หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 10
บรรยากาศยามเช้าหลังเมื่อคืนฝนตกหนัก ทำให้ทั่วทั้งป่าดูสวยงามและสดชื่น ส่วนน้ำป่าลดลงจนเป็นปกติแล้ว
พีทค่อยๆ ลืมตาขึ้น มีอาการปวดหัวเล็กน้อย พอหันไปข้างๆ ต้องชะงัก ใบหน้าแพทอยู่ใกล้หน้าพีทมาก เพราะพีทซุกอยู่ในอ้อมกอดของแพท ที่กอดไว้เหมือนพีทเป็นลูก
ส่วนแพทยังหลับไม่รู้ตัว พีทค่อยๆ ยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วเป่าลมเบาๆ เข้าหน้าแพทจนผมปลิว แพทปัดผมอาการงัวเงีย...พีทยิ้มขำ แล้วเป่าอีกที แพทปัดผมท่าทางหงุดหงิดแต่ยังไม่ลืมตา
“ไม่เอาน่าอะตอม ไม่เล่น”
พีทขำนึกสนุก ยื่นหน้ามาใกล้ขึ้นอีก แต่ยังไม่แกล้งอะไร แพทก็ลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างนึกได้ ทั้งคู่สบตากันระยะกระชั้นชิดมาก...ชะงัก ตกใจกันทั้งคู่...บรรยากาศแปลกๆ คล้ายจะจูบกันต่อได้ แพทได้สติก่อน ผลักจนพีทกระเด็น แล้วกระโดดผลุงลุกขึ้น
“โอ๊ย..โอ๊ยคุณทำอะไรน่ะ กระดูกกระเดี้ยผมหักป่นปี้หมดแล้ว”
“ท่าทางคุณจะหายไข้แล้วสินะ ถึงได้กวนประสาทเหมือนเดิมได้...ลุกขึ้นเร็วๆเข้า”
“ลุกขึ้น...ไปทำอะไรล่ะ” พีทลุกขึ้นยืนยิ้มๆ เดินไปไกล้ “จะให้ไปทำอะไรต่อจากเมื่อกี้น่ะเหรอ”
“ได้บ้า...ไอ้...ไอ้....ชั้นอยากฆ่าคุณจริงๆนะ...ไม่น่าทำคุณบูชาโทษเลย...ปล่อยให้หนาวจนตายซะก็ดีหลอกเมื่อคืนนี้นะ”
พีทหัวเราะชอบใจ แล้วเดินห่างออกไป
“นั่นคุณจะไปไหน ชั้นจะรีบไปหาตามหาอะตอม”
พีทยิ้มกวนประสาท “ไป...ฉี่...คุณจะตามผมไปมั้ยล่ะ”
พีทพูดจบก็เดินหนีไปอีกทาง แพทเต้นแร้งเต้นกาอยู่ด้วยความโมโห
พีทเดินยิ้มขำๆ มาอีกมุมที่ลับตา พอเงยหน้าก็ชะงัก เพราะเบื้องหน้า เห็นเปลี่ยนยืนอยู่ท่าทางคุกคาม
“น้าเปลี่ยน”
“ตายยากจริงนะคุณพีทสุดหล่อ...ทั้งไฟทั้งน้ำ...ทำอะไรคุณไม่ยักกะได้”
เปลี่ยนค่อยๆ เดินเข้าหา ขณะที่พีทถอย
“ไม่เคยได้ยินเหรอโบราณเค้าว่าคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้น่ะ”
“เหรอ...ถ้าอย่างนั้น” เปลี่ยนย้อนเย้ย แล้วหยุดควักปืนออกมาเล็ง “ถ้าโดนลูกปืนล่ะ จะรอดมั้ย”
“น้าเปลี่ยน...ทำอย่างนี้ทำไม ผมไปทำอะไรให้น้า”
“แกกล้าไล่ข้าออก ทั้งๆ ที่ข้าทำงานช่วยพ่อแก หักหลังถางพงก่อตั้งรีสอร์ตนี่มา แต่แกก็ไม่เคยสำนึกบุญคุณ”
“ที่ผมไล่น้าออกก็เพราะน้าทำผิด โกงค่าแรงคนงาน เอาเปรียบคนอื่นต่างหาก แล้วยังไปช่วยไอ้กำนัน คิดจะจัดกำจัดผมอีก อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ”
“เงินทองมันไม่เข้าใครออกใคร ใครให้เงินข้าก็เอาทั้งนั้น ช่วยไม่ได้...แล้วตอนนี้กำนันก็สั่ง...ให้ข้ากำจัดแกให้เร็วที่สุด”
เปลี่ยนขยับเข้าใกล้พีทเข้าไปอีกนิด ท่าทางคุกคามกระชับปืนในมือ
เสียงแพทดังมาจากทางหนึ่ง “นายเปลี่ยน”
เปลี่ยนหันขวับไปหา เจอท่อนไม้ใหญ่ฟาดโครมเข้ามาให้เต็มแรง เปลี่ยนล้มหงายตึง แพททิ้งไม้ลง
“คุณแพท” พีทตะลึง คาดไม่ถึง
“คุณเป็นหนี้บุญคุณชั้นอีกครั้งแล้วนะ...หนีเร็ว”
แพทคว้ามือพีทโดยไม่คิดอะไร ดึงกันวิ่งไป เปลี่ยนค่อยๆ รู้สึกตัว ไม่ได้ถูกที่สำคัญนัก เปลี่ยนจับหน้าผากพบว่าเลือดออกที่หัวคิ้ว โกรธจัด
“นังแพท..มึงต้องตายอีกคนหนึ่ง”
เปลี่ยนคำรามอย่างคั่งแค้น ขณะควานหาปืน แล้วออกวิ่งไปทางเดียวกัน
ขณะเดียวกันธาริศปลุกรัญธิดาที่นอนอยู่
“รัญตื่น...รัญธิดา”
รัญธิดาสะดุ้งตื่น อาการยังงงๆ ธาริศสีหน้าดีใจ ขณะบอก
“น้าคนนี้เค้าเจออะไรบางอย่าง”
รัญธิดางงๆอยู่ “อะไรคะ”
“ตอนที่ผมรอพวกคุณตื่น ผมเดินสำรวจแถวๆ นี้ แล้วผมคิดว่าผมเจอเด็กคนนี้อยู่บนโขดหินกลางน้ำไม่ไกลจากนี้ครับ
รัญธิดายิ้มออก ดีใจสุดขีด
“อะตอม!”
ฟากพีทกับแพทจูงมือกันวิ่งหนี พีทมาวิ่งนำหน้าแล้วลากข้อมือแพทไปกลางป่าด้านหนึ่ง เปลี่ยนตามมาไกลๆ
อีกมุมหนึ่งใกล้ริมน้ำ พีทลากแพทมาบริเวณนั้น แต่แพทดันสะดุดล้มลง พีทมองแพทอย่างร้อนใจ ก้มลงประคอง
“ลุกขึ้นเร็วคุณ”
แพทพยายามลุก แล้วทรุดฮวบลงไปอีก
“ไม่ไหวแล้วคุณ มันโดนซ้ำที่เดิมคราวก่อนเลย”
พีทละล้าละลัง
“ทิ้งฉันไว้ที่นี้แหล่ะ แล้วคุณรีบไปตามคนมาช่วย” แพทบอก
“ไม่ได้หรอก มันคงจะฆ่าคุณก่อนที่ผมจะทันกลับมา”
พีทตัดสินใจอุ้มแพทขึ้น
“เราไปด้วยกัน”
เสียงปืนดังขึ้น ลูกปืนเฉียดทั้งคู่ไปโดนต้นไม้ด้านหลัง ทั้งคู่ตกใจค่อยๆ หันไปมอง เห็นเปลี่ยนค่อยๆ เดินเข้ามา หัวคิ้วเลือดไหลซึมออกมา
“ท่าทางคนดีอย่างแกจะหนีไม่รอดซะแล้วตอนนี้”
เปลี่ยนเดินใกล้เข้ามาพร้อมยิง
แพทกับพีทกลืนน้ำลายลงคอ เหมือนทำใจว่าคงจะต้องตายแหงๆ
ส่วนที่ริมน้ำธาริศอุ้มอะตอมที่เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติ เดินลุยน้ำมาจากหินกลางน้ำ รัญธิดายืนรออยู่ริมฝั่ง ธาริศส่งอะตอมให้รัญธิดา ทันทีที่รับมารัญธิดากอดอะตอมแน่นอย่างดีใจ
“อะตอม”
รัญธิดาลืมตาจูบแก้มลูกชายซ้าย ขวา น้ำตาหยดริน
“ลืมตาซิอะตอม เป็นยังไงบ้างอะตอม”
“คงจะเป็นไข้น่ะครับ เราต้องพาแกไปหาหมอให้เร็วที่สุด” ธาริศบอก
“แล้วน้าแพทกับคุณพีทล่ะคะ” รัญธิดาละล้าละลัง
“ผมจะไปตามหากับน้าคนนี้เอง ส่วนคุณพาอะตอมกลับไป” ธาริศว่า
รัญธิดาลังเลแล้วก้มมองอะตอมในวงแขน “อะตอมจ๋า...อะตอม”
อะตอมค่อยๆ ลืมตาอย่างยากลำบาก พอเห็นเป็นรัญธิดาก็ยิ้มอย่างดีใจ
“พี่รัญ ดีใจจัง ตอมรู้ว่าพี่รัญต้องมาช่วยอะตอม”
รัญธิดาน้ำตาไหลริน ดีใจที่อะตอมฟื้น กอดอะตอมไว้แน่น
ด้านพีทค่อยๆ ปล่อยแพทลงยืนช้าๆ ขณะที่เปลี่ยนยังพร้อมจะยิง
“ผมเข้าใจน่ะที่น้าเกลียดผมจนอยากจะฆ่า แต่คุณแพทเค้าไม่เกี่ยว ปล่อยเค้าไปเถอะ” เปลี่ยนหัวเราะเยาะ “ไม่เกี่ยวงั้นเหรอ...นางคนนี้แหละตัวแสบเลย ทั้งที่รีสอร์ต ๆ ไร่ข้าวโพด แล้วก็”เปลี่ยนพูดพลางจับแผลที่คิ้ว “ที่นี่”
“ถ้างั้นนายก็ยอมรับแล้วซิว่า ไอ้โม่งที่ไร่ข้าวโพดก็คือนาย”
“ไม่ต้องมาทำปากดี ยังไงข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้แกรอดไปหรอก เตรียมตัวตายเถอะ”
เปลี่ยนจะเหนี่ยวไก พีทขยับขึ้นมาข้างหน้าเอาตัวบังแพทไว้
“อย่า...”
“คุณพีท” แพทตกใจ
เปลี่ยนหัวเราะเยาะ “แหม...ตายแทนกันได้งั้นเหรอ น้ำเน่าจริงๆ ถ้าข้าเป็นผู้หญิงก็คงจะหลงรักผู้ชายอย่างแก แต่ขอโทษนังนี่มันเป็นน้าของคู่หมั้นแกไม่ใช่เหรอ ทำเป็นพระเอกผิดคนรึเปล่าวะ”
พีทอึ้ง เพิ่งรู้สึกตัวว่าเป็นห่วงแพทมากขนาดไหน แพทก็อดหวั่นไหวไม่ได้
“เอาเถอะไม่ว่าจะตายก่อนตายหลัง ก็ได้ตายพร้อมกันทั้งสองคนนั่นแหละ...เตรียมตัวได้เลย”
เปลี่ยนขยับเข้าไปอีก ทั้งพีทและแพทขยับหนีไปจนชิดริมน้ำ ยืนขนานกับฝั่งทั้งสองฝ่าย พีทบังแพทไว้เต็มๆ แพทจับแขนพีทด้วยความกลัวขอเป็นที่พึ่ง เปลี่ยนเตรียมยิง
“ลาก่อนไอ้พีท”
นิ้วมือของเปลี่ยน ค่อยๆ เหนี่ยวไก พีทหมุนตัวกอดแพทเอาไว้อย่างปกป้อง
เสียงปืนดังปัง! แพทซุกหน้าเข้ากับอกพีท แต่ทุกอย่างกลับนิ่ง พีทค่อยๆ ลืมตาแล้วก้มมองแพทที่ลืมตางงๆ เช่นกัน ทั้งคู่หันขวับไป เห็นเปลี่ยนโดนยิงที่ไหล่ซ้าย ยืนโงนเงนอยู่
โดยที่ด้านหลังธาริศเอาปืนจากนายพรานเล็งอยู่
เปลี่ยนรวบรวมกำลัง ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ธาริศ แต่ธาริศไวกว่ายิงอีกปังเข้าที่ท้องจังๆ คราวนี้เปลี่ยนผงะแล้วหงายหลังตกลงไปในน้ำโครมใหญ่ ร่างเปลี่ยนลอยหายไปกับสายน้ำ
แพทกับพีท ยังคงยืนตะลึงกับเหตุการณ์ทั้งหมด
บ่ายวันเดียวกันประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก อะตอมหน้าตาอ่อนเพลียนั่งอยู่ในรถเข็นมีพยาบาลเข็นออกมา ด้านหลังมีรัญธิดากับทิพปภาตามออกมาด้วย
แพทถลาเข้ามากอดอะตอม น้ำตาไหลพราก
“อะตอมไม่เป็นอะไรใช่มั้ยลูก อะตอมปลอดภัยแล้ว ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ”
แพทหอมแก้มอะตอม จูบซ้ายจูบขวา ทิพปภามองทุกคนแล้วพยายามจะทำตัวลีบเล็ก ไม่ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น
ส่วนด้านหลังพีทกับธาริศยืนมองอยู่ ทุกคนยังอยู่ในสภาพมอมแมม ทรุดโทรมตามๆ กัน พีทมองแพทกับอะตอมอย่างเอ็นดู
อะตอมปิดปากไอเบาๆ
“หมอเค้าว่ายังไงบ้างรัญ” แพทถาม
“อะตอมเป็นไข้หวัด อาการไม่รุนแรงมากเท่าไหร่ค่ะ แล้วก็อ่อนเพลีย คุณหมอเลยอยากให้นอนพักที่โรงพยาบาลซักคืนนึงก่อน”
แพทถอนใจ “ค่อยยังชั่ว” พลางหันมาพูดกับอะตอม “แม่แพทเป็นห่วงอะตอมแทบแย่เลยรู้มั้ยครับ”
“อะตอมก็เป็นห่วงแม่แพทกับลุงพีทครับ”
แพทกอดอะตอมอีกด้วยความชื่นใจ
“ผมว่าพี่พีทกับคุณแพทน่าจะเข้าไปให้คุณหมอดูอาการกันก่อนดีมั้ยครับ อาการคุณ 2 คนไม่ใช่น้อยไปกว่าอะตอมเลยนะครับเนี่ย” ธาริศว่า
ทุกคนได้สติหันไปมองสภาพมอมแมมของทั้งแพทและพีท ขณะที่พีทขำๆ ตัวเอง
“จริงสิ แผลของผมก็ชักระบมขึ้นทุกทีแล้ว” พีทบอกอะตอม “เดี๋ยวลุงจะพาแม่แพทตามขึ้นไปหาอะตอมนะครับ แต่ตอนนี้จะพาแม่แพทของอะตอมไปหาหมอก่อนนะ”
“ครับ” อะตอมรับคำ
ธาริศแอบมองรัญธิดา สองคนสบตากัน ก่อนจะพยุงพีทกับแพทเข้าไปด้านในห้อง
พยาบาลเข็นรถอะตอมนำออกไป รัญธิดาหันมามองตาม พอสบตาทิพปภาก็รีบเดินตามพยาบาลไป
ทิพปภามองตามไปไม่ติดใจอะไร เพราะคิดว่ารัญธิดาเป็นห่วงพีท ทิพปภาเดินตามหลังรัญธิดาไป
ตรงทางเดินเล็กๆ เฉิดโฉมถือกระเช้าดอกไม้เยี่ยมไข้เดินมองหาทางไปห้องฉุกเฉิน ตรงด้านหน้าพยาบาลเข็นรถอะตอมผ่านไป มีรัญธิดาเดินตาม ทิพปภาเดินเร็วๆ ตามมา
“รัญแม่ว่าท่าทางหนูก็เพลียๆ นะ กลับไปพักผ่อนเถอะแม่จะอยู่ดูอะตอมให้เอง”
เฉิดโฉมชะงัก ไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกรึเปล่า
รัญธิดาหยุดเดิน หันมองพยาบาล แล้วรีบลากทิพปภามาอีกทางนึง ซึ่งยิ่งใกล้กับที่เฉิดโฉมที่ยืนแอบฟังอยู่
รัญธิดากระซิบดุๆ “พูดอะไร นี่มันที่สาธารณะ หนูบอกแม่แล้วว่า...”
ทิพปภาจ๋อย “จ๊ะจ้า ขอโทษ... แม่เอ๊ย น้าลืมไป...ว่าต้องไม่มีใครรู้เรื่องของเรา”
รัญธิดาถอนใจ “กลับบ้านไปเถอะค่ะ หนูดูแลอะตอมเอง”
จากนั้นรัญธิดาเดินตามอะตอมไปทันที ทิพปภาวิ่งตาม
“รัญเดี๋ยวซิรัญ รอน้าด้วย”
เฉิดโฉมก้าวออกมา ด้วยสีหน้าและแววตาสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
“ต้องไม่มีใครรู้เรื่องของเรา...แล้วไอ้เรื่องของเราน่ะ มันคือเรื่องอะไรล่ะ” เฉิดโฉมมองตามทางที่ทั้งคู่เดินจากไป หน้าตาหมายมั่น “ถ้าไม่สืบให้รู้ มันก็ไม่ใช่เฉิดโฉมสิ!”
เฉิดโฉมยิ้มร้ายกับตัวเองอย่างหมายมาด
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 10 (ต่อ)
เวลานั้น ประตูห้องพักฟื้นของพีทเปิดออก กันตากับทักษอรเข้ามาอย่างรีบร้อน ทักษอรถือแจกันดอกไม้เยี่ยมไข้มาด้วย
“ตาพีท!” กันตาเรียกลูกชายเสียงดัง
ธาริศกับพีทซึ่งเปลี่ยนมาใส่ชุดคนไข้แล้ว และมีผ้าพันหัวแตกด้วยหันไปมอง กันตาถลาเข้ามากอดพีทน้ำตาจะไหล
“ลูกแม่เป็นอะไร เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ”
กันตากอดลูกแน่น พีทยิ้มขำ นึกย้อนถึงภาพที่แพทกอดอะตอมขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ทำไมคนเป็นแม่ถึงชอบพูดคำนี้กันครับ...ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ”
กันตามองลูกชายงงๆ “ทำไมล่ะ...พีทไปได้ยินมาจากไหนเหรอลูก”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมพูดเล่น...” พีทกอดอ้อนกันตา “โอ๊ย...คิดถึงแม่จังเลย นึกว่าจะโดนน้ำพัดไปไม่ได้เจอแม่สุดที่รักซะแล้ว”
แม่ลูกกอดกันแน่น ทักษอรเปลี่ยนสายตามามองตามธาริศ
“พี่ริศล่ะคะ เป็นอะไรบ้างรึเปล่า...ทำไมต้องเสี่ยงเข้าไปช่วยด้วยตัวเองแบบนั้น มันอันตรายมากนะคะ”
“พี่ไม่เป็นไรหรอกอร... อย่าห่วงเลย”
“พี่ต้องขอบใจธาริศมากเลยนะ อรรู้มัยถ้าธาริศเข้าไปไม่ทัน ป่านนี้อรได้เตรียมตัวไปงานศพพี่แล้วล่ะ” พีทบอกขำๆ
กันตาตกใจ “ตาพีท!”
พีทรู้สึกตัว “ผมพูดเล่นครับแม่”
“อย่าพูดเล่นแบบนี้อีก แม่ไม่ชอบ”
“พี่ริศคะ ที่หลังอย่าทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีกนะ ถ้าพี่ริศเป็นอะไรไปอรจะอยู่ยังไง...อรอยู่ไม่ได้นะคะถ้าไม่มีพี่ริศ”
ทักษอรกอดธาริศเอาไว้ ธาริศถอนใจเบาๆ
อะตอมนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล แพทนั่งสัปปะหงกอยู่และยังใส่ชุดเดิมมือเตอร์เข้ามาเขย่าแขน
“ยัยแพท ยัยแพท”
แพทสะดุ้งตกใจตื่น ถลาไปหาอะตอม
“ตอมจะเอาอะไรหรือลูก” เตอร์หัวเราะเอ๊กอ๊ากเสียงดัง แพทฉุน เพิ่งเห็นว่าเป็นเตอร์ “เล่นอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวตอมก็ตกใจตื่นกันพอดี”
“ย่ะ แม่คุณแม่ดีเด่น” รัญธิดาซึ่งอยู่ด้วยจี๊ดใจ “เฝ้าลูกเอาโล่หรือไง ไม่รู้จักดูตัวเองเลย เธอน่ะจะไม่ไหวแล้วนะ เดี๋ยวได้สลบก่อนรับรางวัลหรอก”
ทิพปภาเห็นด้วย “นั้นซิ ตั้งแต่กลับออกมา แกยังไม่ได้พักเลยนะ กลับไปบ้านพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เฝ้าให้เอง หมอก็บอกแล้วอะตอมไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง แค่มีไข้แล้วก็อ่อนเพลียเท่านั้น”
แพทอิดออด “แต่ว่า...ถ้าอะตอมตื่นขึ้นมาไม่เห็นแพทก็จะงอแงนะคะ”
“ย่ะ งั้นก็ให้ตอมตื่นขึ้นมาอีกที แล้วเห็นศพแม่นอนอยู่ข้างๆ เลยเป็นไง” เตอร์กัดด้วยความหมั่นไส้
“พูดเกินไปแล้ว คนอย่างชั้นไม่ตายง่ายๆ หรอก”
แพทจะเดินไปนั่งแล้วเผลอลงน้ำหนักเท้าที่เจ็บ เลยร้องโอ๊ย แล้วเซ เตอร์ประคองไว้
“น้าแพทคะ กลับไปนอนพักให้เต็มที่ซักคืนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงมาดูอะตอมต่อ สำหรับทางนี้...รัญจะดูแลอะตอมให้เอง นะคะ ถือว่ารัญขอร้องเถอะค่ะ”
แพทอึ้ง ไม่คาดคิดว่ารัญธิดาจะอาสาดูแลอะตอม
ขณะที่ทักษอรกำลังเดินมาตามทาง ตรงไปยังวิลล่าที่พักทักษอรในรีสอร์ต แล้วสะดุ้งเมื่อหันไปเจอเฉิดโฉมดักหน้าอยู่
“มีอะไรน่ะเธอ โผล่มาแบบนี้ชั้นตกในหมด”
“คุณอรคะ เฉิดมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณอรค่ะ”
ทักษอรขยับลงนั่งโต๊ะสนามหน้าวิลล่า
“มีอะไรทำไมไม่พูดกันตอนเจอที่โรงพยาบาลเมี่อกี้”
“ก็เมื่อกี้คนมันเยอะ ขืนพูดไปมันก็จะไม่งามสิคะ แล้วนี่เฉิดเป็นห่วงคุณอร ก็เลยตามมาคุยที่นี่”
“พอละ อย่าพูดมาก รำคาญ...มีอะไรก็พูดมาสั้นๆ”
“คุณอรเชื่อเหรอคะว่าเมื่อคืนคุณธาริศเข้าไปช่วยเพราะเป็นห่วงคุณพีท”
ทักษอรตาลุกวาว “เธอพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“อย่าลืมนะคะว่ายายแพทก็โดนน้ำพัดไปเหมือนกัน คุณธาริศอาจจะตามไป เพราะเป็นห่วงยัยแม่ม่ายก็ได้นะคะ”
ทักษอรเจ็บจี๊ด ลุกพรวดขึ้นไล่ตะเพิด “ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้”
“เฉิดพูดเพราะเป็นห่วงนะคะ เฉิดว่าพวกผู้หญิงบ้านนี้มันร้อยเล่ห์มารยากันทุกคน ไม่น่าไว้ใจเลย”
“ชั้นบอกให้ออกไป”
“คอยดูนะคะ เฉิดจะกระชากหน้ากากพวกมันทั้งน้าทั้งหลานออกมาให้ได้ ว่าอะไรๆ แล้วมันเจ้าเล่ห์กันแค่ไหน แล้วมันทั้งคู่ก็จะถูกเฉดหัวออกจากรีสอร์ตนี้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นคุณอรก็จะต้องมาขอบคุณเฉิดโฉมคนนี้
เฉิดโฉมเดินสะบัดพรืดออกไป ทักษอรค่อยๆ นั่งลง เริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่เฉิดโฉมพูด ความระแวงพุ่งขึ้นสูงสุดติดเพดาน
ด้านแพทเดินเขยกๆ มานั่งที่โซฟา หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วท่าทางดูสดชื่นขึ้น
“แพท คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ายายรัญ จะอาสาดูอะตอมให้ ปกติยายรัญไม่เคยเข้าใกล้อะตอมอีกเลย ตั้งแต่วันนั้น...”
ทิพปภาจัดของกินที่จะเอาไปให้อะตอมอยู่
“ของอย่างนี้ ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก” ทิพปภาว่า
“สาธุ ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปเถอะ แพทอยากให้อะตอมใกล้ชิดกับรัญบ้าง”
ทิพปภาขึ้นเสียงทันที “นี่ เธอคงไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับชั้นกับหลานหรอกนะ”
“แพทดูแลอะตอมได้เสมอค่ะ และเต็มใจดูแลอย่างมาก สิ่งที่แพทพูดมีความหมายแค่นั้นจริงๆ อยากให้รัญได้ใกล้ชิดกับอะตอมบ้าง แล้วรัญจะได้รู้ว่าอะตอมเป็นเด็กน่ารักแค่ไหน แล้วความรู้สึกรัญอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้”
ที่จริงทิพปภาเห็นด้วย แต่ยังปากแข็งต่อ “เปลี่ยนแล้วยังไง อะตอมก็ยังเป็นลูกเธอ ยายรัญกำลังจะแต่งงานชีวิตของมันจะต้องสดใสไม่ด่างพร้อย...เลิกพูดเรื่องไร้สาระนี้เถอะ”
“ค่ะ”
ทิพปภาพูดเสียงอ่อนลง “พี่จะไปโรงพยาบาลแล้วจะรีบกลับมา แน่ใจนะว่าเธออยู่คนเดียวได้” มองที่ขาแพท
“โอ๊ย สบายมากค่ะ ขาแพทเจ็บนิดหน่อยเท่านั้นเอง กินยาเม็ดเดียวก็หายแล้ว พี่ทิพไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ไปช่วยรัญดูอะตอมเถอะค่ะ”
“งั้นพี่ไปละ”
ทิพปภากลับออกไป
ส่วนรัญธิดาตั้งใจอ่านนิทานให้อะตอมฟัง อะตอมนอนฟัง
“ในที่สุด อัศวิน ก็ปราบเจ้ามังกรไฟได้สำเร็จ” รัญธิดาปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นโล่งใจคิดว่าอะตอมจะหลับ แต่อะตอมนอนฟังตาแป๋ว
“อ้าว ไหนว่าฟังนิทานจบ ก็จะหลับไงอะตอม นี่ยังนอนตาแป๋วอยู่เลย”
“ก็มันไม่เหมือนที่แม่แพทเล่าเลยนี่ฮะ แม่แพทจะนอนเล่าข้างๆ อะตอม พี่รัญต้องมานอนข้างอะตอมสิ” อะตอมยิ้มขณะตบที่ว่างบนเตียงข้างๆ ตัวพร้อมเขยิบให้
รัญธิดาเคอะเขินเก้ๆ กังๆ พยายามต่อรอง
“ไม่ได้หรอก เค้าไม่ให้นอนบนเตียงคนไข้ เดี๋ยวคุณพยาบาลดุ”
“แต่..ถ้างั้นตอมก็คงนอนไม่หลับทั้งคืน” อะตอมทำท่าจะร้องไห้
รัญธิดาถอนใจ ต้องยอม เก้ๆ กังๆ ขึ้นไปบนเตียงนอนตัวแข็งทื่อ อะตอมเข้ามาซุกตัวกอดรัญธิดาไว้เอง จนรัญธิดาค่อยๆ คลายความเกร็ง เอามือลูบตัวอะตอม ตบเบาๆ เหมือนกล่อม แล้วอ่านนิทานให้ฟังอีกรอบ
อะตอมค่อยๆ เคลิ้มหลับไป
จังหวะนี้ ประตูห้องถูกทิพปภาเปิดเข้ามา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นภาพแม่ลูกอยู่ด้วยกัน ทิพปภายิ้มให้กับภาพตรงหน้าอย่างอ่อนโยน ดีใจที่รัญธิดาใกล้ชิดกับอะตอม ตัดสินใจค่อยๆ ปิดประตูออกไปเงียบๆ ไม่ให้ลูกสาวเห็น รัญธิดาอ่านจบปิดหนังสือแล้วหันมามองอะตอมที่หลับอยู่ในอ้อมกอด น้ำตาแม่รื้นขึ้นมาอย่างตื้นตันใจ
“นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี ที่หนูหลับในอ้อมแขนนี้อีกครั้ง”
รัญธิดากอดอะตอมอย่างเต็มตื้นด้วยความรู้สึกของความแม่เป็นครั้งแรก
ทิพปภาพิงกำแพงข้างๆ ประตูเหมือนฟังเหตุการณ์ด้านในอยู่ แล้วยิ้มอย่างเศร้าๆ สงสารรัญธิดาก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลัง เฉิดโฉมในชุดทะมัดทะแมง โผล่ออกมาจากมุมตึก รีบย่องตามทิพปภาไป
บ้านทั้งหลังเงียบกริบ แพทเดินเขยกๆ ไปหยิบยาแก้ไข้กินกับน้ำ แล้วยืนเหม่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
เป็นเหตุการณ์หลังจากที่แพททนดูรัญธิดาถูกย่าตีไม่ได้ จึงตัดสินใจขอรับมาเลี้ยง ซึ่งเวลานั้นสองสาว ภายในห้องพักรายวันในโรงแรมราคาถูกแพทเอายาทาแผลที่เต็มแขนขาของรัญ รัญธิดายังน้ำตาไหลพรากอยู่อย่างนั้น
“ตายแล้ว ทำไมถึงได้โดนตีทั้งตัวอย่างนี้ล่ะรัญ เดี๋ยวน้าจะไปแจ้งความว่าย่ารัญเค้าทำร้ายรัญเกินกว่าเหตุ”
แพทโมโหลุกพรวดขึ้น รัญดึงแขนไว้
“อย่าค่ะ”
“ทำไมล่ะ รัญก็บอกเองว่าเค้าตีรัญบ่อยๆ ทำแบบนี้มันเกินไป”
“เค้าโกรธรัญมากน่ะค่ะ”
“โกรธยังไงก็ไม่น่าทำแบบนี้..พูดแล้วโมโห...กลับไปต่อว่าอีกทีดีกว่า” แพทฮึดฮัดประสาสาวเลือดร้อน
รัญธิดาดึงรั้งไว้ “อย่าค่ะน้าแพท ที่ย่าเค้าตีรัญขนาดนี้ก็เพราะว่า...เพราะว่า...รัญกำลังจะมีเด็กค่ะ”
แพทตกตะลึง
ภาพจำเลือนหาย แพททรุดลงนั่งที่โซฟา ททอดถอนใจ แล้วคิดถึงอีกเหตุการณ์ต่อมาหลังจากนั้น
สองคนยังอยู่ในห้องเช่ารายวันของโรงแรมราคาถูกแห่งนั้น แพททรุดลงนั่งมองรัญธิดาที่ร้องไห้อย่างแรง
“แล้ว...พ่อของเด็ก...เป็นใคร บอกน้าได้มั้ยรัญ”
“เค้าไม่อยู่แล้วค่ะ เค้าทิ้งรัญไป...รัญเกลียดเค้า เค้าหลอกรัญ...” รัญธิดาร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน
“ใจเย็นๆ รัญ”
“รัญไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ไม่มีอนาคต ไม่มีที่ไป ไม่มีใครรัก”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิรัญ”
“รัญจะกลับไปเรียนหนังสือได้ยังไง ถ้าใครรู้เข้า รัญจะมองหน้าใครได้...ลูกขี้คุก..แถมยังตั้งท้องก่อนวัย...รัญจะทำยังไงดี รัญอยากตาย”
แพทยืนกอดรัญธิดาที่ร้องไห้อย่างรุนแรง แล้วรวบรวมสติ
“ไม่ได้ รัญตะต้องมีอนาคตต่อไป...พอรัญสอบเสร็จเราก็จะเก็บตัวอยู่เงียบๆ พอเด็กคลอดออกมาเราก็ไปอยู่ต่างจังหวัดกัน เด็กคนนี้จะเป็นลูกของน้าเอง” แพทบอกอย่างหนักแน่น
รัญธิดางง “น้าแพท!”
“รัญจะกลับไปเป็นรัญคนเดิม กลับไปเรียนหนังสือ เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้...ส่วนเด็ก...น้าจะเลี้ยงเค้าเอง จะไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของรัญ แม้แต่ตัวของเด็กเอง”
รัญธิดาอึ้งคิดตามไปอย่างงงๆ แพทจับมือรัญเอาไว้
“ถ้ารัญไม่พูด น้าไม่พูด ก็ไม่มีวันที่ใครจะรู้เรื่องนี้เด็ดขาด...ตกลงมั้ย”
“น้าแพท!”
รัญธิดาค่อยๆ ใจชื้น ด้วยสำนึกบุญคุณ สวมกอดแพทไว้ ร้องไห้อีกด้วยความโล่งใจ
แพทดึงตัวเองออกจากภาพอดีต ทอดถอนใจอย่างอ่อนล้า แล้วทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
ส่วนที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล ทิพปภาเดินมาตามทาง ชำเลืองมองข้างหลังด้วยหางตา แล้วครุ่นคิดก่อนที่จะเดินต่อออกประตูไป เฉิดโฉมออกจากที่ซ่อน แล้วรีบร้อนตามไป
ด้านรุจรวีกับทักษอรนั่งกินอาหารด้วยกันที่โต๊ะอาหารในวิลล่า ทักษอรดูนาฬิกา
“อะไรกันจนป่านนี้แล้วพี่ริศก็ยังไม่กลับอีก ค่ำมืดขนาดนี้แล้ว”
“ตาริศคงอยู่กับตาพีทน่ะลูก”
“อะไรกันคะ บ่าวไพร่พี่พีทมีออกตั้งเยอะแยะทำไมไม่ให้เค้าดูแลกันเอง อรกับคุณแม่ซะอีกไม่มีใครเลย” ทักษอรลุกขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“ยายอร ใจเย็นๆ ลูก...ตาพีทคงสบายใจถ้าตาริศอยู่เป็นเพื่อน”
ทักษอรหยิบโทรศัพท์มากด
“แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะขออนุญาตหนูก่อน...หนูเป็นเมียพี่ธาริศนะคะ”
รุจรวีอึ้ง มองทักษอรที่รอสายอย่างหงุดหงิด
ธาริศอยู่ในห้องพักพีทที่โรงพยาบาล ขณะพูดโทรศัทพ์กับทักษอร
“พี่พีทไม่มีใครอยู่ด้วยเลยน่ะอร...อรทานข้านไปก่อนนะจ๊ะ แล้วเดี๋ยวพอพี่พีทหลับแล้วพี่จะกลับบ้าน...ป้ากันเค้ากลับไปแล้วจ้ะ” ธาริศฟังทักษอรพูดอะไรน่ารำคาญสักหน่อย แล้วรีบตัดบท “แถวนี้สัญญาณไม่ค่อยดี”
ธาริศรีบวางหู แล้วกดปิดโทรศัพท์ไปเลย
“เอางั้นเลยเหรอ” พีทแซว
“ถ้าไม่ปิด เค้าก็คงโทร.มาตลอด อย่าไปสนใจเค้าเลยครับพี่พีท อรเค้าก็หาเรื่องโกรธผมได้ทุกเรื่องนั่นแหละ”
พีทถอนใจ มองน้องชายอย่างสงสาร
“เออนี่ เราไปเยี่ยมอะตอมกันมั้ย”
“พี่พีทลุกขึ้นไหวเหรอครับ เดี๋ยวคุณหมอจะว่าเอา”
“โอ๊ย..แค่นี้ สบายมาก พี่ไม่เป็นอะไรหรอกน่ะ”
พีทลุกขึ้นธาริศช่วยประคับประคอง
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฟากรัญธิดากอดอะตอมนอนหลับอยู่ ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ รัญธิดาสะดุ้งตื่นมองอะตอม แต่อะตอมยังหลับสบาย จึงลุกไปเปิดประตูให้ แล้วยิ้มรับเมื่อเห็นพีทที่มาพร้อมเสาแขวนสายน้ำเกลือ
“คุณพีท! ตายแล้ว ลุกขึ้นมาทำไมคะเนี่ย”
รัญธิดายิ้มเมื่อเห็นธาริศเดินตามเข้ามาด้วย พีทเดินเข้ามาแล้วมองรอบห้องอย่างเนียนๆ ก่อนจะไปหยุดหน้าเตียงอะตอม
“ผมนอนไม่หลับก็เลยชวนนายริศมาดูอะตอมกัน..แต่นายตัวดีก็หลับไปซะแล้ว”
“ค่ะ อะตอมหลับไปซักพักแล้วค่ะ”
“แล้วนี่รัญอยู่คนเดียวเหรอ..น้าสาวของคุณเข้าไปไหนล่ะครับ หรือลงไปซื้อของ”
“น้าแพทไม่ค่อยสบายน่ะคะ รัญเห็นหน้าซีดเชียว ขาก็เจ็บแต่ไม่ยอมนอนพัก รัญเลยบังคับให้กลับไปนอนบ้าน แต่แกก็จะไม่ยอมท่าเดียว”
พีทนึกเป็นห่วงแพทแต่เก็บซ่อนอาการไว้ “อาการแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ค่ะ แต่น้าแพทชอบฝืนตัวเอง ป่านนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้ รัญยังไม่ได้โทรไปถามอาการเลย...แต่ถามยังไงแกก็คงบอกว่าไม่เป็นไรอยู่ดีนั่นแน่ะค่ะ”
พีทยืนอึ้ง รัญธิดาหันไปเห็นธาริศยืนมองมาตลอดเวลา พยายามหลบตาทำเป็นไม่เห็น ส่วนพีทครุ่นคิด ว้าวุ่นใจ ด้วยเป็นห่วงแพท
ด้านทิพปภาเดินไปตามทางบนถนน ด้านหลังเฉิดโฉมเดินแกมวิ่งตามมา
“นี่มันจะเดินไปถึงเมื่อไหนของมันนะเนี่ย จะเดินให้ถึงบ้านเลยรึไง รถราไม่ยอมขึ้น...อีโง่เอ๊ย”
ทิพปภายังเดินหน้าตาเฉยๆ ต่อไป เฉิดโฉมวิ่งตาม
ที่หน้าบ้านแพท เห็นพีทซึ่งเปลี่ยนชุดใหม่ ยืนลังเลอยู่หน้าบ้าน พีทชะเง้อเข้าไปในบ้าน เห็นไฟยังเปิดอยู่ เลยกดกริ่งแล้วรอ 2-3 ครั้ง แต่ไม่มีวีแววว่าคนจะมาเปิด พีทลังเลทำท่าจะกลับ แต่เดินไปที่รถแล้วเกิดเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ
“ยายบ้าเอ๊ย..จะทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงไปถึงไหนนะ”
พีทหันหลังกลับ ปีนรั้วเข้าไปในบ้าน
ส่วนแพทนอนหลับไข้ขึ้นอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ขณะที่พีทเดินเข้ามาชะงัก
“คุณ...คุณ...”
แพทค่อยๆ ลืมตามาด้วยพิษไข้ แต่พอเห็นเป็นพีทก็ตาเบิกโพลง ลุงขึ้นนั่ง
“คุณ! เข้ามาได้ไงเนี่ย”
“ผมคงจะถามคุณมากกว่า ว่าทำไมถึงไม่ล็อคประตู นอนอยู่คนเดียวค่ำๆ มืดๆ แล้วยังไม่ปิดประตูบ้านอีก อันตรายมากเลยนะ”
แพทคิดทบทวนรู้ว่าพีทพูดถูกแต่ก็เถียงปนแถ
“อยู่คนเดียวที่ไหน พี่ทิพก็อยู่ย่ะ”
“ถ้าอยู่ก็คงมาเปิดประตูให้ผมตั้งแต่แรกแล้วละ นี่ผมกดออดจนมือแทบหงิก ยังไม่มีใครเปิด ผมเป็นห่วงก็เลยต้องปีนเข้ามาดูนี่แหละ” พีทบอก
“ห่วง...คุณน่ะเหรอห่วงชั้น” แพทย้อนถาม
พีทรู้สึกตัว “ผมหมายถึง ผมกลัวว่าคุณอาจถูกฆ่าปาดคออยู่ในห้องนอนแล้วก็ได้...ตอนเป็นคนยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นผีคงจะน่ากลัวชะมัด”
แพทลุกขึ้น “คุณออกไปเลยนะ กลับไปได้แล้ว ชั้นยังอยู่ดีไม่ได้เป็นอะไร”
“งั้นก็ดี...แล้วอย่าลืมล็อคประตูด้วยนะ”
พีทหันหลังจะเดินออก
“เดี๋ยวก่อน”
พีทหันมางงๆ แพทดูหน้าซีดลง ยืนโงนเงน พีทรีบเดินมาใกล้
“คุณ เป็นอะไรของคุณ”
“ชั้น..ชั้น...”
แพทยื่นหน้ามาใกล้ๆ พีทตกใจปนงง เพราะแพททำท่าเหมือนจะยื่นหน้ามาจูบตน
“อะไร คุณทำอะไรของคุณ”
แพทยื่นหน้ามาช้าๆ
“อย่า...อย่านะ...”
แพทหน้าชิดพีทแล้ว และจับไหล่พีทกดเอาไว้
“ชะ...ชั้น..คลื่น...ไส้...”
พีทเบิกตากว้าง ตกใจสุดขีด แล้วแหกปากร้องดังลั่น
“เฮ้ย...ยัย…”
แต่ไม่ทันแล้ว พีทได้ยินเสียงที่แพทอาเจียนใส่เสื้อเต็มๆ อ้วกสมใจแล้วแพทจึงปล่อยมือ ทรุดตัวลงไปกองหมดสติบนโซฟา
พีทมองเสื้อตัวเองที่เลอะไปด้วยอาเจียนเซ็งๆ แล้วมองแพทที่หมดสติอยู่ ตกตะลึงทำอะไรบอกไม่ถูก
ทางเดินที่ทิพปภาเดินมา เริ่มเปลี่ยวขึ้นทุกทีๆ แต่ทิพปภายังคงเดินต่อไป และด้านหลังเฉิดโฉมเดินตุปัดตุเป๋อาการเหนื่อยอ่อนเต็มทน จนสะดุดล้มส้นรองเท้าหักเป๊าะ เสียหลัก
ทิพปภาเดินแล้วเลี้ยวเลยหัวมุมไปแล้ว เฉิดโฉมหงุดหงิดอย่างแรง และหมดความอดทน
“อะไรของมันเนี่ย จะเดินไปถึงขอนแก่นเลยรึไง ไม่ตงไม่ตามมันแล้ว รองเท้าชั้นพักหมดเลย”
เฉิดโฉมก้มลงดูสภาพรองเท้าตัวเอง เห็นส้นหักยับเยินไปหมดแล้ว
จังหวะนี้ แลเห็นท่อนไม้ถูกเงื้อขึ้นสูง แล้วฟาดกระหน่ำลงมาตรงด้านหน้าขณะที่เฉิดโฉมเงยขึ้นเต็มแรงเสียงดังปึ้ก! เฉิดโฉมล้มคว่ำลงไปกองคาพื้นหมดสติทันที
ทิพปภาถือไม้ไว้ในมือ มองผลงานร่างไร้สติของเฉิดโฉมด้วยหน้าตาเฉยเมย
“ชั้นไม่รู้ว่าแกจะตามชั้นมาทำไม แต่จำเอาไว้...ว่าชั้นไม่ชอบ”
ทิพปภากระแทกเสียงใส่แล้วโยนไม้ทิ้งไปข้างๆ ตัวเฉิดโฉม ก่อนจะเดินตัวปลิวจากไปอย่างสบายๆ ไม่อนาทรร้อนใจใดๆ
ในร้านกาแฟภายของโรงพยาบาล ธาริศนั่งจิบกาแฟครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ อยู่ในนั้น พนักงานเดินเข้ามาถาม
“รับอะไรอีกมั้ยคะ ร้านกาแฟจะปิดแล้วค่ะ”
ธาริศเงยหน้ามองดูนาฬิกา เห็นว่าจะเกือบ 4 ทุ่มแล้ว
“ครับผม ถ้าอย่างนั้นก็เก็บเงินเลยครับ”
ธาริศหยิบกระเป๋าออกมาจ่ายเงิน ตาเหลือบไปเห็นขนมในตู้ มีทั้งขนมปัง และเค้กน่าทาน
“เดี๋ยวครับ...ช่วยเอาขนมนั่นให้ผมซัก 4-5 ชิ้นด้วยครับ”
ด้านอะตอมตื่นขึ้นมาร้องไห้ อาการงัวเงีย “แม่แพท แม่แพท”
“โอ๋ อย่าร้องซิอะตอม นอนซะนะจ๊ะ”
“ไม่เอา ฮือๆ ตอมจะหาแม่แพท” อะตอมลุกขึ้นนั่ง
“แม่แพทไม่อยู่ ตอมอยู่กับพี่รัญไง...อย่าร้องนะจ๊ะ เงียบซะ”
อะตอมยังไม่เลิกงอแง ร้องไห้อีก รัญธิดาไม่รู้จะปลอบยังไง
“ไม่เอาตอมจะไปหาแม่แพท ฮือๆ แม่แพทครับ...”
อะตอมปีนลงจากเตียง รัญธิดาคว้าไม่ทัน อะตอมเปิดประตูออกไป เจอธาริศอยู่หน้าห้องพอดี ธาริศเข้ามาคว้าไว้ก่อน ในมือมีถุงขนมมาด้วย
“จะไปไหนครับ อะตอม”
รัญธิดาตื่นตกใจ “คุณ”
“ตอมจาหาแม่แพท ตอมคิดถึงแม่แพท ฮือๆ”
ธาริศก้มลงอุ้มอะตอมขึ้นมาปลอบ
“ครับ เดี๋ยวอาพาไปหาแม่แพทนะ แต่ตอนนี้ มันยังไม่สว่างเลย ดูซิ แม้แต่เจ้ามังกรไฟมันก็ยังไม่ยอมไปไหนเลย”
อะตอมเริ่มสนใจถึงแม้จะยังร้องไห้อยู่แต่เสียงเบาลง
“มังกรไฟ...อยู่ไหนครับ”
“ก็อยู่ในถ้ำ บนภูเขาไงครับ...มังกรไฟตัวนี้นะมันเป็นมังกรไฟที่เก่งมาก มันคอยดูแลเด็กที่ไม่เกเร”
ธาริศแบกอะตอมไปเล่านิทานไป เดินไปเดินมา อะตอมเริ่มเงียบเสียงลง
รัญธิดามองธาริศที่แบกอะตอม ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพ่อกับลูกอยู่ด้วยกัน
ฝ่ายพีทถอดเสื้ออกเปลือยท่อนบนเห็นผ้าพันแผลตามไหล่ ตามตัวบ้าง กำลังซักเสื้อในอ่างล้างหน้า ขยี้เสื้อตัวเอง แล้วเอามาดม ทำหน้าเหมือนจะอาเจียน แต่ก็บิดเสื้อ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ
พีทเดินออกมา เอาเสื้อผึ่งไว้บนเก้าอี้ แล้วหันไปมองแพทที่หมดสติอยู่บนเตียง พีทเดินไปใกล้ เห็นที่เสื้อแพทเลอะอาเจียนเล็กน้อยเช่นกัน ก็ทำหน้าแขยง
“เหม็นขนาดนี้จะนอนได้ยังไง”
พีทตัดสินใจปลดกระดุมเพื่อเสื้อตัวนอกซึ่งเป็นเสื้อคาร์ดิแกนคลุมสายเดี่ยว ให้ด้วยความหวังดี จากนั้นพีทประคองให้แพทลุกขึ้นนั่งเพื่อถอดเสื้อให้ จึงเกือบเหมือนโอบประคองกันอยู่บนเตียง ใบหน้าอยู่ใกล้กันมาก
พีทชะงัก มองหน้าแพทที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ รีบถอดเสื้อแล้วปล่อยแพทลงนอน แล้วยืนสงบสติอารมณ์นิดหนึ่งก่อนหันไปหยิบยาขื้นมา
“คุณ...” พีทเอื้อมมือไปเขย่าตัวเรียกสติ “คุณตื่นมากินยาซักหน่อยเถอะนะ...คุณ”
แพทลืมตาขึ้นงงๆ
“กินยาซะนะ ไข้คุณขึ้นสูงมากเลย”
แพทยังงงๆ อีก พีทเลยประคองขึ้นมากินยากับน้ำ แพททำตามโดยดี
“ผมว่าคุณน่าจะไปโรงพยาบาลกับผมดีกว่า ให้หมอเค้าเช็คดูซักหน่อย”
“ไม่เอา...ไม่ไป...”
“อย่าดื้อน่า...มา..ผมพาไป”
พีททำท่าจะอุ้ม แพทขึ้น และดิ้น
“ไม่เอา ไม่ไป อย่ามายุ่งกับชั้น ปล่อนนะ”
แพทผลักพีทจนเซไป พีทเองก็อ่อนเพลียและเจ็บแผลที่ไหล่ เลยเหนื่อยตอบ
แพทบ่นงึมงำ “ชั้นอยากนอนอยู่ที่นี่...คุณอย่ามายุ่ง”
แล้วแพทก็หมดแรง พีทมองอย่างหมดปัญญา แล้วจับไหล่ตัวเอง
“ตามใจคุณ...ผมเองก็ไม่สมประกอบขาดนี้ คงอุ้มคุณไม่ไหวเหมือนกัน”
พีทมองแพท เห็นแพทหลับไปแล้ว เลยนั่งบนเตียง ท่าทางหมดแรงเช่นกัน
ส่วนธาริศวางอะตอมที่หลับปุ๋ยไปแล้ว ลงนอนบนเตียง รัญธิดายืนมอง
“ของคุณนะคะ ถ้าคุณไม่ช่วย รัญไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ไม่เป็นไร...ตอนเด็กๆ ผมชอบนิทานเรื่องมังกรไฟมากๆ ก็เลยลองเล่าให้ฟังเผื่อจะได้ผม..ไม่คิดว่าอะตอมจะชอบเหมือนกัน”
“แล้วคุณกลับมาทำไมคะ รัญนึกว่าคุณกลับบ้านไปแล้วซะอีก”
ธาริศอึกอัก “ผม...กลัวว่ารัญเฝ้าอะตอมอยู่คนเดียว ดึกๆ คงจะหิว...ก็เลยซื้อขนมมาฝาก”
พลางลุกขึ้นไปหยิบถุงขนมมาให้
รัญธิดาอึ้งๆ “ขอบคุณค่ะ”
ธาริศไปยืนมองอะตอม
“อะตอมเป็นเด็กน่ารักมานะรัญ ผมเคยคิด...เคยหวังว่า...ถ้าเราแต่งงานกัน ลูกของเราคงจะน่ารักแบบนี้”
รัญธิดาตัดบท “พอแล้วค่ะ คุณกลับไปเถอะ นี่มันดึกมากแล้วนะคะ”
“รัญรู้มั้ย คืนวันนั้นที่เรานัดกันที่สถานีรถไฟ พี่กำลังออกไปหารัญ แต่ก็ถูกคุณแม่มาดักเอาไว้ แล้วบอกว่าเรากำลังล้มละลายให้พี่แต่งงานกับอรให้เร็วที่สุด”
รัญธิดายกเอาสองมือปิดหู รู้สึกร้าวรานใจ
“พอซะทีเหอะ รัญไม่อยากฟัง”
ธาริศพูดต่อ “พี่กับอรไปแต่งงานกับที่อเมริกา ก่อนเดินทางพี่ไปตามหารัญ เพื่ออธิบายทุกอย่างให้ฟัง พี่อยากจะขอโทษ แต่คุณย่าของรัญก็บอกว่ารัญไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว”
รัญธิดาทนไม่ไหว ทำท่าจะวิ่งหนีไป แต่ธาริศก็ตามไปกอดรัญธิดาไว้จากด้านหลัง
“พี่ไม่เคยรักทักษอรเลย เค้าเองก็รู้ดี....พี่ตามหารัญไปจนทั่ว หวังว่าเราอาจจะได้เริ่มต้นด้วยกันอีก...แต่วันที่พี่ได้เจอรัญอีกครั้ง ก็คือวันที่รู้ว่ารัญกำลังจะแต่งงานกับพี่พีท”
รัญธิดาสะบัดตัวออกจากธาริศ
“เลิกพูดเถอะค่ะ ทุกอย่างมันจบแล้ว เราต่างคนต่างมีชีวิตใหม่อย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาอีกเลย”
“สำหรับพี่ ความรักที่พี่มีต่อรัญ มันไม่เคยจบลงเลยนะ พี่รักรัญตลอดมา และยังรักอยู่จนวันนี้”
รัญธิดาร้องไห้ออกมา แล้วพยายามจะข่มใจ
“มันสายเกินไปแล้วค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงมันตอนนี้”
ธาริศสะท้อนใจ “มันสายเกินไปแล้วจริงๆ หรือเป็นเพราะรัญไม่ได้รักพี่อีกแล้ว”
รัญธิดานั่งนิ่งน้ำตาไหลพราก ธาริศขยับเข้าใกล้ขึ้น
“รัญ...บอกพี่ซิ ว่ารัญไม่ได้รักพี่อีกแล้ว”
รัญธิดาร้องไห้หนักขึ้น ธาริศเชยคางรัญธิดาขึ้นมามองตา สองคนสบตากัน
“รัญ...”
รัญธิดาพูดไม่ออก เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ธาริศเข้าใจทันที กอดรัญธิดาไว้แนบอก รัญธิดาหมดความยับยั้งใจ กอดธาริศร้องไห้แน่น
ธาริศน้ำตาไหล “พี่ขอโทษนะรัญ พี่ขอโทษ”
ทั้งคู่กอดกันเต็มรักเต็มความคิดถึง ข่มความรู้สึกทรมานในใจไม่ไหวแล้ว
อ่านต่อหน้า 4
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 10 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ บรรยากาศแสนสดใส แพทกอดกับพีทแน่นบนเตียงในห้องนอน ท่าทางมีความสุขด้วยกันทั้งคู่ แพทเริ่มรู้สึกตัวแต่ก็อุ่นสบาย กอดพีทแน่นขึ้นอีกและซุกหน้าลงกับอกของเขา พีทเลยกอดตอบอย่างคนยังไม่ได้สติ
ครู่ต่อมาแพทได้สติ ลืมตาขึ้น เห็นอกพีทอยู่ตรงหน้า แพทไม่แน่ใจ คลำอกพีทเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ช็อค ผวาลุกขึ้นผ้าห่มเปิดขึ้นเผยให้เห็นว่าพีทไม่ใส่เสื้อ
แพทแผดเสียงดังลั่น “คุณ!”
แล้วเอาหมอนฟาดพีทเต็มแรง พีทสะดุ้งตื่น
“เอ๊ย! อะไรเนี่ย”
“นี่คุณมานอนกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อ้าว ก็เมื่อคืนไง คุณจำไม่ได้เหรอ”
แพทงง “แล้วทำไม ไม่ใส่เสื้อ”
พีทใส่แต่กางเกงตัวเดียว ด้วยถอดเสื้อเลอะอ้วกไปซัก
พีทยิ้มๆ นึกสนุก “นี่คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” พร้อมกับหัวเราะขำๆ เบาๆ
แพทเข้าใจผิดมองสารรูปตัวเองเห็นใส่เสื้อสายเดี่ยวตัวเดียว เสื้อคลุมถูกเหวี่ยงอยู่ที่พื้น ยิ่งตกใจมากขึ้น และยิ่งเข้าใจผิดใหญ่ โวยลั่นห้อง
“คุณๆ คุณทำอะไรฉัน ไอ้บ้า”
“เฮ้ย เดี๋ยวซิคุณ”
แพทยกหมอนไล่ตีพีทไม่ยั้ง พีทหลบ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ด้านนอกห้อง ทิพปภาอยู่หน้าประตู มือถือชามข้าวต้มมา
“แพท เสียงดังเอะอะ โครมครามอะไรกัน”
“พี่ทิพ” แพทตกใจ ไม่รู้ทำไง
“เดี๋ยวผมไปเปิดประตูเอง” พีทตั้งท่าลุกขึ้น แพทกระโดดตะครุบตัวพีทเอาไว้ ผลักสุดแรงลงไปบนที่นอน จนกลายแพททับอยู่บนตัวพีทและเป็นฝ่ายเอามือปิดปากพีทเอาไว้
ทิพปภาที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงโครมคราม ยิ่งเคาะประตูถามระรัว
“ยัยแพท เกิดอะไรขึ้น เปิดประตูซิ”
แพทกระซิบบอกพีท “อย่า...แล้วคุณก็อย่าส่งเสียง เข้าใจมั้ย” แล้วตะโกนออกไป “ไม่มีค่ะ ไม่มี”
“ถ้างั้นก็เปิดประตูซิ พี่ทำข้าวต้มขึ้นมาให้”
แพทเปิดประตู ทิพปภายืนถือถาดชามข้ามต้มอยู่
“พี่...พี่ทิพกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็เมื่อคืนนั้นแหละ” ทิพปภาหลบตา “กลับมาเห็นไฟในห้องเธอปิดแล้วก็ไม่อยากกวน เมื่อกี้เสียงอะไร”
ทิพปภาเดินเข้าไปในห้องทันที
“แพท เอ่อ..แพทฝันร้ายน่ะค่ะ เลยตกเตียง”
ทิพปภาเดินเอาข้าวต้มไปวางให้บนโต๊ะหัวเตียง
แพทมองไปเห็นเสื้อของพีทตกอยู่ ยิ่งตกใจ รีบเดินไปหยิบแล้วเขวี้ยงไว้ใต้เตียง เสื้อโดนหน้าพีทที่แอบอยู่ใต้เตียงเต็มๆ พีทจะบ่นก็ไม่ได้ ทำท่าจะอ้วก
“นี่ยังเป็นอีกเหรอ ไอ้เรื่องนอนละเมอนี่ โตแล้วไม่รู้จักหาย”
“ค่ะ...งั้น พี่ทิพออกไปรอข้างนอกดีกว่า ขอแพทขออาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้ไปผลัดเวรกับยายรัญ”
แพทรีบดันพาทิพปภาออกไปนอกห้องแล้วรีบปิดประตู
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ”
พีทคลานออกมาจากใต้เตียง แพทปรี๊ดฉะต่อทันที
“ยังมีหน้ามาถามอีก คุณเป็นคู่หมั้นของหลานชั้น แล้วคุณมาทำแบบนี้จะให้ฉันบอกที่ทิพว่าเมื่อคืน คุณ.. คุณ...” แพทกระดากปากที่จะพูด เลยเลี่ยง “..อยู่กับฉันงั้นเหรอ”
“ใช่ ผมอยู่กับคุณ นอนกับคุณบนเตียงนี้ แล้วมันแปลกตรงไหน ก็ในเมื่อ...”
พีทยังพูดไม่จบ แพทก็ขัดขึ้น “หยุดพอแล้ว แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงมันอีก มันเป็นแค่ความผิดพลาดเท่านั้น ตอนนี้ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วก็ออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว อ้อ... แล้วก็ห้ามคุณพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”
พีทใส่เสื้องงๆ แล้วเดินตรงไปที่ประตูจะเปิด ปรากฏว่าทิพปภาเปิดผลัวะเข้ามาพอดี แพทตกใจปิดตาทนดูไม่ได้
“แพท พี่เห็นมีรถเหมือนของคุณพีทจอดอยู่หน้าบ้านเรา แต่ไม่ยังเห็นคุณพีทเลย”
แพทแอบมองอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าพีทแอบอยู่ที่หลังประตูที่ทิพปภาเปิดมาบังพอดี
“เอ๊ะ งั้นเหรอคะ แพทว่าพี่ทิพคงจำผิดมากกว่าน่ะคะ...เออ พี่ทิพคะ แพทหิวมากเลย ข้าวต้มนี่คงไม่พอ แพทว่าเราลงไปทำกับข้าวอีกซัก 2-3 อย่างกันเถอะค่ะ”
ทิพปภาบ่นอุบ “อะไรกัน ทำไมถึงได้กินเยอะขนาดนั้นล่ะ เดี๋ยวก็อ้วนแย่หรอก”
พีทยืนเกาหัวงงๆ ว่าแพทเป็นอะไร...มากมั้ย?
ฟากรัญธิดาฟุบหลับอยู่ข้างเตียงอะตอม ห่างออกไปธาริศนอนอยู่บนโซฟา ธาริศรู้สึกตัว รัญลุกขึ้นนั่ง
มองไปเห็นรัญธิดาหลับอยู่ ธาริศยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เดินเอาผ้าห่มมาคลุมให้ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู แล้วก็ตกใจเมื่อคิดขึ้นได้
“แย่แล้ว อร”
ธาริศรีบร้อนออกมาจากห้องพักอะตอม หน้าตาร้อนใจ หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาเปิดเครื่อง ที่หน้าจอแสดงมิสคอลล์ว่าทักษอรโทร.มา แต่ไม่ได้รับสาย 20 ครั้ง ธาริศรีบกดโทรศัทพ์
“ฮัลโหล อรเหรอนี่พี่เองนะ ขอโทษทีพี่ปิดโทรศัทพ์เอาไว้เลยไม่รู้ว่าอรโทร.มา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้อรเจอตัวพี่แล้ว”
ธาริศรู้สึกเหมือนเสียงทักษอรอยู่ใกล้ๆ พอหันไปจึงพบว่าทักษอรยืนคุยโทรศัทพ์อยู่ด้านหลังตน หน้าตาท่าทางโกรธจัด ธาริศหน้าซีดขาวรู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตู
สองคนอยู่ด้วยกันในห้องพักคนไข้ของพีท แต่ห้องว่างเปล่าด้วยพีทหนีไปที่บ้านแพทตั้งแต่เมื่อคืน โดยที่ธาริศก็ไม่รู้ ทักษอรหันมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง
“เนี่ยเหรอคะที่บอกว่ามาเฝ้าพี่พีท พยาบาลบอกว่าพี่พีทหายไปเมื่อคืนนี้”
ธาริศถอนใจ “เชื่อเถอะ อร มันไม่ได้มีอะไร อย่างที่อรคิดหรอก”
“งั้นก็บอกมาซิ ว่าเมื่อคืนพี่ธาริศหายไปไหน ไปทำอะไรกับใคร”
“พี่ก็...รอพี่พีทอยู่ที่นี่”
“อรไม่เชื่อ อย่ามาโกหก”
“อร ไม่เอาน่า”
ทักษอรนึกได้ “ไหนเด็กอะตอมก็อยู่โรงพยาบาลนี้ใช่มั้ย”
ธาริศทำหน้าตกใจ ทักษอรเห็นยิ่งจี๊ดทำท่าจะออกจากห้อง ธาริศจับไหว้
ธาริศจับมืออรไว้ “อย่านะอร อะตอมไม่เกี่ยวนะ”
“ถ้าไม่เกี่ยวก็ไม่ต้องมาเถียงแทนซิ หลบไปค่ะ”
ทักษอรสะบัดมือธาริศอย่างแรง ผลักเขาออกไป แล้วเปิดประตูออกไปทันที ธาริศคว้าไม่ทัน จึงรีบตามไป
ด้านแพทกำลังจัดข้าวของเยี่ยมไข้อยู่ในห้องอะตอม หน้าตากลุ้มอกกลุ้มใจมาก เรื่องเมื่อคืนที่พีทพูดเป็นนัย ทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม
ทักษอรกระชากประตูห้องเปิดเข้ามา ธาริศตามมาติดๆ
“อ้าว คุณอร คุณธาริศมาแต่เช้าเลยนะคะ” แพททักทาย
ทักษอรพุ่งตรงเข้ามาตบหน้าแพททันที แพทตกตะลึง
“นี่มันอะไรกันคะ”
“ไปกันเถอะอร ผมขอโทษจริงๆ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะครับ”
ทักษอรเลือดขึ้นหน้า พยายามผลักธาริศออก “หลีกไป...ตบทีเดียวยังน้อย ไปด้วยซ้ำ เธอกล้าดี
ยังไง ถึงเอาสามีฉันไปกกทั้งคืน”
แพทชักฉุนถูกตบแล้วยังถูกด่าอีก “คุณพูดบ้าๆ อะไรของคุณ”
“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อนะ นังแม่ม่ายเจ้าเล่ห์”
แพทพยายามข่มอารมณ์เต็มที่ กำมือไว้ไม่ให้ตบตอบ “งั้นคงต้องถามคุณมากกว่าว่า ทำยังไงสามีถึงหาย ไปทั้งคืนได้ยังไง”
“แก...นังหน้าด้าน เห็นมั้ยมันยอมรับแล้ว ว่ามันอยู่กับพี่จริง ยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ” ทักษอรหันมาเรื่องสามี
“คุณแพทเค้ายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย” ธาริศหันไปหาแพท “ผมไม่ได้อยู่กับคุณเมื่อคืนนี้ คุณก็รู้ดี”
ทักษอรแหวใส่ “ไม่ต้องมาส่งซิกกัน ไหนล่ะเด็กอะตอมที่ว่าป่วย อยู่ไหน เอาเด็กมาบังหน้าทุเรศที่สุด ทำเรื่องบัดสีได้แม้แต่ในโรงพยาบาล”
แพทโมโหจะเถียงต่อ แล้วก็คิดได้ ข่มอารมณ์โกรธเปลี่ยนเป็นยิ้มยั่วแทน
“ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ค่ะ เรื่องแบบนี้ ที่ไหนที่ทำได้ค่ะ คุณเองก็น่าจะรู้ดี...เอ๊ะหรือว่า...” แพทลอยหน้ากวนโทสะสุดๆ “อ๋อๆๆ ฉันรู้แล้ว ที่หงุดหงิดๆ เที่ยวอาละวาดใส่คนอื่นไปทั่ว ก็เพราะสามีไม่ทำยอมทำการบ้านใช่มั้ยคะ”
โดนแทงใจดำจังๆ ทักษอรกรี๊ดแตก “อ๊ายๆๆ ปล่อยนะ อรจะสั่งสอนมัน”
ทักษอรถลาจะไปตบแพทให้ได้ ธาริศดึงไว้ ทักษอรยิ่งดิ้น ธาริศก็ยิ่งดึง แพทมองด้วยความอนาถใจปนสงสาร
“ไม่เอาน่าอร อย่า”
“พี่ธาริศปกป้องมัน เข้าข้างมัน เห็นมันดีกว่าอร อรไม่ยอม ไม่ย๊อม...”
ทักษอรกรี๊ดๆๆๆๆ เต้นเร่าๆ หายใจแรงขึ้นๆๆ ก่อนจะกลายเป็นเกร็งชัก ธาริศรีบจับอรไว้
“อรๆ”
แพทตกใจแล้วได้สติ รีบเข้าไปกดกริ่งฉุกเฉินที่ใช้เรียกพยาบาล แต่พยาบาลไม่ตอบ แพทรีบวิ่งออกไปนอกห้องเร็วรี่
ที่หน้าห้องเห็นพยาบาลเดินอยู่แพทรีบตะโกนบอก
“คุณพยายาลคะ เชิญที่ห้องด่วนค่ะ”
พยาบาลรีบเข้าไป แพทกำลังจะตามแต่ชะงักเมื่อมองไป ทางเดิน เห็นรัญธิดาพาอะตอมนั่งรถเข็นมา มีทิพปภาเดินตามมาด้วย
“ตอมเก่งจริง ๆ ลูก ไปเอ็กซ์เรย์ปอดไม่ร้องไห้เลย แบบนี้ต้องหายไวแน่ๆ” ทิพปภาชมหลานตัวน้อย
แพทเดินหน้าบึ้งตึงเข้าไปหา
“ยายรัญ!”
รัญธิดางงเมื่อเห็นแพทหน้าบึ้ง “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ น้าแพท”
แพทหน้าตาซีเรียสขณะบอกทิพปภา
“พี่ทิพอย่าเพิ่งเข้าไปในห้อง พาอะตอมไปเดินเล่นข้างล่างก่อน” แพทหันมาทางรัญธิดา “รัญ ตามน้ามา เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
แพทพารัญธิดามาคุยกันอีกมุมในโรงพยาบาล แพทจ้องหน้าเขม็ง
“คุณอรเค้าโกรธมาก ยืนยันว่าสามีเค้าอยู่ที่นี่เมื่อคืน คุณธาริศอยู่กับรัญใช่มั้ย”
รัญธิดาอึกอัก
“คุณ.. คุณธาริศแวะมาเยี่ยมอะตอมกับรัญจริง แต่ก็มาพร้อมคุณพีท แล้วก็กลับไปตั้งแต่ตอนเย็น ไม่เชื่อน้าแพทโทร.ไปถามคุณพีทก็ได้”
“น้าถามรัญต่างหาก ไม่ต้องไล่ไปถามคนอื่น น้าจะถามอีกครั้งนะ เมื่อคืน คุณธาริศอยู่ที่นี่ใช่มั้ย”
รัญธิดานิ่งหลบตาวูบ แพทสังเกตเห็น เริ่มรุกต่อ
“ทำไม ต้องขนาดนั้น รัญกับคุณธาริศ มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ บอกน้ามาซิ”
“รัญ...รัญ...” รัญธิดาพูดไม่ออก
เสียงทิพปภาดังขัดขึ้น “จะต้องบอกอะไรอีก”
พร้อมกับที่ทิพปภาเดินเข้ามา
“แพทให้พี่ทิพช่วยดูอะตอมไว้ไงค่ะ”
ทิพปภาบอก “ชั้นเอาอะตอมไปไว้ที่ห้องแล้ว” แพทตาโตตกใจ “ยายอรนั่นเพิ่งกลับออกไป...ถามจริงๆ เถอะ แกจะมาเคี่ยวเข็นหลานให้ได้อะไร รัญก็บอกแล้ว ว่าคุณธาริศเค้าไม่ได้มา เมื่อคืนฉัน เป็นพยานได้ ฉันกลับมาดูรัญ ตามที่แกบอก...ยายรัญกับฉัน ช่วยกันเฝ้าอะตอม ไม่เห็นมีใครมา”
รัญธิดามองทิพปภาแว่บหนึ่งไม่คิดว่าแม่จะช่วย แพทเริ่มไม่มั่นใจ
“อย่างนั้นหรือคะ แล้วทำไม...”
ทิพปภาขึ้นเสียง “นี่ฉันอยู่กับรัญจนเกือบเช้าถึงได้กลับ ถ้าคุณธาริศเค้ามาที่นี่จริง ฉันก็ต้องเจอซิ”
“แล้วทำไม เมียเค้าถึงต้องมาตามที่นี่” แพทคาใจไม่หาย
“จะไปรู้เหรอ เรื่องของผัวเมียเค้าทะเลาะกัน คนมันหึงจนหน้ามืด มันไม่ฟังอะไรหรอก แต่ขออย่างเดียว อย่าลากยายรัญเข้าไปยุ่ง ยายรัญเค้ามีคุณพีทอยู่แล้ว จะยุ่งกับคนมีเมียแล้วอย่างคุณธาริศทำไม แกนั่นแหละ ไปทำท่าไหนเมียเค้าถึงหึงเอาขนาดนี้”
แพทงง “แพทไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
“ให้มันแน่เถอะ คราวหลังก่อนจะว่าหลาน ดูตัวเองเสียก่อนดีกว่า”
แพทพูดไม่ออกเมื่อกลายกลับเป็นโดนพี่สาวต่อว่าเอา
รัญธิดาลอบมองทิพปภา รู้ดีว่าแม่ช่วยโกหกให้ จึงนึกละอายใจอยู่ไม่น้อย ที่เป็นสาเหตุทำให้แพทถูกทักษอรด่า และตบโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
อ่านต่อตอนที่ 11