“ข้าวของพ่อ” ชื่อนี้เป็นที่มาของงานปั้นดิน ผลงานของ นางมยุรี เตอร์ตู ซึ่งเธอได้นำแนวคิดมาจาก ข้าวของพ่อ ที่ปรากฏอยู่ใน ส.ค.ส.เมื่อปี 2553 นำมาเป็นรูปแบบในการปั้นดินออกมาเป็นรวงข้าว ที่ใครพบเห็นก็อดไม่ได้จะต้องเข้าไปสัมผัสว่า ข้าวที่อยู่ในกระถางเป็นของจริง หรืองานปั้น
ผลงานปั้นดิน รวงข้าว เป็นผลิตภัณฑ์โอทอประดับ 3 ดาวของอำเภอวังละพุง จังหวัดเลย ซึ่งถ้ามองถึงงานปั้นดิน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะได้เห็นผลงานมีรูปแบบซ้ำๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ บานไม่รู้โรย หรือตุ๊กตาในรูปแบบต่างๆ แต่สำหรับงานปั้นดินของคุณมยุรี เธอพยายามคิดรูปแบบใหม่ และ รวงข้าว ก็เป็นผลงานล่าสุดที่ส่งเข้าประกวดโอทอประดับประเทศในปีที่ผ่านมา
มยุรีเล่าว่า ข้าวเป็นสิ่งที่ผูกพันกับคนไทยมาช้านาน ทุกคนเกิดมาก็ต้องกินข้าว และข้าวยังเป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรม แต่เป็นที่น่าเสียใจ เพราะเด็กรุ่นหลังรู้จักข้าวแค่ข้าวสาร ซึ่งไม่เชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่เคยเห็นต้นไม้ รวงข้าว ตรงจุดนี้เองจึงเกิดแรงบันดาลใจให้เราคิดทำงาน ปั้นรวงข้าว เพื่อให้เด็กได้เห็นถึงความงดงามของรวงข้าว และข้าวถือเป็นไม้มงคล ซึ่งคนต่างจังหวัดเองก็จะบูชาต้นข้าว หรือแม่พระโพสพกันอยู่แล้ว ดังนั้น การทำงานปั้นดินรวงข้าว จุดหนึ่งต้องการจะให้ลูกค้าไม่ได้แค่ซื้อเพื่อไปตั้งโชว์สวยๆ แต่เป็นไม้มงคลที่นำไปตั้งบูชาได้ตามความเชื่อของคนไทยอีกด้วย
มยุรีบอกกับเราว่า งานปั้นรวงข้าวไม่ได้ถูกใจเฉพาะคนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติก็ชื่นชอบ ซึ่งมีออเดอร์ต่างประเทศมาสั่งชุดรวงข้าวไปจำหน่ายด้วย เพราะในหลายประเทศกินข้าว แต่ก็คงจะไม่เคยได้เห็นต้นข้าวจึงสนใจก็เป็นได้ ส่วนตลาดในประเทศได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ซื้อไปตั้งบูชา เป็นของมงคล หรือคนเมือง เด็กไม่เคยเห็นต้นข้าวผู้ปกครองก็ซื้อไปให้ดูว่า ต้นข้าว รวงข้าว มันเป็นแบบนี้
สำหรับราคางานปั้นดินรวงข้าว เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักหมื่นบาท แล้วแต่ขนาด ความยากง่าย และกระถางอุปกรณ์ตกแต่ง ดังนั้นราคาไม่ตายตัว ที่ราคาค่อนข้างสูงเพราะเป็นงานฝีมือที่ต้องทำขึ้นมาใหม่ทีละชิ้น ไม่สามารถใช้บล็อกได้ ดังนั้น กว่าจะทำออกมาได้แต่ละชิ้นมันต้องใช้เวลา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สินค้าราคาค่อนข้างสูง แต่ลูกค้าก็เข้าใจ และยินดีจ่าย
มยุรีเล่าถึงงานปั้นดินว่า แม้ว่างานปั้นดิน จะไม่ใช่งานฝีมือที่หวือหวาในยุคนี้ แต่ความชื่นชอบของคนไทย และต่างชาติ งานปั้นดิน
ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีแบบใหม่ออกมาลูกค้าก็คงยังให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะถ้าเทียบยอดขายในช่วงที่งานปั้นดินได้รับความนิยม กับช่วงนี้ยอดขายของเราไม่ได้ตกลงไปแต่อย่างใด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สินค้าของเราจะผลิตกันไม่ทันขาย เพราะคนก็ยังนิยมซื้อไปเป็นของขวัญมอบแก่กันในช่วงเทศกาล ซึ่งการออกงานโอทอปแต่ละครั้งจะมียอดขายไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท ส่วนหนึ่งก็คงจะมาจากลูกค้ายอมรับในฝีมือ และรูปแบบสินค้า
สำหรับตนเองได้เริ่มทำดอกไม้ประดิษฐ์จากดินไทยตั้งแต่ปี 2543 โดยในช่วงนั้นมีการส่งเสริมการทำสินค้าโอทอป และได้เดินทางไปเรียนที่จังหวัดนครปฐม โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำงานฝีมือพวกประดิดประดอยอยู่แล้ว พอไปเรียนกลับมาลองทำ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง สักประมาณ 1 ปีได้ก็ส่งงานเข้าประกวดโอทอปติดระดับจังหวัด และต่อมาติดโอทอป 5 ดาวระดับประเทศ และได้มีโอกาสเดินทางนำสินค้าไปแสดงในหลายประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ปัจจุบันมีการส่งออกไปหลายประเทศ แต่ผ่านตัวแทนคนไทย
ในส่วนของการผลิต กระจายงานไปยังสมาชิกของกลุ่ม แบ่งงานกันทำตามความถนัด ซึ่งพอมีออเดอร์เข้ามาถึงจะแจกจ่ายงานออกไปยังกลุ่มสมาชิก ช่วยให้กลุ่มแม่บ้านมีรายได้เสริมขึ้นมาจากการทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก ปัจจุบันมีช่องทางขายหลักคือ การออกงานโอทอปทั่วประเทศ และได้เปิดสอนงานปั้นดินไทยก่ผู้ที่สนใจในราคาหัวละ 5,000 บาท พร้อมอุปกรณ์
โทร. 08-9841-1408
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *