดี้ยงอยู่ ฤทธิ์แข็งใจขยับตัวและคลานไปหากล่องฉีดยาต้านไวรัส
จอยพยายามดิ้นรนแก้มัดให้ตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอมองไปที่ธิชาอย่างวิงวอน
“ธิชา ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรกับเธอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
ธิชายังยืนนิ่ง
“ธิชา ช่วยฉันด้วย”
จอยเห็นธิชายังไม่ได้สติ ก็สุดทนเรียกเสียงดัง
“ธิชา”
ธิชาสะดุ้ง สายตาเริ่มกวาดมองไปรอบๆเหมือนหลุดจากภวังค์ของการถูกสะกดจิต
สมุนวิ่งหนีตายมาตามทุ่งหญ้า พลางเหลียวหลังไปดูเป็นระยะ เมื่อมันเห็นว่าไม่มีใครตามมาแน่ก็จึงชะลอฝีเท้าลงแต่ระหว่างที่ก้าวถอยอยู่นั้น มือของฤดีก็ยื่นออกมาจากพงหญ้าแล้วตะกุยเข้าที่ข้อเท้าของมัน จนเส้นเอ็นขาดกระจุย สมุนแผดร้องเสียงหลงหันไปยิงปืนใส่พงหญ้าหลายนัดทั้งๆที่ไม่เห็นเป้าหมายก่อนจะล้มลง ฤดีคลานออกมาจากพงหญ้า สมุนจะยิงแต่กระสุนดันหมดเสียก่อน ฤดีขยับมาคล่อมตัวมันอย่างรวดเร็ว
“อย่า...ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
ฤดีแสยะเขี้ยวคำราม สมุนตื่นกลัว
“อย่า”
เลือดพุ่งกระเซ็นเปื้อนพงหญ้าเป็นละออง
ธิชาแก้มัดให้จอยก่อนจะค่อยๆถอยไป ท่าทางเธอเหมือนจำจอยไม่ได้เลยด้วยซ้ำ จอยรีบแก้มัดที่เหลือให้ตัวเอง ก่อนจะได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาช้าๆ
“ธิชามานี่ มาสิ”
จอยดึงธิชามานั่งหลบใกล้ๆเธอ เสียงคนเดินใกล้มาถึงประตูก่อนจะเห็นว่าคนๆนั้นคือฤทธิ์ที่อาการดีขึ้น เพราะได้ยาต้านไวรัส
“โทมัส”
ฤทธิ์ท่าทางยังล้าอยู่
“นั่น ธิชาเหรอ”
จอยมองหน้าธิชาแล้วหันไปพยักหน้ายืนยันกับฤทธิ์
“เราต้องรีบไปจากที่นี่ ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะกลับมา”
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ลุงแสงถือปืนลูกซองยาวมาพบศพของสมุน ก็หยุดตรวจสภาพบาดแผลดูอย่างแปลกใจ
“ฝีมือคนหรือสัตว์กันแน่ ทำไมถึงได้น่ากลัวแบบนี้”
ลุงแสงมองไปรอบๆอย่างไม่สู้ดี กระชับปืนเตรียมพร้อม
ฤทธิ์ ธิชา จอยประคองกันมาที่ประตูแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นฤดีเดินมาแต่ไกล
“เราหนีไม่ทันแล้ว รีบปิดประตู” ฤทธิ์รีบบอก
จอยยังตะลึง
“เร็ว”
ฤทธิ์กับจอยช่วยกันปิดประตูหน้าต่าง ขณะที่ธิชายังยืนตัวสั่นงันงก เธอมองศพของดอนอย่างหวาดผวา ฤดีซึ่งเดินตรงมายังบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นประตูปิด เธอก็เดินไล่ไปทางหน้าต่างและเห็นฤทธิ์กับจอยช่วยกันปิดหน้าต่างไล่หนีทีละบานอย่างรวดเร็วราวกับแข่งเกมส์โชว์
“ท่านผู้วิเศษสั่งให้ฉันดูแลธิชา พวกแกจะพาหล่อนไปไม่ได้เเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นท่านผู้วิเศษจะไม่ชุบชีวิตให้ลูกสาวของฉัน ได้ยินมั้ย”
ฤดีทุบโครมๆใส่หน้าต่างอย่างไม่พอใจ ฤทธิ์ชักมีดพกที่รองเท้าออกมา ขณะที่จอยก็ถอยไปหาที่กำบัง แต่ทันใดนั้นเองศพของดอนก็ลืมตาขึ้น มันคว้าข้อเท้าของจอยเอาไว้ก่อนจะแสยะเขี้ยวกัดเข้าไปจนเลือดสาด จอยกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะล้มลง ธิชาแหกปากกรี๊ดอย่างคลุ้มคลั่ง
“จอย”
ฤทธิ์จะเข้าไปช่วยจอย แต่แล้วศพของสมุนก็กลับฟื้นคืนชีพลุกขึ้นมาเล่นงานฤทธิ์เช่นกัน ทำให้ฤทธิ์ต้องต่อกรกับมัน โดยไม่สามารถเข้าไปช่วยจอยได้ ดอนกัดข้อเท้าจอยจนได้เลือดได้เนื้อติดปากมาแล้ว ก็ขยับจะไปกัดคอต่อ จอยพยายามยื้อยุดสุดแรง
“โทมัส ช่วยฉันด้วย โทมัส”
ฤทธิ์ยังสู้กับสมุนอยู่ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวได้ ฤดีที่ยืนมองอยู่ข้างนอกส่งเสียงคำรามออกมาอย่างสะใจ ส่วนธิชาได้แต่มองทุกอย่างด้วยความหวาดผวา ร้องครางในคอออกมาซ้ำๆเหมือนคนบ้า ดอนแสยะเขี้ยวจะกัดคอจอย เลือดในปากของมันหยดลงมาติ๋งๆ จอยเบือนหน้าหนีและกรีดร้องด้วยความกลัวปนขยะแขยง ฤทธิ์กัดฟันยันร่างของสมุน กระเด็นออกไป ก่อนจะเล็งใบมีดไปที่ดอนแล้วกดปุ่มกลไก ใบมีดพุ่งปักขมับดอนอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกดึงกลับคืนที่ ดอนสิ้นใจฟุบไปบนตัวของจอยเธอรีบผลักมันออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความรังเกียจ สมุนพอตั้งหลักได้ ก็ทำท่าจะกลับมาเล่นงานฤทธิ์อีก แต่ธิชาเหลือบเห็นเข้าเสียก่อนก็โผตัวไปหามันก่อนจะผลักร่างมันไปกระแทกผนัง ท้ายทอยปักเข้ากับตะปูที่ตอกไว้บนผนังพอดี สมุนดิ้นรนสักพักก็ขาดใจ
“ธิชา”
ธิชามองจอยเหมือนเริ่มรู้สึกคุ้น เธอโผไปกอดจอยเอาไว้ ขณะที่ฤทธิ์มองกลับไปที่ฤดีแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฤดีคว้าก้อนหินขึ้นมาทุบใส่กระจกจนแตก ฤทธิ์ถือมีดคอยปกป้องจอยกับธิชาที่กอดกันอยู่ ขณะที่ฤดีทุบกระจกซ้ำๆจนแตกกระจายเป็นช่องกว้าง และทำท่าจะปีนเข้ามาในบ้าน ลุงแสงเข้ามาเห็น
“เฮ้ย...นังผีดิบ”
ฤดีหันไปแล้วเจอลุงแสงยิงด้วยปืนลูกซอง นัดเดียวแสกหน้า…ล้มทั้งยืน
ฤทธิ์เปิดประตูให้ลุงแสงเข้ามาในบ้าน ลุงแสงมองสภาพเขาแล้วพยักหน้าให้อย่างทึ่งๆ
“ลุงแสง”
ลุงแสงมองไปที่จอยซึ่งอยู่กับธิชาก็ตื่นเต้น
“หนูธิชา หนูยังไม่ตายเหรอเนี่ย”
ลุงแสงจะเข้าไปกอด แต่ธิชารีบหลบไปหลังจอย
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันไม่รู้เหมือนกันลุง แต่ธิชาจำใครไม่ได้เลย”
ลุงแสงมองธิชาอย่างเวทนา ขณะที่ฤทธิ์มองสภาพศพของดอนและมองมาที่แผลตรงข้อเท้าของจอยอย่างนึกสังหรณ์ใจ
สมุนที่ตายอยู่ที่ทุ่งหญ้าเพิ่งฟื้นคืนชีพมาในสภาพผีดิบ มันลุกขึ้นยืนโงนเงนมองหาเหยื่อ แต่ไม่ทันได้ลงมือก็โดนลุงแสงยิงหัว จนกระเด็นกลับไปนอนในพงหญ้า
“ผมเคยได้ข่าวว่าที่กรุงเทพมีผีดิบระบาดอยู่ช่วงนึง นี่ถ้าไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อ”
ฤทธิ์ประคองธิชาอยู่ไม่ได้สนใจคุยกับลุงแสง เขาหยุดเดินแล้วหันมามองจอยด้วยความเป็นห่วงใบหน้าของจอยเริ่มดูซีดเซียวผิดปกติ
“น้ำตาสวรรค์…ถูกผลิตจากน้ำตามัจจุราช มันทำให้มนุษย์กลายพันธุ์”
จอยชะงัก
“ผู้หญิงคนนั้นใช้น้ำตาสวรรค์”
“ปกติแล้วการกลายพันธุ์จะแพร่ระบาดจากคนสู่คนไม่ได้ เพราะมันเกิดจากสารเคมี ไม่ใช่เชื้อโรค”
“แล้วพวกของดอนล่ะ”
“ผมไม่รู้”
“แล้วฉัน…”
ฤทธิ์นิ่งงันไป ธิชากอดฤทธิ์และมองจอยอย่างกลัวๆ ขณะที่ลุงแสงเริ่มสงสัยว่าฤทธิ์จะทำอะไร ฤทธิ์ไม่กล้าสบตาจอย เขามองไปทางอื่นแล้วพูดออกมาอย่างหนักใจ
“ที่ห้องแลปของบลูฟินิกซ์มีหมอเก่งๆอยู่หลายคน พวกเขาต้องมีทางรักษาคุณแน่ แต่ผมเกรงว่า…เราจะไปไม่ถึง”
ลุงแสงชะงัก
“คุณจะทำอะไร”
ฤทธิ์ยื่นมือ
“ขอปืนให้ผม”
จอยได้ยินแค่นั้นก็ร้องไห้ออกมา รู้ทันทีว่าฤทธิ์จะทำอะไร ลุงแสงเริ่มเข้าใจเช่นกัน
“ไม่...หนูจอยเป็นเพื่อนของคุณชาญ เธอเป็นเหมือนญาติของผม”
“ผมถึงไม่อยากเห็นเธอต้องทรมาน”
ลุงแสงตวัดปืนพาดบ่าเล็งใส่ฤทธิ์อย่างรวดเร็ว
“ไอ้โกหก...ธิชาถอยออกมา”
ธิชายังสับสน ลุงแสงเสียงดัง
“ลุงบอกให้ออกมา”
ธิชาไม่กล้าขยับ แต่ทันใดนั้นจอยที่ยืนเครียดอยู่นานก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆกองหนึ่ง ลุงแสงตะลึง
“หนูจอย”
ฤทธิ์กังวล
“เราต้องรีบจัดการ”
ลุงแสงตวาด
“หุบปาก”
ฤทธิ์ยืนยันเสียงแข็ง
“เดี๋ยวนี้”
“กูบอกให้มึงหุบปาก กูไม่สนว่ามึงเป็นใคร แต่หนูจอยเป็นเพื่อนของคุณชาญ กูจะพาหนูจอยไปหาหมอ มึงได้ยินมั้ย ได้ยินรึยัง”
ฤทธิ์ชะงัก
“ลุงแสง”
ลุงแสงกระชากลูกเลื่อนแล้วยกปืนเล็งใส่ฤทธิ์ ทันใดนั้นจอยก็กรีดร้องโหยหวนออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาในสภาพผีดิบที่เริ่มมีเขี้ยว ลุงแสงตกใจ
“หนูจอย”
จอยโผเข้าหาลุงแสง จังหวะนั้นฤทธิ์ก็รีบชักมีดออกมาเตรียมพร้อม จอยยื้อแย่งปืนกับลุงแสง
“หนูจอย นี่ลุงนะ นี่ลุงเอง”
จอยดึงปืนจากมือลุงแสง แล้วผลักลุงแสงออกไป เธอคำรามและกวาดมองไปรอบตัวอย่างสับสน บางอย่างในจิตสำนึกของเธอกำลังสู้กัน ภาพอดีตของเธอกับชาญ ภาพอดีตของเธอกับธิชา ภาพของลุงแสงที่เคยพูดจากกันแว่บเข้ามา จอยกรีดร้องโหยหวนออกมาก่อนจะตวัดปากกระบอกปืนเข้าหาตัวเองเสียงปืนดังขึ้นกึกก้อง
ณัฐชาเพิ่งปีนลงมาที่ก้นเหวอย่างทุเลทุเล
“เฮ้ย...ลื่นๆ โธ่เอ๊ย...โอ้ยเหนี่อยกว่าจะมาถึง”
ณัฐชาตั้งหลักได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ค้นหาตำแหน่งของนายโทมัส”
ณัฐชากำลังกดโทรศัพท์ยิกๆ ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมา เธอยืนขึ้นแล้วจึงเห็นฤทธิ์จูงธิชามากับลุงแสง
“โทมัส”
“ณัฐชา”
ณัฐชามองธิชาอย่างแปลกใจ ฤทธิ์ส่งเธอให้ลุงแสงพาเดินไปทางหนึ่ง ณัฐชามองสภาพฤทธิ์
“นึกแล้วว่าคนอย่างคุณไม่ต้องใช้ตัวช่วย เฮ้อ...มาเสียเที่ยวจนได้”
แทนคำตอบฤทธิ์ดึงตัวณัฐามากอดแน่นๆอย่างเรียกแรงใจ
“โทมัส มีอะไรรึเปล่า”
ฤทธิ์ยิ้ม
“เพิ่งคิดได้ว่าคนเราตอนมีชีวิตอยู่ ควรจะดีๆกันเข้าไว้จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง”
“คุณหมายถึงชาญรึเปล่า”
“ทุกคน…ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่”
ณัฐชานิ่วหน้าล้อเลียน ฤทธิ์ยิ้มรับ ก่อนจะมองลุงแสงที่กำลังจูงธิชาเดินลัดเลาะเกาะต้นไม้เพื่อขึ้นไปจากเหว
ฤทธิ์เปิดประตูรถให้ธิชาขึ้นไปนั่ง สภาพของเธอดูสะอาดขึ้น ไม่มอมแมมเหมือนตอนแรก แต่ยังชืดๆอยู่ไม่มีราศี ณัฐชาซึ่งประจำตำแหน่งคนขับหันมายิ้มให้ธิชา
“ไงจ๊ะหนู พร้อมจะเดินทางรึยัง”
ธิชาหน้านิ่งไม่ยิ้มรับ ณัฐชาได้แต่เลิกคิ้วเบือนหน้ากลับไปกร่อยๆ ฤทธิ์หันไปลาลุงแสง
“ผมฝากหนูธิชาด้วยนะคุณโทมัส”
“ไม่ต้องห่วงครับลุง น้องสาวของชาญก็เหมือนน้องสาวของผม ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด”
ลุงแสงพยักหน้าแล้วจับมือกับฤทธิ์แทนคำสัญญา รถของณัฐชาแล่นจากไปลุงแสงมองตามอย่างใจหายบรรยากาศดูเงียบเหงา
ณัฐชาขับรถโดยมีฤทธิ์นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนธิชานั่งที่เบาะหลังมองทั้งคู่อยู่นานก่อนจะตัดสินใจถามขึ้น
“พวกเราจะไปไหนคะ”
ฤทธิ์กับณัฐชามองหน้ากันแบบแปลกใจนิดนึง
“อ้าว...พูดได้เหรอ นึกว่าเป็นใบ้”
ฤทธิ์ย่นคิ้วปรามณัฐชานิดหนึ่ง แล้วหันไปบอกธิชา
“เราจะไปกรุงเทพจ้ะ บ้านใหม่ของเธออยู่ที่นั่น”
ธิชาสบตาฤทธิ์แล้วยิ้มออกมา…ทว่าแววตาของเด็กสาวกลับแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียม
บ้านฤดี ศพฤดียังกองอยู่ ขาของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายลึกลับคนนั้นโยนการ์ดที่มีโลโก้ของพรายพิฆาตลงที่พื้นรำพึงเบาๆอย่างสบายใจ
“พรายพิฆาตจงเจริญ”
รถของณัฐชาแล่นมาจนเกือบถึงบลูฟินิกซ์ ฤทธิ์ชี้...
“เห็นตึกสูงๆนั่นรึเปล่าธิชา ที่นั่นคือบ้านใหม่ของเธอ”
ธิชามองป้ายอาคาร
“บลูฟินิกซ์ฟาร์ม่า พี่ชาญทำงานอยู่ที่นั่น” ธิชาตื่นเต้น “เราจะไปหาพี่ชาญกันเหรอคะ”
ณัฐชามองหน้าฤทธิ์อย่างนึกขึ้นได้ ธิชายังไม่รู้ข่าวว่าชาญตายแล้ว
ลิซ่ากับอัศวินยืนรอต้อนรับอยู่ ฤทธิ์กับณัฐชาพาธิชาเข้ามาในบริษัท
“คุณนี่หาเรื่องเก่งจริงๆคุณโทมัส ขนาดฉันยังคิดไม่ถึงเลย ว่าคุณจะเจอกับสาวกพรายพิฆาต” ลิซ่าเข้ามาทัก
ฤทธิ์ยิ้มรับก่อนบอกกับธิชา
“ธิชา นี่คุณลิซ่า เดี๋ยวเขาจะดูแลเธอเอง”
“มาสิ ฉันจะพาเธอไปดูห้องข้างบน”
ฤทธิ์แอบบอกเบาๆ
“ระวังด้วย ธิชายังไม่รู้เรื่องชาญ”
ลิซ่าชะงักนิดหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะพาธิชาไปที่ลิฟต์ ฤทธิ์กับณัฐชามองตามไป ณัฐชาสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
ฤทธิ์เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาสดชื่นขึ้น ขณะที่ณัฐชายังนั่งจิบเครื่องดื่มรออยู่อย่างใช้ความคิด
“คุณตั้งใจจะคุยกับเธอเมื่อไหร่ โทมัส”
“เรื่องชาญน่ะเหรอ”
“ทุกเรื่อง...ฉันอยากรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอหายไปไหนมา แล้วไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง”
“น้องสาวของชาญเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมานะ ผมคิดว่าเราน่ารอก่อน”
ณัฐชาลังเล ฤทธิ์แปลกใจ
“มีอะไรเหรอ”
“ฉันแค่สังหรณ์ใจ มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับธิชา”
คำพูดของณัฐชาทำให้ฤทธิ์รู้สึกกังวล
ลิซ่าเดินนำธิชาเข้ามาในห้องแลปของบลูฟินิกซ์ ธิชากวาดตามองอย่างสนใจ
“เรามาที่นี่ทำไมเหรอคะ”
“มันเป็นกฎของบริษัทจ้ะ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องผ่านการตรวจร่างกาย”
ธิชาท่าทางลังเล
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอมีปัญหาเรื่องสารเสพติดล่ะก็ ฉันจะปิดเป็นความลับเอาล่ะ ทีนี้ก็ถอดเสื้อได้แล้ว”
ธิชาลังเล แต่ตัดสินใจถอดเสื้อออก ระหว่างนั้นลิซ่าก็หันไปสวมถุงมือยางแต่พอหันกลับมาก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่า แผ่นหลังของธิชามีร่องรอยบาดแผลคล้ายถูกเฆี่ยนตีอยู่หลายแผลด้วยกัน รวมทั้งรอยจี้ด้วยบุหรี่
“เธออยากเล่ามั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
แววตาของธิชาเต็มไปด้วยความคับแค้น สะเทือนใจกับอดีตของตน
ฤทธิ์ ณัฐชา ลิซ่า คุยกันอยู่ในห้องสมุดบริษัท ลิซ่าเล่าเรื่องที่รู้จากธิชาให้ทั้งคู่ฟัง
“ฝีมือพวกแก๊งค์ค้ายา พวกมันทารุณเธอจนต้องหนีไปหาจอย ก่อนไปเจอผู้หญิงคนที่เป็นผีดิบคนนั้น”
ณัฐชาสงสัย
“ผู้หญิงคนนั้นจับเธอไว้เหรอ”
“เปล่า เธอเพิ่งเสียลูกสาวไป แล้วก็เสพน้ำตาสวรรค์จนเพี้ยนเลยคิดว่าธิชาคือลูกสาวของเธอ”
“แล้วทำไมธิชาไม่หนี”
“เธอคิดว่ามันปลอดภัยกว่าถ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่น และตัดขาดจากโลกภายนอก”
ณัฐชาหันมาหาฤทธิ์
“น่าสงสัยนะ น้ำตาสวรรค์กำลังขาดตลาด แล้วยัยผีดิบไปเอามาจากไหนตั้งมากมาย แล้วที่สำคัญปกติการกลายพันธุ์จะไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แต่เหยื่อของแม่นี่ดันกลายเป็นผีดิบไปด้วย เหมือนแวมไพร์ไม่มีผิด ฉันว่ามันต้อง…”
ฤทธิ์ตัดบท
“เอาล่ะๆ ค่อยๆคิดเถอะครับคุณตำรวจ เรื่องคดียังไงก็เป็นหน้าที่ของคุณ ส่วนเรื่องธิชาผมจัดการเอง”
ณัฐชามองฤทธิ์อย่างหนักใจ
ธิชาแต่งตัวชุดใหม่เสร็จเป็นชุดเรียบๆ เธอนั่งรออยู่บนเตียง แต่เมื่อไม่เห็นว่ามีใครมาตาม จึงตัดสินใจเดินไปที่ประตูและแง้มออกไปดูข้างนอก เห็นทางเดินภายนอกเงียบวังเวง แต่เห็นมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ เธอมองกล้องวงจรปิด อย่างใช้ความคิด
จ่าสมพรเดินไปทำธุระ แต่แล้วก็มีตำรวจตามมาเรียก
“จ่า...จ่าครับ”
“ว่าไง”
“ทางฝ่ายจราจรแจ้งว่ารถของคนร้ายคันที่ใช้ก่อเหตุถูกโจรกรรมมาครับแล้วก็เคยใช้งานอย่างอื่น ก่อนลงมือด้วย”
จ่าสมพรนิ่วหน้าอย่างสนใจ
ฤทธิ์ดันหลังให้ณัฐชาไปที่ลิฟต์แกมเล่นแกมไล่
“นี่คุณเชื้อฉันสิ ลางสังหรณ์ของตำรวจไม่เคยพลาดนะคุณ”
“เอาไว้ตอนขึ้นศาล คุณไปบอกกับผู้พิพากษาแบบนี้ละกัน”
ณัฐชาเริ่มเข้ม
“โทมัส”
“เชื่อผมเถอะณัฐชา ทางนี้ผมจัดการได้”
“กระตือรือร้นเหลือเกินนะ เรื่องสาวๆเนี่ย”
“โธ่คุณ ธิชาเป็นน้องของชาญ เพื่อนผมนะ”
“ก็ยังไม่ได้บอกว่าคุณคิดอะไรซะหน่อย ทำไมต้องร้อนตัวด้วยล่ะหรือว่าคิดจริงๆ”
“อ้าว…นี่...ณัฐชา ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น คุณต่างหากที่กำลังคิด”
“คิดอะไร”
“คุณหึง”
ณัฐชาแค่นหัวเราะ
“เฮอะ ฝันไปเหอะคุณ ผู้หญิงอย่างฉันไม่มีทางเหมือนผู้หญิงคนอื่น โหมดหึงไม่เคยมีในสารบบของณัฐชา”
ฤทธิ์เห็นลิฟต์มาพอดีก็ชี้เตือน
“แล้วผมจะคอยดู โชคดีนะ”
ณัฐชาเข้าลิฟต์ไป แอบบ่นกับตัวเองด้วยอารมณ์งอนแบบเด็กๆ
“คนบ้า อย่าให้จับได้นะว่ากิ๊กเด็ก เจอวิสามัญแน่ คอยดูสิ”
ธิชาดูภาพวงจรปิดของณัฐชาจากจอคอมพิวเตอร์ ระหว่างนั้นอัศวินก็เข้ามาโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“เธอเข้ามาในนี้ทำไม”
ธิชาสะดุ้งหันมามองหน้าอัศวิน
“เธอคงจะเป็นน้องสาวของชาญที่ชื่อธิชา ไม่ต้องกลัวนะ ฉันชื่ออัศวินเป็นหัวหน้า ร.ป.ภ.คนใหม่ของที่นี่...เราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
ธิชามองอัศวินอย่างหวาดกลัว พอมืออัศวินจะถูกตัว เธอก็กรี๊ดลั่นก่อนจะผลักเขาออกไป...ฤทธิ์พอได้ยินเสียงกรีดร้องก็หยุดฟังอย่างตกใจ
ธิชาวิ่งหนีอัศวินให้พล่านไปทั่วห้อง ขณะที่อัศวินพยายามจะหยุดเธอ
“นี่...ฟังฉันก่อนสิ ฉันเป็นคนดีนะ ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ...ธิชา หยุดก่อน”
ธิชาไม่ฟังเสียงคว้าคัดเตอร์ปาดใส่อัศวินจนหลังมือเป็นแผลฤทธิ์เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น”
ธิชาพอเห็นฤทธิ์ก็วิ่งเข้าไปกอดทันที
“ธิชา”
“เขาจะฆ่าฉัน...เขาจะฆ่าฉัน”
“ผม…ผมแค่จะ...”
ฤทธิ์มองอัศวินอย่างเข้าใจ
“ฉันเข้าใจ นายไปทำแผลเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
อัศวินพยักหน้าอย่างอ่อนใจ ขณะที่ธิชายังเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดผวา
ฤทธิ์คุยเรื่องอาการของธิชา กับลิซ่าในห้องแลป
“ฉันว่ามันคงเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่ง ธิชามีประวัติเคยใช้สารเสพติดแถมยังเคยถูกทำร้ายร่างกายจิตใจมาก่อน อารมณ์ของเธอถึงได้เปราะบางขนาดนั้น”
“แล้วคุณว่าผมควรจะบอกเธอตอนไหนดี เรื่องชาญ”
“ฉันบอกไม่ได้หรอกคุณโทมัส ตอนนี้คุณคือผู้ปกครองของเธอ เรื่องนี้คุณต้องตัดสินใจเอง”
ฤทธิ์หนักใจ
ค่ำนั้น จ่าสมพรกำลังคีย์คอมพิวเตอร์ก่อนจะผลักหน้าจอให้ณัฐชาชมวีดิโอคลิป
“ภาพนี้ได้มาจากอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่ง โชคดีที่เครื่องบันทึกเกิดขัดข้อง ไฟล์ภาพชุดนี้ก็เลยยังไม่ถูกอัดทับ”
ณัฐชาพยักหน้า
“ดูจากวันที่ น่าจะราวๆเดือนนึงเห็นจะได้”
“ครับผม”
ภาพวีดิโอคลิปเห็นรถคนร้ายแล่นมาจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์ คนร้ายสามคนลงมาจากรถ ก่อนจะพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์
“หยุดภาพก่อนซิจ่า...ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ไม่ทราบครับ ผมกะว่าจะไปถามเจ้าของอพาร์ตเมนท์วันพรุ่งนี้”
ณัฐชาเพ่งมองหน้าจอใกล้ๆ เห็นภาพของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจนแต่ดูคล้ายธิชาจริงๆ
ฟ้าฝนตั้งเค้า ฤทธิ์หยิบกล้องถ่ายรูปของชาญมาดูอย่างครุ่นคิด…เขาตัดสินใจว่าควรบอกความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับธิชา
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ธิชานั่งเหม่อมองอยู่ที่หน้าต่าง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น เธอหันมองไปและฤทธิ์โผล่หน้าเข้ามา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ฉันยังไม่ง่วง”
ฤทธิ์พยักหน้าก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง
“พี่ชาญรู้รึเปล่าว่าฉันอยู่ที่นี่...คืนนี้เขาจะมามั้ย หรือว่าเขายังโกรธฉัน”
ฤทธิ์ทำใจนิดหนึ่งก่อนจะส่งกล้องถ่ายรูปของชาญให้เธอ แล้วค่อยนั่งลงข้างๆ
“ชาญ...ไม่อยู่แล้ว”
ธิชาเริ่มเดาออก
“นานแค่ไหน”
“เราคงไม่ได้เจอกับเขาอีก”
ธิชาร้องไห้
“ในเมื่อเขาไปแล้ว แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
ฤทธิ์กุมมือธิชา
“เพราะชาญคือเพื่อนของฉัน ดังนั้นเธอก็คือน้องสาวของฉันด้วยเหมือนกัน ต่อไปนี้ฉันดูแลเธอเอง”
ธิชาร้องไห้โผกอดฤทธิ์เอาไว้
ณัฐชาเลือกซื้อของในร้าน พวกของขบเคี้ยวต่างๆ เธอคว้าขนมอย่างหนึ่งที่เหลือห่อสุดท้าย พร้อมกับมือผู้ชายเข้ามาคว้าเหมือนกัน
“เอ๊ะ”
ณัฐชาหันไปเจออัศวิน
“ขอโทษครับ”
อัศวิน ทำมือเชิญให้ณัฐชาเอาขนมไป ณัฐชายิ้มๆ
“เสียดายนะครับ เหลือถุงเดียว”
ณัฐชาไม่พูดอะไรเดินไปจ่ายเงิน รู้สึกคุ้นหน้าอัศวิน แต่คิดไม่ออก หันไปมอง อัศวินยิ้มให้ ณัฐชายิ้มนิดๆรีบเมินกลับ กลัวหาว่าแอบมอง
ณัฐชา เดินหิ้วถุงขนมมาตามทาง รู้สึกเหมือนมีใครตาม หันไป ก็เห็นอัศวินเดินหิ้วถุงตามมา อัศวินยิ้มให้อีก ณัฐชาเมินกลับสงสัย
“ตามมาทำไมเนี่ย”
ณัฐชาเดินเร่งรีบเข้ามาในคอนโด อัศวินก็ยังเดินตามมา ยิ้มให้อีก ณัฐชารีบเข้าลิฟต์กด อัศวินตามไม่ทัน
ณัฐชาหากุญแจจะไขเข้าห้อง แต่หาไม่เจอ อัศวินเดินเข้ามา
“หากุญแจไม่เจอเหรอครับ”
“นี่คุณตามฉันมาทำไม ต้องการอะไร”
“เออ ผม...”
“คุณคงไม่รู้นะว่าฉันเป็นตำรวจ”
“ทราบครับ ผู้กองณัฐชา”
“ทำไมรู้จักชื่อฉันด้วย”
“นี่ผู้กองจำผมไม่ได้จริงๆเหรอครับ เราเคยเจอกันแล้วที่บลูฟีนิกซ์”
ณัฐชาชะงัก
“ฮะ”
“ผมชื่ออัศวิน เป็นหัวหน้ารปภ.ที่นั่นครับ”
ณัฐชานึกออก
“มิน่า ฉันคุ้นหน้าคุณมาก แล้วตกลงคุณตามฉันมาทำไม”
“ผมไม่ได้ตามผู้กองนะครับ ผมพักที่นี่ นี่ห้องผม”
อัศวินชูกุญแจห้องตรงข้าม ให้ณัฐชาดู
ณัฐชากับอัศวินนั่งคุยกันในร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นข้างทาง
“ฉันกลับดึกมาก เลยไม่ทันสังเกตว่าคุณย้ายมาอยู่ห้องตรงข้ามแล้ว โหสิ นะ”
“ผมก็กลับเช้าเลยไม่เคยเจอผู้กองเหมือนกัน ผมชื่ออัศวินนะครับ เรียกวินก็ได้”
“โอเค คุณวิน”
“ผู้กองรู้มั้ย ว่าผมเป็นแฟนคลับผู้กองนะครับ”
“จริงเหรอ”
“สาบานเลยครับ ผมตามข่าวผู้กองตลอดตั้งแต่ผู้กองลุยกับพวกพรายพิฆาต นี่ไง ผมยังเซฟภาพข่าวผู้กองไว้เลย”
อัศวินยื่นโทรศัพท์ให้ดู ณัฐชามองอย่างไม่อยากเชื่อ
“อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นโรคจิตนะครับ ผมน่ะ ใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่มีโอกาส เลยมาเป็นรปภ. อย่างน้อยก็ใกล้เคียง”
“แต่อย่างคุณ ฉันว่าน่าจะไปเป็นดารามากกว่านะ”
“ดารามีเยอะแล้วครับ แล้วผมก็ขี้อายด้วย แค่ครูให้ออกไปพูดหน้าฉันก็ฉี่เกือบราดแล้ว”
ณัฐชาขำ คนขายเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟสองชาม อัศวินกับณัฐชาชะงัก เขี่ยๆถั่วงอกแล้วพูดออกมาพร้อมกัน
“เฮีย ฉัน –ผมไม่ใส่ถั่วงอก”
ทั้งคู่มองหน้ากัน หัวเราะ มิตรภาพเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ทั้งคู่เดินกลับไปที่ตึกด้วยกัน
“ดีใจที่ได้รู้จักนะ คุณวิน”
“ครับ คุณโทมัส ต้องแปลกใจแน่ๆที่ผมพักอยู่ที่เดียวกับผู้กอง”
“คุณไม่ต้องเล่าให้เขาฟังหรอก”
“อ้าว ทำไมละครับ”
“ฉันจะได้ฝากคุณสอดส่องพฤติกรรมเขาไง”
“คุณโทมัสดูไม่ใช่คนเจ้าชู้นะครับ จะมีก็แค่คุณธิชาที่ดูเขาจะเป็นห่วงมาก”
“เขาแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ครับ กำชับให้พวกผมดูแลเป็นพิเศษ”
“แล้วธิชา เขาเป็นไง มีอะไรแปลกกๆบ้างมั้ย”
“แปลกยังไงครับ”
“เปล่าๆ ถามไปงั้นแหละ ขอบคุณนะที่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวรอบดึก แล้วเจอกัน”
“ฝันดีครับผู้กอง”
ต่างคนต่างเข้าห้องของตน
ฤทธิ์นอนหลับอยู่บนเตียงแต่ไม่ค่อยสนิทนัก เมื่อพลิกตัวมาก็เห็นบารอนยืนมองเขาอยู่ ฤทธิ์ตกใจ
“พรายพิฆาต”
ฤทธิ์รีบคว้าปืนจากใต้หมอนออกมาเล็งใส่บารอน แต่จังหวะนั้นบารอนก็พุ่งแทงมีดใส่เขา
“ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้านักสู้มหากาฬ วันตายของแกมาถึงแล้ว”
ฤทธิ์มองหน้าบารอนด้วยความตกใจขณะที่มันชักมีดออกมาแล้วแทงซ้ำอีกครั้ง ฤทธิ์สะดุ้งตกใจตื่นพอรู้ว่าตัวเองฝันร้ายก็ยิ่งเครียดหนัก
“นี่เราฝันไปเหรอเนี่ย”
โทรศัพท์ดังขึ้น ฤทธิ์รับสาย เสียงบารอนดังมาจากปลายสาย
“ฤทธิ์ ราวี”
“นั่นใคร”
“ฉันคือคนที่จับตาดูแกอยู่ ฉันคือยมทูตของแก”
“พรายพิฆาตอีกสิท่า”
“ส่งน้ำตามัจจุราชที่แกซ่อนไว้มาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นแกจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ฤทธิ์ขบกรามด้วยความตึงเครียด ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไปแค่นั้น
ฤทธิ์เรียกลิซ่ามาปรึกษากลางดึก เธอส่งน้ำดื่มให้
“คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าน้ำตามัจจุราชถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัย พวกคนร้ายไม่มีทางเจอมันแน่”
“เพราะแบบนี้ผมถึงกลัวว่ามันจะใช้วิธีสกปรก”
“เพื่อบีบคุณให้ส่งน้ำตามัจจุราชงั้นเหรอ ถ้ามันรู้จักคุณมันคงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก”
ลิซ่าปลีกตัวไปหาที่นั่ง
“พรายพิฆาตเคยต่อรองกับคุณ ด้วยชีวิตของคนที่คุณรักมากที่สุดนั่นก็คือผู้กองณัฐชา แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังเปลี่ยนใจคุณไม่ได้ เรื่องนี้สมุนของมันก็น่าจะรู้”
“ผมกลัวว่ามันจะมีแผนอื่น”
“คุณวางใจเถอะคุณโทมัส ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องปลอดภัย ฉันรับรอง”
อัศวินหิ้วถุงใส่ก๋วยเตี๋ยวเข้ามาเต็มสองมือ หัวหน้ายามกับลูกน้องรีบมาต้อนรับ
“อ้าวหัวหน้า เข้าเวรดึกเหรอครับ”
“เปล่าหรอก ฉันนอนไม่หลับน่ะ นี่เลยซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝาก”
“โอ้โห เลี้ยงได้เป็นกองทัพเลยครับหัวหน้า ขอบคุณครับ”
“กองทัพต้องเดินด้วยท้องอยู่แล้วนี่” อัศวินส่งของให้ “เอาไปแบ่งกันเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลให้”
“ขอบคุณมากครับ”
หัวหน้ายามรับมาส่งให้ลูกน้อง
“เฮ้ยจัดการด้วย ผลัดกันกินนะโว้ย ไม่ใช่ไปปาร์ตี้กันหมด”
“ครับ”
ยามรีบหิ้วถุงอาหารเข้าไปข้างใน
“คืนนี้อยู่เต็มอัตราศึกเลยหรือไง”
“ครับ คุณลิซ่าหวั่นว่าจะเกิดเหตุร้าย ก็เลยจัดเต็มแบบนี้มาหลายคืนแล้วครับ”
อัศวินมองไปที่ประตู
“ถ้าพรายพิฆาตบุกเข้ามาจริงๆ พวกมันต้องเสร็จเราแน่”
หัวหน้ายามพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ขณะที่อัศวินยังมีเรื่องครุ่นคิดบางอย่าง
วันใหม่...จ่าสมพรขับรถมาจอดที่หน้าอพาร์ตเมนท์ ณัฐชาที่โดยสารมาด้วยมองออกไปและเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าทางเข้า
“cctv ของจราจรเห็นรถคนร้ายแล่นเข้ามาในซอยนี้ครับ แล้วกล้องตัวนี้ก็คือตัวที่ถ่ายภาพไว้เมื่อวาน”
ณัฐชาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
คนดูแลหอพักตอบคำถามของณัฐชา จ่าสมพรกำลังดูแฟ้มบัญชีคนเช่าห้องพักไปพลางๆ
“แหม จำไม่ได้จริงๆครับคุณตำรวจ เพราะผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ไม่ถึงเดือน แล้วก็เก็บตัวเงียบแต่ในห้อง ข้าวปลาอาหารก็โทรสั่งเอาทุกมื้อ”
“ดูเหมือนเอกสารที่ใช้เช่าห้องพัก จะเป็นของปลอมตัวด้วยครับผู้กอง”
ณัฐชาดูแฟ้มเอกสารอย่างหนักใจก่อนจะคิดอะไรขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์มากดให้ดูรูปของธิชา
“ลุงช่วยดูหน่อยสิ ว่าผู้หญิงคนนั้น หน้าตาเหมือนคนในรูปนี่รึเปล่า”
คนดูแลดูสักพัก
“เอ...ก็คล้ายๆนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ณัฐชาได้แต่หนักใจ
จ่าสมพรกับณัฐชาเดินกลับมาขึ้นรถด้วยกัน
“มันก็แปลกนะครับผู้กอง”
“ยังไงเหรอจ่า”
“ถ้าคนร้ายเป็นโจรธรรมดา จะหิ้วผู้หญิงมาด้วยก็ว่าไปอย่าง แต่นี่พวกมันเป็นพรายพิฆาต มันจะพาผู้หญิงมาด้วยทำไม”
“นั่นล่ะที่ฉันสงสัย ผู้หญิงคนนั้นต้องมีผลกับแผนการของพวกมัน”
จ่าพรคิดๆ
“ผู้หญิงของพรายพิฆาต…” จ่าพรนึกขึ้นได้ “เออ จริงด้วย”
“อะไรเหรอจ่า”
“โกดังที่เราไปวันก่อนไงครับผู้กอง ที่ห้องพักด้านหลัง ผมเจอลิปสติกของผู้หญิงที่นั่น”
ณัฐชาคิดๆ
“หรือว่า...จะเป็นคนเดียวกัน”
จ่าพรพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
จ่าสมพรมือหนึ่งถือปืน อีกมือถือไฟฉาย ให้ณัฐชาใช้ปากคีบๆหลักฐานประมาณเส้นผมจากที่นอนใส่ซองพลาสติก
“เร็วๆหน่อยครับผู้กอง ถ้าไอ้ตัวประหลาดนั่นเกิดย้อนมาอีก มีหวังได้ยุ่งกันใหญ่แน่”
“เรียบร้อยแล้วจ่า เดี๋ยวเราได้รู้กันแน่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
ณัฐชามองเส้นผมในซองหลักฐานอย่างมุ่งมั่น
ลิซ่าคุยโทรศัพท์กับณัฐชา
“คุณแน่ใจแค่ไหนว่าผู้หญิงคนนั้นคือธิชา”
“ฉันยังไม่มีหลักฐาน แต่ยังไงก็อยากเตือนให้โทมัสระวังตัวไว้ก่อน”
“แล้วทำไมคุณไม่เตือนเขาเองล่ะ”
“ขืนฉันพูดเดี๋ยวเขาก็หาว่าฉันขี้ระแวงอยู่ดี คุณช่วยบอกแทนฉันด้วยละกัน”
“ถ้างั้นก็คงต้องรอเย็นนี้”
ณัฐชาแปลกใจ
“เย็นนี้...โทมัสไม่อยู่เหรอ”
“เขาออกไปข้างนอกกับธิชา”
ณัฐชาอึ้งไป
ฤทธิ์ยืนดูธิชาที่ลองเสื้อผ้าโดยมีพนักงานขายคอยแนะนำ ไม่นานนัก เธอส่งชุดคืนให้พนักงานขาย
“ไม่ชอบชุดนี้เหรอธิชา” ฤทธิ์เดินเข้ามา
“ชอบค่ะ แต่ธิชาว่ามันแพงเกินไปหน่อย”
ฤทธิ์บอกกับพนักงานขาย
“ช่วยใส่ถุงให้ด้วยนะครับ”
“ได้เลยค่ะ”
“จะดีเหรอคะคุณโทมัส”
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกคุณ ให้เรียกโทมัสเฉยๆก็พอ”
ธิชาลังเล
“พี่...พี่โทมัส”
ฤทธิ์ยิ้มอย่างพอใจ เอื้อมมือขยี้ผมธิชาเบาๆ
ฤทธิ์กับธิชา นั่งอยู่ในร้านไอศครีม บรรยากาศสบายๆ
“ทานสิ ตามสบายนะ”
ธิชายิ้มขำท่าทางกระตือรือร้นของฤทธิ์
“หนูไม่ใช่เด็กนะคะพี่ พี่ไม่ต้องเอาใจหนูก็ได้ค่ะ”
“พี่ไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย ทำไมต้องเกรงใจด้วยล่ะ”
ธิชามองไปรอบๆอย่างทำใจ
“ชีวิตหนูเวลามีอะไรดีๆเกิดขึ้น มันมักจะจากไปเร็วเสมอ แต่ก่อนหนูเคยมีพร้อมทุกอย่าง แต่ว่าตอนนี้…”
ฤทธิ์เห็นธิชาดูเศร้าก็เอื้อมมือไปกุมมือเธอ
“โลกนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเสมอไป แต่ไม่เคยมีใครโชคร้ายตลอดชีวิต”
“พี่แน่ใจเหรอคะ”
“พี่ก็เหมือนกับเรา แต่ก่อนก็อยู่ตัวคนเดียวเหมือนกัน”
“แสดงว่าตอนนี้พี่มีครอบครัวแล้วเหรอค่ะ”
“มีน้องสาวคนนึง นั่งอยู่ตรงนี้ไง”
ธิชานึกขึ้นได้แล้วยิ้มออก ฤทธิ์มองธิชาอย่างผูกพัน
อัศวินแอบซ่อนกล้องรูเข็มสำหรับสอดแนมไว้ในห้องของธิชา ก่อนจะหันมาถามลิซ่าอย่างลังเล
“ทำแบบนี้จะดีเหรอครับคุณลิซ่า”
“ฉันเชื่อใจผู้กองณัฐชา ถ้าไม่มีเบาะแส เธอคงไม่สงสัยธิชาแบบนี้หรอก”
“แต่ว่าถ้าคุณโทมัสรู้เข้า”
“ฉันจะรับผิดชอบเอง”
อัศวินพยักหน้าเหมือนไม่อยากขัดใจ จังหวะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ลิซ่ารับสาย
“ผู้กองณัฐชา ใช่ค่ะ ฉันทำตามที่คุณสั่งแล้วได้ค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะลงไป”
ณัฐชายืนรออยู่ในล็อบบี้ ฤทธิ์เดินกลับเข้ามากับธิชาที่เกาะแขนเขา อย่างสนิทสนม ฤทธิ์แปลกใจ
“ณัฐชา”
ธิชาค่อยๆชักมือออกเหมือนเห็นณัฐชาจ้องตาเขม็ง
“พาธิชาไปเที่ยวมาเหรอคะ คุณโทมัส”
“ก็แค่พาไปเปิดหูเปิดตานิดหน่อย ไม่อยากให้เบื่อ”
ณัฐชามองธิชา
“ค่ะ เห็นสีหน้าตะกี๊แล้ว ท่าทางคงมีความสุขมาก”
ฤทธิ์ปราม
“ไม่เอาน่าณัฐชา มีอะไรไปคุยกันข้างบนเถอะ”
ณัฐชาไม่ทันตอบโต้ ลิซ่ากับอัศวินก็มาถึง
“ผู้กอง...คุณโทมัส มาพอดีเลย”
ฤทธิ์หันไปต่อว่าลิซ่า
“คุณน่าจะบอกผมก่อนว่าผู้กองจะมา”
“อย่าโทษลิซ่าเลยค่ะ ฉันไม่ได้แจ้งเธอล่วงหน้า เพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าคุณต้องการล่ะก็ คราวหลัง ฉันจะจัดการให้”
ฤทธิ์มองณัฐชาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
อัศวินหิ้วถุงข้าวของที่ซื้อมาไปส่งธิชาที่ห้อง
“ถ้าคุณธิชาต้องการอะไรก็เรียกผมได้เลยนะครับ อ้อแล้วก็กลางคืนที่นี่มีกฎห้ามออกไปเดินนอกห้องถ้าไม่จำเป็น รบกวนคุณธิชาช่วยปฏิบัติตามด้วยนะครับ”
ธิชาหันมามองอย่างเย็นชา
“นายสั่งฉันเหรอ”
“เปล่าครับ แต่คุณลิซ่าบอกผมมาแบบนั้น”
ธิชาเดินมาจ้อง
“ถ้างั้น ก็ให้ลิซ่ามาพูดกับฉัน ไม่ใช่นาย”
อัศวินพยักหน้ารับทราบ เขารู้สึกว่าธิชามีด้านมืดบางอย่างที่คนอื่นยังไม่รู้
ฤทธิ์กับณัฐชาคุยกันอยู่ในห้องนอน
“นี่คุณต้องการอะไรกันแน่ณัฐชา คุณจะคอยจับผิดธิชาไปถึงไหน”
“ฉันแค่ไม่ไว้ใจเธอ คุณน่าจะส่งเธอไปอยู่ที่อื่น จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าคุณปลอดภัย”
“ทำไมผมต้องระแวงเธอด้วย เพราะคุณสั่งให้ผมระแวงงั้นเหรอ”
“ฉันเป็นห่วงคุณนะโทมัส”
“ผมตัดสินใจเองได้” ฤทธิ์ปลีกตัวไปหาอะไรดื่ม “ผมไม่ว่าหรอกนะที่คุณจะไม่ชอบธิชา แต่อย่างน้อยก็ควรจะมีหลักฐาน หรือเหตุผลที่มากกว่านี้ ที่คุณมีตอนนี้มันก็แค่อารมณ์เท่านั้นเอง”
ณัฐชาน้อยใจ
“ก็จริงของคุณ ถ้างั้นฉันกลับก่อนละกัน”
ณัฐชาเดินสวนผ่านฤทธิ์ แต่อีกฝ่ายนั้นคว้าข้อมือเธอไว้ ไม่มีคำพูดแต่ฤทธ์ส่งสายตาเว้าวอนให้เธอลืมเรื่องที่เถียงกัน ณัฐชาแกะมือฤทธิ์ออกแล้วเดินจากไป
ณัฐชากลับออกมาและเจอลิซ่ายืนดักรออยู่ท่าทางเหมือนรู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้น
“คุณเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เขาก็เหมือนกัน”
“ฉันจะรีบหาหลักฐานมายืนยันสิ่งที่ฉันพูดให้เร็วที่สุด ฝากทางนี้ด้วยนะ”
“ค่ะ ผู้กอง”
ณัฐชาเดินจากไป ลิซ่ามองตามอย่างเข้าใจ
ค่ำนั้น ฤทธิ์ปลีกตัวมาสงบสติบนดาดฟ้าก่อนที่อัศวินจะตามมา
“คุณลิซ่าให้ผมมาเตือนคุณว่าคุณต้องฉีดยาต้านไวรัส”
“ฉันรู้แล้ว”
“เธอสั่งว่าต้องฉีดภายใน...”
ฤทธิ์หันมาดุ
“ฉันบอกว่าฉันรู้แล้วไง”
อัศวินอึ้ง
“ผมขอโทษครับ”
อัศวินทำท่าจะเดินกลับไป ฤทธิ์มองตามอย่างรู้สึกผิด
“อัศวิน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ฤทธิ์กับอัศวินนั่งดื่มเหล้าด้วยกัน
“แต่ก่อนฉันเคยมีเพื่อนอยู่คนนึง เค้าคอยปกป้องฉันเสมอแล้วก็ให้คำปรึกษาเวลาที่ฉันจนตรอก”
“ชาญเหรอครับ”
ฤทธิ์พยักหน้า
“ชาญ”
“เสียดายที่ผมประสบการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น ก็เลยช่วยอะไรคุณไม่ได้”
“ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย นี่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน”
“แต่คุณก็ระบายให้ผมฟังได้นะครับ อย่างน้อยคุณก็ควรบอกว่า คุณกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร”
ฤทธิ์มองอัศวินอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจ
“ฉันรู้สึกว่าเวลาของฉัน…หมายถึงนาฬิกาชีวิตของฉัน มันเดินช้าเหลือเกิน แล้วมันทำท่าจะหยุดเดินด้วยซ้ำ มันทำให้ฉันไม่กล้าวางแผนอะไรสำหรับอนาคต ไม่กล้าที่จะเริ่มต้นอะไร นอกซะจากดูแลแค่สิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุด”
อัศวินคิดๆ
“ผมเคยเห็นข่าวผู้ชายคนนึง เขาแต่งงานตอนอายุเจ็ดสิบ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเขาเห็นแก่ตัวมาก แต่พอมานึกๆดูแล้ว...ผมคิดว่าเวลาที่เหลืออยู่ของทุกคน มีไว้เพื่อทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ เพื่อรอวันตาย”
“นายแน่ใจเหรอ”
“ลูกผู้ชายทุกคนคือฮีโร่ และฮีโร่ควรอยู่อย่างมีความหวังครับเจ้านาย ไม่ว่าแพ้หรือชนะ เราต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมีหัวใจของนักสู้”
วิญญาณของนักสู้เหมือนถูกปลุกเร้าฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ณัฐชาเปิดประตูออก ไม่มีใคร เห็นแต่ถุงปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้แขวนอยู่หน้าห้อง มีโน้ตเล็กๆด้วย
“อาหารเช้า เจ้าอร่อยครับ...วิน”
ณัฐชายิ้ม
ภาพจำลองเสมือนจริงของมาดามหลิว ปรากฏขึ้นต่อหน้าลิซ่า
“ผลวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของธิชาออกมาแล้ว เธอเป็นคนปกติ สภาพร่างกายของเธอยังไม่มีการกลายพันธ์ แต่เราพบสารเสพติดประเภทยากล่อมประสาทในเลือดของเธอ”
“ยากล่อมประสาทเหรอคะ ฉันนึกว่าเธอจะใช้น้ำตาสวรรค์ซะอีก”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“โทมัสบอกว่าที่บ้านหลังนั้นมีน้ำตาสวรรค์อยู่เต็มไปหมด”
“ลิซ่า…ฉันมีข้อสังเกตเรื่องนึง ตั้งแต่ธิชามาที่นี่เคยแสดงอาการ อยากยาให้เธอเห็นรึเปล่า”
“ไม่ค่ะมาดาม แต่ว่าตอนที่ฉันสอบถามเธอเรื่องที่เกิดขึ้น เธอมีอาการเบลอ และจำเรื่องบางอย่างไม่ได้”
“แล้วเธอคิดว่าธิชาเสพยาจนเบลอ ตอบคำถามไม่ได้ หรือเสพยาเพื่อจะได้ไม่ต้องตอบคำถามบางอย่างกันแน่”
ลิซ่าเอะใจคิดตามขึ้นมา
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ณัฐชาดูผลการวิเคราะห์เลือดที่ลิซ่ายื่นให้
“เสพยาเพื่ออำพรางเหรอ”
“จริงอย่างที่ผู้กองสงสัย ธิชาปกปิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่จะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร”
“มีเหตุผลเดียว...พรายพิฆาต”
“ผู้กองมีหลักฐาน”
“ถ้าDNAของธิชา ตรงกับเส้นผมของผู้หญิงปริศนาในโกดัง เธอต้องเกี่ยวข้องกับพวกมันแน่ ถึงเวลากระชากหน้ากากของเธอแล้ว ลิซ่า”
ประตูห้องแลปเปิดออก ธิชาแอบย่องเข้ามาค้นตามตู้เก็บยาต่างๆเพื่อหาน้ำตามัจจุราช เธอเห็นตู้นิรภัยล๊อกอยู่ก็พยายามเปิดออก ทันใดไฟในห้องก็สว่าง เสียงสัญญาณดังไปทั่ว ลิซ่ามาถึงคนแรก
“ของที่เธอหาไม่ได้อยู่ในนี้หรอก”
ธิชาเสียงแข็ง
“ของอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“เธอหาน้ำตามัจจุราชอยู่ใช่มั้ย”
“เปล่า”
ฤทธิ์กับอัศวินตามมาสมทบพอดี ธิชารีบเปลี่ยนท่าทีจากแข็งเป็นอ่อน
“เกิดอะไรขึ้น ธิชา แล้วนี่มาทำอะไรดึกๆดื่นๆในห้องแลป”
อัศวินมองหน้า
“ผมเคยบอกแล้วไงครับ ว่าที่นี่มีกฎ ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านยามวิกาล”
ธิชารีบแก้ตัว
“หนูหิว เลยจะมาหาอะไรกินในห้องครัว แต่สงสัยจะหลงทาง”
“ฉันไม่เชื่อ เธอต้องถูกควบคุมตัว”
ลิซ่าจะจับตัวธิชา ฤทธิ์ขวางไว้
“เดี๋ยวก่อนลิซ่า แล้วธิชาเปิดประตูเข้ามาได้ยังไง คนนอกไม่มีใครรู้รหัส”
“ฉันเปิดเอาไว้เอง เพราะฉันรู้ว่าธิชาต้องเข้ามาแน่”
“หนูไม่รู้เรื่องจริงๆนะคะ พี่เชื่อหนูนะ”
“ธิชาเพิ่งมาอยู่ที่นี่คงยังไม่คุ้นเคย” ฤทธิ์แย้ง
ลิซ่าอึ้ง
“โทมัส”
ฤทธิ์มองหน้าลิซ่า
“ดีที่คนที่เข้ามาเป็นธิชา แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ ลิซ่า ความระแวงบางทีมันก็เป็นผลร้ายนะ”
ธิชามองฤทธิ์ด้วยสายตาอ้อนวอน
“หนูไม่ได้โกหก…หนูไม่ได้โกหก”
ธิชาร้องไห้ออกมา ฤทธิ์ปลอบ
“พี่เชื่อเธอ ไม่มีอะไรแล้วทุกคน กลับไปพักผ่อนเถอะ ผมจะดูธิชาเอง”
ลิซ่ายังไม่วางใจ แต่ฤทธิ์สบตาให้เชื่อเขา ก่อนจะประคองธิชาที่หน้าซีดออกไป ลิซ่ากับอัศวินมองตามอย่างไม่ไว้ใจ
ฤทธิ์ส่งธิชาเข้านอน
“ที่นี่ไม่มีใครชอบหนู ทุกคนคิดว่าหนูเป็นคนร้าย”
“เราจะไปสนใจทำไมกับความคิดคนอื่น เรารู้ว่าเราเป็นอะไรก็พอ”
“แต่หนูทำให้พี่ไม่สบายใจ”
“ถ้าอยากให้พี่สบายใจก็ต้องหยุดร้องไห้ แล้วก็นอนซะ”
ธิชาล้มตัวลงนอน
ธิชาหลับสนิท ฤทธิ์ขยับผ้าห่มให้ ธิชาแกล้งละเมอ
“พี่ชาญ ทำไม...ทำไมพี่ต้องทิ้งหนูไปด้วย...ทำไม”
ฤทธิ์ลูบผมธิชา
“พี่จะไม่ทิ้งเธอ ธิชา”
วันใหม่ ณัฐชารออย่างกระวนกระวายใจอยู่ในห้องทำงาน จ่าสมพรเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ
“ได้เรื่องแล้วครับผู้กอง”
“ผลเป็นยังไงบ้าง”
“DNA ตรงกันทุกตำแหน่ง ผู้หญิงในโกดังคือธิชาแน่นอนครับ”
ณัฐชายิ้มพอใจ
“ธิชา เธอเสร็จฉันแน่...ไปจ่า”
ทั้งสองคนนำกำลังตำรวจรีบออกไป
ฤทธิ์พาธิชามาที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าบริษัท
“พี่จะพาหนูไปไหนเหรอคะ” ธิชาหน้าเสีย “หรือว่าหนูจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
ฤทธิ์จับไหล่ธิชาปลอบ
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ พี่แค่จะพาน้องสาวของพี่ไปดูหนัง ดีมั้ย ธิชาเจอกับเรื่องร้ายๆมาเยอะแล้ว พี่อยากให้เราสบายใจ มีรอยยิ้มบ้าง”
ธิชาดีใจ
“จริงนะคะ...ขอบคุณค่ะ หนูรักพี่ที่สุดเลย”
ธิชากอดฤทธิ์ไว้แน่น เขากอดตอบ กำลังจะพาธิชาขึ้นรถ แต่ลิซ่าเข้ามาขวางเพื่อดึงเวลารอตำรวจ
“พวกคุณยังไปไหนไม่ได้”
“มีอะไรเหรอลิซ่า ไม่ต้องห่วงน่า ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลใจ เชื่อผม”
“ฉันเชื่อคุณ” ลิซ่าจ้องธิชาเขม็ง “แต่ไม่เชื่อเธอ”
ทันใดณัฐชากับจ่าสมพรก็นำกำลังตำรวจบุกมาล้อมจับธิชาไว้ ปืนทุกกระบอกเล็งมาที่เธอ
“ธิชาเธอโดนจับแล้ว อย่าขัดขืน”
ฤทธิ์แปลกใจ
“เรื่องอะไรกัน ธิชาทำอะไรผิด”
“ธิชาเป็นพวกเดียวกับพรายพิฆาต” ณัฐชาบอกเสียงเข้ม
ฤทธิ์แย้ง
“คุณเอาอะไรมาพูด”
ณัฐชามองหน้าฤทธิ์
“ถามน้องสาวคุณดูสิ ว่าพวกพรายพิฆาตจับตัวเธอไปทำไม”
ฤทธิ์สบตาธิชาอยากได้คำตอบ ธิชาหลบตา นึกถึงอดีตแล้วน้ำตาซึม เธอเสแสร้งทันที
“หนู...หนูไม่รู้ว่าพวกมันทำอย่างนั้นทำไม มันจับหนูไปขังแล้วส่งตัวไปอยู่กับฤดี หนูก็ไม่รู้ทำไม ทำไมพวกมันไม่ฆ่าหนูซะ”
ฤทธิ์คิดได้
“พวกมันคิดจะใช้เธอเป็นเหยื่อล่อพี่ ไปให้ผีดิบตัวนั้นฆ่า”
ลิซ่าเสริม
“หรือไม่ก็...เป็นหนอนบ่อนไส้ เพื่อหาทางขโมยน้ำตามัจจุราช”
ธิชาเถียง
“ไม่จริง คุณกำลังเข้าใจหนูผิด หนูไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด”
ณัฐชายิ้มหยัน
“จะจริงหรือไม่จริง เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
ฤทธิ์อึ้ง
“ณัฐชา คุณจะทำอะไร”
“ธิชาจะต้องเข้าเครื่องจับเท็จ...จ่า เอาตัวไปกอบปราบ”
“ครับผู้กอง”
จ่าสมพรเข้าไปจับกุมตัวธิชาออกไป สวนกับอัศวินที่เข้ามาพอดี ธิชาอ้อนวอนให้ฤทธิ์ช่วย
“พี่คะ ช่วยหนูด้วย หนูไม่ผิด...พี่คะ”
“ธิชา”
ฤทธิ์จะตาม ณัฐชาขวางไว้
“จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าเธอบริสุทธิ์ ฉันจะปล่อยตัวกลับมาแน่”
“คุณมีอคติกับธิชา ทำไม”
“แล้วแต่คุณจะคิด แต่ที่ฉันทำทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง”
ณัฐชาออกไปด้วยความน้อยใจ อัศวินเห็นรอยร้าวของคนทั้งคู่ ฤทธิ์หน้าเครียดรีบขึ้นรถขับตามไป อัศวินรีบเข้าไปหาลิซ่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ ตำรวจจับตัวคุณธิชาไปทำไม”
“ตำรวจมีหลักฐานว่าธิชาเป็นพวกพรายพิฆาต”
“ไม่น่าเป็นไปได้ เด็กผู้หญิงท่าทางไร้พิษภัยอย่างนั้น”
“ยาพิษที่อันตรายที่สุด ย่อมไม่มีกลิ่น จำไว้”
อัศวินไม่อยากเชื่อ
ธิชานั่งเผชิญหน้าอยู่กับณัฐชา ในห้องสอบสวนที่ติดตั้งเครื่องมือจับเท็จไว้แล้ว ณัฐชาจ้องมองอย่างคาดคั้น แต่ธิชาจ้องตอบอย่างไม่กลัว
“เธอจะบอกได้รึยังว่าพรายพิฆาตต้องการอะไร”
“หนูไม่ได้เป็นพวกพรายพิฆาต”
ณัฐชาหันมองไปที่เข็มกราฟ เจ้าหน้าที่ควบคุมส่ายหน้า ไม่มีอะไรผิดปกติ ณัฐชาคาดคั้นต่อ
“พวกมันจะทำอะไรโทมัส”
“หนูไม่รู้ พี่โทมัสอยู่ไหน หนูอยากเจอพี่โทมัส”
“พวกมันจะเล่นงานเขาใช่มั้ย บอกฉันมาสิ ใช่มั้ย”
“คุณคงรักพี่โทมัสมาก แค่คุณกำลังเข้าใจผิด หรือไม่คุณก็” ธิชาจ้องหน้า “จงใจเข้าใจผิด...เพราะแรงหึง”
“นี่เธอ” ณัฐชาตบโต๊ะ ปัง!
จ่าสมพรยืนคุมอยู่หน้าห้องสอบสวน ฤทธิ์เดินมาตามทางอย่างรีบร้อน
“ผมขอฟังการสอบสวนด้วย”
จ่าพรขวางไว้
“คุณเข้าไปไม่ได้”
“ธิชาเป็นน้องสาวผม ผมมีสิทธิ์”
“ไม่ได้ครับ ผู้กองสั่งห้ามไว้ คุณต้องรอข้างนอก”
ฤทธิ์ตวาด
“หลบไป”
ทั้งสองคนยื้อกัน ทันใดเสียงร้องของธิชาก็ดังขึ้น
“อย่า...อร๊าย”
“ธิชา”
ฤทธิ์ตกใจ ผลักจ่าสมพรกระเด็น กระแทกประตูห้องเข้าไป
ฤทธิ์เห็นธิชาล้มฟุบอยู่ที่พื้นห้อง ณัฐชากำลังประคองขึ้นมา
“ธิชา เธอเป็นอะไร”
ฤทธิ์คิดว่าณัฐชาเป็นคนทำร้าย เข้าไปผลักณัฐชาออกเพื่อประคองธิชาแทน ร่างของณัฐชาถลาไปชนเข้ากับโต๊ะอย่างจัง
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย”
ณัฐชาอึ้ง
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำอะไร จู่ๆเธอก็ล้มลงไปเอง”
ธิชารู้สึกตัว
“พี่โทมัส หนูกลัว ช่วยหนูด้วย เขาทำร้ายหนู”
ณัฐชาจ้องหน้า
“โกหก”
ธิชาโผเข้ากอดฤทธิ์ ณัฐชาเจ็บจี๊ดกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะเอาอารมณ์มาปนกับหน้าที่”
ณัฐชาสวน
“ใครกันแน่ที่เอาอารมณ์ตัดสินทุกอย่าง คุณต่างหากที่หน้ามืดตามัว”
ธิชาเป็นลม ฤทธิ์อุ้มขึ้นมา
“ผมจะพาธิชากลับ ถ้าอยากจะคุยอะไรอีก ผมจะส่งทนายมา”
ฤทธิ์อุ้มธิชาออกไป
ณัฐชาเดินมาที่รถขึ้นนั่งบนรถ ปิดประตู น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาด้วยความน้อยใจ ก่อนจะฟุบหน้ากับพ่วงมาลัยรถ ปล่อยโฮออกมาตามลำพัง
ฤทธิ์อุ้มธิชาที่หมดสติวางลงบนเตียง เอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ สักพักธิชาก็ฟื้นมองรอบๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ เธอปลอดภัย พี่พาเธอกลับมาที่ห้องแล้ว พี่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธออีก”
“หนูขอโทษที่ทำให้พี่เดือดร้อน”
ฤทธิ์ลูบศีรษะธิชาด้วยความเอ็นดู
“ถึงหนูจะเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด แต่หนูยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรายพิฆาตจริงๆ”
“พี่เคยบอกแล้วว่าพี่เชื่อเธอ”
“แต่คนอื่นๆ...เพื่อความสบายใจของทุกคน หนูควรไปจากที่นี่”
“พี่ไม่ยอม เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นที่นี่คือบ้าน คือครอบครัวใหม่ของเธอนะธิชา”
“แต่ผู้กองณัฐชาคงไม่เลิกราแน่ เขาคงรังเกียจหนูมาก”
“ณัฐชาเขาทำไปเพราะเป็นห่วงพี่ พี่จะอธิบายให้เขาเข้าใจเอง”
“ห่วงหรือหวงคะ พี่ดูไม่ออกจริงๆเหรอ ลองผู้หญิงได้หึงแล้วอะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอกค่ะ”
ฤทธิ์คิดตามด้วยความรู้สึกหนักใจ
จบตอนที่ 17