ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 10
คืนนั้น ฝนตกหนักลมแรง ฝนสาดละอองเข้ามาทางหน้าต่าง วันเฉลิมที่นั่งคอยแม่อยู่ที่หัวบันได รีบมาปิดหน้าต่าง เสียงหนุ่มสาวหัวเราะระริกเข้ามา
"ว๊าย...เปียกหมดเลย" ลำยองบอก
"เดี๋ยวเป็นปอดบวม" ชายแปลกหน้าว่า
ลำยองหัวเราะ
"แค่นี้ยังบวมไม่พอเหรอ"
"บวมอีกก็ดี"
วันเฉลิมรีบมาที่ประตูจะเปิดประตูรับแม่ ประตูถูกเปิดเข้ามาพอดี ชายแปลกหน้าโอบเอวรัดลำยอง ที่เหมือนกำลังเมาได้ที่เข้ามา
"บ้านน้องหลังใหญ่จัง"
"คนสวยก็ต้องอยู่บ้านหลังใหญ่ยังงี้แหละ ไป ขึ้นข้างบนกัน"
วันเฉลิมช็อก ตัวแข็งมองลำยอง
"ผัวน้องไม่ยิงพี่ไส้แตกแน่นะ"
ลำยองหัวเราะ
"โอ้ย ไอ้แก่มันไม่อยู่หรอก ถึงอยู่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย มันซื่อบื่อแก่เกินแกงแล้ว"
"พี่เพิ่งรู้ว่าน้องมีผัวเป็นควาย"
"เขาเหี่ยวใกล้ตายแล้ว"
ทั้งคู่หัวเราะประสานเสียงกัน ลำยองหันมาเห็นลูกชาย
"ไอ้วันมึงมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ"
"ผมรอเปิดประตูให้แม่ครับ"
"มึงห้ามปากเสียฟ้องไอ้กำนันเสือมันนะมึง ขืนปากหมาอีกกูจะตีให้ตายเลย ไปพี่จ๋า"
ลำยองกอดคอชายแปลกหน้าพาขึ้นข้างบน
"ลูกชายน้องเหรอโตแล้วนี่หว่า"
"ลูกกับผัวคนแรก"
"อ้าว มีผัวหลานคนแล้วเหรอ"
"นับนิ้วไม่ถ้วนว่ะ"
ลำยองคะนองปากเพราะความเมา หัวเราะร่วนกับชายชู้พากันขึ้นบันไดไป ศีลทุกข้อ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ละเมิดหมด!
วันต่อมา หลวงตาปิ่นซดน้ำชา แล้วได้แต่มองวันเฉลิมที่นั่งใจลอย ดูท้อแท้ทั้ง ๆ ที่มีการบ้านต้องทำอยู่ตรงหน้า
"ไอ้วัน...เอ็งไม่สบายรึเปล่า ซึมยังกะคนเป็นไข้"
"เปล่าครับหลวงตา"
วันเฉลิมฝืนเขียนทำการบ้านแต่ก็เขียนหนังสือได้ตัวเดียว
"หลวงตาครับ"
"อือ"
"นรกมีอยู่จริง ๆ ใช่ไหมครับ"
"มีสิวะ ไม่อย่างนั้นในหนังสือไตรภูมิท่านจะบรรยายเอาไว้ซะละเอียดละออดได้ยังไง"
"แล้วทำไม...บางคนเขาถึงไม่กลัวตกนรกครับหลวงตา"
"ก็เขาไม่เชื่อเรื่องนรกน่ะสิวะ นรกน่ะนะ บางทีก็ไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน ถึงจะได้เห็นหรอก ตัวเป็น ๆ อย่างงี้ก็เห็นได้เหมือนกัน"
วันเฉลิมซึมหนัก
"เอ็งไปรู้ไปเห็นอะไรมาไอ้วัน"
"เปล่าครับหลวงตา"
หลวงตาปิ่นไม่เชื่อ...รอฟัง
"แล้วเราจะช่วยไม่ให้ใครต้องตกนรกได้ไหมครับหลวงตา"
"ช่วยได้...ช่วยทำให้เขาเกิดปัญญามันมีไม่เท่ากันหรอก แล้วแต่บุญทำกรรมแต่งที่ติดตัวมา"
"แล้วบาปของคนอื่น เราขอแบ่งมาบ้างได้ไหมครับหลวงตา"
"ของใครของมันโว้ยไอ้วัน แบ่งกันไม่ได้หรอก แม้แต่ทำบาปทำชั่วเอาไว้ แล้วคิดว่าทำบุญซักอย่างจะล้างบาปได้ก็ผิด บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ยังไงก็ยังอยู่ ยังไงก็ต้องชดใช้"
ในบ้านลำยอง เวลากลางวัน เสือนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ลำยองเข้ามากอดฉอเลาะ
"พี่เสือจ๋า ลำยองรักพี่เสือจังเลย พี่เสือรักลำยองไหม"
"อะไรของเอ็งวะ ข้าจะอ่านหนังพิมพ์"
"พี่เสือก็ตอบมาก่อนสิว่ารักลำยองไหม"
"เออๆๆ"
"ลำยองมีข่าวดีจะบอกพี่เสือ"
"อะไรอีกวะ"
"พี่เสือชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงมากกว่ากัน ถ้าลำยองทายไม่ผิดนะ ลำยองว่า เด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงพอเลี้ยงมันโต มันก็ไปมีผัวของมัน ฝากผีฝากไข้ไม่ได้หรอก"
"เอ็งจะพูดอะไรของเอ็ง"
"ลำยองแน่ใจว่า ลำยองกำลังท้องจ้ะพี่เสือ"
เสือนิ่งงันเหมือนลืมหายใจ
"ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอจ๊ะ ลำยองก็ดีใจ เมื่อคืนฝันดี๊ดี ลำยองฝันว่า มีช้างเผือกตัวข๊าวขาวเดินเข้ามาหาลำยอง ทีแรกลำยองกว่ามันจะมาทำร้าย แต่ปรากฏว่าพอมันมาหยุดตรงหน้าลำยอง มันคุกเข่าลง แล้วก็ชูงวงใหญ่เลย ลำยองดีใจจนน้ำตาไหล"
"เอ็งแน่ใจแล้วใช่ไหม"
"แน่ใจสิจ๊ะ เมนส์ลำยองไม่มาตั้งสองเดือนแล้ว"
"แน่ใจแล้วก็ดี"
เสือพับหนังพิมพ์
"พี่เสือจ๋า กว่าท้องจะโต พี่เสือพาลำยองไปจดทะเบียนนะจ๊ะ"
"อือ...เอ็งเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน"
"ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรมากเลย ไปวันนี้ก็ยังได้"
"เอาเหอะ เอ็งเตรียมตัวให้พร้อมก่อนแล้วค่อยว่ากัน"
ลำยองดีใจ
ยายแลพูดขึ้นที่เพิงขายก๋วยเตี๋ยว
"จดทะเบียน...มึงเพ้อไปเองรึเปล่าอีลำยอง"
"เพ้ออะไร พี่เสือเขาเพิ่งพูดอยู่หยกๆว่าให้ฉันเตรียมตัวให้พร้อม คงเป็นวันสองวันนี้แหละ"
"พี่ไปทำอีท่าไหน คนอย่างกำนันเสือถึงจะยอมจดทะเบียนกะพี่" ลำดวนถาม
"คนอย่างอีลำยองซะอย่าง เริ่ดสะแมนแตนอยู่แล้ว แค่กูบอกบอกเขาว่ากูท้องกะเขา เขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น หัวใจจะวายให้ได้" ลำยองหัวเราะร่วน
"มึงว่าอะไรนะอีลำยอง"
"ฉันบอกว่าฉันท้อง...หูตึงรึไงแม่"
"แล้วมึงท้องจริง ๆ รึเปล่า"
"ก็จริงน่ะสิ ใครจะอยากโกหกตอแหล"
"ฉิบหายแล้วมึงน่ะ โกหกตอแหลยังไงก็ไม่รอดแล้ว มึงนอกใจเขาละสิ อีลำยอง ถ้ามึงไม่นอกใจเขา มึงจะท้องขึ้นมาได้ยังไง"
"แม่อย่ามาพูดยังงี้นะ ทำไม.. ผู้ชายอายุหกสิบมีลูกไม่ได้รึไง"
"กูอยากเป็นลม กูอยากตาย"
"รึไอ้วันมันปากสว่างมาเล่าอะไรให้แม่ฟัง"
"อีลำยอง มึงไม่รู้รึไง กำนันเขาไม่เคยบอกมึงเรอะว่า เขาเคยผ่าตัด เขาเป็นหมันมีลูกไม่ได้แล้ว กูยังรู้เลย มึงเป็นเมียเขาอีท่าไหน ถึงไม่รู้ บรรลัยกันคราวนี้แหละ กรรมของมึงแท้ๆ อีลำยอง"
ลำยองหน้าซีดเผือดเย็นวูบไปทั้งตัว ความฉิบหายมาเยือนต่อหน้าต่อตา
หลวงตาปิ่นถามเสือ
"กำนันเอาอะไรมาพูด ไปฟังความข้างเดียวที่ไหนมารึเปล่า"
"นังลำยองมันพูดออกมาจากปากมันเองหลวงพี่ ผมถึงอยากรู้ความจริงนี่ไง ว่าไง ไอ้วัน เอ็งก็โตแล้วเอ็งบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ แม่เอ็งมันท้องขึ้นมาได้ยังไง"
วันเฉลิมนั่งก้มหน้านิ่ง สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกตวาด
"ไอ้วัน...ข้าถามไม่ได้ยินรึไง แบบนี้เอ็งสมรู้ร่วมคิดกับแม่เอ็งใช่ไหม ข้านะผ่าตัดโรคร้าย มีลูกได้ที่ไหน แล้วแม่เอ็งท้อง เอ็งบอกมาเดี๋ยวนี้มันเมาแประไปนอนกะใครที่ไหนมา"
หลวงตาปิ่น อื้ออึง วันเฉลิมก้มหน้าน้ำตาร่วงเผาะ
ฝ่ายยายแลบอกกับลูกสาวว่า
"มึงมันวอนหาเรื่อง เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับกำนันเสือ เรื่องศักดิ์ศรีใครหยามแกได้ที่ไหน"
"แล้วจะทำยังไงดีล่ะแม่ ทำยังไงดี แกจะกระทืบฉันตายคาตีนแกไหม"
"ถ้าแกจะกระทืบ แกกระทืบไปนานแล้ว ไม่ปล่อยพี่เดินมาถึงนี่หรอก" ลำดวนบอก
"มึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้เหอะ แม้แต่ที่ซุกหัวนอนมึงก็จะไม่มีเหลือ"
"ไอ้วันนี่แหละตัวดี มันต้องเป็นคนปากหมาไปฟ้องเขาแน่ๆ ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ยังไง"
"มึงคบชู้ ต่อหน้าต่อตาลูกงั้นสิ อีบ้า อีระยำ ยางอายสักนิดมึงก็ไม่มีเหลือหรอ ไม่
ต้องรอให้ถึงกำนันแกหรอก กูอยากจะกระทืบมึงซะตอนนี้เลย"
หลวงตาปิ่นบอก
"กำนัน อย่าไปขู่เข็นไอ้วันมันเลย มันคงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก"
"ไอ้วัน เอ็งอย่าทำหุบปากเงียบยังงี้ พูดออกมา"
วันเฉลิมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตา
"ผมเป็นลูก ผมเพิ่งอายุสิบขวบ ผมคุมความประพฤติใครไม่ได้หรอกครับ แค่ดูน้องก็ไม่ไหวแล้ว ผมไม่ได้สมรู้ร่วมคิดหรือว่ายุ่งอะไรด้วย เรื่องของแม่ ผมรู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีความหมายอะไร ผมฟ้องลุงกำนันก็ไม่ได้ ไม่ฟ้องก็ถือว่า สมรู้ร่วมคิดงั้นเหรอครับ"
เสือนิ่งอึ้งกับคำพูดของวันเฉลิม ความเดือดดาลลดฮวบลงทันที
"ยังไงก็แม่มันแหละกำนัน"
"เอ็งรู้ไหมว่าข้าต้องข่มห้ามใจตัวเองขนาดไหน ตอนที่แม่เอ็งมาบอกว่าท้องกับข้า ไม่รู้ว่าเป็นบุญของข้าหรือของแม่เอ็งที่ข้าตัดสินใจเดินออกมาจากที่นั่นซะก่อน ไม่งั้นละก็..."
วันเฉลิมป้ายน้ำตาบนหน้า
ลำยงร้องบอกที่เพิงขายก๋วยเตี๋ยว
"แม่...ลุงกำนันมาโน่นแล้ว"
ลำยองลนลานหลบเข้าหลังแม่เหมือนกลัวตาย วันเฉลิมเดินตามเสือเข้ามา
"กำนัน อย่าทำอะไรมันเลยนะ" แลว่า
"ถ้าข้าจะทำ ข้าทำไปนานแล้ว นังลำยอง"
"พี่เสือ ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษ"
"ก่อนทำเอ็งคิดไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอ็งคิดว่าข้าเป็นแค่ไอ้แก่หน้าโง่ใช่ไหม"
"ยกโทษให้ลำยองเถอะจ้ะ ลำยองจะไม่ทำยังงี้อีกแล้ว ให้ลำยองตายโหงตายห่าภายใน..."
"เอ็งไม่ต้องมาตอหลดตอแหลสาบาน ไอ้หน้าโง่ที่ไหนมันก็ไม่เชื่อหรอก บ้านนั่นน่ะมันเป็นของข้า เอ็งขายฝากข้าไว้จนหลุดแล้ว ขนสมบัติของเอ็งออกไปให้หมด ข้าให้เวลาเอ็งสามวัน"
"พี่เสือทำไมทำกะลำยองยังงี้"
"เอ็งยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำไม"
"แล้วลำยองกับลูกจะไปอยู่ไหนกันพี่เสือจ๋า"
"เรื่องของเอ็ง ข้ากับเอ็งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว"
วันเฉลิมอุ้มเหน่ง เข้าเอวเดินเข้าบ้านมา ยายแลจูงอ้อย อุ้มจิตรา ตามเข้ามา
"เอ็งเอาอีอ้อย ไอ้เหน่งมันไปไว้ในห้องก่อน แล้วค่อยลงมาเอานังจิตรา เดี๋ยวจะได้
หุงข้าวหุงปลา ข้าวสารมีพอไหมล่ะ"
"เหลืออยู่กระป๋องนึงได้ครับ ต้มข้าวต้มใส่น้ำเยอะๆก็พอกินครับ"
ยายแลพยักหน้าอย่างปลงตก วันเฉลิมอุ้มเหน่ง จุงจิตราขึ้นข้างบนไป เสือเดินตามเข้ามา
"เอ็งอย่าหาว่าข้าใจร้ายใจดำนะ นังแล"
"ฉันจะไปว่ากำนันยังงั้นได้ยังไง ถ้ากำนันยังจำได้ ฉันเป็นคนบอกกำนันเองว่า อย่ามาเอามันทำเมีย อีนี่สันดานมันไม่ดี แล้วผิดจากที่ฉันพูดไว้ไหมล่ะ"
วันเฉลิมวางจิตราลงนอนบนพื้นข้างบน
"น้องอ้อยอยู่กับเหน่งกับจิตราก่อนนะ พี่วันจะลงไปหุงข้าวก่อน"
วันเฉลิมจัดการกับน้องๆแล้ว จะออกจากห้อง หันมาเจอเสือที่ยืนมองอยู่
"ไม่อยู่นี่แล้ว เอ็งจะไปอยู่ที่ไหนกัน"
"ก็ไปอยู่บ้านยายครับ"
"อยู่กันยังไงวะ อัดกันเป็นปลากระป๋อง เอ็งน่ะไปนอนกุฎิหลวงตาปิ่นก็ได้มั้ง"
"ไม่ได้หรอกครับ แล้วใครจะเลี้ยงน้อง"
"ตัวเอ็งก็จะต้องย้ายโรงเรียนแล้ว จบประถมสี่แล้วนี่"
"ผมคงจะไม่เรียนต่อแล้วครับ ผมจะอยู่ดูแลบ้านช่อง เลี้ยงน้องให้แม่ หุงข้าวทำกับข้าวซักผ้า ถ้าผมไม่อยู่ใครจะทำ"
"ก็แม่เอ็งไง วันๆมันทำอะไร เอาแต่เล่นไพ่กินเหล้า บ้านช่องสกปรกเหมือนรังหนู ทุเรศว่ะ"
"ผมพยายามแล้ว แต่ผมเปลี่ยนแปลงแม่ไม่ได้ แม่ก็คือแม่ ต่อให้แม่เป็นยังไง ผมก็อกตัญญูต่อแม่ไม่ได้หรอกครับ"
เสืออึ้ง
"ถ้าเอ็งเลิกเรียน ปู่กับย่าเอ็งจะต้องเสียใจ"
"บ้านไม่มีจะอยู่ จะกินเข้าไปยังไม่มีจะคิดเรียนได้ยังไงครับ"
"ทำไมเอ็งจะเรียนไม่ได้ ก็ไปอยู่กะปู่ย่าเอ็งซะ เขารักเอ็งห่วงเอ็งยังกะอะไรดี ทำไมเอ็งไม่ทิ้งทางนี้ไปอยู่กับปู่ย่าเอ็ง ทนอยู่กับแม่เอ็งไปทำไม"
"ผมทิ้งแม่ทิ้งน้องไปไม่ได้หรอกครับ"
"ลำพังเอ็งจะช่วยอะไรได้วะ ตัวแค่นี้ ช่วยตัวเองให้รอดซะก่อนเถอะ ค่อยคิดช่วยคนอื่น เตี้ยอุ้มค่อม พอดีตายหมดทั้งฝูง"
ชั้นล่างบ้านลำยอง ยายแลกำลังก่อฟืนในเตา เสือเดินตามวันเฉลิมเข้ามา
"เอาอย่างข้าว่า ไอ้วัน ไปอยู่กับปู่ย่าเอ็งซะ"
"ผมไม่อยู่ น้องๆจะเอาอะไรกิน แม่อีกล่ะ ไม่มีใครเฝ้าบ้าน"
เสือฉุน
"งั้นเอ็งก็ต้องเตรียมเลี้ยงไอ้คนในท้องแม่เอ็งหาพ่อไม่ได้นั่นอีกคน ปีหน้าก็อีกคน ปีโน้นอีกคน งั้นเหรอวะ มันขาดสติออกยังงั้น"
วันเฉลิมเมินหน้าหนี ไม่ต้องการได้ยินใครด่าว่าแม่
"ป่านนี้ไม่รู้ว่ามันไปเมาเป็นหมาอยู่ที่ไหน"
เสือหัวเสีย เดินออกไป แลพูดอะไรไม่ออก วันเฉลิมเดินไปลากปีบเก็บข้าวสารออกมา ข้าวสารในปีบเหลืออยู่แค่หยิบมือ
ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฝ่ายปั้นพอรู้ข่าว
"นรกแท้ๆ มันจะรู้ไหมเนี่ย ว่านรกอยู่ตรงหน้ามันแล้ว"
"เขาว่ากันว่า กำนันเสือโกรธจนไล่มันให้ขนของออกจากบ้านภายในสามวัน นังลำยองมันขายฝากบ้านไว้กับแกจนหลุดแล้ว"
"ตาสิน...เอาไอ้วันมาอยู่กับเราซะเถอะ"
"ฉันก็กำลังจะปรึกษาแม่ปั้นอยู่เนี่ย"
"ไม่ต้องปรึกษา เอามาเดี๋ยวนี้เลยได้ยิ่งดี นังลำยองมันจนตรอกขนาดนี้แล้ว ถ้ามันยังดึงดัน เห็นไอ้วันเป็นสมบัติของมันอยู่อีก มันก็ไม่ใช่คนแล้ว"
"ฉันจะรีบไปดูมันเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"เออๆ ให้มันขนข้าวของมาวันนี้เลยก็ได้"
สินออกไปทันที ปั้นนึกบางอย่างขึ้นมาได้ รีบตามออกไป
ปั้นรีบตามสินขึ้นมาบนถนนในซอย
"ตาสิน...ตาสิน... เอาไอ้วันมาคนเดียวนะ น้องๆมันทั้งฝูงนั่นน่ะ ไม่เอา"
สินพยักหน้าอือออ
ยายแลมาจากบ้านลำยองเดินผ่านมาพอดี ปั้นหันไปเห็นพอดี
"ยังไงล่ะมึง อีลูกสาวตัวดีของมึงน่ะ เหม็นเน่าโฉ่ไปทั้งซอยอีกแล้ว"
ยายแลเครียดเป็นทุนอยู่แล้ว
"มึงจะทับถมกันไปถึงไหนอีปั้น"
"ก็ไม่ใช่เพราะมึงรึไง ถึงต้องพาลเดือดร้อนกันไปหมดยังงี้"
"กูยิ่งเครียดๆอยู่นะอีปั้น มึงจะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บทำหอยอะไร"
"อย่างมึงเครียดเป็นกะเขาด้วยเหรอ มึงเลี้ยงลูกมึงไม่ดี ส่งเสริมแต่สันดานมักง่าย หลานกูต้องลำบากก็เพราะมึง"
"แล้วมึงคิดว่ากูไม่เดือดร้อน ไม่เจ็บรึไงอีปั้น มึงคิดว่าหัวอกคนเป็นแม่คน มึงเข้าใจอยู่คนเดียวรึไง"
"พอเถอะแม่แล แม่ปั้น ฉันขอล่ะ มาทะเลาะกันตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ที่แล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ มาปรึกษาหารือกันเรื่องวันข้างหน้าไม่ดีกว่าเรอะ"
"แกก็บอกมันละกันตาสิน ว่าเราจะเอาไอ้วันมันมาอยู่กะเราที่นี่"
"บอกเมียแกไปด้วยตาสิน ว่าจะเอายังไงก็เอากันสิวะ"
"บอกมันไปด้วยเลย ว่าเราเลี้ยงแต่ไอ้วันคนเดียว ไอ้ที่ยั้วเยี้ยๆอีกสามน่ะไม่เอา"
"บอกอีเมียปากตะไกรแกด้วยว่าอีอ้อย ไอ้เหน่ง อีจิตรา หลานกู กูเลี้ยงของกูได้"
"บอกมันไปเลยตาสิน พูดอะไรออกมาแล้วอย่าคืนคำ"
"บอกมันด้วยว่าคนอย่างอีแล พูดคำไหนแล้วเป็นคำนั้นโว้ย"
สินปวดหัวกะโหลกที่ต้องเป็นคนกลางอย่างไม่มีความหมาย
เวลาเย็นต่อเนื่องมา วันเฉลิมป้อนข้าวต้มน้อง ๆ ทีละคนจนครบคนละคำแล้วตัวเองถึงตักกินคำนึง สินเข้ามาตะโกนเรียก
"ไอ้วันเอ๊ย...ไอ้วัน"
"ครับปู่"
"เอ็งเก็บข้าวของรึยัง"
"ยังครับ ผมว่าจะเริ่มเก็บคืนนี้ของมีไม่มากเก็บไม่นานก็เสร็จครับ"
"เออ...ข้าวของบางอย่าง เดี๋ยวปู่ช่วยขนเอาไปให้ก่อนก็ได้"
"ขนไปไหนครับ"
"ก็บ้านปู่ไง ย่าเอ็งเขาเตรียมที่ทางห้องหับเอาไว้ให้แล้ว ก็ห้องที่พ่อเองเคยอยู่น่ะแหละ"
"แล้วน้อง ๆ ผมล่ะครับ"
"ก็ให้มันไปอยู่บ้านยายมันนะสิ"
"ผมทำยังงั้นไม่ได้หรอกครับปู่ จะให้ผมทิ้งน้อง ๆ ได้ยังไง"
"ใครบอกว่าเอ็งทิ้ง"
"น้องผมอยู่ที่ไหน ผมก็ต้องอยู่ที่นั้นครับปู่"
เวลากลางคืน ฝนตกปรอย ๆ วันเฉลิมชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง ดึกแล้ว แม่ยังไม่กลับมาซะที
อ้อย, เหน่ง, จิตรา, นอนหลับกันหมดแล้ว วันเฉลิมตัดสินใจจะไปตามหาแม่
วันเฉลิมเดินฝ่าสายฝน มองหาแม่ไปตามรายทาง วันเฉลิมตะโกนเรียก
"แม่ครับ แม่ แม่ครับ"
รองเท้าลำยองตกอยู่ข้างหนึ่งใกล้กองขยะ วันเฉลิมจำได้ เก็บขึ้นมาและมองหา ลำยองเมาหมดสติอยู่ข้างทางลึกเข้าไปโผล่ออกมาแต่ขา วันเฉลิมรีบวิ่งเข้าไป
"แม่...แม่ครับ"
ลำยองเปียกฝนไปทั้งตัว อ้อแอ้พูดไม่เป็นภาษา แต่มือยังกอดขวดเหล้าเอาไว้แน่น วันเฉลิมพยายามฉุดดึงแม่ให้ลุกขึ้นอย่างยากเย็น
วันเฉลิมเอาผ้ามาเช็ดตัวที่เปียกปอนให้แม่ ลำยองปัดป้องอย่างรำคาญ
"อย่ามายุ่งกับกู"
"วันจะเช็ดตัวให้แม่ เดี๋ยวแม่ไม่สบายครับ"
"มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร กูเป็นนางฟ้านะมึง กูอยู่บนสวรรค์ ต้องลงมาตามหาเทพบุตร"
ลำยองหัวเราะแล้วพล่ามต่อ
"แต่ละองค์งาม ๆ ทั้งนั้นเลย...เดี๋ยวกูต้องกลับวิมานของกูแล้วนะ"
ลำยองสะบัดเตะถีบจนวันเฉลิมหัวทิ่มหัวตำ แต่วันวันเฉลิมก็ไม่ย่อท้อเช็ดตัวให้ลำยองไม่หยุดยั้ง
ในเวลาเดียวกัน ปั้นนั่งกอดเข่าเครียด
"ทำไมมันไม่รู้จักเห็นแก่ตัวเสียบ้าง มันจะยอมแบกรับภาระไม่เข้าท่ายังงี้ไปอีกนานเท่าไร"
"ไอ้วันมันเกิดมาเพื่อโอบอุ้มประคับประคองคนอื่นนะแม่ปั้น"
"แล้วมันไม่คิดถึงวันข้างหน้าของตัวมันเองบ้างเลยรึไง"
"เราอาจจะมองว่ามันมีความทุกข์ แต่ใครจะรู้..แม่ปั้น มันอาจมีความสุขที่ได้ทำอย่างนี้ก็ได้"
ปั้นถอนใจทิ้งเวลาชั่วขณะแล้วตัดสินใจ
"ฉันยอมแล้วตาสิน ให้มันเอาน้อง ๆ มันทั้งฝูงนั่นน่ะ มาอยู่กะมันที่นี่ก็ได้ น้อง ๆ มันอย่างเดียวนะ แม่มันฉันไม่เอา"
"นังลำยองมันก็คงไปอยู่บ้านแม่มันน่ะแหละ ไม่มาอยู่นี่หรอก...ขอบใจนะแม่ปั้น"
"มาขอบใจฉันเรื่องอะไรย่ะ"
"ขอบใจที่แม่ปั้นยอมลดทิฐิลงได้น่ะสิ เด็กยังไงมันก็เด็ก มันบริสุทธิ์ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอก...เมตตาน่ะเป็นบุญนะ"
"ฉันไม่ใช้คนใจไม้ไส้ระกำซะหน่อย"
ปั้นสะบัดงอนพองามเพราะลึก ๆ ยังต้องทำใจเลี้ยงเด็กอีกโขยงที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข
วันใหม่ เวลากลางวัน ลำยองนอนแผ่กลางบ้าน ไม่อยากตื่น อ้อยคลานเล่นยั้วเยี้ยจิกหัวกันไปมารอบตัวลำยอง จิตรานอนร้องงอแง วันเฉลิมรวบรวมเสื้อผ้าของทุกคนใส่รวม ๆ กัน บนผ้าปูที่นอนแล้วมัดเป็นห่อใหญ่ ๆ ได้หลายห่อ
วันเฉลิมเข้ามาเขย่าตัวลำยอง
"แม่ครับ แม่ครับ...เดี๋ยววันมานะครับ"
ลำยองพลิกตัวไม่รับรู้อะไร
"น้องอ้อย น้องเหน่ง อย่าซนนะ อย่ากวนแม่ เดี๋ยวพี่วันมา...เข้าใจไหม"
วันเฉลิมลุกออกไป
สินหิ้วถังน้ำไม้กวาดอุปกรณ์ทำความสะอาดลงมาจากข้างบนพอดี
"ตาสิน...มุ้งหลังนี้มันเก่าหน่อย แต่ยังไม่ขาดเดี๋ยวเอาลงซักในคลองซะเลยดีไหม จะได้เอาไว้ให้น้อง ๆ ไอ้วันมันใช้"
"ดี ๆ ๆ เดี๋ยวฉันซักให้เองแม่ปั้น"
"ไม่เป็นไรฉันซักเอง"
"มุ้งมันลงน้ำแล้วมันหนักนา แม่ปั้นไม่ไหวหรอก มา ๆ ๆ"
สินดึงมุ้งมาจากปั้น วันเฉลิมยืนอยู่ ได้เห็น ได้ยินที่ปู่ย่าคุยกัน ปั้นหันมาเห็น
"อ้าว...ไอ้วัน มาแล้วเหรอลูก"
"เอ็งขนข้าวของมาด้วยรึเปล่าล่ะ"
"เปล่าครับ...ผมแค่จะมายืมรถเข็นของปู่ไปขนของครับ ใช้เสร็จแล้วผมจะรีบเอามาคืน"
"ไอ้วัน...ปู่เอ็งเขากวาดถูห้องที่เองจะมาอยู่เอาไว้ให้แล้วนะ ที่นอนหมอนมุ้งก็เตรียมเอามาตากแดดไว้ให้แล้ว เอ็งเอาน้อง ๆ เอ็งมาอยู่ด้วยกันได้เลย ย่าอนุญาต"
"กลางวันเอ็งไปโรงเรียนปู่ย่าจะช่วยดูมันให้ เอ็งจะเรียนหนังสือให้เต็มที่" สินบอก
"แล้วแม่ล่ะครับ แม่จะไปอยู่ไหน"
"แม่เอ็งก็ให้มันกลับไปอยู่บ้ายยายเอ็งสิ ไอ้วัน"
นั่นไม่ใช่คำตอบที่วันเฉลิมต้องการ
วิมลยืนในรั้วบ้านกับสมฤดี
"พ่อวันไม่น่าปฏิเสธปู่กับย่าเขาหรอกนะ เขาอุตส่าห์จะช่วยดูแลน้อง ๆ ให้พ่อวันแล้ว"
"ผมโยนภาระให้คนอื่นไม่ได้หรอกครับ"
"พ่อวันก็ตั้งใจเรียนหนังสือไป ความจริงน้อง ๆ น่ะ มันหน้าที่แม่เขาต้องดูแลด้วยซ้ำ ไม่ใช่หน้าพ่อวันนะ"
"ไม่ใช้หน้าที่เหรอครับ ก็ผมเป็นพี่"
"จริงอยู่หรอกเป็นพี่ แต่อย่าลืมพ่อวันอายุเท่าไร พี่ก็ช่วยน้องเท่าที่ช่วยได้ เราต้องช่วยตัวเราเองก่อนนะ"
"ก็แสดงว่าผมเห็นแก่ตัว ผมอกตัญญูสิครับ ไม่ช่วยแม่เลี้ยงน้อง"
"พ่อวันเอ๊ย คิดยังงั้นได้รึ กรรมของใครใครก่อใครก็รับผิดชอบเองสิ ทำไมพ่อวันจะต้องไปรับผิดชอบแทนให้ด้วย วันข้างหน้าว่าไปอย่าง ถ้าพ่อวันโตมีงานการทำ จะส่งเงินช่วยแม่เลี้ยงน้องก็อีกเรื่อง"
วันเฉลิมนิ่ง
"พี่วันเอาขนมปังนี่ไปกินนะ เอาไปแบ่งน้อง ๆ พี่วันด้วยก็ได้ หนูสมไม่ว่าอะไรหรอก"
สมฤดียื่นขนมปังหัวกะโหลกที่อยู่ในถุงกระดาษลอดรั้วออกมาให้
วันเฉลิมรับมา
"ขอบคุณครับหนูสม ผมเลยลาคุณยายตรงนี้เลยนะครับ"
"พี่วันผ่านมาแถวนี้ แวะตะโกนเรียกหนูสมด้วยนะ ไปแล้วอย่าลืมกันนะ พี่วัน"
วันเฉลิมฝืนยิ้มให้ สมฤดียื่นมือผ่านรั้วออกมา วันเฉลิมจับมือสมฤดีไว้
วันเฉลิมเตรียมขนของอยู่คนเดียว ทั้งหม้อ, กะละมัง จานชาม กระทะ เตา สารพัดข้างของ อ้อย กับเหน่ง ยื้อแย่งขนมปังหัวกะโหลกกันอยู่ ทั้งคู่ทะเลาะกันจิกหัวกบาลกันไปมา อ้อยกัดเหน่ง จนแหกปากร้อง
"หนวกหูโว้ย มันอะไรกันนักหนาวะ"
วันเฉลิมปลอบน้องทั้งสอง เข้ามาห้ามทับแบ่งขนมปังให้สองฝ่าย
วันเฉลิมนึกถึงคำพูดของวิมล
"คนเราน่ะนะพ่อวัน ช่วยตัวเองยังไม่รอดแล้วจะช่วยคนอื่นได้ยังไง เหมือนพ่อวันว่ายน้ำไม่เป็นแล้วน้องคนนึงตกน้ำลงไป พ่อวันกระโดดลงไปช่วย เลยจมน้ำตายด้วยกันทั้งคู่ แล้วน้องอีกสองคนที่บนฝั่งล่ะ ใครจะพากลับบ้าน เข้าใจที่ยายพูดไหม พ่อวันเอาไปไคร่ครวญเสียให้ดีนะลูก"
วันเฉลิมเข้ามาหาลำยอง
"แม่ครับ วันขนของไปบ้านยายรอบนึงก่อนนะครับ แม่ดูน้องด้วยนะครับ"
"ดูมันทำไม ไอ้พวกบ้า กวนประสาท"
วันเฉลิมยกข้าวของจะเอาไปใส่รถเข็น ร่างหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาในบ้านชนวันเฉลิมจนข้าวของกระจาย หกล้มหกลุก เสียงดังโครมคราม
"โจรปล้น โจรปล้น ช่วยด้วย"
ปานพุ่งพรวดเข้าปิดปากลำยอง
"น้าปาน"
เพิงก๋วยเตี๋ยวลำยง ในเวลาเดียวกัน ยายแลหน้าตาตื่น
"มันหายหัวไปตั้งนานแล้ว จนฉันลืมไปแล้วว่ามันเป็นลูก มันกลับมาครั้งสุดท้ายเมื่อไรว่ะ นังลำยง"
"เดือนที่แล้วได้มั้ง มันมานอนบ้านอยู่คืนนึงแล้วก็ไป"
"ถามว่ามันทำอะไรอยู่ไหนมันก็ไม่ยอมบอก" ลำดวนว่า
"ไอ้ปานมันไปทำอะไรผิดครับ" ชุดถาม
"นายปานกับพวกปล้นร้านขายยา เจ้าทุกข์ถูกแทงอาการสาหัสด้วย" ตำรวจบอก
ยายแลหน้าซีดเผือด ชวนเป็นลม ทุกคนร้องเอะอะตกใจ
ปานบอกวันเฉลิม
"เอ็งห้ามบอกใครว่าข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะหลบอยู่แค่วันสองวันแล้วจะไปที่อื่น"
"ทำไมต้องหลบด้วย น้าปานหนีใครมา"
"เอ็งไม่ต้องรู้หรอก"
"น้าปานอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก"
"ทำไมข้าจะอยู่ไม่ได้"
"ทุกคนกำลังจะย้ายออกไปแล้ว บ้านนี้ถูกยึดแล้ว มันไม่ใช่ของเราแล้ว"
"ไอ้บ้าเอ๊ย"
"น้าปาน"
"มึงหุบปากไอ้วัน กูกำลังใช้ความคิด"
"หลวงตาบอกว่า เราหนีอะไรก็อาจจะหนีได้ แต่เราหนีกรรมของเราไปไม่ได้หรอกน้าปาน"
"ไอ้บ้า...กูเครียดจะตายอยู่แล้วเสือกเอาคำหลวงตามาหลอนกูอีก มึงนะมึง"
"ไอ้ปาน...ไอ้ปาน"
ปาน, วันเฉลิมหันไปมองหน้าบ้านก็ตกใจ ปานพุ่งไปหลบมุมหนึ่งมองผ่านหน้าต่าง
ยายแลตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านเพราะแน่ใจว่าปานต้องหนีมาหลบที่นี่ ตำรวจมากันพร้อมหน้า
"ไอ้ปาน...เองอยู่ข้างไหนใช่ไหม เอ็งออกมาเถอะ มอบตัวซะ ไอ้ปาน เองได้ยินไหม นี่แม่เอ็งตำรวจเขาไม่ทำอะไรเอ็งหรอก ออกมาเถอะ"
ปานสีหน้าเครียดเมื่อเห็นตำรวจ ตัดสินใจอย่างหนัก
"น้าปาน...ยอมรับผิดเถอะ อย่าให้ยายเสียใจไปมากกว่านี้เลย"
"นายปาน....ยอมมอบตัวซะ"
ปานได้ยินเสียงตำรวจ ตัดสินใจพุ่งไปที่กองข้าวของเครื่องครัว หยิบมีดปลายแหลมขึ้นมา
ลำยองเห็นมีดยิ่งสติแตกแหกปากร้อง พรวดพราดวิ่งหนีออกไปจากบ้านทันที
"มันจะฆ่ากู...มันจะฆ่ากู"
"แม่"
ปานตกใจกระโจนหนีออกไปหลังบ้านทันที วันเฉลิมละล้าละลัง
ปานวิงหนีมาได้ไม่ไกล ก็ถูกตำรวจชาร์จตัวจากด้านหลังล้มลงอย่างแรง มีดหลุดมือกระเด็นไป
ปานสิ้นท่าหมดปัญญาขัดขืนถูกคุมตัวกลับออกมา
วันเฉลิมวิ่งออกมาอยู่ข้างแลและลำยง ยายแลฟูมฟาย
"ไอ้ปาน ทำไมมึงไม่ทำมาหากินอย่างคนดี ๆ เขาทำกัน ได้เล็กได้น้อยทำไม มึงไม่รู้จักอดทน จะยากจะจนยังไง มันก็ต้องมีศักดิ์ศรี กูเลี้ยงมึงไม่ดีใช่ไหม กูไม่ได้สั่งสอนมึงใช่ไหม มึงถึงทำมาหาแดกปล้นเขากินยังงี้"
ยายแลทั้งโกรธตัวเองโกรธลูก ตบตีปานไม่ยังมือทั้งน้ำตา ปานได้แต่ก้มหน้ายอมให้แม่ตบตี น้ำตาร่วงเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่ง ตำรวจจึงเข้าขวางยายแลและพาตัวปานออกไป
ยายแลร้องไห้โฮ จนลำยงต้องเขาประคองแม่ ลำยองซุกตัวอยู่อีกมุมเมา ๆ มึน ๆ ไม่มีสติ
วันเฉลิมมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสะเทือนใจ ชีวิตทุกคนรอบตัวมีแต่ตกต่ำสู่ความทุกข์
ปั้นรู้เรื่องก็แสดงความเห็นกับสิน
"มาเสียใจเอาตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว ลูกเต้าน่ะมันต้องอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ๆ ผิดก็ต้องตีมันจะได้รู้จักหลาบจำ คนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ท้ายลูก ส่งเสริมแต่ความคิดชั่ว ๆ เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ สุดท้ายมันก็เป็นอย่างอีแลนี่แหละ"
"อย่าไปทับถมมันเลย แม่ปั้น ยัยแลมันก็สำนึกแล้วล่ะ"
"ลูกเต้ามันเอาดีไม่ได้ซักคน ไม่สำนึกก็แปลกแล้วละ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ แต่มันต้องเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีให้ได้สิวะ ตาสิน โอย ยิ่งพูดยิ่งท้อแท้ เรื่องไอ้วันนี่ แม่จนปัญญาแล้วละสันต์เอ๊ยเอ็งไปน้าวใจมันอีกทีเหอะ"
"ผมจะพยายามนะครับแม่" สันต์บอก
ที่กลางซอย วันเฉลิมเข็นรถเข็นสาลี่ ในรถเข็นเต็มไปด้วยข้าวของที่ขนไปบ้านแล , อ้อย เหน่งและจิตรา ถูกยัดปะปนมาในรถเข็นด้วย รถเข็นหนักเอาการ วันเฉลิมต้องอดทนอย่างหนักกัดฟันสู้
สันต์เดินเข้ามาช่วยเมื่อเห็น
"วัน...ทำไมไม่ตามใครมาช่วยล่ะลูก"
"ทุกคนมีงานของตัวเองทั้งนั้นครับ"
"แล้วแม่เขาไปไหน"
"แม่ไม่ค่อยสบายครับ ยังนอนอยู่เลย"
ไม่สบายหรือเมา"
วันเฉลิมไม่ตอบ
"อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านปู่แล้ว มาพ่อช่วย"
"ผมจะไปบ้านยายครับ ไม่ใช่บ้านปู่"
"วัน...ย่าเขาอนุญาตให้น้อง ๆ วันอยู่ด้วยได้แล้วนี่ลูก"
"แล้วแม่ล่ะครับ"
"ก็ให้เขากลับไปอยู่บ้านยายไง"
"ไม่ได้หรอกครับ...ทำอย่างนั้นผมก็เท่ากับเป็นลูกอกตัญญู"
"อกตัญญูที่ตรงไหนกัน"
"ผมจะปล่อยให้แม่ลำบากในขณะที่ผมสุขสบายกว่าแม่ได้ยังไงครับ"
"วัน..."
"พญาช้างเผือกท่านไม่เคยทอดทิ้งแม่ของท่านเลย ถึงจะถูกจับตัวไปขังไว้เลี้ยงดูอย่างดี ท่านยังไม่ยอมกินอาหารซักมื้อเพราะรู้ว่าแม่ตาบอดของท่าน ยังไม่ได้กินเลย ท่านต้องให้แม่ของท่านกินอิ่มก่อนท่านถึงจะกินครับ"
สันต์ก้อนจุกคอหอยพูดไม่ออก วันเฉลิมเข็นรถออกไปเรื่อย ๆ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 10 (ต่อ)
ยายแลนั่งซึมปลงตกเรื่องปานอยู่ที่บ้าน วันเฉลิมอุ้มจิตรา จูงเหน่ง อ้อยเดินตามเอ๋อ ๆ เข้ามา
"ยายครับ...ยาย"
"มาแล้วเรอะไอ้วัน...แม่เอ็งล่ะ"
"แม่ยังนอนอยู่เลยครับ ผมเอาน้อง ๆ มาก่อน เดี๋ยวจะกลับไปรับแม่อีกรอบ"
"ข้าวของล่ะ"
"ขนอีกสองสามรอบก็คงหมดครับ"
ยายแลได้แต่พยักหน้าเหนื่อยแทบขาดใจ
"ยายครับ...ยายอย่าทุกข์ใจเรื่องน้าปานไปเลยนะครับ อีกไม่นานน้าปานก็ได้ออกมาแล้ว ผมว่าน้าปานต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ครับ"
ยายแลน้ำตาไหล ฝืนยิ้ม หลานตัวแค่นี้มันยังรู้จักปลอบใจ
"เอ็งเอาไอ้สามตัวนี่ไปไว้รวมกันกับตาเอ็งในห้องโน่นก่อน"
ยายแลเดินไปหยิบตะปูงอที่ใช้คล้องล็อกประตูออก เปิดห้อง ตาปอนอนอยู่กลางห้อง
"ไอ้ปอ...มึงเยี่ยวรดบ้านอีกแล้ว ทำไมไม่เยี่ยวใส่กระป๋อง ปัดโธ่..."
"กูอยากกินเป็ดพะโล้จังเลย...อีแล"
"เออ มึงฝัน ๆ ไปก่อน เดี๋ยวกูซื้อให้กิน มึงดูหลาน ๆ มันด้วย เข้าใจไหม เดี๋ยวกูมา"
"เออ ๆ มึงอย่าลืมเป็ดพะโล้กูแล้วกัน"
"ไปไอ้วัน ไม่เป็นไรหรอก"
วันเฉลิมออกจะห่วง ๆ น้องๆที่ต้องอยู่กับตา ห้องตาปอปิดประตูเฉย ๆ ไม่ได้คล้องตะปูงอ
วันเฉลิมขนข้าวของใส่รถเข็นจนเต็มประมาณนึงแล้วกลับเข้ามาในบ้าน ลำยองเมาหลับอย่างไม่อยากจะตื่น วันเฉลิมเขย่าปลุก
"แม่ครับ...เราต้องไปกันแล้วครับ แม่ครับ"
ลำยองปัดป้องด้วยความรำคาญ วันเฉลิมเอาผ้าห่มมาปูกับพื้น พลิกตัวลำยองให้นอนบนผ้าแล้วลากผ้าพาลำยองออกไปอย่างทุลักทุเล
วันเฉลิมเข็นรถ เหงื่อเต็มตัว ในรถเข็นรอบนี้ นอกจากข้าวของแล้ว ยังมีลำยองที่นอนเมาแประไม่เหลือสติรวมมาด้วย วันเฉลิมเข็นรถออกไป ปาดเหงื่อบนหน้าไป ไม่ย่อท้อ
"อีกนิดเดียวครับแม่ ทนร้อนหน่อยนะครับ"
สันต์สะท้านใจยืนมองอยู่มุมหนึ่ง เสือเดินเข้ามาหาสันต์
"ข้าดูเป็นคนใจดำอำมหิตเกินไปไหมวะ"
"ลุงกำนัน"
"ข้าอยู่มาจนแก่ขนาดนี้ เห็นคนดิบ ๆ สันดานหยาบ ๆ มาก็ไม่ใช่น้อย แต่ข้าต้องยกให้นังคนนี้มันสุดยอดของความดิบความหยาบเพราะอะไรก็ไม่มีทางขัดเกลามันได้ แต่เอ็งรู้ไหม อะไรที่ทำให้ข้านอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว ทั้งที่ข้าน่าจะดีใจที่ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นแล้ว"
"วันเฉลิม...ใช่ไหมครับกำนัน"
"มันช่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของผู้หญิงพรรค์ยังงี้เลย ทั้งเอ็ง ทั้งพ่อแม่เอ็ง หลวงพี่ปิ่นด้วย ไม่เสียแรงที่สั่งสอนอบรมมันมาดี"
"เขาเกิดมาดีครับลุงกำนัน ถนนที่เขาเดินไปมันอาจจะขรุขระสักหน่อย แต่อยู่ที่พวกเราไม่ใช่
เหรอครับ ที่จะต้องช่วยประคับประคองให้เขาเดินไปได้ตลอดรอดฝั่งจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางของเขา"
วันเฉลิมลากลำยองเข้ามาในบ้าน...หมดแรง
"แม่นอนตรงนี้ก่อนนะครับ วันจัดของก่อน ไม่รู้ว่ายายจะให้พวกเราอยู่ตรงไหน"
วันเฉลิมเดินไปเปิดประตูห้อง ภายในห้อง อ้อย, เหน่ง, จิตรา อยู่กันอย่างเป็นปกติ...แต่ไม่มีตาปอ
"ตาครับ...ตา"
วันเฉลิมเดินมองหาตาไปที่มุมต่าง ๆ แต่ก็ไม่เห็น ใจเสียรีบวิ่งออกไปทันที
แต่ละคนยุ่งเหยิงกับการเก็บร้านก๋วยเตี๋ยว วันเฉลิมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"น้าลำยง..ตามาที่นี่รึเปล่าครับ"
"ไม่ได้มา ก็ยายเขาขังไว้ในห้องไง"
"ไม่มี ตาไม่ได้อยู่ในห้องแล้วครับ"
"เองหาดูทั่วรึยังไอ้วัน" ลำดวนถาม
"ผมดูแล้ว ตาไม่อยู่จริง ๆ ครับ"
"คล้องตะปูไว้พ่อเขาจะออกไปไหนได้ล่ะ" ชุดว่า
"กูไม่ได้คล้อง กูลืม กูกะว่าจะออกมาแป๊บเดียว" แลบอก
"โธ่แม่...ลืมได้ยังไง" ลำยงว่า
"วันก่อนแม่ทำไมไม่เข็ด เผลอแป๊บเดียว พ่อแกเดินออกไปถึงถนนใหญ่โน่นไปแล้วก็จำทางกลับไม่ได้ หาตัวกันให้รากเลือด โธ่เอ๊ย" ลำดวนบอก
"ไอ้ปอ...มึงนะมึง หาเรื่องให้กูเดือดร้อนอีกแล้ว"
วันเฉลิมตกใจ กังวล เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
วันเฉลิมเดินลิ่ว ๆ กวาดตามองหาปอ สินเดินออกมาเห็นวันเฉลิมเข้าพอดี
"อ้าว...ไอ้วัน เอ็งจะไปไหน"
"ปู่เห็นตาเดินมาทางนี้บ้างไหมครับ"
"ไอ้ปอน่ะเรอะ ไม่เห็นเลยนะ ทำไมล่ะ"
"ตาเดินหายออกมาจากบ้านครับ ไม่รู้ไปทางไหน"
"ไอ้ปอมันไม่ได้ไปไหนไกลหรอกมัง"
"ไม่รู้ครับ ผมไปตามหาตาก่อนนะครับ"
วันเฉลิมเดินไปที่กุฏิหลวงตาปิ่น
"ไม่เห็นมันมาแถวนี้เลย ถ้ามันผ่านมาข้าก็ต้องเห็นแล้วล่ะ"
วันเฉลิมชักเครียด เริ่มกังวล
"เอ็งอย่ากังวลไปนักเลยไอ้วัน ไอ้ปอมันคงไม่ไปไหนไกลหรอก"
"ตาเคยเดินออกไปแล้วกลับบ้านไม่ถูกครับ"
"คนอื่นมันก็ช่วยกันออกตามหาอยู่ไม่ใช่เรอะ"
"ถ้าผมไม่ลืมคล้องตะปูขังตาไว้ก็คงไม่เป็นอย่างนี้ครับหลวงตา"
"เอ็งอย่าโทษตัวเองนักเลย ทุกคนมันหลงลืมผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าใครอยากจะให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นนี่หว่า"
เพิงก๋วยเตี๋ยว ลำดวนบอก
"ฉันไปถึงท้ายซอยก็ไม่มี ถามใครก็ไม่มีใครเห็น"
"ไอ้ปอนะไอ้ปอ ดีแต่สร้างปัญหาไปเอง มึงก็กลับมาเองละกัน" แลว่า
ชุดวิ่งหน้าตั้งมาแต่ไกล
"แม่...แม่"
"เจอไหมพี่ชุด" ลำดวนถาม
"ไม่เจอ แต่มีคนบอกว่า เมื่อกี้มีคนแก่ใส่เสื้อสีมอๆ ถูกรถชนตายอยู่ถนนใหญ่โน่น"
ทุกคนร้องเอะอะด้วยความตกใจ
ถนนซอยใหญ่ ไทยมุงกำลังมุงดูศพที่ถูกปิดคลุมด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ซึมเลือดสดๆอยู่ข้างถนน วันเฉลิมตามชุดแหวกไทยมุงเข้ามา ลำยง,ลำดวนตามเข้ามา
"ไอ้ปอ ไอ้ปอ เอ็งนะเอ็ง ไม่น่าเลย ทำไมต้องมาตายทุเรศทุรังยังงี้"
ยายแลฟูมฟายเหมือนจะเป็นลมให้ได้ ลำยงน้ำตาซึม ลำดวนพยายามปลอบแม่
"มึงเดินออกมาทำไม บ้านช่องทำไมไม่อยู่ แค่กูไม่ยอมซื้อเป็ดพะโล้ให้มึงกิน มึงต้องงอนกูด้วยเหรอไอ้ปอ"
ชุดเปิดกระดาษหนังพิมพ์ที่ปิดหน้าศพอยู่ออกดูแล้ว ถึงกับอึ้ง ยายแลยังคร่ำครวญพูดเพ้ออยู่ถึงกับเบรกซะงักกลางศพ
"ไม่ใช่ตา ยาย ไม่ใช่ตา" วันเฉลิมบอก
กลางดึก ทุกคนจมอยู่ในความเครียด
"ผมจะออกไปตามหาตาอีกทีนะครับ"
"เหนื่อยเปล่าไอ้วันไม่ต้องหรอก" แลว่า
"พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที เผลอๆพ่อแกอาจจะกลับมาเองก็ได้" ชุดบอก
ลำยงบอก
"เอ็งไปดูน้องเอ็งไป แม่เอ็งมันเอาแต่เมา คนอะไรวะเมาได้ข้ามวันข้ามคืน"
วันเฉลิมลุกออกมา...เดินไปเงียบๆ วันเฉลิมได้ยินเสียงร้องครางฮือๆเหมือนคนจับไข้หนาวสั่น
"ยาย...ยายได้ยินเสียงอะไรไหมครับ"
ทุกคนนิ่งฟัง วันเฉลิมแน่ใจว่าเสียงดังมาจากหลังบ้านจึงรีบนำออกไปก่อนทันที
วันเฉลิมวิ่งนำทุกคนออกมาที่ท่าน้ำหลังบ้าน ชะโงกมองลงไปในคลองใต้ถุน
"ตา"
"ไอ้ปอ"
ตาปอแช่น้ำอยู่ร้องครางฮือๆปากสั่นด้วยความหนาว
ลำยงดึงผ้าขาวม้าที่แขวนตากไว้มาเช็ดตัวปอ
"มึงนะมึง ไอ้ปอ ใครต่อใครเขาตามหามึงกันให้คลั่ก นึกว่าตายโหงตายห่าไปแล้ว ไอ้บ้า"
ยายแลทั้งทุบตีหยิก
"กูเจ็บนะอีแล"
"วันหลังกูจะเอาโซ่มาล่ามมึงไว้"
ลำดวนบอก
"อย่าต้องถึงขนาดนั้นเลยแม่"
"หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ไม่จบไม่สิ้นนะมึง"
"พ่อ...พ่อลงไปในคลองทำไม" ลำยงถาม
"กูลงไปงมอีอ้อย"
"นังอ้อยมันอยู่ในห้องโน่นพ่อ" ชุดบอก
"มันอยู่ในคลอง"
"ไอ้ปอ มึงนี่นับวันยิ่งเลอะเทอะ" แลบอก
"ก็มึงด่ากู ว่ากูทำอีอ้อยมันตกน้ำ"
"นั่นมันนมนานแล้ว ไอ้บ้า"
ตาปอร้องไห้
"มึงด่ากูทุกวัน กูก็เจ็บเป็นนะมึง กูเอาอีอ้อยขึ้นมาจากน้ำได้ มึงจะได้เลิกด่ากูซะที"
แต่ละคนพูดไม่ออก ตาปอร้องให้ขี้มูกยืด
สันต์เดินมาถึงเพิงก๋วยเตี๋ยว แต่วันนี้ไม่ได้เปิดขาย ลำยงทำความสะอาดร้านอยู่ วันเฉลิมเอาน้องๆมาเลี้ยงที่เพิง
"วันนี้ไม่ได้ขายเหรอลำยง"
"เมื่อวานกว่าจะได้พักผ่อนก็มืดค่ำดึกดื่น ไม่มีใครไหว ก็เลยพักซักวัน พี่สันต์"
สันต์มองไปทางวันเฉลิม
"ไอ้วัน...มาคุยกับพ่อเอ็งเขาหน่อยสิ"
วันเฉลิมเดินออกมาหาสันต์
"วันสอบเสร็จแล้วใช่ไหมลูก"
"ครับ"
"อาเทวีเขาบอกว่าโรงเรียนเปิดรับสมัครนักเรียนประถมห้าแล้วนะลูก พ่อว่าจะพาวัน
ไปฝากโรงเรียนวัดนวลแต่มันไกลไปหน่อย เดินไปเดินกลับจะเสียเวลามาก เอาโรงเรียนวัดปากน้ำบางเสาธงละกัน จะได้ใกล้ขึ้นมาหน่อยดีไหมลูก"
"ผมคงไม่เรียนต่อหรอกครับ"
"วัน...ค่าเล่าเรียนมันไม่ใช่ปัญหาหรอกนะลูก พ่อส่งเสียให้วันได้"
"ผมทิ้งน้องไปโรงเรียน ผมจะไม่เป็นคนเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอครับ"
"พ่อถามคำเดียว จริงๆแล้ววันอยากเรียนใช่ไหมลูก"
วันเฉลิมนิ่งแทนคำตอบ
"พ่อไม่ได้มีเงินทองมากมาย อาจจะไม่มีสมบัติอะไรให้วัน แต่อย่างเดียวที่พ่อให้ได้ตอนนี้ คือการเรียน วันจะได้มีความรู้ติดตัว วันข้างหน้าจะได้เลี้ยงตัวเองเอาตัวรอดได้นะลูก"
"ผมต้องถามแม่ก่อนครับ ถ้าแม่ให้เรียน ผมก็คงได้เรียน"
สันต์พูดไม่ออก
อ้อย-เหน่ง ทำสงครามจิกหัวกัดหูกัน วันเฉลิมรีบเข้าไปแยกน้อง
"ยังพอมีเวลามั้งพี่สันต์ ยังไงฉันจะช่วยหว่านล้อมพี่ลำยองมันให้" ลำยงบอก
ในเวลากลางคืน ปั้นกับสินนอนหลับ เสียงชาวบ้านดังโหวกเหวกมาแต่ไกลๆ
"ไฟไหม้ ไฟไหม้"
เสียงกรีดร้อง เสียงเคาะถังกาละมัง ส่งสัญญาณเตือนภัย สินงัวเงียตื่นขึ้น ลุกขึ้นนั่งฟังเสียงอึกทึกแล้วมุดมุ้งออกมาดูที่หน้าต่าง ไฟกำลังไหม้ลามอยู่บ้านถัดไป 2-3 หลัง ลุกโชนน่ากลัว
สินรีบวิ่งกลับมาที่ปั้น
"แม่ปั้น เร็วเข้า..ไฟไหม้"
ปั้นตกใจตื่นมุดมุ้งออกมา
วันเฉลิมวิ่งออกมาหน้าบ้านยายแลเพราะเสียงโหกเหวกอึกทึก ชาวบ้านวิ่งกันอลหม่าน ลำยง, ลำดวนหน้าตื่นยืนอยู่หน้าบ้านอยู่แล้ว
"อะไรครับ น้าลำยง"
"เขาว่าไฟไหม้"
แลมุดออกมาจากในบ้านพอดี
ยายแลชะเง้อมอง
"ไฟไหม้ที่ไหน"
"พี่ชุดไปดูอยู่แม่ น่าจะแถวนี้แหละ"
"ฉิบหายแล้ว มันจะมาถึงเราไหมวะ" แลว่า
ชุดวิ่งหน้าตื่น เข้ามา
"ว่าไงพี่ชุด ไหม้ที่ไหน"
"บ้านยัยชู ลามไปหลายหลังแล้ว"
"ชูไหนวะ มันมีหลายชูนะมึง"
"ชูปากเสียไงแม่ บ้านใกล้ๆแพป้าปั้นลุงสินน่ะ" ชุดบอก
วันเฉลิมใจหายวาบ
"ไฟมันจะมาถึงเราไหม"
"มีสิทธ์...ลมมันแรง ช่วยกันขนของเหอะ" ชุดบอก
วันเฉลิมตัดสินใจวิ่งออกไปทันที
"แม่รีบไปปลุกพ่อก่อนเลย" ลำดวนบอก
"ไอ้วันรีบไปปลุกแม่เอ็งเอาน้องๆเอ็งมันออกมาก่อน ..ไอ้วัน" ลำยงบอก
วันเฉลิมวิ่งสวนผู้คนออกไปไกลแล้ว ชาวบ้านอลหม่านกันไปทั้งสลัม
"ไอ้ปอ...ไอ้ปอ"
ชาวบ้านขนข้าวของกันอลหม่าน บางคนแบกตุ่มทั้งใบวิ่งตัวปลิว บางคนหิ้วน้ำวิ่งไปสาดดับไฟ
วันเฉลิมวิ่งมุดฝ่าผู้คนเข้ามา แสงไฟไหม้ลุกโชนวาบๆร้อนจนต้องยกมือขึ้นป้องหน้า
วันเฉลิมตะโกนเรียก
"ปู่ครับ....ย่าครับ"
วันเฉลิมวิ่งอ้อมไปทางหนึ่ง ยังไงก็ต้องไปให้ถึงเรือนแพย่าให้ได้
ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 10 (ต่อ)
สินยกขนของออกมากองบนเรือนแพ ปั้นยกหีบไม้ใส่ของมีค่าเข้ามาวางรวมกัน
"ตาสิน... บนห้องยังมีหีบอีกใบนึงใต้เตียง"
"ไม่ทันแล้วล่ะแม่ปั้น ไฟมันลามมาแล้ว"
"หีบนั่นนะเก็บเงินกับทองของไอ้วันมัน ยังไงฉันต้องขึ้นไปเอา"
ปั้นจะลุยกลับไปให้ได้ แต่สินดึงเอาไว้
"แม่ปั้นอยู่นี่ ฉันไปเอง แม่ปั้นเฝ้าของไว้นะ"
สินลุยฝ่าควันไฟออกไปปั้นคว้าถังน้ำจะตักน้ำคลองมาสาดกันไฟ วันเฉลิมวิ่งลงเรือแพมา
"ย่าครับ"
"ไอ้วัน เอ็งมาทำไม"
"ไฟลามมาใหญ่แล้ว ย่าหนีออกไปที่ถนนเถอะครับ"
ปั้นตะโกน
"ตาสิน...ตาสิน"
"ปู่ล่ะครับ"
"ปู่เอ็งขึ้นไปเอาของ"
ไฟโหมลามมารุนแรง
"ปู่ครับ"
วันเฉลิมวิ่งฝ่าควันไฟตามสิน
ไฟโหมไหม้เต็มข้างฝาด้านนึง ควันไฟแน่นคลุ้งไปหมด สินพยายามฝ่าความร้อน ควันไฟเข้ามาจนถึงใต้เตียง แล้วลากหีบออกมาได้ พักวางไว้กลางห้อง สินพุ่งไปที่หิ้งพระ คว้าพระพุทธรูปบนหิ้งจะอัญเชิญไปด้วย วันเฉลิมตามเข้ามาพอดี
"ปู่..."
"เอ็งอุ้มพระไว้ไอ้วัน ปู่จะไปยกหีบ"
วันเฉลิมรับพระพุทธรูปมาอุ้มไว้ สินจะย้อนกลับไปเอาหีบ ข้างฝาไฟลุกท่วมพะเยิบ กำลังจะพังลงมาทั้งฝา
"ปู่"
วันเฉลิมฉุดดึงสินเอาไว้ได้ทัน ผนังไม้ไฟไหม้พังล้มลงมาทั้งฝา สินกับวันเฉลิมต้องถอยหนีออกไป หีบยังคงอยู่ในกองเพลิง
ปั้นร้องไห้โฮ ไฟไหม้บ้านส่วนที่ปลูกบนฝั่งอย่างไม่ปราณี
"หมดกันคราวนี้ หมดกัน ไม่มีอะไรเหลือเลย"
"ฉันขอโทษนะแม่ปั้น ฉันเอาหีบใบนั้นออกมาให้แม่ปั้นไม่ได้"
ปั้นร้องไห้ปานจะขาดใจ
"ย่าครับ อย่าไปเสียดายมันเลยครับ ช่างมันเถอะครับ"
"เงินกับทองในหีบนั่น มันของเอ็งทั้งนั้นไอ้วัน ปู่กับย่าพ่อเอ็งเก็บออมเอาไว้ให้เอ็งเป็น
ทุนเรียนหนังสือหมดกันคราวนี้ ไม่เหลืออะไรเลย"
ปั้นฟูมฟายน้ำตานอง สินป้ายน้ำตาทิ้ง เจ็บปวดที่เอาหีบใบนั้นออกมาไม่ได้ วันเฉลิมได้แต่กุมมือปั้นเอาไว้ ปลอบใจด้วยภาษากาย
ชาวบ้านวิ่งกันอลหม่าน ขนของออกจากบ้านตัวเอง บางคนสาดน้ำใส่บ้านไว้ให้เปียกกันไฟ
ยายแลเฝ้าอ้อย-เหน่ง-จิตราอยู่ เหนื่อยหอบทรุดลงหมดแรง
"หมดรึยังไอ้ชุด มีอะไรอีกไหม"
ลำยองนั่งแบะเมาไม่รู้สึกอะไรกับใคร
"เหลือแต่ตู้ใบใหญ่ๆแม่"
"ช่างหัวมันเหอะ มันจะไหม้ก็ให้มันไหม้ไป แค่นี้ก็เหนื่อยจนจะรากเลือดแล้ว" ลำดวนบอก
"เหล้ากูอยู่ไหนวะ ใครขโมยเหล้ากูไป"
"โธ่...อีบ้านี่ เขาจะเป็นจะตายกันอยู่เนี่ย มึงยังห่วงเหล้ามึงอยู่อีก" แลว่า
ตาปอหิ้วน้ำใส่ถังมาสาดใส่คนโน้นคนนี้
"อะไรของมึงไอ้ปอ"
"เล่นน้ำสงกรานต์โว้ย เล่นน้ำสงกรานต์"
"กูอยากจะบ้าตาย"
"ไอ้วันล่ะ ใครเห็นไอ้วันบ้าง" ลำยงถาม
ชาวบ้านยังร่วมแรงร่วมใจกันสาดน้ำดับไฟจนสงบลงไปมากแล้ว ชาวบ้านอีกกลุ่มช่วยกันรื้อไม้บางส่วนเป็นจุดเชื่อมไฟออกตัดตอนไม่ให้ไฟลาม
ปั้นกับสินหมดแรงทรุดลงแทบกองกับพื้นข้าวของที่ขนหนีไฟมาได้สุมกองพะเนิน วันเฉลิมวิ่งหิ้วถังน้ำเปล่ากลับมาเพื่อจะตักน้ำใหม่ไปสาดดับไฟ
"ไอ้วัน...พอเถอะ"
"ไฟไม่ลามไปทางโน้นแล้วครับปู่"
"เอ็งต้องเรียนหนังสือต่อไปน่ะไอ้วัน จะจนจะยากยังไงก็ต้องเรียน ได้เท่าไรก็เรียนเข้าไป เอาให้จบมหาวิทยาลัยได้ยิ่งดี เอ็งจะได้มีวิชาความรู้ไว้เลี้ยงตัว รับปากปู่นะว่า เอ็งจะเรียนต่อ"
วันเฉลิมพูดไม่ออกไม่กล้ารับปาก
"อย่าไปเสียดายมัน ไม่ตายก็หาใหม่ได้...ห้องหับเอ็งเดี๋ยวปู่จะซ่อมให้ใหม่เอ็งเอาน้อง ๆ เอ็งมาอยู่ที่นี่นะไอ้วัน"
วันเฉลิมไม่ยอมรับปากอีก
"เอ็งอย่าน้อยใจในโชคชะตาวาสนาของเอ็ง คุณค่าของความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ใคร แล้วก็ไม่มีใครมลักขโมยช่วงชิงจากเอ็งได้เหมือนกัน เอ็งสร้างมันได้ด้วยตัวเอ็ง แล้วมันก็จะอยู่กับเอ็งตลอดไป เหมือนทองคำไงไอ้วัน ไม่ว่าจะยังไง ทองก็ยังเป็นทองอยู่วันยันค่ำ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงลดคุณค่าในตัวมันเองได้หรอก"
วันเฉลิมใช้ไม้เขี่ยซากกองไม้ ข้าวของที่ถูกไฟไหม้ ได้ข้าวของบางอย่างออกมา มันคือม้าโยกไม้ที่สินทำให้วันเฉลิมเล่นตอนเด็ก ๆ ม้าโยกไม้ถูกไฟไหม้จนแทบจะไม่เหลือสภาพเดิม วันเฉลิมได้แต่มองสมบัติที่โดนไฟไหม้
ปั้นถือขันน้ำดื่มเข้ามาหาสินที่ขยับลงนั่งที่เก้าอี้โยก
"กินน้ำซะ ตาสิน"
"ขอบใจ แม่ปั้น"
สินรับขันน้ำมาดื่ม
"เหนื่อยก็นั่งพักก่อนก็ได้ ฉันจะไปคุ้ยดูของหน่อย เผื่อจะเหลืออะไรบ้าง"
ปั้นจะขยับออกมา
"แม่ปั้น"
"แกจะเอาอะไร"
"ฉันอยากให้ไอ้วันมันได้บวช"
"โตอีกหน่อยเดี๋ยวมันก็ได้บวชเองแหละ"
"ฉันอยากให้มันบวชซักพรรษานึง แต่ตัวเองคงไม่มีวาสนาได้เห็นชายผ้าเหลืองหลานหรอก"
สินเห็นวันเฉลิมคุ้ยเขี่ยข้าวของไฟไหม้อยู่มุมหนึ่ง
"พูดอะไรยังงั้นตาสิน ไอ้วันมันเป็นคนดี ถึงมันไม่ได้บวชให้ปู่ย่าได้อาศัยเกาะชายผ้าเหลือง แกก็สบายใจเถอะ จะหาเด็กที่ไหนมีน้ำใจอย่างไอ้วันมันล่ะ"
"ฉันไม่ได้อยากอาศัยเกาะชายผ้าเหลืองลูกหลานขึ้นสวรรค์หรอกแม่ปั้น ที่อยากให้มันบวชเพราะคิดว่าจะช่วยให้ไอ้วันมันพ้นทุกข์ได้บ้าง ทำใจได้บ้างที่มีแม่อย่างนี้... กรรมเก่าของมันช่างมากนัก บวชแล้วอาจจะช่วยให้จิตใจมันสงบทนทุกข์ทรมานได้ดีขึ้นต่างหาก พระศาสนาจะทำให้ไอ้วันมันเป็นคนเต็มคนนะแม่ปั้น"
"มันบวชได้ก็ดี ฉันก็เห็นด้วย"
"เสียด้าย...เงินในหีบนั่น น่าจะได้ใช้บวชไอ้วันมัน วอดหมดแล้ว"
"เอาเถอะน่า...ไม่ตายก็หาใหม่ได้"
"แม่ปั้นช่วยเป็นธุระจัดการแทนฉันด้วยนะ ถ้าฉันไม่มีวาสนาได้อยู่เห็นไอ้วันมันสุขสงบอยู่ในผ้าเหลืองน่ะ"
"พูดอะไรอย่างนั้นตาสิน แกยังแข็งแรงดีแท้ ๆ"
"ถ้าไอ้วันมันได้บวช นังลำยองมันคงไม่กล้ารบกวนพระเจ้าหรอก ไม่ได้เรียนทางโลกก็เรียนทางธรรมแทนก็แล้วกันนะ แม่ปั้นนะ"
"เออ....แกไม่ต้องห่วงหรอกตาสิน ยังไงฉันก็ต้องหาทางแยกไอ้วันมันออกมาจากแม่ของมันให้ได้"
สินยิ้มที่ปั้นอยู่เคียงข้างเป็นคู่ชีวิตมาจนถึงวันนี้
"ขอบใจมากแม่ปั้น...ขอบใจมาก"
"มาขอบอกขอบใจอะไรตอนนี้ รอให้แยกไอ้วันมันออกมาได้จริงๆ ซะก่อนเหอะ"
วันเฉลิมคุ้ยของในซากไหม้ไฟเป็นตอตะโก แล้วชะงักเพราะเห็นบางสิ่ง
"ย่าครับ...ย่า"
ปั้นเข้ามา
"อะไรไอ้วัน"
วันเฉลิมใช้ไม้เขี่ยบางสิ่งออกมาจากกองขี้เถา ปั้นมองดูสิ่งนั้นอย่างสนใจ และค้นพบว่ามันคือ...
ปั้นกลับเข้ามาที่สินซึ่งนั่งหลับสบายอยู่บนเก้าอี้โยก
"ตาสิน ตาสิน แกดูอะไรนี่สิ"
ปั้นแบมือให้สินดูทองที่ถูกไฟไหม้จนละหลอมละลายกลายเป็นก้อน
"ทองที่อยู่ในหีบนั่นไงตาสิน เงินน่ะไฟไหม้ไม่มีเหลือเลย แต่แกดูสิ ทองมันยังอยู่ แกได้บวชไอ้วันมันสมใจแกแล้ว ตาสิน...เก็บไว้ที่แกก่อนนะ ฉันจะไปคุ้ยดูของ เผื่อเจออะไรอีก"
ปั้นเอาก้อนทองใส่มือสินแล้วจะผละออกไป ก้อนทองร่วงหลุดออกมาจากมือสิน ปั้นชะงัก สินเหมือนหลับแต่หน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างไม่มีความทุกข์ความกังวลใด ๆ
"ตาสิน...ตาสิน"
ปั้นจับมือสิน...แล้วรู้สึกได้ถึงความเย็นชืด...ปราศจากชีพจร ปั้นกระชับบีบมือสินอย่างต้องการให้แน่ใจ
"ตาสิน ... ไอ้วัน ไอ้วัน"
วันเฉลิมวิ่งกลับเข้ามา เนื้อตัวมอมแมม
"ครับย่า"
ปั้นพูดอะไรไม่ออก น้ำตาร่วงพรูแทนคำตอบทั้งหมด วันเฉลิมขยับเขย่าตัวสิน
"ปู่ครับ ปู่"
ปั้นร้องไห้โฮ วันเฉลิมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น สินที่สิ้นลมอย่างสงบ ใบหน้าเหมือนคนหลับอย่างมีความสุข
เวลารุ่งสาง ชุด, ลำยง, ลำดวน ช่วยกันขนของบางอย่างกลับเข้าที่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
"พอเหอะไอ้ชุด เดี๋ยวก็ลมจับกันเปล่า ๆ" แลบอก
วันเฉลิมเดินกลับเข้ามา
"ไอ้วัน เอ็งหายไปไหนมา ใครต่อใครเขาเป็นห่วงกันจะแย่" ลำยงถาม
"ผมไปช่วยปู่กับย่าขนของครับ"
"ไปช่วยมัยทำไม อ๋อ...มึงอยากจะเสนอหน้าไปให้มันเห็นว่า มึงกตัญญูรู้คุณยังงั้นเหรอ ถ้ามึงหวังจะได้สมบัติมันน่ะนะไอ้วัน มึงฝันไปเหอะ มันเอาไปให้ลูกกับเมียใหม่พ่อมึงหมดแล้ว"
"มึงหุบปากไปเลยอีลำยอง ไม่งั้นกูจะเอาเกือกนี่ยัดปากมึง" แลบอก
"ก็คนอื่นเขาขนของกันจะเป็นจะตาย มันสาระแนไปช่วยอีปั้นทำไม"
"แล้วมึงล่ะช่วยขนเหรอ...เมาข้ามวันข้ามคืน ถ้าไฟมันลามมาจริง ๆ กูจะปล่อยมึงให้ไฟครอกตายในบ้านนี่แหละ"
ตาปอถูกปลุกความคิดอีกครั้ง ฉวยข้าวของจะขนออกไปนอกบ้าน
"อีแล...ขนของสิวะ ขนของ ไฟลามมาแล้วมึง"
"พ่อ...ไฟมันดับหมดแล้ว" ลำดวนบอก
"ปล่อยมัน หมดแรงเดี๋ยวมันก็เลิกเอง" แลบอก
ตาปอวิ่งอลหม่านอยู่คนเดียว
"แล้วบ้านปู่ย่าเอ็งเป็นยังไงวะไอ้วันโดนไหม"
"โดนเยอะเหมือนกันครับ"
"สมบัตินอกกาย หาเมื่อไหร่ก็หาได้ รักษาตัวให้รอดปลอดภัยออกมาได้ก็บุญแล้ว
วันเฉลิมนิ่งเงียบ
"ไฟมันน่าจะครอกให้ตายโหงตายห่ากันให้หมด" ลำยองบอก
"อีลำยอง...ปากมึงนี่" แลว่า
"ยายครับ...ปู่ตายแล้วครับ"
"เอ็งว่าอะไรนะไอ้วัน" ลำยงถามย้ำ
ทุกคนนิ่งงัน
"ปู่ตายแล้ว น้าลำยง"
ลำยองหัวเราะเสียงดังออกมาด้วยความสะใจ
"สาแกใจกูจริง ๆ มันทำกะกูเอาไว้มาก มึงเห็นไหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เป็นไปอย่างที่กูแช่งเอาไว้ทุกอย่างเลย มันตายยังไงวะ ไอ้วัน ไฟครอกดำเป็นตอตะโกเลยใช่ไหมวะ แหม....มันน่าจะตายห่าไปด้วยกันทั้งคู่เลยนะ ยังงี้มันต้องเลี้ยงโต๊ะจีนกันแล้วโว้ย"
วันเฉลิมค่อย ๆ ลุกเดินหนีออกไป แต่ละคนค่อย ๆ เดินออก ทิ้งลำยองพล่ามอยู่คนเดียว
หลวงตาปิ่นที่นั่งงันไปอึดใจเมื่อรู้ข่าว อดใจหายไม่ได้
"เห็นกันอยู่หลัด ๆ แท้ ๆ ...โยมสิน"
วันเฉลิมนั่งก้มหน้าอยู่มุมหนึ่ง ชุดนั่งประนมมือ
"ไอ้ชุด เอ็งไปบอกท่านเจ้าอาวาสซะ จะได้จับจองศาลา ข้าวของอะไรจะต้องใช้ก็ไปเปิดกุดังเอา จะเคลื่อนศพมากี่โมง จะตั้งสวดกี่คืนก็บอกท่านไว้ซะ"
"ครับหลวงลุง"
ชุดกราบหลวงตาปิ่น
"เอ็งอยู่ที่นี่กับหลวงลุงก็ได้ไอ้วัน"
ชุดออกไป
"อะไร ๆ ในโลกนี้มันเป็นอนิจจังทั้งนั้น ไอ้วัน ไม่มีอะไรยั่งยืนคงอยู่ตลอดไปหรอก เนื้อหนังมังสาสุดท้ายมันก็เป็นแค่เถ้าถ่าน อย่างเดียวที่เหลือ คือคุณงานความดีที่ปู่เอ็งเขาทำทิ้งเอาไว้ให้ระลึกถึง-เท่านั้นแหละ"
รูปถ่ายเก่าบานเล็กขนาดโพสการ์ดสมัยวัยหนุ่มของสิน เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ นอกนั้นไฟไหม้หมด สันต์จิตใจเศร้าหมอง มองรูปถ่ายสินที่อยู่ในมือ
"คุณแม่บอกว่าเหลืออยู่รูปเดียวนี่แหละค่ะ นอกนั้นไฟไหม้หมด ขนออกมาไม่ทัน เทวีจะรีบเอาไปใส่กรอบให้นะค่ะ"
"ขอบคุณครับอาจารย์ ช่วยเป็นธุระให้ด้วยนะครับ"
เทวียิ้มปลอบใจ รับรูปถ่ายไปและเดินออก ปั้นนั่งซึมอยู่มุมหนึ่ง สันต์ขยับเข้าไปหาแม่
"แม่ครับ ผมเสียใจ เกิดเรื่องร้ายขึ้นยังงี้ ผมกลับไม่ได้อยู่ช่วยพ่อกับแม่เลย"
"ช่างมันเถอะ มันเป็นคราวเคราะห์เอ็งอย่ารู้สึกผิดไปเลย พ่อเอ็งเขาไปสบายแล้ว"
สันต์กุมมือปั้นเอาไว้ให้กำลังใจกันและกัน
"ก่อนนอนหลับไป พ่อเอ็งเขาสั่งเสียเอาไว้ซะยืดยาว...แม่ว่ามันเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวที่ติดอยู่ในใจเขา"
รูปถ่ายสินถูกใส่กรอบใหญ่ตั้งหน้าศพ โลงศพถูกตั้งไว้อย่างเรียบร้อย รอเวลาสวดศพตอนค่ำ
"ห่วงอะไร...โยมปั้น"
"เขาห่วงไอ้วันเจ้าค่ะ เมื่อคืนพูดซะยืดยาวให้ช่วยจัดการบวชไอ้วันให้ได้"
"กุศลแล้ว...คิดการกุศลก่อนสิ้นบุญย่อมไปดี...โยมปั้นทำใจให้ได้นะ โยมสินเขาไปสบายแล้ว"
"ผมจะทำให้ความตั้งใจของพ่อเป็นจริงให้ได้ครับ"
เทวีมองสันต์อย่างเข้าใจและเห็นใจ วันเฉลิมใส่ชุดนักเรียน นั่งเงียบ ๆ อยู่มุมหนึ่ง ชุดช่วยจัดแจงโน่นนี่อยู่ไกลๆ สันต์ขยับลุกขึ้น เดินเข้ามาหา
"วัน...แม่เขารู้ข่าวแล้วใช่ไหมลูก"
"ครับ"
"แล้วเขาจะมาฟังสวดศพปู่ไหม"
จบตอนที่ 10
อ่านต่อตอนที่ 11 เวลา 17.00น.