ข้าวนอกนา ตอนที่ 9
ค่ำนั้น ในผับจอร์จพาดำมาที่ร้านเช่าชุดนักร้อง...ดำออกมาจากห้องลองชุด
“อืม...ชุดนี้ใส่พอดีเลยนะ เข้ากับเธอเลย เอาชุดนี้แหละ”
“ชุดนี้ท่าทางค่าเช่าจะแพงมาก”
“ยอมลงทุนหน่อยสิ คืนแรกต้องให้คนดูประทับใจ เธอหาได้เมื่อไรค่อยเอามาใช้ฉันก็แล้วกัน”
“อ้าว...นึกว่าจะฟรี”
“คนเราจะได้เงินได้ความสุขสบายโดยไม่ทำงานเลยไม่ได้หรอก”
“อ๋อ...เรื่องนั้นหนูรู้ หนูทำงานมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว”
ดำสะบัดหน้าเดินออกไป จอร์จมองตามยิ้มๆ
เสียงดนตรีดังมา หน้าเวที แสงไฟส่องดำขึ้นมาบนเวที ยกมือสวัสดีผู้ชม
“สวัสดีค่า ดำ ดลิน จากรายการเดอะซองค่ะ คงจำกันได้นะคะ”
หลายคนเบ้หน้าใส่ บางคนเมินหน้าหนี
“ตัวจริงดำกว่าในทีวีอีกว่ะ”
จอร์จตบมือนำ คนอื่นเริ่มตบตามเปาะแปะๆ ดำเริ่มร้องเพลงจังหวะเร็วๆ และเต้นไปด้วยอย่างสนุกสนาน คนดูเริ่มโยกหัวและตบมือไปด้วย เจ๊ต่ายเห็นปฏิกิริยาคนดูก็พอใจ แอบเต้นอย่างอินตาม จอร์จมองดำอย่างชื่นชม ดำมองมา เขายกนิ้วให้
ดนตรีเปลี่ยนเป็นเพลงช้า ดำร้องเพลงอย่างซาบซึ้งกินใจ คนดูรวมทั้งจอร์จนั่งฟังเหมือนตกในภวังค์ ดำร้องจนจบเพลง เสียงคนดูตบมือดังสนั่น ดำไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เจ๊ต่ายตบมือให้ดำดังสนั่นอย่างพอใจ
ดำเข้ามาในห้องแต่งตัวนักร้องอย่างโล่งใจ เสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคักในห้อง ดำหันไปมอง เห็นออยซึ่งแต่งตัวนักร้องแบบเซ็กซี่มากกำลังนั่งแต่งหน้าหน้ากระจก และเมาท์กับเพื่อนอย่างเมามัน
“แกเห็นเปล่าวะ หน้าตาลูกครึ่ง หล่อยังกับพระเอกหนังฝรั่งแน่ะ”
แอ๋มงงๆ
“คนไหนวะนังออย”
“ก็คนที่นั่งอยู่โต๊ะสองนั่นไง แกออกไปดูสิ”
“อ๋อ...ใช่ๆ โคตรหล่อเลยว่ะ สงสัยจะเป็นฝรั่งมั้ง”
“เดี๋ยวออกไปร้องนะ จะเข้าไปขอทิปหนักๆ ซะหน่อย”
ออยทำท่าเซ็กซี่ยั่วยวน หูตาแพรวพราว ดำกระแอมไอ แต่คนอื่นก็ไม่สนใจ ยังคงคุยกันต่อ แนทหันมาถามออย
“นี่ไม่กลัวแฟนแกหึงเหรอนังออย”
“กลัวอะไร ลองมาหึงดิ จะได้ไล่ไปให้พ้นๆ ซะที”
แอ๋มเบ้หน้า
“จะยอมไปเร้อ เกาะแน่นยังกับปลิง”
ออยหมายมั่น
“ฉันจะหาทางเฉดหัวไปให้พ้นๆอยู่นี่แหละ จะได้ควงฝรั่งหนุ่มๆหล่อๆรวยๆกับเค้าบ้าง”
ดำโพล่งขึ้น
“คนนั้นน่ะเพื่อนฉัน”
ทุกคนหันมาจ้องดำด้วยสายตาเหยียดหยาม ประมาณว่าไม่ได้คุยด้วย ออยมองดำอย่างนึกไม่ถึง
“นังดำ แกยังไม่ตายอีกเหรอ”
“รอแกตายโหงก่อน”
“โธ่เอ๊ย...ทำเป็นปากดี ในที่สุดก็ต้องมาร้องเพลงในผับแบบนี้ นังนักร้องตกรอบ”
“ดีกว่าแกที่ไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะเข้ารอบ เสียงไม่เอาไหน สักแต่โชว์ของ”
ออยโกรธ
“แกนี่มันไม่เจียมจริงๆ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตกรอบเพราะอะไร เพราะหน้าดำ น่าเกลียดของแกนี่แหละ”
ดำเท้าสะเอวชี้หน้า
“หน้าดำแล้วมันหนักส่วนไหนของแกวะ”
“หนักลูกตาว่ะ มองแล้วมันอยากจะอ้วก”
“งั้นมามองตีนฉันนี่มา”
ดำกระชากผมออยจะให้ก้มลง เพื่อจะมาบดขยี้กับเท้าของตน ออยร้องลั่น
“อ๊าย...”
ออยสู้แรงดำไม่ได้ แอ๋มกับแนทช่วยกันดึงดำออกมา
“เฮ้ยอย่า...”
ดำดิ้นพราด แอ๋มกับแนทจับแขนดำไว้คนละข้าง ออยหลุดจากดำก็จ้องอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“จะให้ฉันดูตีนแก แกลองชิมฝ่ามือฉันก่อนก็แล้วกัน”
ออยเงื้อจะเข้าไปตบดำ แต่ดำถีบออยหงายหลังลงพื้นทั้งที่แอ๋มกับแนทยังจับแขนไว้อยู่ ออยร้องลั่น
“อ๊าย”
ทันใดนั้นเสียงเจ๊ต่ายดังขึ้น
“มีอะไรกันนังพวกนี้”
ทุกคนรีบแยกกันโดยอัตโนมัติ เจ๊ต่ายมองกราด
“ฉันถามว่ามีอะไรกัน”
ออยจ๋อยๆ
“เปล่าค่ะเจ๊ มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“ท่าทางจะไม่นิดหน่อยละมั้ง” เจ๊ต่ายจ้องหน้าออย “ถึงคิวแกแล้ว รีบออกไปก่อน”
“ค่ะเจ๊”
ออยเหยียดปากใส่ดำ แล้วไปส่องกระจกจัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่ โดยมีแอ๋มกับแนทเข้าไปช่วย เจ๊ต่ายหันไปทางดำ
“ดำแกไปที่ห้องฉัน”
เจ๊ต่ายเดินออกไป ดำหน้าเสีย รีบตามไป ออยกับแนทและแอ๋มหันไปยิ้มให้กัน ออยสะใจ
“นังดำไม่รอดแน่”
ในห้องงาน เจ๊ต่ายมองดำอย่างตำหนิ
“มาวันแรกก็มีเรื่องแล้วเหรอ”
“หนูไม่ได้เป็นคนหาเรื่องนะคะ นังออยมันมาว่าหนูก่อน”
“ใครจะว่าใครก่อนก็ช่าง แต่เธอต้องอดทนให้มากกว่านี้ ฉันไม่ชอบให้มีเรื่องกันนะ ถ้ามีอีกจะไล่ออกให้หมด”
“ถ้าใครมารังแกหนู หนูก็อยู่เฉยไม่ได้หรอกนะคะ”
เจ๊ต่ายส่ายหน้า
“เธอนี่มันแรงไม่เข้าเรื่อง...นี่ถ้าร้องเพลงไม่ดี ฉันไม่เอาเธอไว้แน่ โชคดีนะที่วันนี้เธอร้องแล้วคนดูชอบ”
ดำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจ๊ต่าย
“พรุ่งนี้ให้หนูมาร้องอีกใช่ไหมคะ”
“ก็มาสิ เดี๋ยวเธอออกไปร้องอีกรอบด้วย”
“จัดให้เลยค่ะเจ๊”
เจ๊ต่ายมองดำอย่างกึ่งชื่นชมกึ่งระอาใจ
ออยออกมาร้องเพลง พลางปรายตามองเล่นหูเล่นตากับจอร์จ แต่จอร์จยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่ได้สนใจนัก ออยเดินมาใกล้ทำท่าเซ็กซี่ยั่วยวนใส่ จอร์จหยิบกระเป๋าเงินออกมายื่นทิปให้ ออยรับมาแล้วจะไปนั่งตัก จอร์จโบกมือว่าไม่ต้อง ออยหน้าเสียนิดหนึ่ง แล้วเดินออกไป ดำเดินออกมาแอบมองอยู่มุมหนึ่งอย่างรู้สึกหมั่นไส้ ดำออกไปหาจอร์จเพื่อเย้ยมานั่งกับเขาอย่างใกล้ชิด จอร์จแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่า”
ดำปรายตามองจอร์จ
“เปล่าค่ะ เห็นครูนั่งอยู่คนเดียวกลัวเหงา”
“ไม่เหงาหรอก สนุกดี เธอร้องดีมาก คนดูชอบเธอทั้งนั้น”
“เหรอคะ...ดีใจจัง”
ดำเห็นออยมองมา ก็ยิ่งกระแซะเข้าไปใกล้จอร์จ ออยมองหมั่นไส้มาก
“เจ๊ต่ายให้หนูออกไปร้องอีกรอบด้วย”
จอร์จดีใจ
“เยี่ยมมาก เห็นไหม เธอทำได้”
“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้ครูหนูก็คงไม่ได้ออกมาร้องเพลงอีกแล้ว”
ดำเข้าไปเกาะแขนและเอียงคอจนเกือบซบจอร์จ ออยมัวแต่มองดำจนลืมเนื้อ ร้องตามดนตรีไม่ทัน คนดูโห่ ดำหัวเราะขำ จอร์จงงๆ กับท่าทีของดำ แต่ก็ยิ้มแบบขำๆ
ดำนั่งจัดทรงผมกับชุดให้เข้าที่ก่อนจะออกไปร้องเพลงต่อ ออยกระแทกเท้าเข้ามา พอเจอดำก็มองอย่างเข่นเขี้ยว แนทถาม
“เมื่อกี้คนดูโห่ทำไม”
“เปล่านี่”
ดำเยาะๆ
“ก็มีคนลืมเนื้อน่ะซี้ มัวแต่มองอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
ออยแยกเขี้ยวใส่ดำ
“เสือก...”
ดำทำลอยหน้าลอยตา ฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“อุ๊ย...เดี๋ยวต้องออกไปร้องอีกรอบแล้ว”
ออยมองตามเจ็บใจ ทำท่าจะเข้าไปจิกหัวดำ แต่แอ๋มดึงไว้
“ใจเย็นๆ ออย อย่ามีเรื่องในนี้เลย”
แนทบอกกับออย
“ไว้ตามไปดักตบมันข้างนอกดีกว่า มันกว่าเยอะ”
หลังจากร้องเพลงเสร็จ ดำเดินออกมาหลังผับ เห็นจอร์จรออยู่
“เป็นไงดำ”
“พรุ่งนี้เจ๊ต่ายให้หนูมาร้องอีก”
“ดีใจด้วย”
“ขอบคุณค่ะ หนูก็ทำเต็มที่ของหนู แล้วนี่ครูมารอหนูทำไม พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวเหรอ”
“ไหวสิ ว่าแต่เธอเถอะ คืนนี้จะไปพักที่ไหน”
ดำอึ้งไป มองจอร์จอย่างแปลกใจ
“ครูรู้ได้ยังไง”
“หวานโทรมาบอกฉันเองว่าเขาไล่เธอออกจากบ้าน ที่จริงหวานเขาเป็นห่วงเธอมากนะ”
“หนูรู้ว่าทำให้พี่หวานผิดหวัง”
“ฉันเองก็มีส่วนด้วย แต่เธอกลับไปบ้านนั้นไม่ได้แล้ว ถ้าเสี่ยพรรู้เขาก็จะพาลโกรธหวานไปด้วยอีกคน”
“หนูรู้ พี่หวานไม่ได้โกรธหนูจริงหรอก แต่พี่หวานก็ต้องให้ตัวเองอยู่รอด”
“ดีแล้วที่เธอเข้าใจหวาน เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ก่อน เป็นของ
เพื่อนฉัน เขาคิดราคากันเอง”
“หนูมีเงินติดตัวไม่มากหรอกนะ ไม่รู้จะพอค่ามัดจำหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ฉันออกให้ก่อน เธอมาผ่อนใช้ทีหลังก็แล้วกัน”
จอร์จเดินออกไป ดำทำปากขมุบขมิบพึมพำเบาๆ
“เขี้ยวชะมัด”
จอร์จหันมา
“อะไรนะ”
“เปล๊า”
“เขี้ยว...แปลว่าอะไร”
ดำทำลอยหน้าลอยตา จอร์จยักไหล่
“ท่าทางความหมายไม่ค่อยดีเท่าไร ฉันถามคนอื่นก็ได้ รีบไปเถอะ ดึกมากแล้ว”
จอร์จดึงแขนดำให้รีบไป ดำยอมตามไปแต่โดย
ข้าวนอกนา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ดำเข้ามาในห้อง โดยมีจอร์จหิ้วกระเป๋าตามเข้ามา ดำมองไปรอบๆ อย่างรู้สึกพอใจ
“โอ้โฮ หรูขนาดนี้ รายได้อย่างหนูจะเช่าไหวเหรอ”
“เธอก็หางานทำเพิ่มสิ”
“โอ๊ย...หาแค่งานเดียวก็ยากจะตายอยู่แล้ว หน้าตาอย่างหนูหางานร้องเพลงได้ง่ายๆ เหมือนคนอื่นซะที่ไหน”
“ต่อไปมันก็จะง่ายขึ้นเองนั่นแหละ เธอต้องมีความพยายามด้วย เอาละ คืนนี้พักผ่อนก่อนนะ มีปัญหาอะไรก็โทรหาฉันได้”
“ขอบคุณค่ะครู พรุ่งนี้ครูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนหนูแล้วนะ เสียเวลาเปล่าๆ”
จอร์จไม่ตอบ แต่โบกมือให้ก่อนออกไป
“โอเค กู๊ดไนท์จ้ะ”
ดำเขินๆ
“เอ่อ...ค่ะ กู๊ดไนท์”
ดำมองตามจอร์จอย่างรู้สึกดีขึ้นมา เกาหัวตัวเองอย่างรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอนอย่างรู้สึกสบายใจ
วันใหม่...เดือนค่อยๆแง้มประตูบ้านออก มองซ้ายมองขวา แล้วย่องออกมา ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วออกไป ดนัยธรมองตามอย่างสงสัย
เดือนเดินเข้ามาในสวนหมู่บ้านตรมมาหาไวภพด้วยท่าทางไม่สบายใจ ไวภพถามอย่างแปลกใจ
“ทำไมถึงนัดผมมาที่นี่”
“เดือนมีอะไรอยากจะบอกค่ะ ไม่อยากคุยทางโทรศัพท์”
“มีเรื่องอะไรเหรอ”
“เดือนไม่ต้องไปเรียนต่ออเมริกาแล้ว”
ไวภพจับมือเธอไว้อย่างดีใจ
“จริงเหรอเดือน ผมดีใจด้วยนะ” เขามองหน้าเธอ “แต่เอ๊ะ...ทำไมเดือนดูไม่ดีใจเลย กลับดูเศร้าด้วยซ้ำ”
“คุณพ่อยื่นเงื่อนไขหลายอย่าง ที่ทำให้เดือนอึดอัด เงื่อนไขบังคับเดือนมากเกินไป”
“เงื่อนไขมีอะไรบ้าง เล่าให้ผมฟังได้ไหม
“เดือนต้องงดทำกิจกรรมตอนเย็น เพราะคุณพ่อจะให้คนขับรถไปรับไปส่งเดือนทุกวัน แล้วก็...”
เดือนเริ่มเล่าให้ไวภพฟังไปเรื่อยๆ ไวภพหน้าเครียด ดนัยธรแอบดูอยู่หลังต้นไม้ ไม่พอใจมาก
เขมวรรณกลับเข้ามาบ้าน มองหาเดือนกับดนัยธร
“หายไปไหนกันหมดนะ”
ขจิตเดินออกมา
“พอยัยเดือนออกไป ตานัยก็รีบตามไปทันทีเลย”
“ตามไปไหนคะ”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตานัยดูจะอาการหนักข้อขึ้นทุกวันแล้วนะ ก่อนหน้านี้แค่ผู้ชายมาส่งลูกสาวถึงบ้านก็อาละวาดบ้านแทบแตก นี่ก็คอยจับผิดยัยเดือนอีกว่าวันๆไปไหน ทำอะไรมาบ้าง จนแม่อึดอัดแทน”
เขมวรรณแอบเครียด แต่ก็ทำเป็นยิ้มแย้มกลบเกลื่อน
“เขาหวงลูกสาวของเขานี่คะ”
“แต่แม่ว่าต่อไปมันต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก แล้วอาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะยัยเดือนเริ่มโตเป็นสาวแถมสวยมากด้วย ยังไงก็ต้องมีผู้ชายแวะเวียนเข้ามาอีกหลายคน ตานัยมิอกแตกตายเหรอ”
“เดือนรับปากแล้วค่ะ ว่าจะไม่สนใจเรื่องอื่นจนกว่าจะเรียนจบ”
“แม่ว่าถึงเรียนจบแล้วทำงานแล้วตานัยก็ยังเป็นแบบนี้ เผลอๆ จะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะยิ่งโตขึ้นยัยเดือนก็ยิ่งต้องการอิสระ ถึงแม่จะเป็นคนโบราณ แต่ก็เข้าใจเด็กสมัยนี้นะ ว่าอย่าไปตึงมากเกินไป มันอึดอัดแล้วจะเตลิดไปกันใหญ่ คราวนี้ละตานัยจะอกแตกตายเป็นคนแรก”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ หนูเชื่อว่ายัยเดือนไม่ใช่เด็กใจแตกอย่างนั้น”
“ก็ตามใจนะ แม่เตือนในฐานะคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน แกน่ะไม่เคยเชื่อแม่หรอก เชื่อแต่ความคิดตัวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาลูกจะต้องเสียใจ”
ขจิตเดินออกไปอย่างหงุดหงิด เขมวรรณทำเป็นไม่สนใจ แต่พอขจิตไปแล้ว ก็กลับครุ่นคิดตาม
ดนัยธรกำมือแน่น ขณะแอบมองพฤติกรรมของเดือนกับไวภพ สายตาของเขาเห็นไวภพลูบหลังปลอบเดือน แล้วโอบไว้ เธอซบกับไหล่ของเขาน้ำตาซึม เขาเช็ดน้ำตาให้ ดนัยธรเจ็บใจ
“ลูกไม่รักดี...”
ดนัยธรตัดสินใจเดินเข้าไปหาทั้งสองทันที
ไวภพผุดลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ผมจะไปคุยกับคุณพ่อของเดือนเอง”
เดือนตกใจ
“อย่าเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก มีแต่จะทำให้คุณพ่อโกรธมากขึ้น”
“แล้วเดือนจะทนอยู่กับกฎระเบียบบ้าๆ บอๆ พวกนี้ได้เหรอ”
“เดือนเชื่อว่า ถ้าเราไม่กระโตกกระตาก ต่อไปเงื่อนไขของคุณพ่อจะค่อยๆคลายลง เราอึดอัดแค่วันนี้เพื่อวันหน้าของเรานะคะ”
“แต่ผมกลัวว่าท่านจะยิ่งแยกให้เราห่างกันมากกว่า เพราะว่าคุณพ่อเดือนดู...แปลกๆ”
เดือนอึ้งๆ รู้ว่าแปลกยังไง แต่ก็ทำเป็นถามซื่อๆ
“แปลกยังไงคะ”
“หวงเดือนมากเกินไป...คือ...ผมว่า...หวงมากผิดปกติด้วย”
“เดือนก็ไม่รู้นะคะ ว่าหวงมากเกินไปของไวหมายถึงอะไร เดือนรู้แต่คุณพ่อคุณแม่รักเดือนมาก เพราะเดือนเป็นลูกสาวคนเดียว เดือนรู้ว่าพวกท่านหวังดี ถึงได้คอยดูแลเดือนอย่างเข้มงวด”
“แต่มันจำกัดเสรีภาพมากจนเกินไป นี่ยุคไหนแล้ว ทำไมถึงไม่ปล่อยให้เป็นอิสระบ้าง”
“ไวคะ อย่าว่าคุณพ่อคุณแม่ของเดือนอีกเลยค่ะ เดือนรู้สึกเหมือนเป็นคนเนรคุณที่มองความห่วงใยของท่านเป็นการกักขัง”
“ผมขอโทษ ผมจะอดทนรอเวลา พิสูจน์ให้คุณพ่อคุณแม่ของเดือนเห็นว่าผมตั้งใจจะดูแลเดือนให้ดีที่สุด”
ไวภพจับมือไว้ เดือนยิ้มใจอ่อน ทันใดนั้นเสียงดนัยธรดังขึ้น
“ไม่ต้อง”
ทั้งสองตกใจ หันไปมอง
“คุณพ่อ...”
ดนัยธรยืนหน้าถมึงทึงอยู่
“ยังจำพ่อคนนี้ได้เหรอเดือน”
เดือนอึ้งไป ไวภพยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
ดนัยธรจ้องหน้าไม่พอใจ
“ทำอย่างนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติลูกสาวฉันเลยนะ ยังเรียนหนังสืออยู่แท้ๆกลับมาพลอดรักกันกลางสวนสาธารณะ ไม่อายฟ้าดินบ้างหรือยังไง”
“เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเลยนะครับ”
“ไม่เกินเลยอะไร มากอดจูบกันในสวนประเจิดประเจ้อ ฉันเห็นตั้งนานแล้ว”
“ไม่ใช่นะคะคุณพ่อ คุณพ่อเข้าใจผิด”
“ไม่ต้องมาเถียง...กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ฟังเดือนอธิบายก่อนค่ะ”
ดนัยธรเสียงแข็งไม่พอใจ
“กลับไปอธิบายที่บ้าน”
ดนัยธรดึงเดือนไป เพื่อแสดงอำนาจต่อหน้าไวภพไม่ให้มายุ่งกับลูกสาวอีก เดือนหันมองไวภพอย่างใจเสีย ไวภพมองตามเป็นห่วง
ดนัยธรดึงเดือนเข้ามาในบ้านตวาดอย่างโกรธจัด
“ทำไมถึงอยากมีแฟน ความรักที่พ่อกับแม่มีให้ มันยังไม่พอหรือไง”
เดือนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณพ่อไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจยังไง”
“เดือนเป็นคน เดือนมีชีวิตจิตใจนะคะ เดือนมีสิทธิ์ที่จะมีความรัก...”
“มีชีวิตจิตใจหรือมีอย่างอื่นกันแน่ ถึงได้คบผู้ชายไม่ซ้ำหน้า”
เดือนอึ้ง
“คุณพ่อ...”
เขมวรรณเข้ามาห้ามสามี
“นัยคะ...”
“คุณอย่าให้ท้ายลูก ให้ผมพูดคนเดียวดีกว่า”
“คุณพ่อให้เดือนพูดบ้างสิคะ อย่าใส่ร้ายเดือนแต่ฝ่ายเดียว”
“เห็นทำบัดสีบัดเถลิงตำตายังจะหาว่าใส่ร้ายอีก เดี๋ยวนี้ลูกกล้าเถียงพ่อขนาดนี้เลยเหรอ...ฮะเดือน”
“ไม่ได้เถียงค่ะ แต่อยากให้คุณพ่อยุติธรรมกับเดือนบ้าง เดือนยังไม่ได้ทำอะไรบัดสีอย่างที่คุณพ่อว่าเลยนะคะ”
“อยู่ในสวนยังกอดจูบลูบคลำยังไม่บัดสีอีกหรือไง ถ้าอยู่ในที่ลับตาคงขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าไปไหนต่อไหนแล้ว”
เดือนตะลึง
“คุณพ่อ...”
“กล้าทำแต่ไม่กล้ารับหรือไง ลูกไม่รักดี ไม่รู้ว่าได้นิสัยแบบนี้มาจากใคร”
เขมวรรณเอามือทาบอกอย่างตกใจ เดือนวิ่งร้องไห้ขึ้นไปบนห้อง
“เอะอะอะไรก็หนีขึ้นห้อง หนีขึ้นห้องอีกแล้ว”
เขมวรรณจับแขนดนัยธรไว้
“ทำไมถึงพูดกับลูกแบบนั้น มันแรงเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ถ้าคุณไปเห็นภาพอุจาดกับตาเหมือนผม คุณจะคิดว่านี่เบาเกินไปด้วยซ้ำทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด อีกหน่อยคุณคงได้เลี้ยงหลานกำพร้าอีกคน”
ดนัยสะบัดออกจากเขมวรรณ แล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย เขมวรรณมองตามเป็นห่วง ขจิตเดินเข้ามา
“นี่ไงล่ะ แม่เตือนแล้ว ไม่ทันขาดคำ เห็นฤทธิ์ผัวกับลูกแกหรือยังล่ะ”
เขมวรรณได้แต่ส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้า
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
เดือนโถมตัวเข้าใส่เตียง แล้วร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ เสียงพ่อดังก้องในหัว
“อยู่ในสวนยังกอดจูบลูบคลำยังไม่บัดสีอีกหรือไง ถ้าอยู่ในที่ลับตาคงขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าไปไหนต่อไหนแล้ว”
“คุณพ่อ...”
“กล้าทำแต่ไม่กล้ารับหรือไง ลูกไม่รักดี ไม่รู้ว่าได้นิสัยแบบนี้มาจากใครกันแน่”
เดือนเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลพร่าง
“เพราะเดือนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ใช่ไหม คุณพ่อถึงว่าเดือนเสียๆหายๆแบบนี้”
เดือนซบหน้าร้องไห้ สะอื้นตัวโยน
ไวภพอยู่ในห้องนอน กดมือถือหาเดือนอย่างร้อนใจ พอมีเสียงรับสายก็รีบถามอย่างเป็นห่วง
“ฮัลโหล เดือนเป็นยังไงบ้างครับ...”
ดนัยธรพูดโทรศัพท์เสียงแข็ง
“ถ้าเป็นห่วงกันจริงๆ วันหลังไม่ต้องติดต่อลูกสาวฉันอีก”
ไวภพตกใจ
“ขอโทษครับคุณพ่อ ผมกับเดือนคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ...”
ดนัยธรหน้าถมึงทึง รีบตัดบท
“ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน จะให้ฉันเชื่อเหรอว่าภาพที่เห็นในสวนเป็นการคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ไปพูดกับเด็กอมมือมันยังไม่เชื่อเลย แล้วต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกฉันว่าพ่อ ฉันไม่ใช่พ่อของเธอ...”
ดนัยธรวางสายอย่างแรง ไวภพที่อยู่ปลายสายถึงกับสะดุ้ง หน้าเครียด...ดนัยธรปิดเครื่องมือถือของเดือน แล้วถอดซิมออกมา หน้ากระหยิ่ม
เย็นนั้น...ดำแต่งตัวสวยฉูดฉาดเดินออกมา เสียงใครบางคนผิวปากหวือ ดำหันไปด่าทันที
“ผิวปากหา...”
แต่แล้วดำก็ชะงัก เมื่อพบว่าคนที่ผิวปากนั้นเป็นใคร ดำทำหน้าเซ็ง
“นึกว่าใคร”
จอร์จยิ้มร่าที่แกล้งดำได้
“เพิ่งรู้ว่าครูก็ทะเล้นเป็นเหมือนกัน”
“เห็นเธอตกใจแล้วตลกดีน่ะ”
ดำค้อนปะหลับปะเหลือก
“อ๋อ...นี่ครูเห็นความตกใจของหนูเป็นเรื่องตลกงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เพราะเธอเป็นคนที่ตกใจอะไรง่ายๆ ซะเมื่อไหร่”
“โอเค งั้นครูคงขำจนพอใจแล้ว หนูไปละ เอาไว้เจอกันใหม่วันหลัง”
“วันนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะไปส่ง”
“วันนี้ไม่ต้องไปสอนหนังสือเหรอคะ”
“วันนี้วันหยุดนะ”
ดำนึกได้ หน้าเจื่อนไป รีบเดินออกไป จอร์จตามไป แต่แล้วดำก็ชะงัก หันมาเกือบจะชนเขา
“ครูอย่ามาเสียเวลากับหนูเลย”
“เสียเวลายังไง”
“ก็มาตามรับส่งหนูนี่ไงล่ะ”
“คนเราจะคิดว่าเสียเวลาถ้าทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่ฉันยังไม่รู้สึกว่านี่เป็นการเสียเวลา”
ดำอึ้งไป เดินออกไปแบบเขินๆ จอร์จยิ้มๆ เดินตามไป
ข้าวนอกนา ตอนที่ 10
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดหน้าผับเจ๊ต่าย ดำลงจากรถ จอร์จตามลงมา ดำเห็นออยลงจากรถแท็กซี่อีกคัน ออยมองมา เธอรีบทำเป็นเกาะแขนกระแซะจอร์จ
“ครูจอร์จขา ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
จอร์จงงๆ แต่ก็เล่นไปด้วย
“ไม่ได้แค่ส่ง จะเข้าไปฟังเธอร้องเพลงด้วย”
“หืม...น่ารักจังเลยค่ะ วันนี้หนูจะร้องเพลงโปรดของครูทุกเพลงเลย”
ดำซบกับจอร์จ เขากระซิบถามงงๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า” ดำพูดแบบไม่เปิดปาก “ครูอยู่เฉยๆ เถอะน่า ไม่ต้องถามอะไร”
ออยเบะปากใส่ดำ แล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง ดำจึงผละออกจากจอร์จทันที
“ครูกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
จอร์จหน้าเหวอ
“อ้าว...ไหนเมื่อกี้ว่าจะร้องเพลงให้ฟัง”
“ครูก็เคยฟังหนูร้องมาเยอะแล้ว ไม่เห็นต้องมาฟังอีกนี่”
“แต่กว่าเธอจะเลิกงานก็ดึกมาก ไม่อยากให้กลับบ้านคนเดียว”
“โอ๊ย...คนอย่างหนูมีหน้าตาเป็นอาวุธอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
“เธอไม่อยากให้ฉันเข้าไปใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ หนูรู้สึกอึดอัด ไม่ชอบให้คนมองว่าหนูเป็นพวกเห่อฝรั่ง”
“โอเค เพื่อความสบายใจของเธอ”
จอร์จเดินออกไป ดำหันไปอีกที ไม่เห็นจอร์จแล้วก็ใจหาย
“อ้าว...ไปจริงๆเหรอ”
ดำมองไปรอบๆอย่างรู้สึกเสียดาย
จอร์จเดินออกมารอรถ เสียงใครบางคนดังเข้ามา
“ยูคิดยังไง...”
จอร์จหันไป เห็นออยยืนมองด้วยสีหน้าสงสาร
“ถึงมาคอยตามผู้หญิงขี้เหร่ปากจัดไม่มีอะไรดีอย่างนังดำ”
“ผมอาจจะโง่ในสายตาคุณ แต่ผมมองเห็นบางอย่างในตัวของดำที่คนอื่นอาจจะมองไม่เห็น ผิวดำหรือขาวมันก็แค่ภายนอกเท่านั้นเอง ข้างในของดำอาจจะสวยงามกว่าคนผิวขาวหลายๆคน”
ออยถึงกับสะอึกเหมือนถูกหลอกด่า รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นหวานใส่
“แหม...ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจว่ายูหรอกนะ แค่สงสัยน่ะว่าทำไมนังดำมันไม่สนใจยูเลย ทั้งที่ยูก็ดีกับมันมาก มาคอยเฝ้าคอยรับส่งอยู่หลายคืน มันยังไล่แบบไม่แยแสสักนิด”
“ผมเป็นห่วงดำ เพราะถึงดูเขาจะเก่งกล้าแค่ไหน แต่ที่จริงเขายังเด็ก คิดอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร นิสัยแบบนี้อาจจะทำให้คนรักหรือคนเกลียดได้พอๆกัน”
“ฉันสงสารยูนะ อยากให้ยูเจอผู้หญิงที่ดีกว่านี้ ที่เขาใส่ใจและจริงใจกับยูจริงๆ”
ออยทำตาหวานใส่จอร์จและเดินเข้าไปใกล้ รถแท็กซี่ผ่านมาพอดี
“ขอบคุณที่หวังดี ผมต้องไปก่อน ขอตัวนะครับ”
จอร์จโบกแท็กซี่แล้วขึ้นรถไป ออยมองตามอย่างหงุดหงิด
“โหย...หยิ่งชะมัดเลยโว้ย”
แนทเดินเข้ามามองตามจอร์จงงๆ
“เขาไม่สนแกเลยเหรอวะ”
ออยกระแทกเสียงขุ่นใส่
“นี่มันแค่เริ่มต้น แกช่วยไปสืบประวัติมาหน่อยซิ ว่าฝรั่งคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่”
แนทดีดนิ้ว
“จัดให้”
ออยมองตามจอร์จอย่างรู้สึกอยากได้มาก
ดำนั่งแต่งหน้าอยู่ ออยกับแนทเข้ามาในห้องแต่งตัว ประสานเสียงหัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆ ฝรั่งนี่มันโง้โง่นะ ชอบของดำของสกปรกน่าเกลียด”
แนทเสริม
“ก็ชอบอะไรที่ตรงข้ามกับตัวเองไง”
“ไม่รู้ชอบเข้าไปได้ไง” ออยเหลือบมองดำ “แค่มองยังเป็นเสนียดลูกตาเลย”
แอ๋มยิ้มหยัน
“แกก็อย่ามองซี่ คนอย่างแกสวยเลือกได้อยู่แล้ว อย่าไปเกลือกกลั้วกับอีพวกหน้าดำเลย”
“ฉันไม่ยุ่งกับนักร้องชั้นต่ำอยู่แล้ว คอยดูนะ ฉันจะเปลี่ยนความคิดของฝรั่งโง่ๆให้กลับมาฉลาด มาชอบของดีแบบขาวๆ สะอาดๆ บ้าง”
ดำมองออยอย่างหมั่นไส้ เห็นออยเหลือบมามองผ่านกระจก สีหน้าเยาะๆ ดำ พูดลอยๆ
“ถึงจะขาว แต่สมองกลวง ร้องเพลงไม่ได้เรื่อง ขายแต่รูปร่าง แถมร่านผู้ชาย มันก็ไม่มีใครจริงใจหรอกวะ”
ออยไม่พอใจ
“อีดำตับเป็ด ดำแล้วยังปากโสโครกอีก ใครจะเอามันวะ”
แนทเสริม
“นั่นสิ ฝรั่งมันคงลองของแปลกครั้งสองครั้งก็เขี่ยทิ้งแล้ว ของดำของเน่าเหรอจะสู้ของขาวๆ สวยๆได้”
ออยกับแนทประสานเสียงหัวเราะร่าอย่างสะใจ ดำพยายามข่มอารมณ์ เจ๊ต่ายเข้ามา
“แหม...บรรยากาศครึกครื้นกันจัง หนูๆจ๋า มีอะไรกันจ๊ะ”
ออยรีบเปกลี่ยนท่าที
“ไม่มีอะไรหรอกค่าเจ๊ เมาท์กันเรื่องลูกค้าฝรั่งหล่อๆ ที่ชอบมาฟังออยร้องเพลงน่ะค่ะ”
ดำเหลือบมองออยอย่างหมั่นไส้ที่พูดเอาดีใส่ตัว เจ๊ต่ายยิ้มแย้ม
“นังออยเสน่ห์แรงตลอดนะ ระวังเถอะแฟนจะมาหึงเป็นเรื่องอีก...”
ออยทำท่ายักไหล่ไม่สน
“นี่เดี๋ยวเจ๊จะมีคนมาช่วยเมาท์อีกคน รับรองสนุกถูกใจแน่”
ออยชะงัก
“เจ๊รับคนใหม่มาอีกแล้วเหรอ”
“ใช่แล้ว ตั้งแต่ดำเข้ามาร้องเพลง ลูกค้าของเราก็เยอะขึ้น...”
ดำหันไปยิ้มกวนๆกับออยและแนท
“ลูกค้าเรียกร้องอยากฟังเพลงลูกทุ่งมันๆ บ้าง เจ๊เลยจัดให้ เอ้า...ทุกคน รู้จัก ซูซี่ของเราหน่อย”
เจ๊ต่ายผายมือไปทางด้านหลัง ซูซี่ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางมาดมั่น โบกมือให้ทุกคน
“ฮัลโหล ไฮ...ไนซ์ทูมีทยู”
ซูซี่ส่งจูบราวกับนางงาม แต่แล้วก็เดินสะดุดเกือบล้ม ออยกับแนทหัวเราะเยาะ เจ๊ต่ายแดกดัน
“อ้าวๆ ไม่ทันไรสันนิบาตกำเริบซะแล้ว”
ซูซี่ค้อน
“แหม...เจ๊ สันนิบาตอะไรกันคะ คนสวยมักจะซุ่มซ่ามแบบนี้ล่ะค่ะ”
“นี่เจ๊ขอแนะนำ นั่นออย สาวสวยประจำผับของเรา นั่นแนทเจ้าแม่เพลงสากล นังแอ๋มเสียงหวาน แล้วก็ดำ นักร้องเสียงทรงพลัง ร้องได้ทุกแนว”
ซูซี่ทำมือชูนิ้วก้อยกับนิ้วชี้
“เลิฟยูทุกคนจ้ะ” ซูซี่หันมองดำ “ไอโนว์ยูนะ มิสดอลลี่”
“แทงค์กิ้วจ้า มิสซูซี่”
ซูซี่เข้ามากอดแล้วเอาแก้มแตะกับดำอย่างสนิทสนม ออยกับแนทแอบเบะปากใส่กัน
ออยออกจากห้องน้ำ ในขณะที่แนทยืนล้างมืออยู่ สีหน้าออยเซ็งจัด
“เจ๊จะเอานังซูซี่มาแย่งงานเราทำไมอีก”
“นั่นสิ มีนังดำคนนึงแล้วยังไม่พอ ยังมียัยโหนกเด้งนั่น ดูก็รู้ว่าเป็นพวกสลัมบ้านนอก แต่กระแดะทำเป็นฝรั่ง”
“ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย นอกจากมาฟังเพลงแล้ว ยังชอบดูอะไรสวยๆงามๆ อีหน้าดำโหนกเด้งพวกนั้นน่ะอยู่ได้ไม่นานหรอก”
แนทหงุดหงิด
“ฉันเห็นแล้วรำคาญลูกตาเหมือนกัน แกจะทำไง”
“เราต้องหาทางกำจัดนังดำก่อน”
แนทกับออยยิ้มให้กันอย่างสะใจ
เขมวรรณนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างกระสับกระส่าย ขจิตเดินเข้ามา
“ยังไม่มีใครมากินอีกเหรอ”
“ยัยเดือนเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่บ่ายแล้ว ส่วนนัยก็ออกไปยังไม่กลับค่ะ”
“เรื่องมันชักจะบานปลายใหญ่แล้วนะ เห็นไหมแม่เคยบอกว่ายิ่งยัยเดือนโตเป็นสาว มันก็ต้องมีเรื่องผู้ชายเข้ามามากขึ้นตามวัย แล้วไงล่ะ ตานัยทนไม่ได้ ถึงกับเอาเรื่องลูกแท้ไม่แท้ขึ้นมาอ้างเลย”
“นัยคงพูดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบค่ะ”
“ไม่ใช่ชั่ววูบหรอก มันเป็นจิตใต้สำนึกที่ตานัยเก็บกดไว้ หน้าตายัยเดือนสะสวยไม่ธรรมดา ตานัยก็ยิ่งสับสนระหว่างความห่วงกับความหวง”
“นัยอาจจะกำลังอิจฉาความรักของลูก ที่กำลังจะถูกแบ่งไปให้คนอื่น เกิดห่วง เมื่อลูกไม่ได้อยู่ใกล้ตัวน่ะค่ะ”
“โอ๊ย...จ้า...แม่จิตบริสุทธิ์ คิดให้ตัวเองสบายใจมันก็ดี แต่หัดคิดเผื่อการณ์ไกลเอาไว้บ้าง อย่าหลงลูกหลงผัวจนมองข้ามความจริง แล้วก็อย่าลืมนะว่าเชื้อมันไม่ทิ้งแถวหรอก แม่เองก็ยังไม่ลืมนังแม่กุหลาบเหี่ยวๆ ดำๆ คนนั้น นึกถึงว่ามันเป็นแม่แท้ๆ ของเด็กที่เรานับเอาเป็นหลานแล้ว...ขนลุก”
เขมวรรณทนฟังไม่ได้ รีบลุกขึ้น
“หนูจะไปตามยัยเดือนมาทานข้าว”
เขมวรรณรีบเดินออกไป ขจิตได้แต่มองตามเครียดๆ
ออยร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยท่าทางเซ็กซี่ ธัชชัย กวักมือเรียก ออยเข้าไปหา ธัชชัยหยิบแบงค์พันทิปให้ สมพันธุ์นั่งอยู่มุมมืด มองเห็นภาพนั้นก็ทนไม่ไหว ขยับตัวไปมาเหมือนนั่งไม่ติด แต่ก็ไม่กล้าออกไป ออยเข้าไปนั่งคุยกับธัชชัยอย่างสนิทสนม สมพันธุ์ลุกขึ้น แล้วตรงเข้าไปดึงออยออกมา ธัชชัยตกใจ
“เฮ้ย อะไรวะ”
“ขอโทษนะคะคุณธัช” ออยหันไปหาสมพันธุ์ “มาทำไม”
“มาหาออยน่ะสิ”
ธัชชัยถาม
“แฟนออยเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ น้องชายกำลังเดือดร้อนเงิน”
ออยมองสมพันธุ์อย่างรังเกียจเต็มประดา แล้วทำตาวาวใส่
“ชอบนักไปคบพวกซิ่งน่ะ ฉันต้องเสียค่าปรับอีกใช่ไหม แกไปรอข้างนอกก่อน”
สมพันธุ์ลังเล ออยดุ
“บอกให้ไปไงล่ะ”
สมพันธุ์จำต้องเดินคอตกออกไป ออยหันไปยิ้มหวานประจ๋อประแจ๋กับธัชชัย
ข้าวนอกนา ตอนที่ 10
ออยเดินมาตามทางเดินในผับ สมพันธุ์ตามมา
“ออย...พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม”
พอถึงที่ลับตาคนออยก็หันขวับมาทางสมพันธุ์
“เสือกมากวนอีกแล้ว ไปให้พ้นเชียวนะ ไปไหนก็ไปอย่ามายุ่งกับฉัน”
“เมื่อไรจะกลับบ้าน วันนี้เขามาทวงค่าเช่าอีกแล้ว”
“ใครบอกว่าฉันจะกลับ อีกสองสามวันจะให้นังแนทมันไปเอาของ เราจะไปอยู่ไหนก็ไสหัวไปเถอะ ฉันไม่มีปัญญาเช่าแล้วห้องนั้นน่ะ”
สมพันธุ์ชะงักอึ้ง
“ออย...”
“บอกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ขืนพูดเซ้าซี้ร่ำไร ประเดี๋ยวฉันแกล้งให้อายเขานะ”
สมพันธุ์ยังยืนลังเล มองหน้าออยเศร้าๆ ออยแกล้งตะโกนลั่น
“แกมันไอ้แมงดา ดีแต่เกาะผู้หญิงกิน”
สมพันธุ์ชะงักตกใจ ออยรีบเดินหนีไป ดำยืนกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ มองตามสมพันธุ์ที่เดินออกไป เธอตัดสินใจเข้าไปคว้าแขนเขาไว้
“พี่พัน”
สมพันธุ์หันกลับไป แปลกใจที่เห็นดำ แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ดำก็ดึงแขนสมพันธุ์ไป
“ไปกับฉันเถอะ”
สมพันธุ์เดินตามแรงฉุดไปเหมือนคนหมดแรง
สมพันธุ์นั่งซึมอยู่หน้าผับ ดำมองอย่างสงสารจับใจ
“อย่าไปแยแสกับมันเลย อีเวรนั่นน่ะ มันไม่รักใครจริงหรอกนอกจากสนุกไปวันๆ”
สมพันธุ์เสียงเครือ
“ออยเขาเคยรักพี่”
ดำมองสมพันธุ์ด้วยความรู้สึกทั้งหมั่นไส้ทั้งสงสาร
“แต่เดี๋ยวนี้มันไม่รักแล้ว จะไปอาลัยอาวรณ์มันอยู่ทำไมกัน”
สมพันธุ์น้ำตาคลอ
“กลับบ้านเถอะ ฉันจะไปส่ง”
“พี่ไม่มีบ้านจะกลับแล้ว ออยเขาไม่จ่ายค่าเช่าให้”
ดำมองสมพันธุ์อย่างชั่งใจนิดหนึ่ง
“งั้นพี่ไปกับฉัน”
สมพันธุ์มองดำอย่างครุ่นคิดตัดสินใจ แอ๋มแอบดูอยู่ ตาลุกวาว
ออยปัดแก้มเสร็จ กำลังจะลุกออกไป แอ๋มกระหืดกระหอบเข้ามา
“ออย ออย...”
“มีอะไรวันหลังค่อยคุย ฉันต้องรีบไปแล้ว คุณธัชรออยู่”
“อย่าเพิ่งๆ แกรีบไปตามแฟนแกดีกว่า”
“แฟนไหนวะนังแอ๋ม”
“ก็ไอ้พันของนังออยมันไง นังหมึกดำมันจะฉกไปแล้ว”
ออยอึ้งนิดหนึ่ง แต่แล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“อ๋อ...นังดำมันเคยหวังไอ้แมงดานั่นอยู่ อยากได้ของเหลือเดนก็ช่างมัน”
ออยเดินออกไป แนทที่ยืนอยู่ด้วยรู้สึกขัดใจ
“ถึงเหลือเดนก็อย่ายอมนะออย แกเพิ่งทิ้งมันก็รีบมาอุ้มแล้ว มันหยามกันชัดๆ”
ออยหยุดอยู่หน้าประตู
“คนอย่างฉันไม่อยู่เฉยหรอก ต้องหาทางสั่งสอนมันให้รู้สำนึก”
แอ๋มกับแนทมองหน้ากัน สะใจ
เดือนนั่งซึมอยู่คนเดียวในห้อง แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ มองหามือถือตัวเอง
“จริงสิ ลืมไว้ข้างล่างแน่ๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เดือนชะงัก เสียงเขมวรรณดังมาจากนอกห้อง
“เดือน...ลูกเดือน ออกมาทานข้าวเถอะจ๊ะ”
“หนูไม่หิวค่ะ”
เขมวรรณแนบหน้ากับประตู เป็นห่วงเดือนจับใจ
“ไม่หิวก็ทานสักหน่อยนะ”
“หนูไม่อยากทานค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
เขมวรรณทุบประตูอีก
“งั้นเปิดประตูให้แม่หน่อยสิจ๊ะ แม่อยากคุยกับหนู”
“หนูง่วงแล้วค่ะคุณแม่”
“เดือน...ลูกไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนะลูก เปิดประตูให้แม่หน่อยนะ แม่ขอคุยด้วยนิดเดียว นะจ๊ะเดือน”
เดือนลุกขึ้นจะเดินไปเปิดประตู แต่แล้วรู้สึกเวียนหัวและวูบๆ จึงนั่งลงพักบนเตียง เขมวรรณรออยู่แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงเดินคอตกออกไป เดือนเปิดประตูออกมาอีกครั้ง แต่เขมวรรณไม่อยู่แล้ว
ดนัยธรลงจากรถมาด้วยท่าทางเมานิดๆ เขมวรรณรออยู่
“คุณเมาเหรอคะ”
“เมาที่ไหน ไม่เมาซะหน่อย”
“คุณไม่ดื่มจนเมาขนาดนี้มานานแล้วนะคะ ทำไมทำตัวเหมือนเป็นเด็กหนุ่มๆ ไปได้”
“ทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มยังไง ผมอยากดื่มบ้างเวลาเจอเพื่อน ไม่เห็นแปลก คุณนั่นแหละแปลกที่มาคอยจับผิดผม”
“ฉันไม่ได้จับผิดค่ะ ฉันรู้นะคะว่าคุณเครียดเรื่องยัยเดือน แต่คุณอย่าหวงลูกสาวนักเลยค่ะนัย ยัยเดือนแกโตพอที่จะปล่อยในบางเรื่องได้แล้ว ฉันไม่เห็นด้วยเลยที่เราจะไประแวดระวังแกเหมือนกับไข่ในหิน”
“ก็ไม่ใช่หวง แต่เมื่อเลี้ยงมาแล้วก็อยากจะปั้นให้งดงาม ไม่ใช่ปล่อยไปตามเรื่องตามราว”
เขมวรรณเริ่มไม่พอใจขึ้นมานิดๆ
“นัยคิดว่าเข็มปล่อยแกตามเรื่องตามราวงั้นเหรอคะ...เราเลี้ยงยัยเดือนมาด้วยกัน ความรักความห่วงใยของเราที่มีต่อแกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันหรอกค่ะนัย แต่เราจะเก็บแกเอาไว้เป็นของเราตลอดชีวิต เหมือนที่เรา
เลี้ยงหมาแมวไว้ดูเล่นไม่ได้หรอกนะคะ”
“ผมก็ไม่คิดว่าจะเก็บยัยเดือนไว้ตลอดชีวิต แต่นี่...มันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่สมควรที่จะปล่อย”
“คุณพูดเหมือนกับพ่อแม่สมัยยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว พอเก็บดองจนได้ที่ถึงจะยอมจับคลุมถุงชน”
“ไม่ถึงกับอย่างนั้นหรอก แต่ถึงยังไงก็ควรจะพ้นวัยเรียนไปก่อน”
“ยัยเดือนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนะคะ ปีนี้อายุย่างยี่สิบแล้ว”
“ดูคุณทำท่าเหมือนอยากให้ยัยเดือนไปพ้นอกเสียเร็วๆจริงๆนะเข็ม บางที คุณอาจมีความรู้สึกว่า ยัยเดือนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ละมั้ง”
เขมวรรณพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมา
“ฉันก็รู้สึกกับยัยเดือนเหมือนเป็นลูกในไส้อย่างเดียวกับคุณ เพียงแต่...เพียงแต่เรารักลูกคนละอย่างเท่านั้นเอง คุณรักอย่างไม่ไว้ใจ รักเหมือนแกเป็นตุ๊กตา ส่วนฉันรักแกอย่างไว้ใจ ว่าลูกเป็นคนมีสติปัญญามีความรู้สึก ไม่ดูถูกว่าคน อย่างยัยเดือนจะทำอะไรโง่ๆ”
“คนมีสติปัญญา มีความรู้สึกก็อาจจะเพลี่ยงดล้ำได้เหมือนกัน” ดนัยธรอึกอักเล็กน้อย “เพราะ...เพราะไอ้เรื่องสายเลือดพ่อแม่ จะว่าไม่สำคัญเลยก็ไม่ได้ ผมเห็นแม่ของแกตอนนั้น มันทำให้ผมกลัวอยู่เหมือนกัน”
“แปลว่า คุณเองนั่นแหละ รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ายัยเดือนไม่ใช่ลูกแท้ๆ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่บางทีเราก็ต้องยอมรับความจริงบางอย่างเหมือนกันนะเข็ม”
“ฉันคิดว่าเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่าค่ะนัย ฉันไม่เคยรู้สึกว่ายัยเดือนเป็นใครนอกจากเป็นลูก...ลูกแท้ๆ ของเรา ฉันอาจจะตามใจแกมากเกินไปหน่อยแต่ก็เชื่อมั่นว่า แกจะไม่ทำอะไรผิดๆให้เราต้องเสียใจ”
พูดจบเขมวรรณก็เดินออกไปอย่างรู้สึกหงุดหงิดในใจ ขจิตยืนมองดนัยธรอยู่ ส่ายหน้าด้วยความไม่สบายใจพึมพำกับตัวเอง
“ยังกับพวกเด็กหนุ่มอกหัก...”
เดือนออกมา มองหามือถือที่ลืมไว้ จนเจออยู่ที่โต๊ะ เธอดีใจมาก แต่พอหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นมือถือถูกปิด เธอแกะฝามือถือออก เห็นซิมถูกถอดออกไปก็ตกใจนึกไม่ถึง
“คุณพ่อ...”
เดือนเสียใจและเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาอีก
“ทำไมถึงทำขนาดนี้”
เขมวรรณเข้ามา ดีใจที่เห็นหน้าลูกสาว
“เดือน...ออกมาแล้วเหรอลูก หิวไหมจ๊ะ”
แต่แล้วสีหน้าเขมวรรณก็เปลี่ยนเป็นตกใจ เมื่อร่างของเดือนโงนเงนแล้วก็เป็นลมล้มลงไป เขมวรรณร้องอย่างตกใจ
“เดือน เดือนลูกแม่”
เขมวรรณรีบเข้าไปประคองเดือนไว้ แล้วเขย่าตัว
“เดือน เป็นอะไรไปลูก เดือน”
เดือนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขมวรรณ
ในอพาร์ตเมนท์...ดำเปิดประตูเข้ามา สมพันธุ์ตามมา มองรอบห้องอย่างแปลกใจ
“นี่บ้านดำเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก คนอย่างฉันเหรอจะมีบ้านแบบนี้ เช่าเขาอยู่น่ะ”
ดำหยิบแก้วน้ำมารินให้สมพันธุ์
“ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ ยังไม่ค่อยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ก่อนแล้ว พี่พันนอนได้นะ”
“พี่นอนไม่หลับหรอก ไม่คุ้นที่นี่”
“งั้นพี่กลับไปนอนบ้านก็ได้ บ้านนั่นเช่าเขาเดือนละเท่าไร ฉันออกให้เอง พี่พันอยู่ต่อไปก็แล้วกัน”
สมพันธุ์ส่ายหน้า
“อย่าเลยดำ”
“พี่พัน...ลุงหวัดเคยมีบุญคุณกับฉันมาก ฉันไม่มีโอกาสได้ตอบแทน ก็ขอตอบ แทนผ่านทางพี่พันก็แล้วกัน”
สมพันธุ์ยกมือปิดหน้า แล้วสะอื้นออกมาเบาๆ เหมือนเด็กๆ ดำมองอย่างตกใจ เพราะคิดว่าเขาร้องไห้เพราะสะเทือนใจในน้ำใจของเธอ ดำจึงเข้าไปกอดปลอบเขา
“อย่าไปยุ่งกับนังออยอีกเลยนะ มีอะไรพี่พันบอกฉัน ฉันจะช่วยพี่เอง”
สมพันธุ์กอดดำตอบเหมือนหาหลักยึดเหนี่ยว
เช้าวันใหม่...สมพันธุ์นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา ดำก้มลงมาดูอย่างเอ็นดู มองใบหน้าสวยของเขาใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือจะไปจับใบหน้าของเขา แต่แล้วก็ชะงัก หดมือกลับ ดำมองหน้าสมพันธุ์อีกครั้งอย่างรักและสงสารจับใจ จึงเอื้อมมือไปเกือบจะแตะใบหน้าของเขาแต่ยังไม่แตะ แล้วลูบตามรูปหน้าของเขาโดยไม่โดนผิวหน้า สมพันธุ์เริ่มขยับตัว ดำตกใจรีบผละออก เขาลืมตาขึ้น ตกใจเช่นกันที่เห็นเธอ
“ดำ...”
สมพันธุ์มองไปรอบๆ แล้วก็นึกได้
“จริงสิ เมื่อคืนพี่ไม่ได้กลับบ้าน”
สมพันธุ์ลูบหน้าตัวเองอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับออย
“นอนสบายไหมพี่พัน”
“หลับๆตื่นๆ น่ะ เพิ่งมาหลับสนิทตอนใกล้เช้านี่เอง”
“กินอะไรหน่อยไหม ฉันต้มข้าวต้มหมูไว้ให้”
“ทำเป็นด้วยเหรอ”
“แหม...พี่พัน อย่าลืมสิ ฉันเคยทำอะไรที่บ้านคุณนายจรูญศรีมาก่อน”
สมพันธุ์ พยักหน้ารับ แล้วดูนาฬิกา
“แย่แล้ว ถ้ากลับไปหลังเที่ยง เจ้าของห้องอาจจะไม่ให้พี่เข้าห้องแล้วก็ได้”
ดำกับสมพันธุ์มองหน้ากันกังวล
ดำกับสมพันธุ์รีบออกมาที่ถนนหน้าอพาร์ตเมนท์อย่างร้อนรน
“ไปแท็กซี่ดีกว่านะ เดี๋ยวไม่ทัน”
ทั้งสองมองหาแท็กซี่ แต่กลับชะงักเมื่อจอร์จเดินเข้ามา มองทั้งสองอย่างแปลกใจ
“สมพันธุ์”
สมพันธุ์ยกมือไหว้ จอร์จรับไหว้
“ครูจอร์จ”
“สองคนมาเจอกันได้ยังไง”
ดำกับสมพันธุ์มองหน้ากันอึกอัก ดำรีบพูดก่อน
“พี่พัน...คือพี่พันไปฟังหนูร้องเพลงที่ผับ ก็เลยได้เจอกันค่ะ”
จอร์จพยักหน้ารับรู้
“แล้วนี่กำลังจะไปไหนกัน”
“หนูจะไปช่วยพี่พันจัดการเรื่องห้องเช่าค่ะ”
“มีปัญหาอะไรเหรอ”
ดำกับสมพันธุ์มองหน้ากันลังเลว่าจะเล่าดีหรือไม่
ในโรงพยาบาล...เดือนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ อย่างงุนงงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จนมองเห็นขวดน้ำเกลือ และมองตามสายน้ำเกลือที่โยงมาถึงแขนตัวเอง เขมวรรณโผเข้ามาหาจับมือไว้แน่น
“ฟื้นแล้วเหรอลูก”
“คุณแม่...”
“หนูเป็นลมไปน่ะ หมอบอกว่าคงเพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่กลางวัน แล้วยังมีไข้ด้วย...”
เขมวรรณเอามือแตะหน้าผากเดือนอย่างห่วงใย
“แม่ไม่อยากเห็นหนูเป็นแบบนี้เลย”
“หนูขอโทษที่ทำให้คุณแม่เป็นห่วง...”
เดือนมองใครบางคนที่เดินเข้ามา
“คุณพ่อ คุณยาย”
ขจิตกับดนัยธรเข้ามา ดนัยธรก้มลงมามองเดือนอย่างเป็นห่วง
“เดือน...เป็นยังไงบ้างลูก”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ดนัยธรพยักหน้าอย่างดีใจ
“พ่อเป็นห่วงหนูมากนะ”
เดือนพยักหน้ารับน้ำตาคลอ ขจิตหันมาหาเดือน
“พ่อกับแม่ตัวน่ะเขาห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งคืน”
“หนูต้องขอโทษนะคะที่ดื้อ เถียงคุณพ่อ ทำตัวให้คุณพ่อเสียใจ”
เดือนหางเสียงเครือ ดนัยธรลูบผมและปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่เอาอย่าร้องไห้ หนูกำลังป่วยอยู่นะ”
ดนัยธรล้วงกระเป๋าหยิบอะไรบางอย่างให้
“พ่อโมโห เพราะผู้ชายคนนั้นโทรมาหาลูก แล้วเขายังท้าทายพ่ออีกว่าถึงยังไง เดือนก็รักเขา พ่อไม่มีทางกีดกันเขาได้”
เดือนตกใจ
“เขากล้าพูดอย่างนั้นกับคุณพ่อเหรอคะ”
“ถ้าลูกเลือกเขาพ่อก็ไม่ว่าอะไรแล้ว พ่อไม่อยากเห็นหนูป่วยอีก”
เดือนมองซิมในมือตัวเองแล้วขว้างออกไป
“หนูจะเปลี่ยนเบอร์ เขาจะได้ติดต่อหนูไม่ได้”
“เดือน...พ่อไม่ห้ามหนูแล้วนะ”
“คุณพ่อคุณแม่คุณยายให้ชีวิตกับเดือน เดือนมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ คุณยายที่รักและหวังดีกับเดือนเสมอ ต่อไปนี้คุณพ่อคุณแม่และคุณยายสำคัญที่สุดสำหรับเดือนค่ะ”
“เดือนลูกแม่...”
ดนัยธรจับมือเดือนไว้ข้างหนึ่ง แล้วโอบเขมวรรณไว้ แอบยิ้มกระหยิ่ม ขจิตแอบมองดนัยธรด้วยความหวาดระแวง
จอร์จ ดำ และสมพันธุ์มาถึงหน้าห้องเช่าก็ต้องตกใจ สมพันธุ์ถึงกับหน้าเสีย
“อะไรกันเนี่ย”
ข้าวของสมพันธุ์ถูกโยนออกมากองข้างนอก
“ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว”
ดำโมโหก้าวฉับๆ เข้าไปที่หน้าห้อง
“เฮ้ย”
เกียรติ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านกำลังตะโกนบอกลูกน้องชาย 2 คน
“นี่อีก โยนออกไปให้หมด”
ลูกน้องชายกำลังจะโยนของออกมา ดำเข้าไปขวาง
“หยุดนะ”
เกียรติมองดำหัวจรดเท้าด้วยสายตารังเกียจ
“อีดำนี่ใครวะ”
เกียรติมองไป เห็นจอร์จกับสมพันธุ์ตามเข้ามา
“ผมขอผัดไปอีกวันนะครับ พรุ่งนี้ผมจะหาทางมาจ่ายให้ได้”
“ผัดมาเป็นเดือนแล้ว คนเช่าใหม่เขารออยู่ ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าต่อก็ออกไปซะที”
“ผมขอร้องละครับเฮีย...”