รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 16
พิชชาขับมอเตอร์ไซค์พาพจนินท์ซ้อนท้ายไปที่ชายหาด พจนินท์รู้สึกตื่นเต้นเพราะซ้อนท้ายรถที่พิชชาขับเป็นครั้งแรก ทั้งคู่หัวเราะ ยิ้มมีความสุขในช่วงสั้นๆ ที่ไม่ต้องคิดอะไรในหัว
ครู่ต่อมา พจนินท์กับพิชชา นั่งคุยกันที่ใต้ร่มสนริมหาด พจนินท์กุมมือพิชชาไว้
“ถ้ารู้ล่วงหน้า เรื่องมันจะลงเอยแบบนี้ แม่ก็จะไม่ขวางลูกทั้งสองคนเลย”
พิชชาเห็นใจพจนินท์ ที่ต้องมาทุกข์ร้อนเรื่องของเธออีกครั้ง
“แม่น่าจะทำไม่รู้ไม่เห็นไปซะ แล้วปล่อยให้มันเป็นไป”
“ไม่นะคะ เป็นเพราะหนูเองที่ไม่รับฟังแม่เอง เราสองคนไม่ไตร่ตรองให้มันดี ขอโทษที่ทำให้แม่ต้องลำบากใจค่ะ”
พจนินท์มองพิชชาคิดตรงข้าม
“แม่เองไม่ได้นึกถึง ว่าลูกต้องปวดร้าวแค่ไหน”
พิชชายิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“แม่อดคิดไม่ได้ ว่าต้องมาทำให้ลูกต้องเจ็บปวดซ้ำสอง”
“แม่คะ ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ สบายใจได้นะคะ เราไม่ได้เลิกกันเพราะพ่อกับแม่หรอกค่ะ”
พจนินท์น้ำตาไหล ลูบหัวพิชชา ดึงเธอเข้ามากอด โยนตัวไปมาปลอบเหมือนตอนเป็นเด็ก
ค่ำนั้น พาทินเก็บของ จัดระเบียบพื้นที่ทำงาน แยกเก็บอุปกรณ์ พู่กัน แคนวาส ขาตั้ง แป้นปั้น ทั้งของเขาและดนัยให้เป็นหมวดหมู่ พาทินขยับแป้นดินเหนียวที่เขาปั้นรูปพิชชา เข้าด้านในสุด รูปถ่ายที่เป็นแบบหล่นลงมา เขาหยิบมันขึ้นมาดูคิดถึงพิชชา เขาเปิดผ้าคลุมออก รูปปั้นพิชชายังคงค้างคาอยู่อย่างนั้นมาหลายอาทิตย์ พงศกรเดินเปิดประตูรั้วเข้ามา พาทินปิดผ้าคลุมนั้นไว้อย่างเดิม
“พ่อ”
พงศกรนั่งรับลมที่เก้าอี้ พาทินวางแก้วกาแฟที่ชงมาให้ พงศกรยกแก้วขึ้นจิบ
“สบายดีเหรอ”
“ครับ”
“ได้ยินว่าอรเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเหรอ”
“ครับ วันนี้เธอค้างที่โรงพยาบาล พรุ่งนี้หมอนัดตรวจแต่เช้า”
พงศกรถอนใจ
“พ่อดีใจ ที่ลูกเปลี่ยนใจได้”
พาทินรู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาตัดสินใจเลือกที่จะกลับมาหาอรอินทุ์
“ต้องขอบใจพิชชาด้วยอีกคน คงทำใจกันลำบากสินะ”
“ครับ”
“ลูกอาจจะคิดไปเอง ว่ามันเป็นความรัก เพราะลูกทั้งสองคนมีความผูกพันเข้าใจกัน”
พาทินฝืนความรู้สึก เออออไปกับพงศกร เพราะในใจลึกๆ มีเหตุผลมากมายที่จะโต้แย้งพ่อ
“ครับ...มันอาจจะเป็นอย่างนั้น”
“ตั้งแต่เล็กๆ มาแล้ว ลูกเป็นคนที่มีเหตุผล มีสติไตร่ตรอง รอบคอบ”
พาทินไม่คิดว่าสิ่งที่พงศกรบอก คือเหตุผลจริงๆ ที่เขาเป็นในตอนนี้
“พ่อกับแม่ จะขึ้นไปอยู่กรุงเทพ กันสักพัก เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งได้ พ่อเชื่ออย่างนั้นนะ”
พงศกรลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ พาทินลุกขึ้นเรียกไว้
“พ่อครับ ผมขอถามอะไรได้ไหมครับ ถ้าพ่อเป็นผม เรื่องนี้พ่อจะทำยังไงครับ ผมพร้อมที่จะตัดขาดจากพ่อ เพื่อจะได้อยู่กับพิชชา เพราะผมรักเธอมาก ถ้าผมยังตัดใจไม่ได้ ผมจะต้องทำยังไง เพื่อให้ความเจ็บปวดนี้มันทุเลาลงได้บ้างมันทรมานใจมาก”
พาทินระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น พงศกรได้แต่ฟังโดยไม่มีคำตอบอะไรให้เขา
หลายวันต่อมา กิ่งเทียนยืนมองบอร์ดที่ร้านอาหาร เห็นโปสเตอร์การแสดงผลงานของพาทินปิดประกาศอยู่ พิชชาเดินมาหา
“กิ่ง”
กิ่งได้ยินพิชชาเรียก หันไปมอง รีบเบี่ยงตัวบังโปสเตอร์ไว้ไม่ให้พิชชาเห็น
“หิวยัง ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันไหม”
“เออๆ เอาสิ”
กิ่งเทียนรีบเดินนำออกไป พิชชาเห็นโปสเตอร์จากหางตา เธอเดินกลับมาดูรายละเอียดเห็นชื่อของพาทิน กิ่งเทียนหันมา พิชชายืนมองโปสเตอร์ กิ่งเทียนรีบเข้าไปดึงมือให้เดินตาม
“กิ่ง ฉันเห็นแล้วล่ะ”
กิ่งเทียนยิ้มแก้เก้อ
“เหรอ”
“ไปกันเถอะ”
พิชชาทำทีเหมือนไม่รู้สึกอะไร เดินไปยังโรงอาหาร จิราพัชรนั่งอ่าหนังสือพิมพ์กินกาแฟดักรอพิชชาอยู่ เขาลุกขึ้นเมื่อเห็น
จิราพัชรและพิชชานั่งอยู่ในสวน
“คุณเป็นยังไงบ้าง ไม่มีอาการอะไรใช่ไหม”
พิชชาไม่รู้จะวางตัวแบบไหน
“ค่ะ”
จิราพัชรยิ้มเมื่อเห็นเธอดูเกร็งๆ
“ไม่กล้ามองผมเหรอ”
พิชชาก็ยังไม่กล้าสบตาเขา เธอรู้สึกยังมีสิ่งที่ผิดค้างคาอยู่ในใจ จิราพัชรถอนใจ ไม่อยากพูดเรื่องที่จะทำให้พิชชาเสียใจ แต่เขาก็ต้องพูด
“คุณคงเห็นแล้ว เขาจะมาจัดแสดงผลงานที่โรงแรมนี่ พาทินนี่มันใจหินจริงๆ”
พิชชามองจิราพัชร เมื่อได้ยินชื่อพาทิน จิราพัชรยิ้มอย่างฝืนๆ
“ได้ยินชื่อของเขา คุณถึงจะกล้ามองหน้าผมสินะ” จิราพัชรถอนใจ “แต่ยังไงผมก็เข้าใจ”
พิชชารู้สึกตัวว่าทำให้เขาน้อยใจ เธอก้มหน้าหลบตา
“ขอโทษค่ะ”
จิราพัชรยิ้มให้ แม้พิชชาจะไม่เห็น
“เลิกเอาแต่ขอโทษซะทีเถอะ...คุณอาจจะไม่สังเกต ที่พักนี้ผมไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ ผมขึ้นกรุงเทพฯบ่อย ที่บ้านอาจจะตัดหางผมจริงๆ คราวนี้”
พิชชามองจิราพัชรที่ดูซึมลงจริงๆ
“ทำไมล่ะคะ”
จิราพัชามองตาพิชชา
“เพราะผมบอกว่าจะแต่งงานกับคุณนะสิ”
พิชชายุ่งยากใจเพราะเขาเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม จิราพัชรเห็นแววตาของพิชชาก็เดาออกว่ารู้สึกแบบไหน
“ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวอาจจะไม่เห็นด้วย และคงไม่พอใจที่ผมวิสาสะออกตัวไป แต่คุณจะแต่งงานกับผมได้ไหม”
พิชชาไม่พูดหรือแสดงอารมณ์อะไร เธอลุกขึ้นเดินจากไปแทนคำตอบ จิราพัชรรู้สึกเสียใจ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบอาจจะเป็นอย่างนี้
พาณียืนมองพาทินที่เดินดูไปรอบๆ โถงสถานที่จัดแสดงผลงาน
“ผมว่าขนาดห้องกำลังพอดีเลยครับ”
“ดิฉันคิดว่า ห้องนี้มันเรียบๆ ไม่หวือหวา น่าจะเหมาะกับผลงานของคุณ”
“ครับ ลงตัวดี”
พาณีพาเขาเดินออกจากห้อง
“ไม่ได้เจอคุณพักใหญ่เลยนะคะ”
“ครับ ช่วงนี้ทั้งงานมหาลัย กับผลงานที่ทำก็กินเวลาผมไปเยอะ”
“ได้เจอพิชชาบ้างหรือเปล่าคะ”
พาทินสะดุดใจอารมณ์เปลี่ยน
“อืม ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่แล้วล่ะครับ”
“จะแวะไปหาเธอหน่อยไหมคะ ดิฉันจะพาไปที่แผนก”
พาทินไม่อยากพบพิชชากลัวทำใจไม่ได้
“วันนี้คงไม่มีเวลาพอหรอกครับ”
พาณีเห็นสีหน้าพาทิน ก็รู้ว่าเขาคงไม่สะดวกใจ
“เอ่อ เหรอคะ เสียดายจังคุณน่าจะได้เจอเธอบ้าง ขอโทษนะคะถ้ามันจะก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ฉันอยากเห็นความรักของคุณกับพิชชา ผ่านอุปสรรคไปได้ตลอดรอดฝั่งกว่านี้ ฉันเอาใจช่วยมาตลอด”
พาทินซึมลง พาณีรู้สึกว่าตัวเองยุ่งเรื่องของเขามากเกินไป เปลี่ยนหัวข้อคุย
“คุณจะขนผลงานมาเมื่อไหร่คะ”
“คงตั้งแต่พรุ่งนี้ไปน่ะครับ”
“งั้นฉันจะแจ้ง แผนกดูแลสถานที่ให้ประสานงานให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็แจ้งมาที่ดิฉันได้เลย”
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ ที่ยังมีคนเข้าใจ”
พาณีรู้ว่าประโยคสุดท้ายที่พาทินพูดเป็นเรื่องเขากับพิชชา เธอค้อมหัวให้เขาก่อนจะเดินออกมา พาทินยืนคิดเรื่องที่พาณีพูด
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
พาทินจอดรถที่ตลาดเขาลงจากรถ พูดโทรศัพท์กับอรอินทุ์อยู่
“ผมดูแล้ว เหมาะดี”
“คุณพอใจแล้วเหรอ”
“อืม ลงตัวที่สุดแล้วล่ะ ผมอยู่ที่ตลาดหัวหินนะ แวะซื้อของหน่อยไม่นาหรอก”
พาทินวางสายเดินซื้อของในตลาด เขาแวะดูผลไม้อยู่สอง สามแผง ได้ของเสร็จเดินต่อ...พิชชากำลังนั่งเลือกผักจากแผง กำลังต่อรองอยู่ พาทินหยุดมองเมื่อเห็นเธอ เขาไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปทักดีไหม พิชชาจ่ายเงิน รับของเดินไปต่อ รู้สึกว่ามีคนมองอยู่ เธอหันไปเห็นเขา พาทินไม่ได้เตรียมตัวเผชิญหน้ากับพิชชา เขาวางสีหน้าไม่ถูก พิชชาเองเช่นเดียวกัน ได้แต่ยืนมอง
พิชชากับพาทินนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งในมุมสงบของร้านกาแฟ ของที่ซื้อติดจากตลาดวางอยู่ข้างตัวของ ทั้งคู่ดูขัดเขินที่จะพูดคุยกันเหมือนปกติ
“เธอสบายดีไหม”
“ฉันสบายดีค่ะพี่”
“ได้ยินว่าเธอ ป่วย ไม่เป็นไรมากใช่ไหม”
พิชชายิ้มให้
“แค่เป็นไข้หวัดนิดหน่อยค่ะ”
“นิดหน่อยเหรอ”
พิชชารู้ว่าเขาห่วงเธอ แต่ไม่อยากให้เขาพะวงมากนัก
“ค่ะ หายตั้งนานแล้ว”
พาทินพยักหน้ารับ วางใจกับคำยืนยันจากพิชชา
“พี่คะ กาแฟมันจะเย็นหมดแล้ว ดื่มหน่อยสิคะ”
พาทินรู้สึกเก้อ เมื่อเธอทัก เขายกขึ้นจิบ
“ที่เธอไม่สบาย เพราะวันนั้นเธออยู่คอยพี่หรือเปล่า”
พิชชารีบปฏิเสธกลัวเขาจะไม่สบายใจ
“ไม่ ไม่ใช่หรอกค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง ที่จริงวันนั้นฉันไม่ได้ไปตามนัดเหมือนกัน”
พาทินรู้ว่าเธอโกหกเพื่อให้เขาสบายใจ
“พอเห็นสิ่งที่คุณอรทำลงไป ทำให้ฉันคิดได้ว่าเห็นแก่ตัวไปหน่อย ก็เลยตัดสินใจไม่ไปตามนัด ฉันหนีไปกับพี่ไม่ได้ ฉันทำไม่ลง”
พาทินฟังเหตุผลของพิชชา ทำให้รู้ว่า เขาเห็นแก่ตัวมากกว่าใคร พิชชานิ่งคิดเพื่อหาเหตุผลที่ดีให้ เขาและตัวเองตัดใจจากกัน
“ฉันคิดว่ามันเป็นความรัก” เธอฝืนยิ้มเหมือนเข้าใจ “แต่มันคงไม่ใช่ เพราะเราอาจจะจากกันไปนาน เราเลยคิดว่ามันเป็นความรัก คงจะเป็นเพราะแบบนี้มั้ง”
พาทินฟังเหตุผลของเธอ เขารู้ว่ามันฟังไม่ขึ้นสำหรับเขา
“งั้นเหรอ หวังว่าเธอคงพูดถูก พี่ก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
พาทินไม่พูดอะไรต่อ พิชชาก็รู้ว่าเหตุผลที่เอามาอ้างก็เพื่อหลอกตัวเอง เสียงโทรศัพท์ของพิชชาดัง เธอหยิบมันออกจากกระเป๋ามองดูหมายเลข
“คุณพัชรโทรมา”
พาทินมองพิชชาไม่คิดว่าจิราพัชรยังคงติดต่อเธออยู่
“พัชร เขาดีกับฉันมาก เข้าใจและก็ยอมรับฉัน” พิชชาฝืนใจพูด “เขาขอแต่งงานกับฉันด้วย”
พาทินได้ยินเรื่องจากปากพิชชา เขาใจหาย
“พิชชา”
“ฉันไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาทำให้พี่เสียใจนะ ไม่ใช่จริงๆ ฉันอยากมีความสุข คราวนี้ต้องไปได้ตลอดแน่นอน”
พาทินเศร้า เสียใจ ไม่มีเหตุผลอะไรมาแย้งการตัดสินใจของพิชชาได้ เขาคงต้องยอมรับ พิชชาเห็นเขาเสียใจ กลัวว่าตัวเองจะเก็บอาการไม่อยู่
“พี่อยากจะบอกอะไรตั้งเยอะ แต่พูดไม่ออก”
พาทินก้มหน้าซ่อนน้ำตาไว้ พิชชาตาแดง รีบบอกลาก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา
“ฉันต้องไปแล้วนะคะพี่”
พิชชาลุกขึ้นจากโต๊ะหยิบของเดินออกจากร้านไป พาทินนั่งซึมที่โต๊ะลำพัง
อรอินทุ์รวบรวมงานแสดงของพาทิน เตรียมส่งไปที่ยังที่จัดงาน อรอินทุ์เห็นรูปพิชชาที่โผล่ออกมาจากแป้นงานปั้นด้านใน เธอหยิบรูปมาดู เปิดผ้าคลุมหุ่นปั้นดู จำได้ว่าเป็นงานปั้นที่ค้างไว้ของเขา เธอมองภาพของพิชชา เทียบดูกับหุ่นปั้น แม้จะยังไม่เสร็จ เธอก็ดูออกว่ารูปปั้นนั้นคือพิชชา อรอินทุ์รู้สึกไม่พอใจที่พาทินยังไม่ยอมตัดใจจากพิชชา
อรอินทุ์นั่งเหม่อคิด มื้อเย็นที่เตรียมไว้ดูจะเย็นหมดแล้ว พาทินเดินขึ้นบันไดมา เธอรู้สึกตัวหันไปมองเขา
“คุณกลับช้าจังเลย ไหนบอกว่าแค่แป๊บเดียวไงคะ”
พาทินรู้สึกเหมือนโดนจับผิดได้ เขาไม่พูดแก้ตัวอะไร เห็นกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของอรอินทุ์วางอยู่ข้างเก้าอี้
“ตอนแรกฉันคิดว่าจะขอแค่อยู่จนอาการดีขึ้นแล้วกลับไปคอนโด แต่ที่นี่มันสงบจนฉันรู้สึกชอบขึ้นมา เพราะไหนๆ หมดเทอมนี้ เราก็จะไปอเมริกากันแล้ว ก็เลยจะขออยู่ต่อไปจนถึงตอนนั้นเลยนะคะ”
พาทินอึดอัดใจ อึกอัก ไม่กล้ารับคำ หาเหตุบ่ายเบี่ยง
“เวลากลางคืน ที่นี่มันค่อนข้างเปลี่ยว อีกอย่างต้องบอกพี่ดนัยก่อน”
“ก่อนหน้านี้ พิชชายังมาอยู่ได้เลย”
อรอินทุ์อ้างชื่อพิชชา ทำให้พาทินปฏิเสธไม่ได้อีก
“ฉันก็อยากมาอยู่บ้าง”
อรอินทุ์เก็บความสงสัยเรื่องนี้ไม่อยู่ เอ่ยปากถามพาทิน
“พักนี้คุณได้เจอพิชชาหรือเปล่า ตอนเธอไม่สบายคุณก็ไม่ได้ไปเยี่ยม”
พาทินคิด ไม่อยากโกหก เก็บเรื่องนี้ให้คาใจทั้งตัวเองและอรอินทุ์
“วันนี้ผมได้เจอเธอที่ตลาด”
อรอินทุ์ผิดคาด คิดว่าพาทินจะเลี่ยงเปลี่ยนเรื่อง
“อย่างงั้นเหรอคะ ฉันนึกอยู่แล้วล่ะค่ะ ที่คุณอยากไปจัดแสดงผลงานที่โรงแรมนั้น ฉันก็ปล่อยเพราะอยากรู้ว่า สิ่งที่ฉันยึดเอาไว้ในมือมันเป็นความว่างเปล่าหรือว่าคุณมีใจให้ฉันอยู่ไหม...แต่คุณก็ยังไปเจอเธอ”
พาทินไม่คิดว่าการที่พูดความจริงออกไป จะยิ่งทำให้อรอินทุ์น้อยใจและเสียใจ
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกอร ผมเลือกที่จะมากับคุณ ไม่ได้เลือกเขา”
อรอินทุ์มองพาทินก็รู้ว่า เป็นทางเลือกที่เขาไม่ได้ต้องการ พาทินไม่กล้าสบตา
“ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน”
พาทินเดินเข้าห้อง อรอินทุ์มองตาม น้ำตาไหล หยิบรูปพิชชาที่วางไว้บนโต๊ะฉีกมันทิ้งไป
หลายวันต่อมา จิราพัชรนั่งดูเอกสารต่างๆ ที่โต๊ะ เห็นบัตรเชิญงานแสดงของพาทิน...จิราพัชรเดินเข้ามาที่โถงจัดงาน พนักงานกำลังติดผลงานแสดงอีกไม่กี่ชิ้นก็จะเสร็จ จิราพัชรเดินดู ภาพวาดบนผนัง ไปทีละภาพๆ เห็นรายละเอียดต่างๆ ที่พาทินซ่อนไว้ในภาพล้วนเกี่ยวข้องกับพิชชา จิราพัชรเดินดูผลงานปั้น ผลงานส่วนใหญ่ เหมือนจะไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เขาก็รู้ว่ารูปปั้นทั้งหมดนั่นคือตัวแทนของพิชชาในใจพาทิน จิราพัชรมองรูปปั้นที่ดวงตาเสร็จสมบูรณ์ ดวงตาที่เห็นเหมือนมีชีวิต เป็นดวงตาของพิชชาที่เขาคุ้นเคย...พาทินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยของงาน เขาเห็นจิราพัชรจ้องมองรูปปั้นพิชชา
“พัชร”
จิราพัชรหันไปตามเสียงเรียก
จิราพัชรกับพาทินนั่งที่สวน กลุ่มพนักงานแม่บ้าน ราวสองสามคนเดินผ่านทั้งคู่ พาทินมองกลุ่มแม่บ้านนั้น หวังจะเห็นพิชชาอยู่ในกลุ่ม จิราพัชรเห็นพาทินมอง ก็เข้าใจ
“เย็นนี้กูคง ไม่อยู่ร่วมงานแสดงของมึงนะ”
“มึงไม่อยากเห็นหน้ากูสินะ”
จิราพัชรมองหน้าพาทิน
“เออ ไม่อยากเห็น”
“บางทีมึงก็พูดตรงเกินไป ไม่ถนอมน้ำใจใคร”
“กูเป็นคนอย่างนี้แหละ ไปล่ะ”
จิราพัชรเดินปลีกตัวไป พาทินหันไปถามเรื่องคาใจ
“พัชร”
จิราพัชรหยุดหันกลับมา
“มึงกลับมาคบกับพิชชา จริงหรือเปล่า”
“ใครบอกล่ะ”
“พิชชาบอกกูเอง ว่ากลับมาคบกับมึง อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องของกูหรอกนะ แค่อยากรู้ ว่ามึงรักเธอจริงๆ หรือเปล่า”
จิราพัชรเองก็สงสัยว่าพิชชาทำเพื่ออะไร
“พิชชาบอกมึงเองเลยเหรอ” เขายิ้ม “ก็ตามนั้นล่ะ”
“อย่าทำให้เขาเสียใจนะ”
”ไว้เจอกัน”
จิราพัชรเดินจากไป พาทินรู้สึกว่ายังไม่ได้คำตอบที่อยากรู้
“เฮ้ย พัชรบอกกูมาก่อน พัชร”
จิราพัชรไม่สนใจเดินไปไกลแล้ว
จิราพัชรเดินเข้ามาในห้อง ทุบโต๊ะระบายอารมณ์ เขาโกรธที่พิชชาเอาชื่อเขา ไปเป็นข้ออ้างกับพาทิน ทั้งที่เธอไม่ได้ตกลงคบกับเขาจริงๆ
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ในห้องแสดงงาน มีคนมาร่วมงานทั้งแขกที่เชิญมา นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร แขกที่พักในโรงแรม พาทินอธิบายผลงานให้ แขกที่สนใจ อรอินทุ์ยืนข้างๆ อัจฉราเดินเข้ามาในงาน อรอินทุ์ดีใจ
“แม่คะ ดีใจจังเลย”
พาทินไม่คิดว่าอัจฉราจะยอมมางานนี้ รู้สึกทำตัวไม่ถูก อัจฉรามึนตึงใส่ พาทินยกมือไหว้ อัจฉรารับไหว้อย่างเสียไม่ได้ หันไปหาลูกสาว
“นี่แก แกล้งแม่เหรอ”
อรอินทุ์ชักสีหน้าไม่ถูก เมื่ออัจฉราไม่เก็บอารมณ์
“โลกนี้มีผู้ชายคนเดียวหรือไง”
“เรื่องนั้นวางเอาไว้ก่อนนะคะ แค่แม่ยอมมาหนูก็ดีใจแล้ว”
พาทินรู้สึกเหนื่อยที่ต้องมารับอารมณ์ของอัจฉรา
พิชชาเก็บของ งานส่วนรับผิดชอบ เตรียมตัวเลิกงาน ดนัยแต่งตัวดูเป็นทางการมาก ในมือถือช่อดอกไม้ เดินเข้ามาในห้อง พิชชาไม่เคยเห็นดนัยในแบบนี้มาก่อน เธอยิ้มให้เขา วางมือจากงานที่ทำอยู่ ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะท่าน”
ดนัยหัวเราะ รู้ว่าพิชชากำลังแซวเขา
“ท่าน เทิ่นอะไรกัน”
พิชชามองดนัยไปทั่วตัว จุ๊ปาก
“ดูดีเหมือนกันนะคะ นึกว่าศิลปินจะเก่งแต่วิจารณ์คน แต่งตัวก็เก่งเหมือนกันนะ”
ดนัยขยับแขนเสื้อ ดึงปกคอ อวดตัว
“คนเราอย่าดูแต่ภายใน จิตใจดีอย่างเดียวมันไม่พอต้องแต่งตัวดีด้วย”
พิชชาหัวเราะที่ดนัยใช้คำย้อนให้คิด เธอมองดนัยอย่างรู้ทันว่าเขามาที่นี่ทำไม ยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ที่เขาถืออยู่ ดนัยชักมือที่ถือดอกไม้กลับ พิชชาทำหน้าผิดหวัง
“ไม่ได้เอามาให้ฉันเหรอคะ งั้นพี่เอามาให้ใคร”
ดนัยเขิน ไม่กล้าพูดออกมา
“วันนี้มีงานแสดงของเจ้าทินมัน เลยแวะมาดูๆ”
พิชชาสลดลงเมื่อได้ยินชื่อของพาทิน พาณีเดินเข้ามาในห้อง เห็นดนัยก็ยิ้มให้
“สบายดีนะ”
ดนัยปากทักพิชชาแต่ตากวาดไปมองพาณี พิชชากับพาณีตอบพร้อมกัน
“ค่ะ”
พาณีหัวเราะเขิน ดนัยเองก็เช่นกัน
“พี่อ่ะ นิสัยไม่ดี ทักฉันแต่ตามองแต่พี่ณี เลยนึกว่าถามฉันน่ะสิ”
“ขอโทษๆ พี่ทักทั้งคู่นั่นแหละ ตอบพร้อมกันไม่ต้องถามซ้ำ”
ดนัยยื่นดอกไม้ให้ พาณีแปลกใจ แต่ก็รับมา พิชชามองแบบรู้ทัน
“แหมไม่ชอบ หน้าเธอตอนทำแบบนี้เลย เหมือนขโมยถูกตำรวจจับได้”
พิชชาหัวเราะ เพราะจริงๆ อยากแกล้ง ดนัยหันไปหาพาณีที่กำลังชื่นชมช่อดอกไม้
“สวยไหม ชอบไหม”
พาณีพยักหน้ารับ ดนัยดึงช่อดอกไม้นั้นกลับมา
“เอาล่ะชื่นชมพอแล้ว ผมเอามันมางานไอ้ทิน ไปนะเดี๋ยวค่อยเจอกัน”
ดนัยเดินถือช่อดอกไม้เดินออกไปจากห้อง พาณีกับพิชชาหน้าเหวอ
“คนอะไร ไม่โรแมนติคเอาซะเลย”
พิชชาหัวเราะ
“พี่เขาคงเขินน่ะค่ะ”
“จะมาขงเขินอะไรกัน อายุตั้งเท่านี้แล้ว”
เสียงโทรศัพท์สั่น พิชชามองดูข้อความที่ฝากมา
พิชชาเดินเข้ามาในห้องจิราพัชร เห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขก พิชชาเดินไปหา จิราพัชรโยนชุดที่เตรียมไว้ให้ลงบนพื้น
“ไปเปลี่ยนชุด”
พิชชางงที่เขาสั่ง ปรับอารมณ์ไม่ถูก เธอหยิบชุดนั้นขึ้นจากพื้น
“คุณใส่ชุดนั้นเข้างานไอ้ทินไม่ได้หรอก”
พิชชายังงงๆ
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“คุณไม่เข้าใจได้ยังไง ก็ตอนนี้เราคบกันอยู่นี่ ไปแสดงตัวด้วยกัน ให้เขาเห็นกันไปเลย”
พิชชาเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
“พัชรคะ”
“อยากให้ไอ้ทินมันคลายกังวล เลยต้องใช้ผมขึ้นมาอ้าง แล้วความรู้สึกของผมล่ะ ไม่มีความหมายสำหรับคุณเลยใช่ไหม”
พิชชาอึ้งไป
“พัชรคะ”
“ไปสิ ไปเปลี่ยนชุด แล้วไม่ต้องถือว่าผมเป็นคนที่มีความหมายอะไรทั้งนั้น”
พิชชาเสียใจที่จิราพัชรตีความหมายทุกอย่างไปมุมกลับ
เย็นนั้น พาทินเดินทักทายแขกผู้ใหญ่ แนะนำผลงาน จิราพัชรพาพิชชาเดินเข้ามาในงาน พาทินหันไปเห็น จิราพัชรโอบไหล่พิชชาเดินเข้าไปทัก
“เฮ้ยทิน ตอนแรกว่าจะไม่อยากมางานแสดงของมึงเท่าไหร่ แต่พิชชาเขาอยากมาดู ก็เลยต้องตามใจเขา แวะมาดูซะหน่อย”
พาทินมองพิชชา เหมือนจะถามว่าจริงเหรอ พิชชาวางหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไร พาทินฝืนยิ้มแห้งๆ ทำทีดีใจ
“ดีใจที่มากันได้นะ เออ จะดื่มอะไรไหม”
“เฮ้ยดีเหรอ เดี๋ยวกูเมาแล้ว มึงไม่ชอบใจแน่”
พาทินรู้ว่าจิราพัชรแขวะเขา จิราพัชรหันไปหาพิชชาถามเธอ
“ผมดื่มได้ไหม”
พิชชามองว่าอารมณ์ของทั้งสองคนกำลังขึ้น เธอหาทางให้มันเย็นลง
“ตามใจสิคะ”
“เขาอนุญาตแล้วว่ะ”
จิราพัชรกำลังเดินออกไป เขานึกขึ้นได้หันมาทำท่าจะหอมแก้มพิชชา เธอตกใจเล็กๆ ไม่คิดว่าเขาจะแสดงออกแบบนั้น เธอเบี่ยงหลบ จิราพัชรเห็นปฎิกริยาของพิชชา เขายิ้มให้
“โทษที ต่อหน้าคนอื่นคุณคงเขินสินะ”
จิราพัชรเดินออกไป พิชชาไม่อยากให้พาทินเห็น กลัวเขาเจ็บปวด พาทินหน้าเครียด ไม่พอใจท่าทีของจิราพัชรที่ทำกับพิชชาต่อหน้าเขา
“พิชชา พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
พาทินเดินนำออกไป พิชชาเดินตามออกจากห้องแสดงงาน จิราพัชรยืนมองทั้งคู่ที่เดินออกไป
พาทินพาพิชชาออกมาคุย
“วันนี้พัชรเขาทำตัวแปลกๆ นะคะ”
พาทินมองพิชชาหาความจริง
“พิชชา เธอกลับไปคบกับพัชรจริงๆ ใช่ไหม”
พิชชาไม่กล้าพูดความจริง แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ
“ใช่ไหม”
พิชชาเลือกที่จะตอบรับ
“ใช่ค่ะพี่”
พาทินเห็นสีหน้าของพิชชา ก็รู้ว่าที่เธอตอบออกมามันไม่จริง
“พิชชา”
“พาทิน”
พาทินและพิชชาหันไปตามเสียงเรียก อัจฉราและอรอินทุ์ยืนมองอยู่ อัจฉราเดินเข้าไปหาทั้งคู่ ท่าทางโกรธมาก
“เธอสองคนนี่มัน...”
พิชชายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
อัจฉราจ้องหน้า
“เธอกล้ามากนะ”
“พิชชา เธอหลบไปก่อน”
พิชชาทำท่าจะเดินออกไป
“ยังไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” อัจฉราหันไปหาพาทิน “เธอเองก็ไม่ต้องออกตัวมาปกป้องเขา”
อรอินทุ์ยืนมองทำอะไรไม่ได้
“แม่ตัวดี เธอกล้ามากที่โผล่มางานนี้ ลูกสาวฉันเกือบตายไปครั้งนึงแล้ว เพราะเธอรู้ไหม”
พาทินไม่สบายใจ
“คุณน้าครับ”
“แม่คะ”
อรอินทุ์พยายามดึงให้อัจฉราเย็นลง
“ลูกสาวฉันเป็นถึงขนาดนั้น ก็ยังกล้าโผล่มาอีก ไร้ยางอายจริงๆ”
พาทินไม่ชอบใจนักที่อัจฉราต่อว่าพิชชาด้วยคำพูดแรงๆ
“คุณน้าพอเถอะครับ”
อรอินทุ์และอัจฉราหยุดกึก เมื่อพาทินแสดงความไม่พอใจออกมา
“อย่ามาทำขึ้นเสียงกับฉัน จะเข้าข้างเขาเหรอ”
พิชชาเห็นว่าเรื่องทั้งหมดจะบานปลาย กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เธอรีบออกตัว
“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเป็นคนผิดเองทั้งหมด ขอโทษจริงๆค่ะ”
จิราพัชรเดินเข้ามาจับมือพิชชา
“กลับกันเถอะ”
จิราพัชรจูงมือพิชชาเดินจากไป ทุกคนงงทำอะไรไม่ถูก พาทินรู้สึกตัวเดินตามไป
“พิชชา”
อรอินทุ์ดึงรั้งพาทินไว้
“ดูสิไร้มารยาทจริงๆ”
พาทินหงุดหงิดหันมามองอัจฉรา
“หยุดซะทีเถอะครับ”
อัจฉราหยุดปากไม่พูดต่อ พาทินสงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองลง
“ขอโทษนะครับ”
พาทินเดินออกไป ทิ้งให้อรอินทุ์และอัจฉรายืนตะลึง
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
จิราพัชรจูงพิชชาเดินออกมา เขาหยุดฝีเท้าลง ปล่อยมือ พิชชานิ่งมองรู้สึกขอบคุณที่เขาพาออกมาจากสถานการณ์ที่เธอรับมือไม่ไหว
“ขอบคุณมากนะคะ คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาช่วยฉันก็ได้ค่ะ”
“เรื่องทั้งหมดนี้คือผลที่คุณกับไอ้ทินต้องได้รับ” จิราพัชรแค่นหัวเราะ “ผมไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น”
พิชชารู้ว่าจิราพัชรยังคงโกรธเธออยู่
“ค่ะ จะดีมาก ถ้าเขาไม่สงสัยว่าเราเล่นละครกัน”
“คุณนี่มัน...”
จิราพัชรมองพิชชารู้ว่าเธอเจ็บปวด และกำลังทรมานตัวเองอยู่
“ขอบคุณมากค่ะ ชุดนี้ฉันจะส่งคืนให้คุณทีหลังนะคะ”
พิชชาค้อมหัวให้เดินจากไป จิราพัชรไม่คิดว่าพิชชาจะใจแข็งขนาดนี้ มองเธอที่เดินใจสลายจากไป
ใกล้ค่ำ พาทินนั่งสงบอารมณ์ที่ม้าหิน รู้ตัวว่ายังตัดใจจากพิชชาไม่ได้
พิชชาเดินซึมกลับหอพัก ในหัวคิดเรื่องพาทิน เธอหน้ามืด หยุดเดินค่อยๆ ย่อตัวลง รู้สึกมีของเหลวไหลออกทางจมูกเป็นเลือดกำเดา เธอใช้มือปิดมันเอาไว้รีบเงยหน้าไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้
พิชชามาหาหมอที่โรพยาบาล หมอดูเอกสารผลตรวจร่างกายของเธอ พิชชานั่งตรงข้ามรอฟังหมอสรุป
“คุณเคยมีอาการแบบนี้ แล้วก็ตรวจไปครั้งนึงแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ผมอยากเจอคุณอยู่พอดีเลย”
“ทำไมเหรอคะ”
“ทางโรงพยาบาลใช้เวลาพอสมควรที่จะตรวจอย่างละเอียด ตอนแรกที่คิดว่า คุณเป็นโรคโลหิตจาง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่”
“แล้วดิฉันเป็นอะไรเหรอคะ”
หมอรู้สึกลำบากใจที่จะบอกข่าวร้ายกับคนไข้
“คือ คุณน่าจะเป็นลูคิเมียครับ”
พิชชาตกใจ พูดอะไรไม่ออก
“ในครอบครัว มีใครที่เป็นโรคนี้ไหม”
พิชชายังคงตกใจ ใช้เวลาพักใหญ่ที่รวมสติกลับมา
“เคยได้ยินว่าพ่อที่ตายไปแล้ว เคยเป็นโรคนี้ค่ะ” เธอหยุดนึก “มันเป็นมะเร็งอย่างหนึ่งเหรอคะ”
พิชชาออกจากห้องตรวจ จิตใจไม่อยู่กับตัวเอง ในหัวได้ยินแต่เสียงของหมอที่สรุปผลตรวจ
“หมอแน่ใจแล้วเหรอคะ”
“อยากให้คุณตรวจซ้ำอีกที ก่อนจะวินิจฉัยยืนยันโรค”
ดึกคืนนั้น พิชชาเปิดประตู เข้าบ้าน สุนทรีนอนหลับอยู่รู้สึกตัวเห็นเป็นพิชชา เอ่ยปากทัก
“ทำไม มาดึกนักล่ะ”
พิชชาเดินไปนั่งลงข้างๆ สุนทรีเห็นเธอแต่งตัวไม่เหมือนทุกวัน
“วันนี้แต่งตัวสวยเชียว ไปไหนมา”
พิชชาได้แต่ส่ายหน้าพูดอะไรไม่ออก
“กินข้าวมาหรือยัง”
สุนทรีขยับตัวลุกจากที่นอน
“แม่นอนเถอะ ไม่ต้องลุกหรอก หนูทานมาแล้วล่ะ”
สุนทรีเหนื่อยจากการทำงาน แต่ก็ยังอยากพูดคุยเป็นเพื่อนพิชชา เธอจับมือลูกสาวลูบไปมาเบาๆ
เหมือนทุกครั้ง สุนทรีค่อยๆหลับไป พิชชามองแม่น้ำตาไหล
“แม่คะ”
“หือ”
สุนทรีตอบทั้งที่ยังหลับอยู่
“พรุ่งนี้เราไปตลาดกันนะคะ”
สุนทรีงัวเงีย หัวเราะเบาๆ
“นึกยังไงขึ้นมาล่ะ”
พิชชาไม่ตอบ
“อือ ไปก็ไปสิ”
สุนทรีเริ่มหลับลึก พิชชาน้ำตาไหล ฝืนตัวเองไม่ให้สะอื้นให้สุนทรีได้ยิน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น...พิชชายืนรอที่มอเตอร์ไซค์ สุนทรีแต่งตัวดีกว่าทุกวัน ผมเผ้าหวีสางเรียบร้อย ลงจากบันไดบ้าน
“ทำไมต้องลากแม่ไปด้วยล่ะ”
“เมื่อคืนแม่รับปากแล้วนี่”
“ก็ไม่เห็นต้องแต่งตัวให้มันดีนักหนานี่นา”
ถึงปากจะบ่น แต่สุนทรีก็จับ ลูบผมให้อยู่ทรง
“ออกไปเจอผู้คนก็ต้องดูดีหน่อยสิ”
สุนทรีเดินมาที่รถ พิชชาหน้าซีดเซียว เธอยกมือแตะหน้าผากพิชชา
“ไม่สบายหรือเปล่าเรา”
พิชชายิ้มทำรื่นเริง เปลี่ยนเรื่อง
“เอ๊ะ...ไม่ต้องหาข้ออ้างเลยแม่”
พิชชาดันหลังสุนทรีไปที่มอเตอร์ไซค์
“แม่ไม่ต้องเขินเลย เวลาสวย เราต้องไม่อาย”
สุนทรียิ้มเขิน พิชชาสตาร์ทเครื่องรถ สุนทรีขึ้นซ้อน พิชชาขับพาแม่ไปตามถนน
พิชชาขับมอเตอร์ไซค์มีสุนทรีซ้อนท้ายไปจ่ายกับข้าวที่ตลาด ท่ามกลางบรรยากาศสดใสและสดชื่น
ยามเช้า สุนทรียิ้มร้องทักคนรู้จักไปตลอดทาง พิชชาเห็นแม่ดีใจก็พลอยมีความสุข
อรอินทุ์นั่งเหม่อคิด มองทะเล พาทินเดินลงมาจากชั้นบน เดินเข้าไปหานั่งข้างๆเธอ
“ฉันจะกลับกรุงเทพ คุณแม่ไม่สบายใจเรื่องนี้มาก อยากไปปลอบใจท่านเรื่องเมื่อวาน”
พาทินพยักหน้าเข้าใจ
“ได้จ้ะ ผมจะขับไปส่ง”
อรอินทุ์โมโหที่พาทินเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
“คุณพูดได้แค่นี้เหรอ”
พาทินนิ่งยอมรับ
“ฉันเข้าใจแล้ว บอกฉันหน่อยว่าเมื่อไหร่ คุณจะลืมเธอไปจนไม่เหลือแม้เงาในใจ เมื่อไหร่คะ ที่มันจะเป็นแบบนั้น”
พาทินบอกอรอินทุ์ไม่ได้ ว่าเขาไม่มีทางทำได้
“ทินคะ อย่าเอาแต่นั่งเงียบสิ พูดอะไรบ้าง”
พาทินคิดพักใหญ่
“ที่เราอยู่ด้วยกัน แค่นี้มันไม่พอใช่ไหม...งั้นราย้ายไปอเมริกา หมดเทอมนี้ เราไปด้วยกันเลย ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกเลย แบบนี้ล่ะพอไหม”
อรอินทุ์รู้ดีว่าสิ่งที่ออกจากปากของพาทิน ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง
“คุณน่ะ ให้ใจเธอไปหมดแล้ว”
พาทินฟังอรอินทุ์ ยอมรับว่ามันจริง
“ผมเลือกคุณไปแล้ว”
อรอินทุ์เจ็บช้ำใจ
“ช่างมันเถอะค่ะ ถึงยังไงฉันก็ไม่ปล่อยคุณไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”
อรอินทุ์ลุกจากม้าหินเดินไปขึ้นรถที่รั้วนอกสตูดิโอ
พิชชาขับมอเตอร์ไซค์ มาจอดที่ทางเข้า เธอเห็นรถของอรอินทุ์ และพาทินจอดอยู่ ลังเลที่จะเข้าไป อรอินทุ์เปิดประตูรั้วออกมา พิชชาเข็นรถหลบข้างทาง อรอินทุ์ขับรถออกมา พาทินวิ่งตามออกมาจากสตูดิโอ
“อร”
อรอินทุ์จอดรถ
“เราจะไปอเมริกาเพื่อจะได้จบเรื่องนี้กัน”
อรอินทุ์ไม่พูดอะไร พาทินเปิดประตูรถ
“ผมจะไปส่งคุณเอง”
อรอินทุ์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลงจากรถเดินไปด้านคนนั่ง พาทินขับรถออกไป พิชชายืนซึมเมื่อได้ยินพาทินพูดเรื่องจะกลับไปอเมริกา
แพนถือกระเป๋าเดินทางลงมาจากห้อง พจนินท์กับพงศกรยืนรอที่โถงรับแขก
“เพิ่งจะกลับมา ยังไม่ได้ทันพักเลย ต้องตะลอนไปอีกแล้ว”
“ทำยังไงได้คะแม่ ก็มันเป็นงานนี่น่า”
พจนินท์ลูบหัวแพนด้วยความห่วงใย แพนยิ้มให้แม่ ยกมือไหว้ พจนินท์รวบตัวแพนมากอด แพนแปลกใจที่แม่ทำแบบนี้กับเธอ น้ำตาซึม
“ดูแลตัวเองนะลูก”
“ค่ะ”
“พ่อจะไปส่ง”
พงศกรหยิบกระเป๋าถือเดินออกจากบ้าน แพนเดินตามพงศกร หันมามองพจนินท์
“แม่ค่ะ”
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 17