ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 10
ศึกรบกำลังจะเดินออกจากร้าน ระรินทำอะไรไม่ถูก รีบตามศึกรบไป ก่อนที่จะโผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น
“คุณรบ อย่าทำแบบนี้กับรินเลยนะ ทำไมคุณรบถึงพูดไม่มีเยื่อใยกับรินแบบนี้ล่ะ”
ศึกรบแกะมือระรินออก หันมาเผชิญหน้า
“ผมพูดไปหมดแล้วริน อย่าทำแบบนี้เลย”
“รินผิดอะไรคะ ทำไมคุณรบถึงต้องเลิกกับริน ตอบมาสิ”
ระรินทำท่าจะร้องไห้ ศึกรบพูดไม่ออก
“ผมขอโทษ”
ระรินน้ำตาร่วง หันหลังร้องไห้วิ่งออกไป ศึกรบมองตามทั้งที่ใจสงสาร แต่ไม่กล้าตาม
“ระริน”
ระรินวิ่งร้องไห้ออกมาจากร้าน มองไปไม่เห็นศึกรบตามมา ก็ยิ่งหงุดหงิด สู่ขวัญเห็นระรินวิ่งออกมาก็รีบคว้าแขนมีนาให้หลบ
“หลบเร็วมีนา”
มีนาตกใจจะหลบ แต่ไม่ทัน ระรินหันมาเห็นพอดี
“เอาไงขวัญ ยัยนั่นเห็นแล้ว”
ระรินเดินตรงมา สู่ขวัญตัดสินใจ
“งั้นก็ลงไปคุยกันเลย มา”
สู่ขวัญกับมีนาลงมาจากรถ เผชิญหน้ากับระริน
“พวกเธอนี่เอง”
มีนาลอยหน้าลอยตา “เสียใจเหรอจ๊ะที่โดนเขาทิ้ง”
“อ๋อ นี่เป็นแผนการพวกเธองั้นเหรอ”
สู่ขวัญเชิดหน้ายิ้มๆ “จะแผนหรือไม่ เขาก็บอกเลิกเธออยู่ดี”
“ใช่ รู้สึกถึงรสชาติคนที่ถูกทิ้งรึยังล่ะจ๊ะ แม่ดาราใหญ่”
ระริน เชิดหน้าสู้ “ใครกันแน่ที่ถูกทิ้ง เธอไม่ใช่เหรอ ที่ไม่เฝ้าผัวตัวเองให้ดี ปล่อยให้มายุ่งกับฉัน
ตั้งแต่แรก”
“แต่สุดท้ายเขาก็เลือกเมียที่ถูกต้อง ไม่ใช่กิ๊กบำเรออย่างเธอ”
ระรินแค่นหัวเราะ
“เลือกเมียเหรอ แค่ฉันเห็นเธอก็รู้แล้วว่าทั้งหมดมันเป็นแผน เธอบังคับให้เขาเลิกกับฉัน”
“เขาเต็มใจจะเล่นตามแผนของฉันเอง ไม่มีการบังคับอะไรทั้งนั้น”
ระรินจ้องหน้าสู่ขวัญ “งั้นเธอกล้าพูดไหมล่ะว่าตอนที่เขาบอกเลิกฉัน เขามีสีหน้าเต็มใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
สู่ขวัญอึ้ง เริ่มโกรธ แล้วย้อนถาม
“แล้วเธอมั่นใจเหรอว่าเขาไม่เต็มใจ”
“ก็ไม่รู้สินะ” ระรินยักไหล่ “แต่ถ้าเธอถึงขนาดต้องวางแผนเพื่อให้เขาเลิกกับฉันแล้วล่ะก็ มันก็เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจ แล้วสีหน้าเขาก็อึดอัดมากเหมือนไม่อยากพูด”
สู่ขวัญอึ้งจนพูดไม่ออก
“ไงจ๊ะ พูดไม่ออกเหรอแม่ไฮโซ อ๋อกลัวจะเสียผัวกับเสียหน้าพร้อมกันล่ะสิ ถึงต้องใช้วิธีสกปรก”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
สู่ขวัญโกรธจัด คว้ามือถือปาใส่หน้าระรินทันที ระรินกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มีนายืนเหวอ ระรินชี้หน้าสู่ขวัญ
“ฉันจะฟ้องแก ฉันจะเอาแกเข้าคุก นังไฮโซ”
“เอาเลย อยากฟ้องก็ฟ้องเลย ฉันไม่กลัวหรอก”
ระรินมองหน้าสู่ขวัญอย่างเจ็บใจ แล้ววิ่งหนีออกไป
ในขณะที่ศึกรบยังนั่งเครียดอยู่ในร้าน สู่ขวัญเดินเข้ามา ด้วยอารมณ์โกรธ
“ขวัญ เป็นยังไง”
พูดไม่ทันจบสู่ขวัญก็สวนขึ้นมา
“ กลับบ้าน”
ศึกรบมองหน้าสู่ขวัญงงๆ
“หา? นี่มันอะไรกันน่ะขวัญ ผมงงไปหมดแล้ว”
“ฉันบอกกลับไปคุยกันที่บ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องสงสัยอะไรได้ไหม”
สู่ขวัญสะบัดตัวเดินไปทางหน้าร้าน ศึกรบเดินตาม สู่ขวัญหันกลับมา
“ไม่ต้องตามฉันมา ฉันจะกลับกับมีนา”
“ทำไมไม่กลับด้วยกัน?”
“ฉันไม่อยากนั่งรถคันเดียวกับคุณ อึดอัด”
สู่ขวัญสะบัดเสียงใส่ พลางรีบเดินจ้ำๆออกจากร้านไป ศึกรบหัวเสีย
สู่ขวัญนั่งเงียบอยู่ในรถของมีนามาตลอดทาง จนมีนาเป็นห่วง
“ขวัญ ฉันรู้นะว่าแกโกรธ แต่แกต้องใจเย็นๆก่อน อย่าวู่วาม มีอะไรก็คุยกับคุณรบเขาดีๆ”
“ฉันไม่มีอารมณ์จะมาคุยดีตอนนี้ ฉันรู้สึกว่ามันยังมีอะไรบางอย่างอยู่”
“อะไรแก”
สู่ขวัญหน้าเศร้า “เขาต้องมีเยื่อใยให้นังดาวยั่วนั่นอยู่แน่ๆ”
“เฮ้ย แกอย่าไปสนใจคำพูดนังนั่นเลย มันก็ยั่วโมโหแกไปงั้นแหละ” มีนาพยายามปลอบใจ
“แต่เมื่อกี้ฉันเห็นสีหน้าของรบแล้วยิ่งแน่ใจ ถ้าฉันไม่วางแผนให้เขาบอกเลิกกับยัยนั่น ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะเลิกกันจริงไหม ยัยนั่นพูดถูก ถ้าไม่บังคับ เขาคงไม่ทำ”
สู่ขวัญหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถ ไม่อยากพูดอีก มีนาพลอยเงียบตามไปด้วย
ศึกรบที่กลับมาถึงบ้านก่อน รอสู่ขวัญอย่างกระวนกระวาย พรเห็นผิดปกติเลยเข้ามาถาม
“คุณผู้ชายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร ผมแค่รอขวัญ เขาไม่กลับซะที ผมเลยเป็นห่วงน่ะ”
“เหรอคะ” พรแอบยิ้มเหยียดๆ “ปกติคุณไม่เห็นจะกระวนกระวายขนาดนี้เลยนี่คะ”
“ก็” พลางหันไปที่ประตู “ขวัญ”
สู่ขวัญกลับมาบ้านพอดี ศึกรบเข้าไปหา แต่สู่ขวัญไม่สนใจ เดินหนีขึ้นบ้านไปเลย ศึกรบรีบตาม
พรมองตาม รู้สึกมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
สู่ขวัญปึงปังเข้ามาในห้อง ศึกรบตามมาติดๆ พลางพยายามจะเข้าไปหา แต่สู่ขวัญยกมือชี้หน้า
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องเข้ามา”
“ขวัญ นี่คุณเป็นอะไรอีกเนี่ย”
“ฉันก็เป็นทุกอย่างนะแหละ เป็นเมียคุณ เป็นคนให้งานคุณ เป็นคนที่โดนคุณนอกใจ” สู่ขวัญแดกดัน“ขวัญ อย่าประชดสิ ทำไมไม่คุยกันดีๆ”
“อยากให้พูดดี ได้ งั้นคุณก็บอกฉันมาก่อนสิว่ายัยระรินพูดจริงใช่ไหม คุณยังเหลือเยื่อใยอยู่ ถ้าฉันไม่บังคับ คุณก็ไม่เลิก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะขวัญ” ศึกรบรีบปฎิเสธ
“คุณจะแก้ตัวอะไรอีกล่ะ”
“ผมไม่ได้แก้ตัว ผมแค่ไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร ผมก็เฝดออกจากเขามาแล้ว ผมอยากให้ค่อยๆห่างกัน แบบนี้มันใจร้ายเกินไป”
“ใส่ใจเขามาก ก็ไปดูแลเขาเลย” สู่ขวัญเสียงสั่น “จะมาทนคุยทนง้อกันทำไม ฉันไม่อยากเชื่ออะไรคุณอีกแล้ว พอกันที”
ศึกรบหัวเสีย พยายามเข้าไปจะกอดสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญผลักออก
“อย่าเล่นไม้นี้เลยรบ ขวัญไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น ขวัญอยากอยู่คนเดียว”
“เดี๋ยวนะ ขวัญ หมายความว่ายังไง?”
สู่ขวัญ สูมลมหายใจ พลางบอก “คุณขนของออกไปได้แล้ว ขวัญจะอยู่คนเดียว”
ระริน สวมแว่นตาดดำ แต่งตัวมิดชิด หอบใบหน้า ที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ เดินเข้ามาสถานีตำรวจ คนในสถานีตำรวจ หันมามอง เพราะคุ้นๆ ว่าเป็นดารา
ระรินมาที่โต๊ะรับแจ้งความ
“ฉันจะมาแจ้งความค่ะ”
“แจ้งความเรื่องอะไรครับ”
“ฉันโดนคนทำร้ายร่างกาย เอามือถือปาใส่หน้าค่ะ”
ระรินพูดพลางถอดถอดแว่นดำออก เห็นรอยช้ำบนใบหน้าอย่างชัดเจน ตำรวจเห็นระริน ก็ถึงกับตกใจ
มีนาเห็นข่าวก็ร้อนใจ รีบเดินมาบอกสู่ขวัญ
“ขวัญ แกจะซวยแล้วรู้ไหม”
“ซวย? เรื่อง?” สู่ขวัญย้อนถาม
“นังดาราหน้าด้านนั่นแจ้งความเธอ ว่าเธอทำร้ายร่างกาย ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่โตเลย คนเอาไปพูดกันว่อนเน็ตแล้ว”
สู่ขวัญยักไหล่
“เรื่องเมื่อวานน่ะเหรอ อยากทำอะไรก็เชิญเขาสิ ฉันไม่กลัวอยู่แล้ว”
มีนามองหน้าสู่ขวัญ หน้าตาเป็นกังวล
“ขวัญนี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ช่วยเดือดร้อนหน่อยเถอะ ชื่อเสียงเธอล่ะ การงานล่ะ จะเป็นยังไง”
“ฉันไม่แคร์ ฉันก็อยากรู้ว่ายัยนั่นจะมาไม้ไหนต่อ”
สู่ขวัญดูไม่ทุกข์ร้อน ใสขณะที่มีนากลุ้มใจ
“โอ๊ยตาย เธอนี่ไม่กลัวจะขึ้นโรงขึ้นศาลรึยังไง”
“กลัวน่ะกลัว แต่ฉันมีวิธีโต้ยัยนั่นแล้ว”
“วิธีไหน” มีนาย้อนถาม
สู่ขวัญหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยิ้มร้าย
“เดี๋ยวก็รู้”
ระรินมาหาแจ๊สที่คอนโด พลางนั่งส่องกระจกดูรอยแผลอย่างเจ็บใจ แจ๊สเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
“ยัยริน ฉันว่าเธอหยุดเถอะ อย่าไปยุ่งกับยัยสู่ขวัญอะไรนั่นเลย”
ระรินหันมาพูด น้ำเสียงไม่พอใจ
“ทำไมฉันจะต้องหยุด ฉันต้องยอมแพ้มันงั้นเหรอ”
“มันไม่คุ้มกับสิ่งที่เธอเสียไปหรอก เชื่อฉันเถอะ” แจ๊สพยายามเตือนสติ
“ทุกวันนี้ฉันก็เสียมากพออยู่แล้ว เจ็บตัวเจ็บใจมากขนาดนี้ ฉันไม่มีทางถอยง่ายๆ”
“เธอไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นกับใคร เขามีทั้งเงิน ทั้งอำนาจ ทำอะไรเสียงมันดังกว่าเราอยู่แล้ว อย่าเสี่ยงอีกเลยนะ ฉันขอล่ะ”
ระรินรำคาญ ลุกเดินหนี
“ต่อให้เสี่ยงกว่านี้ฉันก็ไม่ถอย ฉันจะไม่ยอมแพ้ยัยนั่นเด็ดขาด”
ระรินสีหน้าเอาจริง แจ๊สเครียด
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ไอวี่ทำหน้าเซ็กซี่ ใส่ชุดสายเดี่ยวรัดรูป กางเกงขาสั้น นั่งอยู่บนเตียงนอน กำลังถ่ายวีดีโอด้วย
สมาร์ทโฟน ลงอินสตาแกรมเพื่อโปรโมตตัวเอง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไอวี่รีบกดรับสาย
“ฮัลโหล ไอวี่ค่t”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง พัฒนะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของโรงแรมเลอวิมาน กำลังนั่งมองเอกสารใบสมัครของไอวี่ สีหน้ากรุ้มกริ่ม
“สวัสดีครับ คุณไอวี่ใช่ไหมครับ ผมพัฒนะจากเลอวิมานครับ”
ไอวี่รีบกระเด้งขึ้นนั่ง ทำท่าจัดผมเผ้า ประหนึ่งว่าพัฒนะอยู่ตรงหน้า พลางทำเสียงอ้อน
“สวัสดีค่ะ คุณพัฒนะ วี่กำลังรอสายอยู่เลยค่ะ นึกว่าคุณพัฒนะจะลืมวี่เสียแล้ว”
“ผมจะลืมคนสวยอย่างคุณไอวี่ได้ยังไงล่ะครับ ผมโทรมานัดสัมภาษณ์น่ะครับ”
“ว้าว จริงหรือคะ” ไอวี่ตาวาว “ดีใจจังเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ เมื่อไหร่คะ”
“เรื่องนั้นน่ะค่อยนัดกันหลังจากที่คุณไอวี่ผ่านการติวเข้มจากผมก่อนน่ะครับ”
ไอวี่ ยิ้มยิดๆ อย่างรู้ทัน “อ๋อ ได้สิคะ เมื่อไร ที่ไหนดีล่ะคะ”
“งั้นเจอกันที่ห้าง..... ตอนบ่ายสามนะครับ”
ไอวี่แอบเบ้หน้า แต่กรอกเสียงหวานจ๋อยลงไป
“ได้ค่ะ คุณพัฒนะ แล้วเจอกันนะคะ สวัสดีค่า”
ไอวี่วางสาย พลางส่ายหน้าเซ็งๆ
“ให้ไปเองเนี่ยนะ มารับหน่อยก็ไม่ได้ โคตรงก”
ไอวี่แต่งหน้าเต็ม ทาปากสีแดงจัด ใส่ชุดเซ็กซี่รัดรูป สั้น เดินออกมาที่หน้าหอพัก ผู้ชายแถวนั้นถึงกับเหลียวหลังมองกันตาค้าง ไอวี่เดินหน้าเชิดๆ อย่างภูมิใจ เปรี้ยวเดินสวนเข้ามาพอดี
“ไอ้วี่ เจอแกพอดีเลย ฉันมีข่าวดีมาบอก”
“อะไรของแก? เร็ว ๆ ว่ามา ฉันกำลังจะรีบไปสัมภาษณ์งาน”
“แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แกต้องไปกับฉันตอนนี้เลย”
ไอวี่หน้างอ “มีอะไรไว้คุยกันทีหลัง ฉันต้องรีบไป” พลางทำท่าจะเดินไป
“งั้นก็ตามใจนะ ฉันอุตส่าห์จะพาแกไปเจอกับพี่นกเจ้าของโมเดลลิ่ง”
“หา” ไอวี่ตาโต พี่นกคู่แข่งพี่เปี๊ยกน่ะเหรอ”
“ก็ใช่นะสิ ฉันไปหาเขามา เขากำลังอยากได้พริตตี้ที่เต้นเก่ง ฉันก็เลยเสนอชื่อแกไป ปรากฏว่าเขาสนใจ อยากขอดูตัว แต่ถ้าแกไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
เปรี้ยวทำท่าจะเดินไป แต่ไอวี่รีบเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวสิเปรี้ยว จะรีบไปไหนวะ”
ไอวี่ยืนโพสต์ท่าแบบพริตตี้อยู่ต่อหน้าพี่นก ในขณะที่เปรี้ยวช่วยพูดนำเสนอ
“ไอวี่เคยเป็นพริตตี้มาทุกรูปแบบค่ะ ทั้งรถหรูๆ มือถือ แชมพู ครีมบำรุงผิว”
ไอวี่ รีบเสริม “เรียกว่าตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบค่ะ”
“หน่วยก้านดีนี่ เอ้า ไหนลองเต้นให้พี่ดูซิ”
“ได้ค่ะ”
ไอวี่ถอดส้นสูงออก พลางทำหน้ามั่นใจ เมื่อดนตรีขึ้น ก็วาดลวดลายส่ายสะบัด เปรี้ยวลุ้น ในขณะที่ พี่นกยิ้มพอใจ
“ เป็นไงบ้างคะพี่นก”
“ใช้ได้ทีเดียว ตกลงพี่จะให้เธอรับงานแรกเร็ว ๆ นี้” พี่นกพูดยิ้มๆ
“ไอวี่ สำเร็จแล้วแก”
ไอวี่ หน้าตาภูมิใจ ยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะพี่นก”
จากนั้นไอวี่ก็ทำทีเดินกระหืดกระหอบมาหาพัฒนะ ที่ยืนรอกระวนกระวาย พลางมองดูนาฬิกาสลับกับมองไปทางทางเข้า พอเห็นไอวี่แอบยิ้มแบบมีเลศนัย
“สวัสดีค่ะ คุณพัฒนะ ขอโทษค่ะที่วี่มาช้า พอดีติดเรียนวิชานึงค่ะ รอนานไหมคะ”
พัฒนะจ้องมองรูปร่างไอวี่ตาเป็นมัน “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรอได้ครับ เรารีบไปหาอะไรทานกันดีกว่าครับ ผมหิวแล้วล่ะครับ”
พัฒนะเดินนำไอวี่ไปที่ร้านสุกี้ ไอวี่เดินตาม ทำหน้าเหยียด เพราะเป็นร้านราคาถูก แต่ก็ยอมเข้าไปด้วย
“วี่ไม่ค่อยหิวค่ะ ตามสบายนะคะ”
พัฒนะมองไอวี่ตาเยิ้ม
“อ้าว งั้นหรือครับ ถ้างั้นเรารีบกินแล้วเราไปติวกันต่อที่อื่นนะครับ”
ไอวี่แอบเบ้ปาก พัฒนะพยายามจะจับมือไอวี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ไอวี่ดึงมือออกแบบจงใจ
“คุณพัฒนะคะ พอดีเดี๋ยววี่ต้องมีเรียนต่อน่ะค่ะ คงไปติวกับคุณพัฒนะไม่ได้แล้วล่ะคะ”
“ทำไมล่ะครับ” พัฒนะทำเสียงไม่พอใจ)
“เดี๋ยววี่ให้แฟนมารับด้วยน่ะค่ะ อ๊ะ สงสัยจะโทรมาแล้ว วี่ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบ ไอวี่ก็ลุกพรึบ ทิ้งให้พัฒนะหน้าเหวอ โกรธสุด ๆ
ไอวี่รีบเดินออกมา ทำท่าขนลุกขนพอง
“อี๋ ไม่เอาแล้วก็ได้งานโรงแรม กระจอกเป็นบ้า”
ที่รายการประเภทเล่าข่าวบันเทิง พิธีกร 2 คน กำลังเล่าข่าวระรินกับสู่ขวัญอย่างสนุกปาก
“วันก่อนเราเสนอข่าวเรื่องกรณีระริน ดาราสาวสุดเซ็กซี่ที่มีข่าวกิ๊กกั๊กกับหนุ่มไฮโซนอกวงการคนหนึ่ง ซึ่งมีหนุ่มต้องสงสัยเข้าวินมาสองคนก็คือคุณสงครามกับคุณศึกรบใช่ไหมคะ วันนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องขึ้นมาแล้วค่ะคุณผู้ชม”
พิธีกรคนแรกเริ่มโปรยเรื่อง พิธีกรอีกคนช่วยเสริม
“หลังจากเราเสนอข่าวไปไม่นาน ก็มีอีกคลิปถูกปล่อยออกมาค่ะ เป็นคลิประรินขึ้นคอนโดกับหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งใครๆ ก็จำได้ว่าน่าจะเป็นศึกรบหนุ่มไฮโซผู้บริหารโรงแรมชื่อดัง”
“แล้วล่าสุดก็มีคลิปคุณศึกรบบอกเลิกกับระรินกลางร้านอาหารแห่งหนึ่งปล่อยออกมาว่อนเน็ต คาดว่าเป็นการออกมาตอบโต้ระหว่างภรรยาของคุณศึกรบซึ่งก็คือคุณสู่ขวัญ”
“คราวนี้ก็เป็นเรื่องแซ่บทั่วพื้นที่โซเชียลเน็ตเวิร์คทันทีเลยค่ะ ชาวเน็ตออกมาจวกยับว่า ระรินเนี่ย ชอบแย่งผัวชาวบ้าน แถมยังมีคนออกมาขุดคุ้ยเรื่องเมื่อก่อนที่ระรินแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับคุณสงครามอีกด้วย”
“แต่ว่าคราวนั้นเนี่ยภรรยาคุณสงครามเกิดไหวตัวทันซะก่อน แถมฝ่ายชายก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของคู่นี้เลยจบลงไปแบบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”
สองพิธีกรสลับกันเล่าอย่างออกรส
“เรื่องก็ยิ่งเข้าล็อกค่ะว่า ตอนนี้คุณศึกรบกลายเป็นเหยื่ออันโอชะรายใหม่ของดาราสาว ร.ร. ที่ชอบเข้า ร.ร. คนนี้ จนภรรยาถูกต้องตามกฎหมายต้องออกมาสู้เพื่อทวงสิทธิ์ของตัวเอง”
ก่อนที่พิธีกรคนแรกจะทิ้งท้าย ว่า
“เรื่องชักจะเข้มข้นแล้วสิคะคุณ”
ที่ห้องของไอวี่ ก็เปิดดูรายการข่าวเดียวกันนี้อยู่ ไอวี่นั่งแต่งหน้าไปอย่างไม่ค่อยสนใจ แต่เปรี้ยวสนใจมากกว่า ดูทีวัสลับกับกดอินสตาแกรมดูไปด้วย
“ยัยระรินนี่ ยิ่งดูยิ่งน่าหมั่นไส้นะ ตั้งแต่ลงภาพทำท่าเลิฟๆอะไรนั่นแล้ว คงจะปลาบปลื้มน่าดูที่ป่าวประกาศว่าแย่งสามีเขา กะจับจริงจังเลยนี่”
“แกยังติดใจคุณศึกรบเขาอยู่เหรอยะ เห็นหมั่นไส้จัง”
เปรี้ยว ส่ายหน้า
“ไม่ติดใจแล้ว ตอนนี้ภักดีแต่ป๋าธรคนเดียว แต่นี่เป็นแกอ่านจะไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไง ดูแค่นี้ก็รู้ ว่าสะตอแน่นอน ดูสิแก มีแต่คนด่า”
พูดพลางก็ยื่นมือถือมาให้ไอวี่ดู ที่หน้าจอเป็นไอจีของระริน ใต้รูปคนเข้าไปด่าบนคอมเมนต์กันใหญ่ ว่าระรินชอบแย่งผัวชาวบ้านบ้าง มีคนร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นพัน
ไอวี่ไล่อ่านทีละความเห็น
“ ดาราหน้าด้าน ผัวชาวบ้านอร่อยนักหรือไงถึงชอบกิน. ผมใจดี สปอร์ต กทม. มีเมียแล้ว ติดต่อหลังไมค์ได้ ป่านนี้คงขายตัวให้ไฮโซจนพรุนไปหมดแล้วมั้ง โห แซ่บว่ะ”
“สมน้ำหน้า โดนซะบ้างก็ดี นี่แกรู้ไหมว่าอีเวนท์ที่เราจะไปวันนี้ ยัยระร่านนี่ก็มานะ”
“รู้แล้ว งานนี้นักข่าวเหยียบกันตายแน่”
เปรี้ยวหัวเราะเยาะเย้ยระริน แล้วก็กดโทรศัพท์ดูต่อ
“ฉันเข้าไปเมนท์บ้างดีกว่า” พูดพลางเปรี้ยวก็กดพิมพ์ข้อความในจอ “จับให้อยู่ก็แล้วกัน ยัยสะตอเบอแหลตัวแม่ .เฮ้ยๆๆ”
“เป็นอะไรวะเปรี้ยว”
เปรี้ยวทำหน้างง “กดเอ็นเทอร์ไม่ได้ เข้าไปเมนท์ก็ไม่ได้แล้ว เป็นไรไม่รู้”
“สงสัยปิดไอจีไปแล้วมั้ง”
เปรี้ยวกับไอวี่มองหน้ากันขำๆ
ระรินสวมแว่นดำสวมหมวกอำพรางตัวเดินเข้ามางานอีเวนท์ พลางเดินผ่านนักข่าวที่จับกลุ่มกันอยู่ ก่อนที่จะรีบเดินเลี่ยงไป ถอนหายใจอย่างโล่งใจที่หันไปแล้วนักข่าวไม่ตามมา
แต่แล้วพอหันไปก็เจอแฟนคลับคนหนึ่งประจัญหน้าอยู่ แฟนคลับคนนี้เห็นก็จำได้
“พี่ระรินใช่ไหมคะ”
ระรินส่ายหน้า แล้วรีบเดินหนี แต่นักข่าวหันมาเห็นก็ชี้ชวนกันให้ไปหาระริน
“นั่นระรินนี่ ไปสัมภาษณ์เร็ว”
นักข่าววิ่งเข้ามาหาระริน ระรินตกใจรีบวิ่งหลบ นักข่าววิ่งตามไม่หยุด ระรินรีบวิ่งจนชนเข้ากับคนที่เดินสวนมา
“โอ๊ย เธอ เดินระวังหน่อยสิ”
ไอวี่เซจนไปติดผนัง ส่งเสียงแว้ดใส่ระริน
“เธอสิที่ต้องระวัง เธอมาชนฉันนะ เธอต้องขอโทษฉันสิ”
“ฉันไม่มีเวลามาขอโทษใคร อย่ามาขวาง หลบไป๊”
ระรินดันไอวี่ไปอีกทางแล้วรีบเข้าห้องแต่งตัว ไอวี่มองตามเจ็บใจ
“ยัยบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ” พลางนึกขึ้นได้ “ระริน”
ไอวี่มองตาม เจ็บใจหนักกว่าเก่า
ไอวี่เดินมาที่ห้องแต่งตัวของพริตตี้ ท่าทางหงุดหงิด เปรี้ยวเห็นไอวี่อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยถาม
“เป็นอะไรของเธอ เมื่อกี้ออกไปยังอารมณ์ดีอยู่เลย”
“เจอคนไม่มีมารยาทชนเอาไง”
“ใคร?” เปรี่ยวย้อนถาม
“ก็ยัยระรินนั่นแหละ”
เปรี้ยวนิ่งนึกครู่หนึ่ง ก็ร้องอ๋อ
“แกเจอแล้วเหรอ”
“ใช่ ชนแล้วไม่ขอโทษ แถมยังผลักฉันอีก นิสัยแย่มาก”
“ยัยนี่แรงทั้งข่าวแรงทั้งนิสัย มันน่าตบสั่งสอน”
ไอวี่สบตาเปรี้ยวอย่างเห็นด้วย
บนเวทีงานอีเว้นท์เปิดตัวสินค้า ระรินออกมาด้วยท่าทางเริ่ดๆเชิดๆ
“สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับทุกท่านมาร่วมเปิดประสบการณ์สัมผัสผิวขาว ใสปิ๊ง กับครีมเพรสตีจ จากฝรั่งเศส ที่จะทำให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงทุกท่านกระจ่างใส และริ้วรอย จุดต่างดำจะค่อย ๆ จางลงภายในหนึ่งสัปดาห์ค่ะ ด้วยส่วนผสมของสกัดจากกุหลาบภูเขา ผสานกับน้ำแร่ที่บริสุทธิ์ คุณผู้หญิงจะรื่นรมย์กับกลิ่นหอมอ่อนโยนของกุหลาบ และความชุ่มชื้นของน้ำแร่ไปพร้อม ๆ กับความกระจ่างใสที่เห็นได้ตั้งแต่ใช้ครั้งแรกค่ะ”
ระรินทำท่าลูบไล้ครีมลงบนผิวด้วยท่าทางเซ็กซี่ ในขณะที่ไอวี่กับเปรี้ยวถือผลิตภัณฑ์ออกมาเต้นอยู่ข้างระริน ทั้งคู่ขยับเข้าไปใกล้ระรินเรื่อยๆ
ไอวี่มองหน้าเปรี้ยวพยักหน้าแบบรู้กัน แล้วไอวี่ก็เริ่มเต้นไปกระแทกระรินจนเซ
“เอ๊ะ เธอ”
ระรินหันมาดูว่าใครชน เห็นไอวี่กับเปรี้ยว ที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องเต้นต่อไป
ระรินรีบยิ้มทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินพรีเซนต์สินค้าต่อ ไอวี่กับเปรี้ยวฉวยจังหวะเต้นไปชนระรินอีก ระรินพยายามทรงตัว แต่เปรี้ยวก็จงใจเดินมากระแทกจนระรินล้ม
ระรินหันไปมองทั้งคู่ ไม่พอใจอย่างแรง เมื่อทรงตัวได้ใหม่ ระรินเลยอาศัยช่วงนั้นเดินผ่านไปในขณะที่ทั้งคู่กำลังเต้นอยู่ พลางแกล้งเอาเท้าขัดขาไอวี่ล้มหน้าทิ่ม แล้วเดินเชิดกลับเข้าหลังเวทีไปเลย
คนในงานพากันมองว่าเกิดอะไรขึ้น ไอวี่เจ็บใจ
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ระรินเดินกลับเข้าหลังเวที อารมณ์เสีย ไอวี่ตามระรินมา เข้ามาดึงตัวระรินให้หันมาเผชิญหน้าตัวเอง
“เดี๋ยวก่อน”
ระรินผลักไอวี่ออกแบบรำคาญ
“เธอจะทำไม”
“คุณขัดขาฉันล้ม”
ระรินชี้มือใส่หน้าไอวี่ “อย่ามาแอ๊บใส ฉันรู้นะว่าเธอก็จงใจแกล้งชนฉัน ฉันไปทำอะไรให้เธอ”
“ความจำเสื่อมรึไง คุณต่างหากที่ชนฉันก่อน” ไอวี่ย้อน
“อ๋อเหรอ” ระรินยักไหล่ “ โทษทีนะ ไม่ได้จำ พอดีฉันจำหน้าพวกพริตตี้ไม่ค่อยได้ มันเหมือนๆ กันไปหมด”
“ก็ยังดีกว่าให้ประชาชนจำหน้าได้แม่นเพราะมีแต่ข่าวมั่วผู้ชาย จริงไหม คุณดาราดัง”
ระรินเริ่มโกรธ
“เธอจะยั่วฉันรึไง”
ไอวี่ลอยหน้าลอยตา “เปล่านะ แต่แหม ถ้าคนมันไม่ร้อนตัวว่าเป็นตัวเองก็คงไม่เดือดร้อนอะไรกับประโยคแค่นี้หรอกมั้ง จริงไหม”
“จริงๆ คนอย่างเธอน่ะมันไม่น่าจะโดนแค่ล้มบนเวทีนะ”
“แล้วควรโดนอะไรล่ะคะ?”
“แบบนี้ไง”
จบประโยค ระรินก็ตบผัวะเข้าที่หน้าไอวี่ ที่มัวแต่ยืนอึ้ง พลางพุ่งเข้าไปจิกหัว แล้วตบซ้ำ แล้วทั้งคู่ก็ซัดกันนัวอยู่ตรงนั้น อย่างไม่มีใครยอมใคร
เปรี้ยวตามเข้ามาดูเห็นทั้งคู่ตบกันอยู่ ไอวี่ตะโกน
“เปรี้ยว ช่วยฉันด้วย”
ระรินดึงไอวี่ไปตบอีกรอบ เปรี้ยวรีบวิ่งเข้าไปดึงระรินไว้ ไอวี่ลุกขึ้นมาได้เข้าไปตบระรินซ้ำ ในขณะที่ แจ๊สวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่
“ พี่ขา แยกเลยค่ะ จับแยกเลย ตายแล้ว”
เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดึงทั้งสามคนออกจากกัน ระรินไม่ยอมยังจะเข้าไปตบต่อ
แจ๊สพาระรินออกมาจากงานอีเวนท์เอาผ้าคลุมปิดหน้าปิดตา นักข่าวเห็นแจ๊สก็เข้าไปรุมจะสัมภาษณ์กันใหญ่
“เมื่อกี้บนเวทีที่ขัดขาล้มเป็นเรื่องจริงหรือการแสดง?”
“ระรินตบกับพริตตี้หลังเวทีจริงหรือเปล่า?”
แจ๊สรีบตอบแทน
“ระรินต้องไปแล้วนะคะทุกคน คงตอบคำถามไม่ได้ ขอทางด้วยค่ะ”
นักข่าวยังเข้ามารุมไม่เลิก เบียดกันเข้ามาเรื่อย จนกระทั่งมีคนหนึ่งไปดึงผ้าคลุมหน้าออก
“ไม่ใช่ระรินนี่”
คนในผ้าคลุมไม่ใช่ระริน แต่เป็นพริตตี้อีกคนที่แจ๊สเอามาหลอก นักข่าวตกใจกันใหญ่
“ระรินล่ะ ระรินหายไปไหน?”
นักข่าวมองหาระริน แจ๊สอาศัยช่วงชุลมุนหลบออกมาตรงที่ที่นัดระรินไว้
“ไป รีบไปก่อนจะโดนนักข่าวรุม”
ระรินกับแจ๊สรีบวิ่งออกจากงาน พลางถอนหายใจโล่งอก ที่หลบนักข่าวได้สำเร็จ
ในห้องแต่งตัว พี่นก เจ้าของโมเดลลิ่งเข้ามาคุยกับไอวี่ ต่อว่าเรื่องระริน
“น้องไม่รู้เหรอว่าน้องไม่ควรมีเรื่องกับดารา ไม่ใช่แค่ระริน จะเป็นใครก็ไม่ควรทั้งนั้น เขามีชื่อเสียงแล้ว ถ้าเกิดเป็นข่าวเราก็เสียหายด้วย”
“แต่เขานั่นมาหาเรื่องหนูก่อนนะคะพี่ เขาตบหนู ดูสิ หน้ายังเป็นรอยอยู่เลย”
ไอวี่ชี้ให้พี่นกดูรอยแก้มที่แก้ม
“พี่รู้ แต่ยังไงก็ไม่ควรอยู่ดี ลูกค้งลูกค้ารู้พี่เสียหายหมดนะ จัดงานอีเวนท์มาให้พริตตี้กับดาราตบกัน ใครรู้พี่ก็พัง พังอย่างเดียว”
เปรี้ยวพยายามพูดช่วยไอวี่
“แต่ไอวี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะพี่ นี่เราก็เจ็บตัวเหมือนกัน พี่จะปกป้องแต่เขา แล้วคนทำงานตัวเล็กๆแบบเราล่ะคะ”
พี่นกส่ายหน้าอย่างระอา
“พี่ไม่ได้ปกป้องใครทั้งนั้น พี่แค่บอกว่า อะไรควรอะไรไม่ควร เราทำงานเราต้องรู้สิว่าควรจะยุ่งกับใคร ไม่ยุ่งกับใคร ถ้าน้องไม่รู้ก็แสดงว่าทำงานไม่ได้แล้วล่ะ”
“อ้าว ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะคะ” ไอวี่ย้อนถาม
“พี่ก็ต้องยึดงานพี่ ลูกค้าพี่สิ ก่อนหน้านี้ก็ได้ข่าวว่ามีเรื่องกับพริตตี้โมเดียวกันพี่อุตส่าห์ไม่เชื่อแล้วนะ”“แต่นั่นหนูโดนกลั่นแกล้งนะคะ” ไอวี่พยายามอธิบาย
“พี่ไม่แน่ใจแล้วว่าเธอโดนแกล้งหรือชอบมีเรื่องกันแน่ เอางี้แล้วกัน เพื่อกันการเกิดเรื่องงานอื่นอีก ช่วงนี้พี่จะขอแคนเซิลคิวเราไปก่อน”
พี่นกพูด พลางลุกเดินออกไปทันที ทิ้งให้ ไอวี่กับเปรี้ยวยืนอึ้ง เหวอ อยู่ที่เดิม
ไอวี่บ่นกับเปรี้ยวเข้ามานั่งพักสงบสติอารมณ์ในร้านกาแฟอย่างเซ็งๆ
“ซวยแล้วแก คราวนี้ตกงานของจริงแน่” ไอวี่หน้าเครียด
“แกน่ะสิ ชอบหาเรื่องกับคนโน้นคนนี้ ฉันเตือนแกแล้วว่าให้อดทนไว้บ้าง แล้วเป็นไงล่ะ คราวนี้กับดาราดังด้วย ใครเขาจะเข้าข้างพริตตี้อย่างเราล่ะ”
เปรี้ยวถอนหายใจ
“แกจะให้ฉันทนได้ยังไงล่ะ เฮอะ! แกคงไม่เป็นไรหรอก แกไม่ใช่คนก่อเรื่อง ฉันเนี่ยสิ แย่แน่”“แล้วแกจะเอายังไงล่ะทีนี้”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันต้องหางานอื่นทำให้ได้”
ไอวี่หน้าตามุ่งมั่น แบบมีแผน
แจ๊สพาระรินกลับมาที่คอนโดของระริน พลางดูซ้ายขวา เมื่อไม่เห้นมีใครมาดัก ก็รีบเดินนำเข้าห้อง
“นึกว่าจะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วนะเนี่ย”
ระรินเดินตามเข้ามา ที่ใบหน้ายังมีรอยแผลอยู่ แต่ทำแผลใส่ยามาแล้ว
“ยัยเมียหลวงนั่นคงไม่มายุ่งกับฉันแล้วล่ะ ได้ผัวคืนไปแล้วนี่”
“เธอนี่ยังไม่สำนึกอีกเหรอ เธอเป็นคนไปแย่งเขามานะ”
“ทำไมฉันต้องสำนึก” ระรินเชิดหน้า “ฉันทำอะไรผิด ไอ้สงครามนั่นมันก็หลงฉันเอง แค่ยั่วหน่อยก็ตามมาต้อยๆ “
“ฉันขอเถอะนะ ระริน อย่าได้ทำอะไรที่มันผิดศีลธรรม หรือเจ็บตัวเจ็บใจแบบนี้อีกเลย มันไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่า ถ้าวันนึงเธอไม่มีคนจ้างเธอจะทำยังไง”
แจ๊สเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมจะไม่คุ้ม ก็ที่ฉันกับเจ๊มีเงินกินใช้อยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะไอ้ข่าวฉาวสารพัดของฉันหรอกเหรอ” “แล้วจะต้องหากินกับข่าวไปถึงเมื่อไหร่ หากินในวงการนี้มันไม่ยั่งยืน เธอก็รู้”
“ก็เพราะอย่างนั้นเราถึงต้องกอบโกยช่วงนี้ให้มากที่สุดไงพี่แจ๊ส แล้วฉันก็จะไม่ให้ใครมาขวางฉันทั้งนั้น รวมทั้งยัยพริตตี้จอมแสบวันนี้ด้วย”
ระรินพูดด้วยความเจ็บใจ แจ๊สมองระรินสีหน้าเป็นกังวล
ปองฤทัย เห็นศึกรบเดินเข้ามาในร้าน ก็รีบเดินไปต้อนรับ
“คุณศึกรบ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
ศึกรบตอบแบบเนือยๆ จนปองฤทัยรู้สึกได้
“วันนี้คุณจะรับกาแฟหรือ..”
“คงไม่สั่งดอกไม้หรอกครับวันนี้ ขอแค่กาแฟเหมือนเดิมก็พอ”
ศึกรบเดินไปนั่งรอที่โต๊ะไม่พูดไม่จา ปองงฤทัยมองตามอย่างงงๆ
ในขณะที่สู่ขวัญก็เอาแต่นั่งเหม่อมองมือถือ แต่ก็ไม่กดโทรออกหรือว่าทำอะไร มีนาเปิดแคตตาล็อกผ้าพลางเดินมาชวนสู่ขวัญคุย
“ขวัญ ลายผ้านี่สวยไหม ฉันว่าจะสั่งมาล็อตต่อไป แต่ราคามันสูงเหมือนกัน เอาไงดี”
มีนายื่นแคตาล็อกไปตรงหน้า แต่สู่ขวัญเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่สนใจ
“ขวัญ เฮ้ ฮัลโหลๆ”
สู่ขวัญได้สติ หันไปหามีนา
“อื้อ ก็ดีนะ”
“ดีอะไรของเธอ เมื่อกี้ฉันพูดเรื่องอะไร รู้ไหม”
สู่ขวัญเงียบ มีนาพูดต่อ
“ฉันเอาลายผ้ามาให้เธอดู แต่เธอก็เหม่ออย่างเดียว ดูไอ้โทรศัพท์อยู่นั่นแหละ รอใครโทรมาเหรอคะเพื่อน”
“ฉัน ก็ รอลูกค้าไง”
“วันนี้ลูกค้ามารับเสื้อไปหมดแล้วจ้ะ”
“นายโยก็ได้” สู่ขวัญเสียงเศร้า
“ไหนเธอบอกน้องชายเธอกลับต่างจังหวัดทีก็หายไปทีไง”
“โยอาจจะอยากโทรหาฉันก็ได้”
“ เหรอ” มีนาพูดลากเสียง
“อื้อ ใช่สิ เธอนี่เซ้าซี้จัง”
“จ้า ฉันน่ะมันเพื่อนจอมจุ้น อยากรู้ไปหมด อยากรู้ด้วยว่าจริงๆแล้วอยากให้คนนั้นโทรมาง้อใช่ไหม แต่ทำเป็นฟอร์ม”
สู่ขวัญอึกอัก พยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ไหนเอาลายผ้าที่เธอว่ามาดูหน่อย”
มีนากอดแคตตาล็อกแน่น ไม่ยอมยื่นให้สู่ขวัญ
“ไม่ให้ บอกฉันมาก่อน”
“โธ่ มีนา”
“บอกมานะ”
“ฉันไม่ได้อยากให้เขาง้อ ฉันก็แค่ อยากให้เขาสำนึกผิด แค่นั้น”
“เหรอ” มีนาแกล้งพูดลากเสียงอีกครั้ง
“เชื่อฉันเถอะ เอามาดูได้รึยัง ลายผ้าน่ะ”
“ไม่ให้”
มีนาคว้าแคตตาล็อก วิ่งผ้าหนี สู่ขวัญรีบลุกตามไป
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ปองฤทัยถือกาแฟมาเสิร์ฟ ศึกรบยิ้มให้เล็กน้อย แล้วก็รับกาแฟไป
“ขอบคุณนะครับ”
ศึกรบนั่งดื่มกาแฟหน้าเครียด จนปองฤทัยทัก
“คุณศึกรบคะ”
“ครับ?”
“คุณดูไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ มีเรื่องกลุ้มใจรึเปล่า” ปองฤทัยถามด้วยความเป็นห่วง
เห็นศึกรบเงียบไป ปองฤทัยนึกว่าไม่พอใจ
“เอ่อ ปองคงละลาบละล้วงมากไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ”
พลางขยับตัวจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ศึกรบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ”
ปองฤทัยหันมา “คะ”
“คุณปองไม่ได้รบกวนผมหรอกนะ ผมแค่เครียดๆ ไม่นึกว่าคุณก็ดูออกด้วย”
ปอฤทัยงเดินกลับมา
“ออกสิคะ วันก่อนๆ คุณจะเข้ามาสั่งดอกไม้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเสมอ แต่วันนี้ไม่มีทั้งรอยยิ้ม ไม่มีทั้งดอกไม้”
ศึกรบ ถอนหายใจ
“จริงด้วยสินะครับ แย่เลย ทำให้คุณสังเกตได้”
“เรื่องที่คุณเครียดก็เกี่ยวกับเจ้าของดอกไม้ใช่ไหมคะ เรื่องที่เป็นข่าว”
“จะปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้วสินะครับ”
ศึกรบพยายามพูดให้ดูตลก แต่ก็ยังดูเครียดอยู่ดี สักพักก็นึกอะไรขึ้นได้
“แต่เอ๊ะ คุณปองติดตามข่าวแบบนี้ด้วยเหรอครับ”
ปองฤทัยตอบยิ้มๆ “ดูสิคะ ข่าวบันเทิง เรื่องปกติของผู้หญิง”
“ผมก็ไม่น่าถามเลย แล้วคุณรู้มาว่ายังไงบ้างครับ”
“ก็รู้ว่าคุณกำลังมีข่าวกับดาราคนนึง อืม ปองไม่เล่าดีกว่าค่ะ ไม่อยากให้คุณเสียความรู้สึก”
“อ้าว ตัดจบซะงั้น”
เห็นศึกรบหัวเราะออกมาได้ ปองฤทัยก็พลอยยิ้มไปด้วย
“คุณคงเครียดมากเลยนะคะ ต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนข่าวที่ออกมา ก็มีแต่คนชื่นชมในความสามารถคุณแท้ๆ”
ศึกรบมองหน้าปองฤทัยอย่างแปลกใจ
“คุณปองเคยอ่านข่าวผมเมื่อก่อนด้วยเหรอครับ?”
ปองฤทัยตกใจ รีบชวนคุยเรื่องอื่น
“ก็เมื่อก่อนคุณดังออกค่ะ ใครๆก็ต้องเคยอ่าน อืม แล้วกาแฟปองเป็นยังไงบ้างคะ อยากฟังคอมเมนต์จากลูกค้าประจำบ้าง”
“อร่อยดีครับ”
ปองฤทัยยืนคุยกับศึกรบอย่างเพลิดเพลิน ศึกรบเริ่มอารมณ์ดีขึ้นตามลำดับ
แจ๊สกับระรินเดินเข้ามาในร้านอาหาร ระรินถามขึ้น
“ที่บอกจะพามากินข้าวกับเด็กในสังกัดเนี่ย สังกัดอะไรกันฮะเจ๊”
“นี่หล่อน” แจ๊สแกล้งทำเสียงดุ “เด็กในสังกัดก็คือเด็กในสังกัดสิยะ เธอมันก็เด็กในสังกัดเหมือนกัน อุตส่าห์จะเลี้ยง จะกินไหมคะ ข้าวน่ะ”
“กินสิ ก็มาซะขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวนี้หัดเป็นสาวอารมณ์ร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณ”
“ใครใจร้อนกันแน่จ๊ะ อุ๊ย นั่นไงมากันแล้ว ว่าไงจ๊ะหนูๆ”
แจ๊สเดินปรี่เข้าไปที่โต๊ะๆหนึ่ง ธันวากับเพื่อนดารา นั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหมดยิ้มมาทางระรินกับแจ๊ส พลางยกมือไหว้
ระรินหันไปทางธันวามองหน้านิ่งๆ ธันวาเห็นระริน ก็ปิ๊งทันที แจ๊สแนะนำ
“นั่นน้องแก๊ป น้องวีซ่า น้องนะโม แล้วก็น้อง...”
“ธันวาครับ” ธันวาพูดแนะนำตัวเอง
“ส่วนคนนี้” แจ๊สมองมาทางระริน “ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้วนะ”
แจ๊สพาระรินไปนั่งกับธันวา
“รู้จักสิครับ ใครจะไม่รู้” ธีนวารีบบอก
“แหม แสดงว่าดังจริงอะไรจริง ดังในทางไหนก็ไม่รู้เนาะ”
แจ๊สหัวเราะ ระรินจิกตาใส่ แจ๊สเสหัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้าๆ สั่งอาหารกันก่อนนะ กินอะไรดี”
พนักงานเอาเมนูมาให้ ธันวาชวนระรินคุย
“ไม่ใช่เพราะเรื่องข่าวนะครับผมถึงรู้จัก แต่ว่าผมปลื้มคุณมานานแล้ว เป็นแฟนละครคุณทุกเรื่องเลย”“ขอบคุณค่ะ”
“จะว่าไปตัวจริงไม่เห็นเหมือนในข่าวเลยนะครับ”
“ไม่เหมือนยังไง?” ระรินย้อนถาม
“ก็ ตัวจริงน่ารักกว่าเยอะเลย”
ระรินแอบยิ้ม แต่ก็ทำเป็นเชิด
“น่ารักแค่ภายนอกละมั้ง มีแต่คนบอกว่าฉันน่ะร้ายจะตาย”
ธันวา โปรยตาหวานให้ระริน
“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ผมเองก็ชอบผู้หญิงร้ายนิดๆนะครับ ผมว่าท้าทายดี”
“งั้นเหรอ แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะมีโอกาสมาใช้ความท้าทายกับฉัน ถ้าไม่อนุญาต”
“ผมก็ด้วยสินะ อืม ไม่เป็นไร เป็นคนรู้จักก่อนก็ยังดีครับ ไหนๆเราผู้จัดการคนเดียวกัน จริงไหม”
ธันวายื่นมือถือมาข้างหน้า ระรินมอง สงสัย
“งั้น เริ่มจากคุยไลน์ทำความรู้จักก่อนเป็นไง”
ระรินหัวเราะออกมา แจ๊สแอบดูอยู่หมั่นไส้
ปองฤทัยเดินไปปิดประตูร้านดอกไม้ พลันเสียงโปรแกรมไลน์ในโทรศัพท์ดังขึ้น ปองฤทัยรีบเดินไปหยิบมาดู หน้าจอไลน์ ขึ้นชื่อชโยดม
“ คุณหมอ”
“หวัดดีครับคุณปอง คุณแม่เป็นไงบ้าง” ชโยดมพิมพ์ข้อความทักทายมา
ปองฤทัยรีบพิมพ์ตอบ
“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ก็ดื้อมาก แกยังเย็บผ้าอยู่เลย ไม่ยอมเลิก”
“แล้วคุณปองทำยังไงครับ”
“ช่วยแกบ้างค่ะ ทำคนเดียวคงไม่ไหว”
“ดีแล้วครับ คุณปองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”
ปองฤทัยมองหน้าจอไลน์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว สักพักมีไลน์จากอีกคน ส่งสติกเกอร์ทักเข้ามา
ปองฤทัยแปลกใจเปิดไปดู หน้าจอไลน์เป็นชื่อศึกรบ
“คุณรบ”
ศึกรบนั่งอยู่ที่ออฟฟิศ กำลังพิมพ์ไลน์ไปหาปอง
“ผมศึกรบเองครับ คุณปองจำผมได้ใช่ไหม”
ปองฤทัยพิมพ์ตอบ “จำได้สิคะ แต่ไม่นึกว่าคุณจะแอดมา”
“ผมบังเอิญเห็นไลน์คุณขึ้นมา เลยรีบแอดน่ะครับ”
“เหรอคะ ปองตกใจหมดเลย”
“ผมแค่รู้สึกว่าคุยกับคุณแล้วสบายใจน่ะครับ เลยแอดมา อย่าตกใจผมเลย”
ปองฤทัยหัวเราะออกมาเบาๆ พลางแอบยิ้มปลื้มอยู่คนเดียว
เช่นเดียวกัยศึกรบ ที่มองหน้าจอไลน์ ที่คุยกับปองฤทัย พลางยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี สักพักข้อความไลน์จากอีกคนก็เด้งขึ้นมา
ศึกรบเปิดไปดู พึมพำออกมา
“ไอ้ธร มีอะไร”
ที่หน้าจอไลน์เป็นข้อความจากสาธร
“ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“ยัง มีงานต้องเคลียร์”
“ขยันจริง แต่นี่เลยเวลาเลิกงานแล้วนะบอส”
“มีงานก็ทำงานไม่เห็นแปลก”
“แล้วมีเมีย ทะเลาะกับเมีย นี่ก็ไม่แปลกใช่ไหม”
“ไอ้ธร ไอ้ปากเสีย” ศึกรบพิมพ์ข้อความโจต้กลับทันควัน
“โห ทะเลาะกับเมียจริงด้วย”
“หุบปากเลยๆ”
ศึกรบเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ ถอนหายใจกลุ้มๆ
หลังกินข้าวเสร็จ ธันวาก็ทำหน้าที่ประคองระริน ที่เมาไม่ได้สติออกมา แจ๊สบ่นตามหลัง
“ยัยนี่อะไรกันนะ ร้านอาหารนะยะไม่ใช่ผับ สั่งเหล้ามากินซะเมาปลิ้น น่าเกลียด”
“ผมก็ตกใจตอนเห็นเขาสั่งมานะพี่ สงสัยเครียดมั้ง”
“คนมันไม่หาเรื่องเข้าตัวมันก็ไม่เครียดจนต้องเมาเละงี้หรอก ดูซิจะกลับยังไงเนี่ย” แจ๊สส่ายหน้าเซ็งๆ “เดี๋ยวผมไปส่งเองก็ได้พี่ บอกทางมาก็พอ”
แจ๊สมองธันวา ไม่ไว้ใจ
“เธอจะไปส่งถึงห้องเลยเหรอยะ”
“เฮ้ยพี่ ผมอยากช่วย ไม่คิดอะไรเลย”
“แน่นะ” แจ๊สถามย้ำ
“แน่สิ”
“ก็ได้ ฉันจะได้กลับห้องฉันเลย ไปคอนโดชื่อ…”
แจ๊สบอกทางไปคอนโดระริน ธันวาพยักหน้าเข้าใจ
ศึกรบกลับมาบ้าน เห็นสู่ขวัญนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวเหม่อๆ ก็รีบเข้าไปใกล้ๆ พยายามชวนคุย
“ขวัญ ทำไมกินข้าวไม่รอผมเลยล่ะ ไหน วันนี้มีอะไรกินบ้างเนี่ย หน้าตาดูดีทั้งนั้นเลยนะ”
สู่ขวัญนั่งนิ่งไม่ตอบ แล้วก็วางช้อมส้อม ลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป
ศึกรบมองตาม อย่างงงๆ
ธันวาพยุงระรินขึ้นมาจนถึงห้อง ระรินยังเมาไม่ได้สติบ่นเพ้อไปเรื่อย
“แกจะทำอะไรฉัน นังเมียหลวง ฉันไม่กลัวหรอก สักวันฉันจะแทนที่แกให้ได้”
ธันวาวางระรินลงบนเตียงนอน ระรินบ่นเรื่องศึกรบออกมา
“เขาไม่รักฉันแล้ว เขาเลือกยัยเมียไฮโซนั่น ได้ยินไหม เขาเลือกเมียเขา”
ธันวาพยายามจับท่าทางให้ระรินให้นอนดีๆ ในขณะที่ปาก็พึมพำไปด้วย
“เขามีเมียแล้วนี่นา เขาจะเลือกเมียเขาไม่เห็นแปลกเลย”
ระรินไม่ยอมนอน ลุกพรวดขึ้นมา
“ฉันทั้งสวย ทั้งสาว ฉันด้อยกว่ายัยนั่นตรงไหน”
“ตรงที่คุณไม่ได้มาก่อนไง”
“ถ้าฉันมาก่อนเขาจะไม่ทิ้งฉันใช่ไหม” ระรินย้อนถาม น้ำเสียงอ้อแอ้
“ผมไม่รู้สิ แต่ถ้าคุณเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาก็คงเลือกคุณ”
ธันวาลุกจะไป จะหาผ้ามาเช็ดตัวให้ระริน แต่ระรินคว้าไว้
“ทำไมต้องเป็นฉันที่มาทีหลังตลอดด้วย ทำไมไม่มีใครเลือกฉัน ทำไมฉันจะต้องโดนอีพวกนั้นตามราวีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไม”
ระรินเริ่มร้องไห้ ธันวาชะงัก รีบเดินลับมานั่งข้างๆ
“อย่าร้องไห้สิคุณ”
“นายไม่เข้าใจฉันหรอก ที่นายบอกชอบฉันมันก็โกหกทั้งเพ”
ธันวา จับระรินให้หันมาคุยกับเขา
“แล้วถ้าผมชอบคุณจริงๆล่ะ”
“ก็พิสูจน์สิ”
ธันวามองหน้าระริน ที่ยิ้มเป็นเชิงท้าทาย ธันวาเลยตัดสินใจเข้าไปจูบ จน ระรินเคลิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มตัวไปบนเตียงนอน
ระรินงัวเงียตื่นขึ้นมาในตอนสาย มองไปรอบเห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจาย พลางรีบก้มดูตัวเองแล้วมองไปข้างๆ เห็นธันวานอนหลับอยู่ iระรินตกใจ ร้องกรี๊ดเสียงดัง
“อ๊าย ไอ้เลว แกทำอะไรฉัน”
ธันวาตกใจตื่นขึ้นมา ระรินกรี๊ดๆแล้วก็รัวกำปั้นทุบใส่ธันวา ธันวาห้ามระรินไว้
“ใจเย็นก่อนสิ คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย”
“ไอ้บ้า ไอ้คนฉวยโอกาส เห็นฉันเมาเลยทำกับฉันแบบนี้เหรอ ไอ้ทุเรศ”
“เดี๋ยวๆ ใครฉวยโอกาส?”
“ก็แกไง” ระรินจ้องหน้าธันวา
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาส ผมเห็นเมื่อคืนคุณก็เต็มใจดีนี่”
“ทุเรศ! พูดออกมาได้ ใครเต็มใจกับแกฮึ”
ระรินยิ่งกรี๊ดอีก จนธันวาทนไม่ไหวขึ้นเสียงบ้าง
“หยุดโวยวายซะทีได้ไหม”
ระรินหยุดกรี๊ด ธันวาพยายามพูดหว่านล้อม
“คุยกันดีๆก่อนเถอะน่า ผมรู้คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ทำไงได้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมเต็มใจนะ เพราะผมชอบคุณ ตั้งแต่เมื่อวานที่เราเจอกันแล้ว”
ระรินเบ้ป่าก “เจอกันแค่วันเดียว แถมฉันเมาด้วย นายจะมาชอบฉันได้ยังไง”
“จะชอบใครซักคนต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ก็เหมือนที่คุณชอบไปยุ่งกับไฮโซพวกนั้นน่ะแหละ”
ระรินถึงกับสะอึก พูดไม่ออก ธันวาเข้ามากอดระรินไว้
“แต่ผมไม่สนอดีตหรอกนะ คุณก็แค่เลิกสนใจพวกไฮโซแล้วมาคบกับผม เซ็กซี่แบบคุณเนี่ย ผมไปไหนไม่รอดหรอก เชื่อผมสิ”
ธันวาทำท่าจะจูบระรินอีก แต่ระรินสะบัดตัวออกแบบรังเกียจแล้วลุกพรวดออกจากเตียง
“คบกับแกเหรอ ไม่มีวัน เป็นแค่ตัวประกอบ ดังก็ยังไม่ดัง เงินก็ไม่มี แกกลับไปเลยนะ”
“อ้าว ตอนนี้ทำมาไล่ ทีเมื่อคืน”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ! รีบเก็บข้าวของแกออกไปจากห้องฉันซะ แล้วอย่าไปพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด ถ้าเกิดมีคนรู้ขึ้นมาแม้แต่คนเดียว ฉันจะเอาเรื่องแก ฉันจะฟ้องว่าแกข่มขืนฉัน ไปให้พ้น”
พูดพลางคว้าหมอน และข้าวของบนเตียงปาใส่ธันวา
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป”
ธันวารีบเก็บเสื้อผ้าแล้ววิ่งหนีออกไป
ธันวาใส่เสื้อผ้าไปวิ่งหนีไปด้วย ระรินวิ่งตามเอาข้าวของตามทางกระหน่ำปาใส่
“นี่เราจะคุยกันดีๆไม่ได้จริงๆเหรอคุณ”
“ฉันไม่มีอะไรดีๆจะพูดกับแกทั้งนั้น ฉันบอกให้ออกไปไง”
“โธ่ รินที่รัก” ธันวาพยายามทำเสียงอ้อน
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแก ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้ทุเรศ….”
ระรินด่าเป็นชุด พลางปาของใส่ไม่ยั้งใน ขณะที่ธันวาพยายามปัดป้องของที่ระรินปาใส่ ก่อนจะ วิ่งหนีออกจากห้องไป
อ่านต่อตอนที่ 11