คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 27 อวสาน
พจน์กำลังจะเดินขึ้นอำเภอเจอเพื่อนเก่า ชื่อกมลมากับน้องสาวชื่อกินรี พจน์เห็นรีบเดินลงมาหาก่อน พจน์ชะงักมองจนกินรีรู้สึกตัว เมินหน้าไปทางอื่น
“พจน์” กมลเรียก
พจน์หันไปตามเสียง
“กมล”
“กลับมาจากเมืองนอกแล้วยินดีด้วยกับนายนะ”
“ขอบใจ”
พจน์มองกินรีที่เดินมาหายืนข้างกมล
“น้องกินรีไง จำไม่ได้หรือ สมัยก่อนถักหางเปียยาวเฟื้อยสองข้าง” กมลแนะนำ
“แต่กินรีจำพี่พจน์ได้ค่ะ” กินรียกมือไหว้
“ขอโทษด้วยครับ คือน้องกินรีโตขึ้นมากจนพี่จำไม่ได้”
“จนน้องเขาเป็นครูไปแล้ว เขาสอนวิชาภาษาไทย”
“กมลเราจะแวะไปหานายที่บ้านนะ บ้านเดิมหรือเปล่า”
“บ้านเดิมนั่นแหละ หลังเล็กๆสี่คนพ่อแม่ลูกแต่มีความสุขนะ”
พจน์ยิ้มมองกินรีแบบพึงพอใจมาก
จิรศักดิ์ทำตัวเนียนมาก ไม่ออกปากขอพบพราวพิลาส ขณะที่คุยกับคุณหญิงศรี และคุณหญิงสะบันงา
“กระผมกราบขอบพระคุณที่กรุณาให้พบมากราบเคารพ กระผมเรียนขออนุญาตมาอีกนะครับ”
“เชิญค่ะ” คุณหญิงสะบันงาพูดเรียบๆ
คุณหญิงศรีมองจิรศักดิ์
“เชิญเสมอสำหรับผู้ที่ไม่คิดร้ายกับพวกเรา”
จิรศักดิ์ไหว้สองคนแล้วถอยกลับออกไป สองคนมองหน้ากันอีกรอบ คุณหญิงศรีคิดๆ
“ไอ้หมอนี่มันมาแปลก ไอ้เราก็นึกว่ามันจะบอกว่าขอพบยัยพราว แต่มันเปล่าแฮะ หรือมันคิดจะเข้าทางผู้ใหญ่”
“น่าจะขึ้นอยู่กับคุณพราวด้วยค่ะ ว่ายินดีพบเขาไหม”
พราวพิลาสเดินออกมาหาสองคน มานั่งใกล้ๆทั้งสองคน
“พราวเฉยๆค่ะ นายแม่ คุณป้า”
คุณหญิงศรีส่ายหน้า
“ไฮ้...เฉยๆแล้วยอมให้เขามาส่งบ้านตอนดึกทำไม”
“ก็พราวให้นายบุญขับรถตามกันมานี่คะ แค่พราวอยากเปลี่ยนรถคันอื่นนั่งกลับบ้านเท่านั้นเองค่ะ”
พราวพิลาสเดินออกไปสองคนมองหน้ากัน คุณหญิงศรีถอนใจ
“ก็คนมันโดนกระทำมามากนี่นา ตาธรรม์เอย ศีลเอย ศีลนี่ร้ายมากทำร้ายจิตใจแกถึงสองครั้งสองครา”
คุณหญิงสะบันงาน้ำตาเอ่อท้น คุณหญิงศรีเข้ามาโอบกอดคุณหญิงสะบันงาไว้
พจน์เดินกับลงจากอำเภอ พบศีลกับเมขลาเดินมาคนละฟากหน้าตาสองคนเคร่งเครียดมาก
“คุณศีล” พจน์เอ่ยทัก
ศีลเห็นพจน์ดีใจแต่ไม่เต็มที่ เพราะเครียดๆ
“คุณพจน์ กลับมาแล้วหรือนี่ ผมยินดีด้วยนะครับ”
พจน์ปรายตาไปมองทางเมขลาที่ดูแย่พอกัน
“ผมไปแจ้งเรื่องขอละเว้นการเกณฑ์ทหาร เพราะไปนอกน่ะครับ คุณศีลมาทำอะไรหรือครับ”
“เอ้อ...” ศีลอึกอัก
เมขลาแทรกขึ้น
“ก็บอกเขาไปสิว่าเรามาหย่ากัน เพื่อที่ฉันจะได้ยกคุณให้กับพี่สาวของเขา ฝากไปบอกด้วยว่าฉันยกให้แล้ว อยากจะขอบใจฉันแทนพี่สาวแกไหมล่ะไอ้ลูกเมียบ่าว ที่พี่สาวแกไม่ต้องเป็นชู้กับผัวคนอื่นอีกต่อไป”
พจน์ตกใจศีลปราดไปหาเมขลา ตวาดลั่น
“หยุดนะ”
พจน์ส่ายหน้าดินหนีลงบันไดมาโดยเร็ว เสียงเมขลาหัวเราะเย้ยหยันดังตามมา
เมี้ยนนอนซมเพราะป่วยนิ่ง คุณหญิงศรีมาลูบหัว
“ฉันสั่งให้เดือนตามคุณหลวงหมออดุลย์มาดูเมี้ยนแล้วนะ”
“เมี้ยนไม่เป็นอะไรมากมายขนาดต้องถึงหมอหรอกค่ะ เมี้ยนกินยาหม้อ เดี๋ยวก็หายค่ะ”
“อย่ารู้ดีว่าฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าตายก่อนฉันแล้วนี่จะไม่ยอมรักษาตัว สัญญาสิว่าจะไม่ตายก่อนฉัน”
“ค่ะ เมี้ยนสัญญา”
“ฉันเห็นแก่ตัวมากใช่ไหมเมี้ยน”
“มิได้ค่ะ คุณหญิงไม่เคยเห็นแก่ตัวคุณหญิงเห็นคนอื่นก่อนเสมอมาค่ะ”
เมี้ยนน้ำตาร่วงพรูรู้ตัวว่าเป็นมาก คุณหญิงศรีก้มลงไปโอบกอด เมี้ยนเผยอตัวมากอดคุณหญิงศรี น้ำตาไหลพร่างพรู
คุณหญิงสะบันงาฟังพจน์เล่าจบถอนใจเฮือก
“ตายจริง”
“เมขลาช่างน่ากลัวมากเหลือเกิน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนหยาบคายได้เท่าดอกเตอร์เมขลาคนนี้ ความรู้ไม่ได้ช่วยขัดเกลาเธอได้แม้แต่น้อย เท่าที่ผมฟังจากแม่เดือน คนที่น่าสงสารมากก็คือคุณศีล”
เดือนหนักใจ
“คุณพราวก็ไม่ยิ่งหย่อนหรอกค่ะ เธอคงคิดว่าคุณศีลจงใจหลอกลวงเธอ ผู้หญิงคนนั้นใจร้ายเหลือเกิน”
คุณหญิงสะบันงาหน้าเครียดกังวล
“แล้วต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณพราวหนอ”
ในสวนบ้านเจ้าคุณ...พราวพิลาสยิ้มให้ธรรม์อย่างแจ่มใส
“เราเป็นพี่น้องที่กันต่อไปเช่นเดิมได้ใช่ไหมคะพี่ธรรม์”
“ครับพี่ยินดีทำตามทุกอย่างที่คุณพราวต้องการ”
“ขอบคุณมากค่ะ คืนนี้พราวอยากเล่นเปียโนแล้วให้พี่ธรรม์สีไวโอลินให้พราวจะได้ไหมคะ”
ธรรม์ยิ้มยินดียิ่งนัก
ในห้องอาหาร...จิรศักดิ์นั่งรอให้พราวพิลาสเข้ามา ตั้งใจว่าคืนนี้จะขอไปส่งพราวอีก แต่แล้วจิรศักดิ์ต้องชะงักงันเมื่อมองเห็นภาพที่ประตูห้องอาหาร พราวพิลาสเดินคู่มากับธรรม์
“บ้าเอ๊ย ไอ้หมอนี่อีกแล้ว คุณพราวจะเอาอย่างไรกันแน่ หรือว่าชอบยั่วให้ผู้ชายหลงรักหัวปักหัวปำแล้วขำเล่น”
พราวพิลาสยิ้มทักทายจิรศักดิ์
“สวัสดีค่ะ คุณจิรศักดิ์”
“ครับ สวัสดีครับ”
จิรศักดิ์ปรายตามองธรรม์ไม่พอใจ แต่ทำสงบนิ่ง ยังไม่รู้ว่าศีลไปหย่ากับเมขลาแล้ว
ศีลกับเมขลากำลังยื้อแย่งลูกหนูกันลูกหนูร้องไห้จ้า พี่เลี้ยงยืนมองส่ายหน้าหนักใจ
“คุณพ่อ หนูจะหาคุณพ่อ”
“ไม่ได้ หนูต้องหาแม่เท่านั้น”
“อย่าบังคับจิตใจลูกอย่าเอะอะโวยวายให้ลูกตกใจ”
“ฉันไม่ต้องการให้ลูกฉันไปอยู่กับนังผู้ดีนั่น”
“มาตกลงกันดีๆ เรามาแบ่งกันดูแลลูกกันเถิด ยุติธรรมดี ได้โปรดอย่าทำให้ลูกตกใจมากไปกว่านี้”
เมขลานิ่งไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศีลเดินไปรับโทร พี่เลี้ยงรับลูกหนูไป
“ฮัลโหล”
สีหน้าศีลเปี่ยมไปด้วยความยินดี
พราวพิลาสยิ้มแย้มร้องเพลงดีดเปียโน มีธรรม์สีไวโอลินหน้าตาเบิกบานพอกัน จิรศักดิ์มองแล้วไม่พอใจอิจฉาธรรม์มากๆ ประตูห้องอาหาร ศีลเดินแกมวิ่งเข้ามาไม่สนใจสิ่งใดรอบข้าง ทุกคนมองแปลกใจว่าศีลทำอะไร
“บ้าอีกรอบแล้วอย่างไร ไอ้นายศีลมันจะทำอะไรของมัน” จิรศักดิ์หงุดหงิด
ศีลพรวดไปที่บนเวทีท่ามกลางความตกใจของทุกคน ศีลไปฉวยมือของพราวพิลาสจนพราวพิลาสตกใจหยุดร้องเพลง ธรรม์ก็หยุดไวโอลินไปด้วย
“จะทำอะไรไม่ทราบ ปล่อยมือฉัน”
“ไม่มีวันปล่อยอีกแล้วครับ ไม่มีวัน ไปกับผม เราต้องคุยกัน”
“ฉันกำลังทำงาน”
“แต่นี่คือข่าวดีที่สุดของเรานะครับ ได้โปรด”
ศีลทำท่าจะคุกเขา พราวพิลาสหันไปมองหน้าธรรม์
“พี่ธรรม์คะ ไปกับพราวนะคะ”
พราวพิลาสยอมให้ศีลจูงมือออกไปที่ม่านน้ำตกเดิม มีธรรม์ตามไปด้วย จิรศักดิ์มองตาม ทุกคนมองตามแปลกใจ
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” จิรศักดิ์ไม่พอใจมาก
ศีลเปลี่ยนจากจูงมือมาเป็นโอบพราวพิลาส
“ผมกับเมขลาหย่ากันแล้ว”
พราวพิลาสฟังนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยา
“เมขลาโกหกผมว่าท้อง เขาไม่ได้ท้อง”
พราวพิลาสฟังเงียบต่อไป
“ผมกับเขาจะแบ่งกันเลี้ยงลูกหนู”
พราวพิลาสยังคงสงบนิ่ง ส่วนธรรม์ใจแป้วลงไปกอง พราวพิลาสพูดขึ้น
“เสียใจด้วยนะคะกับความแตกแยกร้าวฉานของครอบครัวคุณ”
พราวพิลาสเบี่ยงตัวออกจากการโอบกอดของศีลช้าๆ ศีลพยายามอธิบาย
“คุณพราวฟังนะครับ ผมไม่เคยโกหกคุณพราว ผมโดนเมขลาหลอกท้องครั้งแรกน่ะจริง แต่ครั้งนี้เขาทำไปเพราะต้องการกลั่นแกล้งเราสองคน”
“แต่เรื่องของเรามันคืออดีต มันจบไปแล้วนะคะ”
“มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก”
“มันสายไปแล้วค่ะ พราวก็แค่นางผู้หญิงใจง่ายที่เป็นชู้ ที่แย่งสามีคนอื่น มันสายเกินไปแล้วค่ะ สำหรับการเริ่มต้น”
ธรรม์ฟังแล้วตะลึงคิดแค่ว่าสองคนชอบกัน แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้
“คุณพราว” ธรรม์อุทานออกมา
“สายเกินไปแล้ว หมายความว่า...” ศีลมองมาที่ธรรม์ “คุณพราวมีคนอื่น ผมไม่เชื่อหรอก คุณพราวรักผมเสมอ เช่นเดียวกับที่ผมรักคุณพราวเสมอ ความรักที่แท้จริงไม่อาจทำใจให้เลิกรักได้ ความรักของเราที่มีต่อกันมันไม่มีวันหมดสิ้น”
“พอทีคะ พราวต้องการจบ”
“ปากคุณพราวบอกต้องการจบ แต่ใจคุณพราวเจ็บ ได้โปรดให้โอกาสผมให้โอกาสตัวเอง ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณพราวเลิกรักผมได้ผมยินดีหลีกทางให้ครับ”
ศีลไหล่ห่อคอตกจะเดินจากไป ธรรม์พูดขึ้น
“เดี๋ยวครับคุณศีล เราสองคนหัวอกเดียวกัน ผมรักคุณพราวไม่น้อยไปกว่าที่คุณรักเธอแน่นอน ผมเคยทำผิดพลาดกับคุณพราวมาก่อน คุณและผมก็รู้ตัวดีว่าคุณพราวไม่รักผมเช่นเดียวกับที่รักคุณ ผมเป็นได้เพียงพี่ชายของเธอเท่านั้น”
ศีลชะงัก พราวพิลาสอึ้ง
“ฟังพี่นะครับคุณพราว อย่าเพิ่งด่วนตัดรอนคุณศีล คุณพราวกลับไปคิดดูเถิดครับว่า คุณพราวอยากอยู่หรือไม่อยากอยู่กับศีลกันแน่ครับ หรือว่าอยากอยู่กับพี่ ทั้งที่หัวใจไม่มีวันยกให้พี่”
พราวพิลาสหันมามองธรรม์น้ำตาคลอ
“รู้ทั้งรู้ว่าพราวเป็นนางแพศยาแย่งผัวเขา ยังจะอยากให้พราวอยู่ด้วยจริงหรือคะ”
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ใจของคุณพราวต้องการใครกันแน่”
ศีลมองหน้าพราวพิลาส
“หยุดหลอกตัวเองเถิดครับคุณพราว ว่าคุณพราวไม่ได้ต้องการผม”
“พราวต้องการกลับไปร้องเพลงต่อให้จบค่ะ”
พราวพิลาสหันกลับทิ้งศีลกับธรรม์ยืนเผชิญหน้ากันเศร้าสร้อย
“คุณพราวเธอรักคุณศีลไม่ใช่ผม คุณต้องต่อสู้เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมานะครับ ผมยินดีช่วยเหลือเพื่อให้คนที่ผมรักสุดหัวใจได้พบกับความสุขสมหวัง คุณพราวต้องการคุณ”
“คุณพราวไม่ให้อภัยผม”
“เธอไม่เคยโกรธคุณจนไม่อภัยให้ แต่เธอเจ็บปวดจนเข็ดขยาด เธอกลัวเจ็บซ้ำอีก พิสูจน์สิครับ พยายามสิครับ”
ธรรม์ยื่นมือให้ศีลจับ ศีลยื่นมาจับ
“ขอบคุณมากครับ”
พราวพิลาสเดินกลับมาที่ห้องอาหารเช่นเดิมมานั่งที่เปียโน ดีดและร้องเพลงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จิรศักดิ์มองแล้วไม่เข้าใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
ศีลกับธรรม์เดินกลับมาเช่นกัน ธรรม์เดินกลับไปสีไวโอลินต่อ ศีลเดินกลับไปนั่งกับสุกิจ พราวพิลาสกับธรรม์เล่นเพลงจบ เสียงปรบมือดังเช่นเคย ธรรม์มองพราวพิลาสว่าจะบอกให้ใครไปส่งบ้านจะไปบอกศีลหรือบอกธรรม์ ศีลหวังว่าพราวพิลาสอาจจะยอมคืนดี เดินมาหาให้พากลับบ้าน พราวพิลาสเดินลงมาจากเวที ตรงไปหาจิรศักดิ์ก้มลงไปกระซิบ
“ไปส่งพราวกลับบ้านนะคะ”
จิรศักดิ์แทบกระโดดโลดเต้น ดีใจมาก
“ยินดีและดีใจที่สุดครับ”
จิรศักดิ์ลุกหันไปก้มหัวให้ธรรม์และศีล
“ขอตัวก่อนครับ”
จิรศักดิ์เดินเคียงคู่ออกไปกับพราวพิลาส ด้วยหัวใจพองคับอก ธรรม์กับศีลได้แต่นั่งเงียบ ผิดหวัง
เดือนรอพราวพิลาสเช่นเดิมมีพจน์มารอด้วยเพื่อที่จะบอกเรื่องศีล
“น่าสงสารทั้งคุณศีลและคุณธรรม์ ต่างก็รักคุณพราวด้วยกันทั้งสิ้น” เดือนเปรย
“แต่พจน์มีความเห็นว่าคุณพราวเหมาะกับคุณศีล เขาจะปกป้องคุ้มครอง คุณพราวได้แน่นอนตลอดไปครับ แม่เดือน”
“แต่เวลานี้เกิดมีคนใหม่มาแทรกกลางเสียแล้วน่ะสิลูกพจน์”
“ใครครับแม่เดือน”
เสียงรถแล่นมาในบ้านแล้วเงียบเสียง เสียงเปิดปิดประตูรถ
“มาแล้ว”
พจน์มองไปเห็นพราวพิลาสเดินคู่มากับจิรศักดิ์หน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ จิรศักดิ์รีบยกมือไหว้เดือนทันที
“สวัสดีครับ คุณแม่เดือน”
“ค่ะ สวัสดี” เดือนรับไหว้
จิรศักดิ์มองพจน์ พราวพิลาสแนะนำ
“คุณพจน์ น้องชายพราวเองค่ะ เพิ่งกลับมาจากอังกฤษค่ะ”
“สวัสดีครับ” พจน์ยิ้มแย้มทักทาย
จิรศักดิ์ยิ้มตอบ
“สวัสดีครับยินดีที่ได้พบครับ คุณพราวครับ ขอบคุณมากที่ให้ผมมาส่ง ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“เช่นกันค่ะ”
จิรศักดิ์ไหว้เดือนก้มหัวให้พจน์แล้วกลับออกไป ใจอิ่มเอมกะว่าเอาอยู่แล้ว พราวพิลาสหันกลับจะเข้าบ้าน เดือนสะกิดพจน์
“คุณพราวครับ” พจน์เรียกไว้
“ว่าอย่างไรหรือคุณพจน์ ขอโทษด้วยที่ตั้งแต่คุณพจน์กลับมา เราแทบไม่มีโอกาสพูดคุยกัน แต่พี่ก็ดีใจนะที่น้องกลับมาดูแลพวกเรา”
พราวพิลาสเดินต่อ พจน์เรียกอีก
“คุณพราวครับ วันนี้ผมไปแจ้งเรื่องผ่อนผันการเกณฑ์ทหารตอนไปนอกที่อำเภอมา”
“อ้อ แล้วอย่างไรล่ะ” พราวพิลาสแปลกใจว่ามาบอกทำไม
“ผมพบคุณศีลไปหย่ากับภรรยาที่นั่น”
“ช่างเขาเถิด ไม่เกี่ยวข้องกับเรา”
พราวพิลาสเดินต่อไป พจน์มองหน้าเดือนเซ็งไปเลย
วันรุ่งขึ้น...เมขลามาหาจิรศักดิ์ถึงห้าง
“การคบหาของผมกับคุณพราวพิลาสไปได้สวยมากทีเดียว”
“แปลว่าคุณจิรศักดิ์ก็เป็นอีกคนที่หลงรักมัน”
“ใช่ครับ ไม่ดีใจหรือครับที่ถ้าผมพรากเธอไปจากคุณศีลได้ คุณศีลก็ไม่ได้คุณพราว แม้จะหย่ากับคุณแล้ว”
“ดีใจค่ะ แต่ฉันไม่ได้หมายความว่ามันจะได้รับการเชิดชูเป็นคุณผู้หญิงของคุณ ก็แค่ได้มันแล้วเขี่ยทิ้งเหมือนเศษอาหารสิคะ”
“เสียใจด้วยและขอโทษ เพราะผมหวังสูงกว่านั้น ผมอยากมีภรรยาเป็นดอกฟ้าครับ ผมต้องการแสดงให้เห็นว่าจีนไทยในประเทศนี้ใช่อื่นไกลเรารักกันเสมอ”
“ฟังฉันนะคะ นังนั่นมันรักคุณศีลมันไม่มีวันรักคุณหรอก คุณไม่มีวันเอาชนะคุณศีลได้แน่ มันทำดีกับคุณประชดคุณศีล”
“ผมไม่สนใจ ผมจะอดใจรอให้ถึงวันนั้นก่อน เอาให้แน่ว่าผมไม่ได้ คุณศีลก็ต้องไม่ได้เช่นกัน”
“วันนั้นคงมาถึงในไม่ช้านี้แน่ๆค่ะ ฉันจะช่วยทำให้คุณได้มัน และนั่นคือความทุกข์ทรมานของมันและคุณศีล”
“ขอบคุณมากครับ นี่คือผลประโยชน์ร่วมกันของเราสองคน”
จิรศักดิ์พยักหน้า เมขลาขุ่นเคืองยิ่งนัก เธอรำพึงในใจ
“คนพวกนี้มันบ้า ทั้งที่รู้ว่านังพราวพิลาศมีตำหนิมันยังไม่รังเกียจแถมชื่นชม”
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)
พราวพิลาสกำลังเดินไปมาแถวหน้าตึก ลูกหนูวิ่งมาหา
“คุณน้าขา”
พราวพิลาสตกใจมองไปที่ลูกหนูวิ่งมาหา
“ลูกหนู มา...เอ้อ...”
พราวพิลาสนึกได้ว่าต้องมากับศีลแน่ๆ เธอจึงแสร้งไม่มองไปทางที่คิดว่าศีลจะมายืนอยู่
“มากับคุณพ่อสิคะ อยู่โน้น”
พราวพิลาสทำไม่มองตามแต่จูงลูกหนูเข้าไปในบ้าน
“เข้าไปในบ้านกันนะคะลูกหนู”
“คุณพราวยังโกรธเรา”
ศีลมองตามเงียบๆไม่ละความพยายาม
พราวพิลาสส่งลูกหนูให้เดือนที่กำลังจูงพริสซี่
“พริสซี่ขา น้าพราวพาเพื่อนมาเล่นด้วยค่ะ พี่ลูกหนูค่ะ”
“มาได้อย่างไรกันคะนี่” เดือนแปลกใจ
คุณหญิงสะบันงากับคุณหญิงศรีสบตากัน แบบเอาแล้วไง คุณหญิงศรีถอนใจ
“ใครจะพามาได้ ถ้าไม่ใช่พ่อมัน”
คุณหญิงสะบันงาหันมาถาม
“แล้วศีลไปไหน”
“พราวไม่ทราบค่ะ ไม่เห็น เห็นแต่ลูกหนูวิ่งมาหาพราว”
คุณหญิงศรีกระซิบ
“เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง งอนพ่อแต่เอ็นดูลูก”
“พราวขอฝากแกไว้ด้วยนะคะ”
“โตขึ้นมากนะคะ ลูกหนูมาหาย่าสิคะ” คุณหญิงสะบันงาเรียก
คุณหญิงศรีกระซิบ
“แผนการง้อโดยเอาเด็กมาเป็นตัวเชื่อมละสิ แผนสูงดีนักต้องให้คนของเราเอาเสียให้เข็ดทีเดียว”
ศีลเดินเข้ามากราบสองคน
“กระผมนำรายงานการประชุมมาให้นายแม่กับคุณท่านดูขอรับ”
ศิลปะรายตามองพราวพิลาส
“พี่ธรรม์กำลังมา พราวขอตัวก่อนนะคะนายแม่ คุณป้า”
พราวพิลาสไม่เหลือบแลศีลแม้แต่น้อยเดินจากไป เดือนแอบถอนใจ คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงาสบตากันอีกครั้ง ศีลทำหน้าบอกไม่ถูก
ในห้องเปียโน...ธรรม์สีไวลิน พราวพิลาสเล่นเปียโนทำหน้าตานิ่งเฉย คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงามาแอบมอง
“คุณพี่ขาดิฉันอ่อนอกอ่อนใจกับคุณพราวจริงๆนะคะ ดูเธอทำตัวสิคะร้ายกาจขึ้นทุกวัน”
“มันก็ต้องมีร้ายกาจกันบ้างสิ หาไม่จะโดนกระทำร้ายกาจใส่แต่เพียงฝ่ายเดียว อย่าไปกังวลอ่อนอกอ่อนใจ ให้เธอศอกกลับคนทำร้ายเธอให้สาสม แล้วเธอก็หายงอนเองสักวัน เพียงแค่ระวังอย่าให้ไปพลาดท่าเสียที่นายเสี่ยนั่นเสียก่อน”
คุณหญิงสะบันงามองไปแล้วตบอกผาง
“ดูนั่นสิคะ ช่างตายอยาก พูดถึงก็มาทันที”
คุณหญิงศรีมองตามแอบหัวเราะ
“หนึ่งหญิงสามชาย จะเลือกใครดีหนอ แม่สาวน้อยคนงามพยศมากของฉัน”
ในห้องโถงบ้านเจ้าคุณ เดือนดากับเด็กๆกำลังมุงดูตู้สเตอริโอรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับเล่นแผ่นเสียงมีอัดเสียงได้ด้วย เดือนตื่นเต้น
“เคยเห็นแต่ที่หน้าตาคล้ายกระโถนปากแตร ไม่เคยเห็นเป็นตู้แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ”
“แล้วไอ้ที่เอาเสียงของเราพูดกันไปเก็บไว้แล้วมาเปิดซ้ำได้อีกนั่นเล่าคะ ประหลาดแท้ๆ” ดาแปลกใจ
จิรศักดิ์ยิ้มแย้มอธิบาย
“นี่แหละครับเครื่องอัดเสียง ของญี่ปุ่นเขา กำลังจะเอามาตีตลาดฝรั่งในเมืองไทยครับ”
คุณหญิงสะบันงา คุณหญิงศรี พากันมา จิรศักดิ์รีบมาไหว้เรียบร้อย
“อะไรกันนี่คุณจิรศักดิ์” คุณหญิงสะบันงาถามอย่างสงสัย
“ที่ห้างของผมขายเครื่องไฟฟ้าส่งมาจากญี่ปุ่นครับ ผมอยากให้มาทดลองใช่กันดูครับ”
คุณหญิงศรีมองๆ
“แหม...ถ้าจะแพงโขอยู่นะ จะเที่ยวเอามาให้กันง่ายๆจะไม่เหมาะกระมัง ราคาเท่าไหร่ เราจะจ่ายเงินให้ดีกว่า”
“เอ้อ...ไม่เป็นไรมิได้ครับ ผมเป็นตัวแทนจำหน่ายราคาต้นทุนไม่แพงเท่าไหร่หรอกครับ ถ้าหากสนใจเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ผมค่อยเก็บเงินนะครับ”
คุณหญิงศรีรู้ทัน
“กล้าให้ก็กล้ารับ แต่อย่าหวังทีเดียวนะว่าจะมารอสิ่งอื่นตอบแทนจากการให้”
จิรศักดิ์ชะงักไปนิด
“ไม่มีหรอกครับ ไม่มีครับ”
คุณหญิงสะบันงายิ้มรับ
“ขอบใจมากที่มีน้ำใจ แม่ดาไปหาอาหารว่างมาให้คุณจิรศักดิ์รับประทานสิจ้ะ”
“เอ้อ...คือผมมารอรับคุณพราวครับ เธอจะไปดูทองที่ร้านทองของผมครับ”
คุณหญิงศรีมองหน้าคุณหญิงสะบันงาอีกรอบกระซิบ
“แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่า หัวบันไดไม่แห้ง”
ศีลวนเวียนมาแต่ทำมาหาคุณหญิงสะบันงากับคุณหญิงศรีเอาลูกหนูมาด้วยแทบทุกครั้ง พอพราวพิลาสเห็นศีลก็ทำเมินไปทางอื่น จูงลูกหนูไปจากที่นั่น
“ไปกันเถิดค่ะลูกหนูไปกินขนมกับคุณย่านายแม่นะคะ”
ศีลมองตามสายตาวิงวอน ธรรม์เดินเข้ามาหาพราวพิลาส
“เชิญค่ะ ไปรอพราวที่มิสแม่รี่นะคะ สักครู่พราวจะตามไปค่ะ”
ธรรม์เดินจากไปยิ้มแย้ม ก้มหัวให้ศีลนิดหนึ่ง ธรรม์ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นไป จิรศักดิ์มาพร้อมด้วยลูกน้องมีข้าวของเป็นกล่องเป็นกระเช้าเดินตามมา
“ผมเอาของที่เพิ่งลงมาจากเรือที่ มาจากไต้หวันมาฝากคุณหญิงกับคุณท่านครับ คุณพราว”
“ขอบคุณมากค่ะ รบกวนแท้ๆ เชิญด้านในค่ะ นายแม่กับคุณป้านั่งคุยกันอยู่ค่ะ”
จิรศักดิ์ยิ้มย่องมีลูกน้องขนของตามไป พราวพิลาสเดินจูงลูกหนูต่อไป
“คุณน้าไม่พูดกับคุณพ่อ”
“คุณย่ากับน้องพริสซี่รออยู่นะคะ รีบไปเถิดค่ะ”
“คุณพ่อหน้าเศร้าทุกวัน”
พราวพิลาสชะงักนิดหนึ่งแล้วเดินต่อไป ศีลมองตามแอบถอนใจจะเดินกลับ พจน์ก้าวออกมา
“คุณศีลครับ”
“คุณพจน์ มีอะไรให้ผมรับใช้”
“มิบังอาจ แต่ผมมีบางอย่างอยากจะขอปรึกษาเชิญทางนี้ครับ”
ศีลฟังแล้วงง
พจน์กับศีลคุยกันเรื่องงานที่มุมหนึ่งในบ้านเจ้าคุณ
“ผมเห็นด้วยกับคุณพจน์เรื่องตั้งโรงงานเริ่มต้นจากเล็กๆผลิตไส้กรอก ชีส เบคอน แฮม ส่งขายทั่วไปรวมถึงในห้างของเราด้วย แต่เราต้องมีการประชาสัมพันธ์ที่ดี ที่ร้านอาหารของผมในโรงแรมผมก็จะรับไปให้เชฟประกอบอาหารให้แขกรับประทาน”
“ขอบคุณมากครับที่รับข้อเสนอของผม เราจะไปเรียนเรื่องนี้กับนายแม่และคุณป้าด้วยกันนะครับ”
“ครับ คุณพจน์โตเป็นผู้ใหญ่มากจริงๆนะครับ น่าภูมิใจแทนแม่เดือนนะครับ”
“คุณศีลเก่งกว่าใครๆเช่นกันครับ ตอนเด็กๆคุณป๋ากับนายแม่และคุณป้าชมคุณศีลให้ผมฟังเสมอครับ ผมเลยอยากเก่งเหมือนคุณศีล”
“ตอนนี้คุณพจน์เก่งกว่าผมแล้วนะครับ เอ้อ...มีอะไรกับผมอีกไหม ถ้าไม่มีผมขอตัว”
“มีครับ คุณศีลก็เปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่งของผม ผมอาจจะไม่ได้สนิทสนมกับคุณศีล แต่ผมรู้จักคุณศีลดีว่าเป็นคนจริงใจมั่นคงตรงไปตรงมา ผมไม่ได้ทราบเรื่องราวส่วนตัวของคุณศีลมากนักนอกจากจะได้ฟังจากแม่เดือนแม่ดา ผมเข้าใจและเห็นใจคุณศีลมากครับ”
ศีลอึ้งไปมองพจน์แบบทึ่ง
“ขอบคุณมากครับที่เข้าใจเห็นใจผม ไม่ประณามผม”
“มันเรื่องของชะตากรรมที่บีบบังคับให้เป็นไป เอ้อ...คุณจิรศักดิ์ไม่มีความสำคัญสำหรับคุณพราวหรอกครับ เขาก็แค่เพื่อนที่เธอเอามาบังหน้าเพื่อประชดคุณศีล”
“คุณพจน์ กำลังจะบอกอะไรผม”
“คุณธรรม์ แม้มีความสำคัญในฐานะที่ครอบครัวเราสนิทสนมกัน ตอนนี้ คุณพราวเธอมองคุณธรรม์ในฐานะพี่ชายผู้ใจดีของเธอส่วนคุณศีลคือคนพิเศษสำหรับเธอ เพียงคนเดียว”
“ขอบคุณที่มองเช่นนั้น ผมเคยทำร้ายเธอ เธอเคยอภัยให้ผม แต่นี่ครั้งที่สอง เธอเจ็บจนเกินอภัยให้ผมครับ”
“คุณรักพี่สาวผมมากแค่ไหน คุณจะยอมเสียเธอปล่อยเธอไปให้ประชดคุณด้วยการโฉบไปโฉบมากับคนที่ไม่มีความสำคัญกับเธอแม้แต่น้อย เธองอนคุณต่างหาก”
“คุณพจน์ ช่างมีน้ำใจต่อผม”
“ผมรักพี่สาวผม คุณพราวเธอได้รับการทะนุถนอมจากทุกคนในบ้านเธอสมควรได้รับต่อไปจากคนที่รักเธอต้องการทะนุถนอมเธอ ผมบอกคุณได้แค่นี้ แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าคุณสมควรทำเช่นไร แม้การกระทำที่ผ่านมามองผิวเผินจะดูว่าคุณทำผิดต่อเธอ แต่คุณคือข้อยกเว้นสำหรับทุกคนที่นี่ ไม่มีใครโกรธเคืองคุณ ทุกคนพึงพอใจที่จะให้คุณดูแลคุณพราว พวกเรากำลังรอวันนั้น”
“ขอบคุณมากครับคุณพจน์ ขอบคุณเหลือเกินที่ชี้ทางสว่างให้ผม”
พจน์ยิ้มให้ศีลอย่างมีไมตรี
ในห้องนั่งเล่นวันใหม่...คุณหญิงศรี คุณหญิงสะบันงา เมี้ยน นั่งวิจารณ์พราวพิลาส
“ดิฉันจะอกแตกตายแล้วค่ะคุณพี่ คุณพราวเธอทำฤทธิ์เดชมากมายระยะนี้ เห็นคุณศีลเธอก็งอนทำไม่เหลือบแลมอง แต่แอบน้ำตารื้น” คุณหญิงสะบันงาบ่น
“กับคุณธรรม์หวานใส่แต่แอบปรายตาไปมองทางหน้าต่างว่าคุณศีลมาหรือยัง” เมี้ยนบอก
คุณหญิงศรีหนักใจ
“กับตาเสี่ยจิรศักดิ์ก็ทำควงเล่นประชดศีลมันเสียอย่างนั้น เด็กคนนี้ไม่ฟังใครยิ่งกว่าคุณแพรวเสียอีกน่าหนักใจนัก”
วันรุ่งขึ้น พราวพิลาสมาเดินเล่นบริเวณหน้าตึก ใจจริงมารอศีลที่จะพาลูกหนูมา เมื่อศีลมาจริงๆกลับเมินเฉยแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นศีลมาคนเดียว
“มารอรับลูกหนูหรือครับ”
ศีลยิ้มให้ พราวพิลาสทำไม่เห็นเดินหนีไปหาธรรม์ที่ถือไวโอลินเดินมาพอดี
“พราวกำลังมารอพี่ธรรม์อยู่พอดีค่ะ”
ศีลทำไม่รู้ไม่ชี้ก้มหัวให้ธรรม์ แล้วเดินลิ่วไปในตัวตึก พราวพิลาสแอบปรายตามอง ธรรม์เองก็สังเกตว่าพราวพิลาสแอบปรายตามองศีล จิรศักดิ์มาพร้อมของกำนัลอุ้มหอบมาเช่นเคย
“คุณพราวครับ”
พจน์จากอีกด้านมาเชิญจิรศักดิ์ไปกินอาหารว่าง
“คุณจิรศักดิ์ครับ ผมมีเรื่องจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า”
“คุณพจน์ต้องการให้ผมแนะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนอย่างไรได้ทั้งนั้นครับ”
“ขอบคุณมากครับ เชิญทางนี้ครับ”
จิรศักดิ์เดินตามพจน์ไป ยิ้มย่องว่าพจน์พอใจเขามาก
ในห้องนั่งเล่น...คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงา มองศีลที่มาคุกเข่ากราบเท้าตรงหน้า
“กระผมมากราบขอขมานายแม่ และคุณท่านขอรับ”
“เรื่องอะไรหรือ” คุณหญิงสะบันงาแปลกใจ
“เรื่องคุณพราวขอรับ”
คุณหญิงศรีคุณหญิงสะบันงาสบตากันว่าศีลจะมาไม้ไหน
“พ่อคนความรู้สึกช้า พ่อทำการย่ำยีทำร้ายจิตใจดวงตาดวงใจของพวกเรามานานนับปี มีหรือจะเพิ่งรู้สึกว่าต้องการมาขอขมากันในวันที่มันล่วงเลยมาถึงเพียงนี้ จะแก้ตัวว่าอย่างไร” คุณหญิงศรีไม่พอใจ
“ไม่มีคำแก้ตัวใดๆขอรับ กระผมผิดทุกประการ คุณพราวเธอไม่ได้รู้เห็นเป็นใจแม้แต่น้อย กระผมบังอาจใช้ความเป็นชาย ใช้ความรักที่เธอมีต่อผมก่อให้เกิดเรื่องมิบังควร แทนที่กระผมจะยับยั้งชั่งใจกลับเผลอไผลไปล่วงเกินเธอ”
“นายแม่เข้าใจ”
คุณหญิงศรีกระตุกไม่ให้คุณหญิงสะบันงายอมใจดีง่ายๆ
“ย่ะ เผลอไผลไปเสียนานนะยะ ถ้าท่านเจ้าคุณรู้ ยังอยู่ท่านคงเสียใจมากนะยะ”
“ใช่ขอรับ กระผมเลวทรามต่ำช้าอกตัญญูอยู่ไม่รู้คุณท่านทุกคน”
คุณหญิงสะบันงาไม่สบายใจ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกศีล ศีลตอบแทนพวกเรามากมาย ดูแลห้างดูแลทรัพย์สินเป็นที่ปรึกษาสารพัด”
“ย่ะ นายแม่เขาใจอ่อนกว่าฉัน แต่ก็จริงของเขา ศีลเธอกตัญญูมาตลอด ความกตัญญูหายาก คนสมัยนี้ดีแต่จะฉกฉวย ไม่มีใครเสียหายเพราะกตัญญู เราอภัยให้เธอ”
“อ้าวคุณพี่ กลับเป็นเสียเอง”
ศีลก้มลงกราบยินดีในหัวใจนัก
พราวพิลาสเล่นเปียโน ธรรม์สีไวโอลิน แต่แบบผิดๆเพราะใจคิดถึงศีล ว่าเขามาหาแม่กับป้าทำไม ธรรม์ก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ โพล่งขึ้นมา
“คุณศีลดูยิ้มย่องไม่หมองเศร้าแปลกแท้ๆ”
สุดพราวพิลาสหยุดเล่นเปียโน
“พราวเล่นผิดอีกแล้ว ขอโทษด้วยนะคะมิสแม่รี่”
“พี่ก็สีผิดเหมือนกันครับ”
สองคนมองหน้ากัน เงียบๆใจไปอยู่ที่ศีลว่าไปทำอะไรกันแน่
ศีลกราบกราบคุณหญิงศรี กับคุณหญิงสะบันงาอีกครั้ง
“ขอบพระคุณเป็นที่สุดขอรับ ที่อภัยให้กระผม”
คุณหญิงศรีมองค้อน
“ย่ะ เพราะเรามันเป็นคนดีมาตลอดตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ มาดีแตกอีตรงที่เสียรู้แม่เมขลาสองเที่ยวสามเที่ยวไม่หลาบจำไอ้ฉันน่ะก็ให้รู้สึกมานานแล้วว่าเด็กคนนั้นมันจะมาก่อปัญหาให้ เพราะใจมันริษยาอาฆาตชัดเจนเห็นออกนอกหน้า พยายามจะช่วยเราแล้วให้เบนมาทางคนของพวกฉัน แต่เราก็ดันไปตกหลุมนรกเสียก่อน เฮ้อ…”
“ศีลดีเกินไปกว่าที่จะอยู่ใกล้ชิดคนคิดร้ายอย่างเมขลา” คุณหญิงสะบันงายิ้มให้
“ไม่มีใครเสียหายเพราะทำดี แต่อย่าดีจนโง่จะกลายเป็นเครื่องมือของคนชั่ว อย่ามีนิสัยขี้สงสารไม่เข้าเรื่อง อย่าอิจฉาใครอย่างผิดๆทำดีต่อคนดี พยายามผูกมิตรกับคนชั่วเพื่อกล่อมเกลาให้เขารู้จักความดี” คุณหญิงศรีสอน
“คุณพี่ร่ายยาวเลยนะคะ ศีลมาขอขมาแค่นี้ใช่ไหม”
“มิได้ขอรับ ผมมาขอคุณพราวด้วยขอรับ”
“อะไรนะ” คุณหญิงสะบันงาตะลึง
“นี่แหละสำคัญกว่าอื่นใดละสิ.. เฮ้อความรักมักทำให้คนมีเล่ห์เหลี่ยม ที่แท้จะมาขอลูกสาวเขา” คุณหญิงศรีตบเข่าฉาด
“คือตอนนี้ผมเป็นไทแก่ตัว หย่าขาดจากเมขลาแล้วขอรับ”
“ทราบแล้วตั้งแต่วันที่ไปหย่า คุณพจน์เธอมารายงานย่ะ”
“กระผมไม่ได้บังอาจมาสู่ขอโดยลำพังแบบไม่ให้เกียรตินะขอรับ กระผมได้ไปกราบเรียนปรึกษาท่านนายกรัฐมนตรีให้มาเป็นเจ้าภาพสู่ขอคุณพราวเป็นทางการท่านรับปากขอรับ”
คุณหญิงศรีกับคุณหญิงสะบันงามองหน้ากันยิ้มปลื้มใจ
“แหม...ทำไมต้องไปถึงท่านนายก”
“ก็แหม..ศีลเขามีผู้ใหญ่ที่เคารพที่สุดคือเราสองคน แล้วจะให้เขามาบอก เราให้มาสู่ขอคุณพราวเองได้อย่างไร เอาละอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้คุณพราวเธอตัดสินใจเองย่ะ พ่อตัวดี ทีนี้หัวบันไดบ้านจะได้แห้งเสียที” คุณหญิงศรีบอกอย่างพอใจ
คุณหญิงสะบันงายิ้มให้
“นายแม่จะไปถามความสมัครใจของคุณพราวก่อนแล้วค่อยมารับคำตอบ เชิญท่านนายกมา”
“ขอบพระคุณขอรับ” ศีลอิ่มเอมใจนัก
ศีลเดินออกมาจากตึก ท่าทางสบายใจมากมาย สวนกับจิรศักดิ์และพจน์
“ขอบคุณมากที่ให้คำแนะนำกับผมเรื่องเครื่องให้ใช้ไฟฟ้า ผมจะสั่งซื้อมาใช้ในโรงงานผลิตอาหารฝรั่งของเรา” พจน์บอกกับจิรศักดิ์
“ยินดีและขอบคุณมากที่ให้เกียรติ อ้าว คุณศีลจะกลับแล้วหรือครับ” จิรศักดิ์หันไปมองอย่างแปลกใจ
“ครับ ผมขอตัว”
ศีลยิ้มแย้มเดินออกไป จิรศักดิ์มองตามศีลให้สงสัยว่าทำไมศีลดูปลดเปลื้อง
“วันนี้คุณศีลดูสดใสมากผิดปกติ” จิรศักดิ์งงๆ
“ผมว่าที่ผ่านมาต่างหากที่เขาผิดปกติ แต่วันนี้สิ เขาไม่ผิดปกติกลับไปเป็นคุณศีลคนเดิม”
“ทำไม”
พจน์ยิ้มๆไม่ได้พูดว่าอะไรต่อ จิรศักดิ์ยังสงสัยว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ แล้วเขาจะต้องรู้ให้ได้
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)
พราวพิลาสฟังคุณหญิงสะบันงาเล่าเรื่องศีลจบแล้ว หัวใจพองโต แต่ทำหน้าสงบนิ่ง
“คุณพราวจะว่าอย่างไรคะ” คุณหญิงสะบันงาถามความเห็น
“พราว พราวเอ้อ... พราวยังคิดไม่ออกค่ะ”
“คุณพราวรักเขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาให้เขาดูแลไปจนตายไหมลูกถ้าใช่...แม่ขอแนะนำให้ตกลง ถ้าไม่ใช่ก็ปฏิเสธเขาไปดีๆแม่จะบอกกับเขาเอง”
พราวพิลาสน้ำตารื้น คุณหญิงสะบันงาดึงเธอมากอดแนบอก คิดถึงตัวเองที่ไม่ยอมเอ่ยปากบอกรักเจ้าคุณ กระทั่งมาถึงวาระสุดท้ายจึงยอมเอยปากบอกรัก มันจึงสายเกินไป
“ทิฐิกับความรักมันมักจะพาให้เสียใจภายหลัง แม่เคยดื้อดึงกับคุณป๋า เพราะเข้าใจผิดมาแล้ว ไม่ยอมเอ่ยบอกคำว่ารักที่คุณป๋ารอคอยมาแสนนาน มาบอกเอาตอนที่คุณป๋ากำลังจะจากไป คิดถึงทีไรใจคอหดหู่ หนูตัดสินใจเองนะ แม่ไม่บังคับ แม่รักลูกมากอยากเห็นความสุขของลูกนะทูนหัว”
คุณหญิงสะบันงากอดพราวพิลาสแล้วหอมแก้มก่อนเดินออกจากห้องไป พราวพิลาสนั่ง คิดเงียบๆอยู่ตามลำพัง
คุณหญิงศรีพูดกับคุณหญิงสะบันงาเบาๆ
“ถ้าฉันเป็นยัยพราวจะตกลง เพราะทั้งรักและทั้งเสียความบริสุทธิ์ให้แก่เขาไปแล้ว”
“ดิฉันก็คิดเช่นนี้ค่ะ แต่ก็เดาใจเธอไม่ถูกเธอขึ้นๆลงๆเสียเหลือเกิน”
พราวพิลาสเดินมาหน้าตานิ่งเช่นเคย มาหาทั้งสองคน นั่งลงตรงหน้าทั้งสองคน
“พราว พราวตกลงค่ะ นายแม่ คุณป้า”
ทั้งสองดีใจเป็นที่สุด ก้มลงไปดึงพราวพิลาสมากอดไว้น้ำตารื้นทั้งสามคน
ศีลมาฟังคำตอบ หน้าตามีความหวัง พจน์ยืนรออยู่ก่อน ยื่นมือออกมาหา
“ยินดีด้วยครับว่าที่พี่เขยของผม”
“คุณพจน์พูดอะไร”
“รีบเข้าไปพบนายแม่กับคุณป้าไวๆเถิดครับ”
ศีลรีบเข้าไปแล้วชะงัก เห็นม่านไวๆกำลังโดนปิด ศีลกับพจน์ ยิ้มให้กัน เสียงเปียโนเพลงร่าเริงดังขึ้นยิ่งทำให้ศีลมีกำลังใจมากขึ้น
พราวพิลาสเล่นเปียโนเพลงร่าเริง ธรรม์เดินเข้ามาแปลกใจพราวพิลาสเล่นจนจบแม้หน้าจะสงบแต่ดวงตาสุกใส
“วันนี้คุณพราวเล่นเพลงร่าเริง ดวงตาก็สดใส”
“ค่ะ พราวเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
พราวพิลาสลุกมาจับมือธรรม์สองมือไว้สบตายิ้มให้
“พราวกำลังจะแต่งงานกับคุณศีลค่ะ”
“คุณพราว”
“ค่ะ ขอบคุณที่รักพราวดีกับพราวเสมอมา”
ธรรม์น้ำตาซึม พยักหน้า
“พี่ยินดีด้วย พี่จะกลับไปฝรั่งเศสไปเล่นดนตรีและคงจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก ลาก่อน”
ธรรม์ยกมือพราวพิลาสมาจูบ แล้วเดินกลับออกไป พราวพิลาสมองตามเงียบๆดวงตายังคงสดใส
ศีลนั่งอยู่กับคุณหญิงศรี และคุณหญิงสะบันงา หน้าตามีความสุขใจเต้นไปนอกอก
“กระผมดีใจที่สุดในโลกขอรับ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ผมต้องการมากไปกว่าได้ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพราวดูแลปกป้องคุ้มครองเธอไปกว่าชีวิตจะหาไม่ขอรับ”
“แหมวันนี้พูดยาวๆเป็นนะศีล ทางเราเห็นควรว่า ในฐานะที่ศีลเป็นพ่อหม้ายการแต่งงานครั้งใหม่ควรกระทำกันเงียบๆ จัดงานกันเฉพาะเรากันเองในครอบครัวที่บ้าน” คุณหญิงศรีขำๆ
“แล้วให้ศีลมาอยู่ที่นี่ในเรือนใหญ่ หลังนี้ เป็นเพื่อนนายแม่ นายแม่ดีใจมากที่ได้ศีลมาเป็นลูกเขย” คุณหญิงสะบันงายิ้มให้
“ขอรับขอบพระคุณมากที่ให้เกียรติกระผม กระผมจะดูแลนายแม่ให้ดีที่สุดขอรับ”
ศีลยิ้มอิ่มเอมในหัวใจยิ่งนัก
พราวพิลาสหยุดเล่นเปียโนนั่งครุ่นคิดสีหน้ายิ้มแย้ม ศีลเดินเข้ามาเบื้องหลัง
“ผมอยากฟังเปียโน เพลงร่าเริงเมื่อสักครู่ที่จู่ๆก็หยุดไปเสียเฉยๆ”
พราวพิลาสหันขวับมาทั้งอายทั้งงอนทั้งทำตัวไม่ถูก ศีลเดินตรงเข้ามากอด พราวพิลาสอิงแอบศีล
“คุณพราวยอดรัก ในที่สุดความฝันของเราสองคนก็เป็นจริงแล้วนะครับ นับแต่นี้ต่อไปเราจะได้กินอาหารเข้าด้วยกัน หลังจากแต่งงานกัน เราจะกินอาหารด้วยกันทุกมื้อ ต่อไปเราจะมีลูกตัวน้อยๆมาให้รักใคร่ชื่นชม ดูแลตอนที่เรากินอาหารด้วยกัน”
“คุณศีลพูดเองเออเองเอาคนเดียวแท้ๆ”
“ถึงแม้คุณพราวจะไม่เอ่ยออกมาเป็นคำพูด ผมก็ทราบดีว่าคุณพราว เออออห่อหมกกับผมด้วย เราจะดูแลกันและกันไปจนว่าจะตายจาก นะครับ”
“ค่ะ พราวขอตายก่อน ถ้าพราวตายทีหลังจะไม่มีใครดูแลพราว”
ศีลยิ้มกอดพราวพิลาสไว้
คุณหญิงศรี กับคุณหญิงสะบันงา แอบมองพราวพิลาส ยิ้มมีความสุข
“สบายใจแล้ว ใช่ไหม สะบันงา”
“ค่ะ ขอบพระคุณคุณพี่ที่จัดการทุกอย่างให้คุณพราว”
“แน่ละสิ ฉันมันไม้ใกล้ฝั่ง ถ้าไม่รีบจัดการทุกย่างให้เรียบร้อยก่อนตามไป หาคุณเจ้าคุณ ถ้าไม่ทำให้เรียบร้อยแล้ว จะบอกเขาว่าว่าอย่างไรกัน นี่ใคร จะแจ้งข่าวให้ยัยพริ้มกับยัยแพรวรู้”
“คุณพจน์ค่ะ”
สองคนยิ้มแย้ม
ในงานแต่งงาน... พราวพิลาสกับศีลถือทัพพีตักข้าวใส่บาตรพระร่วมกัน
“ถือด้านบนผมครับคุณพราว ผมยอมเป็นเบี้ยล่างของคุณพราว”
ศีลกระซิบ ทุกคนมองยิ้มแย้ม แพรวพรรณรายกระซิบพอล
“ถ้าใครแต่งงานแล้วถือทัพพีด้านบน แปลว่าคนนั้นจะเป็นใหญ่กว่าอีกคน”
“ยูไม่ได้ใส่บาตร ไอก็ไม่เคยใหญ่กว่ายูนะแพรวพรรณราย”
สองคนยิ้มแย้มมองพราวพิลาสกับศีล พจน์พากินรีมาแนะนำ
“คุณป้า นายแม่ นี่กินรีครับ”
กินรีไหว้ทุกคนรอบทิศ
“สวัสดีจ้ะกินรี”
คุณหญิงศรีกระซิบ
“เรากำลังจะได้สะใภ้แล้วสะบันงา”
ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสุขมาก
พริ้มเพราจับมือพราวพิลาสที่มีศีลยืนเคียงข้าง
“พี่ยินดีด้วย คนที่ทำดีย่อมสมหวังเสมอ แม้อาจช้าหรือว่ามีอุปสรรคขวากหนาม พี่มายินดี และจะกลับไปปฏิบัติธรรมต่อเสียตอนนี้
“ขอบคุณมากครับ คุณพริ้ม”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณพริ้มคำสอนของคุณพริ้ม ทำให้พราวทำใจให้สงบได้มากจริงๆค่ะ”
พริ้มเพราหันไปยิ้มกับอุดร พร้อมเดินทางกลับปานวาดเข้ามาจับมือพราวพิลาสส่งไวโอลินให้
“พี่ธรรม์เขาฝากของขวัญมาให้ ไวโอลินที่เขารักมากที่สุด เขาฝากมาให้คุณพราวรักมันด้วย”
“ฝากขอบคุณพี่ธรรม์ด้วยค่ะ คุณน้าปานวาด ตอนนี้เธออยู่ฝรั่งเศสแล้วใช่ไหมคะ”
“จ้ะ ยินดีด้วยนะ คุณศีล คุณคือเจ้าบ่าวที่โชคดีที่สุด”
“ขอบพระคุณมากครับ” ศีลยกมือไหว้
จิรศักดิ์เดินหอบข้าวของเข้ามาถึงหน้าตึก แปลกใจเห็นผู้คนพลุกพล่านไปหมด จิรศักดิ์จะเข้าไปในตึก เมี้ยน เดินมาหา
“คุณตู้ทอง เอ๊ย คุณจิรศักดิ์เอาอะไรมาอีกแล้วค่ะ”
“ของเพิ่งลงมาจากเรือครับ เอ้อ ที่นี่คนพลุกพล่าน มาก ราวกับกำลังจัดงาน อะไรสักอย่าง”
“แหม ทายถูกแล้วค่ะ ที่นี่กำลังจัดการเงียบๆเล็กๆค่ะ”
“วันเกิดคุณหญิงหรือครับ”
“วันแต่งงานของคุณพราวกับคุณศีลค่ะ”
จิรศักดิ์ตะลึง
จิรศักดิ์ไปหาเมขลาที่บ้าน เล่าเรื่องศีลแต่งงานกับพราวพิลาส ตะลึงไปชั่วขณะ
“คุณศีลแต่งงานกับนังพราวพิลาส”
แล้วเมขลาก็ระเบิดหัวเราะ ใส่หน้าจิรศักดิ์
“ไม่น่าเลย คุณพราวเธอออกไปกับผมทุกวัน ยอมให้ผมไปส่งถึงบ้านแทบทุกคืน ผมสู้อดใจรอวันได้แต่งงานกับเธอ”
“อยากไม่เชื่อกันนี่นา มีโอกาสตั้งมากมาย ไม่ทำลายมันเสียก่อน แล้วจะมาเสียใจเอาภายหลัง”
“ไหนคุณว่า ยังมีโอกาส ไหนว่าเราจะร่วมมือกัน”
เมขลามองหน้าจิรศักดิ์ ยิ้มให้
ศีลจูงมือพราวพิลาสเข้ามาในร้านอาหาร สุกิจนำทัพคนในร้านออกมาพบ
“ยินดีด้วยกับนักร้องคนสวย และเจ้านายคนเก่งของเรา”
ทุกคนเฮฮา จิรศักดิ์แทรกกายเข้ามาในร้านเชนกัน มายืนตรงหน้าทั้งสอง
“ยินดีด้วยครับ คุณศีล คุณพราว เสียใจมากที่ไม่ได้รับเชิญไปงาน”
“เราจัดกันภายในครอบครัว เท่านั้นเองค่ะ”
เมขลาเข้ามาอีกคน เดินมาหาจิรศักดิ์
“ฉันมาฟังเพลงค่ะเสี่ย อ้อ ยินดีด้วยนะพราวพิลาส หวังว่าคงมีความสุขจากการแทะเศษเลยที่ได้ไปนะ”
“เอ๊ะ”
ศีลไม่พอใจ พราวพิลาสกระซิบเบาๆ
“กลับบ้านไปดูลูกหนูนะคะ แล้วกลับมารับพราวให้ตรงเวลาด้วย ไปสิคะ ได้โปรด พราวจะไปร้องเพลงแล้วค่ะ”
พราวพิลาสเดินไปบนเวที ศีลหันกลับ เมขลากับจิรศักดิ์พากันไปนั่งด้วยกัน
เมขลานั่งกับจิรศักดิ์ มีเสียงเพลงและเปียโนของพราวพิลาสดังมา สองคนต่างมีความไม่พอใจสะสม
“เราจะทำอย่างไรกันมันดีคะ”
“ทำให้ผมและคุณสมหวัง แต่ตอนนี้....”
จิรศักดิ์หันไปบอกพนักงาน
“เอาแชมเปญมาทั้งขวด ไม่ใช่แก้วนะ”
ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนชนแก้วสบตากันมีแววอาฆาตชิงชังต่อพราวพิลาสทั้งสองคน
“เชียร์ส พราวพิลาสจงพินาศ”
พราวพิลาสร้องเพลงไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตอีกต่อไปแล้ว
หลายวันต่อมา ดาจูงลูกหนูกับพริสซี่เดินอยู่ เมี้ยนกับพราวพิลาสเล่นกับเด็กด้วยกันโยนบอลกันไปมา สนุกสนานพราวพิลาสชะงัก เมื่อเห็นเมขลาเดินเข้ามา ไม่พูดจากับใคร
“ลูกหนูแม่มารับกลับบ้านเรา วันเสาร์อาทิตย์”
“หนูไม่ไป คุณแม่ดุ”
เมขลาตรงมากระชากแขนลูกหนูจากมือพราวพิลาสโดยแรง
“เอ๊ะ! เด็กคนนี้บอกให้ไปกับแม่”
“คุณขา พูดจากับเด็กมันต้องสุนทรอ่อนหวานค่ะ เด็กนะคะ ไม่ใช่ยักษ์มาร” เมี้ยนพูดอย่างอดใจไม่ไหว
“ยุ่ง”
เมขลากระชากดึงแขนลูกหนูที่ร้องไห้ออกไปแบบโดนดึงลาก พริสซี่ไม่พอใจ ตะโกนตาม
“นางยักษ์ นางยักษ์”
“ดูสิคะ เธอปากร้ายเหมือนคุณแพรวเลยค่ะ ตัวนิดเดียวว่าคนเจ็บๆเป็นแล้ว”
ดาส่ายหน้า พราวพิลาสมองตามหนูสงสารเต็มอก
หนึ่งเดือนต่อมา พราวพิลาสนอนอยู่ในอ้อมแขนของศีลอย่างมีความสุข หลับพริ้มเหมือนเด็กๆศีลมองพราวพิลาสแล้วจูบที่หน้าผาก พราวพิลาสลืมตายิ้มหวานให้
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ”
“วันนี้นักรัองตื่นสาย”
พราวพิลาสลุกพรวดขึ้นมา
“ตายจริง วันนี้คุณแพรวจะกลับอินเดีย”
พราวพิลาสลุกพรวดแล้วเซซังกุมหัว ศีลพรวดตามไปประคอง
“คุณพราว”
“พราว เวียนหัว พราวคลื่นไส้”
พราวพิลาสแหวะ ศีลดูออก มองอย่างตื่นเต้นยินดีมาก
แพรวพรรณรายลาคุณหญิงสะบันงากับคุณหญิงศรี ดาอุ้มพริสซี่อญุ่ใกล้ๆ
“แพรวกลับไปดูไร่ชาก่อนนะคะนายแม่ คุณป้า”
“แต่ทิ้งพริสซี่ล่าไว้ให้เราสองคนก็พอแล้ว” คุณหญิงสะบันงาบอกอย่างยิ้มแย้ม
“แล้วคุณแพรวกับพอลก็ไปทำลูกคนใหม่ ถ้าเป็นลูกชาย ให้ชื่อว่าสมิตเหมือนคุณป๋า” คุณหญิงศรีสั่ง
“ยินดีครับ อานตี้ กลับไปจะรีบทำลูกชายที่ชื่อสมิต แวร์ อิส คุณพราวไหนว่าจะมากินเบรกฟาสท์กับเรา”
พอลแปลกใจที่ไม่เห็นพราวพิลาส ศีลประคองพราวพิลาสมา
“คุณพราวเป็นอะไรคะ หน้าตาซีดเซียว” แพรวพรรณรายแปลกใจ
“พราว เอ้อ…”
“ท้องครับ”
คุณหญิงสะบันงา คุณหญิงศรี แพรวพรรณราย ทุกคนดีใจมากผวามารุมกอดพราวพิลาส
เมขลากับจิรศักดิ์วางแผนที่จะให้ได้ตัวพราวพิลาสมา เรียบร้อย
“แน่ใจนะว่าแผนนี้จะไม่พลาด” จิรศักดิ์กังวลใจ
“แน่สิคะ มันรักลูกฉันจะเป็นจะตาย ถ้ามันเอาไปได้ตลอดมันเอาไปแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันแกล้งไปเอาคืนมาก็เพื่อรองรับแผนการของเรานี่แหละค่ะ”
“เยี่ยมมาก ขอบใจจริงๆครับ เมขลา”
“อย่าลืมสัญญาว่าปู้ยีปู้ยำมันแล้วจะเขี่ยมันทิ้ง ประจานมันว่าตามคุณมาเองเพราะสันดานมันชอบผู้ชายไม่เลือกหน้า”
“ตกลง ขอบคุณมากที่ให้ใช้สถานที่นี้”
“ใช้ที่นี่มันแนบเนียนค่ะ เพราะว่าฉันหลอกให้มันมารับลูกหนูที่นี่อ้าง ว่าแกไม่สบายมาก มันต้องมาแน่ๆ หน้าที่คุณเอามันมาที่นี่ให้ได้”
“ครับ ผมจะเอาเธอมาที่นี่ให้ได้”
จิรศักดิ์มองเมขลาว่ายัยนี่ร้ายมาก เมขลายิ้มสะใจในแผนทำลายพราวพิลาส
พราวพิลาสบ่นกับศีลคิดถึงลูกหนู
“ทำไมวันจันทร์แล้วคุณเมยังไม่พาลูกหนูมาส่งคืนนะคะ แกเลยอดไปเรียน”
“นั่นสิครับ แปลกจริงบ่อยครั้งที่วันหยุดก็ไม่มารับ ป่านนี้ลูกหนูบ่นหาคุณพราวแย่แล้ว แกติดคุณพราวมากกว่าแม่ตัวเองเสียอีก”
พราวพิลาสยิ้มภูมิใจที่ลูกหนูรักตนเอง
ลูกหนูนั่งร้องไห้หาพราวพิลาส มีพี่เลี้ยงพยายามปลอบ เมขลาไม่พอใจ
“หนูคิดถึงคุณน้า”
“คิดถึงมันทำไมเด็กบ้า แม่ตัวเองอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
“คุณน้าจะพาหนูไปโรงเรียน ไปส่งหนูนะคะ”
“แม่บอกแล้วอย่างไรว่าไม่มีเวลาไปส่ง”
“คุณน้าจะมีน้อง”
เมขลาชะงักกึก ตื่นเต้น
“ต๊าย! มันจะมีลูก แต่ดันไพล่ไปมีชู้ ทีนี้แหละนังพราวพิลาสแกไม่มีที่ให้หน้าสวยๆของแกวางแน่” เมขลาจิ้มหัวลูกหนู
“เราก็ด้วยเขามีลูก ทีนี่แหละ กลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครเอา...เอาเด็กไปให้พ้นรำคาญ มันรักคนอื่นมากกว่าแม่”
พี่เลี้ยงเอาหนูออกไป เมขลายิ้มร้ายกาจวาดภาพพราวพิลาสโดนกระทำ
ค่ำคืนนั้น ขณะที่พราวพิลาสร้องเพลง กวาดตามองไปที่คนดู จิรศักดิ์นั่งยิ้มเบิกบาน มองพราวพิลาสยกมือให้ทักทาย พลางพึมพำ
“อีกไม่นานหรอกพราวพิลาสคนสวย แม่ดอกฟ้าจะโดนกระชากลงมาเกลือกดิน”
พราวพิลาสร้องเพลงจบไปเพลงหนึ่ง พึมพำบ่นเบาๆ
“ทำไมวันนี้เมขลาไม่มาคุยกับคุณจิรศักดิ์เช่นเคย”
พราวพิลาสลงนั่งดีดเปียโนขยับจะร้องเพลง นภาถือกระดาษโน้ตหน้าตื่นเข้ามายื่นให้
“ดูโน้ตนี่สิคะคุณพราว”
จิรศักดิ์มองไปที่พราวพิลาส เห็นรับโน้ตกำลังอ่าน
“ขอบใจมากเมขลา พราวพิลาสอ่านโน้ตแล้วประเดี๋ยวเถิด”
พราวพิลาสอ่านโน้ตจบตกใจมาก
“ลูกหนูไม่สบายมากหรือนี่”
“คุณเมขลาเธอโทรมาค่ะ บอกให้คุณพราวช่วยไปรับกลับไปหาหมอให้ด้วยค่ะ”
“ได้สิ แต่คุณศีลยังไม่มารับเลย ถ้ารอจะช้าไป มิน่า วันนี้เมขลาถึงไม่มาหาคุณจิรศักดิ์ โธ่ ลูกหนู”
พราวพิลาสรีบเดินลงจากเวทีไปบอกนักร้องฟิลิปปินส์ให้มาร้องแทน จากนั้นยืนงงว่าจะจัดการอย่างไรดี
จิรศักดิ์ เข้าทางทันที รีบเดินไปหาพราวพิลาส
“ดูเหมือนคุณพราวจะมีปัญหานะครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับ”
“เอ้อ...พราว เกรงใจมากค่ะ คือพราวอยากจะไปรับลูกสาวคุณศีลค่ะ แกกำลังป่วยมาก พราวอยากไปรับแกแล้วพาไปหาหมอ”
“เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเกรงใจผมครับ ผมรับอาสาพาไปรับเองครับ”
พราวพิลาสมองหน้านภาอย่างลังเล นภาไม่อยากให้พราวพิลาสไปกับจิรศักดิ์
“นภาว่ารอสักหน่อยไหมคะ”
“รอไม่ได้หรอก ขอบคุณมากค่ะที่กรุณา”
พราวพิลาสตัดสินใจ จิรศักดิ์ยิ้มสมหวังผายมือ
“เชิญครับ”
พราวพิลาสเดินใจร้อนรุ่มห่วงแต่ลูกหนู นภามองตามไม่สบายใจนัก
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)
เมขลานั่งยิ้มสบายใจมาก
“ป่านนี้นังโง่นั่นคงใกล้โดนคุณจิรศักดิ์จัดการพามาที่นี่ตามแผนแล้ว”
ลูกหนูเดินมาหา พร้อมพี่เลี้ยง
“หนูอยากกลับบ้าน”
“เอ๊ะ บ้านอยู่นี่แล้วจะไปไหนอีก ไปนอน พาเด็กไปนอนแล้วทำไม พากลับมาอีก จำไว้ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆไม่ต้องโผล่หัวมาแอบดู”
“ค่ะ” พี่เลี้ยงจูงลูกหนูไปห้องตัวเอง
“นังพราวพิลาส...แกจบสิ้นแล้ววันนี้ ศีลคุณไม่รักฉันก็ไม่ต้องรักมัน”
เมขลาลุกขึ้นมองโซฟาในห้องรับแขก ตบเก้าอี้แล้วหัวเราะเบิกบาน
“ฉันจะไปนอนรอฟังเสียงแกกรีดร้อง ตอนโดนทำลายวิญญาณ”
นภาเดินไปเดินมาอยู่ภายในร้านอย่างไม่สบายใจ
“ไม่อยากให้คุณพราวไปกับเขาเลย ยิ่งไปคบหากับคุณเมขลายิ่งไม่น่าไว้ใจ โธ่ คุณศีลขาทำไมไม่มารับ คุณพราวก่อนเวลาคะ คงไม่อยากจะเจอคุณเมขลา เพราะเธอมานั่งกับเสี่ยทุกวัน”
สุกิจเดินเข้ามา นภาผวาไปหาทันที
“คุณสุกิจขา นภาร้อนใจ”
“ร้อนอะไร คุณพราวไม่มาร้องเพลงหรือว่ากลับไปแล้ว”
“นี่แหละค่ะที่นภาร้อนใจ”
สุกิจมองนภาอย่างแปลกใจว่าเรื่องอะไร
พราวพิลาสเดินมากับจิรศักดิ์ที่ลานจอดรถ ซึ่งจอดไกลกว่าเคย เพรัไม่ต้องการให้ใครเห็นมากนักว่าเขามารับพราวพิลาสออกไป
“วันนี้ผมจอดรถไกลสักหน่อย เชิญครับ”
จิรศักดิ์เปิดรถ พราวพิลาสขึ้นไปไปนั่ง ขณะเดียวกันสุกิจพรวดออกมา มองหารถจิรศักดิ์ แล้วถามพนักงาน
“รถเสี่ยจิรศักดิ์จอดที่ไหนทราบไหม”
“ทุกวันท่านจอดแถวนี้ แต่วันนี้ท่านจอดที่ไหนก็ไม่ทราบขอรับ นั่นครับรถของท่านกำลังออกไปทางด้านโน้นแล้วขอรับ”
สุกิจพรวดขึ้นรถตนเองที่จอดตรงนั้นรีบขับตามไปทันที แล้วพรวดไปขวาง จิรศักดิ์เบรกรถจนพราวพิลาสหัวทิ่ม
“ว๊าย”
จิรศักดิ์ลงไปจะเอาเรื่องทันที
“ขับรถประสาอะไรกัน อ้าวคุณสุกิจ”
“ผมมารับคุณพราว”
“เอ๊ะ คุณพราวเธอกำลังจะไปธุระกับผมใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” พราวพิลาสตอบรับ
“แต่คุณพราวครับ ศีลให้ผมมารับคุณพราว”
เท่านั้นเองพราวพิลาสลงมาจากรถโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำ
“ขอบคุณมากนะคะคุณจิรศักดิ์”
จิรศักดิ์โกรธมากทำอะไรไม่ได้เตะประตูรถตัวเองโครมใหญ่
“เสียแผนจนได้ แผนอะไรกัน มันช่างโง่เง่าพลาดง่ายสิ้นดี”
สุกิจขับรถมาจอดหน้าบ้านศีล พราวพิลาสหันมาถาม
“คุณศีลบอกคุณสุกิจตอนไหนคะว่าให้มารับพราว”
“ผมพูดยกเมฆเอาเองครับ หาไม่คุณพราวจะยอมมากับผมเพราะคงมัวเกรงใจคุณจิรศักดิ์”
สุกิจลงไปกดกริ่งบ้าน ครู่หนึ่งพี่เลี้ยงเดินมาคุยด้วย สุกิจเดินกลับมาหาพราวพิลาส
“ข่าวดีครับ ลูกหนูสบายดีตอนนี้หลับแล้ว พรุ่งนี้ให้พ่อเขามารับเองเถิดครับ”
พราวพิลาสพยักหน้ารับ รู้สึกแปลกๆขึ้นมาที่เมขลาบอกว่าลูกป่วย
จิรศักดิ์ขับรถพลุ่งพล่านมาตามถนน ไม่พอใจที่ผิดแผน
“เมขลาวางแผนไม่รัดกุม ต้องไปต่อว่าสักหน่อย”
จิรศักดิ์มุ่งหน้าไปบ้านศีล…พี่เลี้ยงมองมาจากในห้องนอนเด็กแล้วแปลกใจ
“เสี่ยจิรศักดิ์ทำไมมีกุญแจประตูรั้วเข้ามาได้แปลกจริง”
เมขลานอนหลับสนิทหลังจากรอฟังข่าวประตูห้องนอนเปิดออก จิรศักดิ์เดินเข้ามามองเมขลาที่หลับอยู่
“เมขลาเธอสวยมาก สวยคนละแบบกับพราวพิลาส ผมชอบคนสวยไม่ว่าจะแบบไหน”
จิรศักดิ์เดินไปที่เมขลาก้มลงกอดและจูบ เมขลาตกใจมาก
“ว๊าย อะไรกันนี่”
“ผมเอง”
“ฉันเผลอหลับไป บ้าจริง คุณทำลายมันไปแล้วใช่ไหม สะใจ จะขอไปดูหน้ามันสิ”
เมขลาลุกจิรศักดิ์ดึงมาโดยแรง
“ไม่รู้หรือว่ามันผิดแผนผมหลอกพราวพิลาสมาปู้ยี้ปู้ยำไม่สำเร็จ”
“อะไรนะ”
“แต่ไหนไหนคุณก็ยอมให้ผมใช้บ้านนี้เป็นรังรักชั่วคราวของพราวพิลาสกับผม แค่เปลี่ยนจากเธอมาเป็นคุณก็เท่านั้น”
“จะปล้ำฉันแทนหรือ ไม่นะอย่านะ”
“ก็ที่คุณให้ท่าไปนั่งฉอเลาะกับผมมาแรมเดือน เพื่อจะใช้ผมจัดการพราวพิลาสก็ใช้ผมต่อให้คุ้มค่าสิ อย่าเรื่องมากเลยน่า คุณหย่ามานานแล้วเหงาแน่ๆ”
“อย่านะ อย่านะ”
เมพยายามขัดขืน แต่จิรศักดิ์ก็ใช้กำลังจัดการจนได้ กลายเป็นเมขลาคล้อยตาม
ศีลกลับมาเจอพราวพิลาสอยู่ในห้องกำลังจะนอนแล้วผวามาโอบกอด
“ห่วงคุณพราวแทบขาดใจ สุกิจเล่าให้ฟังแล้วว่าคุณโดนเมขลาหลอกให้ไปกับนายจิรศักดิ์ โชคดีนะที่สุกิจตามไปเอาคุณกลับคืนมาทัน”
“ทำไมเมขลาต้องหลอกพราว ช่างน่ากลัวเหลือเกินนะคะ”
“เมขลามีแผนการชั่วร้ายในหัวใจตลอดเวลา เขาเกิดมารักใครไม่เป็น”
“พราวพลาดมาก ตกใจเพราะห่วงลูกหนู”
“นับแต่นี้ต่อไป คุณต้องระวังตัวให้มากๆ ห้ามไปร้องเพลงอีกแล้วเพื่อลูกในท้องของเรานะครับ”
“ค่ะ แต่พรุ่งนี้รีบไปรับลูกหนูกลับมานะคะ พราวเป็นห่วงแกค่ะ” พราวพิลาสบอกอย่างกังวลใจ
เช้าวันใหม่...รถของจิรศักดิ์จอดในบ้าน ศีลมองๆ แล้วเดินเข้าไปด้านใน ศีลเปิดประตูจะไปหาลูกหนู กลับพบว่าประตูห้องนอนของเมขลาเปิดออกมา เห็นเมขลาเดินระทดระทวยออกมากับจิรศักดิ์ทั้งสองใส่เสื้อคลุม สองคนเห็นศีลตะลึงนิ่งไป ศีลเองก็นิ่งมองเฉย ส่งสายตาดูแคลน
“คุณศีล”
“ผมมารับลูกของผม ได้ยินว่ามีคนหลอกให้เมียผมมารับแกโกหกว่าแกป่วยแต่แกไม่ได้ป่วย ช่างจิตใจต่ำทราม”
พี่เลี้ยงจูงหนูออกมาหาศีล
“คุณพ่อ”
ศีลรีบอุ้มลูกหนูออกไปโดยไม่มองหน้าใครต่อไป พี่เลี้ยงตามออกไป เมขลากับจิรศักดิ์มองหน้ากัน จิรศักดิ์ยักไหล่
“ช่างเขาปะไรใช่ไหมหย่ากันแล้วนี่นา ผมพอใจคุณมากนะเมขลา คุณเล่าพอใจผมเหมือนกันนี่นา ผมดูออกนะ”
“แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้ แล้วเราจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไปอย่างไรคะ”
“จัดการตามปกติ เราก็เป็นของกันและกันต่อไปไม่เห็นต้องมาถาม คุณอยากได้อะไรผมก็จะประเคนให้”
“ฉันอยากได้ทะเบียนสมรส เราจะแต่งงานกันให้สังคมยอมรับ”
“สังคมบ้าๆน่ะสิถึงต้องมายอมรับเรื่องบนเตียงของชาวบ้าน”
เมขลาตบหน้าจิรศักดิ์ฉาดใหญ่
“ฉันคือดอกเตอร์เมขลา จะมาเป็นเมียเก็บของใครไม่ได้ เราต้องแต่งงานกัน”
“ถ้าเช่นนั้นผมก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงหลายสิบคน เพราะผมนอนกับเธอ”
เมขลากรีดร้อง
“ไอ้บ้า นี่แกเห็นฉันเป็นอะไร”
“เป็นคู่นอนที่พอใจกันและกัน ไม่ใช่โสเภณีที่ต้องมีค่าตัวที่แสนแพงด้วย ทะเบียนสมรสผมไม่มีวันแต่งงานกับเม อาม่าของผมยอมรับลูกสะใภ้ผัวขอหย่าไม่ได้หรอก”
เมกรีดร้องกระโดดทุบตีจิรศักดิ์
“ไอ้คนเลว ไอ้กุ๊ย แล้วทีแกอยากได้นังพราวพิลาส มันเคยมีชู้เพราะอะไร”
“เพราะเธอคือลูกสาวเจ้าพระยา มาเชิดชูตระกูลผมได้ เพราะถ้าเปรียบเธอกับคุณเป็นอาหาร มันก็แตกต่างกันลิบลับ คุณก็แค่อาหารดาษดื่นที่หยิบฉวยมาเข้าปากง่ายๆแล้วคายทิ้ง แต่เธอหอมหวานน่าลิ้มลองและเอาไป เก็บไว้กินนานๆ”
“ไอ้สารเลว ไอ้กุ๊ย”
“ใช่ ผมเลวจึงรู้ทันคุณ เมขลาผู้น่าสงสาร ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณศีลจึงดิ้นรนที่จะหย่ากับคุณ เพราะเขาดีเกินไป คุณคือผู้หญิงที่หาดีตรงไหนไม่พบสักทีนอกจากสวย เหมือนดอกชบาบานแฉ่งสีฉูดฉาดแต่ไร้กลิ่น”
“แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ไอ้กุ๊ย ออกไป”
“แค่นอนกันคืนเดียวยังเรียกผัวว่าไอ้กุ๊ยขืนแต่งงานกันไป ผมมิกลายเป็นไอ้สารเลว เราสองคนเลวพอกันเมขลา”
เมขลาได้แต่ผิดหวังเจ็บแค้น
เก้าเดือนต่อมา... พราวพิลาสอุ้มลูกชาย มีศีลอิงแอบมองลูก คุณหญิงสะบันงา คุณหญิงศรี เมี้ยน เดือน ดา กำลังพากันมาชื่นชมเด็ก พริสซี่ กับลูกหนูมองตาแป๋ว
“พริสซี่ขา หนูมีน้องแล้วค่ะ”
คุณหญิงสะบันงาหันไปบอก คุณหญิงศรียิ้มแย้ม
“ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองกันละคราวนี้”
“หนูเป็นลูกหมาหัวเน่าค่ะ” ลูกหนูโพล่งขึ้นมา
ทุกคนตกใจหันมามอง ศีลมาอุ้มลูกหนูไว้
“หนูเป็นพี่สาวมีน้องชาย มีน้องสาว นะคะ”
“คุณแม่บอกว่าหนูคือหมาหัวเน่า”
ทุกคนมองหน้ากันพูดไม่ออก
เมขลามารับลูกหนูในช่วงวันหยุด สอนให้ลูกเกลียดน้อง
“ยังไงยังไงหนูก็ต้องเป็นหมาหัวเน่าวันยังค่ำ คุณน้าเขาไม่มีวันรักหนูเท่า ลูกชายของเขาจำไว้”
“คุณน้ากับคุณพ่อบอกว่าไม่จริง”
“พวกเขาโกหก อย่าไปรักน้องนะลูกหนู”
“แต่น้องน่ารัก หนูอยากรักน้อง”
“เด็กคนนั้นมันแย่งความรักของลูกหนู จำไว้ ต้องแอบแกล้งมัน”
ลูกหนูส่ายหน้า
หลายวันต่อมา ในห้องนอนของเด็ก ลูกหนูยืนมองน้องที่นอนในตะกร้าที่ระเบียงเพื่อผึ่งแดดอ่อนๆยามเช้า
“หนูไม่แกล้งน้อง น้องน่ารัก ลูกหนูอยากรักน้อง”
พราวพิลาสหันไปยิ้มให้
“ก็รักสิคะ ลูกหนูเราทุกคนรักกันค่ะ”
“แต่คุณแม่บอกคุณน้าโกหก”
ศีลเดินมาอีกคน
“พ่อกับคุณน้าไม่เคยโกหก เรารักหนูเหมือนรักน้องค่ะ”
“คุณแม่โกหก”
พราวพิลาสศีลมองหน้ากันพยักหน้ากันให้เดินออกไปพูดกันข้างนอก
“แกเปลี่ยนไปมากค่ะ มีแอบซึมเศร้าบ่อยครั้ง” พราวพิลาสบอกอย่างกังวล
“เมขลายังใจร้ายไม่เลิกเสียที เขาทำให้ลูกหนูมีปมด้อย กลัวเราไม่รัก” ศีลหนักใจ
“เราต้องพยายามทำความเข้าใจกับแก ให้แกมั่นใจในความรักของเราที่มอบให้แกนะคะ”
“ขอบคุณมากครับคุณพราวที่รักลูกหนู เมตตาต่อแกหวังดีต่อแกเสมอมา”
ลูกหนูเดินตามมา
“หนูรักน้องค่ะ”
“แม่พราวรู้ค่ะ ต่อไปนี้เรียกแม่พราวว่าแม่นะคะ”
“แม่พราวขา”
พราวพิลาสก้มลงไปกอดลูกหนู ศีลมากอดอีกคน
“พ่อและแม่พราวรักหนูมากค่ะ”
“มากเท่าน้องใช่ไหมคะ”
ทั้งสองคนรับคำอย่างรู้สึกสบายใจ
หลายวันต่อมา ลูกชายนอนในตะกร้าผึ่งแดดยามเช้าเช่นเคย ศีลมากอดพราวพิลาสหอมพราวพิลาส ก้มลงไปหอมลูกชายลูกหนู ศีลรีบอุ้มลูกหนูมากอด
“พ่อไปทำงานก่อนนะคะลูกหนู แม่พราว อยู่กันดีๆนะคะ”
“ค่ะ”
ทั้งพราวพิลาสและลูกหนูตอบรับ ศีลเดินออกไป
เมขลานั่งว้าเหว่ในบ้านพึมพำบ่น
“ลูกหนูช่างเป็นเด็กโง่ สอนให้เกลียดน้องก็ไม่ยอมฟัง นังพราวพิลาสฉันอยากให้ลูกแกตายนัก”
ลูกหนูบอกพราวพิลาส
“แม่พราวขา หนูหิวนม”
“แม่พราวจะไปเอาให้นะคะ แป๊บเดียว ดูน้องไว้นะคะอย่าซุกซน”
“ค่ะ”
พราวพิลาสเดินออกไป ลูกหนูมองน้องยิ้มไปยิ้มมา
“หิวนมไหมน้อง”
ลูกหนูหยิบขวดนมจะเอาให้น้องกิน แต่ขวดนมกลับพลัดตกจากมือกลิ้งตกลงไป จากระเบียง ลูกหนูชะโงกดู
พื้นเบื้องล่าง นมตกลงไปที่พื้น
“นมตกไปแล้ว หนูต้องดูแลน้อง เอานมมาให้น้องกิน”
ลูกหนูชะโงกหน้าไปมองยืนออกไปยืนออกไป จะปีน พราวพิลาสเดินถือแก้วนมมา ตกใจมาก
“อย่าคะ ลูกหนู อย่า”
หนูชะโงกและปีนจนเสียหลัก พราวพิลาสกระโดดไปสุดตัวกรีดร้อง
“ลูกหนู”
พราวพิลาส พยายามจะตะครุบหนูแต่หนูหลุดออกไปแล้ว พราวพิลาสไล่ตามออกไปดึงตัว
โรงพยาบาล...พราวพิลาสนอนสลบ มีศีลยืนหน้าตาซึม ทุกคนน้ำตาซึม
“คุณพราวกะโหลกร้าว กระดูสันหลังหัก”
ทุกคนสะอื้นให้
“โธ่ คุณพราว”
คุณหญิงสะบันงากับคุณหญิงศรียืนกอดกันน้ำตาไหล
“คุณพราวของแม่”
“ไม่จบสิ้นเสียที ลูกเอ๊ย” คุณหญิงศรีมองอย่างเศร้าใจ
“แล้วลูกหนู...” คุณหญิงสะบันงาหันไปถามศีล
“ผมไปดูมาแล้ว กำลังจะไปดูแกอีกครั้งครับ”
เมขลาพรวดมาในห้องกรีดร้องกระโดดมาถึงเตียงจะมาทำร้ายพราวพิลาส
“ลูกฉันตายแล้ว”
ทุกคนตกใจมากน้ำตาร่วงพรู
“อีพราวพิลาสแกผลักลูกฉันตกระเบียงตาย ฉันจะฆ่าแก”
พจน์ศีลและทุกคนต่างกรูมาจับเมขลาไว้ เมขลาดิ้นรนบ้าคลั่ง
“คุณพราวพยายามช่วยลูกหนูเธอไม่ได้ผลัก”
“ไม่จริง ไม่จริงๆ”
ทุกคนสลดใจกับภาพเมขลาอาละวาด
เดือนต่อมา พราวพิลาสอุ้มลูกชายในอ้อมกอดนั่งในรถเข็นมีศีลเข็นรถ
“พราวขอโทษนะคะที่ช่วยลูกหนูไม่ทัน พราวอยากบอกคุณเมว่าพราวเสียใจ พราวขอโทษ”
ศีลถอนใจ
ในโรงพยาบาลบ้า...เมขลากำลังบ้าอาละวาด
“อีพราวพิลาสมันผลักลูกฉันตกระเบียง เพราะมันรู้ว่าฉันสอนลูกให้ไปฆ่าลูกมัน ฮะๆ ฉันอยากให้ลูกมันตาย แต่ทำไมกลายเป็นลูกฉันตาย”
พยาบาลระอากับเรื่องราวของเมขลามาก
ในห้องเปียโน เห็นศีลอุ้มลูกชาย พราวพิลาสนั่งรถเข็น ตรงหน้าเปียโน สองมือดีดเปียโนจบเพลงศีลยื่นลูกมาให้อุ้ม
“พราวปล่อยวางเรื่องที่ชีวิตนี้คงเดินไม่ได้แล้วค่ะ พราวจะทำทุกอย่างรอบตัวให้ปกติที่สุดคะ”
“ผมดีใจ ที่คุณพราวมาหามิสแม่รี่ แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวังครับ คุณพราว”
หมออุดรพาหมอมาร์ตินเข้ามา
“คุณหมอมาร์ตินครับ คุณพราว”
“ยินดีที่ได้พบคุณหมอค่ะ”
“คุณดีดเปียโนเพราะมาก ผมอยากจะทำให้คุณเดินได้อีกครั้ง”
“เป็นไปได้อย่างไรคะ”
พราวพิลาสตื่นเต้น
“คุณหมอมาร์ตินบอกว่าเราต้องไปรักษาตัวที่อเมริกากับคุณหมอ” ศีลอธิบาย
“ผมรักษาหายมาแล้วสามราย” หมอมาร์ตินยืนยัน
“หนึ่งรายคือเพื่อนฝั่งของผมเองครับ คุณพราว”
หมออุดรให้ความมั่นใจอีกคน ศีลจับมือพราวพิลาสไว้ สบตาพยักหน้าให้
ศีลเดินทางไปอเมริกาพร้อมพราวพิลาส และหมอมาร์ติน พราวพิลาสต้องผ่าตัด และอยู่ในความดูแลของหมอมาร์ติน 3 ปี เธอจึงเดินได้อีกครั้ง เธอจึงเดินทางกลับมาเมืองไทย
พราวพิลาสเดินคู่มากับศีล โดยศีลประคอง พราวพิลาสใส่ชุดเดินทางสวยงาม
“สามปีแล้วนะคะที่พราวจากไป”
“ครับสามปีแล้ว”
คุณหญิงสะบันงาเดินออกมาจูงเด็กมามาด้วยคือ พริสซี่ สมิต ลูกชายคนเล็กของแพรวพรรณราย และภัทรลูกของพราวพิลาส คุณหญิงศรี พริ้มเพรา แพรวพรรณราย พอล เดือน ดา และเมี้ยนตามออกมาด้วย
“ดูสิว่านี่ใครมารอรับคุณพราว” คุณหญิงสะบันงา จูงภัทรมาส่งให้ พราวพิลาสมองภัทรผวามากอดแนบอก
“ลูกภัทร”
ศีลก้มลงไปอุ้มภัทรไว้ พราวพิลาสไหว้สะบันบาและคุณหญิงศรี สองคนกอดเธอไว้
“นายแม่ดีใจที่ลูกกลับมาเหมือนเดิม ทูนหัวของแม่”
“ป้ารอคอยวันกลับของหนูมาสามปี ให้หนูกลับมาเป็นขวัญใจของบ้าน”
แพรวพรรณรายกับพริ้มเพรา จูงพริสซี่และสมิตมาหา
“พี่ขอต้อนรับคุณพราวกลับบ้าน ค่ะ”
สองคนโอบพราวพิลาส พจน์พากินรีมาไหว้
“ผมกับกินรีแต่งงานกันแล้วครับ คุณพราวเรากำลังจะมีหลานให้นายแม่กับคุณป้า แม่เดือน แม่ดาป้าเมี้ยนเลี้ยง”
คุณหญิงศรีบอกอย่างยิ้มแย้ม
“เรากำลังจะยกครอบครัวทั้งหมดไปเปิดโรงแรมของคุณแพรวที่ดาจิลิ่ง”
“ไร่ชาของพี่โดนไฟไหม้วอดวายหมด แทบโดดหน้าผาตายหมู่” แพรวพรรณรายเล่า
พอลขัด
“พูดเกินไปแพรวพรรณราย อานตี้เสนอให้เราสร้างโรงแรมให้ผู้คนมาท่องเที่ยวพักผ่อน”
“คุณพจน์เสนอให้เราเอาเงินพวกเราทั้งหมดรวมกันกับกู้ธนาคารบางส่วนไปสร้างจ้ะ” พริ้มเพราอธิบาย
“หนูหิวจนทั้งไส้ทั้งใจจะขาดแล้ว”
พริสซี่โวยวายขึ้นมาทุกคนหัวเราะ ….พราวพิลาสเข้าไปในห้อง...ดีดเปียโน ทุกคนฟังอย่างมีความสุข
ภายในห้องโถง ภาพถ่ายของทุกคนนั่งรวมกัน ลูกหลานนั่งเต็มไปหมด คุณหญิงศรีนั่งคู่กับคุณหญิงสะบันงา มีหลานนั่งตักบ้างอุ้มบ้าง พวกลูกๆยืนบ้างนั่งพื้นบ้างเมี้ยนเดือนและดาถ่ายด้วย ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม มีความสุข
จบบริบูรณ์