ASTVผู้จัดการออนไลน์ - งานปฏิมากรรมรูปเคารพ 3 มิติติดอยู่กลางใบโพธิ์ปั้นสวยงามสะกดจนผู้พบเห็นต้องหยุดมอง ควบคู่กับนำเสนอเป็นวัตถุเสริมมงคล โดยในความเป็นจริงแล้ววัสดุที่ใช้ปั้นเป็นเพียง “รำข้าว” กับ “ผงไม้” ซึ่งแทบจะไม่มีราคา แต่ด้วยฝีมือของ “ภูมิพัฒน์ มหิงสา” และ “ศรีแก้ว สมอูป” ผู้ประกอบการจาก จ.เชียงใหม่ สามารถสร้างสรรค์ให้กลายเป็นผลงานปฏิมากรรมล้ำค่า และมีมูลค่าสูงอย่างยิ่ง
ภูมิพัฒน์เล่าว่า ก่อนจะมายึดอาชีพนี้ไม่เคยมีความรู้หรือสนใจเกี่ยวกับงานศิลปะใดๆ เลย เดิมเคยเป็นช่างซ่อมเครื่องจักร จากนั้นหันมาจับอาชีพทำดอกไม้ยางพาราประดิษฐ์ อาศัยออกขายตามงานแสดงสินค้าต่างๆ
ส่วนที่มาของอาชีพปั้นงานพุทธศิลป์ เกิดจากมักพบเห็นงานปั้นขี้เลื่อยซึ่งมีอยู่จำนวนมากในแถบภาคเหนือ โดยมากจะปั้นเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ จึงอยากจะทำงานลักษณะนี้บ้าง แต่ไม่ต้องการจะทำในรูปแบบเดิมๆ เป็นที่มาของการคิดจะปั้นเป็นรูปเคารพ เพราะส่วนตัวเคารพและศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างสูง
“ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยทำงานปั้นใดๆ มาก่อนเลย แต่อาศัยว่าเรามีความศรัทธา ผม และภรรยา (ศรีแก้ว สมอูป) ก็เลยลงมือฝึกฝนปั้นด้วยตัวเอง อาศัยดูแบบตามวัด และรูปถ่ายต่างๆ ค่อยๆ ปรับปรุงอยู่นาน จนในที่สุดก็สามารถทำได้สวยน่าพอใจ” ภูมิพัฒน์เผย
ด้านศรีแก้วเสริมว่า ที่มาของการออกแบบลักษณะที่เป็นรูปเคารพอยู่ในใบโพธิ์นั้น เพราะใบโพธิ์เป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ เมื่อนำมาประกอบกับรูปเคารพทำให้เกิดความสวยงามแถมยังสื่อความหมายที่ดีด้วย
สำหรับวัสดุที่นำมาปั้นนั้น คือ “รำข้าว” กับ “ผงไม้” หรือขี้เลื่อย ผสมกับ “กาวลาเท็กซ์” เท่านั้น ในอัตราส่วนประมาณ 60 ต่อ 40 ซึ่งจะได้เนื้อผสมเหนียวกำลังดีเหมาะแก่การปั้น โดยในส่วนของรำข้าวผสมกาวลาเท็กซ์จะเน้นใช้ปั้นงานในส่วนที่ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก เช่น ส่วนใบโพธิ์ หรือฐานของรูปเคารพ ขณะที่ผงไม้ผสมกับกาวลาแท็กซ์นั้นเน้นปั้นงานที่ต้องการความละเอียดอ่อนช้อย เช่น รูปเคารพต่างๆ
ทั้งนี้ รูปเคารพจะมีด้วยกัน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ พระพุทธรูป พระพิฆเนศ และพระเกจิอาจารย์ โดยขั้นตอนการทำนั้น ในส่วนของรูปเคารพต่างๆ จะปั้นตัวต้นแบบแล้วทำเป็น “บล็อกสำเร็จรูป” ไว้ แล้วนำผงไม้ผสมกาวลาเท็กซ์มาเข้าอัดบล็อก จะได้เป็นรูปเคารพออกมาตามบล็อก
จากนั้นจะปั้นเสริมรายละเอียดต่างๆ ด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรายละเอียดต่างๆ ส่วนใบโพธิ์ ดอกไม้ประดับ ฐานของรูปเคารพ รวมถึงตกแต่งรายละเอียดต่างๆ เป็นต้น เมื่อปั้นเสร็จสมบูรณ์แล้วนำไปเข้าเตาอบ เมื่อแห้งสนิทแต่งสีทองด้วยการติดทองคำเปลว แล้วทาน้ำยาเคลือบเงาจนทั่วเพื่อให้เกิดความสวยงาม
ศรีแก้วบอกด้วยว่า ข้อดีของงานปั้นลักษณะนี้ ชิ้นงานมีความแข็งแรงทนทานอย่างยิ่ง หลังจากออกจากเตาเผาแล้วจะแข็งเหมือนไม้ท่อนหรือก้อนหินเลยทีเดียว แต่น้ำหนักกลับเบา ช่วยให้ขนย้ายได้สะดวก
ทั้งนี้ หลังจากเริ่มนำปฏิมากรรมจากผงไม้และรำข้าวออกวางตามงานแสดงสินค้า ภูมิพัฒน์เล่าว่า ได้ผลตอบรับอย่างดียิ่ง เพราะนอกจากความสวยงามแล้ว ลูกค้ายังซื้อเพื่อนำไปเคารพบูชาตามความศรัทธา ซึ่งในภายหลังได้เสริมเรื่องความมงคลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยนำผงไม้มงคลต่างๆ อย่าง “ผงไม้สักทอง” ใส่เข้าเป็นหนึ่งในส่วนผสมของการปั้น ช่วยเพิ่มมูลค่ามากขึ้นไปอีก
เขาระบุด้วยว่า งานลักษณะนี้ เรื่องต้นทุนค่าวัสดุต่ำมาก ผงไม้รับซื้อมาจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ขายแค่ถุงละ 50 บาท นำมาผสมกับกาวลาเท็กซ์ ซึ่งกระปุกละไม่กี่สิบบาทเช่นกัน ดังนั้นคุณค่าของงานลักษณะนี้อยู่ที่ฝีมือการปั้นล้วนๆ จากต้นทุนแค่ไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท เมื่อปั้นออกมาเสร็จแล้วสามารถขายได้ชิ้นละขั้นต่ำ 900 บาท ถึงสูดสุดหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่ายในการปั้น
“งานประเภทนี้เรื่องต้นทุนน้อยมาก สามารถขายได้มูลค่าสูง ลูกค้าจะพิจารณาจากฝีมือการปั้น ซึ่งจุดเด่นของผมอยู่ที่ความละเอียดอ่อนช้อย ซึ่งยากจะทำลอกเลียนแบบ โดยปัจจุบันสมาชิกครอบครัวของผมทุกคนมีส่วนช่วยทำงานนี้ ทั้งผม ภรรยา และลูกๆ ทุกคนสามารถทำได้หมด โดยเฉลี่ยจะมียอดขายประมาณหลักร้อยชิ้นต่อเดือน” ภูมิพัฒน์กล่าว
ในส่วนช่องทางขายนั้น เน้นออกงานแสดงสินค้าต่างๆ รวมถึงรับออเดอร์จากลูกค้า ซึ่งสามารถระบุความต้องการพิเศษได้ เช่น ปั้นรูปเคารพอื่นๆ อย่างพญานาค หรือให้ใส่กรอบไม้ ประดับไฟเพิ่มความสวยงาม และเติมรายละเอียดอื่นๆ ตามความพอใจ เป็นต้น
เขาเผยในตอนท้ายด้วยว่า ชิ้นงานลักษณะนี้ปัจจุบันตลาดให้การตอบรับอย่างดีมาก และยังมีกลุ่มลูกค้าต้องการอีกจำนวนมาก เพราะคนไทยมีความเชื่อด้านวัตถุเสริมมงคล อีกทั้ง ต้นทุนค่าวัสดุก็ต่ำมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่คิดจะมายึดอาชีพนี้บ้าง ต้องมีทั้งพรสวรรค์ และพรแสวง เพราะเป็นฝีมือทำยากมาก และลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากฝีมือการปั้น หากทำออกมาได้สวยงามโดดเด่น ไม่ว่าราคาสูงเพียงใดลูกค้าก็พร้อมจะจ่ายเสมอ
@@@@@@@@@@@@@@
โทร. 08-1019-0197 และ 08-1020-6039
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *