ข้าวนอกนา ตอนที่ 13
สายวันใหม่...จอร์จกดกริ่งหน้าห้อง เขาหิ้วถุงขนมและอาหาร โดยมีใจหวานมาด้วย ทั้งสองรอสักพัก แต่ดำก็ยังไม่มาเปิด ใจหวานบ่น
“สงสัยยังไม่ตื่นมั้ง หลับยาวจริงๆ”
“ป่านนี้ฤทธิ์ยาน่าจะหมดแล้ว”
ใจหวานกดกริ่งซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาเปิด จอร์จชี้ให้ดูอะไรบางอย่าง
“เอ๊ะ...ดูนี่สิหวาน”
จอร์จชี้กุญแจที่คล้องอยู่ด้านนอก
“แสดงว่าดำออกไปข้างนอก”
“จะออกไปทำไม ตัวเองก็ไม่สบาย หรือว่าเมื่อคืนไปร้องเพลงอีก”
“ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดำหลับสนิท กว่าจะตื่นผับก็เลิกแล้ว”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตกใจเป็นห่วงดำ
เจ๊ต่ายเปิดประตูออกมา ตกใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“เฮ้ย…”
ดำสับปะหงกรออยู่ เจ๊ต่ายเข้าไปปลุกเบาๆ
“ดำ มาทำอะไรที่นี่”
ดำงัวเงียขึ้นมา ดีใจเมื่อเห็นเจ๊ต่าย รีบเข้าไปจับไม้จับมือ
“เจ๊มาแล้วเหรอ”
“ฉันต้องถามแกมากกว่าว่ามาแล้วเหรอ ทำไมเมื่อคืนไม่มาร้องเพลง”
“เมื่อคืนฉันไม่สบายน่ะ”
“แล้วมาทำไมตอนนี้ นี่มันยังเช้าอยู่เลย”
“ฉันมาขอความช่วยเหลือเจ๊ เจ๊ช่วยพี่พันด้วยนะ”
“พันไหนของแกวะ”
“ก็พี่พันที่เมื่อคืนมีเรื่องชกต่อยกับแฟนใหม่นังออยไงเจ๊”
“อ๋อ...ไอ้นายสมพันธุ์น่ะเอง แกเป็นอะไรกับมัน รู้จักมันด้วยเหรอ”
“เขาเป็นเพื่อนเก่าหนูเอง เขาเป็นคนดีมาก แฟนนังออยเป็นคนหาเรื่องเขา เจ๊อย่าให้เขาติดคุกเลยนะ”
“ฉันไม่ได้เป็นคนฟ้องมันนี่ ต้องไปขอร้องแฟนนังออยโน่น”
“นังออยมันไม่ยอมแน่เจ๊ หนูจะขอยืมเงินเจ๊ไปประกันตัวพี่พันก่อน”
เจ๊ต่ายสะดุ้ง
“ว้าย จะมายืมเงินฉันเหรอ ฉันไม่มีให้หรอก”
“นะคะเจ๊ หนูขอร้อง” ดำอ้อนวอนยกมือไหว้ “หนูไหว้ละ ช่วยหนูทีเถอะ พี่พันมีบุญคุณกับหนูมาก ช่วยเขาก็เหมือนช่วยหนูนั่นแหละ”
“นายพันนั่นมาทะเลาะมีเรื่องในผับฉัน ทำให้ฉันเสียลูกค้า แถมข้าวของเสียหาย แล้วยังจะให้ฉันไปช่วยประกันตัวออกมาอีก ฉันก็โง่สิ”
“หนูขอร้องจริงๆค่ะเจ๊ จะให้หนูทำยังไงก็ได้ ขอให้ช่วยพี่พันออกมาก่อน เดี๋ยวหนูร้องเพลงให้ฟรีสิบวันเลย”
เจ๊ต่ายชะงักอย่างสนใจ
“ร้องฟรีเหรอ จะเบี้ยวหรือเปล่า”
“หนูไม่เบี้ยวหรอก ถ้าหนูเบี้ยวหนูก็ตกงานน่ะสิ เจ๊ต่ายเชื่อหนูเถอะนะ”
เจ๊ต่ายยุ่งยากใจ
“เดี๋ยวฉันจะหาทางช่วยก็แล้วกัน”
ดำมีความหวังมากขึ้น
ใจหวานกดมือถือโทรออกหาดำ แต่ไม่รับสาย เธอกดวาง แล้วหันมาบอกกับจอร์จ
“ดำไม่รับสายเลย”
“เกิดอะไรขึ้นกับดำกันแน่”
“นั่นสิ หรือมันฝืนไปทำงานแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา”
ทั้งสองสบตากันเครียดๆ
ออยอยู่ในคอนโดโวยวายเสียงลั่น
“อะไรนะเจ๊ จะให้หนูขอร้องคุณธัชให้ยอมความน่ะเหรอ”
“เขาไม่ได้เจ็บอะไรนักหนานี่ ฝ่ายนั้นก็โดนไปเยอะเหมือนกัน”
“แต่ไอ้พันเป็นคนมาหาเรื่องก่อน แล้วก็ชกคุณธัชก่อนด้วย”
“พวกเขาทะเลาะกันเพราะแกไม่ใช่เหรอ คนนั้นก็แฟนเก่า คนนี้ก็แฟนใหม่อย่าไปเอาเรื่องเลยดีกว่า”
“ขืนหนูไปพูดกับคุณธัช เขาก็ด่าหนูตายสิ ดีไม่ดีจะหาว่าหนูเข้าข้างยังไม่ลืมคนเก่าซะอีก”
เจ๊ต่ายเกาหัวแกรกอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
“โอ๊ย...จะทำยังไงดีละเนี่ย”
ออยมองเจ๊ต่ายอย่างรู้ทัน
“เมื่อคืนเห็นเจ๊ประกาศว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะทำข้าวของเสียหายแล้วทำไมจู่ ๆ มาให้หนูไปขอร้องคุณธัช มันเรื่องอะไรกัน”
“ฉันไม่อยากให้มีเรื่องกัน อะไรยอมได้ก็ยอมๆ ไปเถอะน่า เรื่องเล็กนิดเดียวเอง”
“นังดำมันให้เจ๊ช่วยใช่ไหม”
“ก็...”
เจ๊ต่ายพยักเพยิดยอมรับ ออยลอยหน้าลอยตา
“หนูยอมช่วยก็ได้นะ บอกนังดำให้มากราบขอร้องหนูเองสิ”
“โอ๊ย...คนอย่างนังดำไม่มีทางยอมหรอก ไม่มีทาง”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้นะเจ๊ ไปพูดกับคุณธัชไม่ใช่ง่ายๆ หนูไม่อยากเสี่ยง”
ออยกอดอกหยิ่งๆ เจ๊ต่ายมองหนักใจ
ดำกลับเข้ามาในห้องอย่างเพลียๆ เสียงมือถือที่ดำวางลืมไว้ที่โต๊ะดังขึ้น เธอมองหาจนเจอ แล้วรีบรับสาย
“ฮัลโหล...เจ๊ต่าย เป็นไงบ้างคะ”
“ขนาดไปขอร้องมันด้วยตัวเอง นังออยมันยังไม่ยอมช่วยเปล่าๆเลย”
“มันอยากได้เงินเท่าไร”
“มันไม่ได้อยากได้เงิน แต่...”
“แต่อะไรคะ บอกมาเลย ถ้าหนูให้ได้หนูยอมให้มัน”
“มันอยากให้แกทำอะไรอย่างนึง”
“ทำอะไรเหรอเจ๊”
เจ๊ต่ายไม่รู้จะพูดยังไงดี
ออยเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นดำก็ยิ้มเยาะ
“กล้ามาถึงนี่เลยเหรอ”
แอ๋มกับแนทที่อยู่ในห้องรีบวิ่งออกมาดู แอ๋มชะงัก
“เฮ้ย...มาจริงเหรอวะ”
แนทแทรกมา
“ไหนดูหน้ามันหน่อยซิ”
ดำมองกราดทั้งสามที่ยืนเรียงหน้าอยู่ตรงประตู
“ฉันขอเข้าไปคุยด้วยหน่อย”
ออยเสียงแข็งใส่
“คุยตรงนี้ก็ได้”
“ฉันคุยกับเจ๊ต่ายแล้ว ถ้าแกอยากให้ฉันทำอะไรฉันก็จะทำ แต่แกต้องสัญญาว่าถ้าฉันทำแล้วแกต้องช่วยพี่พันด้วย”
“ฉันไม่เคยผิดสัญญาใคร”
“โอเค งั้นจะให้ทำตรงนี้เลยใช่ไหม”
แอ๋มเอากล้องมือถือมาถ่ายเป็นคลิปไว้ ดำแปลกใจ
“ทำไมต้องถ่ายรูปด้วย”
“ก็เอาไว้เป็นหลักฐานไง จะได้ไม่มีใครผิดสัญญากับใคร”
“ฉันว่าไม่จำเป็น”
“อย่าเรื่องมาก จะทำหรือไม่ทำ ยิ่งชักช้าไอ้พันของแกก็ต้องอยู่ในคุกนานขึ้นเร็วสิวะ”
ออยชี้ไปที่เท้าตัวเอง ดำกัดฟันก้มหน้ามองไปที่พื้น
“เร็วซี่ อย่าเวิ่นเว้อ”
ดำคุกเข่าลง แล้วก้มไหว้ออยไม่แบมือแบบเร็วๆ ไม่ติดพื้น แล้วรีบเงยหน้าขึ้น ออยชะงัก
“แกทำอะไรน่ะ”
“ก็ทำอย่างที่แกต้องการไง”
“ฉันยังไม่ทันเห็นเลย”
“ฉันทำไปแล้วนะ”
“เหมือนไม่เต็มใจ แกต้องกราบจนกว่าฉันจะสั่งให้เงยหน้าขึ้น”
ดำกัดฟันอีกครั้ง กลั้นใจก้มลงกราบออย แอ๋มถ่ายคลิปไว้
“ชิดๆ หน่อย ให้ติดพื้นเลยสิวะ”
คราวนี้ดำก้มลงกราบออยแทบเท้า ออยเหยียบมือ ดำจับเท้าออยไว้
“ถึงฉันจะยอมกราบตีนแก แต่ฉันไม่ยอมให้แกทำอย่างอื่นนะนังออย”
“งั้นเหรอ”
ออยสลัดเท้าอย่างแรง แล้วเตะเสยดำจนล้มหงายหลัง
“ตอนนี้ฉันเป็นต่อแก อย่าสะเออะมาสู้กับฉัน เข้าใจไหม อีดำตับเป็ด”
แอ๋มด่าต่อ
“อีขี้เหร่”
แนทเอาด้วย
“อีหน้าผี”
ออยมองเหยียด
“คิดจะมัดใจพี่พันของแกน่ะเหรอ เขาไม่แลอีดำหน้ากระโถนอย่างแกหรอก ดูหน้าแกกับหน้าเขาซะก่อนว่ามันต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับนรก ถึงแกช่วยเขาได้ก็โดนถีบหัวส่งอยู่ดี ฮะๆๆๆ”
แนทกับแอ๋มและออยประสานเสียงกันหัวเราะลั่น ดำเถียง
“พี่พันไม่ใช่คนสันดานชั่วอย่างพวกมึงหรอกโว้ย”
ออยยิ้มหยัน
“เออ...กูจะดูน้ำหน้ามัน กูรู้จักแมงกะจั๊วอย่างมันดี จะคอยดูว่ามันจะทนอยู่กับมึงได้สักกี่วัน”
ดำเงยหน้ามองออยอย่างเจ็บใจสุดขีด พยายามสะกดกลั้นข่มอารมณ์เต็มที่คิดในใจว่าฝากไว้ก่อนเถอะ
ดำโซซัดโซเซออกมาด้วยสภาพยับเยิน ไอออกมาจนตัวโยน แล้วล้มหมดแรง
“แกจะล้มตอนนี้ไม่ได้นังดำ ต้องไปช่วยพี่พันก่อน”
ดำกัดฟันแข็งใจลุกขึ้น แล้วเกาะเสาแถวนั้นไว้ แต่มองไปรอบๆ รู้สึกแดดร้อนเปรี้ยง แต่โลกกลับมืดลงทุกที เธอพยายามสลัดความอ่อนเพลียออกไป แล้วยืนตัวตรงขึ้นมา แต่พอเดินไปอีกสองสามก้าว ก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น เสียงคนร้องวี้ดว้าย ซูซี่ก้าวเข้ามา
“ดำ...”
ซูซี่ก้มลงมามองดำอย่างเป็นห่วง พลางเขย่าตัว
“ดำ...เป็นยังไงบ้างดำ ดำ...”
ดำนอนแน่นิ่งกับพื้น
สมพันธุ์นั่งรออยู่อย่างซึมเซา เพื่อนร่วมห้องขังมองมายังเขาอย่างสนใจ
“หน้าตาน้องสวยดีนะ ชื่ออะไรน่ะเรา”
สมพันธุ์กระถดตัวหนี
“จะรู้ไปทำไม”
ชายคนนั้นเข้าไปใกล้
“เฮ้ย...อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย พี่ชอบน้องนะ หน้าตาจิ้มลิ้มอย่างนี้ ไปอยู่ข้างในฮอตแน่”
“กูไม่ใช่นะโว้ย”
“เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็ใช่เองน่ะแหละ”
“อย่ามายุ่งกับกู”
ชายคนนั้นเข้าหา สมพันธุ์ปัดป้องกระถดตัวหนีไปจนติดมุมห้อง
“เล่นตัวแบบนี้เร้าใจดี”
ชายผู้ต้องขังเข้ามาลูบแก้มสมพันธุ์ ทันใดนั้นเสียงตำรวจดังขึ้น
“เฮ้ย...ทำอะไรน่ะ”
ชายคนนั้นรีบแยกออกไป สมพันธุ์โล่งใจ ตำรวจเข้ามาเปิดประตู
“นายสมพันธุ์ มีญาติมาประกันตัว”
สมพันธุ์รีบผุดลุกขึ้นอย่างดีใจ
ในคลินิกจอร์จ...ดำค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นซูซี่มองอยู่
“ดำฟื้นแล้วค่า”
จอร์จเข้ามาดู ดำรีบลุกขึ้นมา แต่จับหัวตัวเองอย่างรู้สึกหน้ามืด จอร์จกับซูซี่ช่วยกันประคอง
“ค่อยๆหน่อย ค่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก”
“หนูเป็นลมไปเหรอ”
ซูซี่พยักหน้า
“ใช่ ดีที่เจ๊ต่ายโทรบอกฉันว่าแกไปที่คอนโดนังออย ฉันเลยรีบตามไป ตกลงแกยอมทำตามที่นังออยบอกเหรอ”
ดำอึกอักโกหก
“เปล่า ไม่ได้ทำซะหน่อย”
“ฉันไม่เชื่อหรอก หน้าอย่างแกเหรอไปถึงที่แล้วจะถอยออกมา”
ดำนึกได้
“พี่พัน...พี่พันเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันต้องรีบไปช่วยเขา”
ดำทำท่าจะลงจากเตียง ซูซี่กับจอร์จช่วยกันห้าม
“เดี๋ยวก่อนๆ แกนี่ใจร้อนจริงๆ”
จอร์จบอกกับดำ
“ไม่ต้องห่วงหรอกดำ พันเขาถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว”
ดำชะงัก
“ครูรู้ได้ยังไง”
“เธอกลับไปบ้านก็รู้เอง”
สมพันธุ์เดินออกมาอย่างดีใจกึ่งแปลกใจ
“พี่หวาน”
ใจหวานเดินเข้ามาหา สมพันธุ์ยกมือไหว้เธอ
“ขอบคุณครับที่มาช่วยผม”
“ดำขอให้ฉันช่วยประกันตัวเธอออกมา”
“แล้วดำละครับ”
ใจหวานนิ่งไป
ซูซี่มาส่งดำที่ห้องพัก
“นอนพักก่อนนะดำ”
“ไหนล่ะพี่พัน ไหนบอกว่าเขาจะมาที่นี่”
“เขากำลังจะมา แกนอนพักก่อนเถอะน่า”
“ฉันนอนไม่หลับหรอก เป็นห่วงเขา”
“แกอยู่เฉยๆ พี่หวานกับทนายไปจัดการอยู่ เดี๋ยวเขากลับมาแน่ ถ้าไปยุ่งกับเขาอีก เรื่องมันอาจจะวุ่นวายกว่านี้”
“แสดงว่านังออยไม่ได้ช่วยพี่พัน”
“น้ำหน้าอย่างมันเหรอจะช่วย มันหลอกแกมากกว่า”
ดำเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ
“อีพวกคนสวยนี่ใจมันดำยิ่งกว่าผิวฉันซะอีก”
“ทีหลังอย่าไปเชื่อคนอย่างนังออยเลย มันมีดีแต่หน้าตา อีกหน่อยพอเหี่ยว พอแก่แล้วไม่มีใครเอามันหรอก”
“ฉันไม่ยอมให้มันแกล้งฉันฟรี ๆ แน่”
“จะไปจัดการมันเมื่อไรก็บอกฉันเลย แต่วันนี้แกทำใจสบายๆ รอพี่พันของแกไปก่อน”
“จะให้ฉันรอเฉยๆ งั้นเหรอ”
“ถ้าพี่พันของแกไม่มาภายในชั่วโมง แกค่อยโทรถามพี่หวาน แล้วคืนนี้แกไม่ต้องสะเออะไปร้องเพลงล่ะ เอาละ ฉันต้องไปเตรียมตัวแล้ว เดี๋ยวไปไม่ทันเจ๊ต่ายโวยตาย”
ซูซี่เปิดประตูออกไป ดำชะเง้อรออย่างร้อนใจ
ข้าวนอกนา ตอนที่ 13(ต่อ)
ใจหวานกลับมาหาจอร์จที่คลินิก
“เรียบร้อยแล้วเหรอใจหวาน”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ นายพันดีใจใหญ่เลย”
“ป่านนี้ดำคงสบายใจแล้ว”
“ไม่เข้าใจเลย ทำไมหมอต้องใจดีกับดำขนาดนี้ ให้หวานไปช่วยสมพันธุ์แต่บอกว่าดำให้มาช่วย แล้วหมอจะได้อะไร”
“ผมไม่อยากได้อะไร”
“หมอนี่พ่อพระจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีผู้ชายแบบนี้อยู่ในโลก”
“ผมไม่ใช่พ่อพระหรอก แค่อยากจะช่วยดำกับสมพันธุ์เท่านั้นเอง”
“อย่าเอาความสงสารมาใช้กับดำเลยค่ะ ดำไม่ชอบให้ใครสงสาร ถ้ามันรู้มันจะโกรธหมอมากกว่ารู้สึกขอบคุณนะคะ หวานรู้จักนิสัยมันดี”
“ผมไม่ได้แค่สงสาร”
“แล้วมันคืออะไรละคะ”
“สมพันธ์เคยเป็นลูกศิษย์ผม เมื่อเขาเดือดร้อนผมก็ควรจะช่วย แล้วดำจะได้สบายใจด้วย”
“ตอนนี้หวานเริ่มสงสารหมอแทนดำแล้วนะคะ หมอไม่รู้เหรอว่าในใจดำมันมีแต่พี่พันๆ ของมันคนเดียว”
“ผมรู้”
“ขอโทษนะคะที่หวานพูดตรงๆ หวานไม่อยากให้หมอมาทุ่มเทกับดำมากนัก ไม่อยากให้หมอเสียใจทีหลัง”
จอร์จยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ผมไม่เสียใจในสิ่งที่ตัดสินใจทำไปแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง”
ใจหวานมองจอร์จอย่างไม่เข้าใจ
เดือนนั่งเหม่ออยู่ในบ้าน เขมวรรณเข้ามาถาม
“วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอลูก”
“หนูรู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะ”
เขมวรรณเอามือแตะหน้าผาก
“ตัวรุมๆ นี่จ๊ะ ทำไมไม่บอก เดี๋ยวแม่ไปเอายาให้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเพิ่งทานไปเมื่อกี้นี้เอง”
“งั้นขึ้นไปนอนพักเถอะลูก”
เดือนพยักหน้าซึมเซา เขมวรรณลูบผมลูกสาว
“หรือว่าหนูมีอะไรไม่สบายใจ”
เดือนส่ายหน้า ไม่อยากพูดถึงให้สะกิดใจ
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร หนูขอขึ้นไปนอนพักก่อนนะคะ”
เดือนเดินออกไป เขมวรรณมองอย่างเป็นห่วง
ไวภพมาชะเง้อมองเดือนที่โต๊ะอย่างเป็นห่วง ขณะเดียวกันนั้นเสียงโจ้ดังขึ้น
“มาทำอะไรแถวนี้”
ไวภพหันไป เห็นโจ้เดินเข้ามา มองอย่างไม่เป็นมิตร
“มาหาเดือน”
“วันนี้เดือนไม่มา”
“วันนี้เดือนมีเรียนนี่ครับ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับแกด้วย”
“ผมเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
“เฮ้ย...แกน่าจะรู้ตัวแล้วนะว่าน้องเดือนเขาไม่อยากเจอหน้าแกอีกแล้ว อย่ามาที่นี่อีกเลยดีกว่า”
“ผมอยากได้ยินจากปากเขาเอง”
“เขาไม่อยากพูดกับแก อย่ามาวุ่นวายกับน้องเดือนอีกเลย น้องเขารำคาญแก มาก เขาขยะแขยงแก เข้าใจป่ะ”
“ผมไม่เชื่อ เดือนต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”
“แกเลิกเซ้าซี้เดือนได้แล้ว ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ขอบคุณที่เตือน ถึงยังไงผมจะปรับความเข้าใจกับเดือน ด้วยตัวเอง”
ไวภพมองโจ้อย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะเดินออก โจ้มองตามหัวเราะหึๆ อย่างสะใจ
เย็นนั้นไวภพอยู่ที่โรงสีของครอบครัว เขาเดินตามสมภพซึ่งกำลังอธิบายขั้นตอนในโรงสีให้ฟัง แต่ไวภพเหม่อลอย
“นี่ดูข้าวที่สีออกมาแล้วมีคุณภาพมันต้องสีขาวนวล ไม่มีฝุ่นผงติดมาด้วยแบบนี้...”
สมภพหันไป เห็นไวภพเหม่อ
“แกฟังป๋าอยู่หรือเปล่า...ไว...ไว”
ไวภพรู้สึกตัว
“อะไรนะครับป๋า”
“เฮ้ย...ไว หมู่นี้แกเป็นอะไรวะ เหม่อลอยไม่มีสมาธิเลย ป๋าให้มาช่วยงานก็งงๆ ทำผิดๆ ถูกๆ ตลอด เรียนหนักหรือไง”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“ท่าทางจะไม่นิดหน่อยนะ เดี๋ยวนี้แกแปลกๆ กิจกรรมทำให้มันน้อยๆ หน่อยก็ได้ จะได้มีเวลามาช่วยป๋าดูโรงสี อีกหน่อยแกก็ต้องมาทำต่อ หัดเรียนรู้ไว้บ้าง”
“ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมแล้วครับป๋า”
“หรือว่ามีเรื่องสาวๆ ว้า”
ไวภพอึกอัก สมภพเริ่มเข้าใจ
“บอกซะก่อนนะ ถ้าจะมีแฟนก็เลือกที่มันดีๆ ขยันๆ เชื้อสายดี นิสัยดี ทำงานเก่ง อย่าเอาพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ รักสวยรักงาม แต่ทำงานไม่เป็นนะ ป๋าไม่ชอบ”
“ครับป๋า”
“เข้าใจก็ดีแล้ว งั้นมาดูตรงนี้...”
สมภพอธิบายต่อ ไวภพแอบถอนใจ ไม่อาจตัดใจจากเดือนได้
ดำเปิดประตูห้องโผเข้าหาสมพันธุ์อย่างดีใจ
“พี่พัน เขาปล่อยพี่ออกมาแล้วเหรอ”
“ใช่ ขอบใจนะดำที่ช่วยพี่”
“คนที่ช่วยพี่คือครูจอร์จกับพี่หวานต่างหาก”
ดำพาสมพันธุ์เข้ามาในห้อง
“แต่เพราะดำเขาถึงไปช่วยพี่ ในโลกนี้มีดำคนเดียวที่เห็นใจพี่”
“ฉันไม่เคยลืมหรอก ว่าลุงหวัดเคยมีบุญคุณกับฉัน พี่พันเป็นลูกของลุงหวัดก็เหมือนฉันได้ตอบแทนลุงหวัดไปด้วย”
สมพันธุ์นั่งลงบนโซฟา
“พ่อคงดีใจที่มองคนไม่ผิด พ่อก็รักดำเหมือนลูกคนนึง”
“วิญญาณลุงหวัดคงคอยดูแลพี่พันอยู่ด้วย พ้นเคราะห์ไปซะทีนะ”
“พี่ดีใจ เลยรีบมาขอบใจดำด้วยตัวเอง”
ดำยิ้มดีใจ สมพันธุ์เผลอเอามือเกาแขนไปด้วย ดำสังเกตเห็น
“อาบน้ำก่อนไหม พี่พัน อาบน้ำแล้วนอนพักบนเตียงนั่นก่อนก็ได้ พี่พันกินอะไรมาแล้วหรือยังล่ะ”
“พี่ไม่หิวหรอก อยากนอนอย่างเดียว อยู่ในห้องขังนอนไม่ลง ทั้งสกปรกทั้งไม่สบายใจ”
“ฉันเองก็นอนไม่ค่อยหลับเลยตั้งแต่พี่พันถูกจับ พี่พันเพลียก็นอนที่นี่ก่อนเถอะ”
สมพันธุ์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างว่าง่าย
“พี่ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมาเจอกันอีก พี่ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอดำ ตอนนั้นดำเคย ช่วยพี่จากพวกอันธพาลในตลาด แล้วตอนนี้ก็ยังกลับมาช่วยพี่อีกครั้ง”
“พี่พันก็เคยช่วยฉันมามากเหมือนกัน ช่วยสอนฉันร้องเพลง ที่ฉันร้องเพลงได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะพี่กับลุงหวัดนั่นแหละ จำได้ไหม ตอนที่ฉันหัดร้องเพลงครั้งแรก พี่เป็นคนเล่นกีตาร์ให้ สาวๆ แถวนั้นมันอิจฉาฉันกันใหญ่...”
ดำก้มมองสมพันธุ์อีกครั้งก็ต้องแปลกใจ
“โธ่...หลับซะแล้ว”
ดำเอื้อมมือไปไล้ผมเขาเบาๆ แล้วนั่งมองหน้าเขาอย่างรักและหลงใหล
ค่ำนั้นดนัยธรกลับเข้ามาในบ้าน มองหาเดือน
“เดือนยังไม่กลับเหรอเข็ม”
“วันนี้ไม่ได้ไปเรียนค่ะ”
“อ้าว...ทำไมล่ะ ไม่มีเรียนเหรอ”
“แกไม่ค่อยสบายค่ะ”
“ไม่สบายเป็นอะไร”
เขมวรรณหน้าเครียด
เดือนนอนร้องไห้อยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ค่ะ”
“เดือน พ่อเองลูก พ่อเข้าไปได้ไหม”
เดือนรีบดึงทิชชู่มาเช็ดน้ำตา
“ได้ค่ะ”
เดือนลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ดนัยธรเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“เป็นไงบ้างลูก” เขาเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ บนเตียง “ไม่สบายเป็นอะไร ไหนบอกพ่อซิ”
“รู้สึกเพลียๆ แล้วก็มีไข้ค่ะ”
“หน้าบวมแดงไปหมดเลย” ดนัยธรเอามือแตะหน้าผาก “ตัวรุมๆ จริงด้วย ลูกป่วยตั้งแต่คราวที่แล้วยังไม่หายดีใช่ไหม”
“คงใช่ค่ะ”
“งั้นไปหาหมอไหม เดี๋ยวพ่อพาไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดือนทานยาแล้ว เมื่อบ่ายนอนพักก็รู้สึกดีขึ้น”
ดนัยธรลูบผมที่ยาวสลวยของเดือน เอาผมทัดหูให้ พลางมองด้วยความห่วงใย
“หน้าซีดเชียวลูก ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายต้องรีบไปหาหมอนะ”
“ค่ะคุณพ่อ”
“พ่อเป็นห่วงหนูมาก เห็นหมู่นี้หนูดูซึมไป ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนก่อนเลย มีเรื่อง อะไรหรือเปล่า”
“คงเพราะใกล้สอบ ต้องอ่านหนังสือหนัก เลยอดนอนค่ะ”
ดนัยธรระแวง
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่เรื่องอื่น”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก ขยันอ่านหนังสือน่ะดี พ่อรู้ว่าหนูตั้งใจ แต่ยังไงก็ต้องพักผ่อนบ้างนะลูก อย่าหักโหมเกินไป”
“ค่ะคุณพ่อ”
“เดือนของพ่อน่ารักเสมอ”
ดนัยธรหอมหน้าผากเดือน แล้วเลยไปหอมแก้ม เดือนรู้สึกแปลกๆ จึงผงะเล็กน้อย ดนัยธรตกใจตัวเอง ชะงักพยายามห้ามใจเช่นกัน
“นอนพักนะ จะได้หายไวๆ”
“ค่ะ”
ดนัยธรลุกออกไป เดือนมองตามอย่างไม่สบายใจ
ดนัยธรเดินออกมาจากห้องลูกสาว ลูบหน้าอย่างพยายามเรียกสติของตัวเอง แต่แล้วก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเขมวรรณยืนมองอยู่ เขาอึกอักอย่างรู้สึกผิด ไม่แน่ใจว่าภรรยาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องหรือไม่
“เข็ม...คุณมาตั้งแต่เมื่อไร”
เขมวรรณไม่รู้เรื่องอะไร
“เมื่อกี้นี้เองค่ะ ยัยเดือนเป็นยังไงบ้างคะ”
“เอ่อ...ก็ตัวรุมๆ น่ะ ผมเลยให้นอนพักก่อน”
“ฉันจะเข้าไปดูแก อาจจะต้องกินยาอีก”
“ไม่ต้องหรอก ท่าทางลูกจะเพลียมาก คงหลับไปแล้ว”
“หมู่นี้ยัยเดือนเป็นอะไรก็ไม่รู้นะคะ ดูซึมไปมาก”
“ผมถามแล้ว ลูกบอกว่าคงเพราะเรียนหนัก พักผ่อนไม่พอ”
“แต่ฉันว่าลูกเป็นไข้ใจมากกว่าไข้กายนะคะ ตั้งแต่...ตั้งแต่ที่ลูกเราเลิกคบกับผู้ชายคนนั้นแกก็หงอยไปเลย”
ดนัยธรไม่ค่อยพอใจ
“คุณจะให้ลูกกลับไปคบผู้ชายให้หายป่วยงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย เพียงแต่อยากหาสาเหตุที่ ลูกป่วยอย่างนี้ต่างหาก”
“ถ้าเป็นเพราะสาเหตุนั้นมันก็ไร้สาระสิ้นดี เหมือนยัยเดือนเป็นโรคบ้าผู้ชายขาดผู้ชายไม่ได้ ขาดแล้วจะป่วยงั้นเหรอ”
เขมวรรณถอนใจ
“ฉันไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว เหมือนพูดกันคนละประเด็น”
“มันก็ประเด็นเดียวกันนั่นแหละเข็ม ผมหวังดีกับยัยเดือน ถึงยังไงผมก็จะไม่ยอมให้ลูกไปคบกับใครในวัยเรียน จะไม่ยอมให้ลูกใช้ความอ่อนแอมาทำลายกรอบที่ผมขีดเส้นไว้เป็นอันขาด”
ดนัยธรเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว เขมวรรณมองตามไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงหงุดหงิดเกินเหตุ
ดำเดินเข้ามาในผับด้วยหน้าตาสดชื่นขึ้น ซูซี่เข้ามาทักดำอย่างตื่นเต้นดีใจ
“เฮ้ย...แกมาได้ยังไงวะดำ”
“ฉันก็นั่งแท็กซี่มาน่ะสิ”
“แกหายดีแล้วเหรอ”
“ดีแล้ว”
ซูซี่มองหน้าดำอย่างพิจารณา
“ไม่อยากเชื่อ...แต่หน้าตาแกก็สดชื่นขึ้นนะ ยังกับได้ยาวิเศษงั้นแหละ”
ดำอมยิ้ม นึกถึงสมพันธุ์
“คงเพราะหมอจอร์จของแกฉีดยาแรงให้มั้ง”
“บอกแล้ว หมอจอร์จน่ะเก่งที่สุด แต่เขาบอกว่ายังไม่ให้แกมาทำงานไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“แกนี่มันบ้าระห่ำจริงๆ ว่ะ อย่ามาเป็นลมกลางเวทีก็แล้วกัน ไป...รีบเข้าไป เจ๊ต่ายต้องดีใจมากแน่ๆ”
ซูซี่รีบจูงกึ่งประคองดำเข้าไปในห้องแต่งตัวนักร้อง เจ๊ต่ายเข้ามาต้อนรับดำอย่างดีใจ
“ว้าย...ดำมาร้องเพลงได้แล้วเหรอ”
“ได้แล้วเจ๊”
“ดีเลยๆ เดี๋ยวเจ๊จัดให้หลายๆ เพลง แฟนๆ คิดถึงจะแย่แล้ว”
“มาเลยค่ะ จะจัดกี่เพลงก็บอกมา”
ซูซี่เตือน
“อย่าจัดหนักมากดีกว่า เดี๋ยวไข้ขึ้นอีกหรอก”
ดำยิ้ม
“ไม่เป็นไรน่า ฉันแข็งแรงดีแล้วไม่เห็นเหรอ”
ซูซี่ค้อนปะหลับปะเหลือก
“เออ... ตามใจ แต่ฉันไม่หามแกส่งหมอแล้วนะ”
เจ๊ต่ายรีบพาดำไปนั่งอย่างเอาใจ
“เอาเลยดำ อยากร้องเพลงอะไร ไม่ต้องหักโหมนะ”
ออยแอบสบตากับแนทและแอ๋มอย่างหมั่นไส้
ข้าวนอกนา ตอนที่ 14
ไฟบนเวทีสว่างขึ้น ดำออกมาร้องเพลงอย่างมีความสุข คนดูตบมือดังลั่นอย่างชอบใจ บางคนลุกขึ้นเต้นอย่างสนุกสนาน ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“ดำกลับมาแล้ว”
คนดูร้องพร้อมกัน
“เฮ...”
ซูซี่ขึ้นมาเต้นโชว์และร้องคู่กับดำ เจ๊ต่ายยืนดูอย่างปลาบปลื้ม
ออยเดินเข้ามาในห้อง อย่างเจ็บใจ
“ทำไมนังดำมันดูมีความสุขนักวะ”
แนทคิดๆ
“สงสัยมันช่วยไอ้พันออกมาได้แล้วน่ะสิ”
ออยสงสัย
“แต่ฉันไม่ได้บอกให้คุณธัชช่วยมันเลยนี่ แค่หลอกให้นังดำมากราบตีน”
แอ๋มสวนขึ้น
“มันคงมีคนอื่นช่วยน่ะสิ”
แนทตาโต
“หรือว่าเจ๊ต่ายให้เงินมันไปประกันตัว”
ออยส่ายหน้า
“ไม่มีทาง ทะเลเรียกพี่อย่างเจ๊ต่ายไม่มีทางให้มันยืมเงินหรอก”
ทั้งสามมองหน้ากันอย่างสงสัยไม่หาย
ดึกคืนนั้น ดำเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องพัก ก็ต้องแปลกใจและดีใจเมื่อเห็นสมพันธุ์นั่งกินมาม่าอยู่ในห้อง
“ฉันนึกว่าพี่พันจะกลับไปแล้วซะอีก”
“พี่กลับไปอาบน้ำที่บ้านแล้ว”
ดำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“พี่พันกลับมารอฉันอีกเหรอ”
“พี่เป็นห่วงดำ ใจจริงอยากไปรับนะ แต่ไม่อยากเจอใครบางคน”
ดำมองเขาอย่างซาบซึ้ง เข้าไปเกาะแขนไว้
“ไม่ต้องหรอกจ้ะพี่พัน แค่พี่เป็นห่วงฉันก็ดีใจแล้ว”
“พี่อยากตอบแทนดำบ้าง กินอะไรมาหรือยัง กินมาม่าไหมล่ะเดี๋ยวพี่ทำให้”
“ไม่ต้องหรอก ฉันกินมาแล้ว ว่าแต่พี่เถอะ อยากกินอย่างอื่นอีกไหม”
“ไม่ล่ะแค่มาม่าก็พอแล้ว พี่กินอย่างอื่นไม่ค่อยลง นึกถึงตอนอยู่ในห้องขังแล้วยังแขยงไม่หาย”
ดำจับตัวสมพันธุ์ไว้พลางปลอบ
“อย่าไปคิดถึงมันอีกเลยพี่ ฉันจะไม่ยอมให้พี่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
สมพันธุ์พยักหน้า
“พี่ไม่อยากกลับห้องด้วย อยู่คนเดียวมันเงียบเหงายังไงบอกไม่ถูก”
“คืนนี้ค้างที่นี่ก็ได้นะพี่ ฉันยกเตียงให้”
“อย่าเลยดำ พี่ไม่อยากแย่งที่นอน ดำยิ่งป่วยๆ อยู่”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันนอนที่ไหนก็ได้”
“ไม่เอาๆ ดำไปอาบน้ำเถอะ พี่นอนที่โซฟานี่แหละ อย่ามาแย่งที่พี่เลย”
สมพันธุ์ล้มตัวลงนอนบนโซฟา ดำมองเขาอย่างเอ็นดู
จอร์จกลับเข้ามาในบ้าน นึกถึงดำอย่างเป็นห่วง หยิบมือถือขึ้นมากดหาเบอร์แล้วโทรออก...ดำอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงมือถือดังก็กลัวสมพันธุ์ตื่น
“ใครนะโทรมาซะดึกเลย เดี๋ยวพี่พันก็ตื่นหรอก”
ดำรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเปิดออกไป ดำออกมา เห็นสมพันธุ์พลิกตัวไปมาแบบคนงัวเงียถูกปลุกให้ตื่น ดำเห็นเบอร์ก็แปลกใจ ก่อนจะรับสาย
“ฮัลโหล ครูจอร์จเหรอคะ”
“อาการของเธอเป็นยังไงบ้างดำ”
“ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วค่ะ”
“เห็นซูซี่บอกว่าเธอไปร้องเพลงด้วย”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ มันไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“ฉันรู้ว่าเธอต้องดื้อไปจนได้ อย่าลืมกินยาก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะครูที่เป็นห่วง แล้วก็ขอบคุณเรื่องช่วยพี่พันด้วย”
“ไม่เป็นไร เทคแคร์นะดำ”
“ขอบคุณค่ะครู สวัสดีค่ะ”
ดำวางสายรู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาด แต่พอมองไปเห็นสมพันธุ์พลิกตัวอย่างหนาวเหน็บก็รีบไปหยิบผ้าห่มจากที่นอนตัวเองขึ้นมาห่มผ้าให้ สมพันธุ์ขยับตัวผวา พอเห็นเป็นดำก็ถอนใจอย่างโล่งอก
“ดำนี่เอง”
“ฉันทำให้พี่ตกใจเหรอ”
“นิดหน่อยน่ะ ตอนอยู่ในห้องขังเจอเรื่องไม่ค่อยดี”
ดำลูบผมของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวนะพี่พัน ฉันจะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับพี่อีก”
สมพันธุ์จับมือดำ แล้วสะอื้นออกมาเบาๆ
“ดำดีกับพี่จังเลย นอกจากพ่อกับแม่แล้วก็มีดำนี่แหละที่ดีกับพี่มากที่สุด ดำอย่าทิ้งพี่ไปไหนนะ”
“ฉันไม่มีวันทิ้งพี่หรอกพี่พัน ฉันจะดูแลพี่พันเอง”
ทั้งสองสบตากัน ดำมองใบหน้าสวยของสมพันธุ์ในความมืดอย่างหลงใหล เธอค่อยๆ ก้มลงไปจนหน้าชิดกับเขา ในความมืดทำให้สมพันธุ์มองข้ามสีผิวของดำไป เขาดึงผ้าเช็ดตัวของดำร่วงลงกับพื้นไป
วันรุ่งขึ้น...ดำนอนซบอยู่กับสมพันธุ์ งัวเงียตื่นขึ้น พอรู้สึกตัวนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น หัวใจของเธอลิงโลดและวาบหวามอย่างประหลาด ดำเงยหน้ามองสมพันธุ์ที่ยังหลับสนิทอยู่เคียงข้าง ด้วยความหลงใหลบูชา และความเป็นเจ้าของ รวมอัดแน่นอยู่ในหัวใจ ดำเอื้อมมือไปลูบหน้าเขาเบาๆ สมพันธุ์ขยับตัวเหมือนจะตื่น เธอจึงหยุดชะงักไว้แค่นั้น มองหน้าเขาอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะจูบปลายคางเขาเบาๆ คราวนี้สมพันธุ์รู้สึกตัวตื่น พอเห็นหน้าดำอยู่ใกล้ๆ เขาก็ทำท่าผงะและเหมือนจะเบนหน้าหนี เขินนิดๆ
“ดำ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
ดำเอื้อมมือปิดปากเขาไว้อย่างอ่อนหวาน
“ถึงยังไงมันก็เกิดขึ้นแล้ว มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะหัวใจของเราตรงกันก็ได้”
ดำซุกหน้าลงที่ไหล่ เขาขยับตัวหนี
“พี่จะไปแปรงฟันอาบน้ำก่อน”
แล้วสมพันธุ์ก็รีบผละไป ดำมองตามคิดว่าเขาเขิน รู้สึกว่าเขาน่ารักน่าเอ็นดูไปหมดทุกอย่าง
สมพันธุ์ซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วส่องกระจก เอาแป้งจากกระป๋องมาผัดหน้า ดำเข้ามากอดจากด้านหลังอย่างแสนรัก สมพันธุ์อึกอักเล็กน้อย พอผัดหน้าเสร็จก็เบี่ยงตัวจากไป
“หิวข้าวแล้ว”
“ฉันก็หิว ออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม แล้วดูหนังสักรอบ”
“อย่าเลย”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“พี่มีธุระต้องไปทำ”
“ธุระอะไรเหรอ”
“เรื่องงานน่ะ”
“แต่พี่ตกงานอยู่นี่”
สมพันธุ์อึ้ง ดำรู้สึกตัว
“ฉันหมายถึง...ไม่เห็นว่าพี่มีงานประจำที่ไหน”
“พี่ไปช่วยพี่ศักดิ์ขายของที่ตลาดนัดทุกวันเสาร์”
“แล้ว...แล้ว...พี่จะกลับมาอีกหรือเปล่า”
“เดี๋ยวค่ำๆ ขายของเสร็จพี่ถึงจะมา”
“พี่พันเก็บกุญแจสำรองที่ฉันให้ไว้เลยนะ พี่จะได้เข้าบ้านสะดวก”
สมพันธุ์พยักหน้า
“พี่ไปก่อนนะ”
ดำดึงแขนไว้
“พี่ต้องกลับมาอีกนะพี่พัน”
“ค่ำๆ นั่นแหละ”
สมพันธุ์รีบออกไป ดำมองตามด้วยความหวาดกลัวลึกๆ ในใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีก
เดือนมานั่งที่โต๊ะมหาวิทยาลัย ชะเง้อมองหาไวภพว่ามาหรือเปล่า ฝ้ายหันมาถาม
“มองหาใครเหรอเดือน”
“เปล่าหรอก”
เอ๋พูดขึ้น
“เมื่อวานอีตาไวมานั่งรอเดือนตั้งนาน”
เดือนดีใจ
“งั้นเหรอ”
ฝ้ายมองหน้าเดือน
“มาหลายรอบด้วย ถามจริงๆ เถอะ เดือนกับไวโกรธกันเรื่องอะไร”
เดือนหน้าสลดลง
“ไม่ได้โกรธหรอก เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ฉันไม่อยากให้มีแฟนตอนเรียน ฉันเลยอยากตัดใจจากเขา”
“โอ๊ย...เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ มันหมดยุคแล้วนะเดือน ที่พ่อแม่จะมากีดกันไม่ให้ลูกคบกับใคร”
เอ๋ถอนใจ
“พ่อแม่เขาหวง แกต้องเข้าใจ”
ฝ้ายแย้ง
“หวงยังไงวะ เดือนมันก็โตแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้แล้วนี่”
เดือนหน้าเศร้า
“พวกเธอไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ฉันมีบุญคุณกับฉันมากแค่ไหน ฉันไม่อยากทำให้พวกท่านไม่สบายใจ”
ฝ้ายสวน
“โห...เดือนแกเป็นลูกที่ประเสริฐจริงๆ สงสัยแกจะเกิดช้าไปหน่อยว่ะ สมัยนี้ไม่มีหรอก ที่ผู้ชายจะมานั่งรอจนแกเรียนจบแล้วค่อยคบกันหวังแต่งงานน่ะ”
เอ๋ขัด
“แกมองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่าวะฝ้าย”
เดือนยิ่งซึม มองไปเผื่อจะเห็นไวภพมานั่งรออีก แต่พอเห็นคนที่เข้ามาก็สีหน้าผิดหวัง...โจ้เข้ามาหาเดือนอย่างดีใจ
“มาแล้วเหรอครับน้องเดือน”
เดือนเบือนหน้ายิ้มให้โจ้ตามมารยาท
“ค่ะพี่โจ้”
โจ้จงใจพูดให้หวาน
“เมื่อวานไม่มา พี่เป็นห่วงแทบแย่ ถามในไลน์ก็ไม่ตอบ ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ”
โจ้เอามือแตะหน้าผาก เดือนผงะหนีเล็กน้อย
“ตัวยังร้อนอยู่เลย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ พี่เป็นห่วง”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่โจ้”
เดือนลุกขึ้นจะเดินออกไป โจ้รีบเข้าไปช่วยถือหนังสือให้
“พี่ช่วยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
โจ้เดินตามเดือนไป ฝ้ายกับเอ๋มองตามอย่างรู้สึกแปลกๆ
ดำนั่งเหม่อคิดถึงสมพันธุ์อยู่ในห้องพัก เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น เธอลุกขึ้นอย่างดีใจ
“พี่พัน”
ดำมองที่ช่องประตู พอเห็นว่าใครก็สีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตู
“ครูจอร์จ พี่หวาน”
จอร์จถือล่วมยาเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างดำ หายดีหรือยัง”
“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”
จอร์จหยิบอุปกรณ์ออกมา เอาหูฟังตรวจ ใจหวานเอาปรอทให้ดำอม
“แกนี่มันสิทธิพิเศษจริงๆ เลยนะ หมอมาตรวจถึงที่เลย”
ดำมองจอร์จอย่างรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ จอร์จเอาหูฟังออก ใจหวานเอาปรอทให้ดู จอร์จดูอย่างพอใจ
“ดีขึ้นเกือบเป็นปกติแล้วนะดำ”
“ได้กำลังใจดีน่ะซี่”
ดำยิ้มกริ่ม เอียงอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จอร์จลอบสังเกตดำระหว่างเก็บอุปกรณ์
จอร์จเข้ามาล้างมือในห้องน้ำ เขาชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่สวมแล้วของสมพันธุ์ที่อยู่ในตะกร้า จึงหยิบขึ้นมาดู เขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
จอร์จเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าไม่พูดไม่จากับใคร ใจหวานหันไปถาม
“หมอจะกลับแล้วเหรอคะ”
“ผมมีธุระ”
ดำรีบบอก
“หนูว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกันก่อน”
ใจหวานชวนจอร์จ
“อยู่กินข้าวกับดำมันก่อนไหมคะ”
“อย่าดีกว่า ผมต้องรีบไป”
จอร์จเดินออกไปโดยไม่ได้ล่ำลาดำ ใจหวานมองตามงงๆ
“ทำยังกับโกรธใครมา...แกไปว่าอะไรเขาหรือเปล่า”
“เปล่านะพี่หวาน ฉันก็อยู่กับพี่หวานตลอด ตอนมาถึงครูก็ยังพูดกับหนูดีๆอยู่เลย”
“สงสัยจะรีบจริงๆ งั้นฉันก็ไปก่อนนะ”
“จ้ะพี่หวาน ขอบคุณพี่หวานมาก ฝากขอบคุณครูจอร์จด้วย”
ใจหวานรีบตามจอร์จออกไป ดำมองตามอย่างสงสัย
ใจหวานตามจอร์จออกมาจนทันที่หน้าอพาร์ตเมนท์
“หมอเป็นอะไรไปคะ”
“เปล่านี่”
“แต่หวานว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับนังดำแน่ๆ ใช่ไหมคะ”
จอร์จได้แต่ถอนใจ ใจหวานมองอย่างเข้าใจ
“หมออย่าไปห่วงนังดำมากนักเลยค่ะ มันเอาตัวรอดเก่งกว่าที่คิดเยอะ ไม่งั้นมันจะโตมาได้ยังไงโดยไม่มีพ่อมีแม่”
จอร์จชะงักหยุดเดิน หันมาทางใจหวาน
“ถ้าดำมีใครช่วยอบรมมาตั้งแต่เด็ก ก็คงจะดีกว่านี้”
“แต่ที่ดำเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ทำให้มันเอาตัวรอดได้นะคะ”
“ดำเป็นคนขาดความรัก ก็เลยโหยหามัน ทุ่มเทให้กับมันจนอาจจะกลายเป็นความหลงไปโดยไม่รู้ตัว”
“หมอคงหมายถึงนังดำกับสมพันธุ์ มันหลงความหล่อของผู้ชายคนนี้จนหัวปักหัวปำ ไม่เห็นมันจะเคยยอมรับความรักความหวังดีจากหมอเลย”
จอร์จเดินออกไปเศร้าๆ ใจหวานมองตามอย่างสงสาร
เดือนอยู่ที่โต๊ะในมหาวิทยาลัย กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋าถือ เอ๋กับฝ้ายเดินเข้ามา
“จะกลับแล้วเหรอเดือน” เอ๋ถามขึ้น
“เรียนเสร็จแล้วนี่จ๊ะ”
ฝ้ายมองหน้าเพื่อน
“หมู่นี้กลับเร็วทุกวันเลย ชวนไปดูหนังกันก็ไม่ไป”
“พอดีคุณพ่อท่านเป็นห่วง อยากให้กลับบ้านเร็วขึ้นน่ะ ช่วงนี้ขอทำตัวดีให้ท่านสบายใจ ไปก่อนนะจ๊ะ”
เดือนกำลังจะเดินออกไป โจ้เดินเข้ามาขวางไว้
“น้องเดือนอย่างเพิ่งกลับนะครับ”
“มีอะไรเหรอคะพี่โจ้”
“พอดีคณะเราจะจัดงานคืนสู่เหย้า พี่อยากให้น้องเดือนช่วยร้องเพลงในงานด้วย”
“แต่ว่าเดือนต้องรีบ...”
โจ้สวนทันที
“น่า...นะครับ พี่ขอร้อง งานนี้ครูเจนขอมาเองเลยว่าอยากให้เดือนร้องเพลงด้วย ให้พี่มาช่วยพูดกับเดือน เดี๋ยวพี่จะพาเดือนไปพบอาจารย์ว่าท่านจะให้ร้องเพลงอะไรบ้าง และอาจจะเริ่มซ้อมวันนี้เลย”
เดือนลังเล ฝ้ายยุ
“ไปเถอะเดือน อาจารย์ขอมาเองเลยนะ ถือว่าทำเพื่อคณะเรา”
เอ๋เห็นด้วย
“นั่นสิ งานใหญ่แบบนี้ถ้าได้เดือนไปช่วยอาจารย์คงดีใจ เดือนร้องเพลงเพราะอยู่แล้ว จะเก็บไว้ฟังคนเดียวน่าเสียดายออก”
เดือนอึกอักลำบากใจ แต่ก็เกรงใจอาจารย์และรุ่นพี่
ข้าวนอกนา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ใจหวานเข้ามาที่บ้าน แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าพรพัฒน์อยู่ในบ้าน
“เสี่ย...ทำไมวันนี้มาเร็วจังคะ”
พรพัฒน์หันมามองอย่างไม่พอใจ
“มาเร็วไม่ได้หรือไง หมู่นี้อยู่ไม่ค่อยติดบ้านเลยนะหวาน ไปไหนมา”
“ไปช่วยงานมูลนิธิมาน่ะค่ะ”
“มูลนิธิของไอ้ฝรั่งนั่นน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ถามจริงๆ เธอคิดยังไงกับมัน”
“กับใครคะเสี่ย”
“ไม่ต้องมาทำเอ๋อ กับไอ้ฝรั่งนั่นไง”
“หวานแค่ศรัทธาเขา ก็เลยไปช่วยงาน ไม่มีอะไรอย่างที่เสี่ยสงสัยหรอกค่ะ”
พรพัฒน์บีบแขนใจหวาน
“อย่าให้รู้นะว่านอกใจฉันไปกกไอ้ฝรั่งนั่น”
“หวานไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะเสี่ย”
“คนอย่างเธอทำทุกอย่างได้เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ”
“เสี่ยดูถูกหวานเกินไปแล้ว เสี่ยนั่นแหละที่มองหวานเป็นแค่ของเล่นชิ้นนึงเท่านั้น”
ใจหวานสะบัดหน้าลุกขึ้นโกรธๆ พรพัฒน์ตามไป จับคางของเธออย่างแรงให้หันมา
“ทำไม ยอมรับความจริงไม่ได้เหรอ ที่เธออยู่กับฉันทุกวันนี้เพื่ออะไรล่ะ”
“ถ้าเสี่ยคิดว่าหวานอยู่กับเสี่ยเพื่อเงินอย่างเดียวละก็ หวานไปอยู่ของหวานเองก็ได้”
ใจหวานผลักพรพัฒน์ออกแล้วเดินหนี เขาตามไปดึงตัวกลับมา
“จะไปไหนเล่า”
“อย่ามายุ่ง”
“โธ่เอ๊ย...แค่นี้ทำเป็นน้อยใจไปได้ มา...ให้ชื่นใจหน่อยมา”
พรพัฒน์นัวเนีย ใจหวานดิ้นรน
“ปล่อยนะ หวานไม่มีอารมณ์แล้ว”
“ทำไม เดี๋ยวนี้เล่นตัวเหรอ หา...อีหวาน”
“บอกให้ปล่อย...”
พรพัฒน์ใช้กำลังบังคับผลักเธอลงบนโซฟา แล้วก้มลงซุกไซ้ ใจหวานเบือนหน้ากัดริมฝีปากอย่างพยายามอดกลั้น
จรูญศรีส่งเสียงเอะอะดังลั่นบ้าน
“ระวังๆ หน่อยสิยะ อย่าให้กระแทก กระเป๋าคุณจ้อยแพงๆ ทั้งนั้น”
จรูญศรีพาจ้อยเข้ามา โดยมีจิ๋มตามมาด้วย
“เข้ามาเลยจ้อย เข้ามาๆ”
“โจ้ยังไม่กลับเหรอแม่”
“ใช่ เห็นบอกว่าคืนนี้ที่มหาลัยมีกิจกรรม จะกลับดึกหน่อย”
จ้อยมองรอบๆ บ้านอย่างเบื่อๆ
“บ้านเรายังเหมือนเดิมเลยนะแม่”
“เหมือนเดิมซี่ จะให้เปลี่ยนอะไรมากมาย เปลืองเปล่าๆ”
“แล้วห้องจ้อยล่ะ”
จิ๋มหันมาบอก
“ห้องพี่จ้อยกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”
จ้อยชะงัก
“อ้าว...แม่ไม่เก็บห้องไว้ให้จ้อยเหรอ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าแกจะกลับมาอยู่เมืองไทย”
จ้อยค้อนจรูญศรีปะหลับปะเหลือก
“หนูก็ไม่คิดหรอก แต่แม่ก็ไม่น่าเอาห้องหนูไปเป็นห้องเก็บของนี่”
“ถ้าอยากได้ห้องคืนเดี๋ยวแม่จัดให้ อาทิตย์หน้าค่อยย้ายเข้าไป ตอนนี้นอนห้องยัยจิ๋มไปก่อน”
จิ๋มหน้าเหวอ
“อ้าว...ที่แท้ยกห้องจิ๋มให้พี่จ้อยเหรอแม่”
“แกไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้วนี่ จะหวงไปทำไม”
จิ๋มมองจรูญศรีกับจ้อยเซ็งๆ จ้อยหันไปหาจิ๋ม
“แกแต่งงานกับเจ้าสัวพันล้านแล้ว จะมางกอะไรกับห้องกระจอกๆบ้านนี้ล่ะนังจิ๋ม”
“ก็เผื่อจิ๋มเลิกกับเสี่ยกลับมาอยู่บ้านอย่างพี่จ้อยบ้าง”
จรูญศรีจ้องหน้าลูกสาว
“อย่าได้คิดเลยนะจิ๋ม แม่จับแกใส่ตะกร้าล้างน้ำแต่งกับเสี่ยโมเพราะอะไรแกน่าจะรู้ตัว”
“จิ๋มเบื่อนี่แม่ ตานั่นแก่จะเข้าโลงอยู่แล้ว คุยอะไรก็ไม่อัพเดทไม่รู้เรื่องสักอย่าง”
จรูญศรีเอานิ้วจิ้มหน้าผากจิ๋ม
“แกควรจะสำนึกบุญคุณของเขาไว้นะ ถ้าไม่ได้เสี่ยยอมมาแต่งแกก็จะกลายเป็นนังเด็กใจแตกท้องไม่มีพ่อ ได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยสบายๆ ยังจะบ่นอีก แกอย่าได้คิดเลิกกับเสี่ยเป็นอันขาด ไม่งั้นสมบัติสักบาทฉันก็ไม่ให้”
จิ๋มเถียงไม่ออก จรูญศรีหันมาทางจ้อย
“แล้วคราวนี้แกคิดจะมาทำมาหากินอะไร”
“ไม่ต้องห่วงว่าจ้อยจะเกาะแม่กินหรอกน่า จ้อยคุยกับเพื่อนไว้แล้ว”
จรูญศรีมองหน้าจ้อยอย่างไม่มั่นใจนัก
เย็นนั้น เดือนซ้อมร้องเพลงอยู่ในห้องซ้อมดนตรีของมหาวิทยาลัย โดยมีครูเจนคอยควบคุมดูแล ส่วนโจ้นั่งมองอย่างชื่นชม
“ร้องดีมากจ้ะเดือน แค่ปรับตรงช่วงท้ายให้คีย์สูงขึ้นอีกหน่อย จะได้จบแบบมีพลังประทับใจคนฟัง”
“ได้ค่ะ”
“หนูต้องมาซ้อมทุกเย็นนะ อีกสองอาทิตย์ก็วันงานแล้ว”
“แต่คุณพ่อไม่ค่อยอยากให้เดือนกลับดึกน่ะค่ะ”
“เอาไว้ครูจะไปขอกับคุณพ่อเดือนเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ เดี๋ยวเดือนคุยกับท่านก่อน”
“กลับดึกหน่อยได้ใช่ไหมจ๊ะ เมื่อก่อนหนูเป็นเชียร์ลีดเดอร์คงจะชินแล้ว”
เดือนอึกอักเล็กน้อย
“ได้ค่ะ เดือนจะพูดให้คุณพ่อเข้าใจ”
โจ้แทรกขึ้น
“ผมจะคอยดูแลน้องเดือนเองครับครู ไม่ต้องห่วง”
“ฝากด้วยนะโจ้”
ครูเจนตบบ่า โจ้เหลือบมองไปที่เดือนอย่างหมายมาด
ค่ำนั้น ดำเข้ามาในห้องแต่งตัวนักร้องด้วยมาดใหม่ ใส่วิกผมยาว แต่งหน้าจัดตัดกับสีผิว เสื้อผ้าสีฉูดฉาด ซูซี่อุทานออกมาอย่างตะลึงงัน
“โอ้มายก็อด คุณพระคุณเจ้า แม่เจ้าโว้ย ไปทำอะไรมาถึงได้สวยอย่างนี้วะดำ”
ดำหมุนตัวไปรอบๆ อย่างภูมิใจ
“สวยเหรอซูซี่”
“เซ็กซี่เวรี่กู๊ด นึกยังไงถึงลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนี้”
“ก็...คนมันกำลังมีความสุขนี่”
“มีความสุขหรือกำลังมีความรักกันแน่ว้า”
ดำยิ้มเอียงอาย
“เฮ้ย...เพิ่งเคยเห็นแกอายเป็นก็คราวนี้แหละ แหม...อิจฉาคนมีแฟนหล่อจริงๆ”
ออยเข้ามามองดำอย่างหมั่นไส้มาก
“ไม่นึกเลย บางคนมันยอมรับผู้ชายเหลือเดนจากคนอื่นแล้วยังมีความสุขได้”
แนทเสริม
“พวกกากๆ ไม่มีใครเอาเหมือนกันว่ะออย”
ดำย้อน
“ใครมันกากเหลือเดนกันแน่วะ ใช้แต่หน้าตาแต่งตัวโชว์อึ๋ม แต่ร้องเพลงเสียงเพี้ยน แก่ไปเซ็กส์เสื่อมก็โดนถีบหัวส่ง”
ออยเหยียดหยัน
“ถึงยังไงตอนนี้ก็มีผู้ชายเลี้ยง ไม่ต้องเลี้ยงผู้ชายโว้ย”
“ถึงจะดำก็ไม่ยอมเป็นเมียน้อยให้ผู้ชายเลี้ยงหรอกโว้ย”
ออยโกรธ
“อีดำนรกแตก อยากโดนอีกใช่ไหม”
“ก็ลองเข้ามาสิวะ อีเมียน้อย”
ดำกับออยมองกันแบบเขม่น เจ๊ต่ายเดินเข้ามา จึงทำเป็นแยกย้ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ว้าย...นังดำ แต่งตัวสวยๆ แบบนี้รีบขึ้นเวทีเร็วๆ คนดูรออยู่”
“แป๊บเดียวนะเจ๊ หนูขอตบแป้งอีกนิดนึง”
ดำหยิบแป้งพัฟฟ์ขึ้นมาตบแป้งเบาๆ
เจ๊ต่ายยิ้ม
“แหม...นังดำนี่เริ่มรักสวยรักงามขึ้นมาเมื่อไรวะ”
ดำยิ้มกับซูซี่อย่างรู้กัน ออยกับแนทแอบทำท่าจะอ้วกใส่กัน
เสียงดนตรีดังขึ้น ดำออกมาร้องเพลงหวานซึ้งอย่างอยู่ในอารมณ์รัก คนดูตบมือชอบใจ บางคนส่งเสียงวี้ดวิ้วแซว
“เฮ้ย...ดำร้องเพลงหวานๆ ก็เป็นว่ะ”
“ต้องหลับตาฟังถึงจะได้อารมณ์ ฮ่าๆๆ”
จ้อยยืนดูอยู่กับเจ๊ต่าย
“นี่เหรอดำที่เจ๊พูดถึง”
“เป็นไงล่ะ”
“เสียงดีแฮะ เสียแต่มันดำเกินไป แต่งยังไงก็ไม่ขึ้น แถมยังแต่งตัวจัด รสนิยมแย่”
“จ้อยก็จับมันแต่งใหม่สิ รับรองแฟนคลับมันมากกว่าเดิมแน่”
จ้อยมองดำอย่างพิจารณา
ดนัยธรนั่งกินข้าวด้วยสีหน้าหงุดหงิด เขมวรรณมองอย่างไม่สบายใจ ในขณะที่ขจิตพอจะเดาออกว่าดนัยธรหงุดหงิดอะไร
“ทำไมยัยเดือนยังไม่กลับมาอีก”
“แกโทรมาบอกว่าวันนี้ขอทำรายงานกับเพื่อนค่ะ”
“ทำรายงานภาษาอะไร ถึงได้ดึกป่านนี้”
“ใจเย็นๆ ค่ะนัย เดือนแกไม่ใช่เด็กเหลวไหลนี่คะ”
“หาข้ออ้างไปกับผู้ชายอีกล่ะสิ”
“ลูกเราเพิ่งหายป่วยนะคะ อย่าพูดอะไรที่กระเทือนจิตใจแกอีกเลย”
“ยัยเดือนได้ยินซะที่ไหน ผมพูดกับคุณสองคน”
ขจิตขัดขึ้น
“ยังมีหัวหงอกอยู่นี่อีกคนนึง”
“ผมไม่ลืมครับคุณแม่ แต่นี่เป็นเรื่องที่ผมกับเข็มควรจะสั่งสอนยัยเดือนในฐานะพ่อกับแม่”
ขจิตถึงกับสะอึก ไม่ชอบใจคำพูดของดนัยธร เขมวรรณเหนื่อยใจ
“เข็มกลัวว่าคุณจะเผลอไปต่อว่ายัยเดือน ทำให้ลูกสะเทือนใจอีกน่ะสิคะ”
“แล้วผมว่าอะไรหรือยัง แปลกจริงๆ เข็ม เดี๋ยวนี้ทำไมคุณถึงคอยจับผิดผมอยู่เรื่อย”
“ไม่ได้จับผิดค่ะ ฉันแค่เตือนเท่านั้นเอง เพราะหมู่นี้แกดูซึมๆ ไป ไม่เล่นหัวเหมือนเมื่อก่อน”
“มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะกลับบ้านดึกเลยนี่ ที่บ้านมีพร้อมทุกอย่าง ทำไมต้องไปทำรายงานข้างนอกด้วย ให้เพื่อนมาช่วยกันทำที่บ้านเราก็ได้ จะได้อยู่ในสายตา”
ขจิตเตือนดนัยธร
“ตานัยปล่อยๆ ลูกสาวไปบ้างเถอะ ตอนพ่อกับแม่เลี้ยงยัยเข็มก็ไม่ได้เข้มงวดเท่านี้”
“สังคมสมัยนี้มันเสื่อมทรามแค่ไหนคุณแม่ยังไม่รู้หรอกครับ”
ขจิตหลอกด่าดนัยธร
“ทำไมแม่จะไม่รู้ คนเดี๋ยวนี้น่ะเต็มไปด้วยโลภะ โมหะ โทสะ ราคะ ตัณหา หน้าไหว้หลังหลอก ขาดคุณธรรมในจิตใจ ทำอะไรไม่มีความละอายแก่ใจตัวเอง มีออกถมเถ”
ดนัยธรกระแทกช้อนส้อม
“ผมอิ่มแล้ว กินไม่ลง”
ดนัยธรกระแทกช้อนส้อมแล้วลุกออกไป ขจิตมองอย่างรู้แกว
“แทงใจดำละสิ”
เขมวรรณเหนื่อยใจ
“โธ่...คุณแม่คะ...”
ขจิตลอยหน้าลอยตาสะใจ เขมวรรณเครียด
ดนัยธรเดินออกมา เจอเดือนที่เพิ่งกลับมาพอดี เธอยกมือไหว้พลางมองหน้าพ่ออย่างหวาดๆ
“คุณพ่อ”
“ยังจำได้เหรอว่ามีพ่อรออยู่ที่บ้าน พ่อกินข้าวไม่ลงเลย เป็นห่วงว่าทำไมถึงกลับดึกนัก”
“เดือนขอโทษค่ะ โทรบอกคุณแม่แล้วว่าต้องอยู่ทำรายงานกับเพื่อน”
“รายงานบ้าบออะไร ทำไมต้องทำจนดึก”
“คือ...พอดีต้องส่งพรุ่งนี้เช้าค่ะ เลยต้องรีบทำให้เสร็จ”
“อย่าให้รู้นะว่าไปทำอย่างอื่น”
เดือนถอนใจ ทำให้ดนัยธรยิ่งหัวเสีย
“พูดแค่นี้ก็หงุดหงิดใส่พ่อแล้วเหรอเดือน”
“เปล่านะคะ เดือนไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษค่ะถ้าทำให้คุณพ่อเข้าใจผิด เดือนขอตัวก่อนนะคะ”
เดือนเดินหนี ดนัยธรเดินเข้าหาจะจับไหล่ให้หันมา แต่เขมวรรณเดินเข้ามาเสียก่อน
“ทานอะไรมาหรือยังจ๊ะลูก”
“ทานมาแล้วค่ะ”
“ดูหน้าตาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะ แล้วลงมาทานขนมกัน”
“ค่ะคุณแม่ ขอบคุณค่ะ”
เขมวรรณพาเดือนเลี่ยงไป ดนัยธรมองตามยิ่งหงุดหงิดไม่พอใจ
ใจหวานร้องเพลงอยู่บนเวที แต่ไม่ค่อยมีสมาธิ เพราะมองไปเห็นภาพบาดตาตรงหน้า...เสี่ยพรพัฒน์กำลังนัวเนียกอดสาวโคโยตี้ทั้งสองข้าง หอมคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างเจ้าชู้ ใจหวานส่งสายตาไปเตือนว่าเริ่มทนไม่ไหว แต่เสี่ยพรพัฒน์กลับมองเยาะๆ และทำท่าไม่สนใจ
“ร้องเพลงภาษาอะไร นังหวานนี่ ยิ่งแก่ยิ่งไม่ได้เรื่อง”
อิ๊บออดอ้อน
“วันหลังก็ให้อิ๊บไปร้องแทนสิคะ”
พรพัฒน์จับคางอิ๊บ
“แน่นอนจ้ะ เสี่ยใกล้จะปลดระวางมันเต็มทีแล้ว”
ใจหวานร้องเพลงจบ จงใจมองไปที่พรพัฒน์แล้วประกาศ
“เพลงที่จบไปเมื่อกี้ขอมอบให้ผู้ชายหัวงูหน้าหม้อทุกคนนะคะ”
คนดูหัวเราะขำเพราะนึกว่าเป็นมุก ใจหวานมองสบตากับพรพัฒน์ เขามองอย่างไม่พอใจ
ดำรีบเก็บของแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นมาด้วยท่าทางรีบร้อน
“ฉันกลับแล้วนะซูซี่”
“เดี๋ยวสิดำ จะรีบไปไหน ไม่ออกไปด้วยกันล่ะ”
“ไม่เอาละ ขี้เกียจรอ”
“จะรีบกลับไปหาใครล่ะซี้”
ดำยิ้มเขินๆ ไม่ตอบ
“เออว่ะ เพิ่งเคยเห็นแกเขินครั้งแรกก็วันนี้ มองไม่ออกว่าแดงหรือดำ”
“นังซูซี่”
“ล้อเล่นน่า ไปๆ รีบกลับเถอะ เดี๋ยวแฟนจะรอนาน”
“เออ แล้วเจอกัน”
ดำรีบออกไป ซูซี่มองตามขำๆ