อย่าลืมฉัน ตอนที่ 19
เอื้อกับเกนหลงนั่งคุยกันเรื่องงานโรงแรมแห่งใหม่อยู่ภายในบริเวณโรงแรมของเกนหลง เอื้อหันมาถามด้วยความสงสัย
“นี่เรายังไม่ได้เริ่มเตรียมงานหมั้นอีกหรอ?”
“ก็เกนไม่รู้จะเริ่มยังไงนี่คะ ตั้งแต่เขมมาคุยกับคุณพ่อวันก่อน แล้วก็นี่ก็หายไปเลย เกนก็งงอยู่
เหมือนกัน โทรไปก็ไม่รับ ตั้งนานกว่าจะโทร.กลับ จะนัดเจอกันก็ติดงาน สงสัยพอรับหมั้นก็เลยกลายเป็นของตาย
ไม่ได้รับความสนใจ”
เอื้อมองเกนหลงด้วยความสงสาร
“มันไม่ถูกต้อง การที่คุณจะตัดสินใจแต่งงาน หรือ สร้างครอบครัวกับใครสักคน คือ คุณจะต้องยิ่งรัก
และสนใจคนคนนั้นมากขึ้นกว่าตอนเป็นแฟน เพราะคุณกำลังจะเริ่มต้นใช้ชีวิตกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่เห็นเป็นของตาย
แล้วไม่ใส่ใจแบบนี้”
เกนหลงมองเอื้อด้วยความชื่นชม แล้วพูดออกมาอย่างจริงใจ
“ใครได้พี่เอื้อไปเป็นสามีนี่ถือว่าโชคดีมากเลยนะคะ”
เอื้อชะงักกึก หันมาเห็นแววตาเกนหลงที่มองด้วยความชื่นชม แววตาและรอยยิ้มของเกนหลงดูมี
เสน่ห์ จนทำให้เอื้อเกิดอาการเขินขึ้นมาซะงั้นเลย
“เอ่อ ถ้าผู้หญิงคนอื่นเขาคิดเหมือนเกนก็คงดี”
“แปลกนะคะ เกนยังหาเหตุผลให้คุณสุไม่ได้เลย ว่าทำไมคุณสุถึงไม่ชอบพี่เอื้อที่แสนดีของ
เกน”
เกนหลงเอนศีรษะมาซบที่ไหล่เอื้อ หมือนน้องสาวกำลังอ้อนพี่ชาย
“พี่ชายเกนออกจะอบอุ่น แสนดี ไม่มีที่ติ”
เอื้อปรายตามามองๆเกนหลงที่ทิ้งหัวซบไหล่ เกนหลงก็เอามือมาโอบไหล่เอื้อเหมือนปลอบใจ
“ถ้าเกนเป็นคุณสุนะ เกนไม่คิดมากเลย ตีหัวลากเข้าถ้ำไปนานแล้ว”
เอื้อหัวเราะ “นี่คุณหนูเกนหลงพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอเนี่ย?”
“พี่เอื้อเห็นคุณหนูเกนหลงแบบไร้สติมาแล้ว แค่นี้รับได้สบายมาก”
เอื้อคลอนศีรษะเกนหลงด้วยความเอ็นดู และความรักที่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าพี่เป็นเขมชาติ พี่ก็จะไม่คิดมาก และไม่ทำงานอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ จะอยู่ข้างๆเรา คอยช่วยเรา
จัดงานหมั้นให้ดีที่สุด”
เกนหลงถอนใจออกมาเบาๆ เอื้อก้มลงมามองด้วยความสงสาร พลางโอบไหล่อีกข้างไว้อย่างอบอุ่น
สุริยงสวมถุงมือ แต่งตัวทะมัดทะแมง กำลังใช้ที่ตักดิน ถอนต้นฟอร์เก็ตมีน็อตออกมาได้แล้วจำนวนหนึ่ง ยังไม่ทันจะเสร็จ ชื่นเดินเข้ามาบอก
“คุณหนูเล็กคะ มีแขกมาหาค่ะ”
สุริยงหันไป เห็นชื่นยืนอยู่ เอื้อ และเกนหลง เดินตามมา
“เดี๋ยวชื่นไปเตรียมเครื่องดื่มกับของว่างให้นะคะ”
ชื่นบอก พลางรีบเดินเข้าบ้านไป
“สวัสดีค่ะคุณเอื้อคุณเกน มากันพร้อมหน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
สุริยงพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่ในใจแอบกังวล
เกนหลง แกล้งทำเสียงเข้ม
“มีค่ะ” สุริยงหน้าเสีย “เกนจะมาขอบคุณคุณสุน่ะค่ะ”
สุริยงงง
“ขอบคุณเรื่องที่คุณสุช่วยเขมจัดเซอร์ไพร์สขอแต่งงานให้ น่ารักมาก เกนชอบมากๆเลยค่ะ”
พลางเข้ามาบีบแขนสุริยงอย่างปลื้มใจ
“ขอบคุณคุณสุมากนะคะ”
สุริยงฝืนยิ้มเจื่อนๆ กับคำขอบคุณที่จริงใจนั้น แต่ลึกลงไป คือความเจ็บปวดที่โดนเขมชาติหักหลัง
“ไม่ต้องขอบคุณสุหรอกค่ะ คุณเกนคู่ควรที่จะได้รับ สุยินดีด้วยนะคะ”
สุริยงแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ เอื้อรีบพูดต่อ
“เกนเขาอยากจะชวนสุไปทานข้าวนอกบ้านเป็นการขอบคุณ จะชวนเขมชาติมาด้วย” สุริยงสะอึก “ แต่พี่บอกว่าหนูเล็กคงอยากอยู่บ้านมากกว่า พี่ก็เลยชวนมาขอบคุณที่บ้าน”
สุริยงรีบบอก
“ดีค่ะ ไม่ชอบทานข้าวนอกบ้านค่ะ แล้วเรื่องขอบคุณไม่ต้องเลี้ยงตอบแทนหรอกค่ะ สุก็แค่ทำไปตามหน้าที่”
“เห็นมั้ย พี่บอกแล้วชวนออกไม่มีทางไป”
“สุว่าเราเข้าไปข้างในบ้านดีกว่าค่ะ รอแป๊บนะคะ ขอเคลียร์ตรงนี้ก่อน”
เกนหลงเพิ่งสังเกต
“ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต คุณสุถอนทำไมคะ”
สุริยงยิ้มแกนๆ“สุอยากเปลี่ยนค่ะ”
“ถ้ายังงั้น เกนขอได้มั้ยคะ”
เอื้อหันมาถามอย่างสงสัย “เกนจะเอาไปทำอะไร?”
เกนหลงยิ้ม ท่าทางกระตือรือร้น
เกนหลง กำลังยืนควบคุมคนงาน ที่กำลังลงดอกฟอร์เก็ตมีน็อตจัดใส่กระถางวางไว้ตามมุมต่างๆ ภายในบ้านของเขมชาติ พลางหันมาอธิบายให้เจ้าของบ้าน ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟัง
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกก่อน เกนแอบคิดไว้ตั้งนานแล้ว ว่าอยากปลูกดอกไม้เพิ่มที่บ้านนี้ ตอนที่คุณเซอร์ไพร์สเกนที่สวิสเห็นมีดอกไม้ เลยคิดว่าคุณคงไม่เกลียดดอกไม้แล้ว”
เขมชาติขบกรามแน่น ขณะที่เกนหลง พูดไปยิ้มไป พลางปรายมองดอกไม้อย่างชื่นชม
“เขมไม่ว่าใช่มั้ยคะ”
เกนหลงหันมายิ้มใสซื่อ เขมชาติเห็นรอยยิ้มเกนหลง ก็เริ่มรู้สึกตัว พยายามไม่แสดงออกว่าเครียด
“เพราะอะไรคุณถึง เลือก ดอก เอ่อ ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต”
“เขมรู้จักด้วยเหรอคะ แสดงว่าเกนเลือกถูก ไม่ใช่สิต้องบอกว่าคุณสุเลือกถูก” เขมชาติชะงัก “เพราะคุณสุเป็นคนให้เกนมาค่ะ”
เกนหลงยิ้ม ในขณะที่เขมชาติ อึ้ง พลางหันมาถามย้ำ
“ใครเป็นคนให้มานะ”
สุริยงเปิดประตูรั้วเอาซากต้นไม้ออกมาทิ้งนอกบ้าน และกำลังจะเดินเข้าบ้าน ในจังหวะเดียวกับที่รถของเขมชาติพุ่งเข้ามาอย่างแรง จนเกือบจะเสยขึ้นมาหน้าสุริยง สุริยงผงะ จำได้ว่าเป็นรถเขมชาติ ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ หันหลังรีบเดินเข้าบ้าน
เขมชาติรีบพุ่งลงมาจากรถ
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป”
สุริยงไม่สน เปิดประตูรั้วและเดินพรวดเข้าไป และพยายามจะรีบปิด แต่ไม่ทัน เขมชาติเอามือดันไว้
“หยุดคุยกันก่อน โอ๊ย”
เขมชาติร้องเสียงหลง เมื่อโดนประตูหนีบอย่างแรง สุริยงไม่สนใจ เมื่อปิดประตูไม่ได้ ก็สะบัดหน้าใส่รีบเดินจ้ำอ้าวจะเข้าบ้าน เขมชาติรีบเดินตามไป พลางยื้อมือสุริยงไว้
“ผมบอกให้หยุด”
สุริยงหันมาหน้าดุ
“ปล่อย”
“ผมไม่ปล่อย เพราะคุณไม่ได้อยากให้ผมปล่อยจริงๆ บางทีคุณอาจจะอยากให้ผมทำมากกว่าจับมือ
ด้วยซ้ำ”
สุริยงชักสีหน้า แววตาโกรธ พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เขมชาติพูดต่อ
“ไม่อย่างนั้น คงไม่ให้คุณเกนเอาดอกไม้พวกนั้นไปปลูกถึงในบ้านผม”
สุริยงสะบัดมือออกอย่างแรง “ดอกไม้อะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
เขมชาติสวนทันที
“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ แสนดีเป็นกุลสตรีตัวอย่าง ผมไม่เชื่อ คุณหลอกใช้คุณเกนกับดอกฟอร์เก็ตมีน็อตเป็นสะพานทอดมาหาผม”
สุริยงสวนกลับอย่างไท่ไยดี
“อย่าเอามาตรฐานของตัวเองมาวัดคนอื่น ฉันไม่ใช่คนที่ชอบสร้างเรื่อง บีบน้ำตา พูดจาโกหก หลอก
ใช้คนอื่นเหมือนคุณ”
เขมชาติสะอึกนิดๆ
“และไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องทอดสะพานเพื่อเดินลงไปในนรก”
เขมชาติเจ็บจี๊ด ก่อนที่สวนกลับด้วยโทสะ
“แต่นรกขุมนี้ ก็เคยพาคุณขึ้นสวรรค์มาแล้ว”
สุริยงแทบกรี๊ด ที่โดนจี้ใจดำ ก่อนที่จะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเขมชาติอย่างแรง เขมชาติหน้าหัน
ตามแรงตบ บรรยากาศตึงเครียดสุดๆ
นภา อาทิตย์ กับชื่น ที่กำลังทำขนมกันอยู่ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันอยู่หน้าบ้าน นภาเงี่ยหูฟัง
“เอ๊ะ เหมือนได้ยินเสียงใครดังมาจากหน้าบ้าน หนูเล็กหรือเปล่า?”
“เดี๋ยวชื่นห่อชุดนี้เสร็จแล้ว ออกไปดูให้ค่ะ”
ชื่นรีบห่อขนมตรงหน้า นภามองๆไปหน้าบ้านด้วยความแปลกใจ
เขมชาติค่อยๆหันหน้ากลับมาด้วยความเจ็บ และชา สุริยงยืนกำมือแน่น อย่างโกรธจัด
“ต่ำ สกปรกที่สุด อย่ามาพูดแบบนี้ในบ้านของฉัน ออกไปได้แล้ว และอย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันไม่เคย
คิดจะเดินกลับเข้าไปในชีวิตคุณ เพราะฉันเกลียดคุณ”
เขมชาติจุก จนพูดไม่ออก
“และคุณเองก็คงจะเกลียดฉันไม่น้อยไปกว่ากัน ในเมื่อเราเกลียดกัน ก็ควรจะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง อย่ามาสร้างเวรสร้างกรรมให้กันอีกเลย ถ้าสิ่งที่คุณได้ไปมันยังไม่พอ ฉันจะทำสังฆทานเพิ่มไปให้ ขอจบกันในชาตินี้ ชาติหน้าอย่ามาเจอกันอีก”
เขมชาติแววตาอ่อนลง “วดี”
สุริยงรีบสวน
“สุริยาวดีได้ตายจากโลกนี้นับตั้งแต่อ่านจดหมายฉบับนั้น คุณฆ่า และ ฝังเธอไปเรียบร้อยแล้ว อย่าขุดซากของเธอขึ้นมาอีกเลย ออกไป และอย่ากลับมาอีก”
“ไม่จริง คุณอยากเจอผม ผมจะไม่ไปไหน จนกว่าคุณจะยอมรับความจริง”
สุริยงส่ายหน้า
“ฉันไม่ต้องการเจอ หรืออยู่ใกล้คุณ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม คุณนั่นแหละที่ต้องยอมรับความ
จริง”
จากนั้นสุริยงหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่ใยดี เขมชาติอึ้งได้แต่มองสุริยงเดินจากไป พลางขยับจะตาม
“วดี”
ชื่นเดินออกมา เขมชาติชะงักกึก
“คุณหนูเล็กมีแขกทำไมไม่บอกชื่นคะ? จะได้เอาน้ำมาให้?”
ชื่นโผล่มาเห็นเขมชาติก็งง
“เอ่อ อ้าว คุณเจ้านายคุณหนูเล็ก” พลางหันมาเห็นหนูเล็กเดินเข้าบ้านไป “เอ่อ คุณหนูเล็ก” หาก
สุริยงไม่ฟัง รีบเดินเข้าบ้านไปเลย ชื่นเลยต้องหันมาทางเขมชาติอีกที “คุณ”
เขมชาติไม่พูด ไม่จา ด้วยดว่าจะเจอตอกกลับแบบนี้ ทั้งที่คิดว่ามาแบบถือไพ่เหนือกว่า เขมชาติเดินลอยๆ
กลับออกไป ทิ้งให้ชื่นยืนงงอยู่บ้าน
สุริยงเข้ามาในห้อง ปิดประตูอยู่คนเดียว ตัวสั่น น้ำตาร่วงด้วยความโกรธ ความเจ็บ ก่อนที่จะปาดน้ำตา ครุ่นคิด ว่าจะทำอย่างไรดี
ในขณะที่เขมชาติขับรถพุ่งไปเบื้องหน้า ในใจยังกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธที่คั่งค้างไม่ต่างกับสุริยง แล้วจู่ๆ ก็เบรคเอี๊ยด ด้วยอารมณ์โมโหจนขับต่อไปไม่ได้ พลางทุบพวงมาลัยอย่างแรงด้วยความเจ็บใจ
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 19 (ต่อ)
เกนหลงเดินดูหนังสือ wedding และหยิบมาเป็นตั้ง พร้อมกับที่กวาดกลับบ้านเป็นปึก จากนั้นก็มาที่ร้านชุดแต่งงานที่อยู่ในห้างใหญ่ พลางยืนมองยิ้มมีความสุข ไม่ทันสังเกตว่า อีกมุมหนึ่งของห้างไม่ห่างกันนัก วนิตา เดืนผ่านมาและสะดุดกึก ก่อนที่จะเดินปรี่มาหาเกนหลง
“สวัสดีจ้ะเกนหลง”
เกนหลงหันมาเห็นวนิตา พลางฝืนยิ้มอย่างเซ็งๆ
“สวัสดีจ้ะ”
“ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับงานมงคลที่ใกล้จะถึงนี้นะจ๊ะ”
“ฉันยังไม่ได้บอกใครเลยเธอรู้ได้ยังไง?” เกนหลงงง
“แหม เซเลบอย่างฉัน อยู่เฉยๆ ข่าวมันก็วิ่งมาเข้าหูเองแหละ แล้วนี่มาซื้อชุดแต่งงานหรอ? นี่ ไม่เห็น
ต้องลำบากเลยฉัน Design ให้ก็ได้นะ ทั้งชุดหมั้น ชุดแต่ง”
เกนหลงอึ้ง
“เธอจะมาดีไซน์ชุดในงานหมั้น และงานแต่งให้ฉัน?”
“ใช่ ฉันคิดแต่ต้นทุนตัดเย็บ ไม่คิดค่าสมอง และค่าชื่อเสียงของฉัน”
เกนหลงมองด้วยความสมเพช
“ฉันไม่ได้ต้องการดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ฉันต้องการแค่คนที่รู้ใจ และรสนิยมใกล้เคียงกัน ซึ่งดูๆแล้ว”
พลางมองดูการแต่งตัวของวนิตา
“รสนิยมของเราน่าจะไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ ขอบคุณมากแต่คงไม่”
เกนหลงยิ้มอย่างเหยียดๆ ในขณะที่วนิตา แทบกรี๊ดเพราะเสียหน้า
“เธอไม่อยากให้ฉันช่วย เพราะกลัวว่าฉันจะอยู่ใกล้มากเกินไป จนรู้อะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับ เธอ เขม แล้วก็ยัยเลขาหม้ายนั่นหล่ะสิ”
เกนหลงยิ้ม
“ในที่สุด ก็บอกเจตนาที่แท้จริงออกมาจนได้ เรื่องระหว่างฉัน เขม และคุณสุ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดและฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย อยากจะคิดอะไรก็คิดกันไป ฉันไม่ห้าม”
วนิตาเห็นเกนหลงไม่เดือดเนื้อร้อนใจยิ่งแค้นใจ เกนหลงพูดต่อ
“ส่วนเรื่องงานมงคลของฉัน ถ้าอยากจะช่วย ช่วยอยู่เฉยๆ ดีที่สุด”
เกนหลงยิ้มๆ ไม่แคร์ แล้วก็เดินไป วนิตายิ่งฟังยิ่งแค้นใจ พลางตะโกนไล่หลังด้วยความหมั่นไส้
“เธอยังไม่เคยเจอด้านมืดของผู้ชายอย่างเขมชาติเหมือนที่ฉันเจอ เพราะฉะนั้นอย่ามั่นใจให้มันมากนักเขมชาติอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอย่างที่เธอคิดก็ได้”
เกนหลงชะงักกึก แต่ไม่สนเดินต่อไป วนิตาเบ้หน้าใส่
ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เกนหลงก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย พลันคำพูดวานิต้าก็แว่บมา
“เธอยังไม่เคยเจอด้านมืดของผู้ชายอย่างเขมชาติเหมือนที่ฉันเจอ เพราะฉะนั้นอย่ามั่นใจให้มันมาก
นัก เขมชาติอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอย่างที่เธอคิดก็ได้”
เกนหลงพยายามไล่ความคิดทิ้งและหยิบหนังสือ สมุดมาจดเตรียมงาน
“สิ่งที่ต้องเตรียม ชุดหมั้น แหวน สถานที่จะจัดยังไงดี ? ช่างแต่งหน้า ทำผม เอาใครดี? ทำเล็บอีก
เพราะต้องถ่ายรูปตอนสวมแหวน แขกจะเชิญใครบ้าง? อาหาร ช่างภาพ ภาพนิ่ง วีดีโอ โอ๊ยทำไมมันเยอะแบบนี้เนี่ย
จ้างคนอื่นมาทำก็ไม่ได้ดั่งใจ เฮ่อ? จะหาใครมาช่วยดีน้า?”
เกนหลงคิดๆ แล้วในที่สุดก็นึกขึ้นได้
เขมชาติพูดด้วยความเต็มใจ ขณะนั่งคุยกับเกนหลงในสวน
“ได้เดี๋ยวผมให้วิบูลย์มาช่วย”
เกนหลงส่ายหน้านิดๆ
“ผู้หญิงดีกว่าค่ะ เกนอยากได้คนละเอียด รู้เรื่องการเลือกของสวยๆงามๆ ชอบอะไรเหมือนเกน อย่างคุณสุ”
เขมชาติชะงักกึก
“คุณสุเคยช่วยเขมจัดฉากขอแต่งงาน คุณสุจะยอมช่วยเกนจัดงานหมั้นหรือเปล่าคะ?”
เขมชาติคิด แล้วแววตาก็ฉายแววกระหยิ่ม
“เพื่อคุณเกน ถึงเขาไม่ยอมผมก็ต้องทำให้เขายอมให้ได้”
“ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณสุไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรค่ะ เกนอยากให้เธอมาทำด้วยความสบายใจมากกว่า
รับปากก่อนว่าจะไม่บังคับคุณสุ”
เกนหลงสรุปย้ำอีกที
ชนะพูดสายกับสุริยง ด้วยความดีใจ
“พูดจริงๆนะครับ คุณสุรับปากแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะครับ”
“สุดูเหมือนคนเปลี่ยนใจง่ายเหรอคะ” สุริยงย้อนถาม
“ขอโทษครับ คือผม เห็นคุณสุนิ่งๆไป ก็นึกว่าคุณจะไม่รับทำงานนี้แล้ว อีกอย่างต้องมาทำงานไกลบ้านด้วยก็เลยถามย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ สุกำลังอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อยากหลุดพ้นจากอะไรเดิมๆอยู่พอดี”
ชนะหยั่งเชิง
“อ้อ แล้วคุณสุต้องมาทำงานต่างจังหวัดแบบนี้ทางบ้านไม่มีปัญหานะครับ”
ทั้งนภา และอาทิตย์ ต่างก็แปลกใจ เมื่อได้ฟังสุริยงเล่าถึงงานใหม่
“หนูเล็กจะไปทำงานต่างจังหวัด?”
สุริยงนั่งคุยไป จัดของใช้ใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย
“ค่ะ พอดี เจ้านายใหม่ เขาพักอยู่ต่างจังหวัด ออฟฟิศหลักอยู่ที่โน่น ช่วงแรก ต้องไปดูงาน เรียนงานที่
ต่างจังหวัดก่อน พอผ่านแล้วอาจจะย้ายมาที่ออฟฟิศในกรุงเทพ”
“แล้วไปจังหวัดไหนเหรอลูก” อาทิตย์ถามลูกสาว
สุริยงชะงักคิดแล้วตอบเลี่ยงๆ “อาจจะหลายที่ค่ะ ไว้หนูเล็กจะโทรมาบอกเป็นระยะๆนะคะ”
นภาเริ่มงง
“อ้าว ไปไหนบ้างก็ไม่รู้ มันจะดีเหรอลูก ไว้ใจได้หรือเปล่า”
สุริยงหันมาจับมือแม่
“แม่คะ หนูเล็กโตแล้วนะคะ ขอหนูเล็กทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้างนะคะ”
นภา อาทิตย์ หันมามองหน้ากัน ทั้งหนักใจ ทั้งเป็นห่วง แต่สุริยงก็พูดถูก จนทั้งคู่เถียงไม่ออก
“ที่หนูเล็กกล้ารับงานนี้เพราะเห็นว่า ตอนอยู่สวิส ไก่กับไข่ไม่ค่อยงอแง โตแล้วไม่ค่อยติดแม่ ก็เลยไม่
เป็นห่วง”
นภายังหนักใจ ทว่าอาทิตย์คิดได้ก่อน
“สองคนนั้นเริ่มโตแล้วพูดรู้เรื่อง มีร้องหาบ้าง แต่อธิบายก็เข้าใจ พ่อแม่ช่วยกันดูได้ถ้าหนูเล็กมั่นใจ
ตั้งใจว่าอยากทำงานนี้จริงๆ”
สุริยงรับคำหนักแน่น
“หนูเล็กอยากทำจริงๆค่ะอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เผื่อจะทำให้สดชื่นขึ้น”
“แต่แม่ว่า” นภายังไม่วายเป็นกังวล อาทิตย์รีบจับภรรยาไว้ให้หยุดไม่ต้องแย้ง แล้วก็หันมาถาม
สุริยง
“แล้วเราจะไปเริ่มงานใหม่เมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“พรุ่งนี้”
นภากับอาทิตย์ ตกใจ
วิบูลย์ถามเขมชาติ ด้วยความแปลกใจ ขณะที่นั่งคุยกันภายในห้องทำงานของเขมชาติ
“คุณเขมจะให้ผมไปตามคุณสุ?”
ในขณะที่สมคิดที่นั่งอยู่ด้วย ลอบมองเขมชาติ ด้วยแววตาครุ่นคิดตลอดเวลา
เขมชาติปั้นหน้านิ่ง
“ใช่ แต่ที่ให้ไปตาม ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากเจอ แต่เพราะคุณเกน”
สมคิด กับวิบูลย์ชะงัก โดยเฉพาะสมคิด ที่มองเขมชาติอย่างพยายามจังสังเกต
เขมชาติอ้างต่อ
“คุณเกนอยากให้สุริยงมาช่วยดูแลเรื่องงานหมั้นแล้วก็งานแต่งของเราสองคน ผมก็ฝากให้คุณวิบูลย์
กับคุณสมคิดไปตามกลับมาช่วยงานคุณเกนเธอหน่อยก็แล้วกัน”
วิบูลย์รีบเสนอตัว
“ผมตามให้เองครับ แป๊บเดียวรู้ผลแน่นอน”
จากนั้นวิบูลย์ ก็รีบเดินออกไปด้วยความมั่นใจมาก เขมชาติรอด้วยความร้อนใจ ในขณะที่สมคิดแอบมอง อย่างพยายามจับสังเกตพฤติกรรมของเขมชาติ
รถตู้ที่ชนะส่งมารับจอดรถอยู่หน้าบ้าน สุริยงวางกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมไว้ที่ประตู อีกมือถือกระเป๋าสะพายติดตัวนภา อาทิตย์ ไก่ ไข่ ชื่น ยืนส่ง
นภาสั่งความเป็นชุด
“ถึงแล้วรีบโทรบอกแม่ด้วยนะ แล้วเจ้านายส่งไปประจำอยู่จังหวัดไหน ก็บอกด้วย ออฟฟิศอยู่ที่ไหน
มีกันกี่คน งานเป็นยังไง เพื่อนร่วมงาน”
นภายังพูดไม่จบ อาทิตย์รีบปราม
“คุณ ลูกโตแล้วนะ”
นภาเงียบ แต่ในใจก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
สุริยงกอดแม่ ด้วยความเข้าใจ
“ไม่ต้องเป็นห่วงหนูเล็กนะคะแม่ หนูเล็กจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแล้วจะรีบโทรหา และถ้ารู้อะไร
คืบหน้าเกี่ยวกับการทำงานจะรีบรายงานทันที”
นภาพยักหน้ารับ “บุญรักษานะลูก”
“ขอบคุณค่ะ”
สุริยงหันมาทางไก่ กับไข่ ที่ยืนมองอย่างงงๆ ตามประสาเด็ก
สุริยงย่อตัวลงนั่งต่อหน้าลูกชายแฝด
“ไก่ ไข่ ครับ แม่หนูเล็ก ไปทำงานก่อนนะครับ”
ไก่ถามซื่อๆ
“แม่หนูเล็กไปไม่นานใช่มั้ยครับ?”
ไข่ถามต่อ “วันนี้กลับมั้ย?”
สุริยงจุก พลางมองหน้าลูกชายแฝด เพราะตั้งใจว่าจะไปสักพัก ไม่มีกำหนดจะกลับ
“วันนี้แม่หนูเล็กไม่กลับนะครับ แต่ถ้ามีวันหยุดคุณแม่จะรีบกลับมาทันที”
ไก่รีบถาม “นานมั้ยครับ?”
สุริยง ลำบากใจมาก สงสารลูก
“แม่จะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุดนะครับ แต่ถึงคุณแม่ไม่อยู่ คุณแม่ก็รักไก่ ไข่ และคิดถึงลูก
ตลอดเวลานะครับ”
ไก่ กับไข่ หอมแก้มสุริยงพร้อมกัน คนละข้าง โดยไม่ได้นัดหมาย
“ไข่รักแม่หนูเล็กครับ”
“ไก่ก็รักมากที่สุดในโลกเลยครับ”
นภา อาทิตย์ ชื่น ยิ้มตามในความฉอเลาะ สุริยงซาบซึ้งใจ
“แม่ก็รักลูกครับ” พลางหอมแก้มคืนทั้งคนสอง “ แม่ไปก่อนนะ”
สุริยงลุกขึ้น ก่อนจะหันมาสวัสดีนภากับอาทิตย์
“สวัสดีค่ะ”
อาทิตย์ยิ้มให้ลูกสาว“เดินทางปลอดภัยนะลูก”
นภารีบกำชับ
“อย่าลืมโทร.มาบอกด้วยนะ”
สุริยงยิ้ม “ค่ะ” พลางหันมาบอกกับชื่น “ไปนะชื่น”
ชื่นยิ้มให้สุริยง “รีบกลับมานะคะคุณหนูเล็ก”
สุริยงยิ้มรับและขึ้นรถไป ทุกคนมองตามด้วยความอาลัย และเป็นห่วง พลันเสียงโทรศัพท์ในบ้าน ก็ดังขึ้น ชื่นรีบบอก
“เดี๋ยวชื่นรับเองค่ะ”
ชื่นรีบวิ่งเข้าบ้านไป รถสุริยงเคลื่อนออก นภา อาทิตย์ ไก่ ไข่ มองตามไม่วางตา
สุริยงนั่งมองทุกคนจากในรถด้วยความอาลัย แต่ต้องทำใจแข็ง
“สวัสดีค่ะ จะพูดสายกับใครคะ”
ชื่นพูดทักทายไปทางปลายสาย
วิบูลย์ กำลังยืนคุยอยู่ตรงโต๊ะทำงานสุริยง
“ชื่น ผมเองวิบูลย์ คุณสุอยู่มั้ย?”
ชื่นรีบตอบ
“คุณสุไม่อยู่ค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เองค่ะ”
“เหรอ แหมเสียดาย งั้นฉันขอเบอร์มือถือคุณสุหน่อยสิ ฉันโทรไปเบอร์เก่า แต่มันติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้มือถือคุณสุเป็นอะไร?”
วิบูลย์ถามซื่อๆด้วยความสงสัย
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 19 (ต่อ)
เขมชาติโวยวายเสียงดัง
“มือถือหาย? หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
วิบูลย์รีบตอบ
“เห็นแม่บ้านบอกว่า หายไปตั้งแต่ตอนอยู่ที่สวิสครับ”
เขมชาติชะงัก “หายที่สวิส?”
พลางย้อนนึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นคนขโมยมือถือ และแกะซิมออก ก่อนที่ทิ้งเครื่องไป
เขมชาติอึ้ง
“หายไปตั้งนานแล้วก็น่าจะซื้อใหม่ได้แล้ว”
“แม่บ้านบอกว่าคุณสุยังไม่ได้ซื้อครับ ผมก็เลยฝากธุระไว้ บอกให้คุณสุติดต่อกลับมาด่วน”
เขมชาติยิ้ม
“ดี ถ้าเขาติดต่อมาเมื่อไหร่ ก็บอกให้ผมรู้ด้วย แล้วอย่าลืม ทำยังไงก็ได้ ให้เขามาช่วยคุณเกนจัดงาน
หมั้นให้ได้”
เขมชาติสั่งเสียงเข้ม โดยไม่รู้ตัวว่า ที่เอาชื่อเกนหลงมาอ้าง แต่แท้จริงแล้ว ตัวเองต่างหากคือคนที่
อยากเจอและอยากให้สุริยงมาอยู่ใกล้ๆ
วิบูลย์ตกใจรับคำลนลาน
“ครับๆ ผมจะรีบโทรไปย้ำคนที่บ้านคุณสุอีกครับ”
จากนั้นวิบูลย์รีบวิ่งออกไปอีกที ด้วยความร้อนรน ในห้องเหลือสมคิดกับเขมชาติ สมคิดตัดสินใจ
ถามขึ้น
“คุณเขมครับ”
เขมชาติรีบสวนทันทีอย่างร้อนตัว
“เรื่องอยากให้สุริยงมาช่วยจัดงาน ถ้าไม่เชื่อไปถามคุณเกนได้”
สมคิดยิ่งเห็นพิรุธชัดเจน
“ผมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อ ผมก็แค่เป็นห่วง เพราะเห็นว่ากลับจากสวิสมาดูหลายสิ่งหลายอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เร็วจนน่าตกใจ คุณสุยื่นใบลาออกข้าวของก็ไม่เข้ามาเก็บ เงินเดือนก็ไม่เอา คุณเขมกับคุณเกนตกลงปลงใจแต่งงานกันแบบสายฟ้าแล่บ ผมก็แค่เป็นห่วง”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี”
เขมชาติพยายามพูดถึงแต่ในแง่ดี
“ถ้าวิบูลย์ติดต่อคุณสุได้ และคุณสุยอมกลับมาจัดงานให้ตามที่คุณเกนต้องการ มันก็คงจะผ่านไปได้
ด้วยดีจริงๆอย่างที่คุณเขมคิด แต่ถ้าไม่ใช่ สิ่งที่คุณเขมคิดว่ามันดี มันอาจจะไม่ดีสำหรับคุณสุก็ได้นะครับ”
สมคิดพูดทิ้งท้ายให้คิด แล้วก็เดินออกไป เขมชาติชะงักไปกับคำพูดของสมคิด แต่ยังดื้อ ทำนิ่ง เหมือนว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
เอื้อยืนอยู่ในบ้านสุริยง พลางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจสุดๆ
“ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ทำไมปุบปับไปแบบนี้ นี่ผมตั้งใจจะมาถามว่าทำไมปฏิเสธงานที่โรงแรม พอดีเมื่อตอนเย็นผมติดประชุมปิดมือถือ เขาฝากข้อความเสียงไว้ พอเปิดฟังผมก็รีบมาเลย”
นภาเองก็แปลกใจ
“เพิ่งส่งข้อความบอกเมื่อกี๊? อานึกว่าหนูเล็กจะบอกคุณเอื้อนานแล้วซะอีก นึกว่าคุยกันตอนอยู่ที่
สวิส เอื้อส่ายหน้า
อาทิตย์ตั้งข้อสังเกต “เอ หรือว่าจะเพิ่งเปลี่ยนใจหลังจากกลับจากสวิส”
เอื้อชะงักนิดๆ พลางคิดตาม นภาได้จังหวะรีบหันมาถามเอื้อ
“นั่นสิ เออ ว่าแล้วก็ถามคุณเอื้อซะเลย ที่สวิสมันอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ตั้งแต่หนูเล็กกลับมาดูทำตัวแปลกๆ ไม่ค่อยสดใส หน้าตาอมทุกข์ แล้วจู่ๆก็บอกว่าได้งานต่างจังหวัด ทำกับใคร ที่ไหน ก็ไม่บอก พูดจาอ้อมๆ คลุมเครือ ถามคำตอบคำ คุณเอื้อรู้หรือเปล่าว่าที่สวิสเกิดอะไรขึ้น?”
เอื้อมองนภากับอาทิตย์ที่รอคำตอบ แต่ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนไม่สบายใจ เลยตอบเลี่ยง
“เท่าที่ทราบก็ไม่มีนะครับ ก็แค่ทำงานปกติ หนูเล็กคงคิดเรื่องจะเปลี่ยนงานใหม่มั้งครับ เขาเป็นคน
ชอบทำงาน ว่างงานก็เลยเครียดๆ คุณอาอย่าคิดมากเลยครับ เอาเป็นว่าถ้าหนูเล็กติดต่อมาอีกฝากบอกให้เขาติดต่อ
ผมด้วย”
“ครับๆ ได้ครับ”
อาทิตย์รับคำ
เอื้อบ่นๆ กับตัวเองเบาๆ “หายไปไหนของเขานะ?” พลางครุ่นคิดด้วยความเป็นห่วง
เขมชาติคุยโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“ยังติดต่อสุริยงไม่ได้อีกเหรอ? นี่มันจะหนึ่งวันเต็มแล้วนะ ทำไมยังติดต่อไม่ได้อีกหะ?”
วิบูลย์ตอบเสียงอ่อย มาทางปลายสาย
“ก็ที่บ้านเค้าบอกว่าคุณสุไม่อยู่ ผมก็บอกให้โทรกลับ เขาก็ยังไม่โทรกลับมาเลยครับ”
เขมชาติตวาดกลับ
“ไม่โทรกลับมา ก็โทรไปเองสิ คนที่บ้านเขาอาจจะลืมบอกก็ได้ ฮึ่ย ไม่ได้เรื่อง รีบๆเลย จะทำอะไรก็
ทำ ไม่ต้องรอแล้ว หาตัวสุริยงเจอเมื่อไหร่ รีบบอกผมทันที อ้อ อีกอย่างนึงนอกจากตามกับคนที่บ้านแล้ว อย่าลืมตาม
คนที่น่าจะรู้ดี ลูกเลี้ยงเขาน่ะ น่าจะรู้ดีที่สุด”
เขมชาติวางสายไปด้วยความหงุดหงิด งุ่นง่านใจโดยไม่รู้ตัว
ทะเลสงบ สวย สดใส เหมือนชีวิตใหม่ของสุริยงกำลังเริ่มต้น
สุริยงอยู่ในชุดฟอร์มผู้จัดการรีสอร์ท ท่าทางมีความสุข และมั่นใจมากขึ้น ชนะ ฮันนี่เข้ามาหา ฮันนี่ปราดเข้าไปเกาะแขนสุริยงาทาง ด้วยอาการร่าเริง
“ฮันนี่ดีใจที่สุดเลยค่ะที่น้าสุมาทำงานกับคุณพ่อ”
ชนะรีบพูดต่อ
“งั้นพ่อ ขอดีใจเป็นอันดับสองรองจากฮันนี่”
“คุณชนะรีบดีใจแบบนี้สุกดดันแย่ เกิดทำงานไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาจะผิดหวังนะคะ”
“ไม่มีทางหรอกครับ ผมมั่นใจ ว่าผมเลือกคนไม่ผิด”
ชนะส่งสายตามีความหมายเป็นนัยๆ สุริยงยิ้มตอบตามมารยาท แล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วหน้าที่หลักๆของสุต้องทำอะไรบ้างคะ”
จากนั้นชนะก็พาสุริยงมาทำความรู้จักกับสถานที่ต่างๆ ภายในรีสอร์ท ฟรอนท์ ส่วนของห้องอาหาร มุมผักผ่อนที่ริมหาด รวมถึงแนะนำให้พนักงานในแต่บละแผนกรู้จักสุริยง สุริยงยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่ ฮันนี่จูงมือสุริยงตามติดแจ
“ผมจัดห้องพักในรีสอร์ทไว้ให้คุณสุเรียบร้อยแล้ว เป็นห้องประจำตำแหน่งของผู้จัดการ หลังจากเดิน
ดูรอบๆแล้วหวังว่าคุณสุจะไม่หนักใจนะครับ”
สุริยงรีบบอก
“เท่าที่เห็นก็ยังไม่น่าหนักใจอะไรค่ะ คุณชนะวางระบบของที่นี่ไว้ดีอยู่แล้ว”
ชนะยิ้มสบายใจ“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจ ดูสถานที่ รู้จักพนักงานแล้ว เดี๋ยวผมให้คุณสุดูเอกสาร
เกี่ยวกับแผนการตลาดที่เราวางกันไว้คร่าวๆ เผื่อจะมีอะไรเพิ่มเติม เชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่าครับ”
สุริยงพยักหน้ารับรู้ จากนั้นขนะก็เดินนำ สุริยงเดินตาม ฮันนี่จับมือสุริยงเดินไปด้วยกัน สามคนเดินไปคุยไปตลอดทางเดินสู่ห้องทำงานของชนะ
“อ้อ เมื่อเช้าคุณพจน์ พ่อคุณเกนหลงโทรหาตามให้ผมเข้ากรุงเทพไปดูความเรียบร้อยของ
คอนเวนชั่นฮอลล์โรงแรมใหม่ คุณพจน์อยากรีบทำให้เสร็จภายในเดือนหน้า จะได้ทันงานแต่งงานของคุณเกนหลงกับ
คุณเขมชาติ คุณสุทราบเรื่องงานแต่งงานของคุณเกนหลงกับคุณเขมชาติ หรือยังครับ?”
สุริยงชะงักนิดๆ สีหน้าสลดลง แต่พยายามไม่ให้เป็นที่สังเกต “พอจะทราบค่ะ”
ฮันนี่หันมาถามชนะ
“อาเกนจะแต่งงานกับคุณน้าหน้ายักษ์เหรอคะ?”
ชนะหันมาปรามลูกสาวเบาๆ
“ทำไมไปเรียกคุณน้าเขาแบบนั้นหล่ะครับฮันนี่ ไม่น่ารักเลย”
ฮันนี่เถียง “ก็มันจริงนี่คะ ฮันนี่เห็นเขาหน้าบึ้ง เป็นยักษ์ตลอดเวลาเลย จริงมั้ยคะน้าสุ”
สุริยาฝืนยิ้ม กลบเกลื่อนความสะเทือนใจลึกๆ
เขมชาติหน้าเครียด ก่อนที่จะถามย้ำกับวิบูลย์ด้วยความหงุดหงิด
“ยังตามตัวสุริยงไม่เจออีกเหรอ?”
วิบูลย์ตอบอย่างลนลาน
“ผมพยายามแล้วนะครับคุณเขม คนที่บ้านเขาก็ไม่มีใครรู้เลยว่าคุณสุไปทำงานที่ไหน? ส่วนคุณเอื้อ
ผมก็โทรไปถามแล้ว คุณเอื้อก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“เพื่อนหล่ะ เขาไม่มีเพื่อนเลยหรือไง ลองไปตามกับเพื่อนๆเขาดูสิ”
วิบูลย์อ้อมแอ้ม
“คุณแม่คุณสุบอกว่า คุณสุไม่ค่อยมีเพื่อน ตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ติดต่อใครเลย คนที่ไป
มาหาสู่มากที่สุดตอนนี้ก็มีแต่คุณเกนหล่ะครับ”
เขมชาติชะงัก คิด
เขมชาติบ่นกับตัวเองเบาๆ “หายไปไหนของเขานะ”
วิบูลย์ตั้งข้อสังเกต
“ที่จริงผมก็แปลกใจมากนะครับที่อยู่ๆ คุณสุก็หายไปแบบนี้ เพราะปกติเขาจะเป็นคนรัก และห่วง
ลูกๆ มากไม่ค่อยจะทิ้งให้ห่างตัว แต่อยู่ๆก็ไปทำงานต่างจังหวัด ทิ้งลูกไว้กับพ่อแม่ ผมว่ามันแปลกมากๆ”
เขมชาติฟังแล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาทันที ก่อนจะหันมาถามแววตากระตือรือร้น
“ลูกวิบูลย์รู้หรือเปล่าว่าไก่ กับ ไข่ เรียนอยู่โรงเรียนอะไร?”
เขมชาติมาดักรอไก่กับไข่ที่สนามเด็กเล่น ภายในโรงเรียน เมื่อพบคู่แฝด ก็รีบยิงคำถามด้วยสีหน้า
เคร่งเครียด
“ไก่ครับ ไข่ครับ ฟังอาเขมนะครับ ไก่ กับ ไข่รู้มั้ยครับว่าตอนนี้แม่หนูเล็กไปไหน?”
ไก่ รีบโพล่งออกมา “รู้ครับ”
เขมชาติตาวาว “แม่หนูเล็กไปไหนครับ ?”
“ไปทำงานครับ”
เขมชาติ พยายามยิ้ม แล้วถามต่อ
“แล้วไปทำงานที่ไหนครับ ที่จังหวัดอะไร แม่หนูเล็กบอกหรือเปล่าครับ”
ไข่รีบบอก “แม่หนูเล็กไม่บอก คุณตาคุณยายบอก”
เขมชาติชะงัก แล้วบ่นกับตัวเอง
“นั่นไง ว่าแล้ว คนที่บ้านต้องช่วยกันปิดบังแน่ๆ คุณตา คุณยายบอกว่าจังหวัดอะไรครับ?”
ไข่ตอบประสาซื่อ “จังหวัดต่าง”
เขมชาติตื่นเต้น “หะ? จังหวัดตาก?”
ไข่ส่ายหน้า
“ไม่ใช่ จังหวัดต่าง”
ไก่ หันมาบอกแฝดผู้น้อง
“ไม่ใช่จังหวัดต่าง แต่เป็น ต่างจังหวัด”
“เออใช่ แม่หนูเล็กทำงานต่างจังหวัดครับ”
เขมชาติถอนใจ แต่ก็ยังไม่เลิกความพยายาม
“แล้วที่ต่างจังหวัดเนี่ย รู้มั้ยครับว่าจังหวัดอะไร?”
ไก่กับ ไข่ มองหน้ากัน แล้วก็งงๆ ไข่หันมาถาม
“ต่างจังหวัดแปลว่าไรครับ?”
เขมชาติแทบจะหมดหวัง แต่ยังพยายามต่อไป
“ต่างจังหวัดก็คือ จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่กรุงเทพ เวลาเราเดินทางไป ต้องขับรถ หรือนั่งรถไปนานๆ นาน
มากกว่าสองชั่วโมง”
ไก่ กับ ไข่ หันมามองหน้ากันอีก แล้วก็กระซิบกระซาบปรึกษากัน เขมชาติยื่นหน้าเข้ามา
“ซุบซิบอะไรกัน?”
ไก่ ไข่ หันมา แล้วก็ตอบ
“บ้านพี่ฮันนี่”
ไข่รีบถามต่อ “เป็นต่างจังหวัดหรือเปล่าครับ?”
เขมชาติเริ่มเอะใจ “ทำไมต้องเป็นบ้านพี่ฮันนี่?” พลางรอคำตอบด้วยความตื่นเต้น
วิบูลย์ถามเขมชาติทางโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ
“แล้วฮันนี่เป็นใครครับ?”
ในขณะที่เขมชาติยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าโรงเรียน
“ฮันนี่ไม่สำคัญ แต่ผมต้องการเบอร์ติดต่อ พ่อของเด็กที่ชื่อชนะ เป็นสถาปนิกที่ออกแบบโรงแรมของ
อาพจน์ ไก่ ไข่ บอกว่า ยัยเด็กฮันนี่บอกว่าสุริยงทำงานอยู่กับพ่อเขา”
วิบูลย์ตาวาว
“หะ? จริงเหรอครับ งั้นได้ๆครับ คุณเขมต้องการเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทคุณชนะ พ่อฮันนี่นะครับ
เดี๋ยวผมติดต่อขอจากเลขาของคุณพจน์ให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”
วิบูลย์รีบวางสายและหาเบอร์เลขาพจน์ก่อนจะรีบกดโทรทันที
ในขณะที่เขมชาติวางสายไปด้วยความร้อนใจ พลางเดินไปมาเหมือนคนอยู่ไม่ติดที่ อารมณ์หึงหวง
พุ่งพล่าน
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ คุณจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไปหาผู้ชายคนใหม่ได้ง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง ไม่
จริง มันต้องไม่เป็นความจริง”
พลันเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้น เขมชาติรีบเปิดดู
“เบอร์ออฟฟิศของคุณชนะ”
ชนะยื่นแฟ้มส่งให้สุริยง ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงานของชนะภายในรีสอร์ท โดยมีฮันนี่นั่งทำ
การบ้านอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างๆ ชนะ
“นี่เป็น Promotion ของปีหน้าว่ามีอะไรอยากจะปรับเปลี่ยนหรือเปล่า คุณสุลองดูนะครับ”
สุริยงรับคำ “ค่ะ”
พนักงานเดินมาตาม “คุณชนะคะ คุณวิชัยมาแล้วค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวผมไป” พลางหันมาพูดกับสุริยง “ผู้รับเหมาน่ะครับ ผมเรียกมาต่อเติมบ้านริมทะเลที่เรา
รับสร้างให้ลูกค้า เดี๋ยวผมต้องออกไปไซท์ คงจะกลับเย็นๆ ถ้ามีอะไรด่วนโทรหาผมได้นะครับ”
ฮันนี่รีบแทรกทันที
“ฮันนี่จะช่วยดูแลน้าสุให้เองค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ”
ชนะ สุริยงต่างเอ็นดูในความช่างเจรจาของฮันนี่
“โอเคครับ คนเก่งของคุณพ่อ งั้นคุณพ่อฝากน้าสุเค้าด้วยนะครับ” พลางยกมือลูบหัวฮันนี่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้สุริยงแล้วเดินไป
ฮันนี่รีบหันมา บอกสุริยง
“ถ้าน้าสุไม่เข้าใจอะไร ถามฮันนี่ได้นะคะ ฮันนี่คุยกับคุณลูกค้าบ่อยค่ะ แล้วก็ดูพี่ๆพนักงานทำงาน
ทุกวัน”
สุริยงยิ้มอย่างเอ็นดูสุดๆ
“ขอบใจมากจ้ะ เดี๋ยวน้าสุไปห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 19 (ต่อ)
สุริยงวางเอกสารแล้วเดินออกไป ฮันนี่ยิ้ม พลางก้มหน้าทำการบ้านต่อ สักพักโทรศัพท์ในห้องทำงาน
ของชนะดังขึ้น ฮันนี่วางมือจากการบ้านแล้วเดินไปรับ
“สวัสดีค่ะ”
เขมชาติชะงักกึก แล้วก็ปั้นเสียงดุ
“ออฟฟิศคุณชนะใช่มั้ย?”
ฮันนี่รู้สึกว่าเสียงคุ้นๆ
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบต้องการพูดกับใครคะ?”
เขมชาติใจเต้นระทึก
“ฉันต้องการพูดกับสุริยง”
ฮันนี่ชะงักนิด ๆ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
“เสียงนี้” พลางคิดถึงตอนที่เขมชาติอยู่ที่โรงแรมริมทะเล และเรียกสุริยงเสียงดุ ฮันนี่กลัวว่าเขมชาติ
จะพาตัวสุริยงกลับไป จึงตัดสินใจโกหก “ที่นี่ไม่มีคนชื่อสุริยงค่ะ แค่นี้นะคะ”
เขมชาติรีบเรียกไว้
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งวาง”
ฮันนี่กำลังจะวาง สุริยงเดินมาพอดี
“น้องฮันนี่ จะเที่ยงแล้วหิวหรือยังคะ?”
ฮันนี่สะดุ้ง ในขณะที่เขมชาติอึ้ง จำเสียงได้
“วดี”
ฮันนี่วางหูทันที แล้วก็รีบหันมายิ้มแหะๆ
สุริยงงง “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีค่ะ พอดีเขาโทรผิดน่ะค่ะ ฮันนี่หิวแล้วค่ะ เราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะน้าสุ ทานแล้วฮันนี่ขอเอา
การบ้านไปนั่งทำงานที่ห้องทำงานน้าสุนะคะ”
“ได้ค่ะ”
สุริยงพยักหน้า เชื่อตามที่ฮันนี่บอกอย่างไม่ติดใจสงสัย จากนั้นทั้งสองคนจูงมือกันเดินออกไป
ฮันนี่แอบปรายตามามองโทรศัพท์ แล้วถอนหายใจโล่งอก
เขมชาติตาวาวด้วยความหึง และแค้นใจสุดๆ พลางกำโทรศัพท์แน่น
“หนีไปหาเป้าหมายใหม่จริงๆด้วย อย่าคิดนะว่าจะหนีพ้น”
เขมชาติรีบกดโทรศัพท์โทร.หาวิบูลย์ และออกคำสั่งเสียงเข้ม
“วิบูลย์ หาที่อยู่ของเบอร์โทรศัพท์เมื่อกี๊ เอาเป็นแผนที่อย่างละเอียดเลยนะ หาได้แล้วรีบส่งมาให้ผม
ด่วนที่สุด”
เขมชาติสั่งเสียงเข้ม แววตาเอาเรื่อง!
เอื้อหันมาถามเกนหลงด้วยความแปลกใจปนไม่พอใจ
“เขมชาติติดประชุมมาลองชุดไม่ได้”
ทั้งคู่กำลังยืนคุยอยู่ในสวน ด้านหลังเป็นบ้านทรงไทยที่ซ่อนตัวอยู่ในดงต้นไม้ บรรยากาศร่มรื่น
“ค่ะ เขมเขาบอกว่าพยายามจะเคลียร์งานให้เรียบร้อย ก่อนจะถึงวันหมั้น แล้วเขาก็เห็นว่า เกนมีพี่
เอื้อมาเป็นเพื่อน ก็เลยไม่ห่วง”
เอื้อมองหน้าเกนหลงด้วยความเห็นใจ
“เรานี่เป็นแม่พระจริงๆ พร้อมจะเข้าใจทุกคน โดยเฉพาะคนอย่างเขมชาติ ที่บางทีพี่ไม่เข้าใจเขาเลย
จริงๆ”
เกนหลงหัวเราะ
“งั้นพี่เอื้อก็คงจะเป็นพ่อพระเหมือนกัน ที่พร้อมจะเข้าใจทุกคน โดยเฉพาะเกน ที่บางครั้งก็ไม่เข้าใจ
ตัวเอง”
เอื้อฟังแล้วก็หัวเราะออกมา “เออจริง”
“พี่เอื้อคะ ชุดไทยที่จะให้เกนมาลองวันนี้ เป็นของใครเหรอคะ?”
เอื้อพาเกนหลงเดินเข้าไปในบ้านทรงไทย
“เป็นของคุณยายน้อย น้องสาวของคุณยายพี่เอง พอเกนโทรมาถามพี่เรื่องที่อยากได้ชุดหมั้นเป็นผ้า
ไทยโบราณ พี่ก็นึกถึงคุณยายน้อยขึ้นมาเลย คุณยายสะสมผ้าเก่าไว้เยอะ ถ้าถูกใจน่าจะยืมของท่านมาได้ ท่านใจดี
มาก”
เอื้อพูดด้วยความมั่นใจ เกนหลงยิ้มรับด้วยความสบายใจ
คุณยายน้อย ที่เอื้อพูดถึง เป็นสตรีสูงวัย หน้านิ่งๆ ดูหยิ่งๆ อย่างผู้ดี แต่แฝงไว้ด้วยความเมตตา
ยายน้อยมองเกนหลงอย่างพิจารณา เกนหลงนั่งตัวลีบ กระซิบถามเอื้อ
“คุณยายใจดีแน่นะคะ”
เอื้อยังไม่ทันตอบ เสียงยายน้อยก็ดังขึ้นอย่างมีพลัง
“นี่เหรอ เกนหลง ลูกสาวคุณพจน์ พงษ์สุภา หน้าตาสวยเหมือนแม่”
เกนหลงตาวาว “คุณยายรู้จักคุณแม่เกนด้วยเหรอคะ?”
“รู้จักดีทั้งพ่อทั้งแม่ พ่อเราเป็นคนดี รักเดียวใจเดียว ภรรยาเสียไปตั้งแต่นานแล้วไม่เคยคิดจะมีคน
ใหม่ ไม่เหมือนพ่อของคนนี้”
พลางหันมาทางเอื้อ เอื้อสะดุ้ง
“คนนึงไป คนใหม่มา คนใหม่ไปอีก คราวนี้เอาเมียคราวลูกซะเลย”
เอื้อสะดุ้งรีบเข้ามาบีบนวดเอาใจ
“คุณยายน้อยครับ ผมว่าเราอย่าไปพูดถึงคุณพ่อเลยครับ เรากลับมาที่เรื่องผ้าที่ผมเรียนไปทาง
โทรศัพท์ดีกว่าครับ นะครับ นะ”
เอื้อยิ้มอ้อนคุณยาย เกนหลงเห็นแล้วก็ยิ้มตาม ที่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเอื้อ ที่ต่างจากที่เคย
ยายน้อยรีบบอก
“ก็ได้” แล้วหันมาทางเกนหลง “เห็นเอื้อบอกว่าจะหมั้นเหรอ? กับใคร? กับเอื้อหรือเปล่า?”
ทั้งเอื้อและเกนหลงสะดุ้ง
เอื้อรีบปฎิเสธ“เอ้ย ไม่ใช่ครับ เกนเขาหมั้นกับแฟนเขาครับ ไม่ใช่ผม”
ยายน้อยหันมาทางเกนหลง
“เฮ่อ เสียดาย”
เอื้อเขินจนทำหน้าไม่ถูก เกนหลงก็ยิ้มอายๆพอกัน ยายน้อยตัดบท
“แต่ ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เอื้อพามาถึงที่นี่ แสดงว่าต้องเป็นคนสำคัญ คนสำคัญของหลานคนโปรดของ
ยาย ก็ต้องเป็นคนสำคัญของยายด้วย”
ยายน้อยโอบเอื้อด้วยความรัก เป็นภาพที่น่ารักมาก เกนหลงมองแล้วยิ้มออกมาด้วยความอบอุ่น
“ไป ไปดูผ้ากัน ยายมีสไบงามๆหลายผืน ไปเลือกดูว่าชอบผืนไหน”
ยายน้อยยิ้มอย่างเมตตา ความดุที่แรกเห็น หายไปจนหมดสิ้น เอื้อประคองยายน้อยอย่างอ่อนโยน
พลางเดินนำไป เกนหลงมองตามแล้วก็ยิ้มถูกใจไม่เคยเห็นเอื้อในมุมนี้มาก่อน
ยายน้อยลองเอาผ้าสไบ ผ้านุ่ง และเครื่องประดับ มาให้เกนหลงเลือกลองหลายต่อหลายชุด เกนหลง
คุยกับยายน้อยอย่างนอบน้อม สดใส สมกับที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี เอื้อได้แต่นั่งมองเกนหลงแล้วก็ยิ้มไม่รู้ตัว
จนกระทั่งยายน้อยหันมาทางเอื้อ
“เอื้อ”
เอื้อสะดุ้ง แล้วรีบขานรับ “ครับ”
“มานี่เลย มัวแต่นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวเอาชุดผู้ชายไปลอง”
ยายน้อยหันมาทางคนรับใช้ที่ถือชุดของผู้ชายอยู่ข้างๆ พลางบอกต่อ
“แล้วมายืนคู่กับหนูเกนหลงเขาหน่อย ดูสิว่าจะเข้ากันหรือเปล่า”
เอื้อหน้าเหรอ“ผมเนี่ยนะครับ จะดีเหรอครับ”
“ก็คู่หมั้นเขาไม่ว่าง หนูเกนหลงก็บอกว่าตัวพอๆกัน ไม่ต่างกันมาก เราก็มาลองเป็นตุ๊กตาให้ดูหน่อย
เผื่อหนูเกนหลงจะเปลี่ยนใจ”
ยายน้อยยิ้ม ในขณะที่เอื้อได้แต่สะดุ้งนิดๆ แล้วก็ส่ายหน้า ก่อนที่หันไปมองชุดไทยที่อยู่ตรงหน้า
และเมื่อทั้งเกนหลง และเอื้อแต่งองค์ทรงชุดไทยครบเครื่อง ต่างคนต่างมองกันด้วยความอึ้ง
“พี่เอื้อเท่มากเลยค่ะ เหมือนคุณชายทะลุมิติออกมาเลย”
เอื้อยิ้มเขิน “เกนก็สวยมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
เสียงยายน้อยดังขึ้น
“ทั้งสองคน หันมา แล้วยิ้ม”
เกนหลง กับ เอื้อ หันไป เห็นยายน้อยตั้งท่าถ่ายรูปโดยใช้ไอแพด ที่ใส่เคส มีเพชรระยิบระยับ พลาง
กำกับท่าทาง
“ชิดๆ กันหน่อย ชิดอีก ชิดอีก นั่นแหละดี ยิ้ม”
เอื้อกับเกนหลงขยับเข้ามาใกล้กันแล้วก็ยิ้ม ต่างคนต่างเขิน หายใจไม่ทั่วท้อง
ภาพที่ปรากฏในไอแพดของยายน้อย คือภาพคู่ของคนสองคนที่เหมาะสมกันมาก
“ยายขอเอารูปไปโพสต์ในเฟซบุคยายหน่อยนะ ไปสร้างกระแส เพื่อนๆที่พยายามจะยัดเยียด
ลูกหลานมาให้เป็นแฟนตาเอื้อจะได้เต้นผาง เช็คข่าวกันให้วุ่น”
ยายน้อยพูดพลางหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ
เกนหลงกับเอื้อหันมามองหน้าเหวอๆ
“คุณยายพี่เอื้อแอบแซ่บนะคะ”
แล้วทั้งสองคนก็ขำกันอย่างมีความสุข ยายน้อยเห็นพอดี ก็รีบยกไอแพดขึ้นมากดถ่ายอีกหลายภาพ
ล้วนเป็นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกันอย่างยิ่ง
ยายน้อยมองเกนหลงด้วยความเสียดาย
เขมชาติขับรถด้วยความเร็วไปตามถนน ด้วยสีหน้า และแววตากรุ่นไปด้วยความโกรธ ที่หน้าจอ
โทรศัพท์มีแผนที่ทางไปรีสอร์ทชนะ ที่วิบูลย์ส่งมาให้ถูกเปิดไว้อยู่
เพียงไม่นาน รถเขมชาติก็เข้ามามาจอดเทียบหนี้สอร์ทของชนะ เขมชาติลงจากรถอย่างเร็วมอง
สำรวจไปรอบๆบริเวณด้วยความ รู้สึกไม่ชอบใจ
เขมชาติมาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับที่อยู่ด้านหน้าทางเข้ารีสอร์ท
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
“ผมต้องการพบสุริยง” เขมชาติบอกจุดประสงค์
“คุณสุริยง อ๋อต้องการพบผู้จัดการใช่มั้ยคะ”
“ผู้จัดการ?” เขมชาติทวนประโยค
“ค่ะ คุณสุริยงเป็นผู้จัดการของที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าใช่สุริยงเดียวกันหรือเปล่าคะ?”
“นั่นแหละ คนเดียวกันผมมีธุระสำคัญจะมาคุยกับเขา ให้เขารีบมาพบผมด่วน”
พนักงานรีบถามต่อ
“จะให้เรียนผู้จัดการว่าใครมาขอพบคะ?”
เขมชาตินิ่งอย่างพยายามใช้ความคิด
สุริยงถามพนักงานอย่างแปลกใจ
“คุณเอื้อมาขอพบฉัน”
ฮันนี่ ที่กำลังนั่งตรงข้ามกำลังทำการบ้าน เงยหน้าจาก
“คุณเอื้อ?”
พลางคิดถึงหน้าของเอื้อที่เจอที่โรงแรม
“คุณเอื้อ พี่ของไก่ ไข่ ใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ค่ะ” จากนั้นก็หันมาพูดกับพนักงาน “คุณเอื้อรออยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะ?”
“บอกว่าจะรอคุณสุอยู่ที่ตรงหน้าหาดค่ะ”
“ขอบใจมากนะ”
พนักงานเดินออกไป สุริยงลุกขึ้นกำลังจะไป ฮันนี่คิด ๆ แล้วก็บ่นๆ
“หรือว่าคนชื่อเอื้อมาเอาตัวน้าสุกลับไปกรุงเทพ ไม่ได้นะ” พลางก็นึกได้ “น้าสุคะ อย่าเพิ่งไปค่ะ”
สุริยงหันมา ฮันนี่รีบหยิบสมุดการบ้านที่วางตรงหน้าแล้ววิ่งเอาไปให้สุริยง
“น้าสุตรวจการบ้านหน้านี้ให้ฮันนี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวฮันนี่ไปบอกให้คุณเอื้อรอน้าสุเองค่ะ”
ฮันนี่พูดจบ ยัดการบ้านให้สุริยง แล้วก็วิ่งออกไปเลย ทิ้งให้สุริยงยืนหร้าเหวออยู่ที่เดิม
เขมชาติมองๆไปรอบบริเวณของรีสอร์ท แล้วก็เบ้หน้าด้วยความริษยา
“รีสอร์ทใหญ่แบบนี้เอง ถึงได้รีบหอบผ้า หอบผ่อน หนีตามมาอยู่ด้วย ทิ้งลูกๆ ทิ้งพ่อ ทิ้งแม่ มาแทบ
ไม่ทัน”
เขมชาติมัวแต่ยืนสำรวจรอบตัว ไม่ทันสังเกตเห็นว่าฮันนี่เดินก้าวฉับๆๆมาทางด้านหลัง แล้วฮันนี่ก็
ชะงักกึก เพราะผู้ชายที่ยืนหันหลังอยู่ไม่ใช่เอื้อ
“ไม่ใช่คุณเอื้อนี่”
เขมชาติได้ยินเสียง หันขวับมาพอดี
“นายหน้ายักษ์”
เขมชาติมองฮันนี่ ด้วยความที่เกลียดเด็กเป็นทุนเดิม เลยตะคอกถามเสียงขุ่น
“ใครหน้ายักษ์? ไม่มีใครสอนหรือไง? ว่าต้องยกมือไหว้ สวัสดีทักทายผู้ใหญ่”
ฮันนี่ ลอยหน้า ลอยตา
“ฮันนี่ไหว้เฉพาะผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีค่ะ และผู้ใหญ่ที่ดีต้องไม่โกหก? เอาชื่อคนอื่นมาเป็นชื่อตัวเอง”
เขมชาติยื่นหน้าต่อล้อต่อเถียง
“เด็กที่ดี ก็ไม่ควรจะโกหกเหมือนกัน ไหนบอกว่าสุริยงไม่อยู่ที่นี่ไง?”
ทันใดนั้นเสียงสุริยงก็ดังขึ้นมา
“ฉันเป็นคนบอกให้ฮันนี่พูดแบบนั้นเอง”
เขมชาติหันไปตามเสียงสุริยงทันที ฮันนี่รีบหันมาบอกสุริยง
“น้าสุรีบเข้าไปเถอะค่ะ เขาโกหกน้าสุ เขาต้องคิดไม่ดีกับน้าสุแน่ๆเลยค่ะเดี๋ยวฮันนี่จัดการให้เอง”
สุริยงหันมาบอกกับฮันนี่
“น้องฮันนี่คะ เข้าไปในบ้านก่อนนะคะ”
“แต่น้าสุคะ” ฮันนี่อิดออด
“นะคะ”
ฮันนี่จำยอมต้องรับคำ “ค่ะ” พลางมองหน้าเขมชาติอีกที ไม่ค่อยถูกชะตา แล้วก็จำใจต้องเดินกลับ
เข้าบ้านไป
สุริยงยืนเผชิญหน้ากับเขมชาติตามลำพัง สุริยงหน้าเชิด ขบริมฝีปากแน่น
จบตอนที่ 19