ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 19
คัชพลนั่งดื่มอยู่ที่บ้าน กดโทรหาวีด้า วีด้าไม่รับสาย คัชพลกำโทรศัพท์แน่น
“คุณปั่นหัวผมเหรอ วีด้า!” คัชพลพูดด้วยความโมโห
ยศสรัลเดินผ่านแล้วหยุดยืนมอง คัชพลหันไปเห็น
“มาก็ดีแล้ว ชั้นอยากให้แกดูไว้ ถ้าแกยังติดต่อกับคุณวีด้าอีกแกจะมีสภาพยังไง”
คัชพลโยนโทรศัพท์ให้ยศสรัล ยศสรัลดูรูปแล้วตกใจ
“คุณดนัย พี่ใหญ่ไปทำอะไรเค้า” ยศสรัลว่า
“ก็สั่งสอนมัน ที่มายุ่งกับผู้หญิงของชั้น”
“พี่ใหญ่จะบ้ารึไง ไปทำร้ายเค้าแบบนี้ได้ยังไง”
คัชพลเดินมาหาน้องชาย
“แค่นี้ยังน้อยไป” คัชพลพูดพร้อมกับดึงโทรศัพท์คืน
“แกก็ระวังตัวไว้ให้ดี” คัชพลพูดต่อ แล้วเดินออกไป ยศสรัลรู้สึกเป็นห่วงวีด้ามากขึ้น
“วีด้า........”ยศสรัลรำพึง กลุ้มใจ
วีด้าเดินออกมาจากคอนโด เจอคัชพลยืนถือดอกไม้ช่อสวยรออยู่ด้านหน้าคอนโด
“วีด้า....ผมมารอคุณตั้งนาน”
“รอทำไมคะ”
คัชพลยื่นช่อดอกไม้ให้ วีด้ามองแล้วหยิบช่อดอกไม้มา คัชพลยิ้มดีใจ วีเดินถือช่อดอกไม้โดยมีคัชพลเดินตาม พอถึงขยะวีด้าก็ทิ้งช่อดอกไม้ คัชพลทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“วีด้า ทำไมคุณทำแบบนี้”
“ฉันอยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้คุณเจ็บมากกว่าดนัยสองเท่า” วีด้าว่า
“นี่คุณห่วงไอ้หมอนั่นมากกว่าผมเหรอ” คัชพลถาม
“ดนัยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ฉันมี ฉันต้องห่วงเขา” วีด้าพูดแล้วจะเดินไปคัชพลจับแขนไว้
“โอเค...ผมขอโทษ ผมเข้าใจแล้วว่าคุณเป็นเพื่อนกันจริงๆ คือ..วันนั้นผมเห็นคุณกอดกับเขา...ผมไม่ชอบ”
“ถ้าไม่ชอบก็พูดได้นี่คะ ทำไมต้องใช้กำลัง”
“งั้นผมสัญญาจะไม่ทำอีก”คัชพลพูดแล้วจับมือวีด้า “หายโกรธผมเถอะนะ”
วีด้ายืนนิ่งคิด
“ให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ” คัชพลพูดต่อ
วีด้าคิด แล้วตอบ “ได้ค่ะ”
“ขอบคุณมากครับวีด้า ผมสัญญาว่าผมจะทำตัวให้ดีที่สุดเพื่อคุณ” คัชพลดีใจ
“ดีค่ะ เพราะฉันก็ยังไม่อยากไปจากคุณ..ในตอนนี้” วีด้าว่า
“วีด้า คุณน่ารักกับผมเสมอ วันนี้คุณอยากไปไหนไปทำอะไรผมตามใจคุณเต็มที่เลย” คัชพลบอก
“เสียใจค่ะ วันนี้ฉันมีนัดสำคัญ ไว้วันหลังนะคะ”
“ก็ได้ครับ ผมจะรอนะ”
วีด้าเดินไปขึ้นรถขับออกไป คัชพลมองตาม
วีด้านั่งคิดเงียบๆคนเดียว ก่อนลุกเดินใช้ความคิด เลขาเดินเข้ามาในห้อง
“คุณวีด้าคะ โอ๋ติดต่อคุณปีเตอร์ได้แล้วนะคะ คุณปีเตอร์รับนัดแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณโอ๋” วีด้าดีใจ และคิดเดินแผนต่อทันที
วีด้านั่งรอปีเตอร์อยู่ในร้านอาหารที่โรงแรม ปีเตอร์เดินมาแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าวีด้า ทั้งสองมองหน้ากัน วีด้ายิ้มลุกขึ้นจับมือปีเตอร์นั่งลงคุยกับวีด้า วีด้าเข้าเรื่องทันที
“คุณคงได้เห็นตัวเลขที่เรายื่นเสนอไปให้คุณแล้ว ชั้นอยากให้คุณปีเตอร์ลองพิจจารณาดูก่อน หุ้นที่คุณถืออยู่ในบริษัทคุณบัญชา 28 % ทั้งหมด 560 ล้านหุ้น วีด้าขอเสนอซื้อในราคาเท่านี้ค่ะ”
ปีเตอร์ยิ้มมีเชิง ไม่ตื่นเต้นซักเท่าไหร่
“คุณคงไม่คิดจะเอาหุ้นของผมไป ด้วยข้อเสนอเพียงเท่านี้หรอกนะครับ”
วีด้าเตรียมตัวไว้แล้ว ยื่นข้อเสนอเพิ่มอีก
“ใช่ค่ะ และยังมีหุ้นของบริษัท Logistic ของชั้น ให้คุณอีก 10 %”
ปีเตอร์เริ่มสนใจ วีด้ารุกต่อ
“ซึ่งทำกำไรทุกปี สูงกว่าของบริษัท Prime Enterprise ที่คุณถืออยู่ในตอนนี้ซะอีก”
วีด้าส่งกระดาษให้ปีเตอร์ ปีเตอร์มองกระดาษแล้วยิ้มพอใจ
“เป็นตัวเลขที่น่าสนใจดี”
วีด้ายิ้มพอใจ
“ขอบคุณที่รับพิจารณานะคะ ชั้นจะรอฟังข่าวดีจากคุณค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน เหมือนบรรลุข้อตกลงไปแล้ว
บัญชากำลังประชุมงานอยู่กับคัชพลและคณะกรรมการ
บริเวณหน้าลิฟท์ มีชายในชุดสูทดูดีหนึ่งคน และชายในชุดสูทดำท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดอีก 4 คน เดินออกมาจากลิฟท์
ในขณะเดียวกัน ในห้องประชุมก็กำลังประชุมกันอยู่
“ผมคิดว่าเรือน่าจะต่อเสร็จตามกันหนดนะครับ” กรรมการพูด
ที่ด้านนอก กลุ่มชายในชุดสูทเดินผ่านออฟฟิศเข้ามา จนถึงหน้าห้องทำงานบัญชา
“แกอย่าคิด ไปเช็คให้แน่ใจว่าจะเสร็จทันส่งให้ลูกค้ามั้ย” บัญชาพูดกับคณะกรรมกาในห้องประชุม
แฟรงค์กับลูกน้องเปิดประตูพรวดเข้ามาทันที กรรมการมองงงๆ ลูกน้องแฟรงค์กระจายคุมเชิง บัญชากับคัชพลตกใจ
“แฟรงค์!” บัญชาตกใจ
“ดูเหมือนอยู่กันสบายดีนะ” แฟรงค์พูด
แฟรงค์มองไปรอบๆ ยิ้มอย่างใจเย็น เดินมาดึงกรรมการออกไปหนึ่งคน แล้วลงนั่งแทน วางปืนลงบนโต๊ะ ทุกคนตกใจ บัญชามองลูกน้อง ทำสัญญาณให้ทุกคนออกไปก่อน คัชพลลุกยืน
“แฟรงค์ นายมาทำไม” คัชพลถาม
“มาเอาเงินชั้นคืน” แฟรงค์ว่า
“เงินนายถูก ป.ป.ง ยึด มันไม่เกี่ยวกับเรา”
“แฟรงค์โมโห หยิบปืนขึ้นไก”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว! ถ้าพวกแกไม่พลาด เงินชั้นจะถูกอายัดได้ยังไง! ชั้นให้เวลาพวกแก ถ้าหาเงินมาคืนชั้นไม่ได้ก็เตรียมตัวตายกันได้เลย” แฟรงค์พูด
บัญชากับคัชพลไม่กล้าพูดตอบโต้อะไรอีก ได้แต่เครียด
เลขาบัญชายืนกระวนกระวายที่หน้าห้อง มองเข้าไปในห้อง
ยศสรัลเดินเข้ามา แล้วถาม
“มีอะไรเหรอครับ”
“คุณสรัล มีคนกลุ่มนึงอยู่ดีๆก็เดินเข้าไปในห้องท่านประธาน ห้ามยังไงก็ไม่ฟังค่ะ” เลขาบอก
“ยศสรัลจะเข้าไปดู แฟรงค์กับลูกน้องเปิดประตูเดินออกมา เจอยศสรัลที่มองจ้องอยู่
แฟรงค์กับยศสรัลจ้องหน้ากัน แล้วแฟรงค์ก็เดินผ่านออกไปยศสรัลมองตามอย่างสงสัย
บัญชากับคัชพลอยู่ในห้องทำงาน มองกันเครียด ประสาทเสีย
“จะหาเงินที่ไหนมาให้ไอ้แฟรงค์ มันไม่ปล่อยเราแน่” บัญชาว่า
“หรือเราจะสู้กับพวกมัน” คัชพลถาม
ยศสรัลเปิดประตูจะเข้ามาแต่ชะงัก แล้วแอบฟัง
เราจะไปสู้อะไรกับมาเฟียอย่างพวกมัน!!
ยศสรัลที่แง้มประตูแอบฟังอยู่ สงสัย
“มาเฟีย?” ยศสรัลพึมพำ
บัญชากับคัชพลคิดหนัก อาการบัญชาทรุดลง รู้สึกทรมาณ
“คุณพ่อ!เป็นอะไรรึป่าวครับ” คัชพลตกใจ รีบเข้ามาประคอง
ยศสรัลตกใจ รีบเข้ามาประคอง คัชพลมองหน้าสรัล สงสัยว่ายศสรัลมาแอบฟังรึเปล่าทั้งสองคนหันไปสนใจพ่อ
“พาคุณพ่อไปโรงพยาบาลก่อน” ยศสรัลว่าทั้งสองช่วยกันประคองพ่อไปโรงพยาบาล
บัญชานอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล ยังไม่รู้สึกตัว พยาบาลปรับเตียงให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไป สินีเดินมายืนกุมมือบัญชาด้วยความเป็นห่วง คัชพลกับยศสรัลคอยดูแลอยู่ใกล้ๆธัญกรเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับรัชนาธัญกรมองคัชพล คัชพลไม่ได้ว่าอะไร
ธัญกรมองบัญชาแล้วเดินเข้าดูอาการพ่อ
“คุณพ่อครับ..”
รัชนามองธัญกรด้วยความเห็นใจ ทุกคนเศร้ากันหมด
วีด้านั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ดูและเซ็นเอกสารเสียงมือถือวีด้าดังขึ้น วีด้าหยิบมองดูหน้าจอแล้วยิ้มพอใจ
“สวัสดีค่ะ คุณปีเตอร์..”
วีด้ากับปีเตอร์อยู่ที่ร้านอาหารในโรงแรม ทั้งสองชนแก้วกัน ดื่มเครื่องดื่มแล้ววางลง
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ยอมรับข้อเสนอที่เรายื่นให้” วีด้าพูด
“ข้อเสนอดีขนาดนั้น ผมคงปฏิเสธไม่ลงหรอกครับ ผมแค่สงสัยว่าคุณวีด้า ยอมลงทุนซื้อหุ้นของผมขนาดนี้ทำไม” ปีเตอร์สงสัย
วีด้ายิ้มมุมปากไม่บอกอะไร
“เอาเป็นว่าชั้นมีเหตุผลของชั้นค่ะ” วีด้าตอบ เธอยื่นมือให้ปีเตอร์ แล้วพูดต่อ
“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อตกลง”
ทั้งสองจับมือกัน
บัญชาที่หลับอยู่ในห้องผู้ป่วยอยู่เริ่มรู้สึกตัว
“คุณพ่อครับ” ยศสรัลเอ่ย
คัชพลรีบเข้ามาดู บัญชามองคัชพลกับยศสรัลแล้วมองหาสินี
“แม่ของพวกแกล่ะ” บัญชาถาม
“คุณแม่กลับไปพักที่บ้านก่อนแล้วครับ ให้นายเล็กไปส่ง” ยศสรัลตอบ
บัญชาได้ยินชื่อธัญกรก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร ถอนใจเครียดเรื่องแฟรงค์
“คุณพ่ออย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะครับ เรื่องไอ้แฟรงค์เก็บเอาไว้ก่อน” คัชพลว่า
“จะให้เก็บเอาไว้ก่อนได้ยังไง! มันวิ่งรกในหัวสมองชั้นอยู่นี่!”บัญชาพูดจบก็เครียดต่อ
คัชพลไม่อยากพูดให้เครียดอีกยศสรัลมองหน้าคัชพลอย่างสงสัย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ธัญกรขับรถมาส่งสินีที่บ้าน ทั้งสองเดินเข้าบ้านด้วยกัน มีรัชนาเดินตามมา
“ส่งแม่แค่ตรงนี้ก็ได้ตาเล็ก เดี๋ยวแม่ขึ้นไปต่อเอง” สินีกล่าว
“วันนี้ผมว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ครับ” ธัญกรบอก
สินีดีใจ “จริงเหรอลูก”
แล้วมองไปทางรัชนาที่ยืนรอธัญกรอยู่ ธัญกรมองตามแม่ เห็นรัชนายืนทำหน้าแบ๊วใส่
“แล้วเพื่อนลูกล่ะ แม่ให้รถไปส่งเอามั้ย” สินีถาม
รัชนาสะดุ้ง
“เดี๋ยวผมไปส่งเองดีกว่าครับ”
ธัญกรแยกเดินไปหารัชนาที่ยืนคอยอยู่
“งั้นหนูกลับก่อนนะคะคุณแม่”รัชนาไหว้สินี สินียิ้มแกนๆ และรับไหว้
“เธอเรียกชั้นว่าป้าหรือน้าก็ได้ ไม่เห็นต้องเรียกแม่เลย” สินีว่า
รัชนาได้ยินก็จ๋อยไป แต่แอบอมยิ้ม
รัชนาและธัญกรเดินออกไปหน้าบ้าน
“ก็นายเป็นเพื่อนชั้น แม่ของนายก็เหมือนแม่ของชั้น ผิดตรงไหนเนี่ย” รัชนาว่า
“แม่ผมหวงลูกชาย...”
รัชนามองหน้าธัญกร
“หน้าตาแบบเนี๊ย.. ไม่เห็นน่าหวงเลย”
รัชนาแอบขำ ธัญกรมองรัชนาแค้นใจ
“สวยตายล่ะ เธออ่ะ”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 19 (ต่อ)
รัชนาหัวเราะชอบใจ ก่อนหันกลับมา
“เออ ความจริงนายไม่ต้องไปส่งชั้นหรอก รีบไปอยู่เป็นเพื่อนแม่นายดีกว่า ฉันกลับแท็กซี่เองได้”
“ทำยังงั้นไม่ได้หรอก ชั้นก็ต้องไปส่งเธอก่อน” ธัญกรบอก
“ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่นายก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก”
ธัญกรคิด แล้วบอกว่า “เดี๋ยวชั้นให้คนขับรถไปส่งเธอดีกว่า ชั้นจะได้ไม่ต้องห่วง”
รัชนาซึ้งที่ธัญกรเป็นห่วงตน
รัชนายิ้มดีใจ “ไม่เป็นไรจริงๆ” เธอพูด
“นี่...ขอร้อง อย่าเยอะ!” ธัญกรว่า
“ก็ได้ นายจะได้ไม่ต้องห่วง”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
“ขอบใจมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ธัญกรบอก
“อย่าลืมจ่ายค่าเช่าด้วยล่ะ” รัชนายิ้ม
“จะพูดดีๆด้วยซะหน่อย รีบขึ้นรถกลับไปเลยปะ” ธัญกรพูด
รัชนาขำ เมื่อเห็นธัญกรโกรธใส่
เช้าวันใหม่ สินีเดินลงมาจากข้างบน เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น สินีเดินไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านโชตินุพงษ์ค่ะ”
“ไอ้บัญชามันยังไม่หายป่วยอีกเหรอไง” แฟรงค์พูดมาตามสาย
สินีแปลกใจน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเป็นมิตร
“คุณเป็นใคร” สินีถาม
“แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าชั้นเป็นใคร ชั้นแค่เป็นห่วงว่าไอ้บัญชามันจะตายก่อนเอาเงินมาคืนชั้น” แฟรงค์ว่า
“ไอ้บ้า แกเป็นใครมาพูดจาแบบนี้”
สินีฟังต่อแล้วตกใจมาก
“บอกให้มันรีบหาเงินมาคืน ไม่งั้นชั้นจะไปเอาชีวิตมันแทน”แฟรงค์หัวเราะแล้ววางสาย
สินีเป็นห่วงบัญชา
คัชพลกับยศสรัลเพิ่งแต่งตัวเสร็จ เดินลงมาชั้นล่าง สินีจ้องหน้าทั้งสองอย่่างโกรธเคืองระคนกลัว
สินี คัชพล ยศสรัล นั่งลงคุยกัน
“นี่มันอะไรกัน ใหญ่ สรัล มีคนโทรมาทวงเงินคุณพ่อ” สินีถามลูกชาย
ยศสรัลไม่เข้าใจ คัชพลคิดหนัก
“มันยังพูดขู่เอาชีวิตของพ่อด้วย” สินีพูดต่อ
“ผมก็อยากทราบอยู่เหมือนกันครับว่าทำไม” ยศสรัลมองหน้าคัชพล
ยศสรัลต้องการคำตอบ คัชพลหันหน้าหนี คุยกับแม่
“เรื่องนี้เดี๋ยวผมจะเป็นคนจัดการเองครับ ก็แค่พวกที่มาทำธุรกิจด้วยแล้วกลัวไม่ได้ตังค์ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเตรียมแผนไว้แล้ว”
สินีแม้จะยังไม่หายกังวล แต่ก็สบายใจขึ้นหน่อยแล้ว
ยศสรัลเป็นห่วงมาก ไม่รู้คัชพลคิดจะทำอะไร
วีด้ากับคัชพลนั่งทานอาหารกลางวันอยู่ด้วยกัน คัชพลดูเครียดไม่ค่อยทานอาหาร วีด้าสังเกต
“เห็นคุณใหญ่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกวีด้าเรื่องอะไรเหรอคะ”
คัชพลถอนใจ ตัดสินใจบอก
“ผมอยากขายหุ้น ที่ลงทุนร่วมกับคุณ”
“ทำไมล่ะคะ” วีด้าแอบพอใจ
“ผมมีปัญหานิดหน่อยครับ จำเป็นต้องใช้เงิน” คัชพลพูดไม่ค่อยเต็มปากนัก รู้สึกเสียหน้า
“งั้นวีด้าไม่ถามแล้วกันค่ะ แต่วีด้าจะช่วยดูลูกค้า ที่จะมาซื้อหุ้นต่อจากคุณให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
-คัชพลเครียดอีก วีด้าแอบพอใจ
ธัญกรกับรัชนาทานอาหารกันอยู่ที่ข้างทาง
“พ่อนายเป็นยังไงบ้าง?” รัชนาถาม
“อาการก็ยังทรงอยู่ เฮ้อฉันไม่ชอบให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย ให้ตายเถอะ!”
“อย่าเพิ่งตายซิ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของโลก ทุกคนต้องเจอ และนายจะต้องผ่านมันไปได้ พ่อนายจะต้องหาย เชื่อฉันสิ”
ธัญกรเอื้อมมือไปจับมือรัชนาอย่างรู้สึกดี “ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันไง ขอบคุณที่ให้กำลังใจ และขอบคุณที่ไม่ทิ้งฉัน”
รัชนายิ้มเขินเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาธัญกร
ทันใดนั้นรัชนาก็เหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์ที่นั่งตรงข้าม 2-3 คน นั่งมองมาทางรัชนากับธัญกร รัชนาชะงัก ธัญกรแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ?” ธัญกรถาม
“ฉันเห็นผู้ชายโต๊ะนั้น นั่งจ้องเรามานานแล้วนะ” รัชนากระซิบ
“อิ่มหรือยัง?” ธัญกรว่า
รัชนาพยักหน้า
“งั้นกลับกันเถอะ”ธัญกรว่า
“ป้าครับ! ค่าข้าว ไม่ต้องทอนนะครับ” ธัญกรควักเงินมาจ่าย แล้วจูงมือรัชนาเดินออกไป
ชายฉกรรจ์โต๊ะตรงข้ามมองมาที่ทั้งสองก่อนลุกเดินตามไป
ธัญกรจูงมือรัชนาเร่งฝีเท้ากลับคอนโดชายฉกรรจ์ 2-3 คนนั้นยังเดินตามมาเรื่อยๆรัชนาหันมองด้วยความกังวล
“พวกเขาตามเรามาจริงๆด้วย” รัชนาว่า
ธัญกรหันมองเห็นชายฉกรรจ์เหล่านั้นเดินตามมาจริงๆ ก็ตัดสินใจลากรัชนาเดินเลี้ยวไปอีกทาง
“นายจะไปไหน ไม่กลับคอนโดฯเหรอ?” รัชนาสงสัย
“เงียบ…แล้วตามมาเถอะน่า” ธัญกรบอก
ชายฉกรรจ์เห็นธัญกรกับรัชนาหายไปอีกทางก็พากันแปลกใจ มองหน้ากัน
“ตามไป!” ชายคนหนึ่งตัดสินใจ
ชายฉกรรจ์พากันวิ่งมาถึงอีกมุมกหนึ่ง แต่ธัญกรกับรัชนาหายไปแล้ว
“หายไปไหนวะ ไวชิบหาย” ชายคนหนึ่งสบถ
“แยกย้ายออกตามหา” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งสั่งลูกน้อง
ชายฉกรรจ์ทั้งหมดวิ่งแยกย้ายกันไปคนละทาง
ธัญกรกับรัชนาค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากหลังถังขยะ รัชนากลั้นหายใจจนหน้าเขียวเพราะเหม็น
“แค่กๆๆ โอ้ย! เหม็น นึกว่าจะตายซะแล้ว!” รัชนาพูด ไอเสียงดัง
“ชู่เบาๆซิ เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาหรอก ไปเร็ว!” ธัญกรว่า แล้วคว้ามือรัชนาจะเดินกลับไปทางเก่า แต่ก็ต้องชะงัก เพราะมีชายฉกรรจ์คนหนึ่งมาดักหน้าไว้
“แกคิดว่าพวกฉันโง่หรือไงหาไอ้ไก่อ่อน!”
ธัญกรจะหันหลังวิ่งไปอีกทาง แต่ก็เจอชายฉกรรจ์อีกสองคนวิ่งมาดักไว้เหมือนกัน
“ทำไงกันดี” รัชนาเอ่ย
ธัญกรทำใจดีสู้เสือ“พวกแกต้องอะไร? จะเอาเงินใช่มั้ยเอ้า...เอาไปเลย” ธัญกรพูดแล้วยื่นกระเป๋าสตางค์ให้
“ใช่ๆ แถมนาฬิกา กับโทรศัพท์ให้ด้วย” รัชนาว่า
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคว้ากระเป๋าตังค์ของธัญกรไป ก่อนจะปาลงพื้น
“ฉลาดดีนี่ไอ้น้องที่รู้ว่าพี่ต้องการเงิน แต่ไม่ใช่เงินกิ๊กก๊อกของแก! เจ้านายพี่ต้องการเงินก้อนใหญ่ ใหญ่มากจากพ่อกับพี่ของแก”
“เงินก้อนใหญ่ เงินอะไร” ธัญกรถาม
“ถามพ่อแกดูซิ อ้อ...หลังจากถาม ก็ช่วยบอกมันด้วยว่า เจ้านายพี่ต้องการเงินก้อนนี้ด่วนมาก ไม่งั้นละก็ แกอาจจะต้องเดือดร้อนกันทั้งตระกูล” ชายคนหนึ่งพูด
ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งก็ต่อยธัญกรล้มคว่ำลงไปกับพื้น ก่อนชายทั้งสามจะระเบิดหัวเราะแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว รัชนาประคองธัญกรที่ปากแตกขึ้นมา
“นายเป็นไงบ้างโอเคมั้ย” รัชนาว่า
ธัญกรพยักหน้า แต่สายตายังตามชายฉกรรจ์ไป
เช้าวันใหม่ สินีคุยโทรศัพท์กับธัญกร
“ว่าไงนะ เมื่อคืนมีคนมาดักขู่ทำร้ายลูกเหรอตาเล็กแล้วลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” สินีพูด ตกใจมาก
“ผมไม่เป็นไรครับแม่ พวกมันแค่มาขู่พวกมันบอกว่า ให้ผมไปบอกพ่อกับพี่ใหญ่ให้เอาเงินไปคืนมันด่วน เงินอะไรครับแม่” ธัญกรถาม
“เรื่องนี้แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” สินีบอก
คัชพลกำลังจะออกไปทำงาน ได้ยินสินีคุยโทรศัพท์กับธัญกรก็หยุดฟังด้วยความกังวลใจ
“แต่เมื่อวันก่อนก็มีโทรศัพท์ลึกลับโทรมาทวงเงินที่บ้าน แม่ว่ามันต้องเป็นพวกเดียวกันแน่ ดูแลตัวเองดีๆนะตาเล็ก ส่วนเรื่องนี้แม่คงต้องทำอะไรสักอย่าง” สินีว่า
“ครับแม่ แม่ก็ระวังตัวด้วยนะครับ” ธัญกรกล่าวแล้ววางสายไป
สินีครุ่นคิดแล้วตัดสินใจคว้ากระเป๋าจะเดินออกจากบ้านไป แต่คัชพลรีบเอ่ยทัก
“แม่ครับ!”
“ตาใหญ่...มาก็ดีแล้ว ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะลูก”
“ไปไหนครับ?”
“ไปแจ้งความ”
“แจ้งความ!” คัชพลตกใจ
“มีคนไปดักขู่นายเล็กเมื่อคืน เพราะต้องการเงิน แม่ว่ามันต้องเป็นพวกเดียวกับที่โทรมาทวงเงินเราเมื่อวันก่อน เราต้องแจ้งความกันไว้ก่อน” สินีพูด
“ไม่ได้นะครับ แจ้งความไม่ได้”
“ทำไมถึงจะแจ้งความไม่ได้ แกมีอะไรปิดบังแม่อยู่หรือเปล่าตาใหญ่?”
“ไม่มีครับ ก็ผมบอกแม่แล้วว่า พวกนี้มันก็แค่ไอ้พวกที่มาร่วมธุรกิจกับเราแล้วกลัวไม่ได้ตังค์ ถ้าแจ้งความมันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ Prime Enterprise จะเสื่อมเสียชื่อเสียง และกระทบกับความเชื่อมั่นของคนที่จะมาลงทุนกับเรานะครับแม่ เชื่อผมซิครับ เรื่องนี้ผมจัดการได้” คัชพลอ้าง
สินีมองหน้าคัชพล ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็ยอมฟังโดยดี ทั้งสองคุยกันโดยไม่รู้เลยว่า ยศสรัลยืนฟังอยู่ด้วยความสงสัยและกังวลใจ
คัชพลนั่งดื่มเหล้าด้วยความเครียดที่ยังหาเงินจ่ายแฟรงค์ไม่ได้ยศสรัลเข้ามาหา
“พี่ใหญ่” ยศสรัลเรียก
“ไอ้สรัลแกมีอะไร” คัชพลถาม
“พี่มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?”
“ช่วย ช่วยเหรอ แกช่วยฉันไม่ได้หรอก”
“ถ้าพี่ไม่บอกผมก็ช่วยพี่ไม่ได้หรอกครับ”
“ถึงฉันบอกไปแกก็ช่วยฉันไม่ได้อยู่ดี”
“พวกที่โทรมาทวงเงินคุณแม่ แล้วก็ไปดักขู่นายเล็ก เป็นพวกเดียวกับที่มาบริษัทเราวันนั้นหรือเปล่าครับ” ยศสรัลถามต่อ
คัชพลนิ่งไม่ตอบ
พวกเขาเป็นใครคุณพ่อกับพี่ใหญ่ไปติดเงินอะไรเขา ทำไมถึงต้องตามราวีครอบครัวเราไม่เลิกแบบนี้”
“แกไม่ต้องยุ่ง! ไอ้สรัล ฉันบอกแล้วว่าเรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ แกแค่อยู่ห่างๆวีด้า อย่าให้ฉันต้องเครียดหลายเรื่องก็พอ!” คัชพลคัดบท กระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ แล้วเดินกลับเข้าบ้านไป ยศสรัลมองตามคัชพลอย่างเป็นห่วง
อ่านต่อหน้าที่ 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 19 (ต่อ)
วันต่อมา คัชพลอยู่ในห้องทำงาน กำลังคุยโทรศัพท์กับวีด้า
“ขอโทษด้วยนะคะที่วีด้าไม่ได้ไปด้วย ตอนนี้ลูกค้าน่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ” วีด้าพูด
“อืม ขอบคุณมากนะครับวีด้า ที่ช่วยหาคนมาซื้อหุ้นให้ผม”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“สงสัยเค้ามาแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ” คัชพลวางสายและบอกคนที่มาเคาะประตู “เชิญครับ”
เลขาเปิดประตูพากำพลเข้ามา
“ลูกค้ามาถึงแล้วค่ะ รออยู่ที่ห้องรับรองค่ะ”
คัชพลลุกจัดเสื้อผ้า เดินไปหากำพล
กำพลกับคัชพลจับมือทักทายกัน แล้วนั่งลงคุยกัน
“ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าห์สละเวลามา” คัชพลว่า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ใครๆก็รู้ว่าถ้าได้ซื้อหุ้นต่อจากเครือโชตินุพงษ์ ยังไงก็คุ้ม” กำพลเอ่ย
“ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ”
เลขาเดินเข้ามาและเอาเอกสารรายละเอียดวางให้กำพลแล้วเดินออกไป กำพลเปิดเอกสารดูผ่านๆ
“ลองอ่านรายละเอียดดูนะครับ” คัชพลบอก
“จริงๆผมก็ศึกษารายละเอียดมาก่อนหน้านี้แล้วไม่ต่างจากที่ผมคิดซักเท่าไหร่” กำพลพูดพร้อมกับพลิกดูเอกสารไปด้วย
คัชพลยิ้มอย่างพอใจ กำพลเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอกสารราคาเสนอซื้อมายื่นให้คัชพล
คัชพลยิ้มรับมาอ่านดู หน้านิ่วทันที
“และนี่คือราคาเสนอซื้อของผมครับ” กำพลว่า
“อะไรกัน! นี่มันราคาแค่ครึ่งเดียวเอง!” คัชพลพูด
กำพลพยักหน้า
“ถ้าจะดูถูกกันขนาดนี้ ก็เชิญคุณออกไปได้แล้ว!” คัชพลบอก
กำพลลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า “คุณจะไม่ลองคิดดูให้ดีก่อนเหรอ”
“เชิญครับ!” คัชพลเอ่ย
กำพลเดินออกจากห้องไป คัชพลเจ็บใจที่โดนดูถูก เขาปัดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะจนกระจัดกระจาย
คัชพลนั่งเครียดอยู่ภายในห้องทำงาน เห็นเอกสารกระจายเกลื่อนอยู่ เขาคุยโทรศัพท์เครียดเพราะหาคนมาซื้อหุ้นไม่ได้
“ยังหาคนสนใจไม่ได้อีกเหรอผมก็รู้ว่าเงินมันไม่ใช่น้อย แต่หน้าที่คุณคุณก็ต้องหาคนมาซื้อให้ได้ เข้าใจมั้ย” คัชพลว่า
คัชพลนั่งกุมขมับ ขยี้เอกสารตัวเลขราคาที่กำพลเสนอ
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ยศสรัลเปิดประตูเข้ามา มองไปที่พี่ชายและดูทั่วห้อง เห็นของหล่นกระจายเต็มห้อง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับพี่ใหญ่” ยศสรัลถาม เขามองและหยิบกระดาษที่อยู่บนโต๊ะมาคลี่อ่านดู
“ชั้นจะขายหุ้นที่ร่วมทุนกับคุณวีด้า แต่มันดันมากดราคากันเกินไป ชั้นไม่โง่ขายให้มันหรอก” คัชพลตอบน้องชาย
ยศสรัลมองหน้าคัชพล รู้สึกเครียดไปด้วย
“เดี๋ยวผมจะลองติดต่อนักธุรกิจคนอื่นๆดูให้นะครับ เผื่อจะมีคนสนใจ” ยศสรัลเอ่ย
“ขอบใจ” คัชพลพูด
ยศสรัลยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป คัชพลมองตามน้องชาย
วีด้ากับเกรซลงนั่งที่โซฟาในบ้านของดนัย ดนัยหน้าตาดีขึ้นแล้ว รอยเขียวช้ำจางหมด
“วีด้ากับเกรซแวะซื้อมาฝากค่ะ” เกรซพูด ส่งของเยี่ยมให้
ดนัยยิ้มส่ายหัวมองวีด้า “ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาเลย”
“ดนัยดีขึ้นแล้วนะคะ หน้าหายหมดแล้ว” วีด้าเอ่ย
“ครับ”
“ดนัยคงมีกำลังใจดีแน่ๆเลย ช่วงเนี้ยะ ใช่มั้ยคะ” เกรซว่า
วีด้ายิ้มแล้วตีแขนเพื่อน ดนัยยิ้มแล้วเอื้อมจับมือวีด้า
“ขอบคุณนะครับ ที่คอยเป็นห่วงผม”
วีด้ายิ้มมองดนัย เกรซมองสองคนแล้วก็จ๋อยๆ ไป
ยศสรัลนั่งคิดหาลูกค้ามาซื้อหุ้นคัชพล เขาลองติดต่อลูกค้าอยู่หลายราย ก็ยังไม่ได้ราคาที่พอใจ
วันหนึ่ง เลขาเดินเอาเอกสารมาให้ยศสรัล เขานั่งอ่านรายละเอียด
“นี่เป็นแต่ละรายล่าสุดค่ะ” เลขาว่า
ยศสรัล ต่อสายโทรศัพท์
“สวัสดีครับ คุณวันชัย”
ยศสรัลมาพบวันชัยที่โรงแรม ทั้งสองจับมือกันยิ้มยินดี
“ขอบคุณมากนะครับที่เสนอราคาให้เราดีขนาดนี้” ยศสรัลเอ่ย
“อะไรกันคุณ ราคานี้ผมว่ามันสมเหตุสมผลแล้วนะครับ ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าคุณจะรีบขายทำไม ทั้งที่แนวโน้มมันดูดีมาก” วันชัยพูด
ยศสรัลพูดไม่ออก เขายิ้มแล้วตอบว่า “เรามีความจำเป็นน่ะครับ แล้วเรื่องรายละเอียดกับเอกสารสัญญา ผมจะติดต่อมาอีกทีนะครับ”
ทั้งสองลุกขึ้นจับมือกัน วันชัยเดินออกไปยศสรัลยิ้มอย่างมีความหวัง
เมื่อยศสรัลเดินผ่านหน้าฟรอนท์โรงแรมก็สวนกับปีเตอร์
“อ้าว คุณสรัล” ปีเตอร์ทัก
“คุณปีเตอร์..” ยศสรัลหยุดคุย
“ได้ข่าวคุณบัญชาไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง” ปีเตอร์ถาม
“อาการคุณพ่อก็ยังทรงตัวอยู่ครับ”
“ว่างๆผมจะไปเยี่ยมนะ”
“ขอบคุณครับ..”
ทั้งสองกำลังจะเดินไป ปีเตอร์พูดต่อ
“อ้อ อีกเรื่อง.. ผมตกลงขายหุ้นบริษัทคุณ ให้คนอื่นไปทั้งหมดแล้วนะ”
“เพราะอะไรคุณถึงขายเหรอครับ” ยศสรัลงง
“เพราะเค้าเสนอมาราคาดี จนผมปฏิเสธไม่ได้” ปีเตอร์ยิ้ม
“แล้วใครเป็นคนซื้อไปครับ” ยศสรัลถามอย่างสงสัย
“คุณวีรดา แฟนคุณคัชพลไง เธอน่ารักดีนะ”
ยศสรัลได้ฟังคำตอบก็ตกใจมาก
ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาที่หน้าแผนกประชาสัมพันธ์ภายในโรงพยาบาลพร้อมช่อดอกไม้1ช่อ
“เรามาเยี่ยมคุณบัญชา โชตินุพงษ์ครับ” ชายคนหนึ่งกล่าว
พนักงานต้อนรับเงยหน้ามองลูกน้องแฟรงค์ แล้วตกใจนิดๆ
สินีกำลังประคองบัญชาให้นั่งพิงหมอนหัวเตียงในห้องผู้ป่วย
“เฮอะ! ทำไมชั้นต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าทุเรศแบบนี้ด้วย” บัญชาพูด รู้สึกหงุดหงิดสภาพตัวเอง
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะคุณ เรามีเงินออกตั้งเยอะ ยังไงหมอก็ต้องรักษาคุณให้หายได้แน่นอนค่ะ” สินีว่า
“ถ้าคนมันจะตาย คิดว่าเงินมันจะซื้อชีวิตไว้ได้เรอะ ผมรู้สภาพของผมน่า” บัญชากล่าว
สินีรู้สึกกลุ้มใจ ลูกน้องแฟรงค์เปิดประตูเดินเข้ามาหาบัญชาพร้อมช่อดอกไม้บัญชากับสินีงง
“คุณแฟรงค์ฝากให้พวกเรามาเยี่ยม คุณบัญชา สบายดีนะครับ” ชายคนหนึ่งกล่าว
เมื่อได้ยินชื่อแฟรงค์ บัญชาก็ตกใจ
“ชั้นไม่ได้อยากให้พวกแกมา” บัญชาว่า
“แต่คุณแฟรงค์อยากให้พวกเรามาดูอาการคุณ กลัวว่าคุณจะรีบตายไปซะก่อน”
“แก!”บัญชาจะลุกขึ้นมาต่อย แต่ลุกไม่ไหว
สินีรีบเข้าประคองบัญชา พวกลูกน้องแฟรงค์หัวเราะ ทิ้งช่อดอกไม้ไปที่ตัวบัญชา แล้วหันหลังเดิน กำลังจะกลับ
“อ้อเรื่องเงินของคุณแฟรงค์น่ะ ถ้ามันไม่ได้ หรือชักช้าเกินไป คุณอาจจะตายเร็วกว่าที่คิดก็ได้”พวกลูกน้องแฟรงค์เมื่อพูดจบก็หัวเราะร่วน แล้วเดินออกไป
สินีขวัญเสีย ไม่เข้าใจว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่ เธอมองหน้าบัญชา ก็เห็นบัญชาอาการกำเริบ เจ็บปวดทรมาน
“คุณ! คุณคะ!” สีนีพูด แล้วรีบกดสัญญาณเรียกพยาบาล
บัญชานอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยมีสินีนั่งกุมมือคัชพลกับยศสรัลก็ยืนอยู่ด้วย
“ไอ้แฟรงค์!” คัชพลเจ็บใจ
“คุณคะ.. ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ทำเวรทำกรรมอะไรไว้นักหนา” สินีรำพึงกับบัญชา
คัชพลมองแม่เครียดๆ ยศสรัลคิดหนัก รู้สึกไม่สบายใจไปด้วย เขานึกถึงคำพูดของปีเตอร์
“เพราะเค้าเสนอมาราคาดีจนผมปฏิเสธไม่ได้”
“ใครเป็นคนซื้อไปครับ”
“คุณวีรดาแฟนคุณคัชพลไง เธอน่ารักดีนะ”
เมื่อนึกไป ยศสรัลก็รู้สึกโกรธ คิดว่าเป็นหนึ่งในแผนของวีด้า เขามองพ่ออีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีแม่กับพี่ชายมองตาม
ยศสรัลขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดหน้าคอนโดของวีด้าคอยวีด้ากลับมา เขาคอยอยู่จนค่ำ แล้วก็เห็นรถของวีด้าเข้ามาจอด เมื่อวีด้าลงจากรถ ยศสรัลเดินเข้าดึงแขนทันที
“โอ๊ย!!คุณ” วีด้าอุทานเมื่อเห็นว่าเป็นยศสรัล
“ใช่ ผมเอง”
ยศสรัลบีบแขนวีด้า เธอรู้สึกเจ็บ
“โอ๊ย! นี่คุณ!! ชั้นเจ็บนะ เป็นบ้าอะไร!” วีด้าพูดพลางสะบัดแขน
“คุณมาแอบซื้อหุ้นบริษัทผมไป” ยศสรัลพูดต่อ
วีด้าอึ้งที่ยศสรัลรู้แล้ว เธอออกแรงสะบัดจนหลุดออก แล้วจับแขนด้วยความเจ็บเจ็บ
“ชั้นไม่จำเป็นต้องแอบ! ชั้นอยากได้ชั้นก็ขอซื้อมาจากคุณปีเตอร์ไง” วีด้าว่า
“คุณซื้อเพราะคุณมีแผน หยุดจองเวรกับครอบครัวของผมซักทีได้มั้ย วีด้า!” ยศสรัลพูด
“ไปบอกพ่อคุณให้หยุดก่อนสิ! พ่อคุณไม่ยอมปล่อยแม่ชั้นเอง” วีด้าสวนกลับ
“คุณพูดเรื่องอะไร” ยศสรัลไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องพ่อคุณ ตามมารังควานแม่ชั้นน่ะสิ แล้วคุณยังกล้ามาพูดให้ชั้นหยุดเหรอ หรือยังไม่รู้ ว่าพ่อคุณเป็นยังไง ทำอะไรไว้บ้าง” วีด้าพูด
“ผมยังไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร และเราก็ต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่องขึ้นรถไปกับผม” ยศสรัลพูดแล้วลากแขนวีด้าขึ้นรถ
“ปล่อยชั้นนะ ชั้นไม่ไปกับคุณ”
“วีด้า คุณไม่กลัวรึไง ผมรู้เรื่องที่ดนัยโดนพี่ใหญ่ทำร้าย ถ้าเค้ารู้ว่าคุณทำอะไรกับพวกเรา คุณไม่กลัวว่าเค้าจะทำอะไรคุณเหรอ”
“ขนาดพ่อคุณ ชั้นยังไม่กลัว แล้วทำไมชั้นจะต้องกลัวพี่ชายคุณ” วีด้าพูดอย่างสะใจ
“วีด้า ผมเป็นห่วงคุณนะ!” ยศสรัลกลุ้มจ้องหน้าวีด้า
วีด้าจ้องกลับพูดไม่ออกเสียงมือถือยศสรัลเข้า ยศสรัลดูหน้าจอแล้วกดรับ
“คุณแม่..” ยศสรัลรับสาย
“สรัล อาการพ่อไม่ดีเลย ลูกรีบกลับมานะ สรัล” สินีพูด
“คุณพ่ออาการทรุดเหรอครับ! ผมจะรีบกลับไปครับ”ยศสรัลตกใจ ไม่สนใจวีด้าแล้ว รีบกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
วีด้าได้ยิน คิด แล้วเชิดทำเป็นไม่สนใจอาการบัญชา
ธัญกรวางสายจากสินีแล้วนั่งเครียด ตรงหน้าเขามีกองเอกสารวางกระจายอยู่รัชนาเดินผ่านมาก็สังเกตเห็นเธอเดินเข้ามาหาและนั่งลงใกล้ๆ
“มีเรื่องเครียดอีกแล้วเหรอ” รัชนาถาม
“อาการพ่อผมทรุดอีกแล้ว” ธัญกรว่าเขารู้สึกเครียด มองกองเอกสารตรงหน้า
“คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวพอร์ตงานพวกนี้ ชั้นจัดเรียงให้เอง” รัชนาพูด จับไหล่ธัญกร
ธัญกรมองหน้ารัชนาอย่างรู้สึกขอบคุณ รัชนายิ้มจริงใจ เป็นกำลังใจให้ แล้วธัญกรก็ลุกไป
“เฮ้อ.. แฟนชั้นก็ไม่ใช่ นายจะเห็นความดีชั้นบ้างมั้ยเนี่ย” รัชนาพูด มองตามธัญกรไป
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 19 (ต่อ)
บัญชานอนหลับอยู่ที่เตียงผู้ป่วย มีเครื่องช่วยหายใจประคองชีวิต โดยมีสินี ยศสรัล คัชพล อยู่ดูอาการอย่างเป็นห่วงธัญกรเปิดประตูเดินเข้ามาหา มองดูพ่อและเครื่องช่วยหายใจ เขารู้สึกเป็นห่วงพ่อมากจนจะร้องไห้ ยศสรัลเดินเข้ามาโอบไหล่ปลอบน้องชาย คัชพลถอนใจหมดหนทาง
“คุณแม่กลับไปพักที่บ้านก่อนเถอะครับ เฝ้าคุณพ่อมาทั้งวันแล้ว”คัชพลพูด
“แม่ไม่เป็นไรหรอก แม่อยากจะอยู่เฝ้าพ่อต่อ” สีนีว่า
“คุณแม่กลับไปพักเถอะนะครับ ผมจะอยู่เฝ้าคุณพ่อเอง” ธัญกรบอก
คัชพลยังไม่วางใจ มองหน้าธัญกร
“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมโตขึ้นมากแล้ว ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณพ่ออย่างดี” ธัญกรบอกพี่ชาย
สินีปลื้มใจ คัชพลมองหน้ายศสรัลขอความเห็น ยศสรัลพยักหน้าเห็นด้วยกับธัญกร
“พรุ่งนี้เราต้องเข้าบริษัทกันแต่เช้า ทางนี้มีนายเล็กอยู่ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกครับ” ยศสรัลว่า
คัชพลคล้อยตามยศสรัล
“ดูแลคุณพ่อให้ดีล่ะ” คัชพลพูดกับน้องชาย
“ครับ” ธัญกรยิ้มและตอบรับ
-คัชพลเดินออก ยศสรัลประคองสินีไป
ตกกลางคืน บัญชาหลับ โดยมีธัญกรนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง เขามองดูพ่อที่กำลังป่วยหนักแล้วรู้สึกเศร้าธัญกรจับมือพ่อ แล้วพูดว่า
“คุณพ่อครับ หายเร็วๆนะครับ ถ้าคุณพ่อหายผมจะกลับไปอยู่บ้านด้วย ถึงคุณพ่อจะยอมหรือไม่ก็ตาม”
บัญชารู้สึกตัว แต่แสดงอาการได้ไม่มากนัก
“ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณพ่อ ถึงไม่ยอมให้ผมทำงานที่บริษัท ทำไมถึงคอย เปรียบเทียบผมกับพี่ๆ” ธัญกรพูดต่อ
บัญชารู้สึกตื้นตัน
“พอผมออกไปทำงานข้างนอกมา ผมถึงได้รู้ว่า กว่าคนเราจะขึ้นไปทำงานในตำแหน่งที่สำคัญได้ เราต้องเรียนรู้ความลำบากจากขั้นพื้นฐานก่อน เพื่อให้เราเห็นคุณค่าของมันขอบคุณคุณพ่อมากนะครับ ที่สอนผม ถึงมันจะเป็นในแบบของคุณพ่อก็ตาม” ธัญกรพูด
บัญชาน้ำตาไหล
-กว้างภาพออก เห็นสองพ่อลูก อยู่ด้วยกัน
เช้าวันใหม่ วีด้าขับรถมาที่โรงพยาบาลในชุดสีดำทั้งชุด พร้อมตะกร้าของเยี่ยม เธอลงจากรถแล้วถอดแว่นตาดำออก มองเข้าไปในโรงพยาบาลก่อนจะเดินเข้าไป
ธัญกรยังนั่งหลับอยู่ข้างเตียงในห้องผู้ป่วย บัญชาตื่นลืมตาขึ้นมาก่อนแล้วมองธัญกรที่ยังไม่ตื่น เขามองลูกชายคนเล็กอยู่อย่างนั้น ภูมิใจที่ลูกมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เสียที บัญชาค่อยๆเลื่อนมือขึ้นมา จะลูบหัวธัญกร ธัญกรรู้สึกตัวตื่น บัญชาผละมือออกแล้วแกล้งหลับต่อธัญกรลุกขึ้นมา ขยี้ตาแล้วมองพ่อ
“คุณพ่อ..” ธัญกรขยับผ้าห่มให้พ่อเล็กน้อย แล้วลุกเดินเข้าห้องน้ำไปบัญชาลืมตามองตามธัญกร
วีด้าเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยที่บัญชาพักอยู่ แล้วหยุดอยู่หน้าประตู เธอแง้มประตูมองเข้าไปข้างในวีด้าแอบมองเข้ามา สำรวจจนแน่ใจว่าไม่มีใคร เธอเดินเข้าห้องไปหาบัญชาบัญชาเห็นวีด้าเดินเข้ามา ยิ้มให้ตนแปลกๆ แล้วจ้องหน้า
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณบัญชา” วีด้าพูด
บัญชาแปลกใจมากที่วีด้าทักแบบนั้น
วีด้ามองนิ่งๆบัญชาอึ้ง ไม่เข้าใจ
ธัญกรกำลังจะเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ แต่ที่ประตูทางเข้ายศสรัลเปิดเข้ามาก่อน
“วีด้า!” ยศสรัลว่า
วีด้าหันมอง ยศสรัลเดินเข้ามา
“คุณมาที่นี่ทำไม“ ยศสรัลพูดกับวีด้าเบาๆ
“ ก็มาเยี่ยมพ่อคุณไงคะ” วีด้าใจแข็งสู้
ธัญกรออกมาจากห้องน้ำ งงกับอาการของยศสรัล
“คุณทำแบบนี้ทำไม เมื่อไหร่จะเลิกอาฆาตแค้นซะที” ยศสรัลพูดแล้วคว้าแขนวีด้า
“คุณพูดเรื่องอะไร ชั้นไม่เข้าใจ!” วีด้าพูด
บัญชาอึ้ง หายใจแรงขึ้น ยศสรัลห่วงพ่อ
“ถ้าพ่อผมเป็นอะไรไป ผมไม่ให้อภัยคุณแน่” ยศสรัลพูดกับวีด้าเบาๆ
“ชั้นไม่ต้องการให้คุณอภัย” วีด้าพูดเสียงเบาลง จ้องอย่างเอาจริง
“วีด้า!” ยศสรัลโกรธ
เสียงดังของยศสรัลกับวีด้าทำให้บัญชายิ่งเครียด อาการกำเริบ บัญชาหายใจแรงดวงตาเบิกกว้าง จ้องวีด้ายศสรัลยิ่งห่วงบัญชา แต่ก็ติดเรื่องอยู่กับวีด้าธัญกรตัดสินใจแสดงตัว ยศสรัลกับวีด้าหันมอง วีด้าตกใจ
“นี่มันอะไรกันครับ” ธัญกรว่า
วีด้าดึงแขนออกจากยศสรัล มองหน้ายศสรัลและบัญชาแล้วเดินออกไป
บัญชานอนหลับอยู่บนเตียง ยศสรัลกับธัญกรยืนมองดูพ่อธัญกรสังเกตบัญชา เมื่อเห็นว่าหลับสนิทแล้ว เริ่มสนทนากับยศสรัล
“มันเรื่องอะไรกันครับพี่สรัล คุณวีด้าเค้ามีความแค้นอะไรกับครอบครัวของเรา”
ยศสรัลไม่แน่ใจที่จะเล่า มองดูพ่อที่หลับสนิทไปแล้ว จึงตัดสินใจระบาย
“เล็ก นายจำน้าชาติชาย กับน้ากานดาได้มั้ย” ยศสรัลพูด
ธัญกรพยายามนึก นึกไม่ออก บัญชาแอบลืมตาแล้วแกล้งหลับฟังทั้งสองคุยกัน
“ตอนนั้นนายคงเด็กเกินไป เค้าเคยเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจกับคุณพ่อ วีด้าในตอนนี้ก็คือแพร เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่นายชอบวิ่งเล่นด้วยอยู่บ่อยๆในตอนเด็ก”
“เหรอครับ เอ๊ะ... แล้วทำไมคุณวีด้า เค้าถึงได้แค้นครอบครัวเราละครับ” ธัญกรอึ้ง
“วีด้าเค้าอาจจะเข้าใจผิด ว่าคุณพ่อไปหักหลังน้าชาติชาย จนเป็นสาเหตุให้น้าชาติตาย และน้ากานดาก็เสียสติ เท่าที่พี่รู้มาคุณวีด้าเค้าต้องทรมานและลำบากมาก กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้” ยศสรัลเล่า“อะไรกันเนี่ย ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ งั้นที่คุณวีด้าเข้ามา ก็เพื่อจะแก้แค้นอย่างงั้นเหรอครับ” ธัญกรเอ่ย
“มีอีกเรื่องที่พี่หนักใจ ตอนนี้วีด้าพยายามปั่นหัวพี่ใหญ่ และเรื่องธุรกิจของครอบครัวเราด้วย” ยศสรัลถอนใจ
“คุณวีด้าไม่น่าจะ... ไม่น่าจะทำแบบนั้นนะครับ” ธัญกรว่า
“เล็ก ถ้าพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้ คุณวีด้าต้องมีอันตรายแน่ๆ และพี่ใหญ่ก็จะเดือดร้อน” ยศสรัลบอก
บัญชาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตาโกรธแค้น กำหมัดแน่น
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ” ธัญกรอึ้งเพราะคิดไม่ถึง
“พี่จะต้องหยุดเค้าให้ได้!” คือคำตอบจากยศสรัล
วีด้าเข้ามาที่บริษัท เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ถือชุดดำที่ใส่ตอนเช้าออกมา แล้วเดินไปกดอินเตอร์คอม
“คุณโอ๋คะ ช่วยเข้ามาในห้องด้วยค่ะ”
“ค่ะคุณวีด้า”
เลขาเปิดประตูเข้ามา “มีอะไรรึป่าวคะคุณวีด้า”
“ช่วยเอาไปทิ้งด้วยค่ะ” วีด้ายื่นชุดดำให้เลขา
เลขางงหนักกว่าเก่า รับชุดมาแล้วดูๆ รู้สึกเสียดาย
“เสียดายจัง ยังใหม่อยู่เลย” เลขาเอ่ย
วีด้าไม่สนใจ เดินไปนั่ง เลขาเดินออกจากห้องไป
มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วีด้าหยิบมาดูหน้าจอ เห็นเป็นชื่อคัชพลแล้วก็เฉย วางโทรศัพท์ปล่อยให้ดังจนหยุด มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาอีกครั้ง วีด้าหยิบขึ้นมา แล้วกดตัดสาย
คัชพลงงที่ถูกตัดสายไปซะเฉยๆ ลองโทรอีกครั้งเครื่องวีด้าก็ปิดซะแล้ว
“อะไรกันวะ” คัชพลหงุดหงิด
คัชพลเก็บมือถือ กำลังจะเดินออกจากห้องทำงานก็มีเสียงโทรสวนเข้ามา คัชพลดูหน้าจอ แล้วรับ
“ว่าไงสรัล” คัชพลว่า
“บ่ายนี้ พี่ใหญ่อยู่ออฟฟิศรึป่าวครับ”
“ไม่อยู่ ชั้นจะไปหาวีด้า”
“วีด้า? พี่จะไปหาเค้าเหรอครับ”
“แล้วแกจะถามทำไม มีปัญหาอะไร”
ยศสรัลพูดไม่ออก
“อย่าถามอะไรชั้นโง่ๆแบบนี้อีก”
คัชพลวางสาย
“วีด้า!” ยศสรัลรู้สึกเซ็งเขาส่ายหัว ไม่รู้จะห่วงใครดี
วีด้านั่งทำงานอยู่ที่บริษัท คัชพลเปิดประตูพรวดเข้ามา วีด้ามอง
“คุณใหญ่”
เลขาวิ่งหน้าตื่นตามเข้ามา ห้ามคัชพล
“เอ่อ...คุณวีด้าค่ะ ดิฉันพยามห้ามคุณใหญ่แล้ว”
“ไม่เป็นไร” วีด้าว่า
เลขามองคัชพลแล้วเดินออกจากห้องไป คัชพลเดินเข้าหาวีด้า
“ทำไมคุณถึงไม่รับสายผม แล้วยังสั่งให้เลขากันผมอีก” คัชพลถาม
“ชั้นงานยุ่งค่ะวันนี้ วีด้าเหนื่อยนะคะ อย่าเพิ่งกวนกันเลยค่ะ” วีด้าทำหน้าเบื่อๆ
“นี่คุณว่าผมมากวนคุณเหรอ! ผมเป็นแฟนคุณนะ!” คัชพลโมโห ดึงแขนวีด้าอย่างแรง
“คุณมีสิทธิอะไรมาทำรุนแรงกับชั้น! กรุณาให้เกียรติกันด้วยค่ะเราตกลงกันแล้วนะคะ” วีด้าพูด
เธอรู้สึกเจ็บ
เห็นวีด้าเอาจริง คัชพลก็อ่อนลง ได้สติ ปล่อยแขนวีด้า
“ขอโทษ.. เป็นเพราะ..... ช่วงนี้ผมเครียดด้วย คุณเจ็บรึป่าว” คัชพลพูด ดูแขนวีด้า
วีด้าขยับหนี ยังไม่ไว้ใจคัชพล
ตกกลางคืน คัชพลเพิ่งกลับ เดินหัวเสียเข้าบ้าน ยศสรัลเดินสวนมา
“พี่ใหญ่” ยศสรัลเรียก
“คุณแม่ล่ะ” คัชพลถาม
“นอนพักอยู่ข้างบนแล้วครับ” ยศสรัลว่า
“วันนี้โทรหาชั้น แกมีเรื่องอะไร” คัชพลเอ่ย
“ผมว่าจะให้คนเอาเอกสารรายละเอียดการเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นไปไห้พี่ใหญ่ ผมเจรจามาสำเร็จแล้วนะครับ เค้าเซ็นซื้อโครงการจากเราแล้ว”
คัชพลรับรู้แล้วแต่ไม่ค่อยใส่ใจ คัชพลจะเดินไป
“พี่ใหญ่เลิกยุ่งกับคุณวีด้าเถอะครับ”
คัชพลหยุด หันกลับมา แล้วพูดอย่างโมโห
“ไอ้สรัล แกจะมาปั่นประสาทอะไรชั้น! ยังคิดจะแย่งเค้าอยู่ใช่มั้ย! ชั้นขอเตือนแก ถ้าแกยังไปยุ่งกับวีด้า แกได้กินลูกปืนจากชั้นแน่!”คัชพลพูดพร้อมกับชี้หน้ายศสรัล
ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนคัชพลจะเดินออกไป ยศสรัลตกใจอารมณ์พี่ชายตัวเอง
เช้าวันใหม่ ยศสรัลนั่งคิด คิดไม่ตก ลุกเดิน บทสนทนาจากวันก่อนประดังประเดเข้ามาเต็มไปหมด
"พี่ต้องหยุดวีด้าให้ได้"ยศสรัลพูดกับธัญกร
"ถ้าแกยังไปยุ่งกับคุณวีด้า แกได้กินลูกปืนจากชั้นแน่"เสียงคัชพลที่พูดกับยศสรัล
"ถ้าพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้ คุณวีด้าต้องมีอันตรายแน่ๆ"ธัญกรพูด
"วีด้า ผมเป็นห่วงคุณนะ” ยศสรัลเอ่ย
กลับมาที่ปัจจุบัน หน้าตายศสรัลสับสน ก่อนจะมีสีหน้ามุ่งมั่นขึ้นมา
ยศสรัลกดโทรศัพท์
“พุฒิ ชั้นอยากให้นายขึ้นมากรุงเทพฯ”
“ห๊า... นาย กรุงเทพฯ”
“ใช่ กรุงเทพฯ”
เช้าวันใหม่ มีรถตู้คันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถใกล้กับรถของวีด้าวีด้าเดินออกมาจากคอนโด แล้วผ่านรถตู้ไปที่รถในรถตู้ ชายฉกรรจ์ 2 คนรีบสวมหมวกปิดบังหน้าตา แล้วเปิดประตูออกไปทันที ชายทั้งสองวิ่งเข้าหาวีด้า วีด้าที่กำลังจะเปิดประตูรถไม่ทันระวังถูกปิดปากล็อคตัวทันทีวีด้าพยายามกรี๊ด แต่ไม่มีเสียง พยายามดิ้นสู้ชายทั้งสองอุ้มวีด้าไปเลย ยศสรัลเป็นคนขับรถตู้คันนั้น เขาสวมหมวกมองดูและเตรียมตัว เมื่อวีด้าถูกจับขึ้นรถ ยศสรัลก็ขับออกทันที
อ่านต่อตอนที่ 20