หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 17
สามคนรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ยืนมองเข้าไปในห้องอย่างอกสั่นขวัญแขวน จนไม่ทันมองว่าที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกด้านหนึ่ง พีทเดินผ่านไปแล้ว แต่ชะงักหันกลับมามอง ก่อนจะเดินตรงมาหา
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ..ใครเป็นอะไรไป”
ทุกคนถึงกับสะดุ้ง หันไปมองพีท
“อะตอมค่ะ เป็นอะไรไม่รู้ จู่ๆ เลือดกำเดาแกก็ไหล แล้วก็ไหลมาก ขึ้นๆ เรื่อยๆ จนเลอะเต็มไปหมด” ทิพปภาตอบแทน
พีทตกใจ “อะตอม”
หมอออกมา
“ใครเป็นแม่ของเด็กครับ”
รัญธิดาอ้าปากตั้งท่าจะบอก แต่แพทเร็วกว่าพุ่งเข้าไปหาหมอ
“ฉันค่ะ อะตอมเป็นอะไรไปคะ ทำไมเลือดถึงได้ไหลมากมายขนาดนั้น”
“คนไข้เป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำครับ เลือดถึงไหลไม่หยุดแบบนั้น และตอนนี้ คนไข้ก็มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำมาก หมอต้องให้เกร็ดเลือดด่วนแต่ว่าทาง ธนาคารเลือดแจ้งว่าไม่สามารถหาเลือดที่เข้ากันได้ เนื่องจากเลือดของลูกคุณมีแอนตี้บอดี้หลายตัวที่แตกต่างจากคนทั่วไป” หมอเล่าอาการ
ทิพปภาตกใจมาก “มันหมายความว่าอะไรคะ”
“อะตอมมีเลือดกรุ๊ปพิเศษที่หายากมาก ถ้าเรามัวแต่รอจากกรุงเทพฯ ก็อาจไม่ทันการก็ได้นะครับ”
แพทกับรัญธิดาอึ้ง
“แล้ว..แล้วเราต้องทำยังไงคะ” ทิพปภาซัก
“บางที คนในครอบครัวที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน อย่างเช่นพ่อหรือแม่คงจะช่วยให้เลือดกับลูกได้” หมอบอก
รัญธิดาโพล่งขึ้นมาทันที “ชั้นยินดีค่ะ
สองคนตกใจ ยกเว้นหมอกับพีท
“ยายรัญ!” ทิพปภาร้องขึ้น
“หมอว่า...ควรจะลองแม่ของเด็กก่อนดีมั้ยครับ” หมอยังไม่รู้เรื่อง
“ก็ชั้นนี่แหละค่ะ...ชั้นเป็นแม่ของอะตอม” รัญธิดาโพล่งขึ้นอีกครั้ง
พีทได้ยินถึงกับผงะ มองจ้องหน้ารัญธิดาเขม็ง
“รัญ” แพทบีบแขนหลาน “ใจเย็นๆก่อน”
รัญธิดาไม่สนใจอีกแล้ว “รัญไม่สนใจอีกแล้ว ว่าใครจะได้ยินหรือรับรู้เรื่องนี้ ถึงเวลาแล้วที่รัญจะได้ทำหน้าที่ของแม่เสียที รัญให้กำเนิดเค้ามา เลือดของรัญต้องให้อะตอมได้ซิ”
“งั้นเชิญทางนี้ครับ” หมอบอก
พีทถึงกับพูดไม่ออก
รัญธิดานอนอยู่บนเตียงในห้องให้เลือด ท่าทางกังวลร้อนรนใจ พยาบาลเดินกลับมาหาหน้าตาผิดหวัง
“เสียใจด้วยนะคะคุณรัญธิดา...เกล็ดเลือดของคุณเข้ากับของหนูอะตอมไม่ได้ค่ะ”
รัญธิดาตกตะลึงหันไปทางหมอ “เป็นไปได้ยังไงคะหมอ ชั้นเป็นแม่ของเค้านะคะ”
พยาบาลรีบปลอบโยน “แต่อาจมีคนอื่นในครอบครัวที่กรุ๊ปเลือดตรงกับแกก็ได้นะคะ”
รัญธิดาลนลาน ท่าทางกลัดกลุ้มว้าวุ่นเหลือเกิน
“ถ้างั้น...ถ้างั้นชั้นจะไปเรียกคนอื่นเข้ามาลองดูนะคะ”
รัญธิดาวิ่งอย่างรีบร้อนออกไป
สักครู่หนึ่งแพทเดินเข้ามา ทุกคนมองอย่างมีความหวัง แพทส่ายหน้า ทุกคนจ๋อย
“แล้วเราจะเอายังไงกันดี...” ทิพปภาเอ่ยขึ้น
“ทำไมเลือดของพวเราทุกคนแม้แต่รัญ ถึงให้อะตอมไม่ได้ล่ะ ฉันไม่เข้าใจ” แพทงงหนัก
“หมอบอกแล้วไง ว่าเลือดอะตอมเข้ากับคนอื่นยาก” พีทบอก
“อะตอมกำลังจะตาย ลูกของหนูกำลังจะตาย แม่จ๋า”
รัญธิดาคร่ำครวญ ขณะซุกตัวลงกอดกับทิพปภาแน่นน้ำตาไหลพราก ทิพปภาเห็นสภาพลูกก็ทุกข์ไปด้วย
“เป็นพราะน้า น้ามีหน้าที่ดูแลอะตอม อะตอมมีรอยจ้ำเลือดเป็นประจำ แต่น้าไม่เคยเอะใจ นึกว่าแกไปวิ่งซนมาเป็นปกติ”
“รัญเอง ก็น่าจะให้คุณหมอตรวจตั้งแต่วันนั้นที่แกเลือดกำเดาไหล แต่...เพราะรัญที่มัวแต่สนใจเรื่องของตัวเอง รัญเป็นแม่ที่เลวมาก รัญน่าจะตายไปให้พ้นๆ” รัญธิดาโทษตัวเอง
“รัญ...อย่าพูดอย่างนั้นลูก อะตอมต้องไม่เป็นอะไร แม่จะไม่ยอมให้อะตอมเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
“จริงของคุณทิพครับนี่มันไม่ใช่เวลามาโทษตัวเอง หรือฟูมฟายกัน เราจะต้องเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ช่วยกันหาเกล็ดเลือดที่เข้ากับอะตอมให้ได้ซิ” พีทว่า
รัญธิดาลุกขึ้นทันที
“น้าแพทคะ ขอยืมกุญแจรถหน่อยค่ะ”
แพทส่งให้งงๆ “รัญจะทำอะไร”
“ยังมีอีกคน จะช่วยอะตอมได้”
พูดเท่านั้นรัญธิดาลุกขึ้นวิ่งไปทันที แพทเรียกไว้
“รัญธิดา...”
รัญธิดาวิ่งหายไปแล้ว ทิพปภาจับมือแพทไว้อย่างหวั่นใจ
“รัญหมายถึงใคร” พีทงงสุดๆ
ที่หน้าวิลล่า คนขับรถกับสาวใช้เก็บของขึ้นรถ ธาริศกับทักษอรเตรียมตัวไปสนามบิน ธาริศดูหน้าตาเศร้าหมอง
“ไปกันเถอะค่ะ”
ธาริศตัดใจเดินขึ้นรถ โทรศัทพ์ดังขึ้น ธาริศดึงออกมา ทักษอรชำเลืองดู เห็นเป็นชื่อรัญธิดา ก็ปรี๊ดแตกทันที แย่งมือถือมา
“เห็นมั้ยคะ ว่าถ้ายังอยู่เมืองไทยจะเกิดอะไร มันไม่เคยยอมปล่อยพี่ไปจริงๆ”
ทักษอรแย่งโทรศัพท์ในมือธาริศมาโยนลงพื้น ธาริศพูดไม่ออก
“ขึ้นรถได้แล้วค่ะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี”
รถของทักษอรแล่นออกจากบ้านไป
รัญธิดาขับรถเข้ามาจอด โดยรถทักษอรแล่นออกไปไม่นาน รัญธิดารีบวิ่งลงมาที่หน้าวิลล่า ตะโกนเรียก
“พี่ธาริศ...พี่ธาริศคะ”
รัญธิดามองไปรอบบ้าน เห็นแต่ความว่างเปล่า ไฟในห้องดับหมด รัญธิดายกโทรศัพท์ขึ้นโทร.ออกอย่างร้อนใจแต่ปรากฏว่าเสียงโทรศัทพ์ธาริศดังอยู่ที่พื้น รัญธิดาเริ่มหมดหวัง จนยามของรีสอร์ตเดินผ่านมาเห็นเข้า
“คุณรัญ...มาทำอะไรตรงนี้ครับ”
“คุณธาริศ..ชั้นมาตามหาคุณธาริศ”
“คุณธาริศกับคุณอรเช็คเอ้าท์ออกไปแล้วครับ...เห็นว่าจะไปต่างประเทศกันนะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด”
รัญธิดาแทบทรุด ผิดหวังมาก
“ไม่จริง...ไม่จริง...”
รัญธิดาน้ำตาจะไหล วิ่งเข้าไปในบ้าน
รัญธิดาเดินเข้าไปในบ้านพัก ทุกอย่างเงียบสงัด มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟ รัญธิดาสิ้นหวัง ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นบ้าน
“อะตอม..อะตอมลูกแม่...แม่ขอโทษ”
รัญธิดาร้องไห้สะอึกสะอื้น ใจจะขาดรอนๆ กลัวอะตอมจะตายเป็นที่สุด
อยู่ๆ ไฟก็สว่างพรึ่บขึ้นมา รัญธิดาเหลียวขวับไปมอง เห็นทักษอรยืนอยู่ตรงประตูด้านหน้ามีธาริศยืนตะลึงอยู่ด้วย
“เธอมาทำอะไรที่นี่!” ทักษอรแปลกใจมาก
รัญธิดาลุกขึ้น ถลาไปหาธาริศ จับแขนไว้
“พี่ธาริศคะ ช่วยด้วย...ช่วยอะตอมด้วยค่ะ”
ธาริศตะลึง ทักษอรกระชากแขนรัญธิดาที่จับธาริศค้างอยู่ให้หันมาทางตน แล้วตบฉาดใหญ่
“หน้าด้าน! คนอย่างเธอที่หนังหน้าทำด้วยอะไรนะ ถึงได้ไม่มีความละอายเอาซะเลย...ถึงขนาดนี้แล้วยังมาวุ่นวายกับสามีชั้นอีกเหรอ...ชั้นไม่น่าลืมพาสปอร์ตแล้วกลับมาเจอคนสกปรกโสโครกอย่างเธอเลย”
รัญธิดาไม่สนหันมาบอกธาริศ “พี่ธาริศคะ พี่ธาริศเป็นคนเดียวที่จะช่วยอะตอมได้”
“อย่าไปฟังค่ะ พี่ธาริศไปเอาพาสปอร์ตให้อรหน่อย...เดี๋ยวอรจะคุยกับเค้าเอง”
ธาริศมองหน้ารัญธิดา พยายามจะตัดใจจะเดินเข้าห้อง
รัญธิดาโพล่งออกมา “อะตอมกำลังจะตายค่ะ ต้องการเกล็ดเลือดด่วน เลือดพวกเราใช้ไม่ได้เลย”
ธาริศชะงักหันขวับมา
“อะไรนะ!”
ทักษอรแหวใส่ “ขอโทษนะ ถึงพี่ธาริศเค้าจะเอ็นดูเด็กอะตอมมาก แต่เราไม่ใช่สภากาชาดนะ เราคงช่วยอะไรเธอไม่ได้ อย่ามาใช้มุกนี้ดึงพี่ธาริศไว้ รีบไปเถอะค่ะพี่ธาริศ เดี๋ยวเช็คอินไม่ทัน”
ธาริศยืนนิ่งมองหน้ารัญธิดาเป็นเชิงถาม ก่อนจะพูดออกไป
“มันเกิดอะไรขึ้น รัญธิดา อะตอมเป็นอะไร”
“แกเป็นโลหิตค่ะ ต้องการเกล็ดเลือดด่วน..แต่เลือดของแกเป็นกรุ๊ปที่หายากมาก...ถ้ารอจากกรุงเทพฯก็กลัวจะไม่ทันการ”
“แล้วยายแม่มันละ มัวแต่ทำอะไร ทำไมไม่ให้เลือดลูก” ทักษอรแหวใส่
“พวกเราทุกคนไม่มีใครมีเลือดตรงกับอะตอมเลยค่ะ...รัญถึง...ถึงได้ต้องมาขอพี่ธาริศ”
ธาริศงง “แล้วรัญรู้ได้ยังไง ว่าพี่จะเลือดตรงกับอะตอม”
รัญธิดามองธาริศกับทักษอรอย่างสิ้นหวัง แต่แล้วตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวก่อนพูดความลับที่เธอปกปิดออกมา
“ก็เพราะ...พี่ธาริศ..เป็นพ่อของอะตอมน่ะสิคะ”
ทุกคนเงียบกันไปหมด ต่างคนต่างตะลึง ธาริศตัวแข็งเป็นหิน...ไม่เชื่อหู
“อะ...อะไรนะ”
รัญธิดาน้ำตาไหลพรากขณะบอกย้ำ “อะตอม..คือลูกของรัญ...กับพี่ธาริศค่ะ”
ทักษอรตะลึงรับไม่ได้ ความโกรธพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ แล้วระเบิดร้องกรี๊ดสุดเสียง
“ไม่จริ๊ง นังผู้หญิงหน้าด้าน โกหกไร้ยางอาย..อย่าไปฟังมันนะค่ะพี่ริศ”
ทักษอรถลาเข้าไปตบรัญธิดา แต่ถูกธาริศดึงไว้ทัน
“พูดอีกครั้งซิรัญ...”
“เมื่อ 6 ปีที่แล้ว รัญท้องกับพี่ รัญตั้งใจจะบอกให้พี่รู้ตอนที่รัญไปรอที่สถานีรถไฟ แต่...” รัญธิดาไม่พูดต่อ ยกมือไหว้ทักษอร “ฉันขอร้องล่ะคะ คุณอร ฉันไม่ได้อยากแย่งพี่ธาริศมาจากคุณ ฉันแค่อยากได้เลือดของเค้าไปช่วยอะตอม” รัญธิดาหันมาทางธาริศ “ช่วยลูกของเราด้วยนะคะ”
ธาริศอึ้งตะลึงช็อกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วผลุนผลันวิ่งออกไปทันที
ทักษอรเห็นดังนั้นก็กรี๊ดขึ้นสุดเสียง เสียงนั้นดังโหยหวน “อ๊าย...พี่ธาริศ...พี่ธาริศ”
รัญธิดาวิ่งตามออกไป
ทิ้งทักษอรที่ร้องกรี๊ดทรุดลงกองกับพื้นไว้เพียงลำพัง
ไม่นานต่อมาธาริศนอนอยู่บนเตียงเตรียมพร้อม บีบมือเข้าออกเพื่อปั๊มเลือดให้ไหลจากตัวลงสู่สายยางเร็วขึ้น
สองพ่อลูกอยู่กันคนละห้องกัน
อะตอมยังนอนสลบอยู่รับเลือดทีละหยดจากถุงให้เลือด ที่ไหลมาตามสายเข้าที่มือ และไหลเวียนสู่ร่างกายตัวอะตอม
แพท รัญธิดา ทิพปภา และพีท ยืนมองอะตอมจากผ่านกระจกหน้าห้องอย่างห่วงใย
ธาริศนั่งซึมอยู่ที่มุมหนึ่ง จิบน้ำหวานเพื่อให้ร่างกายมีพลังขึ้น ท่าทางสับสนว้าวุ่นใจมาก พีทเดินเข้ามามองอย่างสงสารแล้วลงนั่ง...ตบไหล่
“หมอบอกว่า อะตอมอาการดีขึ้น...ท่าจะฟื้นได้ในเร็วๆนี้”
ธาริศถอนใจอย่างโล่งอก
“อะตอม..เค้าเป็นลูกของผมจริงๆ เหรอเนี่ย”
“มีนายคนเดียวที่มีเลือดเข้ากับอะตอมได้...มันคงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วมั้ง”
ธาริศมองพีทอย่างทุกข์ทรมาน
“รัญเค้าทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไง...เค้าปิดบังทุกคน เค้าไม่ยอมบอกผมเลยแม้แต่คำเดียว ว่าเรามีลูกด้วยกัน”
“เค้าคงจะมีเหตุผลของเค้า...” พีทถอนใจ “ผู้หญิงบ้านนั้น คงต้องเผชิญกับอะไรมากมายเหลือเกิน จนต้องปิดบังทุกอย่างแบบนี้”
ธาริศลุกขึ้น “ผมต้องพูดกับรัญให้รู้เรื่อง”
พีทลุกขึ้นจับไหล่ธาริศไว้
“แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะ ชั้นคิดว่าอรเองก็คงรอคำอธิบายจากนายอยู่”
ธาริศอิดออด “แต่ผม...”
“นายยังเป็นสามีของอรอยู่...นายคงจะเห็นใจเค้าด้วย...โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เค้าเองก็มีลูกของนายอยู่ในท้อง”
ธาริศอึ้ง..อ่อนลงในทันที ตระหนักถึงหน้าที่และภาระของตัวเอง
“กลับไปก่อนเถอะธาริศ แล้วพี่จะดูแลทางนี้ให้...”
ธาริศลังเล ไม่มั่นใจว่าพีทหมายถึงอะไร แล้วถอนใจเดินออกไป พีทเองก็หนักใจไม่แพ้กัน
พอธาริศเปิดประตูเข้าบ้านมาต้องชะงัก เมื่อเห็นทักษอรยังนอนรออยู่ที่โซฟา ในเสื้อผ้าชุดเดิม ทักษอรลุกขึ้นมานั่งทันทีที่ได้ยินเสียงธาริศ
“อร...พี่...”
ทักษอรลุกขึ้น ยิ้มหวานให้
“ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกค่ะ อรยอมรับนะคะว่าตกใจแล้วก็โกรธมากเมื่อรู้ว่าเด็กนั่น...แต่พี่ริศไม่ต้องห่วงค่ะมาถึงตอนนี้ อรทำใจได้แล้ว”
ธาริศฉงน “ทำใจ”
“ใช่ค่ะ เพราะต่อให้อรโกรธและอาละวาดยังไง ความจริงก็คือ...อะตอมก็เป็น...ลูกของพี่”
ธาริศจับมือทักษอรขึ้นมาด้วยความดีใจ เพราะคิดว่าทักษอรจะยอมปล่อยตนไป
“ขอบคุณมากอร พี่ดีใจที่อรเข้าใจ ถ้าอย่างนั้น...”
“อรคงเห็นแก่ตัวไม่พอที่จะห้ามไม่ให้พี่ทำหน้าที่พ่อของลูกกับอะตอม อย่างน้อยๆ แกก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่ ถึงพี่จะไม่ได้ตั้งใจให้แกเกิดมาก็เถอะนะคะ แต่อะตอมก็ควรจะได้รับความรักจากพี่ไม่ต่างอะไรจากลูกของเรา”
ว่าพลางทักษอรผู้แสนดี จับมือธาริศมาทาบกับท้องลมของตัวเอง
“โชคดีเหลือเกินลูกของเราที่กำลังจะเกิดมา มีพ่อและแม่ครบสมบรูณ์”
ธาริศฟังแล้วก็ถึงกับห่อเหี่ยวกับความหวังที่ดับวูบ อยากอธิบาย “อร พี่คิดว่า...”
ทักษอรแอ๊บใส่ ไม่เข้าใจ “ไม่เอาค่ะ...เลิกเครียดได้แล้วนะ ในเมื่อพี่ย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตไม่ได้ พี่ก็ทำเรื่องปัจจุบันของเรา ของลูกที่กำลังจะเกิดมาให้ดีที่สุดดีกว่านะคะ ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอย” ทักษอรเขย่งตัวจูบแก้มธาริศฟอดใหญ่ “อรง่วงจังเลย ไปนอนก่อนดีกว่า..กู๊ดไนท์ค่ะ”
ทักษอรเดินเข้าห้องไป ธาริศเซ็งอย่างหนัก อึดอัดอีกแล้วอยากระเบิด ทิ้งตัวลงนั่งเต็มแรง โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังประตูห้องเปิดออกอีก ทักษอรยืนมองมาหน้าตาโหดเหี้ยมสุดๆ
เช้าวันต่อมากันตาอยู่ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล กำลังตกใจกับข่าวล่าสุดที่ได้รู้จากปากของพีท
“อะตอมเป็นลูกของตาริศกับหนูรัญจริงๆเหรอ”
พีทดูอึกอักที่ต้องมารายงานแม่เหมือนกัน “ครับ....แม่”
“เฮ้อ…นี่แหละนะ สุดท้ายทำไมเด็กตาดำๆ ต้องมารับกรรมจากการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของผู้ใหญ่ด้วย”
“ความจริงเรื่องทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นจากความไม่เดียงสาของนายริศกับรัญน่ะล่ะครับแม่ ทั้งสองคนก็ยังอายุน้อยมากตอนนั้น คงจะรับผิดชอบอะไรไม่ไหว” พีทบอก
“จะเกิดจากอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้คนที่แม่ห่วงที่สุดก็คืออะตอม แกจะรู้สึกยังไง ถ้ารู้ว่าคนที่เรียกว่าพี่มาตลอดคือแม่ แล้วจู่ๆพ่อที่จะไม่วันทำหน้าที่พ่อให้ตัวเองได้ก็เดินเข้ามาในชีวิต” กันตาว่า
พีทอึ้งไปเหมือนกัน
“ผมคิดว่า...คุณแทพ...คงจะอธิบายเรื่องนี่ให้อะตอมฟังได้...”
กันตาพูดเสียงอ่อนโยน “น่าสงสารหนูแพท...ที่ผ่านมาแค่หนูแพทเลี้ยงอะตอมให้เติบโตมาเป็นเด็กน่ารักได้มันก็หนักหนาเอาการแล้ว แม่ว่า..ถ้าเป็นไปได้เราไม่ควรทิ้งปัญหาไว้ให้หนูแพทรับผิดชอบคนเดียวต่อไปอีก”
พีทท่าทางครุ่นคิดตาม เหมือนตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง
ที่มุมเงียบๆ ลับตาคนในร้านกาแฟเตอร์ รัญธิดาลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามทักษอร ด้วยท่าทางเรียบเฉยเย็นชา พูดเข้าเรื่องทันที
“พูดมาเถอะค่ะ ชั้นจะได้กลับไปเฝ้าอะตอม”
“ที่ชั้นโทร.เรียกเธอออกมาก็เพราะฉันอยากคุยกับเธอตัวต่อตัวในฐานะที่เป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันกับลูก ไม่มีวันเข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตครอบครัวคุณแน่ ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้ต้องการตัวพี่ธาริศ...ชั้นแค่ต้องการเลือดมาช่วยชีวิตอะตอมเท่านั้น”
“โถ...มองฉันในแง่ดีหน่อยซิจ๊ะ ที่ฉันมานี่ก็มาเพราะความเห็นอกเห็นใจ แล้วก็เข้าใจเพราะฉันก็กำลังจะเป็นแม่คนเหมือนกัน”
รัญธิดาแปลกใจกับท่าทีของทักษอร
“ต่อให้ความจริงอะไรต่อมิอะไรมันจะเปิดเผยออกมาแล้วก็ตามนะ แต่ชีวิตของทุกคนก็ต้องเดินต่อ ยังไงก็ขอให้ทางเดินของฉันกับพี่ธาริศ เป็นทางเดินคนละเส้นกับเธอแล้วก็ลูกละกัน”
รัญธิดาเสียใจแต่พยายามสะกดไว้ “ฉันว่า คุณน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดแต่แรกนะคะ” พร้อมกับลุกขึ้นจะเดินหนี
ทักษอรลุกขึ้นตาม “แหม...รัญธิดาจ๊ะ คนเราน่ะชอบพูดอย่าง ทำอีกอย่างเสมอ”
รัญธิดาโกรธจัด “คนอย่างชั้น พูดจริงทำจริงเสมอค่ะ”
ทักษอรยิ้มหยัน “งั้นก็ดี...ที่ผ่านมา เธอคงเข้าใจดีว่าคนเราจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องตกอยู่ในสภาพแม่ของลูกที่ไม่มีพ่อ เพราะฉะนั้นชั้นหวังว่าเธอคงไม่เป็นต้นเหตุให้ฉันกับลูกต้องตกอยู่ในสภาพทุเรศๆ เหมือนที่เธอกับลูกเคยเป็นใช่มั้ย”
ทักษอรจ้องหน้ารัญธิดา นัยน์ตาดุเข้มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะสะกดจิต
“อย่าห่วงเลยค่ะ ชั้นไม่ทำอย่างนั้นแน่...”
“งั้นก็ดี...” ทักษอรเปิดกระเป๋า “พี่ริศเค้าไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเธอเอง เค้าเลยฝากชั้นมา นี่จ้ะ”
ทักษอรหยิบเช็คจากกระเป๋ายื่นให้ รัญธิดามองเห็นตัวเลขในเช็คระบุว่า “ห้าล้านบาท” ถึงกับอึ้งไป
“พี่ธาริศกับฉัน เราตกลงใจกันว่าอยากแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอกับลูกจะได้มีทุนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเอง รับไว้นะจ๊ะ”
รัญธิดาหูตาพร่าพรายไปหมด ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าธาริศทำแบบนี้จริงจึงส่งเช็คคืนไป
“ทำไม น้อยเกินไปเหรอ? พี่ธาริศเค้าเป็นห่วงลูกของเธอนะ..ไม่ใช่เธอ” ทักษอรย้อนถาม
“ชั้นดูแลอะตอมได้ โดยไม่ต้องคอยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ฝากบอกคุณธาริศด้วยว่า...ขอบคุณมากที่ช่วยอะตอมไว้ แต่เราก็ยังคงเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอยู่ดี...ไปอังกฤษหรือที่ไหนก็ได้ ที่คุณอยากไปเถอะค่ะ ชั้นขอร้อง...ออกจากชีวิตฉันไปเสียที”
รัญธิดาฉีกเช็คเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วโยงลงพื้นก่อนจะเดินจากไป
ทักษอรมองตามแล้วเหยียดยิ้มออกมาอย่างสาสมใจ
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 17 (ต่อ)
เวลาผ่านไปอีก 2-3 วัน ภายในห้องผู้ป่วย ทิพปภาที่สีหน้าตาดูล้าๆ กำลังป้อนอาหารคำสุดท้ายให้อะตอมเสร็จพอดี หน้าตาอะตอมสดใสขึ้นมาก
“โอ้โห.....เก่งมากๆเลยลูก ทานหมดเกลี้ยงเลย คราวนี้ก็ทานยานะ”
อะตอมอิดออด “ตอมไม่อยากทานยา ยาไม่อร่อย”
ทิพปภานิ่งคิดว่าจะพูดกล่อมไงดี แล้วก็นึกขึ้นได้ “ถ้าตอมอยากหาย ก็ต้องกินยานะลูก จะได้ไปโรงเรียน ไปเจอมะนาวกับนานาไวๆ ไงจ๊ะ”
อะตอมครุ่นคิดนิดหนึ่ง “ได้ครับ...เพื่อมะนาวกับนานา ตอมจะกินยาครับป้าทิพ”
ในขณะที่ทิพปภาป้อนยาอะตอมเสร็จ เตอร์เคาะประตูก่อนจะโผล่เข้ามาพร้อมข้าวของเยี่ยมไข้
“ฮัลโล่ อะตอม เป็นไงบ้างครับ”
“น้าเตอร์”
เตอร์เดินไปไฮไฟทักอะตอมแมนๆ แล้วไหว้ทิพปภา
“นี่อะตอมอาการดีขึ้นรึยังครับ”
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะเริ่มซ่าส์ได้แล้ว” ทิพปภาบอก
“ว้าว…ดีจัง” เตอร์หยิบถุงขึ้นมา “รู้มั้ยว่าวันนี้น้าเตอร์ซื้อของมาฝากอะตอมด้วยน้า แอ่น...แอน…แอ๊น นี่ไง...”
เตอร์ภูมิใจนำเสนอ โดยไม่รู้หล่อนหยิบแมกกาซีนที่ผู้ชายเปลือยท่อนบนโชว์กล้ามขึ้นมา พอเห็นอะตอมกับทิพปภาทำตาปริบๆ ถึงได้หันไปดูหนังสือในมือตัวเองว่าเป็นอะไร
“ว้าย...อันนี้มันของน้าเตอร์” เกย์ผมทองรีบเก็บหนังสือยัดลงถุง แล้วหยิบหนังสือนิทานสองเล่มขึ้นมา “นี่ไง...หนังสือนิทานเรื่องสโนไวท์ แล้วก็ซินเดอเรลล่า เวลาอะตอมนอนเบื่อๆ จะได้หยิบขึ้นมาอ่านไง ดีมั้ย”
“นั่นมันนิทานของผู้หญิงนะครับน้าเตอร์” อะตอมท้วง
“ไม่มีประเภทไอ้แมงมุม ซุปเปอร์แมนเหรอ” ทิพปภาถาม
เตอร์เพิ่งนึกขึ้นได้ “เออจริง...น้าขอโทษนะตอม พอดีตอนเด็กๆ น้าชอบอ่านพวกนี้น่ะจ๊ะ ถ้างั้นเดี๋ยวคราวหน้าจะซื้อให้ใหม่นะ” เตอร์หันมาทางทิพปภา “เอ้อ.....พี่ทิพฮะ ได้ข่าวว่าแม่คุณพีทก็นอนป่วยอยู่ที่นี่เหมือนกัน ใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ รู้สึกเหมือนจะอยู่ชั้นบนนี่ละ แต่พวกเรายังไม่มีใครได้ไปเยี่ยมกันเลย มัวแต่วุ่นๆ กับเรื่องอะตอมอยู่...แล้วรัญกินอะไรมารึยัง..ผลไม้มั้ย เดี๋ยวพี่บอกให้”
อะตอมนิ่งฟังการสนทนาด้วยความสนใจ
รัญธิดาเปิดประตูออฟฟิศออกมา ถือแฟ้มและข้าวของพะรุงพะรัง พูดโทรศัพท์กับแพทไปด้วย
“น้าแพทคะ รัญเสร็จงานแล้ว เดี๋ยวไปเจอน้าแพทที่รถเลยนะคะ รัญไม่อยากให้อะตอมรอนาน”
รัญธิดาวางสายแล้วชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าคือพีท
“คุณพีท”
พีทกับรัญธิดานั่งคุยกันอยู่ในรีสอร์ต ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมเล็กน้อย
“คุณพีทมีธุระอะไรเหรอคะ”
“เรื่องอะตอมน่ะครับคือ...ผมอยากจะมาขอเป็นคนรับผิดชอบดูแลอะตอมแทนนายริศเอง” พีทบอก
“รัญไม่เข้าใจ”
“ไม่ว่ายังไง..นายธาริศก็เป็นน้องชายของผม ผมก็เลยอยากช่วยครอบครัวรัญดูแลแกบ้าง”
“ไม่จำเป็นหรอกคุณ”
เสียงแพทดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวเดินหน้าตาถมึงทึงพุ่งมาหาพีทอย่างเอาเรื่อง ราวกับแม่เสือหวงลูกก็ไม่ปาน
“ลูกฉัน หลานฉัน ฉันเลี้ยงเองได้”
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่คุณก็น่าจะรู้ดีว่าลำพังความรักของคุณอย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้อะตอมเติบโตขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์”
“อ้อ งั้นเงินของพวกคุณคงทำให้อะตอมโตมาเป็นคนเต็มคนมากขึ้นใช่มั้ย” แพทเถียง
“ที่ผมพูดนี่ไม่ได้หมายความแค่เรื่องเงินเท่านั้น ตอนนี้อะตอมก็เป็นเหมือนลูกหลานคนหนึ่งของตระกูลผม ผมก็แค่คิดว่าถ้าเราช่วยกันดูแลแก ก็จะทำให้โลกของแกใหญ่ขึ้น ไม่ใช่มีแค่ผู้หญิงหญิงตัวเล็กๆ เพียงไม่กี่คนที่บ้านคุณเท่านั้น” พีทบอก
“แล้วที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะผู้ชายตัวโตๆ ฉลาด แล้วก็ร่ำรวยอย่างพวกคุณเหรอที่ทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ แล้วทำจนชีวิตหลานฉันจนไม่เหลือชิ้นดี” แพทแดกดัน
พีทฉุนโต้ทันควัน “นี่คุณ...ทำไมคุณถึงไม่พยายามจะเข้าใจบ้างนะ”
ธาริศเดินเข้ามาในจังหวะนี้ พูดเสียงดัง
“เลิกทะเลาะกันเถอะครับ”
ทั้งหมดหันไปมองธาริศ
“ในเมื่อปัญหาทุกอย่างเกิดจากผม ก็ขอให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องของอะตอมเองในฐานะพ่อเถอะครับ”
พอรัญธิดาเห็นธาริศ ความอัดอั้นตันใจก็พุ่งพล่านขึ้นมาทันที
“รัญว่าหน้าที่พ่อของคุณมันจบไปนานแล้วค่ะ คุณธาริศ”
“ก็เพราะอย่างนั้น พี่ถึงพยายามหาทางแก้ไข แล้วก็ชดเชยสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นไง”
รัญธิดายิ้มเยาะอย่างขมขื่น “ชดเชยด้วยวิธีใช้เงินแก้ปัญหาน่ะเหรอคะ”
ธาริศไม่รู้เรื่องที่ทักษอรโผล่มาพร้อมเช็ค จนทำให้รัญธิดาเข้าใจผิด
“รัญพูดอะไร พี่ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นนะ”
แพทขัดขึ้น “พอเถอะค่ะถ้าพวกคุณอยากช่วยจริงๆ ก็แค่หายไปจากชีวิตของพวกเรา ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แค่นั้นพอ”
รัญธิดาเสริม “ได้มั้ยคะ ปล่อยพวกเราเอาไว้ตามลำพังเถอะค่ะ...เพราะเราไม่ต้องการพวกคุณ”
คำพูดของรัญธิดากระแทกเข้าใบหน้าพีทกับธาริศ สองหนุ่มอึ้ง นิ่งงันกันไป
อ่านต่อตอนต่อไป เวลา 17.00 น.
ขณะเดียวกันภายในห้องพักของกันตา แม่นายของชาวพีระแรนโชนอนอย่างอ่อนแรง ท่าทางเบื่อๆ โดยมีพยาบาลพิเศษคอยเฝ้าดูแล พยาบาลปอกผลไม้เสร็จแล้วลุกขึ้นไปล้างมือในห้องน้ำ
กันตาท่าทางเบื่อๆ มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง ทำท่าจะลุกขึ้นยืน ก่อนจะสิ้นแรงล้มฮวบหงายลงบนเตียงพยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นออกมา
“ว้าย คุณคะ”
พยายาลรีบเข้ามาประคองกันตา
“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณจะลุกขึ้นมาทำไมไม่เรียกหนู”
“ชั้นก็แค่...อยากลุกขึ้นยืน...ไม่คิดว่าจะไม่มีแรงขนาดนี้”
“โธ่...หนูบอกแล้วไงคะว่าจะลุกยืนหรือจะนั่งให้บอกหนู หนูจะได้คอยประคอง...นี่ถ้าเมื่อกี้ล้มฟาดไปล่ะก็...แย่เลย”
พยาบาลรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“คุณกันต์อยากได้อะไรคะ ถึงได้ลุกขึ้นยืน...หนูจะไปเอาให้ค่ะ”
กันตาบอกหน้าเศร้า “ชั้นเบื่อห้องสีเหลี่ยมนี่เต็มทนแล้ว...หนูพาชั้นออกไปสูดอากาศข้างนอกห้องได้มั้ย”
พยาบาลอึกอักนิดหน่อย
ขณะเดียวกันมีเสียงเคาะประตูห้องทำงานพีทที่รีสอร์ตเบาๆ ก่อนจะเห็นเฉิดโฉมเดินเข้ามา ขณะพีทก้มหน้าดูแฟ้มประวัติอยู่
“คุณพีท ให้คุณประทินไปตามเฉิดมาทำไมคะ มีอะไรจะเรียกใช้เฉิดรึเปล่า”
“ผมได้พิจารณาผลงานของคุณในปีนี้แล้ว...เฉิดโฉม...คุณหาลูกค้ามาให้รีสอร์ตอย่างต่อเนื่อง...ทำงานได้ดี น่าพอใจ...ผมก็เลย...”
พีทพูดไม่ทันจบเฉิดโฉมโพล่งออกมา “จะพิจารณาโบนัสเพิ่ม!”
พีทยิ้ม “จะว่าอย่างนั้นก็ได้..คุณบ่มมาตลอดเรื่องอยากเจริญก้าวหน้าไม่ใช่เหรอเฉิดโฉม ผมก็เลยอยากให้คุณสมหวังเสียที...ผมคิดว่า...ผมจะให้คุณไปประจำอยู่สำนักงานขายที่กรุงเทพฯ...พอใจมั้ย”
เฉิดโฉมตะลึง “อะไรนะคะ”
พีทบอกต่อ “ค่าใช่จ่ายในการอยู่กรุงเทพฯ มันสูงกว่าที่นี่ ผมก็เลยจะเพิ่มเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงให้คุณด้วย...พรุ่งนี้ประทินคงจะคุยรายละเอียดกับคุณอีกที”
เฉิดโฉมตกใจ “คุณพีท....ทำอย่างนี่กับเฉิดไม่ได้นะคะ”
“ขอตัวก่อนนะครับ...ผมต้องไปหาแม่แล้ว”
พีทเดินออกไป เฉิดโฉมเต้นเร่าๆ แล้วตามไป
พีทเดินออกมาหน้าห้อง เฉิดโฉมวิ่งตามออกมา
“คุณพีทคะ รอเดี๋ยวสิคะ คุณพีท”
พีทไม่สนใจเดินไปเลย เชอรี่ตรงเข้าหาเฉิดโฉม
“เฉิด...เกิดอะไรขึ้น ชั้นได้ยินข่าวว่าเธอได้เลื่อนตำแหน่งเหรอ...”
“เลื่อนบ้าเลื่อนบออะไร...เค้าพยายามกำจัดชั้นต่างหาก...”
เชอรี่ตกใจ “กำจัดเธอ!”
“คุณพีทย้ายชั้นไปประจำที่สำนักงานขายที่...อย่างหวังเลยว่าชั้นจะ ปล่อยมือจากเค้าง่ายๆ...แล้วเราจะได้เห็นกัน!”
เฉิดโฉม มีสีหน้าโกรธแค้นแสนสาหัส
ด้านอะตอมนั่งเล่นหุ่นยนต์ไปมาอยู่บนเตียงในห้องพัก โดยมีทิพปภานอนหลับอยู่ที่โซฟา ขณะที่เตอร์ก็นั่งอ่านแมกกาซีนชาวสีม่วงอยู่ด้วยความเมามัน
“ว้าย อ๊าย นั่นกล้ามแขนหรือเทือกเขาหิมาลัย ทำไมมันใหญ่ขนาดนั้น” เตอร์พลิกมาดูอีกหน้าเห็นชายขนดก “แม่เจ้า.....ขนหน้าอก! รกอย่างกะป่าอะเมซอน เห็นแล้วอยากผจญภัยอ่ะ”
ระหว่างนั้นอะตอมยิ่งเล่นหุ่นต่อสู้ไปมายิ่งเสียงดัง
“อะตอมครับ ลดเสียงซาวน์เอฟเฟคท์หน่อยลูก ป้าทิพหลับพักผ่อนอยู่”
“ขอโทษครับ”
จู่ๆ บุรุษพยาบาลหล่อล่ำก็เปิดประตูห้องเข้ามา
บุรุษพยาบาลพูดโดยไม่ทันมอง “ได้เวลากายภาพแล้วครับคุณยาย...”
พอบุรุษหันมาเห็นว่าใครเป็นใครก็ตกใจ ส่วนเตอร์ก็ถึงกับตะลึงที่ได้เจอหนุ่มหล่อ
“ขอโทษครับ เข้าห้องผิด” บุรุษพยาบาลรีบออกไป
เตอร์หันมาทางอะตอมทันที นัยน์ตาวิบวับ “อะตอมครับ...น้าเตอร์ขอไปกายกรรม...เอ้ย...กายภาพแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวมา”
“ครับ...”
ว่าแล้วเตอร์ก็รีบตามบุรุษพยาบาลออกไปทันที อะตอมมองซ้ายมองขวาท่าทางเบื่อๆ แล้วหันไปหาทิพปภา
“ป้าทิพ...ป้าทิพครับ”
อะตอมลงจากเตียงไปหา
“อะตอมขอออกไปเล่นข้างนอกแป๊บนึงได้มั้ยครับ...ป้าทิพ” อะตอมเขย่าแขนเรียก
“อืม...” ทิพปภางัวเงีย ไม่รู้สึกตัว แล้วพลิกหลับต่อ อะตอมยิ้มแป้น
“ขอบคุณครับ....”
อะตอมวิ่งออกไปนอกห้อง
อะตอมออกจากห้องเดินไปเรื่อยในวอร์ดผู้ป่วย ผ่านตรงไหนก็ช่างบังเอิญไม่มีใครเห็น
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 17 (ต่อ)
ในที่สุดอะตอมวิ่งเข้ามาที่สวนบนดาดฟ้าแล้วชะงัก...ด้วยที่บนนั้นมีพยาบาลซึ่งเข็นรถพากันตาชมบรรยากาศ ดูต้นไม้อยู่ กันตาไอออกมาอย่างแรง
“จะกลับเข้าห้องงหรือยังคะคุณ”
“ขอฉันอยู่ข้างนอกอีกประเดี๋ยวเถอะ”
อะตอมทำหน้าคิดๆ นิดหนึ่ง
ที่ตรงหน้ากันตาอยู่ๆ ก็มีดอกไม้ดอกเล็กๆ ยื่นมา กันตามองอย่างแปลกใจ เห็นอะตอมยืนยิ้มแป้นส่งดอกไม้ให้
“เวลาไม่สบาย ดอกไม้สวยๆ จะช่วยให้เราหายป่วยได้นะครับ”
กันตายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ แม้แต่พยาบาลก็หัวเราะเบาๆ
“ขอบใจมากจ้ะหนู หนูไปเอาดอกไม้มาจากไหนจ๊ะเนี่ย”
อะตอมบอกอายๆ “ตรงนู้นครับ....คุณพยาบาลไม่ว่าผมใช่มั้ยครับ”
วาพลางอะตอมพยายามยิ้มหว่านเสน่ห์ให้พยาบาลเป็นเชิงประจบ เพราะเด็ดดอกไม้ของโรงพยาบาล
“ตายจริง...ลูกใครคะเนี่ยน่ารักจังเลย”
“ตอมชื่อ อะตอมครับ เป็นลูกแม่แพท น้องพี่รัญ หลานป้าทิพ”
พยาบาลขำอีก แต่กันตามองอย่างพิจารณา
“หนูเองน่ะเหรอ...อะตอมลูกของหนูรัญ”
“ไม่ใช่ครับพี่รัญเป็นพี่สาวของตอม” อะตอมบอกเสียงแจ๋ว
กันตามองเด็กน้อยทั่วตัว “แล้วนี่หนูหายดีแล้วหรือครับ”
“หายดีแล้วครับ” อะตอมเบ่งกล้าม “ตอมแข็งแรงมาก....ป้าทิพบอกว่าตอมแข็งแรงยังกับซุปเปอร์แมนเลยครับคุณยาย”
กันตามองอะตอมอย่างเอ็นดู แล้วเอื้อมมือไปลูบผมเบาๆ
“เรียกฉันว่าย่าเถอะจ้ะอะตอม....หลานย่า...”
“ครับคุณย่า”
อะตอมยิ้มหวานให้กันตา
ด้านแพทกับรัญธิดาถือของเปิดประตูเข้ามาในห้อง แพทไม่เห็นอะตอมในห้องก็แปลกใจ รัญธิดารีบไปปลุกแม่
“แม่คะแม่”
ทิพปภางัวเงีย “อ้าว! มากันแล้วเหรอ”
“อะตอมอยู่ไหนเหรอคะพี่ทิพ”
ทิพปภางงๆ มองหา “สงสัยเตอร์พาออกไปมั้ง”
สักครู่เตอร์เดินเลียไอติมโคนในมือเดินเข้ามาในห้องด้วยอาการร่าเริง แพทไม่เห็นอะตอมเข้ามาด้วยก็แปลกใจ
“อะตอมล่ะเตอร์”
เตอร์หน้าตื่น “นั่นสิ....อะตอมหายไปไหน”
ทุกคนต่างตื่นตระหนกตกใจ
ประตูห้องอะตอมเปิดออก ทุกคนแยกย้ายกันตามหา ท่าทางร้อนใจ ทิพปภาพยายามถามจากพยาบาล แต่พยาบาลส่ายหน้า
เตอร์วิ่งลงบันไดหนีไฟ บ่นบ้ากับตัวเอง “มัวแต่ตามผู้ชายจนลืมหลาน โธ่เอ๋ย นังเตอร์เอ๊ย”
ส่วนอีกมุมหนึ่ง แพทหันมาเจอทิพปภากับรัญธิดา
“ว่าไงคะพี่ทิพ”
“ไม่มีใครเห็นอะตอมเลย”
“พยาบาลช่วยหาที่ตามห้องอื่นๆ ก็ไม่มีค่ะ” รัญธิดาบอก
“เดี๋ยวแพทลงไปดูชั้นหนึ่งดีกว่า เผื่อตอมไปเดินเล่น”
“รัญว่าแม่ไปรอที่ห้องดีกว่ามั้ยคะ เผื่ออะตอมกลับมาจะได้มีใครบอกพวกเรา แล้วเดี๋ยวรัญไปดูชั้นอื่นอีกที”
แล้วทั้งหมดก็แยกกันไปอย่างกังวลใจ
ฝ่ายแพทเดินเหลียวซ้ายแลขวาตามทางเดินในสวน ก็เป็นจังหวะที่พีทเดินเลี้ยวมาเจอกันพอดี ทั้งคู่อึ้งๆ กันไปเล็กน้อย พีทเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลจะขึ้นไปเยี่ยมกันตา ถือดอกไม้มาด้วย
“คุณ...” / “คุณ...”
แพทได้สติก่อน “คุณมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่าจะมาวุ่นวายกับอะตอมอีก”
“นี่...คุณลืมไปแล้วเหรอไงว่าแม่ผมก็นอนป่วยอยู่ที่นี่ด้วย”
แพทอึ้งไปนิด เพิ่งคิดได้ว่าจริงด้วย
“คุณนี่หวงลูกจนขึ้นสมองนะ เอ๊ยไม่ใช่ซิ หลานต่างหาก ลูกตัวเองก็ไม่ใช่”
“จะลูกหรือหลาน ก็เหมือนกัน ฉันเลี้ยงของฉันเองได้ ไม่ต้องให้พวกคุณเข้ามามีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูหรอก”
พีทพูดท่าทีอ่อนลง “คุณแพท...ความสัมพันธ์ทางสายเลือดน่ะมันตัดให้ขาดไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”
“อะตอมมีแต่เลือดจากครอบครัวของฉันฝ่ายเดียวเท่านั้น...คนอื่นไม่เกี่ยว”
แพททำท่าจะเดินไป พีทจับแขนไว้
“แล้วเกร็ดเลือดที่อะตอมได้รับจากธาริศไปล่ะ...คุณลืมมันไปแล้วเหรอ ความจำสั้นจริงนะคุณ”
แพทอึ้งมองหน้าพีทเขม็ง สองคนสบตากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ขณะเดียวกันอะตอมมองลงมาจากดาดฟ้า เห็นแพทกับพีทอยู่ข้างล่าง โดยพีทกำลังจับแขนแพท อะตอมตาโต
“แม่แพทมาแล้ว!” พลางหันมาหากันตา “ตอมไปก่อนนะครับคุณย่า...เดี๋ยวโดนดุ”
“เลยจะทิ้งย่าไปเลยเหรอเนี่ย...”
“แล้วเราออกมาเจอกันใหม่นะครับ...”
อะตอมชะโงกหน้ามาหอมแก้มกันตา
“หายเร็วๆ นะครับคุณย่าคนสวย...”
อะตอมวิ่งปร๋อไปเลย กันตามองตามเอ็นดูมากๆ พยาบาลหัวเราะชอบใจ
กันตาเบือนหน้าไปดูข้างล่าง นิ่วหน้าฉงนเมื่อเห็นแพทกับพีทอยู่ด้วยกันในสวนสวยของโรงพยาบาล
เวลานั้นแพทสะบัดแขนพีทออก
“ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้....ปล่อย...” แพทสะบัดออก
“ทำไมคุณถึงได้ดื้อนักนะ คุณแทพ ทั้งดื้อทั้งหัวแข็ง พูดอะไรไม่เคยเชื่อกันบ้างเลย”
“แล้วคุณเป็นใคร ทำไมถึงจะต้องเชื่อคุณ”
“คุณเป็น...” พีทอึกอักนิดหนึ่ง “เป็นลูกน้องของผมไง”
แพทหัวเราะ “นั่นมันก็แค่ในที่ทำงาน แต่เวลานี้ชั้นเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังอะไรคุณ”
แพทออกเดิน พีทไปดักหน้า โมโหมากๆ
“การรับความช่วยเหลือจากครอบครัวของผมนี่มันทำร้ายศักดิ์ศรีของคุณมากนักรึไง”
“ก็ชั้นบอกแล้วไงคะ ว่ามันไม่จำเป็น ชั้นดูแลครอบครัวของชั้นเองได้”
“แต่ผมทนเห็นคุณต้องเหน็ดเหนื่อยแบกภาระต่างๆ เพียงคนเดียวอีกไม่ได้แล้ว...แพท...”
ขาดคำพีทดึงแพทเข้ามากอด
“ขอให้ผมได้แบ่งเบาภาระคุณบ้างเถอะ..สักนิดก็ยังดี...นะครับ”
แพทตัวแข็งทื่อ แล้วผละตัวออก
“เลิกทำอย่างนี้กับชั้นเสียที ที่ผ่านมาพวกคุณยังทำร้ายครอบครัวชั้นไม่พออีกเหรอคะ”
แพทเดินจากไป พีทมองตะลึง
กันตาอยู่บนดาดฟ้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ด้วยความตกตะลึง มองภาพพีทที่คอตกท่าทางเศร้าสร้อยพึมพำเบาๆ
“มันเป็นอย่างนี่เอง...ตาพีท...”
ข้างล่างพีทก้มลงเก็บดอกไม้ที่พื้น แล้วเดินเศร้าๆ ตรงเข้าไปทางตึก
กันตาเข้าใจทุกอย่าง สงสารพีทจับใจ
รัญธิดายังคงวิ่งหน้าตาตื่นมองหาอะตอมไปทั่ว อะตอมโผล่มาจากช่องบันได
“พี่รัญค้าบ...”
รัญธิดาเหลียวขวับมามองอย่างโล่งอก “อะตอม”
รัญธิดาวิ่งเข้าหาอะตอม อะตอมก็วิ่งมาแล้วชะงักทั้งคู่ ตรงกลางธาริศก้าวออกจากมุมตึก
“อะตอม”
อะตอมตาโต ดีใจ
“อาธาริศ!”
อะตอมโผเข้ากอดธาริศ รัญธิดาอึ้งตะลึงกับภาพตรงหน้า ธาริศกอดอะตอมแน่นน้ำตาจะไหล มั่นใจว่าอะตอมเป็นลูกแล้ว
ธาริศกอดแน่น “อะตอม..หายดีแล้วหรือครับเนี่ย”
“หายแล้วครับ ตอมแข็งแรง...แล้วนี่อาธาริศไม่ได้ไป...” อะตอมคิดๆ “อังกฤษเหรอครับ”
ธาริศส่ายหน้า “จะไปได้ยังไง ในเมื่ออะตอมไม่สบายขนาดนี้...อะตอมลูกพ่อ...”
อะตอมทำหน้างงนิดๆ รัญธิดา เข้ามาดึงอะตอมไปทันที
“ไปกันเถอะอะตอม...ป้าทิพกับแม่เค้าเป็นห่วง...รออยู่...”
ธาริศฉุนกึก ลุกขึ้นโวยใส่ “ป้าทิพ...แม่แพท..นี่รัญไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่พูดแบบนั้น”
รัญธิดาชะงักหันขวับ ตวาดใส่ “มันไม่ใช่เรื่องคุณ ไปให้พ้นนะ...อย่าให้ชั้นเห็นหน้าคุณอีก”
รัญธิดาอุ้มอะตอมขึ้น แล้ววิ่งจากไป ด้วยกลัวจะร้องไห้ ธาริศมองตามยังค้างคาใจ
อ่านต่อหน้า 4
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 17 (ต่อ)
ขณะเดียวกันเห็นช่อดอกไม้สวยอยู่ในมือกันตา เป็นดอกไม้ที่พีทเอามาให้
“ขอบใจมากลูกรัก”
พีทก้มลงหอมแก้มกันตาทั้งสองข้าง
“คุณหมอบอกว่า วันนี้แม่ออกไปรับอากาศบริสุทธิ์มาเหรอครับ”
“จ้ะ...แม่ยังได้เจอหนูอะตอมเลย” กันตาหันไปทางพยาบาลส่งดอกไม้ให้ “ช่วยเอาออกไปใส่แจกันมาให้ทีเถอะจ้ะ”
“ค่ะ...”
พยาบาลเอาดอกไม้เดินออกไป
“อะตอมเป็นเด็กน่ารักมาก...คุณแพท เลี้ยงอะตอมดีจริงๆ”
“อะตอมเป็นเด็กที่..ไม่ว่าใครก็อดหลงรักไม่ได้...”
“แล้วตาริศล่ะ..เค้าจะทำยังไงกับหนูอะตอม” กันตาถาม ท่าทีเป็นกังวล
พีทถอนใจ “ผมก็ไม่ทราบ...แต่จะทำอะไรก็คงไม่ถนัดเพราะอรก็คอยจะอาละวาดอยู่”
“แม่เองก็สงสารทุกคนในกรณีนี้...” กันตามองพีทเขม็ง “พีท...ลูกยังรักหนูรัญอยู่รึเปล่าจ๊ะ”
พีทอึกอัก “ผม...เอ่อ...”
“ทำไมพีทถึงคิดจะแต่งงานกับหนูรัญในตอนแรก...”
“ก็...ผม..เค้าเป็นคนดี เรียบร้อย น่าจะถูกใจแม่...”
“นี่น่ะหรือ ความคิดของลูกชายคนเก่งที่แม่แสนจะภูมิใจ...แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคนเพื่อแม่...พีททำได้ยังไงลูก”
“รัญเค้าเป็นคนน่ารักนะครับแม่”
“แต่พีทก็ไม่ได้รักเค้า...ไม่เหมือนที่ลูกรู้สึกกับคุณแพท”
พีทตกใจ “แม่!”
“อย่าตกใจเลย แม่พอจะดูออก...แล้วถ้ารักคุณแพท แล้วพีทไปหมั้นกับรัญทำไมตั้งแต่แรก”
พีทหลบตาแม่ “คุณแพทเค้า...เป็นแม่ม่าย..ลูกติด...ผมคิดว่าแม่คงจะไม่ชอบ”
“ทำไมลูกถึงได้คิดอะไรแบบนั้น คิดว่าแม่จะมีความสุขเหรอถ้าลูกของแม่ไม่มีความสุข...คุณแพทเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ... เป็นเด็กน่ารัก ถ้าลูกชอบเค้าก็คงจะบอกเค้าไปตรงๆ”
“แต่เค้า...คงไม่ได้ชอบผมหรอกครับแม่...เค้าดูจะเกลี่ยดขี้หน้าผมด้วยซ้ำไป”
“อย่างนั้นเหรอ แต่แม่ว่าไม่แน่นะ...โอ๊ย...”
กันตาปวดท้องกะทันหัน ตัวบิดงอด้วยความเจ็บอย่างรุนแรง
“แม่ครับ แม่เป็นอะไร”
“อูย...”
กันตาครางกดมือบนท้อง เจ็บแทบขาดใจ พีทลนลาน กดออดเรียกพยาบาล
“ช่วยด้วยครับ เข้ามาดูแม่ผมด้วย... แม่ครับ แม่....”
กันตาดิ้นไปมาเจ็บปวดแทบขาดใจหน้าซีดเผือด พีทมองอย่างตกใจมาก ประคองแม่เอาไว้ในอ้อมกอด
เวลาต่อมาพีทลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะหมอเจ้าของไข้ ท่าทางกระวนกระวาย
“แม่เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
หมอตัดสินใจพูด “หมอขอพูดตรงๆเลยละกันนะครับ คือ...คุณกันตาท่านคง...เหลืออีกเวลาไม่มากแล้ว”
แม้จะทำใจไว้บ้าง แต่พีทฟังแล้วถึงกับรู้สึกเหมือนหูอื้อไปหมด
“แม่…”
“ค่าเม็ดเลือดขาวก็ต่ำมากจนเป็นห่วง ตอนนี้ไม่เฉพาะแค่ปอด แต่มะเร็งมันกระจายไปทุกส่วนของร่างกายแล้ว”
“งั้นหมอก็รักษาซิ อยากทำอะไรก็รีบทำเลย มียาอะไรที่ดีก็สั่งมาเลย จะแพงแค่ไหนผมก็ยินดีจ่าย...หมอต้องช่วยแม่ผม ให้ได้นะ”
“เวลานี้เราทำได้ก็แค่รักษาตามอาการเท่านั้น ถ้าจะให้หมอแนะ...นำคุณควรใช้เวลาที่เหลือ ทำให้คนไข้มีความสุขที่สุดและมีกำลังใจอาจจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นก็ได้”
พีทฟังแล้วก็คิดหนัก
แพทอยู่ตรงตู้กดกาแฟ กดกาแฟออกมาแล้วจะเดินกลับห้อง มาตามทางเดินเงียบไม่มีคน
จู่ๆ ประตูห้องหนึ่งเปิด พร้อมกับพีทออกมาท่าทางงงๆ เหมือนไม่มีสติ แพทชะงักมอง พีทหยุดยืน แล้วหันหน้าเข้าผนังซบลงอย่างคนใกล้หมดแรง แพทตกใจในท่าทางอันเศร้าโศกนั้น เลยเดินเข้าไปหาช้าๆ
“คุณ”
พีทสะดุ้งหันมา หน้าตามีแต่น้ำตาอาบแก้ม....พีทพอเห็นแพทก็หันหนีพยายามเช็ดน้ำตา
“เกิดอะไรขึ้นคะ...มีใครเป็นอะไรรึเปล่า”
พีทพูดไม่ออก ทำท่าจะเดินหนี แพทดึงแขนไว้
“คุณพีทคะ”
พีทชะงัก แพทเดินมาดักหน้า มองมาด้วยสายตาห่วงใย
“หรือว่า...แม่นาย...แม่นายเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
พีทน้ำตาคลอ อ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“แม่..แม่ของผม...ท่านกำลังจะตาย”
แพทตกตะลึง พีทหันหน้าหนีไปอีกด้าน ร้องไห้เงียบๆ แพทมองสงสารสุดใจ พีททรุดตัวลงนั่งกับพื้น น้ำตาไหลเงียบๆ หมดสิ้นเรี่ยวแรง
แพทลงนั่งข้างๆ กอดปลอบเหมือนเพื่อนที่คอยให้กำลังใจกัน และเห็นใจกันในเวลาอีกฝ่ายมีความทุกข์
นาฬิกาที่ผนังห้องรับแขกในวิลล่า เห็นเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว ทักษอรมองอย่างคั่งแค้นอกจะระเบิดรอมร่อ แล้วกดโทรศัพท์หาธาริศ แต่ไม่มีสัญญาณ ทักษอรโกรธมาก เดินหงุดหงิดงุ่นง่าน กลับไปกลับมา
ส่วนภายในห้องพักอะตอม รัญธิดาอ่านนิทานหน้าสุดท้ายจบ อะตอมหลับปุ๋ย รัญธิดาปิดหนังสือลง
“หลับเรียบร้อย ต่อให้ปลุกก็คงไม่ตื่น”
“เตอร์กับรัญกลับไปเถอะจ๊ะ ดึกแล้ว”
“แม่กลับไปเถอะค่ะ คืนนี้รัญจะอยู่ดูอะตอมเอง”
“แต่พรุ่งนี้หนูจะทำงานไม่ไหวนะลูก”
“ไหวค่ะ...ยังงัยก็ไหว” รัญธิดาบอก
“งั้นก็ดี....อะตอมคงจะดีใจ” ทิพปภาหันมาทางเตอร์ “เอ๊ะนี่ยายแพทหายไปไหน บอกจะไปกินกาแฟเดี๋ยวเดียว”
“ช่างเค้าเถอะค่ะ ยายคนนั้นน่ะลมเพลมพัด....เดี๋ยวเตอร์ไปส่งพี่ทิพเอง”
ทิพปภาหันมามองรัญธิดาที่มองอะตอมอยู่
“ทีนี้รัญคงเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าความรักของแม่มันเป็นยังไง” รัญธิดามองหน้าทิพปภา “คนที่แม่ไม่มีวันที่จะไม่รักลูกหรอกรัญธิดา”
รัญธิดาน้ำตาคลอ
“แม่...”
รัญธิดาโผเข้ากอดแม่ ทิพปภากอดลูกไว้แน่น ความขุ่นข้องต่างๆ ในใจสลายสิ้น แม่ลูกเข้าใจกันดีแล้ว เตอร์มองอย่างปลาบปลื้มน้ำตาคลอไปด้วย
เตอร์กับทิพปภาเดินออกจากลิฟท์มา เห็นแพทนั่งซึมอยู่ตรงเก้าอี้ในล็อบบี้
“ยายแพท มานั่งทำอะไรตรงนี้ยะ นึกว่าหนีกลับไปแล้วซะอีก”
แพทรีบลุกขึ้น
“เปล่า...ลงมานั่งคิดอะไรนิดหน่อย...จะกลับกันแล้วใช่มั้ย”
“คืนนี้ยายรัญจะนอนเฝ้าอะตอม พรุ่งนี้ชั้นจะมาผลัดเวรแต่เช้า....เรารีบกลับกันเถอะ”
แพทพยักหน้า ทั้งหมดออกเดินไป ส่วนที่ด้านหลังธาริศโผล่ออกมาเหมือนแอบฟังอยู่แล้ว
กลางดึกในห้องพัก อะตอมหลับสนิท รัญธิดานั่งข้างๆ เตียงลูบผมอะตอม นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าท้องอะตอม ตามด้วยตอนที่แพทบอกว่าจะเลี้ยงลูกให้เอง
ภาพเหล่านั้นเลือนหาย รัญธิดาถอนใจยาว
“แม่ขอโทษนะอะตอม...แม่ขอโทษ”
เสียงเคาะประตูดังเบาๆ รัญธิดาหันไปมองอย่างแปลกใจ ลุกจะไปเปิดแต่ไม่ทัน ธาริศเปิดเข้ามาเองรัญธิดาตกใจ
“พี่ธาริศ! พี่มาอีกทำไม”
“พี่อยากจะพูดกับรัญให้รู้เรื่อง”
“ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีกแล้ว พี่กลับไปเถอะ”
“รัญอาจจะจบเรื่องของเราได้...แต่เรื่องระหว่างพี่กับอะตอมมันไม่มีวันจบ...พี่เป็นพ่อของเค้าน่ะรัญ รัญควรจะให้โอกาสพี่ดูแลแกบ้าง”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ที่ผ่านมาพี่ก็ช่วยชีวิตเราไว้แล้ว...รัญขอบพระคุณพี่มาก แต่เราไม่ต้องการอะไรจากพี่อีก”
ธาริศจับแขนรัญธิดาไว้ พูดตัดพ้อ
“ทำไมรัญถึงใจร้ายนัก...รัญพรากลูกไปจากพี่ 5 ปีเต็ม...แล้วพอตอนนี้เมื่อพี่มีโอกาสจะชดเชยเวลาที่ผ่านมา รัญยังจะกรีดกันไม่หันพี่ทำหน้าที่พ่อของอะตอมอีกวันเหรอ”
เสียงขุ่นเคืองคั่งแค้นผสมแดกดันของทักษอรดังเข้ามา
“ช่างเป็นคุณพ่อดีเด่นเหลือเกินนะคะพี่ริศ”
รัญธิดากับธาริศหันขวับ ทักษอรยืนอยู่ตรงประตูหน้าตาโกรธจัด
“อร!!!”
“ถ้าอยากเป็นคนดีขนาดนั้น ทำไมไม่เริ่มจากการดูแลลูกเมียที่บ้านก่อนล่ะคะ...ลูกในท้องอรเนี่ยพี่ริศเคยเอาใจใส่บ้างมั้ย”
“จะลูกคนไหนพี่ก็ดูแลทั้งนั้น เพราะเค้าเป็นลูกของพี่”
“เหรอคะ แล้วทำไมไม่ว่าจะเวลาไหนพี่ริศถึงได้เอาแต่วิ่งแร่มาหาลูกหาเมียเก่าแบบนี้ แล้วอรกับลูกเนี่ยเคยสนใจบ้างมั้ย”
“ขอโทษนะคะ คุณช่วยไปทะเลาะกันที่บ้านเถอะค่ะ ก่อนที่ลูกของชั้นจะตื่น”
“ลูกของเธองั้นเหรอ...เธอเป็นห่วงว่าลูกของเธอจะตื่น แล้วเคยสนใจลูกของชั้นบ้างมั้ยว่าจะเป็นยังไง...มันจะเกิดมามีพ่อหรือป่าวก็ไม่รู้”
“ไปกันใหญ่แล้วอร...กลับกันเถอะ”
“อรไม่กลับ ยังงัยวันนี้เราก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่องว่าพี่ริศจะเลือกใครระหว่างอรกับลูกในท้องหรือว่านังแพศยานี่”
“พอได้แล้วอร”
“เชิญออกไปได้แล้วค่ะ ก่อนที่ชั้นจะเรียก รปภ. มาพาคุณออกไป”
“นี่เธอกล้าไล่ชั้นเหรอ” ทักษอรปรี่เข้าไปหารัญธิดาเงื้อมือจะตบ
“อย่านะอร”
ธาริศเข้าไปขวางจับข้อมือทักษอรไว้ ถูกทักษอรสะบัด อะตอมลืมตาขึ้นเพราะเสียงดัง อาการงัยเงียและงงๆ...ธาริศกับทักษอรยื้อกันอยู่สักพักจนในที่สุดทักษอรสะบัดหลุดตะโกนเสียงดัง
“พี่ริศรักมันมากนักเหรอถึงได้ทำแบบนี้”
“พี่รัญ...พี่รัญครับ”
รัญธิดารีบเดินไปกอดอะตอมไว้
“กลับกันก่อนเถอะอร เดี๋ยวอะตอมตกใจ”
“กลัวลูกนังนั่นจะตกใจ แล้วลูกของอรล่ะเคยสนใจมั้ย...ถ้าเป็นอย่างนี้ละก็อย่ามีเลย...นี่แนะๆ”
ทักษอรเอามือทุบๆ ท้องตัวเอง รัญธิดากับธาริศช็อก คาดไม่ถึง ธาริศวิ่งไปจับมือทักษอรไว้
“อย่านะอร...อย่า”
“อรจะอยู่ไปทำไม ถ้าพี่ริศไม่รักอร....ปล่อย...”
พยาบาลวิ่งเข้ามาเจอเห็นภาพตรงหน้าก็เข้าไปดึงทักษอรไว้ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย
ทักษอรเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายผสมโวยวายอยู่อย่างนั้น
อ่านต่อตอนที่ 18