xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวนอกนา ตอนที่ 17 - 18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข้าวนอกนา ตอนที่ 17

ใจหวานออกมาร้องเพลงโชว์ความเซ็กซี่ เดือนมองอย่างเพลิดเพลิน โจ้อาศัยจังหวะนั้นแอบหยิบซองยาบางอย่างออกมา เทผงยาลงไปในแก้วน้ำของเธอ เดือนหันมายิ้มให้ โจ้เหวอไปเล็กน้อย รีบทิ้งซองแทบไม่ทัน

“เพลงเพราะไหมคะ”
“ค่ะ เพราะดี ผับนี้เป็นของพี่สาวพี่โจ้เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ชอบไหมคะ”
“ก็ดีค่ะ บรรยากาศไม่หนวกหู นักร้องก็ร้องดีค่ะ”
“งั้นมาบ่อยๆ นะคะ” โจ้ยกแก้วขึ้น “เชียร์ส”
โจ้ยื่นแก้วให้ชน เดือนยกแก้วขึ้นชนแล้วดื่ม โจ้แอบมองยิ้มกริ่ม

ดนัยธรเดินออกมาที่รถ เขมวรรณตามมา
“คุณจะไปไหนคะ”
“ไปที่ที่ผมสบายใจ”
“มันดึกแล้วนะคะ”
“ทียัยเดือนออกไปจนดึก คุณยังไม่สนใจ แล้วจะมายุ่งกับผมทำไม”
“อย่าทำเป็นเด็ก ๆ เลยค่ะนัย เราน่าจะช่วยกันคิดหาทางตามหาลูกดีกว่า”
“ผมน่ะเหรอเด็ก คุณดูตัวเองซะก่อนว่าเลี้ยงลูกยังไง ถึงได้กลายเป็นเด็กใจแตกแบบนั้น”
“อย่ามาโทษฉันคนเดียวสิคะ เราเป็นพ่อแม่ก็ต้องช่วยกันดึงลูกให้กลับมาสวยงามเหมือนเดิม”
“ผมกำลังพยายามอยู่ไง แต่คุณนั่นแหละที่ขัดขวางผม หาว่าผมทำเกินไปทุกอย่าง งั้นคุณจัดการเองคนเดียวก็แล้วกัน”
ดนัยขับรถออกไป เขมวรรณมองตามรถที่แล่นออกไปอย่างเจ็บช้ำ

เสียงดนตรีบนเวทีดังขึ้น ดำออกมาร้องเพลงคู่กับใจหวาน ลูกค้าชายหันมาคุยกับเพื่อน
“ดำขอเซ็กซี่บ้างว่ะ”
“อย่าเลย เห็นแล้วขนลุก มันดำไปหมด มองไม่เห็นความเอ็กซ์เลย”
เสียงคนโห่การแต่งตัวสไตล์ใหม่ของดำ ไม่ชอบใจ เดือนมองไปตกใจเมื่อเห็นดำ ทำท่าจะลุก
“น้องเดือนจะไปไหนคะ”
“เดือน...จะไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
เดือนลุกแล้วเซไปเล็กน้อยด้วยความมึน โจ้เข้าไปประคอง
“เดี๋ยวพี่พาไปเอง”
โจ้ประคองเดือนออกไป ดำมองตามจนสมาธิหลุด ลืมร้อง ใจหวานต้องแอบสะกิด ดำร้องต่อไป แต่ตาก็ยังมองตามเดือน
เดือนเข้ามาในห้องน้ำ เซจนต้องเกาะขอบอ่างล้างหน้าแล้วหลับตา เธอมองไปรอบ ๆ สายตาเห็นรอบห้องหมุนไปมา เธอรู้สึกพะอืดพะอมจากอาการเมา จึงวิ่งไปอาเจียนที่โถ

เดือนออกจากห้องน้ำด้วยท่าทางอ่อนเพลีย แต่แล้วก็ต้องหยุดกึกเมื่อพบว่าดำรออยู่
“เดือน...”
เดือนตกใจ แต่ทำเป็นไม่ได้ยิน จะเดินเลี่ยงไป ดำขวางไว้
“จะหนีไปไหน”
“มีอะไรกับฉันเหรอ”
“จำฉันไม่ได้หรือไง”
เดือนส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ เพราะดำแต่งตัวเปลี่ยนไป
“อย่ามาโกหกเลย ฉันรู้ว่าพี่เดือนจำฉันได้ เพราะฉันยังจำพี่สาวตัวเองได้แม่น”
เดือนชะงัก
“ดำ...”
“จำได้แล้วเหรอ”
มีคนเดินมา ดำต้องหลีกทางให้ เดือนจึงอาศัยจังหวะนั้นจะเลี่ยงหนี ดำดึงไว้
“ทำไมต้องหนีด้วย กลัวคนอื่นจะรู้กำพืดตัวเองหรือไง”
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากกลับบ้านแล้ว”
“นี่กินเหล้ามาล่ะสิ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากินอะไรลงไปบ้าง”
“บอกซะก่อนนะว่าให้ระวังไอ้โจ้ไว้ มันไม่ใช่คนดีหรอก”
“ฉันรู้...”
“เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”
ดำทำท่าจะดึงเดือนไป โจ้เดินเข้ามา
“ดำ แกมาทำอะไร”
“มาคุยกับคนเคยรู้จักกัน”
โจ้มองดำอย่างรู้ทัน
“แกไปรู้จักน้องเดือนตั้งแต่เมื่อไร”
“รู้จักกันนานมาก ตั้งแต่เกิด...”
โจ้ทำท่าปกป้อง
“อย่ามายุ่งกับน้องเดือนเลยดีกว่า กลับไปร้องเพลงของแกซะ”
“คุณนั่นแหละไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพี่น้อง”
ซูซี่เข้ามาตามดำ
“ดำ...อยู่นี่เอง ต้องขึ้นร้องเพลงต่อไปแล้วนะ ไปเร็ว”
“เดี๋ยวก่อนซูซี่”
“เดี๋ยวไม่ได้แล้ว ฉันตามหาแกตั้งนาน ไป...”
ซูซี่ดึงดำไป โจ้หันไปถามเดือน
“ดำมันทำอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ แต่เดือนอยากกลับบ้านแล้ว รู้สึกมึนหัวมาก เดือนเมาแล้วเหรอคะ”
โจ้มองเจ้าเล่ห์
“ค็อกเทลอ่อนขนาดนั้นไม่น่าจะเมาเลยนะ”
“เดือนคงคออ่อนมั้งคะ ทั้งเวียนหัวทั้งง่วงเลยค่ะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
โจ้จับแขนพาเดือนออกไป

โจ้ประคองเดือนออกมา ผ่านไวภพที่นั่งดื่มอยู่กับออย
“คืนนี้ให้ออยขับรถไปส่งคุณไวนะคะ”
“อย่าเลยครับ บ้านผมอยู่ไกลมาก”
ออยเกาะแขน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ออยขับได้...”
ออยส่งตาหวานให้ แต่ไวภพกลับเมินไปมองทางอื่น ออยเซ็งแต่แล้วไวภพก็ชะงักเมื่อเห็นเดือนถูกโจ้ประคองออกไป เขามองตามอย่างเป็นห่วง

โจ้ประคองเดือนขึ้นมาบนรถ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะคะ”
เดือนกลัวๆ
“คุณพ่อต้องดุเดือนแน่ๆ ถ้าเห็นกลับไปสภาพนี้”
“งั้นพี่พาไปพักให้สร่างเมาก่อนดีไหมคะ”
“พักที่ไหนคะ”
“คอนโดคุณแม่พี่ซื้อไว้ เพิ่งแต่งเสร็จรอคนมาเช่า อยู่แถวนี้เอง รับรองปลอดภัยค่ะ”
เดือนฟังอย่างลังเล
“เรานั่งอยู่ในรถนี่ก่อนก็ได้ค่ะ”
“อย่าเลยค่ะ ยุงหามตายเลย ไปที่อื่นเถอะ”
โจ้ขับรถออกไป เดือนมึนๆ เอนศีรษะพิงกับเบาะรถอย่างเหนื่อยอ่อน โจ้แอบมองยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด
ดำกับซูซี่ร้องเพลงจบ เสียงคนตบมือลั่น ดำรีบลงจากเวที ซูซี่มองเหวอๆ อยู่พักหนึ่ง ก็รีบแก้ไขสถานการณ์
“กลับมาฟังเพลงสนุกๆ กับซูซี่กันต่อเลยนะคะ”
ซูซี่ร้องเพลงคนเดียวต่อไปอย่างเมามัน ดำลงมาด้านล่างมองหาเดือน
ดำมาที่โต๊ะ เห็นบ๋อยกำลังเก็บโต๊ะ
“คุณโจ้กับผู้หญิงโต๊ะนี้ไปไหนแล้วล่ะ”
“ออกไปแล้วครับ”
“ออกไปนานหรือยัง”
“15 นาทีได้มั้ง”

ดำรีบออกไป

ดำตามออกมา มองหาเดือน ใครบางคนเขามาแตะบ่า ดำหันไป ใจหวานมองอย่างหงุดหงิด
“แกออกมาทำอะไรน่ะดำ ทำไมไม่ร้องเพลง”
“หนูเจอนังเดือน พี่สาวหนู”
“ที่แกรีบลงจากเวทีก็เพราะจะมาหาพี่สาวแกเหรอ”
“หนูเข้าไปทักมันแล้ว ตอนแรกมันทำเป็นจำหนูไม่ได้ คอยดูนะ ถ้าเจออีกจะประจานเลยว่าเราเป็นพี่น้องกัน”
“ใครเค้าจะเชื่อแก”
“หนูจะแฉให้หมดทุกอย่าง ใครไม่เชื่อจะตรวจดีเอ็นเอก็ได้”
“แต่เขาไปแล้วนี่ แกกลับเข้าไปร้องเพลงต่อเถอะ”
“นังนั่นมันไปกับไอ้คุณโจ้ คงเป็นแฟนกัน สมน้ำหน้า เป็นแฟนใครไม่เป็น ดันโง่เป็นแฟนคาสโนว่าตัวพ่อ คอยดูน้ำตาต้องเช็ดหัวเข่าแน่”
“แกจะไปแค้นอะไรเขานักหนาวะดำ”
“ก็มันอยากไม่ยอมรับหนูเป็นน้องเอง มันมีชีวิตสุขสบายเป็นคุณหนู แต่หนูต้องปากกัดตีนถีบเป็นคนใช้เขา จะไม่ให้หนูแค้นได้ยังไง”
“แต่ตอนนี้แกก็มีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วนี่ มีเงินมีแฟนหล่อ แกน่าจะพอใจ ผู้หญิงสวย บางทีก็เป็นอันตรายมากกว่าผู้หญิงธรรมดานะ ดูอย่างฉันสิต้องเป็นเมียน้อยเขากี่ปี สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย”
ดำอ่อนลง
“ที่จริงถ้าเขายอมรับหนูแต่แรก หนูก็จะไม่เจ็บใจเท่านี้หรอก”
ดำชะเง้อมองอย่างเสียดาย

โจ้พาเดือนมาที่คอนโด แล้วประคองเข้าไปในห้องนอน
“เดินดีๆ นะคะ”
เดือนมึนๆ มองไปรอบๆ อย่างไม่ไว้ใจ
“พาเดือนกลับบ้านดีกว่าค่ะพี่โจ้”
“อย่าเลย เดี๋ยวคุณพ่อดุเอา นอนพักสักเดี๋ยวพี่ค่อยพากลับ”
“เดือนไม่อยากนอนที่นี่ค่ะ”
“ไม่อยากนอนก็นั่งพักก่อนได้”
“เดือนอยากกลับจริงๆ”
โจ้ดึงไว้ เดือนดิ้น
“ปล่อยค่ะ เดือนจะกลับบ้าน”
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะคะ อย่ากลับแท็กซี่เลยมันอันตราย”
เดือนจะเดินออกไป แต่แล้วรู้สึกมึนหัวมากจนเซไป โจ้เข้าไปประคองไว้ เธอล้มลงในอ้อมกอดของเขา โจ้มองยิ้มกระหยิ่ม

ออยเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวนักร้องพลางกรีดร้องอย่างขัดใจ
“อร๊าย”
แนทกับแอ๋มมองหน้ากันตกใจ
“อะไรวะนังออย ร้องยังกับผีเข้า” แนทถามอย่างสงสัย
“ก็คุณไวภพน่ะสิ หายตัวไปไหนไม่รู้ ฉันขึ้นไปร้องเพลงกลับลงมาก็ไม่เห็นแล้ว”
แอ๋มโพล่งขึ้น
“เขาหนีแกไปล่ะสิ”
ออยเถียง
“จะบ้าเหรอนังแอ๋ม เขาชอบฉันจะตาย เหยื่อกำลังจะติดเบ็ดอยู่แล้วเชียว”
แอ๋มแนะ
“แกก็โทรตามสิ”
“โทรแล้วเขาไม่รับสาย หายไปไหนวะ”
เพื่อนทั้งสองยักไหล่ ออยเซ็งจัด

ไวภพมาถึงหน้าคอนโด ซึ่งรปภ.เดินตรวจอยู่
“มาหาใครครับ”
“ผมอยู่ชั้น 3 ครับ แต่ลืมคีย์การ์ด รอเพื่อนมาเปิดให้”
รปภ. พยักหน้าแล้วออกไป ไวภพมองไปรอบๆ อย่างคิดว่าทำอย่างไรดีแต่แล้วก็มีใครเดินเข้ามา ไวภพหาทางหลบไป ผู้หญิงคนหนึ่งใช้คีย์การ์ดเปิดประตู ไวภพอาศัยจังหวะนั้นตามเข้าไปด้วย

โจ้อุ้มเดือนที่หมดสติลงมานอนบนเตียง เอาหลังมือไล้หน้าเธอแล้วยิ้มกริ่ม แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเดือนขยับตัวเหมือนละเมอ
“คุณแม่ขา...เดือน...ปวดหัวค่ะ”
“พี่จะดูแลเดือนแทนคุณแม่เอง เดี๋ยวก็หายนะจ๊ะ”
โจ้ลูบผมลูบแก้มมองใบหน้าและเรือนร่างเธออย่างหลงใหล

ไวภพขึ้นลิฟท์มา แล้วมองหาว่าห้องไหน เห็นห้องเต็มไปหมด เขามองหาเดือน ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตะโกนเรียก
“เดือน...เดือนอยู่ไหน เดือน”
เขาตัดสินใจวิ่งไปกดกริ่งทุกห้อง ชาย หญิง หลายห้องในชุดนอนเปิดประตูออกมา พอเห็นไวภพก็งง
“มาหาใคร”
“กดหาอะไรวะ”
“ขอโทษครับ ผมกดผิด”
ผู้หญิงตกใจ
“โจรหรือเปล่า แจ้ง รปภ. ดีกว่า”
ไวภพรีบวิ่งออกไปทางบันไดหนีไฟ

โจ้ก้มลงจะจูบ เดือนเริ่มรู้สึกตัว พอเห็นหน้าโจ้ระยะใกล้ก็ผงะ ผลักเขาออกแล้วกระถดตัวหนี
“พี่โจ้...”
“ใช่จ้ะ พี่เอง”
โจ้คว้าตัวมาจะจูบอีก เดือนเบือนหน้าหนีแล้วดันไว้
“จะทำอะไร ปล่อยนะ”
“พี่รักเดือนนะคะ”
“แต่เดือนไม่ได้รักพี่ อย่าทำอย่างนี้ ปล่อย...”
เดือนดิ้นพราด โจ้จับตัวไว้
“มาถึงขั้นนี้แล้ว จะปล่อยให้โง่เหรอ”
เดือนร้องลั่น
“ช่วยด้วย”
“อยู่ในนี้ไม่มีใครได้ยินหรอก”
“อย่าทำอย่างนี้ ปล่อย...”
เดือนพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ โจ้ใช้กำลัง เดือนคว้าโคมไฟข้างตัวมาตีหัวโจ้เปรี้ยงแล้วอาศัยจังหวะนั้นวิ่งหนีออกจากห้อง
ไวภพเดินออกมาอีกชั้นหนึ่ง มองหาเดือน แต่แล้วมีใครเข้ามาจับตัวเขาไว้ ไวภพหันไป รปภ. 2 คนเข้ามาจับแขนเขาไว้คนละข้าง
“คุณไม่ได้อยู่ในตึกนี้ใช่ไหม”
“ครับพี่ ผมมาตามหาแฟน แฟนผมถูกลักพาตัวมา ขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยครับว่าเขาอยู่ห้องไหน”
“อย่ามาโกหก”
“จริงๆ ครับ ผมขอร้องละ พี่ช่วยผมหน่อยเถอะ”
ไวภพจะล้วงกระเป๋า รปภ.ตกใจนึกว่าจะหยิบปืน จึงเอากระบองตีมือ แล้วล็อคแขนไวภพไว้
“เฮ้ย...อย่านะเว้ย”
“งั้นพี่ช่วยหยิบกระเป๋าสตางค์ของผมออกมาหน่อย”
รปภ.มองหน้ากันลังเล
“ผมขอร้องละครับพี่ ช่วยหน่อยเถอะ ผมขอร้อง”
รปภ. ล้วงกระเป๋าออกมาให้ ไวภพหยิบแบงก์พันยื่นให้ รปภ. มองอย่างพอใจ

เดือนหนีออกมาถึงประตู แต่แล้วโจ้เข้ามารวบตัวไว้
“จะหนีไปไหนเดือน”
เดือนดิ้นต่อสู้
“ปล่อยนะพี่โจ้ ปล่อยเดือนเถอะ เดือนจะกลับบ้าน”
“ไหนบอกไม่อยากกลับไง”
“เดือนจะกลับแล้ว ปล่อยสิ”
“ฤทธิ์มากนักนะ”
เดือนโกรธ
“ถ้าแกทำอะไรฉัน ฉันเอาเรื่องแน่”
“ฉันจะถ่ายคลิปทุกอย่างไว้ อยากประจานตัวเองก็เอาซี่”
เดือนดิ้นจนล้มลง ทำให้โจ้ล้มด้วย โจ้จับขาไว้ เดือนถีบโจ้ถลาไป แล้วคลานไปถึงประตู โจ้เข้ามารวบตัวเธอไว้ทัน เดือนร้องลั่น
“ช่วยด้วย ๆ”

โจ้ปิดปากเดือน แล้วลากไปที่ห้อง

ข้าวนอกนา ตอนที่ 17 (ต่อ)

ไวภพ อยู่ในห้องดูกล้องวงจรปิดของคอนโด รปภ. กรอภาพกลับไป ไวภพคอยมองจนเจอ

“นั่นไงครับ เจอแล้วๆ”
ภาพบนหน้าจอ เห็นโจ้ประคองเดือนเข้าไปในห้อง
“พี่ช่วยพอสตรงนี้ไว้หน่อยครับ”
รปภ. กด pause ไว้ ไวภพเข้าไปจ้องใกล้ๆ สายตาไวภพมองไปที่หมายเลขห้องที่โจ้ประคองเดือนเข้าไป
“ขอบคุณครับพี่”
ไวภพรีบออกไปทันที

โจ้อุ้มเดือนลงมาที่เตียง เดือนพยายามหนี แต่โจ้กดไว้
“ปล่อยนะพี่โจ้ ปล่อยเดือนเถอะ ขอร้องละ”
“ปล่อยกูก็ซวยน่ะสิ มามีความสุขกันก่อนดีกว่า”
“ไม่นะ ไม่เอา...”
โจ้ซุกไซ้ซอกคอ เดือนกรีดร้อง
“อย่า...”
เสียงกริ่งดังขึ้น โจ้ชะงัก เดือนอาศัยจังหวะนั้นถีบหว่างขาโจ้สุดแรง จนล้มลง เดือนวิ่งถลาออกไป

ไวภพหลบอยู่ข้างประตู ได้ยินเสียงกุกกักและเสียงร้อง
“ช่วยด้วย...”
ไวภพตบประตู
“เดือน...นั่นเดือนใช่ไหม ผมไวนะ”
เดือนอยู่ในห้อง จำเสียงไวภพได้
“ไวคะ เดือนเอง ช่วยด้วย...”
โจ้ตามมาทัน รีบปิดปากเดือน รปภ. 2 นาย ตามมา
“มีเสียงผู้หญิงร้องอยู่ข้างใน พี่ช่วยเปิดทีครับ”
“เปิดไม่ได้ ไม่มีกุญแจ”
ไวภพร้อนใจ
“งั้นทำไงดี”
“แจ้งตำรวจก่อน”
“ไม่ทันหรอกครับพี่”
ทั้งสามมองหน้ากันอย่างคิดไม่ตก

เดือนดิ้นขลุกขลัก โจ้ลากไป แต่เดือนไม่ยอม เอื้อมมือจะไปเปิดประตู
“ยังไงก็ไม่รอดหรอก”
“แกนั่นแหละไม่รอด ไวกำลังเรียกตำรวจมา แกติดคุกแน่”
“ปากเก่งนักเหรอ”
โจ้จูบ เดือนกัดปาก โจ้ร้องจ๊ากผงะผลักเดือนออก
“อ๊าก”
โจ้กุมปากที่เลือดกบ เดือนเอื้อมมือไปเปิดประตูออกมาได้ ไวภพหันมาเห็น โจ้มองมาตกใจ ไวภพเข้ามาชกหน้าโจ้อย่างแรง จนหงายหลังลงไป ไวภพจะหันไปทางเดือน แต่โจ้เข้ามา รปภ. 2 คนเข้ามาช่วยกันจับตัวโจ้
“เฮ้ย...กูเป็นเจ้าของที่นี่นะ ปล่อยสิวะ”
รปภ.คนหนึ่งแย้ง
“แต่คุณกำลังจะทำมิดีมิร้ายคุณผู้หญิง”
ไวภพเข้าไปประคองเดือนไว้
“เดือน...เป็นอะไรหรือเปล่า”
เดือนกอดไวภพร้องไห้อย่างหวาดกลัว
“ไวคะ”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมมาช่วยแล้ว”
โจ้ดิ้นรนจะให้หลุดจากรปภ.
“บอกให้ปล่อย กูถูกบุกรุกนะโว้ย เดี๋ยวให้ฝ่ายนิติไล่ออกให้หมดหรอก”
รปภ.ถามไวภพ
“เอาไงดีครับ”
“ไม่ต้องไปกลัวมันครับ มันเป็นคนทำผิด”
โจ้มองหน้าเดือนและไวภพ
“ถ้าเอาเรื่องกูจะแฉพวกมึงให้หมด...” โจ้จ้องหน้าเดือน “โดยเฉพาะเรื่องของแก กำพืดแกทั้งหมด...”
เดือนตกใจ ไวภพมองหน้าเดือนงงๆ
“เดือนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พาเดือนออกไปที”
“เราจับมันส่งตำรวจก่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันยังทำอะไรเดือนไม่ได้”
ไวภพไม่เห็นด้วยนัก แต่ก็จำใจพาเดือนออกไป

ไวภพพาเดือนออกมา แล้วโบกแท็กซี่ แท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด
“ไปสถานีตำรวจ...”
เดือนรีบบอก
“อย่าเลยค่ะ”
“อ้าว...ทำไมล่ะ เดือนจะไม่เอาเรื่องมันเหรอ”
“เดือนไม่อยากให้คุณพ่อรู้”
“แต่ไอ้นั่นมันจะ...มันจะข่มขืนเดือนนะ”
“ยิ่งเป็นเรื่องนี้ยิ่งแจ้งความไม่ได้ค่ะ คุณพ่อต้องโกรธเดือนมากแน่ๆ ที่เดือนหนีเที่ยวกลางคืน”
เดือนทำท่าจะร้องไห้ ไวภพมองหน้าอย่างเห็นใจ

ใจหวานกลับเข้ามาในห้อง เสียงมือถือดังขึ้น เธอมองหน้าจออย่างแปลกใจก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหล มีอะไรคะเสี่ย”
“มีแน่ แกมาขนของของแกออกไปจากบ้านฉันซะที”
“หวานไม่กลับไปที่นั่นแล้ว”
“งั้นฉันจะขนของของแกโยนทิ้งให้หมด”
“ตามใจ เสี่ยจะเอาใครมากกที่บ้านนั้นก็แล้วแต่เสี่ย อย่าโทรมายุ่งกับฉันอีก”
“ฉันจะเตือนแกไว้นะ ที่แกนอกใจสวมเขาให้ฉัน แกกับชู้ไม่ตายดีแน่”
“เสี่ยส่งคนไปทำร้ายหมอจอร์จใช่ไหม”
“คิดเอาเองก็แล้วกัน บางทีอาจไม่พ้นคืนนี้ก็ได้”
ใจหวานตกใจ วางสายลงอย่างใจหาย เธอกดมือถือออกโทรหาจอร์จ แต่เขาไม่รับสาย เธอยิ่งกังวลหนัก
ใจหวานมากดกริ่งที่คลีนิกอย่างร้อนใจ รอสักพักประตูยังไม่เปิด เธอก็กดอีก สักครู่มือจอร์จเข้ามาแตะบ่า ใจหวานสะดุ้งเฮือก หันไปก็โล่งใจและดีใจ
“หมอ...”
“มีอะไรเหรอหวาน”
“หวานเป็นห่วงหมอค่ะ โทรมาก็ไม่รับสาย”
“ผมไปช่วยคนเจ็บกับมูลนิธิมา”
“หมอปลอดภัยนะคะ”
“ปลอดภัยจ้ะ”
“แผลที่โดนทำร้ายเป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
ใจหวานเข้าไปกอดเขาไว้ทั้งรักและสงสาร จอร์จตกใจ
“เป็นอะไรไปใจหวาน”
“หมอคะ หวานอยากจะสารภาพ...ว่าที่หมอถูกทำร้ายเพราะหวานเอง...”
จอร์จดันตัวใจหวานออก
“ทำไม หวานไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“เสี่ยพรคิดว่า...คิดว่าหวานเป็นชู้กับหมอค่ะ”
จอร์จส่ายหน้า
“บ้าจริง เราบริสุทธิ์ใจ แต่คนมันก็คิดสกปรกไปได้”
“หมอต้องระวังตัวนะคะ เมื่อกี้มันก็โทรมาขู่หวานอีก หวานเลยเป็นห่วงหมอ”
“ขอบใจนะหวาน ผมไม่เป็นไร จะพยายามระวังตัว นี่ดึกแล้ว หวานกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ ส่งขึ้นแท็กซี่ก็พอ”
“มันดึกแล้วนะหวาน”
“หวานชินแล้ว อย่าลืมสิว่าหวานเป็นนักร้องกลับบ้านตีสองตีสามประจำ หมอไปกับหวาน เดี๋ยวก็ยิ่งถูกสงสัยกันไปใหญ่”
จอร์จพยักหน้าเข้าใจ
“งั้นผมไปส่งขึ้นรถ”

จอร์จพาใจหวานเดินออกไปใจหวานยังเครียดไม่หาย

ดำข้ามาในอพาร์ตเมนท์ ดีใจเมื่อเห็นสมพันธุ์

“พี่พัน...”
สมพันธุ์หลับอยู่บนโซฟา ดำมองอย่างปลาบปลื้ม
“โธ่...หลับซะแล้ว”
ดำเข้าไปกอดเขาไว้เบาๆ แล้วซบกับเขาอย่างรู้สึกอบอุ่น สมพันธุ์แอบลืมตาขึ้นมองอย่างรู้สึกอึดอัด

รถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้าน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ไวภพลงมากับเดือน
“ผมจะรอส่งจนเดือนเข้าบ้านอย่างปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนเปิดประตู กำลังจะเข้าไป ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด ทั้งสองหันไปมองอย่างตกใจ
“คุณพ่อ...”
ดนัยธรลงจากรถด้วยท่าทางเมานิดๆ มองทั้งสองด้วยแววตาดุดัน
“ไปไหนกันมา”
เดือนอึกอัก
“เอ่อ...ไป...ทานข้าวมาค่ะ”
“โกหก ทานข้าวอะไรกลับกันมาป่านนี้...แถมสภาพยังทุเรศทุรังอีก กินยังอื่นกันมาจนอิ่มมากกว่า”
ไวภพพยายามอธิบาย
“คืออย่างนี้ครับ เดือนถูกทำร้าย...”
ดนัยธรกระชากคอเสื้อไวภพ
“ไม่ต้องมาปั้นน้ำแก้ตัวแทนกัน ฉันจำแกได้ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับยัยเดือนอีก”
เดือนรีบบอก
“เราเลิกคบกันแล้วจริงๆ แต่บังเอิญเจอกันค่ะ”
“ยังจะแถอีก นังเด็กใจแตก นังลูกไม่รักดี”
ดนัยธรตบเดือนล้มลง
“อย่าครับคุณพ่อ...”
ไวภพเข้าไปประคองเดือน ดนัยธรชี้หน้าเดือนกับไวภพ
“ฉันคิดผิดที่เอาแกมาเป็นลูก เลี้ยงยังไงก็ไม่พ้นสำส่อน เลือดชั่วแกมันแรงจริงๆ”
เดือนมองหน้าดนัยธรอย่างตกใจ ร้องไห้โฮออกมา ไวภพมองดนัยธรอย่างตกใจกับคำพูดของเขา

เขมวรรณซึ่งนั่งหลับอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่นขึ้น ได้ยินเสียงเอะอะดังลั่น เธอมองออกไป
“อะไรกันนะ”
เขมวรรณตกใจ แล้วรีบเปิดประตูออกไป ไวภพหันมาเห็นยกมือไหว้ เขมวรรณรับไหว้
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
ดนัยธรมองเดือนเหยียดๆ
“ดูลูกสาวคุณสิเข็ม ทำงามหน้านัก ไปนอนกกกับผู้ชายจนดึกดื่นเพิ่งกลับเอาป่านนี้”
“ผมกับเดือนไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทางนะครับ ผมแค่มาส่งเดือนเท่านั้นเอง”
“ส่งดึกๆ ดื่น ๆ อย่างนี้น่ะเหรอ ไม่นอกลู่นอกทาง”
เขมวรรณปราม
“นัยคะ ดึกแล้วเราไปคุยข้างในเถอะค่ะ”
“ผมไม่คุยแล้ว ใครอยากคุยกับพวกเด็กใจแตกก็คุยไป”
ดนัยธรขึ้นรถขับเข้าบ้านไป เสียงเบรกดังเอี๊ยดเกือบชนโรงรถ เขมวรรณมองอย่างตกใจก่อนจะหันไปทางไวภพ
“ขอบใจนะจ๊ะที่มาส่งเดือน เธอกลับไปก่อนเถอะ”
“ครับคุณน้า” ไวภพบอกกับเดือน “ผมกลับแล้วนะเดือน อย่าคิดมากนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้”
เดือนพยักหน้าเศร้าๆ
“ขอบคุณนะคะ”
ไวภพยกมือไหว้เขมวรรณ แล้วขึ้นรถออกไป เขมวรรณกอดเดือนไว้ เดือนซบลงร้องไห้กับแม่

เดือนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในบ้าน เขมวรรณถาม
“ลูกหายไปไหนมา ทำไมถึงติดต่อไม่ได้เลย”
“เดือน...ไป...ไปที่ผับกับเพื่อนมาค่ะ ที่นั่นเพลงดังเลยไม่ได้ยินเสียงมือถือเลย”
เขมวรรณตกใจ
“ทำไมถึงไปเที่ยวสถานที่แบบนั้น”
“ทีแรกก็ตั้งใจจะไปฟังเพลงเฉยๆ ค่ะ แต่...เดือนดื่มค็อกเทลมากไปหน่อยรู้สึกมึนๆ ไม่อยากกลับตอนนั้น ก็เลยอยู่ต่อไปเรื่อยๆ”
“อยู่ต่อที่ผับน่ะเหรอ”
“ค่ะ เดือนกับไวไม่มีอะไรกันจริงๆ นะคะคุณแม่”
เขมวรรณไม่ค่อยเชื่อ
“จริงเหรอ”
“จริงๆ ค่ะ ให้หนูสาบานก็ได้ ว่าถ้าเดือนกับไวมีอะไรกันอย่างคุณพ่อคิดจริงก็ขอให้มีอัน...”
เขมวรรณรีบห้าม
“ไม่ต้อง แม่เชื่อหนูจ้ะ”
เดือนเศร้าสลดลง
“แต่คุณพ่อไม่เชื่อเลย”
“คุณพ่อเมา แล้วก็กำลังโกรธด้วยน่ะจ้ะ เขารอลูกจนเกือบเที่ยงคืนยังไม่กลับมา ติดต่อก็ไม่ได้ จนเกือบจะไปแจ้งความแล้ว”
เดือนรู้สึกผิด
“หนูขอโทษค่ะคุณแม่ที่ทำให้กังวลเรื่องหนู”
“ลูกต้องไปขอโทษคุณพ่อด้วยนะจ๊ะ หาโอกาสเหมาะๆ ตอนคุณพ่ออารมณ์ดี”
“แต่...เดี๋ยวนี้ท่านไม่เคยอารมณ์ดีกับเดือนเลยค่ะ”
“ไม่เอา...อย่าตั้งแง่กับคุณพ่อสิจ๊ะ ทำอย่างที่หนูเคยเข้าหาท่านนั่นแหละ เดี๋ยวท่านก็หายโกรธเอง”
“หนูจะพยายามค่ะ”
เขมวรรณลูบผมเดือน
“ดีมากจ้ะ แม่เอาใจช่วยนะจ๊ะ”
เดือนยังสะอึกสะอื้น เขมวรรณกอดปลอบลูกอย่างสงสาร

ดำอาบน้ำเสร็จ นุ่งเสื้อคลุมอาบน้ำออกมาหาสมพันธุ์
“พี่พันจ๋า พี่พัน”
สมพันธุ์ขยับตัวเล็กน้อยแล้วนอนต่อ ดำมองอย่างเกรงใจ แต่ความเสน่หาในตัวเขามีมากกว่า เธอนั่งมองเขาอยู่สักครู่อย่างหลงใหล ก่อนจะเขย่าตัวเบาๆ
“พี่พันหลับแล้วเหรอ ตื่นขึ้นมาคุยกันก่อนซี่”
สมพันธุ์ทำท่างัวเงีย แล้วพลิกตัวหันไป
“โธ่...พี่พัน ทำไมถึงขี้เซาอย่างนี้นะ”
ดำก้มลงจูบตามหน้าผาก คิ้ว จมูก แก้ม ปาก คาง ของเขาอย่างแสนรัก แล้วกอดไว้อย่างมี ความสุข สมพันธุ์แอบลืมตาดู แล้วทำเป็นหลับต่อ

จ้อยทำแผลให้โจ้อยู่ในบ้าน
“เมื่อกี้ก็เห็นแกกลับไปดีๆ ทำไมถึงเจ็บขนาดนี้”
“ตอนขากลับเจอพวกเด็กแว้น มันขับรถปาดไปปาดมา โจ้ด่ามันไป มันเลยเข้ามารุม”
“ทีหลังระวังหน่อยก็แล้วกัน พวกนี้มันร้าย แล้วเป็นไง จีบสาวติดหรือยัง”
โจ้หลบตา
“ก็เกือบติดแล้วละ แต่คงไม่เอายัยนี่แล้ว”
“อ้าว...ทำไม เห็นแม่ก็เชียร์อยู่นี่ เป็นถึงลูกสาวตระกูลดำรงธุรการไม่ใช่เหรอ”
“เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ”
จ้อยหน้าตื่น
“เฮ้ย...จริงอ่ะ แกรู้ได้ไง”
“รู้จากแม่นี่แหละ เรื่องนี้เขารู้กันในเครือญาติ แต่ไม่ค่อยพูดหรอก เพราะบ้านนั้น เขารักเด็กคนนี้มาก แต่โจ้เริ่มสงสัยอีกอย่าง ว่าเขาอาจจะเป็นพี่น้องกับนังดำด้วย”
“หา”
จ้อยตกใจ เอาสำลีกดแผลโจ้แรงกว่าเดิม
“นังดำปิ๊ดปี๋ นักร้องในผับฉันเนี่ยนะ”
“โอ๊ย...พี่จ้อยเบาหน่อยดิ”
“เออ โทษที...มันตกใจนี่หว่า เป็นไปได้ไง หน้าตาคนละเรื่องเลย”
“พี่น้องคนละพ่อกันไง”
“ฉันอยู่อเมริกามาเป็นสิบปี เจอพวกนิโกรยังแหยงเลย แปลกนะแม่นังดำนี่มันไม่เกี่ยงสักนิด”
“แม่มันเป็นผู้หญิงขายตัวนี่พี่จ้อย ชาติไหนให้เงินมันก็อ้ารับหมด”
“งั้นยัยคุณหนูเดือน ก็เป็นแค่ลูกผู้หญิงขายตัวมาจากสลัมเหมือนกับนังดำน่ะสิ”
“ใช่”
“แล้วแกรู้ได้ยังไง ว่าสองคนเป็นพี่น้องกัน”
“เมื่อคืนสองคนนี้เจอกัน พอดีโจ้แอบฟังอยู่ เลยได้ยินนังดำมันพยายามคาดคั้นเดือนให้ยอมรับมันเป็นน้อง”
จ้อยมองโจ้อย่างไม่อยากเชื่อ
“ถ้าเราสืบจากนังดำ ต้องได้เรื่องเด็ดๆแน่”

โจ้พยักหน้าเห็นด้วย

ข้าวนอกนา ตอนที่ 18

สาย วันรุ่งขึ้น...ไวภพเดินตรวจโรงสี เสียงดนัยธรยังก้องอยู่ในหู

“ฉันคิดผิดที่เอาแกมาเป็นลูก เลี้ยงยังไงก็ไม่พ้นสำส่อน เลือดชั่วแกมันแรงจริงๆ”
ไวภพนิ่วหน้าอย่างสงสัยอะไรบางอย่าง นึกถึงคำพูดของโจ้
“แกไม่รู้อะไรเหรอวะ ว่าพ่อแม่ของเดือนไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ เขารับเด็กจากสลัมมาเลี้ยง”
ไวภพมัวแต่คิดจนเดินชนกับสมภพ
“ป๋า...”
“ระวังหน่อยสิไว ยังเมาค้างอยู่หรือไง”
“เปล่าครับ”
สมภพมองไม่อยากเชื่อ
“เอ้า...เปล่าก็เปล่า งั้นมาดูออร์เดอร์นี่ ลูกค้าสั่งข้าวหอมมะลิห้าร้อยตันส่งไปเซี่ยงไฮ้ แกช่วยไปจัดการเช็คสต็อกให้หน่อย...”
สมภพยื่นเอกสารให้ ไวภพดูเครียดๆ ยังคิดไม่ตก
เดือนลงจากชั้นบน ชะงักเมื่อเห็นดนัยธรนั่งอยู่ ดนัยธรเห็นเดือนก็ชะงัก สีหน้าโกรธ เดือนรีบเดินเลี่ยงไป เขมวรรณเจอก็เข้ามาถาม
“เดือนไปไหนจ๊ะลูก”
“พาลิลลี่ไปเดินเล่นค่ะ”
ดนัยธรสวนทันที
“พาลิลลี่ไปเดินเล่นหรือแอบไปเจอใครอีก”
เดือนไม่ตอบ เขมวรรณอึดอัด รีบเปลี่ยนบรรยากาศ
“รีบกลับมาทานข้าวด้วยกันนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
เดือนรีบออกไป ดนัยธรยังมองตามเคืองๆ
“ดูสิ ลูกคุณไม่ตอบคำถามของผมเลย”
“ก็คุณเหน็บแกนี่คะ”
“ทำไมคุณต้องปกป้องลูกทุกครั้งที่เขาทำผิด จะให้ท้ายลูกไปถึงไหน”
“ฉันก็พูดไปตามที่เห็นน่ะค่ะ แล้วฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้เราต้องทะเลาะ​กันเรื่องยัยเดือนอยู่เรื่อย เราคุยกันด้วยเหตุผลไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“เหตุผลของผมกับคุณมันคนละมุมกัน เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก”
ดนัยธรเดินหนีไปอย่างหัวเสีย

เดือนจูงลิลลี่ออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะหมู่บ้าน หน้าตาของเธอเหม่อลอย แต่แล้วก็มองไปอย่างแปลกใจกึ่งดีใจเมื่อเห็น ไวภพเดินเข้ามาหา
“รู้ได้ยังไงคะว่าเดือนอยู่นี่”
“ผมเป็นห่วงเดือน เลยมาที่นี่ คิดว่าเดือนคงพาลิลลี่ออกมาเดินเหมือนทุกวัน” ไวภพก้มลงลูบหัวลิลลี่ “เป็นไงบ้างลิลลี่ ช่วยปลอบใจคุณเดือนบ้างหรือเปล่า”
“คุณพ่อยังโกรธอยู่ค่ะ เดือนไม่รู้จะทำยังไงดี”
ไวภพเงยหน้าขึ้น เป็นห่วงมาก
“ให้ผมกลับไปอธิบายให้คุณพ่อฟังไหมครับ”
“อย่าเลยค่ะ เรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่”
“เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องของเราจะกลายเป็นเรื่องยาก ถึงขนาดเรียกว่ามีอุปสรรค เราโตพอที่ควรจะมีอิสระเป็นตัวของตัวเองได้แล้ว”
เดือนชะงัก
“ไวคะ”
“ครับ...”
เดือนจับมือเขาไว้
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเดือนไว้”
“ที่ผ่านมาผมก็คิดถึงเดือนตลอดเวลา มันเจ็บปวดที่ลืมเดือนไม่ได้”
“เดือนก็ลืมไวไม่ได้เลยค่ะ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เดือนก็จะไม่ทิ้งไวไปไหนเราจะฝ่าอุปสรรคนี้ไปด้วยกันนะคะ”
ไวภพกอดเดือนไว้แน่นอย่างให้ความมั่นใจ

ดำลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่เห็นสมพันธุ์แล้ว จึงมองหาไปรอบ ๆ
“พี่พัน...พี่พัน...”
ดำไปดูที่ห้องน้ำ เห็นแต่ร่องรอยการอาบน้ำของเขา เธอรีบหยิบมือถือขึ้นโทรออก
“พี่พันอยู่ไหนเหรอจ๊ะ ออกไปกินข้าวหรือเปล่า...อะไรนะ ออกไปหางานอีกแล้วเหรอ ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ”
สมพันธุ์นั่งอยู่ในร้านกาแฟ
“พี่ต้องรีบออกมาแต่เช้าน่ะ เพราะเขานัดสัมภาษณ์เช้าเลย...วันนี้คงออกมาทั้งวัน ว่าจะไปเขียนใบสมัครทิ้งไว้หลายๆที่”
“เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันเต็มๆ วันนะพี่พัน ฉันกะว่าวันนี้จะชวนพี่ไปเดินเล่นในห้าง แล้วก็ดูหนังสักเรื่อง”
“ไว้วันหลังก็แล้วกัน เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน” สมพันธุ์มองไปหน้าประตูร้าน “แค่นี้ก่อนนะ เขาเรียกพี่เข้าไปแล้ว”
สมพันธุ์วางสายอย่างโล่งใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นิว สาวสวยเซ็กซี่นั่งลงข้างๆเขา
“รอนานไหมคะ”
“ไม่นานครับ พี่เพิ่งมา จะดื่มอะไรเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้”สมพันธุ์ยิ้มอย่างเอาใจ

ดำวางสายลงอย่างเบื่อหน่าย ดึงทึ้งของข้างตัวอย่างรู้สึกหงุดหงิดไปหมด
“โธ่เว้ย”
เสียงกริ่งดังขึ้น ดำไปเปิดประตู
“พี่หวาน มีอะไรเหรอ”
ใจหวานหน้าซีดเซียวอ่อนเพลีย
“พี่ไม่ค่อยสบาย ดำช่วยพาพี่ไปหาหมอจอร์จหน่อย”
ดำรีบเข้าไปประคองใจหวานไว้
“พี่หวานเป็นอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมาคลื่นไส้แล้วก็เวียนหัวมาก”
ใจหวานเซไป ดำเข้าไปประคองไว้
“พี่หวาน...”

จอร์จใช้เครื่องฟังแตะที่หัวใจและท้องของใจหวานแล้ว ได้แต่ถอนใจ
“พี่หวานเป็นอะไรคะครู” ดำถามอย่างร้อนใจ
“เดี๋ยวขอดูผลตรวจปัสสาวะก่อน”
ดำกับใจหวานมองหน้ากันงงๆ
“ทำไมต้องตรวจปัสสาวะด้วยคะ พี่หวานเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
จอร์จหนักใจ
“ไม่ใช่อาการป่วยหรอก”
ใจหวานอึ้งๆกังวลใจ
“หมอคงไม่ได้หมายความว่า...”
“ลองตรวจดูก่อน อาจจะไม่ใช่ก็ได้”
ใจหวานยิ่งหน้าเสียอย่างรับไม่ได้
“ไม่นะ...ไม่...ไม่มีทาง หวานไม่มีทางท้องหรอกหมอ”
ใจหวานเดินออกมา ทุบท้องตัวเองอย่างเจ็บใจ
“ฉันไม่อยากได้เด็กคนนี้ ทำไมมันต้องมาอยู่ในท้องฉันด้วย ทำไมๆๆ”
จอร์จเข้ามาจับตัวใจหวานห้ามไม่ให้ทำ
“อย่าทำร้ายเขาเลยหวาน ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกของเธอนะ”
“มันเป็นลูกที่หวานไม่ตั้งใจให้เกิด หวานพลาดเอง”
“แต่เขาเกิดมาแล้ว เกิดมาเพื่อให้หวานเป็นแม่”
“แต่หวานไม่อยากเป็น หวานไม่อยากเป็นแม่ของมัน”
ใจหวานทุบท้องอีก จอร์จดึงมือไว้ ใจหวานทรุดตัวลงร้องไห้
“เด็กในท้องบริสุทธิ์นะหวาน อย่าทำร้ายเด็กเลยผมขอร้อง”
ดำเดินตามออกมา
“พี่หวานไม่อยากให้เกิดก็ไม่ต้องไปห้ามหรอกค่ะครู ถ้าแม่มันไม่ตั้งใจ เกิดมาก็ต้องเป็นอย่างหนูนี่แหละ”
“ดำ...”
“ไม่จริงเหรอคะครู ไม่มีใครตั้งใจให้หนูเกิดมา หนูถึงได้ถูกทอดทิ้งมาตลอดชีวิต หนูไม่อยากให้ลูกของพี่หวานต้องมีชีวิตอย่างหนู”
“ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ดำก็เลือกที่จะต่อสู้จนมีวันนี้”
“กว่าจะมีวันนี้หนูก็ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น”
“ถึงจะเคยลำบากแต่เราก็ไม่ควรไปตัดสินชีวิตคนอื่น ฉันเชื่อว่าหวานจะดูแลลูกได้ดี จะไม่ทอดทิ้งลูกเหมือนที่ดำเคยถูกทิ้ง”
ใจหวานหน้าเครียด
“ตอนนี้ชีวิตตัวเองหวานยังรับผิดชอบไม่ได้ แล้วจะรับผิดชอบอีกชีวิตได้ยังไง”
“ผมเชื่อว่าหวานทำได้อยู่แล้ว”
“หวานทำไม่ได้หรอก หวานรับผิดชอบคนเดียวไม่ไหว ไอ้เสี่ยชั่วมันต้องช่วยหวานรับผิดชอบ”
ใจหวานวิ่งหนีออกไป จอร์จตกใจ
“ใจหวาน จะไปไหน”
“พี่หวาน...

จอร์จกับดำรีบตามไป

ใจหวานวิ่งออกมา เรียกแท็กซี่มาจอด จอร์จกับดำตามมา ร้องเรียกใจหวาน

“ใจหวาน”
“พี่หวาน พี่หวาน...”
ใจหวานขึ้นรถไปแล้ว จอร์จหน้าเครียด
“ใจหวานต้องไปหาไอ้เสี่ยนั่นแน่ๆ”

ใจหวานเปิดประตูเข้ามา เห็นพรพัฒน์กำลังคลอเคลียอยู่กับอิ๊บ พอทั้งสองเห็นใจหวานก็แปลกใจ พรพัฒน์ยิ้มเยาะ
“ยอมกลับมาเก็บของแล้วเหรอนังหวาน”
“ไม่ได้มาเก็บของ แต่มีเรื่องจะเคลียร์กับเสี่ย”
“ถ้าจะมาขอเงินก็ไม่มีให้หรอกนะ แก่ๆ อย่างมึงกูเบื่อแล้ว”
“กูก็เบื่อไอ้แก่ซาดิสม์อย่างมึงเหมือนกัน” ใจหวานหันไปหาอิ๊บ “ไอ้แก่นี่มันซาดิสม์ แกระวัง
ให้ดี”
อิ๊บมองพรพัฒน์อย่างตกใจ
“ปากหมานะอีหวาน” พรพัฒน์เข้าไปบีบปากใจหวาน
“ปากหมาแต่ใจไม่หมาอย่างมึงหรอก กูแค่มาบอกว่ากูกำลังท้อง”
พรพัฒน์ทำท่าไม่สนใจ
“แล้วมาบอกทำไม”
“กูไม่ได้มาเรียกร้องอะไร แต่จะบอกว่ากูกำลังท้องลูกของมึงได้สองเดือนแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกของกู”
“จะให้กูไปบอกเมียมึงไหมล่ะ”
“มึงกล้าเหรอ”
พรพัฒน์ตบใจหวานล้มลง แล้วจะเข้าไปถีบซ้ำ จอร์จที่ตามมา เข้ามาช่วยกันไว้
“หยุดนะ”
“ไอ้ฝรั่ง มึงเสี้ยมอีนี่ให้มาไถเงินจากกูใช่ไหม”
“หมอจอร์จไม่เกี่ยว กูมาเอง”
จอร์จบอกกับพรพัฒน์
“คุณทำใจหวานท้องก็หัดมีความรับผิดชอบหน่อยสิ”
“ก็ไปเอาออกสิวะ”
“ชิท พูดชั่วๆ แบบนี้จะไม่รับผิดชอบใช่ไหม”
“มึงเป็นหมอก็เอาออกให้มันซี่ จะได้รับช่วงนังนี่ต่อแบบสบายใจ”
“แกนี่มัน...ระยำจริงๆ”
พรพัฒน์เข้าไปชก แต่จอร์จหลบแล้วผลัก พรพัฒน์เลยวืดล้มลง อิ๊บตกใจรีบเข้าไปประคอง
“ว้าย...เสี่ย”
พรพัฒน์ชี้หน้าด่าจอร์จ
“มึง...ไอ้ฝรั่ง มึงไม่ตายดีแน่”
ดำสวนทันที
“มึงนั่นแหละอาจจะไม่ได้แก่ตาย แต่ได้ตายคาอก ไอ้แก่หื่นกาม”
พรพัฒน์โกรธ
“ปากเก่งนักนะอีดำ”
จอร์จกับดำช่วยกันประคองใจหวานออกไป

ใจหวานร้องไห้ จอร์จกับดำคอยปลอบ
“หมอช่วยเอาเด็กคนนี้ออกที หวานไม่อยากเอามันไว้แล้ว”
จอร์จยืนยันเสียงแข็ง
“ไม่มีทาง ผมไม่มีวันทำเด็ดขาด”
ดำแย้ง
“จะให้เขาเกิดมายังไง เกิดมาแล้วไม่มีใครสนใจงั้นเหรอครู”
จอร์จน้ำเสียงจริงจัง
“หวานต้องเลี้ยงเขาให้ได้”
“ไม่นะ หวานไม่ได้ตั้งใจให้มันมาเกิด หวานไม่อยากเลี้ยงเด็กคนนี้ เห็นหน้ามันก็เหมือนเห็นหน้าไอ้เสี่ยนั่น”
จอร์จจับมือใจหวานไว้อย่างให้กำลังใจ
“ถึงไม่ตั้งใจแต่เขาก็เกิดมาแล้ว เด็กในท้องเขาบริสุทธิ์ ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยนะหวาน เขามีเลือดของหวานอยู่ในตัวครึ่งนึง เขามีสิทธิ์ที่จะเกิดมาเป็นคนเหมือนคนอื่นๆ”
ดำขัดขึ้น
“ถ้าเป็นหนู เกิดมาแล้วไม่มีใครต้องการแบบนี้หนูไม่เกิดมาเลยดีกว่า”
จอร์จมองหน้าดำ
“รู้ได้ยังไงว่าไม่มีใครต้องการ”
ดำอึ้งไปกับความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา
“ทุกคนมีดีในตัวเอง เราต้องใช้ข้อดีอันนั้นสร้างคุณค่าให้ชีวิต แล้วชีวิตเราก็จะมีค่าขึ้นมาด้วย”
ดำอ่อนลง
“แต่ชีวิตที่ผ่านมาของหนูมันไม่มีค่านี่คะ”
“มีสิ มันทำให้เธอแกร่งขึ้น ตอนนี้เธอก็พิสูจน์ให้ใครๆ เห็นแล้ว ว่าเสียงร้องเพลงของเธอมีค่า ทำให้เธอเอาชนะโชคชะตา ชนะอุปสรรคทั้งหลายได้”
จอร์จหันไปหาใจหวาน
“อย่างลูกในท้องใจหวานก็เหมือนกัน เขาเป็นสิ่งมีค่าที่พระเจ้าประทานให้อย่าคิดทำลายเขาด้วยน้ำมือตัวเอง”
ใจหวานแย้ง
“แต่ฉันยังเอาตัวเองไม่รอดเลย แล้วจะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีได้ยังไง”
“ผมจะช่วยหวานดูแลเขาเอง”
ใจหวานกับดำอึ้งไปอย่างนึกไม่ถึง
“ถ้าหวานไม่อยากได้เด็กคนนี้ ผมจะรับเลี้ยงเขาเอง อย่าทำลายชีวิตของเขาเลยหวาน ผมขอร้อง”
ใจหวานเริ่มอ่อนลง ดำมองจอร์จอย่างรู้สึกซาบซึ้ง

จอร์จกับดำประคองใจหวานออกมาในสวนของหมู่บ้าน ใจหวานทำท่าเหมือนจะเป็นลม
“หวานเป็นอะไร”
“รู้สึกหน้ามืดค่ะ”
ดำรีบบอก
“งั้นนั่งพักก่อน เข้าไปนั่งข้างในร่มๆ หน่อยดีกว่า”
ทั้งสองประคองใจหวานไปนั่ง จอร์จหยิบยาดมให้ดม ดำเอามือพัดๆ ให้แต่แล้วสายตาของดำไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง เธอเขม้นมองเห็นเดือนกับไวภพเดินจูงมือกันอยู่ไกลๆ ดำหันไปบอกกับจอร์จและใจหวาน
“รออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวหนูมานะคะ”
จอร์จสงสัย
“อ้าว...ดำจะไปไหน”
“จะไปซื้อน้ำมาให้ค่ะ”
ดำรีบวิ่งตรงไปที่เดือนกับไวภพทันที ใจหวานกับจอร์จได้แต่มองหน้ากันงงๆ

ไวภพเดินมาส่งเดือนเกือบถึงหน้าบ้าน
“ส่งแค่นี้ก็พอค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อเห็น”
“มีอะไรโทรหาผมทันทีเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ดำหลบอยู่หลังต้นไม้ มองเดือนอย่างแค้นใจ
“อีนังหลายใจ”
ไวภพแยกออกจากเดือน ดำทำท่าจะเข้าไปหาแต่แล้วก็ชะงักเปลี่ยนใจ มองไปทางไวภพ

ไวภพขับรถออกจากที่จอด ทันทีที่เลี้ยวออกมาเขาเห็นใครบางคนที่วิ่งตัดหน้า
“เฮ้ย...”
ไวภพเบรกดังเอี๊ยด ตกใจ ลังเลอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรดี ในที่สุดก็ลงไปดู ดำล้มลงกับพื้น ทำท่าจะลุกขึ้นมา ไวภพรีบเข้ามาประคอง
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ โชคดีที่คุณเบรกทัน”
ดำปัดฝุ่นตามตัว ไวภพมองหน้าดำ แล้วเขาก็จำได้ทันที
“คุณร้องเพลงในผับนี่”
“เหรอคะ อ๋อ...ฉันก็จำคุณได้แล้ว พักนี้คุณมาบ่อยๆ เห็นนังออย...เอ๊ย...ออย ชอบเข้าไปนั่งคุยกับคุณ”
“ผมชอบไปฟังเพลงที่นั่น ทุกคนร้องเหมือนมืออาชีพมาก โดยเฉพาะคุณ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันชื่อดำค่ะ คุณอยู่หมู่บ้านนี้เหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ ผมมาหาเพื่อน” ไวภพเห็นแผลที่ข้อศอกของดำ “คุณเลือดออกนี่ครับ ผมพาไปหาหมอดีกว่า”
“ไม่เป็นไร นิดเดียวเอง”
ไวภพล้วงกระเป๋า หยิบเงินให้ดำพร้อมกับนามบัตร
“นี่ค่าทำแผลนะครับ ถ้าเป็นอะไรมากกว่านี้โทรหาผมได้เลย ผมจะช่วยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด”
“ขอบคุณค่ะ”

ดำรับเงินมา ไวภพขึ้นรถ ดำมองตามพลางยิ้มกระหยิ่ม

ข้าวนอกนา ตอนที่ 18 (ต่อ)

ดำกลับมาพร้อมน้ำใส่แก้วพลาสติกสองแก้ว หน้าตาร่าเริงมาก ใจหวานถามอย่างสงสัย

“ไปซื้อน้ำถึงไหนน่ะดำ นึกว่าหลงซะแล้ว”
“ไม่หลงหรอก พอดีน้ำแข็งที่ร้านหมด ต้องรอเขามาส่ง”
จอร์จแปลกใจ
“แล้วของดำล่ะ”
“หนูทานแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก...แล้ววันนี้พี่หวานจะไปร้องเพลงไหวเหรอ”
“ไปสิ วันนี้ยังไงก็จะไปร้องให้ได้”
“ถ้าไม่สบายพักก่อนดีกว่าหวาน”
“หวานไม่อยากพัก จะไปร้องเพลงจนกว่าจะร้องไม่ไหว ถึงท้องโตหวานก็จะอุ้มท้องไป ถ้ามันคิดจะมาเป็นลูกหวานมันต้องอดทน”
จอร์จมองใจหวานด้วยความไม่สบายใจ ดำแอบมองเป็นห่วง

ค่ำนั้น ดำอยู่ในห้องแต่งตัวนักร้อง ตุ้มมองดำหัวจรดเท้า
“หล่อนน่ะเหรอชื่อดำ”
“หนูชื่อชมพูต่างหาก”
ซูซี่กับใจหวานหลุดหัวเราะขำออกมา ตุ้มดุ
“ขำตรงไหนยะ...อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะดำ คุณจ้อยให้ฉันมาดูแลพวกหล่อน โดยเฉพาะดำ ได้ข่าวว่าเรื่องมากนักนี่”
“เรื่องมากอะไรคะ หนูหัวอ่อนจะตาย”
“เดี๋ยวได้รู้กันแน่ คุณจ้อยให้ฉันเป็นคนพาแกไปร้องเพลงที่งานสมาคมคืนวันอาทิตย์นี้”
ออยกับพวกมองหน้าดำอย่างงุนงง ดำดีใจ
“ให้หนูไปร้องเพลง สมาคมไหนเหรอคะเจ๊ตุ้ม”
“สมาคมศิษย์เก่ามหาลัยที่คุณโจ้เรียนอยู่”
ดำกับซูซี่และใจหวานจับมือกันอย่างดีใจ ออยเข้ามาถาม
“แล้วออยละคะ”
“คุณจ้อยไม่ได้พูดถึง”
ออยหน้าเจื่อนไป เหยียดปากมองดำอย่างหมั่นไส้มาก

ออยร้องเพลงโชว์ความเซ็กซี่ พลางชะเง้อมองหาไวภพ เธอลงไปเล่นกับคนดู ลูกค้าชายหลายคนจับก้น ออยหลบอย่างมีจริต มองหาไวภพไม่เจอ ก็เริ่มหงุดหงิด

หลังจกที่ผับเลิก พนักงานกำลังเก็บโต๊ะเก้าอี้ในร้าน ออยเดินออกมาบ่นกับแนทและแอ๋มเซ็งๆ
“วันนี้คุณไวภพไม่มาเลย”
แนทออกความเห็น
“คงติดธุระมั้ง ใครจะมาได้ทุกวันวะ”
“แต่เขาบอกฉันว่าจะมานี่”
ทันใดนั้นเสียงดำ​ดังขึ้น
“เขาไม่มาหาแกหรอกนังออย”
ออยกับแนทและแอ๋มหันขวับไปมอง ดำเดินตามหลังมาพูดกวนๆ
“แต่ฉันรู้ว่าเขาอยู่ไหน”
ออยเชิดใส่
“ไม่ได้คุยกับแก อย่าเสือก”
“ฉันก็แค่มาบอกเอาบุญ ว่าฉันได้นามบัตรเขามาแล้ว”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอกอีดำ”
ดำชูนามบัตรให้ดู ออยเขม้นมองแล้วถึงกับตาโต
“นี่ไง ไวภพ พิภพสุรกานต์ รองผู้จัดการโรงสีใหญ่ ไฮโซมั่กๆ”
ออยจะคว้านามบัตรมา แต่ดำชักมือกลับแล้วเหน็บไว้ในซอกอกเสียก่อน ออยเบ้หน้า
“ใครจะสนใจอีดำลูกนิโกรอย่างแก แกแอบเก็บที่เขาทำหล่นมาแน่ๆ”
“จะเก็บได้หรือเขาให้ แต่ก็รู้ที่อยู่กับเบอร์โทรเขา ไม่ได้แค่ฝันลมๆแล้งๆอย่างแก อีหมาหัวเน่า”
ออยแค้นใจ จะแย่งนามบัตรมา แต่ดำไม่ยอม ผลักออยเซไป แอ๋มเข้ามาตบดำหลบ แล้วเอาขวดซอสขว้างไปโดนแนท ออยเข้ามาตบ ดำถีบออยกลับ ออยล้ม ดำเอาซอสละเลงหน้า ออยกรีดร้องดังลั่น
“ว้าย...ช่วยด้วย”
แนทกับแอ๋มเข้าไปช่วยกันจับตัวดำ ซูซี่เข้ามาจิกหัวแนทไปตบ ใจหวานวิ่งเข้ามาช่วยด้วย ถอดรองเท้าตีแอ๋มให้ปล่อยดำ แอ๋มผลักใจหวานเกือบล้ม ดำตกใจรีบเข้าไปประคองไว้ ออยกระชากดำไปตบ ดำตบออยกลับ
“ว้าย...อะไรกัน นี่มันอะไรกันยะ” ตุ้มออกมาดู อย่างตกใจ
ดำกับออยตบกันนัวเนีย ออยหนีเพราะสู้ดำไม่ได้
“หยุดนะ...”
ดำขว้างขวดพริกไปทางออย แต่โดนปากของตุ้มพอดี ทั้งขวดพริกทั้งพริกกระจายอยู่ในปาก ดำตกใจ ทุกคนมองตุ้มอย่างตะลึงงัน

ทั้งหมดอยู่ในห้องผู้จัดการ...ตุ้มดื่มน้ำอักๆ พลางโอดครวญผ่านปากที่บวมเจ่อ
“โอ๊ย...มันอะไรกันนักกันหนา นี่มันผับหรือสนามมวยกันแน่ยะ คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณจ้อย...อูย...ซี้ด...”
พูดไปตุ้มก็กุมปากที่บวมเจ่อด้วยความเจ็บและเผ็ด พูดไปซี้ดไป ซูซี่กับดำเกือบหัวเราะ ตุ้มมองมาจึงรีบหุบยิ้ม
“หัวเราะอะไร แกนังดำนังซูซี่ตัวก่อเหตุ”
ดำเถียง
“หนูกับซูซี่ไม่ได้ก่อ พวกนังออยนั่นแหละหาเรื่อง”
ตุ้มตวาด
“ยังจะเถียงอีก”
ซูซี่แย้ง
“ดำพูดความจริงค่ะเจ๊ หนูมาถึงก็เห็นดำถูกตบอยู่แล้ว เลยเข้าไปช่วย”
“ช่วยให้วุ่นวายขึ้นสิไม่ว่า”
ออยได้ทีรีบยุ
“เจ๊ไล่พวกมันออกเลย”
ตุ้มโกรธมาก
“ฉันอยากจะไล่ทุกคนออกให้หมด”
ทุกคนหน้าเจื่อนไป
“ต่อไปนี้ฉันจะทำทัณฑ์บน ถ้าพวกหล่อนมีเรื่องกันในผับอีก ไม่ว่าใครจะหาเรื่องก่อน ฉันจะไล่ออกทั้งคู่ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง” ตุ้มมองกราดทุกคน “เพราะฉะนั้น ใครโดนหาเรื่องก็ต้องอดทน แล้วมาฟ้องฉัน ฉันจะจัดการให้ แต่ถ้าจัดการกันเอง ฉันจะไม่ไว้หน้าอีกแล้ว”
พูดจบตุ้มก็ซี้ดปากจับปากตัวเองอีก ทุกคนหน้าเจื่อนด้วยความหวาดเสียว

ดำกับใจหวานเดินมาหน้าผับด้วยกัน สีหน้าเซ็งๆ
“แกอดทนหน่อยสิดำ ถ้าถูกไล่ออกแล้วไปหางานใหม่ไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ”
“พี่หวานคิดเหรอว่ามันจะไม่เกิดเรื่องอีก นังออยมันคอยหาเรื่องหนูตลอด”
“แกก็อย่าไปยั่วมันสิดำ”
“หนูเกลียดมันนี่ มันชอบแกล้งหนู แล้วยังทิ้งพี่พัน”
“ถ้ามันไม่ทิ้งพี่พันของแก แล้วแกจะได้เขามาเหรอ”
ดำนิ่งไปครู่หนึ่งอย่างคิดได้
“หนูก็จะพยายามทนนะ แต่ไม่รู้จะทนได้ถึงเมื่อไร”
“เออ...ก็ยังดีวะ หัดทนอะไรบ้างดำ แกเจออะไรมาเยอะแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมจะทนไม่ได้”

ดำยังไม่ยอมง่ายๆ ใจหวานมองดำอย่างกังวล

ดำเปิดประตูมาอย่างดีใจเมื่อเห็นสมพันธุ์อยู่บ้าน

“พี่พันจ๋า”
สมพันธุ์นั่งเอกเขนกดูทีวี ดำโผเข้ามากอด
“คิดถึงพี่พันจังเลย พี่พันล่ะคิดถึงฉันไหม”
“จ้ะ” สมพันธุ์ดันตัวดำออกเบาๆ “ดำไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกัน”
“ไม่เอา เดี๋ยวออกมาพี่พันก็หลับอีก ฉันอยากนั่งคุยอย่างนี้ก่อน พี่พันกลับมานานหรือยัง”
“ก็สักพักแล้ว พี่ได้งานแล้วนะดำ”
“จริงเหรอ ได้ที่ไหน”
“โรงงานแถวมหาชัยโน่น”
ดำหน้าเสีย
“ไกลจัง พี่พันหางานใหม่แถวๆ นี้เถอะ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ”
“ไม่แล้ว งานไม่ได้หาง่ายๆ พี่จะลองทำไปก่อน แต่ช่วงแรกคงต้อง...เอ่อ...รบกวนค่ารถค่ากิน...”
สมพันธุ์มองดำอย่างไม่ค่อยกล้าพูด ดำเข้าใจ หยิบกระเป๋าส่งเงิน 5000 ให้สมพันธุ์
“งั้นพี่เอาเงินนี่ไปใช้ก่อนเลย”
“เยอะไปแล้วดำ” เขาคืนให้ 2000 “พี่เอาเท่านี้พอ”
“เอาไปเถอะ วันนี้ฉันได้ติ๊บมาเยอะ”
สมพันธุ์​รับมา
“ขอบใจจ้ะ”
ดำซบกับอกของสมพันธุ์
“ถ้าเรามีลูกด้วยกัน ลูกเราจะเป็นยังไงนะ”
สมพันธุ์พูดออกมาโดยทันที
“ไม่มีทาง”
“หืม...”
ดำมองหน้าสมพันธุ์
“เอ่อ...พี่หมายถึง...พี่ยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบใคร ให้พี่ทำงานสักพักมีเงินเก็บก่อนดีกว่า”
“ฉันไม่ได้เร่งพี่พันหรอกจ้ะ แค่พูดขำๆ ไปงั้นเอง ที่จริงอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไว้เราช่วยกันเก็บเงินซื้อบ้านซื้อรถแล้วค่อยมีลูกกันก็ได้”
ดำซบกับอกของสมพันธุ์ นัยน์ตาฝันอย่างมีความสุข แต่สมพันธุ์กลับหน้าเครียด

วันใหม่...ดำออกมาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับสมพันธุ์ ในห้างสรรพสินค้า สมพันธุ์ดูเสื้อผ้าที่ราวลดราคาแต่ดำเลือกอีกราวที่ไม่ได้ลด หยิบเสื้อเชิ้ตหรูขึ้นมาตัวหนึ่ง
“ตัวนี้ดีกว่าพี่พัน ดูเนี้ยบกว่า”
สมพันธุ์ดูราคา
แต่มันแพงนะ
“ฉันซื้อให้พี่ เป็นของขวัญที่ได้งานทำ”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ เดี๋ยวไปเลือกกางเกงอีกสัก 2-3 ตัวด้วย กางเกงพี่พันมีแต่เก่าๆ ดำกวักมือเรียกคนขาย”
“น้องๆ เอาตัวนี้”
พนักงานเข้ามารับเสื้อไป แล้วดูราคา
“2,400 ค่ะ”
ดำควักเงินให้พนักงานทันที สมพันธุ์มองอย่างไม่สบายใจนัก

ดำควงสมพันธุ์เดินดูดิสเพลย์หน้าร้านต่างๆ สมพันธุ์หิ้วถุงช้อปปิ้งหลายใบซึ่งเป็นของที่ดำซื้อให้ แต่มีท่าทางอึดอัดเพราะสายตาคนมอง
“มีความสุขจังเลย ฉันอยากเดินเที่ยวกับพี่พันอย่างนี้มานานแล้ว”
“ออกมาบ่อยมันก็เปลืองเงินเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันมีเงิน ถือว่ามาฉลองงานใหม่ของพี่ก็แล้วกัน”
ทั้งสองเดินผ่านร้านอาหารหรู
“อุ๊ย...ฉันหิวแล้ว เราเข้าไปกินอะไรร้านนั้นกันเถอะ”
สมพันธุ์ชะงัก
“ท่าทางจะแพงนะ”
“ฉันมีตังค์จ่ายน่า อยากกินอาหารฝรั่งมานานแล้ว”
ดำดึงสมพันธุ์เข้าร้านอาหารไป

ตุ้มรอดำอย่างกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องซ้อมดนตรีของมหาวิทยาลัย สักครู่ดำเดินร่าเริงเข้ามา ตุ้มเท้าสะเอว
“ทำไมเพิ่งมายะนังดำ นี่มันเลทมาเกือบชั่วโมงแล้ว”
ดำยกมือไหว้
“ขอโทษจ้ะเจ๊ รถมันติดจริงๆ”
“โอ๊ย...หล่อนนี่มีเหตุผลตลอดๆ วันหลังหัดเผื่อเวลาบ้างนะยะ”
“จ้ะๆๆ แล้วจะให้หนูไปซ้อมที่ไหน”
“ตามมาสิยะ”
ตุ้มเดินนำเข้าไป ดำรีบตามไป...พอดำเข้ามาในห้องก็ต้องตะลึงอย่างนึกไม่ถึงเมื่อเห็นเดือนกำลังซ้อมร้องเพลง โดยมีไวภพนั่งรออยู่ ดำมองเดือนอย่างแค้นใจ ตุ้มหันมาบอก
“เดี๋ยวเขาลงแล้วหล่อนขึ้นไปต่อเลยนะดำ”
ดำเกือบจะไม่ได้ยินที่ตุ้มพูด...ครูเจนบอกกับเดือน
“โอเคแล้วจ้ะเดือน ดีมาก”
เดือนลงจากเวที ดำปรี่เข้าไปหาทันที
“สวัสดีพี่เดือน เจอกันอีกแล้วนะ”
เดือนตกใจ ทำตัวไม่ถูก
“มาทำอะไรที่นี่”
“ก็มาซ้อมเพลงเหมือนพี่เดือนไงล่ะ”
ไวภพเข้ามาทักอย่างแปลกใจ
“อ้าว...คุณดำ รู้จักเดือนด้วยเหรอ”
ดำยิ้ม
“รู้จักดีเลยล่ะค่ะ เราเป็นพี่น้องกัน”
ไวภพตกใจ มองดำกับเดือนงงๆ
“อะไรนะ สองคนนี้น่ะเหรอเป็นพี่น้องกัน”
เดือนรีบแก้
“เคยรักกันเหมือนพี่น้องน่ะค่ะ” เธอรีบบอกไวภพ “เดือนต้องรีบกลับแล้วค่ะ”
ดำกระแนะกระแหน
“เจอกันทีไรรีบกลับทุกทีเลยนะพี่เดือน”
“คนขับรถมารอแล้ว”
ดำดึงเดือนไว้
“เดี๋ยวสิพี่เดือน”
ตุ้มเข้ามาตามดำ
“ตาเธอแล้ว รีบไปซ้อมเร็วดำ เดี๋ยวค่อยลงมาคุย”
ดำจ้องหน้าเดือน
“เราต้องได้เจอกันอีกบ่อยๆ แน่”
เดือนรีบเดินออกไป ดำมองตามหยันๆ แล้วตามตุ้มไป

ตุ้มพาดำมาหาครูเจน
“นี่ไงคะครูเจน ดำหรือดลิน คนที่คุณโจ้แนะนำมา”
ดำยกมือไหว้
“อ๋อ...เคยเห็นหน้าในรายการประกวดร้องเพลง ที่ใช้ชื่อมิสดอลลี่ใช่ไหมจ๊ะ”
“หนูเคยใช้ชื่อนั้นค่ะ แต่ตอนนี้เรียกว่าดลินก็ได้”
“โอเค เดี๋ยวดลินขึ้นไปร้องเพลงนี้เลยนะ...” ครูเจนพยักหน้าให้

เดือนเร่งฝีเท้าออกมา ไวภพตามมา
“รอผมก่อนสิเดือน” เขาดึงมือเธอไว้ “ทำไมมือเย็นจังครับ”
“อยู่ในห้องนั้นมันหนาวค่ะ”
“เดือนเหมือนไม่อยากคุยกับนักร้องชื่อดำคนนั้น มีอะไรกันหรือเปล่า”
“ปละ...เปล่านี่คะ เดือนเห็นเขาต้องรีบขึ้นไปซ้อมเพลง เลยไม่อยากคุยให้เสียเวลา”
“เดือนกับเขาไม่น่าจะรู้จักกันได้ ไปเจอกันตอนไหนเหรอ”
“คือ...เจอกัน...ตอน...อ๋อ...เคยไปประกวดรายการเดอะซองด้วยกันน่ะค่ะ”
ไวภพพยักหน้าเข้าใจ
“ตอนนั้นน่ะเอง”
“เรารีบกลับกันเถอะค่ะ คนขับรถมารอรับเดือนแล้ว”

เดือนรีบเดินออกไป ไวภพตามไป

โปรดติดตาม ข้าวนอกนา ตอนที่ 19
กำลังโหลดความคิดเห็น