xs
xsm
sm
md
lg

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 25

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 25

เมธาวลัยนั่งซึมอยู่ ตัดสินใจลุกขึ้น ในใจยังไม่ได้ข้อสรุป ว่าจะเอาไงกันแน่ ภัทรวลัยวิ่งหน้าเครียดเข้ามา

"ผัวฉันตามแฟนแก คุณวายุบุตรกับนังลินีไปดูเขาแข่งว่าวนานาชาติ"
"หือ แข่งว่าวนานาชาติ ที่ไหน"
"ที่หาดป่าตอง"
"ตอนนี้เนี่ยนะ เฮ้ย…ได้ไง ไม่มีเหตุผล เพื่อ?"
"ใช่ไง เพื่อ? แต่พนักงานที่มาบอกฉันก็ยืนยันนั่งยันนอนยันว่าพวกนั้นไปด้วยกันจริงๆ"
เธอแปลกใจไม่อยากจะเชื่อ ส่วนภัทรวลัยนั้แม้จะไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่ไม่รู้จะทำไง
"แกเชื่อเหรอ"
"ไม่เชื่อ! แต่...ก็คงต้องเชื่อ แต่ลึกๆ ฉันไม่เชื่อนะ โอ๊ย! สับสน"
"วลัย! อย่าคิดแบบนี้ แม่เป็นยังไงลูกจะออกมาเป็นอย่างนั้น แกสับสน ลูกแกก็จะสับสนด้วย แบบว่าเกิดเป็นชายแต่เเปลี่ยนใจเลือกเพศใหม่อีกที ตอนป.6 ไรเงี้ย"
"อ๊าย!"
"อย่าเหวี่ยง! เดี๋ยวลูกเกิดมาขี้โมโห"
ภัทรวลัยยิ้มกว้างใจเย็นมาก
"แล้วฉันควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร"
"เชื่ออย่างที่เค้าบอก อย่างน้อยก็เบาใจว่าผัวแกเพื่อนเราไม่ได้หายตัวไปเฉยๆและเป็นอันตราย หายใจช้าๆ"
"โอเค! หายใจช้าๆ ไม่ตื่นเต้น ไม่เหวี่ยง ไม่สับสน"
เมธาวลัยปลอบใจเพื่อน

ปินัทธาและเมอร์ดี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เธอดูมีความกังวล ใจไม่เป็นสุข เมอร์ดี้ก็ไม่ต่างกัน ยังคิดถึงคำพูดของโตโต้
"โอเคเลิศศ....ไปค่ะ เซ็ตพร้อมแล้ว" เจ๊ฟูบอก
เจ๊ฟูเดินนำไป เมอร์ดี้เดินตามเจ๊ฟูไป น้ำผึ้งถอนหายใจ ไปก็ไป แต่เริ่มจะทนไม่ไหวเข้าไปทุกทีๆ

มุมถ่ายแบบ ชาโนกำลังเตรียมเซ็ตกับทีมงาน หยาดทิพย์จ้องไม่วางตา เขาทนไม่ไหว เข้ามาถาม "ถ้าตอบคำถามแล้วจะเลิกจ้องใช่มั้ย"
"เออ! แกจีบฉันจริงๆใช่ป่ะ"
"แต่ก็ไม่ได้ฟันธงว่าจะตอบ"
"ไอ้โน! แมนป่ะเนี่ย กล้าๆหน่อยสิ ฉันยังกล้ากว่าแกเลย ทั้งๆที่ฉันเป็นผู้หญิง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมแกถึงจีบใครไม่เคยติด ทั้งน้องเต้ยพีอาร์ น้องไก่เออี"
"มารู้ได้ไง ว่าฉันจีบใครบ้าง"
"มีแต่แกคนเดียวแหละที่ไม่รู้ว่าคนอื่นเค้ารู้กันทั้งออฟฟิศ"
ชาโนอึ้ง
"และถ้าแกยังไม่กล้า แม้แต่จะพูดในสิ่งที่คนอื่นรู้กันหมดแล้วก็จงกินแห้วต่อไปจนแก่ตายเถอะ! เลิกคิดจีบฉันได้แล้ว เสียเวลา เพราะฉันไม่มีทางรับผู้ชายขี้ขลาดมาพิจารณา"
หยาดทิพย์เดินสะบัดออกไป
"ฉัน..."
ชาโนกำลังจะพูด แต่เสียงมือถือของหยาดทิพย์ดังขึ้น ขัดจังหวะ
หยาดทิพย์แปลกใจ
"น้องไก่...โทร.มาทำไม"
หยาดทิพย์รับสาย เดินออกไป ชาโนเซ็งตัวเอง ดรณ์วิ่งเข้ามา
"ชาโน เห็นพี่เมเปิ้ลมั้ย โทร.เข้าเครื่อง ก็ไม่รับสายเลย"
ชาโนหงุดหงิด ไม่ตอบ เดินหนีไป
"อะไรของมัน"
ดรณ์เดินหาเมเปิ้ลออกไป

สองนางแบบเดินตามเจ๊ฟูมา ในที่สุด ปินัทธาก็สิ้นความอดทน
"เจ๊ฟู!"
"ค่ะ?"
"ขอโทษนะ อย่าโกรธกันนะ แต่ฉัน....ไม่ยุ่งไม่สนไม่ได้ มันเป็นเรื่องมนุษยธรรม ที่อยู่เหนือความขัดแย้งระหว่างฉันกับคุณพีศ"
เจ๊ฟูอึ้ง ก่อนจะพยักหน้า เมอร์ดี้แปลกใจ เกิดอะไรขึ้น
"กำลังจะบอกเลยค่ะ ว่าเราควรจะไปช่วยคุณพีศก่อนมั้ย"
"ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ ฝากบอกเมเปิ้ลด้วยนะ ถ้างานไม่เสร็จฉันจะชดเชยเวลาให้"
"ชดเชยเวลา! เวลาอะไร แล้วหนูเกี่ยวด้วยมั้ย บอกเลยนะว่าไม่มีเวลาชดเชยให้แล้ว ให้แค่ไหนคือแค่นั้น"
เธอหมั่นไส้เมอร์ดี้เต็มทน เอาทิชชู่ที่หยิบติดมือมาซับเหงื่อ ยัดปากเมอร์ดี้เลย
"ว่าจะไม่ยุ่งอะไรกับหล่อนแล้วนะ เอาทิชชู่อุดปากไว้ก่อนนะ ก่อนที่ความคิดเน่าๆมันจะไหลออกมาอีก"
เธอวิ่งออกไปทันที เมอร์ดี้ถุยทิชชู่ออกมา
"อ๊าย! เจ๊ฟูดูนะ ดูที่มันทำกับหนู หนูผิดอะไร แล้วผู้จัดการอยู่ไหนเนี่ย ทำไมไม่มาดูแล เรื่องป่วนไปหมดแล้วเนี่ย เพราะนังดาราวัยทอง คนนั้นคนเดียว อ๊าย!"
เจ๊ฟูรำคาญ
"โอย!"
เมอร์ดี้ตกใจ
"ผิดที่เอาแต่อารมณ์ ไม่ฟังไงคะ ถ้าใช้สมองให้มากกว่าปาก ก็จะไม่โดนแบบนี้หรอก คุณน้ำผึ้งไปช่วยตามหาลูกสาวคุณพีศทรรตที่หายตัวไปเมื่อเช้า และเจ๊ก็กำลังจะให้ทีมงาน ออกไปช่วยด้วยเหมือนกัน...โอเคป่ะ!"
เมอร์ดี้อึ้ง ตกใจ
"ไม่โอเคก็ต้องโอเค ถ้าอยากถ่ายก็เอากล้องไปถ่ายเอง"
เจ๊ฟูออกไป เมอร์ดี้ยืนหงุดหงิด โกรธ อารมณ์เสียไปหมด

ภัทรวลัยที่ใจเย็นลงแล้ว
"โอเคแล้วนะ" เมธาวลัยว่า
ภัทรวลัยร้องไห้เลย
"ไม่โอเค มันไม่สมเหตุสมผล มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง"
"เฮ้อ!"
หยาดทิพย์วิ่งเข้ามาร้อนใจ
"บ.ก.คะ เออีโทรมาบอกว่าสปอนเซอร์หลักยกเลิก"
"หา! ทำไม"
"พอรู้ว่าคุณน้ำผึ้งจะขึ้นปก ถอนเลยค่ะ"
"อ๊าย!"
"ใจเย็นๆแก หายใจช้าๆ อย่าเหวี่ยง อย่าสับสน"
"ไม่เหวี่ยงได้ไง แล้วจะหาสปอนเซอร์ที่ไหนมาเสียบ รายได้ไม่เข้าตามเป้า บอสเล่นฉันตายแน่"
ภัทรวลัย หยาดทิพย์ต่างอึ้ง
"ฉันจะกลับไปเคลียร์...แต่ งานทางนี้ก็..."
เจ๊ฟูเข้ามารายงาน
"บ.ก.ขา ขอเบรกกองแป๊บนะคะ"
"ทำไม!"
"คุณน้ำผึ้งไปช่วยตามหาลูกสาวคุณพีศทรรตค่ะ หายตัวไป ยังหากันไม่เจอ"
"อะไรนะ"
"ใช่ !ฉันลืมบอกแกเรื่องนี้"
"ทำไมไม่บอก ! นี่มันเรื่องสำคัญ ฉันจะไปช่วยตามหาด้วย"
"แล้วเรื่องสปอนเซอร์ล่ะคะ จะแก้ปัญหายังไงดี เดี๋ยวไม่ทันปิดเล่มนะคะ"

เธอประสาทตึงเครียดเต็มที่ ว้ากทันทีเลย

เธอประสาทตึงเครียดเต็มที่ ว้ากทันทีเลย

"โอ๊ย!"
ทุกคนเงียบ! เธอหายใจยาว เพื่อตั้งสติ
"ฉัน...ควรจะหายใจยาว"
ทุกคนบอก "ถูก"
" ฉันต้องตั้งสติก่อน....สติมา ปัญญาเกิด"
"ถูก!"
"ไทเกอร์อยู่ไหน"
"เจรจาต่อรองขอทำสกู๊ปเปิดบ้านมรดกโลกอยู่ค่ะ" หยาดทิพย์บอก
เสียงมือถือเธอดังขึ้น เห็นเบอร์หน้าจอ..”ไทเกอร์” เธอรีบรับ
"ว่าไง...เจ้าของยอมเปิดบ้านทำสกู๊ปแล้วเหรอ"
"ว้าย! เก่งอ่ะ ยังไม่เคยมีหนังสือหัวไหนทำสำเร็จเลยนะ" หยาดทิพย์บอก
"มันมีอาชีพเสริม เปิดแผงขายสะตรอเบอรี่" เจ๊ฟูว่า
เธอคิดหาทางออกขึ้นมาได้ทันที

เธอคุยมือถือ เร่งฝีเท้ามา คนอื่นๆ เร่งฝีเท้าตาม
"แกไม่ต้องมาร้องโหย กลับกรุงเทพไปคุยกับสปอนเซอร์หลักที่เพิ่งถอนไปให้เค้าเปลี่ยนใจให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ลิ้นของแกกี่แฉกๆก็ตาม งานนี้จะเป็นตัวชี้วัด ถ้าทำไม่ได้ ไม่ใช่แค่ฉันที่อาจถูกบอสไล่ออก พวกแกก็จะซวยกันยกชุด!"
หยาดทิพย์ เจ๊ฟูสยองกันขึ้นมาทันที หน้าเสีย เธอวางสาย
"ช่วยกันตามหาตัวลูกสาวคุณพีศ เร็ว"
"ไปบอกพวกที่เซ็ต เร็ว!" เจ๊ฟูบอก
เจ๊ฟู หยาดทิพย์วิ่งออกไปทางหนึ่ง เมธาวลัย กับภัทรวลัยเดินไปอีกทาง อย่างร้อนใจ

พีศทรรตเดินเข้ามาอย่างอ่อนแรง สิ้นหวัง ธัญรดาวิ่งมาหา
"เป็นไงบ้าง"
"ยังไม่เจอเลย พีศ ฉัน...ฉันใจคอไม่ดีเลย แจ้งตำรวจเลยได้มั้ย แจ้งตอนนี้เลย"
"ช่วยกันตามหาอีกรอบให้แน่ใจว่าไม่อยู่ที่รีสอร์ต แล้วเราจะไปแจ้งความกันทันที"
"ฉันกลัว"
ธัญรดาร้องไห้ พีศทรรตเห็นใจ เข้าไปกอดปลอบไว้
"ใจเย็นๆ ตั้งสติก่อน ค่อยๆคิด ว่าลูกไปที่ไหน"
น้ำผึ้งเดินมาจากมุมหนึ่ง เห็นพีศทรรตกอดปลอบใจธัญรดาอยู่ อึ้งชะงัก ยืนดูเงียบๆ
"เป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษนะคะพีศ ฉันผิดเองทั้งหมด ฉันพาลูกมาที่นี่ ใช้ลูกเป็นเครื่องมือแก้แค้นคุณ ฉันมันเลว ฉันขอโทษ"
พีศทรรตอึ้ง
"ฉันทนไม่ได้ที่เห็นคุณมีความสุข เพราะฉันเจ็บ ฉันก็อยากเห็นคุณเจ็บ ฉันมันเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง จนลืมความรู้สึกของลูก แต้วพูดถูก แม่ดีๆที่ไหนกันทำอย่างที่ฉันทำ ฉันไม่สมควรจะเป็นแม่คนเลย"
"ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอกนะ รดา....อย่าโทษตัวเองคนเดียวเลย ผมก็ผิดที่ไม่เคยพูดจาดีๆกับคุณ ใช้แต่อารมณ์ เราสองคนมีส่วนที่ทำให้ลูกต้องหนีไป"
ธัญรดายิ่งร้องไห้หนัก เขากอดปลอบเอาไว้ ทั้งสองคนต่างเสียใจและใจเสีย ปินัทธารู้สึกว่า ตอนนี้ทั้งคู่กำลังจะเข้าใจกันแล้ว เพื่อนสองคนยืนดูอยู่ข้างหลังเธอ เห็นใจและค่อยๆเดินเข้ามา
"แก"
"แกได้ยินแล้วใช่มั้ย"
เพื่อนทั้งสองพยักหน้า
"เค้าสองคนคงจะเข้าใจกันได้แล้วสินะ คนที่มาทีหลังอย่างฉันก็ควรจะถอดใจ และถอยออกมาอย่างจริงจัง ไม่สิ...ยังถอยไม่ได้ ฉันต้องช่วยพวกเค้าตามหาลูกให้เจอก่อน เป็นสิ่งดีๆเพียงสิ่งเดียวและ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำให้คนที่ฉันรัก"
เธอปาดน้ำตา เดินออกไปทันที ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน พูดอะไรไม่ออก ตามเพื่อนไป

มุมหนึ่งรีสอร์ต
"คนช่วยกันตามหาทั่วทั้งรีสอร์ต ให้คนงานบนเกาะช่วยออกตามหากันทั่วแล้ว แต่ยังไม่เห็นเลย"
"หรือว่าว่ายน้ำหนีไปแล้ว" ภัทรวลัยว่า
เพื่อนทั้งสองโพล่ง "ไอ้วลัย"
"เอ๊า ก็บนเกาะไม่มี เหลือแต่ในทะเลเท่านั้นแหละ"
"ในทะเลก็ไม่มี"
"หรือว่าอยู่ใต้ทะเล"
"ไอ้วลัย"
"ปากเสีย" ปินัทธาบอก
แต้วหน้าเสียเข้ามา
"พวกคุณเจอน้องญาดาหรือยังคะ"
ทุกคนส่ายหน้า
"โธ่เอ้ย!!!น้องญาดา หาจนทั่วแล้วนะ ทั้งบนบก ในน้ำเหลือแค่ในอากาศที่พี่แต้วยังไม่ได้บินไปตามหา"
"แต้ว"
"คะ?"
"ชอบเล่นซ่อนแอบป่ะ"
ทุกคนงง
"จู่ๆก็มาชวนน้องเค้าเล่นซ่อนแอบตอนนี้เนี่ยนะ เป็นห่วงลูกคุณพีศทรรตจนสมองเสียหรือไง"
"ไม่ได้ชวน แต่จะถามว่าแต้วกับญาดาชอบเล่นซ่อนแอบกันมั้ย"
ทุกคนบอก "แล้วไป"
"ว่าไง!"
"ไม่เคยเล่นค่ะ คุณท่านไม่ชอบให้เล่น กลัวว่าแอบไปแอบมาแล้วจะหากันไม่เจอ กลัวหลานถูกขังลืมค่ะ"
"โอย!"
แต้วนึกขึ้นได้
"แต่เวลาที่น้องญาดาเสียใจที่เห็นคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกัน แกชอบไปแอบค่ะ"
"แอบที่ไหน"

ในห้องพักธัญรดา ปินัทธาเปิดตู้เสื้อผ้าออก เห็นญาดานั่งฟุบอยู่ข้างใน ทุกคนดีใจ
"น้องญาดา"
ญาดาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาแดงช้ำ ยังสะอื้นไห้อยู่ เธอโผเข้าไปอุ้มญาดาออกมาจากตู้เสื้อผ้า กอดญาดาเอาไว้
"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะลูก ทำไม"
พีศทรรต ธัญรดาเข้ามาในห้อง ได้ยินญาดาตอบน้ำผึ้งพอดี
"ไม่อยากได้ยินคุณแม่ว่าคุณพ่อ ไม่อยากเห็นคุณพ่อทะเลาะกับคุณแม่"
พีศทรรตและธัญรดาได้ยินแล้ว ต่างสะเทือนใจมาก
"ไม่อยากให้ใครเห็นหนู หนูอยากหายไปจากโลกนี้ จะได้ไม่ต้องได้ยินอะไรอีก"
ทั้งพ่อและแม่เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง ทุกคนสงสารญาดามาก ปินัทธาถึงกับน้ำตาซึม หันไปมองพีศทรรตกับธัญรดาด้วยความโกรธ
"เคยฟังเสียงของลูกบ้างมั้ย หรือสักแค่เพียงแต่ได้ยิน เคยหันมามองมั้ยว่าแกคิดอะไรอยู่"
ทุกคนตกใจที่เห็นเธอของขึ้น
"คงไม่เคย เพราะดูจากที่เห็น ลูกคุณไม่เคยคิดจะวิ่งไปหาพ่อหาแม่เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ กลับวิ่งเข้าตู้เสื้อผ้า หรือจะให้ลูกมันเรียกตู้ว่าพ่อกับแม่แทน! ลูกมีหัวใจมีความรู้สึก เพราะเค้าเป็นคน มีเลือดมีเนื้อที่เกิดจากส่วนหนึ่งของพวกคุณ ช่วยกันทำออกมาแล้ว ก็ควรจะช่วยกันดูแลเอาใจใส่ เพราะมันเป็นความรับผิดชอบ ได้ยินมั้ยมันคือความรับผิดชอบ! ไม่ใช่รอให้ลูกเป็นอะไรไปซะก่อนถึงจะมาสำนึกกัน"
ญาดาร้องไห้โฮ
"ญาดา"
ธัญรดาโผเข้ามาหาญาดา น้ำผึ้งส่งญาดาคืนให้ธัญรดาทันที แล้วรีบเดินออกไป พีศทรรตได้สติรีบเข้าไปหาญาดาด้วยทันที แต้วตามไปดูอยู่ห่างๆ ส่วนเมธาวลัยกับภัทรวลัยยังอึ้งอยู่
"เมเปิ้ล วลัย ไปเถอะ ให้พ่อแม่ลูกเค้าได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที"

เธอหันไปมองภาพบาดตาอีกครั้งด้วยความสะเทือนใจ แล้วค่อยๆหันเดินออกไป น้ำตาเอ่อ
 
อ่านต่อหน้า 2

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 25 (ต่อ)

เธอเดินหนีมาหยุด พยายามจะไม่ร้องไห้ เพื่อนทั้งสองเดินตามมาด้วยความป็นห่วง

"น้ำผึ้ง"
"เพราะตอนฉันยังเด็กๆ พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยแบบนี้แหละ ฉันถึงต้องมีที่ซ่อนประจำเอาไว้ เป็นหลุมหลบภัย ญาดาเอง ก็ไม่ต่างไปจากฉัน"
"แกไหวมั้ย" เมธาวลัยถาม
เธอหันไปยิ้มกับเพื่อน พูดเป็นเรื่องขำทั้งที่เศร้ามาก
"ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันทำใจมาในระดับหนึ่งแล้ว ว่าวันนี้มันต้องเกิดขึ้น พ่อแม่ลูก ครอบครัว
สายสัมพันธ์ที่ตัดขาดกันได้ยาก"
"แต่...คุณพีศกับเมียเก่าเค้าอาจจะไม่ได้กลับมาคืนดีกันอย่างที่แกคิดก็ได้นะ"
"ตอนนี้อาจจะยัง...แต่มันก็ควรจะไม่ใช่เหรอ แกเห็นมั้ย ว่าเอาเข้าจริงแล้ว แม่เค้าก็รักลูกของเค้าซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพีศต้องการมาตลอด และมันก็เกิดขึ้นแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานก็คงจะต่อกันติดได้เหมือนเดิม มีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ อะไรๆมันก็ไม่ยากหรอก"
เพื่อนทั้งสองอึ้ง ภัทรวลัยจะพูดอีก แต่เมธาวลัยรีบห้ามเอาไว้
"นี่ล่ะมั้ง คือเหตุผลที่ทำให้ฉันลืมที่จะรักใครสักคนหลังจากที่อกหักจากแฟนหน้าปลวก เพราะฉันกลัวเจ็บ เจ็บอย่างที่เจ็บอยู่ในตอนนี้"
เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เพื่อนทั้งสองเข้าไปกอดปลอบใจ น้ำผึ้งยิ่งร้องไห้ออกมา
"แล้วเวลาที่ฉันเจ็บ ฉันก็จะร้องไห้ แล้วเวลาที่ฉันร้องไห้ มาสคาร่าเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าฉันมันก็จะเลอะเทอะ ทำให้ฉันไม่สวย"
"อกหักไม่ว่า แต่ขอหน้าเด้งใช่มั้ย" ภัทรวลัยถาม
"ใช่"
สามสาวหลุดยิ้มให้กัน
เมธาวลัยดันตัวเพื่อนออกมา
"ใครบอกว่าแกไม่สวย"
"ฉัน" ภัทรวลัยบอก
"ตอนนี้แหละ คือตอนที่ผู้หญิงสวยที่สุด"
"ไม่ต้องมาอวย ปลอบใจฉัน โอเค ฉันเลิกร้องไห้แล้ว ทำงานต่อล่ะ ต้องไปซ่อมหน้าแล้วสิเนี่ย"
"ไม่ต้องซ่อม"
ภัทรวลัย ปินัทธาร้อง "เหย"

ช้างส่องกล้องส่องทางไกลไปที่ท่าเรือ เห็นวายุบุตรเดินมา กฤษฎากำลังผูกเรือ ช้างลดกล้องส่องทางไกล หน้าเครียดทันที พิภพก้าวเข้ามา
"มีอะไร"
"มันมีคนขับเรือมาด้วย ไม่ได้มาคนเดียว"
พิภพหยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องดูเองทันที ก่อนจะลดกล้องลง
"มันคือเจ้าของรีสอร์ตเกาะตะวัน"
"เอาไงดีเสี่ย ยิงมันทิ้งซะตอนนี้เลยมั้ย"
"เฮ้ย...เดี๋ยวมันจะรู้ตัว ต้องให้มันอุ่นใจก่อนว่ามีคนขับเรือพานังผู้หญิงกลับ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะไม่ยอมขึ้นมาบนเรือ"
แต่ช้างก็ดูไม่สบายใจอยู่ดี
"ไม่ต้องกังวลน่า แกมองไปรอบๆสิ คนของเรามีกี่คน มันแค่สองคน เอาไม่อยู่หรือไง"
ช้างมองไปรอบๆ เห็นลูกน้องชายฉกรรจ์ 3 คนที่มีอาวุธครบมือ
"หรือพอไม่มีไอ้มาร์ก แกก็ทำอะไรไม่ได้! เพิ่งจะเผยความกระจอกออกมาหรือไง ไอ้ช้าง"
"ไม่ครับเสี่ย"
ช้างก้มหน้ารับคำสั่ง พิภพเดินกลับเข้าไปด้วยความฉุน ช้างมองตาม สายตาไม่ไว้วางใจสถานการณ์

ในขณะที่วายุบุตรกับกฤษฎายืนบนท่าเรือเรียบร้อยแล้ว
"เสี่ยบอกให้แกมาคนเดียว ไม่กลัวไอ้นี่จะถูกยิงทิ้งหรือไง" ช้างบอก
"ฉันไม่รู้ทิศรู้ทาง ขับมาคนเดียว หาไม่มีทางเจอ"
"แกไปคนเดียว ส่วนไอ้ตี๋รออยู่ที่นี่"
ช้างเอาปืนขู่ทั้งคู่ไว้ กฤษฎายกมือชูเหนือหัว วายุบุตรถูกช้างและชายฉกรรจ์ตรวจเช็คอาวุธ พบว่าไม่มี ชายฉกรรจ์ขู่ไว้ด้วยปืน
ในขณะที่กฤษฎากวาดสายตาสังเกตโดยรอบเพื่อเช็คทางหนีทีไล่ ชายฉกรรจ์1 ตรวจสอบตัวกฤษฎาเพื่อเช็คอาวุธ แต่ไม่มี ก่อนส่งสัญญาณให้ช้างว่า กฤษฎาไม่มีอาวุธ ช้างคุมวายุบุตรออกไป ชายฉกรรจ์1 คุมกฤษฎาเอาไว้ ขู่ด้วยปืน
บริเวณผ้าใบข้างหลังเรือ สารวัตรค่อยๆเปิดผ้าใบขึ้นเล็กน้อย เพื่อสังเกตสถานการณ์ข้างนอก เป้นอนนิ่ง กระชับปืนในมือเอาไว้
ผ้าใบถูกปิดลง ในขณะเดียวกันกับที่ชาย1 เหลียวกลับมองที่เรือ กฤษฎายืนตัวเกร็ง หายใจไม่ทั่วท้อง

วายุบุตรถูกช้างและชาย 3 คุมตัวเข้ามา พิภพนั่งอยู่กับณัฎฐาลินีและสิริมา ดื่มเครื่องดื่มชิลๆอยู่
สาวทั้งสองเห็นวายุบุตรแล้วตื่นเต้น ดีใจ แต่สายตาวายุบุตรจับจ้องอยู่แต่กับณัฎฐาลินีเพียงคนเดียว สิริมาเจ็บแปลบหัวใจ
"คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว คุณวายุบุตร ขอต้อนรับสู่ โลกของผม"
วายุบุตรหันมองผู้หญิงที่ถูกจับ
"สนใจสินค้าของผมเหรอ แต่เสียใจนะ พวกนั้นเป็นออร์เดอร์ล็อตสุดท้ายที่กำลังจะถูกพาไปส่ง...พร้อมสองคนนี้"
"แต่ผมมาแล้ว ปล่อยตัวลินีกับสิริมาได้แล้ว ตามสัญญา"
"มันไม่มีทางปล่อยเรา มาทำไมเนี่ย สติดีหรือเปล่า ไปเชื่อมันทำไม อยากตายนักหรือไง" ณัฎฐาลินีบอก
"ผมยอมตาย ถ้าจะทำให้คุณปลอดภัย"
ทุกคนอึ้ง พิภพหัวเราะเย้ยหยัน
"ฮ่ะๆๆ เห็นมั้ยสิริมา ว่าไอ้วายุบุตรมันรักผู้หญิงคนนี้แค่ไหน"
สิริมานั่งนิ่ง ไม่โต้ตอบ มองวายุบุตรด้วยสายตาปวดร้าว
"เห็นมั้ย วายุบุตร ว่าสิริมาเจ็บปวดมากแค่ไหน เวลาที่ผู้หญิงเจ็บ ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะ รู้มั้ยว่าเค้าแอบมาคุยกับฉัน เพื่อให้ฉันทำลายผู้หญิงที่แกรัก แลกกับข่าวความเคลื่อนไหวของแกที่จ้องจะเปิดโปงฉัน"
สิริมาอึ้ง....วายุบุตร และณัฎฐาลินีหันมองสิริมาด้วยสายตาโกรธขึ้ง
"ฉันขอโทษ"
"แล้วไม่คิดจะขอโทษฉันบ้างหรือไง" ณัฎฐาลินีว่า
"เพราะฉันเกลียดเธอ! และถ้าเธอจะถูกมันทำลายได้ ต่อให้ฉันตาย ฉันก็ไม่เสียใจ"
พิภพเดินไปหัวเราะใส่วายุบุตร
"เฮ้ย ดูสิ ฉันพูดผิดไปหรือเปล่า พลังแห่งความเกลียดชังของผู้หญิง มันช่าง...น่าดูที่สุด ฮ่ะๆๆๆ เพียงแค่ผู้ชายคนเดียว ก็ทำให้ยอมทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง...ยอมเสียตัวให้ฉัน"
"อะไรนะ"
"ใช่ แกได้ยินไม่ผิด สิริมายอมเสียตัวให้ฉันแลกกับความไว้ใจ เพื่อจะได้ช่วยแกปกปิดสายที่แกส่งเข้ามาแทรกซึม"
วายุบุตรทั้งผิดหวังและเวทนา
"ฉันขอโทษ"
"ทำไมคุณต้องทำถึงขนาดนี้ ทำไม..."
ณัฎฐาลินีบอก
"โง่ไง! คิดเหรอว่าผู้ชายอย่างมันจะเห็นค่าในตัวเธอ มันก็แค่เซ็กส์ สนองความหื่นกาม แล้วเป็นไง มันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ เดนนรกอย่างมัน ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง"
พิภพหันไปตบหน้าเธออย่างแรง วายุบุตรขยับตัว ถูกช้างเอาปืนขู่ไว้
วายุบุตรสังเกตเห็นปืนพกเหน็บที่เอวของพิภพ
"ฉันไม่เป็นไร เพราะฉันจะไม่แสดงความอ่อนแอให้มันได้ใจหรอก... ไม่มีอะไรที่แกจะคุมได้ไปซะทุกอย่างหรอกนะ! ทำไม เห็นรอยยิ้มแทนที่จะเป็นน้ำตาแล้วของขึ้นหรือไง อยากตบอีกมั้ย ตบเลย ไอ้ชิงหมาเกิด"
พิภพปราดเข้าไปจะตบอีก
"นัง"
วายุบุตรฉวยจังหวะที่พิภพไม่ทันระวังหันหลังให้ เข้าไปล็อกคอพิภพเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาฉวยปืนของพิภพขึ้นมาแล้วจ่อที่พิภพ แล้วพลิกตัวไปอยู่ใกล้กับลินีและสิริมาทันที
ช้างและชาย1 จะขยับตัวแต่ไม่ทัน ลูกน้องที่คุมผู้หญิงอยู่ จะมาช่วยก็ชะงัก เขาเอาปืนขู่เอาไว้
"อย่าเข้ามา"
ช้างและชาย1ชะงัก ดูเชิงเอาไว้ ณัฎฐาลินีกระเถิบตัวเข้าหาสิริมา
"แก้มัดให้ฉันเร็วเข้า"
"ไม่"
"อยากตายไปโดยที่ไอ้นรกเนี่ย มันหนีไปได้หรือไง"

สิริมาใช้มือเท่าที่จะใช้ได้แก้เชือกที่มัดตัวณัฎฐาลินีออกทันที ช้างยิงปืนออกไปนอกเรือทันทีหนึ่งนัด เพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องข้างนอก ปัง!

สิ้นเสียงปืน กฤษฎาหันไปต่อยชาย1 ล้มลงไป สารวัตรและ เป้เปิดผ้าใบออกทันที กฤษฎาหมอบในมุมที่พ้นวิถีกระสุน สารวัตรยิงชาย 2 เป้ยิงชาย 1 ตายทั้งคู่

สารวัตรหยิบว.มาว.เรียกกำลังเสริมให้ตามมาทันที
"ว.หนึ่งเรียกว.สอง เคลียร์ทางแล้ว"

สิ้นเสียงปืน พิภพ ช้าง ชาย1 ลูกน้อง ณัฎฐาลินี สิริมาตกใจ
"คิดว่าฉันจะซื่อตรงกับคนชั่วไร้จรรยาบรรณอย่างแกหรือไง พิภพ"
"หึ!"
เธอหลุดออกมาได้ หันไปช่วยแก้มัดให้สิริมา
"เท่าที่นับ ตอนนี้แกก็เหลือแค่สามชีวิต มอบตัวซะเถอะ พิภพ"
สารวัตรเข้ามา พร้อมเป้ และกฤษฎา และตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดถือปืนเล็งไว้
"วางอาวุธ! พวกคุณถูกจับแล้ว"
พิภพเจ็บใจมาก ช้างกับชาย1 และลูกน้องทั้งหมด ยังไม่ยอมแพ้
เสียงว.ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะดังขึ้น
"ตำรวจเข้าล้อมจับแล้ว มันรู้จุดนัดพบของเรา"
ตามมาด้วยเสียงปืนดังมาจากว. จากนั้นเสียงว.ก็ขาดหายไป...พิภพอึ้ง
"รู้มั้ยว่า...หนอนที่แกพยายามหาตัวอยู่น่ะ ใคร?"

มาร์กเอาเรือสปีดโบ้ตมาจอดริมหาด เจตต์กระโดดลงไปช่วยลากเรือเข้าฝั่ง
มาร์กหันไปจะเดินขึ้นหาด ก็ต้องชะงัก ตำรวจถือปืนเล็งไปที่มาร์ก มาร์กหน้าซีด ค่อยๆชูมือขึ้น แล้วหันไปมองเจตต์ข้างหลัง เจตต์ยืนสบาย นิ่งๆ ยิ้มให้มาร์ก มาร์กรู้ได้ทันทีว่า เจตต์คือหนอนบ่อนไส้ เจ็บใจ
ตำรวจเข้ามาคุมตัวของมาร์กไว้ เจตต์ยืนดูด้วยความสะใจ

พิภพเจ็บใจ
"ไอ้เจตต์!"
"พี่ชายที่ต้องสูญเสียน้องสาวไป เพราะถูกคนของแกล่อลวง แล้วพาไปขายเมื่อสองปีที่แล้วไง...น้องมันหนีมาได้ แต่พวกแก ก็ตามมาฆ่าอย่างไม่ปรานี พอข่าวนี้ปรากฏออกสื่อ แกก็เริ่มทำทุกอย่างเพื่อป้ายสีให้ฉันตกเป็นจำเลยของสังคม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากตัวเอง"
พิภพอึ้ง เต็มไปด้วยความโกรธ หาทางหลุดไปจากสถานการณ์นี้
"แต่แกอย่าลืม ว่าเหยื่อของแก มีคนที่รักและรักเธออยู่ ไม่เหมือนแก ที่ตายไป ก็ไม่มีใครอาลัยรัก นอกจากสาปส่งไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด"
เจตต์ยืนมองมาร์กถูกควบคุมตัว ห่างออกไปเรื่อยๆ
"และไอ้เจตต์...ก็เป็นพี่ชายที่รักน้องสาวมาก ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องสาวที่ตายไป"
เจตต์เงยหน้ามองบนท้องฟ้า คิดถึงน้องสาวที่ตายไป...น้ำตาซึม ยิ้มให้กับท้องฟ้านั้น
ห้องในเรือยอร์ช วายุบุตรมองพิภพอย่างชิงชังเคียดแค้น
"ทำไมแกถึงได้เลวชาติได้ขนาดนี้ เพราะอะไร เงินเหรอ หรือว่าอำนาจที่ทำให้แกอิ่มเอมและมีความสุข ทำให้แกรู้สึกเหนือกว่า ทั้งๆที่เหยื่อที่แกเหยียบย่ำเป็นเพศแม่ของแกเอง"
ณัฎฐาลินีถึงกับน้ำตาซึม...เหมือนภาพฉายซ้ำชีวิตของตัวเอง
"ถ้าแม่แก น้องสาวแก หรือผู้หญิงที่แกรักโดนกระทำอย่างที่เหยื่อของแกโดน แกจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ย"
"ไม่ว่ะ"
ทุกคนอึ้ง
"เพราะอย่างเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่หรือเจ็บปวดได้ คือ แกชนะฉัน แกได้ แต่ฉันไม่ได้"
วายุบุตรและทุกคนอึ้ง
"อย่าไปเสียเวลาพูดให้มันสำนึกผิดเลย คนอย่างมันก็เป็นเหมือนบัวที่อยู่ในตม ไม่มีวันโผล่พ้นน้ำขึ้นมารับแสงอาทิตย์ ไม่ได้มีแค่ฉันที่พลาดเพราะความมั่นใจ แกก็เหมือนกัน! ถึงเวลาแห่งการชดใช้แล้ว ขอให้มีความสุขในคุก ขอให้ได้สามีหล่อๆในนั้นนะ คุณพิภพ" ณัฎฐาลินีบอก
"วางอาวุธ แล้วมอบตัวซะ" สารวัตรบอก
ช้าง และลูกน้องทุกคนยังลังเล พิภพฉวยจังหวะนั้น แย่งปืนมาจากวายุบุตร ช้างและลูกน้อง ยิงใส่ตำรวจทันที กฤษฎา และเป้หลบเข้าที่กำบัง
ณัฎฐาลินีกับสิริมารีบหาที่หลบวิถีกระสุน แล้วไปช่วยผู้หญิงต้อนไปหาที่กำบังที่ปลอดภัย
ช้างและลูกน้องถูกสอยจนร่วงไปทีละคน จนหมด พิภพยังคงแย่งปืนกับวายุบุตร
สารวัตรตัดสินใจหาจังหวะยิงพิภพเข้ากลางหลัง กระสุนฝัง ร่างผงะ เซไปที่มุมหนึ่ง พิภพค่อยๆร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น แน่นิ่ง ทุกคนคิดว่าพิภพสิ้นใจ ยืนมองอย่างอนาถ
วายุบุตรเดินมา จะมาหาณัฎฐาลินี สิริมามองอย่างปวดใจ
ทันใดนั้นพิภพที่หยิบปืนที่ซ่อนอยู่ พลิกตัวมา เล็ง สิริมาเห็นรีบวิ่งเอาตัวไปบังวายุบุตรเอาไว้
พิภพเหนี่ยวไก กระสุนเจาะร่างของ เธอผงะด้วยความเจ็บปวด
สารวัตรยิงใส่พิภพอีกนัด สิ้นใจลงอย่างทรมาน สิริมาล้มอยู่ในอ้อมแขนของวายุบุตร
สารวัตรรีบหยิบว.เรียกกำลังสนับสนุนพร้อมเตรียมรถพยาบาลทันที แล้วไปช่วยพวกผู้หญิงให้ออกไปจากโกดัง
ณัฎฐาลินีเข้ามาดูอาการของสิริมาข้างๆวายุบุตร พร้อมกฤษฎาและเป้
"สิริมา ทำใจดีๆไว้นะ มารับกระสุนแทนผมทำไม ทำอย่างนี้ทำไม"
"เพราะฉันรักคุณ ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ"
"ไม่ต้องพูดแล้ว พอแล้ว แข็งใจไว้นะ"
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เจ็บเลย ให้ฉันพูดก่อนที่จะไม่มีโอกาสพูดเถอะ"
วายุบุตรน้ำตาซึม ณัฎฐาลินีสะเทือนใจมาก
"จำได้มั้ย ฉันเคยบอกว่า ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่มีวันทรยศคุณ ฉันทำตามที่พูดนะ"
"ผมเชื่อไ
สิริมาพูดกับณัฎฐาลินี
"คุณอาจจะคิดว่าฉันโง่ แต่ถ้าคุณเปิดใจรักวายุได้ทั้งใจ คุณอาจจะทำแบบฉันก็ได้"
"ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะว่าคุณแบบนั้นจริงๆ"
"ฉันโง่จริงๆ แต่จะเป็นไรไปในเมื่อฉันทำอย่างเต็มใจ เพื่อให้คนที่ฉันรักปลอดภัย ... ขอบคุณนะคะสำหรับทุกอย่าง คุณเป็นคนดี น่าเสียดาย ที่คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อฉัน แต่ฉันเกิดมาเพื่อคุณนะ"
"ผมรู้ สิริมา ผมรู้ดี...ว่าคุณทำทุกอย่างเพื่อผม ผมรู้...ขอบคุณนะ"
สิริมายิ้มทั้งน้ำตาให้วายุบุตร จับใบหน้าของวายุบุตรเอาไว้อย่างทนุถนอมก่อนจะค่อยๆหมดลมหายใจในอ้อมแขนของเขา
วายุบุตรเสียใจมาก กอดสิริมาเอาไว้ ท่ามกลางความสะเทือนใจของทุกคน

ชาโนพร้อมที่หน้าเซ็ตกับเจ๊ฟู หยาดทิพย์และทีมงาน เมอร์ดี้นั่งรออยู่อย่างหงุดหงิด
เมธาวลัยจูงปินัทธาเข้ามาพร้อมกับภัทรวลัย ในสภาพน้ำผึ้งหน้าเละ
"เหย จะดีเหรอ ช่อมนิดนึงมะ ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก" ปินัทธาบอก
"เออ จริง" ภัทรวลัยสนับสนุน
"ฟังนะ...เหตุผลที่ฉันขอแกถ่ายหน้าเละๆแบบนี้เพราะฉันเพิ่งปิ๊งไอเดียว่า ความงามของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่เครื่องสำอางที่ประโคมอยู่บนหน้า แต่อยู่ที่เมื่อเธอเปลือยความรู้สึกข้างในออกมาให้เห็นความจริงใจ"
ภัทรวลัยกับปินัทธาอึ้ง "หือ?"
"เซ็ตสุดท้ายวันนี้...คนที่เห็นแกบนปก IT’A A Must Thailand ของฉัน จะต้องได้เห็น...น้ำผึ้ง ปินัทธาที่งดงามที่สุดเท่าที่คนเคยเห็นมา น้ำผึ้ง ปินัทธา ผู้ไม่ขลาดกลัวที่จะบาดเจ็บ แม้รู้ว่าจะต้องสูญเสียความรัก น้ำผึ้งผู้มีรักแท้"
ภัทรวลัยต่อให้
"เพราะรักแท้คือการเสียสละ"
"รักที่แกมีให้คุณพีศ"
ปินัทธาปล่อยโฮออกมาอีกรอบด้วยความซาบซึ้งในตัวเพื่อน
"ซึ้งอ่ะ!"
"เฮ้ยๆ พอๆๆ เลอะอย่างที่เลอะเมื่อกี้กำลังสวย ถ้าเลอะไปกว่านี้ ไม่ได้เรียกงาม"
"แล้วเรียกอะไร"
เพื่อนทั้งสองโพล่งบอก "เงือก!"
เธอหยุดร้องทันที รีบเดินไป
"ถ่ายค่ะถ่ายๆๆ พร้อม!"
เมอร์ดี้ โตโต้ ตมิสา ชาโน หยาดมิพย์ เจ๊ฟูและคนทั้งกองเห็นหน้าน้ำผึ้งแล้วเหวอ เมธาวลัยอธิบายคอนเซ็ปต์

"ทุกคนฟัง"
 
อ่านต่อหน้า 3

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 25 (ต่อ)

บรรยากาศการโพสต์ถ่ายแบบของปินัทธาและเมอร์ดี้เชตนี้ ในอารมณ์ที่เธอคือผู้พ่ายแพ้ เมอร์ดี้ชนะ เธอเจ็บปวด เมอร์ดี้เยาะเย้ย โตโต้ ตมิสาสังเกตการณ์ดูแลอยู่ที่มุมหนึ่ง เมธาวลัยคุยกับเจ๊ฟูอยู่ใกล้ๆ

"บอกชาโน ว่าเซ็ตที่ถ่ายเมื่อวานให้ลงข้างใน ส่วนวันนี้เอาขึ้นปก"
"ค่ะ"
เจ๊ฟูกลับเข้าไปบิ้วต์นางแบบต่อ
"เลิศค่ะเลิศ อินเนอร์ค่ะอินเนอร์ เมอร์ดี้คิดไว้นะลูก..ชริ สมน้ำหน้านังป้าหน้าเอ๊กซ์ปาย (expired) ในที่สุดแกก็แพ้ จะบอกอะไรให้นะ ผู้ชายเค้าเกิดมา เพื่อฉัน ไม่ใช่เพื่อหล่อน"
ปินัทธาน้ำตาซึม สะเทือนใจ ชาโน เจ๊ฟู หยาดทิพย์อึ้ง ชะงัก จนลืมกดชัตเตอร์
"อีเจ๊ แรงไปป่ะ"ชาโนถาม
"เหรอ...เออว่ะ ลืมไป แต่เจ๊ทำเพื่อช่วยอินเนอร์นางแบบ"
"ไหวป่ะ น้ำผึ้ง" เมธาวลัยถาม
"ไหว ถ่ายเลย บิ้วต์มาอีก แรงๆ ชอบ"
ทุกคนร้อง "เหย"
"เพื่อนป้า มันเสพย์ติดความเจ็บปวดค่ะ อย่าไปแคร์ จัดไป"
เจ๊ฟูบิ้วต์ต่อ
"คุณน้ำผึ้งคิดไว้นะคะ...ฉันยอมรับว่าแพ้ แต่ฉันจะสู้ต่อไป อย่าชะล่าใจไปนะยะหล่อน แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เคยได้ยินมั้ย เมอร์ดี้ๆค่ะเมอร์ดี้ ฮ่ะๆๆ อย่ามโนค่ะป้า แพ้แล้วแพ้เลย! โลกนี้ไม่มีพื้นที่ให้ผู้แพ้"
"อร๊าย เจ็บที่สุด"
ทุกคนหันมาทำงานต่อ เจ๊ฟูก็บิ้วต์ต่อ ดรณ์วิ่งเข้ามาพร้อมมือถือ
"พี่เม...โอย หาตัวยากจัง จิลจะคุยด้วย ด่วนที่สุด"
เธอรับมือถือมา เดินแยกไป
"ฮัลโหลจิล ว่าไง"
สองนางแบบโพสต์ท่าถ่ายแบบไปเรื่อยๆ ตามการบิ้วต์ของเจ๊ฟู

จิลลาแบกกระเป๋าเสื้อผ้ามาค้างคืนกับแสนสุข เธฮกำลังเดินเข้าบ้าน
"ทำไมติดต่อยากจัง หา"
"มีเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมดเลย มีเรื่องด่วนอะไร"
จิลลากระซิบกลัวแสนสุขได้ยิน
"เค้าเพิ่งคุยกับพี่ตรัยคุณเมื่อคืน เค้าจับผิดได้"
"จับผิดเรื่อง"
"พี่ตรัยคุณท่าทางจะเป็นเกย์ชัวร์ แล้วรู้มั้ยว่าพี่ตรัยคุณเมาท์เรื่องตัวเองทางโทรศัพท์กับใคร"
"บอกให้หมดๆทีเดียวเลยได้มั้ย ขยักอยู่ได้"
"โอย! ไม่ลุ้นเลย! ก็ได้...พี่ตรัยคุณคุยกับผู้ช่วยตัวเองที่ชื่อไทเกอร์"
"ไอ้ไทเกอร์น่ะเหรอ"
"เออ พี่ตรัยคุณบอกเค้าเองว่าสนิทกับไทเกอร์ แต่ไม่ยอมบอกว่า สนิทขั้นไหน ดูมีพิรุธมาก ไม่ใช่สนิทกันธรรมดาๆแน่ๆ เผลอๆ อาจจะฟิชเจอริ่งกันแล้วก็ได้"
เธออึ้ง
"วันนี้เค้ามาค้างกับคุณย่า ตัวเองกลับพรุ่งนี้ใช่มั้ย จะได้อยู่รอเมาท์เรื่องนี้ต่อว่าจะจัดการต่อยังไงดี สนุกจังเลยอ่ะ ตื่นเต้นๆ"
"โอเค พรุ่งนี้เจอกัน"
จิลลาวางสาย ลากกระเป๋าเข้าบ้าน
"คุณย่าขา หนูมาค้างเป็นเพื่อนค่ะ"
เธอครุ่นคิด สงสัยความสัมพันธ์ของไทเกอร์และตรัยคุณ
"มิน่า ตอนมาที่นี่ มันทำท่าและพูดจาแปลกๆ"

สองนางแบบถ่ายช็อตสุดท้าย
"เลิกกอง" ชาโนบอก
ทุกคนปรบมือ แล้วก็ช่วยกันเก็บของ
โตโต้และตมิสาเข้ามาช่วยพยุงน้ำผึ้งไปนั่งพักที่เก้าอี้ ทิ้งเมอร์ดี้ที่ไม่มีใครสนใจ เธอกระฟัดกระเฟียดไปนั่งเอง เพื่อนทั้งสองเข้าไปหา
"เป็นไง"
"รู้สึกดีและก็คิดได้ระหว่างทำงานว่า การอยู่บนคานต่อไป มันก็สบายใจดีอยู่นะ"
"สบายใจแต่อาจจะไม่สบายตัวนะคะ" ตมิสาบอก
"เหย บำบัดด้วยวิธีอื่นก็ได้ เช่นช็อปปิ้ง เข้าสปา"
"มีเงินเหรอ" ภัทรวลัยถาม
"นั่นสิ...เอาใหม่ ไปนั่งวิปัสสนาดีมั้ย ออร่าเกิดโดยไม่ต้องไปทำทรีตเม้นต์หน้า แต่ที่รู้ๆ...ฉันควรวางแผนชีวิตในวงการของตัวเองใหม่หลังจากที่ยกเลิกสัญญากับคุณพีศแล้ว ฉันอาจจะรับเล่นบทแม่"
"เอาจริงเหรอคะป้า" โตโต้ถาม
"อืม....ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันกลายเป็นสินค้าราคาตกไปแล้ว"
เธอเหลือบไปเห็นพีศทรรตและธัญรดาเดินจูงมือญาดามาเดินเล่นไปทางหนึ่ง
เธอหน้าหมองลง ทุกคนหมองด้วย....ยกเว้นเมอร์ดี้ที่มองอย่างหมั่นไส้
"อย่าเศร้าไปเลยแก ยังไงแกก็ยังมีฉันเป็นเพื่อนบนคานนะ"
ทุกคนตกใจ แปลกใจ
"เหย"

เมธาวลัยเดินหนีน้ำผึ้งกับภัทรวลัยมายืนคุยที่มุมหนึ่ง
"อะไร ยังไง แก บอกมาเดี๋ยวนี้นะ"
"เกิดอะไรขึ้น มันต้องเกิดอะไรแน่ๆ เหมือนแกจะเลิกกับแฟนทั้งที่เพิ่งมีแฟนได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง"
เพื่อนทั้งสองบอก “โอ๊ย! งง"
"อย่างงเลย ฉันจะเลิกกับกฤษฎา จริงๆ"
"เพราะ"
"ฉันมาคิดๆและชั่งน้ำหนักดูแล้ว...มันไม่เวิร์ก"
"ทำไม"
"อีกห้าปี ฉันอายุเท่าไหร่"
"แค่สี่สิบเอง" ปินัทธาบอก
"ตั้งสี่สิบต่างหาก ส่วนกฤษฎาล่ะ"
"สามสิบ" วลัยบอก
"เพิ่งจะสามสิบ แล้วอีกห้าปีต่อมาฉันก็สี่สิบห้า กฤษฎาเพิ่งสามสิบห้า"
"แล้วไง เมื่อเช้าแกเพิ่งบอกกับฉันว่าความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจของคนสองคนที่ตรงกัน มันไม่เกี่ยวว่าใครจะอายุเท่าไหร่" ปินัทธาบอก
"ก็คนเราพอตอนจะเอา มันก็ไม่สนเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ฉันไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ฉันต้องคิดเยอะ ความรักที่ใช้แต่หัวใจ ไม่ใช้สมอง สุดท้ายแล้วคืออะไรรู้มั้ย ความเจ็บปวดไง ฉันไม่อยากเจ็บ อาการหนัก เพราะฉะนั้นถอนตัวได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี"
เพื่อนทั้งสองอึ้งไป
"คุณกำลังกลัวอะไรครับ"
ทุกคนหันไป กฤษฎาเดินเข้ามา ในสภาพโทรม อิดโรย
"ฉัน...คือ"
เพื่อนทั้งสองรีบชิ่งกันออกไป เหลือแต่เขากับเธอที่อึกอัก ลังเล สับสน และเจ็บปวด ที่เห็นสายตาตัดพ้อ ตั้งคำถามของกฤษฎา

อีกมุมหนึ่งรีสอร์ต ปินัทธาเดินมากับภัทรวลัย
"กฤษฎากลับมาแล้ว แปลว่า ผัวฉันก็ต้องกลับมาแล้วสิ"
"ไปหาผัวแกเลยไป"
"จะสอบเค้นให้หนักเลย คอยดู ว่าแข่งว่าวนานาชาติ มันมากมั้ย"
ภัทรวลัยเดินออกไป น้ำปินัทธามองตามยิ้มๆ รู้สึกเหนื่อย ลงนั่งพัก พีศทรรตเดินเข้ามายืนข้างหลัง
"เหนื่อยมั้ย"
เธอสะดุ้งโหยง หันไป
"คุณพีศ"
"ใช่ ผมเอง"
"ลูกเมียคุณล่ะ"
"ไปรอผมที่ห้องอาหาร ผมปลีกตัวมาหาคุณ เพราะมีเรื่องจะคุยด้วย"
"ว่ามาสิ"
"ผมจะค้างที่นี่ต่ออีกคืนหนึ่งนะ เพราะมันติดวันหยุดพอดี อยากให้ลูกได้สนุกเต็มที่"
"ก็ดีนะ แฮปปี้แฟมมิลี่ แฮปปี้ ดีใจด้วย แฮปปี้"
"อย่าประชด..ผมกับรดาเราคุยกันแล้วว่า มันจะต้องเป็นอย่างนั้น"
น้ำผึ้งจุกเลย
"เรื่องอนาคตของเรา ผมหมายถึงเรื่องงาน จะเอาไงต่อ เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่ออฟฟิศ ผมไปล่ะ เดินทางกลับกันดีๆนะ"

แล้วพีศทรรตก็ออกไป น้ำผึ้งคอตกลงไปอีก ก้มหน้านิ่ง...น้ำตาหยดติ๋งๆ เจ็บลึก เจ็บที่สุด นั่งอยู่เพียงลำพัง

วายุบุตรสีหน้าเศร้าเดินมากับณัฎฐาลินี

"ผมคงต้องรีบกลับกรุงเทพเลย เที่ยวบินพรุ่งนี้เช้า พร้อมกับ...สิริมา"
"ฉันเสียใจด้วย เรื่องคุณสิริมา"
"สิริมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ผมรู้สึกว่าเป็นหนี้เธอมากมายเหลือเกิน"
"ฉันคงเป็นเพื่อนที่ดีของคุณได้ไม่ถึงครึ่งของคุณสิริมา"
"ไม่มีใครเหมือนใคร และคุณก็ไม่ได้เป็นเพื่อนผม"
เธออึ้ง
"คุณไม่ได้เป็นแค่เพื่อนผม แต่คุณเป็นคนที่ผมรักที่สุด"
"แต่ฉันไม่แน่ใจ"
"แค่คุณยอมให้โอกาสเราสองคนได้เรียนรู้กัน และผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องลงเอยกันอย่างไร"
"ไม่คาดหวังแน่นะ"
"ผมก็พูดไปงั้นแหละ ในใจลึกๆ ผมแอบหวังเอาไว้ว่าเราจะไปได้ไกลที่สุด อย่ากลัวได้มั้ย มั่นใจ เราจะก้าวไปพร้อมๆกัน"
"ฉันก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี"
"เซ็งจริง"
"ก็เซ็งไปสิ ตอนนี้ ฉันมีคำตอบให้คุณได้แค่นี้จริงๆ ขอโทษด้วยนะ และก็ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง ฉันเป็นหนี้คุณโดยที่ชดใช้ไม่มีวันหมดเหมือนกัน"
เธอเดินออกไป รู้สึกแย่ที่ยังไม่ยอมเปิดใจ แต่ก็เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง เขามองตามอย่างมีความหวัง หันหน้าออกไปมองทะเลอันสวยงาม
"เอาใจช่วยผมด้วยนะสิริมา ผมรู้ว่าคุณอยากเห็นผมมีความสุข"

เมธาวลัยเข้ามาคุยกับกฤษฎา
"ไม่ใช่ฉันไม่รักเธอ แต่ฉันไม่อยากรัก ทั้งๆที่รู้ว่าสุดท้ายมันก็ต้องเจ็บ ฉันไม่อยากเสียเวลา เวลาของเรามันเหลือไม่เท่ากันนะกฤษ"
"ผมไม่เชื่อ ว่าเพราะเหตุผลแค่นี้ ทำให้คุณ...บอกเลิกผม"
"คนอื่นอาจจะมีเหตุผลเป็นร้อยๆข้อ ที่จะเลิกกับใครสักคนแต่ฉันมีเพียงข้อเดียว"
"แล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าคุณจะต้องเจ็บ"
"ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมามากกว่าเธอไง มีแค่เพียงหนึ่งในร้อยหรือเป็นพันเป็นหมื่นเท่านั้นที่ไปรอด เราจะต้องเจอกับช่องว่างต่างๆมากมายที่ทำให้เรามีปัญหา"
"ไหนคุณบอกว่าคุณจะไม่กลัวอะไรแล้ว ขอเพียงแต่เรารู้สึกเหมือนกัน เราจะสู้ด้วยกัน"
"เพราะตอนนั้นฉันไม่มีสติ! ฉันพูดโดยที่ฉันไม่ได้คิด แต่พอฉันคิด ก็มองเห็นแต่ทางตัน"
"ไม่ ผมไม่ยอมรับ ผมไม่เข้าใจ มันไม่เม็คเซ้นส์ ยังไงผมก็ไม่เลิก"
"หยุดทำตัวเป็นเด็กซะที! พูดจาไม่รู้เรื่อง"
เขากระชากเธอเข้ามากอดเอาไว้
"ผมรักคุณ ได้ยินมั้ยผมรักคุณ ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด"
เธอดิ้น พยายามผลัก
"ปล่อย"
"ไม่ปล่อย"
"ปล่อยฉัน"
กฤษฎายิ่งกอดแน่น พยายามจะจูบ แต่ถูกเธอกัดหู และดันออกไปสุดแรง
"โอ๊ย"
เธอตบหน้าเขาฉาด กฤษฎาอึ้ง
"มีสติหรือยัง"
เขาอึ้ง
"นี่ไง ที่ฉันเบื่อเด็กไม่มีสมอง ใช้แต่อารมณ์ เธอไม่เลิก แต่ฉันเลิก! ได้ยินมั้ย อย่ามาทำให้ชีวิตฉันต้องวุ่นวายอีก"
เธอวิ่งหนีออกไป เขามองตาม เสียใจ ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น
ปินัทธานั่งซึม ร้องไห้อยู่เงียบๆ เมธาวลัยปล่อยโฮ โผเข้าไปกอดเพื่อน ร้องไห้โฮตามเพื่อน ณัฎฐาลินีเดินเข้ามาเห็นเพื่อนร้องไห้กอดกันก็ตกใจ เกิดอะไรขึ้น เธอเดินเข้ามาถาม
"เกิดอะไรขึ้น"
"คุณพีศคืนดีกับเมียเก่าแล้ว ฉันยอมยกธงขาว ครอบครัวควรจะมีแค่พ่อแม่ลูก ไม่ควรมีบุคคลที่สาม"
"ฉันบอกเลิกกฤษฎา ฉันไม่อยากรักเพื่อที่จะเลิก ฉันไม่อยากเจ็บ แต่อยากจบ"
เธอเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนเอาไว้
"ฉันเคารพการตัดสินใจของพวกแก...พวกแกคงคิดดีแล้ว"
ทั้งสองพยักหน้าช้าๆ อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อน ถึงไม่มีใคร
"ไปดูแข่งว่าว สนุกมั้ย" ปินัทธาถาม
เธองง เพราะไม่ทันตั้งตัว "หือ?”
"ก็แกหายไปกับคุณวายุบุตร กับกฤษฎาพนักงานบอกว่าแกไปดูแข่งว่าวนานาชาติที่ป่าตอง"
เธอหลุดขำ
"ขำไร"
"ก็แค่ขำ…ฉันไม่เคยคิดเลยนะ ว่าชาตินี้ ฉันจะต้องไปดูเค้าแข่งว่าวกันแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้วางแผน"
"สรุป…สนุกหรือไม่สนุก" ปินัทธาถาม
"ไม่สนุกหรอก ฉันจะไปสนุกได้ยังไง ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ฉันคิดถึงแต่พวกแก ขอโทษนะ ที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่พวกแกมีปัญหา"
"ไม่เป็นไรหรอก…ปัญหาของใคร ก็ต้องคนนั้นเป็นคนแก้ไข" เมธาวลัยบอก
"เพื่อนมีไว้ให้เราร้องไห้ด้วยหลังจากที่แก้ปัญหาแล้ว"
แล้วปินัทธาก็ร้องไห้ออกมาอีก
"จะร้องอีกทำไม น้ำตามีเยอะนักหรือไง ร้องอยู่ได้" เมธาวลัยว่า
"ไม่ให้ฉันร้อง แล้วแกร้องทำไม"
"จะไปรู้เหรอ มันไหลออกมาเอง"

ทั้งคู่ร้องไห้กันออกมาอีก ณัฎฐาลินีสวมกอดเพื่อนเอาไว้ สามสาวกอดกัน ในบรรยากาศแห่งการยอมแพ้
 
อ่านต่อหน้า 4

ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 25 (ต่อ)

กรุงเทพ วันใหม่ ทุกคนกับความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

เมธาวลัยนั่งซึมอยู่ในบ้าน

"คนที่พกความมั่นใจ คาดหวังไปอย่างเต็มที่ กลับต้องเจอกับความผิดหวัง"

ฝ่ายกฤษฎาก็นั่งซึม เสียใจ คิดถึงคนรักด้วยความเจ็บปวด

ปินัทธานั่งซึมเศร้าอยู่ในห้องอย่างโดดเดี่ยว

"จนต้องถอดใจและยอมแพ้ กลับมาอยู่ที่จุดเดิม จุดที่ไม่เคยมีใคร"

ฝ่ายพีศทรรตสอนการบ้านญาดา...ธัญรดาเข้ามา
ญาดาดีใจ วิ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ ธัญรดากอดลูกสาวเอาไว้ด้วยความคิดถึง พูดคุยด้วยความเบิกบาน บรรยากาศชื่นมื่น เขามองแม่กับลูกอย่างมีความสุข ธัญรดาส่งยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรี
เขายิ้มตอบ ก่อนจะรู้สึกจะหมองลง เพราะคิดถึงปินัทธา

ณัฎฐาลินียืนอยู่กับวายุบุตร พนมและเจตต์ ที่หน้าหลุมฝังศพของสิริมา ทุกคนอยู่ในอาการสลดใจและโศกเศร้า

"แต่บางคน ไม่เคยคาดหวัง เพราะความกลัวที่ยังติดอยู่ในใจ จึงไม่ต้องเจอกับความผิดหวัง"

วายุบุตรเดินเข้ามาพูดกับป้ายสุสาน
"พักให้สบาย ไม่มีอะไรต้องห่วงและเป็นกังวลอีกแล้วนะสิริมา"
เขาเสียงเครือ เสียใจ จนพูดไม่ออก ลุกขึ้นมายืนที่เดิม เธอเห็นใจเขา จึงจับมือเอาไว้ ให้กำลังใจ
วายุบุตรอึ้ง ของเธออย่างแปลกใจ เขารู้สึกดี จับมือของเธอเอาไว้แน่น
"ขอบใจนะสิริมา สำหรับน้ำใจที่หนูมีให้พวกเรา และป๊าขอโทษ ป๊าน่าจะเตือนสติหนู ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้พิภพ แต่มันก็สายเกินไป"
"ถึงป๊าจะเตือน ผมเชื่อว่า คุณสิริมาก็ไม่มีทางยอมฟังหรอกครับ" เจตต์ว่า
ทุกคนอึ้ง
"คุณสิริมาก็เหมือนผม ไม่เคยคิดถึงคำว่ากลัวหรืออันตราย สำหรับคนที่เรารัก เพราะเรารู้ดีว่า ถ้าสำเร็จ มันจะคุ้มค่ามากแค่ ไหน แต่ถ้าไม่ อย่างน้อย เราก็จะไม่เสียใจที่เราได้ทำทุกอย่าง เต็มที่แล้วเราจะกล้าพูดกับคนที่เรารักได้เต็มปาก มองเค้าได้เต็มตา หากเราจะตาย ก็ตายตาหลับ"
ทุกคนอึ้ง โดยเฉพาะเธอ ...เหมือนยังเต็มไปด้วยความกลัว ไม่กล้าที่จะรัก
เธอหันมองเสี้ยวหน้าของวายุบุตร แต่ยังไม่กล้าเปิดรับ
"ตอนนี้ คุณสิริมาก็คงจะหลับอย่างสบายแล้วล่ะครับ"
ทุกคนสะเทือนใจ นิ่งสงบไว้อาลัยระลึกถึงการจากไปของสิริมา

"ไม่เคยมีใครบอกได้...ถ้าคิดจะกระโดดลงสนามที่ชื่อว่าความรักแล้ว เราจะชนะ แพ้ เสมอ หรือ...ต้องล้มเลิกกลางคัน"

อีกมุมหนึ่งสุสุาน วายุบุตรและเจตต์คอยดูแลพนม ณัฏฐาลินีเดินตามอยู่ข้างหลัง ทั้งหมดต้องชะงัก
เมื่อสาวสวยเปรี้ยวยืนรออยู่ เธอแปลกใจว่าเป็นใคร
วายุบุตรเดินเข้าไปหาอย่างคุ้นเคย ทั้งสองคนโผเข้าหากัน สวมกอดกันด้วยความคิดถึง
เธอหน้าถอดสี หึงอยู่ข้างใน อะไรยะ ใคร ยังไง

"หรือจะ...พังสนาม ฆ่ากรรมการ คนดูหรือเป้าหมายที่เราตั้งใจจะพุ่งชนให้ตายคาที่ เพราะ...”

เธฮยังคงจ้องวายุบุตรกับสาวปริศนาไม่วางตา

มุมหนึ่งฟิตเนส ณัฎฐาลินีต่อยๆๆๆนวมแขนที่เป้คอยล่ออยู่ ภัทรวลัยยืนคุยอยู่ด้วยข้างๆ
"แกไม่อยากยอมรับเสียงเรียกร้องของหัวใจ แต่แกก็ไม่อยากยอมรับถ้าผู้ชายจะไปมีใครที่ไม่ใช่แก"
"ไม่จริง! จะไปมีใครกี่คนจนเป็นโรคตายที่ไหน ฉันก็ไม่แคร์"
เธอทิ้งท้ายด้วยลูกเตะป๊าบ! จนเป้ทรุด
"ไม่แคร์ แต่เตะหนักจังค่ะ แล้วถ้าแคร์ล่ะคะ"
"ก้านคอสิคะพี่เป้"
เธอถอดนวม ฉุน เดินหนี สองผัวเมียมองตามแล้วถอนใจ เซ็ง

วายุบุตรเซ็นสัญญาขายหุ้นตรงหน้า เจตต์อยู่ใกล้ๆ กลายเป็นผู้ช่วยของวายุบุตร สาวสวยเปรี้ยวนั่งยิ้มมองเขาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
"สัญญาซื้อขายสมบูรณ์แล้ว ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ทุกแห่งของผมเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณเพียงผู้เดียว...เกอร์ด้า"
เกอร์ด้าจงใจจับมือวายุบุตร
"ขอบคุณค่ะ"
เขาอึดอัด จับมือเกอร์ด้าออกไปวางอย่างสุภาพ
"เสร็จธุระแล้ว ขอตัวนะ ขอให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ"
"คิดว่าคุณจะอยู่กินข้าวกับฉันก่อนซะอีก จะได้ทบทวนความรักความหลังกันสักหน่อย จำได้มั้ยว่าเราเคยสนุกกันมาก"
เขาลุกขึ้นทันที
"ขอโทษที ผมมีนัด"
"แปลกใจจัง...คุณดูเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม"
"ดีขึ้นหรือเลวลง"
"ไม่รู้สิ...อาจจะดีขึ้นสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉัน...มันหมดความน่าตื่นเต้น ทำไมคะ คุณมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ไม่น่าเป็นไปได้"
"เพราะผมเจอคนๆหนึ่ง คนที่ทำให้ผมคิดได้ว่าผมต้องหยุด"
"คนที่ทำให้คุณต้องขายธุรกิจทั้งหมดให้ฉันเนี่ยเหรอ"
"คนที่ทำให้ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เค้าสบายใจและมีความสุข ผมยังมีวิธีหาเงินได้อีกเยอะแยะ"
หญิงสาวอึ้ง ยิ้มให้วายุบุตรอย่างเข้าใจ
"คุณคงรักเธอมากจริงๆ ขอให้โชคดีค่ะ"
"เช่นกันนะ เกอร์ด้า"
กุ๊งกิ๊งเดินเข้ามามองหาวายุบุตร เจตต์เห็นกุ๊งกิ๊ง ต่างยิ้มให้กันอย่างดีใจ
"คุณกุ๊งกิ๊งมาแล้วครับ"
วายุบุตรเดินเข้าไปหากุ๊งกิ๊ง ทักทายกัน
เจตต์เดินตามหลัง ทิ้งระยะห่างเพื่อให้วายุบุตรกับกุ๊งกิ๊งคุยกันได้สะดวก กุ๊งกิ๊งเหลือบมองเจตต์ ด้วยความสงสัย
"เจตต์มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผมแทน...สิริมา"
"อ๋อค่ะ"
"ผมขายกิจการแล้ว เจตต์เองก็ไม่อยากเล่นดนตรีอีก อยากมีงานมั่นคง จะได้ส่งเงินให้ทางบ้านได้อย่างไม่ติดขัด"
"อ๋อค่ะ คือ...ก็ไม่ได้ถาม"
"ผมแค่อยากบอก รู้ดีว่าคุณน่าจะอยากรู้"
"ก็...นิดนึงค่ะ"
"หลังจากคดีนายพิภพคลี่คลาย ได้ข่าวว่า คุยกันบ่อยนี่ครับเพราะต้องไปให้ปากคำกับตำรวจ"
ทั้งกุ๊งกิ๊งและเจตต์ชะงัก หยุดกึก ต่างคนต่างหน้าแดง แต่พยายามเก็บอาการ
"อ้าว เป็นอะไรไป ก็แค่เปรยๆ ไม่ได้ตั้งข้อสังเกตอะไรสักหน่อย"
"ค่ะ /ครับ"
"โอเค เข้าเรื่องดีกว่า ขอนัดเจอผมเพราะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคุณลินีที่อยากจะบอกให้ผมรู้ เรื่องอะไรเหรอครับ"
"ฉันไม่อยากเห็นพี่ลินีทำผิดพลาด หากต้องเสียคุณไป"
วายุบุตรอึ้ง
"อย่าเพิ่งท้อนะคะ พี่ลินีอาจจะสร้างกำแพงขึ้นมาปิดหัวใจ แต่ไม่ใช่ว่าพี่ลินีไม่ต้องการความรัก"
"เกิดอะไรขึ้นกับลินีครับ"

วายุบุตรรอฟังคำบอกเล่าจากกุ๊งกิ๊งถึงปมของผู้หญิงที่เขารัก

ร้านกาแฟ ในฟิตเนส ณัฎฐาลินีลงนั่งดูดน้ำอึ่กๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ภัทรวลัยเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ

"แก….”
"เลิกคุยเรื่องฉัน"
"ฉันจะถามว่าน้ำผึ้งกับเมเปิ้ลได้โทรคุยกับแกบ้างมั้ย หายไปเลย"
"คนอกหัก อาจจะอยากอยู่ตัวคนเดียว ไม่อยากเจอใคร"
"ไม่เห็นจะเหมือนแก"
"ก็ฉันไม่ได้อกหัก"
แต่เธอดูดน้ำจ๊วบๆเสียงดังด้วยความแค้น
"หรา?”
"ใช่! บอกแล้วไง ฉันกับเค้าเราเป็นเพื่อนกัน จะไปกอดกับชะนีที่ไหน ฉันไม่รู้สึกอะไร"
"หรา?”
เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง
"แต่จะว่าไป โทร.หาเพื่อนเราก็ดีนะ แกโทร.หาน้ำผึ้ง ฉันจะโทร.หาเมเปิ้ลเอง"
"ตามนั้น"
ทั้งคู่แยกกันคนละมุม โทร.หาเพื่อน

ในคอนโดน้ำผึ้ง มือถือของปินัทธาวางไว้บนโต๊ะ มีสายเข้า ไม่มีใครรับสาย เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีก แต่คอนโดฯ ว่างเปล่า ไม่มีเงาของน้ำผึ้ง ไม่มีใครรับสาย

ภายในห้องทำงาน แมกกาซีน IT’S A Must Thailand หน้าปก ปินัทธาและเมอร์ดี้ ตีพิมพ์แล้วอยู๋ในมือในเมธาวลัย เธอนั่งพลิกเข้าไปดูเนื้อใน ยิ้มอย่างพึงพอใจ ไทเกอร์นั่งยิ้มอยู่ตรงข้าม หยาดทิพย์อยู่ใกล้ๆ
มือถือเมเปิ้ลมีไฟกระพริบ ที่หน้าจอ เป็นสายเรียกเข้า แต่เธอไม่ได้สนใจ
"ทุกอย่างสมบูรณ์เพอร์เฟ็ค สปอนเซอร์กลับมาเหมือนเดิมด้วยลิ้น เอ๊ย วาทศิลป์ของผม พอวางแผงปุ๊บ ภายในสองชั่วโมง...เกลี้ยง!” ไทเกอร์บอก
"ด้วยสายตาที่เฉียบคมของบ.ก. คนพูดถึงคุณน้ำผึ้งกันเยอะ มากเลยค่ะ อย่างที่บ.ก.คิดไว้เป๊ะ" หยาดทิพย์บอก
เธอยิ้มพอใจ แต่ไทเกอร์แอบหมั่นไส้
"ก็ถือว่า....ช่วยๆกันแหละเนอะ พี่เม"
"อืม....บอสแฮปปี้มากเลย รู้มั้ย"
"โอ๊ย ไม่แฮปก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว"
"ฉันเลยจะไล่แกออก"
ทั้งไทเกอร์และหยาดทิพย์ตกใจ
"ไล่ออก"
"ฟังฉันอธิบายนะ"
ไทเกอร์โกรธมาก
"ไม่! พี่มัน...มัน...”

ไทเกอร์กระชากประตูออกมา ด่าเมธาวลัยที่ตามออกมาพร้อมกับหยาดทิพย์
"นังแม่มด! สัปปรับ เชื่อไม่ได้"
เจ๊ฟู อิ๋ว ชาโนและดรณ์ที่นั่งทำงานอยู่ รวมถึงพนักงานทุกคนตกใจ หันมาดู
"จะฟังฉันก่อนได้มั้ย"
"ไม่ฟัง! จะพูดอะไร จะชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดให้ตัวเองดูดีที่ไล่ผมออกงั้นสิ พูดเลยว่า ผมไม่อยู่ฟังหรอก มันสะอิดสะเอียน"
"ไอ้ไทเกอร์"
"ไหนบอกว่าถ้าผมช่วยทำให้สปอนเซอร์กลับมา เราทุกคนรอด แต่นี่อะไร ผมทำสำเร็จ แต่พี่ก็ยังถีบหัวส่ง ทำไมคิดจะกำจัดเสี้ยนหนามงั้นเหรอ เสียแรงที่สนับสนุนให้ได้กับผู้ชาย ทำคุณบูชาโทษ"
"แกคิดว่าแกอยากให้ฉันได้กับกฤษฎาจริงๆงั้นเหรอ จริงๆแกไม่ได้คิดดี อยากให้ฉันมีความสุขนักหรอก ไม่ต้องมาทวงบุญคุณ"
"ผมน่ะเหรอ ไม่อยากเห็นพี่มีความสุข"
"แกไม่อยากให้ฉันแต่งงานพี่ตรัยคุณเพราะแกอยากได้เค้าไว้เอง"
ทุกคนอึ้ง ไทเกอร์ก็อึ้งมากถึงที่สุด
"ตรัยคุณอะไร ตรัยคุณไหน"
"ว่าที่คู่หมั้นฉัน ที่แกแอบไปกินเรียบร้อยแล้วไง"
ทุกคนร้อง "หา! ว้าย!”
ไทเกอร์หลุดปาก
"รู้ได้ไง"
"แสดงว่าจริง!?”
ทุกคนหันมองไทเกอร์ รอฟังคำตอบ ไทเกอร์อึกอัก
"จริงใช่มั้ย! พูด"
"ทำไมผมต้องอยากได้ว่าที่คู่หมั้นของพี่ด้วย"
"ถ้าฉันปรับความเข้าใจกับกฤษฎาไม่ได้ นั่นก็แปลว่าฉันต้องกลับไปแต่งงานกับพี่ตรัยคุณ ซึ่งแกยอมไม่ได้ เพราะแกกับพี่ตรัยคุณคบกัน”
ทุกคนฮือฮา ไทเกอร์ตัดสินใจดับเครื่องชน เป็นไงเป็นกัน
"แล้วจะเอาไง! ใช่ ผมกับพี่ตรัยคุณคบกัน พี่ตรัยคุณเป็นเกย์ร้อยเปอร์เซ็นต์แถมอร่อยอีกต่างหาก เพราะกินมาแล้ว ผมคอนเฟิร์ม"
สาวๆกรี๊ดด้วยความเสียวหู
"นี่คือ ตัดสินใจแกรนด์โอเพนนิ่งแล้วใช่มั้ยคะ" อิ๋วว่า
"เออ!”
ไทเกอร์จะไป ทั้งดรณ์และชาโน เข้าไปล็อกตัวไทเกอร์เอาไว้
"ฟังพี่เมเปิ้ล อยู่เฉยๆ" ดรณ์บอก
"ไม่งั้นตบ" ชาโนเสริม
"แล้วถูกหยาดทิพย์จูบ" เจ๊ฟูบอก
"อ๊วก!” หยาดทิพย์บอก
ไทเกอร์สะบัดหลุด
"ปล่อยฉัน!”
ชาโนและดรณ์ไม่ยอมปล่อย
"ไม่ปล่อย...โดนกิน"
ชาโนและดรณ์รีบปล่อยตัวไทเกอร์ทันที ชิ่งไปอยู่ห่างๆ ไทเกอร์มองเมเปิ้ลอย่างเจ็บแค้น ออกไป
"เค้ายังไม่ได้ฟังเหตุผลที่บ.ก.ไล่เค้าออกเลยนะคะ"
"โอย! ให้ออกๆไปเถอะค่ะ คนไม่มีวุฒิภาวะ" เจ๊ฟูบอก
"ช่างเถอะ อีกหน่อยเค้าคงเข้าใจฉันเอง"

เธฮถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อย หมดแรง ทุกคนมองอย่างเห็นใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 26
กำลังโหลดความคิดเห็น