xs
xsm
sm
md
lg

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 1

ประเทศนิวแลนด์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง สภาพภูมิอากาศค่อนข้างหนาวเย็นตลอดปี เสน่ห์อันแสนตรึงใจผู้มาเยือน นั่นคือนิวแลนด์แห่งนี้มีภูมิประเทศสวยงามท่ามกลางธรรมชาติที่แสนร่มรื่น

ณ พระราชวังแห่งประเทศนิวแลนด์ ภายในท้องพระโรงมีหญิงสาวราว 10 คน แต่ละคนแต่งตัวสวยงามพิถีพิถัน สาวทั้ง 10 คนยืนเรียงหน้ากระดานเหมือนกำลังรอคอยใครบางคนด้วยความตื่นเต้น
เสียงแตรเป่าเพลงประจำตัวเจ้าชายดังขึ้น เสียงตะโกนจากมหาดเล็กดังตามมา “เจ้าชายโซว์เสด็จแล้ว...ววว” เหล่าสาวๆ ทวีความตื่นเต้น ทั้งหมดรีบพากันจัดเครื่องแต่งตัวเป็นครั้งสุดท้ายเพราะต้องการให้สวยเต็มที่
ชายหนุ่มท่าทางสง่าก้าวลงบันไดมาด้วยท่วงท่าที่มั่นใจ สาวๆตื่นเต้นที่จะได้เห็นเจ้าชาย ชายหนุ่มก้าวลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย ชายหนุ่มคนนั้นคือปีเตอร์ที่ยืนโปรยยิ้มให้สาวๆ สาวๆกรี๊ดลั่น
ปีเตอร์เดินมาตรงหน้าสาวๆ แต่ละคนพร้อมกับพิมพ์ยิ้มกรุ่มกริ่ม เขาจับมือสาวๆ แต่ละคนขึ้นมาหอมทันใดนั้นเสียงพระราชาก็ดังขึ้น
"ปีเตอร์!!”
ปีเตอร์ขานรับ "จ๋า...”
ปีเตอร์หันไปเห็นพระราชาเขาก็รีบถวายบังคม พระราชายืนมองปีเตอร์โดยมีพระราชินีอยู่เคียงข้าง
"ถวายบังคมพระราชากระเจ้าข้า ข้าน้อยสมควรตาย กระหม่อมขอโทษ" ปีเตอร์พูด
สาวๆมองปีเตอร์อย่างงุนงงเพราะไม่เข้าใจ
"รีบตามเจ้าชายมาเดี๋ยวนี้!” พระราชาสั่ง
สาวๆเหวอ “อ้าว???”
ปีเตอร์รีบลุกขึ้นยืน
"ไม่ใช่เจ้าชายหรอกเหรอ?” สาวๆ ถาม
ปีเตอร์ยิ้มพร้อมส่ายหัว "ไม่ใช่...”
สาวๆพากันหัวเสีย ปีเตอร์รีบวิ่งออกไปทันที


เจ้าชายโซว์ที่หล่อมากกำลังยิงธนูด้วยท่าทางสุดเท่ห์ ลูกธนูถูกยิงไปโดนเป้าตรงกลางอย่างแม่นยำ เจ้าชายมองผลงานของตัวเองด้วยความพอใจ เสียงปรบมือดังมาจากข้างหลัง โซว์กำลังจะยิงธนูอีกแต่ปีเตอร์กลับวิ่งมาขวางด้านหน้า
เจ้าชายผงะรีบยั้งมือ ปีเตอร์ยืนตัวตรง
"พระราชาให้หม่อมชั้นมาเชิญเจ้าชายเข้าวังด่วนกระหม่อม!!”
โซว์เซ็งแต่ไม่ยอมลดคันธนู เขากลับเล็งไปที่ปีเตอร์ ปีเตอร์มองด้วยความตกใจ
"เจ้าชาย!! จะทรงทำอะไร??”
โซว์ไม่พูดอะไร เขาง้างธนู ปีเตอร์ตกใจจนตาโต
"เวยยย!!”
ปีเตอร์รีบหลบทันที จังหวะเดียวที่โซว์ยิงธนูออกไป ลูกธนูพุ่งเข้าตรงกลางเป้าพอดี
ปีเตอร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พระราชาลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนใจที่โซว์ยังไม่มา พระราชินีที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมาหาแล้วพูด
"ใจเย็นๆเพคะ ลูกเรากำลังแต่งตัวอยู่"
"ขอให้แต่งตัวจริงๆ ไม่ใช่หนีการดูตัวอีก" พระราชาบอก
พระราชินีจับแขนพระราชาให้ใจเย็น ระหว่างนั้นปีเตอร์ก็วิ่งเข้ามา พระราชา พระราชินี และสาวๆหันไปมองเป็นตาเดียว ปีเตอร์ยืนตรงแล้วเสยผมก่อนจะตะโกนลั่น
"เจ้าชายเสด็จแล้ว"
โซว์ในชุดเต็มยศเดินออกมา สาวๆพากันยิ้มแก้มปริด้วยความชื่นชมในรูปโฉมของเจ้าชาย พระราชากับพระราชินีพอใจมาก พระราชาเดินออกมาแล้วกล่าวเสียงดัง
"เปิดการเต้นรำเลือกคู่ได้"
วงดนตรีบรรเลงเพลง โซว์เดินมาโค้งให้สาวคนแรก สาวคนแรกออกมาเต้นรำกับโซว์ แขกเหรื่อมองด้วยความชื่นชม พระราชากับพระราชินีนั่งมองด้วยความชื่นใจ แล้วทั้งสองพระองค์ก็จับมือกัน
โซว์หมุนตัวสาวคนแรกออกไป แล้วหันมาทางปีเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟลอร์
"ตัวดำมาก ถ้าปิดไฟ คงเห็นแต่ฟันขาวๆ" โซว์บอกปีเตอร์
ปีเตอร์ถึงกับผงะ
โซว์หมุนตัวไปเต้นกับสาวคนแรกที่ตัวดำและกำลังยิ้มฟันขาวให้ โซว์จำต้องยิ้มตอบ

เวลาผ่านไป โซว์เต้นรำกับสาวคนที่สองซึ่งตัวอ้วนกลม โซว์หมุนตัวออกมาเต้นกับปีเตอร์แล้วกระซิบบอกเขา
"อ้วนจนฉันนึกว่าเต้นรำกับหมู"
ปีเตอร์ยิ้มแหย
โซว์ปล่อยมือออกจากปีเตอร์แล้วหันไปเต้นรำต่อ

โซว์เต้นรำกับสาวคนที่สามซึ่งตัวเตี้ยต่ำมากจนโซว์ต้องก้มหน้ามอง โซว์อุ้มสาวคนที่สามขึ้นมาหมุนก่อนจะปล่อย ทำให้สาวมึนอยู่กลางฟลอร์จนล้มไปบนพื้น โซว์กับปีเตอร์สะดุ้ง
พระราชา พระราชินี สาวคนอื่นๆและ แขกเหรื่อพากันตกใจ โซว์หันไปเต้นกับปีเตอร์

"ขืนแต่งงานกันไป คงหาตัวไม่เจอ เพราะเตี้ยเหลือเกิน" โซว์บอก

โซว์เต้นรำกับสาวคนที่สี่ซึ่งตัวสูงใหญ่มาก โซว์เงยหน้ามองแล้วก็กลืนน้ำลายเพราะรู้สึกกลัว สาวคนที่สี่บีบมือโซว์แน่นจนโซว์เจ็บ โซว์ทนไม่ไหวจึงผละออกมาแล้ววิ่งหนี

"เจ้าชายจะไปไหนเพคะ" สาวคนที่สี่ถาม
โซว์วิ่งมาหลบหลังปีเตอร์
"ขืนอยู่ด้วยกัน โดนทับตาย" โซว์บอกปีเตอร์
สาวคนที่สี่วิ่งมาหาโซว์ โซว์วิ่งหนี ปีเตอร์โดนชนจนล้มตึง

สาวคนที่ห้ามีหน้าตาที่สวยมากๆ โซว์เข้าไปเต้นรำกับเธอ ปีเตอร์ซึ่งมีปลาสเตอร์แปะที่ดั้งจมูกมองเจ้าชายอย่างรู้สึกดี โซว์กับสาวคนที่ห้าผละกันไปยืนคนละฝั่ง โซว์ยืนใกล้ปีเตอร์
"คนนี้สวยที่สุดเลยนะกระหม่อม" ปีเตอร์กระซิบ
โซว์ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร เขาเดินเข้าไปเต้นรำกับสาวคนที่ห้าต่อ
ทันใดนั้นสาวคนที่ห้าก็หลับกะทันหันจนล้มลงไปบนพื้น ทุกคนตกใจ โซว์รีบยกมือขึ้นมาแล้วส่ายหัวเป็ฯการบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง
สาวคนที่ห้าหลับแล้วกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทหารรีบเข้ามายกสาวคนที่ห้าออกไป
"เอาล่ะๆ เหตุการณ์ปกติ เชิญคนต่อไปได้เลย" พระราชาบอก
สาวคนที่หกซึ่งไม่มีดั้งกำลังจะเดินออกมา โซว์ถึงกับผงะแล้วรีบยกมือห้าม ทำให้สาวคนที่หกชะงัก
"ต้องขอโทษทุกคนด้วย แต่วันนี้เราเหนื่อยมาก ขอตัว" โซว์บอก
โซว์เดินออกไปเลย สาวคนที่หกกับสาวๆที่เหลือถึงกับเหวอ พระราชาไม่พอใจ พระราชินีหน้าเสีย ปีเตอร์ก็ทำหน้าเสียไปด้วย

โซว์เดินจ้ำมาตามทาง พระราชาตามมาเรียกเสียงดัง
"โซว์!!”
โซว์หันกลับไปเห็นพระราชาเดินเข้ามา พระราชินีและปีเตอร์เดินหน้าจ๋อยๆตามมาข้างหลัง โซว์ถึงกับเซ็งทันที
"เจ้าคิดจะหลีกเลี่ยงการแต่งงานไปถึงเมื่อไหร่" พระราชาถาม โซว์นิ่ง "เจ้าก็รู้ว่านิวแลนด์ต้องการพระราชาองค์ต่อไป แล้วคนที่จะขึ้นครองราชย์ได้ก็ต้องอภิเษกสมรสแล้วเท่านั้น"
"หม่อมชั้นเพิ่งเรียนจบ ยังไม่อยากแต่งงาน หม่อมชั้นอยากท่องเที่ยวดูโลกอีกซักพัก" โซว์ตอบ
"เจ้าเคยเห็นใจพ่อมั้ย พ่อก็เหนื่อยอยากพักผ่อนเต็มที" พระราชาคิดอะไรบางอย่าง "รู้แล้วว่าชั้นจะหาผู้หญิงที่เพอร์เฟคไม่มีที่ติได้ที่ไหน"
"แล้วพระองค์จะหามาจากไหน พระเจ้าค่ะ" ปีเตอร์ถาม
พระราชาพูดอย่างมุ่งมั่น "ชั้นมีผู้หญิงที่จะไปเจรจาสู่ขอให้มาอภิเษกกับเจ้าชายโซว์แล้วล่ะ"
พระราชามองหน้าเจ้าชายโซว์แล้วยิ้มร้ายก่อนจะเดินออกไปด้วยสีหน้ามุ่งมั่น พระราชินีมองโซว์แล้วเดินตามพระราชาออกไป โซว์ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
"เจ้าชาย...” ปีเตอร์เป็นห่วง
โซว์เดินออกไปอย่างหงุดหงิด ปีเตอร์อ้าปากค้างแล้วถอนใจออกมา
"เฮ้อ...”

ณ ถนนข้าวสาร ประเทศไทย บรรดาพ่อค้าแม่ค้ากำลังกรูกันเข้าไปขายของให้ฝรั่งที่เดินไปเดินมา ขิงในชุดสาวชาวเขากำลังพยายามวิ่งขายของให้ฝรั่งเหมือนกัน แต่ฝรั่งปฎิเสธเธออย่างไร้เยื่อใย
ขิงพูดเสียงหนีบๆ แบบชาวเขา "ช่วยหนูซื้อหน่อยนะคะแหม่ม วันนี้หนูยังไม่ได้เงินค่าข้าวให้น้องเลย"
ฝรั่งสาวเดินไปอย่างไม่สนใจ ขิงทรุดตัวลงไปกอดเข่าฝรั่งสาวเอาไว้
"ขอร้องเถอะนะคะ ช่วยซื้อหน่อย ห้าบาท สิบบาทก็ได้" ขิงรบเร้า
ฝรั่งรำคาญจึงตัดใจซื้อไปยี่สิบบาท ขิงรับเงินมาแล้วมองเงินอย่างปลื้มใจ ทันใดนั้นตุ๊กก็เดินกร่างเข้ามาแย่งเงินทั้งหมดไปจากมือของขิง ขิงมองด้วยความตกใจ
"จะเอาเงินหนูไปทำไม" ขิงถาม
ตุ๊กพูดวางโตแบบนักเลง "ก็ค่าเช่าที่ไง ของวันนี้ เมื่อวาน เมื่อวานของเมื่อวาน เธอยังไม่ได้จ่ายชั้น จำไม่ได้รึไง ห๊า นังหนู !!”
"หนูยังไม่มีหรอกจ๊ะ ..ขอเงินนี้หนูกลับไปให้แม่ที่บ้านเถอะนะจ๊ะ" ขิงบอก
"ไม่ได้ !!! เธอติดหนี้ชั้นมาหลายวันแล้ว" ตุ๊กบอก
ขิงร้องไห้ฟูมฟาย "โธ่เห็นใจหนูเถอะนะ"
"ได้ อยากเอาเงินนี้ไปใช่มัย ..งั้นชั้นจะเอาของนี้ไปแทนละกัน"
ตุ๊กตรงเข้าไปแย่งของจากมือขิงไปจนหมด แล้วผลักขิงจนล้มลงไป พวกฝรั่งเข้ามามุงดูด้วยความสนใจขิงรีบคลานเข้าไปกอดขาตุ๊กไว้
"ไม่ได้นะน้า ถ้าเอาของไปหนูจะขายอะไร เอาของคืนมา"
ขิงกอดขาตุ๊กแน่น แล้วร้องไห้ไม่หยุด
"เอาของหนูคืนมา"
ตุ๊กเริ่มเสียวเพราะมือขิงอยู่ใกล้น้องชายของเขามาก ตุ๊กพยายามสะกิด
"เฮ้ย ปล่อย ปล่อยข้า"
ขิงไม่ฟังเสียงแถมฟูมฟายไม่เป็นภาษา
ตุ๊กสุดทน "โว๊ย !! อยากได้ของคืนเหรอ ได้ เอานี่คืนไปละกัน"
ตุ๊กหันมาตบหน้าขิงฉาดใหญ่จนขิงหน้าหันล้มคว่ำไป เลือดไหลออกจากปากของขิง ฝรั่งที่มายืนดูถึงกับผงะ ฝรั่งหลายคนถึงกับเอามือทาบอกแล้วอุทาน “Oh !! My god !!!”
ขิงลงไปนอนร้องไห้กับพื้น
"จำไว้นะ พรุ่งนี้ถ้าไม่เอาเงินมา จะโดนหนักกว่านี้อีก" ตุ๊กขู่
"น้า น้าอย่าเอาของหนูไป"
ตุ๊กเอาทั้งของทั้งเงินของขิงไป ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของฝรั่ง ขิงได้แต่นอนร้องไห้ฟูมฟาย
"แล้วหนูจะทำยังไง แม่ไม่สบาย พ่อก็ติดคุก น้องอีกแปดคนไม่มีข้าวกินมา 3 วันแล้ว หนูต้องตายแน่ๆ"
นักท่องเที่ยวที่ได้เห็นภาพบาดตาหันหน้ามาซุบซิบๆกัน ก่อนจะล้วงหยิบเงินในกระเป๋ามาวางให้ขิง คนละแบงค์สองแบงค์ ขิงร้องไห้พลางรับเงินที่ฝรั่งเอามาให้ไป
“thank you ..อาริกาโต้ ..เซียะๆ ...คัมดาอัมนิดา...แม็กซี่...ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะทีช่วยเหลือหนู นะคะ"

ขิงร้องไห้ไปรับเงินไปพร้อมทั้งพูดขอบคุณเป็นภาษาต่างๆ มั่วไปหมด

ขิงเดินเข้ามาในซอยเปลี่ยว เธอถอดเสื้อและเครื่องประดับชาวเขาออกจนเห็นว่าแท้จริงแล้วเธอคือเด็กเมืองธรรมดาๆ ขิงมองเงินในมือแล้วยิ้มอย่างมีความสุข เธอมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็นั่งลงนับเงินที่ได้มา

ตุ๊กยื่นมือเข้ามาคว้าเงินไปจากมือของขิง
ตุ๊กพูดเสียงนักเลง "มีเงินเยอะนี่ แบ่งเอามาใช้กันหน่อยแล้วกัน นังหนู..”
ขิงรีบคว้าเงินคืนอย่างไม่เกรงกลัว "เอาเงินมานี่นะน้าตุ๊ก ขิงจะเอามาจ่ายค่าบ้าน"
ตุ๊กเสียงอ่อย "โธ่ก็ขอน้าสักดอล สองดอลไม่ได้เหรอ"
"ไม่ให้ กว่าจะได้มาเท่านี้ ขิงต้องโดนน้าตบตั้งเท่าไหร่"
"ก็ไม่ได้ตบจริงซักหน่อย แอ๊คติ้ง น่ะแอ๊คติ้ง ที่ซ้อมกันไว้ไง" ตุ๊กบอก
"ถึงจะแอ็คติ้ง แต่ขิงก็ต้องเสี่ยงชีวิต น้าเอาไปแค่นี้แล้วกัน"
ขิงนับแบงค์ทำท่าเหมือนจะให้เยอะ แต่กลับหยิบแบงค์ 20 บาทยื่นให้ตุ๊ก ตุ๊กมองเงินอย่างเซ็งๆ
"เงินทีเหลือขิงต้องเก็บเอาไว้จ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ไหนจะส่งกลับไปให้ยายอีก ...เมื่อวานก็เพิ่งโทรมาบอกว่าโดนทวงหนี้อีกแล้ว" ขิงบอก
"ก็ยายแกน่ะชอบไปช่วยคนนั้น คนนี้ แต่ไม่ดูสังขารกับการเงิน เป็นไงล่ะ ช่วยไปช่วยมาหนี้บานเบอะ ทั้งลูกทั้งหลานต้องหนีซมซานมาหาเงินใช้หนี้"
"ช่างเถอะ อย่างน้อยยายเค้าก็พยายามทำดี" ขิงบอก
"ทำดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่นน่ะซิ ชั้นกับแกต้องกลายเป็นพวกหลอกฝรั่ง"
"ก็ถ้าไม่อยากทำงาน ก็หาเศรษฐีรวยๆให้ชั้นซักคนซิ จะได้ไม่ต้องทำงาน" ขิงว่า
"หาได้ ก็หาให้ตัวเองแล้ว ไม่ตกถึงคนอื่นหรอก"
ขิงมองตุ๊กขำๆ ก่อนจะนึกได้จึงรีบดูนาฬิกา
"ตายแล้วขิงรีบไปก่อนนะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน อ๊อ..แล้วน้าห้ามกินเหล้า สูบบุหรี่ ห้ามขับรถไม่ดี แล้วก็อย่าเถลไถลล่ะ เข้าใจนะ"
พูดเสร็จขิงก็รีบวิ่งออกไป ตุ๊กมองตามพร้อมเกาหัวอย่างงงๆ
"นี่มันหลานหรือแม่กันแน่วะ ..สั่งได้สั่งดี" ตุ๊กมองเงินอย่างเซ็งๆ "เงินแค่นี้จะเอาไปทำอะไรได้ เชอะ"

ปีเตอร์ซึ่งคุยกับโซว์บริเวณทางเดินในพระราชวังถึงกับตกใจ
"ว่าไงนะพระเจ้าข้า พระราชาทรงสั่งให้เจ้าชายเสด็จไปประเทศไทยด้วย"
"ใช่ ท่านเกรงว่าเจ้าจะไปเจรจาการค้าไม่สำเร็จ เพราะการเจรจาครั้งนี้สำคัญมาก เสด็จพ่อกลัวเจ้าจะทำพลาด จึงส่งเราไปควบคุมอีกที"
ปีเตอร์จ้องหน้าโซว์อย่างจับผิด "แน่ใจเหรอที่พระราชาสั่งให้พระองค์เดินทางไปจริงๆ"
"ใช่ ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามเสด็จพ่อเองซิ ทำไมเจ้ามีปัญหาอะไร"
"หม่อมชั้นแค่แปลกๆ ที่เจ้าชายไม่สนใจเรื่องการค้าขายเท่าไหร่ อยู่ดีๆก็อยากไปเจรจาการค้า เหมือนพยายามจะหนีอะไร"
โซว์มองหน้าขู่ "ถึงเราหนี เจ้าจะมีปัญหารึไง"
"หึ !! คิดแล้วเชียว คนต่ำต้อยอย่างหม่อมชั้นจะกล้ามีปัญหากับเจ้าชายได้ยังไงล่ะพระเจ้าข้า"
"งั้นก็รีบไปจัดเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย จำไว้ว่าการเดินทางของเราครั้งนี้จะให้เสด็จพ่อรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด"
โซว์ยิ้มอย่างมีแผน ปีเตอร์ได้แต่มองจ๋อยๆ

เหล่าทหารกำลังช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางจำนวนมากมาขึ้นรถ โดยมีปีเตอรยืนตรวจความเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ โซว์ในชุดพร้อมเดินทางกำลังเดินวนไปวนมาด้วยความกังวลใจ
"อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเครื่องบินออก ถ้าเจ้าชายทรงเบื่อ ไปรอด้านในก่อนก็ได้พระเจ้าค่ะ"
โซว์เดินอย่างหงุดหงิดเพราะกังวลว่าใครจะมาเห็นแล้วจะเอาเรื่องไปบอกพระราชา แล้วโซว์ก็แทบช็อคเมื่อเห็นพระราชินีเดินเข้ามา
"จะไปไหน" พระราชินีถาม
โซว์หันไปมองปีเตอร์ที่กำลังดูข้าวของแล้วหันมองมาอย่างสงสัย โซว์พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธ
"คือลูกจะไปเที่ยว ประเทศแถบนี้ สักสองสามวัน" โซว์ตอบ
พระราชินีถามอย่างรู้ทัน "ไม่ใช่หนีเหรอ"
โซว์อึ้งที่พระราชินีรู้ทัน เขาอ้าปากจะเถียง แต่พระราชินีรีบพูดสวนออกมาก่อน
"เอาเถอะ ยังไงซะ ครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ลูกจะได้ทำอย่างนี้แล้ว รู้ใช่มั้ยว่าถ้ากลับมาครั้งนี้ชีวิตของลูกจะต้องเปลี่ยนไป ลูกต้องทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปแล้ว"
"หมายความว่าลูกจะต้องแต่งงานจริงๆ" โซว์ถาม
พระราชินียิ้มโดยไม่ตอบอะไร
โซว์หน้าเศร้าแต่ก็ทำใจยอมรับ เขาเข้าไปกอดพระราชินี สองแม่ลูกกอดกันด้วยความเข้าใจ

เครื่องบินส่วนตัวบินไปไกลก่อนจะแล่นลงแตะรันเวย์
ณ โรงแรมสุดหรู มีเหล่าไฮโซ เซเลบบริตรี้มาคอยยืนต้อนรับ ทั้งหมดถือธงชาติไทยและนิวแลนด์กันจนแน่นขนัด ลัดลดาเดินแหวกออกมาจากฝูงชนด้วยท่าทางเชิดหยิ่งและมั่นใจว่าตัวเองสวยสุดๆ แขศิริและเหล่าไฮโซคนอื่นๆรีบเข้าไปรุมล้อมลัดลดาทันที
"จริงรึเปล่าคะ ที่หนังสือพิมพ์เค้าลงว่า หนูลัดลดาลงทุนไปอัพโฉมใหม่ทั้งตัว" แขศิริเอ่ยถาม
ลัดลดาหมุนตัวโชว์ ก่อนจะพูดด้วยความภาคภูมิใจ "แล้วเริ่ดมั้ยคะ"
แขศิริยิ้มแล้วกัดฟันตอบ "เริ่ดมาก ดูธรรมช๊าต..ธรรมชาติ"
"ลดาได้หมอดีน่ะค่ะ ...ตอนนี้ลดาลงทุนทำทัวร์ศัลยกรรมที่เกาหลีด้วยนะคะ ถ้าคุณป้าสนใจก็แอบมาคุยกันได้ รับรองทำแล้วไม่มีใครรู้หรอกค่ะ เนียน !”
วิชัย พ่อของลัดลดาเดินออกมามองนาฬิกาด้วยความกังวล
"ใกล้เวลาเสด็จแล้ว" วิชัยบอก
"น่าเสียดายนะคะ น่าจะเชิญทีวีมาทำข่าว"
"ไม่ได้ค่ะ เจ้าชายโซว์ท่านไม่ชอบความวุ่นวาย ขนาดเดินทางมาครั้งนี้ยังมาเป็นการส่วนพระองค์" ลัดลดาทำท่าภูมิใจ "มีแต่พวกเราแหละค่ะที่รู้ เพราะบริษัทเจริญวัฒน์ของเราเจรจาผูกขาดการค้ากับนิวแลนด์แต่เพียงผู้เดียว"
"แหม..พี่เลยพลอยได้มีบุญตามาเห็นเจ้าชายที่ได้ชื่อว่าหล่อที่สุดองค์หนึ่งในโลก" แขศิริปลื้มใจ
ลัดลดาและแขศิริหัวเราะคิกคักชอบใจ

ขิงกำลังแต่งตัวเป็นนางรำอยู่ในห้องแต่งตัว โดยมีตุ๊กยืนมองเวลาด้วยท่าทางหงุดงิด
"นี่ถ้ารู้ว่าต้องมารำต้อนรับเจ้าชายดรีมเวิร์ล" ตุ๊กบ่น
"นิวแลนด์" ขิงแก้
"ชื่อมันคล้ายๆสวนสนุก เจ้าชาย..อะไรนะอีกทีสิ"
"นิวแลนด์"
"นิวเยียร์"
"โว๊ย ไม่ใช่น้า"
"โอ๊ย พูดยากชิบเป๋ง ข้าไม่พูดแล้ว รู้งี้ข้าน่าจะขึ้นค่าตัวอีกซักสามเท่า"
"เค้าจ้างมาทำงานก็บุญแล้ว อย่างกนักเลยน้า แล้วอีกคนที่ว่าจะมาทำไมไม่มาซักที น้าออกไปดูหน่อยซิ"
"แล้วข้ารู้จักเค้าที่ไหนเล่า หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้" ตุ๊กว่า
"ก็มีสองตา หนึ่งจมูก หนึ่งปาก สองหู"
"เออก็หาไม่ยากนี่เนอะ" ตุ๊กนึกได้ว่าถูกหลอก "นังขิง"
"ขำๆน่าน้า ออกไปดูเค้าหน่อยนะหรือน้าอยากจะดูชั้นเปลี่ยนชุด"

ตุ๊กมองขิงแล้วสะดุ้งโหยง เขายิ้มแหยๆ ก่อนจะรีบออกไป

พัชรี นักข่าวสาวกำลังยืนรายงานข่าวอยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม

"ตอนนี้ดิชั้นกำลังยืนที่โถงหน้าของโรงแรมอโยธยา ร่วมกับกลุ่มบริษัทเจริญวัฒน์และเหล่าคนดังทั่วฟ้าเมืองไทย ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับการมาเยือนอย่างไม่เป็นทางการของเจ้าชายโซว์ จากประเทศนิวแลนด์"
ทันใดนั้นก็มีมือของตำรวจเข้ามาปิดที่หน้ากล้อง ตำรวจสองนายเดินเข้ามาด้วยท่าทางเอาเรื่อง
"คุณไม่รู้เหรอว่างานนี้ห้ามมีการทำข่าวและห้ามบันทึกภาพ เชิญคุณออกจากบริเวณนี้"
ตำรวจทั้งสองรีบกันตัวพัชรีและตากล้องออกไปจากบริเวณนั้น
"เดี๋ยวซิคะพี่" พัชรีพยายามอ่อยด้วยการทำเสียงกระเซ่าแอ๊บๆ "คุณตำรวจอย่าใจร้ายกับน้องคนสวยเลยนะคะ" พัชรีดึงเสื้อโชว์ไหล่แล้วทำปากเจ่อพยายามเซ็กซี่ "ได้โปรดให้น้องเข้าไปทำข่าวเจ้าชายเถอะนะคะคุณตำรวจขา"
พัชรีพยายามเต้นยั่วยวนอยู่คนเดียว ตำรวจมองหน้ากันอย่างงงๆ
พัชรีกับตากล้องถูกดันออกมาด้านหน้าโรงแรม พัชรีออกมาด้วยความโมโห
"บ้าเอ๊ย อุตส่าห์ลงทุนขนาดนี้ยังไม่สนอีก ฉันไม่สวยเหรอไง"
ตากล้องเบ้หน้า "ผมว่าหมาพุดเดิ้ลที่บ้านผมยังเซ็กซี่มากกว่าพี่เลย"
"อ๊าย..." เสียงมือถือดังขึ้น พัชรีหยิบออกมาดู "ตายแล้ว..บ.ก โทรมา"

ปรีชานั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานก่อนจะทุบโต๊ะเสียงดัง
"งานง่ายๆแค่นี้ทำไม่ได้เหรอห๊า !! พัชรี"
พัชรีฟังเสียงปรีชาตะโกนดังออกมาจากโทรศัพท์ เธอก็แทบจะทำโทรศัพท์หลุดมือ
"พัชพยายามแล้วแต่เค้าไม่ให้ถ่ายจริงๆ"
ปรีชายิ้มหน้าเหี้ยม
"ถ้าเธอถ่ายภาพเจ้าชายไม่ได้ เธอก็ต้องไปสัมภาษณ์พระองค์มา ไม่อย่างนั้นเธอคงรู้เข้าใจใช่มั้ยพัชรี ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
"จะหักเงินเดือนพัชรีเหรอคะ เดือนนี้หักจนแทบไม่มีเหลือ"
ปรีชาไม่สนใจ เขารีบวางโทรศัพท์ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ
พัชรีโมโห เธออยากจะวีนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"แล้วจะทำยังไงละเนี่ย"
ตุ๊กเดินบ่นพึมพำๆ ผ่านพัชรีไป
"แล้วจะไปรู้ได้ยังไงว่าคนไหนนางรำ นังขิงนะนังขิง ใช้อะไรไม่รู้จักดูสติปัญญาคนทำเลย ...นางรำเค้าจะใส่ชฎามาจากบ้านรึไง"
พัชรีได้ฟังที่ตุ๊กบ่นก็ปิ๊งไอเดีย เธอตัดสินใจเดินเข้าไปสะกิดตุ๊ก
"พี่รูปหล่อคะ"
ตุ๊กกลับมาหันมองพัชรีแล้วรีบเก็ก
"มีอะไรให้พี่รับใช้จ๊ะน้องสาว อ่ะเฮ้อ อยากได้เบอร์พี่งั้นเหรอ"
"เบอร์เอาไว้ทีหลังเถอะค่ะพี่ขา"
พัชรีกระพริบตาปริบๆ

รถลีมูซีนแล่นเข้ามาในบริเวณโรงแรม ผู้คนที่มารับเสด็จพากันตื่นเต้น
โซว์มองออกไปข้างนอก เขาเห็นกลุ่มคนมายืนต้อนรับ เห็นธงชาตินิวแลนด์ปลิวไสว
"คนพวกนั้นมายืนทำอะไรกัน เอ๊ะ นั่นมันธงชาติประเทศเรานี่ นี่มันหมายความว่าไงปีเตอร์ ไหนบอกว่าจะเดินทางมาเป็นการส่วนตัวไง"
"เอ่อ..คือ บริษัทเจริญวัฒน์ เป็นตัวแทนต้อนรับพระองค์" ปีเตอร์รีบแก้ตัว "ก็แค่บริษัทเจริญวัฒน์เท่านั้น ไม่มีสื่อมวลชนแน่นอน เราปิดข่าวเงียบกริบ"
โซว์มองปีเตอร์ด้วยความหงุดหงิด ปีเตอร์ได้แต่ยิ้มแหยๆ รถแล่นใกล้เข้ามา ทุกคนที่มายืนต้อนรับต่างพากันตื่นเต้นดีใจ วิชัยและลัดลดารีบลงไปรอต้อนรับ
รถแล่นเข้ามาจอด วิชัยรีบเดินไปหมายจะเปิดประตูรถให้เจ้าชาย ลัดลดาเตรียมถวายความเคารพ
โซว์เห็นวิชัยกำลังจะเปิดประตูก็รีบตะโกนสั่ง
"อย่าเพิ่งเปิด"
ปีเตอร์หันไปมองอย่างแปลกใจ "ทำไมครับ"
วิชัยเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก เลยรีบวิ่งอ้อมไปฝั่งที่โซว์นั่งอยู่ วิชัยกำลังจะมาเปิดประตู
โซว์ที่อยู่ในรถตกใจจึงรีบสั่งปีเตอร์
"บอกให้คนขับรถ ขับรถออกไปเร็ว !!”
"เอ้าจะชักช้าอยู่ทำไม รีบขับไปเร็ว" ปีเตอร์คิดได้ "เอ่อ ..แล้วจะให้ขับไปไหนครับ"
"ขับไปไหนก็ขับไปเถอะ" โซว์บอก
วิชัยกำลังเอื้อมมือจะเปิดประตูแต่ยังไม่ทันแตะรถ รถก็แล่นออกไป วิชัยและผู้มาต้อนรับถึงกับเหวอ “อ้าวเฮ้ย”
ทุกคนมองตามรถที่แล่นออกไปอย่างงงๆ
"รีบตามเจ้าชายไปเร็ว" วิชัยบอก
ลัลลดา แขศิริ รวมทั้งบรรดาผู้มารอรับเสด็จต่างรีบวิ่งตามรถที่แล่นออกไปทันที

โซว์หันไปมองกลุ่มคนที่ออกมาต้อนรับกำลังวิ่งตามรถกันอลหม่าน โซว์พยายามคิดหาทางออกสักพักก่อนจะคิดได้ เขารีบล้วงมือไปในกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ แล้วหยิบที่โกนหนวดยื่นให้ปีเตอร์
โซว์กระซิบ "โกนหนวดให้เราด่วน"
"จะมาคิดเสริมหล่ออะไรเอาตอนนี้เจ้าชาย" ปีเตอร์งง
"อย่าพูดมากรีบทำตามคำสั่งเร็ว"
ปีเตอร์รีบทำตาม เพียงไม่นานโซว์ก็โกนหนวดออกจนหมดแลดูสะอาดเกลี้ยงเกลาราวกับเป็นคนใหม่ โซว์ส่องกระจกมองด้วยความพอใจ
"คงไม่มีใครจำชั้นได้แล้วหละ ...เอาล่ะปีเตอร์ฟังนะ ต่อไปนี้..เราจะสละฐานันดรชั่วคราว แล้วแต่งตั้งให้เจ้าปีเตอร์เป็นเจ้าชายโซว์"
"อือ..ฟังดูก็ไม่ยาก" ปีเตอร์คิดได้ "เย๊ยยย !! เจ้าชายนี่คิดจะทรงทำอะไรพิเรนทร์ๆแบบนี้" ปีเตอร์โวยวาย "ไม่..ไม่ ผม ..ผมไม่..ผมไม่กล้า ผมไม่ทำ"
"งั้นก็ตามใจ ถ้ามีภาพข่าวหรือมีใครรู้ว่าเราแอบหนีมาเที่ยวกับเจ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเสด็จพ่อ เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าคนที่พามาจะเดือดร้อน"
ปีเตอร์พยักหน้ารับรู้
"แล้วใครเป็นคนพามา" โซว์ถาม
ปีเตอร์ชี้ที่ตัวเอง "หม่อมชั้น"
"งั้นก็รีบทำตามคำสั่ง ห้ามถียง ห้ามพูดมาก ไม่งั้น ...นายตายแน่"
"จะทำหรือไม่ทำปีเตอร์ก็ต้องตายอยู่แล้ว"
"รู้แล้วก็ไม่ต้องพูดมาก จัดเสื้อผ้า ทำผมเผ้าให้มันดูดีหน่อย อ๊อ ! เกือบลืม ถ้าจะให้คนเชื่อว่านายเป็นเจ้าชายจากนิวแลนด์นายก็ต้องสวมสร้อยเส้นนี้"
โซว์ถอดสร้อยคอออกมาให้ ปีเตอร์มองสร้อยอย่างเกรงๆ
"แต่ว่าสร้อยนี้ เป็นสร้อยที่พระราชา ..”
"ใส่ไปเถอะน่า ทำตัวให้สมบทบาทก็แล้วกัน จำไว้นับแต่วินาทีนี้ นายคือเจ้าชายโซว์ ไม่ใช่ปีเตอร์เข้าใจมั้ย"

ปีเตอร์ท่อง "ผมเป็นเจ้าชายโซว์ไม่ใช่ปีเตอร์ ผมเป็นเจ้าชายโซว์ไม่ใช่ปีเตอร์"

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 1 (ต่อ)

ขิงในชุดนางรำเดินออกจากผ้าที่กั้นเป็นห้องแต่งตัวชั่วคราวมาก็ถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นพัชรีในชุดนางรำเต็มยศมายืนยิ้มกริ่มให้

ขิงงง "ใครเนี่ย"
"แต่งตัวขนาดนี้ดูไม่ออกรึไง ก็คนที่จะมารำกับแกไง" ตุ๊กบอก
"อ๋อ" ขิงเข้าไปหาพัชรี "เออพี่หนูอยากจะเปลี่ยนท่อนที่รำคู่กันตอนแรกหน่อย ลองเปลี่ยนมาเป็นท่านี้" ขิงทำท่าให้ดู
พัชรีลองรำตามด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ขิงยกขาขึ้น พัชรีรำไม่เป็นพอยกขาขึ้นก็เซเกือบล้มแต่ขิงจับไว้ได้ทัน
ขิงมองด้วยความสงสัย "พี่เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย"
พัชรีพูดกลบเกลื่อน "ไม่เป็นอะไร๊..รำแค่นี้ง่ายสบาย"
พัชรีรีบรำแบบเก้ๆกังๆให้ขิงและตุ๊กดู ขิงและตุ๊กหันมองหน้ากันเพราะไม่มั่นใจว่าพัชรีจะรำไหว

รถลีมูซีนของเจ้าชายแล่นวนไปวนมาหลายรอบ เหล่าผู้มาต้อนรับวิ่งไล่ตามไปไม่หยุด ในที่สุดรถก็เข้าไปจอดบริเวณที่มาจอดเป็นครั้งแรก วิชัย ลัดลดาและผู้ติดตามคนอื่นๆรีบมาตั้งแถวต้อนรับด้วยท่าทางเหนื่อยหอบแต่ทุกคนก็ยังคงตื่นเต้นและปลาบปลื้ม
วิชัยเดินเช็ดเหงื่อที่หยดแล้วไปเปิดประตูรถ เท้าก้าวออกมา ลัดลดาตื่นเต้นจนออกนอกหน้าเพราะลุ้นเจ้าชายจะหล่อแค่ไหน ปีเตอร์ก้าวออกมาจากรถ ลัดลดาและทุกคนทำหน้าผิดหวัง
มีเสียงซุบซิบดังไปทั่ว “นี่น่ะเหรอเจ้าชายโซว์ ทำไมแก่นักล่ะ” / “นี่น่ะนะหล่อที่สุดในโลก” / “แต่ท่าทางท่านก็ภูมิฐานดีนะ”
ปีเตอร์มองทุกคนด้วยท่าทางประหม่า เขาก้าวขาเดินแทบไม่ออก โซว์ซึ่งใส่แว่นดำเดินตามลงมาประกบด้านหลังแล้วรีบกระซิบ
"เดินไปซิ จะมามัวยืนซื่อบื้ออะไรอยู่ล่ะ"
ปีเตอร์รีบฉีกยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปอย่างยากลำบาก เขามาหยุดยืนหน้าวิชัยกับลัดลดาที่เตรียมของมาต้อนรับ วิชัยจะพูด แต่ลัลลดารีบชิงพูดก่อน
"ยินดีต้อนรับพระองค์สู่ไทยแลนด์ แลนด์ออฟสไมส์" ลัดลดาใช้สำเนียงโอเว่อร์ "หม่อมชั้น นางสาวลัดลดา ตัวแทนจากเจริญวัฒน์ สัดส่วน 36- 23 - 36 จะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลพระองค์ขณะที่ประทับอยู่ที่นี่เพคะ"
ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ "แหม..บอกซะอย่างกับประกวดนางงามเลยนะ"
"พระองค์คงไม่ทราบว่าหม่อมชั้น เคยประกวดนางงามมาก่อน"
"แล้วได้ที่เท่าไหร่" ปีเตอร์ถาม
ลัดลดาตอบอย่างภูมิใจ "ตกรอบเพคะ" ลัลดาหัวเราะแหะๆ
ปีเตอร์มองหน้าตาลัดลดา "เราเข้าใจๆ"
ปีเตอร์เดินยิ้มอย่างสง่าแล้วโบกมือให้ทุกคน ทุกคนมองตามด้วยความชื่นชม
เสียงดนตรีไทยดังขึ้น พัชรีและขิงในชุดนางรำรำออกมา ปีเตอร์หยุดมองอย่างชื่นชม ในขณะทีโซว์ก้มหน้าตลอดทำให้ไม่เห็นขิง ส่วนขิงก็ไม่ได้สนใจมองเขา
ขิงโชว์การรำอย่างสวยงาม ขณะที่พัชรีรำอย่างเก้ๆกังๆ เพราะพยายามจะหยิบกล้องตัวจิ๋วออกมาถ่ายรูปปีเตอร์ แต่หยิบยังไงก็หยิบไม่ได้ซักที ขิงรีบหันมาเตือน
"พี่รำดีๆซิ"
พัชรีมองไปทางปีเตอร์ที่ทุกคนคิดว่าเป็นเจ้าชายแล้วก็พยายามส่งยิ้มให้ ปีเตอร์เห็นพัชรีก็ยิ้มหวานอ้าปากกว้าง เพราะเห็นว่าพัชรีถูกเสป็ค โดยไม่ได้ระวังดอกไม้ที่ขิงโปรยปลิวเข้าไปในปากของปีเตอร์เต็มๆ ปีเตอร์รู้สึกว่ากลีบดอกไม้ขม เขามองโซว์แล้วก็ไม่กล้าถุยออกมาจึงต้องกลืนกลีบดอกไม้เข้าไปในท้องด้วยท่าทางที่สง่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พัชรีพยายามจะหยิบกล้องถ่ายรูปจิ๋วออกมาถ่าย ขิงเห็นพัชรีดูมีพิรุธมานานแล้ว เมื่อเห็นพัชรีจะหยิบอะไรสีดำๆออกมาก็ตกใจเพราะคิดว่าเป็นปืน เธอจึงรีบโวยวายเสียงดัง
"ปืนๆๆๆๆ"
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเริ่มโกลาหล ทั้งหมดพยายามหนีตายจนกลายเป็นจลาจลย่อยๆ เจ้าหน้าที่แถวนั้นรีบพาโซว์และปีเตอร์เข้าไปข้างใน ในขณะที่พัชรีรีบหนีไปท่ามกลางบรรยากาศโกลาหลสุดๆ

ลัดลดาโวยวายกับขิงและตุ๊กดังลั่น
"พวกแกมาทางไหนก็ออกไปทางนั้นเลยนะ"
"อ้าว แล้วค่ารำของหนูล่ะ" ขิงทวง
"ยังจะมาเรียกเงินค่าจ้างอีก ชั้นไม่เรียกตำรวจมาจับแกก็บุญเท่าไหร่แล้ว" ลัดลดาเดินกระแทกเท้าออกไป "แล้วชั้นจะกล้าเอาหน้าไปเจอเจ้าชายได้ยังไงเนี่ย โอ๊ย เวียนหัว"
ลัดลดาเดินออกไปจากห้อง ขิงกับตุ๊กมองหน้ากัน
"เอาไงล่ะเนี่ย" ขิงถาม
"ก็กลับซิวะ จะยืนรอให้ใครมาด่าอีกรึไง" ตุ๊กบอก
ขิงและตุ๊กเดินออกไปจากโรงแรมอย่างจ๋อยๆ

ปีเตอร์พูดกับทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองด้วยท่าทียิ้มแย้มอารมณ์ดี
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เจ้าชายไม่ถือ ของอย่างนี้ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง"
"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ที่ทรงเข้าใจ" วิชัยพูดแล้วมองปีเตอร์ยิ้มๆ "คืนนี้หม่อมชั้นจะขอจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าชายที่บ้านหม่อมชั้น ขอเชิญองค์ชายเสด็จมาเพื่อเป็นเกียรติอันสูงส่งแก่พวกเราได้มั้ยพระเจ้าค่ะ"
โซว์กระซิบบอกปีเตอร์ "ชั้นไม่ไป !!!”
ปีเตอร์นึกว่าเป็นคำตอบจึงรีบบอกทุกคน "ชั้นไม่ไป"
ทุกคนตกใจพากันสะดุ้งหน้าเสียและผิดหวัง
โซว์รีบหยิกปีเตอร์ก่อนจะกระซิบบอก "ชั้นหมายถึงชั้นไม่ไป แต่นายน่ะต้องไป"
"อ๋อ อ๋อ..อ๋อ ... ตกลงชั้นไป" ปีเตอร์ชี้โชว์ "แต่นายไม่ไป" ปีเตอร์ถามทุกคน "เข้าใจมั้ย"

ทุกคนตื่นเต้นดีใจ ปีเตอร์ยิ้มปลื้มพร้อมทั้งพยายามทำท่างามสง่าสุดๆ

ปีเตอร์วางมาดเจ้าชายเดินนำโซว์เข้ามาในห้องสวีทในโรงแรม ทันทีที่ประตูปิดลง ปีเตอร์ก็รีบถอนหายใจก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น

"โอ๊ย..นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ...ทำไมการเป็นเจ้าชายมันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ ดูซิผมต้องยิ้มจนริมฝีปากติดเหงือกเอาไม่ออกแล้ว" ปีเตอร์บ่น
โซว์ยื่นแขน ปีเตอร์รีบเข้ามาถอดเสื้อสูทออกให้
"แต่นายก็ทำได้ดีนี่" โซว์ชม
"โธ่ เจ้าชายอย่ามาล้อหม่อมชั้นหน่อยเลย ว่าแต่เจ้าชายจะกลับคืนสู่ฐานันดรเมื่อไหร่ครับ"
"ไม่มีกำหนด"
"ห๊า !! ไม่มีกำหนด งั้นก็หมายความว่า"
"นายต้องเป็นเจ้าชายโซว์แทนชั้น จนกว่าชั้นจะพอใจ"
ปีเตอร์โวยวาย "แต่เจ้าชายครับ เจ้าชายไม่คิดว่าจะมีใครจับผิดหม่อมชั้นได้เหรอพระเจ้าค่ะ"
"เลิกโวยวาย แล้วก็ไปหาชุดไปงานปาร์ตี้คืนนี้ได้แล้ว รับปากเค้าไว้แล้วไม่ใช่เหรอ เจ้าชายพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น"
"แล้วเจ้าชายล่ะ" ปีเตอร์ถาม
"ชั้นก็จะไปเที่ยวของชั้นน่ะซิ"
ปีเตอร์ตกใจ "ไปเที่ยว ?? ไปไหน ไปกับใคร ไปทำอะไร แล้วไปยังไง"
"ไม่ต้องถาม ห่วงเรื่องตัวนายเองดีกว่า ถ้านายทำให้ชั้นขายหน้า หรือ ทำให้ความลับแตกล่ะก็ นายรู้ชะตาใช่มั้ย"
โซว์ค้นกระเป๋าก่อนจะหยิบหนังสือนำเที่ยวประเทศไทยออกมาอ่านอย่างสบายอารมณ์ ปีเตอร์ได้แต่มองจ๋อยๆ เพราะทำอะไรไม่ได้

ขิงแต่งตัวหิ้วกระเป๋าพร้อมจะไปทำงานอีกที่ ในขณะที่ตุ๊กนอนดูทีวีอย่างขี้เกียจอยู่ในบ้าน
"ตกลงน้าไม่รู้ใช่มั้ยว่าคนที่มารำกับชั้นคือใคร" ขิงถาม
"เอ็งหยุดคิดเรื่องนี้ซะทีเถอะวะ เอ็งถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร" ตุ๊กว่า
"เออ นั่นซิ ..งั้นชั้นไปทำงานก่อนนะ"
ตุ๊กมองขิงที่ใส่ชุดทะมัดทะแมงเหมือนผู้ชายแล้วก็แปลกใจ "แล้วแต่งตัวแบบนั้นจะออกไปทำงานที่ไหน" "จะไปเสิร์ฟที่ร้านอาหาร คืนนี้คาวบอยไนท์ เด็กเสิร์ฟต้องแต่งตัวเป็นคาวบอย น้าอยากเห็นขิงแต่งเป็นผู้ชายมั้ยล่ะ"
"อย่างเอ็งไม่ต้องแต่งก็เหมือน"
"น้านี่ !!”
"แล้วอย่าไปมีเรื่องกับใครล่ะ"
"บอกตัวเองไว้เถอะ"
ขิงเดินออกไป ตุ๊กหันมานอนดูทีวีต่ออย่างสบายอารมณ์

ปีเตอร์เดินเข้ามาในชุดสูทหรู ในขณะที่โซว์เดินเข้ามาในชุดนักท่องเที่ยว เสื้อยืด กางเกงสามส่วน รองเท้าผ้าใบ สะพายเป้ โซว์ยื่นขาออกมาก็เห็นว่าเชือกรองเท้ายังไม่ได้ผูก ปีเตอร์นั่งลงชันเข่าให้โซว์เอาเท้าวางไว้บนเข่าแล้วปีเตอร์ก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้
"เจ้าชายแน่ใจนะครับ ว่าจะไปเที่ยวจริงๆ" ปีเตอร์ถามย้ำ
"แน่ใจซิ มาครั้งนี้ชั้นตั้งใจจะมาเที่ยวประเทศไทยให้ทั่ว" โซว์บอก
"แต่เจ้าชายเปลี่ยนใจ คืนฐานันดรก็ยังทันนะครับ"
"หยุดพูดเรื่องนั้นได้แล้ว นายต้องเตรียมตัว ชั้นจะสอนมารยาทไทยเบื้องต้นให้ รู้ใช่มั้ยคนไทยทักทายกันด้วยการไหว้"
ปีเตอร์รีบโชว์ "สบายมาก ไหว้แบบนี้ใช่มั้ยครับ" ปีเตอร์ยกมือไหว้ท่วมหัว
"ไม่ใช่ๆ ไหว้ที่ถูกต้องต้องทำอย่างนี้"
โซว์ไหว้อย่างสวยงามให้ปีเตอร์ลองทำตาม ปีเตอร์ทำตามได้สวยเช่นกัน
"นี่คือประโยคทักทายที่ใช้โดยทั่วไป สวัสดีครับ สบายดีมั้ยครับ ทานข้าวรึยังครับ"
"โอ๊ย ผมจำไม่ได้หรอกครับ ยาวขนาดนั้น ผมว่าเจ้าชายไปเองดีกว่าครับ ผมชักเริ่มกลัว ไม่อยากไปแล้ว"
"ไม่ไปก็ตามใจ แต่ชั้นจะจำไว้ว่านายทำให้ชื่อเสียงชั้นเสื่อมเสีย"
"พูดแบบนี้ทำให้หม่อมฉันรู้สึกผิด หม่อมฉันไปก็ได้"
"ขอให้สนุกกับการเป็นเจ้าชายนะ"
โซว์โบกมือให้ก่อนจะเดินออกไป ปีเตอร์มองตามตาละห้อยก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง
"เจ้าชายนะเจ้าชาย ทำกันได้"

โซว์ซึ่งอยู่ในมาดนักท่องเที่ยวหิ้วเป้ถือแผนที่เดินออกมานอกโรงแรม เขามองไปรอบๆ เห็นผู้คนไม่สนใจในตัวเขาเลย โซว์จึงเดินยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะกางแผนที่แล้วเรียกรถตุ๊กตุ๊ก รถตุ๊กตุ๊กแล่นเข้ามาจอด
"ไปถนนข้าวสาร"
คนขับรถตุ๊กตุ๊กพยักหน้า โซว์รีบกระโดดขึ้นรถ
รถตุ๊กตุ๊กแล่นออกไปทันที

บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความหรูหรา เหล่าไฮโซต่างก็แต่งตัวเพื่ออวดเครื่องเพชร เครื่องทองกันมากมาย บรรดาไฮโซจับกลุ่มสนทนาเป็นกลุ่มๆ ตามมุมต่างๆ
 "ได้ข่าวว่าคุณหญิงฉาดประภาและน้องติ๊งโหน่งจะมาร่วมงานกับเราด้วยเหรอคะ" แขศิริพูด
ลัดลดาหันไปมองวิชัยแล้ววีนออกมา "คุณพ่อเชิญสองคนนั่นมาทำไม รู้ทั้งรู้ว่าลดากับยายติ๊งโหน่งม้าแกลบนั่นเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่เล็ก"
"ก็เค้าขอมาเอง พ่อจะปฎิเสธยังไง ลูกไม่รู้เหรอว่านายชรินทร์สามียายคุณหญิงนี่ พยายามจะติดต่อซื้อหุ้นของบริษัทเจริญวัฒน์อยู่ แต่พ่อไม่มีทางขายให้เด็ดขาด" วิชัยบอก
"อย่าประมาทฝีมือนายชรินทร์คนนี้นะ เค้ามีอำนาจมากมายขนาดไหนใครก็รู้" แขศิริพูด
แขศิริหันไปเห็นลัดลดาหน้าเครียดก็รีบปลอบ
"น้องลดาไม่ต้องเครียดไปหรอกค่ะ ใครๆก็รู้ว่ายายติ๊งโหน่ง ลูกคุณหญิงฉาดประภาสู้น้องลดาไม่ได้สักนิดเดียว ทำหน้าอย่างนี้ เดี๋ยวเกิดย่นถาวร โบท็อกจะเอาไม่อยู่นะคะ"

ลัดลดารีบยิ้มหัวเราะชอบใจเพราะนึกว่าแขศิริเป็นห่วงโดยที่ไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกด่าอยู่

บรรยากาศคึกคักของถนนข้าวสารยามค่ำคืน ข้างทางเต็มไปด้วยฝรั่งที่มาจับจ่ายซื้อของ บริกรในร้านอาหารที่ล้วนเป็นหนุ่มหล่อกำลังยืนเก็กท่าถ่ายรูปกับสาวๆ ชาวญี่ปุ่น เสียงเพลงในร้านดังกระหึ่ม
 
สาวญี่ปุ่นหันไปกรี๊ดกร๊าด เมื่อขิงในชุดคาวบอยหนุ่มถือปืนปลอมเดินเข้ามา สาวๆเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลัง จนหนุ่มๆคนอื่นในร้านมองด้วยความอิจฉา
ขิงโชว์ลีลาหมุนขวดเหล้าตามจังหวะเพลง ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้กับสาวๆญี่ปุ่น สาวๆ พากันกรี๊ดก่อนจะหอมแก้มขิงกันยกใหญ่ โซว์เดินมายืนด้อมๆมองๆ ดูเมนูอยู่หน้าร้าน ขิงเห็นก็รีบออกไปต้อนรับ
"ฮัลโหล" ขิงทัก แต่โซว์ยังนิ่ง ขิงจึงลองพูดคำอื่นๆ "หนีฮ่าว / คอมบังวะ / ซัวซะเดย / อันยอง ฮาเซโย / บองซู"
โซว์หันมามองก่อนยิ้ม "อ้อ สวัสดีครับ"
"เอ้า พูดไทยได้ก็ไม่บอก ปล่อยให้ทักหน้าแตก เชิญครับๆ...เชิญข้างในก่อน"
ขิงรีบพาโซว์เข้ามานั่งมานั่งในร้าน ขิงเลื่อนเก้าอี้ให้โซว์อย่างดีก่อนจะยื่นเมนูให้
"จะรับอะไรดีครับ เบียร์ หรือจะเป็นอาหารฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ อิตาลี จีน หรือแม้แต่อาหารลาวของเราก็แซ่บอีหลีนะครับ"
โซว์วางเมนูแล้วทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะลุกจะเดินออกไป
"เดี๋ยวก่อนซิครับใจเย็นๆ อยากจะรับประทานอะไรก็บอกกันได้ ร้านเรามีอาหารทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ" ขิงบอก
"ชั้นต้องการกินอาหารไทย" โซว์พูด
"อ๋อ อาหารไทย...อยากทานอะไรละครับ พระรามลงสรง หนุมานถวายแหวน ยำทวาย แกงรัญจวน หรือ แสร้งว่ากุ้ง"
โซว์เปิดหนังสือให้ขิงดูรูปอาหารที่อยากกินประกอบ
"ชั้นอยากทาน ผัดไทย ต้มยำกุ้ง หมูสะเต๊ะ แล้วก็ผัดผักบุ้งลอยฟ้า"
"อ้อ ร้านเรามีทุกอย่างครับ" ขิงเริ่มกวน "ยกเว้นผักบุ้งลอยฟ้า ที่นี่ลอยแค่ในกระทะยังไม่ทันจะบินขึ้นฟ้า แต่ถ้าอยากจะดูแบบขึ้นฟ้าจริงๆ ผมก็พอจะทำให้ดูได้นะครับ แต่ต้องมีเอ็กตร้าชาร์จ"
โซว์มองขิงที่พยายามเรียกเงินอย่างดูถูก "งั้นก็เอาแค่ที่มี ชั้นไม่ใช่นักท่องเที่ยวหมูๆที่ใครจะหลอกฟันเงินง่ายๆหรอก"
ขิงแอบมองอย่างหมั่นไส้ "ครับ"
ขิงน้อมรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป เธอแอบหันมามองก็เห็นโซว์นั่งหน้าหยิ่งคอแข็งแลดูเชิ่ดๆ ก็ยิ่งหมั่นไส้
"นั่งคอแข็งเชิ่ดไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าเป็นหมูหรือไม่หมู"
ขิงมองโซว์แล้วยิ้มอย่างมีแผน

ขิงเดินถือถาดใส่อาหารซึ่งส่งควันฉุยออกมา เธอเห็นโซว์กำลังนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ขิงยิ้มก่อนจะหยุดแวะเทเกลือและพริกใส่ลงไปในอาหารก่อนจะคลุกๆแล้วเอามาเสิร์ฟ
ขิงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "มาแล้วครับอาหารไทยรสเลิศ"
โซว์มองอาหารที่อยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มก่อนจะลองตักชิม แต่ทันทีที่ชิมโซว์ก็ทำหน้าแหย เขาลองเปลี่ยนไปชิมอีกจานก็เผ็ดไป อีกจานก็หวานเกินไป
ขิงแอบยืนมองอยู่ถึงกับขำแต่ก็พยายามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"เนี่ยนะอร่อย ทำไมรสชาติมันขาดๆเกินๆ"
ขิงกระซิบ "จริงๆผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะครับ แต่อาหารร้านนี้มันไม่ค่อยอร่อยถ้าอยากจะกินให้อร่อยจริงๆ ก็ต้องกินแบบที่คนไทยเค้ากินกัน"
โซว์สนใจ "แล้วคนไทยเค้ากินกันแบบไหน"
"กินกันแบบข้างทาง รู้จักรึเปล่าร้านข้างทางน่ะ" ขิงถาม
โซว์ยิ้ม "ชั้นก็อยากกินอย่างนั้นแหละ แต่ไม่รู้จะไปกินที่ไหน"
"เรื่องแบบนี้ไม่ยากครับ ผมช่วยคุณได้ แต่ว่าคงต้องมีเอ็กตร้าชาร์จนะครับ" ขิงยิ้มร้าย
"ถ้ามันอร่อยอย่างที่นายคุยไว้จริง ชั้นก็ไม่ว่า"
"งั้นหมายความว่า คุณจะให้ผมพาไปใช่มั้ย" ขิงถาม
"พาไปได้มั้ยล่ะ"
"ได้น่ะได้อยู่แล้ว แต่ว่าต้องรอผมสักแป๊บนึง ต้องเลิกงานที่นี่ก่อนถึงจะไปได้"
"ไม่มีปัญหา แต่คงต้องหักค่าเอ๊กตร้าชาร์จอีก 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่ารอด้วย"
"โห อย่าเขี้ยวไปหน่อยเลยน่า"
"ไม่ได้เรียกว่าเขี้ยว แต่เรียกว่าแฟร์ โอเคมั้ยล่ะ ถ้าไม่โอเคก็ไม่เป็นไร"
โซว์ทำท่าจะลุกไป ขิงรีบไปขวางไว้
"โอเค.....โอเค"
ขิงเอื้อมมือให้โซว์จับ ทั้งสองจับมือเป็นการตกลง โซว์นั่งลงอ่านหนังสือรอ ขิงเดินออกไปก่อนจะหันหลังมามองโซว์ด้วยความเจ็บใจ
"หักยี่สิบเปอร์เซ็นต์เหรอ คอยดูชั้นจะเอาคืนนายอีกเป็นสิบๆเท่าเลย"
ขิงเดินออกไป โซว์เงยหน้ามองตามอย่างหน่ายใจ

"คนพวกนี้ทำได้ทุกอย่าง ถ้ามีเงิน .." โซว์มองตามอย่างเซ็งๆ

รถคันหรูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านลัดลดา แขศิริและแขกคนหนึ่งเห็นก็รีบเข้าไปต้อนรับ

"ต๊ายคุณหญิงฉาดประภามาแล้ว"
พัชรีที่กำลังเดินเข้ามาในงานพยายามหาทางเข้างานอยู่ก็แอบมองด้วยความสนใจ
แขศิริกุลีกุจอลงไปเปิดประตูรถให้ฉาดประภาด้วยตัวเอง ฉาดประภาและติ๊งโหน่งก้าวลงมาจากรถ ทั้งสองพยายามวางท่วงท่าอย่างงามสง่าสุดๆ ฉาดประภาเข้าไปกอดทักทายคนนั้นคนนี้ แขศิริหันไปเห็นติ๊งโหน่งเดินหน้าบึ้งเข้ามาก็เอ่ยทัก
"แหม..น้องติ๊งโหน่งไม่ได้เจอตั้งนาน ยังเหยิน เอ๊ย ยังสวยเหมือนเดิมนะคะ"
พัชรีเหลือบไปเห็นรถของฉาดประภายังเปิดประตูอยู่ เธอคิดแผนก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถ แล้วค่อยๆเปิดประตูเข้าไปนั่ง โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
"เชิญคุณหญิงเข้าไปข้างในค่ะ ทุกคนพากันพูดถึงคุณหญิงกับน้องติ๊งโหน่งกันใหญ่เลยค่ะ" แขศิริบอก
ฉาดประภาและ ติ๊งโหน่งเดินเข้าไปในงาน รปภ. กำลังจะปิดประตู แต่พัชรีรีบเอาขายื่นออกมาก่อน
พัชรีวางท่า "เดี๋ยวก่อนซิจ๊ะ ชั้นยังไม่ได้ลงเลย"
"อ้าว นี่หนูก็มากับคุณหญิงฉาดประภาด้วยเหรอ" แขศิริถาม
พัชรียิ้มหวาน "สวัสดีค่ะ หนูชื่อทรงสะคราญ เป็นเพื่อนติ๊งโหน่งค่ะ"
"ไม่ยักกะรู้ว่าอย่างหนูติ๊งโหน่งก็มีคนคบด้วย"
แขศิริขำๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในงาน พัชรีรีบเดินตามเข้างานไปทันที

พัชรีเดินอยู่ในงาน ในมือของเธอมีกล้องตัวเล็กๆ คอยถ่ายรูปบรรยากาศต่างๆเอาไว้ ลัดลดากำลังยืนสวยเริ่ดอยู่ในงาน เธอเห็นติ๊งโหน่งและฉาดประภาเดินเข้ามาก็จะเข้าไปเอาเรื่อง แต่เสียงประกาศดังขึ้นมาก่อน
"เจ้าชายโซว์กำลังจะเสด็จแล้ว ขอทุกคนยืนประจำที่"
พัชรีรีบวิ่งไปยืนตั้งแถวต้อนรับกับเหล่าคุณหญิงคุณนาย โดยมี ลัดลดายืนเด่นอยู่หน้าสุด ติ๊งโหน่งไม่ยอมจะเด่นด้วยจึงรีบเข้าไปเบียดคนอื่นโดยใช้ฟันหน้าที่ใหญ่ขู่คนที่ยืนด้านหน้าทำให้คนกลัวรีบให้เธอออกมายืนข้างลัดลดาได้สำเร็จ แล้วติ๊งโหน่งก็รีบเก็บฟัน
"ไงจ๊ะเพื่อนติ๊ง ได้ข่าวว่าไปทำฟันหน้ามาไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมยังเหยินเหมือนเดิม" ลัดลดาแขวะ
ติ๊งโหน่งเอามือจิ้มหน้าลัดลดา "เธอเองก็ไปดึงหน้ามานี่" ติ๊งโหน่งเอามือจิ้มไปหลังหู "ทำไมมันยังเหี่ยวๆล่ะ หรือว่าปมที่ผูกไว้หลังหูจะหลุดแล้ว"
ลัดลดาตกใจ รีบเอามือจับหลังหู "ไหนๆ จะหลุดได้ยังไงก็." ลัดลดารู้ว่าโดนหลอกจึงมองติ๊งโหน่งด้วยความโกรธ "นังม้าแกลบแกหลอกชั้นเหรอ"
"เป็นม้าแกลบ ฮี้ฮี้..." ติ๊งโหน่งทำท่าม้า "อ้วนก็ยังดีกว่านังหน้าเฉาะ เลาะทั้งตัวก็แล้วกัน ชิ"
ติ๊งโหน่งและลัดลดาจะเอาเรื่องกัน แต่เสียงแตรนำขบวนดังขึ้น ปีเตอร์เดินเข้ามาในงาน เขาวางมาดเจ้าชายเต็มที่ ลัดลดาและติ๊งโหน่งฉีกยิ้มประชันกัน ทั้งสองพยายามทำความเคารพอย่างสวยงามและโดดเด่น
"ขอบใจทุกคนมากที่จัดงานปาร์ตี้ต้อนรับเรา" ปีเตอร์พูด
ติ๊งโหน่งมองปีเตอร์ด้วยความหลงใหล เธอรีบแนะนำตัว "หม่อมชั้น ติ๊งโหน่งเพคะ"
ติ๊งโหน่งยิงฟันพร้อมเลียปากเหมือนอยากกินปีเตอร์ ปีเตอร์มองติ๊งโหน่งที่จ้องเขาด้วยความสยดสยอง
"เป็นชื่อที่แปลกดีนะ มีความหมายว่ายังไง" ปีเตอร์ถาม
"ถ้าในภาษาอังกฤษมีความหมายว่า อินโนเซนส์ เพคะ"
"อ๋อ ที่แปลว่า" ปีเตอร์พูดด้วยความมั่นใจ " “โง่” ใช่มั้ยครับ"
ลัดลดา พัชรี และ แขกคนอื่นๆ ถึงกับหัวเราะก๊ากออกมา ติ๊งโหน่งหน้าเสีย
ฉาดประภารีบพูดแทนลูกสาว "ไม่ใช่เพคะ อินโนเซนส์ ภาษาไทยแปลว่า ไร้เดียงสาเพคะ"
ปีเตอร์หน้าเสีย "อ๋อ ขอโทษที เข้าใจผิดไปหน่อย ..คือ ภาษาไทยผมไม่ค่อยแข็งแรงนะครับ"
ปีเตอร์รีบเดินไปทักทายคนอื่นต่อ ลัดดามองติ๊งโหน่งอย่างเยาะเย้ยสุดๆ ติ๊งโหน่งโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
 
จังหวะนั้นพัชรีเอากล้องถ่ายรูปตัวเล็กขึ้นมาแอบถ่ายรูปปีเตอร์เก็บเอาไว้โดยไม่มีใครรู้

เปลวไฟสีแดงเพลิงลุกท่วมกระทะผัดผักบุ้ง ผักบุ้งลอยจากกระทะไปลงจานคนรับที่อยู่ห่างออกไปพอดิบพอดี ผักบุ้งจานนั้นถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าโซว์ที่กำลังนั่งดูอย่างตื่นเต้น

"ชั้นชอบมาก อย่างนี้แหละที่ชั้นอยากได้"
"แต่คุณก็รู้ว่าของดีไม่ได้ได้มาฟรีๆ ค่ารถบวกค่าน้ำมัน และ ค่าจองร้านก็ 500 บาทขาดตัวไม่รวมกับค่าจ้างนำเที่ยวคืนนี้ ที่นายหักไปแล้ว 20 เปอร์เซ็นต์" ขิงบอก
"เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ชั้นจ่ายนายแน่ ....นี่ไม่พูดเรื่องเงินซักห้านาทีได้มั้ย"
"ได้ จะให้พูดเรื่องอะไรล่ะ"
"ชั้นว่าคนไทยเก่งนะ ที่สามารถนำวิธีปรุงอาหารมาประยุกต์กับกายกรรมได้"
"แน่นอน คนไทยเก่งทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"
โซว์รีบพูดดักคอ "ใช่ ถ้ามีเงิน"
ขิงมองหน้าโซว์ด้วยความโกรธนิดๆ "นี่คุณ ผมไม่ได้หมายความเรื่องเงิน ผมหมายความว่าคนไทยมีความสามารถทำได้ทุกอย่าง"
"นายแน่ใจนะ ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน"
"แน่ใจซิ คุณน่ะอย่าเอาเรื่องเงินมาตัดสินคนได้มั้ย" ขิงว่า
โซว์มองขิงแล้วยิ้มร้าย "งั้นถ้าชั้นจ้างนาย ให้นายไปยืนรับผักบุ้ง นายจะทำได้มั้ย"
ขิงรีบปฎิเสธ "จะบ้ารึไง ผมไม่ได้ฝึกมา จะไปทำได้ยังไง"
"งั้นถ้านายรับได้ ชั้นให้จานละพัน"
ขิงตาโต "จานละพันเลยเหรอ" ขิงคิด "อือ ...งั้นเดี๋ยวผมจะลองดู เดี๋ยวนายจะหาว่าคนไทยไม่แน่จริงๆ งั้นเดี๋ยวผมไปลองเจรจากับเจ้าของร้านก่อนนะ"
ขิงรีบลุกไปหาเจ้าของร้าน โซว์มองตามแล้วยิ้มเยาะ

ขิงยืนรับผักบุ้งลอยฟ้าแต่พลาด เธอรู้สึกโมโห บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยผักบุ้งที่ตกพื้นหลายกอง
"เฮีย โยนให้มันดีๆซิ เงินพันนึงของผมตกไปกองที่พื้นแล้วเห็นมั้ย" ขิงโวย
โซว์มองขิงขำๆ ปนสมเพช "ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องพยายามหรอกน่า"
"ใครว่าทำไม่ได้ ผมแค่ลองมือ คราวนี้ เอาจริงแล้ว"
"บอกไว้ก่อนนะว่าชั้นจะให้เงินต่อเมื่อนายรับได้เท่านั้น"
"รู้แล้วน่า" ขิงบอกเฮีย "เอ้า เฮียจานสุดท้ายแล้วนะ โยนมาดีดี"
เฮียเจ้าของร้านผัดผักบุ้งสองสามีก่อนจะโยนลอยฟ้ามา ขิงพยายามจับจังหวะก่อนจะถลายื่นจานไปรับผักบุ้งลอยฟ้าได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ขิงลืมตาเห็นตัวเองรับได้ก็ดีใจ
"เย้ๆๆๆ รับได้แล้ว หนึ่งพันบาทของผม"
ขิงและเฮียเจ้าของร้านกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
โซว์พึมพำ "แล้วยังจะมาบอกอีก ว่าเงินซื้อไม่ได้ !!”
"ไหนล่ะเงินของผม" ขิงถาม
ขิงวิ่งด้วยความตื่นเต้นเข้ามาหาโซว์ เพราะไม่ทันระวังเธฮจึงสะดุดขาเก้าอี้เซจะล้มทำให้ผักบุ้งหกรดหัวโซว์เต็มๆ
"เอ่อ.คือ..ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ แหะ ๆๆ"
ขิงได้แต่ยิ้มแหยๆ เธอพยายามเก็บผักบุ้งให้อย่างอายๆ โซว์มองขิงด้วยความโกรธสุดๆ

ปีเตอร์กำลังเต้นรำกับลัดลดาอยู่กลางฟลอร์ โดยมีพัชรีแอบเอากล้องถ่ายภาพเขาเป็นระยะๆ ติ๊งโหน่งที่ยืนอยู่กับฉาดประภามองลัดลดาด้วยความอิจฉา
"แม่ ติ๊งอยากเต้นรำกับเจ้าชายบ้าง"
"เข้าไปประกบเลยลูกงานนี้ใครดีใครได้" ฉาดประภาบอกลูกสาว
ติ๊งโหน่งยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปเอาก้นกะแทกลัดลดาจนเสียหลัก แล้วเธอก็เสียบตัวไปเต้นรำแทนลัดลดาได้ ลัดลดาพยายามจะหาโอกาสแย่งตำแหน่งคืนแต่ก็ทำไม่ได้
ฉาดประภามองติ๊งโหน่งที่กำลังเต้นรำด้วยอาการปลาบปลื้ม ในขณะที่แขศิริมองพัชรีด้วยความสงสัย
"คุณหญิงฉาดค่ะ ดิชั้นสงสัยมาตั้งนานแล้ว ว่ายายหนูนั่นมากับคุณหญิงกับหนูติ๊งโหน่ง แต่ทำไมไม่เห็นคุณหญิง คุยอะไรกับแกเลยคะ" แขศิริถาม
"ดิชั้นมาแค่สองคนกับลูกนะคะ" ฉาดประภาบอก
"แล้วแกเป็นใครละคะ หรือว่า ...พวกปาปารัซซี่"
พอได้ยินคำว่าปาปารัซซี่ทุกคนในงานก็ตกใจและแตกตื่น
วิชัยเรียกรปภ. เข้ามาในห้อง
"ไหนพวกปาปารัซซื่" วิชัยถาม
แขศิริชี้ไปทางพัชรี "นั่นไงคะ"
พัชรีตกใจที่ถูกจับได้จึงรีบวิ่งหนี วิชัย แขศิริ ลัดลดา และ ฉาดประภา พยายามช่วยกันล้อมไว้ พัชรีพยายามหนี ทั้งงานดูวุ่นวายไปหมด
พัชรีวิ่งหนีไปหลบหลังปีเตอร์และติ๊งโหน่ง วิชัย ลัดลดา ฉาดประภา แขศิริ และ รปภ. พยายามจะเข้าไปจับ ปีเตอร์ยืนเก้ๆกังๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไง
"ติ๊งโหน่ง จัดการเลยลูก" ฉาดประภาบอก
ติ๊งโหน่งหันไปจะจับพัชรีที่อยู่ด้านหลังปีเตอร์ ติ๊งโหน่งยิงฟันอ้าปากร้องเสียงม้า “ฮี้ฮี้” แล้วกระโดดเข้าไปจะกัดพัชรี แต่พัชรีหลบทัน ทำให้ติ๊งโหน่งกัดปีเตอร์อย่างจัง ปีเตอร์ทั้งเจ็บทั้งตกใจ
"โอ๊ย !!!!”
ลัดลดาตกใจ "เจ้าชาย ...ใครก็ได้ช่วยที นังม้าแกลบมันจะฆ่าเจ้าชายแล้ว"
ทุกคนตกใจพยายามช่วยกันดึงติ๊งโหน่งออกมาจากปีเตอร์ พัชรีได้จังหวะ รีบรัวภาพนาทีวิกฤติไม่ยั้ง วิชัยและรปภ. รีบเข้าไปจะจับพัชรี แต่พัชรีรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องนั้น ปีเตอร์โดนติ๊งโหน่งล้มทับก็ยิ่งเจ็บปวดสุดๆ
"โอ๊ย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉานนนนด้วย ....” ปีเตอร์ร้องลั่น

ขิงกับโซว์เดินมาตามทางยามค่ำคืน โซว์ผมเปียกเพราะล้างผักบุ้งจากหัวตัวเอง
"คุณอยากได้อะไร หรืออยากกินอะไรอีกมั้ย" ขิงถาม
โซว์มองขิงแล้วก็อยากแกล้ง เขามองไปเห็นจักรยานที่จอดอยู่
"ชั้นอยากขี่จักรยาน นายเอามาให้ชั้นได้มั้ย"
"มันเป็นของทางร้านเค้านะ"
"แต่ว่าชั้นมีเงิน...”
ขิงเริ่มหมั่นไส้ "อ๊อ ลืมไปว่าคุณมันรวย จ่ายได้ไม่อั้นอยู่แล้ว ได้เดี๋ยวผมไปเจรจาให้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่า ราคาเอ็กตร้าชาร์จ"
"ไม่มีปัญหาหรอก แค่เอามาให้ชั้นขี่ได้ก็พอแล้ว" โซว์บอก
ขิงมองโซว์อย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านแล้วซุบซิบ ก่อนจะเดินยิ้มออกมา
"เจ้าของร้านเค้าให้ผมยืมขี่ฟรี เพราะผมเป็นคนไทยเหมือนกัน แต่สำหรับคุณผมคิดค่าเช่า 500 บาท โอเค๊"
"ราคานี้ต้องรวมคนขี่ด้วย" โซว์บอก
"นี่นายขี่ไม่เป็นเหรอ"
"ก็ไม่เป็นน่ะซิ"
ขิงเริ่มโมโห "แล้วให้ชั้นไปเจรจามาทำไม"
"แค่อยากรู้ว่านายทำได้รึเปล่า ซึ่งนายก็ทำได้จริงๆ คราวนี้เชื่อรึยังว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง"
ขิงฉุน "มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นในสายตาคนรวยๆอย่างนาย แต่สำหรับคนจนๆอย่างผมเงินทุกบาททุกสตางค์มีค่าสำหรับผม"
โซว์แปลกใจ "นี่นายจนมากเลยเหรอ"
"ก็มากกว่าที่คุณคิด ....แต่ถึงผมจะจน ผมก็ไม่ชอบให้ใครดูถูก ที่วันนี้ผมยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อแลกกับเงิน เพราะสิ่งที่คุณให้ทำมันไม่ใช่สิ่งผิด แล้วผมก็ทำได้ แต่ถ้าคุณสั่งให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็จ้างผมไม่ได้จำไว้ด้วย"
โซว์มองขิงอย่างทึ่งๆ "อือ..มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน"
ขิงมองโซว์โกรธๆ "ใครก็มีกันทั้งนั้นแหละคุณ"
โซว์มองขิงแล้วยิ้ม "เอาล่ะ วันนี้ชั้นสนุกมาก ขอบใจนายมากนะ ที่พาชั้นเที่ยวคืนนี้ แล้วก็ทำให้ชั้นได้รู้จัก คนไทยในมุมมองที่ชั้นไม่เคยได้รู้จัก ขอโทษที่ทำให้นายต้องโมโห ถ้าชั้นพูดอะไรไม่ดี อย่าโกรธกันนะ"
โซว์ยื่นมือให้ขิงจับ ขิงมองอย่างลังเลก่อนจะยื่นมือจับตอบ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเป็นมิตร
"ขอบใจมากน้องชาย"
โซว์ตบบ่าขิงก่อนจะเดินออกไป ขิงได้ฟังรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะมองตามโซว์แบบขำๆ

"นี่นายนั่นคิดว่า เราเป็นผู้ชายจริงๆเหรอเนี่ย บ้าที่สุด!”

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 1 (ต่อ)

ในห้องน้ำของโรงแรมหรู ปีเตอร์ทียังเจ็บหลังกำลังถูตัวให้โซว์ที่นอนยิ้มอย่างมีความสุขในอ่างอาบน้ำ
"คืนนี้ชั้นเที่ยวสนุกมาก ชั้นได้เจอกับเด็กผู้ชายคนนึง เค้าพาชั้นเที่ยวไปทั่วเลย ทำให้ได้รู้จักอะไรใหม่ๆ น่าเสียดายที่ชั้นไม่ได้ถามชื่อเค้าไว้ เอ่อ..แล้วนายล่ะปีเตอร์ ปฏิบัติภารกิจแทนชั้นเป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงไม่ทำให้ชั้นขายหน้านะ"
ปีเตอร์รีบหลบตา "ไม่มีเลยครับ ผมปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์อย่างดีเยี่ยม อาจจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่ผมก็ใช้สติปัญญาอันชาญฉลาด ผ่านพ้นมาได้โดยดีครับ"
"ดี งั้นก็รับบทของชั้นต่อไป เพราะพรุ่งนี้ชั้นจะย้ายออกจากที่นี่"
ปีเตอร์ตกใจ "ย้ายไปไหนครับ"
"ก็ไปอยู่เกสท์เฮ้าส์ที่ไหนสักแห่งนึง"
ปีเตอร์จะอ้าปากห้าม โซว์รีบขัดขึ้นมา
"นายห้ามชั้นไม่ได้หรอก ..เพราะฉะนั้นหยุดพูดได้แล้ว ต่อไปนี้ชั้นจะทำทุกอย่างตามที่ชั้นต้องการ"
ปีเตอร์พูดอะไรไม่ออก โซว์มีสีหน้ามุ่งมั่น

บรรยากาศยามเช้าที่โรงแรมห้าดาว ปีเตอร์กำลังหยิบเสื้อผ้าธรรมดาๆมาใส่ให้โซว์ โดยที่โซว์ยืนกางแขนเฉยๆ ให้ปีเตอร์ทำให้ทุกอย่าง ปีเตอร์หยิบถุงเท้าและรองเท้ามาสวมให้ ปีเตอร์ผูกเชือกรองเท้าให้โซว์
“ไหนลองทวนกฎข้อที่ 1 ซิ” โซว์บอก
“ต้องรักษาการแทนพระองค์ขณะที่พระองค์หนีเที่ยว เอ่อ.เอ่อ..ทรงเสด็จส่วนพระองค์ครับ”
“ข้อสอง” โซว์ถามต่อ
“ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ยกเว้น เวลามีเหตุจำเป็นเท่านั้น” ปีเตอร์ท่อง
โซว์ยิ้มอย่างพอใจ ปีเตอร์แต่งตัวให้โซว์เรียบร้อย โซว์หยิบเป้มาสะพายเตรียมเดินทาง
“แล้วเจ้าชายจะไม่บอกซักหน่อยเหรอครับว่าจะไปพักที่ไหน”
“ไว้หาที่พักได้แล้วจะโทรกลับมาบอกแล้วกัน”
ปีเตอร์อ้อน “แน่นะพระองค์ .....”
“ก็เพราะวุ่นวายอย่างเนี้ย ถึงได้ไม่อยากโทรบอก” โซว์มองแผนที่บนโต๊ะ “ส่งแผนที่มาได้แล้ว”
ปีเตอร์เข้าไปกอดขา “ทรงคิดใครร่ครวญอีกซักครั้งเถอะพระเจ้าค่ะ อย่าออกไปอยู่เองเลย”
โซว์เริ่มวีน “ปีเตอร์ !! จะปล่อยดีๆ หรือจะให้ใช้กำลัง”
ปีเตอร์เห็นโซว์จะเอาจริงจึงรีบปล่อยมือออกจากขาของโซว์ เขามองโซว์เดินออกไปจากห้อง โซว์เดินออกไปและกำลังจะปิดประตูแต่แล้วเขาก็หันมาบอกปีเตอร์
“ใช้ช่วงเวลานี้ให้สนุกนะ ไม่บ่อยนักหรอก ที่อยู่ดีดีจะได้เป็นเจ้าชายแบบนี้”
โซว์ปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป เหลือปีเตอร์ไว้คนเดียวในห้อง ปีเตอร์หันไปมองในกระจก ก่อนจะเก็กท่าเท่
“อึ้ม..สวัสดีครับ ผมเจ้าชายโซว์จาก ประเทศนิวแลนด์ครับ”
โซว์เปิดประตูพรวดกลับเข้ามาเห็นปีเตอร์เก็กท่าอยู่ ปีเตอร์อายจึงรีบทรุดลงกองกับพื้น โซว์มองปีเตอร์แล้วหัวเราะก่อนจะเดินไปหยิบหมวกแล้วเดินออกไป ปีเตอร์รู้สึกอายสุดๆ

ภาพในกล้องของพัชรีที่ถ่ายมาแต่ละภาพนอกจากจะเห็นหน้าปีเตอร์ไม่ชัดแล้ว ยังมีบางรูปติดหน้าติ๊งโหน่งที่ยิงฟันเป็นม้าดูสยองสุดๆ ปรีชาดูรูปแล้วถึงกับสะดุ้ง
“นี่มันรูปอะไรของเธอ ห๊า!!!! รูปอะไร” ปรีชาโวยวาย
“เอ่อ..ก็..ก็...รูปเจ้าชายจากนิวแลนด์ไงคะ” พัชรีบอก
“เนี่ยนะที่คุณเรียกว่ารูป มีแต่ตูด นม แล้วก็พุงใครก็ไม่รู้เต็มไปหมด ภาพอย่างนี้น่ะนะจะทำข่าวได้ ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย แล้วคราวนี้ไม่ใช่แต่รูปถ่ายเท่านั้น คุณต้องถ่าย คลิปน่ะ คลิป รู้จักมั้ยคลิป”
“รู้จักค่ะ รู้จัก”
“รู้จักแล้วมานั่งอยู่ทำไม รีบไปจัดการมาซิ ถ้าคราวนี้คุณทำไม่สำเร็จอีกครั้งนะ” ปรีชาโวยวาย “คุณต้องออก เข้าใจมั้ย คุณต้องออกไป” ปรีชาหัวเราะชอบใจ
พัชรีมองปรีชาด้วยความสยองก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที

ถนนข้าวสารยามกลางวันเต็มไปด้วยความคึกคัก โซว์เดินไปบนถนนและถ่ายรูปไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข โซว์ถ่ายภาพอาหารต่างๆ ทั้งผัดไทย รถด่วน ถ่ายภาพเหล่าแม่ค้า ทั้งแม่ค้าที่ถักผม เสื้อผ้า และ ข้าวของมากมาย
ตุ๊กใส่ชุดเต็มยศสีสันแสบตากำลังยืนร้องเพลง “อะเมซิ่งไทยแลนด์” อยู่ที่รถซึ่งจอดอยู่ เขาอยู่ในชุดไทยประยุกต์ซึ่งดูแปลกตากว่าคนอื่น
ตุ๊กร้องเพลง “amazing Thailand is calling to you . where the golden dreams come true in Amezing Thailand …”
โซว์เดินถ่ายรูปจนมาถึงตุ๊กที่กำลังยืนร้องเพลงอยู่ โซว์เห็นว่าตุ๊กดูแปลกเลยถ่ายรูปเก็บไว้ ตุ๊กรีบห้าม
“โน..โนว..โนโฟโต้ ยู โนโฟโต้”
โซว์ก้มหัวขอโทษก่อนจะเดินออกไป ตุ๊กมองโซว์แล้วยิ้มอย่างมีแผนร้ายก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหา
“เฮ้..ยู อิฟยู ว้อน ทู เทค โฟโต้...ยูมา ซิ่งกับไอซิ ไอจะพายูทัวร์ อะราวย์แบงคอค แล้วยูจะได้ถ่ายที่สวยๆ ว้อน มั้ย...” ตุ๊กเต้นไปด้วย “ติ๊ดชึ่ง ติ๊ดติ๊ดต่ะลิดติ๊ดชึ่งชึ่งชึ่ง”
โซว์มองรถตุ๊กตุ๊กแล้วมองตุ๊กด้วยความสนใจ
ตุ๊กมองโซว์แล้วยิ้ม “ท่าทางมันจะสนใจเว้ย หมูในอวยชัดๆ เฮอะๆๆ”
โซว์เข้าใจแต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตุ๊กรีบเข้าไปพรีเซ็นท์ต่อทันที
“ดีส อีส ตุ๊ก ตุ๊ก คาร์ sit chill chill windy windy ด้อน วอล์ค แอนด์ ไอ ไดรเว่อร์”
“อือ...โอเค..โอเค ...” โซว์ตอบ
ตุ๊กรีบเชิญโซว์ขึ้นไปขึ้นรถ ก่อนจะเดินอ้อมหลังไปด้านหน้าคนขับ ตุ๊กหันมาพูดกับโซว์
“เสร็จละ ยูไม่ถามราคาก่อน โดนฟันเละแน่”
โซว์ฟังออกแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “ว้อท ..ว้อท”
“ไอบอกว่า ยูน่ะโดนฟันเละแน่ ฟังไม่ออกล่ะซิ ฮ่าๆๆๆๆ”
โซว์ทำเป็นพูดไม่ชัด “ฟัน เละ แน่ ...”
ตุ๊กหัวเราะแล้วรีบหันไปขับรถ โซว์มองตุ๊กแล้วยิ้ม ตุ๊กขับรถพาโซว์ออกไป

ตุ๊กพาโซว์มาเที่ยวที่ท้องสนามหลวง โซว์ถ่ายภาพวิถีชีวิตของผู้คนแถวนั้นเอาไว้ ตุ๊กพาโซว์มาให้อาหารนกพิราบ ตุ๊กพาโซว์เข้ามาในวัดพระแก้วแล้วอธิบายเรื่องต่างๆให้เขาฟัง โซว์ถ่ายรูปเอาไว้
ตุ๊กพามาดูปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหม ตุ๊กพาโซว์มาดูวิถีชีวิตแถวท่าพระอาทิตย์ พาโซว์ซื้อขนมข้างทาง ก่อนจะพานั่งรถไปรอบๆ บริเวณนั้น

ตุ๊กขับรถพาโซว์เข้ามาจอดที่เดิมก่อนจะผ่ายมือเชิญโซว์ลงจากรถ โซว์เดินลงมาก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วทำเป็นเดินไปโดยไม่จ่ายเงิน ตุ๊กเห็นก็ตกใจรีบวิ่งตาม
“เฮ้ย !! ยูจะรีบไปไหน มันนี่ มันนี่ ..” ตุ๊กแบมือขอเงิน “ยังไม่จ่ายเลย ไฟฟ์ ทาวซั่น บาท”
โซว์พูดไทยแบบชัดถ้อยชัดคำ “ชั้น - ไม่- จ่าย”
ตุ๊กแทบช็อค “อ้าว..พูดไทยได้นี่”
“ใช่ ชั้นพูดได้แล้วก็ฟังออกทุกอย่างด้วย”
ตุ๊กอึ้งแล้วทำเป็นตัวสั่น
“โอ๊ะๆๆ” ตุ๊กหยิบมือถือออกมา “โทรศัพท์สั่น แม่โทรมาจากดอนหอยหลอด เฮอะๆๆ”
“ชั้นไม่ได้โง่นะ โทรศัพท์มันปิดอยู่ แล้วมันจะมีคนโทรเข้ามาได้ไง”
ตุ๊กทำท่าคิกขุ “ว้าแย่จัง โดนจับได้ซะแว๊ววว”
“เอาไป สามร้อยบาท...ค่ารถ แล้วคราวหลังอย่าคิดว่าชาวต่างชาติโง่อีก”
“คะ..ครับ ...พี่”
โซว์เดินออกไปอย่างเซ็งๆ ตุ๊กมองเงินในมือแล้วก็ตัดสินใจวิ่งเข้าไปกอดขาอ้อนวอนโซว์
“งั้นถ้าผมให้พี่ถ่ายรูปผมกับรถ ...พี่จะให้ตังค์ผมเพิ่มรึเปล่าครับ” ตุ๊กถาม
โซว์หันไปมองชุดที่ตุ๊กใส่ และมองรถตุ๊กตุ๊กอย่างชั่งใจ
“ก็ได้ แต่ชั้นจะให้นายเพิ่มอีกสองร้อย”
ตุ๊กสวนทันที “เป็นหนึ่งพันบาท โอเค๊...”
“ห้าร้อย!! ถ้าโกงกันอีก ก็ไม่ต้องเอา”
ตุ๊กดีใจ “โอเค..โอเค...ห้าสิบ บาท ตุ๊กก็ถ่ายแล้ว ..”
ตุ๊กรีบไปโพสต์ท่ากับรถให้โซว์ถ่ายรูป โซว์ถ่ายภาพตุ๊กอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันระวังตัว พวกวิ่งราวที่อยู่ไม่ห่างมองกล้องถ่ายรูปราคาแพงของโซว์อยู่นานก่อนจะวิ่งเข้ามาดึงกล้องของโซว์แล้ววิ่งหนีไป ทั้งตุ๊กและโซว์ตกใจ
“เฮ้ย !! ขโมยกล้อง ใครก็ได้ ช่วยจับเด็กนั่นที” ตุ๊กร้องตะโกน
ตุ๊กโวยวายให้คนช่วย ส่วนโซว์รีบวิ่งตามหัวขโมยออกไปโดยเร็ว
ตุ๊กเพิ่งนึกได้ “เอ้า ..แล้วตังสองร้อยล่ะ ยู้ ...อย่าเพิ่งไป ตังค์ไอ....ยังไม่ได้จ่าย ....”

โซว์วิ่งตามหัวขโมยเข้ามาในซอยเล็กๆในชุมชน
“เฮ้..หยุดนะ เอากล้องชั้นคืนมานะ”
หัวขโมยวิ่งหนีไปตามตรอกตามซอกต่างๆ แต่โซว์ที่วิ่งเร็วไม่แพ้กันตามมาอย่างไม่ลดละ ขิงกำลังขนแป้งมันไปส่งเดินมาชนเข้ากับหัวขโมยที่วิ่งมาอย่างไม่ตั้งใจ กล้องของโซว์กระเด็นตกพื้น ข้าวของที่ขิงหิ้วมาก็หก ฟุ้งกระจายเปื้อนหน้าขิงเต็มไปหมด
ขิงโมโห “เฮ้ย อะไรกัน เดินไม่ดูตาม้าตาเรือรึไง ห๊า”
ขโมยหันไปเห็นโซว์วิ่งตามมาไกลๆ ก็รีบหนีไปโดยไม่เอากล้อง ขิงก้มลงเก็บข้าวของที่ตกที่พื้น
“ดูซิข้าวของพังหมด ใครจะรับผิดชอบ” ขิงบ่น
ขิงเก็บของก่อนจะเห็นกล้อง เธอหยิบกล้องขึ้นมาดูจังหวะเดียวกับที่โซว์เดินมาจับมือขิงไว้
“จับได้แล้วหัวขโมย !!”
ขิงในสภาพผู้หญิงหันมามองโซว์ที่เข้ามาจับแขนเธอไว้ก็ตกใจ ขิงเห็นโซว์ก็จำได้
“นาย !!”
โซว์จำขิงไม่ได้ “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง” โซว์เอากล้องคืน “เอากล้องมานี่” โซว์ดึงแขนขิงไป “แล้วไปโรงพัก”
ขิงงง “เดี๋ยวก่อน ไปโรงพักอะไร ชั้นไม่ได้ทำอะไรนะ”
“หลักฐานก็เห็นอยู่คามือว่าเธอวิ่งราวกล้องชั้นมาเมื่อกี้ ไม่เรียกขโมยแล้วจะให้เรียกอะไร”
“ชั้นไม่เกี่ยวนะ ชั้นไม่ได้ทำอะไร ...แล้วนายจำชั้นไม่ได้รึไง”
“อย่ามาลูกไม้เลยนะ” โซว์ดึงแขนขิง “ไป..ไปโรงพัก”
ขิงโวยวาย “ปล่อย บอกให้ปล่อย” โซว์ไม่ปล่อย ขิงตะโกนลั่น “เจ้าข้าเอ๊ย ช่วยด้วย เค้าจะปล้ำหนู ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
โซว์รีบปล่อยมือ เขาหันไปมองรอบๆ เพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิด ขิงมองโซว์อย่างเอาเรื่อง
“แน่จริงก็พาชั้นไปซิ อยากรู้นักว่าคนแถวนี้เค้าจะเชื่อใครระหว่างคนไทยผมดำอย่างชั้น หรือ ต่างชาติผมทองอย่างนาย”
โซว์โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ “เธอนี่มันร้ายนักนะ คราวนี้ชั้นไม่มีหลักฐาน แต่คราวหน้าชั้นไม่ปล่อยเธอแน่ ...อยากรู้นักเมืองนี้ไม่มีคนไว้ใจได้เลยรึไง”
โซว์ทำอะไรไม่ได้จึงสะบัดหน้าเดินปึงปังออกไปด้วยความหงุดหงิด
ขิงเองก็หงุดหงิด “เคยเจอกันแล้วหนนึงจำไม่ได้รึไง ถ้าชั้นอยากขโมยของนาย ชั้นขโมยไปตั้งแต่แรกแล้ว เชอะ !! ซวยแต่วันเลย”

ปีเตอร์กำลังดื่มไวน์เคล้าเสียงเพลงคลาสสิคอย่างมีความสุขอยู่ในห้องพักที่โรงแรม จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ปีเตอร์เดินถือแก้วไวน์ออกมาเปิดประตู
 
พอประตูเปิดปีเตอร์ก็แทบช็อคเพราะเขาเห็นพัชรีในชุดแม่บ้านสุดเซ็กซี่ยืนกับรถเข็นพร้อมทำความสะอาดห้อง
“ขอประทานโทษเพคะ เจ้าชาย หม่อมชั้นมาทำความสะอาดห้องเพคะ” พัชรีพูด
ปีเตอร์มองด้วยความเคลิบเคลิ้ม “ไม่นึกเลยนะจ๊ะ ว่าที่โรงแรมนี้จะมีแม่บ้านทำความสะอาด หุ่นเช้งขนาดนี้”
พัชรีอาย “แหม...เจ้าชายทรงพูดภาษาไทยคล่องเลยนะเพคะ”
“แน่นอนจ๊ะ เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด ระนอง ระยอง ยะลา ยักษ์ใหญ่ ไล่ยักษ์เล็ก ยักษ์เล็ก ไล่ยักษ์ใหญ่” ปีเตอร์พูดโชว์
“แหมๆๆ พอแล้วเพคะ พอชมว่าพูดคล่องล่ะพูดไม่หยุดเลย
“ชั้นจะพูดคล่องกับผู้หญิงสวยๆ ลิ้นมันจะพาไปจ๊ะ ไม่ทราบว่าเธอชื่อ ....”
“พัชรีค่ะ เมดประจำห้องของพระองค์เพคะ”
พัชรียิ้มโปรยเสน่ห์ก่อนจะแอบหยิบกล้องวีดีโอมาตั้งที่มุมอับ โดยที่ปีเตอร์ไม่ทันเห็นก่อนจะแกล้งทำเป็นจัดข้าวของและปัดฝุ่น ปีเตอร์มองพัชรีที่ทำความสะอาดในห้องด้วยท่าทางยั่วยวนสุดๆ
“เจ้าชายทรงอยู่ในโรงแรมทั้งวันไม่ทรงเบื่อเหรอเพคะ” พัชรีถาม
“ก็เบื่อเหมือนกันนะ”
“เจ้าชายน่าจะมีคนนำเที่ยวนะเพคะ ถ้าเจ้าชายไม่รังเกียจ หม่อมชั้นยินดีจะเสนอตัว”
ปีเตอร์ตื่นเต้นจนตาโต “หา ว่าไงนะ เธอจะเสนอตัวให้เราเหรอ”
“เพคะ หม่อมชั้นจะรู้สึกเป็นเกียรติและปลาบปลื้มใจมากเพคะ”
ปีเตอร์มองพัชรีอย่างหื่นๆ “ถ้างั้นเราจะทำให้ฝันเจ้าเป็นจริงเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบปีเตอร์ก็เดินเข้าไปกอดพัชรี พัชรีทั้งตกใจทั้งงง
“ว๊าย !! เจ้าชายจะทำอะไรเพคะ”
“ก็เจ้าบอกว่าเธอจะเสนอตัวให้เราไง”
“ไม่ใช่นะเพคะ เจ้าชายเข้าใจผิดแล้ว...”
“ไม่ผิดหรอกน่า อย่าอายไปเลย”
พัชรีพยายามดิ้นก่อนจะยกขาเตะผ่าหมากปีเตอร์เต็มแรง ปีเตอร์ถึงกับหน้าเขียวก่อนจะสลบลงไปบนเตียง พัชรีตกใจรีบเข้าไปดู
“เจ้าชาย...เจ้าชาย ..เป็นอะไรมั้ยเพคะ.. ซวยแล้วซิ !!”
ปีเตอร์ไม่ตอบได้แต่ชักกระตุก พัชรีตกใจรีบวิ่งไปหยิบวีดีโอเทปที่ซ่อนไว้ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องทันที

หญิงแก่หน้าโหดเจ้าของเกสต์เฮ้าส์กำลังพาโซว์เดินชมรอบๆเกสต์เฮ้าส์ โซว์มองไปรอบๆ อย่างพิจารณา
“ยูโชคดีนะ ที่มีห้องว่าง เกสต์เฮ้าส์ของไอการันตีความสะดวก สบายและ สะอาด”
เจ้าของเปิดห้องพักให้โซว์ดู โซว์เห็นว่าในห้องทั้งสกปรก ทั้งรกรุงรัง แถมยังมีกางเกงในของคนเช่าคนเก่าแขวนอยู่ด้วย เจ้าของรีบเดินไปเก็บกางเกงในใส่กระเป๋าทันที
“ห้องนี้เป็นห้องที่ดีที่สุดเลยนะ ถ้ายูจะพักไอจะลดราคาให้”
โซว์เดินไปมองรอบๆ เขาเห็นข้าวของในห้องทรุดโทรม สกปรกและเหม็น แถมกุญแจห้องยังพังอีกด้วย “แล้วกุญแจห้องพังอย่างนี้คนอื่นจะไม่เข้ามาในห้องเหรอ”
“โอ๊ย !! ไม่เข้าหรอก ต่างชาติที่มาพักที่นี่ไอเลือกแต่เกรดดีๆทั้งนั้น”
โซว์มองออกไปนอกห้องเห็นฝรั่งห้องอื่นๆ ออกมานั่งคุย มีทั้งกินเหล้าสูบบุหรี่ ทั้งเสียงดังโวยวาย แต่ละคนมองโซว์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร โซว์มองไปรอบๆ อย่างพิจารณาก่อนจะพูดออกมา
“ตกลงไอจะพักที่นี่”

โซว์นอนหลับอยู่บนเตียงบนผ้าปูที่ขยุกขยุย ไม่สบายตัว โซว์ดินไปดิ้นมาเพราะนอนไม่หลับ ทันใดนั้นประตูห้องโซว์ค่อยๆถูกดันออกมาเบาๆ ฝรั่งกุ๊ยคนหนึ่งค่อยๆแทรกตัวเข้ามา
ฝรั่งกุ๊ยเห็นโซว์นอนหลับอยู่บนเตียงก็ยิ้มออกมา ฝรั่งกุ๊ยสอดส่ายสายตามองหาข้าวของในห้อง เขาเห็น กระเป๋าเงิน นาฬิกา และ กล้องถ่ายรูปวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ฝรั่งกุ๊ยยิ้มก่อนจะค่อยๆย่องไปหยิบ
ขณะฝรั่งกุ๊ยกำลังจะหยิบของ โซว์ลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นจับมือฝรั่งกุ๊ยแล้วดันไปข้างหลัง
“คิดจะขโมยของชั้นเหรอ มันไม่ง่ายหรอก” โซว์บอก
ฝรั่งกุ๊ยโมโห เขาสลัดมือจนหลุดจากโซว์แล้วหันมาชกโซว์ทันที โซว์ไม่ทันระวังจึงโดนหมัด ฝรั่งกุ๊ยรีบเข้าไปจะเอาเรื่อง แต่โซว์ไม่ยอมจึงลุกขึ้นต่อยกันจนข้าวของในห้องพังกระจาย ลีลาการต่อสู้ของโซว์เก่งกาจมก เขาต่อยฝรั่งกุ๊ยจนล้มคว่ำ
โซว์ชี้หน้า “ออกไปเลยนะ แล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีก !! ไม่งั้นชั้นเรียกตำรวจจับนายแน่”

ฝรั่งกุ๊ยซมซานออกไปจากห้อง โซว์มองไปรอบห้องเห็นข้าวของเกลื่อนกลาดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ

โซว์เดินถือเป้สะพายหลังไปตามถนน ในมือของเขาถือหนังสือคู่มือท่องเที่ยวเพราะกำลังหาที่พัก

“เฮ่อ..ที่ไหนๆก็เต็ม..ทำไมถึงไม่ไปพักที่อื่นบ้างนะ..ต้องมาพักแต่ที่ข้าวสารนี่”
โซว์เดินผ่านตุ๊กที่กำลังเรียกลูกค้าอยู่ ตุ๊กเห็นโซว์ก็จำได้จึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“เฮ้...ยู !! กู๊ดมอร์นิ่ง เป็นไงมาไงถึงได้มาเดินหน้าเหี่ยวอย่างนี้ล่ะ” ตุ๊กถาม
โซว์มองหน้าตุ๊กอย่างไม่ไว้ใจแล้วพยายามจะเดินหนี ตุ๊กรีบตามไปดักไว้
“ยูมีอะไรไม่สบายใจ บอกไอได้ ไอเป็นเจ้าของประเทศไอจะช่วยยูเอง”
“แน่ใจนะว่าจะช่วย” โซว์ถาม
“แน่นอน.. ไอสัญญาว่าจะไม่ตุกติกๆไม่โกง เพราะไอไม่อยากให้ยูเข้าใจผิดคิดว่าคนไทยไม่ดี จริงๆแล้วนะ คนไทยมีน้ำใจนะ”
“เอาล่ะ จะลองเชื่อซักครั้งนึงก็ได้ คือชั้นอยากจะหาเกสต์เฮ้าส์ที่ดูดีซักหน่อย แล้วก็อยากจะได้ไกด์ ที่คอยพาชั้นเที่ยว แล้วก็คอยดูแลรับใช้ชั้นด้วย”
“เรื่องเกสต์เฮ้าส์ไม่มีปัญหา แต่เรื่องไกด์นี่ตกลงว่าจะให้เป็นไกด์หรือว่าเป็นคนรับใช้กันแน่”
“ไม่ใช่รับใช้ แค่ให้ช่วยดูแล คุณสมบัติที่ชั้นต้องการคือ เก่ง ฉลาด รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยทุกที่ แล้วที่สำคัญต้องเป็นผู้ชาย”
ตุ๊กคิดก่อนจะยิ้มออกมา “คุณสมบัติที่ว่ามา ก็คือ กระผมนี่แหละครับ”
โซว์มองตุ๊กอย่างรังเกียจ “ไม่เอา นายน่ะสกปรก ชั้นอยากได้คนที่สะอาด”
ตุ๊กแอบดมรักแร้ตัวเอง “ไม่เห็นสกปรกตรงไหน แค่ตุๆเท่านั้นเอง ....แล้วคุณสมบัติขนาดนั้น จะให้ค่าจ้างเค้าเท่าไหร่”
“หนึ่งพัน” โซว์บอก
“พันเดียว ไม่น้อยไปหน่อยเหรอ”
“ยูโร”
“ห้าหมื่น !!! โห ..เจ้านายช่างรวยเหลือเกิน ไม่มีปัญหาครับ ผมจะจัดตามทุกอย่างที่ท่านต้องการ เอ่อว่าแต่เจ้านายชื่ออะไรครับ ผมยังไม่รู้จักชื่อเลย สำหรับผม ชื่อ ตุ๊ก ชื่อในวงการคือไมเคิล บ้านอยู่เพชรบุรี และชอบกินละมุดที่สุดครับ”
“ชั้นชื่อ โซว์”
ตุ๊กออกเสียงไม่ถูก “โซ่”
โซว์พยายามออกสำเนียงให้ชัด “โซว์”
ตุ๊กพยายามออกเสียง แต่ก็ยังออกเสียงไม่ได้ “เรียกโซ่ก็แล้วกันนะ เรียกง่ายดี”
“เอ้า....ตามใจ ....โซ่ก็โซ่”
“งั้นเชิญทางนี้ครับ คุณโซ่”
ตุ๊กยิ้มก่อนจะรีบพาโซว์ออกไป

ตุ๊กเดินเข้ามาในร้านอาหารก่อนจะป่าวประกาศเสียงดัง
“พระเดชพระคุณท่านไหนสนใจบ้างครับ เป็นคนใช้ต่างชาติได้เงินตั้งหนึ่งพันยูโรเลยนะ …ไม่ใช่น้อยๆ”
ขิงรีบยกมือ “ชั้นสนใจๆ”
“เสียใจขิง เค้าต้องการแต่ผู้ชาย”
“เป็นเกย์รึไงถึงอยากได้แต่ผู้ชาย” ขิงถาม
“ไม่รู้ ก็เค้าบอกมาแค่นั้น..หลีกน่า ข้าจะรีบหาคน เจ้าฝรั่งนั้นยิ่งใจร้อน เกิดเปลี่ยนใจไม่เอา ข้าจะอดค่านายหน้า”
ตุ๊กรีบเดินเข้าไปเจรจากับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในร้าน ขิงมองตามด้วยความอิจฉา
“ผู้ชายดีกว่าผู้หญิงตรงไหน เชอะ !” ขิงตัดพ้อ

โซว์มองชายทั้งสามที่จะมาทดสอบอย่างพิจารณา ชายทั้ง 3 รวมทั้งตุ๊กถึงกับยืนเกร็งกันทั้งหมด
“หน้าตา ท่าทางสะอาดสะอ้าน ใช้ได้ มีใครเคยผ่านหลักสูตรการเป็นบัตเลอร์มาบ้าง”
ทั้งสามคนทำหน้างงๆ
“บัตเลอร์อะไรเหรอครับ” ตุ๊กงง
“ก็หลักสูตรผู้ดูแลระดับสูงไง” โซว์บอก
“แหม..ของอย่างนั้นจะไปเรียนกันทำไม แต่ผมยืนยัน ทั้งสามคนนี้เก่งสุดๆ”
“เก่งไม่เก่ง เดี๋ยวก็รู้ ... เอาล่ะ” โซว์ชี้คนที่ 1 “นายลองปูผ้าปูเตียงซิ” โซว์ชี้คนที่ 2 “นายช่วยจัดเสื้อผ้าให้ชั้น 1 ชุด” โซว์ชี้คนที่ 3 “ส่วนนายลองทำความสะอาด” โซว์ชี้ไปมุมหนึ่งในห้อง “ตรงนั้นให้สะอาดหน่อย ชั้นให้เวลาคนละ 30 วินาที”
ทั้งสามคนยังงงๆ แต่ก็แยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง
โซว์ลงมานั่งกอดอกมองแต่ละคนอย่างพิจารณา ตุ๊กนั่งลงข้างๆ โซว์อย่างลุ้นๆ โซว์หยิบนาฬิกาขึ้นมาจับเวลาด้วยท่าทางจริงจังมาก
“เอาล่ะหมดเวลา”
โซว์ลุกไปเดินตรวจงานบนเตียง เขาเห็นว่าชาย 1 ปูเตียงเรียบตึงดี แต่พอมองไปที่มุมเตียงเห็นชาย 1 เก็บมุมเตียงไม่เรียบร้อย โซว์เดินไปดึงผ้านั้นออกมา
“เก็บปลายเตียงอย่างนี้ได้ยังไง ไม่ผ่าน !”
ชาย 1 จ๋อย
โซว์เดินไปดูชุดที่ชาย 2 จัดให้ซึ่งเป็นชุดเสื้อเหลือง กางเกงแดง โซว์ถึงกับส่ายหน้า
“นี่นายเห็นชั้นเป็นไฟสัญญาณไฟรึไง ถึงได้จัดเสื้อผ้าสีฉูดฉาดขนาดนี้ ไม่ผ่าน !!”
โซว์เดินไปดูมุมที่ชาย 3 ทำความสะอาด เขาเอามือลูบตามโต๊ะและเห็นว่าสะอาดสะอ้านดี ชาย 3 ยิ้มมั่นใจเต็มที่ แต่สายตาอันเฉียบแหลมของโซว์มองไปเห็นของบนชั้นวางกลับหันหลัง โซว์ค่อยๆ หยิบของนั้นขึ้นมาจัดเหมือนเดิม
“นายจำไม่ได้รึไงว่าของเดิมจัดยังไง ไร้ซึ่งความรอบคอบ ไม่ผ่าน !”
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างเซ็งๆ
ตุ๊กเข้าไปโวย “อะไรกันนิดเดียวเอง อย่าจุกจิกไปหน่อยเลยน่า”
“ไม่ได้ ชั้นต้องการคนที่เพอร์เฟคที่สุดเท่านั้น”
ตุ๊กหน้าจ๋อย ชายทั้งสามเดินพึมพำออกจากห้องไป ขิงที่แอบตามมาแอบยืนมองอยู่หน้าห้องแอบยิ้มสะใจ

“อ๋อ นายคนนี้นี่เอง นึกว่าใคร”

ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 1 (ต่อ)

ตุ๊กเดินหน้าเซ็งออกมาจากห้อง

“คนอะไรก็ไม่รู้เรื่องมากชะมัด ..แล้วอย่างนี้จะไปหาใครที่ไหนมาละเนี่ย”
ขิงกระโดดเข้าไปกอดคอตุ๊กทันที
“ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอกจ๊ะน้า ชั้นนี่แหละ ทำได้ รับรองนายนั่นไม่มีปัญหา ชั้นรู้จักนายคนนั้นดี”
ตุ๊กงง “เฮ้ย แอบไปรู้จักกันที่ไหน”
“ก็คนที่ชั้นเคยเล่าว่าพาไปกินผักบุ้งลอยฟ้า แล้วหรอกฟันเงินมาตั้งเยอะไง”
“อ๋อ ...” ตุ๊กมองขิง “แต่ไม่ได้ เค้าต้องการแต่ผู้ชายเท่านั้น” ตุ๊กเห็นฝรั่งเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปทักทาย “เฮ้ ยู คอมมอน เวลคัมทูไทยแลนด์”
“เดี๋ยวก่อนซิน้า ตุ๊ก...น้าตุ๊ก”
ตุ๊กไม่สนใจเดินตามฝรั่งออกไป ขิงได้แต่ยืนคิดหน้าเซ็ง
“ผู้ชายงั้นเหรอ ...แต่ฝรั่งคนนั้นก็เข้าใจว่าเราเป็นผู้ชายนี่” ขิงพูดกับตัวเอง

ตุ๊กเดินกลับบ้านมาในซอยเปลี่ยว เขาร้องเพลงมาเรื่อยๆ ตามทาง .ขณะเดินตุ๊กรู้สึกเหมือนมีใครบางคนเดินตามมา ตุ๊กเริ่มมองซ้ายมองขวาด้วยความกังวลก่อนจะรีบเดินเร็วๆ จนกลายเป็นวิ่ง เท้าของคนที่ตามมาก็วิ่งตามตุ๊ก
ตุ๊กวิ่งหนีจนไปถึงสุดซอยซึ่งเป็นซอยตัน ตุ๊กจะปีนหนีก็ไม่ได้จึงหันกลับไปเผชิญหน้าแล้วเห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาท่าทางไม่ประสงค์ดี ตุ๊กยกมือไหว้ท่วมหัว
“อย่าทำอะไรผมเลยครับ พี่ชายอยากได้อะไรผมให้พี่หมด อย่า..อย่าทำอะไรผมเลย”
ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะเปิดหมวกขึ้น เห็นว่าเป็นขิงที่แต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่ตุ๊กยังไม่รู้ ยังยกมือไหว้มือไม้สั่นด้วยความกลัว ขิงเห็นแล้วขำ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“จะกลัวทำไม...นี่ชั้นเอง” ขิงบอก
ตุ๊กงง “ชั้นเอง ...ชั้นไหนเหรอ”
“ก็ขิงไง ...แหม...แต่งอย่างนี้ทำเป็นจำไม่ได้”
ตุ๊กมองด้วยความแปลกใจ “ไอ้ขิง ..เฮ้ย ขิงจริงๆด้วย นึกบ้าอะไรมาแต่งเป็นผู้ชายหรอกน้า.. ดีนะไม่กลัวจนฉี่ราดกางเกง”
“ก็แต่งมาให้น้าดูซิว่าชั้นแต่งเป็นผู้ชายแล้วเหมือนมากขนาดไหน ขนาดน้ายังจำชั้นไม่ได้เลย ...” ขิงขอร้อง “น้าตุ๊ก พาชั้นไปหานายคนนั้นนะ..นะ”
“ลงทุนขนาดนี้ไม่ไปคงไม่ได้แล้วมั้ง แล้วแน่ใจนะว่ามันจะจำเอ็งไม่ได้”
“ก็คงจำได้แหละ แต่จำได้ว่าชั้นเป็นผู้ชาย เพราะคืนนั้นเค้าเจอชั้นตอนที่แต่งตัวเป็นผู้ชาย”
“พาไปก็ได้ ..แต่ขอบอกนะว่าไม่รับประกันว่าจะได้รึเปล่า”

ตุ๊กและขิงในมาดผู้ชายเดินมาถึงหน้าเกสต์เฮาส์ ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าห้องพักโซว์ ตุ๊กเคาะประตูห้อง
โซว์เปิดประตูแง้มแล้วมองตุ๊กอย่างเซ็งๆ
“ถ้าเอาพวกไม่ได้เรื่องมาอีก ไม่เอาแล้วนะ” โซว์บอก
“ไม่ต้องห่วงครับ คนนี้สุดยอดแห่งสยามประเทศ” ตุ๊กแนะนำ
โซว์ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะยอมเปิดประตู ทันทีที่โซว์เห็นขิงในมาดผู้ชายเขาก็ยิ้มเพราะจำได้
“อ้าว นาย !!”
ขิงทำท่าทางตื่นเต้น “โอ้ว สวัสดีครับ ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้”
“ชั้นเคยเจอเค้ามาก่อนแล้ว เด็กคนนี้ใช้ง่าย จริงใจ ชั้นชอบ ..แล้วว่าแต่ว่านายชื่ออะไร” โซว์ถาม
“ผมชื่อบอยครับ” ขิงทำท่าตามตัวอักษร “บี โอ วาย”
“เออดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ตกลงจะรับแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
โซว์พิจารณา “ดูท่าทางรูปร่างบอบบางยังกับผู้หญิง” โซว์เข้ามาจับแขน “กล้ามแขนก็ไม่มี แล้วกล้ามหน้าอกล่ะ”
โซว์จะจับพิสูจน์ แต่ทั้งขิงทั้งตุ๊กช่วยกันผลักมือโซว์ออก
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงผู้ชายไทยรูปร่างบอบบางแต่ก็แข็งแกร่งนะครับ รับๆไปเถอะน่า” ตุ๊กบอก
“ก็อยากจะรับหรอกนะ แต่ขอทดสอบหน่อย...”
“ได้เลยไม่มีปัญหา จะทดสอบอะไรล่ะ” ขิงว่า

โซว์ดูผ้าปูที่นอนที่ปูจนตึงเปี๊ยะแถมยังเก็บปลายจนเรียบร้อย โซว์เดินไปเอามือลูบตามเฟอร์นิเจอร์จึงเห็นว่าไม่มีฝุ่นเหลือสักนิด เขามองไปที่ชุดที่ถูกแขวนเตรียมไว้ก็เห็นว่าเหมาะเจาะเข้ากันดี
“เป็นไงไม่มีปัญหาใช่มั้ย”
“เรื่องงานบ้านไม่มีปัญหา แต่เรื่องนำเที่ยวล่ะ นายมีความรู้มากแค่ไหน” โซว์
“ก็ลองทดสอบซิ” ขิงบอก
โซว์ยิ้มท้าทาย ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือนำเที่ยวมาเปิดอ่าน “ภูกระดึง”
“ภูกระดึง อยู่ในท้องที่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาที่มีธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ที่ราบบนยอดภูกระดึงมีพืชเมืองหนาว อย่าง สนสองใบ สนสามใบ ต้นเมเปิล และพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม เช่น กุหลาบป่า ม้าวิ่ง เอื้องคำหิน ดอกม่วนดักหงาย”
“เอาล่ะๆๆ พอ...ภูทับเบิกล่ะ” โซว์พูดต่อ
“ภูทับเบิกเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี จัดเป็นอันซีนไทยแลนด์” ขิงพูด
“เอาล่ะพอ...เรื่องแค่นี้ใครๆก็รู้ ..ไหนเธอลองบอกเหตุผมซิว่าทำไม ชั้นต้องรับเธอทำงาน”
ตุ๊กอึ้งเพราะเป็นคำถามที่ยากสุดๆ ขิงพยายามคิดก่อนจะตอบ
“ที่คุณต้องรับผม เพราะว่าผมเป็นไกด์ที่เก่ง ผมรู้ทุกอย่างว่าคุณมาเมืองไทยคุณจะเจอปัญหาอะไรบ้าง” ขิงบอก
“ไหนว่ามา ...” โซว์พูด
“ก็ตั้งแต่คุณหิ้วเป้แบกระเป๋ามาจากสนามบิน คุณก็จะต้องเจอกับแท็กซี่หรือตุ๊กๆ ถ้าคุณไม่รู้จักอะไรเลย คุณก็อาจจะถูกพวกนี้โก่งราคา หรือไม่ก็พาอ้อม ให้เสียค่าโดยสารแพงๆ”
โซว์มองไปทางตุ๊ก “อ๋อ เรื่องนี้ชั้นเจอมาแล้ว”
ตุ๊กยิ้มแหยๆ อายๆ
“ข้อที่สอง ถ้าคุณอยากซื้อของแล้วไม่เช็คราคามาดีๆ คุณอาจจะโดนโก่งราคาแพงๆก็ได้”
โซว์หันไปหาตุ๊ก “อือ..อั้นนี้ชั้นก็เคยโดนเหมือนกัน ค่าตุ๊กๆตั้ง 5000 มีที่ไหน ใช่มั้ยตุ๊ก”
ตุ๊กอายจนต้องเอามือปิดหน้า
“แล้วอีกข้อที่สำคัญ ถ้าคุณเดินไปเที่ยวตามที่ต่างๆแล้วสะพายกล้องถ้าคุณไม่ทันระวัง คุณอาจจะโดนขโมยฉกกล้องไปก็ได้”
“อือ...ชั้นเจอทุกอย่างที่เธอว่าจริงๆ” โซว์มองขิง “เอาล่ะ ชั้นตกลงจะรับเธอ บอย !!”
โซว์ยื่นมือให้ขิงจับ ขิงรีบมาจับมือ ตุ๊กมองแล้วขอจับด้วย ทั้งสามจับมือกัน ขิงยิ้มด้วยความดีใจสุดๆ

ขิงและโซว์เดินเล่นกันบนถนนข้าวสาร โซว์จะโอบไหล่ขิง แต่ขิงรีบเอาตัวหนีออกไป โซว์มองขิงด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ขิงยิ้มให้แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณได้คิดไว้แล้วรึยังว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง”
“ยังไม่ได้คิดเลย แต่คิดว่ามาเมืองไทยคราวนี้จะเที่ยวไปให้ทั่วๆเลย”
“ท่าทางคุณจะชอบเมืองไทยมากนะครับ”
“ชอบซิ ชอบมากเลย ชั้นรู้สึกอิจฉาที่คนไทยมีทรัพยากรสมบูรณ์ มีป่าไม้ มีแม่น้ำ มีทะเลสวยๆ ที่ประเทศของชั้นเราไม่โชคดีขนาดนั้น” โซว์บอก
“คุณมาจากประเทศไหนเหรอ” ขิงถาม
“ไม่บอก...เอาเป็นว่าประเทศชั้นอยู่บนภูเขาสวย อากาศหนาวทั้งปี นานๆถึงจะได้มีอากาศอบอุ่นสบายๆ”
“คิดว่าอยากรู้นักนี่ ไม่บอกก็ตามใจ.....แล้วตกลงวันนี้อยากไปไหน”
“ชั้นอยากเดินซื้อของแถวนี้แหละ ตอนแรกชั้นไม่กล้าซื้อเพราะกลัวถูกโก่งราคา ตอนนี้ชั้นมีไกด์ ชั้นไม่กลัวแล้วหละ”
โซว์เดินดูของตามแผงลอยด้วยความสนุกสนาน ขิงมองตามแล้วยิ้มอย่างมีแผน

ขิงหยิบเสื้อยืดลายประเทศไทยแล้วแอบกระซิบกับแม่ค้า
“เสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่เนี่ย”
“199” แม่ค้าตอบ
“ขายถูกไป ขายแพงหน่อยได้มั้ย” ขิงชี้ไปที่โซว์ “โน่น เค้าอยากได้”
“แล้วอยากให้แพงแค่ไหน” แม่ค้าถาม
“แพงแค่ไหนก็ได้ แล้วกำไรที่ได้มาหารกัน 70 : 30 โอเค๊”
แม่ค้าพยักหน้าตกลง ขิมยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาโซว์ที่ยืนรออยู่
“ถามมาให้แล้ว ตัวนี้ 1000 บาท นี่ราคาลดสุดๆเลยนะ ถ้าเป็นอื่น เค้าขาย 2000 นะ” ขิงบอก
“2000 ผ้าแบบนี้เนี่ยนะ” โซว์มองสำรวจแล้วก็เห็นป้ายราคา 199 “แล้วนี่อะไร 199”
“อ๋อนั่น 199 ดอลไง” ขิงรีบแก้ตัว
“199 ดอล มันก็เกือบ 7000 กว่าบาท ไหนนายว่า 2000 กว่าบาทไง เอายังไงกันแน่ ...จะคิดเรื่องโกหกอะไรก็ให้มันแนบเนียนหน่อยนะ”
ขิงพูดไม่ออก “เอ่อ คือ...”
“ไหนเธอว่าจะดูแลชั้นไง แล้วทำไมมาโกงกันซะเอง เงินชั้นก็ให้เธอเยอะแยะ อย่ามาโกงกันเล็กๆน้อยๆ อย่างนี้เลย ถือว่าขอร้อง ถ้าอยากทำงานด้วยกัน มันต้องซื่อสัตย์ ชั้นหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของนาย ไม่งั้นเราก็คงทำงานร่วมกันไม่ได้ เข้าใจมั้ย”
โซว์เดินเชิดหน้าออกไป ขิงมองตามแบบรู้สึกจ๋อยสุดๆ

ขิงยกมือไหว้ประหลกๆ พร้อมกับเดินตามมาง้อโซว์
“ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษ ผมมันเคยตัว สัญญาว่าต่อไปจะไม่ทำแบบนี้”
“ชั้นไม่สนใจคำสัญญา แต่นายต้องทำให้ชั้นเห็นเข้าใจมั้ย” โซว์บอก
เสียงโทรศัพท์มือถือของโซว์ดัง โซว์หยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นปีเตอร์ เขากำลังจะกดรับแต่เห็นขิงมองอยู่
“มารยาทน่ะมีมั้ย” โซว์ว่า “ชั้นจะโทรศัพท์จะแอบฟังรึไง”
ขิงมองโซว์ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะทำท่าล้อเลียนอยู่ข้างหลังขณะที่โซว์คุยโทรศัพท์
“มีอะไร” โซว์ถามปีเตอร์
ปีเตอร์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่โรงแรม
“เจ้าชายหายไปไหนเลย ทำไมไม่ส่งข่าวคราวหม่อมชั้นเลย”
โซว์คุยหน้าเครียด โดยที่ขิงยังคงทำท่าลิงหลอกเจ้าอยู่ข้างหลังเขา
“ชั้นสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง แล้วนายล่ะ”
“หม่อมชั้นไม่ค่อยสบาย เท่าไหร่ แบบว่ามัน จุก !!”
ปีเตอร์มองน้องชายที่ยังเจ็บอยู่
“เจ้าชายหม่อมชั้นว่าพระองค์น่าจะกลับมาอยู่โรงแรมตามเดิมได้แล้วนะ ไปอยู่ข้างนอกคนเดียวมันน่ากลัว”
โซว์ได้ฟังแล้วก็ส่ายหน้า
“ถ้าจะพูดเรื่องแค่นั้นก็ไม่ต้องโทรหาชั้นอีก ถ้ามีอะไรจะโทรไปเอง แค่นี้นะ !”
โซว์วางโทรศัพท์แล้วหันไปเห็นขิงกำลังทำท่าล้อเลียนเขาอยู่พอดี โซว์ถึงกับส่ายหน้า
 
ขิงได้แต่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะตามโซว์ไป

ติ๊งโหน่งซึ่งแต่งตัวแบบเลดี้กาก้ากำลังซ้อมเต้นเพลงของเลดี้กาก้าอย่างเมามัน ฉาดประภาเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจเพราะท่าเต้นของติ๊งโหน่งดูน่ากลัวมากกว่าจะเก๋แบบเลดี้กาก้า

“มัวแต่เต้นแร้งเต้นกาอยู่นั่นแหละลูกติ๊ง ไม่ได้ข่าวรึไงว่านังลัดลดาหน้าเฉาะ มันกำลังพยายามจะทำคะแนนกับเจ้าชายอยู่นะ” ฉาดประภาว่า
ติ๊งโหน่งอึ้ง “ว่าไงคะแม่ อย่าบอกนะคะว่านังหน้าเฉาะนั่นต้องการสิ่งเดียวกับลูก”
“ใช่ ..เค้าอยากจะเป็นเจ้าหญิงแห่งนิวซีแลนด์เหมือนกับลูก”
“ทำไมนะ ..ทำไมนังหน้าเฉาะต้องเกิดมาเพื่อพยายามแย่งทุกอย่างไปจากติ๊ง ติ๊งไม่ยอมนะคะคุณแม่ ติ๊งไม่ยอม”
“งั้นลูกก็ต้องรีบไปทำคะแนน”
ติ๊งโหน่งหันไปพยักหน้ากับฉาดประภาด้วยความมั่นใจ
“ค่ะคุณแม่”
ทันใดนั้นก็มีเสียงรถแล่นเข้ามา ติ๊งโหน่งได้ยินเสียงรถก็ดีใจรีบลุกแล้ววิ่งออกไป
“คุณพ่อ คุณพ่อมาแล้ว....”

ชรินทร์ พ่อของติ๊งโหน่งเดินมาดเท่เข้ามาในบ้าน โดยมีสมุน เอ บี ประกบซ้ายขวา ติ๊งโหน่งวิ่งเข้ามาหาชรินทร์ก่อนจะกระโดดเข้ากอดเอวชรินทร์ ชรินทร์รับตัวลูกสาว
“คุณพ่อ คุณพ่อกลับมาแล้ว”
“เป็นไงบ้างลูกสาวตัวน้อยของพ่อ พ่อไม่อยู่คิดถึงพ่อมั้ย”
“คิดถึงซิคะ”
ชรินทร์มองหน้าติ๊งโหน่งด้วยความรักก่อนจะเหลือบไปเห็นยุงเกาะอยู่ที่ปลายจมูกของติ๊งโหน่ง ชรินทร์โมโหปล่อยติ๊งโหน่งจนก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นแล้วหยิบปืนออกมาจากกางเกง ชรินทร์เล็งปืนไปที่ยุงที่เกาะอยู่ที่ปลายจมูกของติ๊งโหน่ง ติ๊งโหน่งแทบช็อค ฉาดประภาวิ่งเข้ามาห้ามด้วยความตกใจ
“ต๊าย ตายแล้ว คุณจะทำอะไรคะ”
“ยุง ยุง มันบังอาจมาเกาะกินเลือดลูกสาวสุดที่รักของพ่อ พ่อจะฆ่ามันให้ตาย” ชรินทร์บอก
เอ บี รีบเข้าไปห้าม
“อย่านะครับเจ้านาย เกิดเจ้านายยิงไปพลาด คุณหนูติ๊งโหน่งมีหวังจมูกแหว่งแน่” เอบอก
ติ๊งโหน่งโวยวาย “อย่านะคะ คุณพ่อ อย่า”
ชรินทร์ยังถือปืนเล็งมาที่ลูกสาวแบบคุมสติไม่อยู่ บีต้องรีบไปหยิบไม้ช๊อตยุงมาให้
“ใจเย็นๆครับเจ้านาย จะฆ่ายุงแค่ไม้นี้ก็ได้”
ชรินทร์มองไม้ช๊อตยุงแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเอาไม้ฟาดไปบนจมูกติ๊งโหน่ง ติ๊งโหน่งถูกไฟช็อตดังเปรี๊ยะๆๆๆ
ชรินทร์ไม่รู้เลยว่าลูกสาวโดนไฟช็อต “แล้ววันนี้ลูกไปไหนมาจ๊ะทำไมแต่งตัวสวยเชียว”
ติ๊งโหน่งที่ยังถูกไฟช็อตชี้ให้ชรินทร์เอาไม้ช๊อตยุงออกจากหน้าของเธอ ชรินทร์รีบเอาออกแล้วมองหน้าติ๊งโหน่งพร้อมทำหน้าแหย

เวลาต่อมา ชรินทร์ที่ทราบเรื่องจากติ๊งโหน่งร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว่าไงนะ ติ๊งโหน่งอยากจะเป็นเจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์”
ติ๊งโหน่งทำท่าเขินอาย ชรินทร์มองฉาดประภาด้วยความเจ็บใจ
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมก่อน ผมจะได้มาต้อนรับพระองค์ซิ พวกเจริญวัฒน์ตัดหน้าพวกเราไปได้ งั้นเราจะต้องเชิญเจ้าชายมาฉลองที่บ้านเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และ เปิดโอกาสให้ติ๊งโหน่งโดยเร็วที่สุด” ชรินทร์มองติ๊งโหน่งแล้วพูดต่อ “พ่อหวังว่า ครั้งนี้ลูกสาวตัวน้อยของพ่อคงจะทำสำเร็จนะจ๊ะ”
“แน่นอนค่ะคุณพ่อ ยังไงติ๊งโหน่งจะต้องเป็นเจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์ให้ได้”
“พอลูกได้เป็นเจ้าหญิงแล้ว คราวนี้แหละ ประเทศนิวแลนด์และทุกๆอย่างก็จะกลายเป็นของพ่อ”
ชรินทร์และติ๊งโหน่งมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความชั่วร้าย

โซว์เดินตัวปลิวเข้ามาในห้องพัก โดยมีขิงเดินถือของพะรุงพะรังตามเข้ามา โซว์นั่งพักที่เก้าอี้โซฟาในห้อง ขณะที่ขิงวางของก่อนจะนอนแผ่หลาอยู่ที่พื้น
“จะมานอนอยู่ทำไม ลุกไปเอาน้ำให้ชั้นซิ” โซว์สั่ง
ขิงมองขวดน้ำที่อยู่ใกล้ตัวโซว์มากกว่าตัวเอง
“ก็เอื้อมมือไปหยิบซิ อยู่แค่ตรงหน้านายเอง” ขิงว่า
“นี่นายไม่ได้มีหน้าที่มาย้อนสั่งชั้นนะ บอกให้หยิบก็หยิบซิ”
ขิงเดินทำหน้าเซ็งไปหยิบแก้วน้ำให้โซว์ โซว์รับมาดื่มอย่างมีความสุขก่อนจะยื่นคืนให้ขิง
“เอาไปล้างด้วย” โซว์สั่ง
ขิงทำหน้าเซ็งสุดๆ แต่ก็ยอมเอาแก้วไปล้าง ก่อนจะเดินกลับมาแล้วเห็นโซว์ยื่นรองเท้าให้
“อย่าบอกนะว่าจะให้ถอดให้”
โซว์พูดอย่างชื่นชม “รู้งานดีนี่ ใช้ได้นะ”
ขิงโมโหแต่กฌเดินไปถอดรองเท้าให้โซว์ด้วยอารมณ์ประชด
“มีอะไรให้ทำอีกมั้ยครับ เจ้าชายไม่งั้นผมจะได้กลับบ้าน...”
“กลับ กลับไปไหน ...นายต้องพักอยู่กับชั้นที่นี่ ในห้องนี้” โซว์บอก
ขิงตกใจ “อะไรนะ!!”
“เอ้า ตุ๊กไม่ได้บอกเหรอ เพราะอย่างนี้แหละ ชั้นถึงต้องการเฉพาะผู้ชาย ทำไมนายมีปัญหาอะไรเหรอ”

“เอ่อ..คือ ...คือ ผม..” ขิงไปไม่เป็น

ประตูห้องเปิดออกขิงรีบวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้อง ก่อนจะวิ่งไปที่มุมหนึ่ง เธอมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ขิงก็ร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ออกมา

“อ๊ายย... !! ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ไอ้โรคจิต ทำไมชั้นจะต้องมานอนกับคนอย่างนายด้วย”
ขิงเดินไปเดินมาด้วยความกังวลสุดๆ
“จะทำยังไงดี ทำไมอยู่ดีๆชั้นต้องมานอนห้องเดียวกับผู้ชายแปลกหน้า แถมหน้ายังแปลกอีก” ขิงยิ่งกังวล “นายนั่นคงไม่ได้คิดอะไรกับเรานะ”
ขิงมองไปเห็นเงาตัวเองในกระจก แล้วก็เห็นว่าตัวเองดูเป็นผู้ชาย
“แต่ว่านายนั่นเห็นเราเป็นผู้ชายนี่ คงไม่คิดอะไรมั้ง” ขิงคิด “อึ๊ย ..แต่ถ้านายนั่นเป็น เกย์ล่ะ ไม่เอานะ”
เสียงโซว์ดังขึ้น “บอย....”
ขิงสะดุ้งตกใจและระแวง เธอค่อยๆเอาหูไปแนบที่ประตู
เสียงโซว์ดังออกมา “นายออกไปทำอะไรน่ะเข้ามาได้แล้ว”
ขิงยังไม่วางใจจึงยังไม่ยอมเข้าไป เธอยังเอาหูแนบประตูเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของโซว์ข้างใน ประตูห้องเปิดออก โซว์ออกมาตามหาแต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นขิงทำท่าทางแปลกๆอยู่ที่ประตูหน้าห้อง
“ทำอะไรของนาย เข้ามาได้แล้ว เรามีอะไรต้องทำกันอีกเยอะ” โซว์บอก
ขิงตกใจ “ทำกัน ทำอะไร”
โซว์ยิ้มร้าย “เดี๋ยวนายก็รู้ รับรองว่าคืนนี้นายไม่ได้นอนทั้งคืนแน่”
โซว์จับแขนขิงลากเข้ามาในห้อง ขิงพยายามขืนแต่ก็สู้แรงโซว์ไม่ได้
“เดี๋ยวก่อนซิ เดี๋ยวก่อน!”

โซว์ลากขิงเข้ามาในห้อง ขิงพยายามสะบัดให้โซว์ปล่อยแขน
“ปล่อยนะ อย่าทำผมนะ ...ผมไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” ขิงโวยวาย
“นี่หยุดทำเสียงโวยายอย่างนั้นซักที ชั้นหนวกหู แล้วนายก็มาช่วยชั้นถอดเสื้อผ้าได้แล้ว” โซว์สั่ง “ถอดเสื้อผ้า” ขิงหน้าเสีย “ไม่เอานะไม่เอา” ขิงเริ่มกลัว
“เอ๊ะ!! นี่นายเป็นอะไร กะอีแค่ถอดเสื้อผ้าให้ชั้นทำไมต้องวุ่นวายขนาดนี้ นายอยากให้ชั้นอาบน้ำทั้งเสื้อผ้าเลยรึไง”
“อาบน้ำ? อดเสื้อผ้า แล้วจะไปอาบน้ำ” ขิงขำ “แล้วก็ไม่บอก” ขิงหัวเราะก่อนจะคิดได้ “เอ๊ะ แล้วทำไมกะอีแค่ถอดเสื้อผ้าจะอาบน้ำ ทำไมต้องให้ผมถอดให้ด้วยล่ะ”
“นายอย่ามีปัญหามากได้มั้ย ชั้นบอกให้ถอดก็ถอดไปเถอะน่า เร็ว !!”
โซว์ยืนกางแขนให้ขิงถอดเสื้อผ้าให้ ขิงค่อยๆหลับตาแล้วหันหน้าหลบพยายามไม่มองก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อของโซว์ออก
“อะ เสร็จแล้ว” ขิงบอก
“ยังไม่เสร็จนายต้องถอดให้หมด”
“ให้หมด ทุกชิ้นเลยเหรอ” ขิงถาม
“ใช่ ทุกชิ้นอย่าให้เหลือ”
ขิงทำหน้าสยองก่อนจะค่อยๆนั่งลงถอดกางเกงของโซว์ออก เธอพยายามให้มือโดนตัวโซว์ให้น้อยที่สุด
“นี่นายเป็นอะไรของนาย หรือว่าอาย นายก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนี่จะอายทำไม หรือว่า ...นายไม่ใช่” โซว์มองขิงอย่างกลัวๆ
“ใช่ซิครับ ผมนี่แหละผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ..ถอดเลยครับถอด”
ขิงถอดกางเกงออกมากองจนเหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์ ขิงกลั้นใจเฮือกสุดท้าย
“เป็นไงเป็นกัน”

ขิงกลั้นใจก่อนจะดึงกางเกงบ็อกเซอร์ของโซว์ลงมา

โปรดติดตามตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น