“หาเหยื่อผู้หญิงที่กำลังเปิดประตูรถ เข้าประกบ ใช้อาวุธมีดจี้ บังคับให้ขึ้นรถ แล้วขับออกไป”
นี่คือคำสารภาพของโจรจี้ชิงทรัพย์และฆ่าเหยื่อสาวรายล่าสุด ทำเอาสาวๆ อกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน เพราะแม้แต่ห้างสรรพสินค้าซึ่งหลายคนมองว่ามีผู้คนพลุกพล่าน ยังหาความปลอดภัยไม่ได้อีกต่อไปแล้วในเมืองหลวงแห่งนี้!
เจตนาข่มขืน?
กลายเป็นข่าวครึกโครมสะเทือนขวัญกันทั้งประเทศ เมื่อเหยื่อสาววัย 23 ปี ถูกคนร้ายเข้าประกบ ใช้มีดจี้ชิงทรัพย์กลางลานจอดรถ แต่ต่อสู้ขัดขืนจึงถูกแทงเข้าที่ลำคอ ก่อนนำศพมาทิ้งไว้ในม่านรูด แล้วโบกแท็กซี่หนีไป
แต่ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว คือ ทัศไนย แสงศรี อายุ 26 ปี สารภาพว่าหวังชิงทรัพย์เพื่อนำเงินไปดาวน์รถจักรยานยนต์มาใช้ ส่วนสาเหตุที่ต้องนำศพมาทิ้งในโรงแรมม่านรูดก็เพื่อต้องการอำพรางคดี และที่ต้องเลือกสถานที่แห่งดังกล่าวเนื่องจากสมัยเป็นทหารเกณฑ์ เคยพาแฟนสาวมาพักนั่นเอง
จากการชันสูตรศพยังไม่พบว่ามีร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด มีเพียงร่องรอยการต่อสู้และบาดแผลลึกที่ลำคอจนทำให้ถึงแก่ชีวิตเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนบนโลกออนไลน์จำนวนมากที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ ก็ยังไม่สามารถสลัดประเด็น “เจตนาข่มขืน” ออกไปจากหัวได้ ทั้งยังตัดพ้อต่อบทลงโทษของสังคมไทยไปในทางเดียวกันว่า “สงสารน้อง ยังมีอนาคตอีกยาวไกล” และ “โทษมันเบาเกินไป คนแบบนี้ ต้องประหารอย่างเดียว!”
เสี่ยงเพราะกิจวัตร
ที่น่าสลดคือปากคำของพี่สาวผู้ตาย บอกเล่าถึงวันเกิดเหตุว่าน้องเดินทางกลับจากที่ทำงาน ซอยลาดพร้าว 80 เพื่อกลับบ้านพักที่สุขาภิบาล 3 แต่ระหว่างทางได้แวะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ โดยนำรถไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส ฝั่งตรงข้ามเพื่อสะดวกในการกลับรถ เมื่อซื้อของเสร็จน้องสาวได้เดินกลับมาที่ลาดจอดรถ คาดว่าคนร้ายอาศัยจังหวะที่น้องสาวกำลังเปิดประตูรถลงมือก่อเหตุทันที
“ปกติหลังเลิกงานน้องจะแวะซื้อของที่นั่นเป็นประจำค่ะ แต่จะมีเพื่อนหรือญาติไปด้วยตลอด ส่วนที่จอดรถก็มีลักษณะเหมือนที่จอดรถทั่วไป แต่จะเปลี่ยวในบางเวลา ถ้าเดินคนเดียวก็จะอันตรายมาก พวกเราไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน ทางครอบครัวของเราก็ยังช็อกมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยังรับไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียน้องไปกะทันหันแบบนี้”
เมื่อพิจารณารวมกับคำบอกเล่าของ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี จึงทราบว่าคนร้ายรายนี้มีการวางแผนเฝ้าติดตามดูเหยื่อที่เป็นหญิงสาวซึ่งมาใช้บริการลานจอดรถของห้างฯ เป็นประจำ เมื่อสบโอกาสจึงลงมือ สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายจากการทำกิจวัตรเดิมๆ ในเวลาเดิมๆ ของเหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้
พึ่งตัวเองไว้ก่อน
“เวลาเราเข้าไปในห้างฯ เราก็จะรู้ได้ว่าที่จอดรถปลอดภัยไหม ไฟสว่างพอไหม จุดอับ-จุดอ่อน มีไหม รปภ.มีเพียงพอไหม ถ้ามีความรู้สึกปลอดภัย เราก็ใช้ห้างฯ นั้น อันนี้คือหลักพื้นฐานง่ายๆ” พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ผู้รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ ฝากวิธีเฝ้าระวังเอาไว้ให้ลองปฏิบัติกัน
ในส่วนของตำรวจเอง ขณะนี้พยายามประสานกับทางห้างสรรพสินค้า ให้เพิ่มกำลังผู้รักษาความปลอดภัย ให้จัด Safety Zone (โซนปลอดภัย) สำหรับลูกค้าสุภาพสตรีขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยกำหนดให้มี Lady Parking ที่จอดรถสำหรับสุภาพสตรี มีรปภ.ซึ่งเป็นสุภาพสตรีเช่นเดียวกันมาดูแล
“เราทำได้แค่ขอความร่วมมือไปครับ แต่ทางห้างฯ เขาจะทำไหม เราคงไปบังคับเขาไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือทางตำรวจจะขับรถเข้าไปลาดตระเวนตามแต่ละพื้นที่เป็นระยะๆ แต่ต้องยอมรับว่าคงทำไม่ได้มากนัก เพราะหลักๆ แล้วต้องเฝ้าระวังถนนสายหลักและจุดเสี่ยงอื่นๆ มากกว่า”
เพราะฉะนั้น จึงขอให้ผู้ใช้บริการห้างสรรพสินค้าระมัดระวังตนเองในเบื้องต้นเอาไว้ก่อน คือจอดรถในที่ที่มีคนจอดจำนวนมาก และขอให้ตรวจตราพื้นที่โดยรอบให้ดี ที่สำคัญอย่าไว้ใจใครทั้งนั้น และอย่าตัดสินคนจากรูปพรรณภายนอก เพราะผู้ต้องหาในคดีนี้ก็มีหน้าตาท่าทางปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป ไม่ส่อพิรุธว่าเป็นโจรแต่อย่างใดเลย
แต่หากมาถึงจุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว กลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายถูกประกบจี้ชิงทรัพย์เสียแล้ว “ขอให้มีสติ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากับคนร้าย บอกเขาว่ายินดีจะให้ทรัพย์สินที่ต้องการ อย่าไปต่อสู้ขัดขืนอะไร เพราะถ้ายิ่งสู้ ยิ่งจะทำให้คนร้ายตกใจ และพลั้งมือทำร้ายเราได้ รอดูจังหวะดีๆ มีคนเดินมาถึงค่อยตะโกนขอความช่วยเหลือ ที่สำคัญต้องมีสติให้มากๆ และค่อยๆ พิจารณาตามสถานการณ์ไปว่าควรจะรับมือยังไงดี”
13 เทคนิค ถ้าไม่อยากตกเป็น “เหยื่อ”
จากการศึกษาพบว่าอันตรายซึ่งเกิดขึ้นจากที่จอดรถในห้างสรรพสินค้า บริษัท และที่ทำงาน ทุกวันนี้มีอัตราเพิ่มมากขึ้น โดยคนร้ายมักเลือกเหยื่อที่ผมยาว เพราะง่ายต่อการกระชากและทำร้าย หรือเลือกคนที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ และถ้าคุณไม่อยากตกเป็นเหยื่อ มหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ได้เสนอแนะวิธีเอาตัวรอดจากการจอดรถเอาไว้อย่างน่าสนใจ ลองนำไปใช้กันดู อะไรๆ น่าจะดีขึ้น
1.ไม่ควรทิ้งของมีค่าและของล่อใจไว้บนรถ แม้แต่เศษสตางค์ก็ควรเก็บให้มิดชิด 2.เอากุญแจออกจากรถและล็อกรถทุกครั้ง 3.เลือกสถานที่จอดรถที่ปลอดภัย ให้จอดใกล้กับทางลง ใกล้ผู้คน บันไดหรือลิฟต์ และหลีกเลี่ยงการจอดรถในชั้นที่ว่างหรือไม่ค่อยมีคนอื่นใช้ 4.สำรวจพื้นที่ก่อนตัดสินใจเข้าจอด หากไปจอดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและรู้สึกกังวลในความปลอดภัย ให้เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ไปหาที่จอดที่อื่นเสีย
5.ทุกครั้งที่จอดรถใช้วิธีขับถอยหลังเข้าซอง เพื่อให้หน้ารถหันออกมา เทคนิคนี้จะทำให้ภายในรถอยู่ในสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาตลอดเวลา และยังทำให้สามารถขับรถออกไปได้ในทันทีเมื่อเกิดเหตุกะทันหัน 6.มองไปรอบๆ อย่างถี่ถ้วนก่อนลงจากรถ และเมื่อลงจากรถแล้วให้เดินอย่างรวดเร็วไปที่ประตูทางออกหรือลิฟต์ทันที อย่ามัวแต่รับโทรศัพท์หรือหาของในกระเป๋า
7. หากรู้สึกว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา ให้เปลี่ยนกิจวัตรที่เคยทำประจำวันเสีย เช่น จอดรถในที่ใหม่ จอดในเวลาที่แตกต่างออกไปจากเดิม และหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตัวเป็นตารางเวลาเช่นเดิมทุกวัน 8.หากต้องขับรถและจอดรถคนเดียว อาจใช้บริการขับรถทางเดียวกัน ไปด้วยกัน (Car Pool)
9. ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยขณะเดินกลับไปที่รถ ขอให้คนที่ไว้ใจเดินไปเป็นเพื่อน 10.เมื่อเดินไปที่รถหากสังเกตเห็นว่ามีรถคันอื่นถูกงัดแงะหรือกระจกแตก ให้โทรศัพท์เรียกตำรวจทันที แจ้งสถานที่ให้ชัดเจนและยืนรอตำรวจในที่ที่ปลอดภัย อย่าเดินต่อไปที่รถของตัวเอง 11.เตรียมกุญแจให้อยู่ในมือก่อนไปถึงที่รถ อย่ามาคลำหากุญแจในกระเป๋าถือในที่จอดรถ 12.ถ้าพบเจอในสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ให้รีบขับรถออกไปจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด
13.เข้าคอร์สอบรมและเรียนรู้เรื่องการป้องกันตัวเองเมื่อถูกทำร้าย เช่น การใช้นิ้วจิ้มที่บริเวณดวงตา หยิกหรือกัดบริเวณท้องแขน หรือเตะบริเวณต่อมลูกหมาก เป็นต้น ส่วนการตะโกนขอความช่วยเหลือก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะพบว่าผู้ที่ทำร้ายหลายรายจะหลบหนีเมื่อเหยื่อร้องตะโกน นอกจากนั้น ควรถือร่มหรือมีสเปรย์พริกไทยติดตัวไว้ในกรณีฉุกเฉิน
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลีกให้พ้น! “ปล้นในที่จอด”
คุมตัวไอ้โหดทำแผนฆ่าปาดคอ “น้องยิ้ม” หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์