สาปสาง ตอนที่ 27 (อวสาน)
โหงพรายกับหมอกดำสลายตัวไป ลมที่พัดแรงนอกตัวบ้านหยุดและทุกอย่างสงบนิ่ง
เฟยมองออกไปนอกหน้าต่าง
"พลังมืดแพ้ภัยไปแล้ว ปลอดภัยแล้ว ปลอดภัยแล้ว"
เฟยหมดสติไป
"ป๊า" พริ้วรีบเข้าไปดูอาการ
"ป๊า ป๊า ป๊าเป็นอะไรไป ป๊า"
"ผมว่ารีบพาท่านไปโรงพยาบาลเถอะครับ"
"ป๊า ป๊าต้องไม่เป็นอะไรนะ ป๊าต้องปลอดภัย"
แพรวพยายามอธิบายต่อกรณ์
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะคุณกรณ์ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนที่รักกันไม่ใช่เหรอคะ แล้วที่สำคัญ อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว" แพรวกล่อม
"แต่งงาน? นี่คุณพูดเรื่องอะไร" กรณ์ไม่เข้าใจ
"ก็เรื่องที่คุณขอแพรวแต่งงานน่ะสิคะ"
"ผมขอคุณแต่งงาน?”
กรณ์ทั้งอึ้งทั้งงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แพรวเห็นท่าไม่ดีรีบพูดขึ้น
"คุณบอกว่าคุณจะรับผิดชอบแพรว….แพรวก็เลยตอบตกลง"
"เดี๋ยวก่อนนะครับคุณแพรว ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ คือ ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ แต่เรื่องแต่งงาน…มันเป็นเรื่องใหญ่ ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอเวลาผมสักหน่อยนะครับ ขอให้ผมหาคำตอบให้ได้ก่อนว่าผมเป็นอะไรไป มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่"
แพรวมีสีหน้าวิตกกังวลสุดๆ
แพรวเดินทางมาถึงตำหนักพ่อปู่ที่บรรยากาศเงียบงัน อีกาหายไปหมด ทุกอย่างเงียบสนิท
"ทำไมเงียบขนาดนี้ พิลึกจริง"
แพรวเข้าไปด้านใน
แพรวเดินเข้ามามองหาพ่อปู่
"พ่อปู่ พ่อปู่อยู่ไหนเนี่ย" แพรวมองไปรอบๆ "ทำไมมันเงียบอย่างนี้นะ พ่อปู่"
แพรวเดินหายลับไปอีกทาง
แพรวเดินเข้ามาแล้วก็ต้องตกใจเพราะผงะกับภาพพ่อปู่นอนตายอยู่หน้าแท่นบูชา
"พ่อปู่! นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้"
อนงค์ตกใจ
"คุณพระ!! แกว่าอะไรนะ พ่อปู่ตายแล้วงั้นเหรอ! นี่แกพูดจริงหรือว่า…"
แพรวแทรกขึ้น "เรื่องเป็นเรื่องตาย ใครเขาพูดเล่นกันล่ะแม่"
"โอย ทำไมถึงด่วนตายจากกันไปอย่างนี้ แล้วตำรวจเขาบอกรึเปล่าว่าเป็นอะไรตาย"
"ไม่รู้ ฉันก็แค่แจ้งความ แล้วก็รีบเผ่นออกจากเนี่ย ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย"
"จะไม่เกี่ยวได้ยังไง พ่อปู่ยังไงก็เป็นญาติเรานะ"
"แม่จะนับญาติก็นับไป ฉันไม่นับด้วยหรอก ไม่อยากซวย"
"แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง ทีตอนเป็นเห็นสุมหัวกันดีนัก พอตาย แกก็คิดจะชิ่งหนี ไม่คิดแม้จะจัดงานศพให้ เดี๋ยวผีพ่อปู่ก็มาเล่นงานแกหรอก"
"โอ๊ย แม่อยากจัดก็จัดไปสิ ใครไปห้ามล่ะ แค่ไม่อยากเป็นตัวตั้งตัวตีให้ตำรวจมายุ่งก็เท่านั้นแหละ พูดมากอยู่ได้ รำคาญ!”
แพรวเดินหนีขึ้นชั้นบน อนงค์ถอนใจ
"ทำไมอายุสั้นอย่างนี้ ท่าจะหมองูตายเพราะงูซะแล้วล่ะมัง"
หมอหันมาบอกพริ้ว
"คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่ต้องพักฟื้นมากๆ ร่างกายจะได้ฟื้นฟูตัวเอง"
"ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ"
"หมอขอตัวก่อนนะครับ"
หมอเดินออกไป พริ้วรีบเข้าไปจับมือเฟย
"ป๊า"
ณรารีบเข้ามาดึงตัวพริ้วออกอย่างเบามือ
"คุณพริ้วครับ ปล่อยให้ท่านพักผ่อนดีกว่านะครับ อย่าเพิ่งไปปลุกท่านเลย"
พริ้วยอมถอยออกมา ทันใดนั้นมือถือของณราก็ดังขึ้น ณรารีบยกมาดูเห็นชื่อกรณ์โทรเข้ามา
"คุณกรณ์โทรมา"
พริ้วกับณราเดินเข้ามาเห็นกรณ์ที่รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเครียดๆ
"คุณกรณ์ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ" พริ้วถาม
"คือว่า..ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
ทั้งสามนั่งคุยกันโดยมีแก้วกาแฟอยู่ตรงหน้าทุกคน หลังจากรู้เรื่องจากกรณ์พริ้วก็มีสีหน้าตกอกตกใจ
"คุณขอคุณแพรวแต่งงาน แต่จำไม่ได้งั้นเหรอคะ"
พริ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ
"เบาๆสิพริ้ว แขกคนอื่นเขาได้ยินกันหมดแล้ว" ณราปราม
"ก็ฉันแปลกใจนี่นา เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะจำไม่ได้ได้ยังไงกัน"
"นั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมกังวลมาก ทำไมผมถึงจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย"
"หรือว่าคุณแพรวโกหกคะ"
"พริ้ว" ณรากำราบเบาๆ
"อ้าว ก็…มันก็เป็นไปได้นี่คะ"
"ผมว่าค่อยๆ คิดดีกว่านะครับ คุณควรจะหาหมอ ปรึกษาเรื่องความจำที่มันหายไป บางทีมันอาจจะเกิดจากความเครียดก็ได้ สีหน้าคุณก่อนหน้านี้แตกต่างจากตอนนี้มาก"
"ยังไงครับ?”
"เห็นด้วยค่ะ ก่อนหน้าคุณดูหมองๆ หม่นๆ บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ ใจก็ลอยๆ ตาก็ลอยๆ เหมือนคุณไม่เป็นตัวของตัวเอง"
"งั้นรีบไปหาหมอเถอะครับ"
"แต่ฉันว่าไปที่อื่นดีกว่าค่ะ"
"ที่อื่น? เธอหมายถึงที่ไหน?”
ณราเลี้ยวรถเข้าไปในวัดแล้วจอดรถที่ลานหน้าวัด
"ทำไมคุณพริ้วถึงพาผมมาที่วัดล่ะครับ" กรณ์ถาม
"ต่างปัญหาก็ต่างวิธีแก้ค่ะ ฉันว่าปัญหาของคุณ ต้องแก้ด้วยทางพระ"
กรณ์หันไปมองณรา
"คุณเห็นด้วยกับคุณพริ้วเหรอครับ"
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้ ฟังไว้หน่อยก็ดีครับ"
"รีบไปเถอะค่ะ จะได้รู้กันซะทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
ทั้งหมดลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างใน
หลวงพ่อมองหน้ากรณ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนพรมน้ำมนต์ให้ พริ้วอดถามขึ้นไม่ได้ด้วยความอยากรู้
"ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะหลวงพ่อ"
"เล่ห์คุณไสยน่ะโยม" หลวงพ่อบอก
"ฮะ! หมายความว่าคุณกรณ์โดนทำคุณไสยเหรอคะ แล้ว ใครเป็นคนทำล่ะคะ"
"พอได้แล้วน่ะพริ้ว ให้หลวงพ่อท่านพูดบ้างเถอะ" ณราปราม
"โลกนี้มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ผู้ที่หันหลังให้พระธรรมก็เท่ากับหันหน้าเข้าหาโลกมืด ให้วิชาชั่วมันสนองกิเลสตัณหา" หลวงพ่อบอก
"ใครกันนะที่ทำเรื่องเลวๆ แบบนี้" พริ้วคิด "หรือว่าจะเป็น…"
"พริ้ว"
ณราปรามพริ้วให้หยุดพูด
"แล้วผมต้องทำยังไงครับหลวงพ่อ"
"ไสยที่ครอบงำโยมอยู่ได้สิ้นฤทธิ์ลงแล้ว"
"คุณกรณ์ปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ" พริ้วถาม
"ปลอดภัยจากไสย…แต่ใช่ว่าจะปลอดภัยจากสิ่งอื่น… มันเป็นเรื่องของบ่วงกรรม โยมต้องระวังตัวให้ดี จงมีสติ รักษาศีลภาวนา หมั่นทำบุญ ให้บุญคุ้มครอง"
กรณ์เครียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
พริ้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
"ฉันว่าคนที่ทำคุณไสยใส่คุณต้องเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณที่สุด และต้องการคุณมากที่สุด"
"อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าน่าพริ้ว" ณราว่า
"ไม่ได้เดา ฉันพูดด้วยเหตุผล" พริ้วหันไปถาม "คุณกรณ์คะ ช่วงหลังๆ มาเนี่ยคุณหมกมุ่นอยู่กับใครหรือเรื่องอะไรมากที่สุดคะ"
กรณ์อึ้งไป ในหัวของเขาคิดถึงเรื่องที่แพรวพูดเรื่องขอแต่งงาน ณราเห็นกรณ์อึ้งก็ปรามพริ้ว
"อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณกรณ์เลยน่า"
"แต่ว่าฉันอยากช่วยนี่" พริ้วบอก
"แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวเกินไป"
"เอ๊ะ คุณนี่ ถ้าไม่ยุ่งแล้วจะรู้เหรอ"
"อย่าทะเลาะกันเลยครับ มีอยู่คนหนึ่งที่ผมใกล้ชิดมาก"
"คุณแพรวใช่ไหมคะ"
กรณ์พยักหน้ารับในที่สุด
"จากสิ่งที่เธอพูด มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น"
"นั่นไงคุณแพรวจริงๆ ด้วย อย่างที่ฉันสงสัยไม่มีผิด" พริ้วหันไปบอกณรา "เป็นไงล่ะ ความสอดรู้สอดเห็นของฉันก็มีประโยชน์นะ"
ณราจำต้องยอมรับโดยไม่เถียงพริ้วแต่หันไปถามณรา
"ว่าแต่ว่าแล้ววันนี้คุณแพรวเธอไปไหนล่ะครับ"
อ่านต่อหน้า 2
สาปสาง ตอนที่ 27 (อวสาน) ต่อ
แพรวร้อนรนจนนั่งไม่ติด
"คุณกรณ์ ยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับฉัน ฉันไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งคุณไปอีกเป็นอันขาด" ทันใดนั้นวิญญาณช่อเอื้องก็ปรากฏขึ้นในสภาพสวยงาม
"นังช่อ ก..ก..แกเข้ามาได้ยังไง"
"สิ้นไอ้แก่นั่น ก็ไม่มีสิ่งไหนคุ้มครองคนชั่วอย่างแกได้แล้ว"
"แก แกจะทำอะไรฉัน"
แพรวผงะถอยหลังในขณะที่ช่อเอื้องก้าวเข้ามาหา
"อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา"
"แกกลัวฉันเหรอ"
"อีผีชั่ว ออกไปนะ ไปให้พ้น"
"ใช่สิ แกต้องกลัวฉันแน่ แกกลัวว่าฉันจะฆ่าแกให้ตายเหมือนไอ้ไท"
"แต่ฉันไม่ได้ฆ่าแกนะ ฉันไม่ได้เป็นคนลงมือ"
"แต่แกก็ร่วมมือกับมัน ทั้งเพื่อนชั่ว ทั้งไอ้หมอผีนั่น แกใช้พวกมันทำฆ่าฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฆ่าทั้งตัว ฆ่าทั้งวิญญาณ!”
"ก็มันสมควรแล้ว ผีอย่างแก ตายแล้วไม่ยอมตาย!”
"แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ"
"ฉันไม่เคยเป็นเพื่อนกับแก ฉันเกลียดแกตั้งแต่แรกเห็น เกลียดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด สมควรแล้วที่แกถูกไอ้ไทมันฆ่า สมควรแล้วที่แกต้องตาย!!”
"งั้นก็สมควรแล้วที่แกต้องชดใช้!”
ช่อเอื้องว่าแล้วก็พุ่งเข้าใส่แพรวในสภาพน่าสยดสยอง
แพรวร้องลั่น "กรี๊ด"
แพรวตกใจกับภาพที่เห็น
"ดูเอาไว้ ดูไว้ ว่าแกทำอะไรไว้กับฉัน นังเพื่อนสารเลว"
ช่อเอื้องกลายสภาพให้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก
"กรี๊ดด"
แพรวกรีดร้องดังลั่นด้วยความตกใจถึงขีดสุด
อนงค์ที่เพิ่งกลับจากจ่ายตลาดแล้วก็ได้ยินเสียงลูกร้อง
"กรี๊ดด"
"แพรว"
อนงค์รีบวิ่งเข้าบ้านทันที
อนงค์รีบร้อนเข้ามา แพรวยังกรีดร้องไม่หยุด อนงค์รีบขึ้นบันไดไป
อนงค์เปิดประตูเข้ามาเห็นแพรวยืนกรี๊ดอยู่ที่พื้นตามลำพัง
"แพรว เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรไปลูก"
อนงค์รีบเข้าไปจับตัวแพรวเอาไว้
"แพรว แพรวนี่แม่เอง แพรว"
แพรวมีท่าทางหวาดกลัวสุดขีดจึงกรีดร้องไม่หยุด
"แพรว!!”
ช่อเอื้องแสยะยิ้มด้วยความสะใจ
กรณ์โทรศัพท์ติดต่อแพรว
"แพรวไม่รับสาย"
"ถ้าอย่างนั้นเราไปที่บ้านเธอกันเลยไหมคะ ไปถามให้รู้เรื่องกันไปเลย" พริ้วเสนอ
"เราไม่มีหลักฐาน จู่ๆ เข้าไปแบบนี้ โดนข้อหาทั้งบุกรุกทั้งปรักปรำแน่" ณราบอก
"แล้วเราจะหาหลักฐานได้ที่ไหนล่ะคะ คนทำเรื่องแบบนี้ เขาไม่ทิ้งหลักฐานกันหรอก"
กรณ์คิดแล้วลองโทรอีกครั้ง เสียงอนงค์รับสายดังออกมา
"ฮัลโหลๆ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!!”
"เกิดอะไรขึ้นครับ!”
ณราจอดรถ กรณ์รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน พริ้วกับณรารีบตามไป
อนงค์เปิดประตูรับกรณ์
"คุณกรณ์"
"เกิดอะไรขึ้นครับ" กรณ์ถาม
"แพรวค่ะ แพรว"
"แพรวเป็นอะไรครับ"
อนงค์ตกใจจนพูดไม่ออก เสียงแพรวกรีดร้องดังขึ้น
"คุณแพรว!!”
กรณ์รีบเข้าไปด้านในแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป อนงค์จะเป็นลมจึงทรุดลง ณรากับพริ้วรีบเข้ามาช่วยประคองไว้ เสียงแพรวกรีดร้องดังมาจากชั้นบน
"ท่าทางจะเรื่องใหญ่แล้ว" ณราว่า
กรณ์เข้าไปจับตัวแพรวเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอตกอยู่ในสภาพกลัวจนลนลานและกรีดร้องไม่หยุด
"คุณแพรวครับ คุณแพรว เกิดอะไรขึ้นครับ คุณแพรว ทำใจดีๆ ไว้นะครับ"
วิญญาณช่อเอื้องพยายามจะบอกกับกรณ์
"มันฆ่าช่อ มันช่วยกันฆ่าช่อ มันพรากช่อจากคุณ"
แพรวรีบค้าน "ไม่ ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันไม่ได้ฆ่าแก"
"คุณแพรว คุณพูดเรื่องอะไรครับ คุณแพรวตั้งสติไว้นะครับ" กรณ์บอก
"มันมาแล้ว มันมาฆ่าฉันแล้ว"
"ไม่มีนะครับ ไม่มีใครจะทำร้ายคุณทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวนะครับคุณแพรว" กรณ์ปลอบ
แพรวมองเห็นช่อเอื้องในสภาพสยดสยองอยู่ด้านหลังกรณ์
"ผี ผี ผี?”
"ผีที่ไหนครับ"
"ผีอีช่อ!”
กรณ์อึ้งแล้วสะดุ้งวาบ ณรากับพริ้วตามเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้นครับ/ คะ"
แพรวจับแขนกรณ์ไว้
"ฉันไม่ได้ฆ่ามัน ไอ้ไท ไทเป็นคนฆ่ามัน ไทเป็นคนทำ" แพรวละลักละล่ำ
"นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ครับ" กรณ์ถาม
"คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้ฆ่ามัน ฉันไม่ได้ฆ่านังช่อ คุณต้องไม่โกรธฉันนะ คุณต้องรักฉัน แต่งงานกับฉัน คุณต้องแต่งงานกับฉัน กรี๊ด"
ณราบอกกับกรณ์
"ผมว่าท่าทางไม่ดีแล้วล่ะครับ สติกระเจิงแบบนี้ รีบพาส่งโรงพยาบาลดีกว่านะครับ"
"นั่นสิ ไปครับคุณแพรว ไปกับผมนะครับ"
"ไป? ไปไหน คุณจะพาฉันไปแต่งงานใช่ไหม"
กรณ์อึกอัก "เอ่อ…"
พริ้วพยักหน้าให้กรณ์รับๆ ไปก่อน
"ครับ ไปกับผมนะครับ" กรณ์พูด
กรณ์ประครองแพรวออกไป วิญญาณช่อเอื้องหัวเราะอย่างสาสมใจ
"มึงไม่มีวันได้แต่งงานกับคุณกรณ์ มึงต้องชดใช้ให้กับกู!”
ผีช่อเอื้องปรากฏร่างที่โรงละคร
"พวกมึงทุกผู้ทุกตัวต้องชดใช้ ชดใช้ให้กับความตายของกู!!”
ทุกคนรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอเดินออกมา อนงค์รีบเข้าไปหา
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ลูกดิฉันเป็นยังไงบ้าง"
"คนไข้มีอาการทางประสาทนะครับ" หมอบอก
"หมายความว่ายังไงคะ ลูกดิฉันเป็นบ้างั้นเหรอคะ โอย"
"คุณป้าคะ" พริ้วรีบเข้ามาประคองตัวอนงค์ไว้
"แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเกิดขึ้นได้ล่ะครับคุณหมอ" กรณ์ถาม
"คนไข้น่าจะเจอกับเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก ทำให้ตกใจถึงขีดสุด จนควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะครับ"
"แต่ว่า…เธอก็อยู่ในห้องนอน ไม่ได้มีอะไร หรือว่าใครเลยนะครับ" กรณ์บอก
"อันนี้หมอก็ไม่ทราบนะครับ หมอตอบไปตามสภาพอาการที่เกิดขึ้น มีทางเดียวที่จะรู้ได้คือ รอให้อาการดีขึ้น เราค่อยถามคนไข้ว่าเธอเจออะไรนะครับ"
"แล้วต้องรักษายังไง มีวิธีรักษาไหมครับ"
"คงต้องส่งไปสถานบำบัดทางจิตเท่านั้นครับ ที่นั่นคนไข้จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ดีที่สุดสำหรับเธอตอนนี้แล้วครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ"
"สถานบำบัดทางจิต…โรงพยาบาลบ้าน่ะเหรอ"
"ผมว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือปล่อยให้ทางญาติๆ เขาดูแลกันไปเถอะครับ" ณราบอก
กรณ์เหมือนติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง
กรณ์นึกถึงตอนที่แพรวพูดกับเขา
"คุณต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้ฆ่ามัน ฉันไม่ได้ฆ่านังช่อ คุณต้องไม่โกรธฉันนะ คุณต้องรักฉัน แต่งงานกับฉัน คุณต้องแต่งงานกับฉัน กรี๊ด"
อ่านต่อหน้า 3
สาปสาง ตอนที่ 27 (อวสาน) ต่อ
กรณ์เข้ามาด้านในโรงละคร วิญญาณช่อเอื้องเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง
"คุณกลับมาหาช่อแล้ว ช่อดีใจเหลือเกิน คุณกลับมารักช่อแล้ว"
กรณ์เดินไปรอบๆ แล้วมองไปรอบๆ
กรณ์นึกถึงตอนที่แพรวพูดเรื่องช่อเอื้องไปแต่งงานกับแฟนเก่าและไม่อยากให้กรณ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตเธออีกจบลงที่คำว่าผีจากปากแพรว พอเขาถามว่าผีที่ไหนครับ แพรวก็ตอบว่า "ผีอีช่อ"
กรณ์ตัดสินใจร้องเรียกออกไป
"ช่อเอื้อง ถ้าคุณอยู่ที่นี่ ช่วยออกมาด้วยเถอะ ไม่ว่าคุณจะเป็นหรือตาย ก็ขอให้ออกมาให้ผมรู้ความจริงด้วยเถอะ"
"ช่ออยู่นี่แล้วค่ะ ช่ออยู่กับคุณแล้ว"
"ช่อเอื้อง ผมรักคุณมาตลอด คิดถึงคุณมาตลอด ได้โปรดให้ผมรู้ความจริงด้วยเถอะที่รัก"
"คุณกรณ์"
วิญญาณช่อเอื้องร่ำไห้ด้วยความเศร้า
"ช่อก็รักคุณ รักคุณมาตลอด ไม่เคยหยุดรักคุณเลย….”
"ช่อ ผมรักคุณ รักคุณเหลือเกิน…ขออย่าให้มันจริงอย่างที่คุณแพรวพูดเลย…ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย"
ทั้งคนทั้งวิญญาณร้องไห้ไปพร้อมกันแม้กรณ์จะมองไม่เห็นช่อเอื้อง
พริ้วกำลังรินน้ำชาร้อนๆ ให้เฟยที่อยู่ที่บ้าน
"น้ำชาจ้ะป๊า"
เฟยมองณราแล้วถอนหายใจ
"ถ้าวิญญาณผู้หญิงคนนั้นพูดกับคุณอย่างที่คุณเล่า อั๊วจะดูดวงให้ว่าคุณควรที่จะไปบอกคุณกรณ์ตามที่วิญญาณต้องการรึเปล่า"
"ทำไมยังต้องดูดวงอีกล่ะป๊า บอกไปเลยก็ได้นี่นา"
"ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของบ่วงกรรม บ่วงกรรมเขาทำกันมา มันถึงได้เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ถ้าเราจะเข้าไปยุ่ง เราก็ต้องดูให้ดีว่ามันจะไปเปลี่ยนบ่วงกรรมพวกเขารึเปล่า ถ้าเข้าไปยุ่งแล้วทำให้บ่วงกรรมเบี่ยงเบน พวกลื้อก็จะติดร่วมอยู่ในบ่วงกรรมไปด้วยในฐานะ ผู้เปลี่ยนกรรม!”
"ขนาดนั้นเลยเหรอป๊า ฉันขนลุกไปหมดแล้วอ่ะ"
"บอกวันเดือนปีเกิดของคุณมา อั๊วจะตรวจดูชะตาให้"
"ครับ"
พริ้วมองทั้งคู่แล้วแอบถอนใจด้วยความร้อนใจเรื่องช่อเอื้อง
อนงค์เข้ามายืนมองแพรวที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ แพรวพยายามดิ้นและกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
"อย่าเข้ามาหานะอีช่อ ฉันไม่ได้ฆ่าแก ฉันไม่ได้ฆ่าแก ฉันไม่ได้ฆ่า!”
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเดินออกมา
"คุณคะ คุณ ลูกสาวฉัน เขาจะหายไหมคะ" อนงค์ถาม
"ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ"
"หมายความว่าเขาอาจจะเป็นอย่างนี้ไปจนวันตายงั้นเหรอคะ"
"ผมก็ไม่ทราบ คิดเสียว่ามันเป็นเรื่องเวรกรรมก็แล้วกันนะครับ"
เจ้าหน้าที่เดินออกไป อนงค์ใจห่อเหี่ยวหนักขึ้นไปอีก
"เวรกรรม…. ใช่ เวรกรรม" อนงค์มองไปที่แพรว "เป็นอย่างนี้ไม่ตายก็เหมือนตาย ตายทั้งเป็นจริงๆ"
อนงค์เช็ดน้ำตา
เฟยตรวจดูดวงชะตาให้ณรา
"อั๊ยย่ะ!” เฟยร้อง
"อะไรป๊า ตกลงยังไง"
"ตามดวงชะตาบ่งบอกว่าพวกลื้อเกี่ยวข้องกันจริงๆ ถึงได้มีเหตุให้ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน"
"หมายความว่าเราไปบอกคุณกรณ์ได้แล้วใช่ไหมจ้ะ"
"แต่มันไม่ใช่ข่าวดีนะพริ้ว อย่าลืมสิ ว่าผู้หญิงคนนั้นเธอตายแล้วนะ เรากำลังจะไปบอกข่าวร้ายกับคุณกรณ์...”
"จริงด้วยสิ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย คิดแต่จะบอกเท่านั้น" พริ้วหันไปถามเฟย "เอายังไงดีล่ะป๊า"
เฟยนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น
"เอาอย่างนี้แล้วกัน"
"เอายังไงป๊า"
"ให้เขาบอกกันเอง"
"หมายความว่า?”
"คืนนี้อั๊วจะทำพิธีเชิญวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นมา พวกลื้อไปนัดคุณกรณ์ ให้ไปเจอกันที่โรงละคร เขาติดค้างอะไรกัน มีอะไรจะพูดจะกล่าวกัน ก็ให้เขาพูดกันเอง"
"แล้วคุณกรณ์จะมองเห็นเธอเหรอจ้ะป๊า"
"เรื่องนั้นไม่ต้องกลัว อั๊วจะขออนุญาตเทพเจ้า ทำพิธีเบิกเนตรให้"
ณรากับพริ้วมองหน้ากันด้วยความยินดีในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
กรณ์ลงจากแท็กซี่แล้วจะเดินเข้าบ้าน ณราขับรถเข้ามาถึงพอดี
"คุณกรณ์ครับ" ณราเรียก
"อ้าว คุณณรา มีอะไรด่วนเหรอครับ ถึงต้องมาเอง"
"ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ"
"เรื่องสำคัญ ? เรื่องอะไรครับ?”
"คุณรู้จักผู้หญิงที่ชื่อช่อเอื้องใช่ไหมครับ"
กรณ์อึ้ง
พริ้วเข้ามาที่โรงละครแล้วมองไปรอบๆ
"ช่อเอื้อง เธออยู่ที่นี่รึเปล่า ได้ยินฉันไหม ฉันมาดีนะ ได้โปรดปรากฏตัวให้ฉันเห็นด้วยเถอะ"
ช่อเอื้องปรากฏขึ้นที่มุมด้านหนึ่ง พริ้วยังคงมองไม่เห็นแต่ปากก็พูดต่อ
"ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกกับเธอ เรื่องของเธอกับคุณกรณ์"
ช่อเอื้องตาลุกวาบด้วยความยินดีเมื่อได้ยินชื่อกรณ์
ณรานั่งดื่มกาแฟรอ พริ้วเดินมาถึงก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
"ทำไมมาช้าจัง" ณราถาม
"ฉันรีบที่สุดแล้ว" พริ้วบอก
"คุณจะดื่มอะไร เดี๋ยวผมสั่งให้"
"ขอเหมือนคุณก็แล้วกันค่ะ"
"โอเค" ณราหันไปสั่ง "มอคค่าเย็นแก้วหนึ่งครับ" ณราหันกลับมาถาม "ตกลงทางคุณเรียบร้อยไหม"
"ฉันไม่เห็นเธอ แต่มีเซ้นส์ว่าเธออยู่ที่นั่น และก็คงจะรับรู้เรื่องที่ฉันพูดออกไป"
"งั้นก็ดี คืนนี้ทุกอย่างจะได้เสร็จสิ้นลงซะที"
"หวังว่าจะไม่มีอะไรมาขัดขวางนะ"
"คงไม่มีแล้วล่ะ อุปสรรคที่คอยขัดขวางก็แพ้ภัยตัวเองกันไปหมดแล้ว คืนนี้ทุกอย่างคงจะราบรื่นดี"
พนักงานยกกาแฟมาเสิร์ฟให้พริ้ว
"ขอบคุณค่ะ"
พริ้วดื่มอย่างกระหาย ณราลอบมองแล้วพูดขึ้นลอยๆ
"เสร็จเรื่องคนอื่นแล้ว คงถึงเวลาสำหรับเรื่องของเราแล้วนะ"
"เรื่องของเรา?" พริ้วเขิน "คุณหมายถึงเรื่องอะไร"
"ไม่ใช่เรื่องงานก็แล้วกัน"
"อ้าว ไม่ใช่เรื่องงาน….แล้วเรื่องอะไร"
"เอาไว้ให้พ้นคืนนี้ไปก่อน แล้วผมจะบอกเองว่าเรื่องอะไร"
ณรายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มด้วยสีหน้าอมยิ้ม พริ้วมองณรางงๆ
"คุณยิ้มอะไรน่ะ ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่"
"เดี๋ยวก็รู้"
ณราอมยิ้มชอบใจที่ได้ยั่วแกล้งพริ้ว พริ้วงอน
"ไม่บอกก็อย่าบอก คิดว่าฉันอยากรู้นักรึไง"
ต่างคนต่างลอบยิ้ม พริ้วแม้จะงอนแต่ก็อดยิ้มไม่ได้
อนงค์เข้ามาหาแพรวที่ถูกมัดไว้กับเตียง แพรวมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ
"อย่าเข้ามา อย่าเข้ามานะ ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว อย่าเข้ามา"
"โถ ลูกแม่…"
"ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันไม่ได้ฆ่า อย่า อย่า ฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันด้วย"
"ใจเย็นๆ ลูกเอ้ย บอกแม่มาว่าเขาเป็นใคร ชื่ออะไร แม่จะไปหาทางบอกเขาให้เอง ให้เขายกโทษให้ลูกนะ ตั้งสติดีๆ แล้วบอกแม่มา"
"ช่อ อีช่อ"
"ช่อ? เขาชื่อช่อเหรอลูก"
"ช่อเอื้อง" แพรวหวาดระแวง
"ช่อเอื้อง….นั่นมันชื่อเพื่อนลูกที่รำละครด้วยกันนี่ แม่จำได้ ช่อเอื้อง….”
อ่านต่อหน้า 4
สาปสาง ตอนที่ 27 (อวสาน) ต่อ
คืนจันทร์เต็มดวง ทุกคนมาถึงโรงละคร
"ฤกษ์งามยามเหมาะ เราจะหาที่ทำพิธี" เฟยบอก
"เอ่อ ถ้าไม่บังอาจเกินไป ผมขอเป็นคนเลือกที่ได้ไหมครับ" กรณ์เสนอ
"ได้สิ คุณรู้จักที่นี่ดีกว่าพวกเราทุกคนอยู่แล้ว เลือกเลย" เฟยบอก
"งั้น เชิญทางนี้เลยครับ"
กรณ์เดินนำทุกคนไป
กรณ์นำทุกคนมาหยุดอยู่ที่หน้าศาลาจุดนัดพบ
"ที่นี่แหละครับ ที่ๆ ผมเคยนัดเจอกับเธอเมื่อหลายปีก่อน แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่ได้พบกัน"
"งั้นก็ตรงนี้แหละ ทำพิธีเชิญวิญญาณกันตรงนี้เลย" เฟยบอก
เฟยก้าวไปข้างหน้า คนอื่นๆ ถอยออกมา แล้วเฟยก็ใช้ไม้เท้าวาดยันต์ลงบนพื้น
"ข้าแต่เทพผู้สถิตย์ทั่วทุกสารทิศ ลูกจะขอท่านให้ช่วยเปิดทางให้วิญญาณนางหนึ่งซึ่งรอคอยมานานแสนนาน ขอฟ้าจงเปิดทางให้นางด้วยเถิด เพี้ยง"
เฟยกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นปัง!ปัง!ปัง!ปัง! จนเกิดแสงสว่างวาบขึ้นสี่ทิศ คนอื่นๆ ตกใจผสมตื่นตาตื่นใจ เฟยหันมาบอก
"เทพท่านอนุญาตเปิดทางให้แล้ว เชิญคุณทางนี้"
กรณ์เดินไปหาเฟย
"มีอะไรก็พูดกันให้รู้เรื่องไป จะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างคาใจกันในชาติภพนี้" เฟยบอก
เฟยก้าวออกมารวมตัวกับพริ้วและกรณ์
"ป๊าแน่ใจนะว่าเธอจะมา" พริ้วถาม
"เธอรอมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมจะไม่มา"
"แล้วแน่ใจนะว่าไม่ต้องใช้ร่างฉัน"
"อั๊วเปิดเนตรให้คุณกรณ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช่ร่างลื้อเป็นสื่อ"
ยันต์สี่ทิศติดที่หน้าศาลา กรณ์กวาดตามองไปรอบๆ
"ช่อครับ ผมมาแล้ว ออกมาหาผมด้วยเถิด ผมอยากพบคุณเหลือเกิน ได้โปรดเถอะช่อ"
ทันใดนั้นทุกอย่างเริ่มกลับมามีชีวิตมีชีวา ต้นไม้ผลิดอกออกใบ น้ำรินไหล สวยงามเหมือนในอดีต กรณ์ยิ้มออกมาก่อนจะหันกลับมาแล้วเจอช่อเอื้องอยู่ตรงหน้า
"ช่อ!” กรณ์ดีใจ
"คุณกรณ์!”
ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความรักและคิดถึงอย่างสุดซึ้ง
"คุณกรณ์ของช่อ คุณกรณ์กลับมาหาช่อแล้ว"
"ผมขอโทษ ผมขอโทษ….”
"คุณไม่ต้องขอโทษช่อ.. คุณไม่ผิด คนผิดได้รับกรรมของพวกเขาแล้ว"
"มันเกิดอะไรขึ้นช่อ บอกกับผมสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ"
ช่อเอื้องมองหน้ากรณ์นิ่ง
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา
ช่อเอื้องถูกไทฆ่าตาย ร่างช่อเอื้องถูกไทกับแพรวเอาศพไปฝัง พ่อปู่สะกดวิญญาณช่อ
กรณ์ร้องไห้โฮด้วยความสงสารช่อเอื้อง
"ช่อทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเกิดเรื่องนี้กับคุณด้วย ทำไม"
ช่อเอื้องเช็ดน้ำตาให้กรณ์
"คนดีของช่ออย่าร้องไห้ ถึงชาตินี้ความตายจะแยกเราจากกัน แต่แยกได้ก็แค่กายเท่านั้น ต่อให้ต้องตายอีกกี่ครั้ง ก็ไม่อาจพรากหัวใจของช่อที่รักคุณได้ ช่อจะรักคุณตลอดไป รักของช่อจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"
"ผมก็รักคุณ รักคุณเหลือเกิน ….. เพราะผมแท้ๆ ผมเป็นต้นเหตุให้คุณต้องตาย"
"อย่าพูดอย่างนั้น มันเป็นเวรกรรมของช่อเอง ชะตาฟ้าลิขิตมาให้เป็นแบบนี้ จะฝืนชะตาฟ้า ไม่มีใครทำได้"
เกิดเสียงกุกกักดังมาจากทางหนึ่ง ทุกคนหันไปมอง เงาคนรีบวูบหลบเข้ามุม
"ใครน่ะ" ณราเอ่ยถาม
ณราเดินไปดู
"ระวังนะคะคุณณรา" พริ้วเตือน
"ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเข้ามาทำลายพิธีได้เป็นอันขาด"
ณราพูดแล้วก็รีบก้าวสวบๆ ไปที่มุมนั้นทันที
"ฉันจะช่วยคุณค่ะ" พริ้วบอก
อนงค์เดินออกมา
"อย่าๆ อย่าทำอะไรฉัน ฉันมาดี ไม่ได้มาร้าย" อนงค์บอก
"แล้วคุณมาที่นี่ทำไม" ณราถาม
"ฉันมาเพื่อขอโทษ มาเพื่อขอขมาต่อดวงวิญญาณของหนูช่อเอื้อง" อนงค์บอก
"อะไรนะ มาขอขมางั้นเหรอ" พริ้วงง
เฟยบอก "ให้เธอเข้ามา"
อนงค์รีบเข้าไปหาซินแส
"ลื้อจะมาขอขมาทำไม" เฟยถาม
"ลูกสาวฉันเป็นบ้าเสียสติไปแล้ว ฉันอยากให้วิญญาณหนูช่อเอื้องให้อภัยต่อแพรว อย่างโกรธ อย่าอาฆาตแค้น ยกโทษให้กับแพรวด้วยเถอะจ้ะ ยกโทษให้ด้วย"
วิญญาณช่อเอื้องมองมาที่เฟย
"การโกรธแค้น จองเวร จะตามติดไปทุกชาติทุกภาพ จะตัดขาดได้ก็ต่อเมื่ออโหสิให้กัน"
ช่อเอื้องนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ
"เขาอภัยให้แล้ว อโสหิให้แล้ว เขาไม่จองเวรแล้ว"
"ขอบคุณจ้ะ ขอบพระคุณจ้ะ ขอบพระคุณจริงๆ"
"งั้นเชิญคุณกลับไปก่อนเถอะครับ พวกเรายังไม่เสร็จธุระ"
"จ้ะๆ ฉันไปแล้วจ้ะ"
อนงค์รีบร้อนเดินออกไป กรณ์มองหน้าช่อเอื้องด้วยสายตาจริงจังมาก
"ผมสัญญานะช่อ ชาตินี้ ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว ผมจะรักคุณคนเดียว…จะไม่มีวันลืมคุณ ไม่มีวันเลิกรักคุณ"
"อย่าสัญญาแบบนี้สิคะ ช่ออยากให้คุณมีความสุข ไม่อยากให้คุณต้องจมอยู่กับอดีต จมอยู่กับความตายของช่อ"
"แต่ว่าผม….”
"ถ้าคุณรักช่อ คุณต้องมีความสุขให้ช่อเห็น ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข อย่าทำให้ช่อต้องห่วง ไม่อย่างนั้น ช่อจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด ได้แค่คอยเวียนวนห่วงคุณอยู่ร่ำไป"
"ช่อ…"
"สัญญากับช่อสิคะว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข… สัญญาสิคะ"
"ผมสัญญา ผมสัญญา….”
ช่อเอื้องยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่ร่างของช่อเอื้องจะค่อยๆ เลือนหายกลายเป็นแสงระยิบระยับลอยขึ้นฟ้าไป
"ช่อ!”
"เธอไปดีแล้วครับ ไปสู่สุขคติแล้ว"
กรณ์เงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
"ผมจะรักษาสัญญา….ผมจะไม่มีวันผิดสัญญากับคุณ"
ทุกคนซาบซึ้งไปกับกรณ์และช่อเอื้อง พริ้วกับณราจับมือกันโดยไม่รู้ตัว
กรณ์น้ำตาไหลพร้อมกับรอยยิ้ม
"ไปสู่สุขคตินะคนดี แล้วเราจะได้พบกันอีก ผมสัญญา….เราจะได้พบกันอีก" กรณ์บอก
"เสร็จพิธีแล้ว สบายใจกันได้แล้วนะ ต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ หมดกันทีเรื่องร้ายๆ" เฟยว่า
"ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากทำครับ" กรณ์บอก
"อะไรเหรอคะ?” พริ้วถาม
กรณ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"ผมอยากทำเพื่อช่อเป็นครั้งสุดท้าย"
พริ้วที่เตรียมของรอตักบาตรอยู่ที่หน้าบ้านชะเง้อมอง
"ทำไมยังไม่มาอีกนะ"
รถของณราแล่นเข้ามาจอด ณรารีบลงมาจากรถ
"คุณมาสาย" พริ้วว่า
"ผมขอโทษ ผมไม่เคยตื่นมาตักบาตรเป็นสิบๆ ปีแล้ว ขอโทษจริงๆ"
"พระมาแล้ว เร็วเข้า"
ณรารีบเข้าไปช่วยพริ้วถือของ ขบวนพระเดินบิณฑบาตร ณรากับพริ้วตักบาตรร่วมกันจนถึงพระรูปสุดท้ายซึ่งก็คือกรณ์
ณรากับพริ้วใส่บาตรแล้วยกมือไหว้
กรณ์ท่องบทสวด "อะภิวาทะนะสีลิสสะนิจจังวุฒาปะจายิโน จัตตาโรธัมมาวัฑฒันติอายุวัณโณสุขังพลัง,"
กรณ์ยิ้มนิดๆ ก่อนเดินจากไปอย่างสำรวม พริ้วกับณรามองตามไป
"ท่านจะบวชนานไหม" พริ้วถาม
"เห็นว่าจะบวชสักพักเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับวิญญาณของช่อเอื้อง เพราะถึงเธอจะไปสู่สุขคติแล้ว แต่ก่อนนั้นความแค้นก็ทำให้เธอก่อบาปไว้มากเช่นกัน สิ่งเดียวที่จะช่วยเธอได้ดีที่สุดก็คืออานิสงฆ์ผลบุญ"
"ฉันยินดีกับเธอด้วยจัง สิ่งที่พระทำนับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่คนเราจะทำให้แก่กันได้….ดีที่สุดจริงๆ"
"การได้ทำบุญร่วมกับคนที่เรารักก็มีความสุขเหมือนกันน่ะแหละ"
"คุณพูดอะไร"
"ก็พูดถึงสิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไปพร้อมๆ กับคุณน่ะสิ"
"คุณพูดว่ากับคนที่เรารัก…นี่คุณรักฉันเหรอ?”
"ครับ"
พริ้วเขินจนพูดอะไรไม่ถูก
"พูดอะไรให้มันยาวๆ กว่านี้สิคุณ" พริ้วว่า
"ผมรักคุณและจะขอมาทำบุญตักบาตรกับคุณแบบนี้ทุกวัน ถ้าคุณไม่รังเกียจความรักของผมก็ขอให้คุณพยักหน้าสามที"
พริ้วอมยิ้มแล้วพยายามตีหน้าขึงขัง ณรารอลุ้นคำตอบ ในที่สุดพริ้วก็พยักหน้าสามครั้ง ณรายิ้มกว้างภายใต้บรรยากาศชื่นมื่นสวยงาม
3 ปีผ่านไป รูปของอาภาภิรมย์ที่อยู่ในกรอบสวยงามตั้งอยู่บนโต๊ะ ข้างๆ มีสร้อยพระพิฆเนศที่อาภาภิรมย์เคยให้กรณ์อยู่ในพานแก้วสวยงาม กรณ์หยิบสร้อยขึ้นมาพนมมือกุมสร้อย ก่อนจะสวม กรณ์มองรูปอาภาภิรมย์แล้วพูด
"แม่ครับ ผมทำตามสัญญาแล้ว...อะไรก็ตามที่แม่ให้ผม ผมจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด...แม่ไม่ได้ให้แค่พระพิฆเนศองค์นี้ แต่แม่ยังมอบความรักที่มีต่อศิลปะมาให้ผมด้วย ผมจะสืบสานงานละครต่อจากแม่เองครับ"
กรณ์ใส่สร้อยพระพิฆเนศแล้วมองรูปอาภาภิรมย์
กรณ์ที่ใส่สร้อยพระพิฆเนศนั่งอยู่หน้านักแสดงคนอื่นๆ ในโรงละคร กรณ์จุดธูปเทียนไหว้พระก่อนจะหันไปบอกนักแสดง
"ก่อนการแสดงทุกครั้ง ผมอยากให้นักแสดงทุกคนมีความมั่นใจ และให้อภัยกันหากเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างแสดง ที่สำคัญ ผมอยากให้ทุกคนระลึกถึงพระคุณครูที่ประสิทธิประสาทวิชาศิลปะเหล่านี้ให้พวกเรา"
กรณ์หันมาแล้วยกมือประนมเตรียมนำนักแสดงไหว้ครู ใจของกรณ์นึกถึงอาภาภิรมย์
"แม่ครับ ไม่รู้แม่จะได้ยินหรือเปล่า แต่ละครโรงนี้ การแสดงนี้ ผมบูชาแม่ในฐานะแม่และครูของผมด้วยครับ"
จบบริบูรณ์...