รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 17
แพนเดินกลับเข้ามากอดแม่อีกครั้ง พจนินท์ยิ้มเพราะแพนทำเหมือนเด็กๆ ที่ไม่อยากจากบ้านไป...พงศกรขับรถพาแพนไปสนามบิน พิชชาขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้ามา คลาดกัน
พจนินท์อยู่ที่ครัวรินน้ำใส่แก้ว พิชชานั่งอยู่โต๊ะรับแขก มองพจนินท์เหมือนอยากจะจำภาพแม่เอาไว้ พจนินท์หันมา เห็นพิชชามองเธออยู่ก็ยิ้มให้ พิชชายิ้มตอบ พจนินท์วางแก้วน้ำให้
“พิชชา วันนี้หนูไม่ไปทำงานเหรอลูก”
พจนินท์สังเกตเห็นหน้าพิชชาดูซีดเซียว
“ไม่สบายหรือเปล่า”
พจนินท์ยกมือแตะหน้าผากของพิชชา
“ตัวอุ่นๆ อยู่นะ”
พิชชายิ้ม
“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพิ่งหายไข้”
“งั้น ไปนอนพักที่ห้องแม่ก่อนนะ”
พิชชานอนหลับสนิทอยู่บนเตียง พจนินท์เดินมาดู นั่งลงข้างเตียงมองเธอเหมือนยังเป็นเด็กน้อยอยู่
เย็นนั้น สุนทรีเดินเข้ามาในบ้าน เห็นสำรับกับข้าวหลายอย่างวางไว้ พิชชานั่งรออยู่แล้ว สุนทรีเดินไปที่หน้าต่าง มองท้องฟ้า
“แม่ทำอะไรน่ะ”
“ฝนจะตกหรือเปล่าเนี่ย”
พิชชาหัวเราะรู้ว่าสุนทรีพูดแหย่เธอ
“แม่เองก็เหมือนกัน ชุดนี้ใส่ไม่ยอมถอดเลยนะ”
สุนทรีมองดูตัวเอง
“นานๆ ใส่ทีก็ไม่เลวนะ”
สุนทรีนั่งลง มองลูกสาว พิชชาทำหน้านิ่งจ้องแม่กลับ ล้วงมือไปในกระเป๋าหยิบขวดเหล้าออกมาวาง สุนทรีแปลกใจ พิชชายักคิ้วให้
“บอกมาดีๆ มีอะไรกันแน่ ทะแม่งๆ ตั้งแต่เช้ามาแล้ว”
พิชชายิ้ม
“แม่คิดมากไปได้ ไม่มีอะไรหรอก”
พิชชาตักข้าวให้ สุนทรียังไม่วางใจกับท่าทีแปลกๆ ของลูกสาว พิชชาทำเหมือนไม่มีอะไร สุนทรีวางใจขึ้นทั้งคู่กินข้าวด้วยกัน....
“แม่วันนี้หนูขอลองกินนี่ด้วยคนนะ”
พิชชาชูขวดเหล้า สุนทรีแปลกใจ เพราะตั้งแต่เด็กพิชชาไม่ชอบคนกินเหล้า
“นึกยังไงขึ้นมาล่ะ”
“อยากลองชิมดู เห็นใครๆ เขาพูดกันว่ากินแล้วทำให้ลืมทุกข์ได้ จริงหรือเปล่า”
สุนทรีส่ายหัว
“มันไม่ทำให้ลืมอะไรได้จริงๆ หรอก ก็แค่หนีความจริงไปได้ชั่วคราวเท่านั้นล่ะ”
พิชชารินเหล้าใส่แก้วให้สุนทรีและตัวเอง ทั้งคู่ยกขึ้นดื่ม สุนทรีดื่มไปอย่างปกติ พิชชามีสีหน้าทรมาน
“เป็นไง”
“แย่สุดๆ”
พิชชาเช็ดปาก สีหน้าแย่ รินเหล้าเติมให้สุนทรี
“แม่”
“หือ”
“พ่อของหนู...”
สุนทรียกแก้วในมือค้าง อารมณ์เปลี่ยน วางแก้วเหล้าลง
“มีอะไรเหรอ”
“ตอนที่เขารู้ว่าเป็นมะเร็ง พ่ออยู่ได้นานไหม ก่อนที่จะตาย”
“จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา มีอะไร”
พิชชารีบกลบเกลื่อน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่อยากรู้เท่านั้นเอง เพราะไม่เคยได้เห็นหน้าเขา พ่อตายก่อนที่หนูจะเกิดซะอีก”
คำถามของพิชชาสะกิดให้ สุนทรีนึกถึงความหลังอันเจ็บปวด เธอหยิบแก้วที่วางไว้ยกขึ้นดื่มรวด
เดียวจนหมด
“แม่จำไม่ได้หรอก”
“กี่เดือนคะแม่”
“ก็นานพอดูแหละ แม่น่ะหมดเนื้อหมดตัวไปเลย”
พิชชาเห็นอารมณ์ของสุนทรีที่พูดถึงพ่ออย่างไม่เต็มใจนัก
“พ่อเป็นคนไม่ดีเหรอคะ”
สุนทรีไม่อยากพูดถึงเขานัก
“คำว่าไม่ดี สำหรับเขามันยังน้อยไป ทุกอย่างที่เลวๆ พ่อแกเอามาหมด ไอ้พงษ์น่ะ มันถอดแบบพ่อแกมาเปี๊ยบเลย ยังดีที่มันยังเห็นฉันเป็นแม่ เกรงใจฉันบ้าง”
สุนทรีมองพิชชาที่น้ำตาซึม
“อย่าไปคิดถึงคนพรรค์นั้นเลย ชีวิตสั้นเพราะรับกรรมที่ทำเอาไว้ พ่อแบบนั้นไม่มี ชีวิตจะมีความสุขกว่า”
สุนทรีเทเหล้าลงในแก้ว ยกขึ้นดื่มอีก
“พ่อเลยอายุสั้น เพราะต้องใช้กรรมเหรอ”
สุนทรีมองดูพิชชามีท่าทีแปลกๆ เมื่อถามถึงเรื่องพ่อ พิชชาเห็นสายตาแม่สงสัย
“แม่คะ แม่คิดถึงแพนไหม”
สุนทรีถอนใจเมื่อได้ยินชื่อของแพน
“แม่คงเสียใจที่เสียแพนไป หนูรู้ว่า แม่คิดถึงแพนตลอดมา หนูเสียใจที่ไม่ค่อยได้เป็นลูกสาวที่ดีของแม่”
สุนทรีน้ำตาซึม
“อะไรกัน ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”
“หนูน่าจะอยู่กับแม่ตั้งแต่เกิด จะได้ใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้”
“ดูพูดเข้า แม่อีกคนได้ยินเข้า เขาจะเสียใจนะ”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ คงจะดีมากๆ เลย กับแม่ทั้งสองคน”
พิชชาพูดไม่ออกเมื่อความคิดวกกลับไปที่พาทิน
“หนูเองก็จะไม่มีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ”
สุนทรีรู้ว่าพิชชากำลังนึกถึงพาทิน
“กำลังคิดถึงเขาอยู่เหรอลูก”
พิชชาไม่อยากให้สุนทรีมาทุกข์กับเธอด้วย
“เปล่าค่ะ”
พิชชายกแก้วเหล้าที่ดื่มค้างเอาไว้ซดรวดเดียวหมด ทำหน้าเหยเกทั้งน้ำตา
“ขมจัง”
สุนทรีถอนใจอดขำกับหน้าตาของพิชชาไม่ได้ สุนทรีเติมเหล้าลงในแก้ว ยกขึ้นจิบร้องเพลง พิชชาฟังแล้วนึกถึงอดีตตอนกลับมาอยู่กับสุนทรี น้ำตาไหล
พิชชาเดินเล่นรอบๆ บ้านคิดถึงเรื่องเวลาที่ตัวเองเหลืออยู่ เธอนั่งที่ม้าหินเหม่อคิดถึงพาทิน เธอรำพึงในใจ
“พี่คะ ไม่มีสักนาทีที่ฉันอยู่ได้ โดยไม่คิดถึงพี่”
พิชชาหยิบโทรศัพท์ออกมา อยากโทรหาพาทิน ลังเลอยู่พักใหญ่ เธอตัดใจไม่โทรหาเขาแล้วนั่งร้องไห้เงียบๆ ท่ามกลางความมืด
สายวันต่อมา..บนโต๊ะ และข้างเตียงในห้องของจิราพัชรเต็มไปด้วย เศษของกินเล่นแกล้มเหล้ากับขวดเหล้าวางเกลื่อน เขางัวเงียตื่นขึ้น นั่งมึนงงจากอาการเมาค้างอยู่ครู่ใหญ่ ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำ
จิราพัชรเดินย้อนกลับมา เห็นชุดที่เขาให้พิชชาใส่ไปงาน แขวนอยู่ที่โถง เขาเดินเข้าไปดู เสื้อผ้าถูกซักรีดเรียบร้อย มีโน้ตติดไว้ เขาดึงออกมาดู พิชชาเขียนขอบคุณไว้ จิราพัชรนึกถึงพิชชาและคำพูดของเธอในตอนนั้น เขาหยิบชุดนั้นเหวี่ยงมันทิ้งด้วยความโมโห
บ่ายวันนั้น พิชชาเดินเข็นรถของแผนกผ่านมาที่โถง จิราพัชรและมนตรี เดินผ่านโถงเพื่อไปห้องประชุม พิชชาค้อมหัวทัก จิราพัชรท่าทางเย็นชาใส่ ทำเหมือนมองไม่เห็น มนตรีสังเกตเห็นทั้งคู่มึนตึงใส่กัน พิชชาถอนใจที่เรื่องเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ทำใจเดินหน้าทำงานต่อไป
พาทินทำความสะอาด ปัด กวาด พื้นที่ทำงาน ดนัยลงมาจากชั้นบน พาทินหันไปถาม
“เจอไหมพี่”
ดนัยชูกระเป๋ากล้องอันเก่าที่เคยใช้ ให้พาทินแทนคำตอบ
“อันนี้ใช้ตั้งแต่ตอนเป็นนักศึกษา ยังดูดีอยู่เลยว่ะ โคตรทน ของใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ใช้สองสามที เดี๋ยวไอ้นั่นหลุด ไอ้นี่ขาด ไม่มีคุณภาพเลย”
ดนัยใช้มือปัดฝุ่น และเศษผงที่ติดอยู่ออก
“อรยังไม่กลับมาเหรอ”
“ยังครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมเลยบอกเขาให้หมอที่กรุงเทพตรวจดูมือไปซะด้วยเลย”
“เออ มีโอกาสเป็นปกติเหมือนเดิมไหม”
“ก็หวังว่านะพี่ อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”
“อีกเรื่องนึง ได้ยินว่าแกจะกลับไปอเมริกาเหรอ”
พาทินอารมณ์เปลี่ยนลง
“ครับ”
พาทินกังวลที่วันเวลาค่อยๆ นับถอยหลัง ต้องจากที่นี่และพิชชาไป ดนัยเห็นสีหน้าพาทิน ก็รู้ความสึกของเขา
“ทำใจยากใช่ไหม”
ดนัยตบไหล่พาทินเบาๆ
“ปล่อยวางซะบ้าง”
พาทินยิ้มรับ รู้ตัวว่ามันไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะทำได้อย่างที่ดนัย
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 17(ต่อ)
พิชชาและกิ่งเทียน นั่งคุยกันช่วงพัก พิชชามองตัวเลขในสมุดบัญชีของตัวเอง พลางทอดถอนใจ กิ่งเทียนก็รู้ว่าเดือนนี้พิชชาคงไม่มีเงินพอใช้จ่าย
“เห็นหน้าเธอ ฉันก็รู้เลย เดือนนี้ช้อตอีกแล้วสิ”
พิชชาพยักหน้ารับ ถอนใจ
“ทำไงได้ พนักงานตำแหน่งเรา เงินเดินน้อย แต่ค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้นทุกวันนี่น่า”
พิชชาถอนใจ
“ช่วงนี้ฉันจำเป็นต้องใช้เงินมากซะด้วย”
“ฉันเองก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ซะด้วย เงินเดือนเราก็พอๆ กัน”
พิชชายิ้ม
“ฉันไม่ได้จะกวนเธอหรอกกิ่ง”
กิ่งเทียนหาว
“อีกหลายชั่วโมงนะกว่าจะเลิกงาน เธอนั่งทำอะไรดึกๆ ทุกคืน”
“ฉันเช่าหนังชุดมาดู มันติดพันก็เลย ดึกไปหน่อย แต่อีกสองสามแผ่นก็จบแล้วล่ะ”
“เรื่องอะไรบ้าง”
“ก็หลายเรื่องนะ เพลงรักในลมหนาว ความลับในคิมหันต์ บทเพลงวันใบไม้ผลิ”
พิชชาหัวเราะ
“สนุกเหรอ ชื่อฟังดูน้ำเน่าจัง”
“ไม่รู้ล่ะ แต่ฉันอินมากเลย น้ำตาไหลทุกตอน”
“อะไรจะขนาดนั้น”
“คนสร้างมันใจร้ายมากเลย มันไม่สนใจคนดูเลย”
“ทำไม”
“ก็ทุกเรื่อง ไม่นางเอกก็พระเอกตายตอนจบ ไม่เคยสมหวังเลย”
พิชชาฟังเรื่องกิ่งเทียนที่พูดถึงละคร ก็เอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง อารมณ์ที่เพลิดเพลินกับการคุย
หายไปอย่างทันที
“ตายจากกันไปเหรอ”
กิ่งเทียนไม่ทันสังเกตว่าพิชชามีสีหน้าเศร้าลง
“แต่เจ้าของร้านเช่าวีดีโอ น่ารักดี”
พิชชาไม่ได้ยินเสียงของกิ่งเทียนที่คุยเรื่องอื่นต่ออีก
เย็นนั้น พิชชามาพบหมอที่โรงพยาบาล หมอดูเอกสาร พิชชนั่งตรงข้ามรอฟังผล
“กรณีของคุณ ต้องผ่าตัดครับ”
พิชชาตกใจ
“ผ่าตัดเหรอคะ”
“เป็นทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้นะครับ”
พิชชาฟังหมอสรุป เธอรู้สึกตื้อไปหมด มองไม่เห็นทางออก
“จากนี้ไป ต้องระวัง อย่าให้ร่างกายเกิดอาการฟกช้ำ เวลาแปรงฟันก็เบามือหน่อยนะครับ ระวังเลือดออก แล้วถ้ามีการเจ็บปวดต้องมาหาหมอทันที”
“ค่ะ” เธอครุ่นคิดเรื่องค่ารักษา “แล้ว...ค่าใช้จ่ายในการรักษา มันเท่าไหร่กันคะ”
“ก็หลายแสนอยู่เหมือนกันครับ”
พิชชาฟังจำนวนเงินแล้วอึ้ง
“หลายแสนเหรอคะ”
เช้าวันต่อมา พิชชาเปลี่ยนชุดเข้าทำงาน มองขวดยาที่หมอจ่ายมาเมื่อวาน หยิบมันออกมาดู หนักใจเมื่อคิดถึงเงินที่จะหามารักษาตัว พาณีเดินเข้ามองหา เห็นเธอยืนเก็บของเข้าตู้ล๊อคเกอร์
“พิชชา”
พิชชาหันไปตามเสียงเรียก
“คะพี่”
“นี่ เธอถูกไล่ออกนะ”
พิชชาตกใจอยู่ครู่หนึ่ง งงคิดไม่ออกว่าทำไม
“ถูกไล่ออกเหรอคะ”
“ฉันเห็นหนังสือแจ้งมาที่แผนก”
“ทำไมเหรอคะ”
“ฉันก็ไม่รู้นะ แต่เห็นคุณจิราพัชรเป็นคนเซ็นต์คำสั่งนี้เอง”
พิชชาได้ยินชื่อของจิราพัชร เธอพอเข้าใจเหตุผลนั้น พิชชาเดินออกจากแผนกไปหาเขาที่ห้อง
พิชชาเปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่เคาะเหมือนทุกครั้ง จิราพัชรยืนที่ระเบียง เหมือนรู้ว่าเธอต้องเข้ามาหาเขา พิชชายืนมองเขา อยากขอคำอธิบาย จิราพัชรหันมองเดินเข้ามาหายิ้มเยาะ
“แหมนึกว่าใคร คุณแม่บ้านช้อยนั่นเอง”
พิชชาจ้องหน้าเขา
“พัชรคะ”
“เรียกแค่ชื่อเฉยๆ เหรอ”
“คุณพัชรคะ คุณจะไล่ฉันออกแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คุณทำอะไรตามใจตัวเองได้ แล้วถึงทีผมจะทำไม่ได้เหรอ ผมก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ดีใจเหรอ ที่ต่อไปเราจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก”
“คุณพัชรคะ”
จิราพัชรจับมือดึงเธอเข้ามาชิดตัว
“มองผมให้ดี ผมไม่ใช่ของเล่นของคุณ ผมเสียเวลากับคุณมาตั้งนาน ก็เลยรู้ว่าความรักที่ผมมีมันใช้ไม่ได้สำหรับคุณ มาคิดๆ ดูแล้ว สิ่งผมมีแล้วน่าจะใช้ได้กับคุณก็คงเป็นเงินนั่นล่ะ คุณมีราคาเท่าไหร่ ตีราคามาเลย ผมจะซื้อเอง”
พิชชาเจ็บช้ำใจกับคำพูดเชือดเฉือนของเขา น้ำตาเธอค่อยๆ ไหลออกมา
“ใช่ค่ะ ฉันต้องการเงินมาก คุณจะให้ได้เท่าไหร่คะ”
จิราพัชรมองเห็นความเจ็บปวดจากแววตาของหญิงสาว เขาคลายความโกรธ เปลี่ยนเป็นความสงสาร พิชชาถูกความบีบคั้นใจเร้ารุมจนทำให้หมดเรี่ยวแรงจะทรงตัวยืนได้ เธอค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบน
พื้นน้ำตาไหลพราก
“คุณให้ได้มากแค่ไหนคะ”
จิราพัชรย่อตัวลงข้างเธอ พิชชารวบรวมสติกลับมาลุกขึ้นเช็ดน้ำตาเดินออกไปจากห้อง ขวดยาของเธอหล่นอยู่ข้างบันได จิราพัชรรู้ตัวว่าทำเกินไป เสียใจที่ทำให้พิชชาเจ็บปวด
พิชชาขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่ถนนหน้าบ้าน สุนทรีตากผ้า เห็นพิชชาเดินเหม่อ ละมือจากงานเดินเข้าไปหา
“ทำไมกลับแต่หัววันล่ะ”
พิชชารู้สึกตัวเมื่อได้ยินสุนทรีทัก
“แม่คะ”
สุนทรีเห็นพิชชาหน้าเซียว
“ไม่สบายอีกเหรอ”
พิชชามองสุนทรีไม่อยากบอกความจริงให้รู้
“แม่คะ หนูลาออกแล้วค่ะ”
พงษ์นั่งสูบบุหรี่ที่ม้าหินได้ยินว่าพิชชาลาออกก็โวยวาย
“แกลาออก แล้วจะเอาเงินมาใช้จ่ายจากไหนล่ะ”
พิชชายืนนิ่งไม่บอกสาเหตุอะไร พงษ์โมโหที่ พิชชาเอาแต่นิ่ง เขาเดินเข้าไปลากเธอเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ พิชชาขืนตัวเอาไว้
“กลับไปทำงานเลย แกจะโง่ไปถึงไหน”
พงษ์ยิ่งลากพิชชายิ่งฝืน เขาโมโหใช้แรงมากขึ้นกระชากจน พิชชาเซล้มกับพื้น หัวเข่าครูดไปตามพื้นถนน ถลอกจนเลือดซึม สุนทรีเห็นพิชชาล้มก็ตกใจ เข้าไปผลักพงษ์ให้ออกห่าง พงษ์ต่อว่า
“คนรวยๆ มาชอบก็ยังโง่ไม่ยอมรับเขา”
“พี่อย่าทำฉันนะ...”
พิชชาร้องไห้ พงษ์ตรงเข้าไปจะฉุดอีก เขาชะงักเมื่อก้อนหินขนาดย่อมๆ กระทบที่หัว พงษ์หันไปมองทางทิศที่หินลอยมา
“ไอ้พงษ์ มึงอย่าทำอะไรน้องนะ”
สุนทรีโกรธจัด มีหินอีกก้อนอยู่ในมือ พร้อมที่จะขว้างใส่ พงษ์ยกมือคลำบนหัว มองดูเห็นเลือดซึมๆ
“แม่ เลือดออกด้วย”
สุนทรียังมีสีหน้าโกรธ พงษ์รู้ว่าแม่เอาจริง ปล่อยมือจากพิชชา เดินหนีไป
“ตัวดี ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”
สุนทรีเข้าพยุงพิชชาปัดฝุ่นตามตัว มองดูหัวเข่าที่มีเลือดออก น้ำตาไหล
อรอินทุ์ ยื่นมือให้หมอตรวจ หมอพอใจที่มือของอรอินทุ์ใช้งานได้ดี
“แฟนคุณคงดีใจนะ ถ้ารู้ว่ามือคุณจะกลับเป็นเหมือนเดิม”
อรอินทุ์ดีใจ
“จริง เหรอคะ”
“ตอนนี้อาจจะรู้สึกขัดๆ ตึงๆ หน่อย อีกสักพัก ไม่เกินสองอาทิตย์ก็น่าจะหยิบจับ ขีดเขียนอะไรได้แล้วล่ะ”
อรอินทุ์หยิบโทรศัพท์ อยากบอกข่าวดีกับพาทิน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนใจ หมอถาม
“ไม่โทรบอกเขาเหรอครับ”
อรอินทุ์ส่ายหน้า
“ฉันกำลังจะกลับไปหาเขาอยู่แล้ว เจอหน้าแล้วค่อยบอกเขาดีกว่า”
หมอยิ้มให้ อรอินทุ์ยิ้มตอบเหมือนดีใจ แต่ในใจไม่อยากให้พาทินรู้เรื่องนี้
พาทินขับรถกลับมาจากมหาลัย พิชชายืนพิงมอเตอร์ไซค์รอที่รั้ว เห็นรถของเขา เธอยิ้มดีใจ พาทินลงจากรถเดินเข้าไปหา แปลกใจที่พิชชามาหา
“พิชชา”
“พี่คะ ขอโทษนะที่มาหาโดยไม่ได้ขอ”
“ไม่เป็นไร”
พิชชามองเข้าไปในสตูดิโอ
“คุณอรไม่อยู่เหรอคะ”
“อือ เขาขึ้นไปกรุงเทพ เธอไม่ต้องห่วง ถึงรู้ว่าเธอมา เขาไม่คิดมากหรอก”
“พี่โกหก”
พาทินทำหน้าไม่ถูก เพราะที่พิชชาบอกคือความจริง พิชชายิ้ม เพราะเธอทำให้พาทินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พาทินยิ้มออกที่พิชชาไม่กังวลเรื่องนี้ตามเขา
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 17(ต่อ)
พิชชานั่งที่เก้าอี้รับแขก พาทินวางกระเป๋าเป้ลงที่เก้าอี้อีกตัว เขาคลายกระดุมเสื้อที่คอออก กระดุมหลุดออก กลิ้งไปที่พิชชา เธอเก็บมันขึ้นมา
พาทินนั่งนิ่งให้พิชชาเย็บซ่อมกระดุมเสื้อของเขา พาทินมองด้วยสายตาที่คิดถึง พิชชาละตาจากมือที่เย็บมองเขา พาทินรีบเบนสายตาหลบ พิชชากลับไปจดจ่อกับการซ่อมต่อ
“พี่คะ พี่กำลังจะกลับไปอเมริกาเหรอคะ”
พาทินไม่คิดว่าพิชชารู้เรื่องนี้
“เธอรู้เหรอ”
พิชชายิ้มฝืน
“พี่คะ เวลาที่เหลือ...ก่อนที่พี่จะไป ฉันอยากเจอพี่บ่อยๆ ได้ไหม”
พาทินปั่นป่วนใจกับคำขอของเธอ
“ฉันรู้ว่าถ้าพี่ไปครั้งนี้แล้ว คงไม่ได้เจอกันอีก”
พาทินชั่งใจตัวเอง จะทำยังไงกับคำขอนี้ดี พิชชาเห็นพาทินนิ่งเงียบอยู่นาน
“คงไม่ได้สินะ ขอโทษนะคะพี่ ฉันคิดเรื่องอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
“เธอมาเพื่อแค่จะถามเรื่องนี้เหรอ”
พิชชาส่ายหน้า ยิ้มให้พาทิน
“เวลาฉันมีปัญหาอะไร หันไปไม่เจอใคร สิ่งที่คิดได้ก็คือวิ่งมาหาพี่นั่นล่ะ”
พาทินได้ยินคำว่าปัญหาจากปากพิชชา เขาเลยกังวล
“เธอมีเรื่องอะไรเหรอ”
พาทินมองสำรวจว่าพิชชาเป็นอะไรหรือเปล่า พิชชารีบปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
พิชชาเย็บกระดุมเสร็จพอดี เธอโน้มหน้าเข้าไปใกล้อกของเขาใช้ฟันกัดด้ายให้ขาด พาทินใจเต้นแรง เมื่อเธอเข้ามาใกล้ พิชชาค่อยๆ ผละจากพาทินเมื่อด้ายขาด เธอยิ้มให้เขา
“เรียบร้อยแล้ว”
พาทินยิ้มรับ หัวใจเขาเต็มตื้นด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
พาทินเดินมาส่งพิชชาที่มอเตอร์ไซค์ รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็น
“วันนี้อากาศเย็นแฮะ เธอรอพี่แป๊บนึง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่”
พาทินวิ่งกลับเข้าไป พิชชายิ้มที่เขายังห่วงใยเธอ พิชชายืนรอ คิดถึงสิ่งที่เธอหวังในวันนี้ แต่ไม่เป็นผล ครู่ใหญ่ๆ พาทินวิ่งกลับมาพร้อมเสื้อกันหนาว
“เอ้า ใส่นี่ไปนะ”
“พี่คะ ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ เธอต้องขี่ไปอีกตั้งไกล มันหนาวนะ”
พาทินคลุมเสื้อตัวนั้นบนไหล่ของเธอ พิชชากระชับเสื้อใส่เข้าตัวมองเขา
“พิชชา พี่จะกลับมา”
พิชชาร้องไห้ออกมา เมือได้ยินคำนี้จากปากเขา
“อย่าเลยค่ะพี่ ฉันรู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก แค่คิดว่าฉันอยู่ทางนี้อย่างมีความสุขก็พอแล้วค่ะ”
พาทินพูดอะไรไม่ออก
“พี่คะ ฉันขอแค่พี่ อย่าลืมฉันนะ”
พาทินเก็บความรู้สึกแทบจะไม่ไหว น้ำตาซึม
“พี่ไม่มีทางจะลืมเธอ ไม่มีวันลืมเธอพิชชา”
พิชชายิ้มทั้งน้ำตา
อรอินทุ์นั่งรถจากสนามบินเข้ามาที่สตูดิโอ เห็นพิชชาขี่มอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไป...พาทินนั่งซึมถอนใจ มองทะเล คิดถึงคำขอของพิชชา อรอินทุ์เดินเข้ามาเห็นเขานั่งซึม ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด เธอยืนมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา
“ทินคะ”
พาทินหันไปมอง
“อร”
“ทำอะไรอยู่คะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่คิดนั่งคิดอะไรไปเรื่อย”
ค่ำนั้น พาทินนั่งจิบชาคลายหนาวที่เก้าอี้รับแขก อรอินทุ์เดินออกมาจากห้องของเขา
“คุณหาอะไรอยู่เหรอ”
“เสื้อค่ะ...เสื้อกันหนาวของคุณน่ะค่ะ”
พาทินสะดุดกึก เมื่ออรอินถามถึงเสื้อตัวนั้น
“ตอนนี้อากาศแถวนี้มันเย็นลง ฉันกลัวคุณจะไม่สบาย เคยเห็นมันอยู่ในห้องนี่นา”
อรอินทุ์ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในห้องดูอีกครั้ง
“อร มันไม่อยู่หรอกจ้ะ”
อรอินทุ์หันมามอง พาทินลำบากใจที่จะพูดความจริง
“คือ ผมให้พิชชาเขาใส่ไป เธอแวะมาหา เห็นว่าอากาศมันเย็นๆ ก็เลยให้เธอยืมไป”
อรอินทุ์ฝืนยิ้มที่ดูเหมือนจะเข้าใจ
“งั้นเหรอคะ”
อรอินทุ์หน้าตาเปลี่ยนจากพยายามจะเข้าใจ กลายเป็นน้อยใจ
“ทินคะ คุณนี่โกหกไม่เป็นเลยนะคะ ถ้าฉันเป็นคุณคงไม่ยอมรับออกมาง่ายๆแบบนี้แน่”
อรอินทุ์นิ่งคิด
“วันนี้ฉันไปโรงพยาบาลมา...หมอบอกว่า มือของฉันคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้วล่ะ”
พาทินมองอรอินทุ์ รู้สึกผิดที่เธอต้องพิการเพราะเขา
“ต่อไป ฉันจะทำยังไงดีคะ”
พาทินหาคำตอบให้ไม่ได้ รู้ตัวว่าตัวเองต้องรับผิดชอบชีวิตของเธอ พาทินเช้าไปกอดปลอบ
“อร ผมขอโทษ”
สายวันต่อมา แม่บ้านกำลังเก็บกวาดห้อง พบขวดยาของพิชชาที่ทำหล่นไว้ แม่บ้านเก็บมันขึ้นวางไว้บนโต๊ะ จิราพัชรเพิ่งแต่งตัวเสร็จลงมาจากชั้นบน แม่บ้านยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
จิราพัชรพยักหน้ารับคำทัก เห็นขวดยาบนโต๊ะ หยิบขึ้นมาดู มองฉลากบนขวด เป็นชื่อของพิชชา
จิราพัชรมาที่โรพยาบาลเขาเดินมาที่แผนกจ่ายยา ยื่นขวดยาให้เภสัชดู
“ขอโทษนะครับ ยาตัวนี้ใช้สำหรับอะไรเหรอครับ”
เภสัชหญิง ดูรายชื่อตัวยาบนฉลาก
“ยาตัวนี้เป็นยาต้านมะเร็ง มีใบสั่งของหมอมาไหมคะ”
จิราพัชรตกใจ
“ใช้รักษามะเร็งเหรอครับ”
“ค่ะ ยานี้ค่อนข้างแรง ถ้าไม่มีใบสั่งของหมอมา เราจ่ายยาให้ไม่ได้นะคะ”
จิราพัชรนิ่งอึ้ง รับขวดยาที่เภสัชคืนมาให้ รู้สึกตัวเบาโหวง
“คุณลองติดต่อคุณหมอที่ให้การรักษาก่อนนะคะ”
จิราพัชรเดินลอยๆ ออกมา
หมอกำลังตรวจคนไข้ จิราพัชรเปิดประตูเข้ามา หมอ พยาบาลและคนไข้ตกใจ ที่เขาโผล่เข้ามา พยาบาลรีบห้าม
“คุณคะเข้ามาไม่ได้นะคะ หมอตรวจคนไข้อยู่ค่ะ กรุณารอคิวก่อนนะคะ”
จิราพัชรถามทันที
“หมอครับ เธอเป็นมะเร็งเหรอครับ”
หมองงที่จู่ๆ เขาก็ตั้งคำถาม ที่จับต้นชนปลายไม่ได้
“คุณพูดถึงตนไข้คนไหน ใครครับ”
“พิชชา ครับ เธอเป็นมะเร็งเหรอครับ” จิราพัชรถามอย่างร้อนใจ
พิชชานอนซม รู้สึกเจ็บไปหมด ลุกขึ้นหาขวดยาในกระเป๋า เธอหามันจนทั่วแต่ไม่พบ มองโทรศัพท์
เห็นข้อความที่จิราพัชรฝากเอาไว้
“ผมรอคุณอยู่ข้างล่าง”
พิชชาลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูห้อง
พิชชาและจิราพัชรเดินทอดน่องไปบนหาดทราย เขามองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง พิชชาเดินมองพื้นทราย
“มีอะไรเหรอคะ คุณพัชร”
จิราพัชรไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอะไรดี จะบอกขอโทษ หรือจะบอกเรื่องที่รู้ว่าเธอไม่สบายดี
“จะมาขอโทษฉันเหรอคะ”
จิราพัชรพยักหน้ารับ ท่าทีที่เคยแข็งกร้าวของเขา อ่อนยวบลง พิชชาเห็นก็หัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณไม่ได้ผิดอะไร ฉันสมควรเอง”
จิราพัชรยังคงไม่พูดอะไร เดินข้างพิชชาไปเงียบๆ
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ฉันเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่เอาคุณมาอ้าง โดยที่ไม่ได้นึกว่าคุณจะเจ็บช้ำใจ”
จิราพัชรจับมือพิชชาเบาๆ เธอแปลกใจกับท่าทีที่นุ่มนวลผิดวิสัยเขา
“ผมขอโอกาส ให้ผมได้ไหม”
จิราพัชรเก็บกั้นอารมณ์ที่มีให้เธอแทบไม่อยู่
“ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง”
พิชชารู้สึกว่าเขาแปลกไปจากปกติมาก
“พัชรคะ”
จิราพัชรอ้อนวอน
“นะให้โอกาสผม”
พิชชายิ้ม
“คุณหาเหตุผลมาสักสามข้อสิคะ ให้ฉันพิจารณาดูก่อน”
จิราพัชรหาเหตุผลอะไรมาอ้างในตอนนี้ไม่ออก ได้แต่นิ่ง
“ไม่มี...นึกไม่ออกจริงๆ”
พิชชามองจิราพัชรที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา เธอถอนใจ
“แย่จัง คุณเสียโอกาสไปแล้วล่ะ”
พิชชากลอกตาเล่นเล่ห์กับเขา
“เสียดายนะ คุณหามาได้แค่ข้อเดียว ฉันก็ยอมรับแล้วล่ะ”
จิราพัชรจับไหล่พิชชาให้หันมามองเขา
“ผมจะไม่ขอให้คุณมาแต่งงานกับผมอีกแล้ว แล้วก็จะไม่ทำอะไรให้คุณลำบากใจอีก จะไม่ขอให้คุณรักผม”
จิราพัชรน้ำตาคลอ ทำนบในใจของเขาพังลง
“แต่สิ่งที่มันทำร้ายคุณ ทั้งร่างกายและจิตใจ ให้ผมช่วยกำจัดมันออกไปจากชีวิตของคุณได้ไหม เมื่อคุณหายดีแล้ว ผม...ผมจะเป็นคนเดินจากไปเอง”
พิชชาสงสัยในคำพูดของเขาที่อาจจะรู้เรื่องอาการป่วยของเธอ
“ผมจะไม่ผิดคำพูด ให้ผมทำเพื่อคุณ”
พิชชาซึ้งใจที่จิราพัชรดีกับเธอเสมอมา
“รู้เรื่องนี้ ได้ยังไงคะ”
จิราพัชรหยิบขวดยาของพิชชาในกระเป๋ากางเกงออกมา จับมือเธอส่งขวดยาให้
“คุณห้ามตายนะ” จิราพัชรน้ำตาไหล “ผมจะไม่ยอมให้คุณตาย คุณต้องหายดี แล้วกลับมาบอกผมว่า พัชรคะ ฉันไม่ได้รักคุณเลยนะ”
จิราพัชรพูดไปสะเทือนใจไป เขาโอบกอดพิชชาไว้ในอก ตัวเองร้องไห้ไม่หยุด
“ฉันจะทำอย่างนั้นกับคุณได้เหรอ”
พิชชาน้ำตาไหล ทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 17(ต่อ)
เช้าวันต่อมา...จิราพัชรเปิดเน็ตดูข้อมูล หาโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งให้พิชชา เขาโทรหาโรงพยาบาลต่างๆ หารายละเอียดการรักษา
พิชชาลุกจากที่นอน ขึ้นมากินยาตามเวลา เธอมีอาการทรงๆ สองชั่วโมงต่อมาดีขึ้น อีกพักก็แย่ลง
พิชชาดูตามส่วนต่างๆ ว่ามีรอยฟกช้ำ หรือมีเลือดออกหรือเปล่า
หลายวันต่อมา...พิชชานั่งรอคิวตรวจหน้าห้อง เธอเห็นคนไข้ที่ป่วยแบบเดียวกัน บ้างนั่งรถเข็น บ้างก็เป็นเด็กที่ดูอาการหนัก ลึกๆแล้วในใจขอเธอ มีความกลัวซ่อนอยู่
วันใหม่...พิชชาช่วยสุนทรีตากผ้า
“แม่คะ”
“หืม”
“พ่อเขาป่วยบ่อยไหม เขาทรมานไหมคะ”
“ทำไมหมู่นี้ ถามถึงเรื่องมันบ่อยจัง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่หวังว่าเขาคงไม่ได้ทรมาน”
“จะไม่ทรมานได้ยังไง ไอ้โรคนี้ จะตายก็ไม่ตาย จะเป็นก็ไม่เป็น”
พิชชาจากที่ดูซูบอยู่แล้ว สิ่งที่สุนทรีบอกยิ่งทำให้เธอสลดมากขึ้นไปอีก
“พ่ออาการแย่มากตอนไหนคะ”
สุนทรีคิด
“ไม่รู้สิ แม่จำไม่ได้หรอก”
สุนทรีเห็นพิชชาหน้าซีด
“ดูแกยังไม่หายดีนะ ไปนอนพักเถอะไป เดี๋ยวแม่ทำเอง ดูสิเหงื่อแตก”
สุนทรีใช้มือซับเหงื่อบนหน้าพิชชาด้วยความห่วงใย พิชชากลัวแม่จะรู้เรื่องป่วย รีบปลีกตัวออกมา
พิชชาเข้ามาในห้อง อาการกำเริบ รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เธอรีบกินยาบรรเทาอาการแล้วค่อยๆ ล้มตัวนอนพัก บิดตัวไปมาด้วยความทรมาน
พาทินกับจิราพัชร นั่งคุยกันที่ม้านั่งในสวนมหาวิทยาลัยศิลปากร
“ไม่เจอกันพักใหญ่แล้วนะเพื่อน”
“นั่นสิ อรเป็นไงบ้าง”
“ก็สบายดี ตอนนี้อยู่กรุงเทพ พักนี้ขึ้นไปกรุงเทพ บ่อยเรื่องรักษามือของเขานั่นแหละ”
จิราพัชรถอนใจ
“มึงจำได้ไหม ตอนเรียน เวลากูมีปัญหา มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูนึกถึง แล้วก็พึ่งพาได้มาตลอด” จิราพัชรหัวเราะ “แปลกดีที่ตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่”
พาทินหัวเราะเบาๆ
“ตอนนี้มึงมีปัญหาอะไรเหรอ”
จิราพัชรหน้าเครียด จริงจังกว่าเมื่อครู่ที่คุยกับพาทิน
“เรื่องนี้ กูเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะบอกมึงดีไหม”
พาทินยิ้ม ไม่เคยเห็นจิราพัชรทำหน้าจริงจังอย่างนี้มาก่อน
“มึงมีอะไรก็บอกมา อย่ายักท่า ทำเท่”
จิราพัชรชั่งใจว่าจะบอกพาทินเรื่องพิชชาดีไหม พาทินเห็นจิราพัชรยังมีสีหน้าเครียดไม่เปลี่ยนก็ถามอย่าสงสัย
“เกี่ยวกับพิชชาหรือเปล่า”
พาทินจริงจังขึ้นมาทันที เมื่อเกี่ยวกับพิชชา จิราพัชรค่อยๆ ฝืนสีหน้ายิ้มออกมา
“ไม่ใช่หรอก”
จิราพัชรเปลี่ยนเรื่องคุย
“มึงตั้งใจจะกลับไปอเมริกาเหรอ”
“อือ”
จิราพัชรถอนใจ
“ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะ ไม่ต้องย้อนกลับมาอีก”
พาทินรู้ว่า จิราพัชรพูดแบบนี้เพื่อพิชชา
“พัชร...เรื่องพิชชา กูฝากมึงด้วยนะ”
พิชชาค่อยๆ ลืมตาตื่น พยุงตัวขึ้นจากที่นอนพึมพำในใจ
“พี่คะ...”
พิชชารู้สึกตัวตื่น เห็นเขาอยู่ตรงหน้า เธอยิ้มดีใจ
“ตื่นแล้วเหรอ มานานแล้วหรือยัง เดี๋ยวพี่เอาน้ำให้”
พาทินขยับตัวจะลุกขึ้น พิชชาดึงมือเขาเอาไว้
“พี่คะ พี่ต้องไปจริงๆเหรอ”
พาทินไม่อยากได้ยินคำถามนี้จากพิชชา เพราะไม่อยากให้คำตอบที่ทำร้ายทั้งตัวเองและพิชชา
“พี่อยู่กับฉันสักสอง สักสองสามเดือนได้ไหม”
พาทินลดตัวกลับลงมานั่งข้างพิชชา เขาไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของเธอมาก่อน
“เธอเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ”
พิชชาไม่ตอบ เธอถามย้ำเรื่องเดิม
“ไม่ได้เหรอคะพี่”
พาทินให้คำตอบพิชชาไม่ได้จริงๆ
“ตอนนี้พี่...มันสายไปแล้ว”
พิชชาร้องไห้
“ทำไมล่ะคะ ทำไมมันถึงสายไปแล้ว คุณอรจะอยู่กับพี่ไปตลอด ทำไมฉันขอแค่สองเดือนก็ไม่ได้เหรอคะ”
พิชชาร้อนรนเพราะ อาการของเธอกำเริบมากขึ้นทุกวัน
“พิชชา ทำไม่เธอถึงขอแบบนี้”
“ขอไม่ได้เหรอคะ ทำไมฉันถึงขอไม่ได้ล่ะ ฉันรักพี่มากนะ รักมากเหลือเกิน ทำไมฉันต้องสละพี่ไปด้วยล่ะ ต้องเป็นคนดีคอยเสียสละพี่ไป”
ท่าทีของพิชชา ทำให้พาทินเจ็บปวด กลั้นน้ำตาไม่อยู่
“จะปล่อยให้อรเขาตาย แล้วเธอมาอยู่กับพี่แทนเหรอ เธอทำได้จริงๆ เหรอ”
พิชชาได้สติขึ้นจากคำพูดของเขา
“พิชชาเรื่องทั้งหมดนี้ พี่ขอโทษที่ต้องเลือกแบบนี้”
พาทินร้องไห้ พิชชาเช็ดน้ำตา ดึงตัวเองกลับมาจากอารมณ์ที่ฟูมฟายเพราะความเศร้า
พิชชาขับมอเตอร์ไซค์มาตามทาง อาการป่วยกำเริบ เธอรู้ตัวหยุดรถ จอดใกล้ๆ ชุมชน หลังจากยืนโอนเอนอยู่พักหนึ่ง ก็หมดสติทรุดตัวลงไปนอน ชาวบ้านเห็นเข้ามาช่วย
พิชชานอนอยู่บนเตียงเข็น ไม่ได้สติ เจ้าหน้าที่พยาบาล และผู้ช่วยเข็นเตียงเธอไปในห้องฉุกเฉิน...จิราพัชรวิ่งมาตามทางเดิน มองหาห้องพักฟื้นที่พิชชานอนอยู่
พิชชาเพิ่งได้สติ แต่ยังคงเจ็บปวดทรมาน หมอถามอาการ
“เป็นไงบ้างครับ”
“ทรมานจังเลยค่ะ”
พยาบาลหันมาบอก
“คุณพึ่งได้รับยาไป รอสักครู่นะคะ ให้ยาออกฤทธิ์ก่อน เดี่ยวก็จะดีขึ้นนะคะ”
จิราพัชรเปิดประตูห้อง ค้อมหัวให้หมอ เขายืนมองอยู่ที่ข้างประตู พิชชายังคงเจ็บปวด แต่กัดฟันทน
จิราพัชรเห็นสีหน้าขอเธอรู้สึกทั้งสงสารและชื่นชมที่เธอต่อสู้อยู่
“หมอคะ ฉันจะตายไหมคะ ฉันกลัวจังค่ะหมอ”
ดึกคืนนั้น จิราพัชรอุ้มพิชชาเดินกลับมาที่ห้องพัก เขาพาเธอไปนอนหลับพักอยู่บนเตียงห่มผ้าให้ แล้วนั่งลงข้างๆเตียงมองเธอ สะเทือนใจ ใบหน้าของพิชชา แทบไม่มีเลือดฝาด ความสดใสหายไป จิราพัชรคิดหาทางออกที่จะช่วย เขาเฝ้าเธอจนผล่อยหลับอยู่ข้างๆ เตียง
เช้าวันต่อมา...พาทินนั่งคิดเรื่องที่พิชชามาคุยเมื่อวานนี้ อรอินทุ์ถือกระเป๋าเปิดประตูรั้วเดินเข้ามา เห็นพาทินนั่งมองทะเลอยู่ เธอเอ่ยทักเขา
“ทินคะ ฉันกลับมาแล้วค่ะ”
พาทินยังนั่งจมอยู่ในความคิด
“ทินคะ”
พาทินหันกลับมามอง เธอเห็นท่าทางเขาดูแปลกๆ
“คุณมีอะไรเหรอคะ”
“อร....ให้เวลาผมอีกหน่อย ขอเวลาอีกสองเดือน แล้วผมจะกลับมาหาคุณได้ไหมอร”
อรอินทุ์ไม่อยากเชื่อว่า พาทินจะเปลี่ยนใจอีกแล้ว เธอทั้งเสียใจและโกรธเขา
“ไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมา”
พาทินเดินเข้าไปจับแขน
“อร”
อรอินทุ์สะบัดแขนจากพาทิน
“ฉันไม่ใช่คนโง่นะ อย่ามาทำกับฉันแบบนี้” อรอินทุ์ร้องไห้ “ฉันรู้สึกตัวเองต่ำต้อยด้อยค่ามากเลย...เชิญคุณไปได้เลย”
อรอินทุ์สะอื้น พาทินดึงมากอดให้เธอสงบอารมณ์ อรอินทุ์ดิ้นรนอยู่พักหนึ่งก็สงบลง พาทินลูบหลังปลอบ
“ทินคะ อย่าทิ้งฉันนะ”
พาทินไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ได้แต่กอดเอยู่อย่างนั้น
จิราพัชรอยู่ในครัวต้มโจ๊กเป็นมื้อเช้าให้พิชชา เขาลองชิม รู้สึกรสชาติไม่เหมือนที่คนอื่นทำ พิชชาฟื้นไข้เดินลงมาจากห้องนอน ยืนมองเขาท่าทางเก้กังต้มโจ๊ก จิราพัชรหันไปเห็นเธอยืนมองอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ เดินไหวหรือเปล่า”
จิราพัชรเดินเข้าไปจะช่วยพยุง
“ค่อยยังชั่ว ไม่ปวดแล้วใช่ไหม”
พิชชายิ้มให้
“ถามแบบนี้ฉันคงไม่ต้องตอบมั้งคะ”
จิราพัชรยิ้มแก้เก้อ เพราะห่วงพิชชาจนรัวคำถามเป็นชุดแถมเออเองเสร็จ
“ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องตกใจ แล้วก็เดือดร้อนคุณอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก ดีใจนะที่ผมยังเป็นคนสำคัญที่คุณพอพึ่งพาได้”
“คะ”
“ก็หมอโทรไปหาผม เพราะคุณเม็มเบอร์ของผม เป็นหมายเลขฉุกเฉินเบอร์แรก”
“ผมเจอโรงพยาบาลที่พอจะรักษาโรคนี้ได้แล้วนะ ผมให้โรงพยาบาลที่นี่ส่งรายละเอียดอาการของคุณไปให้โรงพยาบาลทางโน้นแล้ว”
พิชชารู้ข่าวดีจากปากของเขา ยิ่งซึ้งกับหัวใจของเขาที่มีต่อเธอ
“พัชรคะ...”
จิราพัชรจ้องหน้า
“ฟังผมนะ ลูคิเมีย โรคนี้รักษายากก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องตายเพราะมัน”
พิชชามีความหวัง ไม่ว่ามันจะเป็นแค่คำปลอบโยนของเขาหรือมีความเป็นไปได้อันน้อยนิด เธอก็ยังอยากจะหวัง
“ถึงจะอยู่ในกรุงเทพ แต่โรงพยาบาลนี้ บรรยากาศดี สงบ วิวสวยใช้ได้เลย เหมือนอยู่โรงแรมห้าดาวเลยนะ”
พิชชายิ้มรับที่เขาบรรยายสถานที่ เหมือนขายห้องพักที่โรงแรมตัวเอง
“ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ผมจะพาคุณไปรักษาที่เมืองนอก ผมจะทำให้ดีที่สุดรับรองได้”
พิชชามองจิราพัชร สิ่งที่เขาให้เธอมากเกินกว่าที่เธอจะตอบแทนคืนได้ พิชชาไม่อยากพึ่งพาเขามาก
เกินไป จิราพัชรมองแววตาของหญิงสาวก็รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจอยู่
“คุณไม่ใช่คนที่รีบยอมแพ้ โดยที่ไม่ลองต่อสู้กับมันใช่ไหม”
“ถ้าคุณกังวล จะให้ผมบอกเรื่องนี้กับทินมันไหม ว่าคุณกำลังป่วยหนักมาก”
พิชชาไม่อยากให้พาทินเข้ามายุ่งยากใจในเรื่องนี้อีก
“อย่าเลยค่ะพัชร อย่าบอกพี่เขาเลยนะคะ เขาจะไม่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องรู้หรอกค่ะ”
จิราพัชรเห็นท่าทีของพิชชาก็รู้ว่า เธอยังคงรักและห่วงจิตใจของพาทินมาตลอด พิชชาเห็นแววตาของเขารู้ว่าตัวเองทำร้ายใจของเขาอีกแล้ว
“ขอโทษนะคะ” เธอซึมลง “ฉันทำไม่ดีกับคุณไว้ตั้งมาก”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องขอโทษ แค่ไปกับผมนะ ไปรักษาตัวกัน นี่ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่คุณทำไม่ดีกับเอาไว้เยอะก็แล้วกัน”
พิชชาน้ำตาไหล
“ถ้าผมปล่อยให้คุณตายจากไป โดยที่ไม่ได้ทำอะไร ผมจะมีชีวิตต่อไปได้ยังไง” จิราพัชรน้ำตาซึม “ผมไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อคุณหรอกนะ ผมทำเพื่อตัวเอง คุณก็รู้นิสัยของผมดี ผมไม่แคร์คนอื่นหรอก ผมทำเพื่อตัวเอง”
ถึงเขาจะพูดแบบนั้นออกมา แต่เธอรู้ว่ามันตรงข้าม
“นะ...ทำเพื่อผม”
จิราพัชรน้ำตาไหล พิชชายอมจำนนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูด
“ค่ะ ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”
จิราพัชรยิ้มทั้งน้ำตา เขาเช็ดน้ำตาเพราะเสียฟอร์มต่อหน้าหญิงสาวไปหมดแล้ว พิชชามองท่าทีของเขาที่ดูเหมือนเด็กๆ เธอเองก็ยิ้มทั้งน้ำตาเช่นกัน
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 18