xs
xsm
sm
md
lg

สุดสายป่าน ตอนที่ 17 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุดสายป่าน ตอนที่ 17 อวสาน

ที่บริเวณหน้าห้องไอซียูทุกคนรออยู่กันพร้อมหน้า ต่างเป็นห่วงกานดาวสี และลุ้นๆ อยากได้รับข่าวดี ฐิติยืนเครียดจัด อยากให้กานดาวสีฟื้น หมอเดินออกมาจากห้องไอซียู ทั้งหมดหันไปสนใจหมอ

“คุณกานดาวสีรู้สึกตัวแล้วครับเมื่อซักครู่นี้”
ทุกคนดีใจ
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนครับ” ฐิติถาม
“กำลังย้ายไปที่ห้องพักฟื้นครับ”
ทุกคนโล่งอก สีหน้าฐิติคลายความเครียดลง ยิ้มออกมาได้

ยามเย็นกานดามณีถูกย้ายมาที่ห้องพักฟื้น เวลานี้กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ท่านหญิง พุดตาน นมสาย ฐิติ วิเศษ นารีรัตน์ ไขนภา และรำเพยมาเยี่ยม ทุกคนคิดว่าเป็นกานดาวสีจริงๆ และต่างดีใจที่เห็นเธอปลอดภัย
“หมดเคราะห์หมดโศกกันเสียทีนะแม่กานดาวสี”
กานดามณียิ้มยกมือไหว้ท่านหญิง
“ขอบพระคุณเพคะท่านย่า”
วิเศษลูบศีรษะกานดามณีอย่างอ่อนโยน
“พ่อดีใจที่ลูกผ่านเรื่องร้ายๆ มาได้ ต่อไปชีวิตลูกก็คงพบเจอแต่เรื่องดีๆ แล้วล่ะ”
กานดามณีซาบซึ้ง น้ำตาไหล
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ แต่ไม่รู้ว่าน้องณีจะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ ลูกเป็นห่วงน้องเหลือเกินค่ะ”
ไขนภา รำเพย เข้าไปยินดีกับกานดามณี ทุกคนเชื่อสนิทว่าหล่อนคือกานดาวสี
รำเพยจับมือกานดามณี “ยัยกานฉันเป็นห่วงเธอมาก กลัวเธอจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ โชคดีที่เธอปลอดภัย ฉันดีใจกับเธอจริงๆ”
กานดามณียิ้มอย่างเป็นมิตร

ท่านหญิงกับพุดตานนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ลุ้นๆ อาการของกานดาวสีที่ต่างคิดว่าเป็นกานดามณีว่าจะฟื้นมั้ย นมสายยืนดูผ่านประตูกระจก ปากก็แช่งชักหักกระดูกไปด้วย
“คุณกานดาวสีรอดปลอดภัยมาได้คนเดียวก็ดีแล้ว ไม่รู้ว่าหมอจะไปช่วยเค้าทำไม คนเลวๆแบบนั้นปล่อยให้ตายไปซะได้ก็ดี”
ฐิติแย้งขึ้นด้วยในใจลึกๆ ก็เป็นห่วงกานดามณี
“ไม่ได้หรอกครับคุณนมสาย หมอเค้าก็ต้องทำหน้าที่ของเค้า เดี๋ยวรอให้กานดามณีฟื้นขึ้นมาแล้วเราค่อยใช้กฎหมายจัดการกับเค้าดีกว่า”
กานดามณีนั่งอยู่บนรถเข็น ชะงัก แต่ทำเป็นห่วงมาก หมอเดินออกมา
“คุณหมอคะ น้องณีจะปลอดภัยมั้ยคะ”
“หมอก็ยังตอบไม่ได้ครับ ตอนนี้อาการห้าสิบห้าสิบเป็นตายเท่ากันครับ”
“โธ่...น้องณี”
กานดามณีครวญ ตีหน้าเศร้าเหมือนเป็นห่วงมาก ทั้งทีในใจคิดว่าถ้าไม่รอดได้ก็ดี

ที่วังสูรยกานต์ เวลากลางคืน รถของฐิติแล่นเข้ามาจอดที่หน้าวัง ตามมาด้วยรถของท่านหญิง พุดตาน นมสาย วิเศษและนารีรัตน์ ฐิติประคองกานดามณีลงจากรถ
คุณพระคอยต้อนรับอยู่กับเด็กรับใช้ด้วยความปีติยินดี
คุณพระเข้าไปยินดีกับกานดามณี
คุณพระผ่านเรื่องร้ายๆไปได้แล้วนะหนูกานดาวสี ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองหนูอย่าให้ต้องเจอเรื่องร้ายๆอีกเลยนะ
กานดามณียิ้มขอบคุณอย่างอ่อนโยน ท่านหญิงเดินเข้ามาใกล้ๆ ฐิติกับกานดามณี
“พาแม่กานดาวสีขึ้นไปพักข้างบนเถอะ”
ฐิติประคองกานดามณีเข้าวัง ทุกคนมีความสุข เดินตามกันเข้าไปในวัง

เช้าวันต่อมาในห้องพักฟื้น กานดาวสีนอนหลับโดยมีกุญแจมือล็อกไว้กับเตียง ตำรวจคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ
วิไลวรรณมาเยี่ยมกานดาวสี เพราะคิดว่าเป็นกานดามณี มองด้วยสายตาทั้งโกรธทั้งแค้น ตั้งใจมาด่ากานดามณีที่สั่งฆ่าตน กานดาวสีค่อยๆ รู้สึกตัวลืมตาขึ้น ท่าทางอิดโรย อ่อนแรง มองไปรอบๆ ห้อง แปลกใจว่าที่นี่ที่ไหน พอขยับมือก็พบว่าถูกล็อกไว้ วิไลวรรณพูดเรียบๆ
“ฟื้นแล้วเหรอยัยณี”
กานดาวสีมองวิไลวรรณงงๆ
“คุณเป็นใครคะ”
วิไลวรรณมองอย่างแค้นๆ
“ยัยณี นี่แกแกล้งจำฉันไม่ได้หรือไง ดูฉันให้ดีๆ สิ...”
วิไลวรรณยื่นหน้าไปใกล้หน้ากานดาวสีพูดคุกคามเบาๆ
“คนที่แกสั่งฆ่าไง แต่โชคดีที่ฉันยังไม่ตาย แกคงคิดว่าฉันตายไปแล้วล่ะสิ”
กานดาวสีไม่รู้เรื่อง
“คุณพูดเรื่องอะไรคะ ใครสั่งฆ่าคุณ”
วิไลวรรณอารมณ์ขึ้น
“อย่ามาตอแหล...แกนอนหมดสภาพอยู่แบบนี้อย่าคิดนะว่าฉันจะให้อภัยแก รอให้แกหายดีก่อนเถอะแกได้รับกรรมที่แกทำไว้แน่”
กานดาวสีไม่เข้าใจที่วิไลวรรณพูด หมอเปิดประตูเข้ามา
“คนไข้รู้สึกตัวแล้วเหรอครับ แต่เธอยังคงจำเรื่องของตัวเองไม่ได้หรอกนะครับ เพราะเธอได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองจนทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราวครับ”
วิไลวรรณอึ้งรู้สึกทั้งสงสารและสมน้ำหน้า
“ความจำเสื่อม...”
“ครับ” หมอมองกานดาวสี “คงต้องใช้เวลาอีกซัก 7-12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่กรณีนี้ดูจากการบวมของเส้นเลือดในสมองอาจจะประมาณ 3 วันกว่าจะกลับมาเป็นปกติครับ”

วิไลวรรณมองกานดาวสี คิดว่าเป็นกานดามณี ด้วยความรู้สึกสงสาร และปลงๆ ว่าคงเป็นกรรมที่ทำไว้

คุณพระบรรณกิจเข้ามารายงานอาการของกานดามณี ซึ่งที่แท้เป็นกานดาวสีให้ทุกคนทราบ

“ผลการตรวจของคุณกานดามณีปรากฏว่าเธอความจำเสื่อมกระหม่อม”
ทุกคนตกใจ กานดามณียิ้มในสีหน้า สาสมใจในชะตาของกานดาวสี ส่วนท่านหญิงถอนหายใจ
“คงเป็นเวรกรรมของหล่อนจริงๆ ทำอะไรไว้ผลกรรมก็ต้องย้อนกลับมาหาตัว”
นมสายสะใจ
“สมน้ำหน้านะเพคะ บาปกรรมมีจริงๆกรรมตามทันตาเห็นเลยนะเพคะ”
กานดามณี ทำเป็นสงสาร
“น้องณี ไม่น่ามาเป็นแบบนี้เลยนะเพคะ เป็นเพราะดิฉันเองแท้ๆ ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงแบบนี้”
ฐิติโอบไหล่ปลอบกานดามณี
“เลิกโทษตัวเองซักทีเถอะครับ กานดามณีทำผิดเอาไว้มาก สมควรแล้วที่เค้าจะได้รับผลตอบแทนแบบนั้น”
กานดามณีมองหน้าฐิติ ดีใจที่ทุกอย่างลงล็อก

ในห้องพักฟื้น กานดาวสีนอนอยู่ที่เตียงที่มือยังถูกล็อกไว้อยู่ ตำรวจมาสอบปากคำกานดาวสีเพิ่ม
“คุณลองนึกดูอีกทีสิครับว่าคุณจำอะไรได้มั่งหรือเปล่า”
กานดาวสีพยายามนึกแต่นึกไม่ออก
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็มานอนอยู่ที่ห้องนี้แล้ว”
ตำรวจมองกานดาวสีจะเชื่อดีมั้ย
“คุณจำได้มั้ยว่าคุณจับพี่สาวเป็นตัวประกันและถูกรถชน”
กานดาวสีนึก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ใช้มือข้างที่ไม่ถูกล็อกกุมศีรษะ ร้องโอ๊ย เพราะปวดหัว หมอเข้ามาพอดี
“ทำใจให้ดีๆ ครับ ไม่ต้องคิดมาก ถ้าคุณนึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึก”
หมอหันไปพูดกับตำรวจ
“รอให้ความจำของคนไข้กลับมาเป็นปกติก่อนดีกว่าครับ แล้วคุณตำรวจค่อยมาสอบปากคำใหม่” หมอบอก
ตำรวจมองกานดาวสีที่มีอาการปวดหัว แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ

เย็นนั้นท่านหญิงเรียกทุกคนมาพบ กานดามณีใจเต้นลุ้นว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นกับตนหรือเปล่า
ท่านหญิงยิ้มแย้มใบหน้าเปี่ยมสุข
“ฉันมีข่าวดีจะบอกทุกคน ในเมื่อเรื่องร้ายๆ ก็ผ่านไปแล้ว พ่อติกับแม่กานดาวสีก็เข้าใจกันดีแล้ว...ฉันจะให้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันใหม่อีกครั้งและมีงานฉลองเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการรับขวัญแม่กานดาวสี”
ทุกคนดีใจ พุดตานเป็นปลื้ม
“เป็นข่าวดีมากๆ เพคะ ทีนี้วังสูรยกานต์จะได้มีแต่ความสุขความสงบอีกครั้ง”
ท่านหญิงมองฐิติ แกล้งเย้าเล่นๆ
“ว่าอย่างไงล่ะพ่อติ ครั้งนี้ย่าไม่บังคับเรานะ เราอยากแต่งหรือเปล่า”
ฐิติรีบพูดขึ้นทันที
“แต่งครับท่านย่า”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ
“แล้วแม่กานดาวสีล่ะ”
กานดามณีเริ่มเขินอาย รับคำหน้าแดงไม่กล้าสบตาใคร
“เพคะ”
ท่านหญิงยิ้มพอใจ
“ถ้าไม่มีใครขัดก็เตรียมตัวกันได้เลย เพราะฉันให้คุณพระหาฤกษ์ไว้ให้แล้ว พ่อติกับแม่กานดาวสีจะจดทะเบียนกันในอีก 3 วันข้างหน้า”
ทั้งหมดมีความสุข กานดามณียิ้มแย้มคิดในใจ ตนจะได้เป็นกานดาวสีอย่างสมบูรณ์แล้ว

ภายในห้องนอน กานดามณีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เตียง คิดเรื่องแต่งงาน แล้วยิ้มอย่างมีความสุข ฐิติออกมาจากห้องน้ำใส่ชุดนอน เข้ามากอดกานดามณีอย่างรักใคร่ กานดามณีพยายามเบี่ยงตัวหนีแต่ไม่พ้นอ้อมกอดของฐิติ
“คุณยิ้มอะไรกานดาวสี”
กานดามณียิ้มหวาน
“ไม่ได้ยิ้มซะหน่อย”
ฐิติมองกานดามณีตาหวานเยิ้ม
“ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม รู้มั้ยคนโกหกต้องถูกลงโทษ”
ฐิติขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ กานดามณีเขินจนหน้าแดง พยายามเบี่ยงตัวจากอ้อมกอดฐิติ
ฐิติมองตากานดาวสี กระซิบบอกความในใจ
“กานดาวสีผมรักคุณ”
พูดจบฐิติก็หอมแก้มกานดามณีอีกครั้ง กานดามณีเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ฐิติก้มลงจูบ แล้วค่อยๆ ให้กานดามณีเอนตัวลงนอน ทั้งคู่มองตากันหวานซึ้ง ฐิติกำลังจะจูบอีก กานดามณีชะงัก
“เดี๋ยวก่อนค่ะติ เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะคะ”
“แต่เราเคยแต่งกันครั้งนึงแล้วนี่ครับ คุณจำไม่ได้เหรอ”
กานดามณีสะบัดตัวลุกขึ้น
“แต่ฉันว่ารอให้เราแต่งกันอีกครั้งก่อนดีกว่านะคะ ไหนๆเราก็จะแต่งงานกันใหม่แล้วทำให้มันถูกต้องดีกว่าค่ะ”
กานดามณีลุกรีบหลบไปอีกมุม ฐิติคว้าตัวมากอดได้
“จะหนีไปไหน ยังไงคืนนี้คุณก็หนีผมไม่พ้น”
กานดามณีเขิน เบี่ยงตัวออกรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
“กานดาวสี...”
ฐิติมองตามอย่างขำๆ แต่คิดว่ากานดาวสีเขินอาย

กานดามณีเข้ามาในห้องน้ำ ล็อคประตูทันที ยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก แล้วค่อยๆ เปิดเสื้อดูรอยแผลที่แทงตัวเอง
 
ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นกานดามณีมองรอยแผลอย่างเจ็บใจ
 

เช้านี้ กานดาวสีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในห้องพักฟื้น  มือยังถูกล็อคไว้อยู่ ตำรวจคอยดูอยู่อีกมุมขณะหมอพยายามฟื้นความจำให้กานดาวสี

“คุณจำได้มั้ยครับว่าคุณชื่ออะไร”
กานดาวสีพยายามคิด แล้วส่ายศีรษะ
“แล้วก่อนหน้านี้คุณกำลังทำอะไรอยู่ถึงมาอยู่ที่นี่ครับ”
กานดาวสีส่ายศีรษะ
“ฉันไม่ทราบค่ะ”
หมอส่งรูปคู่ของวิสูตรกับกาญจนาให้ดู
“คุณรู้จักสองคนนี้หรือเปล่าครับ
กานดาวสีมองแต่ไม่คุ้นหน้า
“ไม่รู้จักค่ะ”
หมอพูดอย่างใจเย็น
“คุณลองนึกไปเรื่อยๆนะครับเผื่อความจำของคุณจะกลับมาได้เร็วขึ้น เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยฟื้นความจำของคุณ”
กานดาวสีหน้านิ่ง หมอถอนหายใจ จะช่วยฟื้นความจำได้มั้ย

ภายในห้องพักฟื้นของกานดาวสี เวลาผ่านไปอีกสักระยะ วิเศษ นารีรัตน์มาเยี่ยม คิดว่าเป็นกานดามณี
“ลูกณี พ่อสงสารลูกเหลือเกิน พ่อขอให้ลูกรู้ไว้ว่าถึงลูกจะเป็นแบบนี้แต่พ่อก็ยังรักและเป็นห่วงลูกมากนะ”
กานดาวสีได้แต่มองและยิ้มไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่จิตใต้สำนึกรู้สึกผูกพันน้ำตาไหล
นารีรัตน์ตกใจ “พี่ณีร้องไห้ค่ะคุณพ่อ พี่ณีจำคุณพ่อได้แน่ๆ”
หมออธิบาย
“อาการแบบนี้ถึงคนไข้จะจำอะไรไม่ได้แต่จิตสำนึกในใจทำให้เค้ารับรู้สิ่งที่คุณพูด กรณีนี้คนไข้อาจจะกำลังรู้สึกผิดต่อคุณอยู่ก็ได้ครับ”
วิเศษน้ำตาไหล
“อย่างไงพ่อก็ให้อภัยลูก ถ้าลูกสำนึกผิดได้จริงๆศาลก็น่าจะให้อภัยด้วยเช่นกัน ลูกไม่ต้องกลัวนะพ่อจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ”
หมอมองกานดาวสี
“ถ้าคนไข้อาการดีขึ้นตามลำดับแบบนี้ หมอเชื่อว่าความจำต้องกลับมาภายในสองถึงสามวันนี้แน่นอนครับ”
วิเศษยิ้มดีใจทั้งน้ำตา กานดาวสีมองหน้าวิเศษ น้ำตาไหลริน วิเศษค่อยๆ ซับน้ำตาให้กานดาวสี

วิเศษกับนารีรัตน์กำลังจะกลับ สองพ่อลูกเดินมาด้วยกัน วิเศษรู้สึกแปลกใจที่กานดามณีเปลี่ยนไป
“ยัยรัตน์เห็นพี่เค้ามั้ย พ่อรู้สึกว่ายัยณีเปลี่ยนไป ดูอ่อนโยนและอ่อนไหวขึ้น”
นารีรัตน์ไม่เชื่อ
“ไม่รู้ว่าพี่ณีจะเล่นละครหลอกพวกเราอีกหรือเปล่านะคะ คุณพ่ออย่าไปเชื่อเลยค่ะ คนอย่างพี่ณีเล่นละครแค่นี้ง่ายจะตายยากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว”
วิเศษหันไปดุนารีรัตน์
“ยัยรัตน์เลิกตั้งแง่กับพี่เค้าได้แล้ว ลูกก็เห็นอยู่ว่าพี่เค้าความจำเสื่อมจริงๆ ของแบบนี้ไม่มีใครเค้าเอามาล้อเล่นกันหรอก”
นารีรัตน์ประชด งอนๆ
“ค่ะคุณพ่อ...ก็พี่ณีกลายเป็นลูกรักของคุณพ่อไปอีกคนนึงแล้วน่ะสิคะ”
วิเศษไม่เข้าใจที่นารีรัตน์ทำไมไม่มองกานดามณีในแง่ดีบ้าง

ส่วนที่วังสูรยกานต์ดูคึกคัก เพราะกำลังเตรียมงานจดทะเบียนสมรสและงานเลี้ยงฉลองให้ฐิติกับกานดาวสี ดอกไม้ถูกนำมาประดับตกแต่งอย่างงดงาม โต๊ะเก้าอี้รับแขก ถูกนำปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด
ท่านหญิง พุดตาน นมสาย ฐิติ กานดามณี และคุณพระบรรณกิจ อยู่ในห้องรับแขก
วิเศษกับนารีรัตน์เข้ามาสมทบ
“งานครั้งนี้ดูทุกคนจะตื่นเต้นมากเลยนะกระหม่อม”
ท่านหญิงยิ้มหน้าบาน
“แน่นอนซิพ่อวิเศษ จะเลี้ยงรับขวัญหลานสะใภ้สูรยกานต์ใหม่ทั้งที ทุกคนก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา”
วิเศษมองกานดามณียิ้มมีความสุข
“ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องนะกระหม่อม...คุณหมอคาดการณ์ว่ากานดามณีจะฟื้นภายในสองถึงสามวันนี้กระหม่อม”
ทุกคนหน้านิ่ง ยินดีด้วยแต่ไม่เต็มใจ
กานดามณีเครียดกลัวกานดาวสีฟื้นขึ้นมาบอกความจริง
“กระหม่อมขอให้ท่านหญิงและทุกคนเห็นใจยัยณีด้วย ถ้ายัยณีฟื้นขึ้นมาแล้วขอให้ทุกคนอภัยให้เธอ ผมเชื่อว่ายัยณีสำนึกผิดได้แล้ว”
ท่านหญิงพูดเรียบๆ
“ฉันเห็นแก่พ่อวิเศษหรอกนะ ฉันจะไม่ติดใจอะไร แต่ขออย่ามายุ่งวุ่นวายอะไรกันอีกเลย”
กานดามณีรีบสวนขึ้น
“ลูกเองก็ยกโทษให้น้องณีแล้วค่ะคุณพ่อ เพราะถึงอย่างไงเราก็เป็นพี่น้องกัน”
นมสายไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเยินยอกานดามณี
“ดูสิคะ คุณกานดาวสีช่างเป็นคนดีจริงๆ แบบนี้ล่ะค่ะถึงเรียกว่าคนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้นะคะ”
ทุกคนต่างหลงชื่นชมในความดีงามของกานดาวสีตัวปลอม
กานดามณีเครียด คิดไม่ตกจะทำอย่างไรดี ครุ่นคิด และรำพึง หาทางออก
“ถ้ามันเกิดฟื้นขึ้นมาฉันจะทำยังไง”

3 สาวอยู่ด้วยกันในห้องโถงที่วังคุณหญิงไขนภา
“ก็เพราะยัยกานเป็นคนดีน่ะสิคะ ดิฉันถึงอยากให้กานดามณีจำอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิต จะได้ไม่ต้องมีสติปัญญามาทำร้ายเพื่อนดิฉันอีก” รำเพยว่า
“แต่ถ้ายังจำไม่ได้ ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันนะคะ แล้วเมื่อไหร่เค้าจะถูกลงโทษซะที” ไขนภาเสริม
“กานดามณีร้ายกว่าที่เราคิดนะคะ ดิฉันกลัวว่าเค้าทำอะไรให้เรื่องมันกลับตาลปัตรไปอีก” รำเพยบอก
“ยัยณีคงจะไม่มีปัญญาไปทำร้ายใครได้อีกแล้วล่ะค่ะ ในเมื่อหลักฐานทุกอย่างก็มัดตัวแน่นขนาดนั้น...” วิไลวรรณคิดขึ้นมาแล้วทำท่าสยอง หวาดผวานิดๆ “แต่ถ้ามันเกิดมีปัญญาขึ้นมาจริงๆ คนแรกที่มันจะไปจัดการก็คือดิฉันนี่ล่ะค่ะ”
ไขนภามองวิไลวรรณอย่างประเมิน
“ดิฉันหวังว่าคุณวิไลวรรณคงจะไม่กลัวจนเปลี่ยนใจไปช่วยกานดามณีนะคะ”
วิไลวรรณทั้งสั่นหัวทั้งโบกไม้โบกมือปฏิเสธอย่างหนักแน่น

“ไม่มีทางค่ะคุณหญิง ถึงดิฉันจะโง่แต่ก็ไม่บ้าพอที่จะช่วยเพื่อนที่สั่งฆ่าดิฉันได้หรอกค่ะ”

อ่านต่อหน้า 2

สุดสายป่าน ตอนที่ 17 อวสาน (ต่อ)

ตกตอนเย็น กานดามณีในคราบกานดาวสีแต่งตัวสวยถือกระเป๋าเตรียมไปข้างนอก เข้ามาหาท่านหญิงกับพุดตานที่อยู่ในห้องนั่งเล่น พร้อมนมสาย

ท่านหญิงร้องทัก “อ้าว แม่กานดาวสี นั่นจะไปไหนล่ะ”
“ดิฉันจะขออนุญาตไปเยี่ยมน้องณีที่โรงพยาบาลเพคะ”
พุดตานมองกานดามณีอย่างขวางๆ แกมเอ็นดู
“มัวแต่ห่วงคนนู้นคนนี้แล้วตัวเองน่ะหายดีแล้วเหรอ”
กานดามณีทำเป็นซาบซึ้ง “ดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ แต่ดิฉันอยากไปดูน้องณี ไม่รู้ว่าป่านนี้แกจะเป็นยังไงบ้าง”
“จะไปก็ไปเถอะจะได้รีบกลับ ให้ทองดีขับรถไปแล้วกัน ย่าไม่อยากให้หล่อนนั่งรถรับจ้าง”
“กราบขอบพระคุณท่านย่าเพคะ...” กานดามณีไหว้ขอบคุณ
ฐิติเดินเข้ามา ทันได้ยินพอดี
“ผมพาไปเองครับ
กานดามณีรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปกับทองดีก็ได้ คุณฐิติเพิ่งกลับจากทำงานเหนื่อยๆจะได้พักบ้าง”
ฐิติมองกานดามณีอย่างลึกซึ้ง จับมือบีบเบาๆ ถ่ายทอดความรู้สึกจากหัวใจ
“ไม่ล่ะ ผมเป็นห่วงคุณ รู้มั้ยผมไม่อยากให้คุณคลาดสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว”
กานดามณีอึดอัดใจ แต่แกล้งทำเป็นเขินอาย ฐิติโอบกานดามณีออกไป
ท่านหญิง และพุดตานมองตามอย่างเป็นสุข ส่วนนมสายมองตามกานดามณีในคราบกานดาวสีอย่างชื่นชม
“โถ แม่คู้น...โดนเค้าทำขนาดนี้ก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยเค้า เฮ้อ...นี่ คุณกานดาวสีเธอต้องเป็นนางฟ้าจำแลงลงมาแน่ๆ เลยเพคะท่านหญิง”

ด้านกานดาวสียังนอนอยู่บนเตียง ที่ข้อมือถูกล่ามไว้กับเตียง ในห้องมีตำรวจเฝ้าอยู่ด้วย 1 นาย
หมอกับพยาบาลอยู่ข้างเตียงกำลังพยายามจะฟื้นความทรงจำให้กานดาวสี
“คุณกานดามณีลองพยายามนึกดูนะครับว่าคุณจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้าง”
กานดาวสีพยายามนึก และเริ่มเห็นภาพแวบๆ เร็วๆ ในหัว เป็นเหตุการณ์ตอนที่ถูกกานดามณีจี้ตัว
ท่าทางกานดาวสีหวาดกลัว มีอาการเกร็ง หลับหูหลับตา ส่ายหน้าไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้
หมอปลอบ “ไม่ต้องกลัวครับ เหตุการณ์ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว...” หมอถามอย่างจริงจังตั้งใจ “คุณกานดามณีจำอะไรได้บ้างครับ”
กานดาวสีมีอาการหวาดหวั่น “ฉันถูก...”
เหตุการณ์ช่วงที่กานดาวสีถูกกานดามณีเอาปืนจ่อเป็นตัวประกัน และเห็นหน้ากานดามณีชัดเจนผุดขึ้นในห้วงคิดอีก
กานดาวสีจับหน้าตัวเอง
“ฉันกับผู้หญิงคนนั้น หน้าเหมือน...”
จู่เสียงประตูห้องเปิดเข้ามา เห็นกานดามณีกับฐิติเดินเข้ามา
กานดาวสีหันไปเห็นกานดามณี ยิ่งตกใจ เบิกตากว้าง
ภาพกานดามณีแวบเข้ามาในหัวอีก กานดาวสีหลุดปากออกมาจากจิตใต้สำนึก
“น้องณี!”
ฐิติชะงัก มองหน้ากานดาวสีอย่างแปลกใจ กานดามณีปราดเข้าไปโอบกานดาวสีด้วยท่าทางเป็นห่วงมาก แต่จริงๆ ต้องการขัดจังหวะความคิดของกานดาวสี กลัวกานดาวสีจำความได้
“น้องณี...คุณหมอคะ น้องฉันเป็นอะไรคะ”
“เรากำลังพยายามช่วยคุณกานดามณีรื้อฟื้นความทรงจำครับ...” หมอบอก
กานดาวสีกลัว “น้องณี...อย่า...อย่าทำ”
กานดามณีตวัดสายตามองกานดาวสีด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครเห็นนอกจากกานดาวสี
“โธ่ น้องณีคงจะสับสนไปหมดแล้ว”
กานดามณีเข้าไปกอดกานดาวสีไว้เหมือนเป็นห่วง แต่แอบบีบแขนปรามไม่ให้กานดาวสีพูดอะไรออกมาอีก มองหน้าหมออย่างขอร้อง
“พอก่อนเถอะค่ะ น้องณีผ่านอะไรมาเยอะมาก อย่าเพิ่งคาดคั้นให้แกคิดถึงเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาเลยนะคะ”
กานดาวสีในอ้อมกอดของกานดามณี ตัวแข็งเกร็งจนสั่นด้วยความหวาดกลัว
ฐิติมองกานดาวสีอย่างแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่กานดาวสีจะช้อนสายตาขึ้นมาสบตาเขาพอดี
 
วินาทีนั้นฐิติตะลึงงัน รู้สึกหวั่นไหวกับสายตาคู่นั้นเหมือนกับทุกครั้งเวลาที่กานดาวสีมองเขาด้วยสายตาแบบนี้
 

ครู่ต่อมา กานดามณีเดินคุยกับหมอมาตามทาง ฐิติเดินตามมาด้วยท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดกับเรื่องบางอย่างอยู่

“ภาวะความจำเสื่อมชั่วขณะของคุณคุณกานดามณีเกิดจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนความจำบวมเพราะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นตีบชั่วคราว”
“คุณหมอเคยบอกว่าความจำของน้องณีจะกลับมาเป็นปกติภายใน 3 วันใช่มั้ยคะ”
“ไม่ต่ำกว่า 3 วันครับ แต่บางรายก็เป็นเดือนเหมือนกัน...ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของคนใกล้ชิดด้วยว่าจะช่วยกันฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยได้แค่ไหน”
กานดามณีท่าทางคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา
“กรณีของน้องณี ถ้าดิฉันจะขอร้องคุณหมออย่าเพิ่งเร่งรัดเรื่องการฟื้นความจำของแกจะได้มั้ยคะ”
ฐิติหันมามองกานดามณีอย่างแปลกใจ และไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะ คุณไม่อยากให้กานดามณีจำอะไรได้เหรอ”
กานดามณียิ้มบางๆ มองฐิติอย่างขอความเห็นใจแต่ตอบเสียงหนักแน่น
“ค่ะ...”
ฐิติกับหมออึ้งไป นึกไม่ออกว่าทำไมกานดาวสีถึงคิดแบบนี้
“สิ่งที่น้องณีทำลงไปมันเลวร้ายมากเหลือเกิน ถ้าคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อไหร่ น้องณีคงจะได้รับโทษหนัก” กานดามณีท่าทางหวั่นใจ “อาจจะถึงประหารชีวิตก็ได้ แต่ถ้าแกยังจำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังยืดเวลาการพิจารณาคดีออกไปได้บ้าง...”
กานดามณีมองฐิติอย่างขอร้อง น้ำตารื้น
“ฉันสงสารคุณพ่อค่ะ อยากท่านมีเวลาทำใจก่อนที่น้องณีจะได้รับโทษ”

ที่วังสูรยกานต์ คืนนั้น ฐิติยืนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางมีอะไรกังวลลึกๆ อยู่ในใจ กานดามณีเดินเข้ามาหามองฐิติอย่างแปลกใจ
“คุณฐิติมีเรื่องอะไรกังวลหรือเปล่าคะ”
ฐิติพยายามสลัดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาดในหัวใจออกไป ยิ้มให้กานดามณีอย่างอ่อนโยน ดึงตัวกานดามณีเข้ามากอดคลอเคลีย
“ไม่มีอะไรนี่ครับ...ผมรอคุณอยู่น่ะสิ หายไปไหนตั้งนาน”
“ฉันไปอ่านหนังสือให้ท่านย่าฟังน่ะค่ะ”
กานดามณีพยายามเบี่ยงตัวออกจากฐิติ
“คิดจะเลี่ยงผมเหมือนที่หัวหินหรือเปล่า...ผมให้เวลาอีก 2 วันเท่านั้นนะ หลังแต่งงานผมจะไม่ยอมให้คุณหนีไปไหนแน่ๆ”
กานดามณีสะดุ้งไปนิดหนึ่ง ยิ้มใสซื่อกลบเกลื่อน ช้อนสายตาขึ้นสบตาฐิติ สายตาของฐิติที่มองกานดามณีเปลี่ยนไปแว้บเดียวแล้วก็กลับเป็นปกติ
“ฉันไม่ได้หนีซะหน่อย...แต่ฉันง่วงแล้ว ขอฉันไปนอนก่อนนะคะ”
ฐิติไม่ตอบ อุ้มกานดามณีไปวางบนเตียงอย่างนุ่มนวล กอดกานดามณีไว้ไม่ได้คิดจะทำอะไรมากไปกว่านั้น
“ขอผมกอดคุณไว้อย่างนี้นะ”
กานดามณีไม่ตอบ ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของฐิติ หลับตาอย่างมีความสุข ฐิติกอดกานดามณีไว้ แต่สายตาที่มองกานดามณีดูหวั่นไหวและไม่แน่ใจ

เช้าวันต่อมา ฐิติมาทำงานที่สูรยกานต์ไหมไทย เล่าความคาใจให้คุณพระบรรณกิจฟัง
คุณพระแปลกใจปนตกใจ พอฟังจบ “หมายความว่าคุณฐิติไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่กับคุณฐิติคือหนูกานดาวสี”
ฐิติรู้สึกผิดและอัดอั้นตันใจ
“ไม่ใช่นะครับ...” ฐิติว้าวุ่นยุ่งยากใจ พยายามจะอธิบาย “แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกกับเค้าไม่เหมือนเดิม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น”
คุณพระปลอบฐิติอย่างเข้าใจ
“ไม่แปลกหรอกครับ คุณฐิติกับหนูกานดาวสีอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ความรู้สึกบางอย่างมันก็อาจจะไม่ต่อเนื่อง”
ฐิติยังสับสนอยู่ “ความรู้สึกของผมที่มีต่อกานดาวสีไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แต่ทำไมคราวนี้ ผมถึงรู้สึกว่ากานดาวสีไม่ใช่กานดาวสี”
คุณพระพยายามช่วยคิด
“หรือว่า...จิตใต้สำนักของคุณฐิติอาจจะยังกังวลเรื่องที่หนูกานดามณีเคยพยายามจะสวมรอยเป็นหนูกานดาวสี ก็เลยทำให้คุณฐิติเกิดความระแวงขึ้นมาอีก...”
ฐิติคิดหนัก ท่าทางไม่แน่ใจ

เวลาเดียวกันกานดาวสีนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นสภาพเหมือนเดิม สีหน้าซีดขาว ขนาดนอนหลับตาก็ยังดูกระสับกระส่าย ไม่มีความสุข วิไลวรรณเปิดประตูห้องเข้ามา
ตำรวจที่นั่งเฝ้าอยู่ในห้องชำเลืองมองวิไลวรรณแวบหนึ่ง
“ขอฉันเข้าไปเยี่ยมเพื่อนหน่อยนะคะ”
วิไลวรรณเดินเข้าไปใกล้ๆเตียง มองกานดาวสีอย่างสมน้ำหน้า สะใจ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสมเพช
“ตอนแรกฉันกะจะมาสมน้ำหน้าแกซะหน่อย แต่พอเห็นสภาพแกแล้วฉันก็อดสมเพชไม่ได้ ในที่สุดแกก็ได้รับกรรมที่แกก่อไว้ เอาเป็นว่าฉันอโหสิให้ก็แล้วกัน แต่เกิดชาติหน้าฉันใดก็อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย...”
ฐิติเปิดประตูเข้ามา พอเห็นวิไลวรรณก็ชะงัก ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ
“แกฆ่าทุกคนที่ขวางทางแกได้จริงๆ แม้แต่เพื่อนรักอย่างฉัน” วิไลวรรณคิดแล้วได้แต่ปลง “แต่อย่างว่าล่ะ แทงตัวเองแกยังกล้าทำเลย แล้วนับประสาอะไรกับการฆ่าเพื่อนโง่ๆ ที่แกสนตะพายไว้ใช้ มันง่ายกว่าทำร้ายตัวเองตั้งเยอะ”
ฐิติกำลังจะหันหลังกลับ แต่ได้ยินที่วิไลวรรณพูดเรื่องกานดามณีแทงตัวเอง
 
ฐิติรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างวาบขึ้นในใจ
 

ฐิติรีบมาพบหมอเจ้าของไข้ในห้องพักหมอทันที

“ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณหมอเป็นการส่วนตัวครับ”
หมอแปลกใจ “เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องคุณกานดามณีครับ...คือ...ผมอยากรู้เกี่ยวกับอาการของเธอ”
หมอมองมาอย่างสงสัย ฐิติมองสบตาหมอด้วยท่าทางแน่วนิ่ง

ครู่หนึ่ง ฐิติเปิดประตูออกมาจากห้องหมอ ถือเอกสารฉบับหนึ่งออกมาด้วย ฐิติมองรายละเอียดในเอกสารฉบับนั้นอย่างพิจารณา เป็นเอกสารบันทึกผู้ป่วย

ไม่นานนักฐิติเปิดประตูเข้าไปในห้องพักกานดาวสี ตำรวจวางหนังสือพิมพ์ รีบลุกขึ้นมาขวางไว้
“ขอโทษนะครับ สารวัตรมีคำสั่งห้ามคุณฐิติกับภรรยาเข้าใกล้ผู้ต้องหารายนี้ครับ”
“ทำไมล่ะครับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ฐิติตกใจ
“เมื่อวานนี้หลังจากที่คุณกับคุณกานดาวสีกลับไป เธอก็มีอาการหวาดกลัว...อาการเกี่ยวกับความจำก็เหมือนจะแย่ลงด้วย...”
ฐิติอึ้งแปลกใจมาก “แต่เราไม่ได้ทำอะไร...”
“เธออาจจะเกิดความรู้สึกผิดต่อคุณกับคุณกานดาวสีจนไม่อยากจะจำอะไรได้อีก แต่ทางตำรวจต้องการให้ความจำเธอกลับมาโดยเร็วที่สุด...ยังไงผมขอความร่วมมือด้วยนะครับ”
ฐิติพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะเดินออกไป ตำรวจลงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
เวลาผ่านไปสักระยะ มีเสียงสัญญาณฉุกเฉินดังลั่นขึ้น ตำรวจที่นั่งเฝ้าอยู่ในห้องกานดาวสีตกใจที่ได้ยินเสียงสัญญาณ รีบเปิดประตูชะโงกหน้าออกดู หน้าห้องเห็นพยาบาลเดินกันวุ่นวาย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ตำรวจถาม
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ สัญญาณฉุกเฉินดัง ไม่รู้ว่ามีไฟไหม้ที่ไหนหรือเปล่า” พยาบาลบอก
ตำรวจหันมามองกานดาวสี เห็นเธอนอนหลับอยู่บนเตียง จึงตัดสินใจวิ่งออกไปดู
ฐิติฉวยโอกาส รีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง เดินตรงไปที่เตียงกานดาวสี เลื่อนผ้าห่มลงให้พ้นเอว กำลังจะเลิกเสื้อกานดาวสีขึ้นพ้นเอว
จู่ๆ มีมือมาจับหมับที่ข้อมือฐิติรั้งไว้ ฐิติหันไปเห็นตำรวจยืนมองอยู่อย่างไม่พอใจ
“คุณจะทำอะไร”
ฐิติขอร้อง “ผมจะขอดูอะไรแค่นิดเดียว”
“ไม่ได้ครับ...ผู้ต้องหาอยู่ในความดูแลของตำรวจ คุณจะทำอะไรไม่ได้ จนกว่าจะมีคำสั่งอนุมัติจากสารวัตรเจ้าของคดี”

ทางด้านกานดามณีกำลังเปิดเสื้อทายาที่แผล พอแผลถูกยาก็แสบ
“อู๊ย...”
กานดามณีมองดูแผลอย่างกังวล
“คืนวันแต่งงาน ติต้องเห็นแผลแน่ๆ จะทำยังไงดีนะ”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น กานดามณีสะดุ้ง รีบจัดเสื้อให้เรียบร้อย เก็บยาทาเข้าตู้ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วรีบไปเปิดประตู
ฐิติเดินเข้ามากอดกานดามณี จูบคลอเคลีย
“ทำไมต้องล็อกประตูด้วยล่ะครับ...หรือว่ากลัวผมเข้ามาทำอะไร”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันคงเผลอไปกดล็อกน่ะค่ะ”
ฐิติไม่ยอมหยุดกอดจูบกานดามณี มือก็พยายามจะแกะกระดุมเสื้อกานดามณี กานดามณีบ่ายเบี่ยง
“อื้อ...ไหนคุณสัญญาแล้วว่าจะรอจนกว่าเราจะจดทะเบียนกันไงคะ”
“ผมทนไม่ไหว ผมไม่อยากห้ามใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว...นะครับ...กานดาวสี”
ฐิติไม่ฟังเสียง ทั้งกอดทั้งจูบกานดามณีอย่างรุกเร้า เมื่อกานดามณีบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้แกะกระดุมเสื้อ ฐิติก็ค่อยๆ เลื่อนมือไปที่สีข้างด้านซ้ายของกานดามณีบีบเค้นเน้นอย่างหนักหน่วง
กานดามณีเจ็บแปล๊บที่แผลจนหน้าเสีย ผลักฐิติออกไป แต่ฝืนความเจ็บยิ้มอายๆ
“ไม่ได้นะคะคุณฐิติ”
ฐิติแสร้งทำเป็นน้อยใจ “ทำไมล่ะ คุณเป็นเมียผมแล้วนะ หรือว่าคุณไม่รักผมแล้ว”
กานดามณีละล่ำละลักปฏิเสธ ในหัวก็คิดหาทางเอาตัวรอด
“ไม่ใช่นะคะ แต่ว่าวันนี้ เอ่อ...คือว่า...วันนี้ฉันมี เอ่อ มี...ที่ผู้หญิงเค้ามีกันทุกเดือนน่ะค่ะ”
ฐิติอึ้งไปนิดหนึ่ง
“งั้นก็ไม่เป็นไรครับ เราไปนอนกันเถอะ”
ฐิติกอดกานดามณีอย่างทะนุถนอมและพรมจูบที่แก้มนวลอย่างเบาๆ แล้วประคองกานดามณีไปนอน

กานดามณีโล่งใจที่เอาตัวรอดไปได้อีกวันหนึ่ง

อ่านต่อหน้า 3

สุดสายป่าน ตอนที่ 17 อวสาน (ต่อ)

ตกกลางดึก ฐิติลืมตาขณะนอนกอดกานดามณีอยู่ เมื่อเห็นกานดามณีนอนหลับสนิท ฐิติจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดกานดามณีแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปข้างนอกอย่างคิดไม่ตก

ทันทีที่ฐิติลุกขึ้นจากเตียง กานดามณีก็ลืมตาขึ้นมองฐิติอย่างระแวงกลัวว่าฐิติจะสงสัยว่าตนไม่ใช่กานดาวสี

เช้าวันนี้แลเห็นความวุ่นวายโกลาหล ตระเตรียมงานทั่ววังสูรยกานต์ ด้านนอกตำหนักมีการตกแต่งสถานที่ จัดโต๊ะ เก้าอี้ จัดดอกไม้ประดับประดาอย่างสวยงาม
มีนมสาย เดินดูแลความเรียบร้อยทั่วบริเวณ
นมสายพูดกับคนงานในวัง “โต๊ะวางอาหารน่ะ อย่าตั้งใต้ต้นไม้สิยะ เดี๋ยวใบไม้ก็ร่วงลงมาในอาหารหรอก...ช่วยกันยกออกมาอีกหน่อย...เก้าอี้อย่าให้มันชิดกันนัก”
วิเศษ นารีรัตน์ และไขนภาเดินยิ้มอย่างมีความสุขเข้ามา นมสายหันมาเห็นพอดีรีบเดินไปต้อนรับ
“พ่อวิเศษ หนูนารีรัตน์ มากันแต่เช้าเชียวนะคะ”
“ไม่ได้สิครับ วันสำคัญของลูกทั้งที...”
นารีรัตน์นมสายมีอะไรให้รัตน์ช่วยมั้ยคะ
“อู้ย...ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ไม่อยากจะนินทา ท่านหญิงน่ะตื่นเต้นซะยิ่งกว่าบ่าวสาวอีกค่ะ สั่งเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่ได้ฤกษ์แล้วล่ะค่ะ”

จริงดังว่า ที่ห้องนอนฐิติกานดามณี สาวใช้กำลังช่วยกันปูที่นอน จัดดอกไม้ จัดมุ้งหมอน โดยมีท่านหญิง พุดตาน คอยสั่งการดูความเรียบร้อยอยู่
พุดตานบอกกับสาวใช้ “ผ้าปูที่นอนน่ะดึงให้ตึง...ดอกไม้จัดทุกมุมเลย”
ท่านหญิงกับพุดตานมองยิ้มอย่างสุขใจ กานดามณีเดินยิ้มหวานเข้ามาหาสองคน
ท่านหญิงดุอย่างเอ็นดู “แม่กานดาวสี...เข้ามาทำไม นี่มันห้องหอหล่อนนะออกไปก่อน คืนนี้ค่อยเข้ามาพร้อมกับตาติ”
กานดามณีเขินอาย “ดิฉันเข้ามาดูเผื่อท่านย่ากับคุณแม่จะมีอะไรให้ดิฉันช่วยน่ะเพคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ทางนี้คนช่วยกันเยอะอยู่แล้ว หนูไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์จดทะเบียน”
“ค่ะคุณแม่...”
กานดามณีกำลังจะเดินไปแล้วนึกขึ้นมาได้ จึงถามพุดตาน
“แล้วคุณฐิติล่ะคะ”
ท่านหญิงนึกขึ้นมาได้ “นั่นน่ะสิ ฉันก็ยังไม่เห็นหน้าตาติตั้งแต่เช้าแล้ว...” พลางหันไปถามพุดตานอย่างอารมณ์ดี “ว่าไงแม่พุดตาน ลูกชายหล่อนหายตัวไปไหนซะล่ะ”
“ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วล่ะเพคะ...เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญ ถามว่าธุระอะไรก็ไม่ยอมบอก”
ท่านหญิงบ่นๆ อย่างกังวลนิดๆ “ตาตินี่ยังไง เกิดจะมามีธุระสำคัญอะไรวันนี้นะ”
กานดามณีอึ้ง หน้าเสีย เริ่มระแวงตามประสาวัวสันหลังหวะ

ฐิติยืนมองผ่านช่องกระจกที่ประตูเข้าไปในห้องพักฟื้น เห็นกานดาวสีกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง แต่มีตำรวจโผล่มาที่ช่องกระจกแทนกานดาวสี ก่อนจะเปิดประตูออกมา
“นี่คุณคิดจะทำอะไร ผมเห็นคุณยืนมองผู้ต้องหาผมอยู่นานแล้วนะ”
“ผมก็แค่อยากจะดูเธออยู่ตรงนี้...“
ตำรวจมองฐิติอย่างไม่เข้าใจ คุณพระบรรณกิจเดินเร็วๆ เข้ามาถึงพอดี
“ขอโทษครับคุณฐิติ รอนานหน่อย แต่ก็ได้มาแล้วครับ”
คุณพระส่งเอกสารแผ่นหนึ่งให้ฐิติ ฐิติรับมาดูก่อนจะส่งให้ตำรวจ
“นี่ครับ ใบอนุญาตจากเจ้านายคุณให้ผมเข้าไปพบกานดามณีได้...”

ฝ่ายกานดามณีอยู่ในชุดแต่งงานสวยงาม แต่หน้าตาท่าทางดูวุ่นวายใจมาก
“ติไปไหน...หรือว่าเค้าสงสัยอะไร”
กานดามณีพยายามคิดปลอบตัวเอง
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา คิดมากไปแล้วมั้ง กานดามณี”
กานดามณีตัดใจ เดินไปที่เตียงมีกล่องเครื่องประดับวางอยู่ หยิบสร้อย แหวน ต่างหูขึ้นมาใส่ แต่ตอนที่กำลังใส่ต่างหู กานดามณีทำตัวล็อกต่างหูหลุดจากมือ จึงเหลียวมองหาบนเตียงแต่ไม่เจอ
“หายไปไหนนะ”
กานดามณีก้มลงมองหาที่พื้น แทนสายตาเห็นที่ล็อกต่างหูตกอยู่ที่พื้นข้างเตียง กานดามณีทรุดตัวลงนั่งเก็บขึ้นมาใส่ แต่สายตาสะดุดที่ซองเอกสารโผล่ออกมาจากใต้ที่นอนนิดนึง กานดามณี หยิบมาเปิดดูอย่างสงสัย
“บันทึกผู้ป่วย...นางสาวกานดามณี วัฒนากูล”
ในมมือกานดามณี เป็นบันทึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เขียนภาพประกอบด้วย เป็น diagram ระบุบาดแผลจากการถูกแทงที่สีข้างซ้ายขนาด 4 ซม.
กานดามณีอ่านข้อความกำกับรูปนั้น

“แผลจากการถูกแทงที่สีข้างด้านซ้าย!”

ขณะเดียวกันฐิติ คุณพระ และนายตำรวจเดินตรงไปที่เตียงกานดาวสี ฐิติเลื่อนผ้าห่มให้ต่ำกว่าเอวกานดาวสี มือฐิติค่อยๆเปิดเสื้อกานดาวสีขึ้น

กานดามณีงงๆ ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้
“หมายความว่าติรู้ว่าเราไม่ใช่...”
กานดามณีเครียดหนัก
นึกถึงตอนที่ฐิติพยายามจะมีอะไรกับตัวเองเมื่อคืนนี้ กานดามณีหน้าเสีย
“หรือที่เค้าพยายามเมื่อคืนเพราะเค้าอยากเห็นแผล”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กานดามณีสะดุ้งสุดตัว มองซ้ายมองขวาหาทางหนีทีไล่ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก ตามด้วยเสียงเรียกของนมสาย
“คุณกานดาวสี เสร็จหรือยังคะ”
กานดามณีตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า รีบเก็บเอกสารไว้ที่เดิม ก่อนจะเปิดประตูให้นมสายเข้ามา นมสายมองกานดามณีอย่างชื่นชม
“ท่านหญิงให้อิฉันมาตามคุณกานดาวสีลงไปข้างล่างค่ะ ใกล้จะถึงฤกษ์จดทะเบียนแล้ว”
กานดามณีถามอย่างหวั่นใจ “แล้วคุณฐิติล่ะคะ”
“คุณติโทร.มาบอกว่าทำธุระเสร็จแล้ว กำลังจะกลับมาค่ะ”
กานดามณีมองนมสายอย่างประเมิน คิดว่าถ้าความจริงเปิดเผย นมสายคงต้องแสดงพิรุธหรือเหน็บแนมอะไรออกมาแน่ๆ แต่นมสายก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ
กานดามณียิ้มออก ท่าทางโล่งใจขึ้น

เวลานั้นวิไลวรรณอยู่ในบ้าน กำลังบรรจงทาเล็บมือ คุณหญิงไขนภาเดินแกมวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ
“คุณวิไลวรรณคะ...”
วิไลวรรณหันมาหา “คุณหญิง มีธุระอะไรกับ...”
วิไลวรรณยังพูดไม่ทันจบ ไขนภาแทบจะลากวิไลวรรณออกจากบ้าน
ไขนภาร้อนรน “เร็วเข้าเถอะค่ะ รีบไปกับดิฉันเดี๋ยวนี้เลย”
วิไลวรรณคว้ากระเป๋าได้ก็เดินแกมวิ่งตามแรงฉุดของไขนภาไปอย่างว่าง่ายทั้งที่ยังงงอยู่
“ไปค่ะ ไป ว่าแต่เราจะไปไหนกันเหรอคะ”
“ไปโรงพยาบาลค่ะ”

ส่วนกานดาวสีค่อยๆ ขยับนิ้วมือ วิไลวรรณที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้านเดียวกับมือของกานดาวสีที่ขยับ
วิไลวรรณตื่นเต้น “คุณฐิติคะ”
ฐิติกับไขนภาหันไปมองวิไลวรรณ วิไลวรรณชี้ไปที่มือของกานดาวสี ฐิติกับไขนภามองตามมือของวิไลวรรณ เห็นมือของกานดาวสีขยับ
ฐิติหลุดปากเรียกชื่อ “กานดาวสี” ออกมาเบาๆ
กานดาวสีค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นหน้าฐิติกำลังก้มมองลงมาอย่างเป็นห่วง กานดาวสีงงๆ
“จำผมได้มั้ยครับ”
กานดาวสีงงๆ ยังไม่ตอบอะไร ฐิติพยายามถามอีก
“คุณจำได้มั้ยว่าคุณเป็นใคร”
สายตาฐิติมองกานดาวสีอย่างมีความหวัง กานดาวสีมองหน้าฐิติรู้สึกเหมือนจำได้

ภายในห้องโถงวังสูรยกานต์ จัดแต่งอย่างสวยงาม มีโต๊ะสำหรับให้บ่าวสาวนั่งจดทะเบียนสมรสท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ
ท่านหญิงลักษมี พุดตาน วิเศษ นารีรัตน์ และแขกอื่นๆ จับกลุ่มนั่งบ้างยืนบ้างคุยกันอยู่สักครู่หนึ่ง กานดามณีเดินลงบันไดมา ท่าทางยังมีความกังวลและระแวงอยู่
ทุกสายตามองไปที่กานดามณีด้วยความชื่นชม ท่านหญิงมองอย่างกานดามณีอย่างภูมิใจ
กานดามณีที่ยังกังวลอยู่บ้าง พอเห็นท่านหญิงยิ้มแย้ม มองด้วยสายตารักใคร่ก็โล่งใจ รู้สึกตัวพองด้วยความอิ่มเอมใจ
“แม่กานดาวสีลงมาแล้ว ตาติหายไปไหนอีกล่ะ ไม่รู้จักมารอรับเจ้าสาว”
“ผมอยู่นี่ครับ...ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่มาช้า พอดีผมติดธุระสำคัญอยู่”
ทุกคน เห็นฐิติเดินหล่อเหลาเข้ามาอีกทาง ตรงเข้ามาหาท่านหญิง กุมมือท่านหญิงไว้ด้วยความเคารพรัก
“กราบขอบคุณนะครับที่ท่านย่าทำทุกอย่างเพื่อผม จนทำให้ทำให้ผมกับกานดาวสีมีวันนี้”
ฐิติมองไปที่แขกทุกคน
“และผมต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่มาแสดงความยินดีกับเราอีกครั้ง...กว่าที่เราสองคนจะมาถึงวันนี้ได้” ฐิติหันไปมองกานดามณี “เราต้องผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน...”
กานดามณียิ้มปลื้ม เข้าใจว่าเป็นตัวเอง

“แต่ในที่สุด ผมก็ได้ผู้หญิงที่ผมรักกลับคืนมา และผมสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด และจะไม่ยอมให้มีอะไรมาพรากเราให้จากกันอีก”

ฐิติกราบท่านหญิงอีก ท่านหญิงกอดฐิติไว้อย่างปลาบปลื้ม

“ย่าก็ดีใจที่ติจะได้มีความสุขซะที ตั้งแต่นี้ย่าคงจะนอนตายตาหลับที่เห็นติได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมอย่างแม่กานดาวสี...”
พุดตานยิ้มอย่างมีความสุข หันไปพูดกับนายทะเบียนจากอำเภอ
“บ่าวสาวมากันพร้อมแล้วก็เชิญนายอำเภอเลยค่ะ...ตาติ พาเจ้าสาวไปจดทะเบียนได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์...”
กานดามณียิ้มหวานก่อนจะเดินมาหาฐิติ
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมมีแขกคนสำคัญที่สุดที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับงานวันนี้...”
กานดามณีชะงัก ฐิติหันไปมองที่ทางเข้าห้องโถง
“เชิญครับคุณพระ...”
ทุกคน เห็นคุณพระเดินนำเข้ามาก่อน รำเพยประคองกานดาวสีเดินตามเข้ามาท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
ฐิติยิ้มก่อนจะเดินไปตรงไปทางทิศที่กานดามณียืนอยู่
กานดามณียิ้มปลื้มราวกับโลกทั้งใบเป็นของตน กำลังจะเดินไปหาฐิติ
แต่แล้วฐิติกลับเดินผ่านหน้ากานดามณีไป
แขกทุกคนเงียบกริบมองตามฐิติไปอย่างไม่เข้าใจว่าฐิติจะทำอะไร สักครู่ทุกคนเห็นรำเพยประคองกานดาวสีที่ยังดูงงๆ อยู่เดินเข้ามา
ท่านหญิงชักไม่พอใจเข้าใจว่าเป็นกานดามณี “คุณพระช่วย...นี่มันงานมงคลของแม่กานดาวสี พ่อติพาแม่กานดามณีเข้ามาทำไม”
กานดามณีตกใจแล้วรีบกลบเกลื่อน
“คุณฐิติ!”
ฐิติเดินเข้าไปประคองกานดาวสีมาหาท่านหญิง กานดาวสีตะลึง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าสถานการณ์ตอนนี้คืออะไร ไม่รู้มาก่อนว่าฐิติจะพาตนเข้ามาท่ามกลางผู้คนมากมาย
“ตาติ นี่มันอะไรกัน”
นมสายตกใจ “นั่นสิคะคุณติ”
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่กานดามณีครับ เธอคือกานดาวสีตัวจริง”
กานดามณีตะลึงพรึงเพริดด้วยความตกใจ แต่ยังแสดงเป็นกานดาวสีต่ออยู่
“คุณฐิติ ทำไมคุณพูดอย่างนี้”
“พอได้แล้วกานดามณี หยุดโกหกหลอกลวงทุกคนซะที คุณไม่ใช่กานดาวสี คุณคือกานดามณีต่างหาก”
กานดามณีหน้าเสียแต่ยังไม่ยอมแพ้ “ไม่จริงนะคะ คุณฐิติ...คุณกำลังถูกหลอกฉันคือกานดาวสีตัวจริง”
แขกทุกคนตะลึงก่อนจะมีเสียงอื้ออึงเบาๆ ฐิติเดินเข้ามาหากานดามณี
“งั้นคุณจะพิสูจน์ได้มั้ยล่ะว่าคุณไม่ใช่กานดามณี ผู้หญิงใจร้ายที่วางแผนฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทางคุณ รวมทั้งท่านย่าของผมได้อย่างเลือดเย็น คุณทำร้ายได้แม้กระทั่งพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง ที่เค้าทั้งรักทั้งหวังดีกับคุณ”
กานดามณีชะงักนิดนึงแล้วรีบปรับท่าทีให้เป็นกานดาวสีเหมือนเดิม บีบน้ำตาไหลพราก
“คุณฐิติ ฉันคือกานดาวสีจริงๆ นะคะ ฉันไปทำอะไรให้คุณ คุณถึงต้องทำลายฉันแบบนี้”

“ถ้าคุณคือกานดาวสี คุณจะต้องไม่มีแผลที่ท้อง” ฐิติเอ่ยขึ้น เสียงเข้ม
กานดามณีหน้าเสีย ฐิติเดินไปหากานดามณี มองหน้าอย่างคาดคั้น
“แต่ถ้าเป็นกานดามณีจะต้องมีแผลที่เธออ้างว่าถูกพี่สาวเธอแทง หรือคุณจะปฏิเสธว่าคุณไม่มีแผลนั้น” ฐิติใช้มือกดที่แผลที่สีข้างด้านซ้ายของกานดามณีทันที
กานดามณีเผลอตัวร้องออกมา “โอ๊ย”
แขกทุกคนยืนอึ้ง หันไปมองกานดามณีอย่างรอฟังคำตอบ วิไลวรรณกับไขนภาเดินเข้ามา
“ยอมรับความจริงเถอะยัยณี เลิกโกหกได้แล้ว”
วิไลวรรณหันไปทางทุกคน
“ทุกท่านคะ ดิฉันยืนยันได้ค่ะว่ากานดามณีเป็นคนแทงตัวเองแล้วป้ายความผิดไปให้คุณกานดาวสี” วิไลวรรณเน้นคำต่อมา “เพราะเค้าเป็นคนบอกดิฉันเอง”
กานดามณีพูดอะไรไม่ออก รู้ตัวว่าแพ้แน่ๆ อย่างไม่มีทางสู้ น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดใจ กานดามณีหันหลังกลับวิ่งหนีขึ้นไปข้างบน โดยไม่ต้องการให้ใครเห็นน้ำตา

กานดามณีโซซัดโซเซเข้ามาในห้อง ทรุดลงข้างๆ เตียงอย่างอ่อนแรงเหมือนคนหมดหนทางสู้ ในที่สุดก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แล้วฟุบหน้าลงกับเตียงสะอึกสะอื้น มือขยำผ้าปูที่นอนสุดแรงอย่างเจ็บใจตัวเอง

ตระหนักแล้วว่าความฝันที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือถึงนั้น บัดนี้มันพังทลายลงไปแล้วไม่เป็นชิ้นดี

สุดสายป่าน ตอนที่ 17 อวสาน (ต่อ)

คุณพระบรรณกิจ และคุณหญิงไขนภา ช่วยกันยืนส่งแขกอยู่หน้าตำหนักใหญ่

คุณพระบอกกับแขกผู้ใหญ่คนหนึ่ง “กระผมต้องขอประทานโทษด้วยนะขอรับที่วันนี้เกิดเรื่องยุ่งๆขึ้น”
ไขนภาประคับประคองผู้ใหญ่อีกท่านลงบันได
แขกผู้ใหญ่ท่านนี้สับสน “เรื่องราวมันเป็นยังไงกันนะหญิง ที่ตาติแต่งงานผิดฝาผิดตัวน่ะ อาพอจะรู้อยู่บ้าง แล้วยังจะมีสลับตัวอะไรกันอีก”
ไขนภามีท่าทีลำบากใจ “เรื่องมันยาวเพคะ...แต่พอทุกอย่างเรียบร้อยคุณฐิติกับคุณกานดาวสีคงจะไปกราบท่านอาที่วัง และอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังได้”

อีกมุมหนึ่งใกล้ๆ กันนมสายร้องลั่น ตกอกตกใจ
“ต๊าย...แล้วทำไมคุณติไม่ปริปากบอกใครเลยล่ะคะที่สงสัยว่าคุณกานดาวสีอาจจะเป็นตัวปลอม”
นารีรัตน์อธิบายแทน “คุณฐิติคงตั้งใจจะจับกานดามณีให้ได้คาหนังคาเขา ก็เลยต้องรอให้แน่ใจก่อนมั้งคะ”
“ต๊าย ทำไมถึงได้ชะล่าใจขนาดนั้น แล้วถ้าจับไม่ได้ขึ้นมา วันดีคืนดีแม่กานดามณีจะไม่ลุกขึ้นมาฆ่าพวกเราหมดบ้านก่อนรึคะ...โธ่ คุณตินะคุณติ”
“ก็ยังดีนะคะ ที่คุณฐิติฉุกคิดขึ้นมาว่าได้กานดามณีต้องมีรอยแผลที่ถูกแทง...หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ยังไงกานดามณีต้องดิ้นไม่หลุดแน่”
“ยัยณีเองก็คงจะระแวงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันล่ะค่ะ ถึงได้คอยระวังตัวแจ”
“แล้วก็โชคดีด้วยล่ะค่ะที่ความทรงจำของยัยกานกลับคืนมาได้ทันเวลาพอดี” รำเพยว่า

เวลาต่อมาท่านหญิงเชยคางมองหน้ากานดาวสีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงหน้า ลูบหน้าลูบผมกานดาวสีด้วยความรักและเมตตา
“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะแม่กานดาวสี เรื่องร้ายทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้วตั้งแต่นี้หลานของย่าจงมีแต่ความสุข และมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตตลอดไปนะลูก...”
ท่านหญิงมองหน้ากานดาวสีอย่างให้ความมั่นใจ
“และจำไว้นะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ย่าไม่เคยคลางแคลงใจในตัวหล่อนเลย”
“ดิฉันกราบขอบพระคุณเพคะท่านย่า”
ท่านหญิงดึงตัวกานดาวสีเข้ามากอด วิเศษ พุดตาน และฐิติมองภาพด้วยความตื้นตันใจ
“หมดเคราะห์หมดโศกกันซะทีนะลูก”
นมสายเดินนำตำรวจเข้ามา
“ท่านหญิงเพคะ ตำรวจมาขอพบคุณกานดามณีเพคะ”
“ผมขออนุญาตนำตัวคุณกานดามณีไปที่สถานีตำรวจครับ”
“นมสาย หล่อนไปตามแม่กานดามณีลงมาสิ”
“คุณติกำลังขึ้นไปตามอยู่ค่ะ”

ฐิติเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่เตรียมไว้เป็นเรือนหอ กานดามณีนั่งอยู่ที่เตียง ร้องไห้ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ฐิติเข้ามา รู้สึกผิดที่ทำร้ายกานดามณี
“กานดามณี”
กานดามณีนิ่งไม่หันไปหาฐิติ ฐิติเดินเข้ามาใกล้
“ที่ผมทำไปทั้งหมด ผมอยากให้คุณเข้าใจว่าผมไม่ได้ต้องการจะทำร้ายคุณ”
กานดามณีพูดทั้งน้ำตา
“ติไม่ต้องมาขอโทษฉันหรอกค่ะ ฉันทำตัวของฉันเองและฉันก็ยอมรับในสิ่งที่ฉันทำ”
“ผมขอโทษที่เรื่องมันต้องลงเอยแบบนี้ แต่ผมอยากให้คุณลงไปมอบตัว...ทุกคนพร้อมจะช่วยคุณ”
กานดามณีนิ่งไปสักครู่ ก่อนพูดเรียบๆ
“ขอเวลาฉันทำใจหน่อยได้มั้ยคะ...ฉันเคยฝันว่าจะมีชีวิตที่สวยงาม แต่ฉันคงต้องปล่อยให้มันลอยหายไป ในเมื่อสุดสายป่านของชีวิตฉันมันก็มาถึงได้แค่นี้”
“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนนะ”
“ขอฉันอยู่คนเดียวซักพักเถอะนะคะ แล้วฉันจะลงไป ติไม่ต้องกลัวหรอกว่าฉันจะหนีไปไหน ฉันเหนื่อยเต็มทนแล้ว ถึงจะดันทุรังเดินต่อไปก็คงจะเจอแต่ทางตัน ถึงยังไงฉันก็หนีไปไหนไม่รอดอยู่ดี”
ฐิติมองกานดามณีอย่างเห็นใจ

ฐิติเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
ตำรวจถาม “คุณกานดามณีล่ะครับ”
“ขอเวลาให้เธออีกซักครู่นะครับ เธอกำลังเตรียมตัวอยู่”

ภายในห้องนอนที่จัดไว้อย่างงดงามที่สุด สมกับจะเป็นห้องหอของฐิติกับกานดาวสี มีกลีบกุหลาบสีแดงโรยอยู่บนเตียง ทุกอย่างจัดไว้เรียบร้อยสำหรับคู่บ่าวสาว
กานดามณี มองดูรอบๆ ห้อง เดินดูข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างในห้องอย่างมีความสุข หยิบรูปที่ตนเคยถ่ายกับฐิติที่ประจวบซึ่งตนแอบไว้ก้นลิ้นชักขึ้นมาดู น้ำตาไหลและเดินไปที่โต๊ะแต่งตัว มองหน้าตัวเองที่ฟูมฟายน้ำตาอยู่สักครู่ก่อนจะยิ้มกับตัวเองอย่างตัดใจ หยิบกระดาษมาซับน้ำตาและเริ่มแต่งหน้าใหม่ให้สวยที่สุด

เวลาผ่านไป ที่กระจกแลเห็นกานดามณีแต่งหน้าแต่งตัวใหม่เป็นกานดามณีคนเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
 
พร้อมกับหยิบกรอบรูปมาดูแล้วตัดสินใจฟาดกรอบรูปลงกับโต๊ะ กระจกกรอบรูปแตกกระจาย

 
ส่วนข้างล่างหมวดหัวหน้าทีมตำรวจเริ่มหงุดหงิด ที่รอกานดามณีนานแล้วก็ยังไม่เห็นหล่อนลงมา

“นี่ผมก็ให้เวลาคุณกานดามณีมานานพอสมควรแล้ว ผมคงต้องขอรับตัวเธอไปดำเนินคดีแล้วล่ะครับ”
วิเศษกับกานดาวสีหน้าเสีย กานดาวสีจับมือวิเศษปลอบใจ นมสายเกิดวิตกจริต เอามือทาบอกอย่างตกใจ หลุดปากออกมาตามประสาคนปากไว
“ตายแล้ว...หวังว่าคุณกานดามณีคงไม่เล่นกายกรรมปีนหน้าต่างหนีออกไปเหมือนเมื่อตอนที่ออกไปฆ่านายวสันต์หรอกนะคะ”
วิเศษกับกานดาวสียิ่งหน้าซีดลงไปอีก
ท่านหญิงดุ “นมสาย...หุบปาก”
นมสายสะดุ้ง เอามือตะครุบปากตัวเองไว้โดยอัตโนมัติ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ยังไงคุณกานดามณีก็หนีไปไหนไม่พ้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมบริเวณวังสูรยกานต์ไว้หมดแล้ว”

เวลานั้น ฐิติเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นกรอบรูปที่มีรูปตนกับกานดามณีตกแตกอยู่ที่พื้น มองตามสายตาฐิติไปเรื่อยๆ เห็นเลือดหยดอยู่ที่พื้นข้างเตียงกองใหญ่
กานดามณีนอนอยู่บนเตียง มือห้อยตกอยู่ที่ขอบเตียง เลือดไหลไม่หยุด ฐิติหายจากตกตะลึง พุ่งไปหากานดามณี
“กานดามณี...คุณทำอะไรลงไปน่ะ”
กานดามณีพูดขึ้นด้วยเสียอ่อนแรง
“ฉันดีใจจังเลยค่ะที่คุณเป็นคนขึ้นมาตามฉัน...ฉันจะได้เห็นหน้าคุณและมีเวลาอยู่กับคุณอีกครั้ง”
“ผมจะพาคุณไปหาหมอเดี๋ยวนี้...”
ฐิติกำลังจะอุ้มกานดามณี กานดามณีส่ายหน้า พูดขัดขึ้นด้วยเสียงอ่อนแรง
“ไม่ค่ะ ฉันรู้ตัวดีว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก...ฉันขอร้อง...อย่าเอาฉันไปที่อื่นเลยนะคะ ขอฉันอยู่กับคุณตามลำพัง”
ฐิติพูดขัดขึ้น “ผมทำไม่ได้...ผมปล่อยคุณไว้อย่างนี้ไม่ได้”
กานดามณีอ่อนแรงลงทุกที แต่ก็พยายามยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าของฐิติอย่างรักใคร่
“ถือว่าเป็นคำขอครั้งสุดท้าย ขอให้ฉันมีความสุขจริงๆ สักครั้งก่อนตาย...ในชีวิตฉันไม่เคยรักใคร แต่ฉันเพิ่งมารู้ตัวว่าฉันรักคุณ ให้ฉันได้ตายในอ้อมกอดของคนที่ฉันรัก...นะคะ”
ฐิติพูดไม่ออก ได้แต่ประคองกานดามณีไว้แนบอก
“ฉันเพิ่งรู้เมื่อตอนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะกานดาวสี ว่าฉันมีความสุขมากแค่ไหนเวลาที่ฉันได้รับความรักจากทุกคน ฉันเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่เงินทอง...แต่เป็นความรัก...ความรักบริสุทธิ์ที่ฉันไม่เคยได้จากใครเลยนอกจากคุณคนเดียว...แต่กว่าจะรู้ตัว ทุกอย่างมันก็สายเกินไป”
มือของกานดามณีที่ลูบไล้ที่ใบหน้าของฐิติค่อยๆ ตกลงอย่างอ่อนแรง กานดามณีพยายามลืมตา จดสายตาจ้องไม่ให้คลาดไปจากใบหน้าหล่อเหลาของฐิติ
“ฉันรู้ว่าติคงไม่เชื่อคำพูดของฉันอีกแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถอะนะคะว่าคุณคือความรักครั้งแรกและครั้งเดียว...คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน”
“ผมเชื่อ คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ทำใจให้สบาย ผมจะอยู่กับคุณตรงนี้ ไม่ไปไหน”
กานดามณีหน้าซีดเซียวลงทุกที เลือดที่หยดที่พื้นเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตาของกานดามณีปรือลงทุกที
“กอดฉันอีกสักครั้งได้มั้ยคะ เหมือนที่คุณเคยกอดกานดามณีคนนั้นที่ประจวบ”
ฐิติไม่พูดอะไร กอดกานดามณีตามคำขอร้อง กานดามณีกอดฐิติยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนด้านหลังฐิติ เห็นแขนกานดามณีที่กอดฐิติร่วงผล็อยลงที่พื้น

เวลาผ่านไป 100 วันแล้ว ที่บริเวณเจดีย์เก็บอัฐิของกานดามณีในวัดแห่งหนึ่ง
กานดาวสีบรรจงวางแจกันดอกไม้ที่จัดอย่างสวยงามไว้ที่ฐานเจดีย์ มองรูปของกานดามณีที่ฐานเจดีย์อย่างเสียใจและอาลัย
“พี่ไม่เคยโกรธเธอเลยนะน้องณี พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องดี พี่อโหสิให้เธอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำกับพี่...ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นน้องที่พี่รักเสมอ”
วิเศษเอามือลูบที่รูปกานดามณีด้วยความอาลัย
“ลูกณียกโทษให้พ่อด้วย เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นจากพ่อ ถ้าพ่อไม่ทิ้งลูกไป ลูกก็คงจะไม่เข้าใจอะไรผิดๆขนาดนี้ แต่ขอให้ลูกเชื่อว่าตั้งแต่เราจากกันพ่อก็ไม่เคยลืมลูกเลยแม้แต่วินาทีเดียว...พ่อรักลูกเสมอนะ”
ท่านหญิงมองภาพกานดาวสีที่มองภาพกานดามณีอย่างอาลัยรักแล้วก็อดสะเทือนใจไม่ได้
“ทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าเริ่มมาจากความดี ความถูกต้อง มันก็จะพาเราไปพบสิ่งที่ดี แต่ถ้าเริ่มผิด เริ่มมาจากความคิดร้าย แก่งแย่งชิงดีอยากจะเอาชนะ มันก็จะพาเราไปสู่จุดจบแบบแม่กานดามณีนี่ล่ะ”
ท่านหญิงหันไปพูดกับรูปกานดามณีที่หน้าเจดีย์
“แต่ไม่ว่ายังไง มันก็จบไปแล้ว ฉันขออโหสิกรรมให้หล่อนทุกอย่าง ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้หล่อนเกิดมาเป็นคนดี ทำในสิ่งทีดี จะได้ไม่ต้องมีจุดจบแบบนี้อีก”

มีสายลมพัดกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ต้องใบหน้ากานดามณีในรูปที่ยิ้มแย้ม เหมือนจะรับรู้ในสิ่งที่วิเศษพูดกับตน

คืนหนึ่ง ที่วังสูรยกานต์ ฐิติกำลังอออดอ้อนท่านหญิงลักษมี มีพุดตานและนมสายอยู่ด้วย

“ท่านย่าครับผมขอความกรุณาให้ท่านย่าไปสู่ขอกานดาวสีให้ผมอีกครั้งได้มั้ยครับ”
“ย่าไปสู่ขอให้น่ะได้ แต่ติต้องไปพูดจากับแม่กานดาวสีให้รู้เรื่องซะก่อนเดี๋ยวเค้าจะคิดไปว่าย่าบังคับให้ติแต่งงานกับเค้าเหมือนเมื่อคราวที่แล้วอีก”
“แต่ที่ผมยอมแต่งงานกับกานดาวสีก็เพราะผมรักเธอนะครับ ถ้าผมไม่รัก ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งแน่ๆ”
พุดตานแทรกขึ้น “ที่บอกว่ารักเค้า แล้วเคยบอกเจ้าตัวเค้าหรือยัง”
“เค้าก็น่าจะรู้”
นมสายอดประชดไม่ได้
“ใครเค้าจะไปรู้ล่ะคะ ในเมื่อคุณติก็คอยบอกอยู่ตลอดเวลาว่ารักคุณกานดามณี”
“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าพ่อติรักแม่กานดาวสีเค้าจริงๆ ก็น่าจะรีบไปบอกเค้าให้รู้เรื่องก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

ฐิติพาตัวเองมาอยู่ที่สวนบ้านกิริเนศวรแต่เช้า วิเศษบอกว่ากานดาวสีไม่อยู่
ฐิติแปลกใจ “กานดาวสีไม่อยู่เหรอครับ แล้วเค้าไปไหน”
“ยัยกานไปทำงานที่ต่างจังหวัดครับ”
ฐิติตกใจ “ไปทำงานต่างจังหวัด...แล้วทำไมเค้าไม่บอกผมซักคำ คุณอาทราบมั้ยครับว่าเค้าไปที่ไหน”
วิเศษยิ้มๆ “ยัยกานเค้าไม่ให้บอกใครครับ”
ฐิติขอร้อง “ได้โปรดเถอะครับ ผมอยากรู้จริงๆว่าเค้าไปไหน”
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับคุณฐิติ ยัยกานตัดสินใจไปแล้ว ยังไงเค้าก็คงไม่เปลี่ยนใจแล้วล่ะ”

ฐิติเครียดจัด กลับมาวังสูรยกานต์หน้าเศร้า ท่านหญิงซักไซ้
“ว่ายังไงล่ะตาติ ไปหาแม่กานดาวสีมาแล้วใช่มั้ย แล้วเค้าว่ายังไงบ้าง”
“กานดาวสีเค้าไปทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะครับ”
“แม่กานดาวสีเค้าคงจะตัดใจจากพ่อติแล้วน่ะสิ” พุดตานว่า
ฐิติพูดไม่ออก
“แต่ติเป็นทายาทคนเดียวของสูรยกานต์ ยังไงติก็ต้องแต่งงาน และมีทายาทสืบสกุลของเรา ย่าก็เลยอยากจะแนะนำผู้หญิงดีๆ ให้ติรู้จักเอาไว้” ท่านหญิงบอก
ฐิติพูดสวนขึ้นทันที “ผมไม่ยอมแต่งงานกับใครทั้งนั้นถ้าไม่ใช่กานดาวสี”
ท่านหญิงเสียงเข้ม “แต่ย่านัดเค้ามาที่นี่แล้ว ยังไงติก็ต้องลงไปทำความรู้จักกับเค้า”

วันหนึ่งต่อมา ท่านหญิง ฐิติ พุดตาน เข้ามานั่งที่เก้าอี้ในห้องโถง นมสายยืนรออยู่ด้วยท่าทางตื่นเต้น ฐิติสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
ท่านหญิงบอกกับนมสาย “แขกที่ฉันนัดไว้ยังมาไม่ถึงอีกรึ”
“มาแล้วกระหม่อม”
คุณพระเดินยิ้มนำเข้ามา เป็นวิเศษกับกานดาวสีเดินตามเข้ามา ฐิติไม่สนใจไม่มอง
“ตาติ นี่หลานไม่คิดจะทำความรู้จักกับคนที่ย่าหมายมั่นปั้นมือไว้ให้พ่อติบ้างหรอกรึ”
“ก็ผมเรียนท่านย่าไปแล้วไงครับว่า ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับใครทั้งนั้น”
“แน่ใจนะครับคุณฐิติว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของผม” วิเศษว่า
ฐิติได้ยินเสียงวิเศษแล้วชะงัก หันไปมองอย่างตกตะลึง เห็นกานดาวสียืนเคียงอยู่กับวิเศษ
“กานดาวสี”

เวลาต่อมา ตรงริมน้ำในสวนสวยวังสูรยกานต์ ฐิติจับมือกานดาวสีมองอย่างคาดคั้น
“กานดาวสี เราไปจดทะเบียนกันพรุ่งนี้เลยนะ”
กานดาวสีตกใจ “อะไรนะคะ ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย”
ฐิติหยุดเดินหันมาพูดกับกานดาวสีอย่างจริงจัง
“ผมไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว ผมเสียเวลาที่มีค่าไปมากเพราะความหวาดระแวงไม่เข้าท่าของผม แต่ผมทนไม่ได้ที่จะสูญเสียคุณไปอีก...”
ฐิติมองกานดาวสีด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้ง ก่อนจะตัดสินใจบอกอะไรบางอย่างกับกานดาวสี
“ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจอะไรผิดๆ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าคุณไม่ใช่กานดาวสีคนที่ผมเจอที่ประจวบ”
กานดาวสีตกตะลึง คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว
“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
สายตาของฐิติที่มองกานดาวสีเป็นประกายเจิดจ้าอย่างมีความสุข
“คืนนั้น...ที่หัวหิน”
กานดาวสีเขิน หลบตาฐิติ
“แล้วทำไมคุณไม่บอก...”
“ก็เพราะผมกลัวที่จะสูญเสียคุณไป ตอนนั้นผมไม่อยากรู้อีกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร...ผมรู้แต่ว่าผู้หญิงคนที่อยู่กับผมคืนนั้นที่หัวหิน คือคนที่ผมรัก...ไม่มีกานดาวสีคนโน้นหรือคนนี้อีก...มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น”
ฐิติดึงกานดาวสีเข้ามาใกล้ จับคางกานดาวสีให้หันหน้ามาทางตน ก้มลงถามเบาๆ
“แล้วคุณล่ะ รักผมบ้างหรือเปล่า”
กานดาวสีส่ายหน้าปฏิเสธ แต่นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ ฐิติมองท่าทีของกานดาวสีอย่างหวานซึ้ง
“ไม่เชื่อ ผมรู้ว่าคุณก็รักผม
“ใครบอกคุณ”
“คุณบอกผมเอง...ด้วยดวงตาของคุณ”
กานดาวสีสะเทิ้น ใจเต้นโครมคราม พยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ฐิติไม่ยอมปล่อยมือจากคางของเธอ กานดาวสีหลับตาพริ้ม ไม่ยอมให้ฐิติเห็นดวงตาของตน
ฐิติกระซิบเสียงนุ่มนวล “ผู้หญิงหลับตาแปลว่าอนุญาตให้จูบได้”
กานดาวสีขยับจะลืมตา แต่ฐิติประทับริมฝีปากของตนที่แก้มนวลของกานดาวสีก่อนจะละเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก กานดาวสีอ่อนไปทั้งตัว จนกระทั่งฐิติถอนริมฝีปากออก
กานดาวสีใจยังหวิวๆ อยู่ “ฉันไม่ได้...” นึกไม่ออกว่าจะพูดว่าอะไร
ฐิติยิ้มขำ “อนุญาต”
กานดาวสีพยักหน้ารับ
“ผมรู้”

ฐิติก้มลงจูบกานดาวสีอีกครั้งอย่างดูดื่มนุ่มนวลหวานซึ้ง สองคนปลอดปล่อยตัวเองให้เริงแล่นไปตามแรงปรารถนา และเสียงเรียกร้องต้องการของหัวใจ

จบบริบูรณ์

โปรดติดตาม "วุ่นนักรักหรือหลอก" ทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.10 น. ทาง ช่อง 5 เอาเอง ไม่มีให้อ่านใน "ละครออนไลน์" จ้า
กำลังโหลดความคิดเห็น