ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 8
ศึกรบขับรถเข้ามาบ้านมา พลางเดินผิวปากเข้ามาในบ้านสบายใจ ก่อนที่จะเดินมานั่งที่โซฟา สู่ขวัญเดินเข้ามาเห็นสามีนั่งอยู่ ก็แปลกใจ
“คุณรบ วันนี้ทำไมกลับเร็วได้ล่ะคะ”
“แล้วไม่ดีหรือไงครับ”
ศึกรบลุกเดินไปโอบเอวสู่ขวัญ
“ดีสิคะ เพียงแต่ขวัญแปลกใจน่ะค่ะ ปกติคุณจะกลับดึกหรือไม่ก็เช้า”
“ต่อไปเวลานี้จะเป็นเวลากลับบ้านแบบปกติของผมไง”
ศึกรบพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ วันนี้ผมตั้งใจกลับมาเพื่อรอทานอาหารเย็นฝีมือคุณน่ะ ทำให้ผมทานหน่อยได้ไหม”
สู่ขวัญยิ้ม พลางเดินมานั่งลงที่โซฟา
“เอาไว้วันหลังนะคะ วันนี้ขวัญเคลียร์งานที่ร้านเหนื่อยมากค่ะ คงทำอาหารให้คุณทานไม่ไหวแน่”
ศึกรบชักสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะลงนั่งตามที่โซฟา
“ไม่เอานะคะอย่างอนสิคะ”
จากนั้นก็ซบลงที่อกศึกรบ
“วันนี้ทานอาหารฝีมือพี่พรไปก่อนนะคะ เดี๋ยววันหลังขวัญทำ ให้ทานค่ะ นะคะ นะคะ”
ศึกรบยิ้มๆแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากสู่ขวัญ
สู่ขวัญเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเซ็กซี่ ปล่อยผมสยาย ศึกรบนอนอยู่ที่เตียงมองดูภรรยายิ้มๆ
สู่ขวัญลงนั่งที่เตียงแล้วหยิบหนังสือแฟชั่นที่หัวเตียงมาเปิดดู
“ยังไม่นอนเหรอขวัญ”
“อีกสักพักค่ะ ขวัญอยากดูหนังสือแฟชั่นเล่มนี้ก่อน คุณหลับก่อน ได้เลยนะคะ”
ศึกรบขยับตัวมากอดสู่ขวัญ
“คุณไม่นอน ผมก็ไม่นอน”
“ก็ขวัญยังไม่ง่วงนี่คะ”
ศึกรบยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ “ ถ้าไม่ง่วงงั้นเราก็”
พูดพลางใช้มือไล้ที่ริมฝีปากสู่ขวัญ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ สู่ขวัญเหนียมอายแกล้งปัดมือศึกรบออก
“เอ๊ะคุณนี่ เห็นไหมว่าขวัญกำลังจะอ่านหนังสือ”
ศึกรบชะงักเสียอารมณ์ แกล้งดึงหนังสือสู่ขวัญออก
“ผมไม่ให้อ่าน”
สู่ขวัญแกล้งดุ “ คุณรบ”
ศึกรบยันตัวขึ้นมองหน้าขวัญ
“เวลานี้เป็นเวลาของผมนะครับ ผมต้องการคุยกับภรรยาที่น่ารักของผม”
“อ่ะก็ได้ มีอะไรจะคุยกับขวัญก็ว่ามาสิคะ”
“ผมอยากมีเด็กเล็กๆวิ่งเล่นในบ้านเต็มทนแล้ว” ศึกรบพูดพลาวจ้องตาสู่ขวัญ
“แต่ขวัญยังสนุกกับงานอยู่เลยนี่คะ ขวัญยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูกหรอกค่ะ”
“ไม่เห็นยากเลยถ้าเรามีลูก ก็ให้คุณพ่อคุณแม่ผมช่วยเลี้ยงก็ได้นี่ครับ ท่านเองก็รบเร้าอยากจะอุ้ม
หลานเต็มแก่แล้วด้วย”
สู่ขวัญส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ได้หรอกค่ะ ลูกเราเราก็ต้องเลี้ยงเองสิคะ เกรงใจท่านเปล่าๆ แค่ท่านเลี้ยงคุณมาก็คงเหนื่อยแยแล้วล่ะค่ะ”
“ถึงเหนื่อย ก็เหนื่อยแบบมีความสุขนะครับ”
สู่ขวัญหัวเราะขำ ศึกรบมองภรรยา แล้วซุกหน้าลงหอมแก้ม สู่ขวัญหยิกจมูกศึกรบเบาๆ
“คุณนี่ทำเป็นเด็กๆไปได้”
“เป็นเด็กน่ะสิดีคุณจะได้ตามใจผมบ้าง” ศึกรบทำเสียงอ้อน
“คุณพูดเหมือนขวัญขัดใจคุณซะทุกเรื่อง”
“ใช่ อย่างตอนนี้เวลานี้คุณก็กำลังขัดใจผมอยู่”
“ขวัญขัดใจคุณเรื่องอะไรคะ ไหนบอกมาซิ”
“ก็”
ศึกรบมองหน้า พลางไล่ไปทั่วตัวจนสู่ขวัญแทบละลายไปกับสายตาของศึกรบ จากนั้นก็ค่อยๆโน้มตัวลงมาประกบปากจูบสู่ขวัญ สู่ขวัญมองหน้าศึกรบอย่างเต็มไปด้วยความรัก
ไอวี่ยืนสำรวจหน้าตาตัวเองที่หน้ากระจก ที่ยังมีรอยปื้นแดงๆ ช้ำอยู่ พลางลองเอามือแตะๆที่แผล นึกถึงเรื่องที่ตบกับเชอรี่เมื่อคืน ก็ยิ่ง เจ็บใจ
“อย่าให้เจออีกเชียวนะนังเชอรี่ ถ้าเจอฉันจะเอาคืนให้หนักเลย”
พลันเสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
ไอวี่หงุดหงิด แต่รีบไปที่ประตู ดูที่ตาแมว แล้วเปิดประตูออก เปรี้ยวยื่นข้าวกล่อง ที่ซื้อมาฝากให้ ที่หน้า ที่ตัวเป็นผื่นแดงเหมือนผื่นแพ้
“เอ้า ฉันซื้อมาฝาก รีบๆกินซะ”
“กินได้ที่ไหนล่ะ” พูดพลางยกมือกุมหน้า “ปวดไปหมดทั้งหน้าอย่างนี้”
เปรี้ยวมองหน้าไอวี่
“เออ มันดูบวมๆ ด้วยนะ ต้องเอาน้ำแข็งประคบแล้วล่ะ”
“แหม หน้าแกดีนี่ ไม่ได้โดนตบอย่างฉัน แต่เป็นผื่นเป็นจ้ำ แดงกว่าฉันอีก”
เปรี้ยวถอนหายใจ
“ก็ฉันแพ้แอลกอฮอล์นี่หว่า แต่เมื่อคืนแขกในงานให้ฉันกินเหล้าแลกทิป ฉันก็เลยต้องเอา”
เปรี้ยวเดินเข้าไปส่องกระจกหน้าดูตัวเอง
“ดูดิ พรุ่งนี้มีงานแล้วด้วย จะหายทันไหมเนี่ย”
“งาน?” ไอวี่เลิกคิ้ว “ งานอะไรวะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“อ้าว พี่เปี๊ยกไม่ได้โทรเรียกแกเหรอ”
ไอวี่ส่ายหน้า “ไม่มีอ่ะ”
“แสดงว่างานนี้เขาไม่เอาแกทำ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ก็เมื่อคืนแกเพิ่งตบนังเชอรี่โชว์มาสดๆ พี่เขาคง
อยากโทรเรียกแกไปตบมันอีกหรอกนะ”
“นี่แกอยู่ข้างใครแน่ จะให้ฉันโง่ ปล่อยให้มันตบฝ่ายเดียวรึไง” ไอวี่เริ่มไม่พอใจ
“อดทน สะกดเป็นไหมไอวี่”
เปรี้ยวผละไปเปิดตู้เย็น เห็นว่าตู้เย็นไม่มีของกิน มีแต่น้ำเปล่า
“นี่ห้องแก ไม่มีอะไรกินเลยรึไงวะ”
ไอวี่ เอาน้ำแข็งมาประคบข้างแก้ม ส่ายหน้าเซ็งๆ
“งั้นถ้าแกอยากมีเงิน แกก็ต้องไปขอโทษพี่เปี๊ยก ไม่ก็ไปสตอเบอรี่คืนดีกับนังเชอรี่ซะ นังนั่นมัน
ตัวเงินตัวทองของพี่เขา อยู่โมเดียวกันขืนไปมีเรื่องกับมัน แกคิดว่าแกจะอยู่ได้ไงวะ”
เปรี้ยวเตือนสติ ไอวี่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บใจ
“ฉันรู้ว่าคนอย่างแกขอโทษใครไม่เป็น แต่ถ้าอยากจะมีงานทำต่อ ก็ต้องทำ แกไม่มีทางเลือกหรอก อายุงานพวกเรามันสั้น เอาเวลามากอบโกยเงินดีกว่า อะไรทำแล้วได้เงิน ก็รีบๆทำเหอะ”
“อ้ะ เสร็จพอดี เล็คเชอร์คราวที่แล้ว กับสรุปเทสต์ย่อย สัปดาห์หน้าผมเตรียมไว้ให้แล้ว”
ป้อม ที่เป็นนักศึกษารุ่นน้องของไอวี่ หันมาบอก
“จะไม่ถามหน่อยรึไง ว่าทำไม เราหายไปตั้งหลายวัน”
“2 วัน ก็พี่วี่บอกว่าไปทำงาน แล้วนี่หน้าไปโดนอะไรมา”
“ช่างเหอะ หิวแล้ว เลี้ยงข้าวหน่อยดิ” ไอวี่พูดหน้าตาเฉย
“เอาตังค์ไปเที่ยวหมดรึไง”
“เออน่ะ จะเลี้ยงไม่เลี้ยงล่ะ”
ป้อมลุกขึ้น พลางหันมาถาม
“สปาเก็ตตี้ ครีมซอสเหมือนเดิมใช่ไหม”
“ไม่เอา วันนี้อยากกินอาหารญี่ปุ่น พาไปกินข้างนอกที่ไม่ใช่มหาลัยได้ป่ะ”
“เยอะๆๆ ไปๆ จะได้รีบกลับมาเรียน”
ป้อมเดินออกไป ไอวี่รีบเดินตามไปทันที
สู่ขวัญนั่งจิบกาแฟอยู่บนเก้าอี้สีขาวในสนาม บนโต๊ะสีขาวตัวเล็กมีชุดอาหารเช้าแบบเบา ๆ วางอยู่สองชุด ศึกรบเดินเข้ามาหา
“อรุณสวัสดิ์ครับ” พูดพลางก้มลงมาหอมหน้าผากภรรยา
สู่ขวัญยิ้มกว้าง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะรบ ดื่มกาแฟสิคะ วันนี้ขวัญให้พี่พรจัดโต๊ะข้างนอกนี่ เห็นอากาศดี จะได้เปลี่ยน
บรรยากาศบ้าง”
ศึกรบทำท่าสูดหายใจเข้าปอด
“ผมรู้สึกสดชื่นจัง สงสัยจะได้วิตามินดีเมื่อคืน” พลางส่งสายตา มองสู่ขวัญแบบเจ้าชู้
สู่ขวัญค้อน “รบเนี่ย”
“ก็มันจริงนี่ครับ ผมว่าไหนๆ วันนี้เราได้หยุดพร้อมกันทั้งที ไปเดินเล่นที่ห้างกันดีกว่า”
สู่ขวัญ หยุดทานอาหาร หันมามองหน้าศึกรบ พลางทำตาโต
“ รบน่ะหรือคะอยากเดินห้าง”
“ก็ปกติผมอยู่แต่โรงแรมกับบ้าน ไม่ค่อยได้พาภรรยาคนสวยของผมไปกินข้าวในห้าง ก็เลยอยากไปบ้าง”
สู่ขวัญส่ายหัวช้าๆ “ไม่เอาหรอกค่ะ ขวัญไม่ชอบคนเยอะ”
ศึกรบ เดินมาโอบเอวภรรยาจากทางข้างหลัง
“ไปเถอะครับ นานๆที กินไปคุยไป เติมความหวานให้ความรักของเราไงครับ”
สู่ขวัญมองหน้าศึกรบ แล้วก็ใจอ่อน
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
ในขณะที่ป้อมกับไอวี่เดินกลับเข้ามาในมหาวิทยาลัย
“พี่วี่ เดือนหน้ามีค่ายอาสาไปสร้างห้องน้ำให้เด็กนักเรียน ผมว่าจะไป พี่ไปป่ะ”
ไอวี่เบ้ปาก “โอย ร้อนก็ร้อน ลำบากก็ลำบาก ขอบายเหอะ”
“ลำบากแค่ไม่กี่วัน แต่เราได้ช่วยเด็กๆ แล้วที่จริงพวกเราจะมีโอกาสทำแบบนี้ ก็แค่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมว่าน่าไปนะพี่”
ป้อมพยายามโน้มน้าว
“ หึ ไปไม่ไปอ่ะ ไม่ชอบ แค่นี้ชีวิตก็ลำบากมากพอแล้ว” ไอวี่ยืนยัน
“ตามใจ งั้นผมไปกับพวกที่ชมรมละกัน”
“ เอ้า แล้วฉันล่ะ ถ้าป้อมไม่อยู่ ใครจะติว คอยจดเล็คเช่อร์ให้ฉันอ่ะ” ไอวี่ทำเสียงอ้อน
ป้อมยิ้ม ขำ
“เฮ้ย นักศึกษาแปลว่า ต้องรู้จักศึกษาหาความรู้ ไม่ใช่รอให้คนอื่นเอาความรู้มาป้อนรู้เปล่า”
“ไม่สน” พูดพลางเกาะแขนป้อม “ฉันไม่ให้ป้อมไป ห้องน้ำเด็กนักเรียน ให้คนอื่นช่วยทำไป แต่ป้อมต้องอยู่ช่วยฉัน โอเคป่ะ”
ป้อมยิ้ม ส่ายหัว
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกัน ไปไกลๆเลยไป”
“เออๆ คิดดูก่อนละกัน”
ไอวี่ยิ้มคล้องแขนป้อมไม่ยอมปล่อย ป้อมแอบมองไอวี่ยิ้มๆ
เปรี้ยวลากไอวี่เข้ามาในห้าง ไอวี่ ทนไม่ไหวสะบัดมือ
“เยอะไปแล้วนังเปรี้ยว ลากฉันมาขอโทษมันถึงนี่เลยเนี่ยนะ คนเยอะแยะ ใครจะทำก็ทำ ฉันไม่ทำ”
พูดพลางทำท่าจะเดินผละหนี
“ไม่ได้นะวี่ ถ้าแกไม่ขอโทษพี่เปี๊ยก กับนังเชอรี่ แกก็ไม่มีงาน แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนกิน ที่ไหนใช้”
“ฉันเอาตัวรอดได้แล้วกัน แกห่วงตัวเองเหอะ หน้าเป็นจ้ำ ยังไม่หายขนาดนี้ ยังมีหน้ามาเดินห้าง ไม่อายเขารึไง”
ไอวี่พูดพลางมองหน้าเปรี้ยว ที่ยังเต็มไปด้วยผื่นแดง
“ฉันยอมมาก็เพราะแกไง ไปขอโทษเขาก่อน เขาไม่ยกโทษให้ค่อยว่ากัน ไป ทำให้มันจบๆ ไป ยังไงเรา
ก็ยังต้องทำงาน บ้านเช่าข้าวซื้อนะเว้ย ท่องไว้”
ที่งานเปิดตัวโทรศัพท์มือถือภายในห้าง มีดูมุงดูด้วยความสนใจแน่นขนัด มุมหนึ่งของงาน จัดเป็น โพเดี้ยมวางโชว์สินค้า ในขณะที่บนเวที พิธีกรกำลังบรรยายสรรพคุณเกี่ยวกับโทรศัพท์
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ถือเป็นโชคดีที่สุดของผม และท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่เราทุกคนจะได้มีโอกาสสัมผัสกับนวัตกรรมใหม่แห่งวงการโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นหนึ่งเดียวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุด ขอเชิญทุกท่านพบกับโทรศัพท์ super black โทรศัพท์มือถือแห่งอนาคต ได้เลยครับ”
พิธีกรผายมือไป เชอรี่ในชุดเดรสยาวเกาะอกสีดำ เดินขึ้นมาบนเวที ในมือถือโทรศัพท์ยืนโชว์ คนดูปรบมือกันเกรียว ช่างภาพรุมถ่ายรูปเชอรี่ด้วยความสนใจ
เปรี้ยวจับมือไอวี่เดินตรงไปที่กลุ่มคนดู ก่อนที่จะแทรกไปที่หน้าเวที พร้อมกับปรบมือเชียร์ออกนอกหน้า แถมสะกิดไอวี่ให้ปรบด้วย ไอวี่ทำเป็นปรบมืออย่างเสียไม่ได้ เชอรี่ที่โพสท่าสวยอยู่บนเวที มองลงมา เห็นไอวี่กับเปรี้ยว ก็เชิดหน้าขึ้น
อีกมุมหนึ่งภายในห้างเดียวกัน สู่ขวัญเดินคล้องแขนมากับศึกรบ สายตามองดูร้านรวงต่างๆ อย่างมีความสุข
“งานยุ่งจนขวัญรู้สึกเหมือนไม่ได้มาเดินห้างแบบนี้นานมากนะคะ”
“เห็นไหมล่ะครับ ว่าคุณยุ่งจนทอดทิ้งผมเหงาอยู่คนเดียว”
สู่ขวัญหยิกแขนรบเบาๆ “อย่ามาทำเป็นพูดดี คุณนั่นแหละยุ่งยิ่งกว่าขวัญเสียอีก”
“ครับ จากนี้ไปผมขอสัญญาว่าจะดูแลภรรยาคนสวยของผมอย่างดีเลยครับผม”
สู่ขวัญเอียงคอพิงแขนรบ ยิ้มกว้าง ในชณะที่ศึกรบ เหลือบสายตาไปที่เวทีงานเปิดตัวโทรศัพท์ เห็นเปรี้ยวยืนอยู่ ก็ชะงักเท้า
“ขวัญครับ เราไปดูกระเป๋าที่ขวัญเคยบอกว่าอยากได้กันดีไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะรบ ตอนนี้ขวัญไม่รู้สึกอยากได้แล้วล่ะค่ะ แล้วขวัญก็ไม่อยากให้รบคอยขวัญตอนเลือก
กระเป๋า เบื่อแย่เลย”
ศึกรบ ยิ้มกว้างให้ภรรยา
“ไม่เบื่อหรอกครับ ผมอยากซื้อให้ขวัญเป็นของขวัญน่ะครับ”
“ของขวัญ?” สู่ขวัญเลิกคิ้ว “เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
พูดพลางหันไปสนใจ เวทีงานเปิดตัวโทรศัพท์ พร้อมทำท่าจะเดินไปดู
“นั่นโทรศัพท์รุ่นใหม่นี่คะ เราไปดูกันดีกว่าค่ะรบ”
ศึกรบ รีบดึงมือสู่ขวัญ
“ ก็เนื่องจากที่เรากลับมาหวานเหมือนเดิมไงครับ นะครับ โทรศัพท์ไว้ไปดูที่ช้อปเพื่อนผมก็ได้ ตรงนั้นคนเยอะ เสียงก็ดัง”
สู่ขวัญใจอ่อน “ก็ได้ค่ะ แล้วอย่ามาบ่นว่ารอจนเมื่อยล่ะคะ”
ศึกรบแอบถอนหายใจโล่งอก รีบดึงสู่ขวัญออกไป
ที่ข้างเวทีอีเวนท์ เปี๊ยก ที่เป็นโมเดลลิ่ง กำลังต่อว่านางแบบผมทองคนนึงอยู่
“จะบ้ารึไง ใช้สมองส่วนไหนคิดเนี่ย เปิดตัวมือถือ Super black แต่ย้อมหัวทองหลุดคอนเซ็ปท์มาขนาดนี้ นี่แกอยากให้ฉันโดนลูกค้าด่ารึไง”
“แหมเจ๊ งานเจ๊ก็ได้ค่าตัวนิดเดียว งานอื่นที่ฉันรับ เขาอยากได้ลุคนี้ ฉันก็ต้องทำให้เขาสิ”
นางแบบหัวทองเถียง
“ยังจะมาเถียงอีก ไปเลย เชิญแกไปรับงานอื่นให้สบายใจ วันนี้ขืนให้แกขึ้นเวที ฉันโดนลูกค้าแหกอกแน่ รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วมาคืนฉัน ไปสิ”
“แล้วตกลง นี่ฉันจะได้ค่าตัวป่ะเนี่ย”
“ยังจะหน้าด้านมาถามอีก เดี๋ยวแม่ตบ ไป๊”
นางแบบเดินไปอย่างขัดใจ เปี๊ยกส่ายหน้า หงุดหงิด
“จะขึ้นเวทีเองสังขารก็ไม่ให้ แล้วจะหาใครมาเดินแบบแทนวะเนี่ย โอ๊ย”
เปี๊ยกมองไป รอบๆ เห็นเปรี้ยวกับไอวี่ยืนอยู่ ที่หน้าเวที
“นังเปรี้ยว รอดแล้ว กู”
เปี๊ยกรีบปราดเข้าไปลากเปรี้ยวมาที่ข้างเวที ไอวี่เดินตามมาด้วย
“มาเลยเปรี้ยว แกต้องช่วยฉันเดี๋ยวนี้”
“อะไรเจ๊ จะให้ฉันช่วยอะไร” เปรี้ยวยังงงอยู่
“เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุด แล้วไปเดินแบบให้ฉัน นอกจากมือถือ ยังมีแอสเซสเซอรี่ที่ต้องใช้นางแบบขึ้นไปเดินบนเวทีอีก รีบไป เดี๋ยวลูกค้าด่า เร็วสิ”
ไอวี่ยิ้มเยาะ
“เจ๊นี่ถ้าจะหิวเงินจัด จนไม่ทันได้ดูสินะ เห็นไหม หนังหน้าเปรี้ยวมันเป็นจ้ำๆ แบบนี้ เพราะมันแพ้เหล้า
จากปาร์ตี้ที่เจ๊รับงานให้มัน แล้วเจ๊ยังจะบังคับมันให้ขึ้นเวทีอีกเนี่ยนะ ฆ่าตัวตายชัดๆ”
เปี๊ยกชะโงกหน้าเข้าไปดูหน้าเปรี้ยวใกล้ๆ
“อ๊าย นังเปรี้ยวหน้าแก แย่จริงๆด้วย ปลวกกว่าฉันอีก”
เปรี้ยวค้อนเปี๊ยก“ก็แพ้แอลกอฮฮล์ยังไม่หายนี่เจ๊”
“งานเข้าแล้วไง แล้วฉันจะทำไงเนี่ย”
เปี๊ยกหน้าเครียด ในขณะที่ทีมงานเดินเข้ามาตาม
“เจ๊เปี๊ยก ใกล้ถึงคิวนางแบบที่จะเดินคู่เชอรี่บนเวทีแล้วนะเจ๊”
“เออๆ เดี๋ยวรีบจัดไป”
ทีมงานเดินออกไป เจ๊เปี๊ยกยิ่งเครียดหนัก
“ซวยแล้ว ซวยๆๆ ถ้าไม่มีนางแบบให้เขา ลูกค้าแหกอกฉันแน่”
“ไอวี่ไงเจ๊ วันนี้มันมาเต็มสวยขนาดนี้ ให้มันขึ้นเวทีเลยสิ” เปรี้ยวเสนอ
เปี๊ยกหันขวับมา พลางถามเสียงแข็ง
“ไอวี่ ถ้าแกยอมช่วยฉัน ฉันก็ช่วยหางานให้แกต่อไป เอาไง”
ไอวี่ ยิ้มเย้ย พลางยักไหล่ “ในที่สุด ก็ต้องมาง้อ”
“หนอย ยังจะเล่นองค์อีกนะแก แต่ถ้าแกขึ้นไปแล้วก่อเรื่องบนเวทีล่ะก็ ฉันจะไล่แกออกจากโมทันที
ไป รีบไปเดี๋ยวนี้”
เปี๊ยกรีบผลักไอวี่ไป เปรี้ยวตามไปช่วย
ในขณะที่เชอรี่กำลังโพสท่ากับโทรศัพท์ ช่างภาพหน้าเวทีลั่นชัตเตอร์ไม่หยุด พิธีกรบนเวทีประกาศต่อ
“ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับคุณผู้ชม เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัย และไฮเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อได้ทั้งระบบ แอนดรอย วินโดส์และรองรับอินเทอเน็ต 4 G รวมถึงกล้อง40 ล้านพิกเซลแล้ว Super black ยังมีแอสเซสเซอรี่ที่ใช้กับโทรศัพท์ที่โดดเด่น สวยงามไม่แพ้กัน
เชิญทุกท่านพบกับสุดยอดแอสเซสเซอรี่จาก super black ได้เลยครับ”
พิธีกรผ่ายมือ ไอวี่ในชุดเดรส สวยไม่แพ้ เชอรี่ เดินขึ้นมาบนเวที ในมือถือเคสโทรศัพท์ ที่ทำจากคริสตัลหรูหรา ที่ข้างหูใส่บรูทูธคริสตัลออกมา คนดูปรบมือต้อนรับ
ไอวี่มายืนประกบเชอรี่พลางทำหน้าเชิดใส่ เชอรี่หันไปเห็น ก็ชักสีหน้า ไม่พอใจ เปี๊ยกกับเปรี้ยวยืนลุ้นอยู่ข้างเวที
“สองคนมันสวยทั้งคู่เลยนะเจ๊”
“ฉันกลัวมันเขม่นกัน แล้วตบกันขึ้นมาสิ อย่านะ อย่าตบนะ”
พิธีกรบรรยายสรรพคุณต่อ
“เห็นไหมครับคุณผู้ชม สวยงามทั้งตัวเครื่องและแอสเซสเซอรี่ super Black ของเรา ถือว่าเป็นโทรศัพท์ที่มีเอกลักษณ์และลงตัวที่สุด ขอเสียงปรบมือให้กับนางแบบทั้งคู่ด้วยครับ”
คนดูปรบมืกันเกรียว ช่างภาพรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง
“รอด รอดตายแล้ว จบงานแล้ว กลับเข้าเวทีเลยสิ กลับสิ” เปี๊ยกลุ้นตัวโก่ง
เชอรี่ หันหลังกลับ จะเดินลงจากเวที ไอวี่ปรายตามอง แต่ไม่ยอมหันตาม ยืนยิ้มให้ช่างภาพถ่ายรูปต่อ แถมโพสท่า ขโมยซีน เปี๊ยกหน้าเครียด
“นรกแล้วไง นังไอวี่ เข้าไปหลังเวทีได้แล้ว จะยืนทำไมอีก”
เชอรี่รู้ว่าโดนแกล้ง ทำเหมือนตัวเองเป็นคนหลุดคิว ไม่พอใจ รีบหันหลังเดินกลับมาโพสคู่ ไอวี่ไม่ยอมแพ้ รีบสะบัดกระโปรง โพสท่าฉีกขา เผยให้เห็นขาอ่อน ขโมยซีน ช่างภาพรัวชัตตเตอร์มาที่ไอวี่เป็นจุดเดียว
เชอรี่ไม่ยอม โพสท่าเซ็กซี่ ก้มให้เห็นร่องออก พวกช่างภาพย้ายมือถือมาถ่ายเชอรี่
ไอวี่ ยิ้มเชิด พลางหมุนตัวหันหลังกลับ แกล้งกระแทกด้านหลัง เชอรี่จนล้มลงกลางเวที
”ว้าย”
เปี๊ยกหน้าซีด “เชอรี่”
ช่างภาพรุมภ่าย เชอรี่ตอนที่กำลังเหวอ นั่งอยู่กลางเวทีทำอะไรไม่ถูก แสงแฟลชวูบวาบ
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
ไอวี่แสยะยิ้มเดินจากไป
“นี่แกทำอะไรลงไป รู้ตัวไหม นังไอวี่”
เปี๊ยกหันมาตะคอกเสียงใส่ไอวี่ ภายหลังจบงาน
“ทำอะไรเจ๊ ฉันไม่รู้เรื่อง” ไอวี่ลอยหน้าลอยตาถาม
“คิดว่าฉันโง่รึไง แกตั้งใจขโมยซีน แล้วก็แกล้งชนเชอรี่มันบนเวที ยังจะมาแหลอีก”
“ขโมยซีนที่ไหน ฉันไม่ได้ซ้อมคิว ก็เลยมีอุบัติเหตุ เรื่องปกติรึเปล่าเจ๊” ไอวี่แก้ตัวหน้าตาเฉย
“แต่ยังไงแกก็ทำให้โชว์นี้พลาด แกต้องขอโทษ เชอรี่มันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ฉันไม่จ่ายตังค์ แล้วก็จะไล่แก
ออก”
ไอวี่ชักสีหน้า ไม่พอใจ เปรี้ยวรีบเอียงหน้าไปกระซิบ
“แค่ขอโทษ จะได้กลับไปทำงานเหมือนเดิม เอาเถอะน่ะ”
ไอวี่ นิ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจ ยิ้ม
“ ก็ได้ ฉัน”
ไอวี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค เชอรี่ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“เดี๋ยว คราวที่แล้วแกตบฉัน คราวนี้ยังฉีกหน้าฉันอีก แค่ขอโทษเฉยๆคงไม่พอ แต่แก็ต้องมากราบฉันนี่” พลางชี้มือไปที่เท้าของตัวเอง
ไอวี่ หันขวับ จ้องหน้าเชอรี่เขม็ง
“จะมากไปแล้วนังเชอรี่” พลางเงื้อมมือจะตบเชอรี่ซ้ำ
เปี๊ยกชี้หน้าทันที “อย่านะไอวี่ ถ้าแกตบกันอีก ก็ออกจากโมฉันไปได้เลยไม่เชื่อก็ลองสิ”
ไอวี่ชะงัก พลางสูดหายใจ
“ตกลง ต้องกราบขอโทษใช่ไหม ได้ แต่ฉันนี่แหละจะเอาตีนให้แกกราบ”
พูดจบไอวี่ก็ยกเท้าถีบโครม เชอรี่เซล้ม ไอวี่ตามไปคร่อม พลางรัวตบอย่างไม่ยั้งมือ
“อย่าวี่” เปรี้ยวพยายามเข้ามาห้าม
“นังไอวี่”
เปี๊ยกโกรธจัด ลุกไปจิกผม แล้วลากไอวี่ออกมาจากเชอรี่ พร้อมล็อกตัวไว้
“มานี่เลย นังตัวแสบ มานี่”
“จับมันไว้พี่เปี๊ยก”
เชอรี่ เลือดซึมจากปาก ลุกขึ้นมาได้ ก็ปราดเข้าไปตบไอวี่ ที่โดนเปี๊ยกล็อกไว้ เปรี้ยวจะเข้าไปช่วย
“ เชอรี่ พอแล้ว”
เชอรี่ หันไปใช้หลังมือตบเปรี้ยว จนหน้าหัน เชอรี่จิกผมไอวี่ พลางด่าใส่หน้า
“แกกับฉันมันคนละชั้นกัน หน้าอย่างแก อย่าริสะเออะมาทาบรัศมีฉันเด็ดขาด จำไว้”
จากนั้นก็ตบไอวี่ซ้ำอีกที เปี๊ยกผลัก ไอวี่ล้มลงไปนั่งลงกับเปรี้ยว เชอรี่กับเปี๊ยกยิ้มสะใจ แล้วเดินเชิดออกไป
ไอวี่เจ็บใจ ที่โดนตบ จนหัวกระเซิง รีบลุกขึ้น แล้วเดินออกมา เปรี้ยววิ่งตามมา
“เดี๋ยวสิวี่”
ไอวี่ หันไปทำหน้าเหวี่ยง “จะตามมาทำไม ฉันโดนไอ้เปี๊ยกไล่จากโมแล้ว แกอยากซวยด้วยรึไง”
“ฉันต่างหากที่พาแกมาซวย ฉันขอโทษนะเว้ยวี่”
ไอวี่ ถอนหายใจ
“ช่างมัน แกรีบกลับไปหาพวกมันเหอะ อย่างน้อยมันยังมีงานให้แก แกเองก็ต้องใช้เงินไม่ใช่รึไง”
“ไอ้โมเดลลิ่งพวกนี้ มันก็แค่หาประโยชน์จากเรา อยู่ไปก็ไม่มีความสุข ฉันจะไปกับแกด้วยนะวี่ เราจะไปหางานด้วยกัน แกไปไหนฉันก็ไปด้วย เอาไงเอากันสิ”
เปรี้ยวพูดอย่างจริงใจ
“ตามใจ แล้วอย่าหาว่าฉันพาแกไปลำบากก็แล้วกัน”
เปรี้ยวยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปพร้อมกัน
ไอวี่กับเปรี้ยวมากรอกใบสมัคร ที่โมเดลลิ่ง Big Eye เมื่กรอกเสร็จ ก็ยื่นให้เจ้าของโมเดลลิ่ง ท่าทางแต๋วๆ ที่ก้มลงอ่านใบสมัคร ก่อนจะเงยหน้ามองหน้าไอวี่ แล้วหันไปพูดกับเปรี้ยว
“กรอกใบสมัครแล้ว น้องเปรี้ยวเข้าไปถ่ายรูป แล้วก็ถ่ายคลิปแนะนำตัวได้เลยนะ”
“แล้วหนูล่ะคะ” ไอวี่ถามอย่างแปลกใจ
“เธอชื่อไอวี่ เด็กเก่าพี่เปี๊ยกไม่ใช่รึไง”
“ค่ะ” ไอวี่รับคำ
“งั้นก็เสียใจด้วยนะ เล่นแผลงฤทธิ์ไว้กับพี่เปี๊ยกกับน้องเชอรี่ขนาดนั้น โมไหนๆก็คงไม่มีใครกล้ารับเธอแล้วล่ะย่ะ”
“อ้าว ทำไมพวกพี่ฟังความข้างเดียว ไม่คิดจะให้โอกาสหนูมั่งล่ะ” ไอวี่เริ่มไม่พอใจ
“รับเด็กโนเนม แต่ต้องไปงัดกับพี่เปี๊ยกตัวแม่เนี่ยนะ อยากจะให้ฉันตายแทนเธอรึไง”
เจ้าของโมเดลลิ่งตอบเชิดๆ
“ไม่เป็นไรวี่ ถ้าที่นี่ไม่ต้อนรับแก ฉันไม่ทำก็ได้ ไป”
เปรี้ยวจับมือไอวี่เดินออกจากโมเดลลิ่งไป
ไอวี่กับเปรี้ยวมานั่งปรับทุกข์กันในร้านกาแฟ ไอวี่หน้าเซ็งมาก เปรี้ยวปลอบใจ
“อย่าท้อดิ ไม่มีโม เราหางานเองก็ได้ ไม่ต้องให้โมมันหักตังค์ ก็โอออก”
“เราไม่ใช่ดารา หรือพริตตี้ตัวแม่ ใครจะอยากให้งานแก คิดดูอยู่โมพี่เปี๊ยกยังเป็นได้แค่พริตตี้กะโหลก
กะลา แล้วนี่ไม่มีโม เราจะไปทำอะไร เด็กล้างจานรึไง”
“นั่นก็รันทดไป ไม่ขนาดนั้นมั้ง” เปรี้ยวมองโลกในแง่ดี
“ตอนนี้ยัง แต่สิ้นเดือนรันทดแน่ ไหนจะค่ากิน ค่าห้อง ค่าลงทะเบียน นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมอีก”
“แกก็โทรกลับไปขอเงินที่บ้านไม่ได้เหรอวะ” เปรี้ยวเสนอ
“ถ้าได้ ฉันจะต้องดิ้นขนาดนี้รึไง ขืนโทรไป เผลอๆถูกขอเงินใช้อีก โอ๊ย งานสบายๆ ได้เงินเยอะๆ ทำไมมันหายากแบบนี้เนี่ย”
เปรี้ยว คิดหนัก ไอวี่นึกขึ้นได้
“หรือว่าเราต้องหาเสี่ยเลี้ยงวะ จะได้จบๆ”
ไอวี่กับเปรี้ยวเดินออกมาจากร้านกาแฟ เดินผ่านหน้าร้านกระเป๋าหรู พลางมองคนที่ออกมาจากร้าน อย่างหมั่นไส้
“เซ็ง ฉันเห็นนังเชอรี่มันถือกระเป๋าแบบนี้ด้วย สงสัยเสี่ยเลี้ยงแน่”
“อาจจะไม่ใช่เสี่ยเลี้ยงหรอก เชอรี่มันตัวแม่ งานเข้าขนาดนั้นนะแก”
ไอวี่เบ้ปาก
“ใครจะไปรู้ กระเป๋าใบละเป็นแสน เฮ้อ ฉันก็อยากได้มั่ง”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ศึกรบกับสู่ขวัญ กำลังเดินเข้าร้าน ยิ้มหวานชื่น
ไอวี่เหลือบตามองศึกรบ ตาค้าง แล้วรีบสะกิดเปรี้ยว
“นี่ ๆ แก ดูนั่นสิ แกรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหน”
เปรี้ยว หันมองตาม “อ๋อ! คุณศึกรบ เจ้านายป๋าฉันเอง ไฮโซคนดัง เจ้าของโรงแรมเลอวิมาน เขาเป็นข่าวสังคมบ่อย แกคงเคยเห็นแหละ”
ไอวี่ตาโต “เหรอ หล่อดี เราตามไปดูกัน”
สู่ขวัญ หยิบกระเป๋าใบหนึ่งมาดู พลางหันมาบอกศึกรบ
“ใบนี้ค่ะรบที่ขวัญอยากได้ สวยไหมคะ”
“ได้จ้ะ สวยดีนี่ เหมาะกับขวัญ” พลางหันมาถามพนักงาน “ เท่าไรครับ”
“145,000 บาทค่ะ คุณผู้ชาย สวยเหมาะกับคุณผู้หญิงมากค่ะ”
สู่ขวัญยืนดู เหมือนกำลังตัดสินใจ ศึกรบเลยไปดูแว่นกันแดด
“ขวัญครับ ลองแว่นกันแดดอันนี้สิครับ ผมว่าเข้ากับคุณมาก”
พลางลองสวมให้สู่ขวัญ ที่มองกระจก แล้วยิ้มพอใจ
“เป็นไงคะ”
“สวยมากครับ” หันไปทางคนขาย “ขอแว่นนี้ด้วยนะครับ”
ไอวี่ ที่ทำทีขอดูกระเป๋าสตางค์จากพนักงาน หันไปกระซิบกับเปรี้ยว
“น่าอิจฉาจัง”
“นั่นสิ คนรวยนี่ไม่ต้องคิดอะไรเลยเนอะ”
ไอวี่ถอนหายใจ“เมื่อไรฉันจะมีแฟนรวยๆ แบบนี้บ้างนะ”
ไอวี่มองศึกรบแบบแอบปลื้ม ในขณะที่มองสู่ขวัญด้วยความริษยา
ป้อมมานั่งรอไอวี่อยู่ที่หน้าหอพัก พอเห็นไอวี่เดินเข้ามา ก็ยิ้มดีใจ
“กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับช้า ผมว่าจะโทรถามแต่ก็กลัวรบกวนเวลางาน”
“อย่ามาพูดเรื่องงานนะ คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ แล้วนี่มาทำไม” ไอวี่ยังหงุดหงิดค้างอยู่
“เอาเล็คเชอร์มาให้ อาจารย์สั่งรายงานด้วย ผมลงชื่อไปแล้วว่าจะทำด้วยกัน”
ไอวี่หน้าเครียด
“ไม่มีอารมณ์จะทำหรอก คนกำลังตกงานอยู่”
“ทำไมไม่ลองหางานอื่นดูบ้างล่ะ อย่างผมรับจ๊อบเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านกาแฟเลย สนใจจะมาทำ
ด้วยกันไหม”
“งานขี้ข้าแบบนั้น ไม่ลดตัวลงไปทำหรอก” พลางผลักป้อมออก “หลบไป”
ไอวี่ไขประตูห้องเข้าไปแล้วปิดประตูใส่หน้าป้อม
“เดี๋ยวสิพี่ไอวี่ พี่ไอวี่เปิดก่อน”
“ไปให้พ้น”
ป้อมถอนใจ ก่อนที่จะเดินคอตกออกไป
ไอวี่ นั่งเปิดไอแพด แล้วก็ตาลุกวาว เมื่อเห็นภาพหน้าจอเป็นรูปศึกรบในหน้าข่าวสังคม พร้อมพาดหัวตัวใหญ่
“อดีตคาสโนว่าไฮโซ ปัจจุบันผู้บริหารบูติกโฮเต็ลชื่อดัง”
“โอ้โห นอกจากหล่อแล้วยังรวยด้วย”
พูดพลางกดลิงก์ไปที่ที่เว็บไซท์โรงแรม
“เฮ้ย โรงแรมของเขากำลังเปิดรับพนักงานซะด้วย”
ไอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
ไอวี่แต่งตัวสวยจัด หน้าเข้ม เซ็กซี่ ใส่ชุดแซ็กสั้นเน้นสัดส่วน โชว์เรียวขา เดินออกจากอพาร์ตเม้นท์
เห็นแม่เดินเข้ามาพอดี
“แม่ แม่มาทำไมเนี่ย”
“ยังมีหน้ามาถาม ก็มาหาแกนั่นแหละ” สุนีย์ ตอบลูกสาว
ไอวี่ทำหน้าเซ็ง “ มีอะไรอีกล่ะ”
“อย่าแกล้งเซ่อนะนังวี่ เดือนนี้แกยังไม่ได้ให้เงินฉันเลยน่ะสิ นังลูกอกตัญญู พ่อก็ป่วย แม่ลำบาก แกก็ไม่สนใจ แถมยังมีความสุขอยู่คนเดียว”
“แม่พูดดี ๆ นะ ฉันมีความสุขที่ไหน นี่ฉันกำลังจะออกไปหางานอยู่นี่ ฉันกำลังตกงาน เงินก็ไม่มี”
สุนีย์กระชากกระเป๋าไอวี่ที่คล้องแขนอยู่
“แล้วนี่อะไรยะ กระเป๋านี่ท่าทางจะแพงไม่ใช่เล่น”
ไอวี่กระชากกระเป๋ากลับ
“ฉันก็แค่ให้ของขวัญตัวเองบ้างก็เท่านั้น ฉันทำงานเหนื่อยนะแม่ แล้วฉันก็ซื้อมาตั้งนานแล้วด้วย”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว แกเป็นลูก แกก็ต้องเลี้ยงดูแม่สิ เอามาเลยเงินเดือนเดือนนี้”
พูดพลางแบมือตรงหน้า ไอวี่ กระฟัดกระเฟียด เปิดกระเป๋า ยื่นเงินส่งให้
“เอ้า ฉันมีแค่นี้”
“ก็แค่นี้แหละ ให้ทวงตั้งนาน”
สุนีย์รับเงินไปเสร็จ ก็ยิ้มเดินอกไปทันที ไอวี่มองตามอย่างขัดใจ
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
จากนั้นไอวี่ ก็เดินเข้ามาในโรงแรมเลอวิมาน พลางมองไปรอบๆ อย่างรู้สึกทึ่ง
“โอ้โห โรงแรมหรูจัง ฉันต้องได้งานนี้”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ศึกรบเดินเข้ามา พนักงานโรงแรมต่างยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ไอวี่หันไปมองจนเหลียวหลัง พลางรีบสาวเท้าเดินตามไป จนถึงหน้าลิฟท์ จะเข้าลิฟท์ตัวเดียวกับศึกรบ แต่พนักงานคนหนึ่งเข้ามากันไว้ แล้วยกมือไหว้
“ขอโทษนะคะ ติดต่อจองห้องพักหรือเปล่าคะ”
“ฉันมาสมัครงานค่ะ”
ไอวี่ตอบเชิดๆ พนักงานมองไอวี่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
ไอวี่ ที่กรอกใบสมัครเสร็จเรียบร้อย กำลังนั่งรอฝ่ายบุคคลสัมภาษณ์อยู่ในห้อง ในขณะที่พัฒนะ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล กำลังคุยกับจริญญา ผู้สมัครอีกคนหนึ่งอยู่
“วุฒิของคุณจริญญาตรงกับที่สมัครเลยนะครับ จบการโรงแรมมาจากสวิสซะด้วย เดี๋ยวผมจะส่งเอกสารให้หัวหน้าพิจารณาต่อนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
จริญญายกมือไหว้พัฒนะแล้วเดินออกไปแบบมั่นใจ ไอวี่แอบมองตามจริญญา ที่ไม่สวย แต่มีรสนิยมแต่งตัวที่ดูดีแบบนักเรียนนอก นึกหมั่นไส้เล็กๆ
“เชิญครับ”
ไอวี่ยิ้มหวานเข้าไปหาพัฒนะ พลางยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาสมัครงานที่ลงประกาศไว้”
พัฒนะรับไหว้ มองไอวี่อย่างตะลึงใจความสวย
“สวัสดีครับ” พลางหยิบใบสมัครมาดู “คุณอรุณวิภาใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
พัฒนะ เปิดเอกสาร สลับกับมองหน้าไอวี่
“มาสมัครตำแหน่งพนักงานต้อนรับ แต่คุณยังเรียนไม่จบปริญญาตรีเลยนี่ครับ เท่ากับคุณต้องใช้วุฒิ ม.6 สมัครนะครับ”
“ค่ะ แต่ว่าอีกสักพักก็จะเรียนจบแล้วนะคะ สมัครไว้ก่อนได้ไหมคะ” ไอวี่พูดอ้อนๆ
“ตำแหน่งนี้คู่แข่งเยอะ อย่างคนเมื่อกี้ก็สมัครตำแหน่งเดียวกับคุณ จบนอกมาซะด้วย อาจจะยากหน่อยนะครับ”
พูดพลาง ก็มองไอวี่ด้วยนัยน์ตาเจ้าชู้
ไอวี่ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง จงใจเผยต้นขาขาว
“ช่วยไอวี่ด้วยเถอะนะคะ ถึงไอวี่จะไม่ได้จบนอก แต่เรื่องงานบริการ ไอวี่ไม่แพ้ใครแน่ค่ะ รับรองแขกติดใจไอวี่แน่ ลองให้ไอวี่ทดสอบกับคุณดูก็ได้ค่ะ จะได้รู้ว่าเก่งจริงหรือเปล่า”
พัฒนะ มองขาไอวี่ ตาไม่กะพริบ
“ ถ้าอย่างนั้นผมจะลองพิจารณาดู แล้วผมจะติดต่อไปนะครับ เบอร์มือถือตามใบสมัครเลยนะครับ”
ไอวี่ แกล้งส่งสายตายั่วยวน พลางโน้มตัวไปข้างหน้า “วี่จะรอค่ะ ขอบคุณค่ะ”
พลางลุกขึ้นยืน พัฒนะรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ ชื่อเล่นไอวี่เหรอครับ”
“ไอวี่ค่ะ คุณ”
“พัฒนะครับ”
“ขอบคุณนะคะคุณพัฒนะ หวังว่าเราจะได้ทำงานที่เดียวกัน”
ไอวี่ยกมือไหว้ พลางยิ้มยั่ว ก่อนจะเดินออกไป พัฒนะมองตามสายตาเจ้าชู้ คล้อยหลังไอวี่ พัฒนะก็หยิบใบสมัครของไอวี่มาดู แล้วหยิบของจริญญาเปรียบเทียบกัน ก่อนที่จะขยำใบสมัครของจริญญาทิ้งถังขยะ
“เป็นไงพี่วี่ ทำสอบได้ไหม”
ป้อม ถามทันทีที่เห็นไอวี่เดินออกมาจากห้องสอบ
“อย่ามายุ่งได้ไหม” ไอวี่หน้าหงิก “ที่ฉันทำไม่ได้ เตรียมสอบไม่ทัน ก็เพราะนายนั่นแหละ”
“ผมก็พยายามเต็มที่แล้ว ผมว่าถ้าพี่วี่ แบ่งเวลาเรียนให้มากขึ้น รับงานให้น้อยลง พี่วี่อาจทำสอบเองโดยไม่ต้องพึ่งใครก็ได้”
ป้อม พูดเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่ที่ฉันทำงาน ก็เพราะต้องหาเงินมาเรียน มาจ่ายค่าเทอมนี่ไง เข้าใจป่ะ”
“ผมหวังดีนะพี่ ถ้ายังไม่เต็มที่กับเรื่องเรียน ปีนี้พี่อาจไม่จบอีก”
“ก็มันทำได้แค่นี้ ไม่จบก็ช่าง ไม่เห็นเดือดร้อนซะหน่อย” ไอวี่ยักไหล่
“ปี 5 แล้วนะพี่วี่ พี่อยากเป็นนักศึกษาไปตลอดรึไง”
ไอวี่ ยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “ เป็นนักศึกษาก็ดี ใครจะรู้ เครื่องแบบนักศึกษา อาจมีประโยชน์กว่าที่คิดก็ได้”
“พี่คิดจะทำอะไร”
“โอ๊ย ถามอยู่ได้ ตอบจนคอแห้งแล้ว ไปซื้อน้ำมาให้กินหน่อยไป ไปดิ”
ไอวี่ ผลักป้อมให้เดินไป พลางรีบเดินหนี ป้อมนึกได้ หันกลับมา
“แล้วจะกินน้ำ.”
ป้อมหันกลับมา ก็ไม่เห็นไอวี่แล้ว
ไอวี่กลับมาที่หอพัก กำลังไขกุญแจห้อง ป้อมวิ่งตามมา
“เดี๋ยวพี่วี่ ทำไมต้องหนีผมด้วย ที่เราพูด เพราะผมไม่อยากเห็นวี่เรียนไม่จบ แต่ถ้าพี่วี่ไม่อยากฟัง
วันหลังผมไม่เตือนก็ได้ ถ้าพี่วี่ไม่ชอบใจอะไร ก็บอกผมตรงๆดิ”
“เข้ามาคุยกันในห้องดีกว่า”
ไอวี่เดินเข้าไปในห้อง ป้อมมองตามอย่างลังเล
“นี่ก็เท่ากับพี่วี่โดนพี่เปี๊ยกแกล้ง ไม่มีโมไหนรับเข้าทำงานเนี่ยนะ”
ป้อมถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ที่ไอวี่เล่าให้ฟัง
ไอวี่พยักหน้า
“ใจเย็นนะพี่วี่ ผมเข้าใจว่างานพี่วี่ เป็นงานสบาย ได้เงินง่าย แต่ที่จริงงานเสิร์ฟแบบผมก็เงินดี ยิ่งถ้าขยันๆ”
ไอวี่ รีบแทรกขึ้นมา
“พอเหอะ ยังไงฉันไม่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ โอเคป่ะ”
“แล้วถ้าพี่วี่ไม่มีงาน จะเอาเงินไหนใช้ล่ะ”
ไอวี่ส่ายหัว ป้อมตัดสินใจ เปิดกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินทั้งหมดในกระเป๋ายื่นให้ไอวี่
“พี่วี่เอาไปใช้ก่อนนะ”
“แล้วนายล่ะ”
ป้อม ยิ้มให้ไอวี่ “ไม่ต้องห่วง ผมยังพอมี”
“ขอบใจนะ ไว้จะคืนให้ละกัน”
“ไม่ต้องคืนหรอก พี่วี่เก็บไว้ใช้เถอะ ผมพอมีเงินเก็บ”
ไอวี่โผเข้ากอดป้อม
“ขอบใจมากนะป้อม มีแต่ป้อมที่คอยช่วยเราเวลาเราลำบาก ขอบใจมาก”
ป้อมจะกอดตอบ แล้วก็เปลี่ยนเป็นตบบ่าเบา ๆ
ไอวี่เดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า เจอนักศึกษาหนุ่มเซอร์ๆ คนหนึ่งเดินสวนกัน พลางส่งยิ้มให้ แต่ไอวี่ เชิดใส่
จากนั้นไอวี่ ก็เดินไปหยุดที่หน้าร้านกระเป๋าแบรนด์เนม เห็นเสี่ยเดินมากับแฟนเด็กรุ่นเดียวกับไอวี่ ถือกระเป๋าเหมือนในร้าน แถมถือของมาอีกเพียบ ไอวี่มองตาม เสี่ยหันมายิ้มให้
“เชิญรับตัวอย่างแชมพูของเราไปใช้ก่อนได้เลยค่ะ วันนี้แจกฟรีนะคะ”
ไอวี่คุ้นเสียง รีบเดินไปดู เห็นเปรี้ยวเป็นพริตตี้ ยืนแจกแชมพูซอง พลางแนะนำลูกค้าอยู่
“แชมพูขจัดรังแคของเราเป็นสูตรใหม่ คุณลูกค้าเชิญทดลองใช้ฟรีก่อน ถ้าพอใจ หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปเลยนะคะ”
ลูกค้ายิ้ม พยักหน้า พลางรับตัวย่างแชมพูซองจากเปรี้ยวไป
“คุณลูกค้า เชิญค่ะ”
เปรี้ยวหันมาเห็นไอวี่ ยืนกอดอก หน้าเหวี่ยงๆ ก็ชะงัก
“วี่”
“ทำไมมีงานแกไม่เรียกฉัน”
ไอวี่ต่อว่าเปรี้ยวทันที ในขณะที่ทั้งคู่ยืนคุยกันที่มุมหนึ่งในห้าง
“ขอโทษนะวี่ ฉัน”
“แกก็รู้ว่าช่วงนี้ฉันไม่มีงาน ไม่มีใครจ้างฉัน นี่แกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่เปล่าวะ”
“ที่จริงฉันก็อยากชวนแก” เปรี้ยวหน้าจ๋อย “แต่นี่มันเป็นงานของพี่เปี๊ยก”
“พี่เปี๊ยก ?” ไอวี่ทวนคำ
“ขอโทษนะวี่ ที่ฉันกลับไปรับงานกับพี่เปี๊ยก แต่ฉันต้องใช้เงินจริงๆ แกอย่าโกรธฉันเลยนะ”
“แกมีงานทำก็ดีแล้ว คนเราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดกันทั้งนั้น แกไม่จำเป็นต้องมาลำบากกับฉันหรอก กลับไปทำงานของแกต่อเถอะ”
พูดจบไอวี่ ก็เดินสะบัดออกไป
“วี่ วี่”
เปรี้ยวพยายามร้องเรียก แต่ไอวี่ ไม่หันกลับ
ไอวี่กลับเข้ามาในหอพัก พลางสะบัดรองเท้าออกจากเท้ากระเด็นไปคนละทาง ก่อนที่จะปากระเป๋าลงบนเตียง แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงย่างหงุดหงิด
“นังเปี๊ยก คิดจะปล่อยข่าวให้ฉันเน่า หางานไม่ได้งั้นเหรอ ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ยังไงมันก็ต้องมีคนที่ไม่เชื่อแกบ้างหรอกน่า
อ่านต่อตอนที่ 9