xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 1

ตอนเย็นวันนั้น แลเห็นของเล่นเด็กผู้ชายวางระเกะระกะเกลื่อนบ้านไปหมด ขณะที่ แพท หรือ ธัณยธรณ์ แม่ม่ายสาวสวยลูกติด คุยโทรศัทพ์ไปเก็บของเล่นไป ในอาการรีบเร่งสุด ๆ

จังหวะหนึ่งแพทหันไปมองดูนาฬิกาพลางบอกคู่สนทนา “อีกครึ่งชั่วโมง แพทไปถึงแน่นอน แพทแค่แวะไปรับลูกมาส่งบ้านเท่านั้นเอง ไม่เลทค่ะ พี่ป๋อง แพทรู้หน้าที่ดี...ค่ะ ค่ะ แพทจะออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
แพทกดวางสายโทรศัทพ์ แล้วรีบร้อนกดโทร.หา รัญธิดา ผู้เป็นหลานสาว เร่งให้ปลายสายรับไวๆ
“รับซิยายรัญ...ทำอะไรอยู่นะ ทำไมไม่รับสาย” แพทกดสายทิ้ง เหลียวไปดูนาฬิกายิ่งร้อนใจใหญ่ ตะโกนบอก “ตอม ตอม เดี๋ยวแม่แพทจะต้องออกไปทำงานต่อแล้วนะ ตอมอาบน้ำแล้วก็เข้านอนเองนะครับ ได้ยินแม่แพทมั้ย” แพทกดโทรศัพท์หารัญธิดาอีกครั้ง แล้วรออย่างร้อนใจ
จังหวะนี้ อะตอม เด็กชายวัย 6 ขวบวิ่งตื้อเข้ามาหายิ้มแฉ่ง
“แม่แพทคร๊าบ อะตอมอาบน้ำเสร็จแล้ว เก่งมั้ย”
แพทหันไปมอง ขณะวางสายจากรัญธิดาซึ่งไม่มีคนรับ แล้วตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเด็กชายตัวน้อย ปากก็พูดชมนำไปก่อน
“เก่งมากจ้ะ แต่จะเก่งกว่านี้อีก ถ้าอะตอมเก็บของเล่นพวกนี้ด้วย ให้เรียบร้อย เอ๊าะ...” แพทไม่ทันพูดจบก็ร้อง “โอ๊ยย...” ออกมา
เพราะเท้าดันเหยียบพรืดเข้าที่รถเด็กเล่นคันเล็กๆ ที่วางอยู่ จนเสียหลักจะลื่นไถล ล้มลง แพทนอนนิ่งไป อะตอมตกใจมาก ร้องไห้ฮือๆ
“แม่แพท! ฮือๆ แม่แพท อย่าเป็นอะไรนะ ฮือๆ แม่แพทอย่าตายนะ ฮือ ๆ”
แพทค่อยๆ ลืมตา
“แม่แพทไม่เป็นไรหรอก” แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง “แต่คราวหน้าก็ไม่แน่”
อะตอมร้องใหญ่ “ไม่ได้ๆ อะตอมไม่ให้แม่แพทเป็นอะไรหรอก อะตอมจะอยู่กับใคร”
แพทเช็ดน้ำตาให้อะตอม
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้อง เป็นลูกผู้ชายต้องเข็มแข็ง จริงมั้ย” อะตอมพยักหน้ารับ “เอาล่ะแม่แพทต้องไปทำงานจริงๆ แล้วนะ ตอมเข้านอนเลยนะ จำได้มั้ยว่า…”
อะตอมท่องต่อออกมาอย่างแคล่วคล่อง “เด็กดีต้องเข้าก่อนสามทุ่ม” แพทยิ้มกว้าง ยกนิ้วให้เป็นเชิงบอกว่าดีมาก “แม่แพทไปเถอะ ตอมอยู่ได้สบายมาก” เด็กน้อยบอก

แพทจูบลาอะตอม ก่อนที่อะตอมจะหอมแก้มกลับ

“ดีมากจ้ะ กู๊ดไนท์นะ” แพทคว้ากระเป๋ารีบออกไป แต่ปากก็ยังไม่วายบอก “เดี๋ยว พี่รัญก็คงกลับมาแล้ว บอกพี่รัญกับข้าวอยู่ในครัวนะ” ออกไปแล้วโผล่หน้ากลับมาใหม่
“ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงพี่รัญยังไม่กลับมา ตอมโทร.หาแม่แพทนะครับ แม่แพทจะให้ลุงเตอร์มาอยู่เป็นเพื่อนแทน”
“ครับ” อะตอมรับคำ
แพทถอนใจ แล้วตัดใจออกจากบ้านไป

ขณะเดียวกัน พีท หรือ พิรภพ เจ้าของรีสอร์ท ฟ้าเคียงดิน ในปากช่อง โคราช ขับรถมาจอดหน้าบ้านแพทพอดี รถยนต์ของพีทไม่ได้หรูมาก ออกสไตล์ลุยๆ มากกว่า
“ต้องกวนคุณพีท ให้แวะมาส่ง ขอบคุณมากนะคะ” รัญธิดาที่นั่งข้างๆ ยกมือไหว้ พลางขยับกระเป๋าสะพาย
“ไม่เป็นไร ผมจะเข้าไปในอำเภออยู่แล้ว เอ่อ... คือ...”
เหมือนพีท มีอะไรในใจอยากจะพูดกับรัญธิดา แต่ยังตัดสินใจไม่ได้
“คะ” รัญธิดารอฟัง
พีทเกิดเปลี่ยนใจไม่พูด “เปล่า เจอกันวันจันทร์”
“ค่ะ”
รัญกดเข็มขัดนิรภัย แต่ไม่ออก
“เอ๊ะ” รัญธิดาหันไปมองหน้าพีท “เข็มขัดมันติดน่ะค่ะ”
“แบบนี้ประจำ...มาผมช่วย”
เลยกลายเป็นว่ามือพีทไปจับมือรัญธิดา พีทรีบปล่อยมือ ก้มหัวเชิงขอโทษ หญิงสาวพยักหน้ารับเขินๆ ปล่อยมือเหมือนกัน พีทแก้สถานการณ์ต่อ
“มันต้องมีเทคนิคนิดหน่อย ต้องแบบนี้ครับ”
พีทเข้ามาช่วยปลด ก้มหน้ามาเหมือนกันพอดี สองคนหลบไปหลบมา แล้วจังหวะหนึ่งสองหนุ่มสาวเลยหันหน้ามาป๊ะกันจังๆ ต่างคนต่างชะงักกันไป

ด้านแพทรีบร้อนเดินออกมาจะไปขึ้นรถ มือก็กดโทรศัพท์หารัญธิดา บ่นบ้าไปด้วย
“ยายรัญนะยายรัญ ไหนว่าจะรีบกลับมา..คอยดูนะ ถ้าเจอจะ...”
แต่แล้วแพทก็ต้องชะงักทันที เมื่อมองไปเห็นรัญธิดากับพีทอยู่ในรถ แต่ในมุมที่เธอมองเห็นเหมือนกับว่าสองคนกำลังจะโน้มหน้าเข้าหากัน
“เฮ้ย” แพทตกใจจนโทรศัพท์มือถือร่วงจากมือ

ส่วนในรถพีทช่วยดึงเข็มขัดออกให้จนหลุดในที่สุด แต่ก็ออกอาการประดักประเดิดพอควร รัญธิดายิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ
จังหวะนี้แพทก้าวพรวดมาถึงเปิดประตูรถฝั่งพีท กระชากไหล่พีทอย่างแรง
“นี่คุณกำลังทำอะไรหลานฉัน”
ร่างพีทร่วงลงมาจากรถตามแรงกระชาก หมดฟอร์มหล่อไปเลย

เห็นดังนั้นรัญธิดาทำหน้าตกอกตกใจ รีบตามลงมา
"น้าแพททำอะไรน่ะ"
แพทไม่สนใจ ใส่พีททีนที “กล้าดียังไงถึงได้ทำอย่างนี้กับหลานสาวชั้น”
“น้าแพทค่ะ..คุณพีทเค้าเป็นเจ้านายรัญนะคะ”
พีทค่อยๆ ลุกจากพี้นงง ปัดฝุ่นตามกางเกงไปมา
“เป็นเจ้านาย ยิ่งไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“น้าแพท! คุณพีทเค้าแค่มาส่งรัญที่บ้านเท่านั้นเอง...แล้วทำไมอยู่ๆน้ารัญถึง...” รัญธิดาเสียงขุ่น
แพทโต้ทันควัน “น้าเห็นกับตา แล้วก็เข้าใจทุกอย่างดี ไม่ต้องพูดแล้ว” มองกราดพีทตั้งแต่หัวจรดเท้า “พวกสมภารกินไก่วัด”
พีทชักไม่ไหว “สมภารกินไก่วัด! คุณมีสิทธิ์อะไรมาเรียกผมอย่างนั้น”
“มันยังน้อยไป อย่าคิดว่าเราอยู่กันลำพังผู้หญิง แล้วคุณจะลวนลามหลานสาวฉันได้นะ”
“ลวนลาม! แค่ช่วยปลดเบลท์ให้เนี่ยนะ ถือว่าลวนลานแล้วเหรอ” พีทว่า
แพทชะงักกึก “ปลด...”
“ใช่ค่ะ เบลท์มันติด คุณพีทก็ช่วยดึงเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น น้าแพทคิดว่าเราสองคนทำอะไรกันเหรอคะ”
แพทอึ้งไปนิด แล้วเริ่มแถ
“ก็ คือ น้า...” พอหันไปมองพีทบ้าง “ฉัน...” เลยพูดไม่ออก เพราะตัวเองเข้าใจผิดเต็มประตู
รัญธิดาถอนใจยาวอย่างหงุดหงิด แล้วเดินปังๆ เข้าบ้านไปอย่างโกรธๆ แพทมองตามอึ้งๆ แล้วทำท่าจะเดินตาม
“ผมว่าบางทีคุณน้าอาจะต้องปรึกษาจักษุแพทย์บ้างนะครับ อายุเยอะแล้ว สายตาอาจจะผิดปกติ” พีทเหน็บ

แพทมองพีทตาแทบถลน ก่อนจะสะบัดหน้าเข้าบ้านไป พีทหัวเราะขำ ชอบใจนิดๆ

แพทตามเข้าบ้านมา เจอรัญธิดารินน้ำดื่มอยู่ด้วยหน้าตาเบื่อหน่ายปนเซ็ง

“เดี๋ยวรัญ” รัญธิดาเซ็ง ค่อยๆ หันมา “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร...แล้วทำไมเค้าต้องมาส่งรัญถึงบ้านแบบนี้”
รัญธิดายักไหล่พรืด เหมือนไม่มีความหมายอะไรขณะบอก
“ก็บอกแล้วไงว่าเค้าเป็นเจ้านายของรัญ ชื่อคุณพีท พิรภพ เป็นเจ้าของรีสอร์ต ฟ้าเคียงดิน ที่รัญทำงานอยู่ด้วยไงล่ะค่ะ”
แพทยังเดือดกับท่าทีหลานสาว ถามจี้ต่อ “เจ้านาย...แล้วทำไมท่าทางสนิทสนมกันแบบนี้ น้าคิดว่ารัญควรจะเข้าใจเสียอีก ว่ารัญไม่ควรทำแบบนี้”
“มันไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่คะ แล้วไอ้การที่รัญตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนจบได้เกียรตินิยม มีงานทำ มันไม่ได้แสดงให้น้าแพทเห็นเหรอคะว่า รัญเป็นเด็กดีสมกับน้ำพักน้ำแรงที่น้าแพทส่งเสียรัญมา” รัญธิดาประชดน้าสาวอยู่ในที
“น้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่น้าเตือนด้วยความเป็นห่วง รัญเพิ่งจบเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน ชีวิตรัญยังต้องไปอีกยาว น้าไม่อยากให้รัญ..รีบร้อน ไม่ว่าเรื่องอะไร”
“ทำไมคะ น้าแพทกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยงั้นเหรอคะ” รัญธิดาย้อนเอา
แพทตกใจมาก “รัญ! พูดอะไรออกมา”
รัญธิดาพูดอย่างขมขื่น “มันคือสิ่งที่น้าแพทกังวล อยู่ไม่ใช่หรือคะ ไม่ต้องห่วง ถ้ารัญจะมีความรัก รักของรัญจะต้องรักด้วยสมอง ไม่ใช่แค่หัวใจ แล้วก็ไม่ใช่ความรักที่เพ้อเจ้อตามหาเจ้าชายแบบในนิยายเด็ดขาด”
“ถ้ารัญมองความรักเป็นแบบนั้น มันจะมีความสุขได้ยังไง”
รัญธิดายิ้มเยาะ “อย่าห่วงเลยค่ะ รัญมีความสุขแน่ๆ และในเวลานี้ รัญก็พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ณ ตอนนี้สำหรับรัญ คุณพีทคือคนที่เหมาะสมควร ที่จะคบหาที่สุดแล้ว”
“รัญ นี่มันหมายความว่ายังไง รัญคบกับผู้ชายคนนั้นแล้วงั้นเหรอ”
“ยังหรอกค่ะ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าเค้ามาชอบรัญ...รัญก็จะแต่งงานกับเขา”
แพทอ้าปากค้างพูดไม่ออก รัญธิดาประสานสายตากับแพท อย่างไม่เกรงกลัว
เสียงโทรศัทพ์แพทดังแทรกขึ้นมา แพทสะดุ้งนึกออกว่าตัวเองต้องรีบไปงาน รัญธิดาถือโอกาสเดินหนีขึ้นข้างบนไป แพทรีบหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ ป๋อง โทร.มา ก็ยิ่งตกใจ
“ตายแล้ว งานเลี้ยง”

ค่ำนั้นบรรยากาศในงาน เห็นป้ายผ้าที่หน้างาน “งานวันน้อยหน่า ของดีปากช่อง” เด่นหรา
รถแพทแทบจะบินมาขับหัวทิ่มเข้ามาจอด แพทเปิดประตูก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบออกไปเป้าหมายคือหลังเวทีใหญ่ ตลอดทางในงานแพทต้องวิ่งหลบหลีกผู้คนที่กำลังเตรียมงานอยู่ แขกเริ่มทยอยกันมาแล้ว
ที่ด้านหน้าเวที เห็นป๋อง เจ้าของบริษัทออร์แกนไนซ์ ชื่อดังของงานตามต่างจังหวัด กำลังเตรียมงานวุ่นอยู่ แพทวิ่งลิ้นห้อยหอบแฮ่กมาถึง ป๋องหันมามอง ท่าทีเย็นชา
แพทรีบไหว้ทั้งที่ยังหอบอยู่ “ขอโทษค่ะ พี่ป๋อง พอดี แพทมีเรื่องที่บ้านนิดหน่อย เลยมาช้าไปนิด”
ป๋องดูนาฬิกาแล้วพูดแดกดัน “ก็ทำไมไม่มาพร้อมประธานเสียเลยล่ะ เราเป็นสต๊าฟท์จัดงานนะ ไม่ใช่แขก”
แพทจ๋อยหนัก “จะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีกค่ะ” แล้วรีบกราบขอโทษ
“พี่เห็นใจนะ ว่าแพทต้องดูแลลูกคนเดียว แต่เดือนนี้นะ มัน 3 ครั้งแล้ว ที่เธอมาสายเพราะเรื่องทางบ้านแบบนี้” ป๋องบ่น
“แพทขอโทษจริงๆ ค่ะ เอาอย่างงี้แล้วกัน แพทยินดีให้พี่หักเงินเดือนแพทค่ะ นี่แพทไม่ได้ประชดนะคะ แต่แพทพูดจริงๆ เพราะแพทก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะแพทรับเงินเดือนเต็มๆ จากพี่ แต่ทำงานไม่เต็มเวลา เอาเรื่องส่วนตัวมา เบียดบังเวลาทำงานแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องไม่สมควร หรือ พี่จะไล่แพทออกก็ได้นะคะ แพทไม่โกรธพี่หรอกค่ะ”
ป๋องอึ้งไปเหมือนกัน เมื่อเจอคนจริง ท่าทีเริ่มอ่อนลง
“เรื่องมันก็...ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ก็เตือนเอาไว้เมื่อสำนึกได้ก็ดีแล้ว เอาล่ะงั้นก็ไปทำงานได้แล้ว”
แพทออกไป ป๋องมองตามแล้วก็บ่น กับผู้ช่วยที่ยืนข้างๆ
“คนทำงานดีแล้วก็เก่ง แถมยังอึดอีกต่างหาก แบบนี้ขืนไล่ออกง่ายๆ ก็เสียดายแย่นะสิ”

อีกฟากหนึ่งในงาน ขาเรียวงามคู่นั้น เดินนวยนาดเข้ามาในงาน เจ้าของขาคือเฉิดโฉม พีอาร์สาวของ ฟ้าเคียงดินรีสอร์ต ซึ่งคืนนี้แต่งตัวสวยเอ็กซ์แตกมาก
เฉิดโฉมหันไปถามเพื่อนสาวนามว่า เชอรี่ “เป็นไง”
“สวยเป๊ะ” เชอรี่อวยส่ง
เฉิดโฉมยิ้มพอใจ ส่งสัญญาณไปกันเถอะ เพื่อนสองคน เชอรี่ กับชบา คอยแหวกทางคนให้เดิน

เฉิดโฉมมาทรวดทรงสบึมส์มาหยุดที่โต๊ะรับสมัครประกวด ธิดาน้อยหน่า หล่อนโพสท่า ท้าวสะเอวสวยงามเต็มที่ มาดราวกับนางแบบ
“ขอใบสมัครด้วย” เฉิดโฉมบอก
เงียบกริบ ทีมงานคนรับสมัครมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เอ่อ แน่ใจหรือคะ”
เฉิดโฉมหงุดหงิด หล่อนคิดเองเออเองเสร็จสรรพ “ทำไม หรือว่าฉันสวยเด่น จนข่มทุกคน...มันก็ช่วยไม่ได้นะ”
แพทเดินมาเห็นพอดี พุ่งเข้ามาจัดการ
“คุณมาสมัครผิดงานหรือเปล่า นี่มันประกวดเทพีน้อยหน่านะคะ”
เฉิดโฉมจ้องหน้าแพท “ก็ใช่นะซิ ฉันจะมาประกวด แล้วเธอเป็นใคร มีปัญหาอะไรกับการเข้า
ประกวดของฉันเหรอ”
“ฉันเป็นเจ้าหน้าที่จัดงานประกวดครั้งนี้ งั้นก็ขอสถิติ ของคุณด้วยค่ะ”
เฉิดโฉมจ้อคล่องปรื๋อ “สถิติ อ๋อ รู้แล้ว ฉันเคยได้ตำแหน่ง ธิดาข้าวโพดหวานสองปีซ้อน แถมด้วยตำแหน่งขวัญใจช่างภาพนางงามลอยกระทงวัดโคกจัน”
เชอรี่สาระแนแห่บุญ ช่วยเสริม “แถม อีกตำแหน่งอย่าลืม ว่าที่คุณนายแห่งรีสอร์ตฟ้าเคียงดินนะ”
ตำแหน่งหลังถูกจริตเฉิดโฉมนัก หล่อนหัวเราะคิกคัก ชอบใจมาก
“บ้า พูดอะไรก็ไม่รู้”
แพทชะงักนิดหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อรีสอร์ต
“ตำแหน่งพวกนั้นฉันไม่ต้องการรู้ ฉันอยากรู้แค่ คุณสามารถแบกน้อยหน่าได้มากที่สุดกี่กิโล” แพทบอกอย่างหมั่นไส้
เฉิดโฉมตาโต “อะไรนะ นางงามบ้าอะไรย่ะ วัดกันที่การแบกน้อยหน่า ฮะ ๆๆๆๆ ตลกละ”
“ผู้หญิงห้าวๆ ทำไมวัดกันที่การแบกน้อยหน่า มันตลกตรงไหน” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น
เฉิดโฉมชะงัก มองไปรอบๆ เพิ่งสังเกตเห็นว่าผู้สมัครอื่นยืนมองอยู่ ล้วนเป็นพวกรูปร่างอวบอ้วน ทั้งนั้น เริ่มเสียเซลฟ์ไม่แน่ใจ
“เราเปลี่ยนกติกาใหม่ คิดว่าคุณคงไม่ได้อ่านระเบียบการรับสมัคร ก่อนที่จะมาใช่มั้ยคะ” แพทย้อนถาม
เฉิดโฉมกรี๊ด “อ๊าย เปลี่ยนได้ยังไง เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนเปลี่ยนกติกาบ้าบอนี้”
“ฉันเองค่ะ ฉันเป็นคนเปลี่ยนเอง นี่เป็นงานของเกษตรกร เป็นวันของเกษตรกร ฉันจึงคิดว่าเราควรตระหนักถึงคุณค่าน้ำพักน้ำแรงในการทำงาน มากกว่าจะวัดกันแค่ความสวยงามของร่างกาย จริงมั้ยคะ”
แพทว่าพร้อมกับหันไปหาบรรดาผู้สมัครอื่นๆ ซึ่งทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

ทำให้เฉิดโฉมซึ่งเตรียมอาละวาดอยู่ ไม่กล้าหือ

อ่านต่อหน้า 2

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 1 (ต่อ)

เฉิดโฉมซับหน้า ตบแป้งอย่างเคียดแค้น ที่เสียฟอร์ม พลางบ่นบ้าระบายอารมณ์อยู่ที่ม้านั่งกับเชอรี่และชบา

“ที่แท้นังคนจัดงานก็เป็นแม่หม้าย ผัวทิ้งนี่เอง พวกมีปมในใจถึงเที่ยวอิจฉา สาว สวย โสด และดีอย่างฉัน”
“แต่เอ ทิ้งหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจนะ เพราะเค้าไม่ได้ยืนยันกัน แต่เค้าว่ากันว่าตั้งแต่แม่คนนั้นมันย้ายมาอยู่อำเภอนี้เมื่อ 6 ปีก่อน ก็ไม่มีผัวตามมาอยู่แล้ว” ชบาบอก
“โอ๊ย อย่างนี้โดนทิ้งแน่นอนอยู่แล้ว หน้าตาก็งั้นๆ ใครจะอยากอยู่ด้วยนาน เผลอๆ นะฉันว่า มันคงโดนผู้ชายหลอกฟัน แล้วก็ท้อง ถึงต้องหอบลูกหนีมาอยู่ที่นี่ไง”
เพื่อนทั้ง 2 พยักหน้าเห็นด้วย คล้อยตามเฉิดโฉม
“จริงๆ”
“อุ๊ย เมื่อกี้ แกบอกว่ามันมีหลานสาว เพิ่งเข้ามาทำงานที่ฟ้าคียงดินใช่มั้ย หรือว่า...”
สามสาวชะงักหันมองหน้ากันแล้วร้องลั่นประสานเสียง
“ยายรัญ”

ด้านรัญธิดาเปลี่ยนชุดนอนแล้ว กำลังจะล้มตัวลงนอน แต่แล้วสะดุ้งเหมือนโดน สามคน เรียกชื่อดังๆ พอหันไปมองถึงเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ดัง

แพทยืนโทรศัพท์อยู่ข้างเวที ส่วนที่บนเวทีเห็นบรรดานางงามยกแข่งน้อยหน่าแข่งกันอยู่ ผู้คนในงานเชียร์กันเป็นที่สนุกสนาน บรรยากาศคึกคัก แพทหันหลบมาอีกทาง
“รัญ...นี่น้าเองนะ นั้นรัญนอนหรือยัง”
“ถ้าน้าแพทโทร.มาเพื่อคุยเรื่องคุณพีท ไว้กลับมาคุยกันที่บ้านดีมั้ยคะ”
“เรื่องนั้นนะ เราต้องคุยกันต่อแน่ แต่ที่โทร.มานี่ อยากให้รัญช่วยดูอะตอมหน่อย แกหลับหรือยัง”
รัญธิดาแอบถอนหายใจ แล้วโกหกบอกไป
“หลับ...ไปแล้วค่ะ”
“ดีๆ นี่น้ายังไม่เสร็จงานเลย แต่คงอีกไม่เกินชั่วโมง งั้นรัญก็นอนได้เลยนะ ไม่ต้องรอ”
“ได้ค่ะ งั้น แค่นี้ใช่มั้ยคะ”
“เดี๋ยวๆ มีอีกเรื่อง พรุ่งนี้ เราไปเยี่ยมพี่ทิพกันแต่เช้าเลยนะ ออกเช้าหน่อย รัญจะได้มีเวลาคุยกับพี่ทิพนานๆ ให้สมกับที่เค้าคิดถึง อยากเจอ”
รัญธิดาสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “เอ๊ะ นี่ถึงเวลาเยี่ยมแล้วเหรอคะ”
“ก็ใช่นะซิ อะไรกันนี่รัญจำไม่ได้เลยเหรอ” รัญธิดาเงียบ อึ้งไป แพทข่มอารมณ์ไม่ให้โกรธ “เอาเถอะ...ต่อไปน้าจะคอยเตือนรัญเอง”
ระหว่างนี้ป๋องเดินมาท่าทางร้อนรน
“เฮ้ย แพท เจ้าหน่องมันลืมสายสะพายนางงามไว้ที่ออฟฟิศนะ บ้าชะมัด”
“แค่นี้ก่อนนะรัญ” แพทรีบวางโทรศัพท์ แล้วอาสา “งั้นเดี๋ยวแพทไปเอาให้เองค่ะ”

แพทรีบออกไป ป๋องหันหลังเดินกลับแต่ต้องสะดุ้ง เมื่อเจอเตอร์ หรือ ปีเตอร์ เกย์ร่างเล็กผมทองเพื่อนของแพทยืนโพสท่าส่งจูบ ใส่วิกผมยาวสวยผมปลิวสยายอยู่
“รูปร่าง หน้าตาแบบนี้ พอจะเข้าประกวดมิสน้อยหน่าได้มั้ยคะ พี่ป๋อง”
“ปีเตอร์” ป๋องเป่าปาก “สบาย หุ่นแบบนี้ท่าทางแบกข้าวสารยังได้เลย แค่แบกน้อยหน่าแข่งเรื่องจิ๊บๆ”
เตอร์ค้อนขวับ “แหม พี่ป๋องอ่ะ ใจร้ายที่สุด หญิงสาวบอบบางอย่างเตอร์จะสามารถใช้แรงงานอย่างนั้นได้ยังไง ก็ได้...งั้นไม่ประกวดแล้ว เดี๋ยวชนะ...” สองคนหัวเราะกันไป เตอร์ถอดวิกออก “เตอร์เอาเค้กมาส่งให้เรียบร้อยแล้วนะคะ แล้วนี่ยายแพทไปไหนซะล่ะพี่ป๋อง”

อะตอมหลับสนิทแล้ว ตอนที่รัญธิดาเปิดประตูห้องเข้ามา ยืนดูอะตอมห่างๆ เงียบๆ สีหน้าเรียบเฉย อะตอมดิ้นจนผ้าห่มกองอยู่กับพื้น
รัญธิดาหยุดคิดก่อนหยิบผ้าขึ้นมาจะห่มให้เบาๆ
อะตอมละเมอ หัวเราะขึ้นมา ฝันว่าเล่นกับแม่อยู่
“ฮะๆๆ ตอมรักแม่แพทที่สุดในโลกเลย แม่แพทอย่างทิ้งตอมไปไหนนะฮะ”
รัญธิดาได้ยินแล้วก็ชะงักไปพักใหญ่ ท่าทางเจ็บช้ำน้ำใจไม่ใช่น้อย ก่อนจะเปลี่ยนใจทิ้งผ้าห่มไว้เหมือนเดิม แล้วเดินออกจากห้องปิดประตูลง

แพทมาถึงออฟฟิศ มองๆ หา เห็นสายสะพายนางงามวางอยู่ รีบคว้าไป แพทกำลังปิดประตูออฟฟิศ เป็นประตูแบบห้องแถว
เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งมองจ้องแพทมาจากด้านหลัง และค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาๆ แพทรู้สึกผิดปกติ หันขวับไป จังหวะเดียวกับคนร้ายพุ่งเข้ามาพุ่งตะปบ แพทรีบฉากหลบ
“สวยนี่หว่า” คนร้ายยิ้มหื่น
“แกจะทำอะไรนะ ฉะ...ฉันไม่มีอะไรหรอกนะ อย่าทำอะไรฉันเลย”
“พี่ไม่ใจร้าย ทำคนสวยให้เสียโฉมหรอก”
แพทกลัวมาก แต่กุมสติไว้
“อย่าทำอะไรเลยนะ สงสารเถอะ ฉันมีลูกเล็กๆ ต้องดูแล”
“มีลูกแล้ว เป็นแม่หม้ายงั้นเหรอ ดีๆ แบบนี้ก็ไม่ต้องสอนมาก” คนร้ายดันชอบอีก
“อย่านะ นี่ ๆ ในกระเป๋าฉันมีเงินอยู่ แล้วก็นาฬิกานี่ด้วย ฉันยกให้ หมดเลย เอาไปเลย”
แพทค่อยๆ ยื่นกระเป๋าให้คนร้าย แต่พอได้จังหวะก็เอากระเป๋าฟาดหน้ามันเต็มแรง
“นี่แน่ะ” แพทวิ่งหนีสุดชีวิต แหกปากร้องดังลั่น “ช่วยด้วย”
คนร้ายวิ่งตาม
อีกมุมหนึ่ง ไม่ไกลจากจุดที่แพทโดนคนร้ายฉุด เฉิดโฉมกับเพื่อน 2 นางโผล่หน้าออกมา
“พี่ชายแกทำบ้าอะไรนะ ฉันแค่ให้ไปแกล้งขู่มันกลัวเท่านั้นเอง”
ชบาท่าทางกลุ้มๆ “ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยคงกินยาเข้าไป”
เฉิดโฉมตาโตตกใจ “ห๊า นี่เมายาบ้าเหรอ มิน่าถึงได้กลัดมันแบบนั้น”
“แล้วเอาไงดี ไปบอกให้หยุดมั้ย” เชอรี่จิตตก
“บ้าซิขืนไปบอกตอนนี้ นังนั่นมันก็เห็นหน้าเรา มันได้เอาตำรวจมาจับเรานะซิ คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน...เรารีบหนีกันเถอะ”
ทุกคนแยกย้ายกันไปหน้าตาตื่น

แพทวิ่งหนีมาตรงถนนเปลี่ยว
“ช่วยด้วย ๆๆ”
คนร้ายวิ่งมาทัน จับผมแพทไว้ ดึงแทพเข้ามาใกล้ดมกลิ่นผมแพท
“อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน ฉันขอร้อง”
“กลัวทำไม ก็ของมันเคยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้บ้า” แพทเริ่มโมโห
“เฮ้ย ปล่อยมือแกเดี๋ยวนี้นะ” เสียงเตอร์แหลมเข้ามา ฟังดูแมนมาก
คนร้ายหันไป เห็นเตอร์ ยืนอยู่ พร้อมไม้ในมือ มาดอย่างเท่ห์
“เรื่องผัวเมีย อย่ามายุ่ง” คนร้ายใช้มุกผัวเมีย
เตอร์ด่า “ไอ้โกหก แกไม่ใช่ผัวแพท”
แพทถือโอกาส จังหวะที่คนร้ายเผลอ กระแทกเข่าเข้าเป้ามันอย่างแรง แล้ววิ่งมาอยู่ข้างหลังเตอร์
“พี่เตอร์ ช่วยด้วย”
“อย่าบอกนะว่าแกเป็นผัวของนังคนนี้”
เตอร์ลืมตัวสาวแตกใส่ “อ๊าย...หยาบคาย”
“เอาเลยเตอร์ จัดการมันเลย เอาเลย จัดการมันให้หมอบเลย”
แพทเชียร์เต็มที่ ไม่ทันดูว่าเตอร์อึกอักก่อนจะหันมากระซิบ
“จะบ้าเหรอ หมอบเหมิบอะไรล่ะ ฉันต่อยเป็นเสียทีไหน ถ้าตบกันตัวต่อตัวก็พอลุ้น”
“อ้าว แล้วถือไม้มาทำไม”
“ก็เอามาขู่มันนะซิ”
“งั้นเอาไงดีล่ะ มันเข้ามาแล้ว”
เตอร์มองหน้าแพทว่าจะเอายังไงกันดี คนร้ายเดินย่างสามขุมเข้ามา เตอร์ตัดสินใจขว้างไม้ ใส่ แล้วร้องกรี๊ด
“อ๊าย... วิ่ง! แพท วิ่ง”
กะเทยหนึ่ง ม่ายลูกติดหนึ่ง ใส่เกียร์วิ่งหนีกันเต็มที่ คนร้ายวิ่งไล่กวดตามมาติดๆ
สองคนวิ่งแยกกันไปคนละทาง คนร้ายตัดสินใจวิ่งตามแพท

แพทวิ่งมาที่ถนนอีกด้านเจอรถวิ่งมาพอดี แสงไฟสาดใส่แพทเอามือบังหน้า รถจอดแพทวิ่งไปเคาะกระจก
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
กระจกลดลงเห็นหน้าคนขับ ทั้งคู่ต่างคนต่างชะงัก
“คุณ” / “คุณ”
คนร้ายวิ่งตามมาจนจะทันแล้ว
“ช่วยชั้นด้วยค่ะ คนนั้นมันตามชั้นมา”
พีทรีบลงมาจากรถ คนร้ายชะงัก
“ผัวมาอีกคนแล้วเหรอ...แหม! ผัวเยอะจริงนะแม่คุณ” คนร้ายบอก
พีทชะงักมองหน้า คนร้ายได้ทีต่อยพีททันที พีทเสียหลัก คนร้ายจะซ้ำแพทกระโดดเข้าใส่คนร้ายทางด้านหลัง คนร้ายสะบัดหลุด แพทเซล้ม พีทลุกขึ้นมาเปิดฉากบู๊ใส่กัน แต่ในที่สุด คนร้ายก็สู้ไม่ได้ และฉวยโอกาสวิ่งหนีไป
พีทกลับมาดูแพทที่ยังนอนกองอยู่กับพื้น
“คุณเป็นอะไรมั้ย”

แพทไม่ตอบ เหลียวมองไปรอบๆ ตัว

ครู่ต่อมาแพทกับพีทช่วยกันหาสายสะพายที่หล่นอยู่ตรงบริเวณหน้าออฟฟิศ

“เจอหรือยังล่ะคุณ”
พีทชูสายสะพายที่ถูกทิ้งไว้ “นี่หรือเปล่าสายสะพายที่คุณหา”
“ตายจริง เละหมดเลย...แล้วนี่จะไปให้นางงามได้ยังไงล่ะ” แพทยิ่งกลุ้มๆ รีบเอาชายเสื้อเช็ดรอยเปื้อนอย่างเอางานเอาการ
“นี่ผมถามอีกครั้ง คุณจะไม่แจ้งความสักหน่อยเหรอ”
“ช่างมันเถอะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะรีบไป ขอบคุณนะคะอุตส่าห์ช่วยชั้น” แพทยกมือไหว้ ก่อนเดินจากไปอย่างรีบร้อน
“นี่คุณ คุณเกือบโดนข่มขืนนะ ไม่เป็นไรเหรอ” พีทถามย้ำ
แพทหยุดกึก หันขวับมา
“หรือว่าเป็นแม่หม้าย เรื่องแบบนี้เค้าไม่ถือกัน...”
แพทตบพีททันทีเช่นกันที่พูดจบ
“เฮ้ย”
“ถ้าคุณคิดว่า การที่คุณช่วยชั้นมันทำให้คุณดูถูกชั้นได้อย่างนี้ล่ะก็...ผิดไปแล้วล่ะ”
“แต่ผมเป็นคนช่วยคุณนะ ไม่พูดกับผมดีๆ แล้วยังมาตบหน้าผมอีก” พีทลูบหน้าตัวเองพร้อมกับบ่นอุบ “มือหนักชะมัด”
แพทค้นกระเป๋าสะพาย แล้วยื่นนามบัตรยัดใส่มือพีท
พีทงง “อะไร”
“ฉันไปทำงานเปิดร้านใหม่ให้เค้า เค้าลด 10 เปอร์เซนต์เลยนะ ฉันยกให้คุณ
พีทมองนามบัตร “ให้ผม...” แล้วอ่านดู “คลินิกทำฟัน” คราวนี้ยิ่งงง ไม่เก็ต
“ใช่ ไปหาคุณหมอ ให้ผ่าหมาออกจากปากเสียบ้างนะ” พีทอึ้งบ้างไม่คิดว่าจะโดนด่าแบบนี้ แพทเดินออกไปทันที แล้วชะงักหันกลับมา
“อ้อ อีกอย่าง เรื่องหลานสาวฉัน มันยังไม่จบแค่นี้แน่นอน”
แพทรีบวิ่งออกไป
พีทโมโห “ยาย...” แต่ดันนึกคำด่าไม่ออก “เพี้ยนหรือเปล่าวะ บ้าจริง” หนุ่มหล่อคลำแก้มตัวเองที่ถูกต่อยป้อยๆ

ด้านรัญธิดานอนหลับกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ท่าทางเหมือนฝันร้าย รัญธิดาฝันถึงเหตุการณ์ตอนตัวเอง อายุ 10 ขวบ และกำลังพยายามยื้อจากการฉุดของตำรวจจะเข้าไปหาแม่ ขณะที่ผู้เป็นแม่ ถูกตำรวจ 2-3 นาย ลากออกไป เห็นแต่ด้านหลัง เด็กหญิงรัญธิดา ดิ้นรนร้องไห้ อย่างแรง
“แม่ แม่จ๋า...อย่าเอาแม่หนูไป...หนูจะอยู่กับแม่...แม่จ๋า แม่จ๋า...”
รัญธิดาสะดุ้งตื่น น้ำตายังไหลอยู่อย่างนั้น ลุกขึ้นนั่ง ปิดหน้าหายใจแรง ไม่อยากยอมรับภาพเก่าๆ พวกนั้น แล้วเงยหน้า ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

สองคนอยู่ในร้านกาแฟของเตอร์ แพทกำลังเอาเค้กจากกล่องมาเรียงใส่ตู้ แต่ต้องชะงัก
“ใช่นะซิ ก็พอแยกกัน ชั้นก็วิ่งร้องกรี๊ดๆ กลัวแทบแย่ มองไปเห็นถังขยะวางอยู่ก็เลยลงไปแอบในนั้น มดกัดแทบตาย จะขึ้นมาก็ไม่กล้า กลัวไอ้ผู้ร้ายมันย้อนกลับมา”
แพทหัวเราะร่วนออกมา
“ขอโทษที ฉันไม่ได้หัวเราะเยาะเจ๊นะ ขอบคุณด้วยซ้ำที่ผ่านไปช่วย แต่คิดถึงท่าทางเจ๊ตอนเข้มถือไม้ สู้กับมันแล้วอดขำไม่ได้สุดท้าย ก็วิ่งโกยอ้าวกันทั้งสองคน”
“นี่ฉันไม่ใช่ บัวขาว ป ประมุข นะ ฉันขายกาแฟจ้ะ”
เตอร์ค้อนให้แบบขำๆ แพทเลยหัวเราะไปด้วย
“เอ่อ...เจ๊รู้จัก เจ้าของรีสอร์ท ฟ้าเคียงดิน ที่ชื่อ พีท เพิด อะไรมั้ย”
“อ๋อ คุณพีท น่ะเหรอ เค้ามารับช่วงดูแลรีสอร์ทต่อจากพ่อที่เสีย หลายปีแล้วล่ะ แล้วจากนั้นมารีสอร์ทก็เจริญรุ่งมาเรื่อยๆ ใครๆ ในปากช่อง ก็รู้จักกันทั้งนั้น เป็น แมนออฟเดอะเยียร์ของจังหวัดนี้เลยนะ ที่สำคัญยังโสด และหล่อมาก.....”
แพททำหน้าเบะ “ถ้าดี ขนาดนั้น แล้วทำไมยังไม่แต่งงาน หรือว่าจริง ๆ มีเมียแล้ว ฉันหมายถึงทั้งที่ซุกไว้และไม่เปิดเผยนะ”
“โอ๊ย! ทั้งหล่อทั้งรวยเลือกได้ขนาดนั้น สาวแก่แม่ม่ายเข้าแถวกันมาให้เลือกเต็มไปหมด แต่ไม่เห็นเค้าจะจริงจังกับใครซักที”
แพทยิ่งเห็นด้วยกับความคิดตัวเอง รู้สึกไม่ดีกับพีทมากขึ้น
เอ๊ะ แต่ความจริงหลานเธอก็ทำงานที่ฟ้าเคียงดินไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอไม่ถามเรื่องคุณพีทจากยายรัญนะ
แพทไม่ตอบ แต่เหลือบมองนาฬิกาที่ติดผนัง แล้วก็ตกใจ
“อุ๊ย 8 โมงกว่าแล้วเหรอ ไปก่อนนะ ฉันนัดยายรัญเอาไว้”
“เดี๋ยวซิ ยังไม่ได้เคลียร์ค่าเค้กงวดนี้เลย”
แพทไม่ได้หันมาตอบ แต่ยกมือประมาณว่าไว้ก่อน
“ชีวิตรีบเร่งเหลือเกินแม่คุณ อยู่ปากช่องนะยะ ไม่ใช่กรุงเทพฯหรือนิวยอร์คจะรีบไปไหน”

เช้านั้นอะตอมยืนรายงานแม่แพทที่เพิ่งกลับมาถึงเสียงแจ๋ว
“พี่รัญบอกว่าไม่ต้องรอ ให้เราสองคนไปได้เลยฮะ”
แพทพอใจ “แหมใจร้อนจริงพี่รัญเนี่ย แม่แพทออกไปส่งเค้กแป็บเดี๋ยวเอง คงอยากเจอป้าทิพมากจนรอไปพร้อมเราไม่ไหว”
“ไม่ใช่ฮะ พี่รัญบอกว่ามีงานด่วนต้องไปทำ ไม่ไปเยี่ยมป้าทิพแล้ว”

แพทตะลึง “ว่าไงนะ”

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 1 (ต่อ)


ด้านทิพปภายิ้มย่องผ่องใส กินไปคุยถึงลูกสาวไปอย่างเมามัน เสียงดังลั่นโรงอาหารเรือนจำ

“ลูกสาวฉันจบเกียรตินิยมเชียวนะ จบปุ๊บก็ได้ทำงานปั๊บในรีสอร์ตใหญ่โตเลยแหละ”
“เหรอ แบบนี้ ก็มาเยี่ยมพี่บ่อยนะซิ ไม่เหมือนชั้นติดมาสามเดือนแล้ว ไอ้ผัวตัวดีมันมาเยี่ยมแค่ครั้งเดียว” เพื่อนนักโทษว่า
สม นักโทษขาใหญ่ประจำคุก ที่อยู่ข้างหลังนั่งฟังอย่างหมั่นไส้
“ก็.. เอ่อ” ทิพปภาอึกอักไปนิดก่อนจะคุยฟุ้งโกหกใส่ “ก็..มาประจำ แต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยก็ห่างหน่อย เพราะเรียนหนัก แต่วันแม่ วันเกิด วันพระ วันโกนส่งการ์ดมาให้ไม่ขาดเลย”
“พี่นี้มีบุญนะ มีลูกกตัญญู คนเป็นแม่ จะมีอะไรภูมิใจกว่านี้อีก” เพื่อนอวย
“เออ คนเรามันทำบุญมาไม่เหมือนกัน พูดก็พูดเถอะนะ ลูกสาวฉันมันก็สวย แล้วก็เก่งเหมือนแม่มันนั้นแหละ ฮะๆๆๆๆ” ทิพปภาคุยใหญ่ แล้วหัวเราะชอบใจ
สมเหลืออด “งั้นเดี๋ยวก็ได้เข้ามากินข้าวแดงเหมือนแม่มันด้วย ฮะ ๆๆๆ”
“เฮ้ย พูดจาหมาๆ แบบนี้ได้ยังไงวะ”
“ทำไมมึงจะทำอะไรกูอีทิพ ก็มึงพูดเองว่าเหมือนมึง งั้นลูกเอ็งมันต้องขี้คุกเหมือนเอ็ง นั้นแหละ เข้ามากูจะรับน้องใหม่ให้หนำใจเลย ฮะๆๆๆ”
ทิพปภาปรี๊ดทันที เอาถาดข้าวยีหัวสม
“มึงด่ากูได้ แต่ห้ามแตะลูกกู อีสม”
สมตบกลับ แล้วจับหัวทิพปภาโขกกับโต๊ะ ก่อนจะกระโจนเข้ามานั่งคร่อมตบไม่ยั้ง ทิพปภาเองก็พยายามสู้ยิบตาเหมือนกัน สลับกันตบไปมา นักโทษอื่นๆ คอยเชียร์
ผู้คุมหญิงวิ่งเข้ามา เป่านักหวีดเสียดังปริ๊ด ในขณะที่ทิพปภากำลังเสียเปรียบ โดนบีบคออยู่พอดี

แพทมาเยี่ยมทิพปภา อะตอมนั่งข้างๆ แพทฟังแล้วสุดจะกลุ้ม
“โธ่! พี่ทิพ อุตส่าได้เป็นนักโทษชั้นดี ไปมีเรื่องอีกทำไม”
“ก็มันมาว่ารัญ พี่ไม่ตบให้ฟันร่วงก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“แต่มันจะทำให้พี่โดนลดชั้น แล้วมันก็จะมีผลกับการขอลดโทษนะ...”
ทิพปภาตวาดใส่ทันที แพทยังพูดไม่จบ “พอแล้ว ฉันอยู่ในนี้มา 10 ปี ฉันรู้ดีกว่าแกว่าต้องทำไง” แพทเลยต้องเงียบ
อะตอมแทรกขึ้น “อย่าทะเลาะกันครับ คุณครูบอกว่า ทะเลาะกันเป็นสิ่งไม่ดี”
ทิพปภาจี๊ดทันที เมื่อถูกแทงใจดำ “เออ ก็เพราะป้าทิพ มันเป็นคนเลว ชอบทำเรื่องชั่วๆ ยังไง ถึงต้องมาใช้กรรมติดคุกอยู่ในนี้” ทิพปภาน้ำตาคลอ “อย่าทำผิดทำเลวแบบป้าทิพนะอะตอม อย่าทำเป็นอันขาด เพราะเราจะไม่เหลือคนที่เรารักอยู่ข้างๆ อีกเลย”

ภาพเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ผุดขึ้นมาหลอกหลอนทิพปภาอีกครั้ง เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนกลางวัน ที่ข้างทางบริเวณพงหญ้ารกเรื้อ แห่งหนึ่ง
เสียงปืนดังปัง ชล สามีทิพปภายิงสวนออกไป ทิพปภาหลบอยู่ที่หลังรถกะบะมีกระเป๋าใส่ยา สามียิงต่อสู้ สองคนโดนตำรวจล้อมจับ
ทิพปภาลนลาน “เอาไงดีพี่ ตำรวจล้อมเราไว้หมดแล้ว”
“เดี๋ยวพี่จะยิงคุ้มกันให้ ทิพเอาของหนีไปก่อน”
“ไม่ ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”
สามีตัดสินใจพยักหน้าก่อนจะยิงโต้ตอบตำรวจไปอีกรอบ แล้วพากันวิ่งออกไป ชลโดนยิงเข้ากลางหลัง ทรุดตัวนอนลงไป ก่อนสิ้นใจตายคาที่
ทิพปภากรีดร้อง “พี่ ....พี่ชล....พี่....”
ตำรวจสองคน เข้าชาร์จทิพปภาทันที
“วางกระเป๋าลง แล้วยกมือขึ้น”
ทิพปภาทิ้งกระเป๋า ยกมือตามสั่ง ตำรวจผลักให้นอนลง กดไว้ ทิพปภาน้ำพาไหลพราก มองสามีที่นอนตายอยู่ หัวใจสลาย
“พี่ ฮือ ๆๆๆๆ”
ตำรวจอีกคนเปิดประเป๋า เห็นยาบ้าอัดอยู่เต็ม

อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ทิฟปภาอยู่ในห้องขังแล้ว ย่ามาเกาะกรงขังชี้หน้าด่า รัญธิดายืนอยู่ข้างๆ น้ำตาไหลพรากตลอดเวลา
“ลูกกูตายเพราะมึง อีทิพ อะไรดลใจ ให้มึงทำเรื่องชั่วๆ แบบนี้ เพราะมึงใช่มั้ยที่อยากรวย บังคับให้ไอ้ชลมันค้ายา มันถึงได้ตาย อีคนเลว
ทิพปภาส่ายหน้า น้ำตาไหล มองหน้าลูกสาว เห็นรัญธิดาร้องไห้
“แม่...แม่จ๋า...ออกมาเถอะ แม่เข้าไปอยู่ในนั้นทำไม” ทิพปภาเอาลูกมากอดผ่านกรงขัง ร้องไห้กันทั้งแม่ลูก
“ฉันผิดไปแล้วจ้ะแม่ แต่ว่าลูกฉันมันไม่ได้รู้เรื่องอะไร ฝากรัญมันด้วยนะ”
ย่ามองรัญธิดาด้วยความเกลียดชัง
“กูเลี้ยงพ่อมันมา ยังไม่ทันมันได้เลี้ยงดูกูตอบแทน มึงยังเอาลูกมาให้กูเลี้ยงอีกเหรอ”
ทิพปภายกมือขึ้นไหว้แม่ผัว
“ฉันไม่เหลือใครจริงๆ จ้ะแม่ ฉันขอร้องละแม่ นึกว่าสงสารเถอะ รัญมันก็หลานแม่นะ”
รัญธิดาถอยกรูด “ไม่ไป หนูจะอยู่กับแม่”
“มึงจะอยู่กับแม่มึงในคุกเหรอ ไป ไปกับย่า”
ย่าเข้ามาลากตัวรัญธิดาออกไป ทั้งๆ ที่รัญขืนตัวเองไว้ ทิพปภามองดูลูกที่ถูกลากตัวออกไปอย่างเจ็บปวด

ภายในที่ห้องเยี่ยม ทิพปภาดึงตัวเองกลับมาน้ำตาคลอๆ แล้วก็เมินหน้าหนี เช็ดน้ำตา ทำใจให้เข้มแข็งอีกครั้ง
“คนเลวอย่างป้า มันก็ต้องได้รับกรรมแบบนี้แหละ” ทิพปภาถามอะตอม “แล้วพี่รัญอยู่ไหนล่ะ พามาหาป้าซิ ป้าคิดถึงอยากเห็นหน้าพี่รัญเต็มแก่แล้ว”
เด็กชายตัวน้อยอึกอัก “เอ่อ คือว่า...”
พลางอะตอมเหลือบตาดูแม่ ว่าจะเอาไงกันดี แพทจับมืออะตอมดึงเอาไว้ แอบส่ายหน้าไม่ให้พูด
“เอ๊ะ ยังไงกัน แม่ลูกคู่นี้ เงียบกันไปทั้งคู่” ทิพปภาคาดคั้นแพท “ว่าไงแพทรัญล่ะ ฉันจะได้เรียกอีพวกนั้นมาดูลูกสาวฉัน พวกมันจะได้อิจฉา ว่าลูกของชั้นน่ะมันเลิศขนาดไหน”

แพทกลืนน้ำลายเอื้อก อึกอักไม่รู้จะบอกยังไง

ด้านรัญธิดายืนอยู่ที่เคาน์เตอร์อาคารต้อนรับของพีระ แรนโช รีสอร์ต คิดคำนึงถึงเรื่องเมื่ออดีตนี้เช่นกัน แล้วก็รู้สึกเจ็บแค้นขึ้นมาอีก จังหวะนี้เฉิดโฉมวิ่งหน้าตื่นมาหา

“นี่เธอ กรุ๊ปทัวร์ยังไม่ลงใช่มั้ย” เฉิดโฉมถาม
“ค่ะ เมื่อกี้ ไกด์โทร.มาบอกอีกสิบห้านาทีค่ะ รถมีปัญหานิดหน่อย”
เฉิดโฉมถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบเอากระจกแป้งมาส่องตบความเรียบร้อย
“เอ๊ะ วันนี้มันหยุดเธอไม่ใช่เหรอ แล้วมาเสนอหน้าทำไมไม่ทราบ”
“อ๋อ...รัญแลกเวรกับพี่เจี๊ยบนะคะ พี่เค้าต้องพาลูกไปหาหมอ รัญอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้มีธุระที่ไหน เลย มาทำงานดีกว่า”
“โอ๊ย ขยันจริงนะๆ แต่บอกก่อน ถึงจะเอาหน้าแบบนี้แต่เงินเดือนไม่ขึ้นหรอกนะ” แล้วจู่ๆ โฉมก็คิดได้รีบเช็ค “เออนี่...เธออยู่กับน้าสาวเหรอ แล้ว...น้าเธอ ยังอยู่ดีมั้ย ไม่ได้โดนปละ...” เฉิดโฉมจะพูดว่าปล้ำ “เอ๊ย...คือหมายถึง ไม่ได้เจ็บไข้อะไรใช่มั้ย”
“ค่ะ ก็ปกติดีนี่คะ” เฉิดโฉมโล่งอก รัญธิดาเอะใจ “เอ๊ะ นี่ พี่โฉมรู้จักน้าแพทด้วยเหรอ”
เฉิดโฉมรีบบอก “เปล่าๆ ก็แค่ได้ยินเค้าคุยกันๆ แล้วแม่เธออยู่ไหนล่ะ ทำไมถึงมาอยู่กับ น้าล่ะ” รัญธิดาชักสีหน้าทันที “แล้วตกลงที่เค้าว่าน้าเธอโดนผัวทิ้งจนต้องหอบลูกชายมาอยู่ที่นี่นะจริงหรือเปล่า”
“รัญคิดว่านี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถึงพี่โฉมจะรู้ก็ไม่ได้ทำให้งานดีขึ้นหรอกค่ะ รัญขอไม่ตอบนะคะ ...กรุ๊ปทัวร์มาพอดี รัญขอตัวไปทำงานที่ควรทำก่อน”
รัญตัดบทแล้วเดินออกไป
“หน็อย นังเด็กใหม่ คิดว่ามันจะติ๋มๆ ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ” เฉิดโฉมฮึดฮัดท่าทีหมั่นไส้

แพทพาอะตอมออกมาหน้าเรือนจำ อะตอมหน้านิ่วคิ้วขมวด แพทสังเกตเห็น
“อะตอม เป็นอะไรไปเหรอ”
“แม่แพทฮะ ตอมว่า ที่เราทำเมื่อกี้ มันไม่ถูกต้องนะฮะ”
เหตุการณ์เมื่อครู่ในห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง ผุดขึ้นในความคิดเด็กน้อย
เวลานั้นแพทยื่นการ์ดให้ทิปภา
“นี่ค่ะ รัญฝากมาให้ค่ะพี่ทิพ”
ทิพอึ้งไป แล้วก็ยิ้มแต่ก็รับมาดูอย่างปลาบปลื้ม
“คือ รัญบอกว่ามีกรุ๊ปทัวร์เกาหลีมาลงกระทันหัน เป็นเวรแกพอดี เลยต้องอยู่ดูแล เค้าฝากกราบขอโทษพี่ทิพย์มาด้วยค่ะ”
“อ๋อ งั้นเหรอ งานต้องสำคัญกว่านะ น่ารักจริงๆ มาไม่ได้ ก็มีของให้แม่ไม่ได้ขาด...ลูกรัญของแม่” ทิพปภาจูบการ์ดน้ำตาคลอ
แพทแอบโล่งอก

อะตอมเอ่ยขึ้น “การ์ดนั้น แม่แพทแวะซื้อตอนมาไม่ใช่หรือครับ” แพทสะดุ้ง “ครูบอกว่า การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี
“เอ่อ...คือ” แพทตัดสินใจ “ความจริง พี่รัญเค้าฝากให้แม่แพทซื้อให้นะ เค้าบอกแม่มาตั้งหลายวันแล้ว”
“แม่แพทมาทีไร ก็เอาของมาให้ป้าทิพ แล้วก็บอกว่าพี่รัญฝากมาให้ทุกที” อะตอมบ่น
แพทร้อนตัว เดินชนผู้หญิงที่ผ่านมา
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” แต่แล้วก็ชะงัก เพราะคลับคลายคลับคลา “คุณ...เจี๊ยบใช่มั้ยคะ”
ที่แท้เป็น เจี๊ยบ พนักงานหญิงในรีสอร์ทฟ้าเคียงดินคนหนึ่งที่รู้จักกับรัญธิดา และแพท

ขณะเดียวกันพีทยืนมองดูรัญธิดาจากหน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิดตัดสินใจ ไม่ได้มีอารมณ์วาบหวามอินเลิฟแต่อย่างใด
พีทมองดูรัญธิดาต้อนรับแขกอย่างร่าเริงแจ่มใส ช่วยประคองคนแก่ลงรถตู้มาอย่างสุภาพ และหัวเราะระรื่นกับเด็กๆ ที่ตามมาด้วย
จังหวะนี้ประทินเคาะห้องเข้ามา พีทหันกลับมา
“ผมเอายาที่คุณพีทเจอในห้องนายแม่ไปเช็คให้แล้วครับ” พลางประทินส่งเอกสารให้
“แน่ใจนะ ว่าแม่ไม่รู้เรื่องนี้”
“ครับ ผมระวังอย่างดี หมอยืนยันว่า เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ”
พีทรับเอกสารที่เปิดดูแล้วก็ถอนหายใจหนักหน่วง สีหน้าเศร้าลงขณะถาม
“ระยะไหนแล้ว”
“ระยะที่สามครับ นายแม่ขอร้องหมอที่รักษาให้ปิดเป็นความลับ แต่เท่าที่ผมสืบทราบ ดูเหมือนว่าตอนนี้ยาที่ให้จะไม่ได้ผล มะเร็งเริ่มลามไปส่วนอื่น หมอกำลังจะเปลี่ยนยาตัวใหม่ให้”
พีทไม่มีแรงพูดตอบ ทำได้แค่พยักหน้ารับ แล้วทรุดตัวลงนั่ง ตามองรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเป็นรูปแต่งงานเก่าๆ ของพ่อกับแม่ น้ำตาค่อยๆ เอ่อ เมื่อคิดถึงคำของพ่อ
“ผู้หญิงคนนี้ พ่อรักสุดหัวใจ ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ลูกต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุดนะ”
พีทเงยหน้า ไม่ให้น้ำตาเอ่อ ก่อนจะลุกขึ้น ตัดสินใจเด็ดขาด
“ประทิน เดี๋ยวตามรัญธิดามาหาผมด้วย”

ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องทำงานพีทเปิดออก เห็นรัญธิดาเดินเข้าไป พีทนั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง ประตูปิดลง

เย็นนั้นรัญธิดาเดินเข้าบ้านมา ท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่อย่างลึกซึ้ง เสียงแพทดังขัดขึ้น
“พี่ทิพ เค้าชอบการ์ดมาก”
รัญธิดาสะดุ้ง เมื่อเจอแพทยืนอยู่มุมหนึ่ง
“คะ”
“จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าการ์ดอะไร” แพทจ้องหน้าหลานสาว
รัญธิดายักไหล่ แล้วเดินไปรินน้ำอย่างไม่สนใจ แพททนไม่ไหว
“อย่าทำกิริยาแบบนี้นะ นั่นนะแม่เรานะ พี่ทิพเค้าคิดว่ารัญจะไปเยี่ยมวันนี้ เค้าตั้งตารอรัญแต่ก็ผิดหวังเหมือนเดิม”
“ก็รัญติดงานไปไม่ได้”
“โกหก วันนี้น้าเจอคุณเจี๊ยบ เค้าบอกว่ารัญเป็นคนขอแลกเวรกับเค้าเอง กี่ปีแล้วที่รัญไม่เคยไปเยี่ยมแม่ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปิดเทอมรัญก็ไม่เคยกลับบ้าน อ้างว่าทำงานที่คณะ จบกลับมาทำงาน ที่นี่ รัญก็หาข้ออ้างได้ทุกครั้งที่จะไปเยี่ยมพี่ทิพ รัญไม่สงสารแม่บ้างเหรอ รู้มั้ยว่าชีวิตในนั้นมันทรมานแค่ไหน”
“แล้วชีวิตรัญที่ผ่านมาล่ะ มันก็ทรมานพอกัน รัญไม่ได้อยากจมปลักอยู่อย่างนี้ รัญอยากมีชีวิตใหม่จริง ๆ เสียที น้าแพทเข้าใจมั้ย รัญอยากลืมอดีตให้หมด รัญไม่ได้อยากมีแม่ขี้คุก! รัญอายคนเค้า เข้าใจมั้ย”
แพทบันดาดาลโทสะตบหน้าหลานสาวทันที รัญธิดาอึ้งไปเหมือนกัน แพทเองก็เสียใจที่ตบหลาน และที่เสียใจยิ่งกว่าคือความคิดแค้นของรัญธิดาที่มีต่อทิพปภา
“น้าเลี้ยงรัญมา ทุ่มเททั้งหมดของชีวิตตัวเอง ไม่ได้เพื่อให้รัญกลายเป็นคนอกตัญญูแบบนี้”
สองสาวมองหน้ากัน ต่างสะท้อนความรู้สึกภายในใจที่มีต่อกันออกมา รัญธิดานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียดที่มีต่อแม่และชะตาชีวิตของตัวเอง รัญวิ่งหนีออกมา แพทถอนใจยาว มองมือตัวเองที่ตบหลาน แล้วทรุดอย่างเสียใจ

รัญธิดาเข้าห้องมา ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ก่อนเช็ดน้ำตาตัดสินใจได้ หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากดโทร.ออก

พีทอยู่ห้องทำงานพีทหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล”
“คุณพีทคะ เรื่องที่คุณพีทถามรัญเมื่อตอนบ่าย รัญพร้อมจะให้คำตอบแล้ว รัญยินดีคบกับคุณจริงๆ แล้วค่ะ”
พีทนิ่งๆ “ขอบคุณมาก ที่ให้เกียรติผม ขอบคุณจริงๆ รัญธิดา...ผมจะดูแลคุณอย่างดีที่สุด”
พีทวางหูโทรศัทพ์ช้าๆ แต่สีหน้าไม่ได้มีความยินดีกับคำตอบที่ได้รับ สายตาของหนุ่มรูปงามกลับเหลือบมองรูปพ่อกับแม่ที่วางอยู่แทนหยิบรูปขึ้นมามอง
“ผมจะทำหน้าที่ของลูกที่ดี ให้สมบรูณ์ที่สุดด้วยชีวิตของผมเองนะครับแม่”
รัญธิดาเองก็เหมือนกัน เมื่อวางหูไปก็ไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มยินดีอย่างคนที่กำลังมีแฟน กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันที่อยู่ข้างใน รัญธิดาเปิดลิ้นชัก หยิบตลับใส่สร้อยที่ร้อยแหวนเงินวงเล็กๆ ที่แอบไว้ออกมาดู เห็นเป็นแหวนที่ธาริศให้ไว้ หญิงสาวมองดูด้วยความรู้สึกทั้งรักและแค้น
“ชีวิตของรัญ จะต้องไม่เป็นแบบที่ผ่านมาอีก...ไม่มีวัน”

รัญธิดาเก็บแหวนใส่ตลับเก็บเข้าลิ้นชัก แล้วปิดลิ้นชักทันที ตัดสินใจเด็ดขาด ในท่าทีอันมาดมั่น

อ่านต่อหน้า 4

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 1 (ต่อ)

คืนเดียวกันนั้น พีทเทน้ำเต้าหู้จากถุงใส่ถ้วย กันตาผู้เป็นมารดานั่งมองอย่างชื่นใจอยู่ด้านหลัง

“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะลูก พีทถึงได้มาหาแม่ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”
พีทยกเอาถ้วยน้ำเต้าหู้มาส่งให้แม่พลางบอก
“อยู่ดีๆ ผมก็คิดถึงแม่ขึ้นมานะครับ...ขับรถผ่านน้ำเต้าหู้เจ้านี้ เห็นคนรอคิวกันแถวยาวปี้ด เลยซื้อมาให้แม่ลองชิมดูว่าดีมั้ย”
กันตาลองกินน้ำเต้าหู้
“อืม...ชื่นใจ...อร่อยดีจ้ะ ลองชิมดูไหมลูก” กันตาว่าพลางเอาถ้วยมาจ่อปากลูกชาย
พีทสบตาแม่พร้อมกับยิ้มให้ แล้วจิบน้ำเต้าหู้
“อืม...อร่อยดีนะครับ ไม่หวานดี...แต่ผมว่าก็ยังสู้เจ้าโกชินที่แม่เคยซื้อให้ตอนเด็กๆ ไม่ได้...ไม่รู้แกย้ายไปอยู่ซะที่ไหน”
กันตาหลบตานิดๆ ก่อนตอบ
“อ๋อ แกเสียไปเมื่อเดือนก่อนนี้เอง เค้าบอกว่าแกเป็นมะเร็งนะ พอตรวจเจอว่าเป็น อีกเดือนหนึ่งก็เสียเลย”
พีทอึ้งมองแม่นิ่งๆ กันตาหันไปมองทางอื่น พลางจิบน้ำเต้าหู้ ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พีทถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่แม่จะไม่เป็นแบบนั้นใช่มั้ยครับ”
กันตาชะงัก ทั้งห้องเงียบกริบ อึ้งกันไปทั้งสองแม่ลูก ก่อนที่กันตาจะพูดเสียงดังกลบเกลื่อน
“อะไร โอ๊ย ลูกคิดว่าไอ้โรคพวกนี้จะทำอะไรคุณนายกันตาแห่งฟ้าเคียงดินได้เหรอ ลูกเคยเห็นแม่ไม่สบายกับเค้าบ้างหรือเปล่า หนังเหนียวขนาดนี้ไม่มีทาง”
พีทพลอยพูดเล่นไปด้วย “นั้นซิฮะ คนอย่างคุณนายกันตา ขนาดโรคภัยยังกลัว” แล้วลุกขึ้นยืน พูดสัพยอกผู้เป็นมารดา “แม่กินวิตามินหรือยังครับ เดี๋ยวผมไปจัดให้ กินวิตามินเยอะๆ จะได้มีแรงทะเลาะกับผมไปได้อีกนานๆ ไงครับ”
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วง แม่จะตามวุ่นวายกับพีทไปอีกสิบปียี่สิบปี จนลูกเบื่อเลยแหละ...คอยดูสิ”
กันตาหัวเราะชอบใจพีทหัวเราะตาม แล้วลุกไปหยิบวิตามินมาจัดเป็นชุดๆ รอยยิ้มบนใบหน้ากันตาจางลงกลายเป็นหม่นหมอง พีทเองมองแม่อยู่ด้านหลัง รู้สึกเป็นห่วง และกังวลมากเช่นกัน

กันตาเปลี่ยนชุดนอนแล้วเอนตัวลงนอน พีทตามมาส่งแม่เข้านอน ห่มผ้าให้แม่
“กลับไปบ้านลูกได้แล้วล่ะจ้ะ”
“กู๊ดไนท์ครับแม่”

“กู๊ดไนท์จ๊ะขับรถดีๆ นะลูก”
พีทปิดไฟ เดินออกจากห้องไป ลับร่างลูกชายกันตายันกายลุกขึ้น สักครู่หนึ่งยินเสียงรถพีทขับแล่นออกจากบ้านแว่วๆ กันตาถอนหายใจ เหมือนทำใจได้ เตรียมตัวนอน หญิงสูงวัยค่อยๆ ถอดวิกออก วางไว้ข้างตัว เห็นว่าผลข้างเคียงจากการทำคีโม เวลานี้กันตาหัวล้านหมดหัวแล้ว
ซึ่งพีทไม่รู้ เรื่องนี้!

เช้าวันต่อมา แพทเปิดประตูเข้ามาในร้านกาแฟของปีเตอร์ อย่างรีบร้อน เดินตรงมาหาเตอร์ที่เคาน์เตอร์
“มีอะไรเหรอจ๊ะโทร.ไปตามชั้นทำไม”
เตอร์หันไปพยักพเยิดให้แพทดู เห็นเฉิดโฉม กับเชอรี่เพื่อนร่วมแก๊งสวยใสไร้สมอง ซึ่งทำงานที่เดียวกันและคอยเป็นลูกคู่ให้เฉิดโฉม นั่งอยู่ในร้านนานแล้ว เตอร์แอบกระซิบ
“ยายสองคนนั่นน่ะซื้อกาแฟแก้วเดียว แถมแก้วเล็กสุดด้วยนะ นั่งมาสามชั่วโมงแล้ว แต่นั้นน่ะไม่ใช่ประเด็นหรอก...มันอยู่ที่ว่า คราวก่อนแพทถามเรื่องคุณพีทเจ้าของรีสอร์ตฟ้าเคียงดินใช่มั้ย”
แพทพยักหน้า “ใช่”
เตอร์เม้าท์มอยต่อ “ตลอดสามที่ชั่วโมงที่นั่งมา ยายสองคนเนี่ยเมาท์เรื่องคุณพีทเสียสองชั่วโมงครึ่งนะซิ”
แพทชะงัก คราวนี้เหลียวไปมองอย่างสนใจ

ครู่ต่อมาแพทถือเหยือกน้ำเข้าไปเติมให้ เฉิดโฉมที่เมาท์อยู่กับเชอรี่
“รับน้ำเพิ่มมั้ยค่ะ”
เฉิดโฉมเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าเป็นแพทก็จำได้ ออกอาการตกใจเล็กน้อย แล้วแดกดันทันที
“เธอนั่นเอง ต๊าย นี่รับจ็อบเป็นสาวเสิร์ฟร้านกาแฟด้วยเหรอ”
“คุณจำฉันได้” แพทชะงัก
“แน่นอน เธอทำให้พลาดการประกวดเทพีน้อยหน่า แล้วฉันก็รู้อีกนะ ว่าเธอเป็นน้าสาวของยายรัญธิดา”
“เอ๊ะ นี่คุณดูจะรู้เรื่องฉันดีจังนะ”
เฉิดโฉมรีบโวยวายกลบเกลื่อน “แม่ม่ายอย่างเธอ ใครๆ เขาก็รู้เรื่องกันทั้งอำเภอ...แล้วอีกอย่าง...ชั้นกำลังจะมาเป็นนายหญิงของรีสอร์ตฟ้าเคียงดิน ชั้นก็ต้องรู้เรื่องลูกน้องในปกครองชั้นดี”
แพทชะงัก “นายหญิงของรีสอร์ต”
เตอร์ทนไม่ไหว แถเข้ามา
“คนเรานี่ก็แปลกนะ เรื่องคนอื่นละชอบสอดรู้กันดีนัก แต่ไม่เคยมองตัวเอง กำลังจะเป็นนายหญิงงั้นเหรอ...คิดไปเองหรือเปล่าคะคุณ”
“เฉิด เค้าหาว่าแกมั่วนิ่มเอาเองว่าเป็นแฟนคุณพีทล่ะ” เชอรี่บอก
เฉิดโฉมตวาดแว้ด “ฉันได้ยินแล้ว งั้นดูนี่”
เฉิดโฉมรีบกดโทรศัพท์ แล้วโชว์รูปที่ถ่ายกับพีท แต่เป็นภาพถ่ายกันหลายคน พีทถ่ายกับพนักงานในรีสอร์ต แต่เฉิดโฉมอยู่ติดกับพีท เฉิดโฉมรีบขยายรูปให้คนอื่นๆ หลุดเฟรมไป เหลือตัวเองกับพีท 2 คน
เฉิดโฉมคุยโว “เห็นหรือยัง ชัดมั้ย”
เตอร์คว้าโทรศัพท์มาดูแล้วหัวเราะ
“ไม่ชัด” แล้วเกย์ผมทองเอาโทรศัพท์มาเคาะให้กลายเป็นภาพปกติแล้วหัวเราะขบขัน “ภาพหมู่ ฮะๆ ๆๆ แหมทำไมไม่เอาที่มันไกลกว่านี้ล่ะ หรือว่าจะถ่ายติ่งหู แล้วก็ให้ทายซิ แฟนฉันเป็นใครก็ได้นะ”
เฉิดโฉมปรี๊ดไม่ยอมเสียหน้า ตะแบงต่อ
“ก็ภาพพวกนี้น่ะถ่ายที่ทำงาน จะประเจิดประเจ้อได้ยังไง มันก็ต้องรักษาภาพเจ้านายลูกน้องเอาไว้ แต่ลับหลังคนอื่น...” เฉิดโฉมเว้นวรรค จงใจเว้นให้คิดเอง แล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับเชอรี่ “ใครจะมารู้ดีเท่าชั้นกับคุณพีท...” หัวเราะชอบอกชอบใจ “จริงมั้ยเชอรี่”
เชอรี่หัวเราะคิกคิก
แพทชักคิดหนัก ไม่ค่อย ไว้ใจพีทขึ้นมาอีกพึมพำเบาๆ ไม่มีใครได้ยิน

“ผู้ชายแบบนั้น...ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”

เฉิดโฉมเดินดูดกาแฟเข้ามาหน้าออฟฟิศรีสอร์ตพร้อมกับเชอรี่ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองหนีงานไปนั่งเมาท์อยู่หลายชั่วโมง จึงรีบเอาแก้วแอบไว้ข้างหลังกัน

สองสาวมองไปเห็น ฝนกับพนักงานรีสอร์ต 3 - 4 คน ยืนมุงกันอยู่ที่ระเบียง ท่าทางฝนลุ้นสุดๆ แถมหัวเราะคิกคัก บางครั้งถึงกับเอามือปิดหน้าอายๆ ปนชื่นชม เฉิดโฉม สนใจทันที
“นี่ มุงดูอะไรกันนะ” เฉิดโฉมแหวใส่
ฝนหันมา “คุณพีท...คุณพีท” แล้วพูดไม่ออก เอาแต่หัวเราะคิกคัก
เฉิดโฉมเข้าไปดูบ้าง เห็นรัญธิดากับพีท เดินคุยกันอยู่ที่สนามหญ้ามุมหนึ่งในรีสอร์ต ท่าทางสนิทสนม

เฉิดโฉมตาถลน “นังเด็กใหม่ มันจะมากไปแล้ว เสนอหน้าไปตีเสมอคุยกับคุณพีทเป็นวรรคเป็นเวรแบบนั้นได้ยังไงอย่างนี้ต้องสั่งสอน”
“คนเค้ากิ๊กกัน มันจะตีเสมอตรงไหนเหรอค่ะ คุณเฉิด” ฝนว่า
เฉิดโฉมฉุน “นี่นังฝนพูดอะไรออกมา ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้...หรือจะให้ชั้นตบสั่งสอนให้”
ฝนโมโหที่ถูกจิกหัวด่า แต่แล้วก็ข่มอารมณ์สวนกลับ
“เอางี้มั้ยคะ ถ้าฉันพูดผิด ฉันจะให้คุณเฉิดตบ แต่ถ้าไม่ ขอกลับกัน”
“กลับกัน หมายความว่าไงนะ”
เชอรี่แปลให้ “อ๋อ ก็หมายถึงนังฝนมันจะตบปากเธอแทนไงเฉิด”
เฉิดโฉมกรี๊ด ดิ้นเร่าๆ เพิ่งเข้าใจ
“อ๊าย...” ชี้หน้าจะเอาเรื่อง “นังฝน นังนี่กล้า...” ทำท่าจะเข้าไปตบฝน
ประทินเดินเข้ามาในจังหวะนี้พอดี เอ็ดพวกสาวๆ
“อ้าวๆ จับกลุ่มกันทำอะไร หวยก็ยังไม่ออกนี่นา”
ฝนรีบหนีไปหาประทิน “นี่ยิ่งกว่าหวยออกอีกพี่ทิน”
“ผู้จัดการมาก็ดีแล้ว ควรสั่งสอนเหมดคนนี้บ้างนะ เที่ยวปล่อยข่าวลือมั่วๆ ออกมาสร้างความเสียหายให้กับคุณพีทและรีสอร์ตของเรา”
ฝนเถียงอีก “มันจะเสียหายตรงไหน กับการที่รีสอร์ตเราจะมีนายหญิงเสียที! ดูซิ เดินคุยกระหนุกกระหนิงแบบนี้ คุณพีทน่ะ เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนกัน นอกจากแม่นาย”
ประทินเขกหัวฝนดังโป๊ก
“นี่แน่ะ ช่างวิเคราะห์ดีนักนะ รู้ไปเสียทุกเรื่องจริง ๆ นะเอ็ง ห้องลูกค้าทำความสะอาดเสร็จแล้วเหรอ”
ฝนสะดุ้งบ้างเพราะทำงานยังไม่เสร็จ
ประทินหันไปแดกดันไล่บี้คนอื่นๆ “พวกนี่ก็เหมือนกัน ว่าไง หน้าฟร้อนท์ไม่มีคนอยู่เลย ลูกค้าเข้ามาให้เดินชมเองเลยมั้ย จะได้ไม่ต้องจ้างพวกเธอแล้ว ดีมั้ย”
พนักงานรวมทั้งเฉิดโฉม สลายตัว แต่พอพนักงานสาวๆ สลายตัวไปหมด ประทินก็อดแอบดูไม่ได้ พลางพึมพำออกมา
“เอ...หรือมันจะจริงอย่างนังฝนว่า”

เย็นนั้นพีทเปิดประตูรถให้รัญธิดาที่ยืนรออยู่ รัญธิดายิ้มขอบคุณให้ กำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่โดนเฉิดโฉมซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เบียดตัวเข้ามาแทรกจนร่างรัญธิดาเซออกไป

“คุณพีทขา...อุ้ย บังเอิญจัง เฉิดกำลังจะเข้าเมือง ขอติดรถไปด้วยนะคะ อ้าว ยืนอยู่
ทำไมละจ๊ะ รัญ ไปนั่งหลังซิ จะได้รีบไป”
“รถรับส่งพนักงานก็มีไม่ใช่เหรอเฉิดโฉม” พีทว่า
เฉิดโฉมไม่สำนึก “แหม คุณพีทขา คือวันนี้เฉิดก็เวียนหัว ไม่ค่อยสบาย เลยไม่อยากนั่ง
เบียดๆ รวมๆ ไปกับพนักงานอื่น โอ๊ยๆ รู้สึกเหมือนหน้ามืดอีกแล้ว”
ไม่พูดเปล่าๆ เฉิดโฉม แสร้งทำเป็นซวนเซไปปะทะอกพีท ถือโอกาสซบ คิดว่าสำเร็จแน่ แถมยังแอบยิ้มเย้ยรัญธิดา รัญธิดารู้ทันแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ พีทเองส่ายหน้าไม่รู้ทำไง เฉิดโฉมยิ่งออเซาะใหญ่ ทำตัวอ่อนเปลี้ยเป็นลมล้มลง พีทเลยอุ้มเฉิดโฉมขึ้นมา เฉิดโฉมหรี่ตาแอบมองรัญธิดาที่ตกใจอยู่ และมองอย่างพอใจ
ประทินเดินกึ่งวิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นครับนี่คุณพีท”
“เฉิดโฉมไม่สบาย นายช่วยพาเค้าไปห้องพยาบาลทีก็แล้วกัน หรือถ้าเป็นมากก็เรียกรถพยาบาลมารับได้เลย ชั้นกับรัญต้องรีบกลับบ้าน”
“ได้ครับ อึ๊บ” ประทินรับร่างเฉิดโฉมไว้
“อ๊าย” เฉิดโฉมกรี๊ด รีบตะกุยตะกายลุกขึ้นหายป่วยเป็นปลิดทิ้ง “เดี๋ยวค่ะ คุณพีท ทำไมทิ้งโฉมแบบนี้ล่ะคะ”
“อ้าว หายดีแล้วนี่ งั้นก็ดี” เฉิดโฉมหุบปากทันที ไม่กล้าพูดมากที่พีทรู้ทัน พีทหันมาชวนรัญธิดา “เราก็ ไปกันเถอะครับ”
“ขอโทษทีนะคะ พี่โฉม บังเอิญรัญกับคุณพีท มีเรื่อง...” รัญธิดาจงใจเน้นคำให้รู้ “ส่วนตัวต้องรีบไป”
พีทกับรัญธิดาเดินออกไป เฉิดโฉมได้แต่หงุดหงิดดิ้นกระแด่วๆ ลงจากอ้อมกอดประทิน
“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” ลูบเนื้อลูบตัวประทินอย่างรังเกียจ “อี๋!”
“เธอนี่ตัวหนักไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ อุ้มแป๊บเดียวเล่นเอาหอบ” ประทินบ่น
“บ้า” เฉิดโฉมด่า แล้วก็ฉุกคิดที่รัญธิดาพูด “เรื่องส่วนตัวนี่หมายความ สองคน...” พีอาร์สาวทรงสบึมส์ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่ทำมือเป็นสัญลักษณ์โดยเอานิ้วมือชนกัน
“ฟีจเจอริ่งกันน่ะเหรอ ยังหรอก คุณพีทกับหนูรัญไม่ใช่คนไวไฟแบบนั้น คงแค่ดูๆ กันอยู่เฉยๆ”
เฉิดโฉมแทบคลั่ง รับไม่ได้ “อ๊ายๆๆ จะแบบไหนก็ ไม่จริงๆๆๆๆ”

ไม่นานต่อมา พีทขับรถมาส่งรัญธิดาที่หน้าบ้าน
“ความจริงคุณพีทไม่ต้องมาส่งรัญก็ได้ รัญกลับรถพนักงานเหมือนเดิมก็ได้
“อย่าพูดแบบนั้นซิ เธอตกลงคบกับฉันแล้วนะ ฉันต้องดูแลเธอสิ” พีทว่า
รัญธิดายิ้มรับบาง ๆ อย่างขวยเขิน
“คุณพีทจะเข้าบ้านก่อนมั้ยคะ”
“ไม่ดีกว่า ผมจะ...” ชายหนุ่มรูปงามพูดไม่ทันจบ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรลั่น หันไปด้านหลังเห็นรถแพทจ่อท้ายอยู่
แพทจงใจกดแตรอย่างกวนโมโห เมื่อมองไปเห็นพีทอยู่กับรัญธิดา โดยมีอะตอมนั่งอยู่ในรถด้วย
อะตอมยกมืออุดหู “แม่แพท กดแตรทำไมฮะ”
“ไล่ไก่น่ะลูก ไก่วัด มันจะได้วิ่งหนีไม่โดนสมภารจับกิน” แพทบอก
เด็กชายตัวน้อย งงไม่เก็ตคำแม่ “ไหนล่ะครับไก่วัด ไม่เห็นมีเลย”
แพทไม่ตอบ เปิดประตูรถลงมายืน แต่มือกดแตรต่อพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“ช่วยเลื่อนรถไปหน่อยนะคะ ชั้นจะรีบเข้าบ้าน”
รัญธิดาได้แต่ส่ายหัวถอนหายใจ เพราะรู้ว่าแพทแกล้งโวยวาย พีทหันกลับมาบอกรัญธิดายิ้มๆ
“ผมคิดว่า...ผมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ”

แพทเดินหน้างอง้ำ เข้าครัวมา มีรัญธิดาเดินตามต้อยๆ
“อะไรนะ จะกินข้าวที่นี่เหรอ เสียใจนะ น้าไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้”
“คุณพีททานง่ายค่ะ แค่ไข่เจียวก็ทานได้แล้ว”
“แต่น้าเจียวไข่ให้อะตอมกิน ไม่ได้ไว้ให้แขก”
“คุณพีทไม่ใช่แขกใหญ่โตนี่คะ และที่สำคัญ รัญ...” หญิงสาวโกหกออกไป “รัญเป็นคน
เชิญเค้าเองน้าแพทจะให้รัญเสียมารยาทไล่เค้ากลับเหรอ”
แพทประชดส่ง “ก็ดี เอาเลยซิ แล้วต่อไปรัญไม่ควรให้เค้ามารับมาส่งอีก เจ้านายอะไรกันมาส่งลูกน้องถึงบ้านได้ทุกเย็น พิลึก”
“ทำไมคะ”
“ก็เพราะคนจะนินทาเอานะซิว่า ทำเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า”
“แล้วทำไมต้องกลัวล่ะคะ ในเมื่อเราตกลงคบกันแล้ว”
“ว่าไงนะ”

ไข่ที่เตรียมตอกในมือแพท ร่วงตกลงพื้นครัวทันควัน

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น