xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 2

ทางด้านอะตอมนั่งกอดอกมองหน้าพีทอยู่ในห้องรับแขก ต่างคนต่างมองกันไปมาพักใหญ่ๆ

“คุณลุงมาจีบพี่รัญเหรอฮะ” เด็กชายตัวน้อยเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
พีทยิ้มขำๆ ขณะตอบ “ใช่ครับ”
“ดี แม่แพทสอนว่าลูกผู้ชาย กล้าทำก็กล้ารับ งั้นก็ได้ แต่ต้องเป็นแฟนจริงๆ ห้ามมาหลอกพี่รัญนะครับ” อะตอมบอกราวกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่
“นี่อะตอมรู้ด้วยเหรอ ว่าเป็นแฟนแปลว่าอะไร”
“ทำไมจะไม่รู้”
“เก่งจริง...แล้วอะตอมล่ะ มีแฟนหรือยัง”
“ก็...มีอยู่คนหนึ่ง เค้าชอบถักเปียมาโรงเรียนทุกวัน แล้วก็ผูกโบว์เป็นสีๆ สีฟ้าบ้าง สีชมพูบ้าง อะตอมชอบแอบมองเค้า”
พีทขำอีก “แค่แอบมอง?...แล้วเราบอกเค้าหรือเปล่า”
อะตอมส่ายหน้าอายๆ
“ลูกผู้ชาย ชอบใครก็บอกกันตรงๆ ซิครับดูอย่างลุงซิ ลุงชอบพี่รัญ ลุงก็ยอมรับว่าชอบ”
“แล้วถ้าบอกไปแล้วเค้าไม่ชอบล่ะ เราก็หน้าแตกซิครับ”
“เค้าไม่ชอบเราก็เป็นเรื่องของเค้า เราก็ชอบเค้าต่อไป บอกเสร็จก็หอมแก้มไปทีหนึ่ง แค่นี้เอง หน้าแตกตรงไหน ได้หอมแก้มสาวเนี่ย”
อะตอมตาโต
“ฮู้...ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ” พีทไม่ตอบ แต่ขยิบตาให้เป็นเชิงบอก แน่นอนเจ๋งมั้ยล่า

จังหวะนี้แพทพรวดเข้ามาจะเข้าเรื่อง รัญธิดาตามมารั้งไว้
“น้าแพทคะ เดี๋ยวค่ะ”
“อ้าวกับข้าวเสร็จแล้วเหรอฮะ แม่แพท” อะตอมหันมามองแม่
แพทชะงักเมื่อเห็นหน้าอะตอม ไม่อยากทะเลาะหน้าลูกชาย แล้วก็เลยตัดสินใจ
“ยังจ้ะ แต่แม่แพทอยาก...ขอตัวคุณลุง ไปช่วยแม่ในครัวหน่อย” แพทปรายตามองพีทแค้นๆ “เชิญทางนี้หน่อยค่ะ...คุณพีท”
พีทงงว่าแพทเรียกตัวเองเนี่ยเหรอ

พีทพับแขนเสื้อ ท่าทางทะมัดทะแมงเดินตามแพทเข้าครัวมา
“บอกได้คำเดียวเลย ว่าคุณเลือกถูกคนแล้ว เพราะ การเจียวไข่คือสิ่งเดียวที่ผมทำเป็นและอร่อยที่สุดเลย”
พีทมองไปยังถาดไข่ที่วางอยู่ กำลังจะเอื้อมไปหยิบ แต่ปรากฏว่าแพทเลื่อนหนี พีทเลยรู้ว่าเป็นเรื่องอื่น
“คุณมีแฟนอยู่แล้ว แล้วมาคบกับหลานฉันทำไม” แพทจ้องหน้าเขม็ง
“ทำไม คุณ...น้าแพท ถึงพูดกับผมแบบนั้นล่ะ” พีทแกล้งยั่ว นับญาติกับแพท
“อย่ามานับญาติกับฉัน ฉันไม่ได้เป็นญาติฝั่งไหนของคุณ จำไว้นะ หลานสาวฉันเป็นเด็กดี ไม่เหมาะกับพวกกะล่อนเจ้าชู้อย่างคุณ อย่ามายุ่งกับหลานสาวฉัน ไม่งั้นฉันจะบอกแฟนคุณว่ากำลังจะนอกใจเค้า”
พีทฉงน “แฟนผม นี่ผมว่าคุณสร้างเรื่องเองไปกันใหญ่แล้วมั่ง ผมไม่มีแฟน”
แพทหัวเราะเยาะ “หึ หึ ผู้ชายพอจับได้ก็พูดแบบนี้ทั้งนั้นร้อยทั้งร้อย”
“คุณน้าแพทครับ คุณอาจจะเคยโดนผู้ชายหลอกมาก่อน แต่อย่าเอาเรื่องของตัวเองมาเหมารวมแบบนี้ซิครับ”
แพทของขึ้นแทบจะกรี๊ด “พูดดีๆ นะคุณ ชั้นเคยไปถูกใครที่ไหนหลอก คุณเอามาจากไหน” หยิบมีดแถวๆ นั้นขึ้นมาถือขู่
พีทมองมีดในมือแพทอย่างอ่อนใจปนขำ
“ก็หน้าตาแบบนี้ นิสัยแบบนี้ ใครจะทนอยู่ด้วยไหว เป็นผมชิงหนีตายไปก่อนดีกว่า”
แพทได้สติ โยนมีดในมือลงบนโต๊ะ แต่ยังจี๊ดใจอยู่
“แล้วคุณล่ะ พวกเจ้าชู้จีบไปทั่ว คิดว่าฉันรู้ไม่ทันเหรอ มาขอคบหลานสาวฉัน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีผู้หญิงอื่นต่อคิวอยู่เป็นสิบๆ คน คุณคิดจะหลอกหลานสาวฉันเหรอ เมินเสียเถอะ”
พีทโกรธมากเช่นกัน “นี่คุณ...เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย คุณเป็นแค่น้าของรัญนะ ไม่ใช่แม่รัญจะคบใคร เค้ามีสิทธิ์เลือกเอง”
“ฉันเป็นคนดูแลแกมาอุทิศทั้งชีวิตของฉันเพื่อแก ฉันจะไม่ยอมให้คุณหลอกกินฟรีหลานฉันหรอก ออกไปจากชีวิตหลานฉันได้แล้วมาทางไหน ก็ไปทางนั้นเลยไป”
พีทอารมณ์ขุ่น เหมือนถูกท้าทายเชิงชาย “เสียใจ ไม่ว่าจะคุณจะพูดยังไง ผมก็จะไม่เลิกคบกับรัญธิดาหลานสาวคุณแน่นอน”
สองคนจ้องหน้าสู้สายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ทุกคนอยู่ที่โต๊ะอาหาร พีทกับแพทยังมองหน้าอย่างเอาเรื่อง อารมณ์ยังกรุ่นกันอยู่เงียบๆ พีทเริ่มกวน ตักไข่เจียวให้รัญธิดาแต่สายตามมองแพท
“ไข่เจียวนี่ผมทำเอง รับรองอร่อยจนรัญไม่อยากกินฝีมือคนอื่นอีก”
“งั้นเหรอค่ะ ขอบคุณค่ะ” รัญธิดากำลังจะกิน แพทรีบทักทันที รัญธิดาชะงัก
“กินไข่มากๆ คลอเรสเตอรอลล์สูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด กินผัดผักดีกว่า น้าทำเอง”
แพทตักผัดผักให้
พีทแย้ง “ผักมันก็มีประโยชน์นะ แต่เสียดายน้ำมันเยอะมาก ขืนกินเข้าไปคงไม่ดีแน่ กินไข่ผมดีกว่ารัญ”
พีทตักไข่ให้รัญธิดาอีก แพทค้อนขวับ ไม่ยอมแพ้
“พูดจาน่าเกลียดที่สุด ไข่เจียวย่ะ ไม่ใช่ไข่ผม กินผักเขียวๆ ดีกว่ารัญ”
“ไข่เจียวดีกว่า”
“ผัดผักเถอะ”
กลายเป็นว่าสองคนเปิดสงครามน้ำลายใส่กัน แย่งกันตักกับข้าวตัวเองใส่จานรัญธิดา อย่างไม่ยอมแพ้จนล้นจาน รัญธิดาเองก็เริ่มอึดอัด อะตอมมองผู้ใหญ่ทำสงครามกันอย่างงงๆ รัญธิดาทนไม่ไว้ต้องลุกขึ้นยืนตบโต๊ะโครม!
“พอเถอะค่ะ ทั้งสองคนนั้นแหละ รัญโตแล้ว รัญจะตัดสินใจเองว่าจะกินอะไร อะไรเหมาะกับรัญ ...น้าแพทคะ รัญขอร้องอย่าทำแบบนี้อีกเลย ยังไงรัญก็จะคบกับคุณพีท”
ทุกคนอึ้งไป พีทยิ้มพอใจอย่างผู้ชนะ แพทพยายามต่อ
“รัญดูดีแล้วเหรอ ผู้ชายคนนี้ไม่จริงใจกับรัญนะ เค้ามีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว”
“ถ้าน้าแพทหมายถึง พี่เฉิด รัญคิดว่าน้าแพทคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว พี่เฉิดเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในรีสอร์ตเท่านั้น แล้วรัญก็รู้ดีว่าพี่เฉิดเป็นยังไง ที่เราสองคนมาบอกเรื่องที่เราตัดสินใจคบกันให้น้ารัญรู้ ก็เพื่อให้รับทราบเท่านั้น แต่ไม่ได้ต้องการขออนุญาตน้ารัญเลยนะคะ”
แพทจุกอกกับคำพูดของรัญธิดา พีทเองก็อึ้งมองหน้ารัญธิดาอย่างตกใจนิดๆ ว่าแรงไปหรือเปล่า
“โอเค...น้าเข้าใจแล้ว น้าลืมไปว่ารัญโตแล้วน้าผิดเอง ที่นึกว่ารัญยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่”
แพทสะท้อนใจ น้ำตาเจ้ากรรมเริ่มคลอด้วยความน้อยใจกับคำพูดของหลานสาว และรีบหันหน้าหนีไม่ให้อะตอมเห็น แพทไม่สบตาใครขณะพูด
“เกือบลืม วันนี้มีพุดดิ้งเป็นของหวานของโปรดอะตอม เดี๋ยวแม่แพทไปเอาให้นะ”

จากนั้นม่ายสาวก็รีบเดินออกไปทันที รัญธิดาถอนหายใจ ส่วนพีทเริ่มอึ้งเมื่อเห็นท่าทีของแพท

แพทรีบเดินเข้ามาในครัว เปิดก๊อกน้ำล้างมือ พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่แล้วน้ำตากลับไหลรินออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องราว 7 ปี ก่อนหน้านี้

เวลานั้นแพทเพิ่งจะกลับจากเมืองนอก อายุ เพียง 22 ปี รู้ข่าวร้ายของทิพปภาจึงรีบเดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำ สองคนผวาเข้าหากันอย่างดีใจ
“พี่ทิพ”
“แพท นี่แกมาเยี่ยมพี่เหรอ” แล้วแพทก็คิดได้ “แกจะมาสมน้ำหน้าฉันใช่มั้ย ใช่ซิ แกมันสบายแล้วนี้ ไม่ต้องมาลำบากอย่างฉัน พ่อตายก็ไม่เคยเหลือสมบัติอะไรให้เลย”
“ยายเสียหลายปีแล้ว เหลือแต่ป้าจันกับสามี แพทเลยตัดสินใจกลับมาเมืองไทย แพทกลับมา ก็ไปหาพี่ทิพที่บ้านเก่า...ถึงรู้ข่าว...เรื่องพี่ทิพ”
ทิพปภาเบ้ปากใส่ เหมือนเย้ยหยัน แพทไม่ได้ใส่ใจ เล่าต่อ
“แพทไม่เคยลืมนะ ว่าพี่ทิพเลี้ยงแพทมาตั้งแต่เกิด แพทสำนึกในบุญคุณของพี่ทิพเสมอ”
ทิพปภาสวนคำตัดพ้อต่อว่าทันที “เชอะ จำบุญคุณได้ แต่กี่ปีมาแล้ว แกไม่เคยโผล่หัวมาดูฉัน เงินทองสักบาทก็ไม่เคยส่งมาให้สุขสบาย ได้ตามยายแกไปอยู่เมืองนอกเมืองนา แทนที่จะขอเงินยายแก ส่งมาให้ฉันบ้าง” แพทอึ้งพูดไม่ถูก “ไม่มี...ปล่อยให้ฉันต้องดิ้นรน หาเลี้ยงปากท้อง จนต้องทำเรื่องชั่วๆ จนต้องติดคุก ต้องโดนแยกแม่ แยกลูก” พอพูดถึงลูกทิพปภาก็เสียงเครือสั่น “ลูกรัญของแม่”
“รัญ! แล้วตอนนี้ รัญอยู่ไหนคะ”

ไม่นานต่อมา ธัณยธรณ์ หรือ แพท พาตัวเองมาอยู่ที่บ้านแม่สามีของทิพปภาในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง
เมื่อไปถึงแพทแลเห็นถาดพริกที่ตากไว้ ร่วงลงกับพื้น ตามมาด้วยกะละมัง และอื่นๆ เป็นทาง เพราะรัญธิดาในวัย 15 หยกๆ พยายามยื้อ ปัดมือย่าที่ทั้งลากทั้งฉุดอย่างไม่ปรานีปราศรัย จะลากหลานสาวมาผูกไว้กับเสาบ้าน หลังจากรู้ว่าหลานสาวตัวดีตั้งท้อง!
รัญธิดาร้องไห้โฮ น้ำตาไหลพรากๆ ส่วนย่ามือก็ถือไม้เรียวหวดไปด้วย
“ฮือๆ โอ๊ย หนูเจ็บนะ ปล่อยหนู หนูไม่ใช่หมู ไม่ใช่หมานะ ได้จับล่ามกันแบบนี้ ปล่อยซิ บอกให้ปล่อย”
ย่าไม่ปล่อยแถมด่าเสียงดัง “ไม่โว้ย จะจับล่ามมันไว้แบบนี้แหละ จะได้ไม่ไปเที่ยวแรดที่ไหนอีก
รู้มั้ย ชาวบ้านเค้านินทากันจนข้าจะเอาปี๊บคลุมหัวอยู่แล้ว สันดานแม่มันจริงๆ แม่มันก็ขี้คุก นังลูกมันก็เลวไม่แพ้กัน เที่ยวแรดไปทั่ว”
“หนูไม่ได้เป็นแบบนั้น” รัญธิดาเถียง
“ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ โดนมันหลอกแล้วยังไม่สำนึก บอกมาว่ามันเป็นใคร ไม่งั้นข้าจะตีเอ็งให้ตายตรงนี้แหละ”
ย่าแค้นใจ หวดไม่ยั้งมือ
“โอ๊ยๆ ย่าใจร้าย หนูเกลียดย่า”
“คิดว่าข้ารักเอ็งมากงั้นเหรอ ทำแต่เรื่องเดือนร้อน ให้ไม่สิ้นสุด ขนาดยังไม่ทันแตกเนื้อสาวดี ก็ทำเรื่องเสียแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่พ่อเอ็ง ข้าก็ไม่เลี้ยงเอาไว้หรอก”
แพททนฟังไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้น หนูจะเอาหลานหนูไปเลี้ยงเอง”
ย่าหันไป เห็นแพทเดินเข้ามา
“แกเป็นใคร อย่ามายุ่ง ฉันจะสั่งสอนหลานฉัน”
“หนูชื่อแพท เป็นน้องสาวคนเล็กของพี่ทิพ!”

เวลาต่อมาผู้เป็นย่าเอากระเป๋าเดินทางเก่าๆ พร้อมเสื้อผ้ามาเขวี้ยงใส่รัญธิดา แพทรีบดึงไปหลบข้างหลังตน
ย่าพูดใส่หน้าแพท “อยากจะเอาก็เอาไปเลย แต่ขออย่าง เอาไปแล้ว อย่าเอามาคืนแล้วกัน ข้าไม่รับอีกแล้ว!”
ขาดคำย่าเดินกลับขึ้นบ้านไป รัญธิดาเก็บเสื้อผ้าที่หล่นใส่กระเป๋า แพทเข้ามาช่วยเห็นร่องรอย แผลโดนมัดที่ข้อมือ และรอยตีที่แขน ยิ่งสงสารหลานสาวจับใจ
“โธ่เอ๊ย เจ็บมากมั้ยรัญ”
เด็กสาวส่ายหน้า “หนูชินแล้ว”
“แปลว่าย่าตีหนูแบบนี้ประจำเหรอ”
รัญธิดาไม่ตอบ แต่กัดริมฝีปากข่มความรู้สึก แพทสงสาร กอดหลานไว้
“ไม่เป็นไรนะ นับจากนี้ น้าจะดูแลรัญเอง”
“น้าแพทจะเลี้ยงรัญจริงๆ เหรอ” รัญธิดาตื่นเต้น
แพทพยักหน้า “จริงซิจ๊ะ”
“น้าแพทเป็นน้องของแม่จริงๆ เหรอ”
“จริงสิจ๊ะ ตอนน้าเกิด พี่ทิพเค้าก็เป็นสาวแล้ว”
รัญธิดาอึ้งไปนิด ก่อนจะระบายความคับแค้นออกมา “ถึงไม่ใช่ รัญก็ไม่สนหรอก ขอให้ออกจากบ้านย่าก็พอ ย่าไม่รักรัญ ชอบตีรัญด่ารัญ” พูดถึงตรงนี้ รัญธิดาก้มหน้าน้ำตาไหล “แม่เอารัญมาไว้ที่นี่ทำไมก็ไม่รู้”
“แม่เค้าไม่มีทางเลือก แต่ไม่ต้องกลัวอีกแล้วนะ ต่อไปรัญจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที น้าจะดูแลรัญเอง น้าสัญญา”
รัญธิดาโผเข้ากอดแพทร้องไห้สะอึกสะอื้น แพทกอดหลานอย่างเวทนา

เตอร์ฟังเรื่องนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ฟังเมื่อไหร่ก็ร้องไห้เมื่อนั้น แพทที่นั่งเหม่ออยู่ หันมาดู
“ร้องทำไมเตอร์ เรื่องนี้ฉันก็เคยเล่าให้เธอฟังแล้วนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ฟังทีไร มันก็อดเศร้าไม่ได้ทุกที ย่าอะไรใจร้ายใจดำกับหลานตัวเองได้ขนาดนั้น”
“ฉันถึงต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ฉันเคยสัญญากับรัญเอาไว้ว่าจะให้ชีวิตใหม่กับแก ฉันจะไม่ยอมให้แกก้าวผิดอีกเด็ดขาด”
เตอร์คาใจมาก “ก้าวผิด? เรื่องอะไร เธอพูดเหมือนรัญเคยทำอะไรผิดงั้นแหละ”
แพทหลบตา “คือฉันหมายถึงไม่อยากให้แกรีบร้อนนะ แกยังเด็กเกินไป ตัดสินใจทำอะไร ก็อาจจะไม่รอบคอบ”
เตอร์งง “เด็กเหรอ...ยายรัญตอนนี้ก็อายุพอๆ กับตอนที่เธอตัดสินใจเอาเค้ามาดูแลไม่ใช่เหรอ”แพทเงียบ “แพท เธอนะดูแลแกมาตั้ง 4-5 ปี ทำงานงกๆ ส่งเสียให้รัญเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ตอนนี้หลานสาวของเธอนะโตแล้ว ปล่อยให้เค้าเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเองเถอะ เธอจะทุ่มเทอะไรกันมากมาย แล้วตัวเธอล่ะ ไอ้ความฝันที่อยากปั่นจักรยานไปรอบโลกของเธอน่ะ ไม่คิดจะทำให้มันเป็นจริงบ้างเหรอ”
แพทหัวเราะเจื่อนๆ “ความฝันพวกนั้นมันเป็นเรื่องไร้สาระนะเตอร์ ฉันคงต้องดูแลรัญจนกว่าจะแน่ใจว่า เค้าอยู่ในมือของคนที่ดีพอ”
เตอร์หมั่นไส้ ส่ายหน้าดิก ไม่รู้จะว่าไงแล้ว “โอ๊ย แม่คุณ! นี่เธอจะกตัญญูเอาโล่เหรอยะ”
“ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดา ที่รู้ว่าคนเราควรจะกตัญญูต่อผู้มีพระคุณไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นคนเราจะต่างอะไรสัตว์เดรัจฉานล่ะ จริงมั้ย”
แพทตอบอย่างมุ่งมั่น เตอร์อึ้ง ใบ้กิน

คืนนี้ภายในโรงนอนคุกนักโทษหญิง ไม่ต่างจากคืนอื่นๆ ในชีวิตของทิพปภา แลเห็นนักโทษหญิงนอนในคุกเบียดกันเป็นตับ
ทิพปภานอนดูการ์ดที่แพทเอามาให้ น้ำตาซึม
“คนที่มาเยี่ยมบ่อยๆ นั้น ลูกสาว เหรอมาเหรอ สวยดีนะ แต่หน้าไม่ค่อยเหมือนเอ็ง คงเหมือนพ่อมันนะซิ”
เพื่อนที่นอนอยู่ใกล้กันทัก
“ไม่ใช่ นั่นมันน้องสาวน่ะ คนละแม่กัน ก็เลยหน้าไม่เหมือน”
เพื่อนลุกขึ้นนั่ง
“โอ๊ย อย่ามาโกหกเลย ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ คลานตามกันมา ใครมันจะบ้ามาเยี่ยมทุกเดือนแบบนี้ มาคุกนะโว้ยไม่ใช่ไปเดินห้าง ข้าเห็นสายตามันมองเอ็ง รักยังกับแม่”
“แม่มันตายตั้งแต่เด็ก พ่อก็เลยเอามาให้ฉันเลี้ยง ป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่พักใหญ่ จะว่าไปก็เหมือนแม่มันคนหนึ่งเหมือนกันนั้นแหละ ฉันเลยฝากฝังให้มันดูลูกสาวให้” ทิพปภาว่า
“ข้าถึงว่า เอ็งโชคดี มันไม่ทุกคนหรอกว่ะที่จะกตัญญูอย่างน้องสาวเอ็ง อีทิพเอ๊ย ถึงลูกแท้ๆ มันจะไม่เอาเอ็งก็ช่างหัวมันเถอะวะ”
ทิพปภาหันขวับตาขวางทันที
“อย่าพูดแบบนี้นะ รัญมันไม่ว่างถึงไม่ได้มาเยี่ยม แต่มันก็รักฉันจะตายไป”
ทิพปภาลุกขึ้น หยิบกล่องเล็กๆ ที่แอบไว้ใต้หมอน มองซ้ายมองขวาไม่เห็นผุ้คุมเห็นการ์ดอวยพร พวงมาลัยมะลิแห้ง อัดอยู่เต็ม ทิพปภาหยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม
“เห็นมั้ยรัญมันไม่เคยทิ้งฉัน ฝากของมาให้เสมอ ฉันเก็บไว้ทุกชิ้น ทุกวันนี้ที่ฉันทนมีชีวิตอยู่ในนี้ได้ ก็เพราะของพวกนี้แหละ รู้มั้ยถ้าฉันพ้นโทษเมื่อไหร่ ฉันจะไปอยู่ลูก จะนอนกอดกันทุกคืนให้สมกับที่ฉันต้องห่างมานาน”
“เออ เป็นได้อย่างนั้นก็ดี” เพื่อนเออออ แต่ไม่ได้เชื่อ
ผู้คุมที่อยู่ด้านนอก เคาะไม้กับกรงเหล็ก
“ได้เวลานอนแล้ว ยังไม่หยุดส่งเสียงกันอีก ไม่อยากนอนกันใช่มั้ย”
ทิพปภากับเพื่อนรีบแทรกตัวลงไปหาที่นอนทันที เบียดนักโทษคนอื่นๆ จนเกิดกระแทก เอาศอกถองกัน เพื่อรักษาเขตนอนของตัวเอง 

ทิพปภายังกำการ์ดเอาไว้แนบอก ด้วยความหวังที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
 
อ่านต่อหน้า 2

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 2 (ต่อ)

วันต่อมา เตอร์กับแพท เดินหน้าตาตื่นตรงดิ่งมาทางหน้าห้องเรียนชั้นอนุบาลอย่างรีบร้อน สองคนมาหยุดอยู่หน้าห้องพักครู แพทจะถลาเข้าไปแต่เตอร์รั้งไว้

“เดี๋ยวก่อน ขอเวลาฉันทำใจก่อน คงไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงมากใช่มั้ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน ครูเค้าโทร.ไปตามให้มาคุยกันที่โรงเรียน เฮ้ย นี่ตกลงใครชวนใครมาเป็นเพื่อนเนี่ย”
“แหม ก็ฉันเป็นคนตื่นเต้นง่ายนี่ยะ เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้วไปเถอะ”
เตอร์เก๊กแมนแล้วผลักประตูนำเข้าไป แพทรีบตามไปติดๆ

แพทอยู่กับอะตอม เตอร์ และคุณครูประจำชั้น
แพทตกใจมากพอฟังจบ “อะตอมไล่หอมแก้มเพื่อนผู้หญิงงั้นเหรอคะ”
เตอร์แอบขำก๊าก จนแพทสะกิดเตือน
“ใช่ค่ะ คุณครูคิดว่า คุณแม่ควรจะทำความเข้าใจกับแกให้มากกว่านี้นะคะ” คุณครูบอก
แพทหันมาหาอะตอมทำนองถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ก็ตอมชอบมะนาวมาตั้งนานแล้ว ตอมก็เลยบอกมะนาวไป แต่ถ้ามะนาวไม่ชอบตอมก็ไม่เป็นไร”
“แล้วเรื่องหอมแก้ม” แพทคาใจ
“ก็พอบอกรักเสร็จ เราก็ต้องหอมแก้มเค้า คุณลุงบอกว่าผู้ชาย ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น”
ทุกคนในห้องทำท่าจะเป็นลม แพทสะดุดหูกับคำว่า คุณลุง
“คุณลุงคนไหน ที่บอกอะตอมแบบนี้” แพทหันหาเตอร์ “เจ๊เหรอ”
เตอร์กรี๊ด “ว้าย เปล่านะ”
อะตอมโพล่งขึ้น “ก็ลุงพีท ที่มาบ้านเรากะพี่รัญไงฮะ”
แพทได้ยินชื่อถึงกับควันออกหู โมโหมาก
“ตอม แม่แพทสอนตอมเสมอไม่ใช่เหรอว่า เป็นผู้ชายก็ต้องสุภาพให้เกียรติผู้หญิง ตอมทำแบบนั้นมันเป็นการหยาบคายมากนะ”
“แต่มันเจ๋งมากเลยนะแม่ ตอนแรกมะนาวยืนตาค้างไปเลย” เด็กชายตัวน้อยลดเสียงพูดเบาๆ “แล้วถึงจะร้องไห้”
“ฟังแม่แพทนะ สิ่งที่อะตอมทำลงไปมันไม่ถูก ผู้ชายที่ดีนะ เค้าไม่ทำแบบนี้หรอก อย่างลุงเตอร์ก็ไม่มีวันทำแบบนั้น เด็ดขาด จริงมั้ยเตอร์”
เตอร์รีบเก๊กแมนแทบไม่ทัน “จริงครับอะตอม แม่แพทพูดถูก ทำแบบนั้นนะมันไม่สุภาพ ผู้หญิงเค้าไม่ชอบหรอก ลุงคอนเฟิร์ม”
อะตอมทำหน้างง สับสน ขณะที่แพทโมโหพีทมาก
“นายพีทนะนายพีท อีตาบ้า”

ทางด้านพีทกำลังขี่ม้าไล่ต้อนวัวอยู่ มีแม่วัวที่หลุดออกมาและกำลังตื่น โดยมีคนงานอีก 2-3คนช่วยต้อนด้วย ระหว่างนั้นเห็นรองเท้าคู่หนึ่งก้าวเข้ามา มองไปเห็นพีทกำลังขี่ม้าอยู่ แต่ไม่ได้สังเกตจะเดินเข้าไปในคอกวัว ประทินปรี่เข้ามาจับไว้
“อย่าเพิ่งเข้าไปครับ แม่วัวหลุดออกมาคุณพีทกำลังไล่ต้อนอยู่ครับ”
ธาริศเงยหน้ามองพีทยิ้มๆ “นี่ พี่พีทต้องลงมือไล่ต้อนเองเลยเหรอ”
“ครับคุณธาริศนังมะลิมันเป็นแม่วัวสาวนะครับ” ประทินแอบป้องปากบอก “ยังซิงอยู่เลย กำลังจะเอาผสมปีหน้า แต่ไม่รู้หลุดมาได้ยังไง คุณพีทหวงมาก เลยต้องจัดการเอง
ธาริศยืนมอง จนพีทต้อนวัวได้ได้สำเร็จ มาดอย่างเท่ห์ พีทกระโดดลงจากม้า เข้ามาตบหัวตบไหล่ ลูบไปทั่วๆ ตัวแม่วัวอย่างปลอบใจ พลางหันไปสั่งคนงาน ให้มารับเชือกพากลับเข้าคอก
“กล้ามเนื้อที่คอมันยังกระตุกอยู่เลย คงยังตกใจอยู่ ระวังหน่อยนะ”
“ครับ” คนงานรับคำ

ธาริศเดินเข้ามาพร้อมประทิน ธาริศตบมือให้
“โอ้โห้ เท่ห์มากเลยพี่พีท”
พีทหันมาทัก “อ้าว ธาริศ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่พี่พีททำตัวเป็นคาวบอย จับนางมะลิแล้วนะครับ...แหม จริงๆนะถ้าผมเป็นสาวๆ ได้เห็นความเท่ห์ของพี่พีท ผมคงหลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น”
“ไอ้บ้า”
“แหม! ผมว่าคงมีสาวๆ หลายคนแถวนี้เลยล่ะครับ ที่รู้สึกอย่างที่คุณธาริศบอก”
ประทินหัวเราะชอบใจใหญ่ หันไปทางพีทเห็นพีทมองนิ่งอยู่ เลยค่อยๆ หยุดหัวเราะและหลบไป
“พี่พีทมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงได้โทร.ไปหาผม”
พีทมองธาริศอย่างครุ่นคิด

พีทกับธาริศเดินมาคุยกัน แถวคอกวัว ด้านหลังสองหนุ่มแลเห็นทิวทัศน์สวยงามของรีสอร์ต
“ขอโทษที่ให้มาหาถึงรีสอร์ต แทนที่จะไปหานาย”
“กรุงเทพฯ ปากช่อง ไม่ได้ไกลมากมาย ผมไม่ได้มาที่นี่ตั้งนาน ออกจะคิดถึง พี่พีทขยายกิจการไปเยอะเลย อย่างคอกวัวเมื่อกี้ แต่ก่อนก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้”
“พี่ก็ขยายไปเรื่อยๆ เอาไว้เป็นกิจกรรมให้แขกที่มาพักมารีดนมกันสนุกๆ ด้วย”
“โอ้โห้ พี่พีทยังสนุกงานกับแบบนี้ สงสัยอีกนาน กว่าผมจะมีพี่สะใภ้”
พีทตัดสินใจพูดธุระ “ที่เรียกนายมา ก็เพราะอยากปรึกษารื่องนี้แหละ นายคิดว่าไง ถ้าฉันจะแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีดีมั้ย”
“อะไรนะครับ หรือว่า พี่พีทไปทำใครท้อง”
“เฮ้ย ฉันไม่ใช่ผู้ชายชั่วๆ ไม่มีความรับผิดชอบ แบบนั้นหรอก”
คำพูดดังกล่าว ทำเอารอยยิ้มธาริศจางลงนิดหนึ่ง
“คือผมแปลกใจนะครับ เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่ลุงเสีย พี่พีทก็เอาแต่สนใจทำงาน คบใครก็แค่ฉาบฉวย จนผมคิดว่าผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ก็คือคุณป้าเท่านั้น”
พีทถอนใจ “ก็เพราะที่ผ่านมามันยังไม่มีใครถูกใจ ก็เท่านั้นเอง”
“งั้นแปลว่าตอนนี้มีแล้ว...พอถูกใจบุ๊บก็อยากแต่งบั๊บ” ธาริศเย้า
“เค้าเป็นผู้หญิงที่...ไม่เหมือนคนอื่น ดูเฉยๆ ขรึมๆ เอาการเอางาน ไม่วี้ดว้ายน่ารำคาญเหมือนผู้หญิงอื่นๆ”
ธาริศยิ้มกริ่ม “ผมชักอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนพิเศษของพี่พีทแล้วซิเนี่ย”

บ่ายคล้อยจวนค่ำ เวลานั้นรัญธิดารับโทรศัทพ์พีท ยืนคุยอยู่อีกมุมตรงบริเวณฟร้อนท์รีสอร์ต
“รัญอยู่ที่ฟร้อนท์อยู่แล้วค่ะ คุณพีทจะมาหางั้นเหรอค่ะ ได้ค่ะ รัญจะรอ อ้อ จะให้รัญสั่งของว่างเตรียมไว้ให้แขกคุณพีทมั้ยค่ะ”
พีทคุยโทรศัทพ์ มีธาริศยืนฟังอยู่ห่างๆ ยิ้มๆ
“ก็ดี แต่ไม่ใช่แขกหรอกนะลูกพี่ลูกน้องของผมเอง เค้ามาจากกรุงเทพฯ อยากเจอหน้า เออ...” พีทนึกเขิน ธาริศพยักพเยิด เชียร์ให้พูด “ว่าที่พี่สะใภ้น่ะ”
รัญธิดาอดเขินไม่ได้เมื่อได้ยิน
“มันต้องแบบนี้ ซิพี่ชายผม” ธาริศบอก
รัญธิดาเก็บมือถือ หยิบโทรศัทพ์ภายในจะสั่งอาหารว่าง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็น แพทเดินขึ้นบันไดมา หน้าตาเอาเรื่อง รัญธิดายังไม่รู้ว่าน้าสาวจะมาด่าพีทเรื่องสอนอะตอม รัญธิดารีบไปรับหน้า
“น้าแพท มาทำอะไรที่นี่คะ”
แพทเสียงเข้ม “เจ้านายของรัญอยู่มั้ย น้ามีเรื่องจะคุยด้วย”

รัญธิดารู้ทันที ว่าสองคนมีเรื่องกันอีก รัญธิดาอึกอักใหญ่

ครู่ต่อมารัญธิดากึ่งจูงกึ่งลากแพทมาที่รถตรงหน้ารีสอร์ต

“คุณพีทไม่อยู่จริงๆ ค่ะน้าแพท ออกไปตั้งแต่บ่าย แล้วก็ไม่ได้บอกไว้ด้วยว่ากลับตอนไหน น้าแพทรออยู่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
แพทปลดมือหลานสาวออก “ไม่เป็นไรน้าจะรอ มันต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เค้ามีสิทธิ์อะไรมาสอนให้อะตอมทำเรื่องทุเรศๆ แบบนั้น เดี๋ยวน้าจะเล่นงานให้เจ็บเลยคอยดู”
เวลาเดียวกันนั้นพีทขับรถเข้ามาอีกทาง ธาริศนั่งมาด้วย แต่หันหน้าไปอีกทางมัวแต่มองบรรยากาศนอกรถ เอาที่บังแดดปิดไว้
รัญธิดามองเห็นรถพีทมาแต่ไกลยิ่งตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบ บังแพทไว้ รั้งตัวแพทไปอีกทาง พลางเปิดประตูรถ ให้แพทเข้าไป
“อุ๊ย อย่ารอเลยค่ะ เสียเวลาเปล่า” พลางก้มดูนาฬิกา “ได้เวลารัญเลิกงานพอดี กลับบ้านดีกว่าค่ะ ต้องไปแวะรับอะตอมที่ร้านน้าเตอร์อีกไม่ใช่เหรอคะ ทิ้งไว้นานเกรงใจน้าเตอร์ ไปเถอะค่ะน้าแพท”
“แต่ว่า...เรื่องนี่น้ายอมไม่ได้นะ ผู้ชายเถื่อนๆ บ้าบอ แบบนี้ รัญชอบได้ไงนะ”
“เราไปคุยกันที่บ้านดีกว่า จะได้ถามอะตอมไปด้วยบางทีอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ ไปเถอะค่ะ”
แพทขับรถออกไปอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ยังบ่นบ้าอยู่ รัญธิดาแอบโล่งอก
ด้านพีทเพิ่งขับรถเข้ามาจอด หลังรถแพทออกไปได้ระยะหนึ่ง พีทลงมามองรถแพทที่วิ่งออกไปอย่างงงๆ ธาริศยังไม่ลงจากรถ
ฝนวิ่งเข้ามารับหน้าทันที
“หนูรัญฝากเรียนคุณพีทว่าอยู่รอไม่ได้ค่ะ ต้องขอโทษด้วย”
“อ้าว..เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย” พีทงง
รัญธิดานั่งอยู่ในรถแอบมองกระจกข้าง เห็นพีทกำลังคุยอยู่กับฝนก็แอบโล่งอก
รัญธิดามองกระจกจากไกลๆ เห็นธาริศลงมาจากรถ รัญธิดาถึงกับตะลึง ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
แพทเห็นหลานสาวนิ่งเงียบก็แปลกใจ
“เป็นอะไรเหรอรัญ...รัญดูอะไรอยู่เหรอ”
แพทจะชะเง้อดูกระจกหลังบ้าง รัญธิดารู้สึกตัว คิดขึ้นได้ รีบเอามือบิดกระจกหนีทันที
“รัญเคืองตานะคะ ไม่รู้อะไรเข้าตา รัญเลยมองไม่ค่อยชัด”
รัญธิดารีบแกล้งเขี่ยตา

ฝั่งธาริศที่เดินลงจากรถ เข้ามาถาม
“มีอะไรครับพี่พีท”
“เสียใจด้วย ผู้หญิงที่นายอยากเจอเค้ากลับไปแล้ว เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
พีทพาธาริศเดินเข้ารีสอร์ทไป
รัญธิดาที่แอบบิดกระจกไปดูอีกที แต่ไม่เห็นใครแล้ว หญิงสาวเผลอเอามือกุมหัวใจ รับรู้หัวใจที่เต้นแรงขึ้นมา ค่อยๆ คลายความตื่นเต้นลงไป

พีททำท่าเซ็งมากๆ
“สงสัยยายน้าตัวแสบจะมาลากหลานสาวกลับบ้าน” พีทถอนใจ “เฮ้อ…ที่ตามนายมาก็เพราะอยากปรึกษาเรื่องน้าเค้านี่แหละ หวงหลานสาวชะมัด ขู่ฉันฟ่อ ๆ ยังกะจงอางหวงไข่”
ธาริศเอ่ยขึ้น “เวลาครับช่วยได้ เราต้องทำให้เค้าเห็นว่าเราจริงใจกับหลานเค้าไม่ได้มาหลอกเล่น ทำให้สม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป แกจะเห็นความจริงใจของพี่พีทเอง”
“แต่ฉันคงจะรอนานขนาดนั้นไม่ไหวว่ะ ชั้นต้องรีบ...” พีทชะงัก ไม่กล้าพูดต่อ
ธาริศขำที่ดูพีทหงุดหงิด
“ท่าทางจะใจร้อนจริงพี่ชายผม เอ๊ะ นี่ พี่พีทคบกับเค้านานแค่ไหนแล้วครับ”
พีทรีบกลบเกลื่อน “เฮ้ย นานแค่ไหนมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลยถามแบบนี้นายไม่เคยมีความรักหรือไงวะ”
ธาริศอึ้งไปนิด “จริงซินะครับ เวลาไม่ใช่คำตอบเสมอไปสำหรับความรัก” แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “งั้นผมว่ามีทางเดียวเท่านั้นที่จะแสดงความจริงใจของลูกผู้ชายอย่างเราได้เร็วที่สุด”
“ยังไง” พีทรอฟัง
“หมั้นครับ ขอหมั้นเค้าไว้ก่อน นอกจากแสดงความจริงใจแล้วยัง เป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงด้วย”
พีทฟังคำตอบแล้วก็อึ้งไป

ธาริศเปิดประตูเข้าบ้านมากลางดึก เสียงทักษอรทักแดกดันขึ้น
“ไปแข่งขับรถโครตช้าลงสถิติโลกอยู่เหรอคะ”
ธาริศสะดุ้ง หันไปเห็นทักษอรยืนกอดอกอยู่หน้าตาเอาเรื่อง
“อร ยังไม่นอนอีกเหรอ คิดว่าคุณหลับไปแล้วเสียอีก”
“ไม่มีภรรยาคนไหนนอนหลับหรอกค่ะ ถ้าตี 2 แล้ว สามียังไม่กลับถึงบ้าน”
ธาริศเงียบ ไม่ตอบถอดเน็ทไท
ทักษอรเริ่มวีน “อรพูดกับพี่อยู่นะ ได้ยินมั้ย”
ธาริศพยายามใจเย็น “ได้ยิน แต่ก็อรบอกเองว่าตีสอง พี่ว่างั้นเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่า”
“อรจะคุยตอนนี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ พี่ก็ต้องคุยกับอร เข้าใจมั้ย อรโทร.ไปหาพี่พีท เค้าบอกว่าพี่ออกมาจากรีสอร์ทตั้งแต่เย็นแล้ว ปากช่อง -กรุงเทพฯ มันไกลกันมากต้องใช้ขับรถตั้ง 7-8 ชั่วโมงเหรอถึงได้ถึงบ้านเอาป่านนี้”
ธาริศถอนหายใจเอือมๆ “พี่เลยไปงานเลี้ยงรุ่นต่อ”
ทักษอรปี๊ดทันที “ไปทำไม ก็อรบอกแล้วว่าไม่ต้องไป ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรกับงานที่บริษัท เพื่อนสมัยมัธยม โอ๊ย แล้วไม่ต้องขุดเลี้ยงไปถึงรุ่นประถม อนุบาลเลยเหรอ ปัญญาอ่อนมากๆ”
ธาริศหน้าตึง ข่มอารมณ์ อดทนสุดๆ
“เพื่อนเก่าๆ มิตรภาพเก่าๆ มันตีความเป็นมูลค่าไม่ได้หรอกนะ แต่มันคือความรู้สึกดี ๆ ที่จะอยู่กับเราเสมอ”
ทักษอรย้อน “อ๋อ นี่พี่ธาริศกำลังจะบอกอรว่าคิดถึงความหลังอยู่ใช่มั้ยคะ”
“ไปกันใหญ่แล้วอร”
“อรพูดถูกแทงใจดำใจมั้ยล่ะ งั้นจะไปไหนก็ไป ไปคิดถึงความหลังเสียให้พอ ไม่ต้องมานอนข้างอร ในห้องนี้ บนเตียงนี้” ทักษอรประชด
“โอเคงั้นพี่จะไปนอนห้องหนังสือ”
ธาริศตั้งท่าจะเดินออก ทักษอรยิ่งโมโห เข้ามาฉุดกระชากธาริศไว้ให้หันหน้ากลับมา
“พี่ธาริศกล้าทำแบบนี้กับอร เพราะเห็นอรอ่อนแอ ไม่รักอรแล้วใช่มั้ย”
ธาริศเซ็งปลดมือเมียออก แล้วจะเดินออกจากห้อง
ทักษอรเริ่มหอบขึ้นเรื่อยๆ หายใจไม่ค่อยออก หนักขึ้นๆๆ จนถึงขั้นชักหน้าเขียว ทรงตัวอยู่ไม่ไหว
“อร”

ธาริศตกใจหันมามอง รีบปราดเข้ามาประคองทันที

อ่านต่อหน้า 3

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 2 (ต่อ)

เช้าวันต่อมา ธาริศเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล กำลังประคองทักษอรเข้ามานั่งลงในห้องนั่งเล่น พร้อมกับจัดหมอนให้อิง โดยมีรุจรวี ผู้เป็นมารดา มาคอยยืนคุม ดูแล และจัดแจงสั่งการธาริศ

“เอาหมอนสอดหลังน้องด้วยตาธาริศ จะได้นั่งสบายๆ นั่นแหละ”
ทักษอรอารมณ์ดีขึ้น เวลาที่สามีมาเอาใจใส่คอยดูแล
“คุณแม่อยู่ทานข้าว คุยกับอรก่อนนะคะ อย่าเพิ่งรีบกลับ” ทักษอรว่า
“คุณแม่อยากทานอะไรครับ เดี๋ยวผมให้เด็กเตรียมให้” ธาริศเอาใจ
“โอ๊ย มันไม่ใช่เวลาจะมาสนใจแม่ หนูอรต่างหากที่แกต้องคอยดูแลพูดแล้วก็ขอต่อว่าหน่อยเถอะทำไมไม่บอกแม่ ว่าหนูอรไม่สบาย นี่ถ้าหนูอรไม่โทร.ไปบอกว่าเข้าโรงพยาบาล แม่ก็ไม่รู้ เหลวไหลจริง ๆ นะเรา”
ถูกมารดาเอ็ด ธาริศเงียบ เมื่อได้ยินว่าอรโทร.ไปบอก ทักษอรยิ้มสะใจในสีหน้า
“พี่ธาริศเค้าคงเบื่อมั่งคะ เพราะอรเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ
“โอ๊ย อย่าพูดแบบนั้นไม่ได้นะจ๊ะหนูอร ถ้าขืนตาธาริศเป็นแบบนั้น แม่นี่แหละจะเป็นคนแรกที่จะจัดการเค้าเอง” ทักษอรยิ้มอย่างเป็นต่อ “พี่เค้าห่วงหนูมากนะ แต่เค้าเป็นคนพูดน้อยแบบนี้เอง..ใช่ไหมตาริศ”
ธาริศยิ้มรับบางๆ อย่างอึดอัด ทักษอรกอดแขนธาริศไว้ ก่อนออกคำสั่งอย่างเคยตัว
“พี่ธาริศเร่งแอร์ให้หน่อยได้มั้ยคะ อรร้อน”
ธาริศได้แต่พยักหน้ารับ ทำตามคำสั่งเมียขี้โรคเจ้าอารมณ์

ธาริศเดินเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางดูอึดอัดใจมาก ชายหนุ่มทอดถอนหายใจอย่างหนักหน่วง หลับตานิ่งๆ ก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน หยิบหนังสือขึ้นมา พลิกเปิดไปหน้าหนึ่ง หยิบรูปถ่ายเก่าๆ ที่สอดไว้ในหนังสือออกมาดู
เห็นเป็นภาพมือของหญิงชายจับกัน เหมือนนั่งกุมมือกันอยู่ โดยที่นิ้วมือมีแหวนวงเล็กๆ ใส่อยู่ เป็นวงเดียวกับที่รัญธิดาร้อยใส่สร้อยนั่นเอง จังหวะนี้เสียงเคาะประตู ธาริศลุกลี้ลุกลน สอดรูปไว้จะเก็บหนังสือ รุจรวีเข้ามาทันทีที่เคาะ โดยไม่รอคำอนุญาตของบุตรชาย
“อ่านหนังสืออยู่เหรอลูก” ธาริศรีบพลิกหน้าหนังสือไปหน้าอื่นทันที “แม่จะกลับแล้วนะ”
พลางรุจรวีเอามือรูดตามชั้นหนังสือดูฝุ่น ตามประสามคนเจ้าระเบียบ เห็นไม่มีอะไรติดมือก็พอใจ
“เดี๋ยวผมไปส่งครับ”
“ไม่ต้องหรอก อยู่ดูแลหนูอรเถอะ ให้คนขับรถขับไปส่งแม่ก็ได้...นี่ธาริศ ทำไมถึงได้มีเรื่องทะเลาะกันจนหนูอรถึงได้หอบกำเริบแบบนี้ หนูอรเค้าโทร.ไปร้องห่มร้องไห้กับแม่ยกใหญ่”
ธาริศถอนหายใจ “ผมไปงานเลี้ยงมา อรเค้าก็เลยไม่พอใจนะครับ”
“ไปงาน แล้วทำไมไม่พาหนูอรไปด้วยล่ะ แบบนี้เค้าก็น้อยใจนะซิ” ผู้เป็นมารดาตำหนิ
“ผมชวนแล้ว แต่เค้าไม่อยากไป แล้วนี้มันงานเลี้ยงโรงเรียนนะครับ มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น”
รุจรวีเข้าใจลูกชาย แต่ยังไม่ยอม “แต่แกก็ต้องเข้าใจนะ...หนูอร เค้าไม่มีใครแล้ว แถมยังไม่สบายอีกก็มีหงุดหงิดบ้างเป็นธรรมดา เรานั้นแหละต้องเอาใจเค้าให้เยอะๆ นะ แม่เคยรับปากกับพ่อแม่หนูอรไว้แล้ว ว่าจะดูแลลูกสาวเค้าให้ดีที่สุด อย่าให้แม่เสียคำพูดนะ”
“ผมทราบครับ”
“อีกอย่าง” รุจรวีมองหน้าธาริศอย่างเอาจริงเอาจัง “อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป อย่าไปรื้อฟื้นอีกเข้าใจมั้ย”
ธาริศได้แต่หลบตา ท่าทางอึดอัดใจ

ฟากรัญธิดาค้นของอยู่ในห้องอย่างร้อนรน เปิดดูลิ้นชักที่เคยใส่ตลับสร้อยเอาไว้ แต่ไม่มี พยายามหาอีก จนเหลือบไปเห็นที่ขาโต๊ะในห้อง มีชิ้นส่วนหุ่นยนต์เล็กๆ ตกอยู่ รัญธิดาชะงัก หยิบขึ้นมาดู แล้วก็รู้ทันที
“อะตอม”
รัญธิดาลุกขึ้นทันที ท่าทางโมโห

อะตอมกำลังต่อหุ่นยนต์อย่างสนุกสนานอยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วก็หยิบหุ่นอีกตัวมาต่อ แต่ชิ้นส่วนหายไป
“เอ ปืนเลเซอร์มันหายไปไหนน้า”
รัญธิดาเดินเข้ามา
“อยู่นี่ไง” แบมือให้ดู อะตอมตกใจหลบตาอย่างมีพิรุธ รัญธิดายิ่งเข้าใจผิดว่าอะตอมเอาของไป “เราเข้าไปในห้องพี่ใช่มั้ย อะตอม” อะตอมไม่ตอบ รัญธิดาคาดคั้นใหญ่ “พี่ถามว่าใช่มั้ย! สร้อยพี่อยู่ไหน”
รัญธิดาเดินเข้ามาหา แต่อะตอมกลับถอยห่าง และวิ่งหนีไปเจอแพทที่เข้ามาพอดี เด็กชายตัวน้อยลบหลังแพท รัญธิดาตามมาจะคว้าตัว
“เป็นเด็กมือไวแบบนี้มันใช้ไม่ได้นะอะตอม เที่ยวหยิบของๆ คนอื่นไปแบบนี้ อีกหน่อยจะไม่มีใครรัก แม่แพทก็จะไม่รักรู้มั้ย”
อะตอมได้ยินว่าแม่ไม่รัก น้ำตาคลอขึ้นมาทันที
แพทฉุน “พอแล้วรัญ มันเรื่องอะไร ทำไมใช้คำพูดแบบนั้นกับอะตอม”
“ก็อะตอมเข้าไปค้นของส่วนตัวของรัญ แล้วของของรัญก็หายไป แล้วถ้าตอมไปทำแบบนี้กับคนอื่น เค้าอาจจับตอมส่งตำรวจนะ”
“พอได้แล้ว! อะตอมไม่เคยมีนิสัยอย่างนั้น” แพทหันมาถามอะตอม “ตอมบอกแม่แพทมาซิลูก ตอมเข้าไปห้องพี่รัญหรือเปล่าครับ”
“ครับ” แพทอึ้งไปเล็กน้อย แล้วตัดใจถามต่อ
“แล้วตอมเอาของพี่รัญไปหรือเปล่า”
“เปล่าครับ ตอมไม่ได้เอาอะไรไป”
แพทพยักหน้าโล่งอกหันมาทางรัญ “เอาล่ะ คงได้ยินแล้วนะ”
“ถ้าตอมไม่ได้เอาไป แล้วสร้อยของรัญมันหายไปได้ไง”
“รัญ ทำไมถึงอคติกับอะตอมนัก คิดว่าอะตอมจะทำสิ่งร้ายๆ ขนาดนั้นได้เหรอ ลืมไปแล้วหรือว่าอะตอมเป็นใคร”
รัญธิดาสวนขึ้นทันที
“รัญทำเพราะหวังดีกับอะตอมนะซิคะ น้าแพทอย่าเข้าข้างอะตอมอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลย”
“รัญไม่เคยเลี้ยงแก จะมารู้จักแกดีกว่าน้าได้ยังไง”
รัญธิดานิ่งอึ้งไปทันที มีท่าทีปวดร้าวขึ้นมา น้ำตาคลอ แพทเองก็ดูจะเสียใจ ที่หลุดปากออกไป
แรงๆ อะตอมน้ำตาคลอ เสียใจที่เป็นสาเหตุให้สองคนทะเลาะกัน
“แม่แพทกับพี่รัญ อย่าทะเลาะกัน ฮือๆ ตอมยอมแล้ว"

อะตอมวิ่งร้องไห้ออกไป แพทรีบวิ่งตาม รัญธิดายังนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตามออกไป

อะตอมวิ่งเข้ามาในห้องรัญธิดา มองหาบางอย่าง ก่อนจะหยิบการ์ดเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะเอามาให้ ซึ่งรัญธิดาไม่ได้สังเกตในตอนแรก

แพทวิ่งตามเข้ามาเรียก “อะตอม”
รัญธิดาเดินตามมานิ่งๆ
“ตอมแค่อยากเอานี่ ให้พี่รัญเท่านั้น แต่ถ้าพี่รัญไม่ชอบ ตอมขอโทษฮะ ฮือๆๆ” เด็กชายร่ำไห้
รัญธิดารับการ์ดมาเปิดดู อย่างงงๆ เห็นเป็นลายมือของอะตอม
“ขอเชิญ ร่วมงานวันเกิด...ด.ช. อะตอม ครบ 6 ขวบ” รัญธิดางงไปหมด
แพทถอนใจ “เข้าใจแล้ว มะรืนนี้เป็นวันเกิดอะตอม เราจะจัดงานกันเล็กๆ บ้าน อะตอมก็แค่อยากชวนรัญมางานเท่านั้น ใช่มั้ยครับ”
อะตอมได้แต่พยักหน้า ยังสะอื้นอยู่
รัญธิดาชักงงใหญ่ และไม่แน่ใจ แต่ก็ยังใจแข็ง “แล้วสร้อยล่ะ เอาสร้อยมาคืนพี่แล้วพี่จะไม่โกรธ”
อะตอมงง “สร้อยอะไรฮะ”
แพทชักฉุน “เอ๊ะ รัญ ก็ตอมบอกแล้วว่าไม่ได้เอาไป แกแค่เอาการ์ดมาวางเท่านั้น เชื่อตอมบ้างซิ ไหนสร้อยอะไร มา น้าจะช่วยหาเอง”
แพทเข้ามาช่วยค้น ลามไปถึงที่นอน ยกหมอนขึ้นดู เห็นสร้อยหล่นมาจากหมอนแพทหยิบขึ้นมาดู เห็นสร้อยร้อยแหวนเอาไว้
รัญธิดาดีใจมาก “อยู่นี่เอง” คว้ามาถือแนบอกไว้อย่างทะนุถนอม
“สร้อยร้อยแหวนอันนี้นะเหรอ ไหนบอกมาซิว่ามันสำคัญยังไงนัก ถึงได้ฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคนขนาดนี้”
“ก็มันเป็นสร้อยที่...” รัญธิดาชะงักไม่กล้าพูด รีบเปลี่ยนคำ “สร้อยอะไรมันไม่สำคัญ แต่มันเป็นของของรัญ...รัญไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายให้ห้องของรัญ น้าแพทคงเข้าใจนะคะ”
แพททำได้แค่พยักหน้ารับ
“ไปกันเถอะอะตอม” แพทจูงลูกชายออกจากห้องไป อะตอมเหลียวมามองรัญธิดาอย่างน้อยใจมาก
รัญธิดาใจหาย เรียกไว้ “อะตอม” อะตอมหันกลับมามองอย่างเศร้าๆ รัญธิดาพูดไม่ออกมองแพทแทน “รัญไม่สนิทกับอะตอม เล่นกับเด็กไม่ค่อยเป็นน้าแพทก็รู้”
แพทถอนหายใจ ทนไม่ไหวแล้ว “รัญต้องการมีความสุขในชีวิตใช่มั้ย”
“น้าแพทเข้าใจรัญแล้วใช่มั้ยคะ”
“รัญถามหาความสุข วิ่งหาขอโอกาส กับคนข้างนอก รัญยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมจะเชื่อที่เค้าพูด รัญดีกับทุกคนทั้งโลก แต่กับคนในบ้าน...รัญรำคาญทุกครั้งที่อะตอมเข้ามาใกล้ ไม่พยายามทำความรู้จัก ไม่เคยเชื่อใจคนในบ้านเลย...แล้วรัญจะมีความสุขได้ยังไง”
แพทใส่เป็นชุด แล้วพาอะตอมออกไปทันที รัญธิดาสลด อึ้ง นิ่งงันไป

เย็นวันเดียวกัน กันตาออกมาจากห้อง ใส่วิกผมอันใหม่ เห็นพีทรออยู่ในห้องโถง
“ขอโทษทีนะจ๊ะ ให้รอนาน ชุดนี้ใช้ได้มั้ย”
“โอ้โห้ เราไปกินข้าวกันในตลาดเท่านั้นนะฮะแม่” พีทแซว
“อ่ะไม่ได้ซิ เผื่อแม่เจอว่าที่ลูกสะใภ้กะทันหัน จะได้ดูดี” พีทหยุดกึก กันตาพูดต่อ “คุณรวีโทร.หาแม่ บอกว่า ธาริศเล่าให้ฟังว่าลูกมีแฟนแล้ว”
“เก็บอะไรไม่อยู่เล้ย เจ้าธาริศเนี่ย...ผมนึกแล้วเชียว”
กันตาแกล้งทำเสียงเข้ม “เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมพีทไม่บอกแม่เอง”
“คือ แม่ฟังก่อนนะครับ...มันเพิ่งเริ่มนะครับ ผมก็อยากให้อะไรๆ มันลงตัวกว่านี้” พีทรีบอธิบาย
กันตาสวนออกมา “ไม่ต้องแล้ว แน่ใจเลย” ตบมือชอบใจ แถมยกนิ้วให้ “ลูกชายฉันจะมีแฟนแล้ว รู้มั้ยนี่เป็นสิ่งที่แม่รอมานานแล้ว” หญิงสูงวัยกอดลูกชายไว้อย่างรักใคร่
ตอนแรกงงๆ แต่พีท ยิ้มออกพอเห็นว่าแม่ดีใจ
“เอาล่ะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว”
พีทเดินไปหยิบซองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ยื่นให้แม่
“อะไร” กันตาไม่ได้เปิดดู
“ประวัติการเรียนของรัญธิดาครับ จบ เกียรตินิยมอันดับสอง แล้วก็ใบตรวจสุขภาพ แข็งแรงดี ผมให้ฝ่ายบุคคลซีร็อกมาให้ ส่วนประวัติครอบครัว เดี๋ยวผมจะให้ประทินเช็คอีกที”
กันตาขำ แซวลูกชาย “เฮ้ย พอๆ พีท นี่ลูกเลือกแฟนหรือว่าแม่วัวกันเนี่ย มันถึงต้องมีใบรับรองพวกนี้”
พีทอึ้งไปนิด เพราะจริง ๆ เป็นอย่างที่ผู้เป็นแม่บอก แล้วก็เลยหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮะๆๆ ผมล้อแม่เล่นนะ”
กันตาพูดอย่างดีใจ “พีท แม่ไม่สนหรอกนะ ว่าคนที่ลูกรักจะโปรไฟล์เป็นไง ฉลาดมั้ย สวยแค่ไหน ขอแค่ให้เค้าทำให้ลูกของแม่มีความสุข ดูแลลูก...” กันตาตั้งใจจะพูดคำว่า แทนแม่ แต่เปลี่ยน “ได้...นั้นก็คงเป็นสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการที่สุด แม่เชื่อสายตาลูกจ้ะ”
แม่ลูกสบตากัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก พีทสวมกอดแม่แน่น ต่างคนต่างห่วงใยกันในวันข้างหน้า

แพทดูแลให้อะตอมกราบพระเสร็จ ลงนอน แพทห่มผ้าให้
“วันนี้ไหว้พระนานจัง ตอมขออะไรเหรอ บอกแม่แพทได้มั้ยน่า”
“ตอม... ตอมขอให้แม่แพทรักตอมตลอดไป นานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เด็กน้อยบอก
แพทแปลกใจ “ทำไมคิดว่าแม่แพทจะไม่รักตอมล่ะ”
“ก็...พี่รัญเค้าบอกว่า...”
แพทขัดขึ้น “อะตอม” กอดลูกชายแน่น “ฟังนะแม่แพทรักตอมเสมอนะลูก แล้วพี่รัญก็รักตอมเหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นพี่รัญเค้ากำลังโมโห ก็เลยพูดไปแบบนั้น เราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะไม่รักกันได้ยังไง จริงมั้ย”
อะตอมยิ้มออก แพทเลยถามต่อ
“แม่ถามอีกนิดได้มั้ยจ๊ะ แล้วทำไมตอมไม่บอกพี่รัญไปตั้งแต่แรกล่ะว่าเข้าไปในห้องเค้าทำไม”
“ถ้าบอก มันจะเป็นเซอร์ไพร์ได้ยังไงล่ะครับ”
“อืมจริงซินะ ถ้าจะเซอร์ไพร์ก็ต้องไม่บอกให้รู้ แม่แพทเป็นคนบอกตอมเองนี่น่า ลืมไปได้...ฉลาดนักนะ ไอ้ตัวดี”
แพทแกล้งก้มลงหอมอะตอมไปทั่วตัว ให้อะตอมจักจี้ แม่ลูกกอดกันกลิ้งไปมาทั่วเตียง
ที่หน้าประตูเวลานั้น รัญธิดาแอบยืนมองแพทกับอะตอมด้วยรู้สึกสับสนในใจ ปนน้อยใจ รู้สึกเป็นคนนอก เลยหันตัวจะเดินกลับ แต่แพทเหลือบมาเห็นเสียก่อน เรียกไว้
“อ้าว รัญ...มีอะไรหรือเปล่า เข้ามาซิ”
รัญธิดาอึ้งไปนิด แล้วก็ตัดใจพูด
“อืม... รัญจะมาถามอะตอมว่า งานวันเกิดอะตอมเริ่ม 6 โมงใช่มั้ย รอพี่ด้วยนะ พี่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด อย่าเพิ่งตัดเค้กก่อนล่ะ”
อะตอมดีใจ ยิ้มแป้นทันที “เย้ พี่รัญ จะมางานวันเกิดของตอมแล้ว”
รัญธิดายิ้มตอบ อะตอมสปริงตัวลุกขึ้นทันที วิ่งเข้าไปหากอดรัญธิดา
“แม่แพทจะทำเค้กวันเกิดรสช็อคโกเกตอร่อยสุดยอดเลยฮะพี่รัญ”
รัญธิดาทำตัวไม่ถูก รู้สึกอึดอัด ตัวแข็งเป็นหิน แล้วค่อยๆ แกะมืออะตอมออก ถอยออกมานิดหนึ่ง อะตอมงงไปเหมือนกัน แพทสังเกตอากัปกริยาหลานสาวอยู่แล้ว รีบเข้าไปจับอะตอม ไม่ให้อะตอมรู้สึก
“ขี้โม้นักนะเรา” แพทหันมาพูดกับหลานสาว “น้าดีใจนะที่รัญจะอยู่...รัญไม่เคยอยู่บ้านตรงกับงานวันเกิดอะตอมเลย ปีนี้ได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที” แล้วหันมาทางอะตอม “ดีใจใช่ไหมลูก”
อะตอมพยักหน้าหงึกๆ แล้วกระโดดกอดแพทอีกครั้ง แพทกอดอะตอมไว้ หัวเราะกันคิกคักมีความสุข
รัญธิดายิ้มรับท่าทีเรียบเฉย ยังอดแสลงใจไม่ได้ เมื่อเห็นความสนิทสนมของแพทกับอะตอม ก่อนจะถอนตัวปิดประตูออกไป แพทมองตาม

รัญธิดาเดินออกมาจากห้องนั้น ยืนนิ่ง เสียงหัวเราะของอะตอมยังดังลอดออกมารัญธิดาน้ำตาคลอ แล้วตัดใจค่อยๆ หันหลังจะเดินกลับห้อง แพทเปิดประตูออกมาพอดี
“เดี๋ยวรัญ” แพทเดินเข้ามาหา “น้าดีใจนะที่รัญเริ่มเปิดใจกับพวกเรา” รัญธิดายิ้มรับ “แล้วก็..เรื่องคุณพีท”
“น้าแพทคะ รัญขอเถอะค่ะ รัญยังไม่อยากพูดเรื่องนั้นตอนนี้”
“เปล่า น้าไม่ได้จะต่อว่า แต่น้าอยากให้รัญรู้ ว่าน้าไม่เคยคิดขัดขวางถ้ารัญจะมีความรัก ความรักมันเป็นสิ่งสวยงามเสมอ คนเราต่างหากที่ทำให้มันบิดเบี้ยวไปเอง”
รัญธิดานิ่งไป อย่างคนมีแผลในใจ
“แล้วเราต้องอยู่กับสิ่งบิดเบี้ยวนั้นตลอดชีวิต โดยไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่เลยหรือคะ”
“มีซิ...น้าถึงอยากให้รัญไตร่ตรองให้ดี รัญยังเด็ก เพิ่งจะเรียนจบ ชีวิตรัญเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นรัญยังมีโอกาสอีกมาก ค่อยๆ คิด พิจจารณา ถ้าความรักที่รัญเลือกมันดีและเหมาะกับรัญ มันจะค่อยๆ พิสูจน์ตัวเอง อย่าเพิ่งรีบร้อนกระโจนเข้าไป น้าขอแค่นี้ รับปากกับน้าได้มั้ย”
“ค่ะ รัญจะไม่รีบร้อน รัญจะพิจารณาความรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด...รัญจะไม่มีวันทำอะไรผิดพลาดอีกแล้วค่ะ”

แพทยิ้มออกมาอย่างดีใจ สองน้าหลานดูจะเข้าอกเข้าใจกันดีแล้ว

อ่านต่อหน้า 4

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 2 (ต่อ)

วันต่อมาที่บริเวณช้อปปิ้งมอลล์เล็กๆ ในปากช่อง โคราช ซึ่งมีทางเดินเล็กๆ อยู่ตรงกลาง สองข้างทางเป็นร้านรวงหันหน้าชนกัน ทักษอรเดินควงธาริศมาตามทางเดินนั้น

“นึกยังไง ถึงให้พี่มากินข้าวเที่ยงไกลถึงนี่”
“อรก็อยากมาเยี่ยมป้ากันบ้าง ไม่ได้มากราบท่านตั้งนาน แล้วก็จะได้แวะคุยกับพี่พีทด้วย” ทักษอรเหลือบมองธาริศเป็นนัย “อยากรู้ว่าพี่พีทมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ถึงต้องตามพี่ริศมาคุยด้วยวันก่อน”
ธาริศถอนใจเซ็งๆ “อรยังติดใจเรื่องเมื่อวันก่อนอีกเหรอ”
“แล้วพี่จะกลัวทำไมคะ ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
ธาริศถอนหายใจอีกครั้ง พยายามคุมสติเพราะอึดอัดเต็มทน ทักษอรไม่สน มองไปที่วินโดส์หน้าร้านขายของ
“อุ๊ยตาย ร้านนี้น่ารักจัง”
ทักษอร เข้าไปในร้านไปทันที ธาริศกำลังจะเดินตามมาไป แต่โทรศัทพ์มา ธาริศเลยหยุดรับโทรศัทพ์ หันหน้าไปทางหน้าร้าน ที่เป็นกระจกใส

ที่ร้านตรงข้ามเยื้องๆ กันนั้น เป็นร้านขายของเล่นที่เป็นหุ่นยนต์เด็กผู้ชาย ประตูร้านเปิดง้างไว้เห็นรัญธิดา ถือกล่องของขวัญยืนคุยกับแม่ค้าตรงหน้าประตู มีแม่ค้าส่งเสียงออกมา
“รับรองว่าน้องต้องชอบหุ่นยนต์ที่คุณเลือกแน่นอน”
“ก็หวังว่าอย่างนั้น ขอบคุณนะคะ ให้เลือกตั้งนาน”
รัญธิดร่ำลาเสร็จ เดินออกมา มีคนสวนไปมาเยอะพอควร เป็นจังหวะเดียวกับที่ธาริศเงยหน้าขึ้นมาในกระจก เห็นเงารัญธิดาเดินผ่านเต็มๆ โดยที่ตัวเขาเองหันหลังให้
ธาริศถึงกับชะงัก ทั้งตกใจ และดีใจที่ได้เจอรัญธิดา จนพูดไม่ออก ธาริศรีบหันไปดู แต่ด้วยคนเยอะ จึงเห็นแค่ด้านหลังรัญธิดาที่เดินเลี้ยวไปอีกทาง ธาริศรีบเบียดคนตามไปทันที
ทักษอรออกมาจากร้าน เพราะไม่เห็นธาริศตามมาสักที

ธาริศวิ่งตามมาอีกมุมของมอลล์ สอดตามองหา แล้วเจอด้านหลังผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อสีเดียวกับรัญธิดา

“เดี๋ยวก่อน” ธาริศจับแขนดึงไว้
ปรากฏว่าพอหันมาก็ไม่ใช่ ผู้หญิงคนนั้นทำหน้างง
“อุ๊ย! อะไรกันเนี่ย”
ธาริศเหวอ กร่อย “ขอโทษครับ”
ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปอย่างหงุดหงิด จังหวะนี้ทักษอรอยู่ด้านหลัง มีหอบเล็กๆ เพราะเดินตาม
“พี่ธาริศ...อยู่นี่เอง...ผู้หญิงคนนั้นใครๆ”
“พี่ทักคนผิดน่ะ ช่างเถอะ ตกลงได้ของมั้ย” ทักษอรส่ายหน้าอย่างโมโห “งั้นก็ไปร้านอาหารเลยแล้วกัน อรหิวหรือยัง”
“ไม่กงไม่กินแล้ว อรอยากกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว! ทำไมล่ะ ก็อรอยากไปเยี่ยมป้ากันไม่ใช่เหรอ แล้ว...”
“ก็ตอนนี้อรเปลี่ยนใจแล้ว กลับค่ะ”
ทักษอรเดินสะบัดหน้ากลับไปอย่างคนเอาแต่ใจ ธาริศทำได้แค่ถอนหายใจตามไปเงียบๆ
จังหวะเดียวกันนี้ เห็นรัญธิดาเดินผ่านไปอีกมุมตึก

รัญธิดาเดินมาถามทาง มองของข้างในถุงที่ซื้อมาท่าทียิ้มแย้ม ฝนแอบอยู่มุมตึก ดึงรัญธิดาเข้าไปหา
“น้องรัญหายไปไหนมาค่ะ”
“ไป...ซื้อของนิดหน่อยค่ะ มีอะไรเรื่องอะไรหรือค่ะ พี่ฝน”
ฝนดึงรัญธิดาหลบมาอีกพลางกระซิบ สักครู่รัญธิดาก็ออกอาการตกใจมาก
“คุณพีทขอประวัติรัญไปจากฝ่ายบุคคล พี่ฝนฟังมาไม่ผิดแน่นะคะ”
“น้องรัญคะ เรื่องในฟ้าเคียงดิน พี่ฝนไม่เคยพลาด” ฝนคุย
รัญธิดาหน้าเสีย
“น้องรัญดูกังวลจัง ทำไมล่ะคะ เป็นพี่ พี่จะไชโยให้ลั่นรีสอร์ต” ฝนหัวเราะชอบใจ “ลองคิดดูซิคะ แค่เริ่มคบหากัน คุณพีทก็เอาประวัติน้องรัญไปดู สงสัยว่าจะเอาไปดูฤกษ์ยามนะคะเนี่ย!”
“โธ่ พี่ฝน ใครจะเอาเอกสารสมัครงานไปทำแบบนั้น แล้วอีกอย่างคุณพีทกับรัญก็ยังไม่ได้คิดไกลไปขนาดนั้น”
“อ้าวน้องรัญ อย่ามองข้ามไป การที่คนฟลอร์ๆ พื้นๆ ธรรมดาๆ อย่างเรา จะมีโอกาสได้คบกับ คนระดับเจ้าของรีสอร์ตแบบนี้ มันมีโอกาสน้อยมากนะ เค้าก็ต้องเช็คคุณสมบัติกันบ้าง พื้นเพเป็นไง มีตำหนิตรงไหน...เป็นลูกเต้าเหล่าใครอะไรอย่างเงี้ย”

ฝนร่ายยาวไม่คิดอะไร รัญธิดาสะดุ้งทันที
“ไม่ต้องดูอื่นไกล” ฝนตบอกตัวเอง “สมัยก่อนแค่เพื่อนผู้ชายมาหาที่บ้าน พ่อยังเสียงเขียว ถามเพื่อนพี่เลยว่า ไอ้คนนี้มันลูกเต้าเหล่าใคร”
ประทินเดินเข้ามาข้างหลังพอดี
“อ๋อ เหรอ... แล้วที่รู้มากขนาดนี้ ที่ผ่านมา เคยมีแฟนกับเค้าบ้างมั้ย
ฝนติดลม สวนคำออกไปทันที “ไม่มีน่ะซิ ถึงโมโห” แล้วนึกได้ หันขวับไปเพิ่งเห็นว่าเป็นประทิน “อุ๋ย พี่ทิน”
ประทินเขกหัวฝนเข้าให้
“เออ งั้นก็ไม่ต้องปากมากเที่ยวคิดแทนคนอื่น” ฝนจ๋อย ประทินหันมาทางรัญธิดา “หนูรัญ อยู่
นี่เอง คุณพีทเรียกพบน่ะครับ”
รัญธิดาตกใจสุดขีด!

ประทินพารัญธิดาเดินเข้ามาที่หน้าบ้านกันตา
“เอ๊ะ ที่นี่เหรอคะ รัญคิดว่าคุณพีทจะพบรัญที่รีสอร์ตเสียอีก” รัญธิดางงๆ
“คุณพีทให้พาหนูรัญมาพบที่นี่ แม่นายอยากพบคุณรัญนะครับ”
รัญธิดาถึงกับสะดุ้ง
“แม่นาย!”

ครู่ต่อมารัญธิดาไหว้กันตาที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างตื่นเต้น ส่วนกันตามีท่าทีสบายๆ
“นี่เหรอ รัญธิดา หน้าตาน่ารักดีจริง เอ...ทำไมแม่ไม่เคยเจอเลยล่ะ”
“แม่ไม่ได้แวะไปรีสอร์ต ตั้งหลายเดือนแล้วนี่ครับ” พีทว่า
“จริงซินะ หนูคงเพิ่งจะมาทำงาน...ตามสบายนะจ๊ะหนู..เอ๊ะ ทำไมหน้าซีดๆ ไม่สบายเหรอจ๊ะ”
“รัญ...รัญรู้สึกเหมือนจะเป็นลมน่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอ...แม่นาย”
“ฮะๆๆๆ แม่นาย...ใครสั่งสอนให้เรียกชั้นอย่างนั้นจ๊ะ ฮ่าๆๆ”
กันตาหัวเราะชอบใจใหญ่กับสรรพนามที่หญิงสาวเรียกขาน พีทดีใจที่เห็นแม่ชอบรัญธิดา

เย็นนั้นเตอร์มาช่วยดูแล จัดโต๊ะ อะตอมตื่นเต้นวิ่งไปวิ่งมา แพทถือเค้กมา
“ว้าว เค้กมาแล้ว น่ากินจัง” เตอร์ดี๊ด๊าทำท่าจะแตะครีมชิม
อะตอมปิดปากไว้ “ไม่ได้ฮะ ต้องรอพี่รัญก่อน นี่กี่โมงแล้วฮะ”
เตอร์พยายามจะตอบแต่ตอบไม่ได้ เพราะถูกปิดปากอยู่ แพทถือขนมเดินเข้ามาวาง ตอบแทน
“ห้าโมง สี่สิบห้าจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่รัญก็กลับมาจากทำงานแล้วซิ ตอมไปรอพี่รัญข้างนอกดีกว่า” อะตอมยังไม่วายบอกเตอร์ด้วยความหวังเต็มเปี่ยม “ลุงเตอร์ฮะ รอพี่รัญแป๊ปนึงนะครับ”
อะตอมวิ่งจู๊ดออกไปแล้ว เตอร์พูดพร่ำอย่างเอ็นดู
“อะตอมนี้ก็แปลกนะ รักพี่รัญจังเลย ทั้งๆ ที่ดูรัญก็ไม่ได้อินังขังขอบกับตัวเองเท่าไหร่นัก”
แพทพยายามทำเนียนๆ “แหม...คนในครอบครัววเดียวกัน มันก็ต้องมีความผูกพัน...ทางสายเลือดกันเป็นธรรมดา ถึงจะไม่ได้สนิทกันก็เถอะ” แล้วดุเพื่อนสาวรุ่นพี่ “นี่อย่ามายุแยงให้ลูกกับหลานฉันทะเลาะกันหน่อยเลย”
เตอร์ค้อนขวับ “ย่ะ ฉันก็ทักเล่นๆ ไม่ได้จริงจังเสียหน่อย ทำเสียงแข็งจนชั้นตกใจ ไหน..มีอะไรกินกันก่อนบ้างไหมย่ะเนี่ย” เสเดินไปหาของกินซะเลย
แพทถอนใจยาวสงสารลูกจับใจ

ทุกคนทานข้าวด้วยกันที่โต๊ะอาหาร มีประทิน กับแม่บ้านคอยดูแล รัญธิดาแอบดูนาฬิกาเงียบๆ
กันตาสังเกตเห็น
“ชวนทานข้าวโดยไม่ได้บอกได้กล่าวกันล่วงหน้าแบบนี้ ทางบ้านคงไม่ว่านะจ๊ะหนูรัญ”
“ไม่เป็นไรค่ะ...วันนี้ที่บ้านเองก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษอยู่แล้ว เดี๋ยวรัญค่อยโทร.บอกก็ได้ค่ะ” หญิงสาวหลบตานิดหนึ่งเพราะรู้ดีว่านัดกับอะตอมไว้
“รัญเค้าอยู่กับน้าสาว แล้วก็หลานชายอีกคนครับแม่” พีทพูดเสริม
“อ้าว แล้วพ่อแม่ล่ะจ๊ะ ไปไหน”
รัญธิดาออกอาการอึดอัดทันที หลบตานิดๆ อีก “พ่อเสียไปแล้วค่ะ ส่วนแม่....แม่ก็...” พูดเสียงเบาๆ แทบจะได้ยินคนเดียว “...ไม่อยู่ น้าสาวเป็นคนเลี้ยงรัญมาน่ะค่ะ”
ประทินแทรกขึ้น “ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นี่หนูรัญหมายถึง พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็กๆ ใช่มั้ยครับ”
กันตาเอ็ดเอา “ประทิน...เสียมารยาทนะ ให้หนูรัญเค้าพูดเองดีกว่า”
รัญธิดารีบเออออ รับ “ไม่เป็นไรค่ะแม่นาย...ก็เป็นอย่างที่ผู้จัดการพูดนั้นแหละค่ะ...” แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ๊ะ แม่นายเหงื่อออกเต็มเลย ร้อนมากหรือคะ”
พีทหันมามองแม่ทันที เพิ่งสังเกตเช่นกันว่า เห็นเหงื่อตามหน้ากันตา
“เดี๋ยวผมเร่งแอร์ให้ครับ”
พีทรีบเดินไปหยิบรีโมททันที แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นว่ารีโมท ตั้งไว้ 18 องศา ในขณะที่กันตารู้ จึงรีบออกตัว
“สงสัย แม่คงเผลอ ตั้งไว้สูงไปหน่อยเลยร้อนแบบนี้ ใช่มั้ยจ๊ะพีท”
“ใช่ครับ” พีทกดลดอุณหภูมิลง แต่จริงๆ ก็ทนกดต่อไม่ได้แล้วอยู่ดีก่อนเดินกลับมา รัญธิดากับประทินอดลูบแขนนิดๆ ไม่ได้ เพราะหนาว กันตายังเหงื่อซึมอยู่ เลยรีบออกตัว
“ปรับไว้เหมือนเดิมเถอะตาพีท ดูซิ หนูรัญหนาวจนขนลุกไปหมดแล้ว แม่ก็เป็นแบบนี้แหละ” ทำทีเป็นขำๆ ไปกับรัญธิดา “คนวัยทองนะหนู เดี๋ยวจู่ๆ มันก็ร้อน บางทีมันก็หนาว ขึ้นมาเองเฉยๆ”
ประทินกับพีทลอบมองหน้ากัน เพราะรู้ดีว่ากันตาเป็นอะไร

กันตาเดินปรี่เข้ามาในห้อง รีบเช็ดเหงื่อที่ออกเต็มหน้าไปหมด ก่อนจะรู้สึกแปลกๆ ในปาก หยิบทิชชู่ขึ้นมาถ่ม ปรากฏว่ามีเลือดออก กันตาตกใจโผไปดูที่กระจก เห็นเลือดซึมจางๆ ที่มุมปาก จึงรีบเอาทิชชูเช็ดๆๆ ใหญ่ พีทเดินตามเข้ามาพอดี ชะงัก
“แม่ครับ...” พีทชะงัก เพราะเห็นอยู่ว่าแม่ทำอะไร
กันตารีบเอาตัวบังกองทิชูเปื้อนเลือด พีทพอมองเห็น แต่ทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง
กันตาทำเป็นยิ้มแย้ม “ว่าไงจ๊ะ แม่เข้ามาเติมหน้าน่ะ เหงื่อออกเต็มเครื่องสำอางลบหมด”
พีทฝืนทำเสียงเป็นปกติ “ไม่ต้องเติมแล้วก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว แม่จะ..ได้พักผ่อน”
“เอางั้นเหรอจ๊ะ ก็ได้ พีท”
พีทสะเทือนใจจนทนไม่ไหว เข้ากอดแม่แน่นด้วยความเป็นห่วง อยากถามอาการแม่ แต่เสียงหายไปในลำคอ ด้วยรู้ดีว่าผู้เป็นแม่ไม่ชอบให้ใครเห็นตัวเองอ่อนแอ มองกองทิชชูที่เปื้อนเลือดด้านหลังอย่างปวดร้าว ชายหนุ่มควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
“ผมรักแม่นะครับ”
“แม่ก็รักลูกจ้ะ”
กันตากอดตอบ อดน้ำตาซึมไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้นานแค่ไหน สองคนแม่ลูกผละออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างทำเป็นร่าเริงเหมือนเดิม ไม่รู้เรื่องซึ่งกันและกัน
“แม่ชอบหนูรัญนะ ลูกจะทำอะไรก็รีบทำ เพราะแม่คงเหลือเวลาอีกไม่นาน”
“อย่าพูดแบบนั้นซิครับ”
“มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับและต้องเจอหลีกเหลี่ยงไม่ได้หรอก ชีวิตคนเราไม่ได้ยาวนัก ถ้า ลูกเจอคนที่ใช่ ก็จะเสียเวลาอีกทำไม รีบตักตวงความสุขไว้ดีกว่า จริงมั้ย รีบๆ แต่ง แล้วก็เอาหลานมาให้แม่อุ้มไวๆ นะ คราวนี้แม่จะได้หน้าบานกับเค้าบ้าง ฮะๆๆๆ”

ไม่นานนัก เห็นรถพีทจอดอยู่ข้างทาง รัญธิดานั่งรออยู่ในรถ ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ พีทออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอก ห่างรถออกมา สีหน้าดูเคร่งเครียดมาก
“ว่าไง ทำไมแม่เป็นแบบนั้น”

ประทินอยู่หน้าบ้านกันตาพูดสายเบาๆ “หมอบอกว่าเป็นผลมาจากการทำคีโมน่ะครับ คนไข้แต่ละคนอาการก็จะไม่เหมือนกัน บางรายก็ปวดตามร่างกาย หนาวสั่น แต่บางรายก็อาจจะเหมือนแม่นาย ...ยามันไม่ได้ฆ่าแต่เจ้าเซลมะเร็งนะครับ แต่มันฆ่าเซลส์ดีๆ ในร่างกายไปด้วย...แม่นายคงเหมือนต้นไม้ที่โดดแดดเผา แล้วก็มีไฟรุมอยู่ข้างในตลอดเวลา”
พีทรับฟังอาการแม่อย่างทรมานไปด้วย ชายหนุ่มกำมือแน่น
พีทเดินกลับเข้ามานั่งในรถ เหมือนคนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง รัญธิดายังไม่รู้เรื่องอะไรทอดยิ้มให้
“ไฟที่รีสอร์ทใช้ได้แล้วใช่มั้ยคะ”
พีทโกหกไป “ใช่”
“โชคดีนะคะที่เรามีเครื่องปั่นไฟสำรอง ไม่งั้นคงโดนลูกค้าต่อว่าแน่ๆ”
รัญธิดาพูดไปเรื่อยๆ พีทหันกลับมามอง แล้วถอนใจยาว ก่อนตัดสินใจถามหน้าเครียดเคร่ง
“คุณต้องรีบกลับบ้านมั้ย”

รัญธิดาแปลกใจ ว่าทำไมพีทถามอย่างนี้?

ด้านเตอร์พยายามสร้างบรรยากาศ ยกแก้วน้ำดื่ม พร้อมกับแหกปากร้องเพลงเสียงดัง

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู...”
พร้อมกับผายมือไปยังเจ้าภาพตัวน้อย แต่ปรากฏว่าอะตอมนั่งหลับโงนเงน ทำท่าเหมือนพยักหน้าให้ แพทเลยจับหัวลูกชายมาซบกับตัวเอง เตอร์ยิ้มแจ๋
“คือ กลัวมันเงียบน่ะ ฉันก็เลยอยากให้ครึกครื้น...ไม่ขำเหรอ” 
แต่แพทไม่ขำด้วย พยายามระงับอารมณ์สุดขีด มองนาฬิกาอีกที 3 ทุ่มกว่าแล้ว
“ฉันว่าอย่ารออีกเลยแก ตัดเค้กเลยดีกว่า ไหนๆ เจ้าของวันเกิดก็หลับเสียแล้ว” เตอร์ว่า
“ตามใจแล้วกัน อยากทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวฉันเอาอะตอมเข้านอนก่อน” แพทช้อนอุ้มอะตอมขึ้นมาเดินไปทางห้องนอนลูกชาย

อะตอมนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงแล้ว แพทค่อยๆ ปิดประตูลง ยังรู้สึกโมโหกรุ่นๆ อยู่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออก

รัญธิดาล้างมืออยู่ในห้องน้ำหญิง เสียงโทรศัทพ์ดัง หญิงสาวเอาขึ้นมาดู เห็นรูปแพทขึ้นหน้าจอ โทร.เข้ามา รัญธิดาหน้าเสียเหมือนกัน และไม่กล้ารับ
“โทร.มาอีกแล้วเหรอ”
รัญธิดาตัดสินใจให้สายเรียกจนหยุดไป เห็นว่า miss call จากแพท 5 ครั้ง รัญตัดสินใจกดปิดเครื่อง แล้วเดินออกไป

รัญธิดานั่งคุยกับพีทอยู่ในบรรยากาศสลัวราง โรแมนติก ของร้านอาหารกึ่งผับแห่งนั้น สองคนสั่งเฉพาะเครื่องดื่มคนละแก้ว
“วันนี้รัญไม่คิดว่าคุณพีทจะพาไปหาแม่นาย แม่นายใจดีจังเลยนะคะ ไม่เห็นดุเหมือนที่รัญคิดไว้ เอ่อ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ...แม่เป็นคนแบบนี้ละครับ สบายๆ อารมณ์ดี” สุ้มเสียงและสีหน้าพีท เริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ และขมขื่นกับการต้องปกปิดเรื่องที่แม่ป่วยหนักไม่ให้แม่รู้ “แต่จริงๆ แม่เป็นผู้หญิงที่ใจแข็งมากนะครับ แม่บอกเสมอว่าชีวิตคนเราแต่ละคนมีเรื่องยากลำบากมากพอแล้ว ฉะนั้น ก็อย่าเอาความทุกข์ของเราไปแสดงให้คนอื่นเห็น แม่จึงชอบที่จะให้มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกันมากกว่า”
รัญธิดาฟังไป ก็เริ่มอิน โยงเข้าเรื่องของตัวเองประสาคนมีปมเหมือนกัน
“แต่เรื่องบางเรื่อง มันก็เจ็บปวดจน เราก็ไม่สามารถหันหลังให้มัน แล้วหัวเราะออกมาได้หรอกนะคะ” พอพูดแล้วเริ่มรู้ตัว แล้วก็เลยเสยิ้มสดใสเปลี่ยนอารมณ์ “แหม...รัญก็เพ้อเจ้ออะไรไม่รู้ อย่าถือสาเลยนะคะ สงสัยเป็นเพราะเครื่องดื่ม กับบรรยากาศสวยๆ พวกนี้พาไป”
พีทก็ดึงตัวเองกลับมา ทำเป็นสดใสเหมือนกัน ยิ้มรับ
“ถ้ารัญชอบ วันหลังผมจะพามาอีก...ถ้าน้าคุณอนุญาต” สองคนหัวเราะกันอย่างเข้าใจ
“ความจริงน้าแพทก็เคยอยู่เมืองนอกนะคะ แต่ทำไมถึงได้หัวโบราณนักก็ไม่รู้ ไม่รู้จะห่วงอะไรนัก”
“หน้าตาผมคงไม่ค่อยน่าไว้ใจมั่งครับ น้าคุณเลยไม่ชอบขี้หน้า...” พีทอึ้งไปนิดแล้วก็ตัดสินใจพูดจะขอหมั้น “แต่ผมคิดว่า...ผมมีวิธีที่จะทำให้เค้าไว้ใจผมมากขึ้นแล้ว”
“จะทำยังไงเหรอคะ”
พีทนิ่งไปอึดใจ มองดูแหวนทองเกลี้ยงๆ ที่ใส่ติดนิ้วก้อย ตัดสินใจแน่วแน่ เสียงโทรศัทพ์พีทดัง
“ขอโทษทีนะฮะ เอ...เบอร์ใคร ไม่คุ้นเลย” พีทกดรับ “สวัสดีครับ”
แพทโมโหเต็มที่ เตอร์คอยฟัง
“หลานสาวฉัน อยู่กับคุณใช่มั้ย”
เสียงแพทแผดดังลั่นลอดออกมา จนพีทตั้งเอาโทรศัทพ์ออกห่างหู พีทพูดทำปากแบบไม่มีเสียงให้รัญธิดารู้
“น้าคุณโทร.มา”
รัญธิดาหน้าตาไม่สบายใจขึ้นมาทันที
แพทอาละวาดต่อ “นี่ฉันถามว่ายายรัญ อยู่กับคุณใช่มั้ย ทำไมไม่พูด นี่ฉันแพท น้าสาวยายรัญนะ”
รัญธิดาร้อนรนกลัวความลับแตก ตัดสินใจว่าจะทำยังไงดี แล้วก็ทำมือส่งสัญญาณว่าส่งโทรศัทพ์มานี่ พีทยื่นให้ รัญธิดาลังเลแล้วในที่สุดกดตัดสายและปิดเครื่องไปเลย
“คุณพาหลานสาวฉันไปไหน ทำไมยายรัญถึงไม่กลับบ้าน ทั้งๆ ที่...” แพทผิดสังเกต “ฮัลโหลๆๆ” แพทโมดหที่สายตัดไป กดอีก แต่เป็นสัญญาณบอกว่าติดต่อไม่ได้ เจอไม้นี้แพทยิ่งจี๊ดหนัก
“เค้าว่ายังไง” เตอร์รีบถาม
“ก็ปิดเครื่องหนีฉันเลยนะซิ ทุเรศที่สุด” แพทหงุดหงิด งุ่นง่านมาก

ด้านรัญธิดาส่งโทรศัทพ์มือถือ คืนไปให้พีท
“ทำแบบนี้คุณน้าเค้าจะยิ่งโกรธนะครับ”
รัญธิดาหลบตา
“รับตอนนี้ น้าแพทก็ไม่พอใจอยู่ดี ค่อยโดนดุทีเดียวตอนกลับบ้านดีกว่า” รัญธิดาฝืนยิ้ม “ยังไงคุณพีทก็ไม่ได้พารัญมาทำอะไรเสียหายนี่คะ”
“คุณรู้จักน้าสาวคุณดีกว่าผมอยู่แล้ว งั้นก็ตามใจคุณ” พีทเออออ
“เอ๊ะ เมื่อกี้...คุณพีทบอกว่ามีวิธีไหนที่ทำให้น้ารัญไว้ใจงั้นหรือคะ ฉันชักสนใจแล้วซิ”
พีทไม่ตอบ แต่ค่อยๆ ยิ้มออกมาบนใบหน้า

ไม่นานหลังจากนั้น รถพีทแล่นเข้ามาจอด มองไปในบ้านเห็นแพทอยู่ด้านใน แพทชะเง้อรอคอยทางหน้าต่าง เห็นแสงไฟรถเข้ามา แพทรีบเปิดประตูออกมาแล้วอึ้ง รัญธิดาอยู่ในรถเริ่มหน้าเสีย
“น้าแพท ท่าทางคงโกรธมาก คือ...ความจริง....วันนี้วันเกิดอะตอมน่ะค่ะ” พีทอึ้งนิดๆ เพราะเพิ่งรู้ “แต่ว่าพอแม่นายชวนทานข้าว รัญก็เลย...”
พีทพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ถ้างั้นเดี๋ยวผมลงไปเป็นเพื่อน เพราะว่าคราวนี้ ผมก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน
สองคนลงรถมา แพทตรงเข้ามาต่อว่าทันที
“รัญทำไมถึงได้ผิดสัญญากันอะตอม”
“คือ...” รัญอึกอัก
พีทรีบผมออกรับแทน “ผมผิดเอง ผมชวนรัญไปกินข้าวกับแม่ผม”
แพทอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่เครื่องติดแล้ว เลยต่อว่าต่อ “ทำไมต้องเป็นวันนี้ แล้วรัญไม่ได้บอกคุณเหรอ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของอะตอม แล้วเค้าก็รอพี่รัญมาเป่าเค้กด้วยกัน” รัญธิดาหันไปมองหน้าพีทเป็นเชิงขอโทษ “รู้มั้ยอะตอมยืนยันจะรอพี่รัญ รอจนหลับไปแล้ว”
“ผมขอโทษ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงวันเกิดอะตอมอีกรอบเอง”
แพทจี๊ด พูดรัวเร็วใส่เป็นชุด “ไม่ต้องมาทำอวดรวยที่นี่ มันไม่เหมือนกัน เด็กเค้าเสียความตั้งใจ มันเสียความรู้สึกไปแล้ว เรียกกลับมาไม่ได้ แล้วฉันก็ยังไม่ได้เอาเรื่องคุณที่ปิดโทรศัทพ์ใส่ฉันด้วย อ๋อ รู้แล้วคุณใช่มั้ย ที่บอกไม่ให้ยายรัญรับโทรศัพท์ฉัน ไม่มีใครบอกคุณเหรอว่านิสัยแบบนี้มันแย่มากๆ แล้วฉันก็ต้องการคุยกับหลานฉัน คุณไม่ต้องมาออกรับแทนเลย มันเป็นเรื่องในครอบครัวของเรา ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
พีทตั้งท่าจะเถียงแพทต่ออีก แต่นึกได้ว่าไม่ควร เลยพยายามสงบสติอารมณ์
“เอาละ ผมจะไม่โกรธคุณหรอก เพราะวันนี้เป็นวันดีและผมคิดว่าคุณต้องอยากแสดงความยินดีกับเราสองคน”
“แสงความยินดีบ้าอะไร...รัญ...”
พีทจับมือรัญธิดา พร้อมกับพูดขัดขึ้น
“เราหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว”
แพทชะงักกึก “อะไรนะ”
แพทหันไปมองหน้าหลานสาว รัญธิดาชูนิ้วที่มีแหวนให้แพทดู
“เราเพิ่งตกลงหมั้นกันค่ะ แล้วที่รัญกลับดึกวันนี้ก็เพราะ ไปฉลองกันนิหน่อยนะคะ”
แพทอึ้ง ตะลึง สมองตื้อเหมือนโดนไฟช๊อต

แพทนิ่งแต่กรุ่นอยู่ข้างใน เก็บข้าวของงานปาร์ตี้ที่ยังวางอยู่ รัญธิดาตามเข้ามาเห็นเค้กที่ไม่ได้เป่าวางอยู่อึ้งไปเหมือนกัน
“น้าแพทคะ คุณพีทเค้าจริงใจกับรัญนะคะ เค้าพารัญไปหาแม่ เค้าให้เกียรติรัญทุกอย่าง”
แพทมองหน้าหลานสาว
“รัญจำได้ไหมว่ารัญเพิ่งรับปากน้าเองว่า จะดูความรักครั้งนี้ให้ดีเสียก่อนไม่รีบร้อนอีก”
รัญธิดาพยายามแก้ตัว “สถานะการณ์ตอนนั้นมันไม่เหมือนตอนนี้...ก็...ในเมื่อทุกอย่างมันก็เหมาะสมดี รัญก็ไม่อยากรอแล้ว”
“ทำไมจะรอไม่ได้ รัญรู้จักผู้ชายคนนี้ดีแค่ไหน แล้วเค้า..รู้จักรัญดีแค่ไหน” รัญธิดาอึ้ง รู้ว่าแพทพูดถูก “ไอ้ความร่ำรวย ความเหมาะสม มันไม่ได้เป็นดัชนีวัดว่าเราจะมีความสุขกับชีวิตครอบครัวหรอกนะ รัญ”
รัญธิดานิ่งเงียบเพราะตัดสินใจเร็วไปจริงๆ พีทเดินเข้ามางียบๆ และทันได้ยิน
“ผมคิดว่า คุณน่าจะให้เกียรติการตัดสินใจของรัญธิดาบ้าง หลานคุณไม่ใช่ผู้หญิง เห็นแก่เงินนะครับ แล้วที่ผมทำทั้งหมด ก็เพราะอยากให้คุณเห็นความจริงใจของผม”
“บอกแล้วไง ฉันคุยกับหลานฉัน ไม่ได้คุยกับคุณ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
พีทฉุนขาด “ตกลงคุณเป็นน้าจริงๆ หรือเปล่า หลานสาวหมั้น แทนที่จะดีใจ กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คุณไม่พอใจที่หลานสาวโชคดีมีผู้ชายดีๆ อย่างผมดูแล ไม่ต้องเป็นแม่ม่ายแก่ๆ เหี่ยวเฉาเหงาหงอยอยู่คนเดียวเหมือนคุณ คุณอิจฉารัญใช่มั้ยคุณน้า”
แพทไม่พูดพล่ามทำเพลงหยิบเค้กขึ้นโปะหน้าพีทเต็มๆ
“ขอแสดงความยินดีด้วย โอเคมั้ย”
รัญธิดาเองก็ตกใจ คิดไม่ถึง แพทเดินหนีไป พีทโมโห แต่ทำอะไรไม่ได้ รัญธิดาตกตะลึงก่อนจะมาช่วยเช็ด

คืนนั้นอะตอมที่นอนหลับอยู่ ใครคนหนึ่งเดินเข้านั่งลงมองหน้าอะตอม
“สุขสันต์วันเกิดจ้ะ”
มือของใครคนนั้นวางหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่ข้างหมอนอะตอม
ที่แท้เป็นรัญธิดา ซึ่งหยุดยืนแล้วหันกลับมามองอะตอมอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูออก แล้วปิดลงไปอย่างแผ่วเบา

สองคนนั่งกินข้าวด้วยกัน แต่ไม่ยอมมองหน้ากัน จังหวะนี้อะตอมวิ่งตื้อลงมาพร้อมตุ๊กตาหุ่นยนต์
“แม่แพท”
อะตอมกระโดดเข้าหอมแก้มแพทฟอดใหญ่ แพทงง
“อะไร เจ้าตัวยุ่ง”
“ขอบคุณนะครับที่ให้กันดั๊มตัวใหม่ เป็นของขวัญวัน เกิดที่ตอมชอบที่สุด ตอมรักแม่แพทที่สุดในโลกเลย”
แพทหันไปมองหน้าหลานสาว เป็นเชิงถามว่าของรัญธิดาใช่มั้ย และกำลังอ้าปากจะพูด แต่รัญธิดารีบชิงพูดก่อน
“ได้ของขวัญถูกใจแบบนี้ ก็ถูกต้องแล้วล่ะ แม่แพทเค้ารักเราที่สุด เราก็ต้องรักแม่แพทมากที่สุดเหมือนกัน”
แพทมองหน้ารัญธิดา นึกสงสารขึ้นมา รู้ทันทีว่ารัญธิดาเป็นคนให้ของขวัญลูกชาย
“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะอะตอม เมื่อวานพี่รัญมีธุระด่วนนะ เลยมาไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรฮะ ตอมแค่เสียดายพี่รัญเลยไม่ได้กินเค้กวันเกิดตอม อร่อยมากเลย” อะตอมบอก
“รู้ได้ยังไง ตอมยังไม่ได้ตัดเค้กเลย หลับไปเสียก่อนไม่ใช่เหรอ” แพทแปลกใจ
อะตอมเขิน บอกเบาๆ “ก็ ตอมแอบชิมดูนิดนึงแล้ว..แค่นิดเดียวเองจริงๆ นะฮะ”
แพทกับรัญก็เลยหัวเราะขำกับความไร้เดียงสาของอะตอม สองคนหัวเราะขำกันแล้วเป็นจังหวะที่หันมายิ้มกันพอดี ต่างชะงักกันไปนิด ก่อนที่แพทจะยิ้มให้ต่อ รัญธิดายิ้มตอบอย่างดีใจที่แพทหายโกรธ
“โอเค ตอนนี้ เราก็อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ตัดเค้กเป่าเทียนกันดีมั้ย แม่แพทมีเค้กเพิ่งอบเสร็จใหม่ อร่อยสุดยอดเลย ใครเห็นด้วย”
ทั้งหมดยกมือพร้อมกัน
อะตอมร้อง “เย้ๆ”
บรรยากาศชื่นมื่น เปี่ยมสุข กลับมาเยือนครอบครัวสามคนอีกครั้ง

แพทขับรถมาจอดหน้าประตูทางเข้าเรือนจำ รัญธิดานั่งอยู่ในรถด้วย
“น้าดีใจนะ ที่รัญไม่ปฏิเสธคำชวนของน้า”
“รัญมีทางเลือกด้วยเหรอ”
“พี่ทิพก็เป็นแม่ของรัญ รัญหนีความจริงไปไม่ได้หรอก และน้าคิดว่า ถึงแม้รัญจะยืนยันว่าเป็นการหมั้นที่ไม่เป็นทางการ แต่ยังไงก็ต้องให้ผู้ใหญ่รับรู้ไว้ ถ้ารัญคิดว่านี่เป็นเรื่องดี พี่ทิพก็ควรจะรับรู้ข่าวดีนี้จากปากรัญ”
“ค่ะ รัญจะเข้าไป แต่น้าแพทอย่าลืมคำสัญญาเหมือนกันนะคะ ขอเวลาให้รัญบอกเรื่องนี้กับคุณพีทเอง”
แพทพยักหน้ารับ รัญธิดาลงจากรถไป หวั่นวิตกว่าเจอแม่แล้วจะทำตัวยังไง ส่วนแพทยิ้มแย้มรำพึงกับตัวเองอย่างดีใจ

“อย่างน้อย การหมั้นครั้งนี้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน”

อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น