พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 10
แท่นนั่งพักเหนื่อยที่ม้านั่งข้างทางเช็ดๆ หน้าตาที่ถูกชก มีแค่รอยช้ำเล็กๆ ไม่ได้ถึงกับแตกมีเลือดอะไร
ตู้เข้ามาหา ด้วยความรู้สึกผิด
“คุณตู้เลยไม่ได้ทานข้าวเลย ขอโทษด้วยนะครับ”
“ตู้ต่างหากต้องขอโทษคุณ แล้วก็ขอบคุณด้วยที่คุณช่วย ปกป้องศักดิ์ศรีให้”
“ผมไม่ชอบคนที่ดูถูกคนอื่น คนเราจะเป็นยังไง รสนิยมแบบไหน ก็คนเหมือนกัน ไอ้พวกเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาติ หรือรสนิยมทางเพศ มันควรจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ได้แล้ว”
ตู้มองอย่างปลื้มมาก
“ขอบคุณนะครับ”
แท่นบ่นๆ ฮึดฮัด โดยไม่รู้เลยว่าตู้แอบมองอย่างปลาบปลื้มชื่นชมสุดๆ
“เอกชเยศร์ แค้นนี้ต้องชำระ”
ที่บ้านมัทนี จำเนียรถือชามข้าวต้มเข้ามาในห้องนอน ค่อยๆ เดินเข้ามา เพื่อไม่ให้รบกวนหาญที่นอนหลับอยู่ที่เตียง จำเนียรวางชามข้าวต้ม แล้วมามองๆ หาญที่เตียง
“คุณคะ ทานข้าวหน่อยเถอะค่ะ จะได้ทานยา”
หาญทำเป็นงัวเงียขึ้นมา แต่มีอาการง่วงซึม หัวหนักแบบคนแพ้ยาที่ลุกไม่ไหวหาญยกมือโบกๆ เพื่อบอกว่าขออีกเดี๋ยวค่อยกิน ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ
“คุณคงจะเพลียเพราะฤทธิ์ยา งั้นนอนต่ออีกสักชั่วโมง แล้วค่อยตื่นมาทานนะคะ”
จำเนียรเดินแยกออกไป ทันทีที่จำเนียรปิดประตูห้อง หาญก็กระเด้งขึ้นมาทันที
“ต้องแกล้งป่วยไปถึงเมื่อไหร่วะเนี่ย”
หาญรีบลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนเอาไว้มา กดดูที่หน้าจอ มีเบอร์มิสคอล12มิสคอล เขียนชื่อว่าจาก โยมผึ้ง
“โยมผึ้ง สิบสองมิสคอล! มีอะไรหรือเปล่าวะ” หาญรีบกดโทรกลับไปทันที
ขณะนั้นน้ำผึ้งกำลังเดินมองหาบ้านของหาญอยู่ที่ข้างทาง หยิบมือถือที่ดังมารับสาย
“ค่ะ หนูโทรมาเพราะหนูกำลังจะไปหาคุณพ่อที่บ้านค่ะ”
“หะ” หาญเผลอเสียงดัง รีบลดเสียงทันที “หนู หนูจะมาทำไม ก็พ่อบอกแล้วไงคะว่าพ่อไม่สบาย เลยไปหาไม่ได้ ต้องนอนพักผ่อนวันนึง”
“ก็ผึ้งเป็นห่วงพ่อ อยากจะมาดูแล แล้วก็จะได้ถือโอกาสมากราบขอบคุณภรรยาคุณพ่อด้วย ที่ท่านเมตตาช่วยเหลือหนู”
“ไม่ต้องๆ ภรรยาชั้นเค้าชอบปิดทองหลังพระ หนูกลับบ้านไปก่อนนะ แล้วถ้าพ่อหายดีแล้วจะรีบไปหา” ทันใดมีเสียงกริ่งบ้านดังมา หาญชะงัก “ผึ้ง บอกพ่อให้ชื่นใจทีสิว่า ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน” เสียงกริ่งดังอีก “กดหนึ่ง ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิด กดสอง ถ้าใช่”
เสียงกริ่งดัง กริ่งๆ หาญหน้าซีด
หาญรีบย่องลงมาจากชั้นบน พบว่าจำเนียรกำลังชะเง้อส่องๆ ดูว่าใครมากดกริ่ง
“เหน่ง โหน่ง ไปดูสิ ใครมากดกริ่ง”
แต่เหน่ง โหน่งยังไม่ออกมา หาญตกใจ สยอง รีบอ้อมไปอีกด้าน
หาญมาออกที่ประตูด้านหลัง ไปด้านหลังบ้าน ไปที่สนาม รีบไปที่รั้ว มองๆ หาบันไดหรืออะไรที่จะเอามาใช้ปีนข้ามรั้วออกไปได้ เสียงกริ่งยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง มีเสียงโหน่งตะโกนดังมา
“เดี๋ยวโหน่งออกไปดูเองค่า”
หาญตกใจ เอาเก้าอี้มาพาด แล้วปีน
น้ำผึ้งยังคงยืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้าน โหน่งรีบวิ่งออกมาจากในบ้าน
“มาแล้วค่าๆ”
เสียงกริ่งหยุดไป โหน่งมาเปิดประตูเล็ก มองออกไปก็ไม่พบใครแล้ว ส่องๆ ไปด้านซ้ายด้านขวาก็ไม่พบใคร แปลกใจ
“เด็กมือบอนที่ไหน”
โหน่งกลับเข้าไป ล็อกประตู
หาญดึงน้ำผึ้งมาหลบซ่อนเอาไว้ที่พุ่มไม้ หาญกอดน้ำผึ้งเอาไว้ หาญมีสีหน้าตาสยองมากกลัวโดนจับได้
น้ำผึ้งทำหน้าฉงนใสซื่อ
หาญลากน้ำผึ้งแยกออกมาอีกด้าน
“ทำไมผึ้งถึงเข้าไปกราบขอบคุณภรรยาคุณพ่อไม่ได้ ก็ไหนคุณพ่อบอกว่าคุณจำเนียรท่านรู้เรื่องของผึ้งแล้ว”
“ภรรยาชั้นรู้แล้ว แต่ที่เข้าไปไม่ได้เพราะ เพราะตอนนี้มีแขก เอาไว้คราวหน้านะ”
น้ำผึ้งทำหน้าน้อยใจ
“ผึ้งไม่ได้จะมากวนสักหน่อย”
“ชั้นรู้ๆ แต่วันนี้กลับไปก่อนนะ นะคะ เป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ อย่าดื้อ อย่าขัดคำสั่ง แล้วอยากได้อะไร พ่อจะหามาให้ทุกอย่างเลย”
“ค่ะ แต่ครั้งหน้าสัญญาว่าต้องพาผึ้งมานะคะ”
“น่ารักที่สุด”
“งั้น กลับนะคะ”
หาญคว้ามือไว้
“เดี๋ยวสิคะ เจอกันทั้งที จะไม่กอดคุณพ่อหน่อยเหรอ” หาญอ้าแขนรอ น้ำผึ้งเข้ากอดหาญ
หาญลูบหัว “ทำตัวดีๆ นะคะ แล้วชั้นจะรักหนูไปจนตายเลย”
พอกอดเสร็จ หาญเงยหน้ามา ก็ต้องผงะ ยิ่งกว่าเห็นผี เพราะลิ้นจี่ยืนถือกระเช้าผลไม้อยู่ จ้องตาโตถลน มองหาญกับมองน้ำผึ้งกลับไปมา
“คุณหาญ ไหนคุณจำเนียรบอกว่าคุณป่วย แล้วนี่อะไร ผู้หญิงคนนี้ใคร”
“สวัสดีค่ะคุณป้า หนูเป็นลูกสาวพ่อหาญค่ะ” น้ำผึ้งบอก
“ลูกสาว”
“คือ มัน ไม่ใช่นะคุณลิ้นจี่”
“ชั้นจะไปบอกคุณจำเนียร”
ลิ้นจี่รีบเดินพรวดไป หาญตกใจ พยายามร้องเรียก
“คุณลิ้นจี่” แต่ลิ้นจี่เดินพุ่งไปแล้ว หาญรีบหันมาสั่งน้ำผึ้ง “กลับไปก่อน ไปๆ” หาญรีบวิ่งตามลิ้นจี่ไป “คุณนายลิ้นจี่ รอเดี๋ยว”
น้ำผึ้งมองตามหาญไป สีหน้าแบ๊วๆ แต่ก็แอบยิ้มร้ายกาจ ราวกับว่าทั้งหมดนี้คือแผนการของเธอ
หาญวิ่งมาขวางหน้าลิ้นจี่
“คุณลิ้นจี่ ฟังผมก่อนๆๆ” ลิ้นจี่ชะงัก
“มันเป็นอย่างที่ชั้นคิดใช่มั้ย”
“เอ่อ คือ ไม่ ไม่ใช่”
ลิ้นจี่ตาโต ดูกิริยาอาการก็รู้เลยว่าใช่
“ใช่จริงๆ ด้วย คุณทำยังงี้ได้ยังไง ผู้หญิงคนนั้น รุ่นลูกรุ่นหลานเลยนะ แล้วที่คุณจำเนียรชื่นชมคุณเป็นพ่อพระมาตลอด คืออะไร”
“ก็ เอ่อ...”
“คุณโกหกมาตลอด คุณแกล้งทำเป็นธรรมะธัมโมเพื่อบังหน้า ไม่ให้คนมองเห็นเนื้อในที่แท้จริงของคุณที่มันเน่าเฟะไปหมดแล้ว ใช่มั้ย”
“เป๊ะเลย เอ๊ย ไม่ใช่ๆ ผม...”
“ชั้นจะบอกคุณจำเนียรให้หมด”
ลิ้นจี่จะไป หาญผวาคุกเข่า กอดขา
“คุณลิ้นจี่ ผมขอร้อง ถ้าคุณจำเนียรรู้ ครอบครัวเราต้องมีปัญหาพังพินาศ คุณจำเนียรต้องเสียใจ งานรณรงค์รักเดียวใจเดียวก็ต้องเสียหายเพราะขาดความน่าเชื่อถือ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย แต่ แต่ถ้าคุณให้โอกาสผม ผมสัญญา สาบาน ว่าผมจะไม่ทำผิดพลาดอีก จะแก้ไข จะกลับตัวกลับใจ ให้โอกาสผมนะ”
“ชั้นจะไม่โกหกเพื่อช่วยคุณหลอกภรรยาเด็ดขาด”
หาญกอดขาไม่ให้ลิ้นจี่ไป
“คุณไม่ต้องโกหก คุณแค่ไม่ต้องพูด แค่นี้เอง”
“คุณนี่มัน”
“คุณจำเนียรเป็นคนดี เป็นภรรยาที่ดี เป็นหน้าเป็นตาให้กับสามีและครอบครัว คนดีๆ อย่างคุณจำเนียร ควรจะมีความสุข เป็นที่น่าอิจฉาของครอบครัวอื่นๆ เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ อย่าทำลายความสุขเดียวที่คุณจำเนียรมีเลยนะคุณลิ้นจี่ นะ ผมไหว้ล่ะ”
“ถ้าจะมีใครทำลายความสุขคุณจำเนียรได้ ก็คุณนั่นแหละ”
ลิ้นจี่ยัดกระเช้าใส่มือหาญ แล้วเดินแยกกลับไป หาญกังวล
คืนนั้นที่หน้าบ้านพัก ไร่คุณนายลิ้นจี่ มัทนียืนดูพระจันทร์อยู่ อาทิตย์เดินออกมามองหา
“อ้าว คุณมัท ยังไม่ง่วงเหรอครับ”
“ชั้นนอนไม่หลับ”
“หนาวมั้ย”
“นิดหน่อย”
“เขยิบมาใกล้ๆ สิ”
มัทนีนิ่ง อาทิตย์เลยเขยิบเข้าไปนั่งชิดๆ เอง
“คุณพูดได้ดีมาก กับนายล้ำ”
“ใช่”
“อุ๊ยตาย ไม่ถ่อมตัวเลยนะ”
“แม่ผมสอนมา เรื่อง เป็นผู้ชาย ต้องไม่เอาเปรียบผู้หญิง”
“มิน่า นายถึงได้นิยม ยินยอมให้สาวๆ มากมาย หลายๆ คนมารุมเอาเปรียบ”
“อ้าว ซะงั้น”
“มันจริงไหมล่ะ” มัทนีจะลุกเดินไป อาทิตย์คว้าตัว ดึงมากอด “จะทำอะไร”
“คุณยังไม่ได้เอาเปรียบผมเลย”
“ปล่อย”
อาทิตย์ตลกไม่ออก ปล่อยมือจากมัทนี มัทนีจะเดินออกไป แต่อาทิตย์เรียกไว้
“เดี๋ยว ผมมีอะไรจะให้คุณ”
มัทนีแปลกใจ
อาทิตย์เดินนำมัทนีมาอีกด้านหนึ่ง
“อ่ะ”
อาทิตย์ยื่นกระถางต้นไม้ที่มีว่านชักมดลูกที่ออกดอกสีชมพูสวยเด่นอยู่
“อย่าบอกนะ...”
“ว่านชักมดลูก ผมให้ แทนคำขอบคุณที่วันนี้คุณช่วยเหลือพูดไม่ให้คนงานผมฆ่าตัวตาย แล้วยังช่วยดึงผมไว้ไม่ให้ตกหน้าผาน้ำตกอีก”
“นายจะทะลึ่งอะไรอีก”
“ไม่ได้ทะลึ่ง พอดีผมนึกขึ้นได้ว่า ที่คุณมีสติและกำลังวังชา จนสามารถกระชากผู้ชายตัวโตๆ อย่างผมไม่ให้ลอยไปตามน้ำได้ เป็นเพราะคุณแอบจิบน้ำต้มว่านชักมดลูก”
“เฮ้ย มันไม่เกี่ยวกับว่านเลย ชั้นมีแรงกระชากคุณก็เพราะชั้น เอ่อ เพราะ กลัวว่าเด็กทารกน้อย ลูกเจ๊ไฝจะเป็นอันตราย อะดรีนาลินมันเลยพลุ่งพล่าน แค่นั้น”
“จะอะไรก็ช่าง ผมว่าดอกมันสวยดี แล้วมันก็ดูเป็นของที่ระลึกในการมาฮันนีมูนที่ไร่ของผมดีด้วยผมอยากให้คุณรับไว้ เผื่อวันไหนที่คุณคิดถึงผม ก็ขอให้มองว่านชักมดลูกนี้”
“อื้ม มันเป็นความรู้สึกซาบซึ้งที่แปลกประหลาดดี”
มัทนีรับไว้ อาทิตย์ยิ้ม มัทนีเขินๆ เก้อๆ
“ยิ้มของผม ทำคุณเขินเหรอ”
มัทนีอึกอัก เสียการควบคุม
“ไม่ ไม่เลย ไม่ต้องยิ้ม”
มัทนีตีเพี๊ยะ ไม่ทันคิดว่าตีไปที่แขนข้างที่เข้าเฝือกอ่อนของอาทิตย์
“โอ๊ย”
“อุ๊ย ชั้นขอโทษ ชั้นลืม”
มัทนีรีบเข้าไปดูแลใกล้ชิด ทั้งสองคนใกล้ชิดกัน ราวกับตกในภวังค์ ต่างคนต่างมองตา อาทิตย์โน้มเข้าหามัทนี จะจูบเธอ แต่ก่อนที่จะจูบ มัทนียกกระถางว่านชักมดลูกมาขวาง อาทิตย์จูบว่านแทน
“จะทำอะไร”
“เราแต่งงานกันแล้วนะคุณมัท”
“แล้ว”
“แล้วผมก็ ชอบคุณมาก”
“ถอยออกไป”
“คุณมัท”
“บอกให้ถอยออกไป”
มัทนีเดินกลับเข้าห้องไป อาทิตย์ตาม
อาทิตย์ตามมาเข้ามาในห้องนอน
“คุณไม่รักผมเลยใช่มั้ย”
มัทนีหันกลับมา หน้าตะลึงที่อาทิตย์กล้าพูดอย่างนี้
“ก่อนจะกล่าวหาใคร ถามตัวเองก่อน ว่าคิดยังไงกับชั้นกันแน่ รู้สึกดี ชอบ รัก มันไม่เหมือนกันนะ”
“ผมรู้ ผมแยกแยะออก คุณอย่าเปลี่ยนประเด็น ผมถามว่าคุณไม่ได้รักผมเลยใช่มั้ย”
“ใช่” อาทิตย์อึ้ง
“ไม่รักผมเลยเหรอ ทำไม ทำไมล่ะ”
“นายก็ไม่ได้รักชั้นเหมือนกัน นายแค่ชอบชั้น เหมือนที่นายชอบผู้หญิงทุกคน”
“ไม่เหมือน”
“ยังไง”
“เพราะผม ผมรู้สึกมากกว่านั้น แต่ที่ผมพูดว่าชอบ เพราะกลัวคุณไม่ได้รู้สึกอย่างเดียวกับผม ผมไม่อยากรักคุณข้างเดียว เข้าใจมั้ยมัทนี”
“นายจะรอให้ชั้นบอกรักนายก่อน แล้วถึงจะรักชั้นงั้นเหรอ”
“ใช่”
“แล้วนายไม่คิดบ้างเหรอว่าชั้นอาจจะคิดเหมือนนายบ้างก็ได้”
“นี่คุณอย่าเถียงเพื่อเอาชนะได้มั้ย”
“ชั้นไม่ได้จะเอาชนะ”
“คุณช่วยผมหน่อยได้มั้ย ยอมผมสักครั้งเถอะ ขอร้อง แล้วผมจะยอมคุณทุกอย่างเลย บอกผมมาว่าคุณรักผมหรือเปล่า”
“เออรักก็รัก”
“ผมก็รักคุณ”
“จบป่ะ”
“จบ”
มัทนีกับอาทิตย์จ้องหน้ากัน เพราะของกำลังขึ้นทั้งคู่ ตื่นเต้นที่เผยใจ จ้องตากันไปมา เอาไงต่อดี ก่อนที่อาทิตย์จะตั้งสติและพูดออกมาก่อน
“เอ่อ เราบอกรักกันแล้ว ก็น่าจะเป็นช่วงที่เราต้องสวีทกันแล้วป่ะ”
“ก็สวีทสิ”
“เสียงแข็งยังงี้ใครจะไปสวีทออก พูดจาให้มันน่าสวีทด้วยหน่อยได้มั้ย ไหนพูดหวานๆ สิว่า ชั้นรักคุณ”
“พูดก่อนสิ”
“ผมรักคุณ”
“นี่หวานแล้วเหรอ”
“ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ”
อาทิตย์พูดหวานๆ มัทนียิ้ม ทั้งสองคนสบตากัน หวานซึ้ง อาทิตย์โน้มตัวเข้ามาจูบ
เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นเช้าที่สดใส มัทนีลืมตาตื่นขึ้นมา หน้าตามีความสุข ยิ้มนิดๆ แล้วพลิกหันไปช้าๆ
แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเบิกตากว้างเมื่อพบว่าตัวเองนอนอยู่ลำพัง บนเตียงกว้าง ข้างๆ คือหมอนที่มีรอยนอนบุ๋ม และที่นอนยุ่งๆ
มัทนีลุกขึ้น งงๆ อาทิตย์ไปไหน เธอหยิบเสื้ออีกชั้นมาใส่คลุม เดินออกไป เธอเดินไปดูที่ห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี สดใส
“อาทิตย์คะ อาทิตย์”
เงียบ เธอผลักประตู ประตูห้องน้ำเปิดออก แต่ไม่มีใคร เธอแปลกใจ
ที่ระเบียงกว้างท่ามกลางอากาศที่สดใส มัทนีที่รวบผม ผัดหน้าผ่องแล้ว ใส่ชุดใหม่ง่ายๆ เดินออกมา มองหา เดินจากระเบียงหนึ่ง ไปอีกปีกหนึ่ง มองดูบริเวณด้านหน้าด้วย แต่ไม่มีอาทิตย์อยู่แถวนั้น
“ไปไหนนะ”
ที่ห้องเตรียมอาหาร บนโต๊ะ มีขนมปังที่วางแผ่บนเขียงไม้ มีมีดวาง ตัดขอบขนมปังไปแล้วข้างหนึ่ง ไข่ที่เพิ่งเอาออกจากตู้เย็น เนย แยม มะเขือเทศ ส้ม ขวดนมสด ที่วางเหมือนกำลังจะเตรียมทำอาหารเช้า แต่ถูกทิ้งไปกะทันหัน
“หือ กำลังเตรียมจะทำอาหารเช้าเหรอ แล้วทำไม...”
มัทนีทำหน้าสงสัยอย่างอารมณ์ยังดีอยู่
มัทนีเดินมาในผืนหญ้า กว้าง เธอเดินหาอาทิตย์มา หน้าชักหงิกๆ นิดๆ สักพัก เสียงคุณนายลิ้นจี่ดังมา
“แม่ไม่ชอบ ทำไมผู้ชายมันนิสัยเลวอย่างนี้ ยัยมัทนีต้องรู้ ลูกต้องบอกมัทนี”
“ไม่ได้นะครับ แม่ ถ้ามัทนีรู้ ต้องบ้านแตกสาแหรกขาดแน่ๆ”
มัทนีสะดุ้ง หยุดยืน นิ่งงัน อีกด้านของพุ่มไม้ ลิ้นจี่กำลัง โมโห ท่าทางจริงจัง
“แล้วลูกจะเอาไง จะปล่อยให้มันคาราคาซังอยู่แบบนี้เหรอ”
“แม่ ใจเย็นๆ เราต้องไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า ไม่งั้นจะเจ็บเข่านะแม่นะ”
“ไอ้ลูกบ้า นี่เรื่องร้ายแรงนะ แกยังจะมาทำตลกอยู่อีก”
มัทนีใจเต้น หน้าซีด แอบโผล่ตาไปดูจึงเห็นแม่ลูกคุยกัน
“แม่ครับ มันไม่ร้ายแรงเท่าไหร่หรอก ผมพอจะจัดการได้ ผมเอาอยู่น่าแม่”
“เอาอยู่เหรอ เอาอยู่ยังไง ใช่สิ มันคงเป็นเรื่องเล็กน้อย ในความคิดของพวกผู้ชายอย่างแก แต่สำหรับชั้น เรื่องผู้ชายมีกิ๊กเด็กๆ นี่มันคือเรื่องใหญ่”
“เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็กไงแม่ ผมถึงคิดว่า เราต้องค่อยๆ จัดการ เราจะเอะอะ กระโตกกระตากไม่ได้ เราต้องไม่ให้ไก่ตื่น เราต้องจัดการโดยละม่อม บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น”
อาทิตย์มองมาทางนั้นพอดี มัทนีรีบถอยๆ ซีดๆ
“แต่แกปรึกษามัทนีเค้าหน่อยดีไหม ว่าเค้าคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ไม่ได้นะแม่ มัทนีจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด เค้าต้องรับไม่ได้แน่ๆ ผมรู้นิสัยเค้าดี”
มัทนีอึ้ง เจ็บปวด วิ่งจากมา
อาทิตย์เดินโอบแม่ไปอีกทาง
“แม่ ยัยมัทนีเนี่ยนะ เขารักและศรัทธาในตัวพ่อเขามาก เขาเชื่อพ่อเขาหมดทุกอย่าง คุณหาญ พ่อตาผมเนี่ยคือไอดอลของผู้ชายที่แสนดี รักเดียวใจเดียว และธรรมธรรมโมในใจของลูกสาว ถ้ามันทีเขารู้ความจริง ว่าพ่อเขา คันจี๊ดๆ แค่ไหน โลกของเขาต้องถล่มทะลาย ชีวิตของเขาต้องเซเป๋ เพราะฉะนั้น เรื่องคุณหาญกับสาวๆ เราจะต้องเหยียบให้มิด”
“แต่มันจะถูกหรือ อาทิตย์ ที่ให้เขาฝันลมๆ แล้งๆ ไป ว่าพ่อเขาแสนประเสริฐ ทั้งๆ ที่จริง...”
“ผมไม่อยากให้ยัยมัทเสียใจน่ะแม่ อีกอย่าง ผมไม่อยากให้บ้านแสนสุขพ่อแม่ลูกของเขา ต้องแตกร้าว”
ลิ้นจี่ยิ้ม บีบแก้มลูกชาย
“แกรักผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ”
“ทำไงได้ มันรักไปแล้วนะแม่นะ เอาเป็นว่า ผมจะจัดการกะพ่อตาผมเอง โดยไม่ให้แม่ยายกะลูกสาวเค้ารู้ เราจะช่วยกันปราบมาร ที่จะมาทำให้ครอบครัวของเค้าร้าวฉาน ด้วยวิธีที่เงียบๆ และเนียนๆ นะครับแม่”
ลิ้นจี่พยักหน้า สุขุมขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยนัก
โต๊ะอาหาร ต่อเนื่อง มัทนีวางชาร้อนและเครื่องปรุงกาแฟลงตรงหน้าลิ้นจี่ หน้าตามัทนีฝืนยิ้ม
“คุณแม่มาแต่เช้าเลยคะ คล้ายจะมีเรื่องอะไรร้อนใจด่วนๆ หรือเปล่าคะ”
ลิ้นจี่กำลังเอามีดควักแยมจะมาทาขนมปัง สะดุ้ง มีดหล่น แยมสีแดงกระจาย
“โอ๊ะ ตายจริง เปล่าๆ จ้ะ ไม่มี้ ไม่มีอะไร” ลิ้นจี่รีบเก็บเช็ด มือสั่น “โทษทีๆ นะ แม่ทำเลอะหมดเลย”
“มีอะไรอยากจะบอกหนูไหมคะ หรือจะให้หนูช่วย ทุกเรื่อง เราปรึกษากันได้ค่ะ”
“นั่นสินะ โดยเฉพาะ เรื่องใน ครอบครัวของพวกเรา...” ลิ้นจี่เคลิ้มไปกับมัทนี อาทิตย์รีบขัด
“คือ แม่จะมาดูเรื่อง เรื่องปลูกหญ้าแฝกกันดินถล่มหลังไร่ไม่ใช่เหรอครับ พวกลุงสมเค้ารอแม่อยู่แล้วฮะ จะไปดูกันไหมฮะ”
“ทำไมคะ มีปัญหาดินถล่มด่วนมากเหรอ มัทไม่เห็นได้ยินเลย”
“มีจ้ะ ด่วนมาก เดี๋ยวฝนตกหนัก แล้วดินจะสไลด์ จะทำไงดี ไป รีบไปดูกันก็ดี อาทิตย์” ลิ้นจี่รีบลุก
“ให้คุณแม่รับประทานอาหารเช้าให้เสร็จก่อนไม่ดีหรือคะ อาทิตย์ มันคงไม่เร่งด่วนจนไม่เป็นอันกินข้าวกินปลากันหรอกนะคะ” มัทนีขัดเสียงขุ่น มองอย่างจับผิด
“อ้า จ้ะๆ ใช่ๆ” อาทิตย์รีบตอบรับ ลิ้นจี่นั่งลงใหม่
“ถูกต้องของหนูมัทนี ไม่ต้องรีบมากก็ได้ แหม ชานี่อร่อยจริง เราจะใจร้อนไปทำไม ต้องใจเย็นๆ จริงไหม” ลิ้นจี่
เอาช้อนคนชาเสียงดังแก๊งๆ เพราะมือสั่น อาทิตย์รีบจับมือแม่ที่สั่นไว้
“ครับๆ ใจเย็นๆ ทุกปัญหา เราต้องใจเย็นๆ” อาทิตย์มองสบตา กำกับให้แม่อย่าประสาทเกินไป
มัทนีมองอาการอาทิตย์กับลิ้นจี่ แกล้งก้มหน้าซ่อนความขุ่นใจ แต่พอเงยขึ้น ก็ฝืนยิ้มเครียดๆ
อ่านต่อหน้า 2
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เวลาผ่านไป อาทิตย์กับมัทนีเตรียมเดินทางกลับ
อาทิตย์เปิดท้ายรถ เอาของกินพวกพืชผักผลไม้ท้องถิ่นที่จะเอาไปฝากบ้านกรุงเทพฯใส่ท้าย มัทนีเดินมายืนมองเงียบๆ พออาทิตย์ปิดท้าย หันมาเห็น อาทิตย์ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น เข้ามาจับมือ
“ยังไม่อยากกลับเลย ถ้าคุณไม่มีงานก็ดี จะได้อยู่ต่ออีกนิด เนอะ”
มัทนีดึงมือกลับ ท่าทางเย็นชา
“ไม่ ชั้นอยากกลับเร็วๆ คุณเองก็เหมือนกัน อย่ามาเสแสร้งเลย”
“อะไรนะ ผมเนี่ยนะ เสแสร้ง ผมไม่ได้อยากกลับกรุงเทพฯเลย ขอบอก”
“จริงเหรอ แล้วไม่คิดถึงแย่เหรอ”
“คิดถึงอะไร” อาทิตย์ถามอย่างแปลกใจ
“ก็คิดถึง กรุงเทพฯไง”
“ไม่นะ ผมไม่คิดถึงกรุงเทพฯเลย”
“แล้วคนล่ะ”
“คน คนไหน”
“คน ที่กรุงเทพ หรือที่ไหนก็ตาม ที่ไม่ใช่ที่นี่”
“ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ คุณจะบอกว่าอะไรเหรอ พูดมาตรงๆ สิครับ ผมแปลไม่ออกจริงๆ”
“ก็” มัทนีมองหน้าอาทิตย์ แววตาตัดพ้อ “คุณคิดว่า คุณมีอะไรจะบอกชั้นไหมล่ะ”
อาทิตย์ไม่นึกว่าหมายถึงเรื่องหาญ เพราะไม่รู้ว่ามัทนีได้ยินที่เขาคุยกับแม่
“ไม่มีนะ”
มัทนีหน้านิ่ง เปิดรถ แต่ยังไม่เข้าไปนั่ง ยืนกอดอกเงียบ อาทิตย์งง มัทนีหันมา หน้าตาเอาเรื่อง
“ขอถามทัศนคติเกี่ยวกับการครองเรือนของคุณหน่อยสิ”
“ว่า”
“สามีภรรยา ควรมีความลับต่อกันหรือไม่”
“ควรมี เพราะมนุษย์ทุกคน ย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวกันทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น ก็แปลว่า คุณก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว ที่ห้ามชั้นก้าวเข้าไปยืนงั้นสิ”
“ยิ่งรู้อะไรของกันและกันมากเกินไป ปัญหามันก็จะยิ่งเยอะ คุณไม่คิดแบบนี้เหรอ”
“ดี งั้นคุณก็ไม่ต้อมารู้ทุกเรื่องของชั้นเหมือนกัน” มัทนีขึ้นรถ ปิดประตูโครม
อาทิตย์งง แล้วขึ้นรถฝั่งคนขับ หันมามองหน้ามัทนี เธอใส่เบลท์ แล้วกอดอก เชิด มึนตึง อาทิตย์ถอนใจ ใส่เบลท์ตน แล้วขับออกไป
อีกด้านหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ปุยฝ้ายกับนรีเดินเข้ามาในโรงอาหารที่ว่างคน แล้วชะงักเมื่อเห็นตู้นั่งท้าวคาง ใจลอย ข้างหน้ามีแก้วน้ำแข็งละลาย เอาหลอดคนในแก้ว ถอนใจ เหม่อๆ เพ้อๆ ปุยฝ้ายกับนรีมองหน้ากัน แล้วเดินเข้าไป
“ตู้” ปุ้ยฝ้ายกับนนรีเรียกพร้อมกัน ตู้สะดุ้งเฮือก
“ว้าย อุ๊ย อะไรกันเนี่ย”
“ใจลอยไปถึงดาวดวงไหน ถึงตกใจหนักขนาดนี้ ผิดปกติมากๆ” นรีถาม
“เธอออกข้อสอบเสร็จแล้วเหรอ ถึงมานั่งเล่นอยู่ได้” ปุยฝ้ายถาม
“ยังเลย ชั้นไม่มีอารมณ์”
“หา ออกข้อสอบมันต้องใช้อารมณ์ด้วยเหรอ” นรีทำหน้าแปลกใจ
“ตามกำหนดของทางคณะฯ เธอจะต้องส่งข้อสอบภายในวันศุกร์นี้ แล้วเธอสอนวิชาที่เป็นทฤษฎีแค่วิชาเดียวเอง เธอควรจะส่งไปนานแล้วก่อนใครนะตู้” ปุยฝ้ายบอก
“การคิดข้อสอบ ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน ผิวเผิน หยาบๆ ง่ายๆ แต่มันหมายถึงการสร้างคน มันต้องใช้ทั้งสมองและหัวใจ มันก็เหมือนกับการที่เราจะมอบใจให้ใครซักคน เราก็ต้องใช้ทั้งหัวใจและสมอง ทั้งใช้ความคิด และความรู้สึก เราทั้งสองต้องมีใจที่ตรงกัน มันถึงจะเป็นความรักที่ลงตัว”
“พูดยังกะกำลังมีความรัก”
“มันก็ดีแต่พูดไปตามทฤษฎีนั่นแหละ”
“เปล่านะ ต่อไปนี้ ฉันจะลงมือปฏิบัติละ เพราะชั้นกะคุณแท่น เราใจตรงกัน”
“อะไรนะ”
ปุยฝ้ายตกใจ
“แท่นไหน” นรีย้อนถาม
“คุณแท่น เพื่อนคุณอเนก สามีเธอ เค้ากับชั้น เรารักกัน เราจะแต่งงานกัน”
“ฮะๆ ตลก เวิร์คๆ ใช้ได้ๆ มุกนี้ ฉันจะเอาไปเล่นกะพวกนักศึกษาบ้าง นักเรียนคะ ครูท้องกับจาง กึนซ็อก” ปุยฝ้ายหัวเราะ
“ไม่ตลกนะ ปุยฝ้าย เรื่องรักของชั้นกะคุณแท่น เป็นเรื่องซีเรียสจริงจัง” ตู้บอก
“แท่นมันบอกเธอว่างั้นเหรอ ตู้” นรีถาม
“เค้าไม่ได้บอก เรามองตากันก็รู้ใจแล้ว เรารู้กันอยู่แก่ใจ”
“แก่ใจเธอข้างเดียวสิ ตู้”
“นรี เธออย่ามาดูถูกชั้นนะ”
“ชั้นไม่ได้ดูถูกเธอ แต่ชั้นรู้จักผู้ชายแก๊งนี้ดี พวกมันบ้าผู้หญิงที่สุด”
“แต่ชั้น เป็นชายคนแรก ที่เค้าจะรัก”
“ตู้ ตื่นๆ เราต้องอยู่ในโลกของความจริง”
ตู้ลุกฟึ่บ หน้าโกรธ
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ยกันเลย ชั้นกะคุณแท่นจริงใจต่อกัน เค้าเสียสละเพื่อชั้นหลายอย่าง ถ้าเค้าไม่รักชั้น เค้าไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ”
ตู้เดินเชิด อย่างกับเจ้าหญิง จากไป นรี ปุยฝ้ายอึ้ง มองหน้ากัน มึน
ค่ำวันนั้นที่บ้านนรี อเนกกำลังอุ่นอาหารอยู่ ถึงกับทัพพีร่วงลงหม้อ
“เฮ้ย ตลกแล้ว เขาพูดขำๆ หรือเปล่า”
“มันไม่ได้ขำเลย มันงอนชั้นเพราะชั้นขัดคอมัน ไม่รู้นายแท่นไปทำอะไรให้มันเข้าใจแบบนั้น”
“เอ๊ะ หรือว่าไอ้แท่นมันจะสะดุดในห้องน้ำ หัวฟาดพื้น แล้วพอตื่นมา เลยเปลี่ยนรสนิยม แล้วเลยไปจีบเพื่อนสาวของเธอเข้า”
“เธออย่ามาทำเป็นเรื่องเล่นๆ เพื่อนชั้นเป็นคนดี เป็นคนจริงจัง แล้วจิตใจละเอียดอ่อน อ่อนไหวมากนะ เธอต้องทำอะไรซักอย่างนะอเนก อย่าให้นายแท่นมาหลอกให้เพื่อชั้นรัก แล้วก็หักอกมันจนยับเยิน ตู้มันตายแน่ เข้าใจไหม” อเนกกลุ้ม
คืนนั้นที่บ้านมัทนี เหน่ง โหน่ง ช่วยกันขนของพวกพืช ผัก อาหาร ของฝากจากไร่ ขึ้นบ้านมา มีท่วมทุ่ง โดดๆต้อนรับมัทนี อาทิตย์ก็ยกของเช่นกัน ท่ามกลางเสียงทีวีที่ดังมาก พร้อมเสียงร้องของหาญ
“เธอทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนที่สายตายาว เพราะว่าฉันได้แต่มองเธออยู่แค่ไกลๆ ได้ห่วงใยได้ดูแลเธออยู่แค่ปลายๆ ไม่เป็นไร ได้แค่นี้”
อาทิตย์ทำหน้าชอบกลเดินเข้าไปในบ้าน
ในบ้าน หาญยืนหน้าทีวี และร้อง ทำท่า ไปกับmvทีวี
“ส่วนเธอนั้นก็กลายเป็นคนที่สายตาสั้น เอาแต่คบคนนั้นที่ใกล้ตัว หวังว่าสักวันนึงเธอจะตาพร่ามัว มามองฉันคนที่ไกลก็พอแล้ว”
มัทนีมองพ่ออย่างแปลกใจ เหน่ง โหน่ง ทำท่าระอา แล้วเดินผ่านไปในครัว ท่วมทุ่งเมิน แล้วมุดหนี ไปนอนเอาขาหน้าปิดหู ปิดตา
อาทิตย์เดินมาหยุดมองหาญ แอบสลด แล้วเดินตามเหน่งโหน่งเข้าครัวไป เพื่อไปวางของ หาญกดรีโมทลดเสียง หันมาสนใจลูก
“แหม ไปฮันนีมูนกันมาเหรอ หายกันไปเลยนะ ลืมพ่อลืมแม่เลย คงมีความสุขกันมากล่ะซี้”
ในครัว อาทิตย์กระซิบถามเหน่ง โหน่ง
“ท่านเป็นอะไรของท่าน ร่าเริงซะเหลือเกิน”
“วันสองวันมานี้เหมือนท่านจะอยากไปประกวดร้องเพลงค่ะ” เหน่งบอก
“ใช่ค่ะ เห็นโทรคุยกะใครไม่รู้ แล้วก็เที่ยวเปิดหารายการอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวกะพวกเอเอฟเดอะสตาร์เดอะว็อยซ์ก็อตทาเล้นท์ต่างๆ นานา สงสัยว่าปีหน้าแกจะประกวดร้องเพลง ไม่ก็ส่งใครเข้าประกวดค่ะ” โหน่งบอก
อาทิตย์อึ้ง เดินกลับออกไป
ในห้องดูทีวี มัทนียังคุยกับหาญ
“แม่ไปจัดรายการหรือคะ”
“ใช่”
“แล้ว พ่อกำลังหัดร้องเพลง และเต้น”
“อ๋อ ใช่ ไม่งั้นพ่อก็คุยกะเค้าไม่รู้เรื่องสิ ตอนนี้เพื่อนๆ พ่อ เขากำลังร้องเพลงพวกนี้กัน ไอ้เราไปร้องแต่สุนทราภรณ์ หรือพี่เบิร์ด พี่แจ้งิ ทุกคนจะโวยวายว่า เกิดไม่ทันๆ”
อาทิตย์ทนไม่ได้พูดขึ้นมา
“เพื่อนพ่อกลุ่มไหนหรือครับ ที่จะเกิดไม่ทันพี่เบิร์ด หรือพี่แจ้”
“ก็ เพื่อนที่เจอๆ กัน ที่วัด ที่อะไรเนี่ยแหละ ตอนนี้ทุกคนเขาก็ศึกษากันเรื่องเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ เพราะเราจะต้องเข้ากับเด็กๆ ให้ได้ ไม่งั้นมันก็จะมีช่องว่าง เกิดปัญหาสังคมระหว่างคนต่างรุ่น”
“รุ่นปู่กับหลานหรือครับ”
หาญหันมามองอาทิตย์ ตาขุ่น
“ก็ทุกรุ่นนั้นแหละ กิจกรรมของหลวงพ่อท่าน”
“อ้อ หลวงพ่อนก”
“นี่ นายอาทิตย์ ซักเรื่องได้ไหม ที่พ่อลูกเขาจะคุยกัน แล้วนายไม่ต้องสอด” หาญเริ่มทำเสียงไม่พอใจ
“ใช่ คู่สมรส ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของกันและกันทุกเรื่อง เราควรมีพื้นที่ส่วนตัว ของแต่ละคน เช่นชั้นก็ต้องการเพื่อนที่ที่จะพูดคุยกะพอของชั้น คนนอกไม่เกี่ยว” มัทนีบอกแล้วมองอาทิตย์ด้วยสายตาหาเรื่อง อาทิตย์อึ้ง น้อยใจวูบขึ้นมา
“โอเค ได้ครับ งั้น ผมขออนุญาตกลับบ้าน พอดีพรุ่งนี้มีงานเช้าที่โรงงานด้วย คุณพ่อตากับคุณภรรยา จะได้คุยกันให้สนุก ไม่มีลูกเขยที่เป็นคนนอก มาอยู่ขัดคอให้เกะกะ ดีไหมครับ”
มัทนีอึ้ง ใจหาย มองอาทิตย์ แต่จะให้ง้อหรือขอโทษก็ทำไมได้ อาทิตย์ยิ้ม ปวดใจ หยิบกุญแจรถ เดินออกไป
“แหม ทำงอนๆ เชอะ ลูกอย่าไปสน มา มาหัดร้องเพลงกะพ่อดีกว่า”
หาญกดเปิดรายการเอ็มวี ร้องเพลงอื่นๆ ต่อไปอย่างสนุกสนาน มัทนีเครียด
คืนเดียวกันนั้นที่สตูดิโอของแท่น แท่นกำลังนั่งเล่นกีต้าร์ และร้องเพลงกับโทนี่ อเนก โมกข์ ที่เอกเขนกกันเกะกะเต็มห้อง บ้างนอนโซฟา บ้างนอนบนพื้น เอื้อมมือมาหยิบของในจานใส่ปาก แค่ละคนดูสบายๆ ผิดกับอาทิตย์ที่เดินเหี่ยวๆ เข้ามา
“อ้าว กลับจากฮันนีมูนแล้วหรอวะ” แท่นทัก
“ไม่ฮันน่งฮันนี่ไรทั้งนั้น”
“เฮ้ย ยังไงกัน นายแขนเจ็บ แล้วมัทก็ต้องโอ๋สิวะ” อเนกบอก
“อะไรวะ มาสนใจอะไรเรื่องของชั้น แหม อยู่กันพร้อมหน้าเชียวนะ ทั้งคนโสดคนไม่โสด สนุกกันใหญ่เลย” อาทิตย์เปลี่ยนเรื่อง
“สนุกบ้าอะไร ไอ้แท่นมันตีบตันเว้ย วันนี้มันประชุมทีมครีเอทีฟ ที่จะทำmvวงน้องๆ เกิร์ลกรุ๊ปของมัน แล้วมันไม่เอาซักเรื่อง ที่พวกน้องๆ ครีเอทีฟเค้าคิดมา มันเลยตามพวกเรามาระดมสมอง ว่าใครจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ” โมกข์บอก
“ก็มันน่าเบื่ออ่า กี่เรื่องๆ ก็จะทำเหมือนเกาหลีๆ รำคาญ ไม่มีใครคิดอะไรแปลกเล้ย” แท่นบอก
“มาเลย ไอ้อาทิตย์ แกมาก็อย่าเฉย มาคิดmvให้มันเลย เนี่ย พวกเราเสนออะไรๆไป มันก็ไม่เอา เลยต้องนอนเล่น กลิ้งไปกลิ้งมากันแบบนี้” อเนกบอก
“ชั้นไม่คิดไรทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์ ชั้นจะกินๆ และดื่มๆ แล้วก็หลับๆ จบ”
อาทิตย์เดินตรงมา เอาแก้วมา คีบน้ำแข็งใส่ แท่นมองอาทิตย์ที่เทน้ำใส่แก้ว แล้วหยิบนั่นนี่กิน แล้วดีดนิ้ว
“เฮ้ย ชั้นนึกได้แล้ว ไอเดียพวยพุ่งเว้ย mvของน้องๆ สาวๆ ของชั้น พวกนางไม่ต้องทำอะไร นอกจากปาร์ตี้กันเอง ในห้องนั่งเล่นแบบนี้ เล่นกีต้าร์ ร้องเพลง กินๆ ดื่มๆ นอนๆ แล้วก็หลับ แบบชีวิตจริง แล้วก็แต่งชุดที่ไม่ต้องคอนเซ็ปท์มากมาย แต่กึ่งๆ ปาร์ตี้ชุดนอน แล้วก็ตัดสลับ สมมุติว่าเป็นซีนในผับซักแห่ง แล้วพวกนางก็ร้องบนเวที ขณะที่มีพวกป๋าๆ นั่งดูรอบๆ และป๋าๆ พวกนั้นก็คือพวกเรานี่แหละ ไง เจ๋งป่าวะ”
แท่นตื่นเต้นสุดๆ พวกเพื่อนๆ มองหน้ากัน งงๆ อยู่ๆ อเนกคิดอะไรได้ ทำหน้าตื่นเต้น
“เยส”
คนอื่นหันมองอเนกเป็นตาเดียว ยกเว้นอาทิตย์
“อะไรของแกวะ” โทนี่ถาม
“ไม่บอกเว้ย”
ทุกคนงงอเนก ยกเว้นอาทิตย์ ที่ไม่สนใจอะไรเลย ขรึมๆ กับการรินเครื่องดื่มไปคนเดียว หน้าเศร้า
เช้าวันรุ่งขึ้น มัทนีสะดุ้ง ตื่นขึ้น ลุกนั่ง งงๆ เธอมองรอบๆ เห็นว่าเป็นห้องนอนตน ที่มีเธอนั่งลำพังท่ามกลางเตียงกว้าง ที่หน้ากระจกมีพวงมาลัยคู่วันวิวาห์ ยังแขวนอยู่ แต่เหี่ยวแล้ว มัทนีอึ้ง เศร้า น้ำตาไหลออกมา แล้วเอาหมอนมาปิดหน้าไว้ ก่อนจะปล่อยฮือๆ โฮๆ
มัทนีเดินรดน้ำต้นไม้ในสนาม มองไปด้านหนึ่งแล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นหาญกำลังออกกำลังกายในท่าแปลกๆ
เธอจึงเดินเข้าไปดู
“พ่อทำท่ายากเก่งนะคะ”
“จริงเหรอลูก” หาญลุกขึ้น แกว่งแขนไปมา “พ่อลองทำตามในทีวีน่ะ เขาบอกว่ามันจะเสริมสร้างกล้ามเนื้อดีนักแล”
“พ่อไม่เดินจงกรมแล้วหรือคะ”
“พ่อก็ยังเดินอยู่ แต่ก็หาอะไรใหม่ๆ มาลองทำบ้าง คนเรา ก็ต้องลองของใหม่ พ่อหมายความว่ากิจกรรมที่ไม่ซ้ำซากน่ะ”
“เออ จริงสิคะ คืนนั้นพ่อไปไหนคะ” มัทนีถามเมื่อนึกขึ้นได้
“คืนไหน”
“คืนวันแต่งงาน วันส่งตัวหนูไงคะ ที่ พ่อแต่งตัวชุดประหลาดๆ จะออกไปไหน”
“หา ลูก ลูกเห็น”
“ก็ เพราะหนูจะออกไปตามพ่อไงคะ อาทิตย์เขาเลย เอ้อ เค้าบอกว่าพ่อไปวัด และจะพาหนูไปตามพ่อ แต่แล้วเค้าหลอกหนู เค้ากลับพาหนูไป เอ้อ ไปที่ไร่เค้าแทน”
“อ๋อ ฮ่าๆ ยังงั้นเหรอ ฮ่ะๆ” หาญเพิ่งรู้ รีบคิดหาทางรอดวุ่นวาย แล้วนึกได้ ดีดนิ้วเปาะ “ว้าว แหม ฮ่าๆ แผนของพ่อได้ผลจริงๆ ใช่ไหมล่ะ”
“แผนอะไรคะ”
“เอ๊า ก็ที่วันนั้น มันมาฟ้องพ่อว่าหนูน่ะ ไม่ยอมเข้าหอกะมันดีๆ ไล่มันมานอนนอกห้อง ใช่ป่าวๆ มีเหตุการณ์แบบนั้น ใช่ป่าวล่ะ” หาญลักไก่แล้วมัทนีก็ตกหลุมพราง
“ก็ เอ้อ ใช่ค่ะ”
“นั่นไงๆ เห็นไหมๆ มันเลยบอกว่าให้พอแกล้งทำเป็นจะหนีไปไหน แล้วทำตัวเด่นๆ ให้ลูกเห็น แล้วมันจะได้พาลูกไปในที่โรแมนติกๆ แล้วจะได้ฮันนีมูนกัน”
“อ๋อ ที่แท้พ่อต้องเสียสละ ทำอะไรพิลึกๆ บ้าๆ บอๆ เพื่อช่วยนายอาทิตย์นี่เองหรือคะ”
“ก็ ก็ทำนองนั้นน่ะแหละลูก”
มัทนีเชื่อสนิท
“อ๋อ เข้าใจละ นายคนนี้มันกะล่อนจริงๆ ขอบคุณนะคะที่พ่อน่ารักมาก แล้วก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อหนู”
จำเนียรเดินแกว่งแขน สูดหายใจออกมาจากบ้าน หาญลูบผมมัทนี
“เพราะลูกคือทุกอย่างของพ่อแม่ไง” หาญหันไปเห็นจำเนียร รู้สึกเบื่อ “นั่นแม่หนูตื่นลงมาละ พ่อออกกำลังเสร็จพอดี ไปอาบน้ำดีกว่า” หาญรีบเดินหนีไปอีกทาง ขี้เกียจคุยกับจำเนียร
จำเนียรเดินมา เห็นหาญหลบไปไกล แล้วเดินเข้าบ้านจากอีกประตูหนึ่ง
“อ้าว นั่นพ่อหนูไปไหน เมื่อคืน แม่กลับมา เข้าก็หลับปุ๋ย กรนคร่อก ไม่ได้คุยกันเลย”
“อ๋อ พ่อคง ออกกำลังจนเหงื่อออกเยอะมากน่ะค่ะ เลยไม่อยากให้แม่เหม็นมังคะเลยรีบไปอาบน้ำ”
“ตลกจัง” จำเนียรขำ “เออ แล้วอาทิตย์ล่ะลูก ไม่เห็นรถเลย”
มัทนีอึ้ง ยิ้มเจื่อนๆ
“เค้ามีงานค่ะ”
ที่สตูดิโอของแท่น ท่ามกลางแสงกลางวันสว่างจ้า อาทิตย์ลืมตาตื่น งัวเงีย ลุกมานั่ง งงๆ ท่ามกลางโซฟา และข้าวของจากการกินดื่ม ที่เกะกะ มีเสียงเก็บของก๊งเก๊งๆ โทนี่ แท่ง กำลังช่วยกันเก็บของใส่ถาด ใส่ถัง เพื่อเคลียร์ห้อง
“อ้าว นี่ ตกลงชั้นนอนสตูดิโอแกเหรอ” อาทิตย์ถาม
“ยินดีต้อนรับกลับสถานะเดิม เพื่อน” โทนี่บอก
“จริง การแต่งงานทำอะไรแกไม่ได้จริงๆ เจ๋งว่ะ” แท่นบอก อาทิตย์ปวดหัว กุมหัว เอียงคอขึ้นมามองเพื่อน
“หมายความว่าไง”
“ก็การแต่งงานไม่ได้กีดกันแกออกไปจากเพื่อนๆ เลยนี่หว่า แกก็ยังสามารถนอนค้าง สว่างแจ้งกะเพื่อนๆ ได้ แล้วยัยมัทก็ไม่ยักโทรตาม เยี่ยมทั้งผัวทั้งเมีย”
“จริง เพื่อน ขนาดเพิ่งกลับจากฮันนีมูนแท้ๆ เพื่อนยังสามารถคุมเมียไว้ในโอวาทได้ ต้องชมคุณมัทด้วย ที่ไม่เป็นเมียพันธุ์จิก”
“เห็นแบบนี้ ค่อยมีกำลังใจหน่อยเนอะ ที่จะมีเมีย เพราะเมีย ทำอะไรชายเสเพลอย่างเราไม่ได้ ถ้าเราไม่ยอม”
“มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมกับคำว่า เอาอยู่”
“เจ๋งจริงๆ”
แท่นกับโทนี่ช่วยกันพูดแล้วหัวเราะกัน เข้ามาตบหลังตบไหล่อาทิตย์ อาทิตย์หัวเราะไปด้วย แบบฝืดๆ แล้วแอบหันมา อึ้งๆ ทำหน้าเศร้าๆ
ท่วมทุ่งวิ่งเล่นไปมาอยู่ในสนาม จำเนียรขว้างบอล ให้ท่วมทุ่งคาบกลับ มัทนีเดินเล่นข้างๆ แม่
“แม่คะ สามีกับภรรยาเนี่ย ควรจะมีความลับต่อกันหรือเปล่าคะ”
“ไม่ควรมีนะ ทำไม ลูกมีความลับอะไรกับนายอาทิตย์เหรอ หรือเค้ามีความลับอะไรกับลูก”
“เปล่าค่ะ หนูแค่อยากรู้ทัศนคติของแม่น่ะค่ะ”
ฆผัวเมียไม่ควรมีความลับต่อกัน”
“หนูก็ว่ายังงั้น”
“ดูอย่างแม่กับพ่อสิ เรายังไม่มีความลับต่อกันเลย แม่มีอะไร แม่ก็บอกพ่อเค้าหมด แล้วพ่อเค้ามีอะไรเค้าก็บอกแม่ทุกเรื่องตลอดๆ”
“จริงด้วย”..
มัทนีทำหน้าเซ็ง ที่อาทิตย์ไม่เป็นแบบพ่อ
อีกด้านหนึ่งที่มหาวิทยาลัย อเนกโผล่เข้ามาในห้องทำงานนรี ขณะนั้นนรีนั่งตรวจงานเด็กอยู่
“ตู้ล่ะๆ อยู่ไหน”
“ยังไงคะ โผล่มาก็ตามหาตู้”
ตู้กับปุยฝ้ายเดินเข้ามา
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว ข้อสอบ วิชาทฤษฏีวิจารณ์การละคร มีทั้งหมด 3 ข้อถ้วน แต่ละข้อ ให้เขียนคำตอบแบบอภิปรายอย่างฟ่างฝาง ให้เวลาทำ 3 ข้อ สองชั่วโมง” ตู้ชะงักเมื่อเห็นเห็นอเนก “อุ๊ย คุณอเนก” มองหาแท่นทันที “มาคนเดียวหราคะ”
“มารับพี่นรีเหรอคะ ดีจัง สามีดูแลแบบนี้ พี่เราสบายไปเลย” ปุยฝ้ายบอก
“ผมมีธุระ จะมาทาบทามคุณตู้ นั่นแหละครับ”
“ทาบทาม ทำไมคะ” นรีงง
“เจ้าแท่น กำลังจะทำmvให้น้องสาวๆ เกิร์ลกรุ้ปพวกนั้นครับ แต่มันยังคิดเรื่องราวได้ไม่ ชัดเจนพอ มันเลยอยากจะคุณตู้ไปช่วยคิดให้ไงครับ”
“แล้วเค้าให้คุณอเนกมาติดต่อตู้หรือคะ อ๊า พวกเธอก็เอาเองก็แล้วกันนะ เค้าเป็นฝ่ายอยากร่วมงานกะช้านก่อนเอง นะจ๊ะ”
นรีหันไปมองหน้าอเนกแบบเต็มไปด้วยคำถาม อเนกมองตอบแบบรู้กัน
เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน นรีนั่งลงที่โซฟา อย่างเพลียๆ อเนกนั่งลงกับพื้น นวดน่องให้
“แท่นเค้าไม่ได้ป็นคนต้องการให้ตู้ไปทำงานด้วยซะหน่อย คุณตังหาก ที่มาติดต่อเอง”
“ใช่ แต่แท่นเขาก็ตกลงแล้ว เพราะเขาก็ไม่ชอบเรื่องที่ครีเอทีฟคิดมาให้จริงๆ”
“คุณต้องการอะไร”
“ผมอยากรู้ ว่าแท่นมันเปลี่ยนรสนิยมจริงๆ หรือว่าไม่ได้เปลี่ยนเลย มันยังบ้าผู้หญิงเหมือนเดิม”
“แล้วไง”
“ตู้ไม่ควรจะฝันล้มๆ แล้งๆ นางควรจะเผชิญความจริง ถ้าแท่นชอบนาง เราก็จะได้รู้กันไป แต่ถ้าไม่ นางจะได้เลิกเพ้อ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียหน้า และเสียใจไงล่ะ”
นรีอึ้ง ห่วงเพื่อน
วันต่อมาที่ผับแห่งหนึ่ง ทีมงานของแท่นกำลังเอาผ้าดำคลุมผนังกระจกด้านหนึ่งของผับ นรี มัทนี ตู้ ปุยฝ้ายเดินเข้ามา
“ว้ายๆ นั่นไง กองถ่าย ตื่นเต้นๆ” ตู้บอกอย่างตื่นเต้น
“เก็บอาการหน่อยสิจ๊ะ ฝ่ายหญิง ต้องดูนิ่งๆ หน่อยสิ” มัทนีเตือน
“มัทนี เนื่องจากเธอเป็นคนตรงไปตรงมา แล้วอ่านผู้ชายเก่ง” นรีบอก
“หา อะไรนะ ชั้น อะไรเก่งนะ”
“เธออ่านขาดไง เธอดูผู้ชายออก แล้วจัดการกับพวกผู้ชายได้ดี”
“ถูก ไม่งั้นเธอไม่ได้ตำแหน่งเด็ดปีกคาซาโนว่าตัวพ่อหรอก เธอทำให้นายอาทิตย์สละโสดได้ เธอถึงเป็นสาวที่เจ๋งและมาแรง สมควรเป็นที่พึ่งของทุกคน” ปุยฝ้ายบอก
“บ้าแล้ว”
“ไม่บ้า พวกนี้ มันไปตามเธอมาเพื่อให้เธอมาดูว่า คุณแท่นเค้าชอบชั้นหรือเปล่าไงล่ะ เลวไหม ชั้นบอกว่าเค้ากับชั้น เรารักกัน แต่พวกนี้ไม่เชื่อ ดูถูกความจริงใจของชั้นกะคุณแท่น ก็เอาซี้ มาดูกันเลย จะเอาเครื่องวัดคลื่นตรวจจับผีมาตรวจจับก็ได้ แล้วเธอจะเห็นว่า เวลาเค้ากับชั้นเข้าใกล้กัน มันจะดังจึ๊ดๆ ลั่นโลกเลยล่ะฮะๆ”
แท่นเดินมาพอดี แล้วยิ้มให้ทุกคน แล้วมาจบที่ตู้ แท่นจับมือตู้เขย่าๆ
“คุณตู้ ขอบคุณมากนะครับ ที่รับทำงานนี้ให้ผม คุณคงจะช่วยพวกน้องๆ ได้มากเลยครับ”
ทุกคนมองอึ้งๆ ตู้หันมามองทุกคนอย่างมีชัย
“เห็นมั้ยล่ะ”
“อะไรเหรอครับ”
“เปล่าค่า” ตู้ยิ้มกว้าง ตาปิด กระพริบตาโปรยเสน่ห์ เพื่อนๆ อึ้ง
แท่นเดินนำแก๊งมัทนีเข้ามาอีกด้านหนึ่งของผับ
“คุณแท่นขา ที่เค้าเอาผ้าดำมาปิดแบบนี้ เพื่อจะทำให้มันกลายเป็นเวลากลางคืนหราคะ” ตู้ถาม
“ครับ”
“คุณแท่นขา ที่เค้าเอาผ้าห่มมาห่มให้พื้น เพราะเค้ากลัวพื้นมันหนาวหราคะ” ปุ้ยฝ้ายถามล้อเลียนตู้
“อ๋อ ปูไว้ เพราะกันไม่ให้ทีมงานไปทำพื้นเขาเป็นรอยขูดขีด จากพวกขาไฟ หรือขากล้องนะครับ”
“แล้วคุณแท่นต้องมาดูเอง เวลาถ่ายมิวสิควิดีโอให้ศิลปินในค่ายทุกครั้งหรือคะ”
“อ๋อ ไม่ทุกครั้งหรอกครับ แต่นี่ พอดี ไอเดียการถ่ายทำเรื่องนี้ ผมคิดเอง แล้วก็เชิญคุณมาทำงานด้วยกัน แล้วคุณก็ให้เกียรติมา ผมก็ต้องมาดูแลเองสิครับ”
“โอ๊ว” ตู้เขิน
อ่านต่อหน้า 3
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
นรี มัทนีเดินตามมา สะกิดกัน
“เฮ้ย ดูมันพูดเข้าสิ ปากหวานแบบนี้ไง ตู้มันถึงเข้าข้างตัวเองได้ ว่าเขาชอบมันน่ะ”
“เอ แต่ชั้นว่า พูดแบบนี้ มันก็ธรรมดานะ ถ้ามัทเชิญพี่นรีมาช่วยอะไร แล้วพี่นรีมา มัทก็จะพูดแบบนี้”
“แต่เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน เราก็ไม่คิดมากไง”
“แต่แท่นเค้าก็อาจจะคิดว่า ตู้เป็นผู้ชายด้วยกันก็ได้”
“เค้าจะแบ๊วๆ ใสๆ ขนาดนั้นเหรอ”
“ก็ไม่รู้สิ”
“แต่ถ้าเค้ารู้ว่าตู้ชอบ แล้วยังมาพูดให้ความหวังแบบนี้..โดยไม่คิดจะอะไรกับมัน ก็ถือว่าเขาหยอดทิ้งหยอดขว้างแบบไร้จรรยาบรรณมากๆ”
แท่นเดินนำไปที่มุมแต่งหน้า
“เชิญครับ มานั่งกันตรงนี้ก่อน ค่อยเย็นหน่อย”
พวกมัทนีเดินเข้าไป แล้วชะงัก เพราะในนั้นมีกลุ่มสาวๆ สองคนนั่งแต่งหน้าอยู่อีกด้านหนึ่ง โทนี่กำลังนั่งให้ช่างทำผม อาทิตย์กำลังหัวเราะ เล่นตีตบแผะกับสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวเสร็จแล้ว โมกข์และสาวอื่นๆ มุงเชียร์ว่าใครจะทำผิดก่อน
สาวๆ 5 คน อยู่ในชุดเอี๊ยมสั้น สีพาสเตล ใส่ถุงเท้าสต็อกกิ้งยาว รองเท้าส้นตึกขาว ทำผมเปียบ้าง แกละบ้าง น่ารักๆ แต่งหน้าใสๆ แหววๆ แนวการ์ตูนญี่ปุ่น ผู้ชายทุกคน ใส่สูทสีขาวล้วน
“นางเงือกน้อย ตบข้างบน ตบข้างล่าง ตบพร้อมๆ กัน...”
สาวๆ พอเห็นพวกมัทนี รีบหันมาสวัสดีกัน ยิ้มแย้ม คิกคัก
“ว้าย พี่อาทิตย์ มีเมียมาคุมด้วย”
สาวคนอื่นๆ ฮาเฮ
“เอ๊ะ”
“อ้าว”
“นี่ คุณมาทำอะไร” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“ผมมาเข้าฉากถ่ายmv แล้วคุณล่ะ มาได้ไง”
มัทนีอึ้ง มองอาทิตย์ แล้วกวาดตาดูสาวๆ แว่บหนึ่ง แล้วหันไปมองนรี หน้าขรึม มัทนีกระซิบเบาๆ กับนรี
“นรี เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าอาทิตย์จะมา แล้วทำไมไม่บอกชั้นก่อน”
“บ้า จะไปรู้ได้ไง รู้แต่ว่าถ่ายmv สาวๆ พวกนั้น ทำไมเหรอ อ้าว เธอกับอาทิตย์ อยู่บ้านเดียวกัน ไม่คุยกันเหรอ หรือว่ามีอะไร”
“เปล่า”
มัทนีจะร้องไห้ หันกลับ เดินลิ่วออกไป นรีงง อาทิตย์มองตาม สงสัย
มัทนีเดินมาหามุมสงบมุมหนึ่ง แล้วรีบเงยหน้าเช็ดน้ำตา กลางห้องนั้นมีเวทีตรงกลาง เก้าอี้ตั้งล้อมเวที ฉาก และเวที และโต๊ะ เก้าอี้ เป็นสีขาว มีทีมจัดไฟกำลังจัดไฟไปที่เวทีนั้น อาทิตย์รีบตามมา
“มัท”
มัทนีหันไป รีบทำท่าบึกบึน
“อะไร ตามมาทำไม กลับไปตีตบแผะนางเงือกน้อยต่อสิ แล้วช่วยบอกพวกน้องๆ ที่คุณมาดูแลด้วยนะ ว่าชั้นไม่ได้มาคุมคุณ ไม่เคย แม้แต่จะคิด”
“แล้วคุณมาที่นี่ เพราะอะไรเหรอ”
“ชั้นมาเพราะเพื่อนขอให้มาช่วย อะไรบางอย่าง ไม่เกี่ยวกะคุณ”
“ผมก็มาเพราะเพื่อนผมให้มาช่วยเหมือนกัน ไม่ได้มาเพื่อดูแลน้องๆ พวกนั้น หรือมาเพื่อตีตบแผะนางเงือกน้อย”
“ชั้นไม่ได้ถาม เพราะชั้นไม่สนใจ”
“มัทนี มีอะไรเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากันแน่”
มัทนีเชิด ไม่สบตา
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นล่ะ”
“กวนประสาท”
“กวนยังไง ก็สามีภรรยาทุกคู่ก็ควรจะเว้นที่ว่างไว้ให้อีกคนหายใจไม่ใช่เหรอ ทุกคนย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง มีความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้บ้าง ทำไมคุณต้องมารู้เรื่องทุกเรื่องที่ชั้นคิดด้วย” มัทนีย้อนอย่างประชด
อาทิตย์มอง แค้นๆ แต่ยังไม่ทันทำอะไร แท่นก็พาตู้ ปุยฝ้าย และสาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปออกมา
“นี่ครับคุณตู้ ฉากแรกคือสาวๆ จะร้องเพลงบนเวทีนี่” แท่นเดินนำไปที่เวทีกลางห้อง “คือเขามีท่าเต้นของเขาอยู่แล้ว และในเรื่องราวก็คือ พวกเขาจะเต้นกัน แล้วแต่ละคน จะมีมุกมายั่วพวกป๋าๆ ที่มานั่งดูกันรอบๆ ในวิธีการที่ต่างๆ กันไป จุดนี้ล่ะครับที่ผมอยากให้คุณตู้ช่วย ให้มันเก๋ๆ แปลกๆ ไม่ซ้ำซาก” แท่นหันมา เห็นอาทิตย์พอดี “อ้าว อยู่ตรงนี้พอดี”
อาทิตย์รีบทำเป็นรักกับมัทนี ต่อหน้าเพื่อนและสาวๆ ทันที รีบเข้ามาโอบมัทนีไว้
“ขอบคุณนะมัท ที่มาให้กำลังใจผม ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ที่ต้องมาเข้าฉากmv ผมแอ็คติ้งไม่เป็น เขินมากเลย ถ้าต้องเข้ากล้องน่ะ”
“อุ๊ย คุณอาทิตย์ ไม่ต้องเขินค่ะ เดี๋ยวตู้ช่วยดูให้”
“งั้นอาทิตย์ สาวๆ ด้วย ทำตามที่พี่ตู้บอกเลยนะจ๊ะ พี่ตู้บอกอะไรต้องเชื่อฟังกันนะ” แท่นออกไป ตู้หันมา หัวเราะ กระซิบใส่หน้าปุยฝ้าย
“เห็นหรือยัง ว่าเค้าให้ความสำคัญชั้นขนาดไหน ฮะๆ”
“มันก็ธรรมดา นังตู้ มันไม่มีอะไรเลย จริงๆ นะ”
“มันมีๆ มันไม่ธรรมดา มันพิเศษๆ น้องๆ คะ ไหน มาร้องเพลงแล้วเต้นตามที่ซ้อมกันมาให้พี่ตู้ดูก่อนนะคะ”
ปุยฝ้ายเพลียใจที่จะพูด
มัทนีถลึงตาใส่อาทิตย์
“ทำไมต้องเสแสร้งเล่นละครต่อหน้าคนอื่นด้วย เนี่ยนะ แอ็คติ้งไม่เป็น”
“หรือคุณอยากจะให้เราดูเป็นคู่สมรสที่มีปัญหาล่ะ อยากโชว์เขาเหรอ ว่าเสร็จจากฮันนีมูนหยกๆ เราก็ตีกันเลยน่ะ”
“ใครว่าชั้นตีคุณ”
“ต่อหน้าคนอื่น ทำตัวให้ดีๆ หน่อยผมไม่อยากให้คนเอาไปลือว่าเราทะเลาะกัน”
“อ้อ แคร์คนอื่น”
ตู้หันมา
“อ้าว สองคนผัวเมียนั่นน่ะ ซุบซิบๆ อะไรกันจ๊ะ”
อาทิตย์รีบกอดมัทนี
“อ๋อ จีบกันน่ะจ้ะ”
“เชิญทางนี้หน่อยค่าคุณอาทิตย์ มานั่งเป็นป๋าให้สาวๆ ยั่วแป๊บ”
อาทิตย์รีบไป สาวๆ เข้ามารุม ดึงแขนอาทิตย์กัน อาทิตย์มองมาอย่างแคร์ในตัวมัทนี มัทนีมองตาม อึ้งๆ แล้วทำเมิน
สาวๆ ทั้ง 5 คนร้องเพลงและเต้นอยู่บนเวทีตามท่าที่ซ้อมไว้ เป็นช่วงท่อนท้ายของเพลง อเนก โมกข์ โทนี่ และอาทิตย์นั่งเก้าอี้ดูอยู่หน้าเวที
ทีมงาน กล้อง ผู้กำกับ ต่างทำงาน วางไลน์ ซ้อมกล้องไป ส่วนตู้ยืนเด่น สวยๆ ดูอยู่หน้าเวที แท่นคุยกับผู้กำกับ พลางวางไลน์กัน
มัทนี นรี ปุยฝ้าย สังเกตการณ์อยู่อีกมุมหนึ่ง สาวๆ เต้นจนจบ และโพสท์ ตู้ปรบมือ
“ดีมากค่ะ สาวๆ สวยงามมากนะคะ แต่ต่อไปนี้ พี่จะเจาะเป็นรายตัวนะคะ อ่า เรามาจับคู่กันเลยนะคะ ว่าน้องคนไหน จะยั่วยวนป๋าคนไหนนะคะ” ตู้ดึงสาวๆ มา “มัทนีจ๋า ขออนุญาตนะคะ ยืมสามีเป็นพระเอกmvหน่อย น้องหนึ่งคู่พี่อาทิตย์นะคะ ส่วนน้องสอง คู่พี่อเนก หวังว่าคงไม่ว่าอะไรนะคะ พี่นรี...น้องหนึ่ง หนูเป็นแนวน่ารักแมวเหมียวนะคะ เวลาหนูร้องเพลงใส่พี่อาทิตย์เค้า หนูก็ต้องใส่อารมณ์เหมียวๆ ในใจหนู ต้องคิดว่าเมี้ยวๆ อยู่ตลอดเวลา ไหนลองทำท่าแมวๆ สิคะ แมวมันจะทำมือ ทำท่าทางยังไงบ้าง”
ขณะนั้นแท่นเดินไปทักทายกับน้องคนที่แต่งตัวหวิวที่สุด และหน้าตาออกแนวสวยหวานที่สุด
“เหนื่อยไหมคะ”
“ไม่ค่ะ แหม เพิ่งเริ่มเอง จะเหนื่อยได้ไงคะ”
“อะไรติดหน้าน่ะ” แท่นหยิบเศษทิชชู่เล็กๆ ที่ติดแก้มออกให้ “อ๋อ ทิชชู่”
“ว้าย จริงเหรอคะ มีอีกหรือเปล่า ตะกี๊หนูเอาทิชชู่มาซับหน้า”
ภาพพวกนั้น พวกกลุ่มมัทนีเห็น สะกิดกัน
“คุณแท่นขา ออกลายมาเลยค่ะ ออกเลยมาเล้ย ออกลายให้เห็น” ปุยฝ้ายบอก
ตู้ยังไม่เห็น พูดกับน้องสอง
“สำหรับน้องสอง เวลายั่วพี่อเนก ให้คิดว่าตัวเองเป็นกระต่ายน้อยนะคะ ตาโตๆ ใสๆ กระดุ๊กกระดิ๊กๆ”
ทันใด ตู้หันไปทางแท่นพอดี
“นี่ไง มีที่ผมด้วย ว้า หนูเก็บทิชชู่ไว้กินเล่นยามว่างหรือคะ”
แท่นกับน้องคนนั้นหัวเราะ สบตาใกล้ชิด ตู้อึ้งหน้าซีดทันที
ทันใดนั้นโดยที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว ตู้เดินพุ่งเข้าไป แล้วกระชากน้องคนนั้นมาทันที
“แหม อะไรกันคะพี่แท่น ถอยออกไปก่อนค่ะ อย่ารบกวนสมาธิศิลปินสิคะ น้องสามคะ น้องสาม ต้องคู่กะพี่โมกข์นะคะ” ตู้ดึงตัวน้องสามมาหน้าเวทีแบบไม่ยั้งมือ
“เฮ้ยๆ ตู้มันจัดหนักน้องคนนั้นแล้ว” นรีบอกกับกลุ่มเพื่อน อเนกก็ตกใจ หันมาสบตานรี
“น้องสามคะ เรามีแมวแล้ว กระต่ายแล้ว น้องสมควรจะเป็นชะนีค่ะ ทำท่าชะนีสิคะ”
“ชะนี ยังไงคะ”
“ย่อเข่าค่ะ “ สาวทำตามซื่อๆ “แล้วยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือหัว” สาวทำตาม “งอศอกนิดหน่อย ทิ้งข้อมือลงมา”
สาวทำตาม “แล้วก็ร้องว่าผัวๆ เดินท่านี้ไปรอบๆ เวที”
“ผัวๆ”
สาวทำตาม แท่นมอง ขมวดคิ้ว
“วิ่งไปรอบๆ ตัวพี่โมกข์ แล้วโดดเกาะคอพี่โมกข์เลยค่ะ ร้องผัวๆ ด้วยสิคะ” ตู้บอก
อาทิตย์ โมกข์ โทนี่ มองหน้ากัน กับน้องๆ สาวๆ อีก4คน แล้วหัวเราะ ขำจริงๆ แท่นงง มองแบบสงสัยว่าจริงหรือเล่น ตลกหรือจริง อเนกสบตากับนรี ท่าจะไม่ดีละ
นรีหันมามองหน้ากับมัทนีและปุยฝ้าย
นรี มัทนี ปุยฝ้ายดึงตู้มาคุยอีกมุมหนึ่ง
“ตู้ เธอกำลังทำอะไร” นรีถาม
ตู้ทำหน้าเชิด
“ชั้นทำอะไรเหรอ ชั้นก็ทำงานของชั้นไง”
“ทำงานเหรอ เธอแกล้งน้องคนนั้นตังหาก” ปุยฝ้ายบอกอย่างรู้ทัน
“ชั้นไม่ได้แกล้ง ทำไมชั้นถึงจะต้องแกล้งเค้าด้วย”
“เธอแกล้งเค้าเพราะอะไร เธอก็รู้”
“เพราะอะไร ไหนพูดออกมาซิ”
“ไม่รู้สินะ นี่มันคือการทำงานนะ เรื่องส่วนตัว กับงาน กรุณาแยกแยะด้วย มีปัญหาอะไร ก็ควรไปคุยกัน ไม่ใช่ไปกลั่นแกล้งกันในงาน” นรีบอก
“ทำตัวดีๆ และมีจรรยาบรรณหน่อย เป็นโค้ชของเด็ก ก็อย่ารังแกเด็ก” ปุยฝ้ายบอก
“พวกเธอทุกคนเห็นยัยชะนีนั่นดีกว่าชั้นใช่ไหม”
ตู้เดินเคืองออกไป
“ชั้นว่า ชั้นชักจะเป็นห่วงตู้แล้วล่ะ” มัทนีบอก
ทุกคนมองหน้ากัน หนักใจ
บนเวทีน้องหนึ่งกำลังหัดทำท่าแมว น้องสองกำลังซ้อมท่ากระต่ายกันอยู่ น้องสี่ทำท่างูเลื้อยๆ น้องห้าทำท่าหงส์สวยสง่า ขณะที่น้องสามกำลังอ้อนแท่นอยู่อีกมุมหนึ่ง
“พี่แท่นคะ นั่นเค้าเป็นแมว เป็นกระต่ายน้อย เป็นนางงู เป็นนางหงส์ แล้วมันจะดีหรือคะ ให้หนูเป็นชะนีเนี่ยนะ”
“เอ่อ”
“หนูรู้สึกเหมือนหนูถูกแกล้งไงไม่รุ หนูไม่ทำไม่ได้เหรอคะ พี่แท่น”
อเนกกับพวกผู้ชายซุบซิบกัน
“เฮ้ย น้องชะนีน้อย กับไอ้แท่น ยังไงอะไรกันรึเปล่าวะ”
“แท่นมันก็ชอบเด็กมันทุกคนแหละ ศิลปินหญิงทุกคน มันก็เคยหลงรักมาทุกรุ่น ไม่เห็นจะน่าแปลกเลย” โทนี่บอก
“แบบนี้ก็สมภารกินไก่วัดอ่ะสิ” อาทิตย์บอก
“มันก็แค่หลงรัก แต่ไม่ทำอะไร มันก็ดีแต่ให้เค้า พี่คนนี้มีแต่ให้” โมกข์บอก
“อ้อ ที่จริง มันคงเป็นญี่ปุ่นสินะ” อาทิตย์บอก เพื่อนๆ ร้องออกมาพร้อมกัน
“ไฮ้”
ตู้กลับออกมา แล้วมองไป ชะงัก เมื่อเห็นแท่นกับน้องสามยังจับมือ ดูแลกันอยู่ ตู้ซีด อึ้ง แล้วเชิด ทำเสียงหวานผิดปกติ
“เรามาซ้อมกันต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวพอคล่องๆ แล้ว จะได้ถ่ายจริงซะที” สาวๆ และพวกอาทิตย์ เดินมารอการแนะนำจากตู้ “อย่างนี้นะคะ ขอเชิญสุภาพบุรุษทั้ง4 ประจำที่นะคะ” ตู้จับชายทั้ง 4 ไปนั่งตามเก้าอี้ 4 ตัว รอบเวที “เอ้า ใครคู่ใคร มายืนให้ตรงคู่ค่ะ”
น้องหนึ่งไปยืนตรงอาทิตย์ น้องสองยืนตรงอเนก น้องสามยืนตรงโมกข์ น้องสี่ยืนตรงโทนี่ สาวคนที่ห้ายืนงงเพราะไม่มีคู่
“แล้วหนูล่ะคะ พี่ตู้ขา หนูเต้นเดียวหรือคะ”
“อ๋อ เดี๋ยวหนูทำตามพี่บอกนะคะ เอ้า น้องชะนีคะ น้องไปกอดคอพี่โมกข์สิคะ ทำท่าชะนีด้วยค่ะ” น้องสามทำตาม ทุกคนดู เงียบกริบ ตู้หันมาบอกน้องห้า “พอถึงคิว น้องก็เต้นเข้าไปหาพี่โมกข์สิคะ น่าน เข้าไปเลยค่ะ เข้าไป แล้วผลักมันให้กระเด็นไปเลย”
น้องห้าผลัก แต่แค่เบาๆ น้องสามเซไปนิดๆ
“อุ๊ย ผลักเบาไปค่ะ คุณน้อง ต้องผลักแบบนี้สิคะ พี่จะทำให้ดู นี่แน่ะ”
ตู้เข้าผลัก จนน้องสาม กระเด็นล้มไปกับพื้น
“ว้าย”
แท่นรีบวิ่งเข้ามา ประคองน้องสามขึ้น
“หนูจ๋า เป็นไงบ้างครับ”
“ไม่ หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ตกใจนิดนุง”
แท่นกับน้องสาม จับเนื้อตัวกัน ประคับประคอง ดูพิเศษจนเห็นได้ ตู้มองแท่นกับน้องสามอย่างซีด ถอยๆ เอามือทาบแก้ม ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ ไม่จริง”
อเนกเป็นห่วง เข้าไปประคองตู้
“คุณตู้ ผม ผมขอโทษนะ ผมไม่นึกว่า เรื่องมันจะเป็นแบบนี้”
นรี ปุยฝ้าย มัทนีวิ่งเข้ามา
“ตู้ ใจเย็นๆ นะ หายใจลึกๆ หายใจลึกๆ” นรีบอกอย่างเป็นห่วง
“ชั้นไม่ได้ทำอะไรเค้านะ mv มันต้องมีอะไรสนุกๆ ตลกๆ นิดนึงสิ ไม่งั้นมันก็ร้องลิปซิงค์ไปเรื่อยๆ น่าเบื่อตายเลย” ตู้บอก
“ตู้ เธอต้องไม่ตายนะ พวกเราจะอยู่ข้างเธอ” ปุยฝ้ายบอก
แท่นมองมา แล้วเดินเข้ามาหาตู้
“ขอโทษนะฮะ คุณตู้ครับ ขอผมคุยด้วยแป๊บสิฮะ”
ตู้หันไป สีหน้ามึนชา
“ได้ค่ะ”
แท่นเดินนำตู้ออกไปทางห้องแต่งตัว มัทนีห่วงๆ แล้วรีบตามไป อาทิตย์มองตามไป แล้วเดินมาหาอเนก
“มีอะไรหรือ อเนก ขอรู้ด้วยคนสิวะ”
แท่นเดินนำตู้มา ตู้เดินตามด้วยสีหน้ามึนชา
“คือ ขอโทษนะครับ ตู้ ผมคิดว่า ผมไม่ค่อยเข้าใจ สิ่งที่คุณพยายามทำในmvนี้เท่าไหร่”
“มีอะไร ที่คุณไม่เข้าใจหรือคะ”
“คือ ที่คุณให้น้องคนนั้นเค้าทำตัวเป็นชะนี แล้วโดนกระชากผลักล้มอะไรขนาดนั้น”
“ทำไมคะ คุณว่ามันไม่น่ารักและโดดเด่นเหร”
มัทนีโผล่มาแอบดู อาทิตย์โผล่หลังมัทนี มัทนีหันไป อาทิตย์ทำสัญญาณให้เงียบ อย่าส่งเสียง
“คือ ผมไม่แน่ใจ”
“ขอถามเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ หน่อยนะคะ คุณแท่นชอบน้องสาม ใช่ไหมคะ” ตู้ตัดสินใจถามออกมาตรงๆแท่นหน้าแดง ก้มหน้า
“ครับ ผมชอบเค้า มาก”
มัทนียกมือทาบอก สงสารตู้ ตู้ยิ้มเชิด
“นั่นไง ชั้นว่าแล้ว ชั้นดูออก”
“หมายความว่ายังไง เพราะคุณเห็นผมชอบน้องเค้า คุณเลยให้เค้าทำอะไรบ้าๆ”
มัทนีซีด อาทิตย์ยื่นมือมาบีบมือมัทนี แต่ตามองที่แท่นกับตู้ ลุ้นๆ
“ดีค่ะ ที่คุณรับออกมา ชั้นจะได้ ไม่เข้าใจผิดอีกต่อไป” ตู้บอก
“เข้าใจผิด ว่าอะไรครับ” แท่นแปลกใจ ตู้ยิ้ม
“เข้าใจผิด ว่าคนไหนที่คุณชอบกันแน่ ในน้องๆ 5คนนั้น”
“มันเกี่ยวด้วยหรือครับ”
“เกี่ยวสิคะ คุณรักใครเป็นพิเศษ ชั้นจะได้ปั้นให้เค้าเด่นเป็นพิเศษ”
“แล้วน้องสามเค้า เค้าจะเด่นยังไง ที่เป็นชะนีแบบนั้น”
“ถ้าคุณไว้ใจชั้น คุณปล่อยให้ชั้นทำให้จบสิคะ” แท่น ตู้สบตากัน “คุณเป็น ‘เพื่อน’ ที่ดีคนนึง ชั้นก็ต้องทำสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อเพื่อนสิคะ”
อาทิตย์ มัทนี เผลอหันมาสบตากันแบบงงๆ มัทนีนึกได้ ดึงมือจากอาทิตย์
การถ่ายทำmv ดำเนินต่อ 5 สาวร้องเพลงอยู่บนเวที อเนก อาทิตย์ โมกข์ โทนี่ นั่งที่เก้าอี้ ในท่าป๋าๆ แต่ละคน ถือเครื่องดื่มที่เป็นแก้วทรงสูง น้ำใสๆ แล้วน้องหนึ่ง เดินในลีลาแมวๆ เคลียคลออาทิตย์ น้องสองเดินในลีลากระต่ายแบ๊ว มาหาเต้นคิกขุรอบๆ ตัวอเนก น้องสามเดินในท่าชะนี แต่ดูน่ารักๆ ตลกๆ ซุกซน ไปกอดห้อยโหนคอโมกข์ น้องสี่ทำท่าเลื้อยๆ แบบงูมานั่งตักโทนี่
จากนั้นน้องห้าที่ร้องอยู่คนเดียว ทำท่าสง่า เดินมาดูแต่ละคู่ แล้วเลือกที่จะเข้าไป ดึงน้องสามออก และผลัก
น้องสามหมุนไปล้มแบบสวยๆ
น้องสามนั่งร้องเพลง แต่ทำท่าร้องไห้เศร้าๆ น่ารักๆ คิขุ เอามือขยี้ตา แต่มือห่างออกมาจากแก้มนิดๆ หมุนๆ เหงาหงอยบนเวที อีกสี่สาวมาโผล่แอบดู ทีละคน แล้วสุดท้าย สาวๆ ทุกคน เข้ามารุมกอดน้องสาม เป็นภาพเพื่อนๆปลอบใจกัน
สุดท้าย ห้าสาวร้องเพลงรักกันๆ เบียดๆ กันกระโดดไปมา เหมือนเด็กๆ ในท่าสัตว์ที่น่ารักๆ ต่างๆ ภาพที่ออกมาดูสวยงาม น่ารักมาก
ผู้กำกับสั่งคัท ทุกคนปรบมือ สาวๆ ทั้ง5 วิ่งมารุมตู้
“ขอบคุณพี่ตู้มากนะคะ/ มันน่ารักมาก/ ตลกมาก/ เหมือนเด็กๆเลยค่ะ /หนูชอบมากค่ะ”
ตู้ยิ้มเชิดๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ แนวน่ารักใสๆ แบบการ์ตูนๆ แบบนี้ พี่ถนัดค่ะ”
แท่งเข้ามา
“คุณตู้ เยี่ยมมาก น่ารักมาก ดูสดใส ไร้เดียงสามาก โดยเฉพาะ...”
“น้องชะนีน้อย ใช่ไหมคะ”
แท่งดึงมือตู้ไป เขย่า
“ขอบคุณๆ จริงๆ หวังว่างานหน้า เราจะได้ร่วมมือกันอีกนะครับ”
กลุ่มมัทนี มองหน้ากัน ผิดคาด
อ่านต่อหน้า 4
พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ตู้ออกมายืนเศร้าซึมอยู่คนเดียวหน้าผับ ปุยฝ้ายเดินมา จับมือ
“ตู้ เธอยอดมาก”
“ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม”
“ขอโทษ ที่พวกเธอพยายามเตือนชั้นแล้ว แต่ชั้นไม่เชื่อ คุณแท่นเค้าไม่ได้คิดอะไรกับชั้นจริงๆ ชั้นฝันไปเองข้างเดียว แต่ทั้งหมดนี้ ฉันก็ไม่ได้เสียฟอร์ม ใช่ไหม”
“ไม่เสียฟอร์มเลย” นรีบอก
“เธอเก่งมากตู้” มัทนีชม
“เก่ง ที่คิดเรื่องมิวสิควิดีโอได้ใสๆ น่ารักแบบนั้นเหรอ”
“เก่ง ที่เธอเอาชนะใจตัวเองได้ตะหาก”
“ผู้หญิงอย่างเรา เก่งและจัดการสิ่งต่างๆ ได้ดีเสมอ”
“แต่คนที่แพ้ ก็ต้องดูแลตัวเอง สินะ”
“พวกเราจะดูแลกันและกันจ้ะ”
สาวๆ กอดกัน
อเนก อาทิตย์เดินออกมา
“ตู้ เธอเยี่ยมมาก” อเนกชม
“ไหนๆ ก็แฮปปี้เอนดิ้งแล้ว เราไปฉลองกันนะ” อาทิตย์บอก มัทนีหันมาถามเสียงขุ่น
“อะไร นายเกี่ยวอะไร”
อาทิตย์รีบเข้ามา โอบบ่ามัทนี
“ไม่เอาน่า ที่รัก เพื่อนคุณทำงานดีๆ ให้เพื่อผมแบบนี้ มันเป็นโอกาสพิเศษนะ ไปครับคุณตู้ ผมจะดูแลพวกคุณทุกคนเอง เราไปกินปิ้งย่างกันไหม หลายๆ คน สนุกดีนะ”
“เยๆ บรรยากาศแบบนี้ มันต้องปิ้งย่างสินะ”
“เยส ปิ้งย่างๆ”
อาทิตย์กอดมัทนีแน่นขึ้น
“เห็นป่าว เพื่อนๆ คุณอยากไปกะผมทั้งนั้นแหละ คุณจะไม่ยอมให้ผมเลี้ยงทุกคนได้ไงคะ ที่รัก”
มัทนีทำหน้าไม่ถูก นรี ปุยฝ้าย ตู้ อเนก มาเต้นรอบๆ อาทิตย์
“ปิ้งย่างๆๆ”
อาทิตย์ยิ้มอย่างมีชัย มัทนีค้อน
อีกด้านหนึ่งหาญในชุดวิ่งออกกำลัง วิ่งมาตามถนนซอย แล้วมาที่หน้าร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่ง ภายในร้านน้ำผึ้งนั่งกินขนมเค้กกับกาแฟรออยู่ หาญวิ่งเข้ามา หอบแฮ่กๆ แล้วมาหยุด ก้มหัว หายใจลึกๆ อยู่
“คุณพ่อ คุณพ่อไหวมั้ยคะ”
“ไหวจ้ะ พ่อไม่เป็นอะไร แฮ่กๆ”
“ถ้าคุณพ่อไม่ว่าง ต้องออกกำลังกายเวลานี้ ทีหลังหนูเจอคุณพ่อเวลาอื่นก็ได้ค่ะ”
“โอ๊ะ เวลานี้ดีแล้วๆ เป็นเวลาที่เหมาะอย่างยิ่ง”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะ เพราะ เป็นเวลาที่พ่อจะว่างจากภารกิจต่างๆ ออกมาใช้เวลาส่วนตัวนอกบ้านได้อย่างที่ไม่มีคนมา มารบกวน นั่นแหละจ้ะ”
“แต่วันนี้น้ำผึ้งต้องรีบไปอ่าค่ะ น้ำผึ้งมีภารกิจตอนทุ่มนึง”
“หา” หาญดูนาฬิกา “นี่ก็ทุ่มนึงแล้วนะ แล้วหนูมีภาระหน้าที่อะไร ตอนค่ำๆ แบบนี้”
“ภารกิจสำคัญมากเลยค่ะ”
“ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความกตัญญูต่อบิดามารดาแน่ๆ”
น้ำผึ้งทำหน้าเบ้ แล้วส่ายหน้า
น้ำผึ้งเดินนำหาญเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านหลังหนึ่ง
“ฮาโหลๆ เพิ่ลๆ”
ในบ้าน สาวๆ ในชุดสก๊อย นั่งๆ นอนๆ กันเต็ม โดยตรงหน้ามีคอมพิวเตอร์pc เครื่องแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือต่างๆ วางเรียงนับสิบ แท่นชาร์ตแบ็ตสำรองเสียบเตรียมพร้อม
ในทีวีกำลังมีภาพวัยรุ่นร้องเพลงบนเวที
“ฮาโหล น้ำผึ้ง”
“นี่ พ่อเรา”
น้ำผึ้งแนะนำ หาญอึ้ง ทุกคนยกมือไหว้หาญ
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ”
“เอ่อ จ้ะๆ”
หาญรับไหว้ มองหน้าน้ำผึ้ง เธอยิ้มตอบอย่างสดใส แล้วหันไปหาเพื่อน ท่าทางร้อนใจ
“แล้วเป็นไงบ้าง พี่มันเผา เอเอฟ12 คะแนนอยู่ลำดับไหน”
“ไม่ค่อยดีอ่า ตัวเอง ตกมาอันดับ3 แล้ว”
“ว้ายๆ ไม่ยอม มาๆ เอาโทรศัพท์มา ฉันโหวตมั่ง” น้ำผึ้งหยิบมือถือมาอีกอัน “คุณพ่อขา นี่คะ ช่วยหนูโหวตหน่อย”
“ฮะ ยังไงนะ”
“นี่คะ หนูกดเบอร์ให้ละ คุณพ่อก็แค่กดส่งอย่างเดียว กดไปเรื่อยๆ นะคะ”
“กดตรงไหน”
“เนี่ยค่ะ กดส่ง ปุ่มเดียวเลยค่ะ”
“อันนี้คือแบบคอมโบ้เซ็ท ชุดใหญ่ โหวตผ่านเน็ต ทีละ10โหวต หรือ20โหวตก็ได้ สะด๊วก สะดวกค่ะ”
หาญมองสาวๆ กดโหวตกัน บางคนสองโทรศัพท์
“หา นี่ กดกันคนละ2 เครื่องเลยเหรอ”
“ก็ต้องทำแบบนี้ล่ะค่ะคุณพ่อ ไม่งั้นก็แพ้เค้าค่ะ เนี่ย เราโหวตกันไม่พัก จนกว่าคอนเสิร์ตจะจบตอน4 ทุ่มค่ะ ไม่งั้น พี่มันเผาตกรอบแน่ๆ”
“อ๊าย บัตรเติมเงินอยู่ไหนๆ”
“เอ้า อยู่นี่ คลังอาวุธ”
น้ำผึ้งผลักกล่องพลาสติกกล่องหนึ่งไปข้างหน้า
“เอาไปเลย”
“โอ้โห มีเติมกระสุนกันตลอดๆ เลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ เรามีแฟนคลับตัวแม่ออกเงินให้ เพราะพวกป้าๆ จะโหวตไม่เป็น แต่พวกเราโหวตเก่ง ทำหน้าที่โหวตอย่างเดียว คอนเสิร์ตก็ไม่ไปค่ะ ตั้งฐานทัพโหวตที่นี่ แล้วพวกตัวแม่ๆ ก็จ่ายมา ว้าย เครื่องของชั้นก็หมดแล้ว ขอบัตรเติมเงินใบหนึ่ง
เพื่อนหยิบมาอันหนึ่ง โยนให้น้ำผึ้ง
“เอ้า เอาไป เอ๊ะ อ้าว โธ่! แย่ละ”
“ทำไมล่ะ เกิดไรขึ้น”
“เหลืออีกไม่กี่ใบเอง บัตรเติมเงิน สงสัยแบบนี้ แพ้แน่”
“ไม่นะ ไม่ๆ พี่มันเผาจะแพ้ไม่ได้ ชั้นไม่ยอมๆ” น้ำผึ้งลุกขึ้น
“น้ำผึ้ง หนูจะทำไม” หาญรีบถาม
“หนูจะไปกดตังค์ เอาเงินไปซื้อบัตรเติมเงิน มาโหวตให้พี่มันเผาค่ะ”
“หา แล้ว หนูก็ไม่ค่อยมีตังค์นี่นา”
“ไม่เป็นค่ะ คุณพ่อ เงินค่าขนมหนู ที่คุณพ่อให้ไว้ครั้งก่อน ยังมีพอ” น้ำผึ้งบอกแล้ววิ่งจะออกไป หาญรีบตาม
“แล้วลูกจะเอาอะไรกินล่ะ ลูกเอาเงินมาโหวตพี่เข้าหมดแบบนี้”
“ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อดๆ เอาบ้าง”
หาญส่ายหัว ควักกระเป๋าออกมา
“เอ้า ใครออกไปซื้อบัตรกดเงินที พ่อออกตังค์เอง” หาญหยิบเงินออกมาหกพัน “พ่อมีแค่นี้ พอมั้ย”
“อ๊าย คุณพ่อขา คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย” น้ำผึ้งกระโดด จูบแก้มหาญฟอด “พวกเรา มาขอบคุณคุณพ่อหน่อย”
ทุกคนวิ่งมา
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” พลางรุมกอดหอมหาญกันเกรียว หาญเพลิน เคลิ้ม ตาลอย
คืนนั้น รถของอาทิตย์ขับไปถึงหน้าบ้านตู้ เสียงเพลงที่ดังเป็นเพลงแนวอกหัก ภายในรถ อาทิตย์ขับ ตู้นั่งหน้า มัทนีนั่งหลังกับปุยฝ้าย ตู้นั่งเศร้า ใจลอย เมื่อถึงหน้าบ้าน อาทิตย์จอดรถแล้วดับเครื่อง มัทนีแอบดูจากกระจก แล้วหันมาสบตากะปุยฝ้าย ตู้นั่งตาลอย น้ำตาเอ่อ
อาทิตย์มองดูตู้ แล้วหันมาสบตากับมัทนี แล้วอาทิตย์รีบเปิดรถออกไป วิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้ตู้
“ตู้ครับ ถึงบ้านแล้วฮะ” ตู้สะดุ้ง
“โอ๊ะ อ่า ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ตู้เดินลงไป มัทนีกับปุยฝ้าย ต่างรีบลงมาอย่างห่วงๆ
“ชั้นค้างเป็นเพื่อนเธอ นะตู้” ปุยฝ้ายบอก
“ไม่เป็นไร ชั้น ชั้นอยู่ได้”
“แน่ใจนะ ว่าไหว”
“ไหว มัท ตู้ไหวอยู่แล้ว มีอะไรเหรอที่จะทำคนอย่างตู้ให้ทรุดได้ ไม่มีหรอก”
“ผมมีความจริงเรื่องของไอ้แท่น จะเล่าให้ฟัง” อาทิตย์บอก
“อะไรนะ”
“ผมคุ้นเคยกับละครชีวิตฉากเก่าๆ ที่เล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของไอ้แท่นดี”
“ละครชีวิตฉากเก่าๆ”
“ทุกครั้ง ที่มีการปั้นนักร้องผู้หญิงคนใหม่ๆ ในค่าย ไอ้แท่นจะต้องไปหลงรักเค้า อาจจะเหมือนพวกจิตรกร ที่หลงรักรูปปั้นของตัวเองก็ได้ แล้วพอปั้นเสร็จ มันก็เหมือนจืด อิ่ม หมดความตื่นเต้นในสาวคนนั้นไป สาวบางคน ที่เข้ามาดีกะมัน เพื่อให้มันปั้น แล้วพอดังแล้ว ก็ห่างไปเช่นกัน แบบนั้นก็โอเค วินๆ แต่ถ้าใครมาหลงใหลใฝ่ฝัน คิดจะเป็นแฟนมันจริงจัง ก็ต้องงง ตอนที่มันไม่สนใจใยดีอีกแล้ว”
“แปลว่า เขาก็จะไม่รักยัยชะนีคนนี้จริง”
“ครับ เมื่อมีการปั้นศิลปินใหม่ เขาก็จะตกหลุมรักครั้งใหม่”
“ซึ่งไม่ว่ายังไง ก็จะเป็นชะนีเท่านั้น”
“ถูก” ตู้ถอนใจ “อย่าเสียใจเพราะคนแบบนี้เลยครับ มันไม่คุ้มหรอก เลี้ยงเอามันไว้เป็นเพื่อนขำๆ คนนึง ก็พอ
ครับ”
“เพื่อนขำๆ เหรอ เพื่อนขำๆ ฉันมีเยอะแล้ว”
“ขาดก็แต่ผัวขำๆ” ปุยฝ้ายบอก
ตู้หันมา จับมือมัทนี
“เธอสิ โชคดี มีผัวขำๆ คนนี้แล้ว รักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ เพราะผัวขำนะ มันหายากมากนะ”
มัทนีหันมามองหน้าอาทิตย์ แล้วต่างอึ้ง เมิน เขินกันไป
คืนนั้นในห้องนอนมัทนี มัทนีเดินออกมาจากห้องน้ำใส่ชุดนอนแบบผู้ชายมิดชิด แล้วชะงัก เมื่อเห็นอาทิตย์ที่ถอดเสื้อ กำลังเป่าผมอยู่ที่หน้ากระจก มัทนีมองๆ แล้วรำคาญตา เดินไป หยิบเสื้อยืดมาวางให้
“แอร์ก็เย็นจะตายละ ถอดเสื้ออยู่ได้”
อาทิตย์ปิดเครื่องที่เป่า หันมาเถียง
“ทำไม ก็ผมจะไม่ใส่”
“ไม่สุภาพ”
“อะไรนะ นี่มันห้องส่วนตัวของเรานะ”
“เดี๋ยวก็ปอดบวมตาย”
“ตกลง เหตุผลมันคือ เรื่องสุขภาพ หรือเรื่องมารยาท”
“ฮะ อย่างน้อย คุณก็ควรเกรงใจคนที่อยู่ด้วยบ้าง”
อาทิตย์เก็บที่เป่าผม แล้วเดินมานอนแผ่เต็มเตียง
“ทำไม ผมถอดเสื้อแล้วมันรบกวนคุณยังไง”
“แล้วดูสิ ครองเตียงซะขนาดนั้น กะจะนอนคนเดียวเลยใช่ไหม”
อาทิตย์หุบแขนขาลง
“โอเค เชิญ”
“คงภูมิใจในความเป็นผู้ชายมาก คิดว่าตัวเองจะทำให้ชั้นหวั่นไหวได้ล่ะสิ ขอโทษนะ บอกเลย ว่าถ้าคุณไม่ใช้แผนหลอกให้ชั้นไปอยู่ด้วยที่ไร่ ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น”
อาทิตย์ลุกพรวด
“อะไรนะ ผมใช้แผนอะไรหลอกคุณ”
“คุณให้พ่อแต่งตัวบ้าๆ ทำเป็นออกจากบ้าน ให้ชั้นสงสัย อยากตามท่าน เพื่อที่คุณจะได้หลอกให้ชั้นขึ้นรถ แล้วพอไปบ้านไร่ของคุณไงล่ะ”
อาทิตย์อึ้งไปนาน
“พ่อคุณบอกคุณว่าอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธท่านด้วย ที่ท่านพูดความจริงกับลูกสาวท่าน”
“ความจริงเหรอ หึๆ”
อาทิตย์ลุก แล้วเดินไปยืนนิ่งที่หน้าต่าง ไม่พูดอะไร มองออกไปภายนอก มัทนีมอง ยิ่งหมั่นไส้ ไม่เข้าใจมากขึ้น
กลางดึกคืนนั้น มัทนีนอนกอดหมอน คิดหนัก ในแสงนวลจากโคมข้างเตียง มัทนีนอนคนเดียวบนเตียงอันกว้าง ขณะที่อาทิตย์ปูที่นอนแบบแบนๆ ข้างเตียง นอนหันไปอีกข้าง ทั้งคู่หันหลังให้กัน อาทิตย์มีสีหน้าเซ็ง ขรึม
เช้าวันรุ่งขึ้น อาทิตย์เข้าครัวลงมือหั่นไส้กรอกเอง อีกด้านหนึ่ง เหน่งอยู่ที่เตา กำลังทำข้าวผัด โหน่งเตรียมแกงจืดอยู่อีกด้านหนึ่ง
“เสร็จรึยังคะ คุณอาทิตย์” เหน่งถาม
“มาแล้วๆ”
อาทิตย์ยกเขียงมา เทไส้กรอกบนเขียงลงไปในข้าวผัด
“แหล่มมากค่ะ คุณอาทิตย์ น่ากิ๊น น่ากิน”
“ผัดเยอะขนาดนี้ เหน่งโหน่งแบ่งไปกินสิ เพราะคุณๆ เขาคงไม่กินข้าวเช้ามั้ง บ้านนี้เขากินกาแฟ ขนมปังกัน ไม่ใช่เหรอ”
“คุณๆ บ้านนี้รับประทานทุกอย่างล่ะค่ะ เราสองคนทำอะไรให้ ฟาดเรียบหมด”
ทั้งสามหัวเราะกันเฮฮา จำเนียรเดินเข้ามา ทุกคนเงียบลง
“อะไรกันจ๊ะ สนุกสนานเฮฮา พ่ออาทิตย์นี่เป็นคนมีเสน่ห์จริงๆ นะ อยู่ใกล้ใคร มีแต่เสียงหัวเราะร่าเริง ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ ที่จะมีสาวๆ มารุมนิยมชมชอบ ใครเป็นเมียก็เพลียหน่อย” อาทิตย์อึ้ง ความร่าเริงหายวับ จำเนียรเดินมาดู “อุ๊ย ข้าวผัดน่ากิน ทำไข่ดาวด้วยสิ ทำให้ครบคนเลยนะ” จำเนียรหันมามองอาทิตย์ แล้วดึงไป
จำเนียรดึงอาทิตย์ออกมาคุยอีกมุมหนึ่ง
“เธอนอกใจยัยมัทเหรอ บอกมา”
“อะไรนะฮะ”
“ความลับสุดยอด ที่ผัวจะบอกเมียไม่ได้ ก็มีอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องนอกใจ จริงไหมล่ะ”
อาทิตย์มองหน้าจำเนียร อึ้งไปพักใหญ่
“ไม่เสมอไปหรอกครับ มีความลับมากมาย ที่สามีภรรยาบอกกันไม่ได้”
“เช่น”
“ความลับทางราชการ ความลับทางธุรกิจ โอ๊ย มากมายครับ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องนั้นอย่างเดียวสิฮะ”
“งั้นเหรอ แล้วความลับที่เธอปิดบังยัยมัท คือความลับทางราชการ หรือความลับทางธุรกิจล่ะ”
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ”
“แล้วมันอะไรล่ะ”
“คุณแม่ทราบไหม ว่าความลับ ต่างจากของลับอย่างไร”
“ว้าย จะมาทะลึ่งกะชั้นเหรอ”
“เปล่าครับ นี่เป็นการทายปัญหาจริงจัง คุณแม่จะจำเอาไปเล่นตอนจัดรายการก็ได้นะ”
“เหรอๆ งั้นเฉลยมาเลย ชั้นไม่รู้หรอก”
“เฉลย ของลับ เปิดให้ใครดูยังไง มันก็ยังเป็นของลับวันยังค่ำ แต่ความลับ ถ้าบอกออกไปแล้ว มันก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป”
“อุ๊ย จริงด้วย”
“เพราะฉะนั้น ผมจึงบอกคุณแม่ไม่ได้ไงครั .มันจะได้เป็นความลับอยู่ต่อไป”
“ว้าย เด็กบ้า เธอนี่มัน...”
พอดีกับที่หาญในชุดจ็อกกิ้ง ใส่หมวกแก๊ป วิ่งเข้ามาพลางร้องเพลง
“จะไปเป็นดาว โดดเด่นบนฟากฟ้า จะไปไขว่าคว้าเอามา...”
จำเนียร อาทิตย์หันไปมอง หาญเห็นสองคน เบรกเอี๊ยด ทำเป็นออกกำลังกายวอร์มดาวน์ไปมา
“เมื่อคืนก็ไปวิ่งมาซะดึก วันนี้ก็ไปวิ่งแต่เช้าอีก จะฟิตอะไรนักหนาคะ”
“อ๊ะ ไม่ได้สิ อายุมากแล้ว จะประมาทไม่ได้ ต้องพร้อมเสมอ”
“เดี๋ยวนี้ไม่เดินจงกรมแล้วหรือครับ” อาทิตย์แกล้งถาม
“เดินจงกรมก็ดี วิ่งก็ดี อะไรก็ดีทั้งนั้น เมื่อกายและใจเราสัมพันธ์กัน”
“ดูสิคะ เหงื่อซ่กเชียว” จำเนียรถอดหมวกออกให้ ทุกคนมอง แล้วชะงัก ที่ผมหาญปอยนึงทำสีแปลกๆ แซมๆ “นั่นอะไรน่ะคะ”
หาญนึกได้ เอามือจับๆ ผมแล้วหัวเราะเขินๆ
“อ๋อ ทำสีผม แบบพี่มันเผา เอเอฟ12 ไง เขาชนะการโหวต ได้เป็นแชมป์ เนี่ย วันนี้เขาออกจากบ้านมาละ เท่มาก หล่อมาก เราเลยต้องทำตามแฟชั่นเค้าหน่อย”
อาทิตย์มองอย่างอึ้งๆ
“คุณชอบเด็กผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยคะ” จำเนียรถาม
“ก็ไม่ได้ชอบอะไร แต่ผมอาจต้องเป็นพ่องาน จัดกิจกรรมจิตอาสากับพวกเยาวชนพวกนี้ ผมต้องทำตัวให้เข้ากับเค้าได้ไง ผมเคยบอกแล้ว ไม่ว่าผู้ชาย หรือผู้หญิง เยาวชนของเราก็คืออนาคตของชาติเหมือนกัน ผมต้องรักเด็กทุกคน”
“รักเด็ก ก็ขอให้รักแบบอย่าให้ต้องเฉียดคุกก็แล้วกันนะครับ” อาทิตย์บอก
“อะไร นายพูดอะไร”
“เปล่าครับ ผมล้อเล่น”
“อย่าไปถือนายคนนี้เลยค่ะ เค้ามุกเยอะ พูดตลกอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่คุณทำผมแบบนี้ก็น่ารักดีนะคะ เอ๊ะ ชั้นไปทำมั่งดีกว่า” จำเนียรบอก
“โอ๊ย ดีเลย ทำเลย ครอบครัวเราจะได้สดใส ทันสมัย รับรอง แฟนคลับรายการคุณต้องกรี๊ด”
อาทิตย์มอง เอือมๆ เดินหนีไป
วันเดียวกันนั้นที่ศูนย์ดูแลหญิงและเด็กที่ถูกทำร้าย มัทนีนั่งคุยอยู่กับหญิงที่เข้าเฝือกแขน และมีลูกเล็ก วิ่งเล่นไปมาข้างๆ
“ได้ค่ะพี่ เราจะจัดหาที่พักของพี่ และลูกๆ หลังจากที่ออกไปจากที่นี่”
“ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ อยู่ที่ไหนก็ได้ ให้ทำงานอะไรก็ได้ ขอให้อิฉันไม่ต้องกลับไปเจอสภาพแบบเดิมๆ ก็พอค่ะ”
ชฎาเดินเข้ามา
“ไม่ต้องกลัวนะคะ ต่อไปนี้ จะไม่มีใครมารังแกคุณพี่กับลูกได้อีกแล้วนะ”
ทั้งสองเดินออกมา แล้วชะงัก เพราะที่โต๊ะแผนกบริจาค พลอย เชอรีน กำลังเซ็นเอกสารอยู่ มัทนีหยุดยืน มอง นิ่งงัน ชฎามองหน้างงๆ ว่ามีอะไร
พลอยเซ็นเสร็จ รับใบเสร็จ บอกลา แล้วเดินออกไป ดูสวยสง่าเก๋ไก๋มาก มัทนีมองตามไป ใจเต้นๆ
พลอยเดินไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างโฉบเฉี่ยว มัทนีแอบมองอยู่มุมหนึ่ง ชฎาเข้ามาเกาะ
“คุณเชอรีนใช่ไหม สวยจังเลยเนอะ ทำไม มีอะไรเหรอ มัท”
มัทนีอึ้ง ตอบไม่ออก
มัทนีกลับมาที่โต๊ะบริจาค เจ้าหน้าที่เอาเช็คของพลอยให้ดู
“คุณเชอรีน น่ารักมาก ใจดีมากๆ เธอทำบุญให้กับโรงพยาบาลของเราเป็นประจำเลยค่ะ เนี่ยค่ะ คราวนี้ก็ให้ตั้งแสนนึง เช็คเงินสดเลย”
มัทนีมองเช็คผ่านๆ เห็นชื่อเช็คเป็นชื่อ “คลินิกเพื่อสตรีด้อยโอกาส” ไม่สนใจนัก รู้สึกละอายใจ
“ไม่นึกเลยเนอะ ว่าคนเก๋ไก๋ไฮโซแบบนี้ จะเลือกมาทำบุญช่วยผู้หญิงด้อยโอกาสแบบนี้”
“นั่นสิ มาเงียบๆ ไม่เอาหน้าด้วย” ชฎาดูเช็คแล้วชะงัก “เอ๊ะ มัทนี ดูลายเซ็นนี่สิ เหมือนว่า...”
“ทำไมเหรอ” มัทนีรับมาดูแล้วชะงัก หน้าซีด “เอ๊ะ นี่มัน”
ลายเซ็นที่เห็น เป็นลายเซ็นอาทิตย์อย่างชัดเจน ชฎามองหน้า มัทนีสบตาซีด
“มีอะไรหรือคะ” เจ้าหน้าที่ถาม มัทนีรีบส่งเช็คคืน
“ไม่มีอะไร เก็บไปเถอะค่ะ รีบเอาเข้าธนาคารเลย เดี๋ยวหาย”
เจ้าหน้าที่เก็บไป มัทนีหน้าซีดมากๆ ชฎามาบีบมือ
อีกด้านหนึ่งที่บ้านมัทนี อาทิตย์นั่งทำงานด้วยคอมพ์แล็ปท้อป มีเจ้าท่วมทุ่งคอยกัดเล็มปลายรองเท้าแตะเล่น
อาทิตย์ทำงานไปสักพัก หันมาเรียก
“เหน่ง โหน่ง ใครก็ได้”
เหน่ง โหน่งมาพร้อมกัน
“ขา”
“พาสเวิร์ด รหัสเข้าไวไฟของคุณมัทนี มันอะไรน่ะ รู้ไหม”
“ว้าย ไม่ทราบค่ะ”
“วันเกิดหรือเปล่าคะ” โหน่งบอก
“วันเกิดเหรอ” อาทิตย์ก้มลง พิมพ์ๆ แล้วกด “ไม่ได้ล่ะ ไม่ใช่วันเกิด”
“ลองชื่อสัตว์เลี้ยงไหมคะ ท่วมทุ่ง” เหน่งบอก อาทิตย์ส่ายหน้า
“ไม่น่าจะใช่นะ คุณมัทเค้าไม่รักท่วมทุ่งเท่าไหร่ ลองชื่อคุณพ่อคุณแม่เค้าดีกว่า หาญ-จำเนียร เออ เข้าท่าๆ”
อาทิตย์ลองพิมพ์ กดปรากฏว่าสำเร็จ “อ้า ใช่จริงๆ ด้วย” อาทิตย์นิ่งไปนิด อึ้งๆ “คุณมัท นี่เค้ารักคุณพ่อคุณแม่จริงๆ นะ ให้ความสำคัญคุณพ่อมากกว่าด้วยสิ เอาชื่อหาญไว้ข้างหน้าจำเนียร” มัทนีเดินเข้ามาเงียบๆ โหน่งเหน่งชะงัก อาทิตย์สงสัย หันไปดู แล้วแปลกใจ “อ้าว อายุยืนซะด้วย”
“นินทาอะไรชั้น ล้อชื่อพ่อชื่อแม่ชั้นงั้นเหรอ” มัทนีมองเหน่งโหน่ง ตำหนิ “พ่อแม่คือสิ่งที่คนทุกคนเคารพ มาพูดชื่อเฉยๆ โดยขาดการให้เกียรติได้ไง”
อาทิตย์เซ็ง ถอนใจ ขี้เกียจชี้แจง
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณอาทิตย์พูดถึงพาสเวิร์ดไวไฟของบ้านนี้น่ะค่ะ”
“จริงค่ะ คุณอาทิตย์พยายามต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อทำงานเท่านั้นเองค่ะ”
มัทนีเสียฟอร์มไป
“อ้อ แล้วทำไม ทุกคนรู้กันหมดล่ะ ว่าพาสเวิร์ดของชั้นคืออะไร”
“ก็สุดที่รักรักครอบครัว รักคุณพ่อ คุณแม่มากนี่ครับ ทุกคนเขาก็เลยเดาทางถูก”
“คุณอาทิตย์นั่งทำงานมาตั้งแต่เช้าตรงนี้เลยนะคะ คุณมัทโชคดีนะคะ มีสามีชอบทำงานอยู่กับบ้าน” เหน่งบอก
“ช่าย พวกเราไปกันเถอะ มิน่าล่ะ วันนี้คุณมัทถึงรีบกลับบ้านมาแต่วัน อย่าอยู่เป็นก้างขวางคอเลย คิคิคิ”
เหน่ง โหน่งออกไป มัทนียืนมองหน้าอาทิตย์ เครียด เพราะยังคาใจเรื่องเช็ค อาทิตย์มองหน้า กวนๆ
อ่านต่อตอนที่ 11