อย่าลืมฉัน ตอนที่ 27 อวสาน
เช้าวันที่อากาศสดใส สุริยงเดินทางมาถึงชาโตว์ของเจ้าสัวชลิต ก่อนทื่จะเงยหน้ามองบ้านด้วย
ความคุ้นเคย จากนั้นเดินเข้ามาภายในบ้าน พลางนำกระเป๋ามาวาง ระหว่างที่วางกระเป๋าก็สะดุดกึก กับกลิ่นหอม
ของขนมปังที่เพิ่งอบใหม่
สุริยงสูดกลิ่นขนมปังเต็มปอด แล้วก็มองหาต้นตอของกลิ่น ก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องรับประทาน
อาหาร แล้วก็ชะงักนิดๆ เมื่อมองเห็นขนมปังอบอุ่นๆ วางอยู่ พร้อมกับผลไม้ และน้ำองุ่น
“ยังอุ่นอยู่เลย”
สุริยงมองด้วยความแปลกใจ นอกจากอาหารแล้วรอบๆบ้าน ยังมีดอกไม้จัดไว้อย่างสวยงาม ดูสดชื่น
มาก
“อาหาร ดอกไม้” พลางเอามือลูบโต๊ะ “ฝุ่นก็ไม่มี ใครมาทำความสะอาด?” หยิบขวดน้ำองุ่นมาดู
“ รู้ได้ยังไงว่าเราอยากกินน้ำองุ่น ?”
สุริยงคิดถึงเอื้อ
ในขณะที่คนที่กำลังถูกคิดถึง กำลังคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้านเกนหลง
“ผมส่งคนพิเศษไปดูแลเอง หนูเล็กไม่ต้องห่วง ปลอดภัย ไว้ใจได้”
สุริยงรีบถาม
“คนพิเศษของคุณเอื้อเป็นใครคะ? ทำไมถึงได้ไว้ใจมากขนาดนั้น”
เอื้ออึกๆอักๆ
“ก็...คือ”
พลางย้อนนึกถึงหน้าของเขมชาติ ที่ตกใจสุดขีดตอนที่รู้ว่สุริยงกำลังจะเดินทางไปสวิส
“วดีกำลังจะไปสวิส ไม่มีกำหนดกลับ”
“ใช่ ตอนแรกผมตั้งใจจะไปด้วย แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมคิดว่ ลึกๆแล้วหนูเล็กคงอยากให้คุณ
ไปมากกว่า”
เอื้อตัดสินใจพูดตามตรง เขมชาติตกใจรอบสอง
“วดี อยากให้ผมไป คุณเอื้อคิดไปเองหรือเปล่า?”
“ผมไม่ได้คิดไปเอง ผมคิดจากประสบการณ์ที่รู้จักหนูเล็กมานาน และผมมั่นใจว่าผมคิดไม่ผิด หนู
เล็กตั้งใจจะไปคลอดลูก และเลี้ยงลูกอยู่ที่โน่นตามลำพัง”
เขมชาติตาวาว
ตกลงวดีท้องจริงๆใช่มั้ยครับ ตกลงเขาโกหกหมอ และเขากำลังจะมีลูกกับผมจริงๆใช่มั้ย”
เอื้อพยักหน้า “ผมคิดว่าใช่”
“แล้ว แล้วเขาจะไปอยู่คนเดียวได้ยังไง แล้วใครจะเป็นคนพาไปหาหมอ คอยทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้าน
แล้วถ้าลูกคลอด ใครจะช่วยเลี้ยง ไปอยู่ไกลบ้านแบบนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะครับ ไม่มีทางวดีไม่มีทางอยู่คน
เดียวได้”
“ถ้าคุณอยากจะตามไป ผมจะบอกว่าหนูเล็กไปอยู่ที่ไหน?”
เขมชาติอึกอัก
“แต่ผมรับปากวดีแล้วว่าจะไม่ไปให้เขาเห็นหน้าอีก ผมไม่อยากเป็นคนหลอกลวงในสายตาเขา ผม
ผิดคำพูดกับเขามามากเกินไปแล้ว”
“ถ้าคุณอยากจะตามไปดูแลเขาจริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องให้เขาเห็นหน้าก็ได้นี่ มันก็มีตั้งหลายวิธีที่
จะทำสิ่งดีๆให้คนอื่น โดยที่ไม่ต้องออกหน้า ไม่เห็นจะยากเลย”
เอื้อยิ้มเจ้าเล่ห์ เขมชาติยิ้มออก
“จริงๆด้วย ทำให้โดยไม่ต้องให้เห็นหน้า ก็เท่ากับไม่เห็นกัน ก็ไม่ผิดสัญญา ขอบคุณมากครับคุณเอื้อ
ขอบคุณมากๆ”
เอื้อยิ้มๆ..แล้วก็หยิบกระดาษออกจากกระเป๋า ส่งให้เขมชาติ
“นี่เป็นรายละเอียดเที่ยวบินของหนูเล็ก”
“โอเคเครับ เดี๋ยวผมรีบไปเตรียมตัวก่อนนะครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
สุริยงยังไม่หายระแวง
“ตกลงคุณเอื้อส่งใครมา?”
พลางเดินไป คุยไป สำรวจบ้านไปด้วย “เป็นคนไทย หรือ ฝรั่ง หรือ เวียต หรือ ละติน ? ผู้หญิง หรือ
ผู้ชาย ?”
เอื้อหัวเราะ
“เอาน่า เดี๋ยวก็ได้เจอเอง พักผ่อนให้สบายใจ ไม่ต้องคิดมาก เขาไม่ทำร้ายหนูเล็กหรอก ไม่ว่าจะทาง
ร่างกาย หรือ จิตใจ” แล้วก็ทำเสียงเบาลง “คงไม่กล้าแล้ว”
สุริยงขมวดคิ้ว กำลังเปิดตู้เย็น เห็นว่าในตู้มีอาหารเต็มไปหมด
“หือ? ว่าไงนะคะ”
เอื้อตัดบท
“หนูเล็ก ผมต้องไปแล้ว คืนนี้พี่อัมให้ผมพาไก่ ไข่ ออกงานสังคมครั้งแรก ในฐานะทายาทของรัตน
ชาติ เปิดตัวกันเลยทีเดียว รับรองว่าได้ฮือฮาแน่”
อีกด้านหนึ่งเกนหลงเดินมาในชุดราตรีสวย สง่า จูงมือคู่แฝด ที่ ใส่ชุดสูทอย่างเท่ เอื้อมองตาค้า แล้ว
ก็ยิ้ม พูดโทรศัพท์ต่อ
“และที่สำคัญ ผมชวนเกนไปด้วย ไหนๆจะเปิดตัวน้องชายแล้ว ก็เปิดตัวแฟนไปด้วยเลย”
เกนหลงเลิกคิ้ว เอื้อยิ้มแอบเจ้าเล่ห์นิดๆ
สุริยงยิ้มยินดี
“ยินดีด้วยนะคะคุณเอื้อ ฝากนายสองแสบด้วยนะคะ”
เอื้อหันมาส่งโทรศัพท์ให้ไก่ ไข่
“ไก่ ไข่ ทักทายแม่หนูเล็กหน่อยครับ”
คู่แฝดแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์
“แม่หนูเล็กสวัสดีครับ / คิดถึงแม่หนูเล็กที่สุดเลย รักแม่หนูเล็กที่สุดๆ จุ๊บ ๆ ครับ”
สุริยงหัวเราะ
“ครับๆ แม่หนูเล็กก็คิดถึงไก่ ไข่ นะลูก เป็นเด็กดีนะครับ”
คู่แฝดรับคำ สุริยงวางสายไปแล้วก็ยิ้มยินดี ก่อนจะมองไปรอบๆบ้านอีกครั้ง เบาใจขึ้น
ประตูรถตู้เปิดออก ไก่ ไข่ ขึ้นรถไปนั่งหลัง เหลือเอื้อกับเกนหลง ที่หยุดยืนคุยกันอยู่
“คุณสุเป็นยังไงบ้างคะ? พอจะมีข่าวดีหรือยัง?”
“พูดยาก ต้องลองลุ้นดู”
เอื้อจะหันไปขึ้นรถ เกนหลงเรียกไว้อีกรอบ
“เดี๋ยวค่ะพี่เอื้อ เมื่อกี๊บอกคุณสุว่านอกจากจะเปิดตัวน้องชายแล้ว จะเปิดตัวใครนะคะ?”
เอื้อยิ้ม
“เปิดตัวแฟน ไม่รู้ตัวหล่ะสิ นี่เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
เกนหลงแสร้งค้อน “แหม เนียนนะคะ คิดจะปรึกษากันก่อนมั้ยคะเนี่ย”
“อ้าว เรื่องแบบนี้พี่นึกว่า ไม่ต้องพูดก็รู้กันเอง โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ให้เลขาทำจดหมายชี้แจงย้อนหลังให้
จะต้องทำจดหมายเวียนตามแผนกอื่นด้วยมั้ย ? จะได้ทำทีเดียว”
“ดีค่ะ ขอเป็นหนังสือชี้แจงแบบละเอียดนะคะ แจ้งด้วยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และทำไมเราถึงเป็นแฟน
กัน ส่งให้คุณพ่อในฐานะประธานกรรมการ และรอว่าท่านจะอนุมัติหรือเปล่า”
“โอ้ว เล่นของสูงเลยนะเนี่ย”
เอื้อกับเกนหลงหัวเราะกันสนุกสนาน คู่แฝดโผล่หน้าออกมา
“จะจีบกันอีกนานมั้ยครับ?”
“ไข่หิวแล้ว”
เกนหลง กับ เอื้อ หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“โอเคๆ จีบกันเรียบร้อยแล้วครับ ไปแล้วค้าบคุณน้องชาย”
คู่แฝด ยิ้มรับ เอื้อกับเกนหลงหันมามองหน้ากันอย่างมีความสุข เอื้อหันมาตั้งแขนขึ้น เกนหลงควง
แขน แล้วก็เดินมาขึ้นรถพร้อมกัน ไก่ ไข่ มองแล้วก็ยิ้ม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรัก
ทางด้านสุริยง ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ พร้อมใส่ชุดนอนเรียบร้อย พลางใส่เสื้อผ้าใช้แล้วลงตะกร้า
สำหรับซัก แล้วเดินมาที่ห้องนอน กำลังจะเดินไปที่หน้ากระจก แต่ก็ต้องชะงักกึก หันมาที่เตียง เห็นเตียงนอนเปิดผ้า
คลุมออกแล้ว หมอน ผ้าห่มถูกวางไว้อย่างน่านอน
“ใครมาเปิดผ้าคลุมเตียง”
สุริยงเดินมาข้างเตียง ที่หัวเตียงมีหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กวางไว้ 4-5 เล่ม สุริยงหยิบมาดูยิ่งสงสัย
“หนังสือพวกนี้มาได้ยังไง?”
คิดๆ แล้วก็รีบเดินออกไปที่หน้าห้อง มองไปรอบๆ บ้าน แต่ไม่มีใคร สุริยงนึกถึงคำพูดของเอื้อ
“ผมส่งคนพิเศษไปดูแลเอง หนูเล็กไม่ต้องห่วง ปลอดภัย ไว้ใจได้”
สุริยงพยายามจะไม่คิดมาก แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนที่จะหยิบหนังสือมานอนอ่านด้วย
ความสนใจ กระทั่งหลับไปคาหนังสือ ไม่ได้ห่มผ้า และยังไม่ปิดไฟ
ในขณะที่อีกมึมหนึ่งของบ้าน มีเสียงกุกกักๆ พร้อมกับร่างของเขมชาติ ที่โผล่เข้ามาในบ้าน พร้อม
กับช่อดอกไม้หนึ่งช่อใหญ่ พลางมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะย่องเข้ามาในบ้านอย่างแผ่วเบา และรีบย่อง
ขึ้นไปที่ห้องนอนทันที
เขมชาติค่อยๆเปิดประตูเข้ามา เอาหนังสือเก็บ ห่มผ้า และดับไฟ พร้อมกับเอาเสื้อผ้าที่สุริยงใส่แล้ว
ใส่เครื่องซักผ้า ล้างจาน เก็บจาน เก็บกวาด ทำความสะอาดบ้าน และพับผ้าอย่างเรียบร้อย ไม่เว้นแม้แต่เตรียม
ผ้าเช็ดตัวใหม่ในห้องน้ำ บีบยาสีฟันใส่แปรงแล้ววางไว้ พร้อมทั้งเปลี่ยนดอกไม้ในแจกัน และเตรียมอาหารเช้ารอท่า
ไว้
สุริยงรู้สึกตัวตื่นเมื่อนาฬิกาบอกเวลา 6 โมงเช้า เขมชาติรีบหลบออกไปทันที
สุริยงลงจากเตียง แล้วก็ชะงักกึก พลางมองไปรอบๆ เห็นหนังสือที่อ่านค้างวางไว้หัวเตียง ผ้าห่มที่ถูก
ดึงมาห่มตัวเอง ไฟในห้องดับ
“เมื่อคืน เราไม่ได้อยู่แบบนี้นี่”
สุริยงเอะใจ แล้วรีบเดินออกไปทันที เห็นสิ่งที่เขมชาติทำไว้เมื่อคืนด้วยความประหลาดใจ ดอกไม้ชุดใหม่ถูกวางไว้ ที่โต๊ะอาหารมีอาหารเช้ารออยู่ มีน้ำผลไม้ น้ำองุ่น นม ขนมปัง ผลไม้ วางไว้อย่างสวยงาม
“มาจัดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
สุริยงส่ายหน้าคาใจมาก แล้วก็เดินไปห้องน้ำ ผ่านตะกร้าผ้าก็ชะงัก เพราะเห็นว่าตะกร้าผ้าว่างเปล่า
พอมองไปที่โต๊ะข้างๆ เห็นว่าผ้ามีการซักและพับไว้แล้วอย่างสวยงาม สุริยงแปลกใจ
จากนั้นก็เดินเข้ามาในห้องน้ำ เห็นผ้าเช็ดตัว และแปรงสีฟันพร้อมยาสีฟันวางอยู่ สุริยงขมวดคิ้ว
“ แม่บ้านธรรมดาๆไม่ทำถึงขนาดนี้แน่ๆ”
สุริยงเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง “คุณเอื้อ”
เอื้อรับโทรศัพท์ทางไกลจากสุริยง แล้วก็ระล่ำระลักรีบบอก
“ผมไม่มีอะไรปิดบังหนูเล็กจริงๆ แค่บอกไม่ได้”
ในขณะที่สุริยงคุยโทรศัพท์ที่หน้าชาโตว์ เดินคุยไปก็มองสำรวจรอบๆบ้าน ด้วยความสงสัย
“อะไรนะคะ?”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร ก็นั่นแหละ ไม่ต้องห่วงครับ คนดูแลที่ผมส่งไป เขาไม่ใช่มิจฉาชีพ หรือ ฆาตกร
โรคจิต แล้วผมก็ให้กุญแจเขาไว้ เขาเลยเข้าบ้านได้ และที่เขาไม่อยากเข้าไปทำบ้านตอนคุณตื่น เพราะไม่อยากรบกวน
ก็แค่นั้น”
“แต่ออกมาให้เห็นหน้าหน่อยก็ยังดี ไม่ใช่ทำเป็นโสนน้อยเรือนงาม แอบมาทำความสะอาด ปัด
กวาดเช็ดถูตอนเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว”
เอื้อหัวเราะ
“แต่อย่างน้อยโสนน้อยเรือนงามก็ไม่คิดทำร้ายใคร ทำให้เพราะความรัก ผมว่าก็โอเคนะ”
สุริยงแย้ง “มันก็โอเคค่ะ แต่ถ้าเป็นคนที่หนูเล็กไม่อยากเห็นหน้าต่อให้ดูแลดีแค่ไหน หนูเล็กก็จะไล่
กลับไป”
เอื้อชะงักนิด แต่ทำใจดีสู้เสือ
“หนูเล็กก็น่าจะรู้ผมเป็นคนคิดรอบคอบ ถ้าผมเลือกที่จะส่งใครสักคนไปดูแลคุณ ผมก็ต้องเลือกคนที่
ดีที่สุดอยู่แล้ว”
เอื้อยิ้มเจ้าเล่ห์ ในจังหวะเดียวกับที่ผู้ชายอยู่ในชุดพนักงานออร์กาไนเซอร์เดินมาบอกเอื้อ
“คุณเกนมาแล้วครับ”
เอื้อพยักหน้ารับรู้และถือโอกาสตัดบท
“เกนมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะหนูเล็ก โชคดีครับ”
สุริยงรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณเอื้อ คุณเอื้อ” แต่เอื้อวางสายไปแล้ว สุริยงวางตามไปหงุดหงิดนิดๆ “คุณเอื้อทำตัวไม่
น่าวางใจ”
สุริยงคิด สังหรณ์ใจว่า คนที่เอื้อส่งมาจะเป็น “คนคนนั้น”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)
ที่พนักงานที่เดินเตรียมงานอยู่ เดินออกไปหลบไปอยู่หลังกันหมด เอื้อแตะกระเป๋าสูทสำรวจของข้าง
ในว่าอยู่ดีแล้วก็ยิ้มพอใจ เกนหลงเดินมาถึงพอดี
“เกนพร้อมแล้วค่ะ ทีมงานบอกว่าเตรียมงานเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นักข่าวทยอยมาบางส่วนแล้ว เรา
รีบออกไปต้อนรับกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวครับ ยังไปไม่ได้ คือ ก่อนไป พี่มีหนึ่งคำถามอยากจะถาม”
เกนหลงทำหน้างง ” ค่ะ”
“เกนจำได้มั้ยว่า คุณยายน้อยเคยให้เกนยืมเครื่องทองโบราณมาใส่กับชุดไทย”
“จำได้สิคะ เกนจะลืมได้ยังไง เรื่องสำคัญขนาดนี้”
เอื้อยิ้มเข้าทาง
“เกนคงไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เครื่องทองชุดนั้น มันขาดสิ่งหนึ่งไป เป็นสิ่งสำคัญมาก วันนั้นคุณยายไม่ได้
ให้มา แต่วันนี้ท่านมอบให้พี่ และให้พี่มามอบให้กับผู้หญิงที่คู่ควร”
เอื้อหยิบกล่องแหวนออกมาจากกระเป๋า และเมื่อเปิดออก ก็เห็นแหวนเพชรของเก่า ที่ดูเลอค่ามาก
เกนหลงเห็นแล้วอึ้งๆ
“แหวนวงนี้ เป็นแหวนประจำตระกูลของเรา คุณตาสวมให้คุณยายในวันแต่งงาน และคุณแม่ก็สวม
สลับกับแหวนแต่งงานที่คุณพ่อให้ คุณแม่มอบให้คุณยายน้อยก่อนท่านจะเสีย ให้ท่านเก็บไว้ให้พี่ จนกว่าพี่จะได้เจอ
ผู้หญิงที่พี่อยากแต่งงานด้วย”
เกนหลงอึ้ง เอื้อพูดแบบตรงๆ ซื่อๆ
“และวันนี้ พี่ก็ได้เจอแล้ว มันอาจจะเป็นการขอแต่งงานที่เรียบๆ ง่ายๆ ตรงๆ ซื่อๆ ไม่มีการวางแผน
อะไรมาก แต่มันมาจากความรู้สึกจริงๆ ของพี่”
จบประโยค เอื้อก็คุกเข่าต่อหน้าเกนหลง
“พี่ขอเป็นคนดูแลเกนตลอดไป แต่งงานกันนะครับ”
เกนหลงน้ำตาร่วง พยักหน้า ”ค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงค่ะ เสียงเฮร้อง ดนตรี นกหวีด และ มากมายดังประสานกันขึ้นมา เกนหลงตกใจ
ม่านที่ปิดไว้ ร่วงลงพื้น ทั้งดนตรี พนักงานที่มารอยินดี แขกร่วมงาน นักข่าว ยืนอยู่เต็มฮอลล์เล็กๆ
หลังม่าน ทุกคนไชโยด้วยความดีใจ ทั้งคุณพจน์ อัมพิกา ไก่ ไข่ รวมถึงยายน้อย ชนะ และฮันนี่
เกนหลงมองทุกคนอย่าวอึ้งๆ งงๆ
“นี่มัน อะไรกันคะเนี่ย คุณพ่อ”
คุณพจน์ขยิบตาให้ แล้วก็หันไปเต้นกับ เกนหลงหัวเราะชอบใจ ในขณะที่นักข่าวรัวภาพไม่ยั้ง
“นี่เหรอคะ ขอแต่งงานแบบเรียบๆ ซื่อๆ วางแผนขอแต่งงานซ้อนงานเปิดตัวโรงแรมใหม่ คิดแบบนัก
ธนาคารใช่มั้ยคะ ?”
เอื้อ หัวเราะ “ก็นิดนึง”
“นี่ถ้าเกนปฎิเสธไม่หน้าแตกเหรอคะ?”
“งั้นต้องรีบสวมแหวนก่อนเปลี่ยนใจ”
จากนั้นเอื้อก็บรรจงสวมแหวนให้เกนหลงอย่างอ่อนโยน พลางสวมด้วยความรัก เกนหลงกอดตอบ
น้ำตาซึม จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาทางแขกที่มาร่วมงาน และนักข่าวที่รุมล้อมถ่ายรูป คุณพจน์ อัมพิกา ยิ้มด้วยความ
พอใจ
ในขณะเดียวกัน สุริยงเดินมาตามทาง ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามของสวิส เหมือนกำลังจะมุ่ง
หน้าไปที่ใดที่หนึ่ง เขมชาติค่อยๆเดินตามมาอย่างระมัดระวังไม่ให้เห็น
“จะไปไหนของเขา”
สุริยงยังเดินไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย เขมชาติเดินตามมาอย่างระมัดระวัง
สุริยงเดินมาสักพักก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ข้างหลัง ก็เลยหยุดเดิน เขมชาติชะงักตาม. หันซ้าย
หันขวา ไม่มีที่กำบัง จากนั้นก็รีบดึงฮู้ดขึ้นมาปิดหน้า
สุริยงจะหัน..แต่ไม่หัน แล้วก็เดินต่อ เขมชาติเป่าปากโล่งใจ รีบเดินตามไป ทันใดนั้นสุริยงก็หยุดเดิน
หันขวับกลับมา เขมชาติหันหลังกลับทันที ชนเข้ากับคนที่เดินตามหลัง ถุงผลไม้ ในมือหล่นกระจายโครม
“Sorry sorry”
เขมชาติได้ทีรีบก้มช่วยเก็บของ ไม่ให้สุริยงเห็นหน้า สุริยงเขม่นตามอง แต่ไม่เห็นหน้า และเห็นว่า
เก็บของใกล้จะหมดแล้วเลยไม่เข้าไปช่วย หันหลังและเดินต่อไป
เขมชาติเก็บของเสร็จรีบส่งถุงให้
“so sorry ….Have a good day”
จากนั้นก็รีบเดินตามสุริยงไปทันที แต่ไม่เห็นแล้ว เขมชาติรีบวิ่งไปด้วยความร้อนใจ
เขมชาติวิ่งตามหาสุริยงด้วยความเป็นห่วง วิ่งมาสักพักก็ไม่เห็น เขมชาติหยุดวิ่งพัก หอบ
“หายไปไหนนะ”
เขมชาติวิ่งต่อไป ทันใดนั้นสุริยงก็เดินออกมาจากร้านขายขนมปัง เขมชาติตกใจรีบหาที่กำบัง เกือบไม่ทัน สุริยงชะงักหันมาทางเขมชาติแต่ไม่เห็นใคร จึงเดินถือถุงอาหารแล้วเดินไป
เขมชาติที่หลบอยู่ที่หลังถังขยะ ค่อยๆโผล่ออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็ทิ้งระยะสักพักแล้วค่อยเดินตามไปอย่างเงียบๆ ระมัดระวังสุดๆ
สุริยงเดินมาหยุดที่มุมสวยชองสวิส หาที่นั่ง มองวิวด้านหน้าอย่างสบายอารมณ์แล้วก็หยิบอาหารออกมากินอย่างมีความสุข เขมชาติแอบมองอยู่ไม่ไกล
“เที่ยง สงสัยจะเบื่อกินข้าวในบ้าน”
สุริยเดินกลับเข้ามาในชาโตว์ ด้วยความอ่อนอย่างเพลีย แล้วก็ชะงัก มองไปรอบๆบ้าน เห็นดอกไม้
ผลไม้ และกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“เบอร์โทรศัพท์โรงพยาบาล และรายชื่อหมอเด็ก”
สุริยงขมวดคิ้ว แล้วก็คิด
“มันจะมากเกินไปแล้ว”
พลางคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้
ภายในชาโตว์ของเจ้าสัวชลิต สุริยงนอนหลับอยู่ที่โซฟาด้านล่าง มีหนังสือวางแนบอกอยู่
นาฬิกาบอกเวลาตีสามกว่าๆ พลันก็มีกุกกักดังมาจากประตูด้านหน้า และเขมชาติก็เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ในมือถือช่อดอกไม้ และอาหาร เดินมาอย่างสบายอารมณ์ แต่พอหันมาเห็นสุริยงนอนอยู่ก็ชะงักกึก
สุริยงยังนอนอยู่ เขมชาติต้องค่อยๆ ย่องเอาของมาวาง แล้วก็ย่องมาดูสุริยงอย่างแผ่วเบา เห็นว่า
นอนไม่ห่มผ้า ก็มองซ้ายมองขวาไปหยิบผ้ามาห่มให้ เก็บหนังสือออกจากอก
เขมชาติมองแล้วก็ยิ้มด้วยความรัก อยากจะจูบเหลือเกิน แต่จำต้องตัดใจหันไปทำภารกิจต่อ
ในขณะที่สุริยงนอนนิ่ง
เขมชาติทำทุกอย่างดังเช่นทุกครั้ง จนกระทั่งหยิบช่อดอกไม้เตรียมไปจัด แล้วก็ต้องช็อกสุดขีด
เพราะสุริยงยืนจังก้าอยู่กลางห้อง
“วดี”
“คุณจริงๆด้วย ฉันบอกแล้วไง อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เขมชาติรีบวางถาด แต่ดอกไม้ยังถืออยู่
“ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ตั้งแต่มา ผมเลยไม่ปรากฎตัว ไม่มาให้คุณเห็นหน้า นี่ถ้าคุณไม่ทำ
เป็นแกล้งหลับ แล้วตื่นมาจับผิดคุณก็ไม่ต้องเห็นหน้าผม”
สุริยงเลิกคิ้ว
“จะบอกว่าเป็นความผิดของฉันหรือไง?”
เขมชาติรีบบอก
“เปล่าๆ ผมไม่ได้บอกว่าคุณผิด โอเคๆ ผมผิดเอง ที่ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้คุณออกไปจากชีวิตผม ผม
ผิดเองที่เลิกคิดถึงคุณไม่ได้ และผมก็ผิดเอง ที่อยากอยู่ใกล้ๆเพื่อดูแลคุณ มันเป็นความผิดของผมเอง”
เขมชาติพูดด้วยความจริงใจ สุริยงฟัง แล้วเชิดหน้าใส่
“เก๋นะ เข้าใจพูดให้ดูดี แต่ไม่มีประโยชน์ ออกไป ฉันต้องการอยู่คนเดียว”
“วดี อย่าไล่ผมอีกเลย ผมยอมรับ ที่ผ่านมา ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณไม่ลืมผม ไม่ว่าจะทำดี
หรือทำเลว เพราะผมอยากเป็นหนึ่งในความทรงจำของคุณ แต่ตอนนี้ ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นอกจากได้ดูแล
คุณ”
เขมชาติอ้อนวอนเสียงเศร้า ตาเริ่มแดง
“ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้คุณมีความสุข แต่จะไม่โผล่หน้ามาให้คุณเห็น จะไม่ปรากฎตัวสร้างความ
รำคาญใจให้คุณ คุณจะลืมผม จะไม่จดจำผมเลยก็ได้ ผมไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น”
เขมชาติพูดออกมาจากใจ หน้าตาน่าสงสาร แววตาเว้าวอน สุริยงเห็นแล้วก็เกือบจะใจอ่อน จนต้อง
เบือนหน้าหนี
“ผมเตรียมอาหาร ซักผ้า ทำความสะอาดแล้ว ผมซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้คุณด้วย คุณอาจจะไม่รู้ตัว คุณ
เริ่มจะอ้วนขึ้น โดยเฉพาะช่วงท้อง แต่ผมไม่ได้บอกว่าคุณท้องนะ คือคุณจะท้องหรือไม่ท้อง จะมีลูกหรือไม่มี ผมก็จะ
อยู่ดูแลคุณไปเรื่อยๆ ดูแลคุณตลอดไป”
สุริยงอึ้ง พูดไม่ออก เขมชาติสรุป
“คุณจะหนีผมไปอีกก็ได้ แต่คุณอย่าไล่ผมออกไปจากชีวิตคุณอีกเลย ผมไปไม่ได้จริงๆเพราะชีวิตผม
หัวใจผมอยู่ที่คุณคนเดียว”
เขมชาติสรุปจากใจจริง แล้วก็เดินมาส่งดอกไม้ยัดใส่มือสุริยง แล้วก็เดินออกจากบ้านไป สุริยงมอง
รอบๆด้วยความงุนงง นึกไม่ถึงว่าเขมชาติจะมาไม้นี้ เพราะถ้ามาแนวตื๊อ แนวดื้อ แนวแรง ก็ตอบกลับถูก แต่มาแนว
นิ่มๆ นิ่งๆ จริงใจ..สุริยงเลยอึ้ง จนไปไม่เป็น
ในขณะที่เอื้อยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในเวดดิ้งสตูดิโอ
“เดี๋ยวๆ หนูเล็กๆใจเย็นๆ ผมไม่ได้หักหลัง ที่ผมส่งเขมชาติไป เพราะเขาคือคนที่เป็นห่วงหนูเล็กมาก
ที่สุด”
อีกมุมหนึ่งเกนหลงกำลังเลือกแบบชุดแต่งงานจากหนังสือรวมแบบชุดแต่งงาน พลางเงี่ยหูฟังด้วย
ความเป็นห่วง
“ผมไว้ใจเขา หนูเล็กเองก็ควรจะไว้ใจเขาเหมือนกัน”
สุริยงยังดื้อ
“คุณเอื้อไม่ได้เจออย่างที่หนูเล็กเจอ คุณเอื้อไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมหนูเล็กถึงไม่ไว้ใจผู้ชายอย่าง
เขมชาติ”
ทันใดนั้นเสียงที่ตอบกลับมาทำเอาสุริยงถึงกับอึ้ง
“พี่เอื้อไม่เข้าใจ แต่เกนเข้าใจค่ะ”
“คุณเกน”
“การโดนคนที่เราไว้ใจ โกหก หลอกลวง มันทำให้เราหมดความเชื่อมั่นที่จะเชื่อเขาอีกต่อไป ถ้าคนที่
โกหกเป็นคนอื่น เกนจะแนะนำว่า ไม่ควรเชื่อเขาอีกต่อไป แต่สำหรับเขมชาติ เกนขอให้คุณสุลองเปิดใจและให้
โอกาสเขาอีกครั้ง”
สุริยงส่ายหน้า พยายามทำใจแข็งไม่เห็นด้วย
“ทำไมคะ? ทำไมเขมชาติถึงได้ข้อยกเว้น”
เกนหลงตอบเสียงหนักแน่น ”เพราะเขมรักคุณสุค่ะ”
สุริยงชะงักกึก เกนหลงพูดต่อ
“ก่อนหน้านี้ เขาไม่แสดงออก เพราะหลอกตัวเองว่า “เกลียด” ก็เลยทำให้คุณสุต้องเสียใจ”
เกนหลงคุยกับสุริยงด้วยความเข้าใจ เห็นใจ เอื้อยืนอยู่ข้างๆ ฟังด้วยความสนใจและชื่นชมวิธีคิด วิธี
พูดของเกนหลง ในขณะที่สุริยงฟังด้วยใจเต้นแรง ความกลัว ความรัก ทิฐิ ที่กำลังต่อสู้กันสุดๆ
“เกนเองก็เคยโกรธ เกลียดเขมไม่น้อยกว่าที่คุณสุเป็น แต่ที่เกนให้อภัยเขาเพราะรู้ว่าเนื้อแท้จริงๆ
แล้ว เขมไม่ใช่คนเลว เขาแค่ไม่รู้ใจตัวเอง เกนก็ถือตามคำโบราณที่ว่าไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วและ
ยังกล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา คนแบบนี้ น่าจะได้รับการให้อภัยค่ะ”
สุริยงสะท้านใจ ความสับสนเพิ่มมากขึ้น
“พี่เอื้อเล่าให้ฟังว่า คุณสุเคยบอกให้พี่เอื้อถามใจตัวเอง ตอนนี้คงถึงเวลาที่คุณสุต้องลองถามใจ
ตัวเองดูบ้างนะคะ ว่าจริงๆแล้ว คิดยังไงกับเขม เพราะเขมเขารู้ใจตัวเองแล้วหล่ะค่ะ ว่าผู้หญิงทีเขารักมาตลอด และ
ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง คือคุณสุ”
สุริยงอึ้ง คำพูดเกนหลงจี้ใจดำอย่างแรง
เกนหลงวางสายไปพร้อมกับรอยยิ้ม แห่งความสบายใจ เสียงเอื้อปรบมือ
“พูดได้จับใจมากครับ”
เกนหลงยิ้มรับ
“ขอบคุณค่ะ แต่เกนไม่แน่ใจเลยว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า เมื่อกี๊เธอก็ฟังอย่างเดียว ไม่พูดอะไรเลย
คุณสุใจแข็งอย่างที่พี่เอื้อบอกจริงๆด้วย บอกตรงๆนะคะ เกนไม่ค่อยสบายใจยังไงก็ไม่รู้ อยากจะทำอะไรให้มากกว่านี้”
เอื้อคิด แล้วก็เสนอ
“พี่ว่าเราไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันที่สวิสดีมั้ย?”
เกนหลงหันขวับมา ยิ้มดีใจ “จริงเหรอคะ?”
“เพราะพี่ก็ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปแต่งงานในสตูเท่าไหร่ มันเขินๆไงไม่รู้ เราก็ถือโอกาสไปถ่ายรูป
แต่งงานที่โน่น ระหว่างนั้นก็แวะไปให้กำลังใจหนูเล็กกับเขมชาติด้วย เกนว่าไง”
“ไปพรุ่งนี้เลยนะคะ”
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันออกมาอย่างสดใส
ส่วนสุริยงก็ยังคงคิดถึงคำพูดของเกนหลง
“เนื้อแท้จริงๆแล้ว เขมไม่ใช่คนเลว เขาแค่ไม่รู้ใจตัวเอง เกนก็ถือตามคำโบราณที่ว่า ไม่รู้ย่อมไม่
ผิด แต่ตอนนี้เขารู้ตัวแล้ว และยังกล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา คนแบบนี้ น่าจะได้รับการให้อภัยค่ะ
คุณสุลองถามใจตัวเองดูนะคะ ว่าจริงๆแล้ว คิดยังไงกับเขม เพราะเขมเขารู้ใจตัวเองแล้วหล่ะค่ะ ว่าผู้หญิงที่เขารักมา
ตลอด และยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง คือคุณสุ”
สุริยงคิด แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องกินข้าว จึงรีบเดินมาก็เห็นอาหารจัดไว้อย่างสวยงาม
พร้อมกับกระดาษโน้ตของเขมชาติ สุริยงหยิบมาอ่าน
“ผมเห็นคุณไม่ค่อยทานอะไรมาหลายวัน เลยซื้ออาหารไทยร้านโปรดของคุณมาให้ คุณเอื้อบอกว่า
เป็นเมนูที่คุณชอบ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเขียนบอกไว้ได้นะครับ ... เขม”
สุริยงอ่านแล้วก็เบือนหน้าหนี มองอาหาร เหมือนไม่อยากกิน พลางทำท่าจะหันหลังเดินหนี แต่
สุดท้ายก็ชะงักเท้า พลางมองซ้ายมองขวาเห็นว่าเขมชาติไม่อยู่ ก็เลยเดินกลับมาแล้วก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากนั้นทุกครั้งที่สุริยงเดินออกไปไหน ก็จะรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามตลอดเวลา แม้กระทั่งภายใน
ชาโตว์ ทุกเช้าจะเห็นเห็นดอกไม้สดชื่น เสื้อผ้าซักรีดเรียบร้อย แปรงสีฟันมียาสีฟันป้ายไว้อย่างดี
สุริยงแววตาเริ่มอ่อนโยนลงเรื่อยๆ และเริ่มจะคิดถึงเขมชาติ ยามค่ำคืนสุริยงพยายามจะตื่นมาดู
เขมชาติ แต่เห็นแค่หลังแว่บๆ แล้วก็รีบหนีออกไป บางคืนที่สุริยงนอนผ้าห่มกระจุยออกจากร่าง เขมชาติก็จะย่องเข้า
มาห่มผ้าให้ ก้มหน้ามาเหมือนจะจูบ แต่ก็ตัดใจไม่จูบ พอเขมชาติเดินออกไป สุริยงค่อยๆลืมตา พลางคิดถึงคำพูดของ
เกนหลง
“คุณสุลองถามใจตัวเองดูนะคะ.าจริงๆแล้ว คิดยังไงกับเขม เพราะเขมเขารู้ใจตัวเองแล้วหล่ะค่ะ
ว่าผู้หญิงที่เขารักมาตลอด และยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง คือคุณสุ”
แววตาของสุริยงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
เช้ารุ่งขึ้น สุริยงเดินมาที่โต๊ะรับประทานอาการ แต่บนโต๊ะว่างเปล่า ไม่มีของอาหารวางไว้เหมือน
ปกติ สุริยงแปลกใจ
“ทำไมไม่เตรียมอาหาร”
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะ เห็นกระดาษเขียนไว้ สุริยงหยิบมาอ่าน ขมวดคิ้วนิดๆ
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)
สุริยงเดินออกมาที่หน้าบ้าน พร้อมกับเสียงเขมชาติเฉลยข้อความที่เขียนไว้
“วดี วันนี้อากาศดี ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้นอกบ้าน ทานหมด มีของขวัญพิเศษอยู่ใต้จานนะ
ครับ”
สุริยงเดินมาเห็นโต๊ะเล็กๆ จัดอาหารเช้าไว้อย่างน่าทาน สุริยงมองแล้วท้องร้อง แต่ทำฟอร์ม
“ของขวัญ ใต้จานเนี่ยนะ ใครจะอยากได้”
สุริยงมองๆ ทำเป็นเชิดๆ แต่ด้วยความหิว
“ลองดูก็ได้ถ้าไม่มีอะไรอยู่ใต้จานนะน่าดู”
สุริยงทำเป็นมีฟอร์ม แต่สุดท้ายก็ยอมนั่งกินจนได้
เขมชาติยืนแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่ง พลางยิ้มโล่งอก เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือสั่น
เขมชาติรีบกดรับ
“คุณเอื้อ สวัสดีครับ”
เอื้อกับเกนหลงเพิ่งมาถึงสวิส เอื้อเดินไปคุยไป
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างครับ ?”
“ ยังคลุมเครือครับ ไม่มีอะไรคืบหน้า”
เขมชาติคุยเบาๆ คุยไป มองดูสุริยงไปด้วย
“แต่ผมกำลังจะลองใจวดีบางอย่าง เดี๋ยวก็รู้ว่าจะยอมใจอ่อนหรือยัง?”
เอื้อตอบเสียงครุ่นคิด
“ได้ผลยังไงบอกผมด้วย ตอนนี้ผมกับเกนมาถึงแล้ว กำลังจะไปหา”
“เจอกันค่ะเขม”
เอื้อวางสายไป เกนหลงหันมาถาม
“พี่เอื้อคิดว่า แผนลองใจของเขมจะสำเร็จมั้ยคะ?”
เอื้อคิดหนัก
เมื่อสุริยงกินหมดเกลี้ยงจาน ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย สุริยงแอบหงุดหงิด
“ไม่เห็นมีอะไรเลย” พลางพลิกดูใต้จาน ”อยู่นี่เอง” สุริยงเห็นกระดาษพับๆเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แปะอยู่
ใต้จาน จึงรีบหยิบมาอ่าน
“บัตรนัดหมอ แม่คุณแนะนำให้ผมพาคุณไปหาหมอ เพราะถึงกำหนดที่จะต้องฝากครรภ์แล้วผม
นัดหมอที่ดีที่สุดในเมืองไว้ตอนสิบโมง ถ้าคุณไว้ใจ ผมรออยู่”
ในขณะที่เขมชาติดูนาฬิกา ในใจลุ้น เสียงโทรศัพท์ดัง จึงรีบดูหน้าจอ เห็นเป็นเชื่อเอื้อ เขมชาติผิดหวังเล็กน้อย
“ครับคุณเอื้อ”
เอื้อเปิด speaker phone
“แผนการณ์สำเร็จมั้ยครับ?”
เขมชาติดูนาฬิกาเกือบจะสิบโมงแล้ว
“จะสิบโมงแล้ว ผมว่าอาจจะไม่สำเร็จ”
เอื้อกับเกนหลงมองหน้ากัน
“สิบโมงเกี่ยวอะไรด้วยคะ?”
เขมชาติคิดๆ กำลังจะเล่า
ในขณะที่สุริยงยังอยู่ในชุดเดิม พลางดูนาฬิกาอีกครึ่งชั่วโมงสิบโมง สุริยงมองดูบัตรนัดแล้วคิดหนัก
จะไป หรือไม่ไป
เอื้อกับเกนหลงพยักหน้าเข้าใจ
“โอเค ตอนนี้ก็อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด คุณสุยังไม่มา”
เขมชาติ ตอบเสียงเศร้าๆ เกืบจะหมดหวัง
“ครับ ผมว่า เขาอาจจะไม่มา วดีคงไม่ยอมใจอ่อน และไม่ยอมรับเรื่องลูก หรือไม่ก็คงไม่ยอมรับว่า
ผมเป็นพ่อเด็ก สรุปแล้ว เขาคงไม่ไว้ใจผม ไม่ว่าผมจะทำดีแค่ไหนก็ตาม”
เขมชาติแอบเศร้า เกนหลงมองหน้าเอื้อ
“ผมคิดอะไรออกบางอย่าง” จู่ๆ เอื้อก็โพล่งขึ้นมา พลางอมยิ้มนิดๆ แววตาเจ้าเล่ห์
นาฬิกาที่ข้างฝาบอกเวลา 9 โมง 35 นาที สุริยงยังคงเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตก ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือดัง สุริยงชะงักนิดๆ
“เขมหรือเปล่า?” สุริยงเดินไปดูหน้าจอ ปรากฏชื่อเอื้อ แอบผิดหวังเล็กๆ
“สวัสดีค่ะคุณเอื้อ หนูเล็กเดาออกว่าคุณเอื้อจะโทร.มาเรื่องอะไร?”
เอื้อยิ้มๆ “ไม่จริง ผมว่าหนูเล็กเดาไม่ออก เพราะสิ่งที่ผมจะบอก หนูเล็กไม่เคยรู้มาก่อน”
สุริยงขมวดคิ้ว แปลกใจ
“หนูเล็กจำได้หรือเปล่า ครั้งแรกที่เราเจอกัน คุณพ่อพาคุณมาฉลองวันเกิดผม”
เอื้อคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่ง เกนหลงยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
“แต่ผมตั้งใจไม่อยู่บ้าน คุณเลยต้องฉลองกับคุณพ่อแค่สองคน คืนนั้นพอผมกลับมา ผมเห็นการ์ดของคุณพ่อวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว การ์ดใบนั้นมันมีความหมายกับผมมาก ผมอยากให้คุณอ่านมัน”
เอื้อพูดด้วยความตั้งใจ สุริยงฟังแล้วคิดด้วยความอยากรู้ และสงสัย ก่อนที่จะรีบเดินมาที่ชั้นวางของ
เห็นรูปเจ้าสัววางอยู่ สุริยงเปิดลิ้นชักและหยิบการ์ดที่เอื้อบอกขึ้นมาดู
“เอื้อ ลูกรัก วันเกิดปีนี้พ่อไม่มีของขวัญให้ นอกจากคำสอนที่เรียบง่าย ถ้าลูกอยากมีความสุข ต้อง
รู้จัก “ลดทิฐิ” สิ่งที่ทำให้คนเราทุกข์ เพราะเรามีทิฐิ ไม่ยอมเปิดใจรับสิ่งที่สวยงาม ลูกปฏิเสธผู้หญิงดีๆอย่างหนูเล็ก
เพราะทิฐิ ทำให้ลูกต้องมาเสียใจภายหลัง พ่อได้แต่หวังว่า นับจากนี้ไปลูกจะเรียนรู้การวางทิฐิ อคติ และเปิดใจรับสิ่ง
ดีๆที่กำลังจะเข้าใจในชีวิตอย่างมีความสุข...อย่าสร้างความทุกข์ให้ตัวเอง เพราะกำแพงแห่งทิฐิอีกเลย รักลูกและอยาก
เห็นลูกมีความสุขเสมอ”
สุริยงน้ำตาร่วง พลางปาดน้ำตา คิด มองรูปเจ้าสัวที่อยู่ตรงหน้า เจ้าสัวมองมา เหมือนจะบอก
ให้สุริยงตัดสินใจ
สุริยง หันไปดูนาฬิกา 9 โมง 50 นาที อีกสิบนาที
ในขณะที่เขมชาติยังยืนรออยู่ที่เดิม พร้อมๆ กับที่ความเศร้าใจทวีมากขึ้นเรื่อยๆ พลางมองทางเดิน
ไม่มีวี่แวว เขมชาติตัดสินใจหันหลังกำลังจะไป
ทันใดนั้น สุริยงก็เดินโผล่เข้ามา
“ใจเสาะจริงๆ แค่หนึ่งนาทีก็รอไม่ได้”
เขมชาติชะงักกึก หันมาที่ต้นเสียง เห็นสุริยงเดินมาราวกับพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างไสว
“วดี”
สุริยงเดินมาหยุดตรงหน้า
“ไม่มีความอดทนแบบนี้ สมควรจะได้รับการยกโทษหรือเปล่า?”
เขมชาติระล่ำระลักรีบอธิบาย
“ผมไม่ได้จะไป ผมแค่หันหลังเฉยๆ”
“ยังจะมาเจ้าเล่ห์”
“ผม ไม่ได้เจ้าเล่ห์ ผมแค่ โอเค ผมยอมรับ ผมคิดว่าคุณจะไม่มา แต่คุณก็มาจนได้ คุณยกโทษให้ผม
แล้วใช่มั้ยวดี?”
“ฉันยังไม่พูดสักคำว่ายกโทษให้ แต่ฉันจะให้เวลาคุณ 30 วินาที บอกเหตุผลที่ฉันฟังแล้วจะต้องยก
โทษให้กับสิ่งเลวร้ายต่างๆที่คุณทำกับฉัน”
เขมชาติอึ้ง
“30 วินาที โห ผมทำอะไรไว้ตั้งเยอะแยะ แค่ 30 วิจะไปพออะไร?”
สุริยงดูนาฬิกา “เริ่มจับเวลา”
เขมชาติ เริ่มลน “เอ่อ คือ เว้ยเฮ้ย พูดอะไรดี”
สุริยงมองหน้า “ก็แค่พูดความจริง เหลืออีก 25 วินาที”
เขมชาติหน้าเหวอ
“หะ !? โอเค ผมรู้ ที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับคุณไว้มาก ทำให้คุณต้องเสียใจ ต้องร้องไห้ ผมอยาก
ให้คุณรู้ว่า ผมเสียใจ และเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณ ผมคิดว่าสิ่งเลวร้ายที่ทำลงไป จะทำให้ผมหายแค้น”
“แล้วมันหายมั้ย?”
เขมชาติส่ายหน้า
“ยิ่งผมทำไม่ดีกับคุณมากเท่าไหร่ มันยิ่งเพิ่มความรู้สึกผิด ความเสียใจ ให้เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น มันทำ
ให้ผมรู้ว่า ผมไม่ได้โกรธแค้น หรือเกลียดคุณแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามผมยังรักคุณ และรักเพิ่มมากขึ้น ทุกครั้งที่เรา
เจอกัน”
เขมชาติน้ำตาซึมๆ สารภาพทุกความรู้สึกออกมาอย่างหมดเปลือก สุริยงเริ่มไม่สนใจเวลาที่ผ่านไป
“เพราะผมรัก ผมถึงเจ็บ เวลาที่รู้ว่าคุณเจ็บ ผมถึงเสียใจที่รู้ว่าคุณเสียใจ ผมขอโทษนะวดี ขอโทษที่
ไม่รู้ใจตัวเอง ขอโทษที่ไม่รู้จักคุณดีพอ ถึงได้ทำร้ายคุณอย่างมากมายขนาดนี้ ผมขอโทษ”
สุริยงมองหน้าเขมชาติ มองลึกเข้าไปในแววตา สิ่งที่เห็นคือความจริงล้วนๆ สุริยงใจอ่อนยวบ หมด
เปลือกที่หุ้มอย่างสิ้นเชิง
“ฉันยกโทษให้คุณ แล้วคุณจะยกโทษให้ฉันได้หรือเปล่า?”
เขมชาติขมวดคิ้ว แปลกใจ สุริยงพูดต่อ
“ยกโทษให้กับการบอกลาที่ไม่มีคำอธิบาย ยกโทษให้กับผู้หญิงใจร้ายที่ปากแข็งที่สุดในโลก”
สุริยงน้ำตาซึมๆ “ทำให้คุณต้องเสียใจ และเจ็บปวดตลอดเวลาที่เราจากกัน”
สุริยงสารภาพสิ่งที่ค้างคามานาน
“ฉันรู้ถ้าเทียบกันแล้วความเจ็บปวดของฉัน คงน้อยกว่าคุณมาก แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เจ็บ มันอาจจะ
เป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่มันก็เป็นชะตาที่ฉันเลือกที่จะเดินตามมัน เดินตามความ
ต้องการที่อยู่ลึกๆในใจ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ไม่รู้ใจตัวเอง บางครั้งฉันเองก็ไม่กล้ายอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
จนทำให้คุณต้องเสียใจ คุณจะยกโทษให้ฉันได้หรือเปล่า?”
เขมชาติน้ำตาซึม จับมือสุริยงไว้อย่างแน่น
“ยิ่งกว่าได้อีกวดี ผมยอมที่จะลืมสิ่งร้ายๆทุกอย่าง ขอแค่เราได้อยู่ด้วยกัน แค่ผมรู้ว่า คุณไม่เคยลืม
ผม แค่นี้ ผมก็ยอมทุกอย่างแล้ว”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)
เขมชาติดึงสุริยงมากอดทั้งน้ำตา สุริยงกอดตอบด้วยความรัก ทั้งสองคนกอดกันท่ามกลางธรรมชาติ
ที่สวยงาม
เกนหลงกับเอื้อเดินมาด้วยกันจากอีกมุมหนึ่ง เห็นสองคนกอดกัน ก็ยิ้มพอใจ เขมชาติหันมาเห็น
พอดี เขมชาติชูนิ้วโป้งให้ “สำเร็จ”
เกนหลงกับเอื้อหันมามองหน้ากันยิ้มๆ พลางย้อนนึกกลับไปตอนเอื้อวางสายจากสุริยง หันมาทาง
เกนหลง
เอื้อส่งสัญญาณ “โอเค” เกนหลงยิ้มรับและโทร.หาเขมชาติ
“เขมคะ พี่เอื้อ วางสายจากคุณสุแล้วนะคะ ดำเนินแผนขั้นตอนไปได้เลย”
เขมชาติคุยโทรศัพท์ตื่นเต้น
“โอเคครับ ขอบคุณมาก”
เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้สิบโมง เขมชาติก็รีบกดส่งข้อความ แล้วก็ยืนรอด้วยความตื่นเต้น
สุริยงรู้สึกตัว คลายกอดหันไปเห็นเอื้อกับเกนหลง
“คุณเอื้อ คุณเกนไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยคะ?”
เขมชาติหัวเราะ
“ก็อย่างที่คุณบอก บางทีมันก็เป็นเพราะโชคชะตา แต่เราก็เป็นคนเลือกที่จะเดินไปตามมัน เหมือนที่
คุณเลือกที่จะมาหาผม แค่นี้ก็พอแล้ว”
เขมชาติยิ้มกลบเกลื่อน สุริยงยิ้มตอบ เขมชาติดึงสุริยงมากอดอีกครั้ง เอื้อยิ้มอย่างยินดี ก่อนที่จะ
หันมาทางเกนหลงและดึงเกนหลงมากอดด้วยความรัก
เกนหลงล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ามาถ่ายรูปเขมชาติกับสุริยง และกดส่งให้พ่อแม่สุริยง
อาทิตย์เปิดข้อความดู พอเห็นรูปก็ยิ้มแฉ่งรีบเรียกคนอื่นมาดู
“แม่...แม่...ไก่ ไข่ มาดูอะไรนี่เร็ว”
นภากำลังทำขนมก็หันมาด้วยความแปลกใจ
“ดูอะไรเหรอพ่อ เรียกซะตกใจหมด”
“แม่มาดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
ไก่ ไข่ วิ่งตึกๆๆๆๆ มา ชื่นวิ่งตามมาด้วย
“คุณไก่ คุณไข่ เบาๆหน่อยค่ะ วิ่งระวังๆค่ะ เตาร้อนนะคะ”
ทั้งหมดเดินมารุมที่หน้าจอโทรศัพท์ พอเห็นรูปก็ตาวาวด้วยความตื่นเต้น
เอื้อกับสุริยงยืนคุยกัน สุริยงยืนดูจดหมายจากมือถือของเจ้าสัวอีกครั้งแล้วก็ยิ้ม
“ขอบคุณคุณเอื้ออีกครั้งนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณที่ดูแลกันมาอย่างดี ขอบคุณที่เข้าใจ
อดทน แล้วก็ยังรู้ใจหนูเล็กมากกว่าตัวเอง ขอบคุณที่ส่งเขมมาที่นี่ และที่สำคัญขอบคุณสำหรับข้อความของเจ้าสัว
มันมีค่ามากจริงๆ”
“ต้องขอบคุณคุณพ่อครับ ท่านมาเข้าฝันผม”
เมื่อเห็นสุริยงขมวดคิ้ว เอื้อก็ยิ้มขำ
“ล้อเล่นครับ ที่ผมนึกถึงเพราะผมเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และต้องเสียใจเพราะทิฐิของ
ตัวเอง ดีใจด้วยนะหนูเล็กที่ก้าวข้ามมันมาได้”
สุริยงยิ้มรับ เอื้อมองไปที่ด้านหลังสุริยง แล้วหันมาพูดต่อ
“ถึงเวลาที่คุณจะมีความสุขสักที”
เอื้อยิ้มอบอุ่นให้สุริยง สุริยงยิ้มรับหัวใจพองโต เอื้อเดินไปหาเกนหลงที่ยืนอยู่ห่างออกไป สุริยงค่อยๆ
หันมาตามสายตาของเอื้อ
เขมชาติอยู่ในสภาพปกติ หน้าตาสดใส มีความสุขไม่แพ้กัน พลางเดินมาหา และหยุดอยู่ตรงหน้า
“คุณเอื้อบอกว่า เห็นคุณโยนของบางอย่างทิ้งที่ริมน้ำ อาจจะเป็นแหวนที่ผมให้ ผมก็เลยลงไปงมมัน
ขึ้นมา”
สุริยงตาโต
“งมแหวนเนี่ยนะ มันจะไปเจอได้ยังไง? คุณจะบ้าหรือเปล่า?”
เขมชาติยิ้มจริงใจ
“ผมไม่ได้บ้า” พลางยื่นกล่องแหวนเข้ามาตรงหน้า “เปิดดูสิ”
สุริยงมองด้วยความแปลกใจ แล้วก็รีบรับกล่องแหวนมาเปิดออกทันที ภาพที่ปรากฏต่อสายตา คือ
แหวนเพชรน้ำงามรูปดอกไม้ สวยหรู
สุริยงตะลึง เขมชาติยิ้ม
“ผมไม่ได้บ้า ผมก็เลยไม่ได้ลงไปงม แต่ผมซื้อวงใหม่ให้คุณ วงแรกผมซื้อจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
วงนี้ก็เหมือนกัน ถึงแม้มันจะมีราคาที่ต่างกัน แต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าคุณรู้สึกเหมือนผม”
สุริยงยื่นกล่องแหวนคืนให้ เขมชาติหน้าเสีย
“ให้แหวนมาแล้ว ก็ต้องเป็นคนสวมให้ด้วยสิ จะให้ฉันสวมเองได้ยังไง”
เขมชาติหัวเราะออกมาอย่างโล่งอก “โอเค”
เขมชาติก็ค่อยๆจับมือสุริยงอย่างอ่อนโยน พร้อมกับบรรจงสวมแหวนให้อย่างทนุถนอม
เขมชาติพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“แม้รักร่วมสวมใสไว้ติดกาย”
สุริยงพูดต่อ “เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย”
เขมชาติมองหน้าสุริยง
“ผมจะดูแลคุณอย่างดีที่สุด ไม่ทำให้คุณต้องถอดแหวนวงนี้ทิ้งเหมือนวงเก่า ผมจะไม่ลืมสิ่ง
ผิดพลาดที่ผ่านมา จำเพื่อเตือนตัวเองจะได้ไม่ทำอีก ผมจะไม่ลืมสิ่งดีๆที่ผ่านมา และจะทำสิ่งที่ดีใหม่ๆเพิ่มขึ้นไปอีก
เรื่อยๆ นับจากนี้ทุกครั้งที่เรานึกย้อนกลับไปในอดีต จะได้มีแต่สิ่งดีๆ ไม่สิ้นสุด”
สุริยงมองเขมชาติด้วยความซึ้งใจ เขมชาติจับมือไว้แน่น
“ผมรักคุณนะวดี รักมากเหลือเกิน”
สุริยงถึงกับยิ้มออกมา น้ำตาซึมๆ แล้วก็ตอบกลับมาเบาๆ ว่า
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
เขมชาติถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อได้ยินคำว่ารักคำแรกของผู้หญิงปากแข็ง....
“ในที่สุด ผมก็ได้ยินคำนี้ “ พูดเบาๆพร้อมกับลูบท้องสุริยง “แม่เขายอมใจอ่อนแล้วนะลูก พ่อรู้ว่าลูก
แอบช่วยอยู่ ขอบใจมาก”
เขมชาติกอดสุริยงไว้ด้วยความรัก ทั้งสองคนกอดกันอย่างมีความสุข
เกนหลงกับเอื้อยืนมองเขมและสุริยงแล้วก็ยิ้มมีความสุขไปด้วย สักพักมีเสียงฝรั่งดังขึ้น
“พร้อมแล้วครับ”
เกนหลงกับเอื้อหันไป เห็นช่างภาพฝรั่งกับทีมอีกคน สองคน พร้อมถ่ายรูป..
เอื้อ หันมาพูดกับเกนหลง
“คู่นั้นเขาไปไกลแล้ว เราเพิ่งจะถ่ายรูปแต่งงานกันเอง สงสัยต้องรีบแล้ว เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้”
เกนหลง อายหน้าแดง
“พี่เอื้อ”
“อ้าว จะมาอายทำไม ดูหน้าแดงใหญ่แล้ว พี่บอกว่ารีบ คือ รีบถ่ายรูป แล้วก็รีบกลับประเทศไทยไป
จัดงานแต่งงาน คิดอะไรเนี่ย”
เกนหลงอายหน้าแดง แล้วก็รีบเฉไฉ
“ไม่ได้คิด อะไรนะ ไปถ่ายรูปได้แล้ว ไป”
เกนหลงลากเอื้อไปถ่ายรูปแต่งงาน ในเซ็ตที่จัดแบบง่ายๆ ท่ามกลางธรรมชาติสวยงามเอื้อหัวเราะ
อารมณ์ดี
เขมชาติยืนโอบสุริยงจากข้างหลัง สุริยงค่อยๆเลื่อนมือเขมชาติมาที่หน้าท้อง ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามเบื้องหน้าอย่างมีความสุข…
จบบริบูรณ์