**ในยุคที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยปัญหาที่หาทางออกไม่เจอ เพราะมีตัวเงินตัวทองขวางทางออกอยู่ ทำให้สถิติความเครียดของคนไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่สังคมควรจะได้เรียนรู้เพื่อให้เท่าทัน และแยกแยะระหว่าง “คนดี” กับ “คนบ้า”ออกจากกันโดยไม่ถูกหลอกให้เชื่อว่า “คนบ้า”เป็น “คนดี” จึงน่าจะได้ศึกษาเกี่ยวกับนิยามของคำว่า “โรคจิต”กันดูหน่อยว่า “คนประเภทใดเข้าข่ายโรคจิต”
นิยามของ “โรคจิตเภท”ในทางการแพทย์ระบุไว้ว่า เป็นโรคทางจิตเรื้อรัง ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมส่วนอาการที่จะแสดงออกฟ้องสายตาชาวโลกถึงอาการป่วยทางจิตแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
**1.อาการนำก่อนป่วย[prodome]
- แยกตัวเล่น ไม่ยุ่งกับใคร
-แปลกประหลาด ไม่สามารถปฏิบัติตนให้สมบทบาทได้ เช่นบทบาทของการเป็นเพื่อน ลูก
-ไม่ดูแลตัวเอง เช่นไม่อาบน้ำ หรือหวีผม
- บุคลิกเปลี่ยนจนเพื่อนสังเกตเห็น
-มีความคิดแปลกๆ
-ห่วงใยรูปร่างหน้าตา ชอบดูกระจก กลัวผิดปกติ
-มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม
**2. อาการทางจิต ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกันได้มาก แม้แต่ผู้ป่วยคนเดียวกัน ต่างเวลาอาการของเขาก็อาจจะแตกต่างกันอาการที่ทำให้ผู้ป่วยพบแพทย์อาการทางจิต ผู้ป่วยจะมีอาการ
- ประสาทหลอน เช่น หูแว่ว ตาฝาด
-ระแวง กลัวคนทำร้าย คิดว่ามีคนสะกดรอยตามปองร้าย แปลความหมายเหตุการณ์รอบตัวผิดจากความเป็นจริง เช่นเพื่อนลูบหน้าแปลว่าหน้าด้านไม่รู้จักอาย
- อาละวาด ทำลายข้าวของ
- พยายามฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายผู้อื่น
-ความสามารถในการดำเนินชีวิตเสื่อมลง
- การเรียนเลวลง หรือเรียนไม่ได้
- การงานบกพร่อง ทำงานไม่ได้เท่าที่เคยทำ เกียจคร้าน
- ความสัมพันธ์กับบุคลอื่นไม่ราบรื่น เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ระแวง คิดแปลเจตนาของผู้อื่นในทางลบ หงุดหงิด
- ไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง ไม่อาบน้ำ ไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่หวีผม ห้องนอนสกปรก
**ลักษณะทั่วไป
ผู้ป่วยจะมีกริยาท่าทางประหลาด แต่งตัวไม่เรียบร้อย สกปรก มีกลิ่นเหมือนไม่อาบน้ำแปรงฟัน การเคลื่อนไหว บางคนหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เคลื่อนไหวน้อย หรือไม่อยู่นิ่ง ลุกลน มีพฤติกรรมทางสังคม เก็บตัว แยกตัว หรือวุ่นวายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ควร นอกจากนี้ในส่วนของการพูดก็มีหลายแบบคือ มีทั้ง พูดจาได้ความดี พูดไม่รู้เรื่อง พูดน้อย หรือไม่พูดเลย
อารมณ์ บางคนสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์อะไร บางรายสีหน้าไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่พูด และบางรายสีหน้าปกติ
สำหรับความคิดของผู้ป่วยโรคจิตจะมีหลากหลาย ดังนี้ ผู้ป่วยบางรายไม่มีความคิดออกมาเลย บางรายมีความคิดหลั่งไหลออกมารวดเร็วและบางคนคิดเหมือนคนปกติ ความคิดมักจะไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องก่อนที่เรื่องกำลังกล่าวจะจบ มีอาการหลงผิด เช่นหวาดระแวงว่าคนจะทำร้าย หูแว่ว ตาฝาด และประสาทหลอน และมักจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารทั้งการรับและการส่ง เช่นโกรธอย่างรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลหรือเฉยไม่ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วย
**คราวนี้ลองมาเทียบเคียงกับพฤติกรรม “ผู้นำหญิงคนแรกของไทย”ตลอดกว่าสองปีที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
1. ทุบสถิติเป็นผู้นำที่ร้องไห้บ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ดังนี้
12 มี.ค.57 น้ำตาคลอเบ้า เสียงสั่นเครือ เมื่อถูกถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นถอดถอนนายกฯ ระบุว่า “เจอมาทุกรูปแบบแล้ว ไม่ว่ากลไกต่าง ๆ อยากขอว่าอย่างน้อยให้เรามีความยุติธรรมในสังคม เรามีหลักเมตตาธรรมที่ให้ทุกคนที่คิดว่าทำเพื่อประเทศ ใครก็ตามที่จะคิดว่าเราทำเพื่อประเทศ ก็อยากให้มองที่เจตนา อย่ามองการใช้กฎหมาย เป็นข้อเพื่อจะลิดรอน เป็นข้อที่จะตัดสิทธิของทุกคนเลย แล้วอย่างนี้เราจะไปด้วยกันลำบาก การพัฒนาประเทศต่าง ๆ ก็ลำบาก เพราะเรามุ่ง มุ่งแต่ว่า ทำทุกอย่างต้องใช้ข้อกฎหมาย ในการจะตัดสิทธิ โดยที่ไม่มองถึงเจนารมณ์อันเบื้องต้น ตรงนี้ต่างหากที่เราคิดว่า เราหวังว่า เราจะได้รับความเข้าใจ แล้วเราจะได้รับการความยุติธรรมแล้วก็เห็นใจ
24 ก.พ.57 น้ำตาคลอ บอกจะอยู่ในตำแหน่งจนวินาทีสุดท้าย เพื่อรักษาประชาธิปไตย
10 ธ.ค.56 คำถาม “อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมบ้างไหมคะว่ามีเหตุผลอะไรถึงขนาดต้องขับไล่คนตระกูลชินวัตรออกนอกประเทศ(น้ำตาคลอ) ดิฉันไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกได้ฟังมาตลอดจากการร้องขอของผู้ชุมนุ การที่กล่าวถึงทั้งตระกูลนั้น ดิฉันก็ถือว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน ถึงขนาดจะไม่ให้เหยียบแผ่นดินไทยเลยหรือ เราจะเป็นกันอย่างนี้หรือ ดิฉันก็ถอยจนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว ก็ขอความเป็นธรรมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
หลังเธอน้ำตาคลอไม่ถึงนาที เธอสะบัดบ็อบหันมายิ้มให้ทีมงานที่เดินตาม
30 พ.ย.56 น้ำตาคลอเบ้า อ้างลูกถูกเป่านกหวีดไล่ “หัวอกคนเป็นแม่ ลงที่แม่เถอะค่ะ อย่าทำกับเด็กเลย” สุดท้ายผู้บริหารโรงเรียนแถลงการณ์ไร้เหตุเป่านกหวีดใส่ลูกนายก
18 พ.ค.55 น้ำตาคลอสงสารเด็กบดินทรเดชา ถูกตัดสิทธิไม่ให้เรียน ม.4 หลังผู้ปกครองยื่นเรื่องร้องเรียน
7 พ.ค.55 มีอาการตาแดงตัดพ้อน้อยใจสื่อนำเสนอข่าวของแพงประชาชนคิดไปเอง อ้าง ไม่ได้พูดว่าประชาชนคิดไปเองว่าราคาสินค้าแพง แต่เนื่องจากการขนส่งและสินค้าในช่วงฤดูกาลจึงทำให้รู้สึกว่าของแพงเท่านั้น
1 ก.พ.55 น้ำตาคลอเมื่อถูกถามว่าฝ่ายค้านท้าให้รับผิดชอบหากกฎหมายเงินกู้สองล้านล้านขัด รธน. ระบุ “ดิฉันไม่ขอพูดเรื่องความท้าทาย เพราะวันนี้เราไม่ได้อยู่ในลักษณะของการท้าทายและใช้ทิฐิต่อกัน แต่สิ่งที่ต้องการคือการกอบกู้เศรษฐกิจกับประเทศ ดิฉันว่าเราไม่มีเวลาแล้วที่จะมาต่อสู้กันแบบนี้”ปฏิเสธไม่ได้ร้องไห้ บอกว่าอารมณ์ดี เมื่อถูกถามถึงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพที่ปัตตานี เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ตอบสั้น ๆ ว่า “วันนี้อารมณ์ดี” แต่ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน
13 พ.ย.54 ยืนยันไม่ได้ร้องไห้ที่นครสวรรค์ แค่น้ำตาคลอสงสารประชาชนประสบอุทกภัย
10 พ.ย.54 บอกผู้สื่อข่าวระหว่างโดยสารรถเมล์ ขสมก.สาย 32 ไปร่วมประชุมที่รัฐสภาว่า “ตรงนี้ไม่ได้เรียกว่าร้องไห้ออกมาจากความอ่อนแอ แต่เป็นน้ำตาที่เป็นอารมณ์ร่วมเมื่อเห็นประชาชนเป็นทุกข์”
7 พ.ย.54 น้ำตาคลอ เสียงสั่นเครือ หลังเยี่ยมผู้ประสบอุทักภัยที่ชุมนุมท่าทราย หลังมีการประเมินว่ารัฐบาลสอบตกแก้ปัญหาน้ำท่วม บอก “ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน”
5 พ.ย.54 ยิ่งลักษณ์ร้องไห้ อ้างซึ้งใจคนอยุธยาให้กำลังใจบริหารประเทศหลังถูกด่าแก้น้ำท่วมไม่ได้
4 พ.ย.54 หลั่งน้ำตาในวันที่ญาติเหยื่อแดงเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล แต่พฤติกรรมผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้คนฆ่า โกง เผา
27 ต.ค.54 ร้องไห้ขณะตอบคำถามสื่อมวลชนที่ ศปภ. หลังน้ำทะลักเข้ากรุงเทพ
**ล่าสุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกอาการซุ่มซ่ามก้าวพลาดร่วงจากรถนั่งก้นจ้ำเบ้า เพราะรีบร้อนจะไปโซ้ยก๋วยเตี๋ยวน่าเวทนานัก เวรกรรมประเทศไทย มีนายกฯเจ้าน้ำตาและเลอะเทอะได้ทุกที่ทุกเรื่อง แถมส่อว่าจะ “บ้า”อีกด้วย !
เรื่องที่สังคมควรจะได้เรียนรู้เพื่อให้เท่าทัน และแยกแยะระหว่าง “คนดี” กับ “คนบ้า”ออกจากกันโดยไม่ถูกหลอกให้เชื่อว่า “คนบ้า”เป็น “คนดี” จึงน่าจะได้ศึกษาเกี่ยวกับนิยามของคำว่า “โรคจิต”กันดูหน่อยว่า “คนประเภทใดเข้าข่ายโรคจิต”
นิยามของ “โรคจิตเภท”ในทางการแพทย์ระบุไว้ว่า เป็นโรคทางจิตเรื้อรัง ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมส่วนอาการที่จะแสดงออกฟ้องสายตาชาวโลกถึงอาการป่วยทางจิตแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
**1.อาการนำก่อนป่วย[prodome]
- แยกตัวเล่น ไม่ยุ่งกับใคร
-แปลกประหลาด ไม่สามารถปฏิบัติตนให้สมบทบาทได้ เช่นบทบาทของการเป็นเพื่อน ลูก
-ไม่ดูแลตัวเอง เช่นไม่อาบน้ำ หรือหวีผม
- บุคลิกเปลี่ยนจนเพื่อนสังเกตเห็น
-มีความคิดแปลกๆ
-ห่วงใยรูปร่างหน้าตา ชอบดูกระจก กลัวผิดปกติ
-มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม
**2. อาการทางจิต ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกันได้มาก แม้แต่ผู้ป่วยคนเดียวกัน ต่างเวลาอาการของเขาก็อาจจะแตกต่างกันอาการที่ทำให้ผู้ป่วยพบแพทย์อาการทางจิต ผู้ป่วยจะมีอาการ
- ประสาทหลอน เช่น หูแว่ว ตาฝาด
-ระแวง กลัวคนทำร้าย คิดว่ามีคนสะกดรอยตามปองร้าย แปลความหมายเหตุการณ์รอบตัวผิดจากความเป็นจริง เช่นเพื่อนลูบหน้าแปลว่าหน้าด้านไม่รู้จักอาย
- อาละวาด ทำลายข้าวของ
- พยายามฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายผู้อื่น
-ความสามารถในการดำเนินชีวิตเสื่อมลง
- การเรียนเลวลง หรือเรียนไม่ได้
- การงานบกพร่อง ทำงานไม่ได้เท่าที่เคยทำ เกียจคร้าน
- ความสัมพันธ์กับบุคลอื่นไม่ราบรื่น เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ระแวง คิดแปลเจตนาของผู้อื่นในทางลบ หงุดหงิด
- ไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง ไม่อาบน้ำ ไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่หวีผม ห้องนอนสกปรก
**ลักษณะทั่วไป
ผู้ป่วยจะมีกริยาท่าทางประหลาด แต่งตัวไม่เรียบร้อย สกปรก มีกลิ่นเหมือนไม่อาบน้ำแปรงฟัน การเคลื่อนไหว บางคนหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เคลื่อนไหวน้อย หรือไม่อยู่นิ่ง ลุกลน มีพฤติกรรมทางสังคม เก็บตัว แยกตัว หรือวุ่นวายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ควร นอกจากนี้ในส่วนของการพูดก็มีหลายแบบคือ มีทั้ง พูดจาได้ความดี พูดไม่รู้เรื่อง พูดน้อย หรือไม่พูดเลย
อารมณ์ บางคนสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์อะไร บางรายสีหน้าไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่พูด และบางรายสีหน้าปกติ
สำหรับความคิดของผู้ป่วยโรคจิตจะมีหลากหลาย ดังนี้ ผู้ป่วยบางรายไม่มีความคิดออกมาเลย บางรายมีความคิดหลั่งไหลออกมารวดเร็วและบางคนคิดเหมือนคนปกติ ความคิดมักจะไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องก่อนที่เรื่องกำลังกล่าวจะจบ มีอาการหลงผิด เช่นหวาดระแวงว่าคนจะทำร้าย หูแว่ว ตาฝาด และประสาทหลอน และมักจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารทั้งการรับและการส่ง เช่นโกรธอย่างรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลหรือเฉยไม่ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วย
**คราวนี้ลองมาเทียบเคียงกับพฤติกรรม “ผู้นำหญิงคนแรกของไทย”ตลอดกว่าสองปีที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
1. ทุบสถิติเป็นผู้นำที่ร้องไห้บ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ดังนี้
12 มี.ค.57 น้ำตาคลอเบ้า เสียงสั่นเครือ เมื่อถูกถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นถอดถอนนายกฯ ระบุว่า “เจอมาทุกรูปแบบแล้ว ไม่ว่ากลไกต่าง ๆ อยากขอว่าอย่างน้อยให้เรามีความยุติธรรมในสังคม เรามีหลักเมตตาธรรมที่ให้ทุกคนที่คิดว่าทำเพื่อประเทศ ใครก็ตามที่จะคิดว่าเราทำเพื่อประเทศ ก็อยากให้มองที่เจตนา อย่ามองการใช้กฎหมาย เป็นข้อเพื่อจะลิดรอน เป็นข้อที่จะตัดสิทธิของทุกคนเลย แล้วอย่างนี้เราจะไปด้วยกันลำบาก การพัฒนาประเทศต่าง ๆ ก็ลำบาก เพราะเรามุ่ง มุ่งแต่ว่า ทำทุกอย่างต้องใช้ข้อกฎหมาย ในการจะตัดสิทธิ โดยที่ไม่มองถึงเจนารมณ์อันเบื้องต้น ตรงนี้ต่างหากที่เราคิดว่า เราหวังว่า เราจะได้รับความเข้าใจ แล้วเราจะได้รับการความยุติธรรมแล้วก็เห็นใจ
24 ก.พ.57 น้ำตาคลอ บอกจะอยู่ในตำแหน่งจนวินาทีสุดท้าย เพื่อรักษาประชาธิปไตย
10 ธ.ค.56 คำถาม “อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมบ้างไหมคะว่ามีเหตุผลอะไรถึงขนาดต้องขับไล่คนตระกูลชินวัตรออกนอกประเทศ(น้ำตาคลอ) ดิฉันไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกได้ฟังมาตลอดจากการร้องขอของผู้ชุมนุ การที่กล่าวถึงทั้งตระกูลนั้น ดิฉันก็ถือว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน ถึงขนาดจะไม่ให้เหยียบแผ่นดินไทยเลยหรือ เราจะเป็นกันอย่างนี้หรือ ดิฉันก็ถอยจนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว ก็ขอความเป็นธรรมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
หลังเธอน้ำตาคลอไม่ถึงนาที เธอสะบัดบ็อบหันมายิ้มให้ทีมงานที่เดินตาม
30 พ.ย.56 น้ำตาคลอเบ้า อ้างลูกถูกเป่านกหวีดไล่ “หัวอกคนเป็นแม่ ลงที่แม่เถอะค่ะ อย่าทำกับเด็กเลย” สุดท้ายผู้บริหารโรงเรียนแถลงการณ์ไร้เหตุเป่านกหวีดใส่ลูกนายก
18 พ.ค.55 น้ำตาคลอสงสารเด็กบดินทรเดชา ถูกตัดสิทธิไม่ให้เรียน ม.4 หลังผู้ปกครองยื่นเรื่องร้องเรียน
7 พ.ค.55 มีอาการตาแดงตัดพ้อน้อยใจสื่อนำเสนอข่าวของแพงประชาชนคิดไปเอง อ้าง ไม่ได้พูดว่าประชาชนคิดไปเองว่าราคาสินค้าแพง แต่เนื่องจากการขนส่งและสินค้าในช่วงฤดูกาลจึงทำให้รู้สึกว่าของแพงเท่านั้น
1 ก.พ.55 น้ำตาคลอเมื่อถูกถามว่าฝ่ายค้านท้าให้รับผิดชอบหากกฎหมายเงินกู้สองล้านล้านขัด รธน. ระบุ “ดิฉันไม่ขอพูดเรื่องความท้าทาย เพราะวันนี้เราไม่ได้อยู่ในลักษณะของการท้าทายและใช้ทิฐิต่อกัน แต่สิ่งที่ต้องการคือการกอบกู้เศรษฐกิจกับประเทศ ดิฉันว่าเราไม่มีเวลาแล้วที่จะมาต่อสู้กันแบบนี้”ปฏิเสธไม่ได้ร้องไห้ บอกว่าอารมณ์ดี เมื่อถูกถามถึงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพที่ปัตตานี เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ตอบสั้น ๆ ว่า “วันนี้อารมณ์ดี” แต่ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน
13 พ.ย.54 ยืนยันไม่ได้ร้องไห้ที่นครสวรรค์ แค่น้ำตาคลอสงสารประชาชนประสบอุทกภัย
10 พ.ย.54 บอกผู้สื่อข่าวระหว่างโดยสารรถเมล์ ขสมก.สาย 32 ไปร่วมประชุมที่รัฐสภาว่า “ตรงนี้ไม่ได้เรียกว่าร้องไห้ออกมาจากความอ่อนแอ แต่เป็นน้ำตาที่เป็นอารมณ์ร่วมเมื่อเห็นประชาชนเป็นทุกข์”
7 พ.ย.54 น้ำตาคลอ เสียงสั่นเครือ หลังเยี่ยมผู้ประสบอุทักภัยที่ชุมนุมท่าทราย หลังมีการประเมินว่ารัฐบาลสอบตกแก้ปัญหาน้ำท่วม บอก “ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน”
5 พ.ย.54 ยิ่งลักษณ์ร้องไห้ อ้างซึ้งใจคนอยุธยาให้กำลังใจบริหารประเทศหลังถูกด่าแก้น้ำท่วมไม่ได้
4 พ.ย.54 หลั่งน้ำตาในวันที่ญาติเหยื่อแดงเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล แต่พฤติกรรมผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้คนฆ่า โกง เผา
27 ต.ค.54 ร้องไห้ขณะตอบคำถามสื่อมวลชนที่ ศปภ. หลังน้ำทะลักเข้ากรุงเทพ
**ล่าสุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกอาการซุ่มซ่ามก้าวพลาดร่วงจากรถนั่งก้นจ้ำเบ้า เพราะรีบร้อนจะไปโซ้ยก๋วยเตี๋ยวน่าเวทนานัก เวรกรรมประเทศไทย มีนายกฯเจ้าน้ำตาและเลอะเทอะได้ทุกที่ทุกเรื่อง แถมส่อว่าจะ “บ้า”อีกด้วย !