ข้าวนอกนา ตอนที่ 15
ดำเปิดประตูห้องพักออกอย่างรีบร้อน พลางมองหาสมพันธุ์ แต่ไม่เห็นเขาอยู่ในห้อง เธอผิดหวังมากนั่งลงบนโซฟาอย่างเซ็งๆ
แต่แล้วมีเสียงปึงปัง ของหล่นดังโครมออกมาจากในห้องน้ำ ดำมองไป
“พี่พัน...”
ดำวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที เธอมาถึงหน้าห้องน้ำ ทั้งโล่งใจและดีใจ
“พี่พัน...”
สมพันธุ์กำลังเก็บของที่หล่นในห้องน้ำ หันมามองดำ
“อ้าว...ดำกลับมาแล้วเหรอ พี่เอาของมาวาง เลยทำของดำหล่นเกลื่อนเลย...”
“ไม่เป็นไรพี่พัน ฉันเก็บเอง”
ดำช่วยสมพันธุ์เก็บของจนเสร็จ เงยหน้าอีกที เขาก็ออกไปแล้ว
ดำออกมามองหาสมพันธุ์ เห็นเขาเปิดทีวีนั่งดูอยู่ก็มองซึ้งๆ สมพันธ์หันมาเห็นดำก็แปลกใจ เมื่อน้ำตาแห่งความปิติตื้นตันของดำไหลออกมา
“ดำร้องไห้ทำไม”
ดำโผเข้ากอดสมพันธุ์ไว้แน่นอย่างแสนรัก
“นึกว่าพี่พันจะไม่กลับมาแล้วน่ะซี่”
สมพันธุ์อึดอัด
“พี่รับปากแล้วไม่เคยผิดคำพูด”
“พี่พันอย่าทิ้งฉันไปไหนนะ ฉันอยากกลับมาเห็นหน้าพี่พันทุกๆวัน”
สมพันธุ์เบี่ยงตัวและดันตัวเธอออกเบาๆ
“อย่าคิดมากสิดำ พี่ก็กลับมาหาดำแล้วไง”
เขามองเธอหัวจรดเท้าด้วยสายตากระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“วันนี้ดำแต่งตัวแปลกไปนะ”
ดำเขินๆ
“เหรอ พี่พันชอบหรือเปล่า”
“อืม...ก็แปลกดี”
“ฉันแต่งแบบนี้ทุกวันดีไหม”
“ตามใจดำสิ”
“พี่พันน่ารักที่สุดเลย”
ดำหอม สมพันธุ์ยิ้มรับ เธอลูบไล้ตามตัวเขาอย่างเสน่หา สมพันธุ์เริ่มมีอาการตอบสนอง แต่พอหันไปเห็นหน้าดำก็เบือนหนี
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ กลับมาเหนื่อยๆ”
“ก็ได้”
ดำเดินออกไป สมพันธุ์มองตามอย่างรู้สึกตะขิดตะขวงอยู่ในใจ
จ้อยเข้ามาในบ้าน พบโจ้นั่งเล่นเกมอยู่
“อ้าว...พี่จ้อยกลับมาแล้วเหรอ”
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะโจ้ ไม่ยอมไปรับฉันที่สนามบิน”
“โจ้ติดธุระนี่พี่”
“ติดธุระหรือติดหญิงกันแน่”
โจ้ยักคิ้วหลิ่วตา
“เอาน่า โจ้เลือกที่แม่ถูกใจก็แล้วกัน ไม่เหมือนพี่จ้อยกับจิ๋มหรอก”
จ้อยทำท่าจะถีบ โจ้หลบแล้วหัวเราะร่า
“ยังปากหมาเหมือนเดิมนะแก”
“พี่เป็นยังไงน้องก็เป็นอย่างงั้นนั่นแหละ แล้วพี่จ้อยไปไหนมา”
“ไปคุยกับเพื่อนมา กะจะหุ้นกับเขาทำผับ”
“โห...ลงทุนสูงนะพี่จ้อย จะไหวเร้อ”
“เขาเปิดอยู่แล้ว เพียงแต่อยากขยายให้ใหญ่ขึ้น เพราะตอนนี้แขกเพิ่มขึ้นเยอะ”
“มันเป็นยุคๆ นะพี่ เดี๋ยวคนเบื่อก็ไปฮิตที่อื่น”
“แต่พี่ว่าที่นี่ไม่ธรรมดา เขามีนักร้องผิวดำเก่งๆ อยู่คนนึง แขกทั้งฝรั่งทั้งไทยติดกันตรึม เพราะมันร้องเพลงเก่งทุกแนว ทั้งที่หน้าตามันทั้งดำทั้งน่าเกลียด อย่างว่าแหละ...พวกนักร้องผิวดำส่วนใหญ่มีพรสวรรค์ติดตัวมาในสายเลือด”
“หา...นักร้องผิวดำเหรอ”
“ใช่ เห็นเจ๊ต่ายเขาว่าเป็นลูกครึ่งไทยนิโกร แต่ไม่ได้ผิวดำสวยอย่างบิยอนเซ่นะมันดำยังกะอีกาคาบถ่าน ปากหนาจมูกแบน เป็นลูกครึ่งแบบหนักไปทางนิโกรซะเยอะ”
โจ้ชะงักอย่างสนใจ
“ลูกครึ่งไทยนิโกรด้วย ชื่ออะไรอ่ะพี่จ้อย”
ดำนุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ มองหาสมพันธุ์ เห็นเขาหลับอยู่บนโซฟาแล้ว ดำดับไฟเพราะไม่อยากให้ไฟแยงตาเขาแล้วเข้าไปหานั่งลงมองใบหน้าสวยของเขาอย่างหลงใหล จนอดไม่ได้ที่จะจับใบหน้าเขาเบาๆ สมพันธุ์รู้สึกตัวตื่น
“อุ๊ย...ขอโทษนะพี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำพี่ตื่น”
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอดำ”
“เสร็จแล้ว”
“สบู่กลิ่นนี้หอมดีนะ”
“พี่พันชอบเหรอ”
“ก็...หอมสดชื่นดี...”
ดำมองสมพันธุ์อย่างหลงใหล ก้มลงจูบเขา สมพันธุ์ตอบสนองอย่างเร่าร้อน ดึงเธอมาบนโซฟาด้วยกัน
วันใหม่...ใจหวานมาที่คลินิกของจอร์จ ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นเขา
“หมอคะ หมอ...หมอจอร์จ หายไปไหนนะ ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”
ใจหวานมองขึ้นไปข้างบนอย่างเป็นห่วง
จอร์จเดินหิ้วของกลับมาถึงบ้าน แต่แล้วชะงักเมื่อเจอนักเลงสองคนเดินมาหา
“หมอจอร์จใช่ไหม”
“พวกคุณเป็นใคร”
“จะมาสั่งสอนมึง ให้เลิกยุ่งกับเมียชาวบ้าน”
“ผมไปยุ่งกับใคร”
นักเลงอีกคนตะคอก
“ไม่ต้องถามมาก มึงรู้แค่นี้ก็พอ”
ขาดคำนักเลงก็ตรงเข้าไปปรี่ไปชก จอร์จหลบ แต่ถูกนักเลงอีกคนเข้าไปถีบ จอร์จเซไปติดผนัง นักเลงทั้งสองช่วยกันรุมกระทืบ ทั้งเตะทั้งต่อยจนเขาลงไปกองกับพื้น
“นี่แค่สั่งสอน ถ้ามึงยังไม่เลิกเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน มึงตายแน่”
นักเลงทั้งสองออกไป จอร์จนอนบาดเจ็บอยู่
ดำนอนพลิกตัวเอามือก่ายไปข้างเตียง แต่พอไปโดนเตียงเปล่าก็สะดุ้งตื่น ยิ่งไม่เห็นสมพันธุ์นอนข้างๆ ก็มองไปรอบๆ อย่างร้อนใจ
“พี่พัน...”
ดำลุกขึ้น ชะเง้อไปทางห้องน้ำ เห็นสมพันธุ์แต่งตัวแล้วเดินออกมานั่งบนเตียงข้างๆ
“ตื่นแล้วเหรอดำ”
“พี่พันตื่นเช้าจัง แต่งตัวจะไปไหนเหรอ”
“ไปหางานทำ”
“หาที่ไหน พี่พันอยากทำงานอะไร”
“อยากทำงานบริษัทน่ะ จะได้มีเงินเดือนประจำ ไม่อยากอาศัยอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เกรงใจดำน่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกพี่พัน พี่อยู่เฉยๆ ฉันก็ดูแลพี่ได้ ฉันอยากทำอะไรก็ได้ให้พี่พันสบายใจที่สุด”
“แต่พี่อยู่อย่างนี้ก็ไม่สบายใจ ทุกวันพี่ต้องกินต้องใช้ จะมาพึ่งดำอย่างเดียว พี่ก็อาย”
ดำเอื้อมไปหยิบกระเป๋าถือบนหัวเตียง แล้วนับเงินสองพันยื่นให้
“พี่พันเอาไว้ใช้ก่อนนะ”
สมพันธุ์ไม่รับ
“อย่าเลยดำ”
“เอาไปเถอะน่า”
ดำเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้ แล้วยัดเงินใส่มือ
“ขอบใจนะดำ ไว้พี่ทำงานได้เงินเมื่อไรจะรีบใช้คืนดำทันทีเลย”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคืนหรอก ถือว่าฉันให้ตอบแทนที่พี่เคยสอนฉันร้องเพลง ถ้าไม่พอบอกได้นะ”
“พอจ้ะ แค่นี้ก็พอ”
“พี่พันไม่ต้องเกรงใจนะ ขาดเหลืออะไรบอกเลย”
สมพันธุ์กุมมือดำไว้อย่างซาบซึ้ง
“ทำไมดำถึงดีกับพี่อย่างนี้”
“เพราะพี่เป็นลูกลุงหวัด เป็นพี่พันที่ช่วยฉันมาตั้งแต่เด็ก พี่กับลุงหวัดไม่เคยคิดรังเกียจฉันเลย ฉันเต็มใจให้พี่ทุกอย่าง ตั้งแต่พี่มาอยู่ที่นี่ก็ทำให้ชีวิตของฉันมีความหมายมากขึ้น ฉันมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ใกล้ๆ พี่พัน”
ดำเข้าไปกอดซบกับอกของเขาอย่างมีความสุข แต่สมพันธุ์กลับมีสีหน้าอึดอัดใจ
ใจหวานมองหาจอร์จทั่วบ้านไม่เจอ จึงตัดสินใจออกจากคลินิก แต่พอเปิดประตู ก็ต้องตกใจ
“หมอ...”
จอร์จนอนหมดสภาพอยู่หน้าบ้าน ใจหวานรีบเข้าไปดู
“หมอจอร์จคะ หมอ...หมอ...”
ใจหวานเขย่าตัว
“หมอคะ หมอจอร์จ ลุกไหวไหมคะ”
จอร์จลืมตาพยายามเขม้นมอง
“ใจหวานเองเหรอ”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้คะ ใครทำอะไรหมอ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“รีบเข้าไปข้างในก่อน เดี๋ยวหวานทำแผลให้”
ใจหวานประคองจอร์จเข้าไปในคลินิก
ใจหวานทำแผลให้จอร์จ โดยทายาที่แผล แล้วเอาผ้าพันแผลให้
“หมอนึกออกหรือยังคะว่าใครทำร้ายหมอ”
“ไม่รู้ ผมไม่รู้จักพวกเขาเลย”
“แล้วมันเอาทรัพย์สินอะไรไปหรือเปล่า”
“ไม่ได้เอาอะไรไป มันบอกว่าแค่มาสั่งสอน ที่เป็นชู้กับเมียคนอื่น”
“อะไรนะคะ หมอเป็นชู้กับใคร”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกมันไม่ได้บอก”
ใจหวานใจหาย นึกถึงเสี่ยพรพัฒน์
“หรือว่า...”
“หรือว่าใคร”
ใจหวาน อึกอัก
“เอ้อ...ปละ...เปล่าหรอก”
“เดี๋ยวต้องไปดูว่าดำเป็นยังไงบ้าง” จอร์จดูนาฬิกา “หวังว่าดำยังไม่ออกไปไหนนะ”
“อย่าเพิ่งห่วงคนอื่นเลยหมอ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
“จริงสิ ดำคงมีคนอื่นคอยห่วงแล้ว”
จอร์จห่อเหี่ยวลงไป ใจหวานมองอย่างเห็นใจ
ดนัยธรกำลังจะออกจากบ้าน มองหาเดือน
“ยัยเดือนยังไม่ออกมาอีกเหรอ”
“แกยังไม่ตื่นเลยค่ะ”
“อะไรกัน เดี๋ยวนี้ทำไมนอนดึกตื่นสาย วันนี้ไม่มีเรียนหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“คุณไม่รู้ตารางเรียนของลูก แล้วจะคุมลูกได้ยังไง”
ดนัยธรส่ายหน้าแล้วขึ้นรถที่คนขับขับมารอ เขมวรรณมองตามรถของสามีไปอย่างไม่สบายใจ
เขมวรรณเข้ามาในบ้านพลางถอนใจอย่างอึดอัด ขจิตมองอย่างเข้าใจสถานการณ์
“ตานัยบ่นอะไรอีกล่ะ”
“เรื่องยัยเดือนอีกนั่นแหละค่ะ”
“หมู่นี้ดูหงุดหงิดพาลพาโลชอบกล”
“เดี๋ยวนี้ยัยเดือนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างเราอยู่เรื่อย นัยหงุดหงิดอารมณ์เสียทุกครั้งที่เห็นยัยเดือนสนิทสนมกับเพื่อนผู้ชาย เขาหาว่าเข็มปล่อยลูกเพราะอยากให้แกไปเสียให้พ้นจากเราเร็วๆ เข็มก็ว่าเขาหวงลูกเกินไปจนกระทั่งเดือนแกไม่มีความสุข”
“ตานัยหวงความรักของลูก เพราะกลัวว่าตัวเองจะหมดความสำคัญ ก็เลยอยากจะเก็บลูกไว้เพื่อความพอใจของตัวเองให้นานที่สุดน่ะสิ”
“เข็มเคยคุยกับหมอค่ะ เขาบอกว่าคนเป็นพ่อ พอพ้นวัยหนุ่มก็ทำให้เกิดปมด้อยว่าตัวเองหมดความสำคัญแล้ว เลยเหลือลูกเมียเท่านั้นที่จะช่วยให้ตัวเองคิดว่ายังมีความสำคัญอยู่ พ่อบางคนถึงได้หวงจนกลายเป็นความเห็นแก่ตัว อยากเก็บลูกไว้กับตัวเองให้นานที่สุด ยิ่งไม่ใช่พ่อกับสายเลือดที่แท้จริงก็ยิ่งเกิดปัญหา”
“ถ้ายัยเดือนเกิดรู้ว่าพ่อคิดกับตัวเองแปลกไป จะกระอักกระอ่วนใจหรือชอบใจกันแน่”
“เดือนไม่คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“แน่ใจเหรอเข็ม แล้วทำไมหมู่นี้ยัยเดือนเปลี่ยนไป เมื่อก่อนจะเข้าไปหยอกเอินกอดคอกับพ่อแบบใกล้ชิด แต่เดี๋ยวนี้...ถ้าตัวสังเกตก็คงเห็น ว่ายัยเดือนห่างเหินกับตานัย แทบจะไม่คุยเล่นกันเลย”
“สาเหตุคงเพราะนัยให้ลูกเลิกกับคนที่คบกันมากกว่าค่ะ แกเลยเศร้าๆ ไปไม่เล่นหัวกับใคร แม้กระทั่งกับเข็มเอง”
“แต่แม่ว่าเป็นเพราะยัยเดือนรู้สึกถึงความหวงที่กลายเป็นความหึงของตานัยต่างหากล่ะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เดือนเป็นเด็กบริสุทธิ์ อ่อนโยนเรียบร้อย แกไม่คิดลึกอย่างที่คุณแม่คิดแน่”
“แล้วถ้าตานัยแสดงอาการให้ยัยเดือนคิดล่ะ”
เขมวรรณมองหน้าแม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วเริ่มรับไม่ได้ ความคิดในใจตีกันสับสนไปหมด
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ แค่คุณแม่พยายามยัดเยียดให้นัยคิด เข็มก็รับไม่ได้แล้ว นี่จะมาบอกว่ายัยเดือนก็คิดอีกคน เข็มไม่เชื่อหรอกค่ะ แล้วก็ไม่มีวันเชื่อด้วย”
เขมวรรณเดินหนีอย่างรับไม่ได้
“สักวันเถอะยัยเข็ม แกต้องยอมรับให้ได้ถ้าความจริงมันเกิดขึ้น”
ขจิตแน่ใจในสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น
ใจหวานกลับเข้าบ้าน เห็นพรพัฒน์นั่งรออยู่ เธอมองแบบไม่พอใจ
“มาแล้วเหรอเสี่ย”
พรพัฒน์หันมา มองหน้าใจหวานอย่างขุ่นเคือง
“ไปกกกับไอ้ฝรั่งมาทั้งคืนเลยนะ”
“หวานไม่ได้ทำอย่างเสี่ยว่าเลยนะ หวานแค่ไปช่วยงานที่คลินิกเขา เสี่ยต่างหากที่ไปกกอีเวรตะไลพวกนั้น หวานยังไม่ว่าอะไรสักคำ”
“ก็ลองกล้าว่ากูสิ มึงเจอดีแน่”
“เสี่ยใช่ไหมที่ส่งคนไปทำร้ายหมอ”
“ใช่แล้วจะทำไม เดือดร้อนแทนชู้หรือไง”
“ทำเกินไปแล้ว ไอ้เสี่ยใจโหด”
พรพัฒน์ตบฉาดใหญ่ ใจหวานเซไป
“โอ๊ย...”
“คนอย่างมึงมีทางเลือกเหรอนังหวาน นอกจากเป็นเมียน้อยอาศัยเงินจากกูมึงไม่มีทางหาเงินเลี้ยงตัวเองได้หรอก”
“ฉันก็เป็นคนมีศักดิ์ศรี ฉันหาเงินเองได้”
“อย่าลืมนะบ้านหลังนี้กูซื้อให้มึง”
“ไม่เอาก็ได้วะ”
“งั้นออกไปเลย”
ใจหวานเดินออกไป พรพัฒน์โมโหเข้าไปกระชากตัวมาตบอีก
“เก่งนักเหรอมึง นึกจะไปก็ไปงั้นเหรออีหวาน”
“ปล่อยกูนะ ปล่อย”
พรพัฒน์ตบตี ใจหวานต่อสู้ปัดป้อง แต่สู้แรงพรพัฒน์ไม่ได้
ข้าวนอกนา ตอนที่ 15 (ต่อ)
ดำออกมาส่งสมพันธุ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ เธอยืนอิงแอบแนบชิดเขาอย่างคนตกอยู่ในความรัก
“พี่พันรีบกลับมานะ”
“ถ้าเสร็จเร็วก็กลับเร็วนั่นแหละ”
แท็กซี่คันหนึ่งแล่นมา ดำรีบโบกมือเรียกให้ สมพันธุ์ขึ้นไปนั่งบนรถ
“แล้วเจอกันคืนนี้จ้ะ”
ดำมองตามแท็กซี่จนลับตาไปด้วยอารมณ์โหยหา ไม่อยากจากเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว รปภ.แถวนั้นมองตามยิ้มๆ
“แฟนเหรอ”
“ใช่ก็ได้”
“หล่อดีนี่”
ดำยิ้มภูมิใจ
“เขาเป็นคนดีด้วย รู้จักกันแต่เด็กน่ะ”
“ดีใจด้วยนะ สมกับน้องเหมือนกิ่งทองใบยอ แต่ระวังให้ดี แล้วจะว่าไม่เตือน พวกรูปหล่อมือตีน...มันหนัก ฮะๆๆ”
ดำมองเหล่ รปภ. อย่างไม่ชอบใจนัก
“แต่ก็ไม่หนักหัวใครไม่ใช่เหรอ”
รปภ.เจื่อนไป
“ล้อเล่นน่ะ”
ดำจะเดินกลับเข้าอพาร์ตเมนท์ แท็กซี่อีกคันแล่นเข้ามาจอด
“ดำ”
ดำหันไปเห็นใจหวานก็ตกใจ
“พี่หวาน...”
ใจหวานเปิดประตูลงมาด้วยท่าทางบอบช้ำหมดแรง ดำรีบเข้าไปประคองลงจากรถ
ดำพาใจหวานเข้ามาในห้องพัก ใจหวานบอกอย่างเจ็บใจ ตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่ตอนนี้ไม่ร้องแล้ว
“ไอ้เสี่ยใจโหดมันทำร้ายพี่”
“เสี่ยพรน่ะเหรอ”
ใจหวานพยักหน้า
“มันไล่พี่ออกจากบ้านด้วย”
“มีเรื่องอะไร ทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้”
“มันหาว่าพี่คบชู้”
“หา...จริงเหรอ”
ใจหวานกลั้นน้ำตาอย่างเจ็บช้ำ
“ไม่จริงหรอก มันหาเรื่องใส่ร้ายพี่ จะได้ไปอยู่กับอีพวกโคโยตี้สาวๆ มันเบื่อพี่แล้วดำ”
“โธ่เอ๊ย...พี่หวาน ไอ้พวกนี้มันมีเงินก็ซื้อได้ทุกอย่างแหละ แล้วมันหาว่าพี่เป็นชู้กับใครล่ะ ไม่เห็นพี่จะมีคนอื่นเลย”
“กับหมอจอร์จนั่นแหละ มันส่งคนไปทำร้ายหมอด้วย แต่หมอยังไม่รู้ว่าใครทำ พี่ไม่อยากให้เขารู้”
ดำอึ้งไป นึกเป็นห่วงจอร์จขึ้นมา
“ครูเป็นยังไงบ้าง”
“พี่ทำแผลให้เขาแล้ว วันนี้เขางดตรวจแต่ยังดื้อจะไปสอน พี่เลยยิ่งไม่กล้าไปรบกวนเขา คืนนี้ฉันขอนอนที่นี่ก่อนนะ”
ดำหนักใจ
“ถ้าฉันยังโสดเหมือนเมื่อก่อนก็จะให้พี่พักอยู่ด้วยนะ แต่ตอนนี้...”
ใจหวานมองดำอย่างนึกไม่ถึง พอมองไปรอบๆ เห็นเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของสมพันธ์ก็เข้าใจ
“นายสมพันธุ์เหรอ”
ดำพยักเพยิดอย่างยอมรับ
“ชอบคนหล่อน่ะระวังนะ มันไม่จริงใจกับแกหรอก”
ดำเชิดหน้าอย่างมั่นใจมาก
“ไม่ใช่ทุกคนหรอกพี่หวาน พี่พันกับฉันรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนดีจริงๆ ไม่มีใครที่มองข้ามผิวดำน่าเกลียดของฉัน และทำดีกับฉันอย่างพี่พันเลย”
“แล้วหมอจอร์จล่ะ”
“นั่นเขาเป็นฝรั่ง ใจกว้างกว่าคนไทยอยู่แล้ว แต่ฉันเคยบอกพี่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเราะไม่เหมาะกันหรอก”
“แกก็หาข้ออ้างไปเรื่อยนะ ตามใจแก อะไรที่มีความสุขก็ทำไปเถอะ แต่ต้องยอมรับผลของมันด้วยล่ะ”
“ชีวิตฉันผ่านอะไรมาเยอะ เรื่องแค่นี้ฉันยอมรับได้อยู่แล้ว แล้วพี่หวานล่ะ จะทำยังไงต่อไปดี”
ใจหวานส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตดี
ค่ำนั้นดำพาใจหวานมาสมัครร้องเพลงที่ผับ เจ๊ต่ายส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ
“อายุมากอย่างนี้ มันไม่ใช่กลุ่มของลูกค้าเรา”
ใจหวานแย้ง
“แต่ฉันร้องเพลงได้ทุกแนวนะ เพลงวัยรุ่นก็ได้ เจ๊ให้ฉันร้องให้ฟังไหมล่ะ”
“ยังไม่ต้อง เดี๋ยวไปร้องให้หุ้นส่วนฉันฟังดีกว่า ตอนนี้ทุกอย่างฉันจะให้เขาตัดสินใจ”
ดำแปลกใจ
“ใครคือหุ้นส่วนใหญ่ของเจ๊”
“เดี๋ยวฉันจะพาแกไปเจอ เขาก็อยากเจอแกอยู่เหมือนกัน”
ดำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
ในห้องทำงาน...จ้อยมองดูดำกับใจหวานหัวจรดเท้า
“เธอน่ะเหรอชื่อดำ”
“ใช่ค่ะ”
“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
“คุณจ้อย เป็นหุ้นส่วนใหม่ของผับนี้”
“ฉันเป็นลูกคุณนายจรูญศรี”
ดำตะลึงงัน
“คุณจ้อย...ที่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กน่ะเหรอ”
“ใช่ เธอคงรู้จักฉัน ฉันก็ได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมานานแล้ว”
ดำกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดเสียว
“ฉันจะรับใจหวานเข้ามาร้องเพลงด้วยก็ได้ แต่เธอต้องยอมเปลี่ยนลุคด้วย”
ดำอึ้งๆ
“เปลี่ยนลุคแล้วหนูจะดูดีขึ้นเหรอคะ”
“อย่างน้อยก็ดูดีกว่าตอนนี้”
ดำมองหน้าจ้อยอย่างไม่เชื่อนัก
ออยกับแนทและแอ๋มออกมามุมหนึ่งของผับเมียงมองไปยังที่นั่งลูกค้า ออยถามเบาๆ
“ไหนๆ แขกที่แกว่าหล่อลากน่ะ”
แนทชี้ให้ดู ออยถึงกับปิ๊งทันที
“เออ...หล่อจริงว่ะ ดูดีกว่าคุณธัชอีก หน้าตาไฮโซด้วย”
ไวภพนั่งอยู่คนเดียวอย่างเศร้าๆ เหงาๆ ที่มุมหนึ่ง ตรงหน้ามีแก้วเหล้าเปล่าที่ดื่มหมดแล้วหลายแก้ว แนทมองยิ้มๆ
“สงสัยจะอกหักมาว่ะ”
ออยยิ้มมั่นใจ
“เดี๋ยวฉันจะไปดามอกให้เอง”
แอ๋มถามอย่างกังวล
“แกไม่กลัวคุณธัชรู้เหรอวะ”
“วันนี้เขาไม่มาโว้ย”
แนทหวาดๆ
“ระวังคุณจ้อยดุเอานะ ที่ไปวุ่นวายกับลูกค้า เขายิ่งเฮี้ยบๆ อยู่”
“ไม่กลัวหรอก ถ้าฉันจับลูกค้ารวยๆ ได้ ใครจะกล้าว่าอะไรฉัน”
ออยมองไปที่ไวภพอย่างหมายมาด
ออยเข้ามาหาไวภพ
“สวัสดีค่า นั่งคนเดียวเหงาไหมค้า”
ไวภพเบือนหน้ามามองออย
“สวัสดีครับ เหงาอยู่แล้วครับ ถึงได้มานั่งดื่มที่นี่”
“เดี๋ยวออยช่วยให้หายเหงาเองค่ะ”
“คุณเป็นใครครับ”
“ออยเป็นนักร้องที่นี่ค่ะ เมื่อกี้ขึ้นไปร้องเพลง จำไม่ได้เหรอคะ”
“อ๋อ...”
ไวภพจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่มอีก แต่ออยดึงไว้ ไวภพมองงงๆ เธอป้อน เขายอมดื่มแต่โดยดี ออยส่งสายตาหวานเยิ้มยั่วยวน
ค่ำคืนนั้น ใจหวานขึ้นร้องเพลงบนเวที เสียงคนตบมือให้ เธอร้องเพลงแบบเซ็กซี่ยั่วยวน คนดูวี้ดวิ้วชอบใจ
“สวยว่ะ”
“ว้าว...เซ็กซี่ตัวแม่เลยเว้ย”
ออยที่กำลังคุยอยู่กับไวภพหันไปมองใจหวานตาอย่างเขม่น ก่อนจะบอกกับไวภพ
“ออยขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องขึ้นร้องเพลงต่อไปแล้ว”
“ตามสบายครับ”
“อยู่ฟังออยด้วยนะค้า”
ไวภพพยักหน้า ออยเดินออกไป
ออยฮึดฮัดเข้ามาถามแนทในห้องแต่งตัวนักร้อง
“นังนั่นที่ร้องเพลงอยู่เป็นใคร”
“ชื่อใจหวาน เป็นคนที่นังดำพามา”
ออยไม่พอใจ
“มันเอาพวกเดียวกันมาเต็มผับแบบนี้ จงใจแย่งงานเราชัดๆ”
“นั่นดิออย นังใจขมนั่นมาแนวเดียวกับแกเลย แต่เซ็กกว่า”
ออยหันไปมองแอ๋มตาขุ่น
“นังแอ๋ม”
“ฉันพูดความจริง แต่แกเด็กกว่าใสกว่านะ”
ออยค่อยยิ้มออก เสียงดำหัวเราะเข้ามา
“ฮ่าๆๆ...”
ออยกับพวกหันไป เห็นดำกับซูซี่เข้ามาสีหน้าเยาะๆ
“กลัวมาแย่งตำแหน่งละซี้”
ออยสวน
“อีมืดนรกแตก ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก”
ซูซี่ยิ้มหยัน
“ไม่กลัวแล้วบ่นทำไม”
“ไม่ได้บ่น แต่ฉันรู้ทันว่าแกประจบคุณจ้อยกับเจ๊ต่ายให้รับพวกแกเข้ามาเพื่อจะมาคุมผับนี้ใช่ไหม แต่ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ไม่มีทาง”
ซูซี่สวน
“ฉันไม่ได้เป็นพวกดำตั้งแต่แรก ฉันเข้ามาคนเดียว แต่มาคบดำเพราะเห็นสันดานชั่วของพวกแกแล้วรับไม่ได้ต่างหาก”
ออยโกรธ
“อีบ้านนอกโหนกเด้งอย่างแกฉันก็ไม่รับเป็นเพื่อนหรอก”
“ฉันก็ไม่เคยคิดอยู่ใต้อุ้งตีนของอีหน้าซาลาเปาสิบล้อทับอย่างแก”
ออยทำท่าจะตบซูซี่ ดำเข้าไปรับแทน
“ถ้ามีเรื่องแกโดนไล่ออกแน่ คุณจ้อยเขาชอบเสียงฉัน ชอบความมันส์ของซูซี่ ชอบความเซ็กซี่ของพี่หวาน อย่างพวกแกเตรียมตกกระป๋องแล้วโดนฝังกลบอยู่ใต้กองขยะได้เลย” ดำหันไปหาซูซี่ “ไป...เราไปเตรียมโชว์ของเราดีกว่า”
ออยกับพรรคพวกมองดำอย่างเจ็บใจมาก
“ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมาแทนที่ฉันหรอก”
แนทกับแอ๋มพยักหน้าเห็นด้วย
ในห้องทำงาน...จ้อยบอกกับใจหวานและดำ
“ตกลงฉันรับใจหวานมาเป็นนักร้องประจำอีกคน ท่าทางจะได้แฟนคลับวัยผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีก”
ใจหวานสะอึกไปนิดหนึ่งกับคำว่าวัยผู้ใหญ่ แต่แล้วก็ยิ้มออกมา หันไปจับมือกับดำอย่างดีใจ
“ขอบคุณค่ะคุณจ้อย”
“แต่ดำ...พรุ่งนี้บ่ายโมงแกต้องมาหาฉันที่นี่”
ดำชะงักนึกถึงว่าอยากอยู่กับสมพันธุ์
“พรุ่งนี้บ่ายโมง...หนูไม่ว่าง”
จ้อยมองหน้า
“มีอะไรที่สำคัญกว่างานร้องเพลงที่นี่เหรอ”
“หนูมีเรื่องส่วนตัวต้องไปทำนี่คะ”
“เรื่องอะไร”
“ขอโทษนะคะคุณจ้อย เรื่องส่วนตัวจริงๆ หนูบอกไม่ได้”
“งั้นไปทำธุระให้เสร็จ”
ดำเผลอยิ้มดีใจ
“แล้วคืนพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาอีก”
ดำตะลึง
“อะไรนะคุณจ้อย”
จ้อยเสียงแข็ง
“จะให้ฉันพูดซ้ำอีกเหรอ ถ้าพรุ่งนี้บ่ายโมงไม่มาที่นี่ ก็ไม่ต้องมาร้องเพลงอีก”
ดำอึ้ง
“สรุปว่าหนูต้องมาเจอคุณจ้อยพรุ่งนี้”
“ถูกต้อง ในเมื่อเธออธิบายไม่ได้ว่าติดธุระสำคัญอะไร ก็แสดงว่ามันไม่สำคัญ”
“แล้วคุณจ้อยจะให้หนูมาทำอะไรคะ”
“มาลองเสื้อผ้าทำผมใหม่”
ดำหน้านิ่วคิ้วขมวด ใจหวานสะกิดแล้วพยักเพยิดให้ไป ดำเซ็งๆ จ้อยถามเสียงเข้ม
“ว่าไง”
ดำตอบเสียงสะบัด
“ค่ะ”
จ้อยเหลือบมองดำอย่างนึกขวางในใจกับความดื้อ ในขณะที่ดำยังหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์
ดำกระฟัดกระเฟียดออกมาจากห้องจ้อย ใจหวานตามมา
“ตกลงแกติดธุระอะไรของแกวะดำ”
“หนูก็อยากอยู่กับพี่พันบ้างสิ พรุ่งนี้เขาคงไม่ได้ออกไปไหน”
ใจหวานถอนใจ
“โอ๊ย...นังดำ สมควรแล้วที่โดนคุณจ้อยด่า เรื่องแค่นี้แกถึงกับปฏิเสธเขาเลยเหรอ”
“พี่หวานไม่เข้าใจหรอก หนูกับพี่พันมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก เพราะหนูต้องทำงานกลางคืน กว่าจะกลับพี่พันก็หลับไปทุกที กลางวันพี่พันก็ออกไปธุระของเขาบ้าง ไปหางานทำบ้าง”
“แกยังได้อยู่ด้วยกันอีกนาน ทำไมต้องอยู่ด้วยกันตลอดด้วยวะ เดี๋ยวก็เบื่อหรอก”
“อีกหน่อยพี่พันทำงานก็อาจจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว”
“สมพันธุ์ยังไม่มีงานทำเหรอ”
“ใช่”
“ทำไมไม่ให้มาทำงานเสิร์ฟที่นี่”
“เขาไม่มาหรอก เขาไม่อยากเจอนังออย”
“โอ๊ย...คนหล่อนี่มันเรื่องมากจริงๆ ตอนนี้แกต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงมันล่ะสิ”
“ถ้าพี่พันมีงานทำแล้ว เขาก็จะเป็นฝ่ายเลี้ยงหนูเองนั่นแหละ”
ดำสะบัดหน้าเดินออกไป ใจหวานมองเซ็งๆ
เดือนค่อยๆ ย่องเข้าบ้านมาอย่างหวาดหวั่นใจ สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเขมวรรณ
“เดือน...”
เดือนตัวแข็งทื่อ หูอื้อแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร คิดว่าเสียงของดนัยธร มือเขมวรรณเข้ามาจับไหล่
“อย่าค่ะคุณพ่อ...”
“อะไรกันน่ะเดือน นี่แม่เอง”
เดือนหันไป เห็นเขมวรรณก็โล่งใจ
“แล้วคุณพ่อละคะ”
“เข้านอนแล้วจ้ะ คงหลับแล้ว ทำไมต้องกลัวคุณพ่อขนาดนี้ด้วย เมื่อก่อนลูกเข้าไปหยอกล้อเล่นกับคุณพ่อทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นทำอย่างนั้นเลยกลับบ้านมีแต่มึนตึงเหมือนคนโกรธกันมา”
“เดือนไม่ได้โกรธอะไรคุณพ่อเลยค่ะ แต่...เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่คะ คุณพ่อเปลี่ยนไปมาก”
เขมวรรณแอบเสียววาบในใจ คิดไปไกลกับคำพูดของเดือน
“เปลี่ยนไปยังไง”
“คุณพ่อชอบทำหน้าเข้มเวลาเจอเดือน แล้วก็ดุเดือนทุกเรื่อง เหมือนคอยจับผิดตลอดเวลา”
เขมวรรณลูบผมเดือน
“เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อทุกคนแหละจ้ะ เมื่อห่วงลูกเขาก็กลายเป็นคนที่แข็งขึ้นมาได้”
“แต่...เดือนไม่ชินกับคุณพ่อที่เป็นแบบนี้ เดือนเคยเห็นแต่คุณพ่อที่ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส คุณพ่อที่เดือนกล้าเข้าไปเล่นด้วยทุกครั้ง”
“พักนี้คุณพ่ออาจจะมีเรื่องเครียดๆ ที่ทำงานด้วยจ้ะ หนูต้องคอยปลอบคุณพ่อมากกว่าจะห่างเหินแบบนี้ คุณพ่อจะได้สบายใจ นะจ๊ะ...”
“ค่ะ เดือนจะพยายาม...”
“ดีแล้วที่คิดได้ ไป...เดี๋ยวแม่พาหนูขึ้นห้อง ถ้าคุณพ่อดุ แม่จะช่วยหนูเอง”
เดือนยิ้มออกมาได้
เขมวรรณโอบเดือนขึ้นบันไดไป แม้จะพยายามปลอบลูก แต่ตัวเองกลับสีหน้าไม่สบายใจ
ข้าวนอกนา ตอนที่ 16
เขมวรรณกลับเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบที่สุด พยายามปิดประตูอย่างเบามือ ก่อนจะเดินไปที่เตียง พอจะล้มตัวลงนอน ดนัยธรก็หันมาเสียก่อน
“ยัยเดือนกลับมาแล้วใช่ไหม”
“คุณยังไม่หลับอีกเหรอคะ”
“จะให้ผมหลับลงได้ยังไง ดึกป่านนี้ลูกเพิ่งจะกลับบ้าน ผมพยายามจะข่มตาหลับมาเป็นชั่วโมงแล้ว”
ดนัยธรเลิกผ้าห่มแล้วทำท่าจะลุกออกไป เขมวรรณดึงไว้
“อย่าค่ะนัย ลูกกลับมาเหนื่อยมาก ปล่อยแกอาบน้ำนอนเถอะค่ะ”
“ไปทำอะไรมาถึงได้เหนื่อยล่ะ”
“นัยคะ อย่ามองลูกในแง่ร้ายอย่างนั้นสิคะ”
“เอะอะก็หาว่าผมมองลูกในแง่ร้าย แล้วคุณล่ะ มองเห็นแต่ความฝัน ไม่ได้มองความจริงเลย สักวันเถอะจะได้เป็นยายอุ้มหลานไม่มีพ่อ”
พูดจบดนัยธรก็หันหลังให้ เขมวรรณอ้าปากจะพูดแต่ก็หยุดไว้ ได้แต่กัดริมฝีปากแน่นอย่างช้ำใจ
ไวภพเมาออกมาหน้าผับ ออยเข้ามาประคอง
“ขับรถมาเองหรือเปล่าคะ”
“วันนี้ตั้งใจเมา ไม่ได้เอารถมา”
“ออยไปส่งนะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้”
“โถ...เมาขนาดนี้ ออยไปส่งดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้อง ๆ”
“งั้นออยเรียกแท็กซี่ให้ค่ะ” ออยออดอ้อน “พรุ่งนี้มาหาออยอีกนะคะ”
“ครับ ออยดีกับผมจังเลย”
ออยโบกมือเรียกแท็กซี่ให้หอมแก้มเขาหนึ่งฟอด ไวภพอึ้งๆ ออยส่งตาหวานเยิ้มให้ เขาขึ้นรถแท็กซี่ไปเธอโบกมือให้ ซูซี่กับดำมองอยู่
“นังออยจะหาผัวใหม่อีกแล้ว” ซูซี่กระซิบ
“ฮึ...ถ้าไอ้ธัชชัยรู้ นังออยเสร็จแน่”
“บอกเลยดีไหม”
“ยังก่อน ให้มีหลักฐานแน่นๆ กว่านี้”
ดำหยิบมือถือขึ้นมาซูมและถ่ายไว้
ดำพาใจหวานมาดูห้องที่อพาร์ตเมนท์เดียวกับเธอ
“พออยู่ได้ไหมพี่หวาน”
“ได้ ดีกว่าที่คิดอีก”
“โชคดีที่เขามีห้องว่างพอดี”
“พี่คงอยู่ที่นี่แหละ ขอบใจนะดำที่ช่วย”
“ไม่เป็นไร พี่หวานก็เคยให้โอกาสให้ที่ซุกหัวนอนกับหนู ถ้าไม่ได้พี่หวานก็ไม่มีหนูทุกวันนี้หรอก”
ใจหวานเศร้าหมองลง
“ฉันก็ไม่นึกว่าตัวเองจะมีวันนี้เหมือนกัน”
“พวกคนรวยมันใช้เงินซื้อทุกอย่าง มันคิดว่าคนจนอย่างเราเห็นแก่เงินทุกคน พี่หวานตั้งต้นใหม่เถอะ วันนี้คุณจ้อยชอบพี่มากเลยนะ”
“ฉันก็ตั้งใจร้องให้เต็มที่ ไม่ให้คุณจ้อยผิดหวัง ว่าแต่แกเถอะ อย่าเอาแต่เฝ้าแฟนจนเสียงานล่ะ”
ดำหงุดหงิด
“หนูก็รักงานแต่ถ้ามันแย่งเวลามากเกินไปหนูก็ไม่ยอมหรอก งั้นหนูไปก่อนนะ พี่พันรอแย่แล้ว”
ดำรีบออกไป ใจหวานมองตามพลางส่ายหน้าอย่างรู้อนาคตของดำดี
ดำเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างดีใจ
“พี่พันจ๋า”
แต่แล้วดำก็ต้องผิดหวัง เมื่อไม่พบสมพันธุ์ในห้อง
“ยังไม่กลับอีกเหรอ”
ดำมองหาสมพันธุ์อย่างร้อนใจ กดมือถือโทรออกก็ไม่รับสาย
“ทำไมไม่รับสายนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
ดำรีบออกจากห้องอย่างร้อนใจและเป็นห่วง
ดำเดินมาที่หน้าอพาร์ตเมนท์เห็นรปภ.หลับอยู่ เธอเข้ามาเขย่าตัว
“เห็นแฟนฉันไหม”
“ผู้ชายหล่อๆ ที่เห็นเมื่อเช้าน่ะเหรอ”
“ใช่”
“ไม่เห็น”
“มัวแต่หลับอู้อยู่จะเห็นได้ไง”
“แล้วเจ๊จะมาถามทำไม”
“ก็เผื่อจะเห็น”
“ไม่เห็น ผัวเจ๊...เจ๊ก็เฝ้าเองสิ ผมมีหน้าที่เฝ้าตึก ไม่ได้เฝ้าผัวให้ใคร”
“เฝ้าตึกแบบนี้ ถึงตึกหายก็คงไม่รู้เรื่อง”
ดำเดินออกไป รปภ.มองตามเหยียดๆ
ดำเดินออกมามองหาสมพันธุ์ จนเห็นด้านหลังใครคนหนึ่งที่เหมือนเขามาก จึงปรี่เข้าไปจับแขน
“พี่พัน อยู่นี่เอง”
ชายคนนั้นหันมา พอเห็นดำก็เกือบผงะ
“เฮ้ย...ไรวะ”
“อ๋อ...ขอโทษ ฉันคิดว่าเพื่อน”
ชายคนนั้นรีบปัดแขนปัดตัวที่ดำจับเมื่อครู่เหมือนรังเกียจเต็มที
“สกปรกว่ะ สีติดหรือเปล่าวะ”
ดำถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“สีผิวมันติดกันได้ซะเมื่อไร ไม่รู้หรือไงวะ”
“แต่สีมึงดำปิ๊ดปี๋ขนาดนี้ กูรังเกียจ”
“กูก็รังเกียจผู้ชายปากหมาอย่างมึง”
“อีบ้า อีดำ ทั้งดำทั้งบ้า”
“ไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมีย”
“อีดำปากปลาร้า”
ชายคนนั้นเอามือฟาด ดำถีบจนเขาเซ ทันใดนั้นจอร์จเข้ามากันไว้ ดำมองอย่างนึกไม่ถึง
“ครู...”
จอร์จกันดำออกไป แล้วหันไปทางชายคนนั้น
“อย่ารังแกผู้หญิงสิ”
“ผู้หญิงห่าไรวะ หน้าตาทุเรศปากก็จัด มึงมาเสือกอะไรด้วย”
ดำด่าสวน
“มึงไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
จอร์จมองหน้าชายคนนั้น
“ผมว่าเรียกตำรวจมาเคลียร์ดีกว่าไหม”
ชายคนนั้นกลายเป็นคนร้ายชักมีดออกมา
“เคลียร์กับกูก่อนไหม”
เขาทำท่าจะแทง จอร์จหลบ แล้วถีบล้มไป จอร์จรีบคว้ามือดำ แล้วพาวิ่งออกไป ชายคนนั้นมองตามเจ็บใจ
จอร์จพาดำวิ่งออกมาจนพ้น หันไปดูชายคนนั้นไม่วิ่งตามมาแล้ว จึงชะลอลงจนหยุด
“มันไม่ตามมาแล้ว”
ดำมองมือเขาที่ยังไม่ปล่อย ทั้งสองมองหน้ากันอึ้งๆ จอร์จยอมปล่อยมือ ดำรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
“ดำไปมีเรื่องอะไรกับเขา”
“หนูตามหาพี่พันอยู่ เห็นด้านหลังมันนึกว่าพี่พันเลยเข้าไปทัก แต่มันกลับมาด่าหนูเสียๆ หาย ๆ”
“สมัยนี้อย่าไปมีเรื่องกับใครเลย คนมันน่ากลัว”
“หนูไม่กลัวมันหรอก จะปล่อยให้มันด่าฝ่ายเดียวได้ยังไง”
“โชคดีที่รอดมาได้นะ แล้วสมพันธุ์หายไปไหน โทรตามหรือยัง”
“หนูก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน โทรเข้ามือถือก็ไม่ติด ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยตามหาด้วย”
“ครูมาทำอะไรแถวนี้คะ มาหาพี่หวานหรือเปล่า”
“เปล่า ฉันออกมาช่วยงานมูลนิธิช่วยเหลือคนเจ็บแถวนี้ เลยผ่านมาเห็นพอดีไป...”
จอร์จแตะบ่าดำให้เดินไป ดำมองหาสมพันธุ์ จอร์จแอบมองเศร้าๆ
จอร์จกับดำเดินตามหาสมพันธุ์ เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่อีกฟากของถนน ดำดีใจ
“เจอพี่พันแล้ว”
จอร์จมองตาม ดำทำท่าจะข้ามไปโดยไม่ทันมองรถ จอร์จรีบดึงมือดำไว้
“ไม่ใช่หรอกดำ ดูดีๆ สิ”
ดำเขม้นมองอย่างไม่แน่ใจ พลางตะโกนเรียก
“พี่พัน พี่พัน...”
ชายคนนั้นหันมา ปรากฏว่าไม่ใช่ ดำผิดหวัง...ดำเดินหาต่อไป จอร์จพาไปอีกทาง
“ทางนั้นดีกว่า”
ดำเดินมาสะดุดกับพื้นฟุตบาทที่ไม่เท่ากันจนล้ม จอร์จรีบเข้าไปประคองไว้
“เจ็บหรือเปล่า”
ดำส่ายหน้า แต่ทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“หรือว่า...พี่พันจะทิ้งหนูไปจริงๆ”
“อย่าคิดมากสิ เขาอาจจะไปรอที่อพาร์ตเมนท์แล้วก็ได้”
“ไม่เคยมีใครรักหนูจริง หนูกลัว...ว่าพี่พันก็เป็นเหมือนคนอื่นที่ทิ้งหนูไปหมดทั้งป้าหมอน พี่นอม ลุงหวัด หรือแม้แต่แม่ของหนูเอง”
จอร์จปลอบ
“เข้มแข็งไว้ดำ ถ้าสมพันธ์ทิ้งดำไปจริงๆ เขาก็คิดผิดที่ทิ้งคนที่ดีกับเขามากที่สุดไป จะหาใครที่ยอมเสียสละเพื่อเขามากเท่าดำคงไม่มีแล้ว”
ดำมองหน้าจอร์จอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณที่มองหนูในแง่ดีขนาดนี้”
จอร์จกอดปลอบ ดำซุกลงกับอกของเขาอย่างรู้สึกอบอุ่น ทั้งสองรู้สึกตัว ผละออกพร้อมกัน แต่กลับชะงักเมื่อดำเงยหน้า ส่วนจอร์จก้มหน้าลงมอง ทำให้หน้าใกล้กัน ต่างสบตากันอย่างรู้สึกหวั่นไหว ทันใดนั้นเสียงสมพันธุ์ดังขึ้น
“ดำ...”
ทั้งสองผละออกจากกัน ดำหันไปดีใจมาก
“พี่พัน...”
สมพันธุ์เดินเข้ามาจากอีกมุมหนึ่ง ซึ่งมองไม่เห็นว่าทั้งสองใกล้ชิดกันมาก
“ครูจอร์จก็อยู่ด้วยเหรอ มาทำอะไรกันแถวนี้ครับ”
ดำกับจอร์จสบตากันขัดเขินเล็กน้อย จอร์จหันไปหาสมพันธุ์
“มาตามหาเธอน่ะสิ”
“ตามหาผม ทำไมต้องตามหาด้วย”
ดำโผเข้าไปกอดสมพันธุ์แน่น
“ฉันคิดว่าพี่พันทิ้งฉันไปแล้ว”
“เหลวไหลน่า พี่ก็ออกไปข้างนอกตามปกติ อย่าคิดมาก”
จอร์จมองอย่างเจ็บปวด แต่ฝืนยิ้มเข้าไปตบบ่าสมพันธุ์
“ดำเขาเป็นห่วงพันมากเลยรู้ไหม”
สมพันธุ์อายจอร์จที่เป็นแฟนกับดำ
“เหรอครับ”
“ดูแลดำให้ดีๆ นะ กลับบ้านดีๆ...ฉันไปละนะ”
“ขอบคุณครูมากค่ะที่ช่วยตามหา”
จอร์จยิ้มกับดำ แล้วหันหลังเดินจากไป ซ่อนใบหน้าที่เจ็บปวดไว้ สักพักจอร์จหันกลับไป มองตามสมพันธุ์กับดำที่ตระกองกอดกันไกลออกไป
ดำอิงแอบประคองสมพันธุ์เข้ามาในห้องอย่างทะนุถนอม
“นึกว่าพี่พันจะไม่กลับมาซะแล้ว”
“ก็กลับมาแล้วนี่ไง”
“ทำไมกลับดึกจัง พี่ศักดิ์ให้ขายของถึงกี่โมงเนี่ย”
สมพันธุ์ผละออกจากดำ ทำท่าโกรธๆ
“ซักอย่างนี้เหมือนไม่เชื่อใจพี่”
“เชื่อใจ ฉันเชื่อใจพี่พันนะ แต่มันรู้สึกโหวงเหวงเวลากลับมาไม่เห็นพี่ที่นี่”
“พี่กลับมาอยู่คนเดียวก็เบื่อๆ เลยออกไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อยบ้าง”
“วันหลังไปฟังฉันร้องเพลงสิ”
สมพันธุ์เริ่มหงุดหงิด
“พี่เคยบอกแล้วไงว่าไม่อยากเจอเขา...จำไม่ได้เหรอ”
ดำชะงัก
“จ้ะๆ จำได้ แต่พี่จะลืมมันไปไม่ได้เลยเหรอ อย่าไปสนใจว่านังนั่นจะอยู่หรือไม่อยู่”
“ไม่มีทางหรอกดำ พี่ทำใจไม่ได้”
“แสดงว่าพี่ยังรักมันอยู่”
สมพันธุ์ถอนใจ
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกได้ไหมดำ พี่เบื่อ...”
ดำตกใจเห็นสมพันธุ์เริ่มอารมณ์เสีย เลยรีบเข้าไปกอดไว้
“จ้ะๆ ฉันไม่พูดก็ได้ ถ้าพี่พันไม่ชอบ”
“ทีหลังก็อย่าพูดอีก”
“ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว พี่พันลืมไปซะนะ ที่รักของฉัน”
สมพันธุ์แอบทำหน้าอึดอัด ดำกอดและหอมสมพันธุ์ แต่สมพันธุ์เบี่ยงตัวออก
“พี่เหนียวตัว ขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
ดำปล่อย เขาเดินเข้าห้องน้ำไป เธอมองตามเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอีก
สาย วันรุ่งขึ้น...เดือนกำลังจะออกจากบ้าน เสียงดนัยธรดังขึ้น
“เดือน...”
เดือนชะงัก จำเสียงได้ ขานรับโดยไม่หันไปมอง
“คะคุณพ่อ”
ดนัยธรเดินมาตรงหน้า
“จะไปไหนแต่เช้า”
“ไปมหาวิทยาลัยค่ะ”
“วันนี้วันเสาร์ ยังต้องไปอีกเหรอ”
“เดือนต้องไปซ้อมร้องเพลงค่ะ”
“ซ้อมร้องเพลงอะไรอีก พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าให้งดกิจกรรม แล้วตั้งใจเรียนอย่างเดียว แค่นี้ทำไม่ได้เหรอ”
“งานนี้อาจารย์ขอร้องให้ช่วยค่ะ เป็นงานหารายได้เข้าคณะ”
“ทำไมคณะต้องทำตัวเหมือนขอทาน ให้ช่วยนั่นช่วยนี่อยู่เรื่อย ทั้งที่เป็นสถาบันเก่าแก่มีชื่อเสียง แต่กลับใช้งานนักศึกษาเหมือนทาส”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณพ่อ เดือนสมัครใจไปทำด้วย”
ดนัยธรไม่พอใจ
“สมัครใจ...แสดงว่ายอมไปเอง ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องไปช่วยก็ได้”
เดือนอึ้งไป
“เอ่อ...ค่ะ ไม่ต้องไปก็ได้ แต่ในเมื่ออาจารย์ขอร้อง เดือนก็ต้องมีสปิริตช่วยงานของคณะบ้าง”
“นั่นไง อาจารย์ขอร้องเดือนสมัครใจไป แต่พ่อขอร้องเดือนกลับไม่เชื่อ มันหมายความว่ายังไง”
เดือนถอนใจ
“คุณพ่อคะ...ถ้าเราจะเถียงกันอย่างนี้คงไม่จบหรอกค่ะ”
“ใช่ซี่ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว พ่อคนนี้ไม่อยู่ในสายตาเลยใช่ไหม หรือไม่เห็นว่าพ่อเป็นพ่อ...”
เดือนนิ่ง พยายามหาทางตอบไม่ให้พ่อโมโห แต่ยิ่งกลับทำให้เขาโมโหหนักตวาดลั่น
“ตอบพ่อมาสิ ใช่ไหม
เดือนกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่น้ำตาเริ่มปริ่มคลอเบ้า ดนัยธรก็จ้องเดือนอย่างคาดคั้น เขมวรรณเดินเข้ามา
“มีอะไรกันคะ”
ดนัยธรกับเดือนต่างเมินหน้าใส่กันแล้วนิ่ง บรรยากาศตึงเครียดสุดๆ เขมวรรณมองหน้าทั้งสองงงๆ
“เดือนขอตัวก่อนนะคะ”
เดือนเดินออกไป ดนัยธรจะตามไป
“เดือน...”
เขมวรรณดึงสามีไว้
“นัยคะ ลูกกลัวจนตัวสั่นแล้วเห็นไหมคะ”
“กลัวเหรอ คุณเห็นว่าลูกกลัว แต่ผมเห็นความดื้อด้านที่ไม่รู้มาจากโคตรเหง้าไหน เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ...”
เขมวรรณปราม
“นัยคะ...”
ดนัยธรเดินฮึดฮัดออกไป เขมวรรณมองตามไม่สบายใจ เดือนแอบฟังอย่างเจ็บปวด
ข้าวนอกนา ตอนที่ 16(ต่อ)
เดือนเดินเหม่อเข้ามาในห้องเครียดจัด สุดจะกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย เสียงพ่อยังดังก้องในหัว
“แต่ผมเห็นความดื้อด้านที่ไม่รู้มาจากโคตรเหง้าทางไหน เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ...”
เดือนเดินออกมาที่โรงรถ ต๋องเข้ามาถาม
“คุณหนูจะออกไปไหนเหรอครับ”
“ออกไปข้างนอกจ้ะ”
“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ”
“ไม่ต้องจ้ะ เดือนจะขับเอง”
“แต่คุณผู้ชายสั่งไว้...”
เดือนยืนยัน
“เดือนขอขับเองค่ะ”
เดือนเดินไปที่รถ ต๋องรีบตามไป
“เดี๋ยวผมจะโดนดุเอานะครับคุณเดือน”
“ให้คุณพ่อมาดุเดือนเลยค่ะ”
เดือนสตาร์ทรถ แล้วขับออกไป ต๋องมองตามพลางเกาหัวว่าจะทำอย่างไรดี
สมพันธุ์แต่งตัวเสร็จ หวีผมอยู่หน้ากระจก ดำมองอย่างสงสัย
“พี่พันจะออกไปอีกแล้วเหรอ”
“พี่มีธุระ”
“ธุระอะไร มีธุระทุกวันเลย” ดำเข้าไปเกาะแขนซบ “อยู่ด้วยกันอีกหน่อยเถอะ”
สมพันธุ์แกะมือดำออก
“พี่ต้องไปช่วยพี่ศักดิ์ขายของ”
“อีกแล้วเหรอ ขายที่ไหน”
“ก็ที่เดิมนั่นแหละ ตลาดแถวรังสิต”
“ให้ฉันไปด้วยสิ”
“อย่าเลย ร้อนจะตาย เดี๋ยวดำก็ต้องไปร้องเพลงต่ออีก”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆ พี่พันก็พอใจแล้ว”
“บอกว่าอย่าไปก็อย่าไปสิ ที่มันแคบๆ ไปก็เกะกะเปล่าๆ”
สมพันธุ์เดินออกไป ดำเข้าไปกอดคลอเคลีย
“เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเลยนะ”
สมพันธุ์เหนื่อยใจ
“จะให้พี่ขลุกอยู่กับดำทั้งวันพี่ทำไม่ได้หรอก”
“พี่พัน...”
“เอ่อ...พี่หมายถึง...พี่ไม่ชอบอุดอู้อยู่แต่ในห้อง”
“งั้นเราออกไปข้างนอกกันก็ได้ ดูหนัง ช็อปปิ้ง หรือจะไปต่างจังหวัดใกล้ๆ พี่พันชอบแบบไหน”
“ยังไงวันนี้ก็ไปไม่ได้” เขาดูนาฬิกา “พี่ต้องรีบไปแล้ว พี่ศักดิ์รออยู่”
สมพันธุ์ผละจากดำออกไป ดำบุ้ยปากมองตามอย่างเสียดาย
จ้อยอยู่ในห้องทำงานดูนาฬิกาขณะรอดำ
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ”
จรูญศรีหันมาบอก
“นังดำมันขี้เกียจจะตาย แม่รู้สันดานมันดี”
โจ้เซ็งๆ
“แม่จะมารอเจอมันทำไม”
“อยากเห็นน้ำหน้ามัน จะด่าให้สมใจอยากเลย”
“หนูไปเข้าห้องน้ำก่อน”
จ้อยเปิดประตูออกไป เหลือจรูญศรีกับโจ้ในห้อง โจ้เบื่อๆ
“ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงมันยังไม่มา โจ้ไม่รอแล้วนะแม่”
“แกจะไปไหน”
“มีธุระที่มหาลัยต้องรีบไป”
“อะไรกัน มากับแม่ทีไรรีบทุกที”
“โจ้มีนัดไปเจอน้องเดือนครับ”
จรูญศรีเปลี่ยนท่าที
“เหรอ...เออๆ งั้นรีบไป เดี๋ยวแม่ให้จ้อยไปส่งเอง”
เสียงคนเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาในห้อง ทั้งสองชะงักหันไปมองอึ้งๆ ดำก้าวเท้าเข้ามาก็ชะงักกึกเช่นกัน ดำยืนเหวอสักพักก็ยกมือไหว้จรูญศรี แต่จรูญศรีกลับลุกขึ้นชี้หน้าดำ
“หนอย...อีดำ นังเนรคุณ นึกว่าจะไปโด่งดังที่ไหน สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นขี้ข้าลูกสาวฉัน”
“ตอนนี้หนูเป็นนักร้อง ไม่ใช่ขี้ข้า”
โจ้สวน
“มันก็เหมือนกันแหละน่า แกก็ต้องมากินเงินเดือนของพวกฉันอยู่ดี”
“เมื่อก่อนฉันทำงานให้พวกคุณฟรีๆ แต่ตอนนี้หนูทำงานแลกเงินเดือน อย่ามาลำเลิกบุญคุณกันเลย”
จรูญศรีเข้าไปจิกผมดำไว้อย่างแค้นใจ
“อีดำตับเป็ด แกนี่มันเนรคุณจริงๆ ไม่รู้สำนึกข้าวแดงแกงร้อนที่เลี้ยงแกมาเลยเหรอ”
“คุณนายกับลูกๆ ก็คอยเหยียบฉันไม่ให้โงหัวขึ้นมา ใช้งานยังกับทาส หนูไม่ฟ้องว่าใช้แรงงานเด็กก็บุญแล้ว”
“ปากเก่งนักนะอีดำ”
จรูญศรีจิกผมแรงขึ้น ดำดิ้น
“ปล่อยนะคุณนาย หนูไม่ยอมให้คุณนายจิกหัวเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ ปล่อยสิวะอีคุณนายใจร้าย”
จรูญศรีจะตบ ดำเอาอีกมือกันไว้ อีกมือบิดข้อมือจรูญศรีข้างที่จิกผมอยู่
“โอ๊ย...โจ้ช่วยแม่ด้วย”
จรูญศรีจำต้องปล่อย ดำผลักจรูญศรีเบาๆ โจ้เข้ามาประคองไว้
“แกทำอะไรแม่ฉัน”
โจ้ทำท่าจะเข้าหา ดำถอยไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
“ฉันป้องกันตัวเอง อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
ดำเปิดประตูออกไป จรูญศรีหันไปบ่นกับโจ้อย่างเจ็บใจ
“ดูนังดำสิ หน้าดำเป็นอีกาคาบถ่านแล้วยังทำหยิ่งจองหอง”
“อีดำตอนเด็กปากจัดยังไง โตขึ้นยิ่งปากจัดกว่าเดิม ไม่รู้พี่จ้อยเอามันไว้ทำไม”
“งั้นเราก็คอยยุจ้อยให้ไล่มันออกซะ”
สองแม่ลูกสบตากันอย่างเห็น
ดำออกมาเจอจ้อย
“อ้อ...มาแล้วเหรอดำ”
“ถ้าคุณจ้อยให้หนูมาเพื่อให้คุณนายด่าละก็ หนูกลับละ”
ดำทำท่าจะออกไป จ้อยกางแขนกั้นไว้
“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้ให้แกมาโดนด่า แต่แม่อยากมาเจอแกเอง”
“ตั้งใจมาด่าหนูน่ะสิ”
“แม่ฉันเลี้ยงแกมาจนโต จะด่านิดด่าหน่อยไม่ได้เชียวเหรอ”
“ด่าได้ ถ้าหนูผิดจริง แต่นี่พอเจอหน้าก็ด่าซะสาดเสียเทเสีย แถมเข้ามาจิกหัว จะตบหนูอีก”
“แกอยากหนีออกจากบ้านไปเองนี่ เป็นใครๆก็ต้องโกรธ”
“ใครจะทนแม่คุณจ้อยไหวล่ะ”
จ้อยตัดบท
“เอาละๆ เจอกันแล้วก็แล้วกันไป เดี๋ยวแกออกไปกับฉันก็แล้วกัน”
ดำแววตากร้าว จ้อยมองดำอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
ในห้องแต่งตัวนักร้อง...จ้อยนั่งรอ สักครู่ดำแต่งตัวออกมาพร้อมกับชุดนุ่งน้อยห่มน้อย จ้อยมองดำหัวจรดเท้าอย่างพอใจ
“แบบนี้แหละที่ฉันคิดไว้”
ดำหน้าเสีย
“แต่หนูว่ามันไม่ใช่นะคุณจ้อย หนูไม่เหมาะกับแต่งเซ็กซี่หรอก ให้พี่หวานกับนังออยแต่งไปดีกว่า”
“ถึงแกดำก็เซ็กซี่ได้ ดูอย่างนักร้องนิโกรที่อเมริกาสิ บียอนเซ่เอย รีฮานน่าเอย ดังไปทั่วโลกเพราะได้ทั้งเสียงร้องทั้งความเซ็กซี่ แต่งตัวเร็กเก้อย่างแกมันหมดยุคแล้ว”
“แต่หนูไม่สวยเหมือนพวกเขา”
“แกไม่สวยก็ยิ่งต้องใช้ตัวช่วย แต่งแบบนี้แหละเข้าท่าดี”
ดำเซ็งจัด ดึงกระโปรงลงมาและดึงเสื้อขึ้นไปอย่างรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
จ้อยกลับเข้ามาในบ้าน จรูญศรีเข้ามาหา
“กลับมาแล้วเหรอจ้อย”
“กลับมาอาบน้ำน่ะแม่ เดี๋ยวต้องไปผับอีก”
“นังดำนี่มันเหลือเกินนะ แม่ว่ามันไม่กี่คำมันเถียงฉอดๆ แถมยังบิดข้อมือแม่จนปวดไปหมด”
จรูญศรีชูข้อมือที่มีผ้าพันแผลอยู่ จ้อยอึ้งไป
“มันกล้าทำแม่ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่สิ ถึงนังดำจะร้องเพลงเก่งแค่ไหน แต่ระวังเถอะ คนอย่างมันต้องเนรคุณแกเข้าสักวัน”
“จ้อยก็ไม่ค่อยชอบมันหรอก มันหัวแข็ง ให้ทำอะไรไม่ค่อยทำ แต่เสียงมันดีลูกค้าติดเยอะ”
“หน้าตาอย่างมันลูกค้าติดลงได้ยังไง อีกหน่อยก็เบื่อ”
“เดี๋ยวดูมันไปก่อน ถ้ามันหัวแข็งนักจ้อยก็ไม่เอาไว้หรอก จ้อยชอบคนปกครองง่ายๆ”
จรูญศรียิ้มออกมาได้
ในห้องซ้อมดนตรีของมหาวิทยาลัย...โจ้กดปุ่ม ดนตรีเพลง Rolling in the Deep ของ Adelle ขึ้น ครูเจนให้สัญญาณเริ่มร้อง แต่เดือนมัวแต่เหม่อเลยไม่เห็น ครูเจนส่งเสียงเตือน
“เดือน... เดือน”
เดือนสะดุ้งรู้สึกตัว
“คะ...”
เดือนได้ยินเสียงดนตรี เลยรีบร้องตาม แต่ไม่ทันแล้ว และยิ่งร้องผิดๆ ถูกๆ ครูเจนส่ายหน้า
“พอก่อนจ้ะ เอาใหม่เลย”
ครูเจนให้สัญญาณดนตรีเริ่มใหม่ โจ้กดปุ่มให้ดนตรีหยุดแล้วเริ่มใหม่ เดือนเริ่มร้องเพลงด้วยท่าทางห่อเหี่ยว ครูเจนนิ่วหน้า
“อย่าเครียดจ้ะ ให้อารมณ์แรงๆ มันส์ ๆ สะใจกว่านี้”
เดือนพยายามทำตามที่ครูเจนบอก แต่สีหน้ายังเนือยๆ ครูเจนส่ายหน้ารู้สึกไม่ใช่ โจ้แอบสังเกตอาการของเดือน รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
ค่ำนั้น เดือนเดินซึมออกมา หน้าห้องซ้อมดนตรี โจ้ตามมา จู่ ๆ เดือนก็นั่งลงตรงม้านั่ง
“น้องเดือนมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ วันนี้ดูไม่ค่อยมีสมาธิร้องเพลง”
“ก็...ไม่มีอะไรค่ะ”
“แต่ท่าทางน้องเดือนกังวล มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้นะ”
“เดือนคงกังวลเรื่องเรียนด้วยค่ะ”
“ช่วงนี้มีสอบเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ”
โจ้มองหน้าเหมือนไม่เชื่อ แอบมองเดือนอย่างมีแผน
“งั้นอย่ามานั่งตรงนี้เลย ไปเดินเล่นกันดีกว่านะคะ จะได้หายเครียด”
“เดินเล่นที่ไหนคะ”
“น้องเดือนอยากไปไหนละคะ พี่พาไปได้หมด”
“เดือนก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
โจ้ทำท่าคิดๆ
“พอดีพี่สาวพี่เพิ่งเปิดผับใหม่ พี่พาไปฟังเพลงที่นั่นดีไหมครับ”
เดือนนิ่งคิด
“อืม... ผับเหรอคะ”
“เป็นผับมีเพลงเพราะๆ ให้ฟังน่ะค่ะ ว่างๆ พี่ก็จะขึ้นไปเล่นดนตรีเองด้วย ไม่ใช่ผับน่ากลัวเลย ลองไปดู ถ้าไม่ชอบพี่ก็จะพาน้องเดือนกลับทันที...”
เดือนมองหน้าโจ้อย่างเริ่มสนใจ
ใจหวานมองดำอย่างตกใจ เมื่อเห็นการแต่งตัวของดำ
“อะไรของแกวะเนี่ยดำ”
ดำแต่งตัวเซ็กซี่ ผมดำยาว กระโปรงสั้นและโชว์เนินอก
“ก็คุณจ้อยสิ เปลี่ยนให้หนูเป็นแบบนี้ บอกว่าจะขายความเซ็กซี่”
“แกมีอะไรให้เซ็กซี่วะ”
“นั่นสิพี่ คุณจ้อยกับอีคุณจิ๋มนี่เหมือนกัน ทำอย่างกับหนูเป็นตุ๊กตา จับแต่งตัวตามใจตัวเอง”
ใจหวานถอนใจ
“เฮ้อ...ทนหน่อยแล้วกัน ถ้าลูกค้าไม่ชอบเดี๋ยวคุณจ้อยก็เปลี่ยนเอง”
“แต่หนูอึดอัด ร้องเพลงไม่ออกน่ะสิ”
ออย แนท และแอ๋มประสานเสียงหัวเราะกันลั่น ออยจิกด่า
“ฮ่าๆๆ อีดำตับเป็ดเอ๊ย แต่งตัวไม่เจียมกะลาหัวเลยว่ะ”
ดำสวน
“มันหนักส่วนไหนของพวกมึงวะ”
“หนักลูกตาว่ะ เหมือนแบกถ่านไว้”
“งั้นกูช่วยเอาออกให้”
ดำทำท่าจะจิ้มตา ออยเบือนหน้าหลบ
“อย่านะอีดำ”
ออยผลักดำออก แอ๋มเข้ามา
“นังออย แฟนใหม่แกมาอีกแล้วว่ะ”
“งั้นเหรอ แสดงว่าเขาติดฉันแน่ๆ”
ออยดี๊ด๊าออกไป ดำมองตามหมั่นไส้
“นังสิบเอ็ดรอดอ สักวันเถ๊อะ...”
โจ้พาเดือนเข้ามาในผับ เดือนมองไปรอบๆ อย่างไม่มั่นใจ
“ทำตัวตามสบายนะคะน้องเดือน สั่งอะไรดีคะ”
“เดือนสั่งไม่เป็นค่ะ”
“งั้นพี่สั่งเครื่องดื่มอ่อนๆ ให้นะคะ เป็นพวกค็อกเทลดีกว่า”
“เดือนดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็นค่ะ”
“ค็อกเทลแบบเบาๆ รับรองไม่เมาค่ะ”
เดือนนิ่ง โจ้ดีดนิ้วเรียกบริกรมาสั่ง ไวภพนั่งอยุ่มุมมืดของผับ ไม่เห็นเดือนที่เดินเข้ามา ออยเดินเข้ามานั่งกับเขา
“มาแล้วเหรอคะคุณไวขา”
ไวภพยิ้มให้ตามมารยาท
“ครับ”
“อยากฟังเพลงอะไรคะ เดี๋ยวออยร้องให้ฟัง”
“อะไรก็ได้ครับ ออยร้องผมฟังได้หมด”
ออยหยิกจมูกไวภพ
“น่ารักที่สุดเลย”
ออยชงเหล้าให้ไวภพด้วยตัวเอง
ออยขึ้นไปบนเวทีเตรียมร้องเพลง
“เพลงนี้ขอมอบให้คนพิเศษของออยค่ะ”
เสียงคนตบมือ ไวภพตบมือให้ หน้ากึ่มๆเมาได้ที่ ออยเริ่มร้องเพลงโชว์ความเซ็กซี่ โจ้กำลังคะยั้นคะยอให้เดือนดื่มค็อกเทลสีสวย
“ลองดูนะคะน้องเดือน รับรองจะติดใจ”
“แต่ว่า...เดือนดื่มไม่เป็น”
โจ้ยกแก้วขึ้นเกือบจะจ่อริมฝีปากเดือน
“ไม่ยากหรอกค่ะ ลองดื่มดู จะได้คึกคักขึ้น ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร”
เดือนไม่ยอมให้โจ้ป้อน รับมาดื่มเอง ดื่มแล้วก็นิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างรู้สึกแปลกๆ แต่พอดื่มอีกทีก็ชอบ
“เป็นไงคะ ไม่ขมเลยใช่ไหม”
เดือนยิ้มๆ
“อืม...อร่อยดีค่ะ”
“งั้นดื่มให้หมด เดี๋ยวพี่สั่งให้อีก เอาของทานเล่นเพิ่มอีกไหม”
เดือนพยักหน้า โจ้แอบมองกระหยิ่ม
ดนัยธรเดินไปเดินมาในบ้าน พลางดูนาฬิกา บอกเวลาห้าทุ่ม
“ออกไปแต่เช้า ป่านนี้แล้วยังไม่กลับอีก โทรตามอีกทีซิเข็ม”
เขมวรรณกำลังกดมือถืออยู่
“โทรตามอยู่นี่ไงคะ โทรจะร้อยรอบแล้ว แต่ยัยเดือนปิดมือถือ”
“งั้นต้องไปแจ้งความ”
ดนัยธรจะออกไป เขมวรรณห้ามไว้
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่”
“ยิ่งใหญ่ยิ่งดี จะได้รู้กันไปว่ายัยเดือนมันลูกไม่รักดี เชื้อไม่ทิ้งแถว”
“หมู่นี้คุณพูดเรื่องนี้บ่อยจังนะคะ ฉันไม่สบายใจเลย”
“คุณไม่สบายใจเรื่องที่ผมพูด แต่สบายใจเรื่องที่ยัยเดือนกลับบ้านดึกงั้นสิ”
“แกกลับดึกเพราะน้อยใจคุณเมื่อตอนกลางวันต่างหากละคะ”
“อ๋อ...เป็นความผิดของผมอีกล่ะสิ ปกป้องกันเข้าไป”
“ฉันไม่ได้โทษคุณนะคะ แต่ยัยเดือนบอกกับฉันเองว่าเดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนไปมาก แกเลยไม่กล้าเข้าหาคุณเหมือนแต่ก่อน”
ดนัยธรยิ่งโกรธ
“ที่แท้อย่างนี้นี่เอง ลูกเอาผมมานินทากับคุณ คงรู้สึกดีใจสินะที่ลูกไว้ใจคุณมากกว่า”
“จะให้ลูกพูดกับคุณตรงๆ แกก็ไม่กล้าพูดหรอกค่ะ”
“โอเค งั้นผมจะไม่ยุ่งแล้ว จะทำอะไรกันยังไงก็ตามสบายเลย”
ดนัยธรฮึดฮัดออกไป เขมวรรณรีบตามไป
“นัยคะ นัย...”
โปรดติดตาม ข้าวนอกนา ตอนที่ 17