คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 11
สุกัญญาบอก นวลจันทร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับไปตามที่พิพัฒน์สั่ง แต่ก็ยังไม่วายมองลัลนาอย่างอาฆาต
“แกไม่มีวันได้อยู่สงบสุขแน่นังลัล นังลูกเมียน้อย”
นวลจันทร์ออกไป คนที่มุงดูเริ่มวิพากษ์วิจารย์กันเบาๆ เรื่องลัลนาเป็นลูกเมียน้อย
“กลับไปทำงานได้แล้ว”
สุกัญญาบอก ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ลัลนาหันกลับมาเจอพิมภา พิมภาเห็นว่าลัลนาน้ำตาคลอแต่ลัลนาพยามฝืน
“สะใจเธอแล้วสิพิมภา”
ลัลนาเดินผ่านพิมภาไปอย่างฝืนไม่ให้น้ำตาที่คลอเบ้าไหลออกมา
เย็นวันนั้นขณะที่ฤชวีกับภัทรพลกลับจากการซื้อของเพื่อทำอาหารเย็น
“อย่างยัยพิมให้มันกินข้าวกับน้ำปลาพริกก็หรูแล้ว ไปทำกับข้าวเอาใจมันทำไม เสียนิสัย”
“โอเคครับ งั้นน้ำปลาพริกสำหรับสองที่...” ภัทรพลมองหน้าฤชวีว่าทำไมถึงสองที่ “ถ้าคุณพิมกินข้าวคลุกน้ำปลาพริก คุณภัทรก็ต้องกินเหมือนกัน ในภาวะศึกสงครามระหว่างพี่น้องแบบนี้ ผมในฐานะ กาชาดสากล ต้องมีความเท่าเทียมครับ”
“เป็นกลางมาก ไม่เอียงเลยซักนิ๊ดนึงคุณต้น ใช่สิ คนมันนอนคุยกันมันก็ต้องสัมพันธ์แนบแน่นกว่าอยู่แล้ว”
ฤชวีอึ้งไปนิด หลบตาภัทรพลเพราะยังไม่เคยมีอะไรเกินเลยอย่างที่ภัทรพลว่า จึงขำๆ เพื่อกลบเกลื่อน ฤชวีเหลือบเห็นลัลนายืนรอภัทรพลอยู่
“อย่าน้อยใจไปเลยครับ คนของคุณภัทรก็รออยู่โน่นแล้วไง” ลัลนาเห็นภัทรพล จึงเดินตรงเข้ามาหาทันที ฤชวีรีบปลีกตัวไป “งั้นผมขึ้นไปก่อนนะครับคุณภัทร”
ฤชวียิ้มให้ลัลนาที่เดินสวนมา แต่ลัลนานิ่ง ฤชวีเดินพ้นลัลนาไปได้นิดเดียวก็ได้ยินเสียงดัง “เพี๊ยะ” ฤชวีหันกลับไปที่ต้นเสียงเห็นภัทรพลหน้าแดงเพราะถูกลัลนาตบ ฤชวีตกใจ
“นี่มันอะไรกันคุณลัล”
“อะไรงั้นเหรอ”
ลัลนาตบภัทรพลซ้ำไม่ยั้ง ภัทรพลทนไม่ไหวคว้ามือลัลนาไว้
“พอรึยัง ถ้าพอแล้วก็บอกมาว่าคุณตบผมเรื่องอะไร”
“ฉันหลงคิดว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ แต่ที่จริงก็ไม่ใช่เลย” แววตาลัลนาบอกถึงความเจ็บช้ำ “ทั้งที่ฉันไว้ใจคุณ แต่
คุณก็เอาเรื่องของฉันไปพูดที่ออฟฟิศ ใช่ ฉันมันลูกเมียน้อย คนเค้ารู้กันทั่วแล้ว สะใจคุณรึยัง”
ภัทรพลงง อึ้ง พูดอะไรไม่ออก ลัลนามองภัทรพลอย่างเจ็บปวดแล้วเดินหนีไป ฤชวีมองหน้าภัทรพล
“เรื่องคุณลัล คนที่รู้ก็มีแค่ผมกับ...” ภัทรพลปักใจว่าเป็นพิมภาจึงโกรธ
คืนนั้นเมื่อพิมภากลับมา เธอจึงโวยวายเมื่อถูกภัทรพลกล่าวหาว่าเอาเรื่องลัลนาเป็นลูกเมียน้อยไปพูด
“พิมเนี่ยนะ เอาเรื่องยัยลัลไปปูด”
“ไม่ใช่แกแล้วจะใคร แกทำแบบนี้รู้มั้ยเค้าเรียกว่าอะไร” พิมภาหันมามองหน้าภัทรพลรอฟังคำตอบ ภัทรพลพูดใส่หน้าพิมภาด้วยความโกรธจัด “งูพิษ”
พิมภาอึ้ง โกรธ
“งูพิษเหรอ มันจะมากไปแล้วนะพี่ภัทร เดี๋ยวนี้เห็นผู้หญิงดีกว่าน้องเหรอ”
พิมภากระโจนเข้าหาภัทรพลจะเอาเรื่อง แต่ฤชวีที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ คว้าตัวพิมภาได้ทัน
“แกไม่ต้องมาอ้างพี่อ้างน้องกับฉันเลยยัยงูพิษ”
พิมภาโกรธจัด ตะกายอากาศจะเข้าไปให้ถึงตัวภัทรพลให้ได้ ฤชวีต้องใช้สุดแรงยั้งไว้
“ไอ้พี่ภัทร ปล่อยฉันคุณต้น”
“ปล่อยมันมาคุณต้น ตั้งแต่เล็กจนโต มันไม่เคยชนะผมอยู่แล้ว อ่อนแล้วไม่เจียม”
“ไอ้พี่ภัทร” พิมภาดิ้นโวยวาย พิมมาลากับภาณุวัฒน์ออกมาดูเหตุการณ์งงๆ “ถ้าพิมเป็นงูพิษ พี่ภัทรมันก็งูเหลือม ยัยลัลมันไม่สนยังไปตามรัดมันอยู่ได้ พิมยอมเป็นงูพิษดีกว่าเป็นงูเหลือมโง่ๆ อย่างพี่”
“ไอ้พิม”
พิมมาลาทนไม่ไหว
“หยุด แม่บอกให้หยุด” ทุกคนหยุด “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้พิมมันเอาปมด้อยคุณลัลไปปูด เล่นงานคุณลัลที่ออฟฟิศ” ภัทรพลบอก พิมภาหันมามองแม่
“ช่วยไม่ได้ยัยนั่นอยากมีปมเยอะปมแยะเอง”
“พูดแบบนี้ แปลว่าพิมทำอย่างที่พี่เค้าว่าจริงๆ เหรอลูก”
“ไม่ต้องไปถามมันหรอกพ่อ ไอ้พิมมันเจ้าคิดเจ้าแค้น ความคิดมันก็ไม่เหมือนชาวบ้าน เห็นใครมีจุดอ่อนมีเหรอที่จะยอมปล่อย”
“ภัทร แม่ว่าลูกพูดเกินไปแล้วนะ”
พิมภาสะเทือนใจจนน้ำตาไหล
“ปล่อยเค้าเถอะจ้ะแม่ ถ้าพี่ภัทรเห็นว่าพิมมันงูพิษ พิมมันเลว พิมก็ไม่มีอะไรจะพูด”
พิมภาทั้งโกรธทั้งเสียใจเดินเข้าห้องไป ทุกคนอึ้งที่เห็นอาการของพิมภา ภัทรพลเองก็ตกใจแต่ทำเป็นไม่แคร์
พิมภาเข้ามายืนน้ำตาคลอด้วยเสียใจอยู่ในห้อง ฤชวีตามเข้ามา พิมภารีบเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาก็ยิ่งไหล
“ผมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือคุณหรอกคุณพิม” พิมภาหันมามองฤชวีอย่างไม่เชื่อว่าฤชวีจะเชื่อพิมภา “ถ้าเป็นฝีมือคุณจริงๆ มันต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่านี้คุณคิดอะไรง่ายๆ ไม่เป็นหรอก บางทีผมยังอยากจะยืมวิธีคิดของคุณไปใช้ในนิยายเลย”
พิมภาหัวเราะทั้งน้ำตา
“รู้สึกดีขึ้นมากเลย คุณปลอบใจภาษาอะไรของคุณ”
“ก็ปลอบคนอย่างคุณมันก็ต้องแบบนี้”
“ขอบคุณที่คุณเชื่อใจฉัน”
ฤชวีเห็นพิมภาปาดน้ำตาเอง เลยเช็ดน้ำตาให้เบาๆ พิมภารู้สึกอบอุ่นใจ
“ใจเย็นนะครับคุณพิม แล้วหาทางพิสูจน์กันว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร”
พิมภาคิดตามที่ฤชวีพูด
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บริษัทการะเกตุ เอกพลกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับแม่บ้านของบริษัทนารี
“ขอบคุณมากครับป้าชื่น”
“งานที่คุณเอกสั่งให้ป้าทำก็สำเร็จแล้วจะให้ป้าไปรับหรือว่าจะโอนให้เหมือนเคยคะ”
ป้าชื่นถามเสียงหวาน เอกพลรู้ว่าป้าชื่นหมายถึงเงิน
“ครับ เอาไว้ผมจะจัดให้นะครับ”
เอกพลวางสายยิ้มสะใจ อีกด้านหนึ่งป้าชื่นวางสายจากเอกพลด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“ชดเชยที่เสียหวย งานนี้คุ้มจริงๆ”
ป้าชื่นหันมาเจอตรีวิญที่ยืนฟังอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“คุยกับใครอยู่เหรอครับ”
สีหน้าตรีวิญคาดคั้นป้าชื่น ป้าชื่นรู้ตัวว่าซวยแน่
เอกพลวางสายจากป้าชื่น หันมาเจอการะเกตุที่มองอยู่
“เก่งนะ ลงไปถึงรากหญ้าหาข้อมูลจากพวกตัวเล็กตัวน้อยแบบนี้ วิธีแบบนี้ฉันคิดไม่ได้หรอก”
เอกพลเดินตาหวานเข้ามาหาการะเกตุ
“แล้วไม่มีรางวัลให้คนเก่งบ้างเหรอครับ”
“จะเอาอะไรล่ะ” การะเกตุถามแบบรู้กัน
เอกพลเข้าไปนัวเนียการะเกตุ ปราสินีเข้ามาเห็น เอกพลค่อยๆ ผละออกจากการะเกตุ ปราสินีไม่พอใจ แต่พอการะเกตุหันมามอง ปราสินีก็จำใจต้องขอโทษ
“ขอโทษค่ะ”
“มีอะไร”
“ปลาจะเข้ามาถามว่า คุณเกตุมีอะไรให้ปลาทำอีกมั้ยคะ ถ้าไม่มีอะไร ปลาจะขอกลับบ้านก่อน”
“ก็กลับไปสิ”
“ค่ะ”
ปราสินีมองเอกพลก่อนจะออกไป เอกพลนิ่งไม่มีทีท่าสนใจปราสินี
“แค่รุ่นน้องจริงเหรอ”
“ก็จริงสิครับ ทำไมครับคุณหึงผมเหรอ”
“เอกพล เราเป็นอะไรกัน ฉันถึงต้องหึงคุณ ฉันแค่เห็นว่ายัยนี่ ทำท่าพะอืดพะอมจะอ้วกทั้งวัน สงสัยจะท้อง”
การะเกตุหันไปมองหน้าเอกพล “ผลผลิตของคุณรึเปล่า”
“เปล่าครับ”
“งั้นยัยนั่นก็ท้องไม่มีพ่อน่ะสิ น่าสงสาร”
แต่น้ำเสียงและแววตาการะเกตุไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสงสารปราสินีเลย เอกพลมองตามปราสินีอย่างสงสัย
เมื่อกลับถึงคอนโด เอกพลนั่งอยู่บนเตียง ปราสินีอาบน้ำออกมา เอกพลมองอย่างสำรวจร่างกายของปราสินี
“มีอะไรคะพี่เอก”
“พอเอาเด็กออกไปแล้วเป็นไงบ้าง”
ปราสินีทำหน้าไม่ถูก
“ก็ไม่เป็นไรนี่คะ พี่เอกถามทำไม”
“ก็ถามดู” เอกพลลุกเข้ามาหาปราสินี แล้วนัวเนียเธอ ปราสินีลำบากใจเพราะอยู่ในช่วงที่ท้องอ่อนๆ เอกพลเห็นปราสินีอิดเอื้อนจึงถามขึ้นมา “ทำไมล่ะ หรือว่าไม่ได้”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไม” เอกพลถามเสียงแข็ง เพราะสงสัยว่าปราสินีอาจยังไม่จัดการเด็กในท้อง
“ปลา ปลามีประจำเดือนค่ะ” เอกพลมองอย่างไม่เชื่อ “จริงนะคะ”
ปราสินีหาทางเดินหนีเอกพลไป เอกพลมองตามอย่างไม่ไว้ใจ
“อย่าให้ฉันจับได้ว่าเธอไม่จัดการตามที่ฉันสั่งนะปราสินี”
วันต่อมาลัลนาเดินเข้ามาที่ล็อบบี้บริษัท พนักงานอื่นๆ มองลัลนาด้วยสีหน้าซุบซิบนินทา จุ๋มจิ๋มกับลิลลี่ยืนคุยกับซูซี่หน้าเครียดๆ ลัลนาตาขวางใส่ ซูซี่จ๋อย ลิลลี่กับจุ๋มจิ๋มเห็นเป็นโอกาสที่จะเข้ามาคุยกับลัลนา
“พี่ลัลคะ”
“มีอะไร”
พอเจอลัลนาที่ดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีลิลลี่กับจุ๋มจิ๋มก็พูดไม่ออก ซูซี่จึงช่วยพูด
“คุณสุอาจจะฟอร์มทีมมาเก็ตติ้งขึ้นมาอีกทีม สองคนนี้ก็เลยอยากจะย้ายทีมค่ะ”
ลัลนารู้ทันทีว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน
“อยากไปก็ไปเลย”
“เดี๋ยวสิคะน้องลัล แล้วทีมเราล่ะคะ พี่ว่าคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า”
“ก็ในเมื่อเค้าไม่ศรัทธาลัลแล้ว ลัลต้องง้อเค้ามั้ยคะ”
“ใจเย็นค่ะไปนั่งคุยกันดีกว่า”
ลัลนามองเห็นว่าโซฟาที่ประจำถูกเดียร์กับฤทธิ์นั่งอยู่ ซูซี่รู้ว่าลัลนาไม่พอใจ
“เดี๋ยวพี่จัดให้ค่ะ” ซูซี่บอกแล้วหันไปถามฤทธิ์กับเดียร์ “รู้ใช้มั๊ยว่าตรงนี้มันที่ประจำของใคร”
“ที่ของคุณลัล ลูกบ้านเล็กของท่านประธานไงคะ”
ลัลนาได้ยินหน้าเสีย พิมภากับนันทิกานต์ที่เข้ามาได้ยินพอดี
“ปากร้ายนะนังกะเทยรถถัง เดี๋ยวฉันก็เฉาะแกสดๆ ตรงนี้เลย”
“ไม่ต้อง ฉันมีนัดกับคุณหมออยู่แล้ว เฉาะเองได้ย่ะ”
“ที่ยืนๆ กันอยู่ตรงนี้มันก็ไม่มีใครสูงใครต่ำกว่าใคร เลิกเบ่งได้แล้วมั้งคะคุณลัล ลูกบ้านเล็ก”
“งั้นเดียร์ก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับลัลนาเหมือนกัน” พิมภาบอกแล้วจ้องหน้าเดียร์กับฤทธิ์อย่างคาดโทษ “ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเธอที่จะวิจารณ์ว่าคนอื่นเป็นยังไง พี่สอนให้ทำงานร่วมกันไม่ใช่ทำตัวเป็นพวกตัวร้ายคอยเสียดสีคนอื่นเขา ถ้าชอบพูดมากก็ลาออกมั้ย ไปใช้ปากให้เต็มที่”
“พี่พิม หนูเป็นกระบอกเสียงให้พี่นะคะ”
“ไม่ต้อง แล้วพี่ก็ไม่ชอบพวกสอพลอหวังเอาตัวรอด มันน่ารังเกียจ”
“เดียร์ ฤทธิ์ ไปรอที่ห้องพี่พิม งานนี้คงต้องคุยกันยาวแน่” นันทิกานต์บอกเสียงแข็ง
“ค่ะ”
เดียกับฤทธิ์ออกไปอย่างจ๋อยๆ ตอนนี้ลัลนายิ่งตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานคนอื่นๆ พิมภาหันไปมองทุกคน
“อิ่มกันรึยัง จับกลุ่มเม้าท์เรื่องของคนอื่นเป็นอาหารเช้าแบบนี้ไง ถึงไม่มีอาหารไปเลี้ยงสมอง เวลาทำงานมันถึงไม่มีประสิทธิภาพ” พิมภามองกราดเรียงตัว “มาทำงานกันแต่เช้า แต่ไม่ได้งานนะ ได้แต่ข้อมูลว่าห้างไหนถูกห้างไหนลด ผัวใครหาย ผัวใครอยู่ รู้แต่เรื่องคนอื่น เรื่องตัวเองไม่เคยรู้เลย ชอบนักซ้ำเติมคนที่มีปัญหา คงเจริญหรอก” พนักงานที่จับกลุ่มเม้าท์ลัลนาเริ่มล่าถอย “เดี๋ยว” ทุกคนชะงัก “สิ่งที่พวกคุณทำวันนี้ ถึงคุณจะไม่ได้ขอโทษลัลนาออกมา อย่างน้อยก็ขอให้เก็บกลับไป ทบทวนด้วยว่ามันเหมาะสมที่คุณจะคิดกับเพื่อนร่วมงานของคุณมั้ย” พิมภาจ้องหน้าทุกคน “ฝีมือการทำงานของลัลนาต่างหากที่พวกคุณควรจะพูดถึง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของเค้า”
ลัลนาอึ้งกับสิ่งที่พิมภาทำ พนักงานคนอื่นๆ ทยอยกันออกไป
“จะเล่นอะไรของเธออีก” ลัลนายังไม่ค่อยเชื่อใจพิมภานัก
“ฉันเจอตัวลำโพงกระจายข่าวเรื่องเธอแล้ว”
ลัลนาเดินเข้าหาป้าชื่นอย่างเอาเรื่องเพราะเป็นตัวการของเรื่อง ป้าชื่นรีบพ่นข้อมูลออกมาทันที
“ป้าเอาเรื่องคุณลัลไปพูดจริง แต่ป้าได้ยินมาจากคุณซูซี่นะคะ”
“ฉันเหรอ ตอนไหน?” ซูซี่ทำหน้าเหวอ
“ก็ตอนที่คุณซูซี่คุยกับคุณจุ๋มคุณลิลลี่ไงคะ คุณซูซี่บอกว่าเห็นใจที่คุณลัลเป็นลูกเมียน้อย ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร”
ซูซี่คิดทบทวน แล้วก็ใจหายเพราะนึกได้ว่าตัวเองพูดออกไปจริงๆ
“เป็นพี่จริงๆ ด้วย แต่พี่พูดไปเพราะหวังดีและเป็นห่วงน้องลัลจริงๆ นะคะ”
“ความหวังดีที่น่าปวดหัวน่ะสิคะพี่ซูซี่” ลัลนานิ่งเงียบไม่รู้จะพูดยังไง “ไง เงียบเลยนะ เชื่อหรือยังว่าคนอย่างฉันไม่เคยลอบกัดใคร ที่จริงเธอควรจะขอโทษที่กล่าวหาฉันนะ” พิมภาจ้องหน้าลัลนา “แต่ฉันรู้ว่าคนอย่างเธอไม่ทำหรอก”
“ขอโทษ” ลัลนาบอกออกมา พิมภาถึงกับอึ้ง
“หาว่าไงนะ ไม่ค่อยได้ยิน”
“ฉันบอกว่าขอโทษ”
“อะไรนะ”
“พอแล้วไอ้พิม”
“แต่ที่เธอควรจะรู้อีกเรื่องก็คือ มีคนจ้างให้ป้าชื่นเอาเรื่องเธอไปประกาศ”
“เธอรู้เหรอ” พิมภายิ้มร้ายๆ
“แล้วฉันก็เตรียมวิธีเอาคืนให้เธอแล้วด้วย”
ลัลนามองพิมภาที่ดูร้ายกาจมาก
ฤชวีเดินเข้ามาหาพิมภาที่รออยู่ที่ออฟฟิศนารี
“คุณพิมมีอะไรเหรอครับถึงให้ผมมาหาที่นี่” พิมภาส่งเอกสารเกี่ยวกับสินค้าของการะเกตุให้ฤชวี “อะไรครับ”
“รายละเอียดสินค้าที่อยากให้คุณเป็นพรีเซ็นเตอร์”
“แต่นี่มันเป็นสินค้าของคุณการะเกตุ”
“คุณพูดถูก บางทีครอบครัวมันไม่ได้หมายถึงคนในบ้านเราเท่านั้นแต่มันยังหมายถึงคนที่คนในครอบครัวของเรารักด้วย”
“นี่คุณจะช่วยคุณลัลเหรอครับ”
“ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ มันอยู่ที่คุณ”
“แล้วคุณไม่กลัวความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นเหรอครับ”
“ก็คุณเป็นคนบอกเองว่าตอนนี่ครอบครัวเรามีกันตั้งหลายคนถึงจะเกิดอะไรขึ้นเราก็จะช่วยกันแก้ไข”
พิมภาจ้องหน้าฤชวี ฤชวีดีใจที่พิมภาจำคำพูดของเขาได้ทุกคำ
ขณะนั้นสุกัญญาอยู่ที่ห้องประชุม สุกัญญาตกใจกับสิ่งที่การะเกตุบอก
“อะไรนะคะ คุณอยากจะเปลี่ยนตัวคนทำมาร์เก็ตติ้ง”
“ใช่ค่ะ ฉันรู้มาว่าคุณลัลมีเรื่องส่วนตัวซับซ้อนในครอบครัว” การะเกตุมองลัลนาอย่างดูถูก “ที่น่าจะมีผลกับประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีได้”
ลัลนามองการะเกตุอึ้งๆ
“ขอโทษนะครับ ผมว่าสองเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันซักเท่าไหร่”
“คุณคงไม่รู้ว่าเมื่อวานคุณลัลนาพยายามจะโทรไปกล่อมให้คุณการะเกตุเปลี่ยนตัวพรีเซ็นเตอร์ เพราะคุณลัลนาไม่สามารถ…” เอกพลชะงักเมื่อ พิมภาเปิดประตูห้องเข้ามา
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันมีเรื่องด่วนจะแจ้งทุกท่านค่ะ” ทุกคนงงว่าพิมภาจะเข้ามาบอกเรื่องอะไร “คุณฤชวียินดีเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าของคุณการะเกตุแล้วนะคะ”
ฤชวีเดินตามพิมภาเข้ามา ลัลนามองอย่างไม่อยากเชื่อ
“ขอโทษนะครับคุณลัล คือผมต้องให้ภรรยาเซ็นอนุมัติก่อน ถึงจะรับงานได้ครับ”
“ตอนนี้ก็อนุมัติแล้วไงคะ”
พิมภาพูดยิ้มๆ กับฤชวี แล้วหันไปยิ้มกับลัลนา ลัลนายิ้มตอบอย่างขอบใจ พิมภาหันไปมองการะเกตุกับเอกพลอย่างสะใจ การะเกตุตั้งสติได้ก็ยิ้ม
“ดีเลยค่ะ คุณลัลคะ นี่เป็นโฆษณาตัวแรกของดิฉัน เพื่อภาพลักษณ์ของสินค้าดิฉันจะร่วมเป็นนางแบบที่จะเล่นโฆษณาชุดนี้ประกบกับคุณฤชวีค่ะ”
พิมภาอึ้ง การะเกตุยิ้มเย้ยว่าเอาซี่ ลัลนา สุกัญญา ตรีวิญมองออกว่าสองคนนี้เล่นสงครามประสาทกันอยู่ เอกพลมองการะเกตุอย่างทึ่งๆ ที่คิดแผนย้อนได้เร็วมาก ปราสินีมองอย่างสังเกตความไม่ถูกกันของการะเกตุและพิมภา
พิมภา ฤชวี ลัลนาเดินออกมาจากห้องประชุม ลัลนายิ้มให้พิมภา
“ขอบใจสำหรับทุกอย่าง”
พิมภารู้ว่าเรื่องอะไรบ้าง แต่แกล้งยียวน
“ทุกอย่างน่ะ อะไรบ้างล่ะ”
“ยัยพิม” พิมภาหัวเราะ
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ที่เธอต้องช่วยฉันคือ เรื่องที่ยัยนั่นจะเป็นนางแบบประกบคุณต้น”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ยอมให้ยัยนั่นสมหวังง่ายๆ แน่”
“โอเค เดี๋ยวเจอกันตามที่นัดกันไว้นะ”
ฤชวีชักไม่ไว้ใจจึงถามขึ้นมา
“นัดอะไรกันเหรอครับ”
“เรื่องของผู้หญิง บอกคุณต้นไม่ได้หรอกค่ะ”
“เห็นสายตาคุณสองคนแล้ว ผมว่างานนี้ต้องมีเหยื่อ”
“รู้ก็ดีแล้วค่ะ กลับไปเตรียมอาหารเย็นรอพิมตามสัญญาแล้วกันนะ”
ฤชวีมองพิมภากับลัลนายิ้มๆ แล้วออกไป พิมภากับลัลนาพยักหน้ารับกันแล้วเดินออกไป
การะเกตุเดินออกจากห้องประชุมมาอย่างหัวเสีย เอกพลเดินเงียบๆ ตามออกมา ปราสินีตามออกมาด้วย
“ไหนบอกว่าสองคนนั่นไม่ถูกกันไง”
“ก็จริงนี่ครับ ใช่มั้ยปลา”
“ใช่ค่ะ แต่เวลาที่สองคนนี้รวมตัวกัน มันต้องมีอะไรแน่ๆ ระวังๆ ไว้หน่อยก็ดีนะคะ”
เอกพลหัวเสียที่ปราสินีดันพูดให้ดูแย่ลง
“พูดบ้าอะไรของเธอ”
เอกพลจะต่อว่าปราสินี โทรศัพท์ของเอกพลดัง เอกพลมองหงุดหงิด
ป้าชื่นยืนรอเอกพลอยู่ เอกพลรีบเดินเข้ามาหา
“มีอะไรป้า ก็บอกแล้วไงว่าค่าจ้าง เดี๋ยวจะจัดการให้”
“แต่คุณลัลรู้แล้วนะคะว่าป้าเป็นคนเอาเรื่องของเธอไปประกาศ”
“แล้วไง ป้าพลาดเองแล้วจะให้ผมทำยังไง”
“คุณเอกทำไมพูดหมาๆ แบบนี้ล่ะ”
“อ้าว ป้านี่ ก็แกพลาดเอง แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง”
พิมภา ลัลนา นันทิกานต์ ซูซี่ เดินออกมา
“เป็นอย่างที่พิมบอกมั้ยล่ะป้าชื่น”
“นี่พวกเธอทำอะไร”
“แนน”
นันทิกานต์โยนกระโปรงให้เอกพล
“อะไร”
“กระโปรงไง คุ้นไม่ใช่เหรอ”
“อย่าบอกนะคะว่าหน้าตัวเมียอย่างคุณ นุ่งไม่เป็น”
“พวกแก”
เอกพลจะเอาเรื่อง ซูซี่ชักคัตเตอร์ออกมา เอกพลชะงัก
“ก่อนที่พี่จะอันยองฮาเซโยขนาดนี้ ฉายาเดิมพี่ซูซี่ สิงห์คัตเตอร์นะจ๊ะ”
“คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ”
“ก็เอาซี่ ถึงเราจะตัวเล็กบาง แต่ถ้ากล้าเจอสี่ต่อหนึ่งก็เข้ามา”
“มันจะมากไปแล้วนะ” เอกพลจะเข้าไปเล่นงาน แต่ฤชวีเดินเข้ามาซะก่อน
“แต่ถ้าสี่คนยังเอาไม่อยู่ ก็ยังมีหมัดผมอีกคน”
“คุณต้น”
“เฮ้ย นี่คิดจะรุมเหรอ”
“เมื่อก่อนคุณพิมตัวคนเดียว คุณจะรังแกยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้คุณพิมมีสามีดูแลแล้ว คุณคงปฎิบัติกับเธอเหมือนเดิมไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้”
เอกพลปราดเข้าหาพิมภา ฤชวีต่อยหน้าเอกพลทันที เอกพลลงไปกองกับพื้น
“รู้แล้วใช่มั้ยครับว่าผมพูดจริง ทำจริง”
“แก”
“คุณจะแจ้งความก็ได้ คุณลัลจะได้แจ้งด้วย ว่าคุณเป็นต้นเหตุของเรื่องหมิ่นประมาททั้งหมด แต่ถ้าคุณเงียบ ผมก็จะถือว่าเราเจ๊ากัน”
“เจ๊าได้ไงคะคุณสามี คุณเจ็บมือแย่ หน้าไอ้นี่มันด้านจะตาย”
“พิมภา”
“เอกพล” ฤชวีมองเอกพลด้วยสายตาเอาจริง จนเอกพลไม่กล้าเอาเรื่อง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” เอกพลบอกอย่างอาฆาตแล้วเดินออกไป
“คุณต้น ทำไม” พิมภามองหน้าฤชวี
“ก็บอกแล้วไงครับว่าผมเห็นสายตาของคุณสองคนแล้ว ผมไม่ไว้ใจ”
“แหมคุณต้นขา เรื่องแค่นี้ไอ้พิมมันเอาอยู่”
“ยังไงคุณพิมก็เป็นผู้หญิง คุณทุกคนด้วย ไม่ควรเสี่ยงกับคนพาลๆ แบบนี้”
“ในที่สุดก็มีคนเห็นความเป็นผู้หญิงในตัวพี่” ซูซี่ยกมือทำสัญลักษณ์ว่ารัก “เลิฟนะคะคุณต้น”
“หมดเรื่องแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ อย่าไปเที่ยวหาเรื่องใครอีกนะครับคุณภรรยา”
“ค่า คุณสามี” ฤชวีออกไป
“ขอบใจอีกครั้งนะพิมภา”
“เธอขอบใจ ขอโทษ ฉันครบหมดทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว แต่มีคนนึงที่เธอควรจะขอโทษ”
พิมภายิ้มเจ้าเล่ห์ ลัลนารู้ดีว่าพิมภาหมายถึงภัทรพล
ภัทรพลอยู่ที่คอนโด นั่งมองโทรศัพท์ตัวเองอยากโทรหาลัลนาแต่ว่าลังเล แล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็ดัง เห็นว่าลัลนาเป็นคนโทรเข้ามา
“คุณลัล” ภัทรพลดีใจแต่ได้สติมีกระแอมเพื่อตั้งเสียงให้เข้มก่อนรับสาย “คุณลัลมีอะไรครับ”
“คุณภัทร เอ่อ คุณภัทรทำอะไรอยู่คะ”
“ผมเหรอครับ ก็นวดประคบหน้าที่โดนคุณตบจนบวมไงครับ”
“นี่ลัลมือหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“นี่คุณคิดว่าผมหน้าหนาขนาดตบไม่เจ็บเลยเหรอครับ”
“เปล่าค่ะเปล่า”
“แล้วคุณโทรมามีอะไรครับ จะมาประคบหน้าให้ผมเหรอ”
“เรื่องประคบหน้ายังไม่สะดวกค่ะ แต่ว่าลัลอยากจะขอโทษคุณภัทรค่ะ เรื่องที่ลัลเข้าใจคุณภัทรผิด”
“แล้วทำไมไม่ถามให้รู้เรื่องก่อนตบครับ”
“ก็ตบไปแล้วนี่คะ คุณภัทรจะเอายังไงคะ ชักเยอะเกินไปแล้วนะคะ”
“โอเค ตบแล้วก็แล้วกัน แล้วที่มาขอโทษนี่เคลียร์กับยัยพิมมันแล้วเหรอครับ”
ภัทรพลรอฟังยิ้มๆ
ฤชวีเดินเข้ามาส่งพิมภาที่ห้องทำงาน
“ถึงห้องทำงานแล้ว มั่นใจรึยังคะว่าพิมจะไม่ไปก่อเรื่องที่ไหนอีก”
“คนอย่างคุณพิม อยากจะก่อเรื่องที่ไหนก็ทำได้ครับ”
“คุณต้น”
“ล้อเล่นครับ เย็นนี้ผมจัดซีฟู้ดชุดใหญ่ให้ตามสัญญานะครับ เป็นการเลี้ยงฉลอง” ตรีวิญเดินเข้ามา
“ฉลองอะไรเหรอครับ หรือว่าฉลองที่ผมหาต้นตอที่ปล่อยข่าวเรื่องคุณลัลได้” ฤชวีมองตรีวิญ แล้วหันไปมองพิมภาอย่างเป็นคำถาม พิมภายังไม่ทันอธิบายอะไรให้ฤชวีฟัง ตรีวิญพูดก่อน “คุณพิมสัญญากับผมไว้น่ะครับว่าจะเลี้ยงมื้อเย็นเป็นการขอบคุณผม”
ฤชวีหันไปมองหน้าพิมภา พิมภาอึ้งๆ งงๆ เพราะไม่ได้สัญญากับตรีวิญไว้เลย
“งั้นก็เชิญคุณตรีวิญมาฉลองพร้อมกันเลยแล้วกันครับคุณพิม” ฤชวีมองหน้าตรีวิญแล้วพูดต่อ “แต่ขอเตือนนะครับ น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรนี้เผ็ดมาก อาจกระแทกปากจนคุณรับไม่ไหวก็ได้”
“ลองดูก่อนก็ได้นี่ครับ”
“ได้ งั้นก็เชิญ ผมกลับก่อนนะครับคุณพิม”
ฤชวีจะออกไป แล้วหันกลับมาหาพิมภา
“เย็นนี้ขับรถกลับบ้านด้วยนะครับ พรุ่งนี้ผมจะเอาไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้”
ฤชวีพูดจบมองหน้าตรีวิญเป็นการบอกว่านี่คือการกั๊กไม่ให้พิมภาไปรถตรีวิญ แล้วฤชวีก็เดินออกไปอย่างผู้มีชัย ตรีวิญทำอะไรไม่ได้ พิมภาได้แต่มองตามฤชวีอย่างชอบใจ แต่ก็ต้องเก็บอาการเพราะเกรงใจตรีวิญ
ค่ำวันนั้นที่คอนโดพิมภา ภัทรพลพูดเกริ่นนำเข้าการฉลอง
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน อาหารในคืนนี้เป็นการเลี้ยงขอโทษที่กระผม นายภัทรพลกล่าวหาน้องสาวสุดที่รักเสียๆ หายๆ” พิมภาค้อนภัทรพลนิดๆ “และเป็นการฉลองที่น้องสาวผู้แสนดีของผม ยอมให้คุณต้นเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าที่คุณลัลดูแล”
“นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกันยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหนูลัลขนาดนี้ ถ้าแต่งกันแล้วจะหลงเมียจนลืมแม่มั้ยเนี่ย”
“ทีแม่หลงลูกเขยจนลืมลูกชาย ภัทรยังไม่บ่นสักคำ”
“ก็ลูกเขยแม่ฉลาดแบบเนี๊ย แม่หลงแล้วมันผิดตรงไหน”
“เอ่อทุกคนคะ ลืมอะไรไปรึเปล่าคะ วันนี้เรามีแขกนะคะ”
พิมภาขัดเพราะมีตรีวิญนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย แต่ทุกคนลืมที่จะสนใจ
“เออ ใช่ๆ คุณตรีวิญอยู่ด้วย ลืมไปๆ เรามีคนนอกอยู่ด้วย”
“พูดมากไปแล้วน่าตาภัทร งั้นก็ทานกันเลยดีกว่า ยัยพิมจะได้เลี้ยงข้าวตอบแทนคุณตรีวิญให้มันจบๆ ไป”
“พ่อก็ทำไมพูดแบบนี้ ทานๆ กันเถอะ ให้มันเสร็จๆ ไปนะ”
พิมภาเห็นตรีวิญหน้าเสีย พยายามจะปราม
“พ่อจ๊ะ แม่จ๊ะ”
“อะไรยัยพิม ล้อเล่นขำๆ ไม่ถือสากันนะคุณตรีวิญ”
“ไม่ครับ ครอบครัวคุณพิมนี่อบอุ่นดีนะครับ”
“เอาแบบอุ่นจนร้อน หรือจนสุกก็มีนะครับ”
“ฮะ” ตรีวิญไม่เข้าใจมุกภัทรพล “ครับ”
“คนนะครับพี่ภัทรไม่ใช่ไข่ปิ้ง ถึงต้องอุ่นจนสุก” ฤชวีช่วยรับมุกภัทรพล
“เย้ย ไม่ได้คุณต้นนี่มุกผมฟาล์วเลยนะเนี่ย”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลหัวเราะชอบใจ ตรีวิญยิ้มแหย รู้สึกเป็นส่วนเกิน
“คุณพิมทานกุ้งสิครับ” ฤชวีวางกุ้งที่แกะแล้วให้พิมภา แล้วทุกคนก็จัดการใช้มือแกะกุ้ง แกะปูอย่างเป็นกันเองมาก ตรีวิญดูท่าทางแกะกุ้งไม่ค่อยเป็น
“พิมช่วยค่ะ”
พิมภาจะแกะกุ้งให้ตรีวิญ แต่ภัทรพลเอื้อมไปหยิบกุ้งมาแกะให้ตรีวิญ
“แกจะกินเองยังต้องให้คุณต้นแกะให้ มาพี่แกะให้คุณตรีวิญเอง” ภัทรพลแกะกุ้งให้ตรีวิญ แต่ออกมาในสภาพที่ไม่รู้ว่าจะกินยังไงดี “มากินข้าวบ้านคนอื่นแบบนี้ ที่บ้านไม่ว่าเหรอครับ อย่าบอกนะครับว่าคุณตรีวิญเป็นเด็กกำพร้า”
ภัทรพลยิงมุกใส่ตรีวิญอีกแต่คราวนี้เข้าทางตรีวิญ ตรีวิญจึงจัดดราม่าใส่
“ครับ คุณภัทรนี่น่าจะไปเป็นหมอดูนะครับ” ทั้งโต๊ะอึ้ง
“นั่น ดราม่าซะงั้น”
พิมมาลาเอาศอกกระทุ้งภัทรพลเป็นการบอกให้หยุดก่อน
“ผมเป็นกำพร้าครับ ถูกทิ้งอยู่ข้างถนนที่นิวยอร์ค โตในวัดไทยที่โน่น ผมต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียวในเมืองใหญ่มาตลอด”
พิมภาอึ้งและรู้สึกเห็นใจ แต่สีหน้าภัทรพลบอกว่ารู้สึกว่าสิ่งที่ตรีวิญพูดมันดัดจริตมาก
“จดไว้สิคุณต้น” ภัทรพลบอกฤชวี ฤชวีงง ว่าภัทรพลให้จดไว้ทำไม “เอาไว้ใช้ในนิยายของคุณ ตัวละครเรียกร้องความเห็นใจบอกว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ที่ต้องแก่งแย่งชิงดีจนติดเป็นนิสัย” ทุกคนอึ้งที่ภัทรพลพูดแบบนั้น แต่ภัทรพลไม่แคร์ “ผมว่านะไม่ต้องไปสงสารหรอก คนแบบนี้ถ้าไม่แน่จริงมันอยู่ไม่ได้หรอก คนบางคนมันก็สร้างภาพทำตัวน่าสงสาร แต่ข้างในลึกๆ คิดแต่จะแย่งของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แปลกกันขึ้นทุกวันนะคนสมัยนี้”
“คุณตรีวิญไม่เป็นแบบนั้นมั้ง ไหนเล่าเรื่องของคุณต่อสิคุณตรีวิญ กำลังสนุกเลย”
พิมมาลาหยิกภาณุวัฒน์
“สนุกอะไรพ่อ เค้าเล่าเรื่องเศร้า”
“พิมว่าเราทานกันต่อดีกว่าค่ะ”
แล้วทุกคนก็ลงมือทานอาหารกันต่อ ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภัทรพลตักอาหารเอาใจฤชวีมาก พิมภามองตรีวิญที่ดูจะเจื่อนไปอย่างเห็นใจนิดๆ
เอกพลเอาเอกสารมาวางที่โต๊ะการะเกตุ ปราสินีเดินเข้ามาหา
“พี่เอกกับคุณเกตุเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นใช่มั้ย”
ปราสินีถามเอกพล เอกพลไม่พอใจ
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะทำไม” เอกพลหันมาจ้องหน้าปราสินี “คนเรามันก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเจ้านาย เพื่อความก้าวหน้ากันทั้งนั้น”
“ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้”
“เงิน อำนาจไง เธอให้พี่ได้มั้ยล่ะ”
“แต่ปลาไม่ยอมให้พี่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ ปลาไม่ยอม”
ปราสินีเข้าไปตีเอกพลด้วยความเสียใจ เอกพลรำคาญตบปราสินีผัวะ!
“อย่ามายุ่ง ถ้าฉันหมดความอดทน เธอจะไม่มีแม้แต่ที่จะอยู่”
เสียงการะเกตุคุยกับสินีนาฏดังเข้ามา เอกพลลากปราสินีเข้าไปหาที่หลบ
“เมียคุณต้นมันก็ร้ายนะยาย ขนาดเกตุให้คู่ปรับมันเป็นคนดูแลสินค้าให้เกตุมันยังยอมให้คุณต้นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเล่นงานเกตุเลย”
“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”
“เกตุก็เปลี่ยนแผนสิ นี่ยายมากดดันเกตุน่ะ ยายทำอะไรบ้างหรือยัง”
“ฉันไปพูดกับชุติภาให้เร่งจัดการเรื่องแกกับคุณต้นแล้วนะ ชุติภากำลังจะหาทางเรียกพ่อแม่นังพิมภาไปเล่นงานที่บ้าน”
เอกพลได้ยินหยุดแอบฟัง ปราสินีฟังอยู่ด้วย
“ยายไม่ได้ห่วงเกตุมั้ง” การะเกตุถามอย่างรู้ทัน
“รู้ก็ดีแล้ว ที่ดินของเรากำลังโดนฟ้อง”
“เรื่องอะไร”
“ก็ส่วนที่มันกินพื้นที่อุทยานน่ะสิ”
“ไหนยายว่าไม่มีใครกล้ายุ่งกับเราไง”
“ก็ช่วงนี้มันคึกบ้าอะไรกันไม่รู้! ไล่เช็คพวกที่ดินที่กินพื้นที่อุทยานหมดเลย ฉันลงทุนไปตั้งหลายร้อยล้าน แกรีบจัดการตาต้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่เราจะโดนยึด”
“รู้แล้วน่า”
การะเกตุกับสินีนาฏออกไป เอกพลกับปราสินีแอบฟังอยู่
“อย่างนี้นี่เอง”
“อะไรเหรอพี่เอก”
เอกพลไม่ตอบแต่จับแขนปราสินีให้รีบเดินออกไป ปราสินีมองเอกพลอย่างสงสัยว่าเอกพลคิดอะไรอยู่
พิมภาเดินออกมาส่งตรีวิญ
“ขอโทษนะคะคุณตรีวิญที่พี่ชายพิมเล่นแรงไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ครอบครัวคุณพิมน่ารักดีโดยเฉพาะแม่คุณพิม ผมเคยได้ยิน คนไทยพูดว่าดูนางให้ดูแม่...”
ตรีวิญจะพูดต่อแต่ฤชวีออกมาซะก่อน
“ท่าทางคุณตรีวิญจะไม่คุ้นกับการใช้ภาษาไทยจริงๆ สำนวนนี้เค้าใช้เวลาจะเลือกใครสักคนมาเป็นภรรยาครับ แต่คุณพิมแต่งงานแล้ว มีสามีแล้ว ถ้าอยากจะดูตัวลูกบ้านนี้ก็เหลือแต่คุณภัทรคนเดียว” ฤชวียิ้มร้ายๆ ให้ตรีวิญ “สนใจมั้ยครับ” ตรีวิญอึ้ง พิมภามองฤชวีอย่างต่อว่าว่าตามออกมาทำไม “ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณตรีวิญเลยนะครับพี่ช่วยภรรยาผม คุณเป็นหัวหน้าที่ดีมากครับ ใครได้คุณเป็นหัวหน้านี่โชคดีจริงๆ”
ฤชวีตั้งใจจะกวนประสาทตรีวิญ ตรีวิญมองฤชวี สองคนมองกันสีหน้าไม่ยอมกัน
“ดึกแล้วคุณตรีวิญกลับเถอะครับ ขับรถดีๆ นะครับ อ้อ ถึงบ้านแล้วก็ไม่ต้องโทรมาบอกคุณพิมหรอกนะครับ เดี๋ยวผมจะให้ดื่มนมอุ่นๆ ซักแก้ว แล้วจะพาเข้านอนแล้ว”
ตรีวิญอึ้งไปที่โดนดักทุกทาง
“ครับ”
ตรีวิญจำต้องออกไปรอลิฟต์ ลิฟต์มาแล้วแต่ก็ไม่วายหันมามองพิมภา ฤชวีโอบพิมภาไว้ ตรีวิญทนดูไม่ได้เข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่ตรีวิญเข้าไปในลิฟต์ ฤชวีปล่อยมือจากพิมภาทันทีแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องสีหน้าตึงๆ พิมรีบตาม
ฤชวีเดินหน้าตึงเข้ามา พิมภาเดินตาม ภัทรพล พิมมาลา ภาณุวัฒน์เห็นอาการทั้งคู่แล้วไม่กล้าพูดอะไร
“คุณต้น ไหนนมอุ่นๆ ของฉันล่ะ” พิมภาง้อ
“ไมโครเวฟเสีย ขอโทษนะครับ”
ฤชวีเดินเข้าห้องไปนิ่งๆ พิมภาอึ้ง
“อะไรอีกเนี่ย งอนอะไรอีกน่าเบื่อ”
ภัทรพลวางมือที่ไหล่ของพิมภา พิมภาหันมา
“มันก็สมควรหรอก แกเล่นพาผู้ชายอื่นมาหยามถึงถิ่น และขอเดาว่าเมื่อกี้แกไปยืนอ่อยให้ไอ้หัวหน้าแกมันจีบใช่มั้ย”
“พิมแค่เลี้ยงขอบคุณเขา แล้วพิมก็ไม่ได้อ่อย” แต่ทุกคนมีสีหน้าไม่เชื่อ “เออๆ คนสวยใครๆ ก็อยากจีบเข้าใจมั๊ย”
“แต่คนสวยมีสามีแล้วเข้าใจมั้ย” พิมมาลาบอกเสียงเข้ม
“แปลว่าคนสวยไม่ว่างแล้ว เข้าใจมั้ย” ภาณุวัฒน์เสียงเข้มด้วย
“คุณต้นไม่ลุกขึ้นต่อยไอ้หน้าขาวนั่นก็ดีเท่าไหร่แล้ว เข้าใจมั้ย งานนี้แกผิด แกควรจะเป็นฝ่ายง้อคุณต้น”
“ทีพี่ภัทรล่ะ ยังไม่ขอโทษพิมเลยนะ”
“พี่ขอโทษนะที่เข้าใจแกผิดเรื่องคุณลัล” ภัทรพลบอกทันที
“ในเมื่อนายสำนึกผิด เราก็ให้อภัย”
ภัทรพลจับหัวพิมภาแล้วดันให้เข้าห้องไป
“คราวนี้ตาแกแล้ว”
“แต่”
“อะๆ แกกลัวคุณต้นอะเด้”
“ใครว่าพิมกลัว เชอะ” พิมภาเดินเข้าห้องไป
“กลัวแน่นอน ฟันธง”
พิมมาลา ภาณุวัฒน์ ภัทรพลมองตามพิมภาอย่างอดห่วงไม่ได้
พิมภาเข้ามาในห้อง ฤชวีอาบน้ำเสร็จเดินออกมา
“คุณต้น” ฤชวีเช็ดหน้าแล้วพาดผ้าเช็ดตัวเหมือนไม่สนใจ “ฉันขอโทษนะ”
“คุณขอโทษก็แสดงว่าคุณรู้ว่าไม่ควรไปยืนให้หัวหน้าคุณจีบแบบนั้น”
“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าไม่ควรทำให้คุณหึงแบบนี้” พิมภาพูดอย่างลืมตัวแล้วนึกได้ “หมายถึงคุณต้องไปแสดงอาการหึงแบบนี้ เพราะกลัวแผนจะแตก”
“คุณพิมครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ สะดวกตอบก็ตอบ ไม่สะดวกก็ไม่ต้องตอบ”
“ว่ามาสิ”
“มีสักครั้งมั้ยครับ ที่คุณเผลอคิดว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ” พิมภาอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง ฤชวีน้อยใจ ตอบเอง “ไม่เคยเลยใช่มั้ยครับ”
“คุณต้น” ฤชวีหยิบผ้าขนหนูส่งให้ พิมภาอึ้งๆ แต่ก็รับมา “ขอบคุณ”
ฤชวีน้อยใจหันหลังให้พิมภา พิมภาจนปัญญาไม่รู้จะง้อยังไง เดินเข้าห้องน้ำไป
พิมภาเข้ามาในห้องน้ำ สีหน้าไม่สบายใจ
“ฉันจะบอกได้ยังไงว่าฉันก็เผลอคิดว่าคุณเป็นสามีจริงๆ ของฉันอยู่บ่อยๆ ก็คุณมันแค่สามีกำมะลอ...ขอโทษนะ ฉันเองก็ต้องเตือนตัวเองไว้ให้ขึ้นใจเผื่อวันนึงที่เรื่องนี้จบลง ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจ” พิมภาเข้ามาในห้องน้ำเห็นน้ำที่ถูกเปิดไว้ในอ่าง แปรงสีฟันที่บีบยาไว้เรียบร้อยแล้ว พิมภามองยิ้มๆ “จะรอดมั้ยเนี่ยพิมเอ๊ย”
ถึงพิมภาจะกลัวตัวเองหลงรักฤชวีเข้าจริงๆ แต่ก็มีความสุขกับสิ่งที่ฤชวีทำให้ พิมภาแปรงฟันเสร็จจะวางแปรงลงในแก้วเห็นแปรงสีฟันของฤชวีเสียบอยู่ พิมภาเสียบแปรงแล้วหันด้านขนแปรงของตัวเองไปแตะกับขนแปรงของฤชวี
พิมภาทำเองเขินเอง
“บ้าแล้วยัยพิม ชักไปกันใหญ่แล้วแล้วนะเธอ”
พิมภาชี้หน้าตัวเองในกระจกแล้วปัดให้แปรงหันจากกันจะเข้าไปอาบน้ำแล้วหันมองอีกหน แล้วพิมภาก็กลับมาหันขนแปรงให้ไปชนกับฤชวีอีก พิมภามองยิ้มๆ
ตรีวิญจอดรถข้างทางอย่างหงุดหงิด
“แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมต้องรู้สึกแย่แบบนี้”
แล้วสายตาตรีวิญก็เห็นเด็กชายจรจัดเดินมาแล้วหยุดมองที่ร้านก๋วยเตี๋ยว มองคนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวแล้วยกมือไหว้ว่าหนูหิว ตรีวิญมองเด็กไม่วางตา คนขายบะหมี่ออกมาไล่เด็กชาย
“ไป ๆ ๆ คนจะค้าขาย อย่ามาเกะกะ”
“ผมหิวครับลุง”
คนขายยังไล่เด็กไปไม่ฟัง ตรีวิญลงจากรถไปห้าม
“พอเถอะครับ ก็เด็กเค้าหิว” ตรีวิญมองเด็กอย่างสงสาร “จะกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
เด็กชายกินก๋วยเตี๋ยวอย่างหิวโหย ตรีวิญมองเด็กไม่วางตา เพราะนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ เด็กชายกินเสร็จเงยหน้ามองตรีวิญ
“พี่จ้องผมทำไมครับ”
“พี่คิดถึงตัวเองน่ะ” เด็กชายมองอย่างไม่เข้าใจ “ไม่มีอะไร อิ่มแล้วใช่มั๊ย”
“ครับ”
ตรีวิญหยิบแบงค์ห้าร้อยส่งให้
“พี่ให้ เก็บให้ดี ๆ นะ”
เด็กชายไหว้ตรีวิญ
“พี่ใจดีจริงๆ ไม่เคยมีใครใจดีกับผมแบบนี้เลย แม่ต้องดีใจแน่ๆ ที่ผมมีเงินไปให้” ตรีวิญอึ้ง
“งั้นเราก็โชคดีกว่าพี่นะ” ตรีวิญเศร้ากับความกำพร้าของตัวเอง “ที่ยังมีแม่” เด็กชายมองงงไม่เข้าใจ
รีบกลับบ้านไป เอาก๋วยเตี๋ยวไปให้แม่ด้วย”
“ครับ”
เด็กชายวิ่งไป ตรีวิญมองไปรอบๆ ผู้คนที่เดินผ่านไปมารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่เพียงคนเดียวบนโลก
ฤชวีนั่งพิมพ์งานอยู่รู้สึกว่าพิมภาเข้าห้องน้ำนานเกินไปจึงนึกเป็นห่วง
“ทำไมวันนี้อาบน้ำนานจัง หรือว่าเป็นอะไรรึเปล่า”
ฤชวีตัดสินใจลุกไปที่หน้าห้องน้ำ พอดีกับที่พิมภาออกมาจากห้องน้ำไม่ทันดูจึงเสียหลัก ฤชวีรับตัวพิมภาไว้อกของพิมภาเบียดเข้ากับแผ่นอกของฤวชี ทั้งคู่มองหน้ากัน ทำอะไรไม่ถูก ซักพักฤชวีรู้สึกว่ามือของตัวเองที่ประคองตัวพิมภาไว้ จับอยู่ที่สะโพกของพิมภา ทั้งคู่มองหน้ากันอีก ฤชวีทำอะไรไม่ถูกเลยเผลอวางมือที่สะโพกพิมภาเบาๆ พิมภาตาลุกวาว ฤชวีรู้สึกตัว
“ขอโทษครับ เป็นอะไรรึเปล่า ครับคุณพิม”
“เป็น เอ่อ ไม่เป็น”
แล้วทั้งคู่ก็รีบแยกจากกัน
“ผมจะเข้าห้องน้ำ”
“ฉันก็ จะนอนแล้ว ง่วง นอนเลยดีกว่า”
พิมภาพุ่งไปนอนที่เตียงห่มผ้าทั้งที่ยังใส่เสื้อคลุมอยู่ ฤชวีเข้าห้องน้ำไป
“ฉันมันไม่มีผลอะไรกับคุณเลยสินะ” พิมภาพึมพำเบาๆ
ภายในห้องน้ำ ฤชวีพยายามหาทางระงับความพลุ่งพล่านตัวเอง
“จะไหวมั๊ยว้า ต้นเอ๊ย”
ฤชวียืนพิงประตูจิกขาตัวเองไว้แน่น
อีกด้านหนึ่งที่บ้านชุติภา ชุติภานั่งรอมิ้นท์อยู่ มิ้นท์เดินขึ้นมาบนบ้าน
“ทำไมต้องบังคับให้มิ้นท์มานอนที่นี่ด้วยล่ะคะคุณย่า มิ้นท์เพิ่งเสร็จงานเหนื่อยจะแย่” มิ้นท์บ่น
“แกไม่คิดเป็นห่วงย่าบ้างเหรอ” ชุติภาถามแล้วมองจิกมิ้นท์ “หรือว่าแกแอบมีใครเหมือนตาต้น”
มิ้นท์หน้าเสีย
“เปล่าค่า มิ้นท์ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
มิ้นท์จะหนี แต่ชุติภาเรียกไว้
“ยัยมิ้นท์”
“ค่ะคุณย่า” มิ้นท์ชะงัก
“แกรู้ใช่มั้ยว่า บ้านของพิมภาอยู่ที่ไหน”
“คุณย่ามีอะไรเหรอคะ”
“ย่าถามแกก็ตอบ ไม่ใช่มาย้อนถามย่า” มิ้นท์อ้ำอึ้ง
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่ ภัทรพล ฤชวี พิมภากำลังทานอาหารเช้ากัน
“ถ่ายโฆษณาไม่ใช่เหรอ ทำไมออกช้าล่ะ” ภัทรพลถามขึ้นมา
“ยัยลัลนัดเที่ยงน่ะ แต่พิมว่าจะพาคุณต้นไปรอก่อน”
เสียงกริ่งดัง ฤชวีจะลุกแต่ภัทรพลรีบลุกไป
“ผมไปเปิดเอง”
ภัทรพลไปเปิดประตู มิ้นท์วิ่งเข้ามา
“แย่แล้วพี่ต้น คุณย่าให้มิ้นท์มาตามคุณพ่อคุณแม่พี่พิมไปที่บ้าน จะมีแผนอะไรก็ไม่รู้ แต่เมื่อคืนบ่นเรื่องพี่พิมชุดใหญ่จนมิ้นท์หูชาเลย”
“คุณย่าว่าไงมั่ง”
“อย่าให้พูดเลย เดี๋ยวพี่ภัทรจะเคือง”
“อย่างนี้ยิ่งต้องพูดใหญ่ ทำไมท่านว่าอะไรพี่ถึงต้องเคือง”
“ก็ท่านว่าพี่พิมเป็นพวกอยากอัพเกรดตัวเอง มาเกาะพี่ต้นหวังจะเป็นไฮโซ” ภัทรพลของขึ้นเลย
“แรงไปมั้ย”
“เห็นมะ บอกแล้วว่าไม่อยากจะพูด แต่มิ้นท์แก้ตัวให้แล้วนะว่าทางพี่พิมเป็นเจ้าของบ่อพลอยก็ไฮโซอยู่” ฤชวี พิมภา ภัทรพลฟังแล้วใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ก็ต้องใจเสียอีกเมื่อมิ้นท์เล่าต่อ “แต่คุณย่าก็บอกว่า แต่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า สายเลือดผู้ดีก็ไม่ใช่ ไม่คู่ควรกับตาต้นสักนิด”
“เล่าได้เป็นละครทีวีมาก ยัยมิ้นท์”
“โอ้ย นี่น่ะก็อปมาเป๊ะเลย เชื่อสิว่าแบบนี้จริงๆ”
“แบบนี้แสดงว่าคุณย่ามิ้นท์ยังไม่ยอมรับยัยพิมใช่มั้ย”
ฤชวีจะตอบแต่มิ้นท์แทรกขึ้นมา
“คุณย่าน่ะเจ้ายศเจ้าอย่าง ถือว่าเป็นรุ่นเหลนสายเลือดเจ้าเมืองที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคนน่ะสิ หลานสะใภ้จะต้องมีที่มาไม่ใช่ลูกตาสีตาสา”
“งั้นเราก็ควรจะไปแนะนำตัวสักหน่อยดีไหม”
เสียงภาณุวัฒน์ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองจึงเห็นภาณุวัฒน์กับพิมมาลามายืนฟังอยู่ตั้งนานแล้ว มิ้นท์ตกใจ
“พ่อแม่พี่เอง” ภัทรพลแนะนำ
“นี่ยัยมิ้นท์น้องสาวผมครับ”
“สวัสดีค่ะ...ความแตกหรือยังพี่ภัทร” มิ้นท์กระซิบถามภัทรพล
“อือ แต่ยัยพิมยังไม่รู้คนเดียว”
“งั้นรบกวนหนูมิ้นท์ไปเรียนคุณย่านะว่าพ่อกับแม่จะไปสวัสดีท่าน วันนี้”
ภาณุวัฒน์บอก ฤชวี พิมภา มิ้นท์ตกใจ
“ไม่ต้องห่วง พี่ว่ามวยถูกคู่นะ”
ภัทรพลบอก มิ้นท์ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก
ฤชวี พิมภานำภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลาเข้ามาที่หน้าบ้านชุติภา
“พร้อมมั๊ยทุกคน” พิมมาลาถามขึ้นมา
“พร้อมอยู่แล้ว”
“คุณพ่อคุณแม่ครับ คือคุณย่าผมท่านไม่ธรรมดา”
“แล้วพ่อกับแม่ปกติซะที่ไหนล่ะ” ฤชวีอึ้งว่าก็จริง
“ไม่ต้องห่วงในเมื่อเค้าอยากรู้ว่าหัวนอนปลายเท้าเราเป็นใคร ก็มาแสดงตัวให้เค้ารู้จักกันหน่อย”
“จัดไปอย่าได้แคร์”
พิมมาลา ภาณุวัฒน์ ภัทรพลเข้าบ้านไป ฤชวีกับพิมภาหน้าเสีย
มิ้นท์ยืนต้อนรับภัทรพล ภาณุวัฒน์ พิมมาลา ฤชวีกับพิมภาตามเข้ามา
“มากันแล้วเหรอ”
ชุติภาเดินออกมายิ้มเย็นให้พิมมาลาและภาณุวัฒน์ พิมมาลา ภาณุวัฒน์ยิ้มตอบ
“ผม ภาณุวัฒน์ เป็นพ่อของพิมภาครับ”
“ฉันพิมมาลา เป็นแม่ค่ะ”
ชุติภาฟังนิ่งๆ
“ผมภัทรพลครับ เป็นพี่ชายของยัยพิม”
ชุติภาแสดงอาการไม่ค่อยชอบอาการล้นๆ ของภัทรพล
“นั่งสิ” ทุกคนนั่งลง ชุติภามองทางภาณุวัฒน์กับพิมมาลา “พวกคุณผิดจากที่ฉันคิดไว้มากนะ”
“ยังไงเหรอครับ”
“ก็เห็นบอกว่าเป็นเจ้าของบ่อพลอย ก็เลยนึกไปถึงพวกที่ชอบประโคมเพชรพลอยประกาศให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองรวย ทั้งที่กำพืดก็แค่ตาสีตาสาน่ะจ๊ะ” ชุติภาบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาจิตแข็งมากมองแล้วยิ้ม
“โอ้ย คนรวยจริงเขาไม่อวดร่ำอวดรวยหรอกครับ”
“จริงค่ะ แบบนั้นดูเป็นพวกขี้โม้ เอ แล้วพวกอวดชาติอวดตระกูลเขา เรียกว่าอะไรน้า”
“ผู้ดีน่ะเหรอแม่”
“อ้อ เขาเรียกยกหางตัวเองน่ะค่ะ ใช่ไหมคะคุณย่า” มิ้นท์ยิ้มซื่อๆ
ชุติภาสะอึกแต่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่ของพิมภาไม่ธรรมดา จึงมองอย่างจะสยบให้ได้
“เพชรพลอยที่คุณย่าใส่มาก็ไม่ใช่น้อย เมื่อกี้คุณย่าใช้คำว่าอะไรนะครับ”
“ประโคมจ๊ะพ่อ” พิมมาลาช่วยตอบแทน
“อ๋อใช่ ประโคม คุณย่าประโคมใส่เครื่องเพชรแบบนี้นี่เป็นปกติอยู่แล้ว หรือว่ากลัวคนเค้าคิดว่าเป็นตาสีตาสาที่ไหน เลยต้องจัดเต็มยศครับ” ชุติภาอึ้งพูดไม่ออก
“พ่อก็ คุณย่าท่านผู้ดี ใส่ได้ไม่มีใครว่าท่านหรอกแต่ก็ระวังๆ ไว้หน่อยก็ดีนะคะ”
“ระวังอะไร”
“ก็คนแก่อยู่บ้านคนเดียว ใส่เพชรพลอยทองหยองขนาดนี้ โจรขโมยเดี๋ยวนี้มันใจโหดค่ะ ถ้ามันบุกปล้นเอาจะลำบาก” มิ้นท์สะกิดภัทรพล
“นี่แค่ไม่ได้พกมีดมากระซวกกันเท่านั้นใช่มั้ยพี่”
ภัทรพลขยับมา
“สงครามยังไม่จบ ไม่ต้องนับแผลหรอกนะ พี่รับรองว่างานนี้แทงยับ แทงแล้วปิดบาดแผลให้ แล้วค่อยแทงใหม่ด้วย” ทุกคนหันไปมองหน้าภัทรพล “จริงๆ”
ฤชวกับพิมภามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเครียดๆ
มิ้นท์กับภัทรพลช่วยกันยกของว่างกับน้ำมาเสิร์ฟให้ มิ้นท์มองชุติภาที่หน้ายิ้ม ฝั่งตรงข้ามคือภาณุวัฒน์กับพิมมาลาที่ยิ้มละไมไม่ต่างกัน มิ้นท์กระซิบกับภัทรพล
“ยิ้มเชือดเฉือนมันเป็นแบบนี้เอง มิ้นท์เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย ปกติคุณย่าคนเดียวก็น่ากลัวอยู่แล้ว ตอนนี้เบิ้ลเป็นสาม เห็นแล้วขนลุก”
ชุติภาที่กำลังตั้งหลักยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเหมือนตั้งสติได้
“ฉันอยากเจอคุณสองคนมานานแล้ว เพราะฉันเห็นใจในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แต่ลูกหลานก็ทำอะไรเหมือนไม่เห็นหัว หลานฉันเป็นผู้ชายไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่ก็ผู้ชายน่ะนะ ยังไม่เท่าไหร่”
ชุติภาปรายตามองทางพิมภาแบบด่า ฤชวีเห็นพิมภาหน้าเสีย เพราะพ่อแม่อยู่พิมภาเลยไม่อยากแผลงฤทธิ์
“คุณย่าครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”
ชุติภามองภาณุวัฒน์กับพิมมาลา เสือพบสิงห์รับรู้รังสีอำมหิตที่แผ่ให้แก่กันดี
“วันนี้คุณต้นกับยัยพิมต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอลูก รีบไปสิเดี๋ยวจะเสียงานนะ”
“พ่อจ๋า”
“ไปทำงานเถอะลูก ผู้ใหญ่เขาจะทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้ง”
“ไปสิลูก”
พิมภากับฤชวีมองภาณุวัฒน์ที่ส่งสายตาว่าให้ไปเดี๋ยวนี้
“ไปสิตาต้น เดี๋ยวย่าจะรับแขกเองนะ” ฤชวีมองชุติภา
“ช้างสารเขาจะชนกัน หญ้าแพรกอย่างพวกแกอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” ภัทรพลบอก
“ผมไปก่อนนะครับ”
“พี่ภัทร ดูพ่อกับแม่ด้วยนะ”
“เออน่ะ ไปเถอะ”
ฤชวีกับพิมภาจำต้องลุกออกไป ทันทีที่สองคนออกไป ชุติภาก็เปิดฉากฉะเลย
“ได้สั่งสอนลูกสาวบ้างมั้ยว่าควรจะประพฤติตัวยังไง ถึงยอมให้แต่งงานกันโดยไม่ให้ผู้ใหญ่รับรู้”
“ครอบครัวผมทราบครับ”
ชุติภาชะงัก มิ้นท์หันมองภาณุวัฒน์
“คุณรู้เหรอ”
“ครับ ผมรู้ว่าเด็กทั้งสองคนรักกัน ผมกับภรรยาเป็นคนอนุญาตให้ทั้งสองแต่งงานกันเองครับ”
พิมมาลายิ้มรับ ชุติภาอึ้งๆ
ตรีวิญเดินเข้ามาที่สวนสาธารณะ โดยมีลัลนากับซูซี่ยืนรออยู่
“เตรียมการถ่ายทำเรียบร้อยมั้ยครับ”
“ทุกอย่างโอเค”
“เป๊ะเวอร์ค่า”
รถการะเกตุเข้ามาจอด การะเกตุ เอกพล ปราสินีก้าวลงมาจากรถ
“คุณลัล คุณฤชวีอยู่ไหน”
ลัลนาฟังแล้วแทบอารมณ์ขึ้นแต่ยังไม่ทันตอบ
“เรานัดเที่ยงไม่ใช่เหรอครับ ทำไมพรีเซ็นเตอร์ยังไม่มาอีก พวกคุณไม่รู้เหรอว่าเวลาสำหรับพวกผมมันสำคัญมากแค่ไหน”
“คุณฤชวีติดธุระนิดหน่อยครับ กำลังเดินทางมา”
“มีธุระในวันทำงานแบบนี้ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ เหมือนทำงานไม่เป็นถ้างานมันไม่ทันทางผมเสียหาย พวกคุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด”
นันทิกานต์ ลัลนา ซูซี่มองเอกพลแล้วของขึ้น
“ฉันอยากจะเอาเท้าขยี้หน้ามันเหลือเกิน”
“ท่องไว้ค่ะน้องแนน ลูกค้า ลูกค้า”
“ไอ้พิม รีบมาซะทีเถอะน่า”
ที่บ้านชุติภา ชุติภามองภาณุวัฒน์กับพิมมาลาอย่างไม่อยากเชื่อ
“พวกคุณอนุญาตโดยที่ไม่บอกฉันอย่างนั้นเหรอ นี่ไม่รู้จักคำว่าให้เกียรติเลยสินะ แต่ฉันก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะคนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน ความคิดกับการรู้จักมารยาทสังคมคงจะน้อย”
“พ่อแม่ดิฉันสอนว่าเกียรติ เราจะให้กับคนที่สมควรได้รับ ใครทำกับเราอย่างไรก็สมควรได้รับสิ่งนั้นกลับคืนไป”
“ตาต่อตา ฟันต่อฟันน่ะครับ”
ชุติภาผุดลุกขึ้นทันที
“รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร สายเลือดของตาต้นน่ะยิ่งใหญ่ขนาดไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ดิฉันกับสามีไม่เคยยึดติดกับอดีต ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นเรื่องที่เราสมมติขึ้นทั้งนั้น การกระทำที่ดีต่างหากที่เราควรจะเคารพศรัทธา มองไปรอบๆ สิคะ เราก็เป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆ บนแผ่นดิน ถ้าไม่มีใครเรียกคุณหญิงคุณย่าก็เป็นแค่...”
ภัทรพลพูดต่อทันที
“หญิงชราเอาแต่ใจน่ะครับ”
“แก”
พิมมาลามองภัทรพลอย่างตำหนิ
“ตาภัทร”
“ขอโทษครับ ผมปากไวไปหน่อย” ภัทรพลยกมือไหว้
“ให้มันรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ซะบ้าง”
“แม่สอนให้ผมเคารพคนตามมารยาทครับ ขอทานแก่ๆ ผมก็ไหว้ครับ ถ้าเขาเป็นคนดี”
“แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะคะ” มิ้นท์ถามต่อ
“ก็คิดว่าไหว้หมาไหว้แมวขำๆ น่ะครับ”
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ชุติภาลุกขึ้น มิ้นท์ตกใจ
“มากไปแล้วนะ”
“คุณย่าโมโหอะไรครับ ผมพูดถึงคนไม่ดีนะครับ คุณย่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นนี่ครับ”
ชุติภาหน้าตาเดือดมากจะกินเลือดกินเนื้อ
ที่สวนสาธารณะ การะเกตุเดินเข้ามาเสียงแข็งใส่
“จะต้องให้ฉันรออีกนานแค่ไหน”
ลัลนาหน้าตึงแต่พยายามกดไว้เต็มที่
“สักครู่นะคะ คุณฤชวีกำลังเดินทางมาค่ะ ใกล้จะถึงแล้ว”
การะเกตุมองลัลนาอย่างดูถูก
“ฉันจ้างนารีให้ทำงานก็เพราะคิดว่าจะมีศักยภาพพอแต่แค่นี้ก็เห็นแล้วว่ามาตรฐานต่ำแค่ไหน ฉันคงต้องคุยเรื่องนี้กับคุณสุกัญญา”
ตรีวิญเห็นว่าเรื่องจะไปกันใหญ่
“คุณการะเกตุใจเย็นๆ นะครับ ผมรับรองว่างานจะต้องเสร็จภายในวันนี้แน่ๆ”
“ทั้งที่เที่ยงแล้วยังไม่เห็นหน้าพรีเซ็นเตอร์ มันจะเป็นไปได้ยังไง”
รถของพิมภาเข้ามาจอดเอี๊ยด พิมภากับฤชวีลงมาจากรถ
“ขอโทษนะครับที่มาช้า พอดีผมไปพบคุณย่ามาน่ะครับ” ฤชวีบอก การะเกตุฉีกยิ้มให้ทันที
“ไม่เป็นไรค่ะคุณต้น สายนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เหรอคะ” นันทิกานต์กับซูซี่ ถามออกมาพร้อมกันแต่การะเกตุไม่สนใจหันไปมองพิมภา
“ว่าแต่ คุณพิมมาทำไมเหรอคะ นี่เป็นการทำงานแยกไม่ออกเหรอคะว่าไม่ควรจะยุ่มย่าม”
“คุณพิมไม่ได้มาคุมคุณฤชวีค่ะ แต่คุณพิมมาในฐานะแอ็คติ้งโค้ชของคุณฤชวี” ลัลนาบอก การะเกตุถึงกับอึ้ง
“ผมไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อนเลยต้องรบกวนขอแอ็คติ้งโค้ชเพื่อความมั่นใจน่ะครับ” ฤชวีบอก
“จะเริ่มงานกันเลยไหมคะ เดี๋ยวจะช้า”
ลัลนาถามด้วยสีหน้าเป็นต่อมาก
ที่บ้านชุติภา ชุติภามองภาณุวัฒน์กับพิมมาลาอย่างไม่ยอมแพ้
“ตาต้นอาจจะโง่จนดูไม่ออกว่ากำลังติดบ่วงพวกตาสีตาสา แต่ฉันจะไม่มีวันยอมรับผู้หญิงที่ทำตัวง่ายๆ กำพืดตลาดเป็นอันขาด”
พิมมาลากับภาณุวัฒน์ผุดลุกขึ้นจนมิ้นท์ตกใจ
“ใจเย็นๆ กันนะคะ”
“แสดงออกมาเลยสิ ให้มันเห็นเทือกเถาเหล่ากอกันไปเลย”
แต่ภาณุวัฒน์กับพิมมาลายิ้มออกมา
“ดิฉันมาวันนี้เพื่อทำความรู้จักกับคุณย่าเพราะดิฉันเห็นว่าเด็กสองคนนั้นรักกัน แต่วันนี้คุณย่าคงยังไม่พร้อม”
“และไม่มีวันพร้อม”
“เราก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะคะ ดิฉันเชื่อว่าสักวันคุณย่าจะเข้าใจว่าความสุขที่แท้จริงของหลานชายคุณย่าคืออะไร” พิมมาลาหันไปพยักหน้ากับภาณุวัฒน์ว่ากลับ
“วันนี้พวกผมขอตัวกลับก่อน ยินดีนะครับที่ได้พบคุณย่า”
กลุ่มภาณุวัฒน์ไหว้ชุติภา ชุติภารับไหว้แบบเสียมิได้ กลุ่มภาณุวัฒน์ออกไป มิ้นท์มองตาม
“ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ชุติภาหันขวับมองมิ้นท์ มิ้นท์หดหลบไปเลย
“ฉันต้องหาจุดอ่อนพวกแกให้เจอแล้วเขี่ยพวกแกออกจากชีวิตหลานฉันให้ได้”
การะเกตุมองฤชวีที่นั่งแต่งหน้า
“เราจะถ่ายสองคัทนะคะ คัทล้างหน้า แล้วก็คัทสองคือคัทอ่างโฟม ที่ฟองนุ่มละมุนราวกับสัมผัสจากหญิงสาวแสนสวยนะคะ เราจะถ่ายคัทแรกก่อนนะคะ” ฤชวีพยักหน้ารับรู้ การะเกตุมองๆ แล้วก็ลุกขึ้นไปหาลัลนา “เสื้อผ้าฉันล่ะ” ลัลนาทำหน้างง “ฉันจะไปเปลี่ยนชุดเตรียมถ่ายโฆษณากับคุณต้นไง”
พิมภากับลัลนายิ้ม ซูซี่พากิ่งแก้วเข้ามา
“นางแบบมาแล้วค่ะ”
การะเกตุมองกิ่งแก้วอย่างไม่พอใจ
“ทำไมต้องหานางแบบมาในเมื่อฉันก็เหมาะสมที่จะประกบกับคุณต้นอยู่แล้ว”
“คุณกิ่งแก้วจะดูสดกว่าค่ะ ไม่เคยผ่านงานจนถลอกปอกเปิก เอ่อ ฉันหมายถึงว่าหน้าใหม่น่ะค่ะ องค์ประกอบดี นายแบบจะได้ดูเฟรชสมกับสินค้าน่ะค่ะ”
“แต่ฉันบอกแล้วนี่ว่าฉันจะเล่นเอง คิดจะขัดคำสั่งฉันอย่างนั้นเหรอ”
ลัลนามองเหมือนอึ้งแต่...
“คือ ฉันเข้าใจค่ะว่าคุณการะเกตุอยากเป็นนางแบบประกบคุณฤชวีมาก แต่คุณฤชวีแจ้งความประสงค์ที่จะเลือกนางแบบครั้งนี้เองค่ะ”
การะเกตุหันมองฤชวี ฤชวีรับลูกทันที
“ใช่ครับ มันเป็นครั้งแรกในการทำงานของผม ถ้าเป็นคนคุ้นเคยจะดีกว่า”
“คนคุ้นเคย?”
“กิ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมน่ะครับ”
“สวัสดีค่ะ คุณย่าชุติภาพูดถึงคุณการะเกตุให้ดิฉันฟังบ่อยๆ ว่าเป็นคนเก่งใจเย็น แล้วก็มารยาทงาม”
“คุณกิ่งได้มาเจอตัวจริงจะได้คอนเฟิร์มกับคุณย่าว่า คุณเกตุน่ารักอย่างที่คุณย่าบอกใช่มั้ยคะ” พิมภาบอก พอการะเกตุรู้ว่ากิ่งแก้วสนิทกับชุติภาก็ไม่กล้าออกฤทธิ์มากจำต้องยอม
“คุณเกตุยังมีปัญหาเรื่องนางแบบอยู่มั้ยคะ”
“ถ้าคุณต้นรับรอง เกตุก็ไม่ขัดข้องค่ะ”
“แบบนี้โอเคไหมครับ” ฤชวีกระซิบกับพิมภา พิมภายิ้มพอใจแต่ตอบกวนๆ
“ก็ดี”
“คุณลัล เชิญทางนี้สิ”
ลัลนาต้องตามการะเกตุไป
“แต่งหน้าเสร็จแล้วรีบตามไปนะคุณต้น ฉันต้องไปช่วยเพื่อนก่อน” พิมภาบอก
“ผมดีใจนะที่เห็นคุณมีเพื่อน”
“หมายความว่ายังไง”
“ว่าคุณเก่งไงครับรับศัตรูเป็นเพื่อนได้ เก่งมากเลยครับ”
พิมภามองแบบรู้นะว่าไม่ใช่ความหมายอย่างที่พูด ฤชวียิ้มตาใสใส่
พิมภาเดินออกมาเห็นการะเกตุตะคอกลัลนา
“ไปเอาน้ำมา ฉันร้อน”
“เดี๋ยวพี่ไปเอาให้เอง” ซูซี่บอก
“ฉันสั่งลัลนา คนอื่นอย่ายุ่ง”
ลัลนามองการะเกตุ การะเกตุมองตอบแบบจะทำไม จะไม่ทำตามหรือไง ลัลนาจำต้องกล้ำกลืนเดินไปหยิบน้ำจะเอามาให้การะเกตุ
“วางสิ ถือไว้ทำไม”
ลัลนากัดฟันด้วยความโกรธ ลัลนากำลังจะวางแต่พิมภาเข้ามาดึงแก้วน้ำไป ลัลนากับการะเกตุมอง
“น้ำธรรมดาสำหรับคุณเกตุไม่หายร้อนหรอกค่ะ ดับทุกข์ ดับร้อนซะหน่อยนะคะ” การะเกตุมองว่าหมายความว่ายังไง พิมภายกแก้วน้ำขึ้นแล้วสวด “สัพเพ สัตตา อะเวราโหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ ไปที่ชอบที่ชอบ อย่ามาเร่าร้อน ร้องแลกแหกกะเชอกันเลย สาธุ นัง ปะริหะรันตุ...” พิมภาวางแก้วน้ำไว้ข้างที่นั่งการะเกตุ “คราวนี้คงจะเย็นขึ้นบ้างแล้วนะคะ เราจะได้ไปทำงานน่ะค่ะ”
ลัลนามองพิมภาอย่างขอบคุณ พิมภาดึงลัลนาไป การะเกตุมองตามแค้นๆ
ฤชวีใส่เสื้อคลุมเดินมาที่ห้องน้ำแต่ได้ยินเสียงจากด้านหลัง
“พี่ถามว่าเป็นอะไร” ฤชวีตัดสินใจขยับหาที่มองว่าเป็นเสียงใคร จึงเห็นเอกพลกำลังบีบแขนปราสินีกระชากอย่างแรง “เธอยังไม่ได้ทำแท้งใช่มั้ยปลา”
ปราสินีหลบตาเอกพล
“ทำเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ถ้าเรียบร้อยแล้วได้ที่โอ้กอ้ากอยู่นี่เธอเป็นอะไร”
“ปลาเป็นโรคกระเพาะค่ะ”
“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ไปทำงานได้แล้ว”
ฤชวีมองท่าทีคุกคามของเอกพลที่มีต่อปราสินีรู้สึกว่าปราสินีโกหก
ฤชวีเดินเข้ามาที่เซ็ทถ่ายฉากล้างหน้า
“ถอดเสื้อคลุมเลยครับ”
ผู้กำกับบอก ฤชวีถอดเสื้อคลุมโชว์ซิกแพ็ก เรียกเสียงฮือฮาจากซูซี่ นันทิกานต์ที่ต่างพากันปาดน้ำลายของอีกฝ่าย การะเกตุมองตาวาว พิมภาออกอาการหวงเข้าประกบพาฤชวีไปที่ฉาก ผู้กำกับทำท่าอธิบายท่าทางที่ต้องการ พอผู้กำกับโค้ชเสร็จออกไปกับลัลนาที่หน้ามอนิเตอร์ พิมภาจะตามออกไป
“คุณพิม...ผมไม่มั่นใจเลย” ฤชวีเรียกอ้อนๆ
“คุณทำได้ค่ะ พิมเชื่อ” พิมภาจับมือฤชวีอย่างให้กำลังใจ
ตรีวิญมองมือของพิมภาที่จับมือฤชวี ตรีวิญมองอย่างอิจฉา
พิมภาเดินมายืนดูที่หน้ามอนิเตอร์ ลัลนา การะเกตุ ปราสินีอยู่แล้ว ผู้กำกับสั่งถ่าย ตรีวิญเดินเข้ามายืนข้างพิมภา ระหว่างที่กำลังถ่ายทำทุกคนพุ่งความสนใจที่มอนิเตอร์ พิมภามองลุ้น
ตรีวิญมองพิมภาที่มองฤชวีอย่างให้ความสนใจมาก ตรีวิญมองแล้วตัดสินใจขยับเข้ามายืนใกล้พิมภา แล้วอาศัยจังหวะที่ทุกคนมองมอนิเตอร์ถือโอกาสจับมือพิมภา พิมภาตกใจจะดึงออกแต่ตรีวิญจับไว้แน่น พิมภาพยายามดึง การะเกตุหันมามองว่ายุกยิกอะไรพิมภาจึงต้องไขว้มือไปด้านหลังไม่ให้คนอื่นเห็น พิมภาจำต้องยืนนิ่งไม่สบายใจ
เอกพลเดินเข้ามาจากด้านหลังทั้งคู่ เอกพลเห็นตรีวิญจับมือพิมภาจึงหยิบมือถือถ่ายภาพมือของตรีวิญที่จับมือพิมภาไว้
“คัทครับ”
ทุกคนขยับจะเข้าไปที่ฉาก พิมภาตัดสินใจกระชากจนหลุดแล้วรีบเข้าไปหาฤชวี ตรีวิญมองพลางกำมือข้างที่เกี่ยวก้อยพิมภามองตามอย่างหลงใหล เอกพลมองตรีวิญอย่างจับสังเกต
ภาพที่มอนิเตอร์ฤชวีกำลังยืนมองกระจกถ่ายคัทที่หลังล้างหน้า หน้าใสปิ๊ง ทุกคนมองอย่างพอใจ ตรีวิญจะขยับมาหาพิมภา แต่พิมภาเดินไปข้างกิ่งแก้วใช้กิ่งแก้วกันไว้
“ต้นนี่หล่อไม่เบาเลยนะคะ” กิ่งแก้วหันมาเห็นพิมภาดูหน้าเครียดๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณพิม”
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้คงเครียดๆ น่ะค่ะ”
ตรีวิญมองพิมภาแบบตัดพ้อ พิมภาอึดอัดหันไปทางมอนิเตอร์พยายามไม่สบตาตรีวิญ มือถือกิ่งแก้วสั่น กิ่งแก้วกดรับแล้วเดินห่างออกมา
“ว่าไงมิ้นท์ ของพี่ถ่ายเสร็จแล้ว ทางมิ้นท์ล่ะเรียบร้อยมั้ย”
มิ้นท์อยู่ที่บ้านชุติภา มิ้นท์คุยมือถือท่าทางเครียดมาก
“เรียบ ราบเป็นหน้ากลองเลยน่ะสิพี่กิ่ง” ชุติภาเดินมาจากอีกทางเห็นมิ้นท์กำลังคุยโทรศัพท์จะเดินผ่านไป แต่ชะงักที่ได้ยินมิ้นท์พูด “คุณย่าน่ะตั้งกำแพงสูงปรี๊ดเลย นี่ขนาดคิดว่าพี่ต้นกับคุณพิมเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ยังขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าพี่ต้นเป็นสามีกำมะลอให้พี่พิมนะ ตายเรียงตัวแน่”
ชุติภาอึ้ง
“แต่ต้นเขารักคุณพิมจริงๆ นะ”
“ก็รู้ว่าพี่ต้นเขารักจริง แต่ถ้ายังจีบไม่ติดล่ะเรื่องใหญ่แน่ ขอให้พี่ต้นจีบพี่พิมให้ติดเร็วๆ เถอะ จะได้ฟินาเล่เฮฮาสักที”
ฝั่งกิ่งแก้ว ผู้กำกับสั่งคัท
“คัท โอเคครับ”
“เดี๋ยวพี่ต้องทำงานแล้ว ทำงานเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ”
“เร็วๆ นะพี่ มิ้นท์อยากเม้าท์”
มิ้นท์วางสายแล้วลงนอนเซ็งๆ ชุติภามองโกรธมากจะเข้าไปหามิ้นท์แล้วชะงักว่าไม่บอกไม่อยากให้ทางฤชวีรู้ตัวว่าความลับแตกแล้ว ชุติภาเดินออกไป
ที่เซ็ทถูกกันฉากไว้ ตรงกลางถูกกันด้วยบล็อกขนาดสี่คูณสี่เมตร ด้านล่างมีเบาะถูกวางรองพื้นไว้ ทีมงานยิงฟองโฟมฟูฟ่องเต็มไปหมด ฤชวีเดินเข้ามาตรงริมบล็อก ผู้กำกับ พิมภา ลัลนา กิ่งแก้ว การะเกตุเข้ามาฟังด้วย
“คุณฤชวีขยับเข้าไปตรงกลางนะครับ ส่วนนางแบบเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ หันหลังให้กับกล้องนะครับ พอผมสั่งแอ็คชั่น โฟมจะถูกยิงเพิ่มเข้าไป แล้วนางแบบก็ใช้หลังมือไล้จากแก้มลงมาที่คาง คุณฤชวีขอสีหน้าเคลิ้มนิดๆ นะครับ ประมาณว่าฟองของโฟมล้างหน้านุ่มเนียนราวกับสัมผัสจากสาวสวยนะครับ”
ฤชวีพยักหน้าเข้าใจ ผู้กำกับกับคนอื่นๆ เดินไปที่มอนิเตอร์ พิมภาจะตาม
“คุณพิม”
“คะ?”
“ทำหน้าเคลิ้มน่ะครับ ผม...”
“เอาอย่างนี้” พิมภาลองทำเป็นนางแบบไล้เบาๆ ที่แก้มฤชวี “นุ่มมั้ยคะ”
ฤชวีถึงกับเคลิ้ม
“นุ่มมากครับ”
“ความรู้สึกนี้เลยนะคะ หน้าแบบนี้เลย คุณทำได้นะคะ”
ฤชวีหันมาใช้ปากแตะที่มือพิมภาเหมือนจูบเบาๆ แล้วยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
พิมภาหน้าแดง ตรีวิญ การะเกตุ เอกพลและคนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์ นันทิกานต์ ซูซี่ฮิ้ว ขึ้นมา
“หวานจุกอกแล้วค่า คุณต้น”
“นี่จะเริ่มถ่ายได้หรือยัง” การะเกตุถามอย่างหัวเสีย
“ตั้งใจทำงานนะคะ คุณสามี” พิมภาบอกกับฤขวี
“ครับ คุณภรรยา” ฤชวียิ้มให้พิมภาอย่างน่ารัก
กิ่งแก้วกับฤชวีเดินเข้าไปตรงกลางรอการถ่ายทำ พิมภาเดินกลับมาที่หน้ามอนิเตอร์ การะเกตุมองอย่างหมั่นไส้แล้วพูดขึ้นลอยๆ
“คัน...ไม่เลือกที่เลยนะ”
พิมภากับแก๊งลัลนาชะงักหันมองการะเกตุ การะเกตุยิ้มเย้ย
“นี่”
“ลัลจ๊ะ เอาใบตองแห้งมาให้คุณเกตุหน่อยสิ”
“เอามาทำไมคะ” พิมภายิ้มก่อนตอบ
“อยากได้คัตตั้นบัตมาแยงหูแต่มีปัญญาแค่...” พิมภามองทางเอกพล “ใช้เศษฟางมาม้วนแล้วปั่นแก้คัน ก็ทำได้แค่เห่าน่ะจ๊ะ น่าสมเพชนะจ๊ะ”
“อ๋อ เอาใบตองแห้งมาให้หมามันเห่านี่เอง”
แก๊งค์ลัลนาขำตีมือกันอย่างชอบใจ การะเกตุมองพิมภาแค้นมาก พิมภายิ้มสะใจ เอกพลมองพิมภาอย่างไม่พอใจปราสินีมองเหตุการณ์แต่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก หน้าจะมืด ผู้กำกับฟังอ้าปากหวอ ลัลนาหันมาเห็น
“ทำงานสิค้า ผู้กำกับ”
“ครับ พร้อมนะ แอ็คชั่น”
ภาพที่มอนิเตอร์ โฟมโดนยิงเข้ามา ฤชวียืนหล่อ กิ่งแก้วค่อยๆ ทำตามคิว ฤชวีหน้าเคลิ้ม พิมภากับคนอื่นๆ มองพอใจ แต่การะเกตุมองพิมภาคิดจะหาทางเล่นงาน การะเกตุมองโฟมที่ถูกปล่อยออกมาแล้วได้ความคิดบางอย่าง
“คัท” การะเกตุบอกเสียงดัง ทุกคนหันมองการะเกตุ “คุณต้นหน้ายังไม่ได้อารมณ์เท่าไหร่ ฉันอยากให้เขาเคลิ้มกว่านี้ สั่งให้คนปล่อยโฟมมาเยอะๆ” การะเกตุหันไปบอกเอกพล
“ทำไมครับ”
“ฉันสั่ง”
“ครับ”
เอกพลรับคำสั่งหน้าตึง การะเกตุรีบเดินไปหาฤชวี พิมภา ลัลนารีบตามไป ผู้กำกับมองงง
การะเกตุตรงเข้าไปหาฤชวีด้านใน ฤชวีกับกิ่งแก้วงงว่ามีอะไร
“คุณต้นคะเกตุอยากให้ตอน...”
การะเกตุเอามือวางที่แขนของฤชวีแล้วลูบ ฤชวีอึ้งแต่ยังไม่ทันขยับออก พิมภาก็รีบเข้ามาแทรกดันการะเกตุออก
“คุณเกตุต้องการอะไร เดี๋ยวดิฉันจัดการให้”
เอกพลสั่งคนปล่อยโฟมให้ปล่อยโฟม ภายในโฟมถูกปล่อยออกมา ทุกคนตกใจ
“เฮ้ย! ใครสั่งปล่อยโฟมวะ”
ผู้กำกับถามอย่างตกใจ ข้างในบล็อกทุกคนกำลังงง การะเกตุได้ทีช่วงที่โฟมหนาผลักพิมภาล้มไปทันที
“ว้าย”
ฤชวีกับกิ่งแก้วที่โดนโฟมบังมองไม่เห็น การะเกตุตามลงไปจะเล่นงานพิมภา แต่พิมภาที่ตั้งสติได้ถีบการะเกตุปึ้ก พิมภาตามไปนัวกับการะเกตุภายในโฟม
“คุณพิม”
ลัลนากับนันทิกานต์เห็นท่าไม่ดี
“แนน”
ลัลนากับนันทิกานต์ตามเข้าไปช่วยนัวสุดฤทธิ์ เสียงผัวะ เพียะดังออกมา เห็นสลับเป็นการะเกตุโผล่ออกมาทางกิ่งแก้ว กิ่งแก้วมองซ้ายมองขวาแล้วผลักการะเกตุกลับเข้าไป
“ตายแล้ว ลื่นเหรอคะนั่น” กิ่งแก้วแอบยิ้ม
การะเกตุโผล่ขึ้นมาอีกแล้วโดนจิกหายเข้าไปในโฟม มีพิมภาโผล่บ้างแต่การะเกตุล็อคคอกลับเข้าไป ฤชวีโผเข้าไปในโฟมพยายามจะช่วยพิมภาออกมา ฤชวีออกมาพร้อมกับอุ้มพิมภาที่ตัวเลอะฟองออกมา
“ปล่อยฉัน คุณต้น”
“ทุกคนมองอยู่นะครับ คุณพิม” ฤชวีกระซิบข้างหูพิมภา พิมภาได้สติชะงักก่อนจะแอ็คติ้งอย่างเนียนๆ
“คุณเกตุลื่นน่ะค่ะ ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”
“คุณเกตุ! ช่วยคุณเกตุออกมาสิโว้ย”
เอกพลวิ่งเข้ามาและไม่ทันขาดคำร่างการะเกตุก็ถูกโยนออกมาจากกลุ่มโฟมในสภาพสะบักสะบอมมาก เอกพลเข้าไปดู ปราสินีมองอย่างเจ็บปวด ลัลนากับนันทิกานต์เดินออกมาจากโฟม ตัวเลอะแต่สีหน้าสะใจมาก
“ลัลตกใจแทบแย่เลยค่ะ เห็นคุณเกตุลื่นคิดว่าจะเป็นอะไรไปซะแล้ว”
“หืม ดูสิ ล้มหน้าคว่ำ เป็นรอยหมดเลยค่ะ เจ็บมั้ยคะ”
การะเกตุมองอย่างแค้น
“เสียเวลามามากแล้วทำงานต่อเถอะค่ะ”
การะเกตุยืนจ้องพิมภา
“ออกจากเซ็ทด้วยครับ จะทำงานครับ”
ผู้กำกับบอก การะเกตุจำต้องเดินกลับมาที่หน้ามอนิเตอร์อย่างหงุดหงิด ลัลนา นันทิกานต์เดินมาหาพิมภา แล้วตีมือยิ้มกันอย่างสะใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่มอนิเตอร์ กิ่งแก้วกับฤชวีกลับไปเข้าที่
“สู้คน หัวไว ใจถึงแบบนี้ เหมือนคุณย่าชุติภาเลยนะ ถ้าเข้าขากันได้ล่ะก้อ” กิ่งแก้วบอกฤชวียิ้มๆ
“ต้นคงตายแน่ล่ะ”
“อันนี้จริง”
“พร้อมนะครับ แอ็คชั่น”
ผู้กำกับสั่ง โฟมถูกปล่อยออกมา
ภาพในมอนิเตอร์ ฤชวีกับกิ่งแก้วเล่นได้ตามคิวไม่มีที่ติ
“ผ่านครับ เลิกกอง”
ผู้กำกับดีใจออกนอกหน้าที่งานเสร็จ พิมภาส่งผ้าขนหนูให้ฤชวี ฤชวีหันมองทางมอนิเตอร์เห็นปราสินีดูสีหน้าไม่ดีนัก ปราสินีเดินหลบออกไป
“ทุกอย่างโอเค คุณเก่งมาก เสร็จงานวันนี้แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะ” พิมภาบอกกับฤชวี
“ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะ”
ฤชวีรีบเดินออกไป พิมภามองตามท่าทีฤชวีที่ดูรีบร้อน
ปราสินีเดินออกมาด้านนอก เธอเครียดจนปวดท้อง ฤชวีเข้ามารับไว้
“คุณ เป็นยังไงบ้าง”
“ฉันปวดท้อง ฉันไม่ไหว”
“ไปโรงพยาบาลดีกว่านะครับ”
ฤชวีพาปราสินีออกมาที่ถนนแล้วโบกแท็กซี่ ฤชวีพาปราสินีขึ้นรถไป พิมภาออกมาเห็น
“คุณต้น คุณต้น”
พิมภากดมือถือโทรหาฤชวี
บนรถแท๊กซี่ ปราสินีนั่งพิงเบาะอย่างหมดแรงสีหน้าปราสินีดูแย่มาก
“คุณฝากท้องไว้ที่ไหนครับ”
ฤชวีถาม ปราสินีมองฤชวีอึ้ง
“ทำไมคุณรู้”
“ผมเห็นคุณกับคุณเอกพล...”
ปราสินีหน้าเสียนิ่งไป เสียงมือถือฤชวีดังขึ้น ฤชวีกดรับ
“ครับคุณพิม”
“คุณไปไหน”
“ผมกำลังจะ...” ปราสินีจับแขนฤชวียึดไว้ ส่ายหน้าไม่ให้บอก “คุณย่าเรียกตัวผมด่วนน่ะครับ ผมเลยต้องรีบออกมาก่อน คุณไปรอที่คอนโดนะครับ ผมจะรีบตามไป”
พิมภาวางสายโกรธที่ฤชวีโกหก ปราสินีมองฤชวีอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะที่ไม่บอกพิมเรื่องฉัน คุณคงรู้ว่าฉันทำเรื่องร้ายๆ ไว้มาก ฉันไม่อยากโดนซ้ำเติม”
“คุณพิมไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ ถ้าคุณบอก...”
“อย่านะคะ อย่าบอกพิมกับแนน ปลาขอร้อง นะคะ...แค่เรื่องพี่เอกปลาก็รับไม่ไหวแล้ว ปลาขอร้องอย่าบอกคนที่นารีนะคะ สัญญานะคะ” ปราสินีน้ำตาคลอ
“ครับ ผมสัญญา”
ฤชวีรับปากอย่างหนักใจ
เอกพลกับการะเกตุออกมาจากสวนสาธารณะ
“เจ็บใจนัก พวกมันรุมฉัน แล้วปราสินีล่ะ”
การะเกตุตะคอกถามเอกพลอย่างหงุดหงิด เอกพลหน้าตึงแต่ยังเก็บอาการ
“ไม่ทราบครับคงกลับไปแล้ว”
กลุ่มลัลนาออกมา กิ่งแก้ว ตรีวิญเดินออกมามองหา
“คุณแนน คุณพิมล่ะครับไปไหน”
นันทิกานต์มองหาแล้วเดินไปที่รถส่องดู
“ไอ้พิม” นันทิกานต์เคาะกระจก พิมภาเปิดประตูออกมา “แกมาหลบทำไมตรงนี้”
“ฉันไม่ค่อยสบาย”
“แล้วนี่ต้นไปไหนล่ะคะ ถ่ายเสร็จก็หายไปเลย” กิ่งแก้วถามหาฤชวี ทำให้พิมภาจี๊ดขึ้นมา
“เขากลับไปแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปส่งคุณพิมนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแนน...”
“ดีเหมือนกันค่ะ รบกวนคุณตรีวิญด้วยนะคะ”
“เฮ้ย ไอ้พิม”
พิมภาตามตรีวิญไป กิ่งแก้วมองนันทิกานต์
“คุณแนนคะ ทำไมคุณพิมถึง...”
“ต้องมีอะไรแน่ๆ”
แก๊งลัลนามองตามอย่างงงๆ ทุกอย่างอยู่ในสายตาการะเกตุกับเอกพล
“พิมภากับนายตรีวิญนี่ดูจะแปลกๆ นะ”
การะเกตุบอก เอกพลจึงยกมือถือให้ดู
“ก็คงเพราะ...”
การะเกตุเห็นภาพตรีวิญจับมือพิมภา การะเกตุมองยิ้มร้าย ที่มือถือการะเกตุดัง
“สวัสดีค่ะ คุณย่าชุติภา มีอะไรเหรอคะ”
การะเกตุกับสินีนาฎมาหาชุติภาที่บ้าน ทั้งคู่ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ชุติภาบอก
“สองคนนั้นไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ เหรอ”
“พวกนั้นโกหกฉัน”
“พวกนั้นคงเห็นเธอโง่มาก” ชุติภายิ่งโกรธ “ไม่ใช่เรื่องจริงก็ดี เราก็จัดการแยกสองคนนั้นเลยสิ”
“แต่ตาต้นน่ะรักพิมภาจริงๆ น่ะสิ ตาต้นลองดื้อล่ะก็ ฉันก็เอาไม่อยู่หรอกนะ” ชุติภาบอกอย่างหนักใจ
“ไม่มีปัญหาค่ะ เกตุมีวิธีให้สองคนนั้นแยกกันโดยที่เราไม่ต้องลงมือเลย”
การะเกตุบอกยิ้มๆ ชุติภา สินีนาฎมองว่าวิธีอะไร
ทางด้านพิมภา ขณะนั่งรถมากับตรีวิญ พิมภาเอาแต่นั่งเงียบ มือกำมือถือไว้แน่นใจอยากจะโทรออกแต่ก็ไม่ทำ ตรีวิญแอบสังเกตอาการพิมภารู้ว่าพิมภาอยากโทรหาฤชวีแต่ไม่ทำ
“ขอโทษนะครับคุณพิม อยู่ๆ คุณฤชวีหายไปไหนเหรอครับ”
ตรีวิญรู้ว่าคำถามของตัวเองกระทุ้งต่อมนอยด์ของพิมภาอย่างจัง แต่ก็ปั้นหน้าทำเป็นอยากรู้จริง
“คุณต้นมีธุระน่ะค่ะ”
“แล้วเค้ารู้รึเปล่าครับว่าคุณไม่สบาย”
พิมภาพยายามสะกดความน้อยใจเอาไว้แต่ก็ไม่วายแสดงอาการออกมาให้ตรีวิญเห็นจนได้
“ไม่รู้ค่ะ”
“โทรบอกดีมั้ยครับ”
ตรีวิญถามทั้งที่รู้ว่าพิมภาไม่อยากโทร
“ไม่ค่ะ”
พิมภานิ่งไม่ตอบ แต่นึกถึงตอนที่ฤชวีโกหกว่าชุติภาเรียกตัว
เสียงมือถือฤชวีดังขึ้น ฤชวีกดรับ
“ครับคุณพิม”
“คุณไปไหน”
“ผมกำลังจะ...” ปราสินีจับแขนฤชวียึดไว้ ส่ายหน้าไม่ให้บอก “คุณย่าเรียกตัวผมด่วนน่ะครับ ผมเลยต้องรีบออกมาก่อน คุณไปรอที่คอนโดนะครับ ผมจะรีบตามไป”
พิมภาวางสายโกรธที่ฤชวีโกหก
พิมภารู้สึกตัวอีกทีเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของพิมภาดัง พิมภาหวังให้เป็นฤชวีโทรมาแต่เห็นว่าเป็นภัทรพลโทรมา
“ไอ้พิม แกอยู่ไหน”
“กำลังกลับบ้าน คุณตรีวิญมาส่ง”
“แล้วทำไมแกไม่กลับมาพร้อมคุณต้น คุณต้นกลับมาถึงบ้านตั้งนานแล้วนี่แกแผลงฤทธิ์อะไรกับคุณต้นอีกรึเปล่า”
เสียงภัทรพลดังแผดออกมากจนตรีวิญได้ยิน
“คุณต้นเค้าถูกคุณย่าเรียกตัวด่วน เค้าไม่ได้บอกพี่ภัทรเหรอ หรือว่าเค้าบอกไม่ตรงกัน” พิมภาพูดเองก็รู้สึกเจ็บเอง “แค่นี้นะพี่ภัทร พิมใกล้ถึงแล้ว”
พิมภาวางสายแล้วมองไปนอกรถนิ่งๆ ตรีวิญมองอาการของพิมภานิ่งๆ แต่แววตาแสดงอาการพอใจ
ฤชวีมองอย่างกระวนกระวายที่พิมภายังไม่กลับมา จะโทรหาพิมภาแต่ภัทรพลเดินเข้ามาพอดี
“ไม่โทรต้องหรอก ไอ้พิมใกล้ถึงแล้ว” ภัทรพลมองหน้าฤชวี “นี่ทำไมคุณถึงทิ้งพิมไว้แบบนั้น”
“ผมมีธุระครับ”
ภัทรพลอ่านน้ำเสียงและสีหน้าของฤชวีออกว่าต้องเป็นเรื่องที่พิมภารู้ไม่ได้
“ธุระที่บอกไอ้พิมไม่ได้ใช่มั้ย”
“ครับ”
“คิดว่าโกหกไอ้พิมแล้วมันจะจบเรื่องเหรอคุณต้น”
ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และฟังอยู่นานแล้ว มองหน้ากันแล้วตัดสินใจพูดกับฤชวี
“ผู้ชายน่ะ ชอบคิดว่าการโกหกเป็นการรักษาน้ำใจผู้หญิง ดีกว่าให้เค้ารู้ความจริงที่เค้าไม่อยากรู้”
“แล้วอยากรู้มุมมองของผู้หญิงบ้างมั้ยล่ะ”
“ว่ามาสิแม่ ถ้าผู้ชายบอกความจริงจะโกรธมั้ย”
“โกรธ แต่ยังดีกว่าการโกหก เพราะมันจะทำให้เรื่องบานปลาย โดยเฉพาะถ้าเค้ารู้เรื่องนั้นจากคนอื่น แต่ถ้าโชคร้ายเค้าสืบรู้เอง นึกภาพออกมั้ยว่าจะเป็นยังไง”
ฤชวีหน้าเสีย รู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปแล้ว
“คือ”
ฤชวียังไม่ทันจะเล่าอะไร พิมภาก็เปิดประตูเข้ามา ฤชวีดีใจที่พิมภากลับมา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะตรีวิญเดินตามเข้ามาด้วย ฤชวีมองหน้าพิมภา พิมภานิ่งไม่พูดอะไร
“คุณพิมไม่สบายครับ ผมก็เลยมาส่ง”
ตรีวิญบอก ฤชวีมองหน้าพิมภาอย่างเคืองๆ พิมภามองตอบ สองคนยืนจ้องหน้ากัน บรรยากาศทั้งห้องตึงเครียด
พิมภากับฤชวีต่างคนต่างนอนอยู่ในที่ตัวเองหันหลังให้กัน มีแค่ไฟหัวเตียงที่ยังเปิดอยู่ พิมภานอนลืมตาอยู่ในความมืดด้วยใบหน้าตึง เครียด น้อยใจ ความเงียบยิ่งทำให้ทั้งคู่อึดอัด ฤชวีคิดๆ แล้วทนไม่ไหว พลิกตัวขึ้นมานอนหงายแต่ยังไม่หันหน้าไปทางพิมภา เสียงฤชวีดังขึ้นมาทำลายความเงียบ
“คุณพิมไม่สบายทำไมไม่บอกผมครับ”
“ธุระของคุณย่าคุณ ปราสินีเกี่ยวด้วยเหรอคะ” ฤชวีตกใจที่ได้ยินพิมภาพูดแบบนั้น “บอกไม่ได้สินะคะ โอเคค่ะ เราต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัว มีเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้”
ฤชวีรู้สึกว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ ตัดสินใจจะบอกความจริงกับพิมภา
“คุณพิมครับ คือ...”
“ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ ฉันไม่อยากรู้ ขอโทษนะคะ ฉันง่วงนอนแล้ว”
พิมพาตัดบทแล้วดับไฟหัวเตียง ฤชวีพลิกตัวหันหลังให้พิมภาเหมือนเดิม
คุณสามี(กำมะลอ)ที่รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
วันต่อมาขณะที่พิมภากำลังดูแฟ้มรายงานยอดขายสินค้าอย่างตั้งใจ ตรีวิญแอบมองและหาจังหวะพูด
“อาการป่วยของคุณเป็นไงบ้างครับ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ พิมว่าหลังจากหนังตัวแรก อีกสองอาทิตย์เราจะปล่อยหนังโฆษณาตัวที่สองออกตามกันไปเลยดีกว่าค่ะ”
“แล้วคุณฤชวีว่าอะไรรึเปล่าครับที่ผมไปส่งคุณที่บ้าน”
“ขอโทษนะคะคุณตรีวิญ พิมอยากคุยเรื่องงานให้จบก่อน” ตรีวิญอึ้ง หน้าตึง “ขอโทษค่ะ คือลูกทีมของพิม
รอประชุมกับพิมต่อ พิมต้องรีบสรุปงานนะคะ”
พิมภาดันแฟ้มให้ตรีวิญอ่านอีกครั้ง ตรีวิญปิดแฟ้ม พิมภามองหน้าตรีวิญ
“คุณพิมครับ นอกจากเรื่องงาน เรามีเรื่องอื่นคุยกันบ้างได้มั้ยครับ”
สายตาและน้ำเสียงของตรีวิญถามอย่างมีความหมาย และพิมภาก็เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร
“ไม่ควรมีค่ะ”
“แต่ผมมี”
“คุณตรีวิญคะ พิมไม่รู้ว่าพิมเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ถูกต้องมั้ย แต่พิมแต่งงาน มีสามีแล้ว เรื่องที่คุณกำลังจะพูด พิมคิดว่าไม่ควรพูดกับผู้หญิงที่มีสามีแล้วนะคะ” พิมภารวบแฟ้ม แล้วยืนขึ้น “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว พิมขอกลับไปประชุมกับลูกทีมก่อนนะคะ” พิมภาตัดบทแล้วรีบเดินออกไป ตรีวิญลุกตามมา แล้วคว้ามือพิมภาไว้ พิมภามองหน้าตรีวิญแล้วมองมือตรีวิญที่จับมือพิมภาอยู่ พิมภาแกะมือตรีวิญออกอย่างสุภาพที่สุด “คุณตรีวิญที่พิมเคยรู้จัก ไม่เป็นแบบนี้นะคะ กรุณาให้เกียรติพิม และให้เกียรติตัวคุณเองด้วยนะคะ”
พิมภาเดินออกไป ตรีวิญมองตาม สายตาแสดงให้เห็นว่าไม่ยอมแพ้
“คุณเป็นคนทำให้ตัวตนที่แท้จริงของผมออกมาไงพิมภา ยังไงผมก็จะไม่ยอมแพ้”
มือถือของตรีวิญดัง เห็นว่าการะเกตุเป็นคนโทรเข้ามา
ตรีวิญมาพบกับการะเกตุที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตรีวิญนั่งอยู่ตรงข้ามการะเกตุที่ละเลียดจิบกาแฟอย่างใจเย็น
“ความจริงแล้ว คุณย่าของคุณต้นหมั้นหมายเกตุเอาไว้ให้คุณต้น แต่คุณต้นก็ถูกพิมภาหลอกให้แต่งงานด้วยซะก่อน” ตรีวิญงงว่าการะเกตุพูดเรื่องนี้กับเขาทำไม “บอกตามตรงนะคะ ฉันอยากได้คุณต้นคืนจากพิมภา”
“คุณมาพูดเรื่องนี้กับผมทำไมครับ”
“ยากมั้ยคะ การรักษาภาพให้ดูเป็นคนดีตลอดเวลาแบบนี้เนี่ย” การะเกตุจ้องหน้าตรีวิญอย่างเย้ยๆ ตรีวิญยังรักษาอาการมองการะเกตุอย่างประเมินว่าต้องการอะไร “ทั้งที่ความจริง คุณเองก็อยากได้เมียคนอื่นจนเห็นได้ชัดเลยล่ะคะ”
“ถ้าคุณยังไร้สาระแบบนี้อยู่ ผมขอตัวนะครับ”
ตรีวิญขยับจะลุก แต่การะเกตุชิงพูดเข้าเรื่องซะก่อน
“พิมภากับคุณต้นไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ฟังดูน่าสนใจมั้ยค่ะ”
ตรีวิญชะงัก หันกลับมาหาการะเกตุ
“คุณว่าอะไรนะ”
“สองคนนั่นแต่งงานกันหลอกๆ”
“เค้าจะทำแบบนั้นทำไม”
“ฉันไม่สนว่าเค้าจะทำทำไม แต่ฉันต้องได้คุณต้นมาเป็นของฉัน”
“คุณก็เลยคิดจะใช้ผมเป็นเครื่องมือ แยกคุณพิมกับสามีออกจากกัน คุณการะเกตุคุณบังคับผมไม่ได้หรอกนะครับ”
“ก็ทำไมฉันต้องบังคับคุณให้เหนื่อยล่ะคะ ในเมื่อคุณเองก็อยากทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ตรีวิญอึ้งที่การะเกตุรู้ความคิดของเขา “เป็นคนดี แต่ต้องแพ้ คุณยังอยากจะเป็นอีกเหรอคะ”
การะเกตุจ้องหน้าตรีวิญอย่างยั่วยุให้คล้อยตาม ตรีวิญคิดหนัก
คืนนั้นพิมภาเดินออกมาจากห้องนอนจะมานั่งที่ห้องรับแขก แต่เห็นฤชวีนั่งทำงานอยู่ พิมภาจะเดินกลับเข้าห้องแต่ถูกพิมมาลาคว้าตัวไว้ แล้วลากมานั่งที่โซฟา
“พิมทาเล็บให้แม่หน่อยสิลูก”
พิมภาจำใจต้องมานั่งที่โซฟากับพิมมาลา ฤชวีเห็นว่าพิมภาตึงๆ ใส่จะลุกหนี แต่ภาณุวัฒน์ถือไอโฟนเข้ามาหาลากฤชวีไปนั่งที่โซฟาข้างๆ พิมภา
“คุณต้นสอนพ่อใช้แอพนี้หน่อยสิ จะแต่งรูปแม่เค้าลงอินสตาร์แกรม”
“ครับ”
“ไม่เอาแล้วนะ คราวที่แล้วก็เอารูปแอ๊บแบ๊วของแม่ไปอัพทีนึงแล้ว เพื่อนๆ แม่ยังล้อไม่เลิกเลย”
“พ่อไม่สน ก็พ่อรักของพ่อนิ”
“คุณพ่อคุณแม่นี่รักกันดีจังนะครับ แถมวัยรุ่นอีกต่างหาก”
“แน่นอน ถึงพ่อกับแม่จะแก่” พิมมาลากระแอม “เอ่อ สูงวัย”
“อ่าฮะ” พิมมาลาพอใจที่ภาณุวัฒน์ใช้คำว่าสูงวัย
“ถึงพ่อกับแม่จะสูงวัย แต่หัวใจเราแค่สิบแปด แถมความรักเราก็หวานซึ้งไม่เคยเปลี่ยน”
“ประกาศแสนยานุภาพอีกแล้วนะพ่อ”
“ก็จะทำไมล่ะ คนมันมีดีก็ต้องอวดกันหน่อย พ่อเนี่ยนะคุณต้น ไม่เคยปล่อยให้เรื่องที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันเล็กๆ น้อย กลายเป็นชนวนความบาดหมางเลย”
“ครับ”
“ส่วนแม่นะก็ไม่เคยฟังคำพูดของใคร นอกจากคำพูดที่ออกจากปากของพ่อเขา เข้าใจมั้ยพิม”
“ค่ะ”
“แล้วทีนี้ ลูกสองคนมีอะไรจะเคลียร์กันรึเปล่า”
“ไม่มีค่ะ / ไม่มีครับ”
พิมภากับฤชวีบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วมองหน้ากันพิมภาจะเดินออกไป
“ยัยพิมแล้วเล็บแม่ล่ะ”
“พิมปวดตาค่ะ ทาไม่ไหว”
พิมภาเดินออกไป ฤชวีจะออกไปอีกทาง
“คุณต้นแล้วแอพนี้ล่ะ”
“ผมใช้ไม่เป็นครับ ขอโทษนะครับ”
ฤชวีเดินออกไปอีกทาง พิมมาลากับภาณุวัฒน์เหวอ ภัทรพลเข้ามานั่งแทรกกลาง
“แต่ภัทรว่าพ่อกับแม่ลืมอะไรไปอย่างนึงนะ”
“อะไร”
“เรื่องของผัวเมีย ควรให้เค้าเคลียร์กันเองรึเปล่า”
ภัทรพลมองหน้าภาณุวัฒน์กับพิมมาลา ภาณุวัฒน์กับพิมมาลาจ๋อยๆ
พิมภาเดินมาที่รถเข้าไปนั่งแล้วสตาร์ทเครื่อง พยายามนึกว่าจะขับไปไหนดีแล้วก็ออกรถ ฤชวีเข้ามาขวางรถ
“ถอยไป” พิมภาบอกแต่ฤชวีไม่ยอมถอย “ไม่ถอยฉันชนจริงๆ นะ”
ฤชวีนิ่ง พิมภายิ่งโกรธ ปล่อยเบรกให้รถพุ่งเข้าหาฤชวีเบาๆ เป็นการขู่ แต่ฤชวีแค่ขยับหนีนิดหน่อยแต่ไม่ยอมไปให้พ้นทาง
“คุณโกรธอะไรผมนักหนาคุณพิม”
“ฉันไม่โกรธก็ได้ งั้นคุณก็บอกมาสิว่าคุณกับปราสินีไปไหนกันมา”
“ผมบอกไม่ได้”
“บอกไม่ได้ งั้นฉันชน”
พิมภาปล่อยเบรกอีก รถพุ่งเข้าหาฤชวี ฤชวีถอยเล็กน้อยแต่ไม่หลบให้พ้นทาง
“ผมบอกได้แค่คุณปลาเขาเดือดร้อน ผมสัญญากับคุณปลาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”
“คุณต้น คนที่คุณกำลังปกป้องเคยทำร้ายฉันนะ”
“มันคนละเรื่องกันนะครับคุณพิม”
“คนละเรื่อง ไม่ใช่เรื่องของฉันงั้นสิ ได้ งั้นคุณก็ไม่เกี่ยวกับฉันเหมือนกัน”
พิมภาตัดสินใจเร่งเครื่องเต็มที่พุ่งเข้าหาฤชวี ฤชวีตกใจแต่ไม่หลบ พิมภาหลับตาปี๋เหยียบคันเร่ง แล้วพิมภาก็ตัดสินใจเหยียบเบรกจนตัวโก่ง พิมภาลืมตาขึ้นมาไม่เห็นฤชวียืนอยู่หน้ารถก็ตกใจ
“คุณต้น”
ปรากฎว่าฤชวีกระโดดหลบไปข้างๆ รถ แล้วใช้ช่วงที่พิมภาไม่ทันระวัง ขึ้นมานั่งบนรถ ฤชวีกลัวพิมภาจะออกรถอีก ตัดสินใจเอื้อมไปบิดกุญแจดับเครื่อง พิมภาไม่ยอม ทั้งคู่ยื้อยุดกัน สุดท้ายฤชวีดึงพิมภามาไว้ในอ้อมกอดเพื่อปราบพยศ พิมภาพยายามดึงตัวออกแต่ฤชวีดึงไว้และยิ่งกอดพิมภาแน่น
“ฟังผมนะครับคุณพิม ผมแค่อยากจะรักษาสัญญาที่ให้กับคุณปลาไว้”
พิมภาสะบัดหน้าหนี ฤชวียิ่งกอดพิมภาไว้แน่น จนหน้าเบียดกับพิมภา
“แค่อยากจะรักษาสัญญา แค่นั้นน่ะเหรอ”
“ครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้เรื่องนี้มันทำให้คุณเข้าใจผิด”
“ทำไมต้องกลัวฉันเข้าใจผิด”
“ก็ผมแคร์ความรู้สึกของคุณพิมนี่ครับ” พิมภาชะงัก
“ทำไมต้องแคร์ฉัน”
ฤชวีอมยิ้มชอบใจความเกเรของพิมภา ฤชวีเข้าไปใกล้พิมภามากกว่าเดิม สบตาพิมภาซึ้งแทนคำตอบ แล้วทั้งคู่ฤชวีรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดโน้มเข้าหากัน หยุดตัวเองไม่ได้ ริมฝีปากของฤชวีกำลังจะชิดกับริมฝีปากของพิมภาแต่แล้วจู่ๆ เสียงเคาะกระจกรถก็ดังขึ้น ทั้งคู่ตกใจแต่ยังไม่ทันผละออกจากกัน เห็นว่าคนที่เคาะกระจกคือ รปภ.ของคอนโดที่เข้ามาดูเหตุการณ์
“มีอะไรรึเปล่าครับ อ้าวคุณพิม คุณต้น” รปภ. มองทั้งคู่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “อ๋อ เปลี่ยนบรรยากาศ” ฤชวีกับพิมภาพยายามจะบอกว่าไม่ใช่อย่างที่ รปภ. เข้าใจ แต่ รปภ. ไม่ฟัง “ต่อเลยครับต่อ ตามสบายเลยครับ”
พิมภากับฤชวียิ่งเขินอายหนักกว่าเดิม ทำอะไรไม่ถูก
เช้าวันรุ่งขึ้น การะเกตุคุยมือถือกับสินีนาฎ
“เกตุก็กำลังพยายามอยู่ คุณยายก็ถ่วงเวลาไปก่อนสิคะ เอาเงินฟาดหัวใครสักคนให้ดึงเรื่องไว้ก่อนแค่นี้นะคะ เกตุงานยุ่ง” การะเกตุวางสาย ปราสินีเปิดประตูเข้ามา การะเกตุมองอย่างไม่พอใจ “เข้ามาทำไมไม่เคาะก่อน”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ก็ว่าไปสิ”
“คุณคงไม่รู้ว่าฉันเป็นภรรยาของคุณเอกพล และตอนนี้ฉันกำลังท้องสามเดือนแล้ว”
ปราสินีจ้องการะเกตุคิดว่าการะเกตุจะกรี๊ดหรือโวยวายอะไรสักอย่าง แต่การะเกตุกลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เลย
“แล้วยังไง”
“ถ้าคุณไม่เชื่อก็ดูนี่ ใบนัด หมอนัดตรวจครรภ์ฉันวันนี้”
ปราสินีเอาใบนัดวางให้การะเกตุดูบนโต๊ะ การะเกตุไม่แยแส
“โอเค รับทราบ แล้วไงต่อ”
“ก็ถ้าคุณรู้ว่าพี่เอกเป็นของฉันก็อย่ามายุ่ง”
การะเกตุลุกขึ้นยิ้มเยาะ
“ปกติฉันไม่เสียเวลามานั่งต่อปากต่อคำกับใครหรอกนะ แต่นี่ฉันสมเพชเธอ ก็เลยจะสาธยายให้ฟัง ไอ้ผู้ชายที่เธอบอกว่าเป็นผัวเธอมันมายุ่งกับฉันเอง ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับมัน” การะเกตุมองหน้าปราสินี สิ่งที่การะเกตุพูดมันเป็นความจริง จนปราสินีเถียงไม่ออก “และถ้าเธอท้องแบบนี้ แล้วมันยังมายุ่งกับคนอื่นอีก เธอจะอยากได้มันกลับไปทำไม”
ปราสินีอึ้งหนักกว่าเดิม เถียงการะเกตุไม่ออกซักคำ “อย่าสะเออะมายุ่งกับฉันอีก ถ้าไม่อยากอดตายทั้งผัวทั้งเมีย พอจะมีสมองเหลืออยู่บ้างมั้ยล่ะ คิดภาพออกมั้ยว่ามันจะเป็นยังไงถ้าเด็กตาดำๆ จะต้องพลอยมาอดตายเพราะความโง่ของพ่อแม่มัน” การะเกตุมองหน้าปราสินีก่อนจะพูดนิ่งๆ “ออกไป”
น้ำเสียงและสายตาของการะเกตุดูร้ายกาจจนปราสินีเกรง และต้องออกไปในที่สุด การะเกตุมองตามปราสินีอย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นใบนัดที่ปราสินีลืมไว้ เกิดแววตานึกสนุก หยิบโทรศัพท์มาโทร.
“เอกพลเหรอ ฉันมีเอกสารจะให้คุณมารับไปหน่อย”
ที่บริษัทนารี พิมภากับลัลนาประชุมนอกรอบกันเองดูเทปเรื่องงานโฆษณาของการะเกตุ
“ช็อตนี้ตัวสินค้ามันจมไปกับแบ็คกราวน์ไปหน่อย แก้ทันมั้ยคะพี่ซูซี่”
“ถามว่าแก้ทันมั้ย ตอบว่าทัน เพราะถ้าบอกว่าไม่ทัน น้องลัลก็ไม่ยอม”
“เพราะลัลนาเป๊ะเวอร์”
“ถูกต้องแล้วค่า”
ขณะที่ทุกคนกำลังดู พิมภากลับคิดถึงแต่คำพูดของฤชวี
“ฉันไม่โกรธก็ได้ งั้นคุณก็บอกมาสิว่าคุณกับปราสินีไปไหนกันมา”
“ผมบอกไม่ได้”
“บอกไม่ได้ งั้นฉันชน”
พิมภาปล่อยเบรก รถพุ่งเข้าหาฤชวี ฤชวีถอยเล็กน้อยแต่ไม่หลบให้พ้นทาง
“ผมบอกได้แค่คุณปลาเขาเดือดร้อน”
“เรื่องอะไร สำคัญมากขนาดบอกฉันไม่ได้เลยหรือไง”
“ผมสัญญากับคุณปลาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”
“คุณต้น คนที่คุณกำลังปกป้องเคยทำร้ายฉันนะ”
พอคิดมาถึงตรงนี้พิมภาก็หมดความอดทนระเบิดอารมณ์ออกมา
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเรื่องอะไร” พิมภาหันมาหานันทิกานต์ “แนน แกต้องช่วยฉันนะ”
นันทิกานต์งง แต่ก็รับปาก
“ช่วยสิ แล้วถ้าฉันเอาไม่อยู่ เดี๋ยวให้พี่ซูซี่ช่วยด้วย”
“มีการเชิญพี่เข้าร่วม รู้สึกเป็นเกียรติ พี่ช่วย พี่ช่วย”
“ไม่ได้อยากจะว่านะ รู้กันแล้วเหรอว่าเรื่องอะไร เธอเป็นอะไร ใครทำอะไรเธอยัยพิม” ลัลนาถามอย่างแปลกใจ
“ปราสินี”
ลัลนาได้ยินชื่อนี้ของขึ้นเลย
“งั้นลุยมันเลย”
“ฮัลโหลน้องลัล ทวนความจำนิดนะค้า เมื่อกี้เพิ่งห้ามพี่กับน้องแนนรู้แล้วเหรอค้าว่ายัยปราสินีทำอะไร อ่อนไหวมีอารมณ์ร่วมง่ายนะค้าพักนี้”
“ไม่ต้องถาม มายุ่งกับเพื่อนลัลมันต้องลุยอย่างเดียว” พิมภาชะงักมองลัลนา ลัลนามองแบบจริงๆ เพื่อนหญิงพลังหญิงมาก “บอกมา ยัยปราสินีมันทำอะไร”
“มันมายุ่งกับคุณต้น”
“ยุ่งกับคุณต้น”
“ฆ่ามัน”
ขณะนั้นปราสินีกำลังจะออกไปข้างนอก เอกพลเข้ามาขวาง
“จะไปไหน”
“ไปทำธุระให้คุณการะเกตุค่ะ”
ปราสินีรีบเดินออกไป
“แล้วไม่เอาใบนัดไปด้วยเหรอ” ปราสินีชะงักหันมาหาเอกพล เอกพลชูใบนัดที่ปราสินีลืมไว้ที่ห้องการะเกตุให้ดู
“จะเก็บมันไว้ทำไม”
“พี่เอก ให้ปลาเก็บลูกไว้นะ ให้ปลาไปหาหมอเถอะนะ”
“ไปสิจะพาไป”
“จริงเหรอพี่เอก”
“ฉันจะพาไปเอามันออก”
เอกพลคว้ามือปราสินีมาจะลากไปที่รถ ปราสินีพยายามจะหนี เอกพลโมโหตบปราสินีคว่ำ เอกพลจะเข้าไปซ้ำ พิมภา ลัลนา ซูซี่ และ นันทิกานต์เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“ไม่ยอมไปงั้นก็จะจัดให้”
เอกพลเงื้อเท้าจะเตะปราสินี พิมภาทนไม่ไหว เข้าไปผลักอกเอกพล
“ไอ้แมงดาแกจะทำอะไร”
ซูซี่กับนันทิกานต์เข้าไปพยุงปราสินีให้ลุกขึ้น
“อย่ามายุ่ง”
“พิมช่วยปลาด้วย พี่เอกจะให้ปลาเอาลูกออก”
พิมภาหันมองหน้าเอกพลอย่างสุดทน
“ไอ้เลว”
“ไม่เกี่ยวกับเธอพิมภา”
เอกพลจะเข้าไปแย่งตัวปราสินี
“ไม่เกี่ยวได้ไง” พิมภาเข้าไปผลักอกเอกพล
“เล่นงานกล่องดำมันเลยพิม” ลัลนาบอก พิมภาไวมากเตะเข้าที่กลางเป้าเอกพลทันที เอกพลทรุด
“เลวแบบนี้ทำลายกล่องดำมันอย่าให้เหลือซาก”
แล้วซูซี่ นันทิกานต์ ก็วิ่งเข้าไปหาเอกพล
“ชอบเตะผู้หญิงใช่มั้ย จัดให้”
นันทิกานต์กับซูซี่เข้าไปเตะเอกพลไม่เลี้ยง พนักงานบริษัทอื่นๆ ในตึกเดียวกับออฟฟิศของการะเกตุเริ่มเข้ามามุงดู
“ยินดีค้า ยินดีให้มุง มาดูกันเร๊ว ไอ้หน้าตัวเมียจะเอาเมียทำแท้ง”
“แบบนี้เอาไงดีค้า” เสียงส่วนใหญ่บอกให้ตื้บเอกพล ตื้บเลย ตื้บเลย “จัดไปตามมติมหาชน”
นันทิกานต์กับซูซี่ทั้งเตะทั้งกระทืบเอกพล ระหว่างนั้นปราสินีรู้สึกปวดท้อง
“พอแล้ว พาปลาไปจากที่นี่ก่อน” พิมภาบอกแต่นันทิกานต์กับซูซี่ไม่มีทีท่าจะหยุด คนที่มุงดูก็เชียร์ยังกะเชียร์มวย “ลัล ช่วยหน่อย” ลัลนารับทราบแต่วิ่งเข้าไปเตะเอกพล “เฮ้ย! ให้ช่วยดึงสองคนนั้นมา”
“รู้น่า แต่อยากทำแบบนี้”
แล้วลัลนาก็ลากนันทิกานต์กับซูซี่ออกมา พิมพาประคองปราสินีออกไป เอกพลเจ็บหนักเกินกว่าจะตาม แถมยังถูกคนกลุ่มใหญ่มองเหยียดหยาม เอกพลได้แต่มองตามแค้นๆ
“พิม”
พิมภามองปราสินีด้วยอาการที่ทำหน้าไม่ถูกเพราะตั้งใจจะมาเอาเรื่องปราสินีแต่กลับมาเจอปราสินีในสภาพนี้
“ไม่นึกเลยนะคะ ว่าไอ้นายเอกพลมันชอบเลี้ยงดูด้วยลำแข้ง”
“พี่ซูซี่” ลัลนาดุซูซี่ว่าไม่ควรพูด แต่ซูซี่ยังไม่รู้ตัว
“ค่ะช่าย พี่เห็นใจน้องปลาเค้า ดีนะค้าที่ไม่แท้ง”
“พี่ซูซี่”
“มา เคลียร์ให้” นันทิกานต์บอกแล้วหันไปพูดกับซูซี่ “เขาหมายถึงให้เก็บความเห็นใจไว้ในใจ ไม่ต้องบรรยายออกมาดีกว่าน่ะค่ะ พี่ซูซี่ แบบว่าทุกคนเค้าอ่อนใจน่ะค่ะ”
“อ๋อ ก็บอกได้ ไม่ให้พูดว่าเห็นใจ ก็บอกได้ ไม่ได้เป็นคนดื้ออะไร”
ซูซี่สงบไป แต่ปราสินีร้องไห้โฮขึ้นมา ทุกคนตกใจ
“ปลา” พิมภาแตะตัวปราสินีเบาๆ ปราสินียิ่งร้องไห้หนัก
“ปลาน่าสมเพชมากใช่มั้ย อยากจะสมน้ำหน้าปลายังไงก็เอาเลย”
“ฉันเหยียบเพื่อนซ้ำไม่ได้หรอกนะปลา” พิมภาหันไปหานันทิกานต์ “จริงมั้ยแนน”
“จริงเพื่อน” นันทิกานต์บีบไหล่ปราสินีเบาๆ
ปราสินีอึ้งที่ยังได้ยินคำว่า “เพื่อน” จากปากพิมภาและนันทิกานต์
“แต่ฉันทรยศพวกแก”
“เพราะว่าแกรักมัน แกถึงยอมให้มันทุกอย่างไง”
“พิม”
“อีกอย่างคนเลวอย่างไอ้เอกพลแกตามมันไม่ทันหรอก ที่จริงฉันสิต้องขอโทษแกที่ต้องไปตกนรกแทนฉัน”
“นางเอกมากยัยพิม”
“ก็ฉันไม่ชอบเป็นนางร้าย เพราะสุดท้ายนางร้ายมักจะไม่เหลือใคร”
พิมภาตั้งใจจะแซวลัลนา แต่คนที่ต่อมแตกคือปราสินี
“เหมือนฉัน ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรเลย”
“แกยังเหลือพวกฉันไงปลา” ปราสินีอึ้ง “แกยังมีเพื่อน ที่ให้อภัยแกได้เสมอ”
“แต่เรื่องที่ฉันทำไม่ควรได้รับการให้อภัย”
“จะให้อภัยหรือไม่ให้ มันเป็นสิทธิ์ของฉันสองคน ใช่มั้ยแนน”
“ศาลขอตัดสินว่า จำเลยกระทำความผิด เพราะรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนชั่ว” พิมภาบีบมือปราสินี
“ศาลลดโทษให้แกครึ่งหนึ่ง แต่แกต้องทำดีลดหย่อนโทษ ด้วยการดูแลหลานของฉันให้ดีๆ”
“ตอนนี้ฉันไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะมีปัญญา”
“ตอนนี้แกเสียผู้ชายเลวๆ ไป แต่แกได้เพื่อนกลับมาแล้วนะปลา แกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีอะไรพวกเรายินดีจะช่วยแกเสมอ” ปราสินีซึ้งใจ ลัลนาทำเป็นพูดลอยๆ
“ก็ ถ้ายัยพวกนี้เอาไม่อยู่ ฉันช่วยด้วยอีกคนก็ได้ อย่าไปซีเรียส เค้าเป็นซิงเกิ้ลมัมกันเยอะแยะ ใจเด็ดอย่างพวกเรา โอ๊ย สบาย”
“ขอบใจทุกคนมากนะ”
“เพื่อนไม่เคย ไม่เคยทิ้งกัน” ทุกคนหันไปมองหน้าซูซี่ แต่ซูซี่ไม่หยุด ร้องเพลงเบาๆ แต่แอทลิทเสียงให้ซาบซึ้งเหมือนศิลปินคัฟเวอร์เวอร์ชัน “ก็บรรยากาศมันทำให้อยากถ่ายทอดบทเพลงนี้ออกมานี่คะ คัฟเวอร์ค่ะ คัฟเวอร์...ไม่
ว่าความฝันนั้นจะไกลซักเท่าไหร่ ไม่ว่าหกล้มซมซานเท่าไหร่ เพื่อนคอยปลอบใจ”
“พิม มีเรื่องนึงที่ฉันต้องบอกแก”
“เรื่องอะไร”
“วันที่เราถ่ายโฆษณา ฉันเกิดปวดท้อง คุณฤชวีเค้าก็เลยพาฉันไปหาหมอ พอแกโทรเข้ามา เค้าก็เลยไม่กล้าบอกความจริงแก ฉันเป็นคนขอร้องเค้าเองว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับแก เพราะฉันกลัวพวกแกจะซ้ำเติม แกอย่าเข้าใจเค้าผิดนะพิม”
“คุณต้นสัญญากับแกเรื่องนี้เองเหรอ”
“ไม่ทันแล้วล่ะปลา ที่จริงไอ้พิมมันมาหาแก ก็เพราะตั้งใจจะมาเอาเรื่องแก”
“หมายความว่า...”
“ฉันเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว”
“และเดาว่าเธอก็วีนคุณต้นไปเรียบร้อยแล้ว”
“จัดไปอยู่แล้ว”
“แล้วจะนั่งอยู่ทำซากอะไร ไปขอโทษเค้าสิยะ”
ฤชวีมาหากิ่งแก้วที่สำนักพิมพ์และนั่งมองกิ่งแก้วอ่านต้นฉบับ
“กิ่งว่าพอเขียนจริงๆ มันไม่เหมือนตอนที่เป็นโครงเรื่องเลย อ่านแล้วมันเบา ซ้ำ”
“ตรงไหน”
“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่ารวมๆ มันซ้ำๆ อะ” ฤชวีอ่อนใจ “เอางี้มั๊ยต้น ให้ตัวเอกมันมีอันต้องพลัดพรากกัน ตอนที่มันกำลังรักกันดื่มด่ำดีมั๊ย แบบเพิ่มกิมมิคของเรื่องเข้าไป”
“กิมมิคนี่มันคือลูกเล่น แต่ที่กิ่งจะให้ต้นทำ เค้าเรียกรื้อ เปลี่ยนทั้งเรื่อง ไม่สิ เขียนใหม่ง่ายกว่า”
“ต้นนี่ กิ่งอุตส่าห์ช่วยคิดนะ”
“แล้วถ้ามาขยับแบบนี้ มันไม่กระทบส่วนอื่นๆ ของเรื่องเหรอคะ” มิ้นท์ถาม กิ่งแก้วชะงัก “มิ้นท์ว่า เรื่องนี้มันคล้ายๆ เรื่องของพี่ต้นกับพี่พิม พี่ต้นคงวางตอนจบของเรื่องอย่างที่อยากจะให้มันเป็นไว้แล้ว เชื่อพี่ต้นดีมั้ยคะพี่กิ่ง”
กิ่งแก้วอึ้ง เพิ่งคิดได้เพราะคำพูดของมิ้นท์
“เหรอต้น”
“ก็คงมีแค่ในนิยาย ที่ต้นให้มันจบตามใจได้ แต่ชีวิตจริง...”
“มันก็ต้องสำเร็จ”
“พี่ก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้ตอนจบเราต้องแยกจากกัน”
“ไม่เอาแล้วต้น ไม่ต้องให้นิยายจบอย่างที่กิ่งบอกแล้ว ให้จบอย่างที่ต้นต้องการเลยใส่มาเลย กิ่งซื้อหมด”
“เราก็ทำได้แค่ในนิยายเท่านั้นแหล่ะกิ่ง ก็เราไม่ได้รักกัน”
“อย่ามาอ่อนแอให้เห็นนะต้น” กิ่งแก้วดุ “ไม่ได้รักกันอะไร ก็เห็นๆ อยู่ว่าทุกวันนี้แทบจะขาดกันไม่ได้แล้ว พูดแล้วขัดใจ อย่าเป็นผู้ชายงี่เง่า เดี๋ยวจะโดนนะต้น”
ฤชวีหันไปขอความช่วยเหลือจากมิ้นท์
“มิ้นท์”
“พี่กิ่งพูดถูก มิ้นท์ไม่อยากได้ยัยการะเกตุมาเป็นพี่สะใภ้ พี่เองก็รักใครไม่ได้แล้วนอกจากพี่พิม พี่มีทางเลือกเดียว เดินหน้าเต็มตัว”
“เข้าใจมั้ย”
สองสาวกำชับหนักแน่นจนฤชวีไม่กล้าขัดอะไรอีก
พิมภาจิบกาแฟ แล้วรู้สึกว่าสายตาของเพื่อนๆ จับจ้องอยู่ พิมภารู้ตัว
“อะไร”
“อยากมากมั้ยกาแฟน่ะ”
“เข้าประเด็นเลยดีกว่า มันใช่เวลามั๊ยที่จะมานั่งกินกาแฟแบบนี้”
“ขอตอบว่าไม่ใช่ค่ะ”
“ทำไมเล่า ก็อยากดื่มกาแฟ”
พิมภารู้ว่าเพื่อนๆ ต้องการให้ไปง้อฤชวีแต่พิมภาก็ไม่ทำ
“พิมป๊อดเหรอ”
“ว่าที่คุณแม่ถามโดนใจมาก”
“ก็ไหนว่าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วไง หรือว่าไม่เชื่อที่ปลาพูด”
“ก็...ก็เชื่อ”
“ไม่เชื่อที่ปลาพูดก็ได้นะ แต่ขอให้เชื่อในความเป็นสุภาพบุรุษของคุณฤชวีหน่อย”
“เรื่องนั้นฉันเชื่อที่สุด คุณต้นเขาสุภาพบุรุษจะตาย ขนาดฉันเขายังไม่เคย...”
ทุกคนหันขวับ
“อย่าบอกนะว่าแต่งงานกันตั้งนานแล้วแต่เธอยัง...”
“ก็ยังน่ะสิ ก็ฉันกับคุณต้น...” นันทิกานต์เหยียบเท้าพิมภาให้ได้สติ “คือแบบ ยังไม่ลงตัวหลายๆ อย่างไรเงี๊ย”
ลัลนาจ้องพิมภาแล้วถามออกมา
“เธอไม่ยอม?”
พิมภาส่ายหน้า
“งั้นแสดงว่าคุณต้นไม่เอา” ซูซี่บอก พิมภาจี๊ดขึ้นมาทันที
“ขอโทษนะ แต่สวยๆ อย่างพิม ผู้ชายที่ไหนจะไม่อยาก” ปราสินีบอก
“นอกจากว่าเสื่อม”
“คุณต้นเค้าไม่เสื่อมนะ” พิมภารีบออกรับแทนฤชวี
“งั้นก็เป็นเกย์”
“เป็นเกย์”
พิมภาตกใจ ตาโต ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
“เออ หรือว่า...”
ขณะนั้นกิ่งแก้วกับมิ้นท์กำลังทาแฮนด์ครีมหลอดใหม่กัน พิมภา ลัลนา ซูซี่ นันทิกานต์เดินเข้ามา
“อ้าวคุณพิม มากันเยอะขนาดนี้มีอะไรค่ะ” กิ่งแก้วถาม พิมภามองไปรอบๆ ให้แน่ใจว่าฤชวีไม่อยู่ที่นี่ “มาก็ดีแล้วค่ะ” กิ่งแก้วยื่นมือให้ดม “หอมมั๊ยคะ แฮนด์ครีมของต้น”
“แฮนด์ครีมของคุณต้น”
ทุกคนทำเสียงตกใจ มิ้นท์งงว่าทำไมสาวๆ ต้องตกใจด้วย
“ค่ะ ทำไมคะ”
“ผู้ชายที่ไหนกันคะใช้แฮนด์ครีม”
“ก็ไม่ได้ใช้นี่คะ พี่ต้นซื้อมาให้มิ้นท์ตั้งนานแล้ว มิ้นท์ว่ามันหอมดี ก็เลยเอามาให้พี่กิ่งลองใช้”
กิ่งแก้วกับมิ้นท์มองพวกพิมภาอย่างสงสัย
“ตกลงมาทำไมกันคะเนี่ย”
“ถามน้องพิมก็อ้ำอึ้งอีกสิบนาที พี่ตอบให้ค่ะ เราอยากจะมาถามน้องมิ้นท์กับน้องกิ่งว่าคุณต้นเป็นเกย์รึเปล่าคะ” ซูซี่เข้าตรงประเด็น
“พี่ต้นน่ะ ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“จริงค่ะกิ่งพิสูจน์มาแล้ว” ทุกคนหันขวับไปหากิ่งแก้ว “หมายถึงเราทำงานอยู่ด้วยกันมานาน โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก กิ่งยืนยันได้แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงสงสัยเรื่องนี้คะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ไม่มีได้ไงคะ แต่งมาตั้งนานน้องพิมยังไม่เคยโดน...อุ๊บ”
พิมภาปิดปากซูซี่ แต่กิ่งแก้วกับมิ้นท์ก็เข้าใจแล้ว
“หรือว่าปัญหาคือเธอไม่ผ่อง ไม่เป๊ะเวอร์เหมือนฉัน” ลัลนาบอก
“หรือว่า ถ้าอยู่กับคุณต้นแกต้องแอบใส่ความเร่าร้อนไปหน่อย”
“หรือว่าถ้าคุณต้นชักช้า น้องพิมก็ต้องหักหาญเอาเลย แล้วค่อยเคลียร์กันทีหลัง”
“โอ๊ย แค่อาบน้ำ ทาครีมหอมๆ แค่นี้ก็เสร็จทุกรายแล้วค่ะ” กิ่งแก้วบอก ทุกคนหันขวับมาที่กิ่งแก้ว “อ้าว ก็จริงอะ กิ่งใช้ได้ผลทุกที”
“บ่อยมั้ย”
“ก็บอกแล้วว่าได้ผลทุกที”
พิมภาตาวาว แล้วหันหน้าไปเจอ นันทิกานต์ ลัลนา ซูซี่ มิ้นท์ พยักหน้าให้ใช้แผนนี้เถอะ
จบตอนที่ 11
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.