ข้าวนอกนา ตอนที่ 11
สมพันธุ์จะเข้าไปจับแขนเกียรติ แต่ลูกน้องกระชากตัวเขาออกไป จอร์จเข้าไปจะช่วยแต่ลูกน้องคนหนึ่งผลักจอร์จออกและทำท่าจะชก
ดำตวาด
“หยุดนะ...บอกให้ลูกน้องแกหยุดได้แล้ว”
ดำหยิบเงินส่งให้เกียรติ
“เอ้านี่ อยากได้ค่าเช่าก็เอาไป พอใจหรือยัง”
เกียรติชะงักกึก มองเงินของดำด้วยสีหน้าอ่อนลง
ดำกับจอร์จช่วยสมพันธุ์ขนข้าวของกลับเข้ามาในห้อง
“ขอบใจนะดำที่อุตส่าห์ช่วยพี่” สมพันธุ์ซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ดำไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ”
“เมื่อคืนเพิ่งเบิกจากเจ้าของผับมา ก็เลยพกมาด้วย”
“แล้วดำไม่เดือดร้อนเหรอ”
“ไม่หรอก ฉันทำงานหลายเดือนแล้ว และได้จากตอนประกวดมาเยอะ นี่เป็นเงินเก็บฉัน”
สมพันธุ์จับมือดำไว้
“ขอบใจมากนะดำ” สมพันธุ์หันไปยกมือไหว้จอร์จ “ขอบคุณครูจอร์จด้วยนะครับที่มาช่วย”
“ไม่เป็นไรพัน สู้ๆนะ”
“พี่พันไม่ต้องห่วงนะ ขาดเหลืออะไรบอกฉันได้เลย”
สมพันธุ์พยักหน้า ดำมองสมพันธุ์อย่างรักและสงสาร จอร์จแอบมองดำอย่างเป็นห่วง
จอร์จกับดำเดินออกมาที่หน้าอพาร์ตเมนท์ของดำ
“เธอจะช่วยใครต้องปล่อยให้เขาช่วยตัวเองบ้างนะ”
“พี่พันเป็นลูกลุงหวัด ลุงหวัดมีบุญคุณกับหนูมาก หนูยังไม่เคยมีโอกาสตอบแทน หนูดีใจที่ได้ช่วยพี่พัน”
“งั้นเธอควรหางานพิเศษทำเพิ่ม”
ดำชะงัก มองหน้าจอร์จ
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าหนูจะไม่มีเงินมาใช้คืนครู”
“ไม่ได้กลัวว่าจะไม่ได้เงินคืน แต่เธอควรจะประเมินสถานการณ์ตัวเองด้วย เพราะเธอยังเดือดร้อนอยู่เหมือนกัน”
“ยังไงหนูก็ทิ้งพี่พันไม่ได้”
“ฉันก็ไม่ได้ให้เธอทิ้งสมพันธุ์ แต่เธอก็ต้องเอาตัวให้รอดก่อนด้วย”
“หนูจะหางานพิเศษตอนกลางวันทำเพิ่ม ทำอะไรก็ได้ที่จะได้เงินมากขึ้นให้นังออยเห็นว่าถึงมันทิ้งพี่พันเหมือนหมูเหมือนหมา แต่พี่พันมีค่าสำหรับหนูเสมอ หนูจะดูแลพี่พันเอง”
จอร์จมองดำอย่างเห็นใจกึ่งตัดพ้อ
“เธอรักสมพันธุ์มากเลยนะ”
ดำอึ้งๆ รู้สึกสับสน
“หนู...หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเราผูกพันกันมาก เราโตขึ้นมาด้วยกัน ลุงหวัดรักหนูเหมือนลูกคนนึง พี่พันก็เห็นหนูเหมือนน้อง” ดำน้ำตาคลอ “ครูคงไม่เข้าใจหรอก เพราะครูมีพ่อแม่ มีเงิน มีทุกอย่าง”
“คนเราจะมีทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ ฉันมีพ่อมีแม่แต่ก็เกิดในสลัม ครอบครัวเรายากจนมาก ความยากจนที่ไหนๆก็เหมือนกัน ลำบากมาก”
“ไม่น่าเชื่อว่าครูเกิดในสลัม”
“เชื่อเถอะ ฉันเกิดในสลัม แต่พระเจ้าประทานสมองให้เรียนเก่งเท่านั้นเอง”
“งั้นเดี๋ยวนี้ครูก็รวยแล้วน่ะสิ”
“รวย หมายถึงเป็นเศรษฐีน่ะเหรอ เปล่า ไม่ถึงอย่างนั้นหรอก ในอเมริกา ฉันเป็นประชาชนที่มีชีวิตอยู่ได้พอสบายไม่ลำบากเท่านั้นเอง เป็นคนชั้นกลางอยู่อพาร์ตเมนท์เล็กๆ แต่อยู่เมืองไทยฐานะดีขึ้นบ้าง เพราะเงินดอลลาร์เปลี่ยนเป็นเงินบาทได้มากกว่า”
“ครูไม่ต้องมาช่วยหนูแล้วนะ หนูดูแลตัวเองได้ หนูไม่อยากรบกวนเวลาหรือเงินของครูอีก”
“ฉันไม่ได้จะช่วยประคองเธอไปตลอดหรอกนะ แต่จะช่วยให้เธอเดินได้ด้วยตัวเองต่างหาก เห็นเธอเข้มแข็งอย่างนี้ก็สบายแล้ว ที่มาวันนี้ก็เพราะอยากมาดูว่าเธอยังอยู่ดีหรือเปล่า...เอาละ...วันนี้ฉันต้องไปสอน คงไม่ได้ไปที่ผับด้วย ส่งเธอแค่นี้ละ”
ดำยกมือไหว้ จอร์จรับไหว้แล้วเดินออกไป ดำมองตามซาบซึ้ง พึมพำกับตัวเอง
“ถ้าครูจอร์จเป็นคนไทยอย่างพี่พันก็คงจะดีกว่านี้ หนูไม่อยากอยู่กับความแปลกแยกอีกแล้ว...”
เดือนเดินอยู่ในมหาวิทยาลัย เธอชะงักเมื่อพบไวภพ
“เดือน...ผมโทรหาเดือนไม่ติดเลย ส่งข้อความในเฟซไปก็ไม่ตอบเกิดอะไรขึ้น...”
เดือนเดินหนี ไวภพรีบตามไป
“เดี๋ยวสิ เดือน...เดือน”
ไวภพวิ่งตามมาจนทันแล้วดึงไว้
“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย จะให้ฉันร้องหรือไง”
ไวภพยอมปล่อย
“เดือนเป็นอะไรไป ทำไมถึงเย็นชากับผมอย่างนี้ ผมทำอะไรผิดเหรอ”
“เราเลิกกันเถอะค่ะ”
ไวภพตะลึง
“เดือน...”
“เดือนรักคุณพ่อคุณแม่มาก อะไรที่ท่านไม่สบายใจ เดือนก็ไม่อยากทำอีก”
“เราก็พิสูจน์ให้พวกท่านเห็นสิ ว่าเราไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง”
“ถึงเราจะไม่ได้ทำ พวกท่านก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ในเมื่อพวกท่านไม่สบายใจ ก็สู้ตัดใจซะแต่ตอนนี้ดีกว่าค่ะ”
“ทำไมล่ะเดือน ที่ผ่านมาเราก็เข้าใจกันตลอดนี่”
“แค่ความเข้าใจอย่างเดียวมันไม่พอหรอกค่ะ เดือนต้องเลือกคุณพ่อคุณแม่ พวกท่านมีบุญคุณกับเดือนมาก ท่านทำไปเพราะหวังดี อนาคตเรายังอีกไกล ไวอาจจะไปเจอคนใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดือนก็ได้”
“ผมไม่เคยมองคนอื่นนอกจากเดือนเลยนะ”
“เดือนก็อยากให้โอกาสตัวเองด้วยค่ะ ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่เวลาของเรา แต่เมื่อเราเรียนจบแล้ว เราค่อยกลับมาคบกันก็ได้นี่คะ”
ไวภพเจ็บปวดใจ
“เดือนตัดสินใจแล้วใช่ไหม”
เดือนเจ็บปวดไม่แพ้กันเธอก้มหน้า ตอบเสียงเบาหวิว
“ค่ะ”
“งั้นก็ได้ ถ้าเดือนเลือกจบแบบนี้ ผมก็จะไม่เซ้าซี้เดือนอีก”
ไวภพเดินจากไป เดือนมองตาม น้ำตาไหลออกมา
ค่ำนั้น ดำขึ้นเวทีร้องเพลงลูกทุ่งจังหวะเร็วๆ เซ็กซี่ๆ แล้วผายมือไปทางข้างเวที ซูซี่ขึ้นมาแจมด้วย ทั้งสองคนประสานเสียงและเต้นกันสนุกสนาน
คนดูทั้งร้องทั้งเต้น และตบมือตาม ขี้เมาบางคนลุกขึ้นเต้นท่าตลกๆ ดำกระโดดลงมาเต้นกับคนดู ซูซี่ลงมาเต้นแข่งด้วย เจ๊ต่ายยืนดูอยู่มุมหนึ่ง ตบมือไปด้วยอย่างเมามัน
ดำกับซูซี่หัวเราะคิกคักกันเข้ามาในห้องแต่งตัวนักร้อง เจ๊ต่ายเข้ามาชมทั้งสอง
“สุดยอดเลยแกสองคน ทีหลังจับคู่กันบ่อยๆ นะ แขกชอบมาก”
ซูซี่หันมาถามขำๆ
“แล้วฝรั่งกับไทยชอบด้วยหรือเปล่าเจ๊”
เจ๊ต่ายชะงักที่โดนซูซี่เล่นมุกใส่
“ลามปามนะ เดี๋ยวไม่ขึ้นค่าตัวให้ซะเลย”
ดำดีใจ
“เจ๊จะขึ้นค่าตัวให้ด้วยเหรอคะ”
“พวกเธอดึงลูกค้าเข้าร้านได้เพียบ ถ้าเดือนหน้ายังเป็นอย่างนี้อีก ฉันจะขึ้นให้แน่”
ดำกับซูซี่ยิ้มแล้วแปะมือให้กัน ออยกับแนทที่นั่งแต่งตัวอยู่สบตากันอย่างหมั่นไส้ดำมาก
ดำกับซูซี่ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วโบกมือลาอยู่หน้าผับ
“พรุ่งนี้เจอกันนะซูซี่”
“จ้า ซียูอะเกน”
ซูซี่ส่งจูบให้ดำ แล้วเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ ดำเดินไปจะรอแท็กซี่ แต่แล้วแนทกับแอ๋มสวมไอ้โม่งออกมาจากข้างทาง กระชากผมดำจากด้านหลัง ดำร้องลั่น
“ว๊าย”
ดำดิ้นพราด แต่โดนเอาถุงดำครอบหัว ทุกอย่างมืดสนิท
ดำถูกครอบถุงดำลากมาตามทาง ดำพยายามร้องเสียงดัง แต่เพราะถูกถุงดำครอบจึงไม่มีใครได้ยิน
“ช่วยด้วยๆ”
แนทกับแอ๋มลากดำมาจนถึงข้างตึกร้าง แล้วโยนดำแทบเท้าออยซึ่งสวมไอ้โม่ง ออยมองดำที่กำลังพยายามจะดึงถุงออกจากหัว
“แกเป็นใคร ต้องการอะไร”
ออยไม่ตอบ ใช้ส้นสูงเหยียบไปที่มือของดำที่ยื่นออกมา ดำร้องลั่น
“โอ๊ย...”
ดำเจ็บปวดมากถึงกับสะบัดมือดิ้นพราด จนมือไปโดนขาออย ดำได้โอกาสจับขาไว้หมับ แล้วดึงอย่างแรงจนออยล้มลง
“ว้ายๆ ช่วยด้วย”
แนทรีบเข้าไปประคองออยขึ้นมา
“ฉันจำเสียงแกได้ นังออย”
ดำจะดึงถุงขยะออกมา แต่แอ๋มยื้อไว้ ดำสะบัดออกจากแอ๋ม แล้วพุ่งชนออย แต่ออยหลบ ดำจึงล้มลง แนทกับแอ๋มช่วยกันจับดำไว้แล้วกดหัวลง ดำพยายามต่อสู้
“ปล่อยนะโว้ย ปล่อยกู...”
ซูซี่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาสักพัก จอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง แต่พอล้วงกระเป๋าก็พบว่ามือถือหาย
“ว้าย...มือถือฉัน...หายไปไหน”
ซูซี่รีบขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่กลับไปทางเดิม พลางก้มลงมองหามือถือไปด้วย
ซูซี่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด แล้วลงจากรถมองหามือถือ จนเจอตกอยู่
“เจอแล้ว โชคดีจริงๆ”
แต่แล้วซูซี่กลับชะงัก เขม้นมองอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ใกล้ๆเห็นกระเป๋าที่ตกอยู่ ซูซี่หยิบขึ้นมาเปิดดู เห็นบัตรต่าง ๆ
“ของนังดำนี่”
ซูซี่มองหาดำ ได้ยินเสียงกรี๊ดดังแว่วๆ ซูซี่ตกใจรีบวิ่งไปดู...ซูซี่วิ่งมาตามเสียง มองหาไปรอบๆ
“ดำ...นั่นเสียงแกใช่ไหม ดำ”
เสียงร้องของผู้หญิงหลายคนดังขึ้น ซูซี่วิ่งไปตามเสียงนั้น
ออยตบดำฉาดใหญ่ แต่ดำไม่ยอมแพ้ ดิ้นพราดและสะบัดตัวสุดแรงจนถุงดำหลุด ออยกระชากผมดำขึ้นมา
“นังนี่ฤทธิ์มากนัก”
ออยตบหน้าดำอย่างแรง ดำดิ้นจะถีบออย แต่ถูกแนทกับแอ๋มช่วยกันจับตัวไว้ ซูซี่ตกใจ ทำท่าจะเข้าไป แต่แล้วก็ชะงัก
“อึ๋ย...น่ากลัว ไม่เอาดีกว่า”
ซูซี่รีบวิ่งหนีไป ออยจะเข้าไปเหยียบ ดำดิ้นสุดชีวิต มองรองเท้าของออยกับแอ๋มและแนทอย่างจำได้
“ปล่อยนะ นังออย นังแอ๋ม นังแนท...”
แอ๋มชักจะจับไม่ไหว
“แรงมันเยอะจริงๆ ช่วยกันจับมันไว้”
แนทกับแอ๋มกดดำไว้ ออยจับหัวดำจะกระแทกกับพื้น แต่ดำฝืนไว้ ออยกระชากผมดำขึ้นมาอีกเพื่อจะกระแทกกับพื้นอีกครั้ง แต่ดำยังไม่ยอม ออยเลยดึงผมอย่างแรงอย่างเจ็บใจ
“โอ๊ย ปล่อยกู”
ซูซี่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา
“ว้าก...”
ทุกคนวงแตก กระจัดกระจาย ร้องกรี๊ดกร๊าด
“ว้าย...ช่วยด้วย”
แนทปล่อยดำ
“ฉันช่วยแกไม่ไหวแล้ว ให้นังนั่นช่วยเถอะ”
“ฉันก็เอาตัวไม่รอด”
ซูซี่ขี่ไล่ออย แนท และแอ๋ม ทั้งสามวิ่งหนี แนทและแอ๋มชนกันล้ม ออยถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวล้มลง ซูซี่แกล้งขี่มอเตอร์ไซค์ไปเฉียดใกล้มาก ออยตกใจรีบหลบ
“อ๊าย”
ซูซี่อาศัยจังหวะนั้นขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาถึงตัวดำ
“ขึ้นรถเร็วดำ”
ดำรีบกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ ซูซี่ขี่ออกไปโดยเร็ว ออยกับแนทและแอ๋มได้แต่มองตามเจ็บใจ แต่ทุกคนลุกไม่ไหว
ข้าวนอกนา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ซูซี่ขี่มอเตอร์ไซค์พาดำออกมาที่ซอยหลังผับเจ๊ต่าย เหลียวหลังไปมอง
“มันตามมาหรือเปล่า”
“เปล่า มันไม่กล้าตามมาหรอก พวกนี้ก็ดีแต่ลอบกัด”
ซูซี่จอดรถเข้าข้างทางที่มีคนพลุกพล่าน
“แกรู้เหรอว่าพวกมันเป็นใคร”
“ก็พวกนังออย นังแอ๋ม นังแนทนั่นแหละ”
“เฮ้ย...ทำไมมันเลวอย่างนี้ แกไปแจ้งตำรวจดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“ถ้าแจ้ง ผับของเจ๊ต้องถูกปิดแน่”
“งั้นแกจะปล่อยให้พวกนี้ลอยนวลเหรอ”
“คนอย่างฉันไม่มีวันยอมหรอก ฉันต้องเอาคืนให้ได้”
“ฉันช่วยแกเอง ต้องเอาคืนให้สาสม”
ซูซี่จับหน้าดำหันไปหันมา และจับตามเนื้อตัว
“แผลแกเยอะเหมือนกันนี่ ฉันพาแกไปหาหมอทำแผลก่อนดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไรมาก พาฉันกลับบ้านเถอะ ฉันอยากพัก”
“โอเค”
ซูซี่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ดำแอบนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่อดทนไว้
ซูซี่ประคองดำเข้ามาในห้อง
“เดินดีๆ นะ ไหวหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ฉันยังไหว...”
ดำหางเสียงสั่นๆแอบนิ่วหน้า ซูซี่สังเกตเห็น รีบพามานั่งบนโซฟา
“อย่าทำเป็นเก่งไปหน่อยเลย ฉันหยิบยาแก้ปวดให้ อยู่ไหนล่ะ”
“ไม่มีหรอก ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ไม่กี่วัน”
“อ้าว...ไม่มีติดบ้านเลยเหรอ เมื่อกี้ก็ดันลืมซื้อ งั้นเดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้”
“ไม่ต้อง ปวดนิดเดียวเอง นอนพักเดี๋ยวก็หาย”
“แน่ใจนะ”
“อือ...ไม่เป็นไรหรอก”
“แล้วหน้าช้ำอย่างนี้พรุ่งนี้จะไปร้องเพลงไหวเหรอ”
“ไหวน่า ดึกแล้ว แกกลับไปก่อนเถอะ”
“งั้นตามใจนะ ฉันกลับก่อนละ พรุ่งนี้จะมาดูอาการใหม่”
“ขอบใจมากนะซูซี่”
“ไม่เป็นไร ดูแลตัวเองดีๆล่ะ”
ซูซี่มองดำอย่างเป็นห่วง
ออย แนท และแอ๋ม ต่างประคองกันเข้ามาในห้องพักด้วยสภาพสะบักสะบอม ต่างร้องโอดโอยกันระงม
“โอ๊ย...อีดำมันมือหนักตีนหนักจริงๆ”
แอ๋มบ่นอุบ
“นังซูซี่นั่นก็โคตรแสบ”
แนทเสียดาย
“มันไม่น่ามาช่วยนังดำเลย ไม่งั้นนังดำหยอดน้ำข้าวต้มแน่”
ออยนั่งลงกับโซฟา ถึงกับร้องลั่น
“อูย...เจ็บใจนัก ภารกิจของเรายังไม่บรรลุเป้าหมาย แถมต้องมาเจ็บตัวอีก”
แอ๋มนึกหวาดๆ
“ถ้านังดำมันแจ้งความจะทำไงวะออย”
ออยไม่แคร์
“ไม่กลัวหรอก มันไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง แล้วถ้าจะเอาเรื่องนะ คุณธัชช่วยได้อยู่แล้ว”
แนทเจ็บใจ
“คราวหน้าต้องเอามันให้หนักทั้งสองคน”
ออยแค้นๆ
“เราต้องวางแผนดีๆ หลังจากนี้มันคงระวังตัวแล้ว”
ทั้งสามมองหน้ากันเซ็งๆ
สายวันใหม่...เดือนเข้ามาที่โต๊ะ แปลกใจเมื่อเห็นดอกไม้ช่อใหญ่วางอยู่ เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นการ์ดที่แนบมา แววตาวาบขึ้นอย่างดีใจแว่บหนึ่งเมื่อเดาได้ว่าเป็นใคร แต่แล้วก็กลับเศร้า ถอนใจออกมา ขณะเดียวกันนั้นเสียง โจ้ดังขึ้น
“น้องเดือน...”
เดือนหันไปทักทายตอบ จะซ่อนดอกไม้ก็ไม่ทันแล้ว เลยรีบยกมือไหว้โจ้
“สวัสดีค่ะ พี่โจ้”
โจ้สังเกตเห็นดอกไม้
“เอ๊ะ...ดอกไม้ใครเอ่ย”
“คงส่งผิดน่ะค่ะ”
โจ้มองเดือนเหมือนไม่เชื่อ เดือนตกใจเมื่อเห็นไวภพเข้ามา
“เดือน...”
โจ้หันไปมองไวภพเหยียดๆ ไวภพยกมือไหว้ โจ้ไม่รับไหว้
“อ้าว...ยังอยู่อีกเหรอ”
ไวภพไม่ตอบโต้โจ้ หันไปพูดกับเดือน
“ผมอยากคุยกับเดือน”
“คุยเรื่องอะไรคะ”
ไวภพมองโจ้อึกอัก
“เรื่องที่เราเข้าใจผิดกัน”
“ไม่มีอะไรเข้าใจผิดหรอกค่ะ ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว”
“แต่ผมไม่เคลียร์นะครับ ผมอยากคุย...”
“เสียเวลาเปล่าๆค่ะ” เดือนดูนาฬิกา “เดี๋ยวเดือนต้องรีบไปเรียนแล้วด้วย”
“ผมขอคุยแค่แป๊บเดียว”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ ขอโทษนะคะ เดือนต้องไปแล้ว”
เดือนเก็บของ ไวภพจะเข้ามาใกล้เดือน โจ้เข้าไปขวาง
“น้องเดือนต้องรีบไป เข้าใจไหม”
ไวภพชะงักส่งสายตาอ้อนวอนเดือน
“เดือนครับ...”
โจ้รีบเข้าไปกันเดือนไว้
“พี่เดินไปเป็นเพื่อนน้องเดือนเองครับ จะได้ไม่มีใครตามไปเซ้าซี้” โจ้ถือโอกาสดึงหนังสือมาจากเดือน “พี่ช่วยถือครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่โจ้”
เดือนเดินออกไป โดยทิ้งช่อดอกไม้ไว้ตรงนั้น ไวภพหยิบดอกไม้ขึ้นมาเศร้าๆ โจ้หันมาแอบยักคิ้วเยาะไวภพ
โจ้เดินมากับเดือนตามทางเดินในมหาวิทยาลัย เดือนเดินซึมไม่พูดไม่จา
“ถ้าน้องเดือนรำคาญไอ้ไวละก็ บอกพี่นะครับ พี่จะช่วยกันมันให้ห่างๆเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่โจ้”
“ไอ้ไวมันทำอะไรให้น้องเดือนโกรธใช่ไหมครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่เดือน...เอ่อ...ไม่อยากเจอเขาอีก เราอยู่กันห่างๆดีกว่า”
“โอเคครับ พี่เข้าใจ”
โจ้แอบยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ พอจะเดาออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองมาถึงทางตันแล้ว
ดำนอนซมอยู่ในห้องพัก บิดตัวไปมาอย่างเจ็บปวด เสียงกริ่งในห้องดังขึ้น ดำเพลียจนลุกไม่ไหว
เสียงกริ่งดังขึ้นติดๆ กัน ดำค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมามองที่ช่องประตู เห็นเป็นซูซี่ จึงเปิดประตูให้ ซูซี่ชูถุงอาหารที่ซื้อมาพร้อมกับทักทาย
“กูดม้อร์นิ่ง...ฉันซื้อข้าวต้มมาฝาก...”
แต่แล้วซูซี่ก็ชะงัก เมื่อเห็นสภาพของดำ
“โอ้วมายก็อด ท่าทางไม่ค่อยดีเลยนะดำ แย่กว่าเมื่อคืนอีก”
ดำโซเซเข้าไปในห้อง ซูซี่ปิดประตูแล้วรีบตามเข้าไป ดำทรุดลงบนเตียง
“เป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย”
ดำทำนิ้วเป็นวงกลมพลางพยักหน้าอย่างอ่อนระโหย ซูซี่ไม่เชื่อ
“หน้าแกไม่ดำแล้วนะ แต่แดงแทนน่ะ” เธอเอามือแตะหน้าผากดำแล้วตกใจ “โอ้วมายก๊อด แกเป็นไข้นี่”
“เหรอ...มิน่าล่ะเพลียเป็นบ้า”
“ไปหาหมอดีกว่านะดำ”
“ไม่เอาๆ ไม่ต้องไปหาหรอก เปลืองเงินเปล่าๆ”
“เปลืองเปลิงอะไรกัน ถ้าแกจับไข้ตายขึ้นมาจะทำไงวะ ไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
ซูซี่ดึงออกไป ดำขืนตัวแต่ไม่ค่อยมีแรง
“บอกว่าไม่ไปไงล่ะ”
“แกต้องไป อย่าให้ฉันต้องออกแรงได้ไหม ฉันเหนื่อยนะโว้ย ไป...”
“ไม่...”
“ถ้าแกไม่ไป คืนนี้แกไปร้องเพลงไม่ได้แน่ ให้หมอฉีดยาสักเข็มจะได้ไปร้องเพลงไหว ไปซี่”
ซูซี่ลากออกไป ดำยอมตาม
ซูซี่พาดำมาที่คลินิก ดำมองไปรอบๆ เห็นคนมานั่งรอเต็มห้อง
“บอกแล้วว่าไม่ต้องๆ เปลืองเงินเปล่าๆ”
“เฮ้ย...คลินิกนี่หมอใจดี เขาไม่คิดค่ายาแพงหรอก”
“ไม่คิดแพงนี่เท่าไร”
“ไม่เคยเกิน 50 บาท”
ดำทำตาโตเหมือนไม่เชื่อ
“มิน่าคนไข้เพียบ หมออะไรใจบุญเป็นบ้า”
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าหมอบ้าเหมือนกัน แต่พอเจอแล้วฉันกลับคิดว่าหมอหล่อ มากกว่า ฮิๆ” ซูซี่ดึงดำไปที่เคาน์เตอร์ “รีบมาทำบัตรก่อนเร็ว”
ซูซี่พาดำไปที่เคาน์เตอร์ทำบัตร เสียงใครบางคนดังขึ้น
“มาทำบัตรเหรอคะ”
ดำชะงักอย่างคุ้นเสียง หันไปเธอก็ต้องแปลกใจมาก
“พี่หวาน”
ใจหวานเดินออกมาจากห้องตรวจ มองดำอย่างแปลกใจเช่นกัน
“ดำ...”
“พี่หวาน ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าหรอก มาช่วยงานหมอน่ะ”
ดำมองใจหวานอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวนี้พี่หวานเป็นผู้ช่วยหมอแล้วเหรอเนี่ย”
“เพิ่งมาเริ่มทำน่ะ ฝึกๆ อยู่ แล้วแกล่ะดำ”
ดำยกมือไหว้
“หนูต้องขอโทษพี่หวานด้วย ที่ไปร้องเพลงให้คู่แข่งเฮีย”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ แกก็ต้องก้าวไปข้างหน้า จะมาจมปลักอยู่กับฉันไม่ได้หรอก” ใจหวานหยิบบัตรใหม่ขึ้นมา “มาทำบัตรก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน กรอกชื่อที่อยู่ตรงนี้นะดำ...”
ดำพยักหน้า พลางมองใจหวานอย่างรู้สึกซาบซึ้ง
ใจหวานพาดำกับซูซี่เข้ามาในห้องตรวจ ดำแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นจอร์จในชุดกาวน์เงยหน้าขึ้นเขาแปลกใจเช่นกันที่เห็นเธอ
“ดำ...”
“ครูจอร์จ ครูเป็นหมอด้วยเหรอ”
ใจหวานสวนขึ้น
“เพิ่งรู้เหรอยะ”
“ก็ไม่เห็นมีใครเคยเล่าให้หนูฟังนี่ ที่บอกว่าไปคลินิกหนูก็นึกว่ามาเป็นผู้ช่วยหมอ”
“ฉันนี่แหละผู้ช่วยหมอ ครูจอร์จคือหมอตัวจริง แต่เขาไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครรู้ อยากให้ทุกคนรู้จักเขาในฐานะครูมากกว่า”
จอร์จยิ้มรับ ดำมองกึ่งทึ่งกึ่งงุนงง
“งั้นหนูก็ขอเรียกครูจอร์จต่อไปก็แล้วกัน”
“แต่ซูซี่ขอเรียกคุณหมอขาเหมือนเดิมนะคะ”
ซูซี่ปรี่เข้าไปไหว้จอร์จใกล้ๆ แทบจะกราบตรงอก
“สวัสดีค่าคุณหมอขา”
“สวัสดีครับซูซี่”
ดำแปลกใจ
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าเป็นคนไข้ประจำของหมอน่ะ...หมอช่วยตรวจดำด้วยนะคะ”
ดำหันมองจอร์จ เขามองเธออย่างพิจารณา
“ดำโดนอะไรมา ทำไมหน้าตาฟกช้ำแบบนี้”
ซูซี่ตอบแทน
“ดำถูกคนทำร้ายมาค่ะ”
จอร์จตกใจ
“ใครทำร้ายดำ”
ดำรีบตอบก่อน
“พวกวัยรุ่นแถวผับค่ะ”
จอร์จเป็นห่วง
“แจ้งความหรือยัง”
ดำชะงักแล้วโกหกไป
“แจ้งแล้วค่ะ”
ซูซี่ทำท่าเซ็กซี่ใส่จอร์จ
“ซูซี่เป็นคนฝ่าอันตรายไปช่วยดำออกมาเองล่ะค่ะคุณหมอ”
ซูซี่ทำตาปิ๊งๆ ใส่ จอร์จหันมาถาม
“แล้วซูซี่เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ซูซี่ไม่เป็นไรค่า แต่ดำเนี่ยอาการหนัก ไข้ขึ้นเลยค่ะ”
จอร์จหันไปทางดำ
“งั้นขอวัดไข้หน่อยนะ”
ข้าวนอกนา ตอนที่ 12
ใจหวานหยิบปรอทวัดไข้ใส่ปากดำ จอร์จใช้หูฟังตรวจดำ สองคนมองหน้ากันใกล้ๆ ดำรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
ดำเดินเหม่อออกมาหน้าคลินิก ซูซี่หิ้วถุงยาตามออกมา
“อย่าลืมกินยาตามที่หมอสั่งด้วยนะ”
“ไม่ลืมหรอก แกกลับบ้านไปก่อนเถอะ จะได้มีเวลาพัก”
“แกแน่ใจนะว่ากลับเองไหว”
“ไม่ต้องห่วงน่า นั่งแท็กซี่แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว”
“โอเคซิกกาแร็ต คืนนี้ฉันจะบอกเจ๊ต่ายเองว่าแกลาป่วย”
“ไม่ต้องๆ ฉันไม่ลา”
“เฮ้ย แกจะไปร้องเพลงไหวเหรอ”
“ไหวซี่”
“ฉันว่าแกหยุดพักให้หายก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวจะแย่กว่าเก่า”
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ฉันไหวน่า เดี๋ยวกินยานอนสักพักก็หายแล้ว หยุดไปขาดรายได้เปล่าๆ”
“แกนี่มันควายถึกจริงๆ ดูอาการก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่งั้นแกอาจจะเดี้ยงยาวนะโว้ย”
“เออๆ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ไปหรอก”
“ต้องอย่างนี้สิวะ เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ให้”
ซูซี่เดินออกไปโบกแท็กซี่ ดำป้องมือมองแดดที่ส่องลงมา เธอมึนๆ เหมือนจะเป็นลม แต่ก็ฝืนใจไว้ แท็กซี่แล่นเข้ามาจอด ซูซี่เปิดประตูให้ดำขึ้นรถ แล้วส่งถุงยาให้ ดำขึ้นรถ ซูซี่มองตามแท็กซี่ที่วิ่งออกไปอย่างเป็นห่วงดำ
เดือนกลับมาที่โต๊ะใต้ตึกมหาวิทยาลัย เห็นดอกไม้ช่อเดิมยังวางอยู่ เธอเอื้อมมือจะไปหยิบขึ้นมา โจ้โผล่เข้ามาทันที
“น้องเดือนคร้าบ...”
โจ้เข้ามานั่งข้างๆ เดือนอึดอัด
“เลิกเรียนแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
“งั้นพี่ไปส่งที่บ้านนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดือนมีรถมารับ”
“พี่ไปส่งที่รถก็ได้...นะครับ”
เดือนอึกอักหาทางปฏิเสธ
“ไม่...”
แต่แล้วเดือนเหลือบไปเห็นด้านข้างของไวภพที่ซ่อนตัวอยู่ จึงรีบหันไปบอกโจ้
“งั้นก็ได้ค่ะ”
โจ้ดี๊ด๊า รีบหยิบหนังสือของเดือนขึ้นมา แล้วผายมือให้ เดือนรีบเดินออกไป ไวภพมองตามเป็นห่วง
เดือนเดินเร่งฝีเท้ามา โจ้รีบตามมา
“น้องเดือนรอด้วยครับ”
เดือนชะลอฝีเท้า โจ้เดินมาข้างๆ
“ขอโทษทีค่ะ เดือนรีบไปหน่อย พอดีรถที่บ้านมารอแล้ว”
“ค่อยๆเดินดีกว่าครับ รีบก็กลับบ้านเร็วเปล่าๆ”
ทันใดนั้น โจ้มองเห็นอะไรแว้บๆ จากทางหางตา พอหันไปมองก็เห็นไวภพรีบหลบเข้าข้างทางหลังเสาไฟ โจ้ยิ้มกริ่ม เข้าไปกระซิบใกล้เดือน
“วันหลังไม่ต้องให้คนรถมาส่ง ให้พี่ไปส่งที่บ้านสะดวกกว่านะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อไม่ยอมให้ใครไปส่งเดือน ท่านให้รถมารับทุกวันค่ะ”
โจ้ทำท่าจะจูงมือเดือนเพื่อเย้ยไวภพ แต่เดือนดึงออก โจ้ทำหน้าเซ็ง
“น่าเสียดายจังนะครับ”
โจ้แกล้งจับต้นแขนเดือนดึงไปอีกทาง
“มาทางนี้ดีกว่าจ้ะ”
“ไปไหนคะ”
“ด้านนั้นแดดร้อน”
โจ้ดึงเดือนมาแนบตัว ไวภพร้อนใจ อยากจะออกไป เดือนพยายามเบี่ยงตัวออก
“พี่โจ้อย่าทำอย่างนี้ค่ะ ใครเห็นมันน่าเกลียด”
โจ้จำใจยอมปล่อยเดือน
“โธ่...น้องเดือน”
เดือนพยายามเดินห่างจากโจ้ ไวภพค่อยโล่งใจ
ดำเปิดประตูเข้ามาในห้องพักสมพันธุ์พร้อมถุงอาหาร เห็นเขานั่งเล่นเกมอยู่
“พี่พันจ๋า ฉันซื้อข้าวหน้าเป็ดเจ้าอร่อยกับพายสับปะรด ของโปรดพี่พันมาจ้ะ”
สมพันธุ์ยังไม่วางมือจากเกม ไม่ได้สังเกตเห็นดำ
“ขอบใจจ้ะ”
ดำถือถุงอาหารจะเดินไปครัว
“เดี๋ยวฉันเอาใส่จานให้นะ”
สมพันธุ์พยักหน้า ดำเดินไปที่ครัวเล็กๆ รู้สึกเหมือนจะวูบๆ แต่ก็ฝืนใจ ดำกลับมาพร้อมกับจานข้าว ขนม และแก้วใส่น้ำเย็น
“มากินก่อนเถอะพี่พัน เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย”
สมพันธุ์ยังเล่นเกม แต่พอสมาธิหลุดก็ร้องโวยวาย
“โธ่เว้ย...ตายเลย”
“กินก่อนเถอะพี่”
สมพันธุ์วางเครื่องลงอย่างหงุดหงิด พอหันมาถึงสังเกตเห็นหน้าดำ
“ดำไปโดนอะไรมา ทำไมหน้าตาช้ำๆ”
“อ๋อ...มอเตอร์ไซค์ล้มน่ะ”
สมพันธุ์ พยักหน้า
“งั้นเหรอ วันหลังระวังหน่อยละกัน มีตังค์แล้วอย่าไปนั่งเลย มอเตอร์ไซค์ มันอันตราย”
สมพันธุ์ยกจานข้าวขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ดำมองอย่างรู้สึกชื่นใจ
“ฉันยังไม่มีตังค์ซะหน่อย”
สมพันธุ์ชะงัก มองดำอย่างรู้สึกผิด
“งั้นดำไม่ต้องมาช่วยพี่หรอก”
“ไม่ใช่นะพี่พัน ฉันหมายความว่า...ยังไม่รวย แต่ก็พอมีเงินเก็บบ้างแหละ นั่งมอเตอร์ไซค์มันประหยัดแล้วก็เร็วดี แต่วันหลังก็จะพยายามไม่นั่งแล้วถ้าไม่จำเป็น”
“ดีแล้ว อย่านั่งเลย พี่เป็นห่วง”
สมพันธุ์กินข้าวต่อไปอย่างไม่ได้สนใจเธออีก ดำแอบยิ้ม มองเขาอย่างซาบซึ้ง ในขณะที่สมพันธุ์กินแล้วหันกลับไปกดเกมเล่นต่อ
จอร์จเก็บอุปกรณ์โดยมีใจหวานช่วย จอร์จหน้าเคร่งเครียด ถอนใจหนักๆ ใจหวานมองสงสัย
“คิดเรื่องอะไรอยู่คะหมอ”
“ผมเป็นห่วงดำ”
“จะไปห่วงมันทำมั้ย มันอึดจะตายนังดำน่ะ”
“ดำเป็นคนไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นง่ายๆ ผมกลัวว่าเขาจะไม่ดูแลตัวเองน่ะสิ”
“โธ่...หมอก็ ชาติก่อนนังดำไปทำบุญอะไรไว้กับหมอนะ ถึงได้แคร์มันขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นญาติกัน มันรึก็ไม่เคยสนใจใยดีหมอสักนิด ทั้งที่มันไม่มีอะไรคู่ควรด้วยซ้ำ”
จอร์จมองอย่างตำหนิ
“ใจหวาน...”
“ฉันพูดความจริงนะหมอ หมอจะโกรธฉันก็ได้ ถึงฉันจะรักและเป็นห่วงนังดำเหมือนน้องสาวคนนึง แต่บางทีก็หมั่นไส้ในความหยิ่งยะโสอวดดีไม่ยอมใครของมันเหมือนกัน”
“ผมเข้าใจว่าทำไมดำถึงเป็นอย่างนี้ เพราะเขาโตขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่มีพ่อแม่คอยดูแล โตมาแบบที่คนไทยเรียกว่าอะไรนะ...ปากกัดตีนถีบ...”
ใจหวานพยักหน้ารับว่าใช่
“ผมรู้ว่าเขาลำบากมามาก ก็เลยอยากช่วยเขา ดำเขาไม่มีใครเลยนะหวาน”
ใจหวานมองจอร์จอย่างเห็นใจ
“วันนี้หวานไม่ต้องไปร้องเพลง เดี๋ยวจะไปเป็นเพื่อนหมอเอง”
จอร์จยิ้มออกมาได้
เย็นนั้น โจ้เดินเข้าบ้านมาพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี จรูญศรีถามอย่างแปลกใจ
“อารมณ์ดีอะไรตาโจ้”
โจ้นอนเหยียดยาวบนโซฟา แล้วถอดรองเท้าเหวี่ยงสะเปะสะปะไป
“ส้มหล่นใส่น่ะแม่”
“ส้มอะไรหล่น ส้มเขียวหวาน ส้มโอ หรือว่าส้มเช้ง”
โจ้หัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆ ส้มพระจันทร์ ใหญ่กว่าส้มไหนๆ ในโลก”
จรูญศรีงงๆ
“อะไรของแก ส้มพระจันทร์”
“พระจันทร์ก็เดือนไงล่ะแม่”
จรูญศรีคิดๆ
“หนูเดือน...เดือนไขแสง...งั้นเหรอ”
โจ้ยักคิ้วแทนคำตอบ
“หล่นมายังไง ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ”
“ก็ท่าทางจะเลิกกับไอ้ไวแล้ว ไม่ยอมคุยกัน ไม่มองหน้ากัน ขนาดไอ้ไวเอาดอกไม้มาให้ ยังทิ้งไว้ที่โต๊ะเลย”
จรูญศรีหน้าตื่น
“ฮ้า...จริงเหรอ งั้นแกต้องจับให้อยู่หมัดเลยนะ ตระกูลดำรงธุรการสมบัติเหลือกินเหลือใช้ รับรองว่าแกเป็นหนูตกถังข้าวสารแน่”
“แล้วเขาจะยอมยกสมบัติให้ลูกเลี้ยงเหรอ”
“ต้องยกให้สิ ไม่งั้นจะขอมาเลี้ยงทำไม ทั้งผัวทั้งเมียก็รักยังกับลูกในไส้ตัวเองเป็นลูกคนเดียวของสายตรงตระกูลนี้ ใครได้ไปก็โชคดีตลอดชาติ”
โจ้กับจรูญศรียิ้มกระหยิ่มให้กัน
เดือนจูงลิลลี่ออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะหมู่บ้านสีหน้าเหม่อลอย มองไปด้านหนึ่งที่เธอเคยมาเดินกับไวภพก็อดนึกถึงไม่ได้...ในอดีตที่ผ่านมาไวภพกับเดือนเดินจูงมือกัน
“วันนี้เดือนอย่าเพิ่งรีบกลับบ้านนะครับ”
“ค่ะ วันนี้เดือนไม่รีบกลับหรอกค่ะ เดือนอยากจะดื้อกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง”
“ผมสัญญาว่าผมจะรักเดือนคนเดียว แล้วผมจะหาทางไปเยี่ยมบ่อยๆ”
“เดือนจะรีบเรียนจบให้เร็วที่สุด จะได้รีบกลับมานะคะ”
ไวภพโอบไว้ เดือนซบกับไหล่ของเขาอย่างเศร้าสร้อย...เดือนน้ำตาคลอ ลูบขนลิลลี่เศร้าๆ
“ฉันลืมเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากขัดใจคุณพ่อ ฉันจะทำยังไงดีลิลลี่”
เดือนน้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด
จรูญศรีนั่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก โจ้เดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“อ้าว...แม่ เป็นอะไรไป เมื่อกี้ยังหัวเราะกันอยู่เลย”
“ยัยจ้อยน่ะซี่ ยัยจ้อย...”
“พี่จ้อยทำไมอีกล่ะแม่”
“ยัยจ้อยโทรมา...บอกว่าจะกลับเมืองไทย”
“โธ่...นึกว่าอะไร ดีใจหรอกเหรอแม่”
“ดีใจกะผีอะไรล่ะ แม่เสียใจต่างหาก ก็ยัยจ้อยมันหย่ากับผัวแล้ว”
“ทำท่าจะหย่ากันมาหลายทีแล้วนี่”
“ทั้งยัยจ้อยยัยจิ๋มทำแม่ขายหน้า ดีนะจับยัยจิ๋มใส่ตะกร้าล้างน้ำแต่งกับเสี่ยเม้งไปซะได้ แกต้องช่วยกู้หน้าแม่นะโจ้ จับยัยเดือนนั่นให้ได้ แม่จะได้สบายซะที”
“ถ้าไม่มีไอ้ไวสักคน น้องเดือนหนีผมไม่พ้นแน่”
โจ้ยิ้มกระหยิ่มอย่างมั่นใจ
ดำกลับเข้ามาในห้องพักของตนเองพร้อมกับถุงยา รู้สึกหน้ามืด ยืนโงนเงนเหมือนจะเป็นลม เธอรีบเปิดถุงยามือไม้สั่น แล้วรินน้ำมาดื่ม น้ำเกือบหกรดตัวแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ผล็อยหลับไปทันที
ค่ำนั้น เจ๊ต่ายรอดำอย่างกระสับกระส่ายอยู่ในห้องแต่งตัวนักร้อง
“ทำไมนังดำยังไม่โผล่มาอีกนะ”
ออย แนท และแอ๋มมองหน้ากันยิ้มๆ ออยเบ้หน้า
“คงตายไปแล้วมั้งเจ๊”
ทั้งสามประสานเสียงหัวเราะกันลั่น
“พวกหล่อนเนี่ยปากไม่เป็นมงคลเลย ผีเจาะปากมาพูดหรือไง ถ้านังดำตาย พวกแกเตรียมตกงานได้”
ออยเถียง
“ตอนนังดำยังไม่มา เจ๊ก็ยังอยู่ได้นี่”
“แต่ก็อยู่อย่างลุ่มๆดอนๆ แกไม่รู้หรอกนังออย ว่าฉันเกือบจะเอาตัวไม่รอดจะเจ๊งมิเจ๊งแหล่อยู่แล้ว”
พวกออยแอบเบะปาก ซูซี่เดินเข้ามา
“มีอีพวกใจชั่วใจมาร นรกส่งมาเกิด มันทำร้ายดำจนเจ็บปางตาย”
เจ๊ต่ายตกใจ
“หา...ใครทำร้ายนังดำนะ ใจชั่วใจมารนี่ใคร”
ซูซี่เหล่มองพวกออย
“ก็คนแถวนี้แหละเจ๊”
เจ๊ต่ายมองตามสายตาซูซี่ แล้วชี้ไปที่ออย แนท และแอ๋ม
“นังสามตัวเนี่ยเหรอ”
แนทลอยหน้าลอยตาเถียง
“จะปรักปรำใครก็ต้องมีหลักฐานนะยะ ไม่งั้นจะฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท”
ซูซี่สวน
“ฉันมีหลักฐาน”
ออยมองหน้า
“หลักฐานอะไร”
“กล้องวงจรปิดไงล่ะ”
ข้าวนอกนา ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทั้งสามหัวเราะเยาะกันอีก แอ๋มหันมาถามเจ๊ต่าย
“เจ๊มีกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ”
เจ๊ต่ายอึกอัก
“เสียไปนานแล้ว ยังไม่ได้ซ่อมเลย”
ซูซี่หน้าเสีย
“อ้าว...เสียแล้วไม่ซ่อมเหรอคะเจ๊”
“ก่อนหน้านี้นึกว่าจะขายร้านแล้ว ก็เลยไม่ได้ซ่อม เอาน่า...เดี๋ยวเดือนหน้าถ้าไม่ลืมเจ๊จะส่งซ่อม”
ซูซี่ถึงกับเซ็ง ออย แนท แอ๋มสบตากันสมน้ำหน้า เจ๊ต่ายหนักใจ
“แล้ววันนี้นังดำจะมาร้องเพลงได้หรือเปล่า ลูกค้าถามหาหลายคนแล้วนะ”
ซูซี่ตอบไม่ถูก
ซูซี่ออกมามุมหนึ่งของผับ กดมือถือโทรออก แต่เป็นเสียงให้ฝากข้อความ
“ดำเป็นอะไรหรือเปล่าวะเนี่ย ทำไมไม่เปิดมือถือ”
ซูซี่ลองกดโทรออกอีก อย่างไม่สบายใจ
จอร์จกับใจหวานมากดกริ่งหน้าห้อง แต่ดำยังไม่เปิด
“สงสัยจะไม่อยู่”
“แต่ซูซี่โทรบอกพวกเราว่าดำไม่ได้ไปร้องเพลง แล้วก็ติดต่อไม่ได้ น่าจะอยู่ในห้องนี่แหละค่ะ”
จอร์จลองกดกริ่งอีกที แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า ให้เจ้าของอพาร์ตเมนท์มาเปิดให้ดีกว่า”
ทั้งสองกำลังจะออกไป แต่แล้วมีเสียงแกร๊กที่ประตู ทั้งสองหันหลังไป ดีใจ
จอร์จกับใจหวานตามดำเข้ามาในห้อง ดำเสยผมอย่างรู้สึกเพลียจัด
“แย่แล้ว หนูนอนเพลินจนลืมเวลาไปเลย” เธอหยิบมือถือมาดู “ตายแล้ว มือถือแบตหมดอีกต่างหาก ป่านนี้เจ๊ต่ายรอแย่”
ดำรีบเอามือถือชาร์จแบตและเปิดใหม่ ใจหวานหันมาบอก
“แกไปร้องเพลงไม่ไหวแล้วละดำ”
“ไหว หนูยังไหว” ดำดูนาฬิกา “ต้องรีบแต่งตัวแล้ว”
ดำทำท่าจะไปที่ตู้เสื้อผ้า จอร์จไปดึงไว้
“อย่าดีกว่าดำ เธอร้องเพลงไม่ไหวหรอก นอนพักให้หายก่อน”
“หนูหยุดไม่ได้ ถ้าหยุดหนูก็ขาดรายได้ไปตั้งเยอะ”
“เงินกับสุขภาพ อะไรมันจะสำคัญกว่ากัน”
“สำหรับหนู ตอนนี้เงินสำคัญกว่า ถ้าไม่มีเงินหนูก็ไม่มีทุกอย่างแม้แต่สุขภาพ”
ใจหวานถอนใจ
“เสียงเป็นเป็ดอย่างนี้ คนฟังเขาไม่อยากฟังแกหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่หวาน หนูจะบอกว่าไม่ค่อยสบาย เขาก็ให้อภัย”
พูดจบดำก็เซไป จอร์จรีบเข้าไปประคองไว้
“อาการหนักอย่างนี้ไปร้องเพลงไม่ได้หรอกดำ”
“หนูกินยาแล้วน่าจะดีขึ้น ครูมียาแรงๆ แบบกินทีเดียวหายเลยไหม”
“เดี๋ยวเอายาให้กิน เธอไปพักก่อน”
ดำยิ้มเซียวๆ จอร์จประคองไปนั่งที่เตียง ใจหวานเดินไปรินน้ำ จอร์จเปิดล่วมยา หยิบยาบางอย่างออกมา ใจหวานส่งน้ำให้ดำ
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะนังดำ ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเอง”
จอร์จยื่นยาให้
“กินยานี่แล้วนอนสักพัก อาการจะดีขึ้น”
ดำรับยามา
“ทำไมครูไม่ให้ยานี้กับหนูแต่แรก”
“ฉันไม่รู้นี่ว่าอาการเธอจะหนักขนาดนี้”
“งั้นครูช่วยจัดยาให้หนูอีกชุดนะคะ จะได้หายไวๆ”
“ยามันไม่ได้วิเศษอะไรหรอกนะ ยิ่งยาแรงมันก็อาจจะมีผลข้างเคียงแรงตามมาด้วย”
“เอาเถอะน่า ขอให้หนูหายเร็วๆ จะได้กลับไปร้องเพลงก็พอแล้ว”
ดำยอมกินยาแต่โดยดี จอร์จยิ้มพอใจ ใจหวานมองดำอย่างหมั่นไส้
ออยร้องเพลงด้วยท่าทางเซ็กซี่ จนมาถึงท่อนสุดท้าย คนตบมือเปาะแปะๆ แบบเบื่อๆ ไม่มีความตื่นเต้นเพราะเห็นบ่อย ออยลงมาด้านล่าง เพื่อจะมาหาธัชชัย แต่ออยชะงักเพราะเสียงใครบางคนเรียก
“ออย...”
ออยหันไปเห็นสมพันธุ์ก็เซ็งมาก
“มาทำไมอีกเนี่ย กลับไปซะ ฉันจะทำงาน”
“พี่จะรอออยกลับพร้อมกัน”
“ไม่ต้องรอ ฉันไม่กลับพร้อมแกหรอก”
“พี่จ่ายค่าเช่าแล้วนะ ออยสบายใจได้ พี่ไม่ได้มาขออะไรจากออย”
“ไม่ขอวันนี้ วันหลังก็ต้องขออีกแหละ ไอ้แมงกะจั๊ว ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”
ออยจะเดินหนี แต่สมพันธุ์ดึงแขนไว้
“ออย...”
“ปล่อย”
ออยพยายามจะสะบัดออกจากสมพันธุ์ แต่เขาไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยสิวะ ฉันบอกให้ปล่อยไงล่ะ”
ธัชชัยมากระชากตัวสมพันธุ์ออกไป
“ยุ่งอะไรกับออยวะ”
“ออยเป็นแฟนผม”
“ออยแฟนกูต่างหาก”
สมพันธุ์หันไปมองออย
“ออยนอกใจพี่เพราะมันใช่ไหม”
ธัชชัยหันไปถามออย
“ที่แท้มันเป็นแฟนออยเหรอ”
ออยหน้าตื่น
“ไม่ใช่ค่ะคุณธัช ออยไม่เคยเป็นแฟนมัน มันชอบมาตามตื๊อออย”
“ออย...จะให้พี่เล่าเรื่องของเราให้...”
ออยผลักสมพันธุ์ออกไปทันที
“ไปให้พ้นนะไอ้แมงดา เลิกยุ่งกับชีวิตฉันซะที”
“ทำไมออยว่าพี่อย่างนี้ พี่รักออยนะ”
ธัชชัยเย้ยหยัน
“เฮ้ย ผู้หญิงเขารังเกียจมึง จะตื๊อเขาทำหอกอะไรวะ”
สมพันธุ์โกรธ
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วยวะ”
ธัชชัยสวน
“ก็มึงมาเสือกกับแฟนกูก่อน”
“แฟนกูต่างหาก”
สมพันธุ์ชก ธัชชัยไม่ยอม ชกกลับ ออยตกใจ
“ว๊าย”
สมพันธุ์กับธัชชัยชกกันชุลมุน เจ๊ต่ายวิ่งออกมาดู
“ว้าย... ช่วยกันห้ามเร็ว เร็วเข้า”
ทุกคนช่วยกันแยกสมพันธุ์กับธัชชัยออกจากกัน
ดำหาวออกมาอย่างง่วงงุน
“ทำไมง่วงอย่างนี้นะ”
“ยามันทำให้ง่วงน่ะ”
“ยาทำให้ง่วงเหรอ ทำไมไม่บอกก่อนล่ะครู แล้วอย่างนี้หนูจะไปร้องเพลงได้ยังไง”
จอร์จดูนาฬิกา
“ป่านนี้ยังไงก็ไปไม่ทันแล้ว”
“ยังทัน ตอนนี้นังออยเพิ่งร้องเสร็จ เดี๋ยวหนูขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปแป๊บเดียว”
ดำรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าทั้งที่ตาปรือ ใจหวานมองตามพลางส่ายหน้า
“นังดำเอ๊ย...ดื้อยังกับควาย”
แต่แล้วดำก็หาวหวอดติดๆกันอีกหลายครั้ง ตาปรือลืมแทบไม่ขึ้น
“ง่วงเป็นบ้าเลย”
ดำเริ่มเซเหมือนจะยืนหลับ จอร์จกับใจหวานพยักหน้าให้กัน แล้วเข้าไปช่วยกันประคองดำลงนอนบนที่นอน
“นอนพักสักสิบนาทีก่อนนะดำ เดี๋ยวค่อยออกไปก็ได้”
ดำพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ก็...ดี...เหมือน...กัน...”
ดำหัวถึงหมอนแล้วหลับไปเลย ใจหวานมองดำขำๆ
“นังดำเอ๊ย ต้องใช้ไม้นี้ถึงจะยอมพัก”
“คงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะตื่น พรุ่งนี้สายๆ ค่อยมาดูอาการอีกที”
จอร์จมองดำที่หลับไปอย่างพอใจ
“คืนนี้ปล่อยให้นังดำฝันหวานไปก่อน”
ทั้งสองช่วยกันเก็บของ แล้วออกจากห้องไป ดำนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
สมพันธุ์ถูกตำรวจกุมตัวเข้ามาในโรงพักพร้อมกับหน้าตาที่ฟกช้ำ
“ผมไม่ผิดนะครับ ผมทำเพื่อป้องกันตัว อย่าจับผมเข้าคุกเลย”
สารวัตรแย้ง
“พยานเห็นเหตุการณ์ว่าคุณชกคู่กรณีก่อน”
“เขาแย่งแฟนผมนี่ครับ”
“คุณเจรจากับคู่กรณีเองก็แล้วกัน เดี๋ยวเขาส่งทนายมาคุย”
“ผมไม่อยากติดคุก ช่วยผมด้วยนะครับสารวัตร”
“งั้นคุณต้องเตรียมติดต่อญาติมาประกันตัว”
สมพันธุ์ทรุดลงนั่งหน้าเครียด แต่แล้วก็นึกอะไรได้
“ผมขอโทรหาญาติหน่อยนะครับ”
สมพันธุ์หยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์หาใครบางคน
ดำนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แต่แล้วก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงมือถือดัง เธอลืมตาขึ้นงุนงงอยู่พักหนึ่ง ก็นึกขึ้นได้
“แย่แล้ว...กี่โมงแล้วเนี่ย”
ดำเอื้อมมือไปคว้ามือถือมารับสาย
“ฮัลโหล พี่พัน”
สมพันธ์ละล่ำละลักบอก
“ดำ...ดำช่วยพี่ด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่...อะไรนะ...พี่อยู่โรงพักไหน...จ้ะๆ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ดำรีบลุกขึ้น แต่เซไปนิดหนึ่ง แต่เกาะโต๊ะไว้ได้ เธอฝืนใจรีบเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดที่ใกล้มือที่สุดออกมา
ดำเข้ามาในโรงพัก ถามตำรวจ ตำรวจชี้ทางให้ ดำมองหาสมพันธุ์จนเจอ เห็นเขานั่งซึมอยู่ เธอรีบเข้าไปหา
“พี่พัน”
สมพันธุ์รีบลุกขึ้นอย่างดีใจ เข้ามาจับมือดำไว้
“ดำ...นึกว่าดำไม่มาซะแล้ว”
“พอดีหาแท็กซี่ยากเลยมาช้า พี่พันเป็นยังไงบ้าง”
“ดำอย่าทิ้งพี่นะ ช่วยไปบอกพี่ศักดิ์ด้วย พี่ติดต่อพี่ศักดิ์ไม่ได้เลย แต่เขาคงช่วยอะไรไม่ได้ ถึงช่วยได้เมียเขาก็คงไม่ให้ช่วย พี่หวาดกับพี่หวินก็เหมือนกัน สองคนนี้ ดำไม่ต้องไปบอกเขาหรอก ไม่อยากยุ่งกับผัวเขา”
ดำมองสมพันธุ์อย่างสงสารจับใจ
“พี่พันไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะหาทางช่วยพี่เอง”
สมพันธุ์เสียงเครือเหมือนจะสะอื้น
“ขอบใจนะดำ ดำคงช่วยพี่ได้แน่ ช่วยไปคุยกับเพื่อนของออยให้เขายอมความกับพี่ พี่จะหาเงินมาจ่ายค่าปรับเอง”
“ไม่ต้องไปคุยกับพวกมันหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“พี่พันไม่รู้อะไร นังออยมันใจดำจะตาย มันไม่ยอมให้แฟนมันยอมความแน่”
“แล้วพี่จะทำยังไง พี่ไม่อยากติดคุก พี่ไม่อยากติดคุกนะดำ”
ดำลูบหลังปลอบ
“พี่พันไม่ติดคุกหรอก ฉันจะหาทางประกันตัวพี่ออกมา”
สมพันธุ์จับมือดำไว้ มองด้วยน้ำตาคลอตา
“จริงนะดำ ความหวังของพี่อยู่ที่ดำคนเดียว หลุดออกไปได้พี่จะยอมเป็นทาสของดำจริงๆ นะ ดำดีกับพี่ยิ่งกว่าญาติพี่น้องแท้ๆ เสียอีก ไม่เสียแรงที่พ่อเคยรักดำเหมือนลูก”
ดำจับมือสมพันธุ์ไว้อย่างให้ความมั่นใจ
“จ้ะพี่พัน ฉันจะไม่มีวันทิ้งพี่พันไปไหน”
สมพันธุ์บีบมือดำแน่น แล้วกอดไว้อย่างหาที่พึ่ง ดำลูบหลังปลอบเขาแต่สีหน้าทั้งเครียดทั้งเพลียจากอาการป่วย