อาญารัก ตอนที่ 13
ขณะนั้นทองจันทร์กับเทิดศักดิ์ นั่งรอกินอาหารที่เนียนกะเนื้อทองจัดหาอยู่บนเรือน เทิดศักดิ์พูดประจบเอาใจ
“ผมอยากกินข้าวกับคุณย่า”
“โกหก..แกอยากกินกับคนอื่น แต่ดันเอาชื่อย่ามาอ้างเพื่อให้ตัวแกดูดีดูรักย่า หาคะแนนแบบขี้โกงนี่นา” ทองจันทร์รู้ทัน
“แหม คุณย่าครับ ผมน่ะรักคุณย่า กลัวเกรงคุณย่ามากกว่าใครในบ้านนี้นะครับ”
“ย่ะ...ลองใครในบ้านนี้ไม่กลัวย่าสิยะ เห็นดีกัน เออ แม่แกแน่ะ มันอาจแกล้งกลัวย่าไปงั้นๆ แหละ แกโตแล้วเตือนแม่แกบ้าง เลิกอาฆาตบาดหมาง คนโน้นคนนี้สักที”
“ครับ...คุณย่าผมเตือนแล้วหลายครั้ง”
“โดยเฉพาะ นังต้นห้องนั่น ย่าว่ามันงูเห่าชัดๆ ระวังมันจะทรยศแม่แกสักวัน”
“นั่นผมก็เตือนแล้วเตือนอีก แต่คุณแม่ท่านรักของท่าน ผมทำอะไรไม่ได้ต้องให้คุณแม่เจอเองเถิดครับ แต่เชื่อขนมกินได้ ไม่มีใครเก่งเกินคุณแม่ นอกจากคุณย่า คุณย่าเก่งที่สุด”
“เอ้า แกละมันช่างพูด นี่ ทำไมไม่ขอย้ายมาอยู่อำเภอเมืองบ้านเราสักทีเล่า ย่าไม่อยากให้แกเดินทางข้ามอำเภอตอนกลางคืน เกิดมีเหตุร้ายอะไรขึ้นมา ใคร๋จะช่วยทัน”
“เหตุร้าย มากๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องเจอเสือหนักเข้าแหละครับ”
เนียนกับติ๋วถือสำหรับอาหารเข้ามาพอดีได้ยินท้ายประโยคว่าเสือหนัก เนียนหน้าเสีย เนื้อทองก็จ๋อยแอบมอง
หน้าแม่แล้วสงสาร
ทองจันทร์แอบหยิกเทิดกระซิบดุ “พูดจาเอะอะมะเทิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ พูดจาให้คนอื่นสะท้อนหัวอก มาเนียน ยายติ๋วเอาอะไรมากิน มามานั่งกินด้วยกัน”
เทิดจึงรู้ว่า สองแม่ลูกมา รีบหันไปทันที รู้ว่าย่าดุทำไม รีบประจบสองคน
“ไม่เสียเที่ยวที่มารอขอกินอาหารอร่อยก่อนไปสวนแตง ลาภปากแท้ๆ”
สองแม่ลูกวางอาหาร แล้วจะถอยออกไป
“นี่ยัยสองแม่ลูก แกอย่ามาทำไขสือ บอกว่ากระไรให้มานั่ง รึจะยืนกินข้าว ทำท่าจะมากล้าขัดคำสั่งชั้นรึ”
เนียนกับเนื้อทองสบตากัน เทิดศักดิ์กระเถิบที่ให้นั่ง กบแมวเดินตามเนียนกับเนื้อทองมาแอบยิ้มหัวเราะกันคิกคัก
ช้อยมาตามเทิดศักดิ์ แอบมองวงกินข้าวบนเรือน สีหน้าไม่พอใจ
“หน็อยแน่ะ นังสองแม่ลูกบังอาจตัดหน้าคุณสน กินข้าวกับคุณเทิดศักดิ์”
ช้อยใจชั่วรีบหันกลับไปรายงานนายใจบาป
สนนั่งโบกสำรับ ไม่ให้แมลงวันตอม ช้อยพรวดมาเบรกตรงหน้าอาหาร
“นังช้อย บอกให้ไปเชิญคุณเทิดศักดิ์มากินอาหารก่อนกลับสวนแตง ทำไมวิ่งทำหน้าตื่นมาเหมือนหมาถูกบังคับให้ขี่จักรยาน”
“ยังไม่ทันเอ่ยปากเชิญ ไปถึงก็เจออีสองแม่ลูกนั่นมันเชิญทั้งตาทั้งปาก นั่งลอยหน้ากินข้าวกันเฉิบๆ แล้วเจ้าค่ะ คุณสน ช้อยละจนใจ”
“ต๊าย...มันบังอาจ ชั้นจะไปเตะสำรับมันให้กระจาย กระจุย”
“คงต้องเสี่ยงมากเจ้าคะ งานนี้ช้อย ไม่ไปลุ้นนะเจ้าคะ เสียวโดนตบด้วยน้ำพริกปลาทูเจ้าค่ะ คุณสนก็ควรสำเหนียกไว้ด้วยเจ้าคะ”
“ให้มันรู้ไปว่าบ้านนี้มีใครกล้าหือกับคุณนายสน”
“ใครที่ว่านั่น คือคุณท่านไงเจ้าคะ หัวร่อเอิ๊กอ๊าก ราวกับยินดีต้อนรับ นังเนื้อทองเป็นหลานสะใภ้เอกเจ้าค่ะ”
สนชะงัก แต่ก็ชักสีหน้า ปัดสำรับของตัวเองกระจาย แล้วเดินปึงปังลงเรือนไป ช้อยมองตาม
“นั่นคุณสนจะไปคว่ำสำรับคุณท่านจริงๆ หรือเจ้าคะ ช่างกล้าหาญชาญสมร”
ฟากเรียมกำลังหว่านล้อมขุนภักดี เรื่องฝากให้เนื้อทองไปเป็นครูโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด
“เอาอีกแล้วเรียม มาหลอกล่อให้พี่หลงกล ฝากลูกชู้ ไปเป็นครูที่โรงเรียนสตรีอีกจนได้”
“เมื่อไหร่พี่เทพจะเลิกเรียกหนูติ๋วว่าลูกชู้คะ ถ้าเกิดเป็นลูกพี่เทพจริงๆ ขึ้นมา พี่เทพจะเสียใจเจ็บใจตัวเองที่ไม่เหลียวแลลูกนะคะ”
“ช่างยอกย้อนเก่งจริงนะ ไปหัดวิชาสู้ผัวมาแต่ไหนกันรึ”
“ไม่ได้สู้พี่เทพ แต่สู้กับความอุยติธรรมค่ะ ฟังนะคะ ถ้าพี่เทพไม่ยอมฝากแก คนเขาจะนินทาเอาว่า ท่านขุนไม่เหลียวแลคนในบ้าน ปล่อยให้ไม่มีงานทำ”
“ได้ยินว่ามันเก่งกันนักหนา ทำไมไม่ไปสมัครเอาเอง ทำไมต้องมาขอร้องให้พี่ไปฝากฝัง พี่ละเบื่อไอ้ประเพณีเส้นสายใยโยงลูกคนโน้นหลานคนนี้ เรียมนี่ชอบเจ้าหน้าเจ้าตากับสองแม่ลูกนี่แท้ๆ รึว่ามันพากันมาอ้อนวอน”
“ไม่ได้มีใครมาอ้อนวอนเรียมค่ะ เรียมก็แค่คิดจะช่วยให้เด็กกับแม่เขาลืมตาอ้าปากได้มากขึ้น”
“ตอนนี้พี่เห็นทั้งปากทั้งตาพวกมัน ระยิบระยับวับวิบกันจะตาย”
“อ้าวนี่พี่เทพแอบมองปากมองตาเนียน จนเห็นถนัดชัดแจ้ง ถึงเพียงนี้หรือ” เรียมแซว
“เอ๊ะ เรียม อย่ามาจ้องจับพี่ ต้อนพี่ให้จนมุมนะ แปลกคนแท้ๆ มีแต่เขาหึงหวงกลัวผัวจะไปรักไปหลงคนอื่น นี่กลับมาผลักไสให้ใยดีเขา”
“ถ้าเรียมหึงหวงแล้วจะทำสำเร็จหรือคะ เรียมถึงต้องปล่อยไป สมัยนี้ ยุคนี้ เขามีผัวเดียว เมียเดียว ถ้าพี่เทพนอกใจ เรียมไม่ยอมเด็ดขาด” เรียมหัวเราะขำตัวเอง แต่พูดไม่จริงจัง
“ไม่ไหวแล้ว พี่เตะปี๊บไม่ดังแล้วจ้ะ แต่ถ้าเตะคนน่ะดังแน่ เสียงมันร้องน่ะ”
จังหวะนี้สนพรวดพราดขึ้นมาฟ้อง
“พี่ขุนขา งามหน้ากันที่สุดในเมืองสุพรรณแล้วค่ะ หมวดเทิดศักดิ์ลูกชายขุนภักดีภูบาล หาสะใภ้เป็นลูกสาวเสือหนักชู้รักอดีตเมียขัดดอกมาให้เสื่อมเสียหายแก่วงศ์ตระกูลค่ะ”
ขุนภักดีหูผึ่ง “ว่ากระไรนะสน”
“เสื่อมเสียยังไง เหลวไหล ใส่สีตีไข่ให้มันเปรอะเปื้อนคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง” เรียมเอ็ด
“ก็ลองไปแวะเรือนคุณแม่ดูสิคะ ว่าที่นั่น มีงานกินเลี้ยงสั่งลาจนลืมแม่ตัวเอง เพราะไปหลงเสน่ห์ลูกชู้”
“คำก็ลูกชู้ สองคำก็ลูกชู้ รู้จริงหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจกันทั้งนั้น แบบนี้ ใครก็คงว่าใครมีชู้กันได้ แต่ไอ้คนที่อาจมีชู้จริง ใครก็จับมันไม่ได้”
สนอึ้งไป ทั้งที่เรียมพูดไม่ได้ตั้งใจว่าสน แต่สนกินปูนร้อนท้อง
“คุณพี่ว่าสนมีชู้หรือคะ”
“อย่ากินปูนร้อนท้องสิสน ชั้นไม่ได้เอ่ยถึงสนสักนิด”
“หยุดเรื่องชู้ เลิกพูดเรื่องนี้กันทีสน ไปเรือนคุณแม่กันเถิด”
ขุนภักดีมองหน้าเรียม เห็นเรียมตาเขียวใส่สน ที่รายนั้นไม่สะทกสะท้านแม้สักน้อย
บนเรือนคุณนายทองจันทร์ยามนั้น ทุกคนกำลังมีแต่ความสุข โดยเฉพาะเทิดศักดิ์ยิ้มย่องผ่องใสสุดๆ
“คุณย่าครับ ถ้าผมย้ายมาที่อำเภอเมืองบ้านเราเมื่อไหร่ จะให้คุณย่าไปขอหลานสะใภ้ให้นะครับ ผมอยากมีหลานให้คุณย่า”
เนียนหน้าซีดขาวก้มหน้างุด ทองจันทร์มองหน้าเนียนมองหน้าเนื้อทอง ที่ดูเหมือนจะไม่ร่วมมือด้วย
“ทำพูดดีไป อย่าคิดว่าหล่อรวย ลูกสาวเขากับแม่เขา จะเอาด้วยกับเรารึเปล่าก็ไม่รู้”
จังหวะนี้สนลิ่วนำหน้าท่านขุนกับเรียมมา กบกับแมวที่คิกคักกระซิบกัน
“แม่กับคุณพ่อเราน่ะไม่เอาด้วยแน่ๆ ตาเทิด แม่หมายตาลูกสาวท่านข้าหลวงเมืองอ่างทองไว้ให้แล้ว เชอะ..สะใภ้ลูกคนเลี้ยงหมูหลานชาวนาใครบ้าเอามาก็ตาถั่วแล้ว”
ทองจันทร์หันไปโต้ “อ้อ..แม่สนยะ แม่ไม่นึกย้อนบ้างหรือ ว่าท่านข้าหลวงท่านอาจตาไม่ถั่วเอาหลานกำนันเป็นหลานเขย มันห่างชั้นกับข้าหลวงมากย่ะ”
เนียนกับเนื้อทองเลยรีบอิ่ม ถอยจานข้าวของตัวเองออกมา เรียมยิ้มสบายอารมณ์
“เนียน หนูติ๋ว ทำไมรีบอิ่ม กบ แมวเอาจานมาสิ ชั้นหิวข้าวจะกินที่นี่ด้วยคน พี่เทพว่าไงคะ กินไปคุยกันไปเรื่องจะไปเปรยให้อาจารย์ใหญ่ฟังว่าหนูติ๋วจะไปสมัครสอนหนังสือที่โรงเรียนสตรี”
“โฮ๊ย..จะไปปรงไปเปรยอะไรกันทำไม ในเมื่อ แม่ตั้งใจจะยกที่ดินใกล้ๆ นั่น ให้ยัยติ๋วมันทำโรงเรียนของตัวเอง ไม่เห็นจะอยากให้มันไปง้อใคร”
สนหู่ผึ่ง ตกใจ “คุณแม่”
“คุณท่าน” / “คุณย่า”
เนียนกับลูกสาวเองก็ตกใจไม่แพ้สน แต่สนตกใจปนโกรธ
“เรามาหุ้นกันนะเรียม แม่หุ้นที่ดิน เรียมหุ้นตึกเรียน ยัยติ๋วหุ้นทำงานทำทุกตำแหน่ง สากกะเบือยันเรือรบ” ทองจันทร์ว่า
“พี่ดีใจด้วยนะคะ น้องติ๋ว”
สนยืนนิ่งแล้วหันตัวกลับลงเรือนไปอย่างฉุนเฉียว
“คุณแม่ไปเร็วจัง เดี๋ยวผมจะตามไปครับ”
“ทำไมไม่รอให้แม่ตายไปก่อนแล้วคิดตามเล่า ลูกอะไรใจดำ” สนโกรธทองจันทร์ พาลน้อยใจลูก
“เอ้า..เนียน ยัยติ๋ว ยังไม่รีบขอบคุณชั้นกับแม่เรียม แถมพ่อเทพอีกคน ในฐานะที่เขาจะไปฝากเรากับครูใหญ่ ฝึกงานไปพลางๆก่อน ก่อนที่จะสร้างโรงเรียนเสร็จ”
เนียนกับเนื้อทองก้มลงกราบ สามคนทีละคน ขุนภักดีหันไปกระซิบดุเรียม
“เรียมกับคุณแม่ร่วมกันมัดมือชกพี่อีกแล้ว”
“ตาเทิด แกรีบอิ่มแล้วรีบไปเอาใจแม่แกไวไวเข้า ก่อนที่ข้าวปลาอาหารบ้านแกจะโดนลมริษยาอาละวาดใส่เอาสำรับกระจาย”
เทิดศักดิ์หน้าเสีย
อาหารหกเรี่ยราดนองพื้นเรือนชานบ้านสน จานชามแตกเละเทะ สนกำลังยกเท้าจะกระทืบลงไป
“ระวังเจ้าค่ะ เศษจานจะบาดเท้า การเหยียบข้าวเท่ากับล่วงเกินพระแม่โพสพบาปกินกบาล เอ๊ย กินศีรษะนะเจ้าคะ”
“อีช้อยหยุดนะ กูจะเขกกบาลมึงนั่นแหละ ลูกหนอลูก”
เทิดศักดิ์เดินขึ้นมาถึงบนเรือนพอดี
“หยุดเถิดครับ คุณแม่ ผมมาแล้ว”
“มาแต่ตัวหัวใจทิ้งไว้เรือนคุณย่า จะมาทำไม ลูกไม่รักแม่ ไม่สนใจใยดีแม่ แม่ช่างไร้ค่าในสายตาของลูกเหลือเกิน”
“คุณแม่มีค่าที่สุด ผมไปกินข้าวกับคุณย่า คุณแม่จะโกรธไปทำไมครับ”
“อย่านึกว่าแม่โง่เป็นควาย แกไปรอกินข้าวกับอีสองแม่ลูกนั่น อย่ามาอ้างคุณย่า แกมันไม่รักแม่มาตั้งแต่ตัวแกเท่าเมี่ยงแล้ว”
“ผมรัก เทิดทูนคุณแม่ เพียงแต่ว่าเราเข้ากันไม่ค่อยได้ เพราะคุณแม่ฟังคนอื่นมากกว่าฟังผม” พลางเทิดศักดิ์ปรายตาไปที่ช้อย “ผมไม่ทราบว่าคุณแม่รอกินอาหาร พอทราบผมก็รีบมาแล้วนี่ไงครับ”
“ก็แม่ให้นังช้อยมันไปตาม มันบอกว่า…”
ช้อยรีบหลบวูบ เทิดศักดิ์เข้าไปโอบแม่ สนค่อยมีสีหน้าดีขึ้น
“ใครบอกอะไรทำไมคุณแม่ต้องเชื่อหมดครับ มาสิครับ มากินข้าวกับผม แต่...เอ ทำไมสำรับอาหารมัน...”
“มันโดนฝีมือนังช้อย มันซุ่มซ่ามทำสำรับหกเลอะเทอะ”
“กรรมของอีช้อยอีกละ” ช้อยบ่นเบาๆ
“นังช้อย ไปจัดสำรับมาใหม่”
“หมดแล้วเจ้าค่ะ”
“อีช้อย หมดแล้วก็รีบไปทำมาใหม่”
“ตลาดวายเลิกขายแล้วนะเจ้าคะ”
“อีช้อย”
“ใจเย็นๆครับคุณแม่ โมโหบ่อยๆ หน้าแก่ง่ายนะครับ ยิ้มหน่อย ผมจะไปแล้ว ไม่ยิ้มก่อนผมไป เกิดผมเป็นอะไรไป คุณแม่เสียใจแย่นะครับ”
สนรีบยิ้มให้ลูกชาย กอดเทิดศักดิ์ไว้
หนักแอบฟังอยู่ด้านล่างในพงไม้ข้างเรือนถอนใจ ได้ยินแม่ลูกทะเลาะกัน
“อีสน อีช้อย มึงไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยสักที เทิดศักดิ์เอ๊ย ช่างน่าสงสาร มีแม่ก็เลวนรกส่ายหน้า มีพ่อก็ชั่วช้ายมบาลไม่ต้องการรับ”
สองคนทะเลาะกันต่อ เทิดศักดิ์เบื่อจะทะเลาะกับแม่
“ถ้าผมทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ ผมขอโทษ ผมไปนะครับคุณแม่” เทิดศักดิ์ไหว้แม่
“ระวังนะลูก ค่ำๆ มืดๆ ไอ้เสือหนักมันอาจมาปล้นเอาได้ เจอมันยิงมันให้ตายเลยนะลูก ตราบใดที่มันยังไม่ตายมันก็ยังเป็นหนามตำอกตำใจคุณพ่อ ให้อับอายขายหน้าว่าเป็นชู้กับเมียขัดดอก”
“ผมไม่อยากฟังเรื่องนี้ครับคุณแม่ ผมไม่เชื่อว่าน้าเนียนเป็นชู้กับเสือหนัก”
“แกว่าแม่โกหก แม่เห็นกับตาว่ามันกอดกันส่งแก้วแหวนเงินทองของคุณพ่อให้กัน”
“ไม่มีเหตุผลที่เสือหนักจะมาเอาของน้าเนียน ในเมื่อปล้นเขามาได้ตั้งแยะคุณแม่ตาฝาด คนที่มาอาจเป็นญาติน้าเนียนก็ได้” เทิดศักดิ์แก้ให้เนียนกะเสือหนัก
สนโกรธจัด “แกเห็นอีเนียนกับไอ้หนักดีกว่าแม่ ทำไมไม่ไปเกิดเป็นลูกมันซะ ขี้คร้านจะรังเกียจเดียดฉันท์อับอายขายหน้าเขาไปทั่ว ว่ามีพ่อเป็นโจร”
“ถ้าผมมีพ่อเป็นเสือหนัก ผมไม่รังเกียจเขาแน่ ยังไงผมก็เคารพเทิดทูนเขาในความเป็นพ่อของผม หรือคุณแม่อยากให้ผมไปเป็นลูกเขาจริงๆ”
สนอึ้ง จ๋อยไป
หนักยืนรำพึงถึงลูกอยู่ใต้เรือนสน
“ลูกช่างแสนดี แต่อีนรกนั่น มึงใส่ร้ายกู แช่งกู มึงอยากให้กูตาย ดีละมึงกับกูน่าจะตายพร้อมกัน”
หนักยืนน้ำตาซึม เสียงฝีเท้าเทิดศักดิ์ลงเรือนมา หนักแอบมองเห็นลูกชายเดินลงมา หยุดยืนด้านล่าง แล้วถอนใจส่ายหน้า ก่อนจะเดินจากไป
หนักมองขึ้นไปบนเรือน แค้นสนมาก
ในขณะที่สนยืนซึมอยู่บนเรือน ช้อยเก็บอาหารจนหมดแล้ว แต่ปากบ่นบ้าไปเรื่อย
“คุณสนไม่น่าไปท้าให้คุณเทิดไปเป็นลูกเสือหนักนะเจ้าคะ ชี้โพรงให้กระรอกแท้ๆ”
“ก็ชั้นหมดความอดทน แกดูลูกชั้นสิ ใส่ร้ายอีเนียนกับไอ้หนักเท่าไหร่มันไม่เห็นจะโกรธเคือง เชื่อกันบ้าง มีแต่แก้ตัวแทน”
“สัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นลูกกัน มันสื่อถึงกันมังเจ้าคะ อีแบบนี้คุณเทิดจะกล้าจับมันหรือเจ้าคะ”
จังหวะนี้มีใครคนหนึ่งโผล่ยันตัวมาจากหน้าต่าง แล้วเตะตะเกียงโครมให้ไฟดับ
“ว๊าย” ช้อยกะสนร้องลั่น
“โจรปล้น” สนตะโกน
“กูเอง กูที่พวกมึงแช่งด่า ใส่ร้ายป้ายสีกันทุกวี่ทุกวัน อีสน อีช้อย ผ่านไปเป็นยี่สิบกว่าปี มึงสองคน ยังสุมหัวกันกลั่นแกล้งคนอื่นไม่เลิก”
ขาดคำ หนักจิกหัวสนข้างหนึ่ง ช้อยข้างหนึ่ง สองคนร้องลั่น
“ปล่อยนะ” / “กลัวแล้วจ้ะ”
“ถ้ามึงสองคนกลัวกูจริง มึงอย่าได้มาเอ่ยชื่อกูว่าเป็นชู้กับคนดีๆ อย่างเนียน มึงอย่าได้ไปประณามว่าหนูติ๋วเป็นลูกชู้ ทั้งที่พวกมึงรู้อยู่ว่าเป็นลูกท่านขุน เข้าใจไหม”
“เข้าใจ” / “เข้าใจแล้วจ้ะ” สองคนรับคำ
หนักเหวี่ยงสองคนกระเด็นไปคนละทาง ฟุบไปกองคาพื้น
“มึงก็รู้อยู่ว่ากู ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ถ้ามึงสิ้นคิดอีก กูนี่แหละจะไปประจานมึงว่ากูเป็นชู้เจ็ดวันของมึง ลูกมึงก็ลูกกู มึงโดนท่านขุนเอาตายแน่”
สองคนก้มหน้าร้องไห้กระซิกๆ
ตกตอนกลางคืนเทิดศักดิ์ ขับรถมาตามถนนเปลี่ยวมุ่งหน้ากลับสวนแตง ถนนมืดมิด มีแต่แสงไฟรถของเทิดศักดิ์เท่านั้น และจากแสงไฟเทิดศักดิ์มองเห็นมีท่อนไม้ขวางอยู่
“เอ๊ะ...”
เทิดศักดิ์จำต้องจอดรถ แต่พอจอดเสร็จ ก็เห็นคนร้ายโผล่ออกมาสามคน พร้อมด้วยปืนที่เล็งมายังตน
“ลงมาจากรถ เอาเงินกับของมีค่าของมึงมาให้กูให้หมด” ที่แท้แช่มลูกชายช้อยนั่นเองที่มากับลูกกระจ๊อกอีกสองคน
เทิดศักดิ์ได้แต่มองปืนที่วางข้างตัว ไม่อาจหยิบได้ เพราะโจรมาประชิดรถ
“อย่าแตะปืน มึงตายแบบเผาขนแน่” แช่มขู่
เทิดศักดิ์จำใจลงมาจากรถ พอเทิดศักดิ์ลงมา หัวหน้าโจรซึ่งโพกหน้า ชะงักนิดหนึ่ง
“เอ๊ะ..เฮ้ย นี่นี่แก” แช่มจำได้ แต่ทำใจกล้าขู่ต่อ “เอามือไว้บนหัวนะมึง”
“ไม่จำเป็น แกจะเอาอะไรชั้นจะหยิบให้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าชั้นกลัวแกหรอกนะ คนอย่างชั้นไม่มีวันกลัวแก”
“อย่าพูดมาก เฮ้ย..ปลดของมันให้หมด” แช่มสั่งลูกน้อง
เทิดศักดิ์หยิบกระเป๋าเงิน โยนลงพื้น ถอดนาฬิกา
“กูรู้ว่ามึงมีสร้อยคอเส้นใหญ่ห้อยพระสมเด็จ” แช่มบอกอีก
เทิดศักดิ์สงสัย “เอ๊ะ...ทำไมแกรู้ เอาเถิดชั้นถอดสร้อยให้แก แต่พระสมเด็จนี่ขอไว้”
“ไม่ได้ กูจะเอาไว้กันเหนียว”
“พระอะไรก็กันเหนียวไม่ได้ ยกเว้น คุณธรรมความดีงาม กรรมเวรก็เช่นกัน สักวันคนอย่างแก ก็ต้องโดนเวรกรรมมากระชากลากดึงไปติดคุก”
“มึงอย่ามาแช่งกู ไอ้เทิดศักดิ์”
“แกรู้จักชื่อชั้น แถมรู้ว่าชั้นมีสร้อยคอ แกเป็นใครกันแน่”
“เงียบ..มึงไม่รู้หรือไงว่ากูไอ้เสือหนัก มึงสมควรตาย”
แช่มยกปืนเล็งไปจะยิงเทิดศักดิ์ จังหวะนี้มีเสียงปืนยิงสองนัด เทิดศักดิ์หลบแต่โดนเฉี่ยวล้มลง แช่มโดนเช่นกัน
ทรุดลงไป
“กูต่างหากไอ้เสือหนัก ไอ้ลูกหมาอย่ามาแอบอ้าง กูไม่ฆ่าคนเล่นเป็นผักปลาเหมือนมึง”
แช่มทรุดลงไปกับสมุน
“เสือหนัก โอ๊ย...ช่วยกูด้วย เสือหนักอย่าฆ่าชั้น”
แช่มทำท่าจะหนี หนักเดินไปกระชากหน้าแช่มออก
“หมวดเทิดศักดิ์ ดูหน้ามันให้เต็มตา แล้วนึกให้ออกว่ามันคือใคร”
เทิดศักดิ์มองไปทั้งที่มือกุมแขนแล้วจำได้ทันที
“นายแช่ม...ลูกยัยช้อย”
แช่มยกมือไหว้กราบเทิดศักดิ์ปลกๆ
“กระผมผิดไปแล้ว กระผมเมาสุรา อย่าให้เสือหนักฆ่าผมนะครับ”
“เมื่อกี้ทั้งที่มึงรู้ว่านี่คือลูกผู้มีพระคุณของมึง มึงยังคิดจะฆ่า พอเสียท่ามึงทำมาก้มกราบขอชีวิต เลวเหลือรับแท้ๆ เฮ้ย..ไอ้หมาสองตัวนั่นมึงลากลูกพี่มึงไปให้พ้นหน้ากู อย่าให้เจออีก กูจะฆ่ามึงให้หมด”
สองคนรีบลากแช่มที่ถึงขั้นฉี่ราด ออกไป หนักปราดไปที่ เทิดศักดิ์ที่โดนยิงที่ไหล่
“นายแช่ม ชั้นจะตามจับแกมาเข้าตะรางให้ได้”
“โชคดีที่ไอ้นั่นมันโจรห่วยๆ วันหลังอย่าวางปืนข้างตัว แต่เอาติดตัวไว้ตลอดเวลา ทนเจ็บนะ จะให้คนพาไปส่งโรงพยาบาล”
“เจอกันอีกแล้ว ทำไม ทำไม เสือหนักถึงช่วยชั้น ทำไมไม่เล่นงานชั้น”
“วันนี้เจอกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ ไม่ได้เจอกันในฐานะโจรกับตำรวจ แต่วันหน้าเชิญหมวด จัดการผมตามสบาย”
หนักมองมาที่เทิดศักดิ์ด้วยสายตาอาวรณ์และห่วงใย คล้ายมีน้ำตาคลอเบ้า เป็นประกายในความมืด จังหวะนั้นเสน่ห์เดินเข้ามา ขณะที่หนักเดินหายไปในความมืด เสน่ห์ประคองเทิดศักดิ์ไปที่รถ
“ขับมือเดียวไหวไหมครับ ผมจะเอาผ้ามาผูกห้ามเลือดให้ก่อน” เสน่ห์ หรืออดีต หมอเสน่ห์ บอก
“พอไหว”
เทิดศักดิ์ไม่วายมองไปทางหนักที่เดินหายไปในความมืด คาใจและประหลาดใจมากมาย
วันต่อมาขุนภักดี เอก และสนซึ่งท่าทีตื่นตระหนกมากกว่าใคร พากันมารับเทิดศักดิ์ที่โรงพยาบาล
สนร้องไห้โฮๆๆ ไม่อายใคร “แม่บอกแล้วว่าไอ้เสือหนักมันจะมาปล้นเอา ก็ไม่เชื่อแม่”
“เสือหนักมาช่วยผม แต่ไอ้คนที่มาปล้น คือนายแช่ม ที่คุณแม่บอกว่ามันคือญาติของเรา”
สน เอก และขุนภักดี ตกใจ อุทานลั่น “ไอ้แช่ม”
สนหน้าซีดขาวเป็นกระดาษ
“อุเหม่...นี่แม่สนชักศึกเข้าบ้านรึ พ่อจะส่งคนไปตามจับไอ้แช่มมาลงโทษให้ได้ เออ...พ่อไม่เข้าใจว่าทำไมเสือหนักมันมาช่วยลูก”
“ผมก็ไม่เข้าใจครับ เอ้อ...คุณพ่อครับคนที่เสือหนักให้พาผมมาโรงพยาบาล ให้ผมบอกคุณแม่ว่าเขาชื่อเสน่ห์”
เอกจะลึง “เฮ้ย”
สนทำท่าจะลมใส่ของจริงพึมพำกับตัวเอง
“พินาศแล้วไง มันไม่ตาย แถมไปอยู่กับไอ้หนัก”
“ผมจำได้ทีหลังว่าเขาคือสมุนเสือหนัก ที่ผม แดงน้อยกับคุณพ่อพบที่ถ้ำ” เทิดศักดิ์บอก ยังแปลกใจไม่หาย
“ครั้งนั้นก็คิดว่ามันจับลูกไปเย้ยพ่อ แต่ครั้งนี้ มันช่วยลูกเพื่ออะไร” ขุนภักดีงวยงง
“มนุษยธรรมไงครับ มันไปบวชเรียนมา มันเลยละลดเลิก มันไม่ได้ปล้นมานานแล้วนะขอรับ” เอกว่า
“ปล้นหรือไม่ปล้น คดีเก่าของมันไม่มีวันจบดอก มันต้องโดนตามล่าไม่ว่าจะตายหรือเป็นเท่านั้น” ท่านขุนบอก
“ดีค่ะ..พี่ขุน” สนเชียร์ใหญ่
เทิดศักดิ์แปลกใจไม่หาย
ขณะเดียวกันภายในห้องพักแดงน้อยที่เมืองนอก แลเห็นกระดาษจดมายพับอยู่บนโต๊ะ ส่วนแดงน้อยยืนทอดสายตายมองไปนอกหน้าต่าง เห็นดาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า
“กราบเท้าแม่แพรลุงโพล้ง ลุงสินที่เคารพรักผมเรียนจบปริญญาโท กำลังจะกลับบ้านหลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จแล้ว คิดถึงทุกคนมากเหลือเกิน หวังว่า คงมารับผมที่สนามบินกันทุกคน ผมไม่ได้เรียนจบธรรมดานะครับ ผมได้เกียรตินิยมดีมากด้วยครับ”
รักเคารพคิดถึงมากที่สุด
แดงน้อย
เนื้อทองมาหาเนียนในห้อง ที่ทองจันทร์กับเรียมจัดให้นอนด้วยกัน บอกข่าวเรื่องแดงน้อย
“จริงหรือลูก พี่แดงน้อยจะกลับมาเมืองไทยแล้ว”
“ค่ะ แม่เนียน พี่เทิดศักดิ์บอกหนูก่อนไปสวนแตง”
เนียนน้ำตาไหลรินอาบสองแก้ม “แดงน้อย จะกลับมาแล้ว”
“อ้าว แม่จ๋า หนูอุตส่าห์ขออนุญาตคุณย่ารีบมาบอกนึกว่าแม่จะหัวเราะดีใจ ทำไมแม่กลับร้องไห้”
“แม่แม่ดีใจ ดีใจมาก จนร้องไห้”
“แม่ ทำหนูอิจฉาพี่แดงน้อยแล้วนะคะ ตอนหนูจบกลับมาแม่เนียนไม่ได้น้ำตาไหลมากขนาดนี้”
“อย่าไปอิจฉาเขาเลย เขาไม่มีแม่คอยเหลียวแลรักใคร่เหมือนหนู แม่สงสารเขาจับใจ แม่ขอโทษที่ทำให้หนูเข้าใจว่าแม่รักใครมากกว่าหนู”
“หนูหยอกแม่เนียนเล่นน่ะค่ะ พี่แดงน้อยน่ารัก ดีกับแม่เนียนและหนูมาก หนูไม่อิจฉาเขาดอกค่ะ”
เนียนป้ายน้ำตายิ้มออก โอบกอดลูกสาว
“เขาจะกลับมาถึงเมื่อไหร่หรือลูก”
“พี่เทิดศักดิ์บอกว่า อีกไม่กี่วันนี้แหละค่ะ”
“คุณเทิดศักดิ์ หายดีแล้วหรือลูก”
“เกือบดีแล้วค่ะ คุณท่าน ท่านขุนให้พี่เทิดศักดิ์ ไปทำเรื่องย้ายมาประจำที่อำเภอเมืองแล้วค่ะแม่”
“แม่เห็นด้วยจ้ะ”
“โจรที่มาปล้นพี่เทิดศักดิ์ คือนายแช่มลูกป้าช้อย”
เนียนตกใจ “ตายจริง”
“แปลกมากกว่านี้อีกค่ะ คนที่มาช่วยพี่เทิดศักดิ์ คือเสือหนัก”
“ว่าไงนะ โธ่ เสือหนัก” เนียนน้ำตาไหลพราก สะอื้นไห้หนักกว่าเดิม
“ตกลงเสือหนักนี่เขาดีหรือเลวกันแน่คะ แม่เนียน”
เนียนส่ายหน้า พูดตัดบท “รีบไปอยู่กับคุณท่าน เถิดลูก ท่านจะรอ”
เนื้อทองออกไปแล้ว เนียนยิ้มมีความสุขทั้งน้ำตา
“พี่หนักคงคอยตามปกป้องคุ้มครอง ลูกของพี่ ตลอดเวลา เราสองคน มีกรรมเหมือนกัน มีลูกรักลูกแต่ไม่อาจแสดงตัว”
เนียนรีบไปที่หน้าต่างแหงนหน้ามองออกไป เห็นบนท้องฟ้ามีดาวกระพริบแสงแข่งกับพระจันทร์ที่ลอยเด่น
“ลูกแดงน้อยของแม่ เรียนสูงสมใจลุงหนักและแม่ ลูกแม่จบปริญญาโทเก่งเหลือเกิน”
เนียนน้ำตาไหลพรากเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติต่อไป
ที่เรือนเล็ก สองนายบ่าวใจทรามนั่งเครียดอยู่ด้วยกัน สนกับช้อยวิตกเรื่อง เสือหนัก แช่มและเสน่ห์
“ไอ้หนักมันแอบตามปกป้องเทิดศักดิ์ สักวันเถิด ความแตกแน่ พี่ขุนคงกระทืบชั้นจมดิน”
“ช้อยสิเจ้าคะ จะโดนกระทืบจมนรก ไอ้แช่มเลวระยำสุนัข ดันไปปล้นคุณเทิดศักดิ์”
“จริงสิ ลูกแกมันชั่วมาก มันจะฆ่าลูกชั้น”
สนโมโหตบหน้าช้อยโดยแรง
“ช้อยไม่รู้เห็นเป็นใจกับมันนะเจ้าคะ คุณเทิดศักดิ์ ลั่นวาจาไว้ ว่าจะตามล่ามันให้ได้ โอ๊ย..ช้อยกลัวมากเจ้าค่ะ”
“ชั้นสิกลัวมากกว่าแก เออ...ชั้นทนไม่ได้ที่เห็นอีสองคนนั่นมันสร้างโรงเรียนให้นังติ๋ว”
“ก็ต้องทนแหละเจ้าค่ะ”
“ชั้นอยากไปดูโรงเรียนของมัน อีช้อย”
ช้อยส่ายหน้าแต่สนพยักหน้าทำตาดุ ช้อยจ๋อย
ตรงบริเวณสถานที่ก่อสร้าง ติดป้ายไว้ว่า “สถานที่ก่อสร้าง โรงเรียนอนุบาลเนื้อทองวิทยา” รถสามล้อคันหนึ่งแล่นมาจอด ก่อนจะเห็นสนกับช้อยลงมาจากรถ สามล้อไปจอดแอบๆ
“ดูดู๋นังช้อย ลูกกูยังไม่ทันได้แบ่งสมบัติจากอีแก่ทองจันทร์สักกระหยิบมือ แต่ลูกอีเนียนมันได้ไปแล้ว ทั้งโรงเรียน มันสุมหัวกันทั้งอีเรียม ทำไมนะ ขนาดมันเห็นจะๆ ว่าอีติ๋วลูกชู้ มันยังปันกันให้เพียงนี้ทำยังกะลูกตัวเอง”
“ถ้ามันรู้ความจริงว่าเป็นลูกท่านขุน สงสัยคุณเทิดศักดิ์ คงเหลือได้กระหยิบมือเดียวเองเจ้าค่ะ” ช้อยบอก
สนเดือดปุดๆ “กูเดือดมาก เคืองมาก จนสุดทนแล้ว ไหนขี้หมาที่แกห่อใบตองมาอยู่ไหน”
“นี่เจ้าค่ะ แต่ว่าจะดีหรือเจ้าคะ ถ้าใครมาเห็น คุณสนกำลังเอาขี้หมาปาป้ายชื่อโรงเรียน”
“กูไม่ปา แต่มึงนั่นแหละปา เดี๋ยวนี้อีช้อย ไปให้ไวไว กูจะยืนสวดมนต์แช่งให้มันพินาศ ประกอบพิธี”
ช้อยเดินไปท่าทีไม่มั่นใจนัก ส่วนสนยืนพนมมือสวดแช่ง
ขณะที่เนื้อทองเดินออกมาหน้าโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด เจอเทิดศักดิ์ยืนหล่อรอยู่ข้างรถ
“สวัสดีครับคุณครู ผมร้อยตำรวจโทเทิดศักดิ์ ภักดีภูบาลมารายงานตัวครับผม” เทิดศักดิ์วันทยาหัตถ์ด้วยท่าทางแข็งขัน
เนื้อทองเขินอายรีบยกมือไหว้ “เพิ่ง มาจากสวนแตงหรือคะ”
“มาจากโรงพักอำเภอเมืองครับ ผมเพิ่งย้ายมาวันนี้ครับผม”
“ดีใจด้วยค่ะ ที่จะได้กลับมาบ้าน”
“แต่พี่ดีใจที่ได้เห็นหน้าคุณครูทุกวัน วันละสามเวลา ยกเว้นแต่ว่า ไปล่าโจรครับ ผมจะไปส่งคุณครูต้องการไปไหนครับผม”
เนื้อทองอายเพราะเทิดศักดิ์พูดซะดัง แต่ก็เดินตามที่รถซึ่งเทิดศักดิ์เปิดประตูรถให้
อาญารัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
ทางด้านช้อยกำลังจดๆ จ้องๆ มีสนยืนพนมมือบริกรรม หรี่ตามองช้อยซึ่งบ่นงึมงำอยู่
“เดี๋ยวนี้เวลาทำความชั่วทีไรมือมันสั่น มันหวิว ยิ่งกว่าโดนจูบครั้งแรก ใจมันไม่นิ่ง”
“นังช้อย อย่ามัวเงื้อง่า ปาไปเลยสิ”
ระหว่างนี้มีคนงานเดินมาถึงพร้อมกับหมา เห็นช้อยลับๆ ล่อๆ
“มาหาใครรึ”
“ว๊าย มาหา มาหา เอ้อ...”
“คุณครูเนื้อทองรึ เดี๋ยวก็มา นั่นเอาอะไรมาให้คุณครูรึ”
“ปะ..ปะ..”
หมาเห่าโฮกโฮ่ง
“ว๊าย”
ช้อยตกใจวิ่งหนี ทำห่อขี้หมาหกใส่ตัวเลอะเทอะไปหมด พอสนเห็นช้อยวิ่งหนีหมามาพลอยตกใจไปด้วย
“แหวะ นังช้อย แกทำพลาดอีกแล้ว”
หมาเห่าโฮ่งๆ ไม่หยุด
สนวิ่งบ้าง เสียงแตรรถดังขึ้น สนกับช้อยหันรีหันขวาง กลางถนน แล้วมองไป
“คุณเทิดศักดิ์” / “นังเด็กติ๋ว”
สองคนในรถแปลกใจ เทิดศักดิ์เบรกรถกลางถนน
“คุณแม่” / “คุณนายสน”
ต่อมาไม่นานสนยืนหน้างอไม่พอใจที่เห็นเทิดศักดิ์มากับติ๋ว ช้อยยืนพะอืดพะอมอาเจียนห่างออกไป คนงานคุมหมาได้แล้ว
“คุณแม่มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“เปล๊า...แค่ผ่านมา เห็นว่าโรงเรียนสวยดี ก็เลยจอดแวะดู”
“คุณครูครับ ผู้หญิงคนนั้นครับ กำลังจะเอาห่ออะไรมาขว้างใส่ป้ายชื่อโรงเรียน พอไอ้ด่างมันวิ่งมาโฮกใส่ ตกใจทำถุงตกใส่ตัวเอง ขี้หมาทั้งนั้น” คนงานบอก
เนื้อทองนิ่งเงียบไป เทิดศักดิ์มองไปที่ช้อยตาเขียวปั้ด สนรีบปฎิเสธ
“แม่ไม่เกี่ยว แม่มาของแม่ นังช้อยมันมาเองคนเดียว ไม่เกี่ยวไม่ข้องสามล้อจ้ะไปกันเถิดจ้ะ”
สนเดินไปนั่งสามล้อ สามล้อขี่ออกไป พึมพำกับตัวเอง
“ไอ้ลูกไม่รักดี”
ช้อยยืนอ๊วกไปร้องไห้ไป
“ยัยช้อย อย่าให้ใครเห็นแกเข้าใกล้โรงเรียนนี้ใกล้กว่าร้อยเมตรทีเดียว จะให้เขาสั่งหมากัดให้ลิ้นขาด พูดจาส่อเสียดไม่ได้ไปตลอดชาติ”
“เอ้อ พี่เทิดศักดิ์คะ หนูขอเข้าไปดูความคืบหน้าการก่อสร้าง ข้างในก่อนนะคะ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
“พี่มาส่ง และพี่จะรอรับกลับบ้านด้วยค่ะ ไปดูอะไรพี่ไปด้วย”
เทิดตามติดเนื้อทองไปทันที
“คุณสนเขวี้ยงกรรมใส่หน้ากันอีกแล้ว ฮือๆๆ ไม่ถึงวันกูล้างแค้นบ้างให้มันรู้ไป ไม่รู้หรือยังไงว่ากูอยู่เพราะสิ้นหนทาง ไม่ใช่อยู่เพราะภักดีมึง”
กลับมาถึงเรือน สนนั่งตาขวาง ตบหน้าช้อยที่ล้างตัวแล้ว
“จะร้องไห้หาพ่อหาแม่แกที่ไหนกัน อีช้อย หรือว่าแกอยากหาไอ้หนัก”
ช้อยร้องไห้ไม่เลิก “ช้อยเจ็บกระดองใจ เอะอะตบ เอะอะตี เผลอนิดด่า เผลอหน่อยถีบ ช้อยก็มีหัวใจนะเจ้าคะ คุณสน”
“แกไม่ต้องมาร้องแรกแหกกระเชอ แกไปไม่รอด หนีไอ้หนักกับไอ้เสน่ห์หัวซุกหัวซุน ลูกชายแกหนีทหาร ชั้นช่วยเอาไว้ พระคุณชั้นท่วมหัวแกแกไม่มีสิทธิ์โวยวายจำไว้” สนทวงบุญคุณ
“จำมากมายที่สุดในชีวิตแล้วเจ้าค่ะ” ช้อยประชด
“แกอย่ามาประชดนะนังช้อย แกคอยดูนะ อีนังติ๋วมันไม่ได้ สบายใจไปตลอดหรอก อีเด็กโง่ ทานตะวันกำลังจะกลับมา ชั้นจะให้มันจัดการ อีสองแม่ลูกนี่ต่อไป”
“อย่าหาว่าช้อยสาระแน เลยนะเจ้าคะ เราเข่นฆ่ามันมา ยี่สิบกว่าปีที่ได้มาคือโค่นมันไม่ลง แถมเรากลับเจริญลง มันเจริญขึ้น ทุกที ช้อยว่า เวรกรรมมันโดนลมพัดลมเพเหหันกลับมาหาเราหรือเปล่าเจ้าคะ ทางไปของเราเหลือน้อยสายและแคบลงทุกที อีกหน่อยก็ถึงทางตัน”
สนตวาด “หุบปากนะ คนอย่างชั้น มันไม่มีวันจนตรอก ถ้ากูจนตรอก กูกัดดะ ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรม และคนแรกที่จะโดนคือมึง ถ้ามึงบังอาจทรยศกู”
“อย่าลืมว่าไอ้หนักมันเพิ่งมาเล่นงานเราไปวันก่อน นี่เผลอๆ มันอาจมาแอบฟังอยู่ข้างล่าง”
สนกรี๊ด “ว๊าย ..ใครใช้ให้แกเอ่ยถึงมัน”
“ก็มันน่ะยังกับขอมดำดิน ไปไหนมาไหนเหมือนล่องหนหายตัวได้” ช้อยกระซิบ “ต่อไปนี้พูดจาอะไรอย่าให้เอ็ดอึง กระซิบกระซาบกันเข้าไว้เจ้าค่ะ”
สนเค้นคำกริซิบคำราม “มึงนั่นแหละทรยศกูวันใด มึงตายอย่างหมาอีช้อย”
สนส่งสายตาอำมหิตดุดันใส่ช้อย ที่เห็นแล้วหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ
ฝ่ายเทิดศักดิ์พาตเนื้อทองมาในย่านค้าขายของเมืองสุพรรณ จอดรถไว้ริมถนน
“พี่เทิดรอสักครู่นะคะ หนูขอตัวลงไปซื้อ ของไปฝากคุณย่า คุณนายแม่ กับแม่หนูแป๊บเดียวเองค่ะ”
“ฝากกันใหญ่ ทำไมไม่ฝากพี่บ้าง”
“แหม...หนูไม่บังอาจหรอกค่ะ”
เนื้อทองเดินไปจนพ้นแล้ว เทิดศักดิ์มองไปเห็นสิน ที่เดินเหมือนรีบร้อนมาก
“คุณลุงสินครับ” เทิดศักดิ์ดีใจมาก
หนักหันมาเห็นเทิดศักดิ์ยิ้มอย่างดีใจ แต่ก็หันไปมองด้านหลังนิดหนึ่ง
“เทิดศักดิ์” หนักในคราบสินผวามาเหมือนทำท่าจะจับแขนที่โดนยิงพลางจ้องแขน
“ดีใจมากครับ ที่พบคุณลุง แดงน้อยกำลังจะกลับมาแล้ว คุณลุงทราบใช่ไหมครับ”
“ทราบแล้ว ดีใจกับทุกคนจริงๆ ช่างเป็นเด็กดี และประสพความสำเร็จกันทุกคนเป็นตำรวจต้องใจแข็ง อย่าใจอ่อนตอนจับคนร้าย จะโดนมัน เล่นงานเอา”
“ครับ...ผมอาจใจอ่อนกับเสือหนักก็ได้ เพราะผมเคยเจอเขาสองครั้ง สายตาของเขาเป็นสายตาเดียวกับที่คุณลุงมองผม”
“อย่าไปสนใจสายตานั่น ทำตามหน้าที่ ลุงรับรองว่าหลานจับเสือหนักได้แน่”
จู่ๆ มีเสียงเหมือนเอะอะห่างมาจากอีกด้าน หนักมีทีท่าร้อนรนนิดหนึ่ง
“ลุงเพิ่งนึกได้ว่าลืมของเอาไว้ที่ร้านนั้น ลุงไปเอาก่อนนะ โชคดี”
หนักรีบร้อนออกไป
เทิดศักดิ์เชื่อสนิทว่าสินหรือหนักลืมของ ยืนรอเนื้อทองต่อไป
ในขณะที่ทองเดินออกมาจากร้าน เทิดศักดิ์เดินเข้ามาหา
“ขอโทษค่ะ ที่หนูช้า”
“น้องติ๋วไม่ได้ช้า แต่พี่จะมาดูว่าลุงสินแกลืมอะไรไว้ที่นี่แล้วได้ของคืนไหม”
“ลุงสินของพี่ ของพี่แดงน้อยน่ะหรือคะ”
เทิดศักดิ์หายไปในร้าน หมู่เติม ตำรวจท้องที่เดินออกมายืนเกาหัวไปมาที่หน้าร้าน
“หายไปไวเร็วจริงๆ”
เทิดศักดิ์เดินออกมาจากด้านในร้านสีหน้าแปลกใจ
“อ้าวหมู่เติม มาทำอะไรแถวนี้”
“มาตามหาผู้ชายคนหนึ่งแว้บๆ คล้ายกับว่าพูดจาอะไรกับหมวดน่ะครับ”
“อ้อ ลุงสิน ลุงเพื่อนรักของผมเอง หมู่มีอะไรหรือ”
“ผมเห็นเสือหนักครับ” หมู่เติมว่า
สองคนตกใจมาก “อะไรกัน”
หมู่เติมบอกอีก “มันมาพูดกับหมวด”
“ไม่ใช่หรอก” เทิดศักดิ์บอกด้วยท่าทีจริงจัง
หมู่เติมเลยไม่แน่ใจ “หรือว่าผมจำหน้าคนผิด”
“คงใช่น่ะ หมู่ไปสิ รีบไปตามหาเสือหนัก”
เทิดศักดิ์กับเนื้อทองเดินออกไป
จังหวะนี้หนักปลอมตัวใส่หนวดใส่เครา เดินอยู่แถวริมถนน หมู่เติมส่ายหน้าแล้วเดินผ่านหน้าหนักไป
หนักยิ้มน้อยๆ ถอนใจโล่งอก ขณะพึมพำ
“ต่อไปนี้ คงต้องระวังตัวมากขึ้น ในการแอบตามดูเทิดศักดิ์”
หลายวันต่อมา วันนี้เรียมแต่งตัวสวยงาม ขุนภักดีมองยิ้มย่องผ่องใส
“สวยจริงเมียเรา สวยเสมอต้นเสมอปลายเหมือนนิสัยที่แสนดีไม่มีที่ติ”
“พี่เทพดีใจที่จะได้พบลูกสาวละสิคะ อารมณ์ดียกใหญ่”
สนแต่งตัวสวยเข้ามาสมทบอีกคน
“สนมาแล้วค่ะ จะขอกอดหนูทานตะวันให้หายคิดถึงค่ะ”
“อย่าทีเดียวนะ เราไม่กอดกันให้ใครเห็นในที่สาธารณะ กลับมากอดที่บ้านเถิดสน ชั้นอายเขา” เรียมบอก
“แหม คุณพี่เรียมละก็ นั่นมันประเพณีเก่าคะ สมัยนี้เขาจูงมือกันเดินตามถนนรนแคมกันยังกับกลัวหลงทาง”
“แม่สนอีกคนนี่ก็สวยไม่สร่างไม่ซามาเฮ้อ เมียเรา ไป ไปกัน ไอ้เอก”
“อยู่นี่ขอรับ เชิญขอรับ เชิญขอรับ”
“เอ๊ะ...ทำไมลูกเทิดศักดิ์ไม่ไปรับน้องกับเรา”
“ไปแล้วขอรับ ไปกับเอ้อ... หนูติ๋วขอรับ” เอกบอก
สนแทบทรุด “โอ๊ย...นี่ นี่ แกอย่าบอกนะว่ามันจูงมือกันไป จะด่ามันกลางสนามบิน”
“วันนี้วันดีนะจ๊ะสน ชั้นให้เทิดศักดิ์พาหนูติ๋วไปเองจ้ะ ได้ยินว่า แดงน้อยกลับวันนี้ จะได้ไปรับพร้อมกัน”
สนหน้าตึง แล้วทำเป็นกดท้อง
“โอ๊ย..สนปวดท้องกะทันหัน สนไปด้วยไม่ทันแล้วค่ะ สนขอตัว”
ขาดคำสนเดินกระแทกกระทั้นออกไป เอกมองตามยิ้มๆ
ขุนภักดียังอารมณ์ดี “แม่สนนี่สวยแต่ เซี๊ยวเฮี้ยวสะบัด ใช่ไหมจ๊ะ เรียม”
เรียมยิ้มๆ ไม่วิจารณ์กลับ
ขณะเดียวกันเนียนมาแอบฟังเรื่องติ๋วกับแดงน้อยที่หลังพุ่มไม้ข้างเรือนใหญ่ ยิ้มหน้าบานมีความสุขมาก
“ลูกแม่กลับมาจากนอกพร้อมกันทีเดียวสองคน อะไรมันจะงดงามปานนี้ แดงน้อยของแม่ หนูอี๊ดของแม่”
สนเดินพรวดมาแทบชนเอากับเนียนที่กำลังจะเดินกลับพ้นพุ่มไม้ไป
“ว๊าย นังแพศยา มาทำบ้าอะไรแถวนี้”
“เอ้อ ชั้น...ชั้น…”
“แกมาแอบดูแอบฟังพี่ขุน แกมีเจตนาร้ายอะไรบอกมานะ”
“ชั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอกค่ะ คุณสน ชั้น แค่ผ่านมาได้ยินเรื่องราวน่ายินดี”
“แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมายินดีกับพวกชั้น ไม่เจียมกะลาหัว”
ทองจันทร์เดินมา โดยมีกบ แมวประกบ
“โอ้โห..เสียงใครหนอใหญ่โตโอ่โถงคับบ้านชั้น ด่าคนกลางวันแสกๆ ไม่เจียมปากเจียมใจ ไร้มารยาท บ้านผู้ดีไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พูดจาหยาบคาย”
สนยืนนิ่ง เนียนก็ตกใจ ทองจันทร์มาถึงแล้ว
“อ้าวแม่สน นี่เอง นึกว่านางยักษ์ขมูขีที่ไหนมาหวีดหวาด มีอะไรกันยะ เนียน โดนหมากัดเอารึเปล่า”
“เปล่าเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรดอกเจ้าคะ”
“แต่ชั้นรู้ว่ามีอะไร เมื่อตะกี้ แม่สนด่ากบาลใครยะ”
“สนด่าลอยลมค่ะ ไม่เจาะจงว่ากบาลใคร ค่ะคุณแม่”
“ลมมันแรงนะยะ ด่าไปจะไม่พ้นตัว เพราะลมมันหวนกลับ เข้าตัวเอง จะกลายเป็นคนไม่เจียมกะลาหัวไม่เจียมกบาลเสียเองย่ะ ไปเนียน ชั้นอยากกินกะละแมจ้ะ”
เนียนรีบเดินตัวลีบผ่านสนไป กบ กะแมวหัวเราะคิกคัก สนมองตามตาขวาง แค้นมาก
“อีแก่ มึงอยากเป็นศัตรู หมายเลขหนึ่งของกูให้ได้ใช่ไหม อีเนียน มึงไม่มีวันรอดเงื้อมมือกูไปได้แน่”
เวลาผ่านไป ที่สนามบินดอนเมืองเวลานั้น แพร โพล้งยืนรอ แดงน้อยอยู่มุมหนึ่ง
“พี่หนักว่าจะมานี่นา ทำไมพี่หนักยังไม่มา” แพรว่า
“สองหนักแล้วนา แกจะเอ่ยชื่อเขาหาตำรวจโรงพักไหนวะ” โพล้งเอ็ดเอา
แพรค้อน แล้วสองคนก็เห็นเนื้อทองเดินมาพร้อมกับเทิดศักดิ์ ตรงเข้ามาไหว้สองคน
“สวัสดีครับ ผมมารับน้องอี๊ดครับ แล้วฉวยโอกาสรับแดงน้อยด้วยครับ”
“เครื่องพี่แดงน้อยเกือบลงแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ”
“เอ๊ะ นั่น ผมขอตัวก่อนครับ”
เทิดศักดิ์เดินลิ่วออกไปทันที สามคนมองตามว่าเทิดศักดิ์จะรีบไปไหน
หนักมาแอบยืนหลบมุมระวังตัวอยู่มุมหนึ่ง เทิดศักดิ์ตรงมาหาหนักในคราบสิน ที่วันนี้เปลี่ยนทรงผมใหม่ และไว้หนวด
“คุณลุงสิน มารอรับแดงน้อยหรือครับ”
หนักในคราบสินมองเทิดศักดิ์ด้วยแววตารักใคร่
“ใช่ ...ดีใจที่ได้พบกันอีกแล้ว”
“วันนี้ลุงสินเปลี่ยนทรงผม ไว้หนวด ผมจำเกือบไม่ได้”
“อ้อ คือลุงอยากลองไว้หนวด แล้วก็ไปตัดผมมา เผลอหลับไปช่างเขาเลยตัดทรงใหม่ให้”
“ป้าแพรกับลุงโพล้ง อยู่ทางโน้นครับ เชิญครับ”
“อ้อ”
ระหว่างนี้มีตำรวจเดินวนเวียนผ่านไปมา
“เชิญครับ” เทิดศักดิ์บอก
“ลุงขอตัวเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวตามไป”
หนักรีบผลุบไปทางห้องน้ำ เทิดศักดิ์ให้แปลกใจ
“แปลกแท้ๆ”
อีกด้านหนึ่งทุกคนจากสุพรรณ กำลังชะเง้อมองไป เทิดศักดิ์กับเนื้อทองยังไม่มาสมทบ เรียมถือพวงมาลัยเตรียมมาคล้องคอต้อนรับทานตะวัน
“ได้ยินว่าเครื่องบินลงมาตั้งนาน ทำไมลูกสาวเรายังไม่ออกมา”
เอกหันไปเห็น “มาแล้วขอรับ นั่นขอรับ ใส่ชุดสีแดง”
เรียมกับท่านขุนถึงผวาแล้วชะงักกึกไม่แน่ใจ
“ไม่ใช่หรอก” สองคนว่า
“ผมว่าใช่นะขอรับ”
ทานตะวันสวมใส่ชุดแปลกประหลาด สีหน้า ทรงผมก็ด้วย เดินมาเหมือนเดินแบบ ทุกคนต่างอึ้งไปหมด
“ใช่ลูกอี๊ดหรือนั่น น่ากลัวมาก” เรียมบอก
“ชั้นก็ว่าไม่ใช่ดอกไอ้เอก แกตาฝาด” ขุนภักดีก็ไม่คดว่าจะใช่
แต่แล้ว ที่ว่านั่นไม่ใช่คือทานตะวันจริงๆ กำลังเข็นรถออกมา แล้วไสรถมาใส่เอก
“คุณพ่อคุณแม่ขา สาวปารีเซียงมาแล้วค่ะ”
สองคนยืนตัวแข็งตัวชา ทานตะวันแต่งตัวมหัศจรรย์ เหมือนหลุดมาจากแคทตาล๊อคฝรั่ง
ทานตะวันโผมากอดจูบ สองคนอย่างจริงจัง ผู้คนหันมามองกันเป็นแถว
ขุนภักดี “เอ้อ...เอ่อ” ขณะที่เรียม “อ่า..อ่า”
“ตกใจทำไมคะ ทำไมไม่ดีใจที่หนูกลับมาแล้วเล่าคะ”
“เอ้อ... แม่ดีใจ แต่ตอนนี้แม่หายใจไม่ออกจ้ะ คนมองเรากันใหญ่แล้วจ้ะ” เรียมบอก
“เรากลับไปกอดไปหอมกันที่บ้านดีกว่าไหมยายหนู
“ทำไมคะ ที่โน่นใครๆ เขาก็กอดก็จูบกัน ทุกหนทุกแห่ง กลางถนน ริมถนน บนรถเมล์ รถใต้ดิน จูบปากกันด้วยซ้ำ”
“แม่กำลังจะเป็นลมจ้ะ นี่จ้ะพวงมาลัย แม่เอามาคล้องคอให้หนูจ้ะ”
ทานตะวันมองตาคว่ำว่าแม่ทำอะไรเชยมาก
“คุณแม่ขา ทำอะไรเชยมากๆ ที่โน่นใครจะไปใครจะมา ไม่มีใครบ้าเอ๊ย...เอาพวงมาลัยมาใส่คอกันหรอกค่ะ”
สองผัวเมียมองหน้ากันเซ็งๆ
“ที่นั่นกับที่นี่ไม่เหมือนกันนะลูก”
“แม่ตั้งใจเอามารับขวัญหนู แต่ถ้าหนูไม่...”
เรียมพูดไม่ทันจบ ขุนภักดีสวนคำออกมาเป็นเชิงสั่ง “ก้มหัวลงให้คุณแม่คล้องพวงมาลัยให้สิหนูอี๊ด เห็นไหม ใครๆ ที่นี่เขาทำอย่างนี้กันทั้งนั้น”
“เชิญขอรับ คุณหนู” เอกกำกับ
“พี่เทิดศักดิ์เล่าคะ” ทานตะวันเฉไฉ
เทิดศักดิ์มาพร้อมกับเนื้อทองที่สะดุ้งไม่น้อย
“น้องอี๊ด พี่ดีใจด้วยจ้ะที่เรียนจบกลับมา...”
“แมกซิมค่ะ” ทานตะวันบอกสถาบันแล้วหันไปแขวะเนื้อทอง “อ้าว นั่นยัยเพิ้งติ๋ว แต่งตัวยังกับแม่ชี ติดสอยห้อยตามมาทำไมไม่ทราบ”
“เอ้อ ยินดีด้วยค่ะ คุณอี๊ด” เนื้อทองบอก
“คุณพ่อคุณแม่พาน้องกลับไปก่อนนะครับ ผมขอตัวไปรอรับแดงน้อยก่อน”
ทานตะวันกรี๊ด “ว๊าย ...พี่แดงน้อยมา หนูไม่กลับแล้ว จะไปรับพี่แดงน้อยกับพี่เทิดศักดิ์”
ทานตะวันวี๊ดว๊ายกระตู้วู้ออกอาการมาก
“คุณย่ารออยู่ที่บ้าน อยากเจอหลานใจแทบขาด ทำไมถึงจะไปหาคนอื่นก่อน” เรียมตำหนิ
“พ่อขอสั่งว่าให้หนูกลับบ้านตอนนี้”
ทานตะวันหน้างอ จำใจเดินตามไปกลับบ้านพึมพำ
“เมืองไทยนี่ไม่ฟรีกันซะเลย พ่อแม่เอาแต่สั่งๆๆๆๆ”
ตรงจุดที่แพรกับโพล้งรอแดงน้อยอยู่ มีตำรวจเดินพล่านไปมา แพรกระซิบโพล้ง
“พี่หนะ...”
โพล้งยกมือจะตีปาก
“พี่เขาถ้าจะไม่กล้ามาแสดงตัวแล้วละ ตำรวจพรึ่บไปหมด”
เทิดศักดิ์กับเนื้อทองพากันเดินกลับมาหา
“ลุงสินเล่าครับ”
“นั่นสิ ยังไม่เห็นมาเลย สงสัยไม่มาแล้วแหละ” โพล้งบอก
“ลุงสินมาแล้วนะครับ เมื่อสักครู่ผมยังไปคุยกับคุณลุง” เทิดศักดิ์ว่า
แพรงง “แล้วทำไมไม่บอกตอนที่เห็นแกเล่าคะ”
“คือผม ไม่แน่ใจ จู่ๆลุงสินไว้หนวด เปลี่ยนทรงผมด้วย ยิ่งใส่แว่นตาผมยิ่งไม่แน่ใจ เลยเดินไปดูให้แน่ใจน่ะครับ”
โพล้งกะแพร มองหน้ากัน รู้ทันทีว่าหนักแว่บหนีตำรวจ
“พี่แดงน้อยออกมาแล้วค่ะ” เนื้อทองยิ้มบอก
ทุกคนจึงเบนความสนใจไปที่แดงน้อย
แดงน้อยเดินด้วยมาดสง่าออกมา ดูหล่อเหลาสมาร์ทมากกว่า 3 ปี ก่อนนัก โพล้งกับแพรตะลึง พูดพร้อมเพรียงกัน
“แดงน้อย...หล่อเหลือเกิน”
แดงน้อยมากราบที่อกสองคน
“ผมกราบครับ แม่แพร ลุงโพล้ง”
“ไหว้พระนะหลาน”
สองคนเอาพวงมาลัยคล้องให้ แดงน้อยไหว้ซ้ำ
“เทิดศักดิ์ กันไม่นึกว่าจะมารับ”
แดงน้อยหันมาจับมือกับเทิดศักดิ์
“แกหล่อยังกับพระเอกหนังเลยนะ แดงน้อย จริงไหมน้องติ๋ว”
“สวัสดีค่ะ ยินดีด้วยมากๆ ค่ะ นี่ค่ะพวงมาลัย พี่เทิดใส่ให้พี่แดงน้อยสิคะ”
เทิดศักดิ์ทำตามที่เนื้อทองบอก
“ขอบใจมากครับ น้องติ๋ว เป็นคุณครูติ๋วสมใจแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ... เอ้อ แม่เนียนฝากยินดีมาด้วยค่ะ”
“พี่ยินดีด้วยเช่นกัน ฝากกราบแม่เนียนไปด้วยนะครับ เรียนว่าพี่จะไปกราบด้วยตัวเองในไม่ช้าครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ แม่ดีใจจนน้ำตาไหลตอนที่หนูไปบอกว่าพี่แดงน้อยจะกลับมาแล้วค่ะ”
แพรกับโพล้งสบตากันอีก
“กลับกันดีไหม”
แดงน้อยสอดส่ายตาหาลุง
“ครับ เอ้อ ลุงสินไม่ทราบหรือครับ ว่าผมจะกลับวันนี้”
แพรกะโพล้งบอก “ทราบ”
“คุณลุงมาแล้ว แต่ไปเข้าห้องน้ำ กันกลับก่อนนะ แกจะได้เจอคุณลุง ยินดีกันในหมู่ญาติ แล้วค่อยพบกัน”
เนื้อทองไหว้ลา แดงน้อยมองตามใจปลิวไปด้วย แดงน้อยยังส่ายตาหาลุงสิน ไม่เลิก
แพรกับโพล้งมองหน้ากันพูดไม่ออก
ขบวนคนในบ้านมาตั้งแถวรอรับทานตะวัน อยากเห็นมาก เนียนทำพวงมาลัยรอรับลูกสาว น้ำตาไหลพยายามระงับแต่อดไม่ได้ ช้อยปะปนอยู่คอยซุ่มสังเกตการณ์ทุกอย่าง กบกะแมววิ่งมาบอกทุกคน
“มาแล้ว...มาแล้ว” กบบอก
“เหมือนหลุดมาจากหนังสือฝรั่ง ยังไงยังงั้น” แมวว่า
เนียนชะเง้อจนสุดตัวพึมพำเบาๆ “ลูกแม่”
ทุกคนเห็นทานตะวันเดินราวกับเดินแฟชั่น ทำท่าระเหิดระหงเชิดหยิ่ง มีท่านขุนเดินขวา เรียมเดินสีหน้า
หนักใจมาทางด้านซ้าย
“บ้านเราไม่มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างเลย หนูอยากให้บ้านเราเหมือนบ้านฝรั่งเศส”
“ที่เมืองไทยไม่ใช่ฝรั่งเศส เราออกแบบบ้านให้เหมาะกับอากาศและภูมิประเทศ แต่ถ้าหนูอยากทำ พ่อจะให้เขาแต่งห้องหนูใหม่ก็ได้จ้ะ”
“แบบหลุยส์นะคะ”
เรียมมองไปเห็นเนียนยืนถือพวงมาลัย ปนกับพวกบริวารที่ต่างพากันยิ้มและตกใจผสมกัน
“ทุกคนมารอรับหนู ทุกคนดีใจที่หนูกลับมา นั่นน้าเนียน ยืนถือพวงมาลัยรอสวมให้หนู”
“หนูไม่รับพวงมาลัยของมันค่ะ”
“โตป่านนี้แล้ว อย่าทำลายน้ำใจที่ใครเขามอบให้สิลูก”
“คนอย่างหนู ทำไมต้องรับน้ำใจของคนอย่างมันใช่ไหมคะ คุณพ่อ”
จังหวะนี้เสียงเรียมดังก้องในหัวขุนภักดี
“ถ้าหากว่า หนูติ๋วไม่ใช่ลูกชู้ แต่เป็นลูกพี่เทพเองเล่าคะ หนูติ๋วกับหนูอี๊ดก็พี่น้องกัน ทำไมพี่เทพต้องรังเกียจเนียน ถ้าเรื่องไม่จริง เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
คิดแล้ว ท่านขุนถอนใจ
“รับพวงมาลัยจากเขาเถิดลูก”
“คุณพ่อน่ะ” ทานตะวันขัดใจ
“มาสิเนียน”
เนียนเดินมาท่าทีดีใจแต่กึ่งหวาดๆ เกรงใจ ยื่นพวงมาลัยให้
“ยินดีด้วยค่ะ คุณหนู”
ทานตะวันยิ้มรับพวงมาลัยมา แล้วโยนไปให้แมวกับกบ ทุกคนตกใจมาก
“หนูอี๊ด โยนทำไมคะ” เรียมฉุน
“โยนไปให้ยัยแมวกับยัยกบ ใครรับได้จะได้มีผู้ชายมาขอแต่งงาน ที่นั่นเขาทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น อย่ามาว่าหนู ทำลายน้ำใจใครนะคะ”
ทานตะวันมองเนียนที่ตะลึงไม่หาย น้ำตาซึม ทานตะวันหัวเราะร่วน เรียมไม่พอใจ มองเนียนด้วยความสงสาร
“คุณย่ารอนานแล้ว รีบไปกราบคุณย่า”
ขุนภักดีต้อนสองคนเดินไป เอกเดินมาหาเนียน
“อภัยนะเนียน อภัยให้เธอ อีกไม่นานเธอต้องมาขอให้เนียนอภัยให้เธอบ้าง”
เนียนนิ่งน้ำตาซึมไม่เลิก ส่งสายตามองตามลูกสาว ช้อยยิ้มเยาะ
“สมน้ำหน้า”
แล้วช้อยก็วิ่งหลบแว้บไป
สนนั่งฟังช้อยรายงานการกลับมาของทานตะวัน
“ชั้นก็สมน้ำหน้านังเนียน มันเป็นบ้าอะไร ถึงได้อยากยุ่งเกี่ยวกับอีเด็กนั่นนักหนา”
“ถึงว่าละสิเจ้าคะ น้ำตาหยดน้ำตาย้อย ทำยังกับลูกของมันจากไปเองหลายปี”
“นี่คือปริศนา ที่ค้างคาใจชั้นมานานแล้ว รวมทั้งเรื่อง ทำไมอีเด็กติ๋วกับกับอีเด็กอี๊ดดันหน้าตาเหมือนฝาแฝด ทำไมน้อ” สนครุ่นคิด
“มาฟังช้อยเล่าต่อเรื่องคุณหนูอี๊ด กลายเป็นฝรั่งขี้นก ต่อนะเจ้าคะ”
นางช้อยใจชั่วจีบปากจีบคอเล่าต่ออย่างออกรส
อาญารัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
ฟากทองจันทร์ที่ชะเง้อคอมองอยู่แล้วต้องร้องอุทาน
“นั่นมันขบวนแห่ขันหมากหรือยะ เอะอะมะเทิ่งกันไปหมด”
ขาดคำทานตะวันก็ผวามากอด มาหอมหน้าตา และแก้ม ของทองจันทร์ หญิงชราตกใจ
“คุณย่าขา หนูมาแล้ว สาวปารีเซียงมาแล้วค่ะ”
“ว๊าย อะไรกันนี่สาวกุนเชียง มาทำย่าจั๊กจี้ จั๊กกะเดียม”
“สาวปารีเซียงค่ะ ไม่ใช่สาวกุนเชียงค่ะคุณย่า คิดถึงคุณย่ามากค่ะ หนูจะมาปฎิวัติการแต่งตัวทุกคนที่นี่ใหม่ รวมทั้งคุณย่า ให้นุ่งกระโปรงแบบแหม่ม” ทานตะวันระรื่นบอกทองจันทร์
“ว๊าย ไม่นะ ย่าจะใส่ของย่าแบบนี้”
“ทรงผมก็เหมือนกันค่ะ หนูจะดัดให้เป็นลอนกันให้หมด”
“ย่าไม่ดัด”
“หมากก็ไม่ให้กิน”
“ย่าจะกินหมากไปจนวันตาย”
คนอื่นนั่งหัวเราะเอ็นดูทานตะวันกันไปหมด
ฟากเนียนยังนั่งหลบมุมดูเหมือนเดิม ฟังและจำทุกคำพูดของอี๊ด เรียมเดินมาสะกิด
“จะแอบมองไปถึงไหน เขยิบมานั่งใกล้ๆ นี่ดีกว่านะ”
เนียนส่ายหน้า
“อย่าดีกว่าคะ เธอจะรำคาญเอาค่ะ”
ทองจันทร์ถูกทานตะวัน จูบ หอมไม่หยุด
“หยุดกอดจูบย่าได้แล้ว หนูอี๊ด ย่าไม่ไหวแล้ว”
นั่นแหละทานตะวันจึงหยุด
“ไปเรือนเรานะลูก เดี๋ยวค่อยกลับมากินข้าวเรือนคุณย่าตอนเย็นๆ”
“หนูไม่กินน้ำพริกปลาทู หนูจะกินสเท้ก”
“กินอะไรนะ สระ อะไรนะ”
“สะเต๊กครับ คุณแม่”
“แต่ที่นี่ไม่มีใครทำเป็นหรอกนะหนูอี๊ด” เรียมบอก
“แหม น่าเบื่อหน่ายมากกก เฮ้อ เอ๊ะ ยัยเนียน มาแอบมองชั้นอีกแล้วรำคาญจริงๆ”
“หนูอี๊ด” เรียมปราม
เนียนสบโอกาส “เอ้อ ถ้าคุณหนูอยากกินสะอะไรที่ว่านั่น จะให้หนูติ๋วไปซื้อตำรามาหัดทำให้นะคะ”
“บ้า มีปัญญาทำหรือนั่น มันไม่ใช่ง่ายๆ สักหน่อย อย่าอวดรู้ไปหน่อย”
เนียนเลยจ๋อยไป
วันหนึ่ง ขณะที่แดงน้อยเดินออกมาจากกระทรวงมหาดไทย ริมคลองหลอด้วยสีหน้าเบิกบานยิ้มแย้ม หนักมาดักรอแดงน้อย
“แดงน้อย”
“ลุงสิน”
แดงน้อยทำท่าจะกราบ สินยกมือห้าม
“อย่าเพิ่ง ลุงไม่อยากประเจิดประเจ้อ”
แดงน้อยพยักหน้ารับรู้
แลเห็นรถคันเล็กๆ จอดอยู่ริมถนนหลังคลองหลอด หนักเดินนำแดงน้อยมาที่รถคันนั้น
“ชอบไหม”
“กะทัดรัดน่ารักดีครับ รถลุงสินหรือครับ”
“รถของแดงน้อยต่างหาก” หนักในคราบสินบอก
แดงน้อยงงปนตื่นเต้น “ลุงสิน”
“ของแดงน้อยจริงๆ ขึ้นไปนั่งสิ ลุงจะสอนให้ขับ”
แดงน้อยงง หนักรุนหลังแดงน้อยให้ขึ้นรถ
หนักเป็นคนขับรถ ขับแล่นมาตามทางในกรุงเทพฯ มีแดงน้อยนั่งข้างๆ แดงน้อยก้มลงกราบที่แขน
“ลุงให้ผมมากเกินไปแล้วครับ”
“ลุงให้หลานน้อยไปด้วยซ้ำ บางทีหลานอาจไม่รู้ว่า การกระทำบางอย่างของลุง ทำให้หลานต้องกำพร้าพ่อแม่”
แดงน้อยตกใจ “ลุงสิน”
“ลุงอยากจะบอกว่าลุงเสียใจ การที่หลานไม่มีพ่อแม่ แม้ว่าไม่เกี่ยวโดยตรงกับลุง แต่ลุงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ กับหลาน ลุงขอโทษ
“อย่าขอโทษผมครับลุง ไม่ต้องเสียใจด้วย ชีวิตนี้ผมมีลุงเป็นพระของผมชีวิตผมเป็นหนี้ลุง ไม่มีลุงผมไม่มีวันนี้”
“สักวันหลานรู้ความจริง ว่าลุงไม่ใช่คนดีเด่อย่างที่หลานเข้าใจ”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่มีวันเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อลุง ผมเทิดทูนรักเคารพลุงเช่นนี้ตลอดไปครับ”
หนักในคราบสินซาบซึ้งใจมาก ยิ้มเศร้าๆ ตบบ่าแดงน้อย
ฝ่ายสนกำลังจับตัวทานตะวัน เอียงคอมองซ้ายมองขวา พูดคำหวานใส่
“แม่สนคิดถึงหนูอี๊ดใจจะขาด แม่สนสวดมนต์ภาวนาให้หนูอี๊ดกลับมาไวๆ”
“ขอบคุณมากค่ะ นี่หนูก็กลับมาแล้ว ไงคะแม่สน แม่สนว่าหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
“สวยสิคะ สวยงาม กว่านางเด็กติ๋วมากมายค่ะ”
“จริงหรือคะ” ทานตะวันยิ้มย่อง
“จริงสิเจ้าคะ คุณหนู แต่…” ช้อยพูดทิ้งคำให้คิด
“แต่บ้าแต่บออะไรยัยช้อย”
“วาสนาของมันสวยงามกว่าหนูอี๊ด ขึ้นทุกทีค่ะ” สนเสี้ยมทันที
“แม่สนหมายความว่ายังไงคะ”
“นังเด็กติ๋ว มันกำลังจะเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาล โก้หรูหราที่สุดกลางเมืองสุพรรณค่ะ”
“อีนังติ๋ว”
ทานตะวันลุกพรวด สนกะช้อยสบตากันยิ้มร้ายสาสมใจ
ภายในโรงครัวใหญ่ของบ้านทุกหลัง เนื้อทองยื่นตำราอาหารฝรั่งมาให้เนียน
“ตำราทำอาหารฝรั่งค่ะ..แม่เนียน”
“ขอบใจมาก หนูไปหาซื้อที่ไหนมาล่ะลูก”
“ไปขอยืมมาจากครูวิชาการฝีมือคะ สามีเคยเป็นกุ๊กอยู่โรงแรมในกรุงเทพฯค่ะ”
เนียนยิ้มๆ “ดีจังเลยลูก แม่เริ่มลองทำให้อร่อยที่สุด”
“แม่เนียนต้องการอุปกรณ์หรือส่วนประกอบในการทำเพิ่มเติมบอกหนูนะคะ”
“จ้ะ ลูก”
กบกับแมวอยู่ด้วยถอนใฝ “เฮ้อ...” พร้อมกัน
“ในโลกนี้เว้นเดือนกับดาวเท่านั้นกระมัง ที่เนียนจะไม่พยายามหามาให้คุณหนูกุนเชียง” กบบอก
“เขารังเกียจเดียดฉันท์จนออกนอกหน้า ยังอุตส่าห์ ทำมาหาทุกอย่างที่เขาต้องการ” แมวว่า
เนียนบอกตัวเองในใจ “แม้แต่ชีวิตชั้นก็ให้เขาได้” แต่ทำยิ้มๆ แล้วถามเนื้อทองเรื่องโรงเรียน
“โรงเรียนของหนูไปถึงไหนแล้วลูก”
“อีกไม่เกินสามเดือนเรียบร้อยสำหรับตัวตึกค่ะ ส่วนอื่นๆ ค่อยๆ จัดไปปีการศึกษาหน้า เปิดรับสมัครเด็กได้ค่ะ”
“แข่งอะไรแข่งได้ แข่งบุญวาสนานี่ไม่มีวันแข่งได้” กบว่า
“วาสนาใคร วาสนามัน ระวังจะโดนอิจฉาตาร้อนผ่าว เอาง่ายๆ นะคะ” แมวเตือน
สองแม่ลูกไม่ตอบโต้สองคนว่าอะไร เนียนเปิดตำราดูวิธีทำอาหารฝรั่ง เนื้อทองมาช่วยอ่าน
ขณะเดียวกันทานตะวันคลั่งหนัก ตามความต้องการของสน
“นี่ทั้งบ้านโดนมันครอบงำ จนโงหัวไม่ขึ้นกันแล้วหรือยังไง”
“ได้ยินว่า ค่าก่อสร้าง ยังไม่นับราคาที่ดิน นะคะ ร่วม...” สนมองหน้าทานตะวัน
“บอกมานะคะ ว่าเท่าไหร่”
“ช้อยแอบได้ยินมาว่าร่วม ห้าหกแสนแน่ะเจ้าค่ะ”
“แม่สนงี้..ตบอกผางน้อยใจแทนหนูอี๊ดของแม่สน เหลือเกิน” สนตอแหล
“ค่าเรียนของหนูที่เมืองนอกสามปียังไม่เท่านี้ ดีละ หนูจะไปเปิดร้านเสริมสวยบนถนนราชดำเนินที่บางกอก”
“ระวังจะได้แค่บางปลาม้าเอานะเจ้าคะ คุณหนู” ช้อยเสี้ยม
“หยุดนะ...ถ้าชั้นได้น้อยกว่ามัน ชั้นจะตัดย่าตัดหลานกับคุณย่าทันที” ทานตะวันโมโหมาก
สองคนสบตากัน
ช้อยใจชั่วเสี้ยมต่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม เหมาะสมกว่าไปตัดย่าตัดหลาน มันจะพาลโดนตัดซะเองนะเจ้าคะ เห็นดีใจที่คุณหนูกลับมา แต่อย่าลืมนะเจ้าคะ มันกับคุณท่าน นอนห้องเดียวกันมานานมากแล้ว”
“ชั้นจะทำยังไง ในเมื่อมันได้ดีเกินหน้าชั้นไปแล้ว”
“แม่สนว่าอย่าให้มันได้มีโอกาส เป็นเจ้าของโรงเรียนเลยไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ยังไงหรือคะ แม่สนจัดการให้หนูนะคะ”
“ขอเวลาแม่สนนิดหนึ่ง แต่หนูอี๊ดต้องร่วมมือด้วยนะคะ”
ทานตะวันพยักหน้า เทิดศักดิ์ขึ้นเรือนมาเห็นสีหน้าทุกคนพอเดาได้
“มาประชุมวางแผนเล่นงานใครหรือน้องอี๊ด แม่สน ยัยช้อย อย่าเชียวนะจะหาว่าไม่เตือน ตอนนี้ที่นี่มีตำรวจอยู่ในบ้าน ใครทำการร้าย ผิดกฎหมายจับดะ”
“แม้แต่แม่หรือลูก”
“แม้แต่น้องหรือคะ”
“แน่นอน...ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับคนทำผิดกฎหมาย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ครับ”
เทิดศักดิ์เดินผ่านทุกคนไป สามคนเริ่มจ๋อย
ตกตอนกลางคืนหนักในคราบของสิน นั่งกินอาหารกับสามคนสีหน้าหนักเงียบขรึมไม่ร่าเริงเลย
“แดงน้อย ลุงมีความสุขมากที่ตอนนี้ทุกคน ประสพความสำเร็จ”
“ทุกคน ลุงสินหมายรวมไปถึง…”
หนักบอกทันที “เทิดศักดิ์ หนูอี๊ด หนูติ๋ว ลุงหมดห่วงแล้ว ลุงคิดว่า จะไปเก็บเนื้อเก็บตัว ทำจิตใจให้สงบ ไม่ออกมาพบปะกับผู้คนถ้าไม่จำเป็น”
โพล้งกับแพรสบตากันเข้าใจ
“ลุงสินเลี้ยงดูอุ้มชูผมมา ขอให้ผมได้ตอบแทนพระคุณด้วยการดูแลลุงบ้างนะครับ”
โพล้งกับแพรมองหน้ากันอีก
“ผมเดินเรื่องไปรับราชการที่สุพรรณบุรีอยู่ครับ ลุงไปพักกับผมให้ผมดูแลลุงดีไหม”
หนักซึ้งน้ำตาซึม “ขอบใจมาก แต่...”
“แต่ทำไมลุงไม่ไปเป็นที่ปรึกษาให้ผม แนะวิธีจับเสือหนักให้ผมกับกับเทิดศักดิ์ไงครับ”
“เสือหนักน่ะจับไม่ยากหรอกหลาน อีกไม่นานหลานสองคนได้จับเขาแน่” หนักมีสีหน้าเด็ดเดี่ยวมากตั้งใจจะไปให้สองคนจับ
“พี่หนะ...”
โพล้งเอามือตบปากแพร
“ยุงกัดปากแก ต้องตบให้ยุงสำนึก”
“ไม่ต้องห่วงลุง ลุงขอไปอยู่สงบๆ ของลุงตามลำพัง แต่เวลามีเหตุร้ายอันใดเกิด ลุงจะไปทันที โชคดีนะแดงน้อย ลุงต้องไปแล้ว”
หนักตบบ่าแดงน้อย ที่ไหว้ลาอย่างอาลัยอาวรณ์ พอหนักเดินจากไปทางหลังร้าน ตำรวจมาหน้าร้านพอดี โพล้งแอบปาดเหงื่อ แพรรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ ลุกเดินไปต้อนรับ
ด้านทานตะวันกำลังอาละวาดใส่ทุกคนบนเรือนทองจันทร์ ร้องไห้ฟูมฟายไปด้วย
“หนูจะไปเปิดร้านทำผมที่บางกอก”
เรียม ท่านขุน และทองจันทร์ประสานเสียง “ไม่ได้”
“หนูอุตส่าห์ไปร่ำเรียนมาตั้งสามปี เรื่องอะไรมาให้หนูดักดานอยู่ที่นี่”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ดักดาน เมืองสุพรรณเป็นเมืองหน้าด่านของการค้าขาย คนที่นี่มีปัญญาทำผมที่ร้านของหนูมากมาย” ขุนภักดีบอก
“แต่หนูไม่ชอบ ยังไงซะมันก็ไม่หรูเท่ากับมีร้านที่กรุงเทพ คุณย่ากับคุณแม่ลำเอียง ไม่ยอมสนับสนุนหนู แต่ไปสนับสนุนยัยติ๋วลูกช...” ทานตะวันจะบอกว่าชู้
เรียมตวาดทันที “หยุด...อย่าพูดต่อทีเดียวนะหนูอี๊ด”
“หนูจะพูด คุณแม่กับคุณย่า เอาเงินมากมายไปลงทุนให้มัน ช่วยกันปั้นมันจากก้อนดินให้เป็นก้อนทองคำ”
“ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ก้อนดิน มันน่ะทองคำแท้ฝังเพชรมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ไม่มีใครเห็นเนื้อแท้เนื้อทองของมัน นอกจากย่า กับแม่ของหนู” ทองจันทร์บอก
“คุณพ่อขา คุณพ่อเคยว่าไม่ยอมให้ลูกคนใช้มาตีเสมอลูกนายไงคะ นี่มันล้ำหน้าหนูไปถึงไหนไหนแล้ว หนูไม่ยอม คุณพ่อขา อย่าทำร้ายลูกนะคะ”
พูดจบทานตะวันทำตัวเหมือนเด็กๆ ตีอกชกหัว ทองจันทร์ เรียม และขุนภักดีมองหน้ากัน เอือมเหลือล้น
“หนูจะไปหาแม่สน มีแต่แม่สนคนเดียวที่เห็นใจหนู ฟังหนู เข้าใจหนู”
ทานตะวันฉุนเฉียว วิ่งลงเรือนไปเร็วรี่
เนียนกับเนื้อทองนั่งฟังเงียบๆ อยู่ด้านล่าง ได้ยินชัดเจนทั้งหมด แต่ไม่กล้าขึ้นไปบนบ้าน
“หนูไม่สบายใจเลยค่ะ แม่เนียน”
“แม่ก็หนักใจ”
ทานตะวันวิ่งลงเรือนมา สองคนตกใจรีบลุกหนี แต่ไม่พ้น
“อีบ้าติ๋ว ยัยเนียนพวกแกมาแอบฟังแล้วหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าชั้น ชั้นเกลียดพวกแก เกลียดๆๆๆ”
“เราไม่ได้มาแอบฟังค่ะ”
“โกหก... แกมาสมน้ำหน้าชั้น”
ทานตะวันตบหน้าเนื้อทองฉาดใหญ่
“คุณหนูอี๊ด”
“ทำไม...ชั้นจะตบหน้าแกไม่ได้ จะตบอีกทีก็ยังได้”
เนียนเอาตัวมาขวางไว้
“ตบชั้นแทนเถิดค่ะ... อย่าทำหนูติ๋ว”
“แกท้าทายชั้น เอาสิ อยากโดนก็ลองดู”
ทานตะวันเงื้อมือ เนียนยืนนิ่งขวาง เนื้อทองที่ตกใจมาก
“อย่าทำแม่ชั้น”
เสียงตวาดทรงอำนาจของเรียมดังขึ้น “อย่าทำตัวเลวๆ นะหนูอี๊ด หยุดเดี๋ยวนี้”
ทองจันทร์ซึ่งตามลงมาด้วยด่าซ้ำ “หยุดนะยัยอี๊ด หน็อยแน่ะไปเป็นสาวกุนเชียง กลับมานิสัยบ้ามากกว่าแต่ก่อนไปซะอีก”
“หนูอี๊ด ฟังพ่อ การที่พ่อไม่ให้ไปเปิดร้านที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เสียดายเงิน แต่พวกเราสามคนรักหนู จึงห่วงหนู ไม่อยากให้ไปไกลหูไกลตา” ขุนภักดีบอก
“หนูอยากจะเปิดร้านหรูโก้ปานไหนก็ได้ที่สุพรรณ เอาให้ลือลั่นว่าร้านหนูโก้ที่สุด โก้กว่าร้านที่บางกอก” ทองจันทร์ว่า
เทิดศักดิ์เดินเข้ามาสมทบ
“คุณย่า น้าเนียน คุณนายแม่ คุณย่าครับ ผมมีเพื่อนช่วยจับเสือหนักแล้วครับ”
ทุกคนเลิกพูดหันมาสนใจเทิดศักดิ์
“พ่อเทิดว่าอะไรนะ” ทองจันทร์ถาม
“แดงน้อยจะมาเป็นนายอำเภอที่นี่ครับ”
“โอ้โฮ” ทุกคนร้อง
“พี่แดงน้อยมหาบัณฑิต เกียรตินิยม จะมาเป็นนายอำเภอที่นี่” ทานตะวันเปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน “คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ขา หนูตกลงใจเปิดร้านที่เมืองสุพรรณของเราแล้วค่ะ มีข้อแม้ว่าต้องหรูไม่แพ้ร้านในกรุงเทพฯ”
ทุกคนมึนกับอารมณ์ทานตะวัน เนียนดีใจจนลืมทุกอย่างไปแล้ว ไม่สนใจว่าใครจะด่าทอ
“เขาบอกว่าจะมากราบน้าเนียนเร็วๆ นี้ด้วยครับ”
“อยากจะอาเจียน ยัยติ๋ว ระวังแม่เธอจะลอยหายไปบนฟ้า เพราะดีใจนะยะ”
ถึงแม้จะหงุดหงิด แต่ทานตะวันก็โล่งอก
วันต่อมาแดงน้อยก้มลงกราบแทบเท้าทองจันทร์
“ผมกราบครับคุณย่า”
“ไฮ้” ทองจันทร์รีบหดเท้า “กราบอะไรกันปานนี้ หน้าพ่อแดงน้อยเกือบจะจูบเอาเท้าย่า ดีใจกับพ่อแดงน้อยเหลือหลาย ทำไมช่างเก่งกาจขนาดนี้นายอำเภออายุยี่สิบหก ใครมีลูกอย่างนี้ปลื้มกันไปจนตาย ใช่ไหมเนียน”
เนียนนั่งมองปลื้มมากๆ พูดจาไม่เป็นไปแล้ว แดงน้อยหันไปกราบเนียนอีกคน
“ผมกราบครับ น้าเนียน”
เนียนลืมตัวเอามือลูบหัวแดงน้อย ทานตะวันที่กำลังร่าเริงเห็นพอดีผวามากระชากมือเนียนออกจากหัวแดงน้อย
“ตายแล้ว เอามือต่ำต้อยของแกออกไปจากหัวพี่แดงน้อยเดี๋ยวนี้นะ ยัยเนียน เจียมตัว บังอาจมาจับหัวนายอำเภอคนใหม่ แกรู้ไหม ถ้าเป็นสมัยยังไม่เลิกศักดินา พี่แดงน้อยน่ะเท่ากับท่านขุนคุณพ่อชั้นแล้ว”
เนียนหดมือถอยกลับก้มหน้างุด
“ไปให้พ้นจากตรงนี้ซะ อย่ามาอยู่ให้ขวางหูขวางตา”
“ค่ะ”
เนียนถอย แดงน้อยกลับลุกตาม
“พี่แดงน้อยจะไปไหนคะ”
“ไปกับน้าเนียนครับ พี่ยังพูดกับน้าเนียนไม่จบ”
ทองจันทร์หมั่นไส้หลานสาวตัวแสบ “จบเห่เลยคุณหนูกุนเชียง ฝาหรั่งเขาเลิกถือยศถืออย่างกันนานแล้วไปอยู่บ้านเขามาสามปี ไม่มีประชาธิปไตยติดไม้ติดมือกลับมาบ้านเลยรึ”
“คุณย่าครับ ผมขอตัว ไปคุยกับน้าเนียนก่อนนะครับ แม่ผมกับน้าเนียน เป็นคนบ้านเดียวกัน แม่ฝากความถึงน้าเนียนมามากมายครับ”
“ไปเถิดจ้ะ”
ทานตะวันหงุดหงิดพุ่งพล่านไปหมด แดงน้อยตามติดเนียนไป
กบกับแมวแอบหัวเราะ ทานตะวันหันมาเจอฉวยเชี่ยนหมากของทองจะปา
“หัวเราะอะไรเดี๋ยวปาหน้าแตก”
ทองจันทร์หัวเราะร่วนดังมากขึ้นมาอีกคน ทานตะวันหันมามอง ไม่กล้าโวยวาย
“ใครอยากปาหน้าเหี่ยวๆ นี่ก็เชิญปามาเลย ปาแล้วขาดกันวันนี้ ไม่มงไม่มีกันละร้านเสริมสวย จะสั่งพ่อสั่งแม่มันระงับให้หมด ไสหัวไปรับจ้างเป็นช่างสระผมที่บางกอกซะ”
ทานตะวันวางเชี่ยนหมากลงทันควัน แล้วกระแทกส้นออกไปจากที่นั่นทันที
ส่วนแดงน้อยมานั่งคุยกับเนียนที่อีกมุมหนึ่ง เนียนไม่กล้านั่งใกล้
“มานั่งกับผมเถิดครับ น้าเนียน”
“เอ้อ มันจะไม่ดี น้าเป็นแค่คน..เอ้อ...”
“ผมไม่สนใจหรอกครับ ผมเคารพน้าเนียน เราสมมุติเป็นแม่ลูกกันแล้วนะครับ ผมยังอยากสมมุติต่อ เพราะผมอยากมีแม่น่ารักเหมือนน้าเนียน”
“ขอบใจมากค่ะ นายอำเภอ”
“อย่าเรียกผมเต็มยศเลยครับ กันเองแท้ๆ”
“เอ้อ ค่ะ นาย เอ้อ...คุณแดงน้อย มีความอะไรฝากมาจากแม่ของคุณบ้างคะ”
“แม่แพรบอกว่า คนชื่อยายอ่อนแกอยากได้ที่นาสิบไร่ ที่แกเช่าทำกินอยู่น่ะครับ”
“เอ้อ...”
“แม่แพรบอกว่าโฉนดเป็นชื่อของน้าเนียน น้าเนียนเป็นเจ้าของนานั่น”
“ช่างเถิดค่ะ น้าเอ้อ คงไม่ขายตอนนี้หรอกคะ คือว่าน้ายกให้ใครบางคนไปแล้วน่ะค่ะ คงต้องแล้วแต่เจ้าตัวเขาว่าเต็มใจขายไหม”
“ขอโทษนะครับ น้าเนียนยกให้ใครไปครับ”
เนียนมองหน้าแดงน้อย สบตารักล้นเหลือ บอกแดงน้อยอยู่ในใจ “แม่ยกให้ลูกไงจ๊ะ” ไม่ได้เอ่ยปากออกมา
เนียนได้แต่มองหน้าแดงน้อยน้ำตาไหล เผลอตัวเอามือไปลูบหัวลูบหน้าลูบแก้มแดงน้อย
ฟากช้อยเดินผ่านมาเห็นสองคนจากไกลๆ ถึงกับชะงักกึก
“นั่น นั่นอะไร นังเนียนไปลูบหน้าลูบตาคุณแดงน้อย ส่งสายตาราวกับจะกลืนกินเขา ต๊ายนังโคแก่ริกินหญ้าอ่อน นางไก่แก่แม่ปลาช่อน”
ช้อยแอบดูทันที
ฝ่ายแดงน้อยให้แปลกใจและซาบซึ้งใจ เนียนที่ทำท่าราวกับว่ารักแดงน้อยเหมือนลูกจริงๆ แดงน้อยกุม
มือเนียน เอาแก้มมาแนบมือเนียน เอามือเนียนไปวางบนหัว
“เกิดมาไม่เคยมีใครแสดงความรักใคร่ให้ผมได้อบอุ่นเท่ากับน้าเนียนมาก่อนเลยครับ ถ้าแม่ผมยังอยู่ท่านคงจะทำอย่างนี้กับผมใช่ไหมครับ”
“ใช่จ้ะ เอ้อ..น้าขอโทษที่แสดงความรักมากเกินไป เกิดใครมาเห็น อาจจะไม่พอใจกล่าวหาว่าร้ายกันอีกได้”
“ผมไม่ปล่อยให้ใครมากล่าวหาน้าเนียนพล่อยๆ หรอกครับ”
“ขอบใจมาก คุณแดงน้อย จิตใจดีงามเหลือเกิน”
เนียนตื้นตันจนน้ำตาซึม
ขณะเดียวกันทานตะวันกำลังฟ้องสนเรื่องเนียนกับแดงน้อยแถมทองจันทร์เข้าข้าง
“พี่แดงน้อยเป็นนายอำเภอ ทั้งที กลับไม่ไว้ตัว ไปก้มลงกราบยัยเนียนแล้วมันก็แหม ทำท่าราวกับว่า เป็นคุณนายเป็นแม่ของพี่แดงน้อย คุณย่าก็ให้ท่าให้ท้ายมัน เห็นดีเห็นงามไปกับมัน”
“ถ้าคุณย่าท่านไม่เห็นดีเห็นงาม ท่านคงไม่สร้างโรงเรียนให้นังติ๋ว ไม่ให้มันเรียกท่านว่าย่า เอาพวกมันไปลอยหน้าบนเรือนกินข้าวร่วมวงอาหาร”
“ไปเมืองนอกนานสามปี กลับมานึกว่าอะไรจะดีขึ้น กลับเลวร้ายลงทุกทีหนูไม่อยากอยู่บ้านนั้นแล้วค่ะ แม่สน มันบาดตาบาดใจไปหมด”
ช้อยวิ่งหน้าตั้งเข้ามา ใส่ไฟเนียนทันที
“บาดลึกเกินเยียวยารักษาแผลแล้วเจ้าค่ะ ช้อยเพิ่งเห็นมาแหม่บๆ นังตัวแม่มัน แอบพาคุณแดงน้อยไปกก ไปกอด ไปลูบไปคลำหน้าตาเนื้อตัว โอ๊ย สยิว สยองพองขน”
สองคนตาโต “ต๊าย”
“ช้อยกำลังจะมาบอกข่าวน่ายินดีกับคุณหนูอี๊ดเลยหดหู่จนพูดไม่ออกไปเลยเจ้าค่ะ เพราะไปเจอนางเฒ่าหัวงู มันกำลังจะกินคุณแดงน้อย”
“อยากแล่นไปกระชากมันออกมาจากแดงน้อยแล้วตบให้กลิ้งไปกลิ้งมา” สนว่า
“หนูอัดอั้นตันใจจนจะระเบิดแล้วค่ะ ยังดีที่คุณพ่อคุณแม่ยอมจัดการร้านเสริมสวยของหนูให้สวยหรูตามที่หนูต้องการ ไม่งั้นละก้อ จะอาละวาดนังติ๋วกับแม่มันให้บ้านพัง แม่สนจัดการมันให้หนูนะคะ”
“ได้สิคะ แต่ว่ามันต้องมีการวางแผน นังช้อยแกมีอะไรน่ายินดี จะบอกรึ”
“เดี๋ยวเจ้าค่ะ วันนี้ คุณหนูอี๊ดจะไปร้านยังไงเจ้าคะ” ช้อยถาม
“แกพูดยังกับว่า หนูอี๊ด ขับรถไปเองเป็น” สนงง
“จะต้องขับรถไปเองทำไมกันเจ้าคะ ช้อยเห็นรถเจ้าค่ะ รถอะไรไม่รู้ น่ารัก น่าเอ็นดู น่านั่งที่สุด”
“รถอะไร” ทานตะวันฉงน
“ไอ้แทนมันบอกว่ารถออส้นตีนเจ้าค่ะ”
สองคนด่า “บ้า”
“รถน่ารักอะไรจะชื่อรถ ออส้นตีน”
“ออสติน หรือเปล่า” ทานตะวันบอก
สนเขกหัวช้อย
“นั่นแหละเจ้าค่ะ”
“บอกมานะว่ารถใคร คุณย่าหรือคุณแม่ซื้อมาให้นังติ๋วใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ รถของคุณแดงน้อยเจ้าค่ะ”
“เอาเงินที่ไหนมาซื้อ” สนแปลกใจ
“พี่แดงน้อยน่ะรวยมาก แต่ชอบทำตัวเป็นเศรษฐีบ้านนอก” ทานตะวันว่า
“เดี๋ยว ช้อย แกกำลังจะบอกให้หนูอี๊ดนั่งรถแดงน้อยไปดูร้าน”
“เจ้าค่ะ นั่งไปหักหน้า ไปฉีกหน้านังเนียนมัน เอาคุณสนไปด้วยเจ้าค่ะ กันคุณแดงน้อยอิดเอื้อน”
สนเขกหัวช้อยอีกที
“ช้อยพูดผิดหรือเจ้าคะ เขกหัวอีกแล้ว”
“เขกหัวชื่นชมว่าแกหัวดีหัวแหลมมาก”
สนดึงแขนทานตะวันไปทันที
ส่วนแดงน้อยกับเนียน สองคนพูดเรื่องที่ดินกันต่อ
“เรามาพูดถึงที่นาของน้าเนียนกันต่อ ตกลงว่าน้าเนียนยกให้ใครไปครับ ผมจะได้กลับไปบอกแม่แพรให้แกไปบอกยายอ่อนอีกต่อหนึ่ง ว่าต้องไปติดต่อกับคนคนนั้น”
“น้าว่า อย่าเพิ่งไปบอกอะไรยายอ่อนเลยค่ะ รอเอาไว้ให้ คนที่น้ายกให้เขารู้ตัวก่อน เถิดค่ะ”
“ใครคนนั้นคือน้องติ๋วใช่ไหมครับ”
“เอ้อ ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“อ้าว ถ้าไม่ใช่น้องติ๋ว แล้วยังจะมีใครที่น้าเนียนรักมาก ถึงขนาดยกที่นาให้ตั้งสิบไร่”
“เอ้อ ต้อง ขอโทษที่น้าบอกตอนนี้ไม่ได้ บอกได้แต่ว่าคนคนนั้นสมควรได้รับที่นานี้คะ คือน้ายกให้เขาไปก่อนที่จะมีหนูติ๋วด้วยซ้ำ”
“ถ้าน้าเนียนบอกว่ายังบอกไม่ได้ ผมก็ไม่ติดใจเซ้าซี้แล้วครับ จะกลับไปบอกแม่แพรตามนี้”
“ฝากบอกพี่แพรด้วยว่าน้าคิดถึงมาก อยากเจอเหลือเกิน”
“ผมพาไปหาแม่แพรได้ครับ”
“อย่าดีกว่าจ้ะ” เนียนปฏิเสธ
“เอ้อ น้าเนียนครับ ผม อยากไปยินดีกับน้องติ๋วเรื่องมีโรงเรียนเป็นของตัวเอง น้าเนียนไปกินข้าวแล้วไปหาน้องติ๋วกับผมนะครับ”
เนียนคิด ยังไม่ทันคิดออกหรือตอบได้ ทานตะวันกับสนพากันเข้ามา ทานตะวันมาจับมือแดงน้อยกุมไว้
“พี่แดงน้อยขา หนูอี๊ดอยากนั่งรถออสตินคันสวยน่ารักไปดูร้านเสริมสวยของหนูค่ะ”
“แม่ก็อยากไปกับน้องอี๊ดด้วยคนจ้ะ พาเราไปทีนะจ้ะ”
สนปรายตาเขียวปั้ดไปมองเนียน ที่เริ่มกระเถิบออก แดงน้อยมองหน้าเนียน
“เอ้อ คือ น้าเนียนกับผม...”
“เชิญค่ะ คุณหนูอี๊ด คุณสน คุณแดงน้อยเชิญค่ะ”
ทานตะวันมองเนียนด้วยความหมั่นไส้
“ยื้อยุดฉุดกระชากลากถูพี่แดงน้อย เอาไว้ใกล้ตัวมากไปแล้วนะยัยเนียน”
“งานการไม่มีให้ทำหรือไง หรือว่าเหลิงสำคัญตนว่าเป็นคนโปรดคุณแม่กันซะแล้ว” สนด่า
เนียนหันกลับก้มหน้างุดรีบเดินจากไป แดงน้อยมองตามเนียนไม่สบายใจ
“ผมขอคุยกับน้าเนียนตามลำพังเอง เพราะแม่ผมเป็นเพื่อนกับน้าเนียนท่านฝากธุระมาบอกน้าเนียนครับ ขอโทษด้วยนะครับ น้าเนียน เชิญครับ ผมจะพาไปส่งที่ร้าน”
“แมกซิม ขอบคุณมากค่ะ พี่แดงน้อย” ปรายตามองเนียนแล้วแหวใส่ “พอชั้นเดินจากไป อย่าได้มาแอบมองตามหลังชั้นทีเดียว รำค๊าญรำคาญ แอบมองอยู่ได้”
ทานตะวันฉุดมือแดงน้อยซึ่งดูอึดอัดมาก แต่ก็รีบไป มีสนยืนยิ้มเยาะ สมน้ำหน้าเนียน
“กูจะทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองไม่ให้มึงทำอะไรได้ตามต้องการอีเนียน”
สนพึมพำแล้วรีบเดินตาม
อาญารัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
ไม่นานต่อมารถออสตินของแดงน้อยจอดหน้าร้านเสริมสวยที่กำลังตกแต่งภายใน มีป้ายติดว่า ทานตะวัน บิวตี้ ซาลอน
สามคนลงมาจากรถ สนมองให้นึกหมั่นไส้ ทานตะวันมัวแต่ฉอเลาะแดงน้อย
“ร้านหนูหรูมากใช่ไหมคะ ราคาแพงมากที่สุดในเมืองนี้ด้วยนะคะ”
ทานตะวันเลยไม่ทันเห็นทีท่าสน ที่ในใจเดือดปุดๆ
“เงินที่ควรเป็นส่วนแบ่งของลูกกูทั้งนั้น มันเอามาผลาญกันสนุกมือ ทั้งอีอี๊ดอีติ๋ว ชังน้ำหน้าพวกมึงนัก”
“ว่าไงคะ พี่แดงน้อย”
“ครับ สวยหรูดูดีมาก”
จังหวะนี้ พิสมัยคนดูแลงาน ดูแลร้านแทนทานตะวันออกมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ คุณทานตะวัน มาดูงานแต่งร้านหรือคะ”
“ใช่ พิศมัยยะ นี่แม่สน นี่พี่แดงน้อย” ทานตะวันแนะนำ
“สวัสดีค่ะ เชิญชมด้านในค่ะ ตกแต่งไปแยะแล้ว อีกไม่นานเกินเดือนคงเสร็จค่ะ”
“ไปกันค่ะ พี่แดงน้อ”
สนมองอยู่ข้างหลังแอบค้อน ด่างึมงำ
“อีเด็กนี่มันบ้าผู้ชาย จับมือถือแขนหน้าไม่อาย เป็นลูกสาว จะฟาดให้ข้อมือซ้น”
แดงน้อยค่อยๆ คลายมืออี๊ดออก
“น้องอี๊ดครับ พี่ต้องไปรายงานตัวที่ศาลากลางตอนบ่าย ครับ” แดงน้อยบอก
“แหม...หนูตั้งใจว่าจะกินอาหารกลางวันกับพี่แดงน้อย”
สนพึมพำ “สมน้ำหน้า”
“ขอตัวก่อนนะครับ คุณแม่สน แล้วพบกันนะครับ น้องอี๊ด”
“แล้วนี่เราสองคนมิต้องเดินกลับกันหรือคะ” สนว่า
“ผมจะแวะบอกเทิดศักดิ์ให้มารับ คุณแม่สนกับน้องอี๊ดที่นี่นะครับ”
แดงน้อยถอยไปที่รถ สนกระซิบเสี้ยม
“นี่ถ้าเป็นอีเด็กติ๋วกับนางเนียน แดงน้อยไม่มีปฏิเสธ ถึงไหนถึงกัน แม่สนแค้นแทนหนูอี๊ดเหลือเกิน ทำไมมีหนูอี๊ด แล้วทำไมต้องมีเด็กติ๋ว”
“ทำไมมีแม่สนแล้วต้องมียัยเนียน” ทานตะวันต่อคำให้
สองคนร้อง “เฮ้อ” เซ็งสุดๆ มองตามแดงน้อยที่ขับรถห่างออกไป
ด้านเทิดศักดิ์ขับรถมาจอดที่หน้าโรงเรียนของทานตะวัน แดงน้อยขับรถมาจอด เทิดศักดิ์เขม้นมองว่ารถใคร
เนื้อทองเดินออกมาจากในโรงเรียน เทิดศักดิ์ลงจากรถ แดงน้อยก็ลงมาจากรถเช่นกัน
“พี่เทิดศักดิ์ พี่แดงน้อย” เนื้อทองทักทาย
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยมองหน้ากัน เทิดศักดิ์เริ่มไม่สบายใจที่เห็นแดงน้อยมาหาเนื้อทอง
“แดงน้อย รถสวยนะ”
“ขอบใจ ไม่ใช่รถกันซื้อเองหรอก กันไม่มีปัญญา ลุงสินให้เป็นของขวัญสำหรับการมารับตำแหน่งนายอำเภอที่นี่”
สองคนอุทาน “นายอำเภอ” ออกมาพร้อมกัน
“ดีใจด้วยค่ะ ท่านนายอำเภอคนใหม่”
“ดีใจกับแก ดีใจกับตัวเองและทุกคน ที่มีนายอำเภอหล่อมากเข้าขั้นพระเอกหนัง อย่างนี้ต้องฉลอง”
“ที่ไหนเล่า” แดงน้อยยิ้มๆ
“ตามข้าพเจ้ามา”
“ตามไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะไปนั่งรถคันไหน” เนื้อทองว่า
“น้องติ๋วไปนั่งกับเทิดศักดิ์เถิดครับ”
เทิดศักดิ์ยิ้มพยักหน้าส่งสายตาขอบใจให้แดงน้อย แล้วแดงน้อยก็นึกอะไรออก
“ตายจริง กันลืมสนิท”
“ลืมอะไรหรือคะ พี่แดงน้อย”
“บอกให้แกไปรับ คุณแม่สนกับน้องอี๊ดกลับบ้าน”
เทิดศักดิ์ยิ้มแห้งๆ
“งั้นน้องติ๋วไปกับพี่แดงน้อย ไปร้านที่พี่เคยพาไปนะคะ พี่ไปส่งแม่สนกับน้องอี๊ดแล้วจะตามไปสมทบ”
เนื้อทองเดินมาที่รถของแดงน้อย เทิดศักดิ์เลยขับรถออกไปแบบเซ็งๆ
สองคนนั่งหงุดหงิดอยู่ในร้านเสริมสวยของทานตะวัน เพราะนั่งรอนานแล้ว
“ทำไม พี่เทิดศักดิ์ไม่มารับเรากลับบ้านสักทีคะ แม่สน”
“นั่นสิคะ แม่สนก็นั่งจนกระดูกก้นจะงอกไปออกงานวัดเป็นคนมีหางแล้วนะคะ”
“เฮ้อ...เบื่อ”
สองคนบ่นบ้า หงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟากขุนภักดีนั่งรถออกมาจากศาลากลางเมืองสุพรรณ มีเอกเป็นคนขับ
“นั่นรถคุณเทิดศักดิ์ขอรับครับผม”
เทิดศักดิ์เห็นรถท่านขุน
“รถคุณพ่อ”
เทิดศักดิ์บีบแตรลั่น ยื่นหน้าไปโบกมือเรียก รถสองคนจอดซ้อนกัน
“มาหาพ่อหรือ เทิดศักดิ์”
“เอ้อ จะไปที่อื่นครับ พอดีเจอคุณพ่อ คุณพ่อจะกลับบ้านหรือครับ แวะรับคุณแม่สนกับน้องอี๊ดที่ร้านเสริมสวยทานตะวันด้วยนะครับ”
“อ้าว แล้วลูกจะไปไหน”
“ไปเลี้ยงฉลองนายอำเภอคนใหม่ครับ”เทิดศักดิ์บอก
ขุนภักดีรู้ทันที “แดงน้อย”
“ครับ”
“งั้นพ่อไปฉลองด้วย ไอ้เอกแกไปรับลูกชั้นกับคุณสน”
ขุนภักดอารมณ์ดี นึกสนุกครึกครื้น รีบลงจากรถ ไปนั่งรถเทิดศักดิ์ ที่ยิ้มย่องดีใจ
เอกเลยขับไปรับสนกับทานตะวัน
สองคนนั่งรอจนโมโหชักเดือดดาลแล้ว พิศมัยใจคอไม่ดี
“ทำไมลูกเทิดศักดิ์ไม่มารับแม่สักที นี่แม่สนทนไม่ไหวแล้วนะ”
“หรือว่า มัวไปหานังติ๋วพามันไปพลอดรัก แม่สนระวังเถิดนะคะมันได้มาเป็นลูกสะใภ้แม่สนแน่ค่ะ”
“แม่สนไม่มีวันเอาอย่างมันมาเป็นสะใภ้แน่คะ”
“นั่นสิคะ ลูกโจรใจทรามแท้ๆ แต่ทำไมแม่ไม่ยอมรังเกียจมันนะคะ”
“คุณแม่คนเดียวที่ไหนกันคะ คุณย่าเลิกราตามคุณแม่ไปด้วย แถมตอนนี้คุณพ่อก็เย็นลงแยะ หนูอี๊ดไปสามปี คุณพ่อไม่มีด่ามันสักแอะ มิหนำซ้ำ...”
“อะไรหรือคะ” ทานตะวันอยากรู้มาก
“แอบมองอีเนียนกับนังติ๋วบ่อยๆ ค่ะ”
“ว้าย”
สนใส่ไฟอีก “สงสัยอยากจะคืนดีกับมันค่ะ”
“โอ๊ย หนูทนไม่ได้ หนูไม่ยอมแน่ๆ”
พิศมัย กระซิบรายงาน
“รถท่านข้าหลวงมาแล้วค่ะ”
“คุณพ่อมารับเราแล้วค่ะ” สนดีใจ
รถที่เอกขับจอดรออยู่ สองคนรีบเดินไป เอกรีบลงมา
“ไหนคุณพ่อ”
“ท่านไม่ได้มา แต่ท่าน ให้กระผมมารับขอรับ” เอกบอก
“อยากจะเอาร่มหวดให้หน้าแกแหก ทำไมมาช้าอย่างนี้”
ทั้งสองก้าวขึ้นรถไป
สองคนหน้างอ ตาคว่ำ ถามซักเอากับเอกไม่เลิกรา
“คือว่า คุณแดงน้อยคงจะบอกคุณเทิดศักดิ์ คุณเทิดศักดิ์มาบอกท่านขุนท่านขุนก็เลยมาสั่งผม มันเลยล่าช้าขอรับ”
“สั่งกันเป็นทอดๆ ชั้นสองคนกับแม่สน เลยนั่งหน้าแห้งเป็นปลากรอบตากแห้ง”
“แล้วทำไมมันถึงต้องสั่งต่อกันเป็นทอดๆ”
“ผมทราบแค่ว่าคุณเทิดศักดิ์จะไปฉลองนายอำเภอคนใหม่ ท่านขุนเลยเฮฮาตามไปด้วยขอรับ”
ทานตะวันกะสนสบตากัน เป็นเชิงถามว่ายังไงกันนี่
“มีใครไปบ้าง” ทานตะวันถาม
“ผมไม่ทราบดอกขอรับ”
“แต่ชั้นว่าแกทราบ หนูอี๊ดขา แม่สนว่าเราไปฉลองนายอำเภอคนใหม่กันดีไหมคะ”
“ดีมากค่ะ นายเอก พาเราไปเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ แต่ผมไม่ทราบว่าจะพาไปที่ไหน” ความจริงเอกพอเดาได้ว่าไปไหน
“แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้ แกรู้แต่แกทำเซ่อใส่ชั้น”
“พี่เทิดศักดิ์พานังติ๋วไปด้วยใช่ไหม” ทานตะวันคาดคั้น
“ไม่ทราบขอรับ คุณหนู”
“จะไปหรือไม่ไป” สนขู่
“ไปขอรับผม”
เอกยิ้มเจ้าเล่ห์ สีหน้าเหมือนคิดแผนร้าย
ทั้งหมดนั่งกินอาหารกันอยู่ในร้านอาหารชื่อดังของสุพรรณบุรี ขุนภักดีอารมณ์ดีมาก
“ทีนี้พวกเรามีกันครบทีมจับไอ้เสือหนัก มันจะรอดพ้นเงื้อมมือเราสามคนได้ให้มันรู้ไป ไอ้คนชั่ว”
“ครับ คุณพ่อ ผมว่ามันไม่พ้นมือเราแน่” เทิดศักดิ์ผสมโรง
“ว่าแต่ว่ามันจะยอมให้เราจับเป็นหรือจับตายมัน เท่านั้นเอง”
ตลอดเวลาที่พูดถึงหนัก เนื้อทองเอาแต่ก้มหน้าไม่สบายใจ เทิดศักดิ์กับแดงน้อยมองหน้าเนื้อทองเลยหยุดพูด ท่านขุนเองก็รู้สึก
“เลิกพูดถึงมันไปก่อน” ขุนภักดีหันมาถามเนื้อทอง “โรงเรียนไปถึงไหนแล้ว”
“เอ้อ ตัวอาคารเสร็จแล้ว เจ้าค่ะ กำลังทาสี เจ้าค่ะ”
“ได้ดีกันหมดทุกคน อีกหน่อยคนแก่ก็ทยอยกันตาย แต่ก่อนตาย ก็อยากให้อะไรอะไรมันไม่ติดค้างไปถึงชาติหน้า”
ขุนภักดีพูดเหมือนปลง พร้อมกับนึกไปถึงเนียน
เอกพาสองคนตระเวนไปตามร้านต่างๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ เจ้าของร้าน ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ท่านผู้ว่าไม่ได้มาร้านนี้ค่ะ”
“จะบ้าอยู่แล้วนะ แม่สนขา นายเอกมันพาเราไปมาหลายร้านไม่ใช่สักร้าน”
“นี่มันมืดค่ำแล้ว ข้าวก็ยังไม่ได้กิน หมายใจจะไปกินด้วยสักหน่อย”
“กินมันร้านนี้เลยดีไหมขอรับ” เอกบอก
“ไม่กิน ชั้นจะกินร้านที่คุณพ่อกับพี่เทิดพี่แดงน้อยกิน”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญขอรับ หาต่อไป”
สนกับทานตะวันมองหน้ากัน โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ทุกคนอิ่มแปล้ ขยับตัวกลับ ท่านขุนเป็นคนจ่ายเงิน
“วันนี้พ่อขอเป็นเจ้าภาพ”
“ขอบคุณมากครับ”
เนื้อทองไหว้ตามไปด้วย เจ้าของร้านส่ายหน้าไม่รับเงิน
“เป็นเกียรติที่ท่านมาใช้บริการร้านเรา ผมขอถือโอกาสดูแลท่านและลูกหลานขอรับ”
“คอรัปชั่น นี่เขาเรียกว่าคอรัปชั่น ชนิดอ่อนๆ สอนให้คนโลภอยากกินฟรี โดยเฉพาะข้าราชการ จะฉวยโอกาสเอาเปรียบพ่อค้าวานิชต่อมาเกิดเป็นความเกรงใจ ใช้บริการต่างตอบแทนบ้านเมืองเสียหาย ชั้นไม่นิยม บอกว่าค่าอาหารครั้งนี้ราคาเท่าไหร่ จ่ายตามความเป็นจริง” ขุนภักดีเอ็ดตะโร
เจ้าของร้านหน้าซีด
“กระผมไม่ได้ตั้งใจขอรับ กระผมเพียงแต่ภาคภูมิใจ ที่ท่านมาร้านกระผม”
“จำเอาไว้ให้แม่น อย่าไปเสนออะไรแบบนี้ให้ข้าราชการคนไหนที่นี่อีก มันคือบ่อเกิดของคอรัปชั่น ทุจริต เริ่มจากกินอาหารฟรี ต่อไปกินปูนหินดินทรายเหล็กฟรีไม่มีที่สิ้นสุด”
“ขอรับ ท่านข้าหลวง”
“ดีมาก ไหนใบแจ้งค่าอาหาร”
เจ้าของร้านส่งให้มือไม้สั่น
“ยัยติ๋ว เธอบวกสิ ถูกต้องไหม”
เนื้อทองบวกดู “ถูกต้องเจ้าค่ะ”
ขุนภักดีส่งเงินให้เจ้าของร้าน
“ชั้นพาน้องติ๋วกับคุณพ่อกลับบ้านเอง แกได้บ้านพักแล้วใช่ไหม”
“ได้แล้ว แล้วเจอกัน สวัสดีครับ คุณพ่อ” แดงน้อยไหว้ลา
“ตามสบาย พบกันที่ ศาลากลางวันพรุ่งนี้”
ทั้งหมดพากันกลับออกไปจากร้านดังกล่าว มีเจ้าของร้านตามไปส่งแบบใจหายใจคว่ำ
“จำไว้นี่คือขุนภักดีภูบาล ไม่มีวันยอมกินฟรีของใครทั้งนั้น”
เทิดศักดิ์หันไปบอก
พอรถของพวกเทิดศักดิ์ และแดงน้อยพ้นไป เจ้าของร้านกำลังจะเดินกลับเข้าร้าน รถของท่านขุนที่เอกขับเข้ามาจอด ทานตะวันกับสนลงมาจากรถ
“ร้านสุดท้ายในเมืองนี้แล้วใช่ไหมนายเอก” ทานตะวันถาม
“ขอรับ”
“ทำไมแกพาชั้นมาร้านนี้เป็นร้านสุดท้าย” สนโมโห
“ผมมาตามรายทาง ละเรื่อยมาขอรับ มิได้เจตนาเฉไฉ”
สองคนหน้างอง้ำมากขึ้น เอกตามลงมาด้วยไม่หวั่นเกรงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ถ้าพวกเขามาที่นี่ แปลว่าแกแกล้งชั้นกับคุณหนู”
เอกพึมพำ “อุตส่าห์ถ่วงเวลาแทบตาย ไปหรือยังนะ”
“ไปเรียกเจ้าของร้านมาเดี๋ยวนี้”
เจ้าของร้าน หันมาเจอหน้าทานตะวันถึงกับสะดุ้ง เพราะหน้าเหมือนเนื้อทองที่เพิ่งจากไปแหม่บๆ
“เฮ้ยผะ ผีหลอก” เจ้าของร้านชี้หน้าทานจตะวัน
“ผีอะไรหลอกไม่ทราบ” สนงง
“คุณหนูเพิ่งนั่งรถออกไปกับท่านข้าหลวง เดี๋ยวนี้ แล้วทำไมกลับมาได้อีก ถ้าไม่ใช่ ผ…”
สนกับทานตะวันสบตากันเข้าใจทันที
“นังติ๋ว”
เอกถอนใจโล่งอก สองคนหันมามองเอก ปรี่มาใส่
“แกเจตนามาร้านนี้สุดท้าย”
“แกกลัวชั้นมาเจอนังติ๋ว นี่เจ้าของร้านจำไว้นะ ที่เจอเมื่อกี้มันชื่ออีนังติ๋ว มันไม่ใช่คุณหนูมันเป็นลูกคนเลี้ยงหมูบ้านชั้น ไม่ใช่ลูกท่านข้าหลวงพ่อชั้น”
สนสำทับ “นี่แหละคุณหนูตัวจริง”
“นี่คือคุณนายสน คุณมารดาเลี้ยงของคุณหนูทานตะวันท่านนี้” เอกบอก
“อย่ามัวสาธยาย กลับเดี๋ยวนี้ ไอ้เอกชั้นหมายหัวแกไว้แล้ว”
“ก็แล้วแต่จะกรุณาหมายเถิดขอรับ คุณนายสน ผมโดนหมายหัว ระวังไว้ให้ดีอาจมีบางคนโดนหมายศาล” เอกย้อน
“ไอ้เอก”
“แกว่าแดกใครนายเอก” ทานตะวันฉุน
“ไม่มีขอรับ”
สองคนขึ้นรถกลับไปเอกหันไปแอบยิ้ม หลิ่วตาให้เจ้าของร้านที่ยังงงๆ อยู่อย่างนั้น
สนมาส่งทานตะวันที่หน้าเรือนใหญ่ กระซิบสอน
“อย่าเอะอะโวยวายใส่คุณพ่อนะคะ”
“แม่สนมีแผนอะไรคะ”
“เย็นไว้ ให้มันปะทุอยู่แต่ภายในค่ะ แม่สนกำลังหาทางกำจัดเสี้ยนหนามของคุณหนูอยู่ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ที่เตือนสติหนู”
“แค้นมากยิ่งต้องนิ่งมาก เพื่อการแก้แค้น มันจะได้ราบรื่นค่ะ”
พอทานตะวันขึ้นเรือน สนมีสีหน้าโหดเหี้ยมอำมหิตมาก
“นังเด็กโง่ หลงคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในบัญชีแค้นของชั้น อีติ๋ว อีเนียน มึงกำลังลองดีกับกู มึงยังไม่ยอมรู้ตัวว่ากำลังเล่นกับอะไร”
สนเดินบ่นงึมงำออกไปจากตรงนั้น
ติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 14